DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]  (อ่าน 636649 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :katai5: รอร้อรอ

ออฟไลน์ shinachan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ลุ้นติดขอบจอเลยค่ะ ตามอ่านตั้งแต่ต้น ชอบมาก กลัวงูนะ อ่านไปก็กลัวไปแต่ชอบเรื่องนี้ง่า

ออฟไลน์ foxfilix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตัดตอนแบบค้างมากบอกเลยโอ๊ยยยยยยย
พี่งูของบ่าววววววว
หมดความหน่วงจริงๆนะ ไม่หลอกกันนะ
ติดตามจ้าาาาาาาา :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
B.L.O.O.D.L.I.N.E
FOURTEEN





        ASA

        การประเมินสถานการณ์ถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ เรามีกันมาแค่สองคน การจะต่อกรกับพวกเอเดนที่มีมากกว่ายี่สิบชีวิตคงไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าสู่ในร่างงูผมคิดผมอาจมีโอกาสชนะ แต่ผมไม่อาจกลายร่างสุ่มสี่สุ่มห้าในร่างอสรพิษตัวใหญ่โตกลางเมืองหลวง ถึงแม้ว่าแถวนี้จะมีบ้านคนน้อย แต่ก็ไม่มีว่าจะโล่งกว้างร้างเปล่าไร้ผู้คนอาศัย

        เรื่องสำคัญที่สุดที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดก็คือ...ห้ามให้มนุษย์ล่วงรู้เรื่องของพวกเราเหล่ามนุษย์กลายร่าง

        “เราจะเข้าไปยังไงวะ” ฟรินน์กระซิบเสียงเบาเท่าที่จะเบาได้ ผมคิดหนัก รอบบ้านของเอเดนมีคนคุ้มกันหนาแน่น

        “ต้องเข้าไปข้างในโดยที่เอเดนไม่รู้ตัว” ผมพูด เท่าที่ดูจากสายตาแล้ว หน้าบ้านมีคนเฝ้าอยู่สาม เราต้องจัดการพวกนี้แบบเงียบๆ ไม่ให้พวกที่เฝ้าระวังอยู่รอบตัวบ้านภายในไหวตัวทัน

        “งั้นก็จัดการไอ้สามคนข้างหน้าก่อนแล้วกัน ฉันจะอ้อมไปฝั่งโน่น” ฟรินน์ว่าก่อนจะกลายร่างเป็นงูสีเทาขนาดเท่าท่อนแขนเลื้อยไต่กำแพงจนถึงขอบบนเพื่ออ้อมไปอีกฝั่ง

        ผมเองก็กลายร่างกลับสู่ร่างที่แท้จริง ก่อนจะเลื้อยเข้าไปใกล้พวกมันคนหนึ่งที่ยืนหันหลัง ได้จังหวะที่หนึ่งในสามคนที่ยืนอยู่ตรงกลางเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมและฟรินน์สบตากันผ่านความมืดก่อนจะตวัดตัวขึ้นรัดร่างพวกมันด้วยความรวดเร็วก่อนที่มันจะทันได้ตั้งตัวแล้วก็จัดการมันด้วยการพ่นพิษใส่จนร่างของพวกมันสองคนสลายกลายเป็นผุยผง

        นากินี แม้จะเป็นพวกเดียวกัน แต่การกำจัดนั้นก็ไม่ได้ยากไปกว่ามนุษย์ขอเพียงอย่าให้พวกมันได้ทันตั้งตัวกลายร่างเป็นงู ไม่อย่างนั้นความสามารถที่มีจะเป็นศูนย์

        ผมกับฟรินที่ยังคงอยู่ในร่างงูมองเข้าไปภายในบ้าน จากสายตาที่ประมาณดูคร่าวๆ น่าจะมีพวกเอเดนคอยเฝ้าระวังอยู่ประมาณสิบตนที่อยู่นอกบ้าน ส่วนในบ้านยังไม่รู้

        “อ๊ากกกกกกก!”

        เสียงผู้ชายร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังมาจากในบ้าน เสียงนั่นจะต้องเป็นเสียงของอเล็กซ์ คนที่เป็นผู้กุมความลับอย่างแน่นอน

        ซี่ๆๆ

        เสียงของฟรินน์กระซิบแผ่วเบา แต่มีความร้อนรนในน้ำเสียง

        ‘รีบเข้าไปเถอะวะก่อนที่ไอ้ผู้กุมความลับจะถูกสาวความลับของนายไปหมดเปลือก’

        ‘อย่าวู่วามฟรินน์ ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องทำตามหน้าที่อันสูงสุดที่ได้รับ ฉันเชื่อว่าเขาจะรักษาความลับของฉันเป็นอย่างดี เราเพียงแค่เข้าไปช่วยเขาอย่างฉลาด อย่างวิ่งตามเอเดนแบบคนสติแตก’


        ผมเตือนสติฟรินน์ ถ้าพลีพลามเข้าไปให้พวกนั้นทันตั้งตัว เกรงว่าผู้กุมความลับจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากยิ่งกว่าเดิม อย่างที่บอก ผมเชื่อใจผู้กุมความลับแม้ว่าจะไม่เคยเจอ และอีกอย่างที่เชื่อ เอเดนจะไม่ทำอะไรเขาถ้าเขายังมีประโยชน์

        ตึกๆๆ

        เสียงฝีเท้าดังใกล้ประตู ฟรินน์เลื้อยหลบฉากว่องไวอย่างรู้งาน ถ้าไม่ใช้สีดำอย่างผม ก็จะเป็นที่สังเกตได้โดยงาน จนเมื่อนากินีตนหนึ่งในร่างคนเดินออกมา ผมและฟรินน์ก็จู่โจมทันทีไม่ให้มันได้ร้องส่งเสียง ชั่วพริบตาเดียวร่างสูงใหญ่ก็หายไปกับอากาศ

        ‘เราจะล่อพวกมันบางส่วนออกมาจากในบ้าน’

        ตรงข้ามบ้านของเอเดน เป็นสวนพักผ่อนธรรมดา มีสระน้ำเล็กๆตรงกลาง โชคดีที่คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ดวงไฟที่ตั้งอยู่ริมทางก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย บางดวงไม่ติดอาจเพราะเสีย แต่แสงอันน้อยนิดก็ส่องไม่ทั่วถึง ต้นไม้สูงใหญ่มีอยู่หลายต้นปลูกเรียงราวติดถี่ ถ้าเป็นตอนกลางวันคงให้ร่มเงาเย็นสบาย แต่ข้อเสียในยามค่ำคืนคือบดบังแสงไม่ให้ส่องเข้าถึง

        “อ๊ากกก!!! ม่ายย ฮึกก!!!” เสียงร้องของผู้กุมความลับดังมาเป็นระรอก ผมพยายามอย่างหนักที่จะตั้งสติให้มั่นคง

        ขึ้นไปบนต้นไม้ หันเหความสนใจของพวกมัน’

        ถ้าเป็นที่ๆซ่อนตัวได้ง่าย ก็จะลงไม้ลงมือได้เต็มที่

        ผมแยกกับฟรินน์เลื้อยไปยังฝั่งตรงข้าม ขึ้นบนต้นไม้ก่อนจะเลื้อยผ่านใบไม้เพื่อให้เกิดเสียงและความวุ่นวายเรียกความสนใจจากลูกน้องของเอเดน และมันก็ค่อนข้างได้ผม เมื่อลูกนอกส่วนหนึ่งวิ่งออกมาดูสถานการณ์รอบบ้านหน้าตาเคร่งเครียด

        “เกิดอะไรขึ้นวะ มีอะไรอยู่บนต้นไม้” คนหนึ่งพูดกับพวก

        “อะไรก็ช่าง จัดการมันอย่าให้มันไปรบกวนคุณเอเดน”

        พวกมันข้ามฝั่งมาหาพวกผมที่ยังไม่ยุ่งสร้างเสียงสวบสาบและทำให้กิ่งไม้สั่นไหว เมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ เงยหน้ามองหาความปิดปกติโดยไม่ทันได้ระวังตัว ผมก็โผล่หัวออกมาจากใบไม้ก่อนจะจัดการปล่อยไอพิษร้ายแรงใส่พวกมัน

        “เฮ้ย!!” คนที่ตามออกมาเห็นพวกพ้องถูกไอพิษร้อนกัดกร่อนสบายในชั่วพริบตาก็ร้องด้วยความตกใจ ไม่รอช้า ผมและฟรินน์ต่างพุ่งเข้าจัดการพวกมันด้วยความรวดเร็ว ไม่ยากเกินรับมือ นากินีฝึกหัดทั้งแปดตนก็สูญสลายหายไปจากโลก

        รอบด้านตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แม้แต่เสียงร้องทรมานของผู้กุมความลับก็ไม่มี ผมเลื้อยนำฟรินน์กลับไปที่บ้านของเอเดน คนคุ้มกันด้านนอกที่เหลืออยู่ไม่กี่คน ผมกลายร่างเป็นตัวใหญ่แล้วจัดการกระจายพิษใส่พวกมันทีเดียว ฟรินน์ที่ตามมาติดๆหลบมุมไม่ให้โดนพิษของผม สุดท้ายก็เก็บเรียบ

        ผ่านมานับพันปี ผมไม่เคยสงสัยในฤทธิ์เดชของตัวเอง ไม่เคยสนใจว่าๆความสามารถพิเศษในการทำลายร้างมีมากกว่าหนึ่งอย่าง ผมมีครบทุกอย่างที่บาซิลิสก์มี แพร่พิษด้วยการมอง หายใจรดจนตาย พ่นไฟได้และสาปให้กลายเป็นหินด้วยการจ้องมองตา ยังมีพลังปกป้องไอพิษจากพวกเดียวกัน ในขณะที่นากินีตนอื่นจะมีแค่ความสามารถอย่างเดียว จนกระทั่งบัดนี้ผมได้รู้แล้วว่า ผมเหนือกว่านากินีตนใดในโลก เว้นแต่เอเดนที่ผมไม่เคยต่อสู้กับเขาอย่างจริงจัง จึงไม่รู้ว่าเขาจะเก่งกาจกว่าผมหรือไม่

        หรือความสามารถที่ผมมีมันอาจจะมาจากหัวใจบาซิลิสก์ สิ่งเหล่าที่นี้เอเดนอยากได้นักหนา

        พรึบ!

        ผมกลายร่างกลับเป็นคนอย่างเดิม ฟรินน์เดินมายืนข้างๆ “เข้าไปเลยไหม”

        “อืม” อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้ ผมเดินเข้าไปใบน้านสองชั้น บ้านธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่เก่าไม่ใหม่ แต่นับว่าสวยน่าอยู่ ชั้นแรกมีลูกน้องของเอเดนอยู่สองคน พวกมันเจอผมกับฟรินน์ก็ตกใจ ตั้งท่าจะเข้าจัดการ แต่ช้ากว่าฟรินน์ไปก้าวหนึ่ง รายนั้นแปลงร่างอย่างรวดเร็วพร้อมตวัดช่วงหางรัดพวกมันแล้วแพร่พิษใส่พวกมัน ความสามารถเดียวที่ฟรินน์ทำได้ แต่พิษของฟรินน์ร้ายกาจไม่ต่างจากผม ไม่เกินสามวินาที ร่างสองร่างก็หายวับไปกับตา

        “กระจอกวะ” ฟรินน์กลั้วหัวเราะในลำคอ

        “ไม่หรอก แต่พวกมันไม่มีสมาธิต่างหาก” ผมบอก เดินตรงไปยังบันได

        “ขอบใจแกที่เตือนสติฉันก่อนหน้านี้ ไม่งั้นเราอาจจะแย่เพราะฉันวู่วาม”

        “ไม่เป็นไร มันอาจจะเสียเวลา แต่สิ่งที่ได้ไม่เสียเปล่า”

        การมาในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการทำสงครามเต็มตัว ผมมาแย่งชิงผู้กุมความลับ ถ้าทำอะไรเอิกเกริกให้พวกมันรู้ตัวและมีเวลาตั้งรับทันการ เราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เอเดนไม่กระจอก ลูกน้องที่เขาหามาไม่ได้มีฝีมือเพียงแค่นี้ ให้เดา เขาเก็บลูกน้องฝีมือดีเอาไว้ใช้ภายหลัง พวกนี้ก็แค่พวกมีฝีมือแต่ได้รับการฝึกฝนที่ไม่เพียงพอ หมายความว่า เอเดนกำลังดูถูกพวกเราอยู่

        ผมเดินขึ้นชั้นบน ฟรินน์เดินตามคอยระวังหลังให้ ด้านบนมีทางแยกสองทางซ้ายและขวา ห้องที่เอเดนจับผู้กุมความลับมาหาไม่ยาก เสียงร้องเบาๆของผู้กุมความลับดังมาจากห้องด้านในฝั่งซ้ายมือ ผมหันไปมองหน้าฟรินน์ พยักหน้าให้ระวังตัว

        ผมก้าวเดินเข้าไปใกล้ห้องๆนั้น ทุกย่างก้าวเบาหวิวไร้เสียงฝีเท้า ผ่านห้องแรกไปยังห้องที่สองก่อนจะถึงห้องในสุด แต่เมื่อท้าวของผมอยู่ที่ตำแหน่งหน้าประตูห้องที่สอง ก็มีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากประตูเข้าชนผมอย่างจัง ตัวผมแทบล่วงลงไปข้างร่าง ดีที่ได้หางของฟรินน์ตัวรัดตัวผมขึ้นมา

        ตัวที่ชนผมเป็นงูตัวเท่าคนลายแดงคาดดำ มันแยกเขี้ยวที่เต็มไปด้วยพิษพุ่งเข้าจู่โจมไม่ทันให้ผมตั้งตัว ฟรินน์ปล่อยตัวผมเป็นอิสระ ผมกลายร่างเป็นงูในขนาดเดียวกับอีกฝั่งเพื่อการต่อสู่ที่สมน้ำสมเนื้อ

        ไม่รู้ว่างูตัวนี้เป็นใคร แต่ฝีมือเหนือชั้นมากกว่าพวกข้างล่างที่ถูกกำจัดไปแล้ว มันชูคอสูงก่อนจะฉกไปทางฟรินน์ แต่ดีที่ฟรินน์เลื้อยหลบทัน ตามด้วยวิธีเดียวกับคือพุ่งฉกอีกฝ่าย ผมตวัดหางฝาดที่กลางลำตัวมันเต็มแรง ทำฝ่ายนั้นเสียหลังแต่ก็ใช้ความแข็งแรงโต้กลับมา ความได้เปรียบของผมคือมากันสองคน ฟรินน์ใช้ความไว้เข้ารัดตัวอีกฝ่ายแน่น ไม่ปล่อยให้เสียเวลา ผมเข้าจู่โจมด้วยอีกคน แต่พละกำลังของมันมีมากจนสามารถสะบัดฟรินน์ออกจากตัวได้ไม่ยากเย็น ตัวฟรินน์กระแทกผนังบ้านจนเกิดรอยร้าว

        ผมกับเจ้างูสีแดงดำเลื้อยรัดเพื่อหวังให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสิ้นแรงพร้อมหาจังหวะดีๆที่จะได้ฝังคมเคี้ยวที่ชุ่มโชคไปด้วยพิษลงบนผิวหนังเคลือบเกล็ด ฟรินน์เข้ามาช่วยผมอีกแรง ผมส่งคำพูดผ่านทางสายตาให้ฟรินน์ ฟรินน์รับรู้และเข้าใจ ผมจึงปล่อยงูร้ายฝีมือดีให้ฟรินน์จัดการ ก่อนที่ตัวผมจะพุ่งเข้าไปข้างในห้อง

        โครม!!!

        ประตูไม้แตกเป็นเสี่ยงๆ เอเดนที่กำลังทรมานชายผู้หนึ่งที่ถูกมัดบนเก้าอี้ด้วยแร่เงินวาววับ แร่เงินบริสุทธิ์ที่เป็นสิ่งที่ไลแคนหวั่นกลัว ตามเนื้อตัวมีรอยไม้ลุกลามสร้างความทรมานให้แก่คนที่ถูกจับตัวมา

        “อาซา!” เอเดนคำรามเสียงต่ำเมื่อเห็นผม “ชาร์ล จัดการมัน!” เอเดนตะโกนสั่งชาร์ลที่ยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ ชาร์ลไม่ตอบรับคำสั่งแต่กลายร่างเป็นงูเพื่อจัดการกับผมตามที่เอเดนต้องการ

        ร่างของผมขยายใหญ่ขึ้นอีกนิดตามความร้อนรุ่มที่ปะทุอยู่ในกาย พ่นไฟเผารอบห้องจนมีแต่กองไฟลุกกระพือล้อมรอบพวกเรา

        ปึง!

        ผมเบี่ยงตัวหลบชาร์ลที่กระโจนกระแทกเข้ามา ผมใช้ส่วนหางตวัดฟาดไปทางชาร์ลก่อนจะยกตีเป็นวงกว้าง เอเดนกระโดดหลบแล้วกลายร่างในบัดดล เก้าอี้ที่มัดผูกติดกับตัวผู้กุมความลับล้มลงไปกับพื้น ควันไฟตลบอบอวลทั่วห้อง เสียงการต่อสู้ภายนอกยังคงดังเป็นระยะ ส่วนข้างในห้องก็ตึกเครียดพอควร

        “แค่กๆๆ” เสียงไอสำลักควันไฟ ผมไม่สนใจ พุ่งกายเข้าสู้กับเอเดน คร่าวนี้ผมถูกรุมบ้าง ทั้งเอเดนและชาร์ลต่างเข้าโจมตีผมอย่างดุเดือด ลำท่อนกายของทั้งสองฟาดเข้าหาผมพร้อมเพียงกันก่อนจะม้วนรัด ผมสะบัดออกจากการเกาะกุม ใช้แรงทั้งหมดในการต่อสู้ ผมฟาดเอเดนได้ทีหนึ่งก่อนจะฝังเคี้ยวลงบนตัวชาร์ล เสียงร้องเจ็บปวดคำรามกึกก้อง ผมปล่อยชาร์ลและทุ่มทั้งตัวใส่เอเดน เอาหัวงัดตู้ใบใหญ่ให้หล่นทับร่างของเอเดนเอาไว้

        ‘ซี่!!’

        ฟรินน์ตามเข้ามาช่วยผมด้วยสภาพที่สะบักสะบอมพอควร เข้าช่วยแก้มัดผู้กุมความลับที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นแร่ เมื่อหลุดพ้นผู้กุมความลับก็กลายร่างเป็นหมาป่าตัวใหญ่ เข้าจู่โจมเอเดนเท่าที่มีแรง

        ผมหันไปจัดการชาร์ลที่กำลังจะงับหัวฟรินน์ด้วยคมเขี้ยวอีกครั้ง งูร่างสีดำแกมแดงเลื้อยเข้ามา เมื่อเห็นว่าชาร์ลถูกผมและเอเดนรุมก็เข้ามาช่วย

        ‘แกไปช่วยทางนั้น ไอ้งูสองสีนี่เดี๋ยวฉันจัดการเอง’ ฟรินน์พูดสื่อการ ได้ยินเสียงงูสองเสียงที่ผมคิดว่าคือเบนสบถด่าและทั้งสองก็พุ่งเข้าใส่กันอีกรอบ

        ผมเข้าไปช่วยผู้กุมความลับที่กำลังตะลุมบอนกับเอเดนด้วยแรงที่มีน้อยกว่า ผมเอาตัวเข้าบังหมาป่าที่กำลังจะถูกเอเดนฝังเขี้ยวพิษ เลยกลายเป็นโดนเสียเอง

        ‘ซี่!!!’

        ความเจ็บปวดร้อนดั่งไฟเผาวิ่งเข้าสู้ร่างไปทั่ว ผมสะบัดตัวดิ้นก่อนจะข่มความเจ็บเลื้อยชนเอเดนติดกำแพง จังหวะเดียวกันนั้น ผู้กุมความลับพุ่งเข้ากัดที่ลำตัวของเอเดนและเหวี่ยงไปชนกับงูตัวที่สู้อยู่กับฟรินน์ ผมเริ่มไม่ไหวและเจ้าหมาป่าก็เช่นกัน ผมเลยรีบใช้ตัวรัดร่างผู้กุมความลับเอาไว้ ส่งเสียงเรียกให้ฟรินน์รีบออกจากที่นี่



        “ไอ้อาซา! ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!!!”



        เสียงเอเดนตะโกนไล่หลังตามมาด้วยเสียงโครมคราม ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายพุ่งตัวออกจากบ้านเอเดนด้วยความไวแสงในสภาพที่ยังเป็นงูตัวใหญ่ แวบเดียวเรากลับมาถึงรถที่จอดไว้ เราทั้งสามคนกลับกลายเป็นคน จับตัวผู้กุมความลับเข้ารถที่เบาะหลัง ฟรินน์แทรกตัวเข้าตาม ผมรีบวิ่งไปที่ฝั่งข้างคนขับ โยชิที่หลบตัวอยู่สะดุ้งช้ากว่าความไวของพวกผมเสียอีก

        “โยชิ ออกรถเร็ว!!!”

        ไม่ได้สนใจว่าโยชิจะขับรถได้ไหม แต่เจ้าตัวก็รีบสตาร์ทรถแล้วเข้าเกียร์เหยียบคันเร่ง

        “เลี้ยวออกๆ!!!” ผมสั่งเสียงดัง โยชิตกใจหักพวกมาลัยเต็มเหนี่ยว รถหมุนคว้าง ผมรีบช่วยจับพวกมาลัยให้ตรงทางในที่สุดรถก็พุ่งทะยายออกห่างจากบ้านของเอเดน

        “ตายๆๆ เลี้ยวๆ เลี้ยวทางไหนอาซา! เลี้วทางไหน!!” โยชิขับรถแทบไม่เร่งความเร็ว ผมที่เจ็บไปทั้งร่างฝืนช่วยโยชิบังคัวพวงมาลัยหักเลี้ยวตามเส้นทาง ชนถึงขยะชนต้นไม้บ้าง จนในที่สุดก็ทะลุออกถนนใหญ่

        “ฟรินน์ ดึงตัวโยชิไปข้างหลังทีก่อนที่เราจะรถคว่ำตาย” ผมหันไปสั่งฟรินน์ รายนั้นจัดการให้ผมทันทีที่พูดจบ ร่างโยชิลอยลิ่วไปข้างหลัง

        “เหวอๆๆ” โยชิร้องตกใจ ผมแทรกตัวเข้าแทนที่ และขับรถไปในเส้นทางที่สวนกับทางกลับบ้านทางปกติ

        “อ๊อก!”

        “เฮ้ๆ อาซา คนที่นายพามาเขา...” โยชิเรียกผมร้อนรน ผมมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นผู้กุมความลับเริ่มหายใจอย่างทรมาน ร่างกายบิดไปมา ผมหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง กวาดมองรอบตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครติดตาม

        “นายโอเคไหม” ฟรินน์ตบแก้มผู้กุมความลับ อีกฝ่ายส่ายหน้า หัวเอนตกไปทางขวา เผลอให้เห็นรอบเขี้ยวสองจุด

        “นายโดนพิษเอเดนเข้า” ผมพูด

        “อึก นะ นายคงคืออาซา บุตรแห่งบาซิลิสก์สินะ ยินดีที่ได้พบ ฉันชื่ออเล็กซ์ อย่างที่นาย ฮึก นายรู้ ฉันเป็นผู้กุมความลับ” อเล็กซ์พูดอย่างยากลำบาก

        “ไม่ต้องพูดอะไร ฉันจะพายนายไปหาหมอ” ผมออกรถอีกครั้ง

        “ไม่ ไม่ต้อง” อเล็กซ์ร้องห้าม ผมไม่ฟัง ขับไปยังโรงพยาบาลที่มีพวกไทกริสให้การรักษาอยู่ พวกนั้นจะแยกรักษาเราจากคนปกติ

        “ทำใจดีๆไว้นะคุณอเล็กซ์ คุณจะต้องหาย” โยชิพูดปลอบคนเจ็บ ยังดีที่เขาไม่ตกใจจนรนทำอะไรไม่ถูก

        ผมเร่งรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขับปาดหน้ารถคันแล้วคันเล่าจนเสียงบีบแตรดังระงม

        “อึก อ๊าส์...” ร่างอเล็กซ์กระตุกเป็นพักๆ “ผม...ผมมีเรื่องจะบอกคุณ เกี่ยวกับความลับที่เอเดนต้องการมัน”

        “ว่ามา” ฟรินน์บอก ผมคอยมองถนนสลับกับมองกระจกหลัง

        “เขารู้ได้ใช่ไหม อึก” อเล็กซ์ถามผม

        “ได้ ฉันไม่มีความลับกับคนในครอบครัว” ผมตอบ เร่งเครื่องยนต์เข้าสู่ถนนที่มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล

        “แค่กๆ หัวใจของนายที่แบ่งเป็นสองส่วน อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่นายสินะโยชิ”

        “คุณรู้จักผม” โยชิถามเสียงสั่น

        “รู้สิ ผมเคยเห็นคุณตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่พ่อกับพี่ชายของคุณพาคุณมาให้พ่อผมสะกดจิต อ๊ากก” อเล็กซ์เล่าก่อนจะร้องเสียงหลงทุรนทุราย

        “สิ่งที่พี่ชายคุณต้องการรู้จากผมก็คือ...เขาจะฝั่งหัวใจบาซิลิสก์บนตัวเขาได้อย่างไร ผมไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไงว่าสามารถย้ายหัวใจของสัตว์ร้ายในตำนานจากเจ้าของไปสู่บุคคลอื่น เพราะมันเป็นความลับปิดตาย นอกจากผู้ที่ได้รับมอบหมายก็ไม่มีใครล่วงรู้” เขาหยุดพูดเพราะอาการเหนื่อยล้า และความเจ็บปวดจากพิษบาดแผลที่ได้รับ

        “ผมบอกคุณไว้ตรงนี้เลยนะอาซาก่อนที่ผมจะลาโลกนี้ไป

        “ไม่นะ คุณต้องอดทน อาซากำลังจะพาคุณไปโรงพยาบาล” โยชิพูดแทรก

        อเล็กซ์ส่ายหน้าช้าๆ “ผมรู้ตัวดีว่าจะไม่รอด ผมจะบอกคุณไว้นะอาซา อย่าให้เขารู้ว่าหัวใจอีกครึ่งอยู่ที่โยชิ แต่ถ้าหากเขาล่วงรู้และแย่งชิงไปจากคุณได้ วิธีที่จะสมานหัวใจให้กลับกลายเป็นดวงเดียวดังเดิมก็คือนำมันไปให้ทายาทของพ่อมดเฮอร์โปผู้ที่สร้างบาซิลิสก์ขึ้น เขาอาศัยอยู่ในป่าต้องห้ามในเมืองบรักเซมส์ทางตอนใต้ของเม็กซิโก เขาเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับบาซิลิสก์และหัวใจของมัน และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ เอเดนหาตัวเขาเจอแล้ว นายต้องระวังตัว อย่าให้หัวใจนายตกไปอยู่ในมือของเอเดน ไม่งั้นโลกใบนี้จะไม่มีทางสงบสุขได้อีกต่อไป”

        “มันเตรียมการเอาไว้ขนาดนี้เลยเหรอวะ” ฟรินน์สบถบ่นอึ้งๆ

        “ส่วนความลับของคุณโยชิ”

        เราทุกคนรอฟังเงียบๆ รถติดไฟแดงจนไม่สามารถขับเครื่องไปข้างหน้า

        “ผมนำข้อความที่พ่อผมบอกเอาไว้ก่อนตายเพื่อมาบอกคุณอีกที สำครับโยชิ พ่อผมได้ทำการสะกดจิตคุณให้กลัวงูตามที่พ่อกับพี่ชายคุณต้องการ แต่ตอนที่สะกดจิต พ่อมองเห็นบางอย่างในตัวคุณก่อนที่เขาจะระลึกได้ว่าคุณเป็นใคร และพ่อของผมเคยทำอะไรกับคุณไว้ เขาเป็นคนที่ฆ่าคุณและฝังคำสาปไว้ที่ดวงจิตคุณที่ว่าเมื่อใดที่คุณตกหลุมรักอาซาเมื่อนั้นจะก่อเกิดความรังเกียจต่อสิ่งที่อาซาและตัวคุณเป็น แฮกๆๆ” เสียงหอบหายใจแรงและถี่ส่งผลให้พวกเราเป็นกังวล เลขสัญญาณไฟแดงเหลืออีกหนึ่งนาทีกว่าๆ

        “พ่อของนายก็คือไลแคนที่ฆ่าดาร์เรลเมื่อหลายพันปีที่แล้ว?” ผมพูดทวนสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดว่าโลกจะกลมจนน่าใจหาย

        “ถ้าเป็นคนที่ฆ่าโยชิก็คือคนๆเดียวกัน พ่อฉันรู้ อึก รู้สึกผิด เลยถอนคำสาปให้นายโยชิ แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะถอนได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ อั้ก! ผลกะ...การสะกดจิตนอกจากจะทำให้นายกลัวงูแล้ว ยังทำปิดกั้นความสามารถของนาย นายจะกลายร่างเป็นงูไม่ได้ ปิดกั้นความสามารถอย่างที่นากินีพึงมี นั่นคือผลข้างเคียง” เสียงของอเล็กซ์เริ่มแผ่วเบาลงทุกทีๆ ทันทีที่ไฟเขียวสว่างวาบ ผมก็เร่งตัวเครื่องชนิดที่เฉี่ยวรถบนถนนไปหลายคัน

        “แล้วมีทางแก้การสะกดจิตไหม” โยชิถามเสียงตื่น

        “นอกจากคนสะกดจิต ก็ไม่มีใครถอนการสะกดจิตได้ เพราะพ่อสะกดจิตนายแบบถาวร แต่...แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทาง”

        “อะไร” เป็นผมที่เป็นฝ่ายถาม อีกไม่ถึงห้าร้อยเมตรก็จะถึงโรงพยาบาล

        “ความกลัว...ความกลัวจะทำให้การสะกดจิตเสื่อม นายต้องเอาชนะความกลัวที่เกิดขึ้นจากการสะกดจิต อาการมันจะรุนแรงมากกว่าความรู้สึกกลัวของคนทั่วไป แต่นายต้องผ่านมันไปให้ได้ เมื่อจิตที่ถูกสะกดสั่นคลอน จนกระทั่งการสะกดจิตสลายมันจะหายไปเอง อ๊อก!”

        “คุณอเล็กซ์ ทำใจดีๆไว้!!!” อเล็กซ์สำลักน้ำลายที่ฟูมปาก ผมเลี้ยวรถเข้าจอดหน้าโรงพยาบาล ไอ้ฟรินน์ลงจากรถรีบพาอเล็กซ์ออกจากรถ บุรุษพยาบาลรีบเข็นเตียงมารอรับ ผมมองที่ข้อมือที่สักลายหัวเสือเอาไว้ก่อนจะบอกว่า “เขาเป็นไลแคน พาไปแยกรักษาที”

        “รับทราบ” บุรุษพยาบาลคนนั้นเข็นเตียงผู้ป่วยเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว พวกเรทั้งสามวิ่งตามไปติดๆจนไปถึงห้องฉุกเฉินพิเศษที่มีไว้เฉพาะการรักษาพวกมนุษย์กลายร่าง แต่ไม่มีมนุษย์คนไหนรู้

        “พวกคุณทั้งสองก็บาดเจ็บ รบกวนไปรักษาก่อน” หมอมีอายุยืนอยู่ข้างหลังพวกผม โยชิเริ่มสำรวจตามร่างกายของผมและฟรินน์ ก่อนจะปราดเข้ามาจับเนื้อตัวผมพิจารณาใกล้ด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ

        “อาซา นายบาดเจ็บนี่!”

        “รออยู่นี่ ฉันขอไปทำแผลก่อน” ผมเดินตามหลังฟรินน์ที่เดินตามหมอไปอย่างง่ายดาย เพราะมันเองก็เริ่มจนบาดแผลไม่ไหว

        “ฉันไปด้วย!” โยชิไม่ฟัง วิ่งตามมาเกาะแขนผมแน่น “อย่าเป็นอะไรนะ” แววตาของโยชิเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผมยกมือลูบหัวโยชิเพื่อปลอบขวัญ

        “ฉันจะไม่เป็นอะไร สัญญา อเล็กซ์ก็ด้วย เขาจะต้องปลอดภัย”




        ..........................................
        ช่วงนี้แต่งนิยายแล้วขัดใจตัวเอง รู้สึกว่าเขียนได้ไม่ดี โดยเฉพาะฉากต่อสู้ เซ็งงงงงง!!!! :katai1:
        ถ้าแต่งภาคนี้จบคงได้รีไรท์ครั้งใหญ่  :katai4:
        เอาละ มาร่วมลุ้นว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป :katai2-1:
        อ่านแล้วงงตรงไหนถามได้นะคะ
        และอย่าลืมส่งกำลังใจให้คนเขียนนิดหนึ่งถ้าหากยังรักกัน ตอนนี้นักอ่านในเล้าเริ่มหายไป ใครยังติดตามอยู่แสดงตัวหน่อยน้า จะได้รู้ว่ายังมีรออ่าน  :m5:
        รักๆ กอดๆ จุ๊บบบ  :กอด1: :impress:


       





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2015 23:10:45 โดย RiRi »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
มาแสดงตัวค่ะ
อยากให้ริริมาต่อทุกวันเลย
อยากเห็นโยชิกลายเป็นงู
เป็นกำลังใจให้ริริค่าาา

ออฟไลน์ hikikomori

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-4
โหยย อุตส่าช่วยออกมาได้แล้วว อย่าตายนะอเล็กกก
ส่วนโยชิ ขอให้กลับเป็นงูได้เร็วๆนะ จะได้ช่วยคุณสามีสู้ได้ซะที > <

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
มาส่งแรงใจให้คนแต่งค่ะ
อยากให้โยชิทลายกำแพงแล้วแสดงฝีมือออกมาเร็วๆจัง
อยากให้มาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอาซา ถึงตอนนั้นคงมันส์กันน่าดู
โยชิจะมีฝีมือทางด้านไหนน้า
+1  :กอด1:

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
 :กอด1:  +1 เอาใจช่วยค่ะ แล้วมาต่ออีกนะคะ

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ขออย่าให้ อเล็กซ์ เป็นอะไรไปเลยนะ

ต่อไป อาซา ต้องเตรียมรับมือกับ เอเดน ให้ดีแล้ว

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
หนูโยต้องกลัวสุดขีดถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอาซา นั่นจะทไให้หนูโยคืนร่างและความสามารถแน่นอน
มาต่อบ่อย ๆ นะกำลังตื่นเต้น....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ☾❤Nyanpire❤☽

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1836
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-2
ขอให้อเล็กซ์ปลอดภัยยยยยย
อยากให้โยชิคลายที่สะกดจิตได้
ลุ้นอยู่ๆ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะ
อิอิ
 :mew1:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาอ่านแล้วจ้า

ขอตัวไปอ่านก่อน

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ก็ไม่ได้หายไปไหน

อยู่แถวๆนี้แหละ

มารอทุกวันเลยจ้า

ลุ้นให้โยชิกลายร่างเป็นงูได้ อิอิ

หวังว่าอาซากับเอล็กจะไม่เป็นไรมากนะ

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
เอเดนตัวร้ายยย โอ้ยย รอคอยวันที่โยชิกลายเป็นน้องงู อาซาสู้ๆนะ  :mc4:

ออฟไลน์ บี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เค๊ายังยุจ้าริริ อ่านสนุกมากกกกตื่นเต้นสุดๆ ขอให้อเลกซ์ปลอดภัยนร้าา

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
แทบอดใจรอ ตอนน้องโยกลายร่างไม่ไหวแล้วนะเนี่ย :hao6:

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
คือลุ้นมากกกก พูดเลยยย ไม่อยากให้ผู้กุมความลับเป็นอะไร
อยากให้คนที่กล่อมเอเดนได้คือ พี่ยอช!!! เอร้ยยย
เราลุ้นคุ่นี้นะ บอกเลย

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
หายไปนานเลยกว่าจะกลับมาอ่าน เพราะ มึนงงกับชีวิตตัวเองมาก ต้องขอบคุณ ๆ ริริที่ส่งเมลมาเตือนเรื่องการจองไม่งั้นคงได้พลาดครั้งใหญ่ วันนี้เลยมาตามอ่านเรื่องนี้จนทันเลย ความลับเริ่มคลี่คลายแล้ว เอเดนยังพอจะเยียวยาได้อยู่น่า พี่ยอร์ชจะเป็นผู้รักษาได้ไหมน่ะ สงสารอเล็กซ์จัง หวังว่าคงไม่เป็นไรน่ะ อาซ่ากับโยชิยังน่ารักเหมือนเดิมเลย แต่ชอบเติร์ดกับปุยเมฆจัง

ออฟไลน์ Kissing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ลุ้นมากกกก ตื่นเต้นมากกกก.
สนุกฝุดๆ เชื่อว่าอเล็กซ์ต้องปลอดภัยเพราะเป็นคนดี
ส่วนเอเดน ร้ายกาจมากๆจะยุให้พี่ยอร์ชไม่รัก
โยชิ หนูเริ่มเก่งแล้วฃูก คอยช่วยอาซานะ สู้ๆ :กอด1:

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
B.L.O.O.D.L.I.N.E
FIFTEEN






        รอยช้ำสีป่วงแกมเขียวเด่นชัดอยู่บนผิวสีขาวของอาซาแม้ว่าจะผ่านมาสามวันแล้วก็ตาม บนร่างกายที่แสนจะเพอร์เฟ็คของพ่องูนักสู้ยับเยินไม่น่าดู ผมป้ายยาทาที่หมอให้มาลงบนรอยช้ำเหล่านั้นจนทั่วทุกจุด

        จุ๊บ~

        “ขอบใจนะ” อาซาผงกหัวขึ้นจูบปากผมอย่างรวดเร็วก่อนจะลุกขึ้นนั่ง หันมองผมที่นั่งทำหน้าละห้อย

        “ไม่เอาน่าโยชิ อย่าดื้อสิ เปิดเทอมแล้วนะ นายต้องไปเรียน”

        ประเด็นหลักในวันนี้ไม่ใช่ว่าเราจะไปตามล่าหาความจริงหรือไปชกชิงตัวประกันที่ไหน แต่เป็นเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกสำหรับภาคเรียนที่สอง และสาเหตุที่ผมไม่อยากไปเรียนก็เพราะว่าเรื่องวุ่นวายยังคงค้างคาให้กวนใจ ผมรู้สึกว่าจิตใจตัวเองไม่พร้อมเรียนอย่างมาก

        เราได้ตัวอเล็กซ์มาจากเอเดนแล้วก็จริง และตอนนี้อเล็กซ์ก็ปลอดภัยกลับมารักษาตัวที่บ้านได้แล้ว เขานอนพักที่ห้องรับรองทางปีกขวาของบ้านพักหลังนี้ ทุกคนในบ้านก็ปลอดภัยดีหายห่วง แต่จะนิ่งนอนใจได้อย่างไร ในเมื่อตัวการสำคัญอย่างเอเดนยังมีชีวิตอยู่ และเขาก็ยังคงต้องการหัวใจบาซิลิสก์อย่างไม่มีวี่แววว่าจะกลับตัวกลับใจ ซ้ำร้ายจะยิ่งแค้นอาซาละไม่ว่า

        “ฉันคิดว่าฉันยังไม่พร้อม” ผมบอก อาซาหน้าเข้ม

        “นายต้องพร้อม เป็นเด็กไม่ควรโดดเรียน พ่อกับพี่ชายนายจะว่าฉันได้ที่ทำให้นายเกเร แล้วก็หยุดคิดเลยว่าฉันเห็นแก่ตัวเองที่อาจจะโดนว่า ฉันเห็นแก่นายต่างหาก การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นหน้าที่ของนายในตอนนี้ เข้าใจไหม”

        ร่ายมายาวเหยียดขนาดนี้ ไม่เข้าใจก็คงจะโง่เกินทน แต่ว่านะ...

        “แต่อารมณ์ฉันไม่ไม่อยากไปนี่” นั่นแหละคือปัญหา ผมไม่มีอารมณ์ไปเรียน ถึงไปก็ไม่เข้าใจ

        “ไม่เข้าใจก็ต้องไป”

        ผมอึ้ง “นายเดาใจฉันได้เหรอ” ทำไมเขาถึงรู้

        “ตลกน่า หน้านายต่างหากที่สื่อออกมา ไปเถอะ ไม่งั้นนายจะโดดหมายหัวจากโปรเฟสเตอร์ตั้งแต่วันแรก ถ้าเป็นเช่นนั้น ชีวิตนายจะหาความสงบสุขไม่ได้ตลอดเทอมนี้” อาซาพยายามเกลี่ยกล่อม ให้ความรู้ราวกับเด็กอนุบาลที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน

        “ไม่ขนาดนั้นมั้ง”

        “ลองดูไหมล่ะ”

        ผมเริ่มกลัวกับคำขู่ คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็แย้งอะไรไม่ได้ ยอมจำใจไปเรียนทั้งๆที่ไม่อยากไปแบบสุดๆ

        “เป็นเด็กดีนะ” อาซากอดผมโยกไปมาก่อนจะจุ๊บที่หน้าผาก ก่อนจะจูงมือผมออกจากห้องนอน เจอเข้ากับเวสตันพอดี ในมือของเวสตันถือถาดทำความสะอาดบาดแผลและถ้วยใส่ยา

        “ไปทำแผลให้อเล็กซ์มาเหรอ” ผมทัก เราเดินลงไปข้างล่างพร้อมกัน

        “อืม เพิ่งกินยาไป ร่างกายยังปรับสภาพไม่ค่อยได้เพราะถูกพิษของเอเดนทำลายไปพอควร”

        อาซาเองก็โดนพิษของเอเดน ดีที่ว่าร่างกายของอาซาแข็งแรงกว่าอเล็กซ์อยู่มาก รู้มาว่าหลังจากที่ผมตายไปแล้ว หมายถึงตอนที่ถูกพ่อของเจอร์โรมฆ่าตาย อาซาเกเรมากจนกระทั่งมาเจอกับเวสตันก็เกเรไม่เลิกกว่าจะเป็นผู้เป็นคนได้ อาซาบาดเจ็บจากการมีเรื่องต่อสู้ทั้งกับพวกนากินีด้วยกันและกลุ่มอื่นมานับไม่ถ้วน ทำให้ร่างกายของเขาชินชากับความเจ็บปวด ผมว่าเวสตันน่าจะหมายถึงเจ็บจนชิน แต่ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ

        “ถ้าหากได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อเนื่องก็คงจะดีกว่านี้ แต่เราปล่อยให้อเล็กซ์อยู่ที่นั่นแล้วกลายเป็นเป้าอีกรอบไม่ได้” อาซาพูดหน้าครึม

        ผมเทนมใส่ถ้วยตามด้วยซีเรียลธัญพืช วันนี้ปารีสกับจูเลียตออกไปข้างนอกแต่เช้า จึงไม่มีคนทำอาหารไว้ อะไรง่ายๆก็กินไปก่อน อีกอย่างความกังวลและความขี้เกียจทำให้น้ำย่อยของผมไม่ทำงาน ตักกินแค่ไม่กี่คำก็อิ่ม

        “อิ่มแล้วเหรอ นายกินไปห้าคำเท่านั้น” อาซาถามอย่างสงสัย

        “อืม ไม่ค่อยหิวน่ะ” ไม่อยากบอกเขาว่าท้องผมเต็มอืดไปด้วยความงอแง ถ้าลงไปชักดิ้นชักงอร้องว่าไม่ออกไปเรียนได้คงทำไปแล้ว

        “ไปกันเถอะ นายสายแล้ว” อาซาลุกขึ้นยืนเตรียมไปส่งผมที่คณะ ผมเงยหน้ามองหน้าอาซาแบบเซ็งๆ อาซาทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคุณพ่อจอมเข้มงวด กำลังเคี่ยวเข็ญให้ลูกจอมเกเรอย่างผมไปโรงเรียน

        ผมคว้าสายกระเป๋าคล้องที่บ่า เดินตามอาซาออกจากบ้าน มืออาซากวัดแกว่งอยู่ตรงหน้าผมแค่เอื้อม มีผ้าก็อตพันปิดแผล ผมเร่งก้าวขาให้ทันอาซา สอดมือเข้ากุมมือของอาซาเอาไว้ ไม่ลงแรงเพราะกลัวอีกฝ่ายเจ็บ แต่อาซากลับบีบกระชับมือผมเสียเอง

        “ฉันจะนั่งรอจนกว่านายจะเลิกเรียนดีไหม” อาซาให้ข้อเสนอที่น่าสนใจ

        แทบไม่ต้องคิด ผมตอบตกลงทันที “ดี...รอฉันนะ” ผมอ้อน

        “เด็กหนอเด็ก” เขายิ้มอ่อนโยน ครั้งนี้ผมไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดเหย้าแหย่ที่มักไม่ชอบได้ยิน อยู่ๆก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

        เดินมาจนถึงหน้าคณะวิทยาศาสตร์ เติร์ดนั่งเหยียดขาอยู่ที่ทางริมซ้ายของบันไดทางขึ้น เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออะไรสักอย่างเพราะผมมองเห็นไม่ชัด แต่พอเดินเข้าไปถึงตัวจึงได้รู้

        ‘คู่มือการเลี้ยงแมว’

        “ถึงกับต้องมาส่งเลยเหรอ” เติร์ดถามน้ำเสียงล้อ

        “ก็ทำไมละ” ผมทำเป็นไม่อะไรกับคำล้อเลียน

        “ก็ไม่ทำไมหรอก แค่นายกำลังทำให้ฉันอิจฉาเบาๆ เฮ้อ คนมีความรักนี่ดีจริงๆ” เติร์ดลุกยืนบิดขี้เกียจ แสงแดดส่องกระทบใบหน้าขาวใสของเพื่อนผม เมื่อขับกับผมสีน้ำตาลอ่อนทำให้เติร์ดดูเปล่งประกาย สาวๆข้างเคียงกระซิบกระซาบให้ความสนใจในตัวของเติร์ด เพียงแต่เจ้าตัวเลือกที่จะปิดกั้นตัวเอง เติร์ดอาจจะยังลืมนิกกี้ไม่ได้

        ผ่านมากี่เดือนแล้วนะ แต่ทำไมผมยังรู้สึกเหมือนกับว่า...เพิ่งจะเจอเธอเมื่อวาน

        กริ๊งงง

        “ไปเข้าเรียนกันเถอะ” เติร์ดก้มลงหยิบหนังสือขึ้นมาจากพื้น ผมหันไปหาอาซา เขาสอดมือทั้งสองข้างใส่ไว้ในกางเกงยีนส์ตัวเก่ง

        “ฉันไปเรียนแล้วนะ”

        “อืม ฉันจะนั่งรอที่ม้านั่งข้างๆตึก” เขาบอก

        “เลิกเรียนแล้วฉันจะรีบมาหาเลยนะ”

        “หึหึ ไปเรียนได้แล้ว” อาซาไล่ ผมเลยจำใจเติร์ดเข้าอาคารเรียน ตรงจุดนั้น ผมหันกลับไปมองอาซา เขายังไม่เดินไปไหนเพื่อยืนรอส่งผม

        “เลิกมองได้แล้ว รีบเดินเร็วเข้า” เสียงเติร์ดเรียกสติ

        “อืม” ผมจำต้องละสายตาจากอาซา

        หรือเป็นเพราะว่าเราไม่เคยห่างกันในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผมโหยหาเขามากยิ่งขึ้นทุกท่เวลาที่จะไม่เห็นอาซาอยู่ในสายตา

        เกิดเรื่องแปลกประหลาดกับผมตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอม เพื่อนรวมคลาสเรียนมีปฏิกิริยาแปลกๆต่อผม พวกเขามองผมและกระซิบกระซาบกันเบาๆ ถึงจะไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดว่าอะไร แต่จากสายตาและท่าทางลับๆล่อๆเวลาพูดคุยกันในขณะที่สายตาเหลือบมองผม ถ้าไม่โง่ทุกคนก็น่าจะคิดได้ว่ากำลังถูกนินทา เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร

        “นายรู้สึกแปลกๆไหม” เติร์ดถามผมทันทีที่นั่งกับที่

        ผมพยักหน้า “อืม ฉันไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม”

        อย่างเช่น ใส่เสื้อกลับหน้ากลับหลัง ซิบไปได้รูด หรือทรงผมไม่เป็นทรง การถูกจับจ้องในเชิงนี้ค่อนข้างทำให้ผมจิตตกจนเสียความมั่นใจ

        “จริงเหรอ คนนี้น่ะนะ” เสียงพูดคุยดังมาจากข้างหลัง ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหันไปมอง

        “ที่แท้ก็เป็นพวกฆาตกร” อีกคนสำทับ ผมมองหน้าพวกเขานิ่งๆ ไม่ได้เป็นการท้าทาย แต่ผมแค่ไม่เข้าใจว่าพวกเขาหมายถึงอะไร ทั้งสองคนที่ผมเคยเห็นหน้าปะปรายในชั้นเรียนหยุดคุยและมองไปที่หน้าชั้น ผมหันกลับมาพลางครุ่นคิด

        เข้าเรียนได้ครึ่งชั่วโมง ผมไม่เป็นอันเรียน นักศึกษาบางส่วนยังคงให้ความสนใจผมอยู่เนืองๆ ผมเหลือบมองนาฬิกาเป็นระยะว่าเมื่อไหร่ชั่วโมงการเรียนการสอนจะจบลง ต่างกับเติร์ดที่ให้ความสนใจในเนื้อหาที่โปรเฟสเซอร์หนุ่มหน้าตาดีกำลังสอนอย่างจริงจัง เติร์ดเปล่าสนใจครูผู้สอน แต่เขาสนใจเกี่ยวกับเรื่องแมวที่โปรเฟสเซอร์กำลังพูดอยู่ต่างหาก ผมจึงเกิดความสงสัย ตั้งแต่ที่เห็นเติร์ดอ่านหนังสือเกี่ยวกับแมวเมื่อเช้านี้

        “เดี๋ยวนี้หันมาสนใจแมวจริงจังแล้วเหรอ” ผมกระซิบชวนเติร์ดคุย เติร์ดละความสนใจการโปรเฟสเซอร์มองผมก่อนจะเอนหน้ามาตอบ

        “ก็เปล่า แต่ช่วงนี้ปุยเมฆดูแปลกๆ นอนได้ทั้งวี่ทั้งวัน เรียกก็ไม่ตื่น หรือตื่นก็เหมือนไม่มีแรง ฉันกำลังคิดว่าปุยเมฆอาจจะกำลังป่วย แต่วันก่อนฉันพาไปหาหมอ หมอบอกว่าปุยเมฆปกติดี”

        เป็นอย่างนี้นี่เอง ผมรู้สาเหตุที่ปุยเมฆที่อาการอย่างที่เติร์ดเล่า แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นสาเหตุที่ไม่ปกติธรรมดาเท่าไหร่ จะให้บอกว่าที่ปุยเมฆเอาแต่นอนเพราะแยกร่างช่วยงานอาซาอยู่ และที่ไม่มีแรงเพราะใช้พลังงานมากเกินความจำเป็นก็คงเป็นไปไม่ได้ ทำได้แค่เก็บเงียบเป็นความลับ

        “คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง อย่างคิดมาก” ผมทำได้แค่ปลอบ

        “ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น” เติร์ดพูดก่อนจะหันกลับไปสนใจบทเรียน

        ผมนั่งเหม่อลอยจนกระทั่งหมดคาบเรียน ถ้าอาซาจะใช้มือถือเป็นกิจวัตรอย่างคนปกติบ้าง สามชั่วโมงที่ผ่านมาก็คงไม่น่าเบื่อเช่นนี้ โดยเฉพาะสายตาของใครหลายต่อหลายคนที่มองผมอย่างไม่เป็นมิตรแบบโจ่งแจ้ง

        “กลับเลยหรือเปล่า” ผมถามเติร์ด

        “น่าจะ อาซารอนายอยู่ใช่ไหม”

        “อืม”

        “งั้นแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน” เติร์ดวางมือบนไหล่ผม

        “โอเค พรุ่งนี้เจอกัน บาย”

        “บาย”

        เติร์ดวิ่งเหยาะๆลงบันไดไป มองซ้านมองขวาก่อนจะข้ามถนนตรงไปยังหน้าประตูมหาวิทยาลัย ผมหมุนกายเดินไปหาอาซาที่บอกว่าจะนั่งรอที่ข้างตึก แต่พอเดินไปถึงกลับไม่พบใคร

        จึก!

        สัมผัสเย็นวาบที่ข้างแก้ม ผมสะดุ้งหันหลังทันที สายตาสบเข้ากับขวดน้ำเย็นเป็นสิ่งแรก ตามมาด้วยใบหน้าขาวสะท้อนแสง

        “อาซา” ผมครางเรียกอีกฝ่ายเสียงระโหย ตกอกตกใจหมด

        “ฉันไปซื้อน้ำมาให้ นายจะได้สดชื่น” เขาว่า ผมรับน้ำมาเปิดฝาดื่ม

        “ขอบใจนะ”

        “อยากแวะที่ไหนไหม หรืออยากกลับบ้านเลย” อาซาถาม ผมส่ายหน้า กลับบ้านเลยดีกว่า ผมไม่คิดอยากจะไปไหน

        น่าแปลกอีกแล้ว พอผมอยู่กับอาซา ไม่มีใครสักคนที่สนใจผม ไม่มีการเหลือบมองหรือชี้ชวนให้คนรอบข้างมองมาที่ผม ไม่มีการกระซิบกระซาบคล้ายกำลังนินทา ไม่มีใครสนใจเราสองคนด้วยซ้ำ หรือผมจะคิดมากไปเอง

        กลับมาถึงบ้านพักของอาซา ทุกคนลงมติกันแล้วว่าอยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยสุด ผมเลยไม่ได้กลับไปอยู่หอ ถ้าพ่อหรือพี่ยอร์ชมาหายังไม่รู้เลยว่าจะหาข้อแก้ตัวอะไรมาอ้าง

        “เป็นไงบ้างโยชิ เปิดเทอมวันแรก” ฟรินน์ทักผมเมื่อก้าวเข้าบ้าน เขากำลังนั่งดูรายการแข่งขันแข่งม้า ขาที่พันเฝือกเอาไว้วางอยู่บนโต๊ะโซฟา มือก็หยิบแอ็ปเปิ้ลที่จูเลียตกำลังนั่งปลอกเข้าปากคำแล้วคำเล่าจนจูเลียตหน้าหงิก

        “นี่! ฉันเป็นคนปลอกไม่คิดจะเหลือไว้ให้ฉันกินหรือไง”

        “เอาน่าๆ ฉันบาดเจ็บอยู่นะ เป็นน้องสาวคนเล็กของบ้านก็หัดทำตัวให้มีประโยชน์หน่อย”

        “เอาไปปลอกเองเลย น่ารำคาญ” จูเลียตโยนมีดใส่ตะกร้า ก่อนจะสะบัดหน้ามาทางผม อาซาเดินแยกออกไปตรวจตรานอกบ้าน

        ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างจูเลียต ก่อนจะเอื้อมมือหยิบแอ็ปเปิ้ลมาปลอก

        “เธอไม่ต้องไปเรียนเหรอ” ผมชวนจูเลียตคุย ยังไงๆเราสองคนก็ยังมีช่องว่างระหว่างกันและกัน มักรู้สึกเกร็งๆและเคอะเขินเวลาพูดคุย

        “นี่คิดคำถามดีแล้วเหรอ” จูเลียตย้อนเรียบๆ ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง

        “ก็ไม่ดีเท่าไหร่หรอก” ผมยอมรับไม่อาย

        “นายนี่ตลกชะมัด”

        “ก็วันนี้ฉันเจอเรื่องแปลกๆในมหาวิทยาลัย อยากรู้ว่ามีใครโดนแบบฉันบ้าง” ผมเริ่มเปิดประเด็นที่สงสัย

        จูเลียตหันมองหน้าผมอย่างสนใจ “เรื่องอะไร”

        “พวกเด็กในแอชยูมองฉันแปลกๆ แถมยังกระซิบกระซาบถึงฉัน”

        “ก็ไม่แปลก” จูเลียตหมดความสนใจ เหมือนเรื่องที่ผมพูดไม่ใช่เรื่องแปลก

        “แต่ฉันว่ามันแปลก” ผมแย้ง

        “นั่นเป็นเพราะพวกเขารับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมาว่าจากพวกนากินี เขาหาว่าเราจะทำให้ความมั่นคงของมนุษย์กลายร่างสั่นคลอน เลยเกิดความไม่พอใจและเริ่มหาเรื่องพวกเรา และนายเองก็เป็นนากินีถูกไหม ก็ไม่เห็นแปลกที่พวกนั้นจะหวาดระแวงนายไปด้วย” ฟรินน์ที่ให้ความสนใจกับโทรทัศน์เป็นฝ่ายตอบผม

        “รวมไปถึงฉันเนี่ยนะ ก็ไหนอาซาบอกว่า...” ผมหยุดคิด คนพวกนั้นไม่มีทางได้กลิ่นงูจากผม เพราะวันนี้ผมไม่ได้ทำเลือดตัวเองไหลสักหยด

        “ใช่ กลิ่นนากินีจากตัวนายจะไม่ลอยคละคลุ้งถ้าหากเลือดไม่ไหล แต่ขอบอกอะไรไว้อย่างหนึ่งเลยนะ บนตัวนายมีแต่กลิ่นของอาซา ไม่แปลกหรอกที่พวกนั้นจะเขม็งนาย ก็ในเมื่ออาซาเล่นแสดงความเป็นเจ้าของนายซะกลิ่นฟุ้งขนาดนี้” จูเลียตพูดหน้าเนือย ผมพยักหน้าเข้าใจ สรุปว่าผมเองก็กลายเป็นหนึ่งในบุคคลอันตรายที่ทุกคนในแอชยูกำลังไม่ไว้วางใจ

        “ไม่ต้องคิดมากหรอกโยชิ ตราบใดที่นายยังอยู่ภายในแอชยู ไม่มีใครทำอะไรนายได้นอกจากมองและนินทา ไม่ต้องไปสนใจ เราไม่ได้ทำอะไรผิด” ฟรินน์หันมาให้กำลังใจผม

        “ขอบใจ”

        อย่างน้อยก็โล่งใจได้เปราะหนึ่ง

        อาซาเดินกลับเข้ามาในบ้าน ตรงเข้ามาหาผมก่อนจะก้มหน้าลงกระซิบข้างหู “ขึ้นห้องกัน”

        “อืม” ผมคว้ากระเป๋าลุกขึ้นยืน เดินไปตามการจับจูงจากมือที่เย็นเชียบ

        “นี่” เสียงฟรินน์เรียกให้เราสองคนหยุด อาซาหันไปมองประมาณว่ามีอะไร ฟรินน์ยิ้มทำหน้ากรุ่มกริ่มก่อนจะพ่นประโยคที่ทำให้ผมหน้าร้อนฉ่า

        “อย่าหักโหมมากล่ะ ไม่งั้นนายอาจจะหมดแรงจนกลับไปเป็นงูนะอาซา และโยชิก็อาจจะไปเรียนไม่ไหว” ฟรินน์เป็นโรคจิตที่ชอบพูดจาทะลึ่งกลั้นแกล้งให้ผมอาย ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกแกล้ง

        “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่เห็นจะใช่ธุระของนายตรงไหน” อาซาพูดนิ่งๆ

        “แหมๆ งั้นก็ตามสบายเถอะ”

        ขึ้นมาบนห้อง อาซามองหน้าผมนิ่งๆ ค่อยๆสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ผมแปลกใจกับท่าทางของอาซา ไม่ได้เดินถอนหนีจนอาซาคว้าตัวผมไว้ได้

        “อะ อะไรกัน” ผมถาม ก็ใครใช้ให้อาซาก้มหน้าลงมาเหมือนจะจูบ ผมก็เลยเบี่ยงหน้าหนี

        “อาบน้ำกัน” เขาพูด ขยับหน้าใกล้อีกนิด สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนอุ่น

        “เอ่อ นายอยากอาบน้ำเหรอ งั้นเดี๋ยวฉันอาบให้” ผมเบี่ยงตัวหนีเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมเวลาอาซาทำเจ้าชู้ใส่ผมมักเขินจนทำอะไรไม่ถูก อาซาไม่ได้ทำพร่ำเพรื่อ ผมถึงไม่ชินสักที แต่ไม่ได้หมายความว่าผมอยากให้เขาทำเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ใส่ผมตลอดเวลาหรอกนะ ผมกำลังหาเหตุผลให้กับความเขิน

        “เอางั้นก็ได้” อาซาถอนห่างหนึ่งก้าวให้ผมได้หายใจหายคอ “ถอดเสื้อผ้าให้ฉันสิ”

        ผมตะลึงกับคำสั่ง “นายก็ถอดเองสิ ฉันจะไปเตรียมน้ำให้”

        ผมเดินหนี แต่อาซาดึงแขนเอาไว้

        “ถอดเสื้อผ้าให้ฉันสิ” คำพูดคล้ายเชิญชวน แต่เรื่องที่ชวนทำมันไม่ใช่การนั่งเล่นเกมหรือดูหนัง เขาควรรู้ว่าไม่ง่ายที่จะตอบตกลง

        “นายก็ถอดเองได้นิ” ผมไม่ยอม

        “ฉันถอดเองกับนายถอดให้จะเหมือนกันได้ไง เถอะน่า ดูแลฉันหน่อย” ริมฝีปากของเขาแย้มคล้ายพยายามกลั้นยิ้ม

        “นายกำลังคิดอะไรทะลึ่งๆอยู่แน่ๆ”ผมเดาจากสีหน้าไม่น่าไว้วางใจของอาซา

        “ก็ประมาณนั้น” เขายอมรับ รอยยิ้มที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ผมลมหายใจขาดห่วงทุกครั้งที่ได้เห็นปรากฏอยู่ใกล้สายตา

        เพียงดวงตาสีดำวาววับส่องประกายเว้วอน ผมก็ยอมสยบทุกอย่างแทบเท้าพ่องูตัวร้ายตนนี้

        มือเลื่อนขึ้นจับที่กระดุมเสื้อเม็ดบนสุดก่อนจะค่อยๆแกะออกทีละเม็ด สายตาผมไม่ได้ละไปจากอัญมณีสีดำแสนจะลึกลับคู่ตรงหน้า

        เสื้อเชิ้ตสีดำหลุดออกจากร่าง ผมเบนสายตามองต่ำไล่จากลำคอแกร่งมาที่บ่าทั้งสองข้างที่ตั้งตรงตั้งมั่น ถัดลงมาเป็นหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดเนื้อที่สวยพอดีกำลังเซ็กซี่ สายตาเจ้ากรรมไม่ยอมหยุดอยู่เพียงแค่นั้น กลับย้ายที่จับจ้องกล้ามหน้าท้องเป็นลอนชวนหวิวไหว

        อาซาจับมือทั้งสองข้างของผมแตะที่กระดุมกางเกงก่อนจะกระซิบข้างใบหู “แกะสิ นายจะได้มองต่ำมากกว่านี้ ของดีกำลังรอนายอยู่”

        ขะ เขามัน...

        “บ้า! ถอดเองไปเลย” ผมตวาดเสียงดัง เดินหนีเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงหัวเราะดังอยู่เบื้องหลัง ผมได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ผมกำลังจะเป็นคนทะลึ่งเพียงแต่เห็นร่างกายท่อนบนไร้เสื้อผ้าของอาซา ไม่รู้ว่าถ้าเห็นอาซาเปลือยทั้งร่างผมจะทำใจอยู่เฉยๆได้ไหม ทำไมความคิดของผมถึงได้ชั่วร้ายนัก

        ผมเปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง นั่งอยู่ริมขอบทำใจได้ไม่ถึงนาทีอาซาก็เดินเข้ามา ผมหันไปมองอย่างไม่คิดอะไร แต่กลายเป็นสิ่งที่ผมเพิ่งจะหลีกเลี่ยงปรากฏอยู่เบื้องหน้า

        อาซาแก้ผ้าเดินโทงๆแบบไม่มีความอาย ผมได้แต่มองค้างเหมือนร่างกายถูกไฟฟ้าช็อตสักสิบโวลต์

        อาซายิ้มขำ เดินผ่านหน้าผมก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ ผมพยายามตั้งสติ ไม่ต้องอาย จะอายทำไม เคยเห็นมาแล้วทั้งนั้น ใจเย็นไว้

        ผมหันกลับไปหาอาซาอีกทีหนึ่ง ก่อนจะเริ่มลงมืออาบน้ำให้อาซาอย่างตั้งใจมากกว่าครั้งไหนๆ เพื่อที่จะให้มันผ่านไปให้เร็วที่สุด อาซาก็ไม่ได้คิดกลั้นแกล้งผมมากไปกว่านี้ นั่นทำให้ผมเบาใจอาบน้ำให้อาซาจนสะอาดหมดจด ไม่ต้องห่วงเรื่องบาดแผล อาซาไม่มีปัญหากับการอาบน้ำทั้งที่แผลยังไม่หายดี

        “อาซา ถามอะไรหน่อย” มัวแต่ใจเต้นจนลืมเรื่องที่สงสัย

        “เอาสิ” เขาว่า เอนกายให้ผมบริการอย่างสบายใจ

        “ทำไมครั้งนี้นายไม่หมดแรงกลายร่างเป็นงูตัวเล็กล่ะ” ผมถามอย่างสงสัย ถ้าฟรินน์ไม่พูดขึ้นมาผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย

        “ทำไม อยากให้ฉันกลายร่างเป็นงูเหรอ” อาซาเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว หันมาหลิ่วตาใส่ผมอย่างไหลลื่น

        “ไม่ใช่สักหน่อย แค่สงสัย” ผมทำหน้าจริงจัง อาซาหัวเราะในลำคอ

        “เพราะฉันไม่ได้กลายร่างที่ใหญ่ที่สุด ตอนสู้กับเจอร์โรมรุนแรงกว่านี้มาก แถมเคี้ยวของวพวกอื่นมักส่งผลร้ายแรงกว่าพวกเดียวกัน”

        “อ่อ” อย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจจึงไม่ได้ถามต่อ

        “ตานายแล้ว ฉันจะอาบให้นายบ้าง” อาซาพูดอย่างมีน้ำใจ แต่ผมส่ายหน้าปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดมาก

        “ไม่เป็นไร นายออกไปแต่งตัวเถอะ ฉันอาบเองได้” ผมดันหลังอาซาออกจากห้องน้ำ อาซาขืนตัวไม่ยอมขยับ ผมเลยทุบกลางหลังเขาไปที แต่อาซาไม่ยอม ตวัดตัวผมอุ้มขึ้นเดินกลับไปที่อ่างน้ำก่อนจะทิ้งร่างผมลงอ่างจนเปียกปอน แล้วเจ้าตัวก็ตามลงมา

        อาซาลงมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าผมอย่างรวดเร็วในขณะที่ริมฝีปากฉกวูบดูดกลืนลมหายใจคนอื่นอย่างถือดี ผมหมดเรี่ยวแรงเพราะรสจูบที่สร้างความวาบไหวให้สั่นสะท้านไปทั้งผิวกาย

        ไม่เหลือแล้วเสื้อผ้าปกปิดร่างกาย อาซาถอนจูบที่ยาวนานเกือบสิบนาทีให้ผมได้หายใจอย่างใครใกล้จะหมดลม เขาลงมืออาบน้ำให้ผมดังที่บอก เพียงแต่การอาบน้ำของเขาสร้างความปั่นป่วนในช่องท้องและบริเวณหน้าอกไม่น้อย

       

(ต่อด้านล่าง)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
       
        “อืม...อาซา อย่าแกล้ง” ผมปรามเมื่ออาซาเริ่มแตะต้องช่วงกลางลำตัวของผมแบบจริงจัง

        “ไม่แกล้งก็ได้” อาซาหอมแก้มผมหนักๆ ก่อนจะอุ้มผมขึ้นจากอ่างอาบน้ำพาไปล้างตัวที่ใต้ฝักบัว แต่มือไม้ไม่หยุดสร้างความเสียวสะท้านให้แก่ผมที่ได้แต่โอนอ่อนตามความต้องการที่ถูกปลุก

        ชำระล้างคราบสบู่ออกจนหมดจด อาซาก็พาผมกลับไปที่เตียง ดันตัวผมเอนนอนหลัง เขาตามขึ้นมาติดๆ ประกบปากปิดกั้นการคัดค้าน ผมดิ้นเล็กน้อยไม่จริงจัง อารมณ์ถูกปลุกมาถึงขนาดนี้ ให้ถอยหลังกลับก็คงยาก ไม่วายต้องถูกอาซากอดจนไข้ขึ้น พนันได้ว่าผมป่วยแน่ๆ

        ร่างกายเปลือยเปล่าของเราสองคนสัมผัสเสียดสีจนแทบเกิดประกายไฟ ปากก็ดูดดึงขมเม้มกวาดหาความหวานจากริมฝีปากบางของผมไม่ขาดช่วง ผมสมองตื้อล่องลอยอยู่ในห่วงอารมณ์แห่งความสุขสมยามที่อาซาสัมผัสแตะต้อง

        “ฉันเจ็บแขน ช่วยหน่อยสิ”

        “ช่วยอะไร” ผมถามเสียงลอยๆ

        “จัดการมันด้วยตัวของนายเอง” เขาบอกความต้องการที่ผมรู้ได้ในทันทีถึงความหมาย

        “ไม่” ผมไม่กล้า ไม่ใช่ไม่เคย แต่ถ้าให้เริ่มเองมันก็เขิน

        “ไม่ได้เหรอ ทำให้ฉันหน่อยสิดาร์เรล”

        ใจผมอ่อนยวบเมื่อเขาพูดชื่อนั้น มันไม่ใช่ชื่อปัจจุบันของผม แต่ทุกครั้งที่ได้ยิน ใจจะรู้สึกอิ่มเอิบ เกิดความสุขที่สว่างวาบคล้ายแสงสายฟ้าที่ประกฎพียงชั่วครู่ในความรู้สึก

        “ไม่เอาหรอก เดี๋ยวนายเอามาล้อฉันที่หลัง” ผมแน่ใจสุดๆว่าเขาจะต้องล้อผมแน่ๆถ้าผมทำให้เขา

        “ฉันไม่ล้อหรอก” เขายืนยัน

        “นายล้อแน่” ผมแน่ใจสุดๆ

        “ได้โปรดเถอะที่รัก ฉันอยากให้นายกอดฉัน” เขากระซิบสียงพร่าสุดแสนจะเซ็กซี่ เอนตัวเข้าใกล้เรื่อยๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวผมเอนนอนลงกับเตียงอยู่ในท่าทางชวนคิดไกล ถ้าผมเป็นน้ำตาลปั้นคงได้ละลายชุ่มเตียงเพราะถ้อยคำวิงวอนและสายตาหวานเชื่อมเกินคำบรรยาย

        ผมได้แต่มองเขาตาลอย หัวสมองว่างเปล่า พยักหน้าแทบคำตอบเฉย เขาทำได้ยังไงกัน

        “Touch my neck, and I’ll touch yours.”

        ผมชั่งใจ ก่อนจะทำสิ่งที่ผิดพลาดมหันต์ที่เงยหน้าขึ้นสบตาอาซา

        มือทั้งสองข้างยกกอดคออาซาโน้มลงมาหาแล้วเป็นฝ่ายจูบอาซาอย่างเร่าร้อนตามที่เขาเคยสอน อาซาครางหึ่มอย่างพอใจในลำคอ กอดผมเอาไว้มั่น ตวัดตัวผมขึ้นนอนทับบนตัว เขาปล่อยปากผมเป็นอิสระ เสียงครางก็หลุดแสดงอาการความรู้สึก

        รอยจูบค่อยๆเกิดขึ้นที่ละจุดสองจุดจนเด่นหราทั่วบริเวณลำคอและไหปลาร้า ร่างกายผมสั่นระริกหนักอีกครั้งเมื่ออาซาครอบริมฝีปากดูดไซ้ยอดอกอย่างหลงใหล

        “อ๊า..สะ เสียว” ผมเผลอหลุดคำน่าอาย แต่วินาทีนี้ผมไม่คิดเกรงอายอะไรทั้งนั้น ความปรารถนากำลังครอบงำผมทั้งร่างกายและจิตใจ

        ส่วนล่างของเราทั้งสองเสียดสีกันและกันอย่างจาบจ้วง ผมเริ่มทนไม่ไหว อาซาเองก็เช่นกัน เขากระซิบชิดริมฝีปากผมเสียงพร่า

        “จับของฉันเข้าไปในตัวนายเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว” อาซากำกับ ผมทำตามอย่างว่าง่าย จับสิ่งใหญ่โตไว้ในมือ รูดขึ้นลงเตรียมพร้อมก่อนจะนำมันเข้ามาในตัวผม คับแน่นเกินจะเอ่ยทั้งที่เพิ่งเข้าไปเพียงนิดเดียว อาซากัดฟันแน่น ผมไม่อยากให้ตัวเองและอาซาต้องทรมาน เลยกัดฟันกดตัวเองกลืนกินอสรพิษเบอร์สองที่ขนาดไม่เป็นสองรองใครเข้าไปในตัวรวดเดียว ฟ้าหมุนเป็นยังไงก็เพิ่งเข้าใจถ่องแท้ก็คราวนี้

        “ซี๊ด ไม่ต้องใจร้อน ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งขยับนะ” อาซากอบกุมบันท้ายกลมเด้งมือของผม ลูบวนปลอบโยน ดวงตาเร่าร้อนกลืนกินสติสัมปชัญญะผมจนหมดสิ้น เริ่มขยับตัวขึ้นลงโดนที่อาซาไม่ต้องชักนำ

        “อื้อ อ๊า แน่นจัง” ทุกความรู้สึกถูกพ่นออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่รู้ตัว

        “เร็วอีก” อาซาเร่ง สวนกายขึ้นตอบรับ กอดผมแน่นจนแทบรวมร่าง

        ไอเย็นจากตัวอาซากลายเป็นไอร้อนที่เผาพลาญความต้องการให้ลุกโชนดั่งไฟลามเลีย ทุกจังหวะที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวชวนให้เมามายตักตวงไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย

        “ดีไหม เสียวหรือเปล่า” อาซาเป็นผู้ชายที่ทะลึ่งอย่างร้ายกาจยามอยู่บนเตียง และผมคงติดมาจากอาซาเพราะดันไปมีความรู้สึกวาบหวามกับคำพูดจาบจ้วงน่าอาบเหล่านั้น

        “แรง อื้อ อีก” ผมร้องขอเมื่อใกล้จะทนไม่ไหว และปลอดปล่อยเป็นคนแรง ทิ้งตัวซุกซบอาซาที่ยังคงเร่งเครื่องเมคเลิฟผมรุนแรงและเร็ว

        “อื้อออ” ผมหัวโล่งคล้ายมีพลุแตกกระจายในหัวในจังหวะที่อาซาหมุนตัวผมให้นอนตะแคง ขาข้างหนึ่งถูกยกสูงโดยทีมือหนาจับประคองเอาไว้ไม่ให้หล่น ผมไม่ต้องทำอะไรมากนอกจากนอนร้องครางเสียงหวานให้อาซาฟังและร่วมเป็นลูกมือในการบรรเลงเพลงรักในจังหวะที่รุนแรงดุเดือดขึ้น ผ่านไปสามกระบวนท่าอาซาถึงได้ปลดปล่อยหยาดน้ำแห่งรักเข้าสู่ตัวผม ภายใจอุ่นวาบที่ได้รับการเติมเต็ม ผมหมดแรงนอนหอบหายใจแรง ดวงตาปิดสนิทแต่รู้สึกตัว

        จุ๊บ~

        ความอ่อนนุ่มที่พาผมลอยขึ้นฟ้าและตกลงมาสู่ดินพรมจูบทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ก่อนที่เขาจะถอนความใหญ่โตออกจากช่องทางคับแน่น พลิกตัวผมนอนหงาย เฝ้าคลอเคลียจูบไม่ห่างก่อนจะจับเจ้างูยักษ์เข้าครอบครองร่างกายผมอีกรอบ

        สำหรับอาซาไม่เคยจบอยู่ที่หนึ่งรอบ และสองรอบดูจะยังไม่เพียงพอ จนกระทั่งจะต่อในรอบที่หก ผมก็ร้องขอความเห็นใจ

        “อาซา ฉันไม่ไหวแล้ว ขอพักหน่อยนะ”

        “ให้ชั่วโมงหนึ่งนะ ฉันจะลงไปเตรียมอาหาเย็นให้”

        คืนนี้จะไม่มีต่ออะไรทั้งนั้น แค่นี้ผมก็แทบแย่แล้ว ถ้าอาซายังจะต่อผมคงได้ตายคาเตียง แต่จะทำยังไงได้ อาซามีความต้องการสูง เขาไม่ได้กอดผมบ่อย แต่ถ้าได้กอดเขาก็จะกอดไม่เลิก บางทีผมควรแอบไปขอยาคาร์เตอร์เพื่อความสบายของร่างกาย

        หลับตาคิดเพ้อเจ้อได้ไม่เกินนาทีผมก็ผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลีย

        สุดท้ายผมก็ไม่ได้ตื่นเพื่อกินอาหารเย็น อาซาก็ไม่ได้กวนผมไปมากกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้น ห้ารอบที่เขาทำไว้เมื่อวานก็ทำให้ผมเดี้ยงอยู่ไม่น้อย

        วันนี้อาซาก็ไปส่งผมเข้าเรียน เช่นเคย เขาไม่ต้องการให้ผมขาดเรียนแม้ว่าตัวเองจะทำให้ผมอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เขาก็ยังคงลากผมมาที่ตึกเรียน เพียงแต่วันนี้เขาไม่ได้อยู่เฝ้า เพราะต้องไปเอายาของอเล็กซ์ที่โรงพยาบาล

        ครืดดด

        โทรศัพท์ผมดังขึ้นระหว่างเรียน ผมหยิบออกจากกระเป๋า พี่ยอร์ชโทรมาผมรีบกดรับสายแล้วแอบคุย

        “โยชิ ยุ่งอยู่หรือเปล่า”

        “โยเรียนอยู่ครับ พี่ยอร์ชมีอะไรหรือเปล่า” ผมกระซิบเสียงเบา

        “พี่จะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้พี่จะไปทำธุระที่กรุงเทพ เลยจะแวะไปหาเรา มีเรียนถึงกี่โมง” พี่ยอร์ชถาม ผมนึกก่อนจะตอบ

        “หลังสี่โมงเย็นครับ”

        “อยากได้อะไรไหม พี่จะได้ขนไปให้”

        ผมส่ายหน้า “ไม่เอา แค่พี่ยอร์ชมาหาก็พอแล้ว”

        “ปากหวานจริงนะตัวเล็ก งั้นเรียนต่อเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว”

        “ครับ สวัสดีครับ”

        พี่ยอร์ชวางสายไปก่อน ผมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า ต้องบอกอาซาว่าพี่ยอร์ชจะมา กลัวเหลือเกินว่าเอเดนจะรู้ ผมไม่อยากให้พี่ยอร์ชยุ่งเกี่ยวกับเอเดนต่อไปแล้ว จะต้องทำยังไงดี


       
...............................
        ตอนนี้เบาๆ กั้นความตรึงเครียด
        เดินเรื่องมาครึ่งค่อนทางแล้วนะคะ ใกล้เข้าสู่จุดพีคแล้ว เนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นมากกว่าเดิม
        ใครที่เชียร์ยอร์ชเอเดนก็รอลุ้นกันต่อไปว่าจะยังไง เราไม่บอก จะปล่อยให้คุณลุ้น
        แต่เรามีสปอบตอนนี้มาเรียกน้ำย่อยนิดๆหน่อยๆ

        ผมเหลือบมองดูนาฬิกา สองทุ่มแล้วหรือนี่ ผมเดินไปในห้องนอนของเอเดน คนป่วยนอนหลับบนเตียง เพื่อนของเขาทั้งสองคนก็ยังไม่กลับมา จะเอายังไงดี แต่ถ้าอยู่ดึกมากกว่านี้เกรงว่าผมจะกลับเชียงใหม่ลำบาก
        “เอเดน” ผมเรียกเขา เอเดนรู้สึกตัวอย่างง่ายดาย เขามองผมนิ่ง “ผมจะกลับแล้วนะ มืดแล้ว”
        “จะกลับยังไง” เขาถามเสียงแหบ ใบหน้าซีดเซียว
        “ผมขับรถมา ก็คงต้องขับกลับ” ผมตอบ
        “ดึกแล้วนะ” เขาว่า
        “ก็ใช่ไง ผมเลยว่าจะขอกลับก่อน”
        “ไม่ต้อง” เขาแย้ง ผมตีหน้างง ไม่เข้าใจ “คืนนี้นอนนี้ พรุ่งนี้ค่อยกลับ”
        ผมเลิกคิ้วงุนงง “ไม่ได้หรอก”
        “ได้สิ นายจะได้ช่วยดูแลฉันด้วย”
        “นี่คุณกำลังขอร้องผมอยู่เหรอ” ผมหรี่ตาถาม
        “แล้วคุณมีน้ำใจต่อลูกค้าไวน์รายใหญ่ในอนาคตของคุณหรือเปล่าละ” ช่างเป็นคนที่ใช้คำพูดได้เก่งกาจแม้ว่าจะป่วยก็ตามที
        “ก็ได้ นี่ผมเห็นแก่ผลประโยชน์นะ”
        “อะไรก็ช่าง แต่ตอนนั้นหิวแล้ว หาอะไรให้กินหน่อย”


        หึหึ
        ก็ไม่รู้สินะ :hao6:
        บายยยยย :bye2:
       


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2015 22:41:46 โดย RiRi »

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
พี่ยอร์ชต้องเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องแน่ๆ
อยากเห็นตอนเอเดนหวานแล้วสิ
แต่นี่อายุเอเดนก็เป็นร้อยๆ ปี ไม่ใช่ว่ามีลูกซุกไว้นะ 56566565555555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :katai2-1: :katai2-1:
รอคู่คนพี่เนี่ยยยยยย อยากให้ถึงตอนคู่เอเดนหวานๆ  :hao6:

ริริสู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

ออฟไลน์ cass-meyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ตอนหน้าพี่ยอร์ชกับเอเดนคงจะคืบหน้าไปอีกขั้นแล้วจิ อ่านสปอยด์แล้วแอบลุ้น
อาซากับโยชิหวานมุ้งมิ้งกันที่สุด ยิ้มฟินมากค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ. เนื้อเรื่องพล็อตเรื่องสนุกมากๆเลยค่ะ
+1  :กอด1:

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เฮร้ยพี่ยอร์ชชชช!! นั่นเอเดนอ้อนอยู่ป่ะน่ะ
นี่เป็นห่วงเขาใช้ม้าที่จะเดินทางกลางคืนน่ะ
อร้ายย ปริ่มเว่ออออออ

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย

คู่คุณพี่

กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด





คู่รองมักโดดเด่นเสนอ
อิอิ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
พี่ยอร์ช ชูป้ายไฟ เจ๊ชอบคนเน้!!!!! :hao7:
ของเอเดนใช่ไหมๆๆๆๆ
รอตอนต่อไปน้าาาาาา

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อ้อนแบบงูงู..
พี่ยอร์ชจัดการเอเดนให้อยู่หมัดเลยนะ....

ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ฟินเฟ่อออออ อาซานี่อ้อนโยชิใหญ่เลยน้า
รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด