DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]  (อ่าน 622946 ครั้ง)

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
กำลังจะปะทะกันแล้วววววว
อ่านไปตื่นเต้นไป
แป๊บๆๆจบตอนแล้ว
สนุกเข้มข้นเหมือนเคย
สวัสดีปีใหม่ค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
+1  :กอด1:

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
อ่าา่่ เพิ่งเห็นว่ามาลง เดี๋ยวมาตามอ่าน  :hao7:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อ่านกำลังลุ้นๆ จบตอนซะแล้วอ่ะ ขอบคุณนะคะที่อัพให้อ่านและก็สวัสดีปีใหม่ด้วยค่ะริริ

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายแรงมากนะ

เอาใจช่วยทุกคนเลย

ออฟไลน์ ☾❤Nyanpire❤☽

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1836
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-2
ยอร์ช โดนล้างความจำแล้ว หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นนะ
อยากให้อาซาเจอผู้กุมความลับแล้วคลายที่สะกดจิต
อยากเห็นโยชิกลายเป็นงูจัง

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ยังไงๆ อยากอ่านต่อแล้ว เอเดนกลับตัวกลับใจซะ ที่บ้านให้อภัยละ  :z2:

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
แหมะ ลุ้นตลอดเลยอ่าาา อยากให้พี่ยอชคู่กะเอเดนจริงๆนะ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้ร่างกายแข็งแรง
สมปรารถนาทุกสิ่งอย่างนะค่ะ

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
กรี็ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
น้องปุยเมฆฆฆฆ


พี่ยอร์ช จะจำอะไรได้บ้างป่ะะะะ

ออฟไลน์ Kissing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ขอให้อาซาได้ตัวผู้กุมความลับด้วยเถอะ ตื่นเต้นมากพูดเลย. เอเดน กลับตัวกลบใจเถอะ ไม่งั้นพี่ยอร์ชอาจไม่รักนะ :katai3:

ออฟไลน์ `ลoงสิจ๊ะ™

  • รักคือรัก จะให้หักห้ามใจนั้นยาก
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มาต่อไวๆนะคะ
เอาใจช่วยโยชิ และอาซา นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
B.L.O.O.D.L.I.N.E
T HIRTEEN





       ฟรินน์และอาซาจ้องหน้ากันนิ่งหลังจากที่อาซายอมเล่าความลับที่ตัวเขาเก็บมานานเท่าชีวิตเขาให้คนอื่นรู้เป็นครั้งแรก ไม่นับรวมผมที่เป็นอีกคนที่มีสิ่งนั้นอยู่ในตัว ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคนสองคนชวนให้อกสั่นขวัญแขวน

       “เฮ้อ” สุดท้ายฟรินน์ก็เป็นคนที่เปล่งเสียงถอนหายใจทำลายความเงียบ บรรยากาศอันหนาวเหน็บคล้ายถูกความร้อนค่อยๆละลาย ผมหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้น

       “นายนี่มัน” คำพูดของฟรินน์แผ่วเบามาพร้อมกับใบหน้าที่เหนื่อยล้า ผมเลิกเกร็ง ลุกเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บ เพราะหลังจากที่ทำแผลให้ฟรินน์เท่าที่จะทำได้ อาซาก็เอ่ยปากเล่าเรื่องที่ปกปิดมานานด้วยความลำบากใจ ผมรู้ว่าเขาไม่อยากเล่า แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ปิดต่อไปก็รังแต่จะเสียหาย

       “ฉันจะไม่ขอโทษที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรก” อาซาพูดหน้าขึง เขาเกร็งเครียดจนเส้นเลือดข้างขมับขึ้นนูน

       “ฉันก็ไม่ได้โกรธที่นายไม่บอกหรอกนะ แต่มัน...” ฟรินน์จ้องตากับอาซาเพื่อถ่ายถอดสิ่งที่รู้สึกอย่างไม่อาจสามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้

       “ฉันเข้าใจ”

       “เฮ้อออ” ฟรินน์ถอนหายใจยาวเหยียดอีกครั้ง “เราต้องบอกเรื่องนี้กับคนอื่นด้วย ฉันกับนายไม่น่ารับมือเอเดนกับพวกไหว”

       “ฟรินน์ ที่ฉันบอกแค่อยากให้นายรับรู้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้นายเข้ามายุ่งเรื่องนี้”

       “หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงของฟรินน์แข็งขึ้นมาฉับพลัน

       อย่าว่าแต่ฟรินน์ไม่เข้าใจ ผมเองก็ยังงง

       “ฉันแค่อยากให้พวกนายรับรู้ แต่ปัญหาในตอนนี้มันคือปัญหาของฉันแค่คนเดียว พวกนายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ฉันไม่อยากให้พวกนายต้องมาเดือดร้อน”

       “แล้วนายจะสู้กับพวกมันคนเดียวหรือไง!”

       “แต่มันไม่ใช่เรื่องของนาย!”

       จบคำไม่ทันได้วินาที ฟรินน์ก็พุ่งเข้าหาอาซา ต่อยอาซาหนึ่งหมัดก่อนจะใช้สองมือกำคอเสื้ออาซาแน่น ผมตกใจมากจะเข้าไปห้าม

       “อาซา ใจเย็นๆนะ” ผมเข้าห้ามทั้งคู่ ลูบแขนปลอบคนรักให้สงบ ก่อนจะหันไปพูดกับฟรินน์ “อาซาเขาไม่ได้ตั้งใจนะ อย่าทะเลาะกันเลย”

       ฟรินน์หายใจแรง ใบหน้าโกรธจัด มือยังไม่ปล่อยคอจากเสื้อแต่กลับเค้นแรงจนใบหน้าของอาซาแดงกล่ำ ร่างที่เล็กกว่าอาซาอยู่หน่อยคล้ายจะผองตัวได้ ผิวกายสีขาวขึ้นสีเหลื่อมเป็นเกร็ดงู

       เกรงว่าอารมณ์ฟรินน์จะสงบลงได้ยาก

       “ขอร้องละ หยุดทะเลาะกันเถอะ แค่นี้เราก็แย่พอแล้วนะ” ผมบอกทั้งคู่เสียงอ่อน แววตาฟรินน์อ่อนวูบเพียงนิด อาซาไม่หลบตาเพื่อน เขามั่นคงในคำพูดและการตัดสินใจของตัวเองว่าไม่ได้พูดอะไรผิด จนฟรินน์ยอมกระแทกมือปล่อยตัวอาซาอย่างแรง

       “แค่กๆ” อาซาไอเบาๆ ถึงจะไม่ได้กอบกำที่ลำคอโดยตรง แต่บนลำคออาซาก็ยังมีรอยแดงไปจ้ำปรากฏให้เห็น

       “แกกล้าพูดแบบนั้นได้ยังไงวะ! เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม!!!”

       “ก็เพราะว่าแกเป็นเพื่อนไง ฉันถึงไม่อยากให้แกต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องส่วนตัวระหว่างฉันกับเอเดน!!!”

       “แกไม่เข้าใจคำว่าเพื่อนหรือไง เพื่อนกัน ก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน แต่นี่แก...แกจะให้ฉันหลบอยู่ในบ้านแล้วปล่อยเพื่อนที่รู้จักมาค่อนชีวิตของการเป็นมนุษย์ผิดแผกไปต่อสู้คนเดียวอย่างนั้นเหรอ แกอาจคิดว่ามันเป็นไปได้ แต่ฉันทำไม่ได้!!!” ฟรินน์ตะโกนเดือดดาน น้ำตาคลอเตรียมจะไหล

       “เพราะแกเป็นเพื่อน ฉันถึงได้เป็นห่วง แกจะให้ฉันพาเพื่อนรักที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาซวยด้วยหรือยังไง ถ้าเป็นแกเอง แกจะทำยังไงฟรินน์”

       “...” ฟรินน์ไม่ตอบ ผมน้ำตาไหลเงียบๆอยู่ไม่ไกลพวกเขา ไม่เอ่ยปากเข้าไปยุ่ง ปล่อยให้เพื่อนรักทั้งสองคนพูดคุยกันจนกว่าจะเข้าใจ

       “แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ฉันจะไม่ฟังแก ต่อให้แกไม่ให้ฉันเข้าไปยุ่งเรื่องของแก ฉันก็จะยุ่ง” ฟรินน์เอ่ยหนักแน่นดังภูผา “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ความผูกพันธ์มันมากเกินกว่าเพื่อนไปแล้วเพราะเรากลายเป็นครอบครัว และฉันจะไม่ยอมปล่อยให้คนที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายที่ฉันมีอยู่ไม่กี่คนในชีวิตต้องต่อสู้เพียงลำพัง” ผมสะอื้นเมื่อได้ฟังเสียงที่สั่นเครือ ฟรินน์ที่เคยยิ้มแย้มร่าเริงสดใส บัดนี้เหลือเพียงคนที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้าอาซาอย่างไม่อาย

       อาซาเดินเข้าไปหาฟรินน์ ถึงใบหน้าเขาจะราบเรียบ แต่ผมมองเห็นความเจ็บปวดผ่านดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น

       “ที่ห้ามไม่ให้นายเข้ามายุ่งก็เพราะเป็นห่วง เพราะนายก็เป็นน้องชายที่ฉันรักเพียงคนเดียว ฉันถึงไม่อยากให้นายเอาชีวิตไปสุ่มเสี่ยง”

       “การมีชีวิตจะไม่มีความหมาย ถ้าเราไม่ได้มีชีวิตอยู่หรือทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก”

       “หมายความว่านายจะไม่ฟังฉัน”

       “ฉันโตพอที่จะคิดอะไรเองได้ ไม่จำเป็นที่นายต้องป้อนคำสั่งใส่สมองฉัน” ฟรินน์ทำตาดุ แต่เสียงสั่นเครือ

       “หึ” อาซากระตุกยิ้มมุมปาก “ก็ได้ ฉันยอมให้นายช่วย แต่นายต้องสัญญากับฉันก่อนข้อหนึ่ง”

       “อะไร”

       “อย่าทำอะไรเกินกำลังตัวเอง อย่าให้ตัวเองเป็นอะไร”

       “นายเองก็เหมือนกัน เพราะถ้านายเป็นอะไร เด็กแถวนี้ร้องไห้ขาดใจตายแน่”

       และอยู่ๆสายตาของทั้งคู่ก็เบนมาทางผม บรรยากาศอึมครึมหายไปเกือบหมด มีเพียงดวงตาล้อเลียนจากมนุษย์งูที่คุ้นเคยทั้งสอง

       “อะไรกัน เกี่ยวอะไรกับฉัน” ผมแหวใส่ไม่เต็มเสียง ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย แล้วไหงมาจบที่ผมเสียได้

       “หึหึ หรือไม่จริง ถ้าอาซาเป็นอะไรไป นายคงร้องไห้ขี้มูกโป่ง” ฟรินน์พูดแบบไม่คิดอะไร แต่หารู้ไม่ว่าใจผมกระตุกวูบ

       สิ่งที่ไม่เคยหลุดออกจากความคิด ไม่เคยลืมทุกครั้งที่มีอะไรมาสะกิดก็คือความฝันที่แสนเลวร้าย ความฝันที่พรากอาซาไปจากเขา

       ไม่...มันจะไม่เกิดขึ้นจริง ผมไม่รู้ว่าเอเดนเก่งกาจมาจากไหน แต่ผมเชื่อว่าอาซาเองก็เก่งไม่แพ้ใคร เขามีสิ่งพิเศษอยู่ในตัว เขาจะต้องเก่งกาจกว่าเอเดน ผมเชื่ออย่างนั้น

       “โยชิ” เสียงเรียกอาซาดังใกล้ๆ ผมเหม่อจนไม่รู้ตัวว่าเขามายืนชิดผมตั้งแต่เมื่อไหร่

       “โทษทีๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดให้นายคิดมากนะ” ฟรินน์ก็มายืนอยู่ใกล้ๆ เขายิ้มเผละ ฟรินน์คนเดิมกลับมาแล้ว “นายอย่าคิดมากเลยโยชิ อาซามันหนังเหนียวจะตาย ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก อีกอย่างยังมีฃฉันอีกทั้งคน แค่นี้สบายมาก” เขาปลอบโดยที่ตัวเองก็กรอกตาเหมือนจะไม่มั่นใจสิ่งที่พูดสักเท่าไหร่

       “ไม่เป็นไรนะ” อาซาถามเสียงนุ่ม

       “อืม” รับคำเพราะไม่อยากให้อาซาไม่สบายใจ

       “โอเค จบเรื่องดราม่า ฉันขอสรุปสิ่งที่นายบอกฉันอีกรอบนะอาซา” ฟรินน์จริงจังเข้าเรื่อง ผมและอาซานั่งข้างกัน อาซาโอบไหล่ผมไว้แน่น เขากำลังจะบอกผมว่าเขาอยู่ตรงนี้

       “นายมีหัวใจบาซิลิสก์ และอีกครึ่งอยู่ที่โยชิถูกไหม” ฟรินน์เดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าเรา ผมเวียนหัวนิดหน่อยที่ต้องหันเหสายตาตามร่างของฟรินน์ตลอดเวลา

       “และเอเดนก็ต้องการมันเพื่อที่เขาจะได้ยิ่งใหญ่เหนือใครในโลกหล้า” ฟรินน์พูดถึงสิ่งที่ตัวเองเข้าใจและเป็นสิ่งที่พวกเราก็รู้ในขณะนี้ “ให้ตายเถอะ พี่ชายนายดูหนังมากเกินไปหรือเปล่า ดราม่าครอบครัวและแผนการครองโลกมาเต็ม”

       ข้อสรุปนี้ผมเห็นด้วยอย่างที่สุด

       “แต่ฉันสงสัยอยู่อย่าง” ในที่สุดฟรินน์ก็หยุดเดิน ยืนอยู่ตรงหน้าเราสองคน “ถ้าเขาต้องการมันจริงๆ ทำไมเขาไม่จัดการนายไปซะ แล้วก็แย่งหัวใจบาซิลิสก์อะไรนั่นไปเลย จะต้องวางแผนนู่นนี่นั่น โฉบไปนู่น วูบไปนี่ ฆ่าคนป้ายความผิดให้เรา เขาทำไปทำไม เสียเวลาชัดๆ” ฟรินน์พูดเสียยาวเหยียด อาซาพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อสงสัย

       “ฉันเองก็สงสัย แต่ตอนนี้เราไม่มีทางรู้เพราะเราตามหลังเอเดนอยู่ เขาเป็นคนวางหมากในกระดาษ และเขากำลังควบคุมให้เราเดินตามเส้นทางที่เขาวางไว้ มันอาจจะมีอะไรมากกว่าการที่แย่งหัวใจบาซิลิสก์ไปจากฉัน กุญแจที่สำคัญก็คือ..ผู้กุมความลับที่ทั้งฉันและโยชิได้ยินมา”

       “ผู้กุมความลับ...” ฟรินน์ทำหน้าเหยเก “การมีพวกเราอยู่บนโลกใบนี้มันยังไม่พิสดารพอหรือไงวะ น่าปวดหัว”

       “ฉันไม่น่าปวดหัวกว่าหรือไง” ผมย้อนฟรินน์ขำๆในสถานการณ์ที่เคร่งเครียด อย่างเขาที่อยู่มาเป็นพันๆปี ยังไม่ชินหรือไงที่โลกนี้มันแปลกประหลาดกว่าที่เคยคิด

       ฟรินน์หัวเราะแก้เขิน “นั่นสินะ ฮะๆ”

       เมื่อไม่มีมุขตลกขำขันแก้เครียด ก็เกิดความเงียบขึ้นอีกรอบ

       “นายจะบอกเรื่องนี้กับคนที่เหลือไหม”

       “อืม” อาซาตอบ “แล้วพวกเขาไปไหน”

       “เฝ้าระวังอยู่แถบอื่น” ฟรินน์ว่า

       “ยังไม่รู้เรื่องที่นายเจอตัวไอ้คนร้ายใช่ไหม”

       “ยัง ฉันอยู่ใกล้นายที่สุดถึงได้ตกลงไปบนรถนายไง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้บอกใคร”

       “งั้นเอาอย่างนี้” อาซาขยับตัวนั่งในท่าทางเตรียมตั้งรับ สองมือวางประสานบนหน้าขา โน้มตัวไปข้างหน้า สายตามองผมและฟรินน์ “เราจะให้พวกเวสตัวไปล่าตัวคนร้าย ถ้านี่เป็นแผนที่เอเดนต้องการล่อเราไปทางอื่นจริง เราจะยังคงเดินตามแผนของเขาเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าเราตามเกมเขาทัน”

       เมื่อเริ่มวางแผนผมเกิดอาการตื่นเต้น ตั้งใจฟังอาซาพูดและคิดตามไปด้วย อาซาถือเป็นน้องชายของเอเดน เขาเคยอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เพราะฉะนั้นคนที่จะไล่ตามความคิดเอเดนทันก็มีแต่อาซา เหมือนที่เอเดนรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับนิสัยใจคอของอาซา

       นี่หรือคนที่เกลียดกัน

       แต่แล้วความตื่นเต้นของผมก็ถูกกลบฝังมิดด้วยประโยคเดียวของอาซา

       “โยชิ อยู่ที่บ้าน ห้ามออกไปไหน เราจะเริ่มจาก...”

       ผมไม่สามารถตั้งใจฟังในสิ่งที่อาซากำลังพูดได้อีกต่อไป ความตั้งใจที่จะช่วยของผมถูกเขาทำลายยับ ตัวเริ่มสั่นด้วยความโกรธที่เริ่มจะปะทุและก่อเกิดความเสียใจที่อาซามองข้ามผม

       “ไม่!”  เสียงตะโกนของผมหยุดการสนทนาระหว่างบุคคลสองคน

       “โยชิ...” อาซาเข้ามาหมายจะจับตัวผม แต่ผมเบี่ยงตัวหนี ถึงจะไม่พ้นมือเขา แต่ทำให้เขารู้ว่าผมไม่ต้องการให้เขาถูกตัว

       “ที่นายพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง” ผมพูดอย่างยากเย็น ก้อนเหนียวๆจุกอยู่ในลำคอ

       “พูดอะไร” อาซาทำไม่รู้เรื่อง ฟรินน์นั่งหน้าเหวอเงียบๆเป็นท่อมไม้ประดับห้องนั่งเล่น

       “ก็ที่นายบอกว่าให้ฉันอยู่บ้านไง นายหมายความว่ายังไง”

       “ก็หมายความว่าอย่างนั้น” เขาพูดย้ำเหมือนว่ามันถูกต้องที่สุด ไม่มีอะไรที่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับผม

       ผมหัวเราะเหอะ เป็นอีกครั้งที่เขาไม่คิดจะให้ผมเข้าช่วย “จะต้องให้ฉันย้ำไหมว่าฉันก็เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ฉันดูแลตัวเองได้ ถึงฝีมือมวยของฉันจะได้แค่พื้นฐาน แต่ฉันคิดว่ามันน่าจะต่อยนายให้ร่วงลงพื้นได้ อยากลองไหมละ” ผมชูกำปั้นหมายจะทำอย่างที่พูด เสียงฟรินน์ห้องเฮ้ยเบาๆ แต่อาซานั่งนิ่งจ้องผมตาเหี้ยม

       “ฉันรู้ว่านายดูแลตัวเองได้ และฉันไม่เคยมองนายเป็นผู้หญิงเลยสักครั้ง แต่โยชิ นายควรต้องเข้าใจ เรื่องนี้มันอันตรายมากเกินที่นายจะออกมาช่วยฉัน เพราะแม้แต่ฉันเองยังไม่แน่ใจว่าจะรับมือได้โดยที่ไม่เลือดตกยางออก” เขาอธิบายอย่างกังวลในขณะที่ผมเบือนสายตาหนีไม่อยากมองหน้าเขา

       “นายก็รู้ว่าฉันเป็นห่วงนายมาก เราทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่นายควรจะจำเอาไว้ให้แม่นยำก็คือ นายเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ส่วนเอเดนและพวกเป็นมนุษย์กลายร่าง นายสู้เขาไม่ได้ ถ้านายไป รังแต่จะแย่”

       ผมเข้าใจ เข้าใจทุกอย่างที่เขาพูด รับรู้ถึงความจริงที่เขาพยายามพร่ำบอก แต่ผมก็ดื้อรั้นพอที่อยากจะทำตามใจตัวเอง

       “ขอให้ฉันไปกับนายเถอะ ให้ฉันรออยู่ในมุมใดมุมหนึ่งก็ได้ที่พอจะเห็นนายอยู่ในสายตา ฉันไม่อยากรอคอยอยู่ในบ้านโดยที่ไม่เห็นว่านายจะเป็นตายร้ายดียังไง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ฉันคงเสียใจที่ตัวเองทำได้แค่รอ” ผมเองก็อยากให้เข้าใจในความเป็นผม 

       “ฉันขอเสนอ” ฟรินน์ยกมือขึ้นแทรก ผมและอาซาหันมองฟรินน์พร้อมกัน

       “อะไร” อาซาถามหน้านิ่ง

       “ก็ถ้าโยชิอยากไปด้วย ฉันว่าเราก็ยังพอมีทางอยู่บ้าง แต่นายน่ะ” เขาชี้นิ้วมาทางผม “ห้ามทำตัวให้ตกเป็นเป้าอันตรายโดยเด็ดขาด”

       “จะพยายาม” ผมพูด ฟรินน์เลยถลึงตาใส่ผมเคืองๆ

       “ว่ามา” อาซาที่เงียบไปพูดขึ้น

       “คือเราก็ยังไม่มีแผนการที่แน่ชัด เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าชาร์ลกับเบนจะกลับไปที่คอนโดนั่นอีกไหม และเราไม่รู้ด้วยว่าเอเดนจะกลับมาเมื่อไหร่ สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือไปคุยกับเจ้าแมวสายสืบ ในขณะที่ทางอื่นก็กระจายตัวลูกน้องให้ช่วยสอดส่อง ฉันว่าระหว่างนี้ก็น่าจะพาโยชิไปได้ คืออย่างน้อยก็คงจะไม่ได้ปะทะกันจังๆในเร็วๆนี้”

       “ก็ไม่แน่” อาซาพูดไปตามอารมณ์ที่เดือดจัดอยู่ข้างใน เพียงแค่เขาไม่แสดงออกมา

       “เออน่า หรือแกจะปล่อยให้โยชิอยู่บ้านสักหนึ่งชั่วโมงหลังเราคล้อยหลังออกจากบ้านแล้วเด็กแกก็แอบนี้ตามไปซนเนี่ยนะ”

       “ฟรินน์” ผมปรามฟรินน์เสียงต่ำที่ว่าร้ายผม แต่ดูเหมือนว่ามันจะช่วยให้อาซาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

       “ก็ได้”

       เป็นอันว่าภารกิจนี้มีผมร่วมด้วย และอาซาจะต้องนึกเสียใจที่ไม่ให้ผมไปด้วยตั้งแต่ทีแรก

       


       ต่อข้างล่าง

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
ฟรินน์โทรไปบอกเวสตันถึงเรื่องของคนร้าย ให้ข้อมูลที่มีกับเวสตันในการตามตัว ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้อาซาคุยกับเวสตัน อาซาบอกเล่าเรื่องทั้งหมดให้เวสตันฟังคร่าวๆผ่านโทรศัพท์และเอ่ยปากให้ช่วยจัดการทางโน่นให้ที การพูดคุยกับเวสตันดูไม่มีปัญหา คงเพราะเวสตันเป็นพี่คนโตและมักใช้เหตุผลก่อนอารมณ์เสมอ จึงเข้าใจอาซาโดยง่าย

       ฟรินน์เป็นคนขับรถ อาซานั่งข้างๆ ส่วนผมนั่งเบาะหลัง แต่ผมนั่งเกาะเบาะอาซาไปตลอดทางเพราะอยากมีส่วนร่วม เส้นทางไปสู่ที่นัดหมายกับปุยเมฆค่อนข้างชวนสับสน เราเข้าซอยเล็กๆเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเป็นสิบรอบจนน่าสับสน ถ้าลองทิ้งผมไว้ตรงนี้ ผมคงไม่มีทางออกไปถนนใหญ่ได้ จนกระทั่งจอดรถหน้าตึกร้าง กำแพงที่ฉาบด้วยอิฐแดงแบบหยาบๆ ปูดที่ฉาบปิดเริ่มผุกร่อน ประตูทางเข้าเป็นประตูเหล็กขึ้นสนิม ไม่มีกุญแจคล้องปิดไว้

       “ที่นี่เหรอวะ” ฟรินน์กวาดตามองสภาพสถานที่นัด

       “อืม ลงไปกันเถอะ”

       สภาพภายในรกร้าง ฝุ่นบนพื้นหน้าเกรอะกรัง น่าจะเคยเป็นร้านอะไรสักอย่าง ดูได้จากหน้าต่างที่มีอยู่เกือบสิบบานรอบตึก แสงจากภายนอกจึงสามารส่องเข้ามาให้ความสว่างภายใน แต่กระจกได้แตกพังไปหมดแล้ว มีโต๊ะและเก้าอี้วางประปรายในสภาพล้มกองอยู่บนพื้น ฟรินน์และอาซาเดินสำรวจรอบๆ ก่อนจะก้มหยิบเก้าอี้ขึ้นมาตัวหนึ่ง แค่ขยับเก้าอี้ก็ดูเหมือนว่าพายุฝุ่นย่อมๆจะก่อตัวขึ้น

       “ออกไปรอข้างนอกไหม” ฟรินน์ออกความคิดเห็น

       เมี๊ยวววว

       เราทุกคนหันหลังขวับ เจอปุยเมฆเดินมาข้างหลัง จนกระทั่งหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเรา

       “ทำไมมีแต่กลิ่นแมวปกติ” ฟรินน์ถามอาซาเสียงเบา ผมมองปุยเมฆแล้วรู้สึกขนลุกแปลกๆ แววตาของแมวตัวนี้แข็งทื่อเหมือนไม่ใช่ตัวเดียวกับที่อยู่กับเติร์ด

       “ก็นี่เป็นร่างแยกไง” อาซาเฉลย

       “งั้นก็กลายร่างเป็นคนไม่ได้น่ะสิ”  ฟรินน์ย่อนั่งรถเสมอเจ้าแมวน้อย เอื้อมมือไปหวังจะลูบหัว แต่ปุยเมฆยกเท้าหน้าตบมือฟรินน์อย่างแรง “โหๆ หวงตัว ได้ข่าวว่าตัวผู้เหมือนกันเหอะ”

       “เขาฟังนายรู้เรื่องเหรอฟรินน์” เพราะฟรินน์พูดภาษาคนปกติ แต่จะว่าไป เติร์ดก็พูดกับปุยเมฆภาษาปกติแต่ปุยเมฆก็เข้าใจ แต่ทำไมอาซาถึงได้พูดภาษาสัตว์กับปุยเมฆเมื่อเช้า

       “รู้เรื่องสิ แต่จะไม่รู้เรื่องทุกคำ เพราะปุยเมฆกลายร่างเป็นคนไม่ได้ ถ้าพูดตามสัญชาตญาณสัตว์จะรู้เรื่องมากกว่า” อาซาเป็นคนตอบ

       เมี๊ยววววว!

       เริ่มรู้สึกว่าปุยเมฆเริ่มหงุดหงิด

       จากนั้นอาซาก็เริ่มคุยกับปุยเมฆอีกครั้ง มีฟรินน์พูดแทรกบ้างประปราย แต่เพียงแค่ไม่กี่ประโยคปุยเมฆก็หยุดพูด แต่เขียนอะไรสักอย่างโดยใช้เท้าหน้าลงบนพื้นที่มีฝุ่นหน้าเตอะแทน ภาษาอังกฤษค่อยๆประกฎชัดขึ้นทีละตัว จนกระทั่งเสร็จ

       599/3  Madtha alle, SukhumvitX Rd, Bangkok

       ที่อยู่ใคร เอเดนเหรอ ไม่ใช่คอนโดเดียวกับเติร์ดหรอกเหรอ

       เมี๊ยวๆๆ เมียวๆ เมี๊ยวว

       ซี่ ซู่ ชู่วว ซรี่

       จบการพูดคุยแค่นั้นแล้วปุยเมฆก็หายไป อาซาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปที่อยู่ไว้ก่อนที่ฟรินน์จะใช้เท้าเกลี่ยฝุ่นจนตัวอักษรหายไปจนไม่สามารถอ่านอะไรได้

       “ว่าไงบ้าง” ผมถามด้วยความอยากรู้

       “ปุยเมฆแอบเข้าไปในห้องของพวกนั้นตอนที่ไม่อยู่ จนไปเจอเอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายบ้าน ก็คือที่นี่ และตอนนี้พวกนั้นอยู่ที่คอนโด ชาร์ลและเบนกำลังรอเอเดนอยู่ และตอนนี้เอเดนก็ยังมาไม่ถึงกรุงเทพ ปุยเมฆเลยคิดว่านี่น่าจะเป็นที่อยู่ที่เอเดนจะพาตัวผู้กุมความลับไปซ่อน”

       “ร้ายจริงๆเลยพี่ชายนาย” ฟรินน์บ่นเสียงเบา

       “เราจะไปที่นั่นกันเลยไหม” ผมถาม ยื่นหน้ามองที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของอาซา แต่ให้ตายเถอะ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ตรงส่วนไหนของกรุงเทพฯ

       “มีใครไปถูกไหม” อาซาถามพวกเรา ผมและฟรินน์มองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้า ชีวิตผมอยู่แต่เชียงใหม่ ถ้าเป็นที่อยู่ที่นู่นผมอาจจะรู้หลายซอกหลายมุม แต่ที่กรุงเทพจนปัญญาจะรู้จริงๆ

       “งั้นเราก็ต้องสะกดรอยตามสองคนนั้นไป ถ้าเสียเวลาหาเองคงไม่ทัน”

       อาซาเดินนำกลับไปที่รถ ขับรถกลับไปที่คอนโด ฟรินน์ออกความเห็นว่าเราควรเปลี่ยนรถ โดยฟรินน์มีคนรู้จักเปิดอู่ซ้อมรถเลยไปยืมมาใช้ก่อนได้ ได้มาสองคัน แยกเป็นผมกับอาซาคันหนึ่ง และฟรินน์อีกคันหนึ่ง สภาพรถที่ยืมมาค่อนข้างดูดี เป็นรถแต่งที่ใช้แข่ง เครื่องยนต์แรง และที่สำคัญกระจกมืดทึบ มองจากข้างนอกจะไม่เห็นข้างใน แต่ถ้ามองจากข้างในจะเห็นด้านนอกชัดแจ๋วมาก

       เราจอดรออยู่หน้าคอนโดจนกระทั่งหกโมงเย็น ที่เราเห็นรถของชาร์ลและเบนขับออกมา ฟรินน์ที่จอดเลยจากคอนโดไปหน่อยพูดคุยกับอาซาผ่านบลูทูธ ฟรินน์จึงเร่งเครื่องแซงหน้าชาร์ลกับเบน ส่วนเราก็ขับตามหลังห่างๆ

       เหตุผลที่ต้องแยกรถเป็นสองคันก็เพราะว่า เพื่อพวกนั้นระแคะระคายคันใดคันหนึ่งในสองคัน จะได้ไม่พลาดท่าไปเสียทีเดียว ผมแอบเห็นเจ้าปุยเมฆอยู่บนรถของสองคนนั้นด้วย

       “ปุยเมฆไปอยู่บนรถพวกนั้นได้ไง” ผมถามไม่เข้าใจ

       “ฉันต้องการให้เขาสะกดรอยตามไปกับพวกนั้น แต่ตอนที่พวกก็ไม่คิดว่าจะทำได้”

       “แล้วปุยเมฆจะไม่เป็นอะไรเหรอ” ผมเป็นห่วงเจ้าแมวน้อยมาก

       “ไม่หรอก ถึงเป็นอะไร ร่างนั้นก็เป็นแค่ร่างแยก แต่ร่างจริงก็ยังอยู่กับเพื่อนนาย แต่ถ้าเกอดอะไรกับร่างแยก เก้าชีวิตที่เคยมีก็จะเหลือแค่แปด”

       “แล้วถ้าสมมุติว่าตายหมดทั้งแปดชีวิตโดยที่ไม่รวมร่างจริงละ” อันนี้ถามด้วยความอยากรู้ล้านๆ

       “ก็จะเหลือชีวิตเดียวก็คือร่างจริงไง ถ้าตายอีกก็ตายสนิท” อาซาตอบคำถามผมแค่นั่นก่อนจะเพ่งสมาธิในการขับรถตามชาร์ล

       จังหวะที่รถของศัตรูเลี้ยวไปตามแยก อาซาและฟรินน์จะสลับกันเปลี่ยนเส้นทาง เพื่อไม่ให้พวกนั้นสงสัยว่าเราขับตามเขาตลอดเวลา ถ้าอาซาขับไปทางอื่น ฟรินน์จะเป็นฝ่ายที่ขับอยู่ใกล้รถของฝ่ายตรงข้าม หรือถ้าฟรินน์แยกตัวไปคนละทางกับชาร์ล อาซาก็จะขับเข้าเส้นทางที่บรรจบกับรถของอีกฝั่งได้ราวกับถูกคำนวณเอาไว้

       “นายทำได้ยังไง” ผมถาม เหมือนพวกเขาได้เตี้ยมกันเอาไว้ มันดูเหมาะเจาะไปหมด

       “เวลาขับรถให้มองเส้นทางเป็นภาพในหัว บางเส้นฉันเคยขับผ่าน เคยซอกแซกก็จะรู้ว่าเส้นในจะไปโผล่ที่ตรงไหน นายยังไม่คุ้นเส้นทางในกรุงเทพก็จะมีงงบ้าง แต่ถ้าเป็นที่แถวบ้านนาย นายก็พอจะมองออกถูกหรือไม่”

       “อืม...ฉันตื่นเต้นจัง” ผมบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ไม่ถูก เหมือนอยู่ในหนังสุดระทึก ใจเต้นสั่นตลอดเวลา แต่จะหนักยิ่งกว่าเพราะนี่เป็นสถานการณ์จริง แอบกลัวทุกขณะว่าจะถูกจับได้ แต่เท่าที่ดู พวกนั้นน่าจะยังไม่สงสัย เพราะยังขับรถตามปกติ ความเร็วไม่มากไปกว่าเดิม ไม่เร่งหนีหรือเล่นตุกติก

       จนกระทั่งรถของพวกนั้นเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางที่เป็นซอยหมู่บ้าน ค่อนข้างเปลี่ยว บ้านแค่ละบ้านอยู่ห่างกัน อาซาชะลอรถไม่เลี้ยวตามเข้าไป พร้อมคุยกับฟรินน์ “แก้เลยไปอีกซอยหนึ่ง จะเป็นซอยที่ละลุถึงกันได้ ถ้าแกขับตามทัน แกจะเห็นว่าพวกนั้นขับไปทางไหน” อาซาและฟรินน์โต้ตอบกันตลอดเวลา ไม่นานอาซาก็ขับรถตามเข้าไป มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง อาซาจอดรถ ผมงงว่าเขาจะทำอะไร อาซาลงรถไป จัดการทำอะไรสักอย่างจนสามารถเปิดประตูรถคันนั้นได้

       “นายจะทำอะไรอาซา นายจะขโมยรถเหรอ” ผมอุทานเสียงเบา อาซาจุ๊นิ้วที่ปากให้ผมเงียบ ก่อนจะเปิดท้ายรถคันที่เราขับมา แล้วลงมือติดป้ายทะเบียนปลอมทับซ้อนป้ายจริง จนดูไม่ออกว่ามันซ้อนทับกันอยู่ ผมมองดูเขาจับนู่นเปลี่ยนนี่ด้วยความตื่นตระหนกจนเสร็จ เขาดันตัวผมให้เขาไปนั่งในรถคันใหม่ ต่างจากคันเดิมลิบลับ

       อาซานั่งประจำที่คนขับ ผมนั่งไม่เป็นก้นเพราะรู้สึกไม่ดี “อาซา ทำแบบนี้ไม่ดีนะ”

       “แค่ยืมใช้ เดี๋ยวเอามาคืน ถึงเราจะใช้วิธีขับรถตามแบบแนบเนียน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะจำรถเราไม่ได้ ขนาดเมื่อกี้ฉันยังทำได้เลยว่ามีรถที่เคยผ่านตาไปแล้วกี่คัน พวกนั้นก็ต้องจำได้ ทางที่ดีเปลี่ยนรถไว้ก่อนดีกว่า”

       “แล้วฟรินน์ละ” อาซาเริ่มออกรถไปตามเส้นทาง

        “มันเองก็เปลี่ยนเหมือนกัน เดี๋ยวเพื่อนมันจะมาเอารถกลับ”

        “แล้วนายเอากุญแจที่ไหนขับรถชาวบ้าน” ผมไม่ได้สังเกตในตอนแรกว่าเขาสตาร์ทรถมาได้ยังไง

        “เพื่อนของฟรินน์เอากุญแจผีมาให้ พวกนั้นก็เป็นเหมือนพวกเรานั่นแหละ”

        ถ้าจะสุดยอดขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเรื่องจริง ผมจะคิดว่าตัวเองหลุดเข้ามาในกองถ่านหนัง ในโลกใบนี้มีอะไรที่ผมไม่เคยรู้ไม่เคยสัมผัสเยอะมาก อยู่อย่างตอนนี้สิ ผมกับอาซากลายเป็นโจรขโมยรถไปแล้ว

        “เห็นพวกนั้นแล้วใช่ไหม” อาซากลับไปคุยสายกับฟรินน์ “ดีมาก นายจอดรถอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวฉันขับไปดูเอง”

        อาซาขับรถตรงไปเรื่อยๆ ก่อนจะเลี้ยวขวา เจอรถอีกคันที่ฟรินน์ขับมาทีแรกจอดอยู่ แต่ในนั้นไม่มีคน อาซาเลี้ยวซ้ายและขับตรงไปเรื่อยๆราวห้านาทีก่อนจะเลี้ยวขวาและซ้ายอีกทีตามลำดับ ตรงไปประมาณสองห้าร้อยเมตร อาซาก็จอดรถตรงริมทาง สองข้างทางไม่มีบ้าน แต่จะมีอยู่หลังที่ข้างหน้าไกลออกไปไม่เท่าไหร่

        “หลังนั้นนะเหรอ” ผมถามเสียงเบา กลัวเสียงตัวเองจะเล็ดลอดให้คนอื่นที่ไม่ใช่อาซาได้ยิน ท้องฟ้ามืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากสองข้างทางเท่านั้นทีให้ความสว่าง แต่ก็ไม่มาก เพราะเป็นซอยเปลี่ยว

        “น่าจะใช่” อาซาหันมาปรับเบาะที่นั่งของผมไอ้เอนลงจนกลายเป็นนอนราบ ผมตกใจตาโต

        “นายจะทำอะไร”

        อาซาเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “แล้วนายคิดว่าฉันจะทำอะไร” เขาก้มลงมากระซิบที่หู ริมฝีปากเย็นขบเม้มใบหูเบาๆ

        ผมยกมือดันตัวอาซาไม่ให้ก้มต่ำลงมามากกว่านี้ ดวงตาของเขาเป็นกระกายหยอกล้อ

        “นี่! หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้นายยังจะลามกได้อีกเหรอ” ผมปราบเสียงเข้ม แต่เบาเท่าเสียงหมด

        “กับนาย ฉันลามกได้ทุกที่ทุกเวลานั่นแหละ” เขายักคิ้วหลิ่วตาได้น่าหมั่นไส้ที่สุด

        “มันน่าภาคภูมิใจนักเหรอไง” ผมทำตาขวาง

        “ภูมิใจสิ เพราะการที่ฉันได้ ‘รัก’ มันคือเรื่องพิเศษที่สุดในชีวิตฉันที่หาไม่ได้จากที่ไหน”

        “แต่มันต้องไม่ใช่เวลานี้” ผมผลักหน้าอาซาที่ก้มกระซิบติดริมฝีปากของผมออกและพูดด้วยเสียงที่ดังในระดับหนึ่ง นึกขึ้นได้ก็ต้องยกมือปิดปาก

        “ฮ่าๆๆ ก็อย่าทำตัวให้น่าแกล้งสิ” อาซาดึงตัวออกจากตัวผม เขาขยี้หัวผมจนขึ้นฟู

        “ก็ดูน่าทำเข้าสิ” ผมบ่นอุบ มองเขาปรับที่นั่งตัวเองเอนตามผม

        “ฉันแค่ปรับที่นั่งไม่ให้ใครเห็นว่ามีพวกเราอยู่กันบนรถ คันนี้ไม่ได้ติดฟิล์มหน้าทึบเหมือนคันนั้น เราต้องระวังตัว” เขาเฉลยบอก แต่ทำให้ผมหน้าร้อนเห่อกับอาการคิดไปเองคนเดียว แถมคิดเรื่องบ้าๆเสียด้วย

        อายไหมละโยชิ!!!

        บรื๊นนนนนนนนน

        ผมและอาซาทำตัวเกร็งเมื่อได้ยินเสียงรถดังเข้ามาใกล้มาขึ้นเรื่อยๆ จนรถคันนั้นขับผ่านเราไป อาซาผงกหัวขึ้นมอง ผมแอบทำตาม เห็นไฟแดงท้ายรถคันนั้นหายเข้าไปในบ้านตรงข้าม

        “ฉันได้กลิ่นหมาป่า และที่แน่ๆ แม้จะกลบกลิ่นตัวเองยังไง แต่ฉันว่าฉันได้กลิ่นเอเดนจากรถคันเมื่อตะกี้” 

        แสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว อาซาต่อสายหาฟรินน์อีกครั้ง บอกให้ฟรินน์เตรียมตัวมาสมทบ รอไม่นานฟรินน์ก็ตามมา

        “ฉันจอดรถอีกคันไม่ไกลจากนี้” ฟรินน์กระซิบบอก

        “ดี” อาซาล้วงหยิบขวาดแก้วขนาดเล็กของอาซาจากกระเป๋าเสื้อยีนส์ตรงหน้าอก เขาเขย่าขวดและใช้นิ้วแตะน้ำข้างในนั้นที่จุดชีพจรตามร่างกายผมและตัวเขาเองก่อนจะส่งให้ฟรินน์

        “นี่เป็นกลิ่นสุนัข จะช่วยพลางไม่ให้พวกนั้นไม่ได้กลิ่นเราในช่วงเวลาหนึ่ง” อาซาบอก ผมหยักหน้าหงึกหงัก

        “เมื่อตะกี้เวสตันโทรมาบอกว่าจับไอ้ตัวการฆ่ามนุษย์ได้แล้ว ตอนนี้กำลังจะพามันไปที่บ้านพักของเราแถบชานเมือง”

        “โอเค” อาซาหันมามองผม “รออยู่ที่นี่นะโยชิ ฟังสถานการณ์ข้างในไว้ให้ดีๆ ห้ามนายออกไปจากรถจนกว่าฉันและฟรินน์จะกลับมา ต่อให้ได้ยินเสียงอะไรก็แล้วแต่ห้ามออกมาจากรถ อย่าให้ใครเห็นนาย แถวนี้มีพวกมันคอยซุ่มดู นายจะไม่ปลอดภัย”

        “ได้” คราวนี้ผมไม่ดื้อดึง ทำตามแต่โดยดี แค่อาซาให้มาด้วยผมก็รู้สึกดีขึ้นที่ตัวเองพอจะช่วยอาซาได้บ้างแล้ว

        “อย่าลืมรักตัวเองเด็ดขาดนะโยชิ ฉันไม่อยากพรากจากนายอีกแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันให้นายมาด้วย นายต้องรักษาสัญญา เข้าใจไหม” เขาย้ำกับผมเหมือนผมเป็นเด็กๆ แต่ผมก็รู้ดีที่สุดว่าเขาเป็นห่วงถึงได้กังวล

        “เอาละ ได้เวลาของเราแล้ว” อาซาหันไปพูกกับฟรินน์ ก่อนที่ทั้งคู่ลงจากรถแล้วกลายร่างเป็นงูตัวปกติเลื้อยไปตามทางในความมืด


        “ขอให้อาซาได้ตัวผู้กุมความลับอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ”


       
…….
        ว่าจะลงให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เผอิญตอนนั้นลืมใส่รายละเอียดบางอย่างเลยออกไปทำงานก่อน วันนี้เลยแก้ไขและมาลงให้แทน กว่าจะลากออกมาได้แต่ละตอน แทบแย่เลย โทษตัวเองละกันที่เลือกแต่งนิยายยากๆ แต่เราจะไม่หยุด เราจะพยายามเพื่อคนอ่าน
        ใครยังอ่านอยู่ก็เม้นบอกกันหน่อยเนอะ ขอกำลังใจนิดหนึ่งนะคะ ผิดพลาดตรงไหนบอกกันได้นะคะ จะได้ปรับปรุง
        ใครที่รอน้องโยแปลงร่างเป็นงูน้อยได้ ก็รออีกนิดนะ ความฝันใกล้เป็นจริงละ อิอิ
        รักคนอ่าน  :mew1:
        ริริ
       

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เย้!!! กลับมาต่อแล้วววววววววว :mc4:
ตอนนี้แอบลุ้นอะ จริงๆหลังๆมาก็ลุ้นทุกตอน  :katai1:
ขอให้อาซาคำนวณได้ถูกต้องด้วยเถอะ
ปล. เอเดน × ยอร์ช นี่ยังอวยคู่นี้อยู่นะ :laugh:
รอตอนต่อไปน้าาาาาา สู้ๆ

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
โอ๊ยยยย คุณพระ!!!  ฉันลุ้น  :ling3:
รอตอนต่อไป ค้างคาในอารมณ์ :z3:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ว้าววว มาต่อให้แล้ว

ขอตัวไปอ่านก่อนจ้า

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
อ่านเพลิน จนรู้สึกว่าสั้นจัง อิอิ

ตอนหน้าจะสนุกและตื้นเต้นแน่ๆ

อยากให้ปุยเมฆกลายร่างเป็นคนได้จัง

พระเอกนายเอกของเราก็หวานกันตลอดเลย

อยากรู้เรื่อง เรื่องของเอเดนกับพี่ยอร์ชจัง

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
โอ๊ยยยยย.....ลุ้นสุด ๆ เลยนะนี่ห้าไปไรไปนะหนูโย.....
ถูกต้องอวยคู่นี้ด้วยคน  เอเดน+ยอร์ช....หุหุ....

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ลุ้นๆๆๆ

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เย้เย้ มาต่อแล้ว คืออ่านแบบลุ้นตลอดเวลา กังวลจริงๆ
กลัวจะเกิดอะไรที่ร้ายแรงกับพวกอาซา
ขอให้นำตัวผู้กุมความลับมาได้เถอะ ป้าอยากไขปริศนา

สู้ๆนะค่ะ ริริ จุ๊บบบ

ออฟไลน์ hikikomori

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-4
อิอิ รอโยแปลงเป็นงูได้จ้า
ไม่ใช่ไร  อยากเห็นโยชิบู๊บ้าง ถ้าให้ต่อยมวยท่าจะไม่รุ่ง 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
มาลงชื่อว่าประทับใจอีกคน ชอบอ่านแนวแฟนตาซีโรมาน์แบบนี้จัง
เป็นกำลังใจให้นะ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ตื่นเต้นอ่ะ
ฉากขับรถตามนี่เหมือนดูหนังอยู่เลย
ขอให้ทุกคนปลอดภัยน้า
เอเดนด้วย
กลับตัวกลับใจแล้วไปคู่กะพี่ยอร์ชซะ

ออฟไลน์ `ลoงสิจ๊ะ™

  • รักคือรัก จะให้หักห้ามใจนั้นยาก
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หูยย ตื่นเต้นมากก ลุ้นทุกขณะ
ขอให้อาซาและ โยชิผ่านเรื่องร้ายๆด้วยดีนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
คุณริริสู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
รอน้องโยชิแปลงร่างอยู่ค่ะ
ลุ้นมากเลยตอนต่อไปเนี่ย

ปล.คุณริริอย่าท้อนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
โยชิ เมื่อไหร่จะกลายร่างได้หนอ



ออฟไลน์ บี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
สนุกมว๊ากกกกกกกก ริริทำเค๊าลุ้นตัวเกรงเรยนร้าาาาา ^^

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
 :ling1:  ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี  :hao5:

ออฟไลน์ cass-meyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
น้องโยแปลงร่างเป็นงูน้อยได้ด้วยเหรอ :laugh:

ออฟไลน์ Platinumz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เจิมจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด