Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 8
หลีกเลี่ยง
“อินครับ เห็นขรรค์หรือเปล่า”
“อ้าว...หมอเงิน มาแต่เช้าเลยนะครับ” ร่างโปร่งของอินทัชที่กำลังรดน้ำผักอยู่หันมาทักทายก่อนจะทำงานของตนให้เสร็จ
“มาหาขรรค์น่ะครับ”
“ทำแต้มน่าดูเลย”
“ไม่เรียกว่าทำแต้มหรอกครับอิน เพียงแค่จะเอาขรรค์คนเดิมคืนมาก็เท่านั้น”
“ถ้างั้นก็สู้ๆ นะ ขรรค์ไปดูห้องพักที่ต้องซ่อมแซมน่ะ ลองตามไปดู” ตอบยิ้มๆ แต่สีหน้าดูเหนื่อยอย่างมากจนหมอเงินเป็นห่วง
“อิน เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาไม่สู้ดีเลย”
“เปล่าหรอก รู้สึกเหนื่อยๆ น่ะ”
“จริงสิ อินต้องตื่นกี่โมงในทุกๆ วันหรือครับ” ถามเสียงอ่อนโยน
“ก็ตีสี่น่ะ”
“นอนล่ะครับ”
“มาแรกๆ ก็นอนสองสามทุ่มน่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไอ้รามมันใช้งานหนัก ห้าทุ่มน่ะถึงได้นอน”
“พักผ่อนน้อยมากเลยนะครับ อินก็รักษาสุขภาพบ้างเดี๋ยวผมจะจัดวิตามินบำรุงมาให้เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอา ตอนนี้ก็คงทำได้แค่นี้ จะหวังให้คุณรามลดงานคงเป็นได้ยาก” หมอเงินบอกยิ้มๆ ใบหน้าสวยยิ้มรับอย่างเหนื่อยๆ แต่ก็ยังมีแววความจริงใจอยู่ในดวงตา
“ยังมีความโชคดีในความโชคร้ายสินะ นอกจากไอ้รามแล้ว ทุกคนที่นี่ดีกับผมมากจริงๆ”
“หรือครับ แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะอิน นอกจากผมกับขรรค์ อินมีเพื่อนอีกไหมครับ”
“ก็มีไอ้จักรน่ะ เจอที่งานก่อสร้าง”
“อ๋อ ดีแล้วล่ะครับ ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปหาขรรค์ก่อน แล้วจะมาหาใหม่นะอิน”
“โอเคหมอเงิน”
ร่างโปร่งของหมอเงินเดินจากสวนผักของอินทัชมาแล้วตรงไปหาขรรค์ทันที เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาผู้ชายร่างสูงใหญ่อย่างตั้งใจ เพราะก่อนจะไปเข้าเวรก็ขอเจอก่อนเถอะ
“เอ๊ะ! เห็นหลังไวๆ อยู่นะ”
ว่าแล้วก็วิ่งทันที่เห็นเงาของคนตัวสูงที่ดูเหมือนจะหนีเขาไปแล้ว
“ขรรค์ อยู่ไหนเนี่ย เรามาหาน่ะ ออกมาเจอกันหน่อยสิ”
เงียบ...ไม่ออกมา แต่ร่างโปร่งของหมอเงินก็รู้ว่าร่างสูงอยู่แถวๆ นี้แน่นอน เพราะเห็นเงานผ่านไปไวๆ เมื่อกี้ แม้ว่าจะรู้ว่าคนตัวใหญ่พยายามที่จะเลี่ยงเขาเท่าไหนแต่เงินก็ไม่ยอมแพ้
เพราะครั้งนี้ ถ้าเขาไม่ได้หัวใจขรรค์คืนมา เขาจะไม่ยอมแพ้
“ขรรค์ ถ้าขรรค์ไม่ออกมานะ เราจะไม่ไปทำงานจริงๆ ด้วย” ร่างโปร่งขู่ออกมา รู้ว่าขรรค์เป็นคนยังไง และแน่นอนว่ามันก็เป็นไปตามที่ร่างผอมต้องการในเมื่อสิ้นเสียง คนที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ก็ออกมาหาหมอเงินที่ยืนยิ้มๆ มองอยู่
“เงินมีธุระอะไรกับเราหรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ ไม่มีธุระอะไรเรามาหาขรรค์ไม่ได้หรือ” แสร้งทำหน้าเศร้าถามออกไป
“เปล่า แต่ว่าเรายุ่งน่ะ ไม่ค่อยมีเวลานักหรอก เงินมีอะไรจะพูดหรือเปล่า”
“ทำไมขรรค์ถึงได้ดูเย็นชาจัง”
“เราก็เหมือนเดิม”
“สำหรับคนอื่นน่ะเราไม่รู้ แต่สำหรับเรา ขรรค์ไม่เหมือนเดิม แต่ช่างเถอะ เราเป็นคนผิดนี่นะ สมควรแล้วที่ขรรค์จะโกรธเงิน”
“เงินต้องการอะไรน่ะ อย่ารื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาใหม่เลยนะ” เสียงทุ้มใหญ่ขอร้องออกมา แววตามีความเจ็บปวดฉายชัดอย่างชัดเจน
“ก็ได้ เราจะไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ แต่เงินจะเริ่มใหม่ ให้โอกาสกับเงินหน่อยนะ”
“ไม่ได้หรอก เราสองคนมันเป็นไม่ได้” ร่างใหญ่กัดฟันบอก
“ทำไมล่ะขรรค์ ความผิดที่เงินทำมันรุนแรงขนาดที่ให้อภัยกันไม่ได้เชียวหรือ” ถามด้วยใบหน้าที่เศร้าสลดจนบุคคลที่แกร่งอย่างหินผาใจอ่อนยวบ
“มันไม่ใช่อย่างนั้นเงิน ต่อให้ไม่มีเรื่องนั้น ขรรค์ก็ต้องรู้สึกได้ถึงความต่างของเราอยู่ดี” ร่างสูงหลุดแทนตัวเองเหมือนกับที่เคยแทนตัวเมื่อที่ผ่านๆ มา
“ขรรค์...”
“มันไม่มีประโยชน์จริงๆ เงิน ต่อให้ขรรค์ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือเรา...ไม่มีทางเป็นไปได้” สิ้นเสียงร่างสูงก็เดินหนีออกไป ทิ้งให้ร่างโปร่งก้มหน้ากำหมัดแน่นด้วยท้อแท้ใจ แต่ก็ไม่สิ้นหวังมาก
ขรรค์พูดเหมือนกับว่ายังรักเราอยู่...
แค่นี้ก็พอเป็นกำลังใจได้แล้วล่ะ
“จนกว่าจะหมดแรงจริงๆ ขอเราสู้ก่อนนะขรรค์”
ว่าแล้วก็เดินออกจากตรงนั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าร่างสูงใหญ่ยังคงยืนนิ่งอยู่หลังผนังกว้าง กำแพงนั่นบังร่างของเขาจนมิด และสิ่งที่คนรักเก่าพูดทิ้งท้ายก่อนกลับไป มันก็ทำให้ขรรค์รู้สึกหวั่น หวั่นกลัวต่อความรู้ของตัวเอง
“ขอโทษนะเงิน...มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ”
เราจะไม่กลับไปแบบวันวานอีกแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมามันจะมีความสุขแค่ไหน แต่ท้ายที่สุด มันก็เจ็บปวดที่สุดอยู่ดี ต่อให้รักมากแค่ไหน สุดท้าย...มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี
ความห่างชั้นของเรา ช่องว่างของเรา มันมากเกินไป
“เป็นอะไรครับหมอเงิน”
“อิน...ผมจะทำยังไง ขรรค์เขาหนีหน้าผมมาสามวันแล้วนะครับ ผมมาก็ไม่อยู่ วันก่อนก็ไปข้างนอก เมื่อวานก็บอกว่างานยุ่ง เห็นทีว่าผมจะไม่มีความหวังแล้วล่ะครับ”
“อะไรกัน น้ำเสียงเหมือนจะท้อแท้แต่หน้านี่ยิ้มน่ากลัวจริงๆ”
“อะไรครับอิน”
“จะวางแผนอะไรล่ะ” อินทัชถามอย่างรู้ทัน “มีเวลาพักแค่ยี่สิบนาทีผมจะฟังแผนการก็แล้วกัน” คนหน้าสวยว่าพลางนั่งลงตรงหน้าคุณหมอหนุ่มตรงม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่
“เบื่อจริงๆ เลย แค่อินมองตาผมก็รู้แล้วสินะว่าคิดอะไรอยู่”
อินทัชฉลาดจนน่ากลัวจริงๆ แต่ก็แบบนี้แหละที่เป็นเสน่ห์ของนักธุรกิจหนุ่มอย่างอินทัชนั่นแหละ
“ก็ไม่เชิงหรอก ความรู้สึกมันบอกน่ะ”
“ความรู้สึกของอินนี่มันเหมือนกับมานั่งในใจของผมเลยนะครับ”
“ก็นะ ผมต้องฝึกอ่านตา อ่านใจเข้าไว้น่ะ แต่ก่อนเป็นคนเชื่อคนง่าย โดนหลอกอยู่บ่อยๆ พอตัวเองเป็นลูกชายคนเดียว ผมก็เลยจำเป็นต้องแบกรับกิจการของครอบครัวเอาไว้ การจะให้ใครมาหลอกง่ายๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีน่ะสิ แล้วคนที่สอนก็เป็นพี่สาวของผมที่ตอนนี้ออกไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วล่ะครับ”
“ก็หมายความว่า ต้นตำรับของความน่ากลัวคือพี่สาวสินะครับ”
“หมอเงินก็ใช้คำเวอร์เกินไป น่ากลัวอะไรกันล่ะ”
นี่คงไม่รู้หรอกใช่ไหม ว่าการที่ตัวเองรู้ทันใครต่อใครมันเป็นเรื่องที่ทำให้คู่สนทนากลัวที่สุดล่ะ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ เขาน่ะ...ไม่มีอะไรจะปิดกับอินทัชแล้วล่ะ
จะบอก...ให้หมดเปลือกเลย
...
...
...
สามวันผ่านไปหลังจากวันนั้นที่เขาเล่าแผนการทั้งให้กับอินทัชฟังก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี แต่ที่เจ็บใจสุดๆ นั่นคือเงินไม่สามารถช่วยอะไรอินทัชได้เลย
“คุณรามไม่คิดว่าทำมากไปหรือครับ”
“มากไป? อะไรที่ว่ามากไปหรือครับ” ถามกลับด้วยรอยยิ้มเทพบุตรที่ไม่ว่าใครๆ ก็ตกหลุมพรางมาให้เขาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการกระทำที่ดูโหดร้ายของตนเลย
“ก็การที่ใช้ให้อินทำงานหนักๆ ไม่พักนี่แหละครับ ผมขอร้องในฐานะหมอที่ดูแลอินอยู่ ร่างกายของเขาเพิ่งจะฟื้นตัว จะทำอะไร ให้มันอยู่ในขอบเขตความเป็นคนด้วยนะครับ ขอตัวก่อน” พูดออกไปตามที่คิดแล้วก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที เพราะทนเห็นภาพของเพื่อนใหม่อย่างอินทัชในสภาพนั้นไม่ได้
และอินทัชเอง ก็คงไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพตอนที่เขาดูน่าสมเพชแบบนี้แน่ๆ
“มันสนุกหรือไง กับการย่ำยีศักดิ์ศรีของคนอื่น” เงินพึมพำเบาๆ จากที่คิดว่าจะมาหาขรรค์เพื่อทำคะแนนกลับกลายเป็นว่าอารมณ์เหล่านั้นมันหายไปหมดแล้ว
ยังไงก็...กลับไปทำงานดีกว่า ขรรค์คงจะเลี่ยงเราเหมือนเดิมล่ะนะ
“เฮ้อ...พรุ่งนี้ต้องเข้าไปในตัวเมืองด้วยสิ มะรืนก็ไปประชุมอีก วันถัดไปอีกก็ออกไปในชุมชน สรุปว่าอาทิตย์นี้ ก็คงต้องปล่อยให้ขรรค์ลอยนวลไปสินะ”
“ช่วยไม่ได้แฮะ”
แล้วอาทิตย์หน้า เจอกันนะขรรค์...
ทันทีที่ร่างโปร่งเดินหันหลังกลับไปยังทางเดิมก็ทำให้ร่างสูงที่ซุ่มดูอยู่ถึงกับใจกระตุกไปเพราะไม่คิดว่าหมอเงินจะกลับไปแบบไม่หาตัวเขาแบบนี้
มัน...อะไรกัน
“จงใจ...เข้ามาปั่นหัวเล่นหรือเปล่านะ”
ถ้าเป็นแบบนั้น ก็มีทางเดียวที่จะสู้ได้ นั่นก็คือต้องใจแข็งเข้าไว้ ไม่ว่าเงินจะมาลูกไหน เราก็ต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ให้ได้
1 อาทิตย์ผ่านไปโดยที่ร่างสูงใหญ่ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนรักเก่าเลยสักนิด ไม่ได้ยินเสียง ไม่มีรอยยิ้มหวานๆ ไม่มี...มันก็แค่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่อยากจะยอมรับว่าสองอาทิตย์กว่าที่เงินกลับเข้ามาในชีวิต จิตสำนึกภายในก็ตอบสนองขึ้นมาทันที หัวใจที่เค้าคนนั้นเคยเป็นเจ้าของ พอห่างหายมันก็แทบขาดใจ พออยู่ได้ก็เหมือนขาดหาย แต่พอกลับเข้ามา...หัวใจที่เคยเป็นของใคร มันก็ตอบสนองเพื่อคนๆ นั้น
ขรรค์ยังรอ...รออยู่เสมอ
แต่พอสิ่งที่ตนรอมาอยู่ตรงหน้า เขากลับ...หนี
หนีออกไปจากความกลัวเหล่านี้ ความกลัวที่เขาหนีมาตลอด และไม่เคยสู้กับมันสักครั้ง
“สู้งั้นหรือ...เพื่ออะไรล่ะ”
“คำตอบมันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง...ก็เพื่อความสุข” เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ขรรค์หมุนไปหาอย่างตกใจ
“เงิน...”
“ขรรค์กำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมว่าทำไมเงินถึงต้องสู้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าขรรค์ไม่มีทางใจอ่อนกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ที่เงินทำตอนนี้ก็แค่...ลองดู ถ้าสำเร็จมันก็มีความสุข แต่ถ้าไม่...ก็แค่เจ็บอีกครั้ง”
เขาไม่ได้สงสัยในตัวของอีกคน แต่สงสัยตัวเองมากกว่าว่าทำไมถึงไม่คิดจะสู้...
“เจ็บตอนนี้ มันดีกว่านะ”
“เงินรู้” ใบหน้าหล่อเศร้าลงซ้ำยังมีแววอ่อนล้าให้ขรรค์กังวลอีก “แต่ก็อยากจะลองดู อีกสักครั้ง ไม่ต้องห่วงหรอกว่าเงินจะทำให้ขรรค์ลำบาก เพราะถ้าวันไหนที่ขรรค์สุดจะทนจริงๆ เราก็จะไป”
“เรายังยืนยัน...”
“อือๆ เรารู้แล้ว เอ้า!!! ของฝากจากในเมือง เอาไปให้อินด้วยนะ เราจะกลับไปนอนพักสักหน่อยน่ะ” ร่างโปร่งขัดตอนที่ร่างสูงกำลังจะพ่นคำที่ไม่อยากฟังออกมาโดยการยื่นของฝากให้กับมือหยาบกร้านของขรรค์ด้วยความเร่งรีบ
“ขรรค์ไม่ต้องห่วงหรอกนะ มันเป็น...ครั้งสุดท้ายจริงๆ แต่ว่า...เงินก็ถามหน่อยได้ไหม”
“ได้”
“เวลา 7 ปีที่คบกัน ขรรค์...รักเราจริงๆ หรือเปล่า” ถามเสียงแผ่วเบา มองต่ำลงที่แผ่นอกแกร่ง ใจหนึ่งอยากจะฟังคำตอบ อีกใจหนึ่งก็กลัวคำตอบจะเป็นในสิ่งที่ไม่อยากฟัง
“รักสิ...แต่รักอย่างเดียว มันไม่พอหรอกนะเงิน”
“งั้น 3 ปีที่เลิกกันนี้ ขรรค์ยังรักเราอยู่หรือเปล่า” ถามออกไปราวกับสิ่งที่ได้ยินมันไม่พอ
ไม่พอจริงๆ แต่คำตอบที่จะได้รับต่อไปนี้ มันจะตัดสินความเป็นไปได้ ว่าเขาจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนในการเอาหัวใจของขรรค์คืนมา
“เงินกลับไปนอนพักเถอะนะ”
“ทำไมไม่ตอบล่ะ”
“เราไม่รู้ เงินพักผ่อนก่อนเถอะ เป็นหมอแต่ไม่ดูแลตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ขรรค์ก็มาดูแลเราสิ” รู้อยู่ว่ากำลังเอาแต่ใจ
อาจจะทำให้ขรรค์ไม่พอใจ รำคาญหรือไม่ชอบใจก็ได้...
“ไม่ได้หรอกเงิน เราไม่ควรเจอกันอีกแล้วจริงๆ”
“ทำไมล่ะ ฮึก...เรารักขรรค์นะ รักมากเหมือนเดิม 10 ปีที่ผ่านมา เคยรักยังไงก็ยังรักอย่างนั้น ในขณะที่เงินทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอยู่กับขรรค์ อึก...แต่ขรรค์กลับบอกเลิกเราแล้วมาที่นี่ ทิ้งเรา ให้เราอยู่คนเดียว มันเพราะอะไร ทำไม ฮึก ถึงให้เหตุผลกับเราไม่ได้” คุณหมอหนุ่มร้องไห้ออกมาก่อนจะระบายถามอย่างอัดอั้นปนเสียงสะอื้นไห้
ไหล่เล็กไหวอย่างน่าสงสาร แต่คนตัวสูงใหญ่ก็กำมือแน่นราวกับพยายามหักห้ามตัวเองไม่ให้เอามือไปคว้าอีกคนมากอด
ไม่เช่นนั้น...ทุกอย่างที่ทำมา มันต้องสูญเปล่า สูญเปล่าแน่ๆ
“กลับไปเถอะ” ขรรค์ขอร้อง...
หมอเงินเงยหน้ามองร่างสูงทั้งน้ำตา ปากบางสั่นระริกเอ่ยคำพูดที่ฉุดรั้งความรู้สึกของเขาให้หน่วงไปทั่วทั้งอกแบนี้ ก่อนจะเดินจากไปราวกับจะหมดแรงเดินทุกขณะ
“เราจะมาใหม่ ฮึก”
แผ่นหลังนั่นลับสายตาไปแล้ว เหลือเพียงเขาที่กำลังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับแสงแดดยามเย็นที่ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มทีด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน
รักสิ!!! ขรรค์ยังรักเงินมาก รักไม่เปลี่ยนแปลง
รัก...จนไม่สามารถจะรักใครได้อีกแล้ว แต่คนอย่างขรรค์ไม่คู่ควรเลย ไม่คู่ควรกับความรักของคนที่สูงค่าอย่างเงินเลยสักนิด
“เพราะฉะนั้น...ช่วยกลับไปที เข้าใจขรรค์ด้วย”
หนึ่งคนเจ็บปวดเพราะรัก...พยายามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
หนึ่งคนเจ็บปวดเพราะรัก...แต่ไม่อาจจะเก็บรักนั้นไว้ได้
หนึ่งคนสู้ อีกหนึ่งคนหลีกเลี่ยง ใครแพ้ใจตัวเองก่อน...มันก็จะได้ผลที่ต่างกัน ถ้าเงินสู้จนชนะ ทั้งสองก็จะมีความสุข แต่ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคในภายภาคหน้า แต่ถ้าหากขรรค์ชนะ...ทุกอย่างจะจบ ต่างคนต่างก็ทุกข์และเสียใจกับมันอีกครั้งเหมือนเมื่อสามปีที่ผ่านมา...
“อย่าจมปลัก อยู่กับขรรค์เลยนะ”
…
…
…
50%

มาช้าไป จะบอกเหตุผลเดิมๆ ก็ไม่อยากพูดมาก แหะๆ อ่านแล้วเม้นท์ให้ด้วยนะคะ ขอกำลังใจหน่อย แม้ว่าจะหายไปบ้างแต่ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ
สามารถพูดคุย สอบถาม ทวงนิยายกับยูกิได้ที่แฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/