ตอนที่ 2
ครึ่งหลัง
“ตามกูมานี่” เสียงเรียกทุ้มเข้มของรามินทร์ดังออกมาตรงหน้าโรงอาหารสำหรับคนงานที่มีอินทัชนั่งทานข้าวอยู่กับป้ารีและแผนกครัวอีกหลายคน ใบหน้าสวยของร่างสูงโปร่งแหงนมองคนที่เดินมาประชิดตัว คนงานในนั้นต่างพากันลุกทำความเคารพ ยกเว้นเขาที่ยังคงนั่งอยู่
“กูเพิ่งได้กินข้าว”
“แล้วไง กูก็เห็นมึงกินไปแล้ว แค่นี้พอ”
“ไม่ได้ กูต้องกินให้หมด มึงไม่เสียดายข้าวที่ชาวนาเขาอุตส่าห์ลำบากให้เราได้กินหรือไง ที่สำคัญมันทำลายพลังงานของโลกด้วย มึงนี่อย่าเอาแต่ใจให้มันมากนักจะได้ไหม”
“ปากดี นี่เป็นคำสั่งของกู ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้” เขาเพิ่มน้ำเสียงให้ดังขึ้นไปอีก
ไม่รู้หรอกว่าเป็นการหักหน้าร่างโปร่งมากแค่ไหน อินทัชมองไปทางไหนก็พบว่าสายตาทุกคู่กำลังมองเขาอย่างสนอกสนใจ บางคนก็ซุบซิบนินทา บางคนก็หันไปถามคนข้างๆ
“มึงนี่มัน…”
“ลุก!!!” สั่งเสียงดัง จนคนงานที่ไม่เคยเห็นอารมณ์ด้านนี้ของเจ้านายถึงกับสะดุ้งสุดตัว ต่างคนต่างกลัวและเป็นกังวล อินทัชไม่อยากให้ใครรู้เรื่องราวไปมากกว่านี้จึงลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แต่จากนี้ทุกคนคงเข้าใจว่าอินทัชเป็นแขกของเจ้านายของตนไม่ได้แล้ว
เพราะร่างสูงแสดงออกทั้งการกระทำและสีหน้าว่าเกลียดอินทัชมากเพียงใด
“เออ!! จะไปไหนก็พาไป”
“ป้ารีไม่ต้องล้างจานของคนงานนะครับ เดี๋ยวผมจะให้มันมาล้าง” รามินทร์หันไปสั่งป้ารี ซึ่งเธอก็รีบพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้
ถึงไม่อยากจะรับเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่รามินทร์เป็นเจ้านาย เธอก็ไม่อาจที่จะคัดค้านอะไรที่เป็นคำสั่งของผู้เป็นนายได้ทั้งนั้น
“ค่ะ คุณท่าน”
“ส่วนมึงตามกูมา”
ร่างโปร่งเดินตามร่างสูงไปอย่างไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ข้าวเช้าก็ได้ทานแค่สองสามคำ
รามินทร์นำอีกคนมาที่กำลังก่อสร้างใกล้ๆ กับตัวรีสอร์ทซึ่งร่างโปร่งดูโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างนั้นก็เข้าใจทันทีว่ากำลังสร้างอะไรบางอย่างอยู่ แต่ไม่น่าจะขยายห้องพักแน่นอน เพราะไม่ค่อยมีแขกมาพักเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่เทศกาล เขาเลยไม่สามารถที่จะหนีหรือให้คนช่วยได้เลย
“นี่คืองานของมึงวันนี้ ทั้งวันมึงต้องช่วยคนงานก่อสร้างพวกนี้ทำงาน”
“ห๊ะ!! มึงจะบ้าหรือไง!!! กูเคยทำงานแบนี้ที่ไหนกันวะ” อินทัชโวยวาย
รามินทร์มองหน้าหวานของร่างโปร่งก็แสยะยิ้มร้าย เอ่ยออกมาเสียงเย็น
“ถามความสมัครใจมึงสักคำหรือยัง กูสั่งมึงก็ต้องทำ อ้อ!! แล้วมึงก็ต้องมาทำทุกวันจนกว่างานจะเสร็จนะเข้าใจนะ แล้วกูก็จะใจดีให้มึงมีรายได้ เอาไว้ซื้อของใช้ของมึงไป วันละ 200 บาท”
“ว่าไงนะ!!! นี่มันเกินไปแล้ว ทำงานหนักฉิบหายแต่ให้กูวันละ 200 กูไม่ทำ!!”
“มึงเป็นใคร แล้วกูเป็นใคร ถ้ายังอยากกลับไป ก็ต้องรีบชดใช้ให้กูซะ!!” ร่างสูงขึ้นเสียงขึ้นเรื่อยๆ เพราะอินทัชเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
เมื่อวานทำเป็นว่าง่าย แต่ตอนนี้...
สันดานโผล่แล้วสิ หึ...
“มึงแม่งโคตรเลว โคตรชั่ว และโคตรไม่มีเหตุผลเลยว่ะ”
“ถ้าอย่างกูเลว อย่างมึงล่ะไอ้อิน”
“อย่างกูทำไม กูเคยทำอะไรให้ใคร มีแต่มึงกับน้องสาวของมึงนั่นแหละที่ยัดเยียดความผิดมาให้กู”
ให้มาทำงานก่อสร้างที่ไม่เคยทำ และไม่คิดจะทำเนี่ยนะ!!
“ใช่!! กูยัดเยียด ทำงานไปซะ กูไม่ได้ว่างมายืนเถียงมึงทั้งวันนะ”
“งั้นมึงก็ไปสิ ไปให้พ้นๆ หน้ากู และอย่าหวังว่ากูจะทำงานเหนื่อยๆ แบบนี้ด้วย ให้กูปลูกผัก ทำอะไรก็ช่าง แต่ไม่ใช่งานก่อสร้าง ยกหามแบบนี้!!!”
“แต่มึงต้องทำ ถ้ายังอยากมีเงินไว้ใช้ระหว่างที่ยังอยู่ที่นี่”
“กูไม่ทำ มึงกับน้องมึงนี่นิสัยเหมือนกันดีนะ คนหนึ่งก็มาโวยวายบังคับจะคบกับกูให้ได้ ส่วนพี่ชายก็บังคับให้กูทำที่ต้องการให้ได้ ถามจริง พ่อแม่ไม่ได้สั่งสอนหรือไง”
ผลั่วะ!!
ตุบ!!!
ร่างโปร่งของอินทัชล้มลงไปก้นกระแทกกับพื้นหยาบๆ อย่างแรง ใบหน้าขาวสวยหันไปตามแรงกระแทกจากกำปั้นหนักหน่วง โพรงปากรู้สึกถึงความคาวของเลือด ความเจ็บแล่นปราดไปทั่วทั้งใบหน้า แต่ก็ยังค้างใบหน้าอยู่แบบนั้น ไม่หันมามองคนที่ยืนมองเขาด้วยสายตาที่โกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
“จำไว้! อย่าปากดีกับกู แล้วก็อย่าลามปามถึงน้องสาวกู เพราะกูรักเขามาก ที่สำคัญ...มึงแตะพ่อแม่ของกูอีกครั้ง กูฆ่ามึงแน่!!!” ร่างสูงเดินจากไปด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ไม่เหลียวมองคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงนั่งหน้าชาอยู่กับพื้นหยาบ
รามินทร์ไม่มีทางได้เห็นแววตานี้ของอินทัช
เพราะแววตานี้ จะออกมาก็ต่อเมื่อ...เขาโกรธแบบสุดๆ โกรธมาก ถ้าหากว่าไม่มีสติยั้งคิดล่ะก็
อินทัช...คงได้ชื่อว่าเป็น ฆาตกรแน่ๆ
“มึง...มึงที่นั่งอยู่นั่นแหละ มาทำงานได้แล้ว อย่ากินแรงชาวบ้าน” เสียงแหบๆ ของชายคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในคนงานก่อสร้างเรียกให้เจ้าของใบหน้าหวานที่มุมปากช้ำ โหนกแก้มก็ช้ำเพราะแรงต่อยของรามินทร์หันมองหน้าคนเรียกทันทีที่มีสติ
“อือ”
“เร็วๆ อย่าอืดอาด ทำตัวอย่างกับเป็นคุณชาย ไปยกทรายมาแล้วผสมปูนซะ”
“ทำไม่เป็น”
“ว่าไงนะ!!”
“ก็บอกว่าทำไม่เป็น ต้องให้พูดซ้ำอีกรอบไหม!!”
“ไอ้นี่ปากดีจริง สมแล้วที่คุณรามท่านต่อยจะหมอบขนาดนั้น”
“อย่าพูดถึงมันจะได้ไหม”
“ไอ้นี่ไม่รู้จักกาลเทศะ เขาเป็นเจ้านาย ไปเรียกท่านว่ามันได้ยังไงวะ”
“ก็กูไม่ได้นับมันว่าเป็นเจ้านายนี่หว่า ทำอย่างกับว่ากูอยากจะทำงั้นแหละ ไอ้ควายเอ้ย!!!” ร่างโปร่งหันไปสบถข้างๆ ด้วยความโมโห
ยิ่งคิดยิ่งแค้น
“แต่มึงก็ต้องทำ เพราะมีคำสั่งแบบนั้นแล้วนี่ คุณรามเป็นคนจริงจังก็จริง แต่ไม่เคยเห็นท่านทำกับใครเหมือนที่ทำกับมึงเลย แสดงว่าท่านต้องเกลียดมึงมากแน่ๆ”
“แล้วไง อยากเกลียดก็เกลียดไป ถ้ากูกลับบ้านได้เมื่อไหร่ กูจะแจ้งตำรวจ ฮึ่ย!!”
“ข้อหาอะไรวะ” หนุ่มก่อสร้างคนนี้ยังคงถามต่อไป ในสมองก็เริ่มไตร่ตรองสถานการณ์ที่เห็นทันที
“เรื่องของกู!!”
บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะยังไงคนอย่างรามินทร์ก็เป็นที่รักของคนที่ทำงานอยู่แล้วนี่
ลูกน้องรักและจงรักภักดีขนาดนี้
“งั้นมึงก็ไปทำงานซะ เงินรับเป็นรายวัน เลิกงาน 5 โมงเย็น จะเจอกันที่โต๊ะหินอ่อนตรงนั้น หัวหน้าจะมาจ่ายเงินให้กับทุกๆ คน แล้วก็นะ ถ้ามึงทำงานไม่เป็นจริงๆ กูจะสอนให้ แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องสอน เพราะมันเป็นงานใช้แรงไม่ได้ให้ใช้สมอง”
อินทัชมองหน้าผู้ชายคนนั้นนิ่งๆ อย่างสำรวจ ผิวคร้ามแดด ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวและป่าเถื่อน ทั้งหนวดทั้งเครา แต่ถ้าลองจ้องและสังเกตดีๆ ผู้ชายคนนี้ จัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาดี ทั้งร่างกายที่กำยำ ความสูงพอๆ กับเขาแท้ๆ แต่ร่างกายกลับดูมีความแข็งแรงมากกว่า
“เออ...จะให้ทำอะไรก็บอกมา”
“ว่าง่ายแบบนี้ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย”
ร่างโปร่งเงียบ ยกหลังมือเช็ดเหงื่อของตัวเองเบาๆ
“กูชื่อจักร มึงล่ะ”
สาบานว่านั่นคือการถามชื่อไม่ใช่การหาเรื่อง
“อิน”
“เป็นคนพูดน้อยหรือไง เมื่อกี้ยังเห็นเถียงฉอดๆ”
“เรื่องของกู”
“เออๆ ตามกูมา กูจะพาไปผสมปูนสำหรับก่อ ตามมา”
“อือ”
คนตัวขาวเดินตามคนผิวคล้ำมาที่พื้นที่สำหรับผสมปูน ก่อนจะสอนให้อินทัชทำตามตน ซึ่งร่างโปร่งก็ตั้งใจฟังอย่างดร จะได้ไม่ต้องถามอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนที่จักรจะปล่อยให้เขาทำงานต่อไปคนเดียว ส่วนคนตัวเข้มนั้นก็เดินไปยกอิฐ ยกปูนลงจากรถที่มาส่งของ
ตลอดทั้งวันเขาอดทนทำงานอย่างยากลำบาก เหนื่อยก็เหนื่อย ไหนจะต้องมาเป็นคนที่ต้องถูกสั่งอีก คุณชายอย่างอินทัช ถ้าไม่ได้มาลองเองแบบนี้ก็ไม่มีทางเข้าใจว่าอาชีพนี้มันลำบากขนาดไหน
“เฮ้ย!! ไอ้หน้าอ่อน ไปยกปูนมาอีกดิ๊ เร็วๆ”
“เอาหินมาด้วย”
“ผสมปูนเร็วๆ สิวะ”
“นั่นๆ ปูนหมดแล้ว ไปแบกมาจากตรงนั้น ให้ไวเลยๆ”
และอีกสารพัดการใช้งานเขา ร่างกายที่ไม่เคยทำงานหนักมาก่อนเริ่มอ่อนเพลียเปลี้ยแรง เหงื่อไหลเต็มร่างกายจนอยากจะอาบน้ำเต็มแก่ ความรู้สึกเหมือนว่าโลกมันสั่นคลอน เวียนหัว และอยากจะอาเจียน
เขาได้พักกลางวันแค่ 5 นาที ทานข้าวได้ไม่ถึง 5 คำก็ถูกเรียกให้ไปทำงานเร่งด่วน แต่จริงๆ แล้วก็ไม่น่าจะเร่งด่วนอะไรมาก อินทัชคิดว่า คนเป็นเจ้านายอย่างรามินทร์สั่งมาไม่ให้เขาได้กินข้าวเปล่าๆ
“เฮ้อ...”
ระหว่างที่ใบหน้าขาวใสที่เริ่มจะคล้ำเพราะตากแดดนานถอนหายใจระหว่างล้างเก็บอุปกรณ์ให้เข้าที่ อยากจะกลับไปอาบน้ำนอนเต็มทีแล้ว
“เป็นไงบ้างวะ ใกล้ตายยัง” จักรเดินเข้ามาถามร่างขาว
“ก็อย่างที่เห็น...กูไม่ได้ตาย”
“หึหึ...มึงนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกัน ท่าทางเหมือนจะเป็นคุณชายแท้ๆ แต่ทำงานหนักขนาดนี้ยังไม่ปริปากบ่นสักคำ อึดดีนะมึง”
“เหรอ...แต่มึงก็ควรจะรู้เอาไว้ ว่าคนเรามันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน” เสียงทุ้มอ่อนๆ ของอินทัชพึมพำออกมาเบาๆ
“ช่างมันเถอะ เสร็จหรือยัง จะได้ไปรอเอาตังค์”
“เสร็จแล้ว”
“งั้นตามกูมา”
อินทัชเดินตามอีกคนอย่างไม่อิดออด เพราะเวลานี้ 5 โมงเย็นกว่าๆ ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เขาจะได้กลับไปอาบน้ำพักผ่อนเสียที
ระหว่างที่ยืนรอคนมาจ่ายเงิน จักรก็หันไปคุยกับเพื่อนๆ คนงานก่อสร้างอย่างเมามันส์ ส่วนเขาก้ยืนเงียบอยู่คนเดียวเหมือนเดิม
ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา
และจะไม่มีวันใช่...
“ที่นี่จะทำอะไรวะ” อินทัชถามเมื่อจักรเดินมาหาเขาที่กำลังยืนเหงาอยู่คนเดียว
“มึงทำงานประสาอะไรไม่รู้ว่าเจ้านายจะทำอะไร” กลายเป็นโดนตำหนิเสียงั้น
“กูจะไปรู้ไหมล่ะ ก็โดนบังคับมานี่แหละ”
“คุณรามจะทำที่ให้คนงานใช้พักผ่อนเวลาว่างงานน่ะ”
“อ้อ!”
ทำเป็นพ่อพระ ชิ!!
“เห็นว่าจะเป็นห้องแอร์ทั้งหมด คนงานพากันดีใจใหญ่ที่จะได้พักในห้องแอร์บ้าง”
“ก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น”
เพราะนอกจากห้องพักในรีสอร์ทแล้วก็ไม่มีส่วนไหนมีแอร์เลยสักนิด ยกเว้นบ้านพักของรามินทร์เอง ร่างสูงตระหนักถึงความสำคัญในจุดๆ นี้เลยคิดอยากจะให้คนงานของตนได้มีโอกาสได้พักสบายๆ ในห้องแอร์บ้าง แม้ว่าจะเป็นวันละไม่กี่ชั่วโมงก็ตามแต่
“จะเสร็จประมาณเท่าไหร่”
“เกือบ 2 เดือนล่ะมั้ง คนงานเราเยอะอยู่ คงจะเสร็จไว” จักรตอบ “นั่น...คุณจอม เร็วๆ ไอ้อิน ว่าที่เมียกูมาแล้ว” ร่างสูงของจักรรีบวิ่งไปยังโต๊ะม้านั่งที่มีผู้ชายตัวเล็กๆ นั่งลงอยู่ด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร
แม้จะไม่ได้หน้าหวานเหมือนกับอินทัช แต่ก็หล่อน่ารักไปอีกแบบ
ใช่...คุณจอมที่จักรมันรีบวิ่งไปนั้น เป็นผู้ชาย
“ว่าที่...เมีย” ร่างโปร่งพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินขมวดคิ้วตามจักรไป
ไอ้นี่มันเป็นพวกหมาวัด คิดจะเด็ดดอกฟ้างั้นหรือวะ!!
ถ้าถามว่าทำไมอินทัชรู้ ก็ดูแค่การแต่งกายของคนชื่อจอม ก็รู้แล้วว่าเป็นคนมีฐานะพอตัว
ระหว่างที่จอมกำลังจ่ายเงินให้กับคนงานทุกคนที่อินทัชสังเกตเห็นว่าได้กับคนละ 400 บาทกว่าๆ นั้นก็ถึงกับขมวดคิ้ว
ไหนว่าได้ 200 บาท...
“สวัสดีครับคุณจอม”
“นาย...อ่ะ เอาไป แล้วกลับไปพักซะ” คนตัวเล็กยื่นเงินให้ก่อนจะไล่ด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ที่เจอกับคนที่ไม่อยากจะเห็นหน้าที่สุด แต่ก็ต้องเจอทุกวันอย่างช่วยไม่ได้
“อะไรกันครับ เป็นห่วงผมด้วยหรือไง”
“อย่ามาพูดแบบนี้กับฉันนะนายจักร รับเงินแล้วก็กลับไปซะ”
“แหม...ผมยังไม่หายคิดถึงคุณจอมเลย ขอมองให้ชื่นใจก่อนได้ไหมครับ”
อินทัชล่ะอยากจะอ้วกกับการจีบหนุ่มของจักรเสียจริงๆ คนอะไร ไม่มีชั้นเชิงในการจีบคนเลย ใครบ้างจะมาจีบคนที่ชอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา คนที่หน้าโหดๆ แล้วก็มาพูดจีบด้วยท่าทางกวนประสาทๆ แบบนี้
จีบติดกูนี่ขอทิ้งตำแหน่งคาสโนว่าให้เลย
“มองแล้วก็รีบกลับไปซะ มีคนต่อคิวด้านหลังนายอีกคนนะ”
แน่นอนว่าอินทัชเป็นคนสุดท้าย จักรกันมามองนิดๆ ก่อนจะหันกลับปิ้มกวนประสาทให้กับคนตัวเล็กแล้วพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ไม่เป็นไร มันรอได้”
“แต่กูไม่รอ”
ร่างโปร่งบางผลักร่างหนาที่มีส่วนสูงพอๆ กันออกไปให้พ้นทางก่อนจะเดินไปยืนตรงหน้าหนุ่มน่ารักคนนั้น
“ชื่ออะไรครับ”
“อินทัชครับ”
“อ้อ! พี่รามบอกว่าให้ผมจ่ายพี่ 200 บาท อย่าโกรธผมนะครับ ผมทำตามหน้าที่” นั่นไง คิดแล้วไม่มีผิด
ไอ้ห่าราม...มันคิดจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม
“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไงก็ได้” ร่างสูงโปร่งยิ้มน้อยๆ จนคนตัวเล็กอย่างจอมถึงกับเขินหน้าแดง จักรที่มองอยู่นานก็ได้แต่ทำหน้าไม่พอใจ
เขาป้อมาตั้งหลายปี ไม่ติด แต่อินทัชยิ้มนิดเดียว ถึงกับเขิน
เออ!! เขามันไม่หล่อนี่...
“จอมรู้สึกผิดจัง” คนที่คาดว่าเด็กกว่าเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดจริงๆ จนร่างขาวต้องส่ายหน้ายิ้มๆ
“อย่ารู้สึกผิดเลยครับ คุณทำดีแล้ว”
“จอมเรียกพี่ว่าพี่อินได้ไหมครับ”
“ด่ะ...” ยังไม่ทันที่อินทัชจะตอบ คนตัวใหญ่กว่าอย่างจักรก็เข้ามาขวาง ขั้นกลางระหว่างทั้งคู่ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างที่สุด
“ผมล่ะครับ กับผมที่รู้จักคุณมาเป็นปี แต่ไอ้อินคุณเพิ่งจะเคยเห็นหน้ามัน ทำไมถึงได้สนใจมันมากกว่าผม เพราะมันหน้าตาดีกว่า ขาวกว่า หรือว่าอะไรล่ะครับ” จักรถามอีกคนอย่างเอาเรื่องและจริงจัง จนจอมต้องมองหน้าคนพูดอย่างไม่เข้าใจ
“นี่...ถอยไปเลยนะ ฉันจะคุยกับพี่อิน”
จักรถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ไม่มีใครรู้หรอกว่าภายใต้ความขี้เล่นของเขานั้นจะจริงจังกับจอมมากแค่ไหน ไม่มีใครรู้นอกจากเขาเอง
“เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอตัวก่อน ส่วนมึง...หึหึ คงจะรู้ใช่ไหมว่าควรจะทำยังไง” จักรหันมาพูดกับเขาด้วยสายตาที่ข่มขู่กันสุดๆ หากแต่อินทัชไม่กลัว
เพราะไม่มีทางที่จะสนใจจอมเป็นอย่างอื่นไปได้
“พี่ขอตัวก่อนนะครับ” อินทัชเดินตามจักรไปทันทีเพื่อเคลียร์ปัญหาไม่รอให้จอมได้พูดอะไรอีกเลย
อินทัชยอมรับว่าจักร มีนิสัยที่คล้ายกับเพื่อนสนิทที่สุดของเขา เพราะฉะนั้นก็อยากจะคบไว้ เพราะจักรดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
“จักร...มึงสบายใจได้ คุณจอมไม่ใช่สเปคกูหรอก”
ร่างสูงใหญ่หยุดกึก แต่ไม่หันมามองหน้าอินทัชแต่อย่างใด
“ถ้ามึงสนใจก็ไม่เป็นไร เพราะคนอย่างกูสู้ไม่ถอย...แต่มึงก็ต้องเข้าใจ ว่าการที่หมาวัดอย่างกูจะเด็ดดอกฟ้าแบบคุณจอมมันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย กูจีบเขามาเป็นปีๆ แต่ไม่เคยพูดดีๆ กับกูสักครั้ง แต่กับมึงกลับยิ้มมีความสุข มันก็ทำให้กูอดคิดไม่ได้ ว่าถ้าคุณจอมชอบมึง กูจะสู้ได้ไหม” จักรเดินหนีไปทันทีที่พูดจบ ทิ้งให้อินทัชยืนนิ่งอยู่คนเดียว สักพักก็ถอนหายใจออกมา มองแบงค์สีแดงในมือสองใบก่อนจะถอนหายใจออกมา
ชีวิตมีแต่ความวุ่นวาย...
“ถ้างานเสร็จแล้ว อย่าลืมไปล้างจานที่โรงครัวด้วย มันกองรอมึงไปล้างอยู่”
ไอ้เหี้ยเอ้ย!! นี่มึงกะจะไม่ให้กูพักเลยหรือไง ถึงได้โผล่มาดักหน้ากันแบบนี้
“ไอ้ราม...”
100%
รู้สึกผิดจังเลยที่มาลงให้แค่อาทิตย์ละครั้ง ยังไงขอให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ก่อนนะคะ จันทร์นี้ก็สอบแล้ว คงจะหายไปอีก ฮ่าๆ แต่อย่างน้อย เสาร์อาทิตย์ก็จะพยายามมาแต่งให้อ่านกันนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki