5
ผมตัดสินใจบอกความจริงเก้ามันในวันถัดมา ผมไม่อยากดึงมันเข้ามาเกี่ยว ข้ออ้างที่ผมใช้ก็คือผมอาจจะเมาและคิดถึงคนรักเก่ามากเกินไป ผมบอกมันไปแบบนั้นและเก้ามันก็เข้าใจ แต่มันขอผมอย่างนึง ขอให้มันได้พิสูจน์ตัวเองว่ามันไม่ใช่ตัวแทนคนคนนั้นและจะทำให้ผมรักมันให้ได้ ผมบอกมันแล้วว่าถ้าถลำลึกลงไปมันจะเจ็บมากนะ แต่มันก็ไม่ฟัง ผมเองก็แล้วแต่ใจคน จะไปบังคับใครได้ในเมื่อชีวิตผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าใคร ผมแค่บอกมันไปว่าช่วงนี้ก็เป็นพี่น้องไปก่อน อย่างน้อยเก้ามันก็น่ารัก บางทีผมอาจจะชอบมันเข้าสักวันก็ได้
Rrrrrrrrrrrrr
ผมควานหาโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดัง
"ว่าไง" เป็นเบอร์ไอ้เต๋อที่โทรมา วันนี้วันศุกร์แต่ผมไม่มีเรียน
( กูมีตั๋วเข้างาน Halloween party ของคลับเรา ) มันหมายถึงคลับของลมที่พวกเราไปประจำ
"แล้ว?" ผมถาม
( เอ้า เจอกันทุ่มครึ่งเว้ย แต่งผีด้วยเอาเต็มๆยศเลย )
"มีกี่ใบ หาให้กูเพิ่มใบดิ" ผมบอก คิดถึงเก้ามันขึ้นมา อย่างน้อยมันก็ควรได้เห็นผมหลายๆรูปแบบก่อนจะปักใจว่าผมคือคนที่ใช่
"เชี่ย เอาไปให้ใครวะ" ไอ้เต๋อสงสัย
"เออน่า" ผมปัด
"แล้วก็เรื่องแต่งหน้ากูคงไปร้านเฮีย มึงไปกับกูป่ะ" ผมถาม มีร้านพี่ที่สนิทอยู่ จะให้มานั่งแต่งเองคงลำบาก
( เออๆ งั้นสี่โมงเจอกันร้านเฮีย )
"เออ"
ผมตอบรับก่อนจะวางสายไป ดูนาฬิกาก็ต้องตกใจบ่ายโมงกว่าแล้วเหรอเนี่ย ผมลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาก่อนจะโทรสั่งข้าวแล้วไลน์บอกเก้ามันว่าจะไปรับ เก้ามันก็ตอบตกลง ไม่นานข้าวก็มาส่ง ผมทานไปดูโทรทัศน์ไปอย่างไม่เร่งรีบ พอทานเสร็จก็อาบน้ำเตรียมตัวไปงานคืนนี้
ปกติแล้วงานฮาโลวีนคนมักจะใส่คอสตูมผีแต่ผมไม่ ผมเลือกเสื้อกล้ามสีดำกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำเข็มขัดสีเงินและของประดับข้อมือเล็กน้อย เดี๋ยวค่อยไปแต่งหน้าเอาซึ่งผมเองก็ไม่ชอบผีประหลาดๆสักเท่าไหร่ ถ้าจะเป็นผีก็ต้องเป็นผีเท่ ไม่ใช่ผีอะไรก็ได้
"เป็นอะไร" ผมหันไปมองคนข้างๆที่เอาแต่ก้มหน้างุด ตั้งแต่ผมมารับมัน พอเจอหน้ามันก็เหมือนจะกลัวอะไรสักอย่าง
"แต่งชุดนี้จริงๆเหรอ" มันถามค่อยๆเงยหน้ามามอง
"อืม ทำไม" ผมยิ้ม เก้ามันเตรียมเสื้อผ้ามาในกระเป๋า ผมเลยไม่รู้ว่ามันแต่งเป็นอะไร
"หล่ออ่ะดิ" ผมว่าก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวมันแรงๆ
"บ้า ชมตัวเองก็เป็นด้วย" มันพูดก่อนจะใช่มือปัดผมให้เป็นทรงตามเดิม
"จะแต่งเป็นอะไรคิดไว้หรือยัง" ผมถาม มันพยักหน้า
"อื้ม พี่เขาใจดี ไม่ต้องกลัว" ผมชวนมันคุยไปเรื่อยๆจนเรามาถึงร้านตัดผมชื่อดัง ร้านนี้เป็นร้านแนวๆ พวกอันเดอร์คัท หรือทรงผมที่เขากำลังนิยมตอนนี้ทั้งหมด วัยรุ่นไม่มีใครไม่รู้จัก
"เฮียหวัดดี" ผมไหว้เฮียก่อนจะบอกให้เก้ามันไหว้ตาม
"เออๆ หวัดดี พอดีพวกเอ็งสี่คนเสร็จปิดร้านพอดี" เฮียพูดขำๆ แต่ก็จริงครับ ปกติวันนึงเฮียจะรับคนได้ไม่กี่คนหรอก เพราะเฮียแกละเมียด ใช้เวลานาน
"แต่งให้น้องก่อนเลย เก้าจะเอาแบบไหนก็บอกเฮียนะ" ผมบอก มันเองก็พยักหน้าแล้วตามเฮียเข้าไป ผมนั่งรออยู่ด้านนอก ไอ้เต๋อกับไอ้โอ้แม่งช้าตลอด
"ไอ้ยี่!" เสียงมาก่อนตัว ผมเงยหน้าขึ้นมองพวกมัน นี่มึงกล้าแต่งตัวแบบนี้ออกมาเลยเหรอ ผมหัวเราะลั่น ไอ้เต๋อแต่งเป็นพ่อมด ส่วนไอ้โอ้น่าจะเป็นซอมบี้ใน walking dead
"ขำไรวะแม่ง ไอ้เต๋อแหละบอกกูจะได้ไม่ต้องขนเยอะ" ไอ้โอ้ตบหัวไอ้เต๋อดังป้าบ
"มึงก็ไม่ท้วงเนอะสัตว์!" ไอ้เต๋อก็ตบกลับ เออ เอาเข้าไปดิ
"พอๆ พวกมึงสองตัวเดี๋ยวแต่งหน้าก็ไม่รู้ละว่าใครเป็นใคร" ผมสรุปให้ ตีกันอยู่ได้
"แล้วนี่มึงแต่งเป็นเชี่ยไรวะ" มันมองผม
"รอกูแต่งเสร็จมึงก็รู้เอง" ผมว่า อธิบายไม่ถูก เรียกว่าผีหรือโครงกระดูกหรืออะไรสักอย่าง
"น้องๆมาคนนึง ช่างว่างแล้ว" พี่เขามาตาม
"ไอ้โอ้มึงไปก่อนเลย ซอมบี้มึงนานแน่ๆ" ผมบอก มันก็เออออก่อนจะเดินไป
"สรุปตั๋วอีกใบมึงเอามาให้ใครวะ" ไอ้เต๋อนั่งลงข้างๆพลางถาม
"หึ เดินมาโน่นแล้ว" ผมมองเด็กที่ตอนนี้หน้าตาเต็มไปด้วยรอยเย็บ มันเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อย เอี๊ยมยีนส์เสื้อข้างในสีแดงขนาดนี้ ชัคกี้ชัดๆ
"น .. น้องเก้า?" ไอ้เต๋อเบิกตากว้างและผมก็พยักหน้ารับ ผมว่าผมต้องโดนซักยาวแน่ ไอ้เต๋อมันก็ปลื้มๆน้องเก้าอยู่ผมรู้
"ตลกหรือเปล่า" มันถาม ดูไม่ค่อยมั่นใจแต่ผมว่าแต่งแบบนี้มันน่ารักดี
"ไม่หรอก" ผมส่ายหัว ไอ้เต๋อเองมันก็พยักหน้าร่วม ไม่ตลกเลยแถมยังเป็นชัคกี่ที่ไม่น่ากลัวสักนิด
"พี่ไปก่อน เต๋อฝากดูด้วย" ผมบอกหันไปหาเชี่ยเต๋อที่ยังทำหน้างงอยู่
"เออๆ" มันตอบรับ ผมเลยเดินมาหาพี่เขา ผมมีหน้าผีที่นึกไว้ในใจแล้วครับ ขึ้นอยู่กับว่าพี่เขาจะตีความออกไหม
นั่งให้พี่เขาละเลงหน้าจนแทบหลับ กว่าจะเสร็จได้เอาซะเมื่อยก้นไปหมด
"มึงนี่มันโคตรหล่อจริงๆว่ะ หน้าผียังทำอะไรมึงไมได้" ผมสลึมสะลือก่อนจะมองในกระจก เชี่ย ดูดีกว่าที่คิดไว้อีก พี่เขาเพ้นจนลงมาถึงหน้าอก พังค์แบบสุดๆ พี่เขาแต่งหน้าเก่งมาก อย่างกับผีฝรั่งเลยแม่ง
"ขอบคุณมากพี่" ผมสวมหมวกที่เตรียมมา ไหว้พี่เขาก่อนจะเดินออกมา และปะทะเข้ากับสายตาพวกมันสามคนที่นั่งรออยู่
"เชี่ยยี่ มึงแม่งเอาซะพวกกูตายไปเลย" ไอ้โอ้ด่าทำหน้าเสียเซลฟ์
"อื้อหือ หล่อเหี้ยๆเพื่อนกู" ไอ้เต๋อย้ำ มันเองก็เป็นพ่อมดไปเรียบร้อย
"เออๆ กูรู้ว่ากูหล่อ ไม่ต้องชมให้มาก" ผมพูด ทุกคนเบือนหน้าหนีกันหมดรวมถึงไอ้เก้าด้วย
"ไปเหอะ ถึงนู่นคงทุ่มกว่าๆพอดี" ไอ้โอ้เสนอ
พวกผมจ่ายเงินกันเสร็จก็บึ่งรถออกมาทันทีครับ ในระหว่างที่นั่งรถไอ้เก้าไม่พูดกับผมสักคำ พอผมเอื้อมมือไปแหย่ มันก็หงุดหงิดใส่ ฮ่าๆ แกล้งเด็ก สะใจ
แจกจ่ายตั๋วก่อนจะเข้างานมา ต่อแถวกันนานเหมือนกัน เพราะคลับนี้ดังมาก ที่มากันไวเพราะต้องมาจองที่ดีๆ ได้มุมอับมันจะไม่มันส์
สั่งเครื่องดื่มมาเต็มโต๊ะ ตอนนี้คนเริ่มทยอยเข้ามากันเยอะแล้ว มีทั้งผีไทย ผีจีน ผีฝรั่ง ผีญี่ปุ่นก็มา
"อย่าดื่มเยอะ เอาบัคคาดี้ไหม" ผมโอบเอวเก้าเข้ามาใกล้ก่อนจะถามมันข้างหู มันพยักหน้าหงึกๆ เพราะบนโต๊ะมีแต่เหล้ากับวอดก้า
"อ่ะ ถ้าเมาก็บอก" ผมส่งขวดให้มัน มันก็พยักหน้างุดเหมือนเดิม ไอ้สองตัวที่มาด้วยก็มองผมตาแทบจะถลน
"ไม่พากิ๊กพวกมึงมาล่ะ" ผมถามพวกมัน ไอ้เต๋อน่ะก็เด็กผู้ชายทั้งหลายของมัน ส่วนไอ้โอ้ก็เหมือนจะมีแต่ไม่มี
"ไม่ล่ะ งานดีๆแบบนี้กูก็หาหิ้วในนี้เอาสักคนสิวะ เนอะไอ้โอ้"
"เออจริง ผีเสื้อราตรี กูชอบ"
แม่งเข้าขากันจริงๆ ผมเองก็ดื่มไปเรื่อยๆ ผ่านไปสักพักคนก็เริ่มแน่น ไม่สิ ผีก็เริ่มมาชุมนุมกันเยอะขึ้น ดีเจเปิดเพลงแดนซ์ระดับที่ใครไม่เต้นแม่งต้องไม่ใช่มนุษย์ เรายืนโยกกันสักพัก ไอ้โอ้กับไอ้เต๋อมันก็หาเหยื่อไปเรื่อยๆ
"เมายัง" ผมหันมามองคนข้างๆ มันส่ายหน้าก่อนจะเข้ามากอดผม
"หึ" ผมยกยิ้มก่อนจะโอบมันกลับ เราเต้นไปเรื่อยๆ คืนนี้พิเศษตรงที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใคร มันดูไม่ออกจริงๆนะครับเวลาที่แต่งหน้าผีแล้วตีกับแสงไฟในผับแบบนี้
"เอาอีกไหม" ผมถามเมื่อเห็นว่าขวดในมือมันหมดแล้ว เก้าพยักหน้าผมเลยสั่งมาให้มันอีก
ตอนนี้เกือบสามทุ่มแล้ว ผมเองก็เริ่มกรึ่มๆ แต่พยายามไม่ดื่มมากกว่านี้เพราะเอารถมา และต้องไปส่งเก้ามันด้วย
"พี่ยี่พาไปห้องน้ำหน่อย" ไอ้เก้ามันเกาะผม นี่ก็แค่ไม่กี่ขวดเซซะเเล้ว เด็กหนอเด็ก
ผมโอบไหล่มันเดินมาด้วยกันก่อนจะพามันไปเข้าห้องน้ำ
"เห้ยยี่" ไอ้โอ้เรียก ก็ว่าหายไปไหนมาอยู่นี่นี่เอง
"เออ มึงจะไปโต๊ะใช่ป่ะ" ผมถาม
"เออ ว่าไง"
"กูฝากเก้ากลับไปโต๊ะด้วย ขอดูดบุหรี่เดี๋ยว" ผมบอก มันพยักหน้าก่อนจะรับเก้าไปพยุงต่อ
ผมเข้าห้องน้ำทำธุระก่อนจะออกมาล้างมือ เสร็จก็ออกมาด้านนอกหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ได้พ่นควันแบบนี้ค่อยโล่งหัวหน่อย
"ไง" เสียงคนมาใหม่ ผมไม่ได้สนใจยืนดูดบุหรี่ต่อไป
"ขอยืมไฟหน่อยดิ" คนข้างๆบอก ผมยื่นไฟให้ ก่อนจะกอดอกสูดควันเข้าปอดต่อ มาเที่ยวแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน ตรงที่ผมไม่มีเวลาไปคิดถึงเขา ถ้าผมอยู่คนเดียว ผมเลิกคิดถึงเขาไม่ได้สักที
"แต่งแบบนี้แล้วเท่ดีนะ" เขาคืนไฟมาให้พลางพูด พ่นควันบุหรี่ออกมาเบาๆ ทำให้ผมต้องหันไปมอง
"คุณ!" ผมตกใจ ไม่รู้ว่าทำไมถึงจำเสียงเขาไม่ได้ แต่ก็แปลกใจที่เขามายืมไฟผม
"อย่าเรียกคุณได้ป่ะ กระดากปากไงไม่รู้" เขาพูด
"อืม งั้นเรียกลมเฉยๆนะ" ผมบอก เขาทำแค่ยักไหล่
"แล้วแต่" เขาตอบ
ผมเพิ่งสังเกตเขาดีๆ สาบานว่าเขากับผมไม่ได้นัดกันมา เสื้อกล้ามสีขาวสบายๆกางเกงเดฟขาดๆสีดำ เพียงแต่ลมเขาแต่งเป็นแวมไพร์ก็เท่านั้น หุ่นบางๆกับชุดแบบนี้ทำให้ผมละสายตาไม่ได้ ดูดีเกินไปจริงๆ
"มองอะไร ไม่ได้แต่งตามนะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมา" เขาเลิกคิ้ว ผมทำแค่หัวเราะ
"เปล่า แค่คิดอยู่ว่าแวมไพร์กัดเจ็บหรือเปล่า" ผมหัวเราะออกมา ไม่รู้ดิ ผมยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เหมือนว่าเราต้องบังเอิญเจอกันตลอด แล้วมันก็เลยรู้สึกสนิทสนมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
"ท้าหรือไง" เขาคีบบุหรีพลางหันมาหาผมทั้งตัว ลมสูงประมาณคางผม ตัวบางกว่า ผมใส่เสื้อกล้ามแล้วจะมีกล้ามแขนขึ้นเป็นลูกๆ แต่ลมมีไม่มาก ตัวเขาขาวมากพอๆกับผม แต่เขามีเอวและช่วงตัวบางกว่า แถมตอนนี้เสื้อก็บางมากจนเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเต็มสองตา
"เป็นแวมไพร์หรือเปล่าล่ะ" ผมจ้องคนตรงหน้า ทำไมถึงได้มีพลังดึงดูดขนาดนี้วะ แค่แต่งตาแดงๆ ปากแดงๆ
เขาคงไม่อยากแพ้ เพราะหลังจากที่ผมถามจบเขาก็พุ่งเข้าใส่ผมด้วยแรงทั้งหมดจนผมหลังติดผนัง ก่อนจะฝังเขี้ยวมาเต็มๆแบบไม่ยั้งที่คอผม ผมแทบจะร้องออกมา
เชี่ย
โคตรเจ็บ
"อื้ม เลือดนายอร่อยดีนะ" ปล่อยให้เขากัดจนพอใจเขาก็ถอนปากออก ผมลองแตะดูที่คอ แม่งเอ้ย เลือดซิบเลย แถมเจ็บมากด้วย
"กัดมาได้ เจ็บนะเนี่ย" ผมบอก ไม่น่าไปท้าเลย ก็รู้อยู่ว่าเขาเป็นคนแบบไหน
"หึ" เขาทำแค่หัวเราะในลำคอก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น
"มาด้วยกัน เดี๋ยวทำแผลให้" เขาบอกก่อนจะเดินเข้าด้านใน อะไรของเขาวะ นึกจะกัดก็กัด พอกัดเสร็จก็จะมาทำแผลให้ งงไปหมดแล้วเนี่ย
สุดท้ายผมก็ต้องตามเขามาในห้องทำงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขอบอกเลยว่าถ้าไม่ใช่ลมผมคงจะสวนกลับบ้างแล้ว
"แสบหน่อยนะ" เขาบอก เขยิบมานั่งใกล้ๆบนโซฟาตัวเดียวกัน ก่อนจะใช้สำลีชุบแอลกอฮอลล์เช็ดลงมาที่แผล
"โอ๊ย" ผมร้อง ไหนว่าหน่อยไง โคตรแสบเลย
"นิ่งๆน่า" เขาบอก หัวเราะก่อนจะเช็ดผมต่อ ผมก็สะดุ้งทุกทีที่เขาทายาให้ แล้วมันก็จบลงที่การแปะพลาสเตอร์ที่คอผม เป็นอันสิ้นสุด
"ตอนเมานายทำแผลง่ายกว่านี้อีกนะ แค่ชอบพร่ำเพ้อมากไปหน่อย" เขาเอ่ย เก็บของใส่กล่องพยาบาลแล้วลุกไปเก็บ
"ขอบคุณ" ผมบอก แตะมือเข้าที่คอตัวเอง หวังว่าคงไม่เป็นบาดทะยักนะ
"มากับเพื่อนเหรอ คนเดิมใช่ไหม" ลมถาม ผมพยักหน้า
"แล้วเด็กคนนั้น .." เขาคงหมายถึงเก้า
"อื้ม มาด้วยกัน" ผมตอบ พูดแล้วก็เริ่มห่วงมัน ไอ้โอ้ไอ้เต๋อจะอยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้
"อืม งั้นไปเถอะ ขอให้สนุกนะ" เขายิ้ม แต่เหมือนยิ้มไม่สุด ผมเองก็ขอให้เขาสนุกเช่นกัน
ออกมาจากห้องก็ตรงไปที่โต๊ะทันที แล้วก็เป็นอย่างที่คิด แม่งมีเรื่องจนได้
"ปล่อยนะ พี่ยี่!" ไอ้เก้ามันกำลังถูกคนลวนลาม ผมแม่งไม่น่าทิ้งมันเลย
"มึงปล่อยน้องกูเดี๋ยวนี้นะ!" ผมบอก เดินเข้ามาประจันหน้า ไอ้โอ้กับไอ้เต๋อก็โดนอัดน่วมไปแล้ว แม่งมากันเยอะ ผมเองก็คงจะสู้พวกมันไม่ไหว
"ไอ้สัตว์นี่กล้ามาต่อรอง มึงให้กูเอาเด็กนี้ไป แล้วกูจะปล่อยเพื่อนมึง" ไอ้หน้าเหี้ยมพูด ผมกำมือแน่น มองเก้าที่ตัวสั่นระริกร้องให้ผมไปช่วย
"กูไม่ยกใครให้ทั้งนั้น ปล่อยเพื่อนกับน้องกูซะ" ผมบอก ยังไงก็ไม่ยอม
"มันไม่ยอมว่ะ จัดให้มันสักชุดดิ๊!" ไอ้นั่นพูด เชี่ยละ ลูกน้องมันล้อมผมไว้หมด มันเข้ามาอัดผมพร้อมกัน เลวจริงๆ ผมสู้กลับบ้างแต่ไม่ได้ มันมีเยอะกว่า พวกมันทั้งต่อย ทั้งอัดท้องจนเจ็บไปหมด ผมงอตัว แม่งแน่จริงอย่าหมาหมู่สิวะ
"พี่ยี่!! ฮือ ปล่อยนะ ปล่อย" เก้ามันดิ้นไปมาอยู่ในแขนไอ้เวรนั่น ผมโดนเตะจนลงไปนอนกองกับพื้น จำไม่ได้ว่ากี่เท้า
ปัง!!!!
แต่ที่แน่ๆ ผมโดนอัดจนสลบไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แสงไฟทำให้ผมต้องปิดตาลงก่อนจะลืมขึ้นอีกที กระพริบตาถี่ๆแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ
"สลบไปสองชั่วโมง" เสียงใสดังขึ้นพร้อมกับปรากฎตัวตรงหน้าผม เขาโน้มตัวลงมาพลางยื่นแก้วน้ำให้
"ตอนนี้ผมอยู่ไหน" ผมถาม ไม่น่าใช่ที่ออฟฟิศแน่ๆ
"ห้องฉัน ฉันไม่มีกุญแจห้องนาย อีกอย่างมานี่ก็สะดวกกว่า" เขาว่า ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ปวดไปหมดทั้งตัวเลย พรุ่งนี้ต้องระบมและไข้ขึ้นแน่ๆ
"โอ๊ย" ผมร้องเมื่อแตะโดนเข้าที่ปาก เห็นเศษซากสำลีเต็มไปหมดก็รู้ได้ทันทีว่าเขาทำแผลให้ผมแล้ว
"เก่งนักหรือไงคิดจะสู้กับหมาหมู่แบบนั้น" เขาถาม ผมเงยหน้านอนพิงโซฟาไว้
"ห้าต่อหนึ่ง ไม่ตายก็บุญแล้ว" เขาว่าต่อ ผมก็หลับตาลงรับฟัง หมดแรงจริงๆ
"เพื่อนผมล่ะ แล้วก็ .." ผมถาม
"กลับบ้านไปละ ส่วนน้องนายก็ให้เพื่อนนายนั่นแหละไปส่งบ้าน คราวหลังพาลูกเขามาไม่ดูแลก็ไม่ต้องพามานะ ลำบากกันไปหมด" เขาพูดเหวี่ยงๆ แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ได้โกรธ เพราะถ้าโกรธจริงๆคงไม่ช่วยกันขนาดนี้
"ขอบคุณที่ช่วยผมไว้" ผมบอก ถ้าไม่ได้เขา ป่านนี้เก้าก็คงจะโดนไอ้พวกเลวพาไปปู้ยี่ปู้ยำ และผมคงจะรู้สึกผิดมากๆถ้าเป็นแบบนั้น
"อยากได้อะไรหรือเปล่า จะกลับห้องเลยไหม" เขาถาม ผมส่ายหัว
"กุญแจห้องอยู่ในรถ ถ้าลมไม่ได้เอารถผมมา ผมก็เข้าห้องไม่ได้" ผมบอก อะไรจะซวยขนาดนั้นชีวิต
"งั้นนอนด้วยกัน เดี๋ยวไปเอาผ้ามาให้" ลมบอกก่อนจะเดินไปหยิบอะไรมานักไม่รู้
"ใช้อันนี้เช็ดหน้าซะ มันออกง่ายกว่าใช้โฟม" เขาเอ่ยยื่นขวดใสๆกับสำลีมาให้
"ทำไม่เป็น" ผมหมดแรง และไม่อยากทำอะไรเลยสักอย่าง
"เออดีเนอะ งั้นก็ปล่อยแบบนี้ทั้งคืนแล้วกัน" เขาว่าก่อนจะเก็บของกำลังจะลุกขึ้น แต่ผมคว้าแขนเขาเอาไว้ก่อน
"เช็ดให้หน่อยไม่ได้หรือไง" ผมถาม จ้องเขาด้วยท่าทางกวนๆ เขาบ่นงุบงิบก่อนจะกระแทกขวดลงบนโต๊ะ
"ให้อาบน้ำให้ด้วยเลยไหม! ใช่เรื่องของฉันไหมเนี่ย!" ลมบ่นแต่ก็ยอมใช้สำลีเช็ดหน้าให้ผม ผมยิ้มก่อนจะหลับตาลง แม้ว่าเขาจะแกล้งผมด้วยการเช็ดแรงๆ แต่ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้ว ร้าวไปหมด สักพักผมก็หลับไปจริงๆ จนเขาเช็ดเสร็จหมดนั่นแหละถึงได้เรียกผมให้ไปอาบน้ำ
ผมเข้าไปอาบน้ำ ใช้โฟมถูอีกหน่อยพอเป็นพิธีก่อนจะเช็ดตัวแล้วใส่เสื้อกล้ามสีขาวตัวโคร่งๆกับบ็อกเซอร์ที่เขาเตรียมไว้ให้
ผมเปิดหน้าท้อง บั้นเอว แล้วก็ที่หลังดู พรุ่งนี้ตรงที่เจ็บจะต้องช้ำแน่ๆ รวมถึงปากและหน้าด้วย เสียโฉมไปอีกหลายวันแน่ๆ
"ทำอะไร" ผมเดินออกมาแล้วพบว่าลมกำลังกางสมุดเล่มหนาแล้วจดอะไรยุกยิก
"รายจ่าย ลองคำนวณคร่าวๆ งานนี้กำไรเกือบล้าน" ลมว่า ตอนนี้เขาอยู่ในเสื้อยืดสีขาวย้วยๆกับบ็อกเซอร์แต่ตัวเล็กกว่าผม
"รวยเลยดิ" ผมบอก ยืนอยู่ตรงนั้นเพราะไม่รู้จะขยับไปไหน
"อือ เอ้า จะยืนอีกนานไหม มานอนดิ" เขาบอก ก่อนจะแบ่งบนเตียงที่ครึ่งนึงให้ผม
"ผมไปนอนข้างนอกก็ได้" ผมบอก แค่นี้ก็รบกวนจะแย่แล้ว อีกอย่างพอเห็นเตียงนี้ ความรู้สึกในอดีตก็พรั่งพรูเข้ามาจนอยากจะทึ้งหัวตัวเอง
"ไม่เป็นไรน่า ฉันไม่กัดหรอก แล้วอีกอย่างถ้านายเผลอทำอะไรฉันล่ะก็ หึๆ ปืนอยู่ใต้หมอนเนี่ย อยากสมองกระจุยก็เอา" ผมกลืนน้ำลายลงคอ ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว ถึงขนาดมีปืนใต้หมอน ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้นะ
ผมล้มตัวลงนอนในพื้นที่ๆได้รับมา เอามือก่ายหน้าผากก่อนจะคิดถึงใครบางคนที่เคยเป็นเจ้าของห้องนี้
'ญ่าเป็นไงบ้าง สบายดีไหมนะ'
ทำได้เพียงแค่คิด แค่ความกล้าที่จะกดโทรออกไปยังไม่มี แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้ฟังเสียงเขาอีกครั้ง
"คิดอะไรอยู่อีก พรุ่งนี้ไข้ขึ้นไม่รู้ด้วยนะ" คนข้างๆว่า เขาค่อยๆล้มตัวลงนอนหลังจากปิดไฟเสร็จ
"ลมเคยรักใครมากๆ มากจนไม่อยากจะเสียเขาไปไหม" ผมถามคนข้างๆ แค่รู้สึกว่าเขาโตกว่าและสามารถทำให้ผมสงบได้
"เคยสิ แต่ความจริงก็คือความจริง ต่อให้พยายามแค่ไหน ถ้าเขาไม่รัก มันก็เท่านั้น" เขาเอ่ยสิ่งที่ตรงกับใจผม ผมหลับตาลงพลางพยายามลืมมัน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกัน อยากจะลืมมันไปให้หมด
"แต่ผมลืมเขาไม่ได้" ผมบอก ยิ่งพยายามลบเขาออกไป ภาพเขาก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก คนในอ้อมกอดตอนนั้น รัก รักพี่ญ่ามากเหลือเกิน
"สักวันนายก็จะลืมได้ ต่อให้นายร้องไห้เป็นหมาบ้าหรือคุ้มคลั่งจนไร้สติ แต่สักวันนายจะลืมเขาไปเอง เชื่อฉัน
ความรักขึ้นอยู่กับคนสองคน ถ้าคนนึงรักแต่อีกคนไม่มันก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด อย่ารักใครมากกว่าตัวเอง จำไว้ ชีวิตนายต้องเดินต่อไป ไม่ใช่มัวแต่จมกับอดีตที่แก้ไขไม่ได้" ลมพูดออกมา ผมสูดหายใจลึกๆอย่างผ่อนคลาย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมเชื่อเขาทุกอย่าง เหมือนเขาสามารถนำทางผมให้เดินไปในทางที่ถูกต้องได้เสมอ
"สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง" เขาคงเห็นผมเงียบไปหลังจากผ่อนลมหายใจ
"ช่วยได้เยอะเลย" ผมบอก ก่อนที่จะนอนคิดอะไรคนเดียวไปเรื่อยๆจนกระทั่งเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
.....
เช้านี้ผมตื่นเพราะพลิกตัวแล้วรู้สึกระบมไปหมด ผมลืมตาขึ้นก่อนจะพบว่าคนข้างๆไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว
ผมเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินตามกลิ่นอาหารมาถึงห้องครัว
หิวขึ้นมาทันที
"อ้าว ตื่นไวเหมือนกันนะ" เขาบอก ลมมักจะชอบใส่ที่คาดผม แม้เขาอายุห่างกว่าผมหลายปีแต่หน้าเขายังดูเด็กมากและใสมากอีกเช่นกัน
"ปวดตัวไปหมดเลย กินได้ป่ะ" ผมบิดตัวก่อนจะนั่งลงหยิบแฮมขึ้นมากิน ถามไปงั้น ดูจานก็รู้ว่าทำเผื่อผมด้วย
เห็นแบบนี้แล้วก็คิดถึงญ่า รายนั้นเขาจะชอบใส่ผ้ากันเปื้อนทำอาหาร น่ารักมากๆ ผมชอบแอบหอมแก้มเวลาที่พี่ญ่ากำลังตั้งใจทำกับข้าว พอเขาหันมาตีผมผมก็จะรวบเขามาหอมแก้ม
คิดถึงชะมัด
"จานนั้นของนาย แล้วก็ยานั่นด้วย" เขาชี้มาที่แก้วเล็กๆใส่ยาอยู่สองสามเม็ด
"กินแล้วไม่ตายใช่ป่ะ" ผมถาม แกล้งเขาน่ะ
"จะตายก็ตอนที่กวนตีนนี่แหละ รีบกินซะ จะได้กินยา" เขาเอ่ย ดุเหมือนหม่ามี้ไม่มีผิด
"ครับ คุณพ่ออออ" ผมตอบรับเสียงยานคางเลยโดนเขาหันมาชี้หน้าใส่
จากนั้นผมก็ลาเจ้าของห้องก่อนจะออกไปกับไอ้เต๋อไอ้โอ้ที่มารับผมไปเอารถ สภาพพวกมันไม่ต่างจากผมมากครับ เพียงแต่มันโดนน้อยกว่า เอารถเสร็จพวกผมก็แยกย้ายกลับ ไม่ไหว ไปไหนต่อไม่ได้แล้ว แค่นี้ก็จะหยอดน้ำข้าวต้มอยู่แล้ว
ผมโทรไปหาเก้า ปลอบใจและขอโทษ ดีที่มันไม่ได้ขวัญเสียอะไรมาก แค่ช่วงนี้โดนกักบริเวณเพราะพ่อแม่จับได้ว่าหนีเที่ยวเท่านั้น
ผมกำลังขับรถกลับแต่นึกขึ้นได้ว่ามื้อเที่ยงไม่มีอะไรกิน ผมขับมาจอดที่ร้านค้าก่อนจะสั่งกับข้าวสามสี่อย่างกับข้าวเปล่าสี่ถุง ทานกับใครน่ะเหรอครับ ก็ข้างห้องผมไง ตอบแทนคุณที่ช่วยผม ให้ที่นอน แล้วก็ทำอาหารเช้าให้
ก๊อก ก๊อก
ผมเคาะประตูอยู่สักพักแล้ว ในมือมีถุงกับข้าวเต็มไปหมด รออยู่นานพอควรแต่ไม่มีคนมาเปิด หรือจะไม่มีใครอยู่
"ลมไม่กลับ พี่ออกไปจากชีวิตลมสักที เราคุยกันแล้ว แม้ลมจะยังรักพี่ แต่ลมเจ็บเกินจะทนต่อไป"
ผมได้ยินเสียงลมคุยกับใครเล็ดลอดมาจากในห้อง แน่นอนแล้วว่ามีแขก คงจะออกมาเปิดประตูไม่ได้
ผมไขกุญแจเข้ามาในห้องตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งมาตรงประตูที่เชื่อมต่อห้องผมกับห้องพี่ญ่าไว้ แอบฟังคนคุยกันคงไม่ตกนรกหรอกนะ
"พี่ขอโทษ ลมยกโทษให้พี่เถอะนะ"
"มันสายไปแล้ว ลมอยู่ด้วยตัวเองได้แล้ว พี่ไม่จำเป็นสำหรับลมอีกต่อไป"
"แต่พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีลม ได้ยินไหมว่าพี่อยู่ไม่ได้" เสียงของอีกคนพูดราวกับจะขาดใจ
"ฮืออออ ทำไมเพิ่งมาพูดตอนนี้! แล้วพี่นอกใจลมทำไม! ทำแบบนั้นทำไม!!!" เสียงของลมเองก็ไม่ต่าง ผมแม่งโคตรอยากจะพังเข้าไปเสียตอนนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ ผมอ่อนแอจนเกินไป
"ยกโทษให้พี่เถอะนะ พี่จะไม่ทำอีกแล้ว เรากลับมาคบกันนะครับ"
ถึงตรงนี้ผมก็ได้ยินแต่เสียงสะอื้นของลม ผมไม่รู้ว่าลมตอบไปว่าอย่างไรเพราะไม่ได้อยู่ฟัง ผมทำแค่เดินมานั่งบนโซฟาก่อนจะหลับตาลง ชีวิตรักของผมก็ไม่ได้เลวร้ายกว่าใครเขานักหรอก แต่เป็นผมเองนี่แหละที่ไม่เคยปล่อยวาง ได้แต่กำมันไว้อย่างนั้นจนความรักของผมมันแตกละเอียดเป็นผุยผงและไม่มีทางกลับคืน
TBC.
Talk: หายไปนานมากกก จากนี้จะกลับมาอัพตามปกตินะคะ
รุ่นพ่อจบแล้ว ส่งต้นฉบับให้ สนพ. เรียบร้อยแล้ว
หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง คิดถึงทุกคนนะคะ
ใครที่รอพี่ญ่า รอหน่อยนะ
รูปประกอบยี่ในงานฮาโลวีนค่ะ