DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: DGseries.ปรารถนารักอสรพิษร้ายTHIRD&PUIMEK❁FIVE❁14-04-16 [P.72]  (อ่าน 624976 ครั้ง)

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
ว่าแล้วเชียวว่าปุยเมฆต่องมีอะไรพิเศษแน่ๆ

โยชิก็พิเศษดูแลตัวเองดีๆด้วยนะ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
จะเป็นงัยต่อล่ะเนี้ย

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
B.L.O.O.D.L.I.N.E
ELEVEN






        มนุษย์กลายร่างมีอยู่หลายชนิด อาศัยอยู่ปะปนกับมนุษย์ ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ไม่รู้ว่าคนไหนมนุษย์แท้ คนไหนมนุษย์กลายร่าง หรือแม้แต่สัตว์ที่เราเห็น ก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน ว่าตัวไหนเป็นเพียงแค่สัตว์ธรรมดา ตัวไหนพิเศษ

        อาซาบอกกับผมว่า พวกมนุษย์กลายร่างอาศัยอยู่ในสังคม โดยใช้ความพิเศษของเขาให้เป็นประโยชน์ ที่เห็นได้ชัดก็คือพวกไทกริส หรือเสืออย่างคาร์เตอร์  พวกเขามีพลังในการรักษา พวกเขาถึงเลือกเป็นหมอ พวกไลแคน นอกจากจะใช้พละกำลังของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ก็ใช้การสะกดจิตและการคาดการณ์ให้เกิดประโยชน์ มีทั้งนักจิตวิทยา และหมอดู คนที่สะกดจิตผม น่าจะเดาได้ว่า เขาเป็นพวกไลแคน

        นากินี ความพิเศษของพวกเขาร้ายกาจ แต่ไม่อาจทำมาใช้ประโยชน์ได้มากนักในสังคม พิษที่แพร่โดยลมหายใจมีแต่ทำให้สิ่งมีชีวิตเสียชีวิต การพ่นไฟได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี หรือแม้แต่การสาปคนให้เป็นหินด้วยการมองสบตา เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงทำหน้าที่ในการกำจัดพวกที่ไม่ดี ทำเรื่องเลวร้ายให้กับสังคม ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ปกติหรือมนุษย์กลายร่างก็ตาม

        ยังมีอีกพวก...เลโอ พวกนี้เก็บเนื้อเก็บตัว ผมรู้เพราะอาซาบอก เราไม่ค่อยเจอพวกเลโอในเมืองเท่าไหร่ เขาเป็นราชสีห์ ไม่สุงสิงกับพวกอื่นเกินความจำเป็น ความสามารถของพวกนี้ยอดเยี่ยม เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ไม่อาจคำนวณได้ว่าทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ พวกเลโอมีอำนาจขจัดภูตผีปีศาจและเป็นพวกหยั่งรู้ มีจำนวนน้อย

        และอีกหนึ่งชนิดสดๆร้อนๆที่ผมเพิ่งจะรู้ก็คือ...แมว

        เวสตันเล่าว่า ตามบันทึกของบาทหลวงเยโรม แมวมีความสามารถพิเศษในการแยกร่างได้เก้าร่าง ร่างแยกจะมีแค่กลิ่นอายของแมวปกติ และนอกจากแยกร่างได้เก้าร่าง ก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพได้เก้าครั้ง แต่น้อยมากที่เราจะเห็นแมวกลายร่างเป็นคนหรือคนกลายร่างเป็นแมว เพราะแมวจัดเป็นสัตว์เล็ก พละกำลังไม่ค่อยมี เว้นแต่จะมีสิ่งเร้า แต่ก็นั่นแหละ เท่าที่พวกอาซามีชีวิตอยู่มาเป็นพันๆปี พวกเขาเจอมนุษย์กลายร่างของสัตว์จำพวกแมวกลายร่างได้ไม่ถึงสิบตัว

        นั่นหมายความว่า...ปุยเมฆก็อาจจะกลายร่างเป็นคนได้

        แต่สิ่งที่พิเศษที่เชื่อมโยมพวกมนุษย์กลายร่างทุกสายพันธุ์ทุกชนิดไว้ด้วยกันก็คือความเข้าใจ พวกเขาสื่อสารกันได้ หรือเรียกว่าคุยกันรู้เรื่อง มิน่า อาซาถึงได้รู้ว่าปุยเมฆไม่ปกติธรรมดา

        เสียงรถยนต์ของเวสตันดังเข้ามาในบริเวณบ้านพัก เช้านี้อาซาออกไปหาคาร์เตอร์กับเวสตัน ส่วนอีกสามคนที่เหลือออกไปซุ่มสังเกตการณ์ข้างนอกตามปกติ เหลือผมอยู่ในบ้านพักของพวกเขาเพียงคนเดียว

        ทั้งคู่เดินเข้ามาในบ้าน เวสตันนั่งลงที่โซฟาเดียว ส่วนอาซานั่งข้างๆผม วางขวดน้ำหอมสองขวดลงบนโต๊ะ เขาหายไปแต่เช้าเพื่อออกไปซื้อน้ำหอมหรอกเหรอ ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับเรื่องเอเดนที่เรากำลังวางแผนอยู่

        “นี่อะไรเหรอ” ผมหยิบขวดแก้วขนาดเล็กทรงโค้งคล้ายแจกันย่อส่วน ข้างในมีน้ำสีเทาขุ่นกับสีเหลืองสว่างขึ้นดู

        “กลิ่นสุนัขกับกลิ่นแมว” เวสตันตอบ

        “เอามาทำอะไร” เสียงจูเลียตดังจากข้างหลัง ก่อนที่ร่างเพรียวบางในชุดคลุมผ้าซาตินเนื้อนุ่มสีครีมจะเดินอ้อมมา ทิ้งตัวนั่งโซฟาที่ว่างอยู่

        “เอามากลบกลิ่นงูของพวกเรา กับชาร์ลและเบนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สองคนนั้นจำกลิ่นฉันกับเวสตันไม่ได้ แต่กับเอเดน เขารู้แน่ๆแม้ฉันจะอยู่แค่หน้าคอนโด”

        “หมายความว่าฉันไม่ต้องใช้มันใช่ไหม” จูเลียตทำหน้าแหยง เบ้ปากปรายตามองขวดสองขวดบนโต๊ะ ฟรินน์ที่เพิ่งกลับเข้ามาจากการออกไปออกกำลังกายข้างนอกพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเอี้ยวตัวไปรับถาดอาหารเช้าจากปารีส วางไว้บนโต๊ะ พวกเราจึงเริ่มมื้ออาหารเช้าตอนเจ็ดโมงในห้องนั่งเล่นแทนที่จะเป็นห้องรับประทานอาหาร

        “เราคงต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าพี่ชายนายต้องการอะไร” ปารีสเอ่ยขึ้นระหว่างมื้ออาหาร วันนี้ไม่มีใครสนกฎหรือระเบียบการในการทานข้าว ว่าห้ามคุยเรื่องงานหรือเรื่องเคร่งเครียด แต่สถานการณ์ช่วงนี้เป็นข้อยกเว้น และน่าจะยกเว้นไปอีกสักพักจนกว่าเราจะได้ความคืบหน้าอะไรมากกว่านี้

        ทุกคนในบ้านมองอาซา แน่นอนว่าสิ่งที่เอเดนต้องการต้องเกี่ยวข้องกับอาซาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะมาที่นี่ทำไม จะก่อร่างสร้างเรื่องใส่ร้ายคนรักของผมทำไม ถ้าไม่มีเจตนาที่จะประกาศสงคราม

        เพียงแต่ว่า นอกจากอาซาและผมแล้ว ยังไม่มีใครรู้เรื่องของหัวใจบาซิลิสก์ อาซาไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้มาก มันจะเป็นเรื่องใหญ่โต เขาให้แน่ใจเสียก่อนว่าเอเดนต้องการมันจริงๆ เมื่อถึงเวลานั้นค่อยคิดอีกทีว่าจะทำยังไงต่อไป

        “ฉันรู้แล้วว่าเอเดนอยู่ที่ไหน The Prior Condo” อาซาบอกกับทุกคน ในเวลาเดียวกันก็จิ้มไส้กรอกชิ้นเล็กที่หั่นพอดีคำป้อนผม ผมกินที่อาซาป้อนอย่างยินดี

        “ใกล้แค่นี้?” ฟรินน์ว่าเสียงสูง ไม่ต่างจากคนอื่นที่ใบหน้าฉายแววแปลกใจ “ทำไมเราไม่รู้”

        “ฉันไปที่นั่นก็ไม่ได้กลิ่นเอเดนเหมือนกัน ส่วนกลิ่นของชาร์ลกับเบน พวกนั้นก็คงใช้วิธีเดียวกับเรา คือหากลิ่นมนุษย์มากลบแทน” อาซาอธิบาย ผมเป็นฝ่ายป้อนเขาบ้าง อาซาเคี้ยวช้าๆ มุมปากยิ้มให้ผมเหมือนจะขอบคุณ

        “ฉันเจอมนุษย์กลายร่างสายพันธุ์แมว เขาเป็นแมวของเพื่อนโยชิ ฉันเลยว่าวันนี้จะไปลองคุยให้เขาช่วยเรา” อาซาพูดต่อ

        “จริงสินะ มนุษย์แมวแยกร่างได้ อย่างนี้ถ้าให้แอบเข้าไปสืบก็คงไม่มีอะไรน่าสงสัย” เวสตันกล่าว อาซาพยักหน้า

        “แล้วจะให้เจ้าแมวนั่นเข้าถึงตัวคนพวกนั้นยังไง” จูเลียตที่นั่งจิกโกโก้ร้อนอย่างเดียวถามขึ้น “ประเด็นคือเจ้าแมวนั่นจะยอมช่วยเหรอ งานเสี่ยงขนาดนี้”

        ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่จูเลียตพูด นั่นแหละปัญหา ผมกลัวว่าปุยเมฆจะไม่ให้ความร่วมมือกับเรา เจ้าแมวลายเสือตัวเล็กไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลยสักนิด ผมไม่คิดว่าเขาจะยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือเรา

        “เอเดนถึงจะเป็นคนบ้าอำนาจ นิสัยดุร้าย แต่ว่าเขาก็มีมุมที่อ่อนโยน เอเดนชอบแมวมาก ฉันคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาถ้าให้ปุยเมฆแสร้งทำเป็นแมวไม่มีเจ้าของ ยังไงเอเดนก็ต้องใจอ่อนเก็บไปเลี้ยง ส่วนเรื่องที่เขาจะช่วยเราไหม ฉันคงต้องใช้ความพยายามสักหน่อย”

        “ลองดูก็แล้วกัน ถ้าเจ้าแมวนั่นไม่ยอมก็ลองยื่นข้อเสนอเป็นหนูตัวโตสำหรับมื้อกลางวันฟรีตลอดชีวิต ยังไงก็ยอม” ฟรินน์หัวเราะร่า ความอึมครึมเคร่งเครียดถูกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในบ้านปัดเปล่าจางหายไปชั่วขณะหนึ่ง

        “ฉันว่าจะไม่ได้เรื่องเสียมากกว่า” จูเลียตเหน็บให้เจ็บๆคันๆ

        “ขัดได้ตลอดสินะจูเลียต” ฟรินน์ชักสีหน้าใส่แบบงอนๆ เราหยุดพูดคุย เริ่มทานอาหารเช้าอย่างจริงจัง ก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ส่วนผมกับอาซา ขับรถไปที่คอนโดเติร์ดอีกครั้ง โดยโทรบอกลูกเจ้าของคอนโดเรียบร้อย ใช้ข้ออ้างว่าอาซาอยากได้คอนโดที่นั่นสักห้อง เพื่อเป็นเหตุผลที่อาซาจะไปที่ห้องของเติร์ดอีกครั้งรอบเพื่อเจอกับปุยเมฆ

        อีกสองวันจะเปิดเทอมแล้ว ผมคงจะต้องกลับไปเรียนในขณะที่คนอื่นๆวุ่นเรื่องเอเดน เมื่อถึงตอนนั้นผมจะช่วยอะไรอาซาได้บ้าง




        ADEN

        ทุกอย่างง่ายกว่าที่คิด นึกว่าจะหาตัวยากกว่านี้เสียอีก

        ...ผู้กุมความลับ...

        แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ผู้กุมความลับของนากินีเป็นพวกไลแคน มนุษย์กลายร่างต่างสายพันธุ์กับงู ตามล่าหาตัวเสียนานคิดว่าจะเป็นพวกเดียวกัน มิน่าละถึงได้ตามรอยตามกลิ่นไม่เจอ จนกระทั่งโชคเข้าข้าง ที่เจ้านั่นมาหาเองถึงที่

        และเมื่อเจอตัวแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะหนีไปได้ จนกว่าผมจะรู้เรื่องที่จะต้องรู้ เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะละทิ้งชีวิตของมันอย่างสมเกรียติที่มันได้รับหน้าที่อันสูงสุดมาตั้งแต่เกิด

        หัวใจบาซิลิสก์...หัวใจที่อยู่ในร่างอาซา ผมจะแย่งมันมาด้วยมือของผมเอง

        “ฮัลโหล พวกนายอยู่ไหน” ผมต่อสายเมื่อกลับถึงห้องพัก ผู้กุมความลับกลับไปแล้ว มันเองก็คงรู้ว่าผมเป็นใครและต้องการอะไร แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความสงสัยก็คือ อเล็กซ์มาหายอร์ชทำไม

        ทั้งคู่เกี่ยวข้องกันยังไง จะเป็นแค่คนรู้จักหรือว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องดวงใจของสัตว์ร้าย ไม่พ้นคืนนี้คงได้รู้กัน

        “อยู่คอนโด” มือถือชาร์ล แต่เบนเป็นคนรับสาย ทั้งๆที่เจ้านั่นควรจะต้องตามหาผู้กุมความลับ คนที่ผมเพิ่งจะเจอไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา

        “นายไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงเบน ในมื่อฉันสั่งให้นาย...”

        “ตามหาผู้กุมความลับ” เบนพูดแทรกต่อท้ายประโยคได้อย่างถูกต้องทั้งที่ผมยังพูดไม่จบดี “ฟังก่อนเพื่อน ฉันได้ข่าวใหม่มา ก็เลยมาหานายที่นี่ แต่นายกลับไม่อยู่เสียอย่างนั้น ติดใจเด็กที่เชียงใหม่หรือยังไง จะหาว่าฉันอู้ นายไม่อู้เลยว่างั้น เรื่องของฉันก็ไม่ใช่เปล่าวะ” เสียงบ่นกวนประสาทของเบนน่ารำคาญในความรู้สึกผมเสมอ แต่เพราะชินชา จึงไม่ใส่ใจ

        “หยุดบ่น” ผมสั่งเสียงนิ่ง “เบาะแสของนายคงไม่น่ายินดีเท่ากับสิ่งที่ฉันเจอ”

        “นายเจออะไร”

        “ผู้กุมความลับ”

        “...!” เสียงของเบนเงียบหายไป ได้ยินเสียงตะกุกตะกักดังมาแทนที่ เสียงของชาร์ลดังลอดแว่วๆพร้อมกับเสียงแปลกๆ คล้ายเสียงแมว ถ้าผมหูไม่ฝาด จะต้องเป็นเสียงแมวแน่นอน

        ซัลซ่า...แมวตัวโปรดที่ตายไปนานแล้วก็ร้องเสียงแบบนี้ไม่ผิดเพี้ยน

        “เมื่อกี้นายว่ายังไงนะเอเดน นายเจออะไรนะ!?” เบนกลับมาในสายอีกครั้ง คงจะตกใจมาก

        “ฉันเจอผู้กุมความลับแล้ว อยู่ที่เชียงใหม่”

        “เชียงใหม่! แล้วที่ฉันลงใต้จนตัวแดงลอกเป็นขุยนี่เพื่ออะไรวะ” เบนโวยวายหัวฟัดหัวเหวี่ยง นึกภาพใบหน้าไม่สบอารมณ์นั่นออก

        “นั่นเป็นเพราะนายไม่ได้เรื่องเองไม่ใช่หรือไง”

        “อย่ามาว่ากันนะเว้ยเอเดน นายให้ข้อมูลฉันมาเยอะมาก พอจะตามได้จนรู้ว่ามันย้ายไปแถมยังเป็นพวกไลแคนไม่ใช่พวกนากินีอย่างเราๆฉันก็ถือว่าตัวเองเก่งมากพอแล้ว”

        “หึหึ”

        “แล้วไงต่อ จะให้ฉันไปหาที่นู่นไหม หรือยังไง”

        “ไม่ต้อง ฉันจะพามันกลับไปที่กรุงเทพ” ผมมีบ้านลับ ที่นั่นจะปลอดภัยในการทำทุกอย่างจากสายตามนุษย์

        “จะมาที่คอนโดเนี่ยนะ” เบนถามเสียงงุนงง ผมเกิดอาการเซ็งกับคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรมากมายอย่างเบน

        “ไม่ใช่ แต่เป็นบ้านพักที่ฉันให้ชาร์ลซื้อไว้เมื่อสองสามวันก่อน” ผมพูดอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

        “อ่อ โอเค”

        “งั้นแค่นี้...”

        “เดี๋ยว” เบนเรียก ผมยกโทรศัพท์ชิดใบหูอีกครั้ง

        “อะไร”

        เบนถอนหายใจเบา “แน่ใจนะว่าต้องการแบบนี้จริงๆ”

        “ถ้าไม่ต้องการ ฉันไม่มาไกลขนาดนี้ นายจะถอนตัวก็ได้นะ ในเมื่อพวกนายก็ไม่ได้ส่วนได้ส่วนเสียจากสิ่งที่ฉันต้องการ”

        “ไอ้หัวใจบาซิลิสก์นั่น ฉันกับชาร์ลไม่อยากได้หรอก ที่ช่วยก็เพราะนายเป็นเพื่อนของพวกเรา แต่ฉันแค่อยากแน่ใจ ว่านายจะไม่นึกเสียใจที่หลัง”

        “ไม่มีวัน อะไรที่ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันไม่มีทางถอยหลัง”

        “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี จะกลับมาพรุ่งนี้เลยไหม”

        “คงเป็นมะรืน นายก็รออยู่ที่คอนโดไปก่อน จนกว่าฉันจะโทรหาแล้วค่อยไปที่บ้านพัก”

        “ได้ แล้วเจอกัน”

        “อืม”

        ผมกดตัดสาย โยนโทรศัพท์รุ่นใหม่ทันสมัยลงบนเตียง มองฝาผนังที่ทำจากไม้เนื้อดีเงียบๆ ก่อนจะค้นหารูปในกระเป๋าสตางค์ออกมาดู

        “เป็นคนเดียวกันจริงๆ” ผมได้เบาะแสของอเล็กเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เรื่องหัวใจบาซิลิสก์ผมรู้เพราะแอบได้ยินพ่อพูดกับเลขาคนสนิทโดยบังเอิญ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าอาซา คนที่ผมไม่เคยยอมรับว่าเป็นน้องชาย และไม่มีวันยอมรับจะมีอำนาจมากกว่าผม อาซาไม่สมควรได้ในสิ่งที่เป็นของผม ผมรู้ว่าพ่อต้องการให้อาซาขึ้นแทนที่พ่อ ทั้งๆที่มันควรจะต้องเป็นของผม ในตอนนั้น เมื่อพันปีที่แล้ว ผมไม่เข้าใจ ผมเป็นลูกชายคนโตของเขา แต่เขากลับจะยกตำแหน่งของตัวเองให้ไอ้เด็กนอกคอกที่เกิดจากนากินีชั้นต่ำ ผมโกรธพ่อ และผมเกิดความรู้สึกเกลียดอาซาจับใจ มันเกิดมาเพื่อจะแย่งทุกอย่างไปจากผม และก่อนที่มันจะได้ใจมากไปกว่านี้ ผมยุแยงเรื่องอาซากับคนรักที่เป็นนากินีเพศเดียวกัน จนพ่อลงมือฆ่าเจ้างูคู่รักของอาซาตาย

        ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของผม อาซาเกลียดพ่อ และหนีออกจากไปไม่กลับมาอีก ถึงจะติดต่อกัน แต่ผมรู้ว่ามันไม่มีทางกลับมา และผมคือผู้ที่จะรับตำแหน่งประมุขของสกุลแทนพ่อ

        นากินีไม่ใช่อำมตะ มีอายุไข เพียงแต่ก็เป็นเวลานับหลายพันปี หากไม่ถูกฆ่าตายเสียก่อน

        แต่ใครจะไปรู้ ว่าที่พ่อทำเหมือนรั้งรอมานานขนาดที่ ไม่ยอมสละตำแหน่งเสียที เป็นเพราะพ่อรอมันกลับไป! เพราะอาซามีไอ้หัวใจบาซิลิสก์บ้าๆนั่นอยู่ที่ตัวมัน พ่อต้องการใช้อำนาจของมันในการปกครองพวกเราทั้งหมดทั่วโลก ผมไม่อยากยอมรับ แต่เมื่อสืบหาความจริง ตามหาตัวคนที่รู้เรื่อง เค้นเอาความจริงทุกทาง ฆ่านากินีฆ่ามนุษย์หลายต่อหลายคนเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบ ในที่สุด ผมก็แน่ใจว่ามันคือเรื่องจริง เพียงแต่ยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับความลี้ลับของหัวใจบาซิลิสก์เพียงพอ รู้แค่ว่ามันมีอำนาจอย่างที่จอมร้ายอย่างบาซิลิสก์มี อำนาจทำลายร้างทุกอย่างให้พังพินาศ อำนาจที่ไม่ว่าใครก็ต้องเกรงกลัวไม่เว้นแม้แต่พวกเลโอ มนุษย์กลายร่างครึ่งคนครึ่งสิงโตที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งสัตว์ป่า

        และผมไม่มีทางยอมให้อาซาอยู่เหนือกว่าผม ให้ตายก็ไม่มีวันยอมรับ ผมจะแย่งมันมา ให้พ่อและทุกคนรู้ว่า คนที่สมควรเป็นใหญ่คือผม ไม่ใช่ไอ้เด็กนอกคอกนั่น!

        อาซาคือหนามหยอกอกอันโต ถ้าไม่กำจัดออกมันก็จะกลัดหนองไม่จบสิ้น

        ถ้ามีผมต้องไม่มีอาซา ถ้ามันอาซาต้องไม่มีผม!

        ก็อกๆๆ

        ความคิดต่างๆหยุดชะงักยามที่เสียงเคาะประตูดังแทรก ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง มองจดจ้องบานประตู คนที่มาไม่ใช่ยอร์ช พี่ชายของโยชิ คนรักของอาซา

        ผมจำกลิ่นของยอร์ชได้ นุ่มนวล ละมุน กลิ่นหอมเย็นอ่อนๆ แต่ก็...ติดจมูก เป็นกลิ่นกายเฉพาะตัวที่ผมเพิ่งจะได้กลิ่นแบบนี้เป็นครั้งแรก ยามเมื่ออยู่ใกล้ได้กลิ่น จิตใจที่ร้อนรุ่มของผมมักสงบลงอย่างน่าประหลาด ไม่ใช่กลิ่นที่หอมหวานอบอวลอย่างหญิงสาวในวัยแรกแย้ม แค่เจอกันวันแรกผมก็สามารถจดจำความหอมที่น่าสนใจนี้ได้ขึ้นใจ นับว่าเป็นเรื่องดี กลิ่นแบบนี้แหละตามรอยง่าย

        แต่กลิ่นมนุษย์ที่อยู่หลังบานประตู เหม็นสาบจนฉุนจมูกไม่น่าอภิรมย์ ยังมีกลิ่นดินกลิ่นปุ๋ยตามมาให้ระคายจมูก ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง

        “ใคร” เสียงแข็งกร้าวติดหงุดหงิดของผมเอ่ยนิ่งๆ

        “คุณยอร์ชให้...เอ่อให้ ผมมาบอกว่า ยะเย็นนี้...คุณเขาต้องออกไปธุระ...ที่...ข้างนอก เลยให้ผมมา...มา...ถามว่าคุณจะทานอะไรเป็นมื้อเย็น คือ...จะได้ให้แม่ครัวเตรียมไว้ให้” เสียงพูดภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น จับใจความได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะสำเหนียงแย่เกินเข้าใจ สิ่งที่เข้าใจก็คือ เย็นนี้เจ้าของไร่หน้ามนจะไม่อยู่ และเขาอยากรู้ว่าผมจะกินอะไรสำหรับมื้อเย็น

        แล้วทำไมไม่มาบอกด้วยตัวเอง ทำไมต้องฝากคนอื่นมาด้วย

        น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว

        ผมหยิบกระดาษและปากกาที่มีอยู่ในห้องตวัดลายมือเขียนคำตอบลงไป เพราะถ้าให้ผมพูด เจ้ามนุษย์โง่เง่าก็คงไม่เข้าใจและนำไปสื่อสารไม่ได้

        -I don’t want to eat anything, don’t let anyone interrupt me in this evening-

        ผมสอดกระดาษผ่านช่องประตูด้านล่าง ไม่คิดเปิดประตูออกไปดูหรือเสวนากับคนที่ไม่มีประโยชน์ในชีวิต ผมได้ยินเสียงพูดบ่นงึมงำเป็นภาษาที่ไม่เข้าใจก่อนที่มนุษย์กลิ่นตัวฉุนจะละกลับ

        ไม่อยู่ก็ดี จะได้ออกไปจัดการเรื่องอเล็กซ์แบบไร้กังวล

        เดี๋ยวนะ...แล้วผมมีอะไรให้ต้องกังวล

        รอจนตะวันลาลับขอบฟ้า ผมกลายร่างเป็นงู เลื้อยตามกลิ่นมนุษย์กลายร่างหน้าขนที่ยังมีกลิ่นทิ้งเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว จากสายตาคนปกติจะเห็นผมเป็นเพียงเส้นสีขาวปรากฏเพียงแวบเดียวจนยากที่จะสังเกต เส้นทางที่แกะรอยจากกลิ่นของผู้กุมความลับเข้าสู่เขตป่าที่เส้นทางสลับซับซ้อน กลิ่นของอล็กซ์เริ่มจางหายไปจนแทบไม่ได้กลิ่น มีเพียงกลิ่นดิน ต้นไม้และเหม็นของสมุนไพรฉุนจมูกตลบอบอวลเมื่อมาสิ้นสุดที่บ้านกึ่งไม้กึ่งปูนหลังหนึ่งในป่าลึก

        นี่เองคือที่หลบซ่อน เข้าใจเลือกสถานที่ ห่างไกลผู้คน ลึกลับซับซ้อน เข้าใจใช้กลิ่นต่างๆกลบกลิ่นของตัวเอง แต่ก็แค่นั้น ไม่ยากเกินกว่าที่คนอย่างผมจะหาพบ

        ผมกลับสู่ร่างคน ไม่ต้องกังวลว่าเหยื่อที่ตามหาจะรู้ตัวถึงการมาของผม เพราะผมเองก็ไม่ได้โง่ให้ใครตามกลิ่นเจอได้ง่ายๆ การหากลิ่นอื่นมากลบตัวตนหาไม่ยาก แต่ไม่ง่ายที่จะมีไว้ครอบครอง เพราะสิ่งแลกเปลี่ยนมักราคาสูงกว่าที่พวกชนชั้นล่างๆจะหาได้ ส่วนไอ้พวกที่รวยเอาๆก็คงเป็นพวกเลโอหน้าเลือดที่เป็นคนคิดค้นสกัดกลิ่นพวกนี้ขึ้นมา

        หน้าบ้านมีไฟดวงกลมๆสองดวงเปิดให้แสงสว่างแค่ร่ำไร ในบ้านเปิดไฟน้อยนิด แต่ก็พอทำให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน ผมก้าวเท้าขึ้นบันไดจนหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู แตะมือที่ลูกบิด ก่อนจะเพ่งสายตาแพร่พิษละลายลูกบิดจนหายวับไปกับตา ประตูเปิดอ้าออกเงียบเชียบ ผมกวาดตามองอย่างรวดเร็ว ใช้สัมผัสจับความเคลื่อนไหวภายใน

        เงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่

        เสียงลมพัดใบไม้เสียงสีดังกลบเสียงฝีเท้ายามที่ย่ำเข้าตัวบ้าน ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นบนชั้นวาง บนโต๊ะ ตู้ มีถ้วยใส่สมุนไพรเครื่องเทศวางเกลื่อนบ้าน ตามหลักที่ว่า กลิ่นเครื่องเทศพวกนี้จะช่วยกลบกลิ่นคาวยามปรุงอาหาร และในทางเดียวกันที่ไม่มีมนุษย์ธรรมคนไหนรู้ก็คือ กลิ่นฉุนพวกนี้กลบกลิ่นสาปสัตว์อย่างเราได้ชะงักที่สุด ยิ่งกว่ากลิ่นปรุงแต่งที่ได้มาจากพวกเลโอ

        ฉลาดสมกับเป็นผู้เก็บความลับ แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้กลิ่นของอเล็ก

        เคร้ง!

        หึหึ หมดเวลาเล่นซ่อนหาเสียที

        ผมเดินไปด้านในสุดของบ้าน ห้องครัว คนที่ผมตามหากำลังรินน้ำใส่แก้ว ก่อนจะค่อยๆหันทางผม สีหน้าของอเล็กตะลึงงันตกใจ ก่อนจะรีบซ่อมทุกอย่างภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง จิตใจมั่นคงใช่ได้ แต่ยังไม่มากพอ

        อย่าแสดงความกลัวต่อหน้าศัตรู เพราะมันคือการหยิบยื่นความตายให้ตนเอง

        “หมดเวลาเล่นซ่อนหาแล้วนะผู้กุมความลับ ต้องขอชมเชยเลยว่านายเก่งมากที่ทำให้ฉันตามหาตัวนายไปทั่ว แต่นายยังไม่เก่งพอที่จะทำหน้าที่นี้” ผมเดินเข้าไปใกล้ อเล็กซ์ไม่ได้ถอยหนี ดวงตาแน่วแน่มั่นคง

        “นายกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว” อเล็กซ์เอ่ยปากไล่ผมอย่างไร้มารยาทสิ้นดี

        “ฉันว่านายรู้ดีว่าฉันมาที่นี่ทำไม มันจะต้องมีสักวันที่ฉันจะต้องมาตามหาความลับที่นายเป็นคนเก็บมัน และนั่นเป็นภารกิจที่นายได้รับมาพร้อมกับรอยปานที่ข้อมือ รอยปานที่มาพร้อมหน้าที่อันใหญ่หลวงจากพระเจ้า

        “ฉันไม่มีอะไรที่นายต้องการ ออกไปจากบ้านฉันก่อนที่จะเจอดี” ดวงตาของไลแคนส่องประกายไหววูบ ดุดันข่มขู่ แต่เสี้ยวหนึ่งก็ยังเต็มไปด้วยความกังวล ไม่รู้ว่ากังวลที่ผมหาตัวอเล็กซ์เจอหรือกังวลเรื่องอะไร

        “แน่นอนว่านายมีสิ่งที่ฉันอยากได้ ความลับของหัวใจบาซิลิสก์”

        “...!” อเล็กช์หยุดชะงักก่อนจะกระตุกยิ้ม “ฉันไม่รู้ว่านายพูดเรื่องอะไร นายอาจจะสติไม่ดี ออกไปจากที่นี่ซะ

        ผมไม่สนใจท่าทางอวดดีนั่น “นายไปหายอร์ชทำไม” ผมถามในสิ่งที่สงสัยเป็นอันดับแรก ผู้กุมความลับของนากินีไม่น่าเกี่ยวของกับมนุษย์ธรรมดาอย่างยอร์ช

        “ไม่ใช่เรื่องของนาย ออกไปจากบ้านฉัน” อเล็กซ์กัดฟันข่มขู่ผมเสียงเบา ไม่ยอมตะโกนคำราม ผิดวิสัยจนน่าสงสัย เขาเดินเข้ามาใกล้ผม ใช้สายตาแฝงมนต์สะกดจิตสั่งให้ผมถอยหลัง ฤทธิ์เดชไม่เบา ทำเอาผมมึนถอยจนถึงหน้าประตู แต่ก็สลัดหลุดออกจากการถูกสะกดจิต

        “หรือว่า ความลับที่นายเก็บไว้จะเกี่ยวข้องกับยอร์ชและ ฉันได้ยิน นายพูดว่านายมีเรื่องต้องบอกยอร์ชก่อนที่นายจะถูกฉันตามตัว ถูกไหม” ผมย้อนถามสีหน้าเป็นต่อ อเล็กซ์หน้าซีด สิ่งที่สงสัยกลายเป็นความจริง

        “งั้นเหรอ” ผมพยักหน้าเข้าใจ “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไปเค้นเอาความจริงจากยอร์ชก็ได้สินะ มนุษย์ตัวเล็กๆ ไม่คณามือ น่าจะเค้นคอง่ายกว่าพวกมนุษย์หมาป่าอย่างนาย”

        “อย่ายุ่งกับพวกเขา พวกเขาไม่รู้เรื่อง!” อเล็กซ์หลุดโมโหคำรามก้องป่าอย่างลืมตัว กระโจรนร่างเข้าใส่ผมในร่างไลแคน ผมกลับสู่ร่างงูเช่นกัน แต่ก่อนที่จะเกิดการต่อสู้ฟาดฟัน เสียงคุ้นหูก็ดังมาจากทางเข้า

        “พวกนาย...ไม่ใช่คน!”

        อ่า...ความลับแตกแล้วสินะ

        ก่อนที่จะแน่ใจว่ายอร์ชเกี่ยวข้องยังไงกับผู้กุมความลับ ผมจำเป็นต้องลบล้างบางอย่างที่เขาเพิ่งจะได้เห็น เพื่อป้องกันตัวเอง

        ผมกลับสู่ร่างคนเช่นเดิน นั่นทำให้ยอร์ชตะลึงเพลิดไปใหญ่ ดวงตาเรียวเบิกกว้างแทบถลน ปากบางสั่นริกด้วยความกลัว







        “สะกดจิตให้เขาลืมซะ ฉันรู้ว่านายเองก็ต้องการ” ผมสั่งอเล็กที่ยังอยู่ในร่างหมาป่า

       




      “ไม่บอกก็จะทำอยู่แล้ว!”


.........
พี่ยอร์ชซวยแล้วววววววว!  :serius2:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
นึกว่าฝันไป

ขอตัวไปอ่านก่อน

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
วันนี้อ่านไม่ไหวแล้ว

ไว้เดี๋ยวพรุ้งนี้มาอ่านใหม่จ้า


ออฟไลน์ bumzaza258

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ประมานว่าปมเริ่มคลายออกแล้ว แต่อาจจะมีปมใหม่มาอีก 5555 ภาคสองเล่มสะเจ้มจ้นเลยยย
#อยากอ่านฟินๆบ้าง555 แต่ดูจากการบรรยายของเอเดนเกี่ยวกับกลิ่นของพี่ยอร์ชทำให้เราคิดว่าคู่นี้มีสิทธิ์ที่จะเลิฟๆแน่นอน ประมานว่า พี่xพี่   น้องxน้อง 5555  :hao7:
ปล เอเดนขี้อิจฉานิสัยงูมากกกก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายย  :katai5:
ปล2 ไม่อยากให้เกิดเรื่องเหมือนที่โยชิฝันในอินโทรเล้ยยยยย  :ling1:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
พี่ยอร์ชชชชชชชชชช :a5:
โผล่มาถูกเวลาพอดีเลยอ่ะ!!!!!
ขอให้เอเดนหลงพี่ชายเถอะ เพี้ยงๆๆๆ :call:
รอตอนต่อไปน้าาาา

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โธ่ พี่ยอร์ช ทำไมถึงได้ซวยอย่างนี้ แต่สงสัยจะได้คู่โดยไม่รู้ตัวด้วยแน่ๆ ก็เล่นบรรยายกลิ่นพี่ยอร์ชซะอย่างนั้น

ออฟไลน์ lovelypolly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
แง้ววว มาต่อแย้ววว
แต่เอ๊ะ เหมือนจะค้างมากกว่าเดิม ง่ะ  :a5:
เอาใจช่วยพี่ยอชด้วยเนอะ เข้าไปได้จังหวะเหมาะเกิ๊นนน ความซวยเลยมาเยือนซะงั้น หุ หุ

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
 :hao6:l  :hao6: เอเดนกับยอร์ช ยอร์ชกับเอเดน side story เถอะเนาะ  :mew2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
พี่ยอร์ชโผล่มาได้จังหวะเลยย
แต่เดี๋ยวพี่ยอร์ชก็ต้องโดนลบความทรงจำอยู่ดี
เอเดนกลับตัวกลับใจเหอะ
เป็นคนดีซะแล้วก็คู่กะพี่ยอร์ช
ชีวิตจะได้มีความสุข

ออฟไลน์ ☾❤Nyanpire❤☽

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1836
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-2
เรื่องเข้มข้นนนนนนนนนนนนน
อยากรู้แมวจะช่วยอาซาหรือเปล่า
ยอร์ชโดนสะกดจิต แล้วจะเป็นยังไงต่อไป
เดาไม่ออกจริงๆ
 :hao7:

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เอาตรงๆเลยนะ อยากให้เอเดน คู่กับยอชมากกกก
คำพูดคำจาเอเดนนี่แบบ ป้าคิดไปไกลนะพูดเลยยย
ดีใจมากที่ได้อ่าน ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
จะเป็นงัยต่อเนี้ย พี่ยอร์ชจะลืมป่าวอะ

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เริ่มแล้วซินะ..ความตื่นเต้นกำลังเริ่ม...
แต่ความกังวลของเอเดนนี่น่าสนใจ...
กังวลเกี่ยวกับพี่ยอร์ชมันน่าลุ้นนะ..

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:   เอเดนนนน แกชอบพี่ยอร์ชแล้วช๊ายม๊าาาาาาา

แบบนั้นก็ต้องดีกับพี่แกให้มากๆนะ  อย่าทำร้ายพี่แกล่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
หิหิ เอเดนชอบพี่ยอร์ชแต่ไม่รู้ตัวซินะ

อันนี้ชอบ เชียร์ใหรักกัน

แต่ที่ไม่ชอบเอเดนคือความเจ้าคิดเจ้าแค้น

ความมักใหญ่ใฝ่สูง มากไป

ทำให้เกิดความโลภ และความโลภนั้นบังตาบังใจ

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
อย่าทำร้ายพี่ยอร์ชน้าาาาาาาา
+1  :กอด1:

ปล.อยากให้พี่ยอร์ชเปลี่ยนใจอสรพิษคิดร้ายของเอเดนให้กลับมาคิดดีได้จัง

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
ดันมาเจอซะได้

ออฟไลน์ บี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
กรีสสสสสสจะมาต่อเมื่อไหร่ริริจ๋าาาาลุ้นมว๊ากกกกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ loveromance

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
อื้อหือ แอบชอบพี่ยอร์ชหรือเปล่าเอเดนพ่องูนิสัยเสีย พี่ยอร์ชจะไม่เป็นไรใช่ไหม :mew2:

ออฟไลน์ Kissing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
หัวใจจะวาย :a5: พี่ยอร์ชของช้านนนน  :z3:

ออฟไลน์ มิวม๊าว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอเดนชอบยอร์ชใช่ไหมเนี้ยย กิ้วกิ้ว
แต่เอเดนก็ดูไม่ได้ร้ายนะ ดูยังมีมุมอ่อนโยนอย่างที่อาซาบอก :-[

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ริริ อยู่ไหนเอ่ย

มารอจ้า

มาลงใหก่อนปีใหม่หน่อยเร็วววว

ออฟไลน์ hikikomori

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-4
พี่ยอชตะเป็นไรมั้ยเนี่ย พอจะได้รู้ความจริงมั่งจะโดนลบอีกละ
ยังไงก็ขอให้เอเดนชอบพี่ยอชเร็วๆนะ ติดตามฮะๆ

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
B.L.O.O.D.L.I.N.E
TWELVE






       เราเดินทางมาที่คอนโดของเติร์ดหลังจากที่พูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวของอาซาเสร็จ เพื่อทำการเจรจากับปุยเมฆ ส่วนที่เหลือจะออกเฝ้าสังเกตการณ์เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าสลดซ้ำอีกครั้ง

        ผมยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าแมวตัวเล็กจะเป็นมนุษย์กลายร่างได้ยังไง และจะมีฤทธิ์เดชยังไง การแยกร่างจะเป็นเหมือนแยกวิญญาณออกจากร่างแบบในทีวีหรือเปล่าก็ยากที่จะคาดเดา

        “โทรบอกเพื่อนนายสิ”

        “อืม” ผมโทรศัพท์หาเติร์ด ยังไม่ชัวร์ว่าเขาอยู่คอนโดหรือไปที่ไหนหรือไม่

        “ฮัลโหล” อีกฝั่งรับสาย

        “สวัสดี ฉันโทรมารบกวนหรือเปล่า” ผมถามอย่างเกรงใจ อาซามองหน้าผมตั้งใจฟังทั้งๆที่เขาก็คงไม่ได้ยิน

        “ไม่รบกวน ฉันกำลังนอนดูหนังอยู่คอนโด”

        เข้าทางเลย “พอดีเลย ฉันกับอาซาอยู่หน้าคอนโดนาย อาซาจะมาขอดูห้องกับรายละเอียดซื้อคอนโด เขาอยากได้เก็บไว้ บอกว่าน่าอยู่ดี” ผมพูดตามบทที่คิดเอาไว้แต่แรก

        “อ่อ ได้ดิ มาเลยๆ เดี๋ยวฉันลงไปรับ” น้ำเสียงกระตือรือร้น ผมพยักหน้าให้อาซารับรู้ว่าไปได้สวย

        “ฉันกับอาซารอที่ล็อบบี้นะ”

        อาซาลงจากรถ อ้อมมาเปิดประตูให้ ผมยิ้มขอบคุณสุภาพบุรุษของผม ในมือถืออาหารเล็กๆน้อยๆที่ปารีสทำมาให้เติร์ด ยังมีอาหารที่ปรุงสำหรับแมวเอาไว้แทนคำขอบคุณแม้คนช่วยจะไม่รู้เรื่องด้วย

        นั่งรอที่ล็อบบี้ไม่นานเติร์ดก็ลงมารับพร้อมกับปุยเมฆเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด เชื่อแล้วว่าคงทิ้งไว้ที่ห้องคนเดียวไม่ได้ คงต้องใช้คำว่าคน เพราะปุยเมฆเป็นแมวพิเศษ

        “รอนานไหม” เติร์ดเลิกคิ้วถาม

        “ไม่นานหรอก ขอโทษที่มารบกวนนะ”

        “เฮ้ๆ ไม่ต้องเกรงใจ เพื่อนกันทั้งนั้น ใช่ไหมคุณอาซา”

        “เป็นกันเองดีกว่านะ”

        “ฮ่าๆๆ เมื่อกี้ผมล้อเล่น งั้นโยชิ นายพาอาซาขึ้นไปรอที่ห้องฉันก่อน ฉันจะไปเอาเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับคอนโดในสำนักงาน” เติร์ดส่งคีย์การ์ดให้ผม ก่อนจะส่งปุยเมฆให้ด้วย ผมขมวดคิ้วงงๆ ปุยเมฆขืนตัวไม่ยอมมา แต่อาซายื่นมือไปคว้าหมับ เจ้าแมวน้อยดิ้นร้องเสียงแหลม

        “ฝากเอาขึ้นไปที พ่อฉันแพ้ขนแมว ถ้าเอาไปด้วยคงไม่ดี แค่ขนที่ติดตามตัวก็น่าจะทำให้พ่อฉันคัดจมูกไปทั้งวัน” เติร์ดลูบหัวปุยเมฆที่ทำตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขนของอาซา ช่างน่าขัน แมวน้อยทำตาอ้อนใส่เจ้าของ “เดี๋ยวพี่ตามไปนะ หนูขึ้นไปกับเพื่อนพี่ก่อนนะเด็กดี”

        “เมี้ยวววว” เสียงอ้อน กระพริบตาปริบๆ

        “ฝากด้วยนะ จำห้องได้ใช่ไหม”

        “ได้สิ” ผมจำได้ว่าอยู่ชั้นที่สิบเจ็ด คอนโดนี้มีสิบเก้าชั้น แถมชั้นของเติร์ดก็มีแค่สองห้องเท่านั้น ยังไงก็ไปถูก

        เติร์ดเดินแยกไปอีกทาง ผมกับอาซามองหน้ากันก่อนจะมองแมวน้อยปุยเมฆอย่างพร้อมเพรียง โอกาสเป็นใจขนาดนี้ ไม่เรียกว่าโชคดีได้หรือ

        ผมรีบพาอาซาไปที่ห้องของเติร์ด ไม่รู้ว่าเติร์ดจะใช้เวลาไปเอาเอกสารนานเท่าไหร่ แต่เราต้องคุยกับปุยเมฆให้รู้เรื่องก่อนที่เติร์ดจะกลับมา

        ทุกย่างก้าวที่พยายามเร่งให้ถึงลิฟต์ ทุกจังหวะนาทีที่เคลื่อนตัวตามเลขลิฟต์ไม่ทันใจเท่าที่ควร ผมตบเท้าเคาะจังหวะ เหลือบมองอาซาเป็นระยะ เขายืนนิ่ง ใจเย็น รอแค่ให้ลิฟต์เปิดเมื่อถึงที่หมาย ส่วนเจ้าปุยเมฆ แมวตัวเล็กขดตัวเกร็งอยู่ในอ้อมกอดอาซา จนเมื่อผมเอื้อมมือไปลูบที่หัวและคาง เจ้าปุยเมฆถึงผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย ผมมองสัตว์ตัวเล็กไร้พิษสงอย่างมีความหวังพร้อมกับวิตกกังวล

        ถ้าหากปุยเมฆไม่ยอมช่วย เราจะทำยังไง

        มาถึงห้องของเติร์ด ผมสอดคีย์การ์ดใส่ช่อง เสียงประตูเปิดดังคลิก ผมผลักประตูออกเบามือให้อาซาเข้าไปก่อน มองซ้ายขวานอกห้องจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้ ผมจึงปิดประตู

        “โยชิ” อาซาเรียกผม

        “ว่าไง”

        “ฝากดูลาดเลาที่ประตูที ส่วนฉันจะคุยกับเจ้านี่เอง” อาซายังไม่ยอมปล่อยปุยเมฆลงแม้ว่าเจ้าตัวเล็กขนปุยจะเริ่มพยศดิ้นหนีอีกครั้ง “อยู่เฉยๆ ไม่งั้นฉันจะจับนายทุ่มลงกับพื้น” อาซาพูดขู่ แต่ปุยเมฆไม่ฟัง กางเล็บข่วนมือขาวซีดจนได้เลือด

        “รีบเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” ผมบอกอย่างร้อนรน กลัวเติร์ดกลับมาก่อน

        อาซาพาปุยเมฆหลบไปด้านในก่อนจะได้ยินเสียงทุ่มต่ำแหบพร่าพ่นพูดในภาษาที่ไม่อาจเข้าใจ...ภาษาพาเซล ถ้าผมหลุดจากการสะกดจิต  ผมกาจจะฟังเข้าใจ จากนั้นเสียงแมวร้องในโทนเสียงต่างกันเป็นจังหวะเร็วราวกับคนพูด ผมอยากเข้าไปดูว่าทั้งสองคนคุยกันยังไง พวกเขาเข้าใจกันได้ยังไง มันน่าทึ่งมากอย่างน่าเหลือเชื่อ

        ตาส่องตาแมวมองดูต้นทาง ถ้าเติร์ดกลับมาจะได้บอกอาซาทัน เสียงพูดคุยในภาษาสัตว์เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งเสียงขู่ฟ่อๆของอาซายามที่เขาอารมณ์ไม่ดีหรือโกรธจัด อีกทั้งเสียงของปุยเมฆที่ร้องขู่ในโทนเสียงคำราม มีข้าวของกระจัดกระจาย ผมกลัว

        “ซี่ๆๆ ซี่!!!”

        “เมี้ยว เมียว เมี้ยว เมี๊ยวววว!!!”

        ฟังแล้วน่าปวดหัวอยู่ไม่น้อย ต่อให้ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจว่าคุยอะไรกัน แต่รู้ได้อย่างหนึ่งเลยคือ การเจรจากับปุยเมฆไม่ราบรื่นอยากที่คิด

        ตึกๆๆ

        แปะ!

        “อึก” ผมสะดุ้ง อาซามาอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ใบหน้าเครียดจัด มือที่วางบนไหล่ผมเย็นเชียบเกินปกติ เขากำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์โมโห

        “เพื่อนนายกำลังขึ้นมา ฉันได้กลิ่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว นายออกไปถ่วงเวลาไว้ก่อน”

        “ไหวหรือเปล่า ปุยเมฆไม่ยอมเหรอ”

        “ไม่เป็นไร ฉันจัดการได้”

        “ได้แน่นะ นายจะไม่ทำอะไรแมวของเติร์ดใช่ไหม”

        “ฉันไม่ฆ่ามันหรอกน่า อย่างน้อยๆก็ตอนนี้”

        “อาซา” ผมเรียกชื่ออาซาเสียงอ่อย

        “เอาน่า ไว้ใจฉัน ช่วยที่หน่อยนะที่รัก” อาซาก้มลงจูบปากผมเน้นๆแต่แค่ภายนอกทีหนึ่ง ก่อนจะกลับเข้าไปข้างใน ตามมาด้วยเสียงของหล่นโครมใหญ่ ผมไม่มีเวลามากพอให้เข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น รีบออกจากห้องเพื่อดักรอเติร์ดที่หน้าลิฟต์

        ช่วงเวลาสุดระส่ำระส่าย ใจเต้นเร็วรัว ทำตัวไม่ต่างจากโจรผู้ร้าย ทั้งที่ความจริงแล้วแค่มาขอความช่วยเหลือจากแมวตัวหนึ่ง อะไรๆอาจจะง่ายกว่านี้หากเติร์ดเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา เราจะได้ไม่ต้องทำลับๆล่อๆปกปิดเรื่องที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่

        ติ้ง!

        เสียงลิฟต์ทำลายความคิด ผมยืดตัวยืนตรง มือที่ประสานกันสั่นไหว เงาสะท้อนที่ปรากฏบนแผ่นโลหะที่ใช้ทำประตูลิฟต์ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองหน้าเหวอไม่น่ามอง ผมรีบปรับสีหน้า ไม่ถึงสองวินาทีประตูลิฟต์ก็เปิดอ้าออก ค่อยๆเห็นเสี้ยวหน้าของเติร์ดเป็นภาพสโลว์เชื่องช้า ผมใจเต้นแรงเป็นอีกเท่าตัว  เติร์ดสังเกตเห็นผม หัวคิ้วเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมจดจ้องเติร์ดไม่วางตาก็คงไม่มีทางสังเกตเห็น

        “ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” เติร์ดถาม ผมฉีกยิ้มแห้งๆ

        “พอดี เอ่อ...ฉันกำลังจะ กำลังจะ” ผมชี้มือชี้ไม้มั่วไปหมด เติร์ดกดหน้าตั้งใจฟังสิ่งที่ผมจะพูด ผมไม่เป็นธรรมชาติ ตื่นตระหนกเกินไป ผมควรจะต้องสงบนิ่งมากกว่านี้

        ผมลอบสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะเรียกสติกลับคืนมา “ฉันกำลังจะลงไปซื้อเครื่องดื่มสักหน่อย ข้างล่างมีร้านค้าไหม นายพาฉันไปหน่อยสิ”

        “เครื่องดื่ม? ในห้องฉันก็มีนี่” เติร์ดว่าทำหน้างุนงง

        “แต่ไม่มีของที่อาซาขอบดื่มน่ะ นายพาไปหน่อยสิ”

        “อ่อ ได้สิ” ผมรู้สึกได้ว่าเติร์ดเกิดความสงสัย แค่เขาไม่ถามออกมา ขนาดผมยังคิดเลย อาซาจะมาอยากกินน้ำอะไรตอนนี้ แต่ยังดีที่ข้ออ้างของผมยังไม่แปลกประหลาดเกินกว่าสถานการณ์ที่เราดำเนินอยู่

        ผมดันตัวเติร์ดกลับเข้าลิฟต์ หวังว่าจะพอถ่วงเวลาได้ ที่เหลือคงต้องให้เป็นหน้าที่ของอาซา ลงมาถึงชั้นล่าง ผมว่ามันเร็วเกินไปหน่อยจนอยากจะวนลิฟต์กลับขึ้นไปแล้วลงมาอีกรอบ โชคร้ายชั้นสองคือร้านสะดวกซื้ออยู่ห่างจากลิฟต์ไม่ถึงยี่สิบก้าว ผมไม่เคยสังเกตเลยว่าร้านตั้งอยู่ตรงนี้

        ผมยืนอยู่หน้าตู้ขายเครื่องดื่ม เติร์ดเดินไปดูขนมของกิน พร้อมกับนมให้ปุยเมฆ เขาบอกแบบนั้น ผมรู้ว่าอาซาชอบกินเกินไป แต่ยังไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบ ผมอยากจะมีพลังวิเศษสื่อสารกับอาซาได้แม้เราจะอยู่กันคนละที่ จะได้รู้ว่าเขาคุยกับปุยเมฆไปถึงไหนแล้ว ได้เรื่องหรือยัง เจรจาพูดคุยสำเร็จอย่างที่หวังหรือเปล่า ผมคิดเพ้อเจ้อสะระตะไปเรื่อย จนเติร์ดเดินมายืนอยู่ข้างๆ

        “เลือกได้หรือยัง”

        “ฉันกำลังคิดอยู่น่ะ” ผมหันไปบอก ตัดสินใจเอาไงเอากัน ผมหยิบน้ำแอ๊ปเปิ้ล อาซาชอบกินมาก เขากินได้แทนน้ำเปล่า ผมหยิบมาสองขวดเล็ก

        “ในตู้เย็นฉันก็มีนะ” เติร์ดยื่นหน้ามามองของในมือผม

        “อาซาชอบกินยี่ห้อนี่น่ะ” ความจริงคือกินยี่ห้อไหนก็ได้ ถ้าไม่ถูกปากก็แค่เลิกกิน

        “ก็ยี่ห้อนี้เลยนะ ฉันก็ชอบ อร่อยดี”

        ผมยืนค้างไปเสี้ยววินาที “หรอ ทำไมฉันหาไม่เจอนะ ฮะๆๆ” หัวเราะแก้เก้อ

        ได้ของที่แอบอ้างว่าต้องการเป็นที่เรียบร้อย ก็ไปจ่ายเงิน รวมเวลาทั้งหมดทั้งสิ้นไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ เติร์ดเดินนำไปที่ลิฟต์ ผมไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรเพื่อถ่วงเวลา เพราะสาเหตุสำคัญที่มาที่นี่ก็คืออาซาอยากเป็นคนมาดูคอนโด ถ้าจะให้เติร์ดพาไปไหนมาไหน ก็ควรจะต้องพาอาซาไปไม่ใช่ผม ถ้ารู้ก่อนก็คงบอกว่าเป็นผมเองที่อยากจะซื้อ

         ลิฟต์เปิดออก คนที่ออกมาคือคนที่ผมไม่ควรให้พวกเขาเจอตัวว่าอยู่ที่นี่ ผมรีบหันหลังหนี ดีที่เติร์ดยืนอยู่ข้างหน้าผม เขาบังตัวผมพอสมควร

        “เอเดนมันจะกลับมาถึงนี่ตอนกี่โมง”

        “อีกไม่นานหรอก เห็นว่ามีเหตุขัดข้องนิดหน่อย ยอร์ชรู้เรื่องไม่ควรรู้ของพวกเราตอนที่เอเดนไปหาผู้กุมความลับ เลยเสียเวลาจัดการนิดหน่อย แต่ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว น่าจะมาถึงสักเย็นๆ ตอนนี้เราก็ออกไปจัดการเรื่องอื่นๆก่อน ถ้ามาถึงมันคงโทรมาเองนั่นแหละ” เสียงพูดคุยค่อยๆเบาลงจากระยะห่างที่พวกเขาค่อยๆเดินห่างออกไปจนบริเวณที่ผมยืนอยู่ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากความเงียบ

        เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีชื่อพี่ยอร์ชเอ่ยออกมาจากปากสองคนนั้น

        “เอ้า ยืนเหม่ออะไรโยชิ เข้ามาสิ จะไม่ขึ้นไปเหรอไง” เติร์ดเดินออกจากลิฟต์มาเรียกผม ผมหันมองไปตรงทางออก ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแม้แต่คนเดียว “ไปเถอะ” เติร์ดเรียกอีกรอบ ผมจึงเดินเข้าไปในลิฟต์แบบตัวลอยๆ

        กลับมาถึงห้องของเติร์ด เขาจัดการสแกนนิ้วลงบนแถบกระจกสีดำข้างๆตัวเสียบคีย์การ์ด ผมมึนตึ้บคิดอะไรไม่ออก สมองอื้ออึง อยากพุ่งเข้าไปหาอาซา บอกเล่าเรื่องที่ได้ยืนมาเมื่อตะกี้ให้เขาฟัง

        “กลับมาแล้วเหรอ” อาซาเดินออกมารับพวกเราด้วยท่าทีปกติแต่ที่ไม่ปกติคือดวงหน้าหล่อเคร่งเครียด ด้านหลังที่เดินตามมาก็คือปุยเมฆ ผมมองหน้าอาซาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หน้าเขาเข้มขรึมยิ่งขึ้นเมื่อจับอาการของผมได้

        “มีอะไรหรือเปล่า” เขาถามผม พลางหันมองเติร์ดที่ก้มลงไปอุ้มปุยเมฆไว้ในอ้อมแขนแล้วก้มหน้าจุ๊บหัวเจ้าสัตว์หน้าขน

        “หืม อะไรเหรอ” เติร์ดทำหน้างง ผมปรับสีหน้าใหม่ แต่ก็ไม่คล้ายว่าจะดีขึ้น อาซาจ้องเขม็ง ผมยิ้มให้เขา

        “ฉันรู้สึกไม่ดีนิดหน่อยน่ะ ไว้ดูคอนโดวันหลังได้ไหม” อาซาเดินมายืนข้างๆผม ยกมือแตะแก้มเช็คอุณหภูมิ ผมช้อนสายตาขึ้นสบกับดวงตาสีเข้ม อาซามองผมอย่างเป็นห่วง ลูบศีรษะผมแผ่วเบา

        “ได้สิ” เขาบอกกับผมเสียงนุ่ม ผมแสบจมูกไปหมด กลั้นก้อนสะอื้นในลำคอ กลัวเหลือเกินว่าพี่ยอร์ชจะเป็นอะไร เอเดนจะทำอะไรพี่ชายผมบ้าง ทำไมต้องไปยุ่งกับพี่ยอร์ช พี่ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย

        “ขอโทษทีนะเติร์ด ไว้วันหลังฉันจะมาใหม่”

        “ไม่เป็นไร” เติร์ดพูดกับอาซา ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ส่วนนายก็ไปพักผ่อนเถอะ เอกสารนี่เอากลับไปอ่านก่อนก็ได้ ไว้หายดีแล้วค่อยมาดู”

        อาซารับเอกสารมาถือไว้ มืออีกข้างโอบไหล่ประคองร่างกายเล็กบางที่ไร่เรี่ยวแรงของผม ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ ทำจิตใจให้เข้มแข็ง ตั้งสติควบคุมจิตใจ

        พ้นออกมาจากห้องของเติร์ด อาซารั้งผมให้หยุด แต่ผมส่ายหน้า “ไว้ไปที่รถก่อนนะ ฉันจะเล่าให้ฟัง”

        “ก็ได้” อาซาพาผมกลับไปที่รถ ขับพ้นคอนโดจนแน่ใจแล้วว่าน่าจะปลอดภัยที่จะคุย ไม่มีใครรู้ว่าจะมีพวกของเอเดนคอยจับตาดูอยู่หรือเปล่า ถึงอาซาจะใส่แว่นดำ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอำพลางออร่าที่แผ่ออกมาจากผิวกายสีขาวสะท้อนแสงแดด

        รถชะลอหยุดหยุดที่ตรอกเล็กแคบวิ่งเข้าออกได้ทางเดียว ไม่มีผู้คนเดินผ่านสัญจร ตึกทั้งสองข้างก็ร้างโทรมไร้คนอยู่อาศัย

        “โยชิ เกิดอะไรขึ้น” อาซาถามหน้านิ่ว

        “ฉันเจอกับพวกชาร์ลและเบนข้างล่างคอนโด” ผมกลืนก้อนน้ำลายลงคอ “เขาพูดถึงพี่ยอร์ชด้วย เขาบอกว่าเอเดนจัดการกับพี่ยอร์ช ฉันไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่อาซา พี่ยอร์ชกำลังตกอยู่ในอันตราย!” ผมพูดรัวและเร็วจนอาซาต้องจับไหล่ของผมทั้งสองข้าง ในสายตามั่นคแน่นแน่สะกดให้ผมหยุดนิ่ง

        “ค่อยๆพูด ค่อยๆเล่า ช้าๆนะ” ผมปลอบผมทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกดี หรือเขาจะคิดมากกับท่าทางของผม

        ผมเม้มปากแน่น แล้วถอนหายใจแรง “ชาร์ลพูดว่าเอเดนจัดการกับพี่ยอร์ช และจับตัวผู้กุมความลับได้ อะไรสักอย่างทำนองนี้ แต่ฉันจับใจความไม่ได้ตั้งแต่ที่ได้ยินชื่อพี่ยอร์ชแล้ว อาซา พี่ยอร์ชจะเป็นอะไรไหม”

        “โทรไปถามสิ” เขาเสนอแบบไม่ต้องคิดนาน

        ผมเบิกตากว้าง สะบัดหัวไล่ความโง่เง่า หยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาพี่ชายที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต รอไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ ก็มีคนรับสาย

        “ไงเจ้าตัวเล็ก คิดถึงพี่หรือไง”

        เสียงแบบนี้ “พี่..พี่ยอร์ช” ผมเสียงสั่น ยิ้มทั้งน้ำตาคลอเมื่อรู้ว่าพี่ยอร์ชไม่ได้เป็นอะไร น้ำเสียงอย่างคนสบายดี อาซายิ้มดีใจร่วมกับผม ลูบหัวลูบแก้มผมอย่างอ่อนโยน

        “ก็พี่เองน่ะสิ เป็นอะไร เสียงสั่นๆ”

        “เปล่า พี่ยอร์ชไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม” ผมถามไถ่ให้ได้ความ

        “เป็นอะไรคืออะไร? พี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย สบายดีมาก” เสียงชัดเจนมีชีวิตชีวา

        “แล้วเอเดน ไปที่นั่นหรือเปล่า” ผมถามถึงตัวการที่ทำให้ผมเครียด

        “เอเดนเหรอ เปล่านี้ เขาไม่ได้มานะ” พี่ยอร์ชตอบเสียงฉงน ผมแปลกใจ จะไม่ไปได้ยังไง ในเมื่อผมได้ยินมากับหู ได้ยินมาจากปากเพื่อนสนิทของเอเดนได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ

        “พี่ยอร์ชแน่ใจเหรอ” ผมย้ำถาม

        “แน่ใจสิ ใครจะเข้าออกไร่เรา มีเหรอที่พี่จะไม่รู้ไม่เห็น”

        “ก็จริง” แต่สิ่งที่ผมได้ยินมา

        “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่ๆถึงได้ถามถึงเอเดน”

        “อ่อ...เปล่าครับ ไม่มีอะไร ผมแค่โทรมาถามเฉยๆเท่านั้นเอง”

        “แน่ใจเหรอ” พี่ยอร์ชคงไม่เชื่อง่ายๆ

        “ก็...ผมเป็นห่วงพี่ยอร์ชกับพ่อ เขาอาจจะไว้ใจไม่ได้ก็ได้นะพี่ยอร์ช”

        “หึหึ เด็กน้อยของพี่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไม่มีใครทำอะไรพ่อกับพี่ชายคนนี้ได้ พวกเราจะดูแลตัวเองโอเคไหมครับ”

        “ครับ”

        “แต่เราก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ พี่กับพ่อก็เป็นห่วงโยชิมาก รักเรามาก รู้ใช่ไหม”

        “โยรู้ โยรักพ่อกับพี่ยอร์ชมากนะครับ”

        “ฮ่าๆๆ ขี้อ้อนจริงๆ ไว้แค่นี้ก่อนนะโย พี่มีงานเยอะทีเดียว เสร็จงานพี่จะโทรไปหาใหม่”

        “ครับ อย่าหักโหมมากนะ ทั้งพ่อและพี่ยอร์ชต้องพักผ่อนมากรู้ไหม”

        “ครับคุณน้องชาย บายนะ แล้วคุยกัน”

        “ครับ” ผมวางสาย ค่อยหานใจได้ทั่วท้องหน่อย

        “ว่าไงบ้าง” อาซาถาม ยังไม่ออกรถจากตรอกแคบ แสงแดดสลัวลงจนเกือบมืด เมฆก้อนใหญ่ลอยอยู่เหนือหัวเราเท่าที่สังเกต

        “ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่ยอร์ชสบายดี และที่สำคัญ เอเดนไม่ได้ไปที่นั่น มันจะเป็นไปได้ยังไงอาซา ก็ในเมื่อฉันได้ยินชาร์ลพูดแบบนั้นจริงๆ”

        อาซาถูปลายคางรุนแรงใช้ความคิด “เขาอาจจะไปที่นั่นจริงๆ แต่ที่พี่ชายนายไม่รู้ อันนี้สุดจะเดา แต่อย่าเพิ่งวางใจอะไรเด็ดขาด เขากำลังวางแผนใหญ่ ตอนที่นายไปถ่วงเวลาเติร์ด ฉันให้เจ้าปุยเมฆแอบแยกร่างไปที่ห้องของสองคนนั้น”  ดวงตาดำเกรี้ยวกราดดั่งพายุในมหาสมุทร

        “หมายความว่าปุยเมฆยอมช่วยนายแล้วเหรอ”

        “อืม”

        “แล้วได้เรื่องว่ายังไงบ้าง ทำไมเขาถึงยอมช่วยละ นายคุยกับเขาว่ายังไง”

        “ก็ไม่มีอะไร”

        ผมไม่เชื่อ ปุยเมฆมีท่าทีต่อต้านอย่างเห็นได้ชัด “ไหนว่าจะไม่มีความลับกับฉันแล้วไง”

        “เฮ้อ” เขาถอนหายใจ ก้มหน้าลงต่ำจนเกือบชิดใบหน้าของผม”ฉันบอกนายไม่ได้เพราะมันเป็นความลับของเจ้าแมวนั่น”

        “ความลับ?” ผมรอฟังเหตุผล

        “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกนะ เรื่องที่เลวร้ายที่ฉันรู้มาจากเจ้าแมวนั่นมากกว่าที่ทำให้ฉันแทบบ้า”

        เขาดูไม่เหมือนอย่างที่พูด แต่อาซาควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอมา จนกระทั่งตอนนี้ เขาดูควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ อาจเป็นได้ว่า เมื่อตะกี้ผมกำลังจิตตกไร้ที่ยึดเหนี่ยว อาซาเป็นคนเดียวที่ช่วยผมได้ เขาจึงเลือกที่จะพับเก็บเรื่องเครียดของตัวเอง และหันมาเป็นที่พึงให้คนอ่อนแอเช่นผม

        “ความจริงแล้ว ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่เมื่อวาน เจ้าแมวนั่นก็ไปเยี่ยมเยียนสองคนนั้นเป็นที่เรียบร้อยมาแล้ว”

        “หมายความว่ายังไง”

        “ปุยเมฆบอกว่าได้กลิ่นแปลกๆ เป็นกลิ่นงูผสมกลิ่นแมว เลยแวบออกจากห้องไปดู แล้วก็เจอชาร์ลกับเบนในห้องชั้นข้างบน ตอนนั้นเบนกำลังคุยโทรศัพท์กับเอเดนอยู่ มีเรื่องผู้กุมความลับอย่างที่นายบอกด้วย และผู้กุมความลับเป็นพวกไลแคน...”

        “มั่นใจได้ไหมว่าเรื่องจริง” ผมถาม เผื่อว่าปุยเมฆอาจจะฟังผิด

        “มนุษย์กลายร่างครึ่งคนครึ่งแมวมีความจำที่ดีเลิศ จดจำสิ่งที่ฟังแม้จะเบามากและได้ยินเพียงครั้งเดียว ก็สามารถจำได้เหมือนอัดเทป”

        “จริงเหรอ” อะไรจะน่าทึ่งได้ถึงขนาดนี้

        “ใช่ สรุปได้คร่าวๆว่า พวกนั้นตามหาผู้กุมความลับที่เพิ่งจะมารู้ว่าเป็นพวกไลแคนไม่ใช่พวกนากินีมาตั้งแต่ต้น” อาซาหยุดเว้นวรรค ดวงตาสีดำมือสนิทแทบไร้เงาสะท้อน ดุดันน่ากลัวจนผมเกิดอาการหนาวสั่น “จริงอย่างที่ฉันคิดไว้”

        อย่าบอกนะว่า

        “เอเดนต้องการหัวใจบาซิลิซก์ เขากำลังจะแย่งชิงหัวใจของเรา” เขาพูดกัดฟันกรอด

        ไม่จริงใช่ไหม ถึงจะคิดไว้เกินครึ่งว่ามันจะต้องออกมาในรูปแบบนี้ แต่ก็ยังหวังอยู่ว่าสิ่งที่เอเดนต้องการใจไม่ใช่สิ่งลึกลับในตัวเราสองคน

        “แล้วเราจะเอายังไงต่อไป” ผมถามเสียงพร่า

        “เอเดนกำลังจะพาผู้กุมความลับมาที่นี่ ฉันคิดว่า คนๆนี้จะต้องรู้อะไรเกี่ยวกับหัวใจบาซิลิกส์ ไม่งั้นเอเดนไม่ตามหาตัวเขาแทบพลิกแผ่นดิน” สีหน้าแววตาของอาซาดุร้ายเกินไป ผมใจไม่ดี เอื้อมมือกุมมือที่เย็นจนคล้ายเหล็กแหลมของอาซาไว้ ถ่ายทอดความอบอุ่นน้อยนิดผ่ายผิวกายด้วยการสัมผัส

        “เขาจะมาวันนี้” ผมพูด

        “ใช่ และสิ่งที่เราต้องทำก็คือ...” เขาหยุด ผมคิดว่าเป็นการหยั่งเชิงให้ผมได้คิด

        “นายจะแย่งชิงผู้กุมความลับเหรอ” บอกทีว่าอาซาไม่ได้อยากให้ผมพูดแบบนี้

        “ฉลาดมากที่รัก”

        “อาซา...”

        “นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ”

        ดูจากอารมณ์ของอาซาแล้ว อะไรก็หยุดเขาไม่อยู่

        ปึก!

        แรงกระแทกจากหลังคารถทำผมสะดุ้ง อาซาไวกว่าผมมาก เขาดึงตัวผมเข้าไปกอด แขนที่รัดกอดเสมือนเขากางปีกปกป้องผมจากอันตราย บางอย่างร่วงลงมากระแทกหลังคารถเรา ผมและอาซาต่างกวาดสายตามองข้างนอกรถ และหางตาก็เห็นร่างคนกลิ้งลงมาทางฝั่งอาซา ใบหน้าที่แนบเกือบติดกระจกเกือบทำผมหัวใจวาย ถ้าใบหน้านั้นไม่ใช่ใบหน้าของคนที่เรารู้จัก

        “ไอ้ฟรินน์!!!” อาซาคำราม

        ฟรินน์เคาะกระจกเรียกอาซาอย่างร้อนรน อาซาลืมโกรธฟรินน์ชั่วขณะที่ทำให้เราตกใจ เขารีบปลดล็อคให้ฟรินน์เข้ามาในรถ กลิ่นคาวเลือดลอยเตะจมูก บนเสื้อสีดำเปียกเป็นวงกว้าง และนั่นคงเป็นคราบเลือด

        “เกิดอะไรขึ้น” อาซารีบถาม

        “ฉันเจอมันแล้ว คนที่ฆ่าพวกมนุษย์แล้วโยนความผิดมาให้เรา”

        “...!”

        “มันแข็งแกร่งมาก ฉันพลาดท่ามันเลยหนีไปได้”

        “นายไปเจอมันได้ยังไง” อาซาสตาร์ทเครื่องยนต์ออกรถ บาดแผลของฟรินน์น่าเป็นห่วงเล็กน้อย

        “มันกำลังจะลงมือฆ่าเด็ก ฉันไปเจอเข้าโดยบังเอิญ มันคงไม่หนีไปได้ ถ้าลูกน้องเราไม่ถูกมันจัดการตั้งแต่แรก แต่ฉันจำกลิ่นมันได้ ฉันคิดว่าถ้าคืนนี้เราออกล่าตัวมัน...”

        “ไม่ได้!” อาซาพูดแทรก รถกระตุกเล็กน้อยก่อนจะกลับเป็นปกติ

        “แต่นี่มันโอกาสของเรา” ฟรินน์แย้ง ผมเองก็อยากรู้เหตุผลของอาซา

        “นี่เป็นแผนลวงให้เราไปที่อื่น เอเดนกำลังจะพาผู้กุมความลับมาที่นี่ และเขาต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของเรา”

        อย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว แต่ฟรินน์เป็นคนเดียวที่ตามไม่ทัน

        “ผู้กุมความลับคืออะไรอีกวะ”

        “ฉันรู้สาเหตุที่เอเดนมาที่นี่แล้ว เราจะคุยกันเรื่องนี้ทันทีที่ถึงบ้าน”

        ระหว่างทางผมคิดว่า วิชามวยที่เรียนไม่จบหลักสูตร จะช่วยอาซากับพวกได้บ้างไหม
 

        ………….

        สวัสดีปีใหม่กันอีกรอบ หลังจากที่ทักทายกันในหน้าเพจแล้ว :mc4:

        ตอนนี้แปลๆในความรู้สึกของริริอยู่บ้าง อาจมีได้ปรับแก้ในภายภาคหน้า แต่ตอนนี้ปัจจุบันนี้ออกมาได้เป็นแบบนี้

        จะพยายามมาให้เร็วกว่านี้นะคะ ขอบคุณมากๆสำหรับคนที่ยังตามอ่านแม้ว่าริริจะมาลงให้ช้ามากก็ตามที แต่ไม่ได้ทิ้งไปไหนนะคะ แค่ไม่มีเวลาเท่านั้นเอง  :katai1:

        เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลายคนลุ้นให้พี่ยอร์ชกับเอเดนคู่กัน หึหึ ก็นะ ถ้ามันจะคู่กันแล้ว ก็ไม่แคล้วกันหรอก อิอิ :hao6:

        ถ้ามีคำผิดขอโทษด้วยนะคะ ยังไม่ได้เช็คคำ มาลงก่อน เพราะจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ตื่นไปทำงานแต่เช้า  :mew2:

        รักคนอ่าน รักคนเม้น รักทุกกำลังใจที่ให้กันมา

        กอดๆ  :กอด1:เจอกันตอนที่13  :katai4:

        บาย :bye2:

       
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2015 00:30:41 โดย RiRi »

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ขอตัวไปอ่านก่อน

ดีใจมากๆเลยที่มาลงให้

กรี้ดดด

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
  “อาซาต้องการหัวใจบาซิลิซก์ เขากำลังจะแย่งชิงหัวใจของเรา” เขาพูดกัดฟันกรอด
อันนี้ต้องเป็นเอเดนรึเปล่าคะ???

แหม แต่เรื่องพี่ยอร์ชนี่เราแอบเชียร์จริงๆน้าาาา :hao7:
ตอนนี้ลุ้น ลุ้นว่าปุยเมฆจะยอมไหม แล้วทำข้อตกลงอะไรกับอาซาน้าาาา
รอตอนต่อไปค่ะ เข้มข้นๆๆๆๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
พี่ยอร์ชเสียงสดใจชัดเจน

แสดงว่าเอเดนไม่ได้ทำอะไร

เพียงแต่ลบความจำในเรื่องที่รู้ใช่ไหม

กลัวจังเลย กลัวว่าอาซาจะพลาดท่าใหเอเดน

หวังว่าเอเดนจะกลับตัวกลับใจได้นะ

แล้วไปคบกับพี่ยอร์ชเลย เชียร์ๆๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
มาแล้วววววว อาซากับโยชิมาแล้วสววว
เป็นกำลังให้นะคะริริ
มาต่อบ่อยๆน้า
 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด