บทที่ 2
ยินดีที่ได้รู้จัก
“อยู่กองประกวดเป็นไงบ้างวะบลู”
เสียงว่านขัดขึ้นขณะที่ผมกำลังทำโจทย์แคลคูลัสอยู่ เงยหน้ามองหน้ามันที่ทำตาปริบๆ ดูอยากรู้อยากเห็นเต็มที่
“ก็ดี ทำไมเหรอ”
“ดาวคณะไหนแซ่บสุด กูเห็นรูปของพรีม เภสัช แม่งอย่างน่ารัก ตัวจริงเหมือนในรูปเลยป่ะ” ว่านมันหางกระดิกไปมา ผมมองแล้วก็ส่ายหัวเบาๆอย่างเอือมระอา
“เหมือนเลย ตัวเล็กๆขาวๆ”
“โอ๊ยยยย อิจฉามึง ได้อยู่ในดงคนหน้าตาดี”
“แล้วกูไม่หน้าตาดีเหรอ” ผมถามขำๆ ไอ้ว่านกับผมเราสนิทกันมาตั้งแต่ม.1 จนตอนนี้ขึ้นปี 1 ผมกับมันก็ยังคงนั่งทำการบ้านอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม เห็นผมมาตั้งแต่ตอนนั้นมันคงคิดว่าผมหล่อหรอก
“เอาจริงๆกูไม่คิดว่าระยะเวลาปิดเทอมช่วงสั้นๆมึงจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้จริงๆนะ พอถอดเหล็ก เลิกใส่แว่น ผมสั้นเกรียนยาวได้ทรงแล้วมึงก็หล่อสะบัดไม่แพ้เดือนคณะอื่นเลยแหละ”
“ขอบใจที่อุตส่าห์ชมกู” ผมพูดยิ้มๆ รู้หรอกว่ามันคงพูดเอาใจผม
“เห้ย กูพูดจริงๆ ตอนอยู่โรงเรียนต้องโทษแว่น ทรงผม แล้วก็เหล็กจัดฟันของมึงเลย บดบังความหล่อของเพื่อนกูหมด ฮ่าฮ่า”
ผมส่ายหน้าและเริ่มทำโจทย์ต่อ ต้องรีบปั่นการบ้านให้เสร็จก่อนเย็นนี้ ผมจะได้ทำกิจกรรมกับกองประกวดได้อย่างหายห่วง ส่วนว่านก็บ่นไปเรื่อยในขณะที่รอการบ้านของผมเพื่อเอาไปลอกต่อ ผมทำจนเสร็จและฝากให้ว่านเอาไปส่งให้ด้วย ก่อนจะผละออกมาและไปยังกองประกวด
ระหว่างทางก็มีคนมองๆมาที่ผมอยู่เรื่อยๆ ผมเลยเลือกที่จะเสียบหูฟังและนั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปพลางๆ เฟชบุ๊คของผมมีหลายคนแอดมามากขึ้นหลังจากที่เปิดตัวดาว-เดือน ผมกดรับทุกคนจนตอนนี้เพื่อนจะเต็มแล้ว ส่วนยอดติดตามก็ตามมาติดๆ ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าจะมีคนมากมายมองเห็นผมขนาดไหน ผมสนใจเพียงแค่คนๆเดียวเท่านั้น
ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะมองเห็นผมตอนไหน...
จนมาถึงอาคาร A ที่ใช้เป็นสถานที่ไว้สำหรับทำกิจกรรมของดาว-เดือน มหาวิทยาลัยในปีนี้ ผมเดินเข้าไปในอาคารอย่างคุ้นเคย ยกมือไหว้รุ่นพี่ทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปนั่งกับเพื่อนๆที่มาถึงก่อนแล้ว
“วันนี้มาช้าจังวะ”
เพลิงถามเมื่อผมนั่งลงด้านข้างเหมือนทุกวัน ผมหันไปมองเจ้าตัวที่ดูหงุดหงิดนิดหน่อย
“พึ่งปั่นงานเสร็จน่ะ ขอโทษที แล้วนี่ทำไมหน้าบูดงี้วะ”
“ทะเลาะกับแฟนนิดหน่อย” เพลิงบ่นอุบอิบ พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันอีกเพราะพี่เจตน์เรียกรวมพอดี
การทำกิจกรรมในวันนี้ก็ไม่ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา แต่วันนี้กิจกรรมที่ทำนั้นเลทไปจนเกือบสี่ทุ่ม ทุกคนล้ากันหมดและในที่สุดพวกพี่ๆก็ยอมปล่อยให้พวกเรากลับ ผมที่ปกติจะกลับกับเพลิงทุกวันที่ทำกิจกรรม วันนี้ผมก็เดินตามเพลิงมาที่ลานจอดรถเช่นเดิม แต่แปลกไปที่วันนี้ไม่เห็น BMW สีดำของเพลิงจอดเหมือนทุกวัน
เพลิงเดินนำผมไปยังรถเบนซ์สีขาวคันสวยที่จอดติดเครื่องไว้อยู่ ผมเลยดึงแขนเสื้อเพลิงไว้ก่อน
“รถใครอ่ะ นี่ไม่ใช่รถมึงหนิ”
“รถไอ้หมอก วันนี้กูจะไปแฮงค์กับพวกมัน มึงก็ไปด้วยกันดิ”
คำว่าหมอกทำเอาใจผมหล่นวูบทันที ตั้งแต่วันนั้นที่เจอหมอก ผมก็ไม่ได้เจอกกับหมอกอีกจนผ่านมาถึงหนึ่งอาทิตย์ ตอนนี้ผมกำลังจะขึ้นไปนั่งบนรถของหมอกอย่างนั้นเหรอ
“เออ...เพื่อนมึงเขาอยากให้กูไปรึเปล่าล่ะ กูเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก กูนี่แหละเป็นคนชวน พวกไอ้มาร์ชไอ้เจ๋งก็ไป แต่มันกลับไปเปลี่ยนชุดก่อน มึงก็ไปด้วยกันเลยดิ”
“เออ แล้วทำไมมึงไม่เอารถมึงมาล่ะ หมอกเขายอมให้กูไปด้วยเหรอ”
“พ่อเอารถกูไปใช้อยู่ กูบอกมันแล้วว่ามึงจะมาด้วย มันโอเคแล้วหน่า ไปเหอะ” พูดจบก็เปิดประตูด้านหลังและยัดผมใส่ในรถทันทีก่อนที่เพลิงจะไปนั่งด้านหน้าข้างหมอก ผมเผลอนั่งตัวเกร็ง หลังตรงโดยอัตโนมัติทันที
หมอกหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัว เสียงดนตรีสากลคลอเบาๆในรถทำให้ผมได้รู้แนวเพลงที่หมอกชอบ ตอนนี้ผมจำมันจนขึ้นใจเลยแหละ
“มึงกับเพื่อนมึงจะไม่ไปเปลี่ยนชุดใช่มั้ย” หมอกถามเมื่อรถขับออกมานอกมอแล้ว ผมนั่งเงียบรอให้เพลิงเป็นคนตอบ แต่เพลิงดันหันหน้ามาหาผมซะงั้น
“มึงอยากอาบน้ำก่อนป่ะบลู”
“เออ...ไม่อาบก็ได้ ไปที่ร้านเลยก็ได้”
ความจริงแล้วผมโคตรเหนียวตัวเลยแหละ วันนี้เต้นทั้งวันจนเหงื่อออกเต็มหลังไปหมด แต่ถ้าจะให้บอกว่าอยากอาบน้ำเต็มแก่ ผมก็เกรงใจหมอกที่กำลังขับรถอยู่น่ะสิ
“ถ้าอยากอาบน้ำก็บอกตรงๆ ไม่ต้องเกรงใจ” เสียงนิ่งๆของหมอกพูดขึ้น ผมเผลอมองไปที่หมอกแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“เออ...”
“ไม่ต้องมาองมาเออ กูเห็นว่าวันนี้มึงเต้นทั้งวัน ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ...ไอ้หมอกไปคอนโดกูก่อน”
เพลิงตัดบทและตอบแทนผม ผมเลยได้แต่นั่งนิ่งๆ ส่วนหมอกก็หักพวงมาลัยไปทางซ้ายซึ่งเป็นทางไปคอนโดของผมแทนที่จะเลี้ยวขวาไปทางร้านเหล้า
เมื่อมาถึงคอนโดพวกเราทั้งสามคนก็เดินเข้ามาพร้อมกัน ผมแยกกับหมอกและเพลิงมาที่ห้องของตัวเอง รีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว สวมคอนแทคเลนส์อีกครั้งแม้ว่าจะเริ่มระคายเคืองแล้ว ใช้เวลาไม่นานผมก็จัดการตัวเองเสร็จ เลยเดินไปเคาะห้องของเพลิงซึ่งอยู่อีกฝั่งของชั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
รออยู่เพียงอึดใจเดียว ประตูห้องก็เปิดออก แต่คนที่เปิดให้ไม่ใช่เจ้าของห้อง แต่เป็นหมอกที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เข้ามาก่อนสิ”
หมอกว่าอย่างนั้นและหลบทางให้ผมเดินเข้ามา และเขาก็ปิดประตูลง ผมเดินเก้ๆกังๆเข้ามาในห้องและไม่พบเพลิง เลยเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟา
“มันพึ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังแต่งตัวอยู่”
หมอกพูดอย่างนั้นก่อนจะนั่งลงข้างผมเพราะโซฟามีแค่ตัวเดียว ผมเลยต้องเขยิบจนติดโซฟาอีกฝั่ง
“ชื่อบลูใช่มั้ย”
หมอกเริ่มบทสนทนาเพราะคงเห็นว่าระหว่างเราเงียบใส่กันอยู่นานแล้ว ผมพยักหน้าแทนคำตอบ หมอกเลยถอนหายใจเบาๆ
“เป็นใบ้เหรอ”
“ฮะ?” ผมตกใจเมื่อหมอกถามประโยคนั้นออกมา ดวงตาเรียวที่มองมาที่ผมยังคงนิ่งสงบขัดกับคำพูดเมื่อครู่
“ฉันถามว่าเป็นใบ้เหรอ”
“ปะ...เปล่า...ทำไมถามงั้นล่ะ” ใจผมหล่นวูบไปกองอยู่แทบเท้า น้ำเสียงของหมอกติดจะหงุดหงิดอยู่หน่อยๆ ผมเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง
“ก็ไม่เห็นพูด ถามอะไรก็เอาแต่พยักหน้า ไม่ก็ทำท่าอ้ำๆอึ้งๆตลอด”
“ขอโทษ”
ผมก้มหน้าลงอย่างหงอยๆ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงนี่นา ลองมาอยู่ใกล้คนที่ชอบมากๆอย่างนี้บ้างสิ จะหายใจยังรู้สึกตื่นเต้นเลย
“กูเสร็จล่ะ รอนานมั้ย”
เพลิงที่เข้ามาได้จังหวะพอดีทำให้ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองเพลิงที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ ส่วนหมอกนั้นใส่เชิ้ตสีดำสนิท ช่างเป็นความแตกต่างที่โคตรจะลงตัว ในขณะที่ผมนั้นใส่เสื้อยืดสกรีนลายเท่ห์ๆเท่านั้น
“มาได้จังหวะพอดีนะมึง ไปกันเถอะ”
หมอกพูดจบก็คว้ากุญแจรถบนโต๊ะกระจกก่อนจะเดินนำออกไป เพลิงทำหน้างงที่หมอกพูดอะไรแปลกๆ หันมามองผมเพื่อขอคำอธิบายแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินออกไปจากห้องบ้าง เพลิงเลยรีบปิดห้องและตามออกมา
พวกเรามาถึงที่ร้าน ‘เหล้าสู่กันฟัง’ ในเวลาต่อมา ร้านนี้เป็นร้านยอดนิยมอันดับต้นๆของเด็กมอเรา ผมพึ่งเคยมาครั้งแรกเพราะตั้งแต่เข้ามหา’ลัยมาก็ยุ่งกับการประกวดลากยาวจนมาถึงตอนนี้ ผมเดินตามเพลิงและหมอกเข้าไปที่โต๊ะด้านในซึ่งเป็นโซฟาที่มีกลุ่มผู้ชายนั่งกันอยู่ประมาณสี่คน เหลือโซฟาอีกฝั่งที่ยังว่าง พวกเราทั้งสามคนเลยนั่งเราโดยเพลิงนั่งคั่นระหว่างผมและหมอกเอาไว้
“มาแดกเหล้าต้องหล่อขนาดนี้เลยเปล่าครับคุณหมอก คุณเพลิง”
ผู้ชายที่นั่งตรงข้ามพวกเราเอ่ยแซว แต่ว่าเขาก็หล่อไม่แพ้เพลิงกับหมอกเลยเหอะ โต๊ะนี้นี่มันรวมคนหน้าตาดีรึไงวะ
“มึงก็ไม่แพ้พวกกูหรอกไอ้มาร์ค ตกไปได้กี่คนแล้วล่ะ”
“2 คนเอง” มาร์คชูนิ้วขึ้นสองนิ้วก่อนจะยิ้มแฉ่ง ผมแอบทึ้งในใจเบาๆกับสกิลการตกผู้หญิงของเพื่อนกลุ่มนี้
“เออ กูลืมแนะนำ นี่บลู เพื่อนกูเอง ส่วนนี้มาร์ค” เพลิงแนะนำให้ผมกับมาร์ครู้จักกัน มาร์คยิ้มให้ผมก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นมา ผมเลยต้องยกแก้วของผมขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เดือนคณะวิทย์ใช่เปล่า เห็นไอ้เพลิงมันพูดมาก่อนหน้านั้น”
“ครับ”
“น่ารักกว่าที่คิดไว้อีก” ผมแอบสำลักเบียร์ที่กำลังดื่ม เพลิงที่นั่งด้านข้างหัวเราะก่อนจะลูบหลังผมเบาๆ แอบเห็นมาร์คยิ้มขำก่อนจะดื่มเบียร์จนหมดแก้วและบอกขอโทษ
“โทษทีที่ทำเอาสำลักเบียร์เลย”
“ไม่เป็นไรครับ”
ผมไม่คิดอะไร และจิบเบียร์ช้าๆ นั่งอยู่สักพักมาร์ชและเจ๋งก็เดินเข้ามา ผมเลยไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดในดงผู้ชายนิติเท่าไรแล้ว
“อ้าวเฮ้ยไอ้เจ๋ง เป็นไงบ้างวะ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
เมื่อเจ๋งนั่งลง มาร์คก็ยิ้มทักทายเหมือนรู้จักกันมานาน เจ๋งยิ้มให้ก่อนยกกำปั้นชกกับมาร์คเบาๆ พวกผมมองตาปริบๆ ก่อนที่เพลิงจะถามขึ้น
“พวกมึงรู้จักกันมาก่อนเหรอ”
“เออ จบจากโรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันด้วย” มาร์คว่าอย่างนั้น พวกผมเลยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนที่เพลิงที่นั่งด้านข้างจะสะกิดผม ผมเลยหันไปทางเพลิง
“แล้วนี่พวกมึงรู้จักกันมาก่อนเหมือนไอ้มาร์คกับไอ้เจ๋งมั้ยอ่ะ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าพวกมึงจะจบจากโรงเรียนเดียวกันนี่”
“เออ...” ผมอ้ำอึ้งเมื่อเพลิงถามผมและหมอก ผมไม่รู้ว่าเขารู้จักผมรึเปล่า แต่ผมรู้จักเขา...รู้จักดีมากด้วย
หมอกที่นั่งนิ่งเงียบมาตั้งแต่แรก มองผมนิ่งๆ ในความมืดนั้น หมอกจะจำได้รึเปล่านะว่าผมเป็นเพื่อนห้อง 2 จู่ๆผมก็ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมอ่านสายตาของเขาไม่ออก ผมไม่รู้ว่าหมอกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่น้ำเสียงราบเรียบที่พูดขึ้นก็ทำให้หัวใจของผมเต้นช้าลงตามเดิม
“ไม่รู้ ไม่เคยเห็นหน้า จำไม่ได้”
“ก็ไม่แปลกหรอก โรงเรียนพวกมึงใหญ่ขนาดนั้น จำหน้าคนในห้องได้หมดก็ดีแค่ไหนแล้ว”
เพลิงพูดและยกแก้วเบียร์ขึ้นมาชนกับทั้งผมและหมอก ผมเลยนั่งจิบเบียร์เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก แอบมองผ่านเพลิงไปก็เห็นว่าหมอกยังคงมองมาทางผมอยู่ ผมเลยรีบหันหน้ากลับมาทางเดิม โชคดีที่มาร์ชชวนผมคุยเรื่องการประกวด ผมเลยทำเป็นไม่สนใจหมอก และลืมความเสียใจไปชั่วคราวได้
เขาไม่รู้จักเรา แล้วจะเสียใจไปทำไมวะไอ้บลูเอ้ย
จนเวลาผ่านไปได้สักระยะ หลายคนเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ยกเบียร์ขึ้นดื่มราวกับน้ำเปล่า ผมก็เริ่มมึนๆบ้างแล้วแต่สติยังคงครบ 100% มองดูมาร์คกับเจ๋งที่ยืนขึ้นเต้นไปตามเพลงอย่างสนุกสนาน ก่อนจะได้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงที่ด้านหลังผมเลยหันไปมอง และพบว่าเพลิงกำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่
“โต๊ะตรงไหนนะ? อ่อ เดี๋ยวไปชน แล้วเจอกัน”
เพลิงบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนที่เธอจะเดินจากไป และหันมาคีบน้ำแข็งใส่แก้วตัวเอง เลยเห็นว่าผมกำลังมองอยู่ด้วยความสงสัย
“สวยป่ะล่ะ แคท เพื่อนกูเอง” เพลิงว่าอย่างนั้น
“ก็สวยดี” ผมพึมพำ และยกแก้วขึ้นจิบเบียร์
“ไปหาพวกเธอกับกูป่ะ ถ้าชอบเดี๋ยวแนะนำให้รู้จัก” เพลิงเสนอให้ ผมเลยส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่เอาหรอก มึงไปเหอะ”
พอผมปฏิเสธ เพลิงเลยยกแก้วตัวเองและเดินออกไป ผมมองตามก่อนจะหันกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง โซฟาสีขาวนั้นเหลือเพียงแค่ผมกับหมอกเท่านั้น เว้นตรงกลางไว้ซึ่งเป็นที่ของเพลิง ผมแอบมองหมอกอีกครั้งก็เห็นหมอกเอาแต่นั่งกดโทรศัพท์อยู่เงียบๆคนเดียว...อยากรู้จังว่ากำลังคุยกับใครอยู่
“ไอ้บลู เขยิบให้เจ๋งมันนั่งด้วยหน่อย มันแม่งไม่ไหวแล้วว่ะ”
เสียงของมาร์ชทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะรีบเขยิบไปทางด้านขวาเพื่อให้เจ๋งที่เริ่มทรงตัวไม่ได้นั่งลงและพิงพนักโซฟาหลับไปทันที ผมกับมาร์ชช่วยกันดูเจ๋งจนเห็นว่าเจ๋งไม่น่าจะไหวแล้ว เลยให้นอนอยู่อย่างนั้น พอเจ๋งสงบลงแล้ว พวกเราก็กลับมานั่งจิบเบียร์กันเช่นเดิม แต่คนที่ไม่เหมือนเดิมคงจะเป็นผม
พึ่งนึกได้ว่าตอนนี้กำลังนั่งข้างหมอก...
แถมนั่งเบียดกันด้วย
โอ๊ยยยยย ผมจะร้องไห้ หัวใจจะวายแล้วววววว T_______T
หมอกหยุดเล่นโทรศัพท์และเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ผมที่พึ่งนึกได้ว่ากำลังนั่งเบียดหมอกอยู่ พยายามจะเขยิบออกห่างเพื่อไม่ให้หมอกอึดอัด แต่เจ๋งที่นอนอยู่เต็มพื้นที่ก็ทำให้ผมขยับตัวได้ยาก
ใจจริงก็ไม่ค่อยอยากเขยิบเท่าไร นั่งอยู่ตรงนี้แล้วก็ได้กลิ่นน้ำหอมของหมอกชัดเจน หอมมากจนผมนึกว่ากำลังฝันอยู่ T___T
“โทษทีนะที่เบียดพื้นที่นายขนาดนี้”
ผมพยายามเริ่มบทสนทนาโดยเอ่ยประโยคขอโทษก่อนเป็นอันดับแรก หมอกหันมามองผมด้วยสายตานิ่งๆ และก็ไม่ได้บ่นอะไร
“ไม่เป็นไร ก็ไม่ได้อึดอัดมากนักหรอก” หมอกพูดอย่างนั้น ส่วนสมองผมก็ประมวลอย่างรวดเร็วว่าควรจะต่อบทสนทนาไปทางไหน
“แล้วก็ขอโทษด้วยนะ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยพูด เออ...บางทีเวลาอยู่กับคนแปลกหน้าเราก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไร”
ผมยิ้มให้หมอกก่อน หมอกยังคงจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น ผมไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหุบยิ้มลงก่อนจะหยิบแก้วเบียร์มาจิบแก้เก้อ
“นายก็อยู่โรงเรียน W งั้นเหรอ” หมอกถามผมขึ้น ผมหันไปมองก่อนจะพยักหน้าตอบ
“อืม เรียนมาตั้งแต่ม.1 แล้วล่ะ แต่นายคงไม่รู้จักฉันหรอก”
“ก็โรงเรียนใหญ่ซะขนาดนั้น” หมอกพึมพำ ก่อนจะยกแก้วเบียร์มาทางผม “ยังไงก็รู้จักกันแล้ว ยินดีที่ได้รู้จัก”
ผมมองแก้วเบียร์ตรงหน้าอย่างทึ่งๆ ไม่คิดว่าหมอกจะเป็นคนเอ่ยประโยคนี้ ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับหมอกเบาๆ แล้วพวกเราก็ดื่มเบียร์ในแก้วจนหมด ผมสะบัดหัวเบาๆไล่ความมึนที่ค่อยๆเพิ่มตามปริมาณเบียร์ที่ดื่มเข้าไป แอบเห็นหมอกอมยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ยปากถาม
“แค่นี้ก็เมาแล้วเหรอ”
“ไม่ได้เมาสักหน่อย แค่มึนๆ”
“งั้นก็ไม่ต้องกินแล้ว เดี๋ยวเมามาแล้วไปอ้วกใส่รถ” หมอกดึงแก้วที่อยู่ในมือผมลง เป็นอีกครั้งที่ผมตกใจ เฮ้ยยย คราวนี้มือเราสัมผัสกันด้วย โอ๊ยยยย หัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปกี่รอบแล้วเนี่ย
“อ่าว แล้วเป็นอะไร ทำไมนิ่งอีกแล้ว” หมอกมองผมด้วยสายตาสงสัย ผมรีบควานหาเสียงก่อนจะโดนหมอกด่าอีก
“เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร...แล้วนี่เพลิงไปไหนแล้ว ทำไมยังไม่กลับมาอีก”
ผมหันไปมองทางที่เพลิงเดินไป นี่ก็เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่เพลิงหายไปและยังไม่กลับมา
“มันไม่กลับมาแล้วล่ะ บอกจะไปต่ออีกร้านกับเพื่อน”
หมอกโชว์ห้องแชทที่พึ่งคุยกับเพลิงเมื่อครู่ให้ผมดู ผมเผลออ้าปากค้างด้วยความตกใจ เห้ยยย ไอ้เพลิงทำไมมึงกล้าทิ้งกูอย่างนี้
Plerng : กูไปต่อกับแคทนะมึง
Foggy : อ่าว มึงทิ้งกู?
Plerng : เออ ฝากไปส่งบลูด้วย
“หมอกจะไปส่งเรางั้นเหรอ”
ผมถามอย่างไม่แน่ใจ เพลิงฝากให้ไปส่ง แต่ถ้าหมอกไม่ไปส่ง ผมคงกลับกับมาร์ชและเจ๋งก็ได้ ไม่ได้หวังหรอกว่าหมอกจะไปส่งคนอย่างผม
“เดี๋ยวไปส่ง ไม่ต้องกลัวว่าจะทิ้งให้เดินกลับหรอก”
หมอกว่าอย่างนั้นผมก็เบาใจ พวกเรานั่งกันต่ออีกสักพักร้านก็ปิด ผมและมาร์ชช่วยกันพยุงเจ๋งออกจากร้าน ส่วนหมอกก็หิ้วมาร์คตามมาติดๆ จนเมื่อผมจับเจ๋งยัดเข้าไปในรถของมาร์ชได้สำเร็จก็หันมาดูหมอกที่กำลังหิ้วปีกมาร์คไว้อยู่
“มึงจะกลับกับหมอกใช่มั้ย” มาร์ชถามเพื่อความแน่ใจ
“อืม”
“โอเค งั้นกูไปส่งไอ้เจ๋งก่อนล่ะ”
“ขับกลับดีๆล่ะ”
ผมยืนส่งจนมาร์ชขับรถออกไปแล้ว เลยหันมาช่วยหมอกที่หิ้วปีกมาร์คไว้
“เดี๋ยวไปส่งไอ้มาร์คก่อนแล้วกัน ไปเปิดประตูรถให้หน่อย” หมอกว่า และส่งกุญแจรถให้ผม ผมรีบไปเปิดและดันมาร์คให้นอนเหยียดที่เบาะด้านหลัง เมื่อจัดการกับคนเมาเสร็จผมก็ยื่นกุญแจคืนให้หมอก
“หนักเป็นบ้า” หมอกพึมพำ
จากนั้นผมก็ย้ายมานั่งด้านหน้าข้างคนขับ หมอกขับรถจนมาถึงคอนโดที่น่าจะเป็นของมาร์ค ผมช่วยหมอกพยุงมาร์คจนมาถึงห้อง พาคนเมาขึ้นเตียงนอนเสร็จ ก็ต้องถอนหายใจด้วยความเหนื่อยกันทั้งคู่
“กินเหล้าทีไร ฉันก็ต้องเป็นคนเก็บศพทุกที”
“นายคงจะคอแข็งที่สุดในกลุ่มล่ะสิ” ผมถามแหย่ๆ
“ก็มีฉันกับไอ้เพลิง แต่คราวนี้มันชิ่งหนีก่อน ถ้าไม่ได้นาย ก็คงทิ้งมันไว้ที่ร้านนั้นแหละ” หมอกมองมาร์คที่นอนหลับอยู่ก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ลวกๆก่อนจะหันมาทางผม
“เรากลับกันเถอะ”
“อืม”
ผมรับคำและเดินตามหมอกมาจนถึงรถ ขับออกมาจากคอนโดของมาร์คและมาถึงคอนโดของผมในเวลาต่อมา รถของหมอกจอดลงเทียบฟุตบาท ผมที่เตรียมจะลงจากรถลังเลใจอยู่สักพัก แอบหันมองเจ้าของรถที่ก็มองมาที่ผมอยู่แล้ว
“มีอะไรรึเปล่า” หมอกถามผมที่ยังไม่ยอมปลดเบลท์สักที
“เออ...ไหนๆเราก็เป็นเพื่อนกันแล้วใช่มั้ย”
“...”
“ขอเฟสหน่อยได้เปล่า”ผมยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้กับหมอก ไม่รู้หรอกว่าหมอกจะตอบยังไง รู้แต่ว่าเฟสบุ๊คของหมอกเป็นอะไรที่แรร์ไอเท็มมาก คนที่หล่อขนาดนี้ มีคนชอบมากขนาดนี้ ทุกเพจคิ้วท์บอยในประเทศไทยต้องมีรูปของหมอกและควัน แต่เฟสบุ๊คของหมอกกลับมีเพื่อนอยู่เพียงพันกว่าคน ไม่รับคนที่ไม่รู้จัก โพสต์อะไรก็ไม่เคยแชร์ให้เห็นแบบสาธารณะ ถึงคนติดตามเป็นหมื่นๆก็ไม่เคยเห็นอะไร
แล้วผมเป็นใครเนี่ย จู่ๆมาขอแอดเฟสบุ๊คหมอกอย่างนี้ ._.
“เอามาสิ”
หมอกว่าอย่างนั้น ผมนึกว่าหูฟาด เงยหน้ามองหมอกที่หยิบโทรศัพท์ผมไปพิมพ์ชื่อเฟสของหมอกและกดเพิ่มเพื่อนให้ด้วย ก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้ผม
“เดี๋ยวถึงห้องแล้วจะรับแอดนะ”
หมอกว่าอย่างนั้น ผมยังตกใจไม่หาย แต่ก็ลงมาจากรถอย่างงงๆ เดินเข้ามาในคอนโดอย่างเลื่อนลอย และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วหัวใจก็เต้นแรงอีกรอบ
Kavi Worakul รับคุณเป็นเพื่อนแล้ว เขียนบนไทม์ไลน์ของ Kavi
ไหนบอกว่าถึงห้องแล้วจะรับแอดไง นี่พึ่งออกมาจากรถก็รับแล้ว คนโกหกเอ๊ย T___T
tbc.
ตอนที่ 2 มาแล้วค่ะ เป็นกำลังให้ทั้งเราและน้องบลูกันต่อไปนะคะ
พูดคุยเม้าท์มอยหอยสังข์หอยกาบกันได้ที่
twitter : @Dearbliss
Fanpage : Dear bliss
ติด #ม่านหมอกสีฟ้า กันได้นะคะ เราอยากตามไปส่อง
ปล.
หมอก - กวี วรกุล
ควัน - กวิน วรกุล