ตอนที่20
เพราะผมช็อคจนเบลอไปหมด หาเสียงไม่เจอ สมองก็คิดอะไรไม่ออก พี่รักถามหลายครั้งว่าผมร้องไห้ทำไมแต่พี่เขาก็ไม่ได้คำตอบอะไร สุดท้ายผมก็โดนพี่รักพาตัวกลับมาที่ห้อง พี่รักบอกว่ากิจกรรมคืนนี้หมดเท่านี้ เหลือแค่เล่นดนตรีร้องเพลงกันซึ่งไม่ได้บังคับให้ทุกคนเข้าร่วม
“จะอยู่ห้องพี่ต่อหรือกลับห้องตัวเองดี ให้พี่ไปตามพวกวูร์ฟมาอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”
“อือ...”ผมพยักหน้ารับคำของอีกฝ่ายอย่างเซื่องซึม
พี่รักยิงมาหลายคำถามแต่ผมดันตอบแค่คำว่าอือพี่เขาเลยไม่รู้ว่าผมตกลงเลือกอย่างไหน ระหว่างที่พี่รักกำลังนั่งลนลานอยู่นั้นเองประตูห้องพักก็เปิดออก และคนที่เข้ามาใหม่ก็คือพี่ปกคนดีของผมเอง ยิ่งมาเห็นหน้าอีกฝ่ายในเวลาแบบนี้น้ำตาผมยิ่งพากันไหลออกมาเหมือนหน้าพี่ปกมีคนปลอกหัวหอมอยู่ อะไรจะเซนสิทีฟเบอร์นั้น
“ตินร้องไห้ทำไม...”
พี่ปกถามพร้อมเดินมานั่งข้างๆผม ผมกระเถิบก้นออกมาห่างนิดนึง ยกเข่าขึ้นมากอด นั่งมองผ้าปูที่นอนนิ่งๆเป็นเด็กมีปัญหา
“รัก เกิดอะไรขึ้น”เมื่อถามเอาจากผมไม่ได้พี่รักก็เลยโดนไล่เบี้ย
“อ่า เอ่อ...”ใจพี่รักคงอยากตอบก็เพราะพี่ปกน่ะแหละทำน้องร้อง!! แต่เจ้าตัวไม่รู้ว่าสมควรพูดออกไปดีมั้ยแถมยังไม่รู้ด้วยว่าระหว่างผม พี่ปก และพี่รัมเกิดอะไรขึ้นบ้างพี่เขาเลยไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ผมร้อง
“ติน มาหาพี่มา”
“...”ไม่ไปอ่ะ ยิ่งกอดก็ยิ่งร้องดิ
ผมปฏิเสธอ้อมแขนของอีกฝ่ายด้วยการนั่งกอดเข่าเป็นเด็กมีปัญหาต่อไป พี่รักคงหมดความอดทน คลานเข่าข้ามฟูกไปหาพี่ปกและเริ่มกระซิบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ปกฟัง แต่พี่รักก็เล่าได้เท่าที่พี่เขาเห็นมาเมื่อกี้เท่านั้นพี่รักไม่ได้นั่งอยู่ในใจผม พี่เขาไม่รู้หรอกความเสียใจของผมมันแอดวานซ์ไปกว่านั้นหลายเท่านัก
พี่ปกดูตกใจมากขณะที่พี่รักกระซิบเล่าเรื่อง
พี่เขาก็เข้าใจว่าผมกำลังโกรธที่รู้ความจริง
แต่ไม่ใช่ไง น้องเสียใจอ่ะ ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่มีคนใจดีกับผมแบบพี่ปกมานานมากแล้ว และพอรู้ว่าความใจดีมันมีเบื้องหลังมาจากความรู้สึกผิดผมก็เฟลไง พี่เขาไม่ได้ทำเพื่อผมเพราะความเอ็นดูหรืออะไร มันน่าเศร้าตรงเนี๊ยะ!
“ติน พี่ขอโทษ”เมื่อฟังเรื่องราวจนจบพี่เขาก็เข้ามากอดโอ๋ผมทันที แต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเข่าของตัวเอง ทำตัวเหมือนตะเข็บเวลาโดนไม้กวาดเขี่ยแล้วม้วนตัวเป็นก้อนกลมๆเพื่อปกกันตัวเองอ่ะเคยเห็นกันป่ะ
“ไม่ได้โกรธ”ผมรีบบอกก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่
พยามเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วก็ผละตัวออกมาจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย หันไปยิ้มให้พี่รักนิดนึงแทนคำขอบคุณ พี่เขากำลังวางตัวไม่ถูก ไม่สิ ไม่รู้จะเอาตัวเองไปวางไว้ส่วนไหนของห้องต่างหากเลยได้แต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ข้างฟูก
“คืนนี้ตินขอนอนนี่ได้มั้ย”ผมถาม
“ได้สิ/ได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”พี่ปกกับพี่รักตอบพร้อมกัน คงไม่ต้องบอกนะว่าใครพูดคำไหน
“นอนตอนนี้เลยได้มั้ย วันนี้เหนื่อยแล้ว”ผมถามเสียงอ่อน พวกพี่ๆรีบกุลีกุจอไปปิดไฟกันใหญ่
ห้องพักของพี่ปี3เองก็นอนฟูกเหมือนพวกเรา ฝั่งละสองฟูก หันเท้าชนกัน พี่รักคือคนที่นอนฟูกข้างพี่ปก แต่ตัวฟูกมันไม่ได้ชิดกัน ทางรีสอร์ทเว้นที่ไว้ให้วางกระเป๋าพอสมควร ทั้งสองคนรู้ทันทีว่าคำว่าขอนอนที่นี่ของผมคือขอนอนฟูกเดียวกับพี่ปก เมื่อพี่รักปิดไฟทั้งห้องก็ตกสู่ความมืด แต่มันไม่เงียบเพราะมีเสียงจากลำโพงตรงลานว่างดังลอดเข้ามา เป็นเสียงร้องเพลงของพี่อัพ
พี่ปกเป็นคนเดียวในที่นี้ที่ยังไม่ได้อาบน้ำเขาเลยปล่อยให้ผมนอนคนเดียวสักพัก ด้านพี่รักเองก็พยามนอนให้เงียบที่สุด แน่นิ่งจนเหมือนแกล้งตายมากกว่าแกล้งหลับ พอพี่ปกอาบน้ำเสร็จเขาก็ตรงมานอนทันที
“เดี๋ยวผมก็ขึ้นรา”ผมบ่นงืมงัม เอื้อมมือไปแตะหัวของพี่เขาเพื่อเช็คว่าเมื่อกี้สระผมมามั้ยและพบว่ามันเปียกอยู่
“วันเดียวไม่เป็นไรหรอก”
“เช็ดให้แห้งก่อนก็ได้ ตินไม่รีบ”
“แต่พี่รีบ อยากง้อติน”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ”
“พี่ทำตินร้องไห้”
“อือ...”ผมไม่ได้ปฏิเสธเพราะผมร้องเพราะพี่เขาจริงๆ ตั้งแต่มาเจอผู้ชายคนนี้ก็ร้องไห้ง่ายกลายเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาไปเลย ด้วยอารมณ์ที่ยังดาวน์อยู่ผมจึงไม่อยากพูดอะไรมาก แต่จะนอนก็นอนไม่หลับ สุดท้ายก็ตัดสินใจซุกไหล่ของคนที่นอนอยู่ข้างๆ เตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่งทำให้พวกเราต้องนอนชิดกันมาก ขณะที่ผมเอาหัวถูกไปถูมากับช่วงอกของอีกฝ่ายอย่างออดอ้อนนั้นผมก็โดนลากไปกอด
“พี่เดาใจตินไม่ออกเลย เพราะงั้นบอกมาได้มั้ยว่าทำไมถึงร้องไห้”
ก็จริงอย่างที่พี่ปกว่า กะอีแค่ให้พูดคำว่าฝันดียังต้องใบ้กันขนาดไหนทำไมผมจะจำไม่ได้ แล้วเรื่องที่มันละเอียดอ่อนขนาดนี้ต่อให้ใช้เวลาจนเรียนจบพี่ปกก็คงไขไม่ออก
“ที่พี่ดูแลตินอย่างดีมาตลอดก็เพราะพี่รู้สึกผิด สักวันที่พี่คิดว่าไถ่โทษทุกอย่างหมดแล้วพี่ก็จะหายไป พอคิดแบบนี้น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ไม่ได้ร้องไห้”
“แบบนี้เขาเรียกว่าร้องไห้ชัดๆ”
“เหรอ...ผมขอโทษ ผมไม่น่าเล่าให้ฟังเลย เดี๋ยวพี่ก็รู้ผิดจนเก็บตินไปเป็นภาระ ลบๆๆ ฮึก...คิดซะว่า เมื่อกี้ตินไม่ได้พูด ฮึก อะไร...”โอ๊ยยยย อิบ้า! ผมพยามทำน้ำเสียงสบายดีให้พี่ปกเห็นว่าชีวิตผมไม่ได้ผูกติดกับพี่เขาขนาดนั้นแต่ผมดันอ่อนแอสะอึกสะอื้นอีกรอบ เป็นอะไรที่ปัญญาอ่อนมาอ่ะ น่าสมเพชตัวเองเหลือเกิน ตินตินรับไม่ได๊!
แถมปากพูดว่าไม่ได้ผูกติดกับพี่ปกแต่มือนี่คว้าเสื้อพี่เขาไว้แน่นมาก มีการเอาขาไปเกี่ยวพี่เขาไว้ด้วย ปล่อยสิติน ปล่อยพี่ปกเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้มือบ้า ปล่อยยยย
“พี่ปกอ่า...”
“เห้ๆๆ ไปกันใหญ่แล้ว โอ๊ย ไอ้รัก มาช่วยหน่อยสิ”พี่ปกที่ถูกผมเกาะเป็นปลิงหันไปส่ง SOS ให้พี่รักที่แกล้งตายอยู่ฟูกข้างๆ
การเกาะเป็นปลิงคือกิริยาขั้นกว่าของการเกาะเป็นลูกหมีโคอาล่า มันแน่นหนึบทนทาน อันที่จริงพี่ปกก็พยามกอดตอบและลูบหัวลูบหางผมอยู่ตลอดเวลานะแต่มันไม่ได้แนบแน่นเท่าที่ผมกอดพี่เขาเลย
“อุตส่านอนเผือกอยู่เงียบๆ อย่าลากผมเข้าไปเกี่ยวด้วยเซ่! นอนฟังมาตั้งนานยังไม่ทันเข้าใจเนื้อเรื่องแล้วจะให้ผมช่วยยังไงเล่า!”พี่รักลุกขึ้นมานั่งโวยวาย จากเงาตะคุ่มๆภายในห้องมือดผมเห็นพี่แกกำลังนั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่บนฟูกของตัวเอง
“แค่บอกน้องไปว่ากูเป็นคนดีขนาดไหน”
“โหหหหห กล้าเนอะ ถ้าอย่างพี่เป็นคนดีผมก็พระเวสสันดรแล้ว! คนใจหยาบ คนโหดร้าย สร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนพี่น้องหน้าตาเฉย เทผมตอนประกวดดาวเดือนได้ลงคอทั้งๆที่เป็นพี่เทคผม ตอนเฉลยสายเทคก็ส่งผมออกไปโดนลงโทษ พี่เจิญชวนไปช่วยงานส่วนกลางก็โดดเพราะขี้เกียจ! จิตสาธารณะเป็นศูนย์ ความเอาใจใส่ผู้คนติดลบ! เอ๊ย เดี๋ยว สถานการณ์แบบนี้ผมต้องช่วยพูดให้พี่ดูเป็นคนดีป่ะ เนี่ย ติน เมื่อกี้ไม่นับเน๊อะ พี่ปกเขาเป็นคนดีแบบหลบใน ต่อมเมตตาอยู่ลึกหน่อยแต่ตอนที่พี่ขอให้ช่วยเรื่องสมุดลายเซ็นต์ของตินพี่ปกก็รีบออกหน้าจัดการให้ทันที แถมยังกำชับพวกพี่อัพว่าอย่าดุน้องแรงอีก เป็นไง ใจดี๊ใจดี แบบนี้โอป่ะพี่”
“ดีมาก”
“ไม่ได้ประชดใช่มะ”
“ดีจริง สมบูรณ์แบบยังกับเตี๊ยมกันมา”
ที่พี่ปกบอกว่าสมบูรณ์แบบก็เพราะพี่รักเริ่มจากการด่ากราดสาธยายความชั่วช้าของพี่ปกและชมด้วยการสรรเสริญความดีงามของพี่ปกที่มีต่อผม ซึ่งแปลว่าที่พี่ปกโอ๋ผมมาตลอดนั้นไม่ใช่เพราะจิตสำนึกรับผิดชอบใดๆ และฉายาพี่ปกคนดีก็มีเพียงผมคนเดียวในโลกที่สามารถพูดได้แบบเต็มปากเต็มคำ
“งุ้ย พี่ปกของน้อง”โปรดนึกสภาพลูกปลิงที่เกาะเอวพี่ปกจนแทบจะหลอมรวมร่างกัน ยิ่งลูกปลิงตัวนี้มีอาการฟินมันยิ่งกอดแน่นจนพี่ปกต้องสะกิดให้ผ่อนแรงหน่อย
“มึงก็นอนของมึงไปไอ้รัก ใส่หูฟังซะด้วย”
“ขี้งก แอบฟังนิดหน่อยก็ไม่ได้ อุตส่าช่วย”แม้ว่าพี่รักจะไม่รู้ว่าตัวเองช่วยให้อะไรมันดีขึ้นตรงไหนแต่ก็ยอมนอนอย่างว่าง่าย
เมื่อทั้งห้องตกอยู่ท่ามกลางความสงบ เหลือเพียงเสียงดนตรีที่จับคำไม่ได้ดังลอดเข้ามา ผมกับพี่ปกกลับมานอนกอดกันกลมอีกครั้ง คราวนี้ผมอ้อมแอ้มเอ่ยออกมาก่อนว่า”ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร พี่ก็ผิดที่ไม่เคยบอกเรื่องทีมกับตินเลย”
“งืม แค่รู้ว่าพี่ปกไม่ได้ใจดีกับผมเพราะรู้สึกก็พอแล้ว อ๊ะ ว่าแต่ทำไมพี่ถึงให้ผมพิเศษกว่าคนอื่นอ่ะ”
“แล้วตินไม่เห็นพี่พิเศษกว่าคนอื่นบ้างเลยเหรอ”
“พิเศษสิ พิเศษที่สุดเลย”
“พี่ก็เหมือนกัน”
“งุ้ย ดีใจอ่ะ”
“ดึกแล้ว นอนเถอะ”
“ก็ด๊ะ”
“ฝันดีนะติน”
“ขี้โกงงงงง พูดแบบนี้ผมนอนไม่หลับกันพอดี”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่กล่อมเอง”
ไม่รู้ว่าพี่เขากล่อมให้ผมหลับหรือกล่อมให้ผมคุ้มคลั่งกันแน่ การที่มีมือของพี่ปกคอยตบหลังเป็นจังหวะเพลินแบบนี้แทนที่ผมจะรู้สึกง่วงแต่ผมดันรู้สึกเขิน เมื่อความขุ่นข้องใจหายไปและมีสติกลับมาผมถึงพบว่าการนอนกอดก่ายกันแบบนี้มันไม่ดีต่อใจเอาเสียเลย มันใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดเส้นผม ไม่รู้ว่าพี่ปกติดใจกลิ่มแชมพูดของผมหรือเปล่าถึงได้ก้มลงมาเหมือนกำลังหอมกันแบบนี้ ในขณะที่ผมกำลังซุกหน้ากับอกของอีกฝ่ายเองก็ได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรง
พี่ปกก็ไม่คุ้นเหมือนกันสินะ
การนอนกอดคนอื่นแบบนี้สำหรับพี่ปกก็เป็นเรื่องแปลกเหมือนกันใช่มั้ย
“ผมเป็นคนแรกที่ได้อะไรแบบนี้จากพี่รึป่าว”
“อืม แค่ตินคนเดียว”