ตอน 18
“ไงเล็กไม่เจอกันนานเลยนะ” เสียงติดจะแหบนิดๆ เอ่ยทักผมก่อนจะเบนสายตาไปที่ร่างเล็กที่ผมอุ้มอยู่
“สวัสดีครับ หนุ่มน้อยชื่ออะไรเอ่ย”
“สวัสดีครับคุณลุง พีพี ชื่อพีพีครับ” เด็กน้อยตอบเสียงใส
“พีพี ไปเล่นกับพี่ยะขิ่นก่อนนะครับ คุณป๋ามีแขก” ผมบอกก่อนจะปล่อยเด็กน้อยลงจากอ้อมแขน พี่ใหญ่ยิ้มมุมปากก่อนจะหันมาสบตากับคนที่ยืนจ้องเราสองคนเขม็ง
“คุณเป็นใคร มาที่นี่ทำไม” ไอ้วัตถามเสียงแข็ง
“อ้าว นี่ผมลืมแนะนำตัวสินะ ผม ชลธร สิริพิทักษ์ ครับ”
“สิริพิทักษ์” ไอ้วัตทวนนามสกุลก่อนจะหันมามองหน้าผม
“ครับ ผมเป็นหนึ่งในสิริพิทักษ์ แล้วก็เป็นพี่ชายของคนที่ยืนข้างๆคุณนั่นล่ะครับ” พี่ใหญ่ยังบอกเสียงเรียบ
“คุณมาที่นี่ต้องการอะไร” ไอ้วัตจ้องพี่ใหญ่เขม็ง ผมเห็นท่าไม่ได้เลยได้แต่ฉุดคนตัวโตให้นั่งลง ก่อนจะเชิญให้พี่ใหญ่นั่งบ้าง
“เชิญพูดมาสิครับคุณชลธร”
“งั้นผมไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกันนะ ผมมาที่นี่เพื่อมา
รับน้องผมกลับบ้านครับ”
“ง่ายไปมั้งคุณ อย่าลืมสิว่าตอนนี้ผมเป็นเจ้าหนี้พวกคุณนะ”
พี่ชายผมไม่ตอบแต่กลับยื่นแฟ้มให้ไอ้วัตแทน
“นี่เป็นโฉนดที่ดินรวมถึงสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดที่ผมมี ทั้งในและต่างประเทศรวมๆกันแล้วก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 60ล้านบาท ส่วนนี่เป็นเช็คเงินสด 10ล้านบ้าน สรุปทั้งหมดมีมูลค่า 70ล้านบาทหรือบางทีอาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ เอาล่ะ หวังว่าแค่นี้คงจะพอใช้หนี้ทั้งหมดนะครับ” พี่ใหญ่บอกเสียงเรียบ
ผมมองทรัพย์สินตรงหน้าอย่างตกใจ พี่ใหญ่หามาได้ยังไงตั้งมากมายขนาดนี้ บ้านผมถังแตกแล้วไม่ใช่เหรอ
“พี่เอามาจากไหน”
“หึ เล็ก นี่ไม่รู้เลยวางานอดิเรกของพี่คืออะไร ของพวกนี้พี่ไม่ได้ปล้นใครมาแต่มันเป็นทรัพย์สินที่พี่เอากำไรจากการเล่นหุ้นไปซื้อเก็บไว้ก็ไม่คิดเหมือนกันว่างานอดิเรกของพี่จะช่วยครอบครัวเราได้” พี่ใหญ่ยังคงตอบเสียงเรียบไร้วี่แววของความกังวลใดๆ พี่ชายผมมักจะเก่งแบบนี้เสมอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรพี่ใหญ่มักจะมีทางออกที่ดีๆรอไว้อยู่แล้ว เพราะพี่ใหญ่คือ ทายาทที่แม่ผมภูมิใจ และไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังต่างจากผมที่เป็นได้แค่กาฝากที่มักสร้างชื่อเสีย ให้ครอบครัวเสมอ
“ตกลงตามนี้นะครับคุณวรวัต ผมจะให้ทนายจัดการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทั้งหมดให้คุณภายในสามวันนะครับ”
“ก็ดีครับ เราสองครอบครัวจะได้หมดหนี้ หมดเวรหมดกรรมกันสักที” ไอ้วัตตอบเสียงนิ่งไม่มีวี่แววของความอาทรร้อนใจอะไรสักอย่างเป็นผมซะอีกที่นั่งกระสับกระส่ายไปมาจนพี่ใหญ่สังเกตเห็น
“เป็นอะไรเล็ก”
“คือว่าผม ผม ….”
“ไปเก็บของซะสิ” ไอ้วัตตัดบทดื้อๆ ก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไป
“ไปเก็บของซะเล็ก กลับบ้านเราเถอะ ”
“ผมขออยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันได้ไหมครับ” ผมต่อรองกับพี่ชาย ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นอะไร แค่สามเดือนทำไมผมถึงผูกพันกับบ้านหลังนี้มากขนาดนี้นะ มันเร็วเกินไปที่ผมจะไปโดยที่ไม่ล่ำลาใคร
“อืม ถ้าเราอยากอยู่พี่ก็จะไม่ห้าม แต่พรุ่งนี้พี่จะมารับแต่เช้า เตรียมตัวไว้ด้วย เข้าใจไหม”
“ครับ”
ผมรับคำก่อนจะมองแผ่นหลังของพี่ชายที่ก้าวออกจากห้องไป ทำไมผมต้องรู้สึกหน่วงๆแบบนี้ด้วยนะ ไม่ชอบเลย ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย
ก๊อกๆๆๆ
ผมเคาะประตูห้องไอ้วัตก่อนจะค่อยๆเปิดเข้าไป พลางมองเจ้าของห้องที่นอนดูทีวีอยู่บนโซฟาตัวเดิม ด้วยท่าทางสบายๆ
“ทำไมยังไม่ไปอีก” คำพูดของเจ้าของห้องทำเอาผมสะอึกจนแทบพูดไม่ออก ถ้าไม่อยากเห็นหน้าขนาดนั้น จะตั้งเงื่อนไขบ้าๆนี่
ขึ้นมาทำไม
“มาเก็บของน่ะ พอดีของเยอะเก็บวันเดียวไม่หมดเลยให้พี่ใหญ่มารับพรุ่งนี้เช้า”
ผมตอบก่อนจะค่อยๆเปิดตู้เสื้อผ้าสีดำที่ตอนนี้มีเสื้อผ้าผมอยู่ในนั้นด้วย ทั้งๆที่คิดว่ามีแค่สามสี่ชุดแต่พอเอาเข้าจริงกลับมีเสื้อผ้าผมเกือบยี่สิบชุดได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ข้าวของของผมมาอยู่ในห้องนี้
“ไม่ต้องห่วงนะ คืนนี้กูจะนอนห้องพีพี ไม่รบกวนหรอก” ผมบอกทันทีที่เก็บของเสร็จ จริงๆต้องเรียกว่ากวาดของลงกระเป๋ามากกว่า มันจะเสร็จๆเร็วๆคนบางคนจะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้าผมนาน
ผมเข้ามาในห้องของพีพี หลังจากที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วเพราะหน้าที่ประจำของผมคือเล่านิทานก่อนนอนให้พีพีฟัง และวันนี้มันคงเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้เล่า
“อาเล็กมาแล้ว”เด็กน้อยในชุดนอนลายเบนเท็นยกยิ้มกว้าง ก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนมาให้ผม
ก๊อกๆๆๆ ประตูห้องพีพีถูกเคาะก่อนจะเปิดออกด้วยมือของเจ้าของบ้าน
“อ้าวคุณป๋า มีอะไรเหรอครับ”
“คุณป๋าอยากจะเล่านิทานให้พีพี ฟังครับ”
“แต่อาเล็กก็เล่าอยู่แล้วนี่นา” เด็กน้อยบอก
“เอางี้ไหมครับ อาเล็กว่า วันนี้เรามาฟังคุณป๋าเล่านิทานดีกว่านะ อาเล็กเล่าทุกวันพีพีคงเบื่อ”ผมเสนอทางออกให้
“โอเคครับ” พีพีตอบตกลงก่อนจะนอนซุกอกผมเหมือนทุกวัน
คนตัวสูงนั่งลงที่ข้างเตียงก่อนจะเริ่มเปิดหนังสือนิทาน
“กาลครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้….”
“เดี๋ยวครับๆๆ คุณป๋า เวลาเล่านิทานมันต้องนอนแบบนี้ต่างหาก” พีพีบอกก่อนจะชี้ตัวเองที่นอนซุกผมอยู่
“แล้วจะให้คุณป๋าทำยังไงล่ะครับ”
“คุณป๋าไปนอนตรงโน้นเลย” พีพีชี้ไปที่อีกฝั่งของเตียง
ร่างสูงนอนลงบนเตียงอย่างว่าง่ายทำให้ตอนนี้ เราสามคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกันโดยมีพีพีนอนอยู่ตรงกลาง
“อาเล็กๆ อาเล็กก็ทำแบบพีพีสิครับ”
“ทำอะไรครับ”
“ก็แบบนี้ไง” พีพีลุกขึ้นก่อนจะจัดแจงให้ผมนอนหนุนแขนไอ้วัตส่วนตัวเองก็นอนซุกบนอกผมอีกที กลายเป็นว่าตอนนี้ผมนอนกอด
พีพี ส่วน เอ่อ ไอ้วัต ก็นอนกอดเราสองคนไว้
ตึกตักๆๆๆ เว้ย ไอ้หัวใจบ้า จะเต้นแรงไปไหนเนี่ย หลายครั้งแล้วนะ
ตั้งแต่จะความได้ ผมใจเต้นกับผู้ชายแค่ครั้งเดียวคือตอนปี 1 แต่ว่าช่วงสองอาทิตย์มานี่ผมใจเต้นกับไอ้วัตบ่อยมาก บ่อยจนผมยังกลัวเลย
“กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้…..” เสียงทุ้มที่เล่านิทานไปด้วยทำท่าทางประกอบไปด้วยทำให้ผมเผลอนานจนคนที่เล่าอยู่กระแอมเบาๆนั่นแหล่ะ ถึงเพิ่งรู้ว่านิทานจบไปนานแล้วแถมเจ้าตัวแสบนี่ยังหลับปุ๋ยไปแล้วด้วย
ผมรีบเอาหมอนรองหัวเจ้าตัวยุ่งไว้ก่อนจะบิดไล่ความเมื่อยนิดหน่อย
หมับ!!
มือของผมถูกจับไว้แน่นด้วยมือหนาของคนที่ยังอยู่ในห้องด้วย
“จะทำอะไร” ผมกระซิบถาม เพราะกลัวพีพีจะตื่น
“หึ” ไอ้วัตยกยิ้มก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาช้าๆ แววตาคมที่ต้องมาทำให้ผมหยุดนิ่งและไม่สามารถขยับไปไหนได้มันเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดบางอย่างที่ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ผมหลับตาลงก่อนจะรับรู้ถึงสัมผัสที่คุ้นเคย ลิ้นร้อนที่ตอนแรกอ่อนโยนกำลังเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆไหนจะมือหนาที่ลูบไปตามตัวผมอีกยิ่งทำให้ตัวผมร้อนจนแทบไหม้
“ไปที่ห้องโน่นนะ” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู ผมทำได้เพียงยักหน้าช้าๆ เหมือนร่างกายมันประมวลผลช้ากว่าเดิมหลายเท่าเพราะรู้ตัวอีกทีร่างกายของผมก็เปลือยเปล่าและอยู่บนเตียงของไอ้วัตไปแล้ว
ผมซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของไอ้วัตหลังจากที่แรงอารมณ์มอดดับลง นี่เป็นครั้งแรกเป็นครั้งแรกจริงๆที่ไอ้วัตมันกอดผมหลังจากที่เรามีอะไรกัน ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมรู้แค่ว่าอ้อมกอดของไอ้วัตมันอุ่น อุ่นจนผมไม่อยากให้คืนนี้ผ่านไป
“ฮื่อๆๆๆ คุณเล็กจะไปจริงๆเหรอคะ” สาวใช้คนซื่อถามผมทั้งน้ำตานองหน้า
“มันถึงเวลาที่ฉันต้องไป ยะขิ่นดูแลคุณพีพี ให้ดีนะ ฉันคงไม่มีโอกาสกลับมาแล้วล่ะ”
“ฮึกๆๆ ฮื่อ คุณเล็กขา ยะขิ่นสัญญาจะดูแลคุณพีพีอย่างดีเลยค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ” ผมยิ้มให้ยะขิ่น ก่อนจะค่อยๆก้าวออกมาจากบ้าน
“อาเล็ก อาเล็กจะทิ้งพีพีไปจริงๆเหรอครับ” เด็กน้อยที่เพิ่งตื่นนอนร้องไห้พลางวิ่งมากอดขาผม ผมได้แต่นั่งลงกอดลูกก่อนจะลูบหัวพีพีอย่างแผ่วเบา
พ่อรักหนูนะพีพี พ่อรักหนูนะ“อาต้องไปครับ อาต้องกลับบ้าน พีพีอยู่ที่นี่อย่าซนกับพี่ยะขิ่นรู้ไหม พีพีต้องเป็นเด็กดีรู้ไหมครับ”
“ฮื่อๆๆ พีพีไม่อยากให้อาเล็กไป อาเล็กอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้หรอกครับ อาเล็กต้องกลับบ้านแล้ว แต่อาเล็กสัญญาถ้ามีโอกาส อาเล็กจะกลับมาเยี่ยมพีพี นะครับ” ผมบอกก่อนจะอุ้ม
เด็กน้อยไปส่งให้ยะขิ่น พีพีขัดขืนในตอนแรกแต่ก็ยอมให้ยะขิ่นอุ้มด้วยดี
ผมมองขึ้นไปบนหน้าต่างชั้นสองก่อนจะเห็นใครบางคนที่ยืนมองลงมาจากหน้าต่าง แววตาว่างเปล่านั้นกำลังทำให้ผมอยากจะร้องไห้ ผมรีบหันหลังกลับทันที เพราะยิ่งมองผมก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากไปจากที่นี้ ผมมองบ้านนี้เป็นครั้งสุดท้าย บ้านที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย บ้านที่ไม่น่าเชื่อว่าผมอยู่ที่นี่แค่สองเดือนกว่า แต่กลับมีเรื่องราวเกิดขึ้นที่นี่มากมายจนผมเองก็ไม่บรรยายไม่หมด บ้านของเหยื่อที่โดนผมทำร้าย บ้านของลูกชายที่ผมทำได้แค่มองดูเขาอยู่ห่างๆ และมันเป็นบ้านของเขาคนนั้น คนใจร้ายที่ทำร้ายผมสารพัดแต่กลับเป็นคนเดียวกับที่ทำให้ผมหัวใจเต้นแรง
เสียงทุ้มที่ผมได้ยินเมื่อคืน ยังคงก้องอยู่ในหัว
“ไอ้เล็กตั้งแต่พรุ่งนี้ไป มึงกับกูถือว่าเราหมดเวรหมดกรรมต่อกัน กูอโหสิให้ ต่อไปถ้าเจอกันที่ไหน ไม่ต้องทัก ไม่ต้องถาม เพราะเราไม่เคยรู้จักกัน”
.................................................TBC..........................................
ช่วงนี้จะลง วันนึงอย่างน้อย สองตอนนะคะ เพราะต้องเร่ง แล้ว
คนอ่านได้กำไรนะเนี่ย หุหุ ตอนนี้มันหวานแบบขมๆไงก็ไม่รู้เนาะ
มีใครเห็นใจ ไอ้คุณวัต ของพิตบ้างยังอ่ะเนี่ย
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ติดตาม
ส่วนนี้ อิมเมจ พี่ใหญ่ ค่ะ