ตอนที่24
พวกเราใช้เรือเหาะเป็นพาหนะเดินทางออกจากเมืองหลวงไปสู่ชายแดนทางเหนือ เนื่องมาจากอัสโตเรียมีอาญาเขตเป็นทรงยาวจากเหนือไปได้ ระยะจากทิศเหนือสุดจรดได้สุดมีความยาวกว่าสามพันกิโล ในขณะที่ระยะจากตะวันออกไปตะวันตกแค่เจ็ดร้อยเท่านั้น
ด้วยความที่ประเทศมีลักษณะเช่นนี้ทำให้ทางตอนใต้มีอากาศอบอุ่น ในขณะที่ทางภาคเหนือมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 8 องศาเท่านั้น
จุดนี้ผมไม่ค่อยแปลกใจ แค่ได้ยินว่าพื้นที่ที่ต้องไปมีพรหมแดนติดกับโรมานอสซาร์ผมก็เตรียมเสื้อกันหนาว ถุงน้ำอุ่น แผ่นคลายหนาว เสบียงแห้งเผื่อต้องหนีหัวซุกหัวซุนลุยหิมะมาพร้อม
แต่การเดินทางของผมคราวนี้นอกจากจะต้องคอยชะเง้อมองหาทางหนีผมยังต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาตาลุงน่าขยะแขยงอย่างวิตกจริตตลอดเวลา
ท่านลูคัสร่วมเดินทางไปกับพวกเราด้วย ตอนเขาเดินขึ้นมาเสนอหน้าบนเรือเหาะผมแทบร้องไห้ ผมถึงกับไปกระซิบขอให้ท่านเอเทมเตะก้นลุงคนนี้ออกไปแต่ท่านเอเทมบอกว่าชายคนนี้ท่านเสนาธิการส่งมา เขาไม่สามารถไล่ได้ ดังนั้นผมจึงได้แต่เดินคอตกอุ้มมันตี้ออกมาหลบมุม
หลังจากโดนมันตี้กัดหูแทบขาดผมก็หุบปากแทบไม่ทัน
ถึงผมจะไม่ฉลาดแต่ผมก็ไม่ได้โง่
แม่ทัพเวท ลูคัส ผู้นี้ต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง
เขาหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เนื่องจากตำแหน่งพันโทของผมไม่เล็ก แถมผมยังเสนอหน้าอยู่ในก่อนทัพมาตั้งครึ่งค่อนปีดังนั้นผมจึงเคยเจอท่านลูคัสมาแล้วไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง
ท่านลูคัสในความทรงจำของผมเป็นชายอายุราว ๆหกสิบ ใบหน้าไม่ค่อยมีรอยเหี่ยวย่นเท่าใดเห็นว่าแกใช้เวทชะลอริ้วรอยบนใบหน้า พูดถึงไอ้เวทนี้ ผมเองก็ลองศึกษามาบ้าง ท่าทางใช้ยากเอาเรื่องแถมต้องใช้พลังเวทค่อนข้างเยอะทำให้ประชาชนทั่วไปใช้ไม่ได้ กะคร่าว ๆต้องเป็นผู้ที่มีมีค่าพลังไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นจึงจะใช้เวทชะลอริ้วรอยนี้ได้
สกินแคร์ แอนตี้เอจจิ้งทั้งหลายจะต้องตะลึงถ้ารู้ว่าโลกใบนี้มีวิธีหน้าใส่ไร้ตีนกาแบบง่าย ๆ
โอเค วกกลับมาที่ท่านลูคัสคนเดิม อย่างที่บอกว่าเขาหน้าเด็กกว่าวัยหลายสิบปี รอยยิ้มอบอุ่น ร่างกายกำยำสมส่วน ท่าทางภูมิฐานใจดี สง่ามีราศีแห่งแม่ทัพ สวมชุดคลุมสีขาวขลิบทองเดินฉุยฉายองอาจ เป็นที่รักของเหล่าลูกน้อง แถมยังเคยให้ลูกอมปรับสมดุลเวทผมมาเม็ดหนึ่ง
ไม่ว่าจะตีลังกามองอย่างไรท่านลูคัสที่ผมเจอมาห้าครั้งก็ไม่ใช่ลุงหน้าเหียกคนนี้!!
ผมเดินหน้าเครียดพาเจ้ามันตี้หลบมุมไปอีกทาง เมื่อแน่ใจแล้วว่าตรงนี้ไม่มีคนอยู่ผมจึงกระซิบถามมัน”ลุงคนนั้นเป็นใคร”
ผมคิดว่ามันกัดผมเสียเลือดสาดขนาดนั้นต้องเป็นเพราะต้องการเตือนให้ผมหุบปาก นั่นแปลว่าเจ้ามันตี้รู้จักชายคนนี้
“โอ้ ท่านลูคัส ช่างองอาจผ่าเผยสมกับค่ำร่ำลือ ๆ”ไม่ทันตอบคำถามผมไอ้แมวผีก็หันหน้าไปทางกำแพงก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตอแหล
ผมรีบขันขวับไปทางด้านนั้นอย่างตกใจ ตรงนั้นผมมองแล้วมองอีกจนมั่นใจว่าไม่มีคนอยู่แท้ ๆแต่พอเจ้ามันตี้ทักปุ๊ป ที่ตรงนั้นก็มีร่างของตาแก่หลังค่อมซึ่งแอบอ้างว่าชื่อลูคัสยืนอยู่จริง ๆ
ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ยิ้มแหยให้อีกฝ่ายก่อนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถามมันตี้ต่อทันทีว่า”นี่ อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องสิมันตี้ ตกลงลุงคนนั้นเป็นใคร เราเป็นแมวมีเจ้าของนะจะเที่ยวไปขออาหารคนอื่นกินแบบนี้อีกไม่ได้”
รอดมั้ย
รอดหน่อยเหอะน่า
“โฮ่ พันโทการันต์ช่างเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงดีเหลือเกิน”เสียงแหบแห้งของอีกฝ่ายดังขึ้น เจ้าตัวยิ้มเป็นมิตรให้ผมก่อนหันเดินไปอีกทาง
“แฮ่ ๆ นิดหน่อย ๆ”ผมตอบเสียงแห้ง โบกมือลาอีกฝ่ายหยอย ๆ
คราวนี้ผมก็ยังคงฉลาดดังเดิม ไม่ต้องรอให้ไอ้มันตี้บอกผมก็สำเหนียกได้ในทันทีว่าลุงลูคัสหน้าใหม่คนนี้ตามสิงผมเป็นเงาและสามารถพรางตัวไร้ร่องรอย มองไม่เห็น สัมผัสไอเวทไม่ได้
[เจ้ารู้จักเวทไร้ตัวตนหรือไม่]เสียงทุ้ม ๆของมันตี้ดังขึ้นในหัวของผม
ผมสะดุ้งในทีแรกแต่ก็รีบเก็บอาการตีเนียนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
[สามารถอำพรางตัวได้อย่างไร้ร่องรอย สะดวกสบายไร้ที่ติ เคยนิยมใช้กับพวกสายลับหรือมือลอบสังหารมาก่อน แต่สภาโต๊ะกลมได้ออกกฎห้ามใช้อย่างเด็ดขาดเมื่อสี่ร้อยปีก่อน เพราะการจะสำเร็จวิชานี้ได้ต้องแล่เนื้อถลกหนังคนเป็น ๆมาคลุมร่างตนขณะฝึกวิชา ป่าเถื่อนไร้อารยะ]
ศาสตร์ต้องห้าม!!
ผมใช้เวทสื่อสารทางจิตไม่เป็นจึงได้แต่ฟังมันตี้เงียบ ๆ
[ทางที่ดีอย่ากระโตกกระตาก จุดประสงค์ของทางนั้นไม่ใช่เจ้า แต่ถ้าเจ้ารู้มากเจ้าจะถูกฆ่า ทางนั้นเองก็คงรู้ข่าวลื่อว่าเจ้าอาจจะครอบครองพลังของเจ้านายเก่าอยู่จึงได้เพ่งเล็งเป็นพิเศษ]
“...”
[ส่วนเป้าหมายของพวกมันคืออะไรล้วนไม่ต้องใส่ใจ ถือโอกาสที่เจ้าอัศวินดำผู้กัดใครไม่เป็นคนนั้นไม่สนใจเจ้าหนีข้ามพรมแดนไปโรมานอสซาร์ซะ]
พูดนะมันพูดง่ายนะ แต่จะให้ผมไม่สนใจเลยจะดีหรือ ท่านลูคัสรู้ทั้งรู้ว่าผมอาจจะมีพลังของดาร์กลอร์ดแต่เขาก็ดีกับผม เอาลูกอมให้ผมกิน บัดนี้เขากลับหายตัวลึกลับแถมมีเพียงผมที่รู้ตัวว่าลูคัสที่เดินลอยหน้าลอยตาอยู่ตอนนี้เป็นคนแปลกหน้า
อัศวินนายอื่นหรือแม้แต่ลันเทียล้วนทักทายปราศรัยกับลูคัสหน้าใหม่คนนี้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
ผมพยามส่งสายตาถามมันตี้ว่าทำไมทุกคนถึงจำท่านลูคัสเดิมไม่ได้ ทว่าเจ้าแมวผีกลับโดดลงจากไหล่ผมพลางบิดขี้เกียจไม่สนใจผมสักนิด
ให้มันได้อย่างนี้!
ผมตัดสินใจเดินไปหาท่านเอเทมที่ห้องพัก ตอนนี้ผมอยู่บนดาดฟ้าเรือ อัศวินส่วนใหญ่รวมทั้งลันเทียกับลูคัสใหม่ก็อยู่บนนี้ มีแค่ท่านเอเทมเท่านั้นที่หายเข้าไปในตัวเรือ
ความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสนั่งเรือเหาะทว่าผมไม่มีอารมณ์มาทัศนาทิวทัศน์เหนือก้อนเมฆอย่างเบิกบาน
เมื่อกำหนดจุดหมายได้แล้วก็เร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องส่วนตัวของท่านเอเทม
“ท่านเอเทม การันต์ครับ”
ผมเคาะประตูสามครั้งตามมารยาท ยืนรออยู่หน้าห้องสามสิบวิพบว่าไม่มีคนตอบกลับจึงลงมือเคาะอีกครั้ง ยอมรออีกสิบวิก็ยังไม่มีใครตอบกลับ
ผมกับมันตี้หันมามองหน้ากันตามสัญชาตญาณ
“แยกกันหา!”เจ้าแมวผีออกคำสั่ง ผมในฐานะทาสก็ได้แต่ก้มหน้าทำตามงก ๆ
เนื่องจากนี้เป็นเรือเหาะของหลวง ขนาดจึงใหญ่และใหม่กว่าเรือเหาะของเอกชน กว่าผมกับมันตี้จะวิ่งรอกหาจนทั่วก็กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
เราสองคนวิ่งกลับมาเจอกันที่หน้าห้องของท่านเอเทม ผมหอบแห่ก ๆหน้าซีดเพราะเหนื่อยแถมยังเครียดสะสม ส่วนมันตี้เองก็มีอาการงุ่นง่านอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เจอแม้แต่เงา!”มันว่าอย่างร้อนรน
ในสถานการณ์ที่มีลูคัสหน้าใหม่ร่วมเดินทางมาด้วยผมคาดว่ามันตี้เองก็รู้สึกระแวงไม่น้อย มาคราวนี้ท่านเอเทมที่ควรจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พวกเรากลับตามตัวไม่เจอแม้แต่เงาอีก!
“ชักไม่ดีแล้ว พวกเราโดดลงกันเลยไหม”สัตว์อสูรของดาร์กลอร์ดเสนอ
“ลันเทียล่ะ”ถ้าผมหนีไปลันเทียที่โดนทิ้งอยู่ที่นี่อาจจะมีอันตราย และถ้าผมขี่มันติคอร์พาลันเทียหนีไปด้วยกันลันเทียก็จะโดนเหมารวมเป็นพวกฝักใฝ่ศาสตร์มืดเหมือนผมทันที
“พันโทการันต์จะไปไหนหรือ”ขณะที่หนึ่งคนหนึ่งแมวกำลังจ้องตากันอย่างเอาเป็นเอาตายเสียงที่ไม่อยากได้ยินที่สุดก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เป็นลูคัสที่เดินกระหยิ่มยิ้มเข้ามา เขาดันผมที่อยู่ขวางประตูห้องของท่านเอเทมอยู่ให้ถอยหลบก่อนจะบรรจงเคาะสามครั้งอย่างใจเย็น ตรงข้ามกับผมและมันตี้ที่หันไปสบตากันด้วยความตกใจ
หลังเสียงเคาะแค่เพียงครั้งเดียวคนในห้องก็เปิดประตูออกมา
เป็นท่านเอเทมคนเดิมแน่นอน เขาหรี่ตามองผมกับลูคัส คงไม่คาดคิดว่าผมกับลูคัสจะมาด้วยกัน ซึ่งเขาคิดไม่ผิด ผมกับลูคัสไม่ได้มาด้วยกัน เป็นผมที่มาก่อนเป็นชั่วโมง เคาะประตูจนมือหงิกแต่เขาไม่ได้ยินสักแอะ
คราวนี้ผมกับมันตี้หันขวับไปมองหน้าลูคัสอย่างพร้อมเพรียง อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มก่อนเอ่ยอย่างสุภาพ”เรียนแม่ทัพใหญ่ อาหารค่ำเตรียมเสร็จแล้ว”
“เดี๋ยวตามไป”พูดจบท่านเอเทมก็ปิดประตูอีกครั้ง
คราวนี้เหลือแค่ผมกับลูคัส ชายหลังคุ้มยิ้มบาง ๆให้ผมก่อนเดินกระทบไหล่จากไป
“นี่มัน...อะไรกันล่ะเนี่ย”
-----------------------------------
ช่วงนี้เนื้อเรื่องเข้มนิดนึง อย่าเพิ่งเบื่อกันเด้อ ฮืออ
#พิชิตใจท่านเอเทม