( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 484945 ครั้ง)

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
HBD น้องเมดดด มีความสุขมากๆนะ แงงง อิสสาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากเป็นน้องเมดดดด

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เหมือนจะไม่หวานแต่ก็หว้านหวานเรอะ อาฟนี่แบ่บ เมดโชคดีมากๆ หวังว่าจะไม่มีมาม่าอะไรมาเซอไพรส์ที่หลังนะ

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 35

[ ถึงแล้วนะพี่เมด ] ข้อความจากน้องชายเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผม ตอนเหลือบสายตาหันไปมองหน้าจอที่ปลดล๊อคผมก็กดเข้าไปตอบมัน

[ ทำไมส่งข้อความมาตอบช้าจังเลยว่ะ ไอ้เจถึงเป็นชาติแล้วนะ ] ประโยคที่ส่งไปขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่กลับไม่มีข้อความตอบกลับมา ผมเผลอยิ้มเพราะคิดถึงท่าทางตกประหม่าของอีกฝ่ายออก

ก็ใช่ว่าไม่รู้ ว่าตอนนี้เจกับวิวอยู่ในสถานะความสัมพันธ์แบบไหน แต่ผมก็แค่ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับชีวิตของวิวมากมายจนกลายเป็นความอึดอัด

ผมพอรู้ว่าช่วงวันหยุดมันจะมาอยู่กับเจ ใช้ชีวิตแบบไปเรียนพิเศษตอนเช้า หลังเลิกเรียนเจก็มารับแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกัน ค้างคืนจนหมดช่วงวันหยุด ผมเคยลองถามวิวดูแล้วเหมือนกัน ถึงคำจำกัดความแต่น้องชายก็บอกแค่ว่า ‘ รอสอบเข้าให้ได้ก่อน ชีวิตไม่วุ่นวายเมื่อไหร่ก็ค่อยเลื่อนสถานะกันอีกที ’ แต่ผมว่านั่นก็แค่ข้ออ้างนึงของที่เคยมีวันไนท์ด้วยกันมาแต่พอจะขยับสถานะมาเป็นแฟนเลยแบบที่ไม่ได้จีบ มันก็รู้สึกแปลกต่อกันก็เท่านั้น เพราะสิ่งที่มันสองคนเป็นอยู่ ก็ไม่ต่างอะไรแบบที่ผมกับอาฟกำลังเป็น

[ พี่เจถึงผับนานเป็นชาติแล้วเหรอ ]

[ มันไปเร็วมาเร็วจนกูรู้เลยว่า มึงแม่งนอนคอนโดมัน ]

[ ไอ้สัดนี่ กูก็บอกแล้วว่าให้แวะที่อื่นก่อน ]

[ มันมีธุระต้องคุยกับอาฟ เรื่องเครื่องเติมเบียร์ นี่ก็ให้กูโทรเรียกช่างมาดูเรียบร้อยแล้วว่าจะติดตั้งตรงไหน ] อธิบายน้องชายตัวเองไปก่อนจะส่งสติกเกอร์เหล่มองแบบจับผิดไปให้ [ นี่คิดจะโกหกพี่อีกแล้วเหรอครับน้องวิว ]

[ บ้า พี่มึงก็คิดมาก ไม่ได้จะโกหก ]

[ แต่ถ้าไม่ทักก็คือไม่พูดเนอะ ]

[ แงงงงง ก็กลัวพี่เมดจะว่าน้องแรดที่มานอนบ้านผู้ชายทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ]

[ กูว่ามันก็แฟน แต่มึงแค่ยังไม่อยากจะยอมรับสถานะกับตัวเองก็แค่นั้น ]

[ จะว่างั้นก็ได้ ไม่เถียงหรอก ]

[ แล้วงั้นทำไมไม่เป็นแฟนกันไปเลย มึงโอเคเหรอกูถามหน่อย โอเคกับการไม่มีสถานะจริงๆเหรอวะ ]

[ เอาตรงๆคือ กูพูดให้ตัวกูดูดีไปแบบนั้นแหละไอ้เรื่องที่บอกว่า ขอโฟกัสเรื่องเรียนก่อน ทั้งๆที่จริงอะพี่เมด กูแค่กลัวว่าพี่เจมันจะรับนิสัยจริงๆกูไม่ได้ไง เลยแบบ เออ งั้นมาลองคบแบบไม่มีสถานะกันก่อนดีกว่า ]

[ อย่างงั้นนี่เอง ]

[ กูเป็นคนเอาแต่ใจไง กูรู้ตัวแหละ มันอาจจะไม่หนักขนาดไม่มีเหตุผลเหี้ยอะไรเลยก็จริง แต่กูก็พูดกับมันแล้วนะ ว่ากูไม่ใช่คนนิสัยดีแบบพี่เมด คืออย่ามาคาดหวังว่ากูจะแบบ น่ารักเรียบร้อยแบบพี่มึงเพราะมันจะไม่ได้อะไรแบบนั้นเด็ดขาด ]

[ มึงอย่าพูดเหมือนกูเรียบร้อย กูไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น ]

[ ยั๊วะอีกพี่กู ]

[ คือบางทีกูแค่ไม่เหมือนคนอื่น นั่นหมายความว่ากูเรียบร้อยเหรอวะ ไม่ใช่มั้ง ] เอาเข้าจริงก็ไม่ชอบเลย ไม่ชอบเวลาได้ยินใครๆบอกว่าผมเรียบร้อย หรือไม่ก็นิสัยเหมือนผู้หญิง อะไรทำนองนั้น

ผู้ชายในโลกนี้ไม่มีแบบเดียว มันมีผู้ชายที่ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบเที่ยวหญิง ไม่ชอบเข้าผับ ชอบอยู่บ้าน อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ชอบดูแลคนอื่น และผมก็แค่เป็นแบบแค่คนนึงในผู้ชายประเภทนั้นก็เท่านั้น ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยแบบที่ใครๆต่างยกยอกันเกิดเหตุ

[ คนพูดมันก็เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานไง อย่างพี่เดย์ที่มันบอกว่า พี่มึงเหมือนต้นแบบเจ้าหญิงดิสนี่ย์ทุกตัวในโลก นั่นก็เพราะว่าไอ้เหี้ยพี่เดย์มันไม่ได้เป็นแบบมึงไง แล้วคนรอบข้างมัน พี่อาฟ ไอ้ลุง พี่อัยย์ แม้แต่เพื่อนมันก็ไม่ได้เป็นแบบมึง ขนาดกูก็ยังไม่เป็นเลย พี่เดย์แล้วก็คนอื่นๆมันก็เลยรู้สึกว่ามึงอะดีมากๆ เข้าใจมั้ย ]

[ เข้าใจก็ได้ ]

[ อย่าซีเรียสกับแค่ใครแซวว่าเป็นคนดีสิว่ะพี่เมด แค่สังคมที่มึงอยู่ไม่มีใครเหมือนมึงก็เท่านั้น มึงเลยเป็นคนดีสำหรับพวกมันมากๆ แล้วคือจะให้เค้ารู้สึกว่ามึงเหี้ยได้ไง ก็มึงไม่เหี้ยอะ ]

[ กูแค่รู้สึกว่ามันพูดเหมือนกูดีมากแบบ ไม่มีจริงในโลก ทั้งๆที่จริงกูกวนตีนไอ้อาฟจะตายห่าแต่ก็แค่ทำตอนอยู่ด้วยกันสองคนก็แค่นั้น ]

[ ก็มึงใส่หน้ากากหาพวกแม่งอะ พวกแม่งก็ต้องหาว่ามึงดีอะดิ ]

[ เดี๋ยววว นี่ด่ากู ]

[ หยอกกกกก ] หลุดยิ้มกับสติกเกอร์น่ารักที่ส่งมา ก่อนที่วิวจะพิมพ์ต่อ [ นั่นแหละ เรื่องของกู สุดท้ายมันก็แค่คนคนนึงที่เอาแต่ใจ แล้วกูก็ไม่อยากจะเจ็บมากกับการที่กูทุ่มเทความรู้สึกไปให้มัน เราเลยตกลงกันว่า ช่วงนี้คบกันไปก่อนแบบไม่มีสถานะนี่แหละ คบกันแบบเป็นตัวเองให้สุดทั้งพี่เจทั้งวิว จะได้รู้ว่าไปด้วยกันได้มั้ย ]

[ อื้ม ]

[ แต่ก็นะ ข้อเสียของมันคือ ความรักเป็นอะไรที่พอเริ่มให้แล้วเราจะกำหนดไม่ได้ว่า พอแล้ว ให้เท่านี้พอ มันเป็นอะไรที่พอเปิดใจแล้ว เราก็จะให้เค้าไปหมดเลยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนกูรู้สึกว่าถ้าถึงวันนั้นที่อะไรมันลงตัว แล้วกูมานั่งคุยกับพี่เจเรื่องสถานะ ถ้าสุดท้ายกลายเป็นว่า พี่เจบอกว่าไปด้วยกันกับกูไม่ได้ ตอนนั้นกูจะทำยังไงวะ ต้องเสียใจมากแน่ แล้วจะโทษใครก็ไม่ได้ด้วยนะ เพราะตัดสินใจเองว่าจะไม่มีสถานะ ]

[ มันก็มีทั้งดีทั้งเสียในทุกการตัดสินใจนั่นแหละมึงอย่าไปคิดมาก เพราะต่อให้มึงคบกับมันเป็นแฟน วันนึงเจมันรับนิสัยไม่ได้หรือมีคนใหม่ มันก็บอกเลิกมึงอยู่ดี เอาแค่วันนี้ก็พอ แก้ไขได้ก็แก้ไข ไม่เป็นตัวเองมากไปก็บอก ก็แค่นั้น ]

[ เป็นคำสอนจากคนที่จัดการพี่อาฟเตอร์ เจ้าของผับ throw up อยู่หมัดเปล่าวะ ]

[ ประสาท ] ส่ายหน้าคำแซวของน้องก่อนจะถอนหายใจยิ้มๆ

[ มึงควรไปออกหนังสือ สิ้นลายคาสโนว่าอะพี่เมด ]

[ เอาจริงๆมั้ย ตั้งแต่กูคบกับอาฟมา กูไม่เคยคิดว่ามันเป็นแบบที่ใครๆพูดถึงมันเลย ]

[ หมายความว่าไงวะ ]

[ อาฟ เหมือนโชคร้ายที่คนภายบอก ตัดสินทุกอย่างของมันจากรูปลักษณ์อย่างเดียวอะมึง คือเป็นเจ้าของผับดัง ขับรถหรู ทำตัวหยิ่งๆ คนส่วนใหญ่เลยมองว่า ไอ้เชี้ยนี้ต้องฟันผู้หญิงเก่ง เจ้าชู้ แล้วก็นิสัยเหี้ยแน่นอน ซึ่งตอนแรกที่กูรู้จักมัน กูก็คิดแบบนั้นแหละ ]

[ อ้าว 555555555555 ]

[ ก็รูปลักษณ์มันได้อะมึง มึงมองหน้ามันดิ เอาแบบไม่รู้จัก ไม่ได้คุย ใครๆก็มองว่ามันแบบนั้นกันทั้งนั้น ]

[ ก็จริง เพื่อนวิวยังบอกว่าเค้าเจ้าชู้มาก ซึ่งไม่รู้ไปเอามาจากไหนเหมือนกัน ]

[ ใช่มั้ยละ ]

[ แล้วที่บอกว่าไม่เหมือนอย่างที่คิดนี่คือ ]

[ มันไม่ใช่คนแบบที่ใครๆตัดสินมันเลยอะ สาวๆที่เข้ามาหามัน ก็เป็นคนที่เสนอตัวให้มันก่อน มันที่ตอนนั้นไม่ผูกมัดกับใครก็ไม่แปลกรึเปล่าวะที่จะสนองกลับไป... หรือกูจะคิดเข้าข้างแฟนกูมากเกินไป ]

[ 555555555555 อีพี่เมดแม่ง ]

[ คือกูว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ไง จะมาบอกว่า พวกมีอะไรกับใครแบบวันไนท์คือคนเจ้าชู้ คนไม่ดี เพราะวันไนท์มันคือการตกลงกันของคนสองฝ่ายแล้วว่าจะเอากันแบบไม่ผูกมัด  ซึ่งมันก็ไม่ได้เกิดจากการบังคับเปล่าวะ แต่ถ้ามันมีกูอยู่แล้วมันนอกใจกูไปเอากับคนอื่นไปทั่ว อันนั้นมันก็เริ่มจะเหี้ยละถูกมั้ย ]

[ ก็ถูก จากที่กูเคยผ่านมา มันก็คือการเอากันด้วยความพึงพอใจของคนทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ส่วนถ้าใครติดใจแล้วอยากจะเอาต่ออันนั้นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ถ้าอีกคนจะไม่เล่นด้วย เพราะกฎของวันไนท์คือ ไม่ผูกมัด แต่นั่นแหละ พอมีใครคนนึงเจ็บ อีกฝ่ายที่ไม่เจ็บแม่งก็เหี้ยเสมอ โคตรไม่ยุติธรรม ทั้งๆที่มึงแม่งก็ไม่รักษากฎก่อน วันไนท์ใครเค้ารักกัน โดนเอาแล้วถูกใจอยากจะสานต่อ แต่พอเค้าไม่เล่นด้วยแล้วโวยวายว่าอีกฝ่ายเหี้ย มึงนั่นแหละที่เหี้ย ]

[ มึงดูอิน ]

[ 5555555555 ก็มันจริงอะพี่เมด คือถ้าใช้สมองใคร่ครวญสักนิดจะเข้าใจว่าวันไนท์คืออะไร มันไม่ได้เลวร้ายอะ  มันไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอวะ ที่คนสองคนจะเริ่มต้นมีอะไรกันแบบไม่ผูกมัด แต่สุดท้ายคนคนนึงต้องมาผิด เพียงเพราะแค่ไปทำให้อีกคนถูกใจในเซ็กส์ หน้าตา ความรวย อยากจะจับทำผัวจริงๆ แต่เค้าไม่ได้ชอบเลยปฎิเสธ แบบนั้นพออีกฝ่ายเสียใจ ร้องไห้ ก็มาบอกว่าเค้าเจ้าชู้ ไม่ดี ฮัลโหลลล ก็มึงบอกเค้าจะเป็นแค่วันไนท์มั้ย ไม่ได้บอกว่าจะมาคบกัน ไอ้สัด ]

[ ก็จริงของมึง แสดงว่ากูไมได้เข้าข้างแฟนกูถูกมั้ย ]

[ ไม่อะ มึงก็คิดถูกแล้วว่าพี่อาฟมันก็ไม่ได้ผิดอะไร  แต่คือต้องเข้าใจอะ พี่อาฟมันรวย สาวคนไหนที่เข้ามาคุยกับมันแล้ว มันคุยด้วย หรือตอบตกลงขึ้นห้องกันได้ มันก็มีความหวังแล้วเปล่าวะ ว่า พี่อาฟก็เริ่มสนใจ ]

[ คงจริง เพราะมันเป็นคนที่ถ้าไม่สนใจ มันก็ไม่ชายตามองเลย ]

[ แล้วยังไงต่อ ที่พี่เมดบอกว่าเค้าไม่เหมือนอย่างที่คิด ]

[ คือมึงรุ้มั้ยว่าอาฟเป็นคนโรแมนติกมากเลยนะ ทุกวันนี้เวลามันตื่นนอนก่อนกู ก็จะหอมแก้มกูทุกเช้าเลยแบบไม่ให้กูรู้ตัวด้วยนะ เพราะมันเขิน ]

[ กูถามจริง ]

[ เออ จริงๆ แล้วมันเป็นคนที่ตามใจกูมาก แบบ อยากจะกินอะไรก็แค่บอก มันก็จะพาไป  ไม่เรื่องมาก ไม่ขี้บ่นด้วย แล้วเป็นคนที่แบบใส่ใจกูทุกเรื่องอะ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆอาฟมันก็ใส่ใจ ]

[ นั่นเพราะว่าเป็นพี่เมดไง ] วิวบอก [ ก็เค้าชอบพี่เมด เค้าก็ทุ่มเทให้พี่เมดทั้งหมดอะ ให้หมดทุกอย่างที่เค้ามี ]

[ อื้ม อาฟก็เป็นแบบนั้นจริงๆ จนบางทีกูรุ้สึกว่า อาฟคนที่กูรู้จักเป็นคนละคนกับที่คนอื่นรู้จักด้วยซ้ำ ]

อาฟที่ใครๆรู้จัก คือผู้ชายที่นั่งกินเหล้าเงียบๆ อยู่ที่มุมนึงของบาร์ในผับ เค้ามักจะยิ้มบ้างกับเพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ แต่นั่นก็เป็นแค่การยกยิ้มเท่ห์ๆ ที่มีให้กลับคนสนิทเท่านั้น  แต่ถ้าไม่ใช่คนสนิทด้วยก็แทบจะไม่ชายตาหันไปมองเลยด้วยซ้ำ ส่วนอาฟคนที่ผมรู้จักมันคือคนที่ทั้งใจดี อบอุ่น แต่ก็กวนตีน แล้วก็ชอบแกล้ง คนที่มีหลายมุมมองแต่ทุกมุมมองนั้นถูกประกอบขึ้นมาจากตัวผมในแต่ละช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน

[ กูถามจริงพี่เมด คือที่มานั่งอวดให้ฟังนี่ มีความสุขเพราะแฟนซื้อรองเท้าให้ปะ ]

[ ไม่เว้ย กูแค่มานั่งคิดๆ แล้วแบบไม่รู้จะอวดใครเลยพูดกับมึง มันดีกับกูอะมึง ดีมากๆ แล้วพอรู้สึกว่า ในสิ่งที่มันทำ มันทำให้กูคนเดียว มันก็เป็นอะไรที่กูรู้สึกว่า นี่กูไปเสียเวลากับไอ้เหี้ยบินทำไมตั้งสี่ปี ทำไมกูไม่ขับรถชน ชนรถแม่งตั้งแต่ตอนที่กูหัดขับรถตอนม.หกว่ะ หรือว่าทำไมเราไม่เจอกันตอนกูอยู่ม.ปลายเลย ทำไมกูต้องมาเจอไอ้เชี้ยบิน ทำไมกูต้องมาเสียใจก่อนถึงจะมาเจออาฟ ]

[ คงเพราะชาติที่แล้วมึงไปทำอะไรไอ้เหี้ยบินเหี้ยยีนส์ไว้ไง ชาตินี้เลยต้องมาใช้กรรม นี่ใช้หมดแล้ว ก็ได้เจอพี่อาฟละ ]

[ มาใช้กรรมที่ติดไอ้อาฟไว้ต่อ ]

[ ไอ้สัด 5555555555 ไหนบอกแฟนดี ]

[ ก็ดี แต่มันยังไม่เห็นกันทุกด้านไง คือมันก็มีแหละสิ่งที่ทำให้กูรู้สึกว่า หงุดหงิดบ้างเพราอาฟเป็นคนสุดทุกอย่างสำหรับกูอะ ]

[ ยังไงวะ สุดทุกอย่าง ]

[ กับกูคือมันแบบ อบอุ่นที่สุด ใจดีที่สุด แต่ยังไม่เคยเห็นมุมที่มันโกรธที่สุด หึงที่สุดไง ขนาดเรื่องความปากหมาของมันที่กูได้รับทุกวันนี้ยังไม่ใช่ที่สุดเลย มันยังหมากว่านี้ได้อีกกูมั่นใจ ]

[ พี่มึงแม่ง 5555555555 ] วิวหัวเราะผมก็หลุดขำตามเลขห้าที่อีกคนแสดงอารมณ์ออกมา

[ แสดงว่าพี่มึงก็ยังไม่รู้ว่าอะไรที่รับไม่ได้คืออะไร เพราะยังมาไม่ถึงแต่สรุปโดยรวมตอนนี้คือดีมาก ]

[ ใช่ ] ผมยิ้มตอนที่พิมพ์ตอบน้องชาย [ แต่กูก็คิดว่าช่างมันเถอะ เวลามันจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองอะ ว่าไปกันได้มั้ย ]

[ ถ้ารักกันมากพอ มันก็พยายามจนรักกันได้นั่นแหละ ดูอย่างพี่เมดตอนรักไอ้บินดิ ใครจะด่าว่าโง่ จะโดนทำเหี้ยๆเท่าไหร่ มึงก็ยังรัก ยังรับตัวเพื่อมันได้อะ ]

[ ก็จริงของมึง ] ผมตอบรับน้อง [ แต่กูไม่ขออะไรแบบนั้นแล้วนะ ขอคนดีๆในชีวิตกูหน่อย คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจอะ ]

[ มันคงไม่มีใครเหี้ยถึงขั้นนั้นแล้วมั้ย ก็ถ้าพี่อาฟมันเหี้ยเหมือนไอ้สัดบิน มึงก็ไม่ต้องมีใครแล้วพี่เมดชาตินี้ อยู่คนเดียวไปเถอะ ]

[ กูก็คิดแบบนั้น ]

[ เอาจริงๆ คนเรามันมีทั้งดีทั้งเสียแหละ มันต้องดูไปนานๆทั้งนั้น ตอนนี้มึงแฮปปี้กับมันนั่นก็ดีแล้ว ก็อยู่กับมันไป เหมือนที่พี่เมดบอกวิวไง อะไรไม่ใช่ก็ปรับ ปรับไม่ได้หรืออึดอัด ก็บอก ]

[ อื้ม แบบนั้น ]

[ แล้วกูถามหน่อย ]

[ ว่า ]

[ พี่เดย์พี่อัยย์มันซื้อกล่องถุงยางให้มึงจริงๆเหรอวะ ]  ผมถอนหายใจออกมาตอนเห็นคำถามของน้องชายตัวเอง

[ จริง ] ตอบออกไปแบบนั้น นึกแล้วอยากจะเอากล่องของขวัญไปเขกหัวไอ้เด็กพวกนั้นสักอย่างสามที คิดไงซื้ออะไรแบบนั้นมาให้

[ พี่มันคงคิดว่า ซื้อของที่ได้ใช้ดีที่สุด ]

[ ไอ้วิว... ]

[ 55555555555555 ก็มันจริง แล้วถามหน่อย มึงมีอะไรกับพี่อาฟแล้วถูกมั้ย ] ผมเงียบไปตอนที่หน้าถาม ทำทีไปเหลือบมองทางอื่นทั้งๆที่ตอนนี้ก็นั่งอยู่ในห้องทำงานคนเดียว รู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้ที่ต้องตอบว่า ใช่ [ เงียบ แสดงว่ามีแล้ว ]

[ เออ ก็มีแล้ว ]

[ แล้วเป็นไง รีวิวหน่อย ]

[ คือวิว เรื่องแบบนี้กูต้องรีวิวด้วยเหรอไอ้น้องเวร ไม่ได้ไปกินข้าวร้านหรูไงมึง ]

[ 555555 ก็อยากรู้อะ ว่าคนแบบพี่อาฟจะเป็นไง ]

[ ก็สมเป็นอาฟเตอร์ อารยะ อะมึง ]

[ จำกัดความได้เท่ห์มากพี่กู ] หลุดขำออกมาตอนที่ได้อ่าน วิวก็แซว [ ก็ถ้าไม่รู้ว่าพี่มันเป็นคนมีมุมอบอุ่น คงคิดว่า พี่มันร้อนแรงมาก โซ่แซ่กุญแจมือ ตีตูดไปเอากันไป ]

[ ไอ้สัด ไม่ขนาดนั้นเว้ย แต่มันก็อบอุ่นแหละ ]

[ มีความสุขใช่มั้ยตอนนั้น ]

[ มากๆ ] พิมพ์ข้อความนั้นแล้วนิ่งมองอยู่สักพัก ผมเผลอคิดถึงช่วงเวลาอบอุ่นพวกนั้น ช่วงเวลาที่เราโอบกอดกันและกันไว้ มันไม่ได้เรียกว่าความสุขอย่างเดียว มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น โดยที่ไม่สามารถจำกัดความได้ด้วยประโยคใดประโยคนึง [ กูไม่เคยรู้สึกเลยว่าเซ็กส์แม่งคือสิ่งที่ดี มันคือสิ่งที่กูเกลียดอะมึงเข้าใจมั้ย จนคืนนั้นที่กูมีอะไรอาฟ แล้วพอตื่นขึ้นมา กูก็รู้สึกเลยว่า เซ็กส์มันดีจังว่ะ แล้วนั่นก็เพราะอาฟ ที่ทำให้กูรู้สึกอย่างงั้น ]

[ เล่ากูๆ อยากฟังงงง ]

[ อื้ม มากเลย กูชอบตอนที่อาฟจับมือกูขึ้นมาจูบ ชอบตอนที่มันมองตากัน ชอบทุกๆอย่างที่มันทำให้กูในคืนนั้น ชอบจนเข้าใจเลยว่า ทำไมคนบางคนถึงมองว่าเซ็กส์ดี เข้าใจเลยว่าการที่ใครบอกว่ามีความสุขจากเซ็กส์มันคืออะไร แล้วที่ผ่านมาสำหรับกูมันไม่ใช่เซ็กส์เลย นั่นแค่การติดสัตว์ ] 

[ แรงงงงงง ] วิวบอกผมก็ยิ้มออกมาตอนที่มองข้อความนั้นแล้วก็ได้แต่หวนคิดถึงชีวิตเก่าๆของตัวเองที่เคยทนอยู่ในสภาพแย่ๆ แล้วยิ่งคิดเท่าไหร่มันก็ยิ่งเกลียดตัวเองเข้าไปทุกครั้ง เหมือนผมตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆว่า ‘ ตอนนั้นทนไปทำไม ’ ทั้งๆที่มันเป็นอดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วก็เถอะ [ แล้วถามได้มั้ย ]

[ ถามว่า ]

[ พี่มึงมีอะไรกับพี่อาฟมากี่ครั้งแล้ววะ ]

[ สองครั้ง ] ตอบออกไปตามตรง เพราะทั้งสองครั้งก็เป็นอะไรที่ยังอยู่ในความรู้สึกของผม เป็นอะไรที่อบอุ่นแต่ก็ร้อนแรงจนลืมไม่ลงกันเลย [ ครั้งแรกแล้วก็ หลังจากที่อาฟฟื้นไข้ ]

[ งั้นครั้งนี้ก็สาม ]

[ ไอ้น้องเวร ] ผมพิมพ์ด่าอีกคนที่ก็ส่งสติกเกอร์หัวเราะมาให้ [ ไปอ่านหนังสือได้แล้วไป กูจะทำงานแล้วเดี๋ยวไม่เสร็จ ]

[ 555555555555 โอเค คุยกันนะ ]

[ มีอะไรบอกพี่เมดนะวิว บอกได้ทุกเรื่องนั่นแหละ กูไม่ว่ามึงหรอก เพราะกูรู้ดีอยู่แล้วว่าน้องกูเป็นยังไง ]

[ ครับผม รักพี่เมดนะ สุขสันต์วันเกิดอีกที เสื้อนั่นใส่ด้วยนะ ถึงมันจะไม่แพงเท่ารองเท้าที่ใส่อยู่ก็เถอะ ]

[ แซวจริงเว้ย ใส่แน่นอน เพราะกูชอบมากกกกกกกกก ] ลากเสียงยาวในท้ายประโยคที่พิมพ์ ก่อนสติกเกอร์น่ารักของวิวจะส่งมาปิดท้ายบทสนทนานั่นลง

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ผมเงยมองเวลาที่ตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงสองทุ่มก่อนจะหันกลับมามองงานที่ยังคงค้างอยู่ในหน้าจอของตัวเอง ขยับตัวบิดขี้เกียจแล้วก็เริ่มต้นทำงานของตัวเองอีกครั้ง ตั้งใจไว้ว่าทำงานเสร็จจะอ่านหนังสือเรียนสักหน่อย ต้องทบทวนบทเรียนที่เรียนไป จะได้ไม่ต้องอ่านเยอะตอนช่วงสอบที่กำลังจะมาถึง

“ กลับบ้านกัน ” เงยหน้าขึ้นจากเอกสารการเรียนที่กำลังอ่าน อาฟเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆโต๊ะทำงานของผม มือที่กำลังหมุนปากกาเน้นข้อความนั่นก็หยุดลงทันที ก่อนจะเงยหน้ามองเวลาที่ตอนนี้บอกเวลาตีสองกว่าเข้าไปแล้ว

 “ ทำไมวันนี้เวลามันผ่านไปเร็วจังเลยวะ ”

“ ทำไม ? ไม่อยากให้มันผ่านไปรึไง “ คนถามนั่งลงบนโต๊ะ มันมองเอกสารในมือของผมแล้วขมวดคิ้วเพราะความไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆก่อนจะมองหน้ากัน “ กลัวถึงวันเกิดกูเหรอ ”

“ ทำไมต้องกลัววะ ” เอียงหน้าถามมัน อาฟก็แค่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน “ ยิ้มโคตรเหี้ย รู้เลยว่ามีแผนชั่วอยู่ในใจ ”

“ คิดไปเองรึเปล่า ”

“ สันดานมึงเป็นไง กูก็พอรู้ดีอยู่แล้ว ” ผมบอกมันแต่ถึงอย่างงั้นในใจลึกๆมันก็อยากรู้ “ แล้วมึงจะให้กูทำอะไร ”

“ ทำไมกูต้องบอก ยังไม่ถึงวันเกิดเลย ”

“ กูจะได้เตรียมใจไง ”

ใบหน้าคมดึงเข้ามาใกล้ผม แววตาเจ้าเล่ห์นั้นมองไปทั่วตั้งแต่แววตา จมูก หรือแม้แต่ริมฝีปาก มันเป็นแววตาที่บอกถึงความต้องการที่อยากสัมผัสอย่างลึกซึ้งแบบไม่ปิดบัง ผมที่ได้แต่มองตาอีกคนด้วยแววตาสั่นๆอย่างไม่คิดหลบให้อีกฝ่ายรู้ว่ากลัว แต่มันก็คงไม่ต่างอะไรจากลูกแมวที่นั่งนิ่งตัวสั่นอยู่วงขดตัวของงูเห่าเจ้าเล่ห์ก็เท่านั้น
 
“ อื้มมมม ” เสียงทุ้มในลำคอครางออกมายาวๆก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ นิ้วทั้งห้าสอดประสานเข้าหากันก่อนจะถามเสียงเบาราวกับจะกระซิบ “ ไม่ให้ใส่เสื้อผ้าวันนึงดีมั้ย หรือว่าใส่แค่ผ้ากันเปื้อนสักผืนก็พอ วันนั้นกูจะไล่ไอ้เดย์ออกไปจากห้องเลย วันทั้งวันเราก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เอากันอย่างเดียวเลย ดีมั้ย ? ”

“ เป็นคนอุบาทว์แบบนี้เองเหรอวะ “ ผมถามมันอีกคนก็ยกยิ้ม

“ เพราะใครกันละ ”

“ อย่ามาโทษกู เพราะสันดานมึงล้วนๆมากกว่า ”

“ งั้นเหรอ แย่จังนะ มึงดันมามีแฟนสันดานแย่ซะได้ ”

“ ด่าอะไรไปก็ช่วยรู้สึกเจ็บหน่อยได้มั้ยวะอาฟ ” ลุกขึ้นเต็มความสูงหลังจากที่พูดจบ ผมเก็บของทุกอย่างลงไปในกระเป๋า ตอนที่ยกมันขึ้นสะพายไหล่อีกคนก็มองกันยิ้มๆ “ มองอะไร ”

“ เปล่านี่ ”

“ มีเงื่อนงำนะมึง ”

“ อยากให้ถึงวันเกิดกูเร็วๆจังเลยน้า ” อาฟบอกก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินนำผมออกไป

“ ถ้ามึงทำอะไรกูแบบที่มึงพูดกับกูละก็ กูจะหนีไปให้ไกล แล้วไม่ให้มึงเจอได้อีกเลย ”

“ งั้นเหรอ ” รอยยิ้มที่หันมายิ้มให้กัน มันแปลความหมายออกมาว่า ไม่มีทางที่ผมจะได้โอกาสหนีแน่นอน

“ กูรู้นะ ว่ามึงคิดจะป่วนประสาทให้กูกลัวแม่งตั้งแต่วันนี้ มึงไม่ทำจริงๆหรอก ”

“ ก็ไม่รู้สินะ ”

“ อยากถีบมึงชิบหายไอ้สัด ” เกลียดรอยยิ้มจางๆ ที่แปลความหมายเหี้ยอะไรไม่ออกนั่นชะมัด ผมรู้แค่ว่าจะไม่มีทางรอดพ้นไม่ว่ามันคิดจะให้ทำอะไรก็ต้องทำ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าอะไรแบบนั้นมันก็พูดปั่นประสาทให้ผมกลัวไปแบบนั้น แต่ถึงอย่างงั้นก็อดวิตกไม่ได้ว่ามันอาจจะทำจริงๆขึ้นมา
 
“ หรือว่าจะใช้เครื่องดี พวกดิลโด้ เสียบไว้ทั้งวันเลย ”

“ ไม่เอา ไอ้เหี้ย ” คำพูดที่ตะโกนออกไปด้วยความหงุดหงิด แต่คนข้างๆกับแค่หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ สะใจชิบหายไอ้สัด ฮ่าๆ ”

“ มึงแม่ง... ชอบแกล้งกูทุกทีเลย ”

วางกระเป๋าที่ถือมาด้วยลงบนโต๊ะในห้องแต่งตัวตอนที่เดินเข้าไปห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำหลังจากที่มาถึงคอนโด แต่ก่อนได้จะถอดนาฬิกาที่ใส่หรือแม้แต่เสื้อตัวที่สวม คนที่คิดว่าอยู่ข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามาด้านใน อาฟยกยิ้มมองผมก่อนจะเดินเข้ามากอดกันไว้จากด้านหลังโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ แต่ท่าทางนั้นก็บอกได้ถึงความต้องการทั้งหมดที่กำลังจะเกิดขึ้น

คงเพราะลมหายใจที่เป่ารดตรงต้นคอ มันอุ่นจนผมได้ยืนนิ่ง ยามที่จมูกคมก้มลงหอมที่ข้างแก้ม อาฟไล่ลงต่ำไปเรื่อยตามลำคอ ผมก็ได้แต่เม้มริมฝีปากพลางมองดูเงาตัวเองที่กำลังสะอ้อนอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่นั้น

“ เมดครับ “ เสียงทุ้มที่กระซิบลงข้างหูก่อนจะขบเม้มเบาๆ อาฟสบตาผมผ่านกระจกก่อนจะไล้มือปลดกระดุมทุกเม็ดของเสื้อเชิ้ตตัวที่ผมสวม ดึงสาบเสื้อทั้งสองข้างออกไปเหลือแต่ส่วนบนเปลือยเปล่า แล้วจูบลงที่หัวไหล่นั้น จูบอยู่นานจนขึ้นรอยสีแดงชัดเจน

ทุกอย่างมันปั่นป่วนอย่างไม่เคยเป็น เพียงแค่สายตานั้นผละขึ้นสบมองกันผ่านกระจกทั้งร่างของผมก็เหมือนจะตื่นตัวขึ้นมา อยากให้สัมผัสมากนี้ ในตอนที่อีกคนยังลูบไล้อยู่บนรอบเอว

“ อาฟ ” ผมเรียกชื่อคนที่กำลังกอดกันเอาไว้ เอียงหน้าจูบริมฝีปากที่ก็ดึงลงมาจูบดูดดื่มกันอย่างรู้ใจ เอื้อมมือจับมือของอีกคนมาจับที่ขอบกางเกงอย่างเชิญชวนให้สัมผัสกันให้มากกว่านี้ด้วยความโจ่งแจ้งแบบไม่เคยเป็น

ผมหลับตาลงเพื่อซ่อนความอายทั้งหมดนั้น ไม่กล้าแม้จะมองตัวเองในกระจกเบื้องหน้า แม้แต่ในแววตาตาคมที่กำลังมองสบกันผมก็ไม่กล้าจะมองดู ร่างกายไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกต้องการขนาดนี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างนั้นมันกำลังเกิดขึ้น เกิดขึ้นเพราะคนตรงหน้าที่ผมกำลังกอดจูบผมอย่างดูดดื่ม

ตอนนั้นผมไม่ได้อาบน้ำอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่กลับถูกย้ายมาที่เตียงกว้างในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำไว้แทน เหมือนอย่างที่วิวทำนายไว้ มันเป็นเซ็กส์ครั้งที่สามของผม

...........................................................................

“ ว้าววววววว ” เสียงของทุกคนที่ร้องดังขึ้นมา ตอนที่เห็นเบียร์สีทองถูกเติมขึ้นจากท้ายแก้วราวกับมีเวทมนตร์

วันนี้เป็นวันที่เครื่องเติมเบียร์จะถูกนำมาใช้ในผับเป็นวันแรก เราติดมันไว้รอบโซนบาร์เพื่อทดลองก่อนจะมีแผนเพิ่มเข้ามาอีกเซ็ตใหญ่เพื่อเปิดโซนบาร์ใหม่สำหรับคอเบียร์โดยเฉพาะ เจ้าของผับที่นั่งข้างกันยกยิ้มด้วยความถูกใจกับความสำเร็จที่ตัวเองคิด

“ โคตรเท่ห์ “ ผมบอกก่อนจะหยิบแก้วที่ถูกเติมเบียร์เย็นๆจนเต็มนั้นขึ้นมามาดู

กลไกของเครื่องเติมเบียร์อัตโนมัติเพียงแค่ตั้งแก้วลงไปบนเครื่องที่คล้ายกับที่รองจานนั้นก็คือ ด้านบนของบาร์จะเป็นเหมือนที่รองจานเป็นหลุมแต่จะมีรูเล็กๆ ส่วนแก้วก็จะเป็นแก้วเฉพาะที่ส่วนท้ายจะมีรูเล็กๆเพื่อต่อกับเครื่องแต่ก็ใช้แผ่นแผ่นอะลูมิเนียมที่สกรีนชื่อผับ throw up แบบเท่ห์ๆ วางปิดไว้ไม่ให้เห็นรูนั้น แต่พอนำไปวางไว้บนเครื่องแผ่นอลูมิเนียมนั้นจะยกตัวเพื่อสามารถปล่อยเบียร์เข้ามาได้แต่พอเต็มแก้วมันก็ดันตัวลงเพื่อกดปิด

เป็นความเจ๋งที่ลงทุนไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อาฟก็พูดกันแค่ว่า พลังของโซเซี่ยลของการอัพไอจีสตอรี่จะดูดกำไรกลับมาให้เราเอง ถึงมันจะเป็นอะไรที่ฉาบฉวย แต่ก็เป็นการโกยเงินในช่วงเวลาสั้นๆได้ดีที่สุด และอาจจะอยู่เป็นกระแสได้นานถ้าติดลมบน

“ กูรู้สึกยืดมากเลยอะ รู้สึกว่าตัวเองแม่งโคตรเท่ห์ ” น้องเดย์บอกก่อนจะยิ้มกว้างออกมา “ คือตอนที่เอาแก้วมาตั้งให้เบียร์มาดูดขึ้นมา กูรู้สึกเหมือนตัวเองคือแฮรี่พอตเตอร์ แล้วนี่คือร้านไม้กวาดสามอัน มันได้มาก มันใช่เลย ”

“ แล้วเบียร์นี่คือเลือกได้เลยใช่มั้ย “ ผมถามคนนั่งข้างๆ อาฟก็พยักหน้ารับ

“ ใต้เค้าเตอร์มันมีที่ใส่เบียร์จะเสิร์ฟทีนึงเป็นเหงือก เครื่องนึงก็เหมาะกับกินสองคนแต่ถ้ามึงจะกินคนเดียวก็ได้ ”

“ ถ้าอยู่ข้างใต้แบบนั้น งั้นต้องรักษาความสะอาดให้ดีเลยนะ “ หันไปบอกน้องเดย์น้องอัยย์ที่ก็พยักหน้ารับกันอย่างแข็งขัน

“ มีระบบป้องกันอย่างดีครับไม่ต้องกลัว ”

“ แต่กูชอบตัวอักษรตรงชื่อ throw up ที่ท้ายแก้วนี่ว่ะ โคตรเท่ห์ ” เจที่กินเบียร์จนหมดเอียงแก้วมาให้เราดู “ กูว่าน่าจะเอามาทำพวกที่รองแก้วของบาร์ทั้งหมดเลย สกรีนลายลงทิชชูด้วยอะไรแบบนั้น

“ เออ กูเห็นด้วยนะ ” ผมหันไปบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ กราฟฟิคชื่อที่ผับที่ถูกออกแบบ มันไม่ได้ดูฉูดฉาดมากด้วยลายเส้นของอักษรแบบแข็งๆ แต่กูเป็นอักษรที่ให้ความเท่ห์แบบผู้ใหญ่ ที่ก็ดูไม่จริงจังจนเกินไป ซึ่งกว่าจะได้มาเป็นลายที่อาฟพึงพอใจ ผมก็ไปทะเลาะตบตีด้วยวาจากับคนออกแบบอยู่นานพอดู

เป็นช่วงเวลาที่ถ้าการถอนหายใจออกมาเยอะๆจะทำให้ตายเร็ว ไม่ช้าไม่นานผมคงจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

“ มึงจัดการแล้วกัน ” อาฟบอก ผมก็พยักหน้ารับ

“ โอเค ” จดสิ่งที่ถูกสั่งลงไปในสมุดเล่มเล็ก ที่พกอยู่ประจำ ก่อนจะหันไปเห็นกำหนดการประจำวันนี้ที่ผมจดไว้เมื่อหลายวันก่อน “ อาฟ วันนี้จะมีเซลล์เข้ามาคุยกับมึงนะ เซลล์เหล้า เค้าจะเอาเหล้าตัวใหม่มาเสนอมึง ”

“ กี่โมง ”

“ ช่วงสามทุ่ม ” ผมบอก “ เดี๋ยวกูจองโต๊ะตรงวีไอพีชั้นสองไว้ให้เหมือนเดิมนะ ”

“ อื้ม ”

“ เซลล์เหล้านี่มันก็ขยันเอามาขายจริงๆเลยว่ะ ” น้องอัยย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมบอก “ เดือนนึงเฮียเจอเซลล์เข้าเหล้ากี่เจ้าวะ ถามจริง ”

“ เดือนนี้รวมคนนี้ก็ห้าแล้ว ” ผมยิ้มก่อนจะยกไหล่ให้น้อง


“ มันก็งานของเค้า อีกอย่างถ้าขายเหล้าในผับดังได้ ยอดมันก็ขึ้นอยู่แล้วในกรณีที่รสชาติมันถูกใจ แล้วเป็นกระแสกำลังมา อย่างเหล้าตัวที่คนไทยทำเองที่มันเป็นกระแสอยู่พักนึงที่เราเอามาขาย มันก็ขายดีมากนะ เพราะคนอยากลองชิมว่าเป็นยังไง ”

“ แล้วพอเราขายได้ ผับอื่นก็ต้องอยากจะได้ตาม มันคือกลไกการขายอย่างนึง ” ผมเสริมคำพูดของเจ ที่ก็พยักหน้ารับตาม แต่ไม่ใช่กับทั้งน้องเดย์น้องอัยย์ “ ทำไมทำหน้าอึ้งอย่างงั้นวะ ”

“ มันโง่ มันไม่เข้าใจที่พวกมึงพูดกันหรอก เหมือนสีซอให้ควายฟังนั่นแหละ ”

“ แรงมากสัดพี่มึง ” น้องเดย์เอามือกุมอกตัวเองก่อนจะมองพี่ชายที่ก็ถอนหายใจออกมาหน่ายๆ “ แต่ถึงอยากจะเถียงว่าไม่ใช่ กูก็ได้แต่เก็บนิ่ง เพราะ ใช่ กูไม่เข้าใจอะไรเลยที่พูดกัน ”

“ สงสารพ่อกับแม่ที่ต้องควายเรียนจริงๆ ” เจบอกเสริม

“ งั้นพวกพี่มึงฉลาดๆ ก็มาชงเหล้าขายแทนกูทีมา ” น้องอัยย์พูดขึ้นด้วยท่าทางหาเรื่อง ผมก็ได้แต่ยกนิ้วโป้งให้

“ เอาอีกๆ ” ผมยุ

“ ถ้าไม่มีพวกกูที่ชงเหล้าเก่งๆ throw up มันก็ไม่ดังหรอกเว้ย ”

“ ยอดเยี่ยม ” ปรบมือให้น้องที่ก็กอดอกเชิดหน้าใส่ทั้งไอ้อาฟไอ้เจที่ก็เหลือบมองคนตรงหน้าแบบยกยิ้ม

“ นับวันๆ ก็ยิ่งจะกวนตีน ” อาฟพูดตอนที่วางเบียร์ลงกับที่รองแก้ว

“ หมายถึงน้องอัยย์ ? ” ผมหันไปถาม

“ มึงนั่นแหละ ”

“ กูไม่ได้กวนตีน ก็พวกมึงแม่งชอบพูดไม่รักษาน้ำใจน้อง พอคุยอะไรกันแล้วพวกมันไม่รู้เรื่องมึงก็ด่ามันควายละ คนเรามันมีอะไรที่ถนัดไม่เหมือนกัน แล้วควายมันฉลาดจะตาย มันไม่ได้โง่เลยไม่งั้นมันจะไถนาได้เหรอวะถามจริง ”

“ อะเมด ” เจยื่นขวดน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลให้ผม “รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพโลก “ เสียงปรบที่ดังขึ้นมาจากทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่เว้นแม้แต่ไอ้อาฟที่ก็เอากับเค้าด้วย

“ ไอ้สัด ” ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะเอาขวดน้ำนั่นไปตั้งไว้ที่เดิม

“ พี่เมดปกป้องน้องตลอดเลย เนี้ย เลิกกับสัดพี่เมื่อไหร่ แอดไลน์มานะ ดีจุดดีเอวาย มีวายสี่ตัวนะไม่มีแอดข้างหน้านะครับ ”

“ ได้ “ ตอบรับออกไป คนพูดก็เม้มริมฝีปากก่อนจะหันไปมองพี่ชายตัวเอง

“ กูไม่ผิดนะ พี่เมดอ่อยกูก่อน ”

“ กลับไปนอนฝันมั้ย ” อาฟบอกผมก่อนจะหันไปมองน้องชายตัวเอง “ อะไรแบบนั้นพวกมึงไปนอนฝันน่าจะเกิดขึ้นง่ายกว่า ”

“ ก็คือ จะไม่ทางเลิกกับเมดนั่นเองนะครัช ” เจพูดแซวเพื่อตัวเองก่อนจะยกเบียร์ขึ้นกินแบบยิ้มๆ ตอนนั้นทั้งผมทั้งอาฟก็ได้แต่เงียบทำทีเป็นไม่สนใจเสียงโห่แซวที่ดังขึ้นมา แล้วก็นั่งแข่งกันว่า หูใครจะแดงกว่ากัน

เงยหน้าจากงานเอกสารตรงหน้า ตอนที่เหลือบมองเวลาจากหน้าจอที่ใกล้จะสามทุ่ม จัดการเซฟงานของตัวเองที่เสร็จแล้วเรียบร้อย พับหน้าจอคอมลงก่อนจะหยิบเอาสมุดจดงานที่เผื่อต้องจดอะไรเกี่ยวกับการสั่งเหล้าที่ต้องคุยกับเซลล์วันนี้ ผมลุกเดินลงไปชั้นล่าง

วันนี้ที่ผับคนเยอะมากอย่างไม่ต้องคาดเดา อาฟไม่ขึ้นมาชั้นบนเลย ทั้งๆที่ปกติมันจะขึ้นมาเล่นเกมส์บ้าง ไม่ก็ตรวจบัญชีแต่คืนนี้มันกลับนั่งภูมิอกภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดและนั่งดูผลตอบรับอย่างไม่วางตาด้วยความสุข แต่ถ้าเป็นผมก็คงต้องเป็นอย่างงั้น เริ่มยอมรับแล้วว่ามันเป็นคนเก่งมากจริงๆ สำหรับ throw up อาฟช่างสรรหาสิ่งใหม่ๆ กล้าลงทุนแล้วก็พัฒนาอยู่ตลอดเลย

“ น้องเมด เซลล์มาแล้วนะ ” พี่ซองเดินเข้ามาทักตอนที่ผมปิดประตูตรงส่วนของทางขึ้นชั้นสามลงพอดี ผู้จัดการร้านเชิดหน้าไปด้านหลัง ผมก็สบตากับผู้ชายคนนั้นพอดี เราก้มหน้าทักทายกัน

“ สวัสดีครับ ” อีกคนเอ่ยทักก่อนจะยกมือไหว้ผมที่ก็ยกมือไหว้ตอบรับ

“ นี่น้องเมดนะครับ เป็นเลขาของคุณอาฟเจ้าของผับ ” พี่ซองแนะนำผมกับอีกคนที่ก็ส่งยิ้มกว้างมาให้ “ ส่วนนี่น้องต่อนะน้องเมดเป็นเซลล์ที่นัดเราไว้ ”

“ สวัสดีครับ แต่เมดน่าจะอายุน้อยกว่า งั้นเรียกพี่ว่า พี่ต่อนะ ”

“ ได้เลยครับผม ” อีกคนยิ้มรับ มือก็กระชับกระเป๋าของตัวเองไว้ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

มองการแต่งตัวที่ดูรับการรูปร่างบวกกับท่าทางนั้นผมก็ได้แต่คิดในใจว่าเค้าคงทำงานนี้มาหลายปีแล้วแน่นอน รอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์เหมาะสมกับการเป็นเซลล์แบบชนิดที่ว่า ถ้าเจ้าของผับเป็นผู้หญิงเค้าคงพูดจาหวานๆ เพื่อให้ซื้อเหล้าไปในที่สุดแน่นอน บวกกับใบหน้าหล่อคมที่รับกับคิ้วเข้มนั้นแล้วด้วย ท่าทางต้องหลงอยู่ในวังวนแบบมีตัวอย่างเหล้าเท่าไหร่ก็ต้องขอซื้อไว้หมด ขนาดสาวๆลูกค้าในผับยังหันมามองเค้าตาไม่กระพริบเลย

“ งั้นขึ้นไปคุยงานกันข้างบนดีกว่าครับ เมดจองโต๊ะไว้ให้แล้ว ”

“ โอเคครับ ” ผมเดินนำขึ้นไปด้านบนชั้นสองที่เป็นส่วนของวีไอพีที่ค่อนข้างจะเงียบกว่าโซนอื่นสักหน่อย ตรงโต๊ะตัวในสุดที่ค่อนข้างส่วนตัว ผมผายมือออกไป

“ เชิญนั่งเลยครับพี่ต่อ ” อีกฝ่ายนั่งลงก่อน ก่อนที่ผมจะนั่งลงที่ฝั่งตรงกันข้าม หนุ่มร่างสูงหันไปมองรอบๆไม่รู้ว่าเค้าจะคิดว่ามันเสียงดังเกิดไปรึเปล่า แต่ผมเองก็เคยบอกกับอาฟแล้วว่าให้ไปคุยกันที่ชั้นสาม แต่อาฟก็บอกปัดแค่ว่า มันไม่ได้อารมณ์ในการกินเหล้าเท่าไหร่ ไม่ค่อยรู้รสถ้าไม่มีเสียงเพลง ซึ่งก็ไม่เข้าใจหรอกว่าอะไรแบบนั้นมันมีในโลกด้วยเหรอ

“ ที่นี่คนเยอะมากเลยนะครับ ”

“ พี่เพิ่งเคยมาครั้งแรกเหรอครับ ” ผมชวนเค้าคุยอีกคนก็หันมายิ้มให้

“ ใช่ครับ พอดีพี่ไม่ได้วิ่งโซนนี้น่ะ เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งงานแล้วก็มาวิ่งโซนนี้เป็นเดือนแรกเลย ” ผมขมวดคิ้วน้อยๆกับคำว่าวิ่งโซนนี้ของเค้า อีกคนก็ยิ้ม “ คงไม่เข้าใจคำว่าวิ่งโซนนี้ใช่มั้ยครับ ”

“ ครับ ”

“ ปกติพี่ไม่ได้ขายเหล้าให้ผับโซนนี้น่ะ ขายให้กับโซนอื่น ” พยักหน้ารับเข้าใจ ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดพิมพ์ข้อความส่งไปให้เจ้าของผับที่นั่งอยู่ด้านล่าง

‘ ขึ้นมาที่ชั้นสองได้แล้ว เซลล์มาถึงแล้ว ’ กดปิดหน้าจอมือถือหลังจากที่ส่งข้อความนั่นเสร็จ ผมเงยหน้าขึ้นคุยกับคนตรงหน้าอีกครั้ง “ แล้วพี่ต่อทำงานเป็นเซลล์มานานแล้วเหรอครับ ”

“ ก็ตั้งแต่เรียนจบเลยครับก็ สัก สี่ปีได้แล้ว ”

“ นานอยู่เหมือนกันนะครับ”

“ แล้วน้องเมดละ เพิ่งเรียนจบเหรอ ”

“ ผมยังเรียนไม่จบเลยครับ ยังเรียนอยู่ปีสี่อยู่เลย แต่ได้ทำงานไปด้วยแล้วก็เรียนไปด้วยกันน่ะ ”

“ ก็ว่าทำไมหน้ายังเด็กอยู่ ” พยักหน้ารับแบบยิ้มๆ ส่วนเจ้าของผับอายุเท่ากันแต่ไม่สามารถอ้างอิงอายุจากหน้าได้อย่างแน่นอน “ แล้วเจ้าของผับเค้าเป็นไง ดุมั้ย ”

คำถามที่ทำให้ผมหลุดยิ้ม กำลังคิดอยู่ว่าจะตอบยังไงดี ให้ดูไม่น่าเกลียด เพราะถามว่าดุมั้ย ก็บอกได้ว่า เป็นเสือยิ้มยากมากกว่า และถ้าถามว่ายิ้มดีกว่าหรือไม่ยิ้มดีกว่า ก็ขอตอบว่า ไม่ยิ้ม เพราะเวลาอาฟยิ้มให้คนไม่สนิท ก็มักไม่มีเรื่องที่ดีเลย

“ เค้าเป็นคนไม่ชอบยิ้มน่ะครับ ” ตอบออกไปแบบนั้นอีกคนก็พยักหน้ารับ “ แต่ก็มีเหตุผล คุยง่ายครับ ”

“ ตื้อได้ใช่มั้ย ”

“ ไม่คิดว่าจะได้ครับ ” ส่ายหน้าเป็นคำตอบพี่ต่อก็ยิ้มกว้างมาให้ผม “ ผมว่าพี่ต่อน่าจะฟังใครๆพูดมาบ้างแล้วเกี่ยวกับเจ้าของผับ ผมพูดถูกมั้ย ”

“ ก็ถูก ” อีกคนพยักหน้ารับ ตอนที่จ้องหน้าผมเค้าก็เอ่ยชม “ เป็นคนเดาสถานการณ์จากสายตาได้เก่งนะเราน่ะ ”

“ ขอบคุณครับ ” ผมยิ้มรับคำชม “ แต่ใครๆก็เป็นไม่ใช่เหรอครับพี่ แบบว่า ถ้าเรารู้จักคนในสายงานเดียวกันแล้วเค้าเป็นคนที่เคยทำงานกับคนที่เราจะร่วมงานด้วยมาแล้ว เราก็ต้องถามอยู่แล้วว่าอีกคนเป็นยังไง แล้วก็มีอะไรที่เราต้องระวังบ้าง ”

“ ก็ใช่ ”

“ แล้วพี่ฟังมา เค้าว่าเจ้าของผับนี้เป็นยังไงละ ” ถามด้วยความอยากรู้ อีกคนก็นิ่งไปตอนที่ผมยิ้มให้

“ เพื่อนพี่บอกว่าเค้าไม่ชอบคนพูดตื้อๆ แต่ชอบคนพูดด้วยเหตุผลมากกว่า แต่เหมือนเพื่อนพี่จะลืมบอกอย่างนึง ”

“ อะไรครับ ”

“ มันลืมบอกว่า เลขาเจ้าของผับน่ารักมาก ” บทสนทนาที่ลื่นไหลเงียบลงไปทันทีตอนที่เค้าพูดแบบนั้น ผมที่กำลังยิ้มอยู่หุบยิ้มลงทันที แตกต่างจากอีกฝ่ายก็ไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดนั้นเป็นอะไรที่สมควรพูดสักเท่าไหร่ พี่ต่อยังคงถามผมต่อไป “ แล้วน้องเมดมีแฟนรึยังครับ ”

“ มีแล้ว ” ไม่ใช่เสียงผมที่ตอบแต่กลับเป็นเสียงของคนมาใหม่อย่างอาฟที่เดินเข้ามาใกล้เรา มันที่ยิ้มให้กับคนตรงหน้าผมก่อนจะตอบคำตอบนั้นให้ชัดเจนมากขึ้น “ แล้วก็ผมเองครับ ที่เป็นแฟนเมด ”


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ทุกอย่างดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างฉับพลัน สายตาของอาฟที่มองเซลล์ขายเหล้าอย่างไม่วางตตา ชวนให้ผมลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง แม้กระทั้งพี่ต่อเองก็ยังเม้มริมฝีปากด้วยท่าทางที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เค้าคงพอเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออกว่ามันคือการหึงหวง แต่ที่เค้าอาจจะไม่รู้ก็คือ คนตรงหน้าที่กำลังจ้องด้วยสายตานิ่งๆนั่นคือเจ้าของผับ

“ เอ่อ พี่ต่อครับ นี่คุณอาฟ เจ้าของผับ แล้วก็ อาฟนี่พี่ต่อเซลล์ขายเหล้าที่มาติดต่อเราไว้ ”

“ สวัสดีครับ คุณอาฟ ผมเป็นตัวแทนมาจาก..”

“ ไม่ซื้อ ” อาฟบอกตัดประโยคก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบด้วยซ้ำ นามบัตรที่เหมือนจะถูกดึงขึ้นจากกระเป๋าเสื้อนั่นถูกชะงักหยุดไปแทบจะทันที แต่เพราะเสียงเพลงที่ดังอยู่ด้านล่างกับสถานการณ์ที่ควรเกิดขึ้นเลยทำให้คนเป็นเซลล์เอ่ยถามย้ำ แล้วยิ้มงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนว่า เค้าอาจจะกำลังจะเข้าใจผิดไป

“ อะไรนะครับ ”

“ ไม่ซื้อ เหล้าของคุณผมไม่ซื้อ ” พูดแบบนั้นเสียงเรียบๆก่อนจะหันมามองผมแล้วคว้าเข้าที่ข้อมือ อาฟออกแรงดึงให้ผมเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ทว่าก็โดนพี่ต่อขัดไว้ก่อน

“ เดี๋ยวก่อนสิครับ คุณยังไม่ได้ฟังเลยว่าผมมาจากไหน บริษัทอะไร ไม่ซื้อแล้วเหรอครับ ”

“ ใช่ ” อีกคนบอกก่อนจะส่งยกยิ้มมุมปากไปให้ “ กูมีสิทธิ์จะซื้อหรือว่าไม่ซื้อเหล้าของใครอยู่แล้ว เพราะกูเป็นเจ้าของผับถูกมั้ย แล้วกูก็ไม่ซื้อของมึง ”

“ อาฟ ” ผมจับมืออีกคนเรียกสติให้พูดคุยกับอีกฝ่ายดีๆ แต่เหมือนมันที่กำลังหงุดหงิดจะแค่หันมามองผมด้วยแววตาที่เหมือนบอกกันว่าให้ผมเงียบไปท่าจะดีกว่า

“ มึงเงียบปากไปเลยเมด ”

“ แล้วเหตุผลที่คุณจะไม่ฟังผมเลยนี่คือ.. ”

“ เพราะมึงมายุ่งกับแฟนกู ซึ่งนั่นเป็นสิ่งต้องห้าม ” พูดแบบนั้นด้วยเสียงนิ่งๆ จนคนเป็นเซลล์ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เค้าหันไปมองทางอื่นราวกับจะบอกว่า นี่มันเป็นเหตุผลที่ไร้สาระจนเค้าไม่อยากจะรับได้ว่ามันคือเหตุผล

“ ผมไม่ได้ยุ่งกับแฟนคุณเลย ก็แค่ถาม ชวนคุยเพราะเค้าก็เป็นคนช่างพูด  แล้วก็ชมในสิ่งที่เค้าเป็น ก็เค้าน่ารัก การชมที่ชมว่าใครคนนึงน่ารัก ไม่ได้บอกว่าผมจะชอบเค้านะครับคุณ ”

“ งั้นคนของกูก็ร่านไปคุยกับมึงเองงั้นสิ ” อาฟหันมามองผมตอนที่มันพูดคำนั้น สายตาของเราสบกันแต่ผมกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ได้แต่มองมันที่กล่าวโทษผมด้วยคำพูดเหี้ยๆนั่นออกมาด้วยความรู้สึกที่เหมือนจะชาไปทั้งร่าง ก็พอรู้ว่าอาฟเป็นคนปากร้ายเวลาหงุดหงิด แต่ที่ไม่คิดว่ามันจะด่าผมต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น

อาฟในตอนนี้มันเหมือนคนที่กำลังหึงหวงอย่างขาดสติ ไม่รู้หรอกว่ามันได้ยินพี่ต่อพูดตั้งแต่ตอนไหน จะเป็นคำที่เค้าชม หรือจะเป็นประโยคที่ถาม ผมไม่รู้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่จุดชนวนความรู้สึกหงุดหงิดนั้น แต่ไม่ว่าจะเป้นอะไรก็ตามทุกอย่างดูเล็กน้อยไปหมด ก็เหมือนอย่างที่ผมบอกวิว อาฟเป็นคนที่สุดกับสุดอย่างสำหรับผม และตอนนี้มันกำลังหึงหวงผมอย่างที่สุด จนทำให้ผมรู้สึกว่า  .. มันกำลังมากเกินไป

“ พูดให้มันดีๆหน่อย นั่นแฟนคุณนะครับ ให้เกียรติเค้าด้วย ”

“ ไม่ต้องเสือก กูจะพูดอะไรมันก็เรื่องของกู ” อาฟยังคงต่อคำพูดกับอีกคนอย่างไม่ยอมแพ้มันที่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆด้วยแววตาที่ลดละความโกรธ แล้วต่อให้ผมเอื้อมมืออีกข้างมาจับมันไว้อาฟก็ยังไม่เย็นลง

“ คุณอาฟครับ ผมว่าเรามาคุยเรื่องเหล้ากันดีกว่ามั้ย ” พี่ต่อที่เงียบไปหลายนาทีเพื่อตั้งสติหันมาคุยกับอีกคนอย่างใจเย็น แต่ทว่าอาฟก็ไม่ได้เป็นคนที่พูดง่ายขนาดนั้น ตอนนี้อารมณ์มันกำลังขึ้นสูงและไม่มีทีท่าเลยว่าจะลด “ ผมขอโทษแล้วกันที่ชมแฟนคุณ “

“ กูไม่ซื้อ จะให้กูต้องพูดอีกกี่ครั้ง ไม่ซื้อก็คือไม่ซื้อ แล้วก็เอาเหล้ามึงกลับไปได้แล้ว รำคาญ ” บอกปัดแบบนั้นก่อนจะย้ำเสียงคำสุดท้ายด้วยท่าทางที่พร้อมจะสวนหมัดใส่อีกฝ่ายทันทีถ้าเกิดว่าเค้าพูดอะไรไม่เข้าหูหรือสั่งสอนมันด้วยคำพูดมีเหตุผลอีกสักครั้ง

“ มึง “

“ เงียบ! ” เสียงนั้นที่หันมาตะคอกผมได้แต่นิ่งไปในตอนที่อาฟดึงผมให้เดินออกมาจากตรงนั้น ท่าทางหงุดหงิดของมันชวนให้คนที่กำลังเดินผ่านไปมาถึงกลับต้องก้มหน้าแล้วก็หยุดนิ่งไม่กล้าจะเข้าใกล้

มือนั่นที่กำข้อมือของผมมันกำไว้แรงด้วยความหงุดหงิดที่มือจนผมรู้สึกเจ็บ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความรู้สึกปวดหนึบที่อยู่ในใจของผมตอนนี้ ที่กำลังร้องไห้และผ่อนลมหายใจเหนื่อยอ่อนอย่างที่สุดกับสิ่งที่ได้เจอ ‘ อีกแล้วเหรอวะ ไม่ว่ายังไงก็หนีคนประเภทนี้ไม่พ้นเหรอวะ ’

เปิดประตูเดินขึ้นไปที่ชั้นสามที่เงียบจนได้ยินแต่เสียงของลมหายใจ และวินาทีที่ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงตัวผมก็ถูกเหวี่ยงเข้ามาในห้อง ข้อมือของผมถูกปลดออกจากการจับกุมแล้วตอนที่ก้มลงมองดูผมพบว่ามันขึ้นสีแดงขึ้นชัดเจนเพราะการถูกกดรัดอย่างแรง

“ ถามจริง มึงเป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาวะ ” ผมถามมันตอนที่เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่มีแต่คำถามจ้องแววตาคมที่ผละสายตาจากการมองข้อมือผมขึ้นมาสบตากัน อาฟนิ่งไป “ มึงกำลังทำให้ตัวมึงดูเหมือนคนบ้านะรู้ตัวมั้ย มีสติหน่อย คิดหน่อยสิวะ ว่าอะไรควรไม่ควร มีสติหน่อยสิมึง ”

 “ กูมากกว่ามั้งที่ต้องถามว่ามึงเป็นเหี้ยอะไรถึงได้ไปยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับไอ้เหี้ยนั่นตั้งนานสองนาน  ทำไม ? ” เสียงทุ้มถาม “ ชอบมันเหรอ อยากจะตอบรึเปล่าว่ายังไม่มีแฟน ตอนเค้าชมว่าน่ารักก็เห็นทำท่าทางจะชอบนี่ แต่ก็อย่างว่า มึงชอบนี่พวกผู้ชายท่าทางดีๆแล้วก็ปากหวานๆ ”

“ อาฟเลิกดูถูกกู ”

“ แล้วที่กูพูดมันผิดตรงไหน ”  อีกคนเอียงหน้ายิ้มๆ เหมือนกำลังจะดูถูกกัน “ ถามจริง มึงสั่นไปหมดทั้งตัวแล้วรึเปล่าตอนที่ได้ฟังมันชม ว่าน่ารัก ”

“ หยุดพูดเหี้ยๆแบบนั้นกับกูนะไอ้สัด! ” ตะโกนออกไปใส่อีกคนอย่างไม่เคยทำ อาฟที่ก็นิ่งไป ผมจ้องมองมันด้วยแววตาที่สั่นไหวไปหมด โกรธก็โกรธ เสียใจก็เสียใจ ทุกความรู้สึกปะปนจนแยกไม่ออกแล้วว่าอะไรมันมากกว่ากัน ผมสูดลมหายใจเข้าปอดกำหมัดที่ตัวเองกำลังโกรธนั่นแน่นก่อนจะคลายออกเบาๆ ผมรู้ว่าอาฟเป็นยังไง ผมพยายามบอกตัวเองแบบนั้น มันกำลังโกรธถ้าผมโกรธด้วยทุกอย่างจะพัง เพราะงั้นมันต้องตั้งสติ ผมต้องมีพูดด้วยเหตุผล “ มึงด่าเหมือนกูแม่งไปอ่อยเค้าทั้งๆที่กูไม่ได้ทำอะไรเลย ก็คุยไปตามปกติ ”

“ คนปกติมันชมว่ามึงน่ารักงั้นเหรอ ” อีกคนยกยิ้มถาม “ คำถามมีเป็นร้อยเป็นเหี้ยอะไรถึงต้องมาถามว่ามึงมีแฟนรึยัง ”

“ เค้าก็แค่ถาม อย่าไปสนใจนักได้มั้ยวะ แล้วแค่เค้าถามแค่นี้ มึงถึงขั้นด่าว่ากูร่านเลยเหรอวะ มึงด่ากูต่อหน้าเค้า มึงคิดบ้างมั้ยวะ ว่ากูจะอาย คิดถึงใจกูบ้างมั้ย ว่ากูจะรู้สึกยังไง  ”

“ แล้วทำไมมึงไม่ด่ากลับ มึงจะยืนเงียบทำไม ”

“ กูไม่ทำ ” ผมเถียงมัน “ เพราะกูรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ที่กูยืนนิ่งเพราะกูคิดว่ากูไม่อยากจะเอาเรื่องส่วนตัวของกู ไปยืนด่ามึงในที่สาธารณะแบบนั้น ไม่ควรยืนด่ามึงต่อหน้าอื่น ไม่ควรให้เค้ารู้ว่าแฟนกูมันเหี้ยยังไง แล้วมึงละ กูเป็นอย่างที่มึงพูดจริงๆเหรอ หรือว่ามึงก็แค่พูดไปเป็นคำพูดติดปากไปแล้ว เวลาใครเข้ามายุ่งกับกู กูก็ร่านแล้วทั้งๆที่กูไม่ได้เคยเข้าไปยุ่งกับใครก่อนเลย ” อีกคนถอนหายใจออกมายาวๆ อาฟหันไปทางอื่นสักพักก่อนจะหันมามองผม ” แล้วคิดดูว่าเมื่อกี้ คนที่ปกป้องกูเป็นเค้าอะ มึงทำให้คนอื่นมาปกป้องกูทั้งๆที่มันควรจะเป็นมึงที่ต้องปกป้องกูอะอาฟ ”

“ มึงก็น่าจะชอบไม่ใช่เหรอ อะไรแบบนั้น ”

“ ไอ้สัด! ฟังกูบ้างสิวะ ฟังที่กูพูดบ้าง ” ผมตะโกนใส่มัน “ สิ่งที่มึงทำมันทุเรศรู้ตัวบ้างมั้ย ”

“ นั่นมันเรื่องของกู ” ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อีกคนบอกปัดแบบนั้นอย่างไม่ยอมแพ้

“ มันไม่ใช่แค่เรื่องของมึง นี่มันงานนะเว้ยนี่มันคือเรื่องของธุรกิจ แล้วก็เรื่องภาพลักษณ์ของเจ้าของผับอย่างมึง มึงจะให้คนอื่นเค้าพูดถึงถึงมึงรึไงว่าเป็นพวกหวงแฟนจนเสียสติ มึงจะให้เค้ามองกูว่าเป็นพวกแตะต้องไม่ได้ มึงจะให้เค้ามามองว่าแฟนมึงอย่างกูเป็นพวกร่านที่ชอบมาคุย แต่อย่าไปชวนคุยด้วยงั้นเหรออาฟ ” ถามมันออกไปอีกคนก็ได้แต่นิ่ง “ มึงจะมาทำแบบนั้นกับพี่ต่อไม่ได้นะ ”

“ พี่ต่อเลยเหรอวะ ” อาฟหันมาถามพลางยกยิ้ม “ นี่มึงรู้ชื่อมันด้วยเหรอ ”  ถอนหายใจออกมาตอนที่ดูเหมือนว่าอาฟจะไม่ฟังอะไรเลยถึงเหตุผลที่ตัวเองทำผิดไป มันยังคงเอาแต่ความคิดตัวเอง แล้วก็คิดอยู่ตลอดทุกวินาทีในตอนนี้ว่าคนคนนั้นเป็นคนในแบบที่ผมชอบ มันที่มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องสนใจผม จากคำพูดและคำถามที่อีกคนเอ่ยถามและชมอย่างไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ได้

“ ก็เค้าแนะนำตัวให้กูรู้จัก ” ถอนหายใจออกมาผมเหมือนหมดแรงที่จะพูดคุยกับมันลงไปทุกทีแล้ว “ คือมันไม่มีอะไรไง มีเหตุผลหน่อยสิวะมึง อย่าคิดว่าคนที่เข้ามาคุยกับกูเค้าจะชอบกูอย่างเดียว บางทีเราก็แค่คุยกันเฉยๆ  เค้าก็ชมไปอย่างงั้นแหละ เพราะมันก็เป็นแค่ประโยคนึงที่ไม่มีอะไร อย่าทำให้มันต้องเป็นเรื่องใหญ่ได้มั้ย ลงไปคุยกับเค้าเถอะ ขอโทษเค้าสักคำ ”

“ กูไม่ทำ ” เสียงทุ้มนั้นพูดออกมาสั้นๆ “ ทำไมกูต้องไปขอโทษคนที่มันจะมาจีบเมียกูด้วย ”
 
เราเงียบให้กันหลังจากที่ผมได้ยินประโยคนั้น อาฟยืนอยู่ฝั่งนึง ผมเองก็ยืนอยู่อีกฝั่งนึง เรามองหน้ากันแต่กลับไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำเดียว หวนคิดถึงคำพูดที่พูดกับน้องชายตัวเองไว้เมื่อหลายวันก่อนที่ผมชมมันว่าอาฟเป็นแฟนที่ดีแค่ไหน ‘ แต่มันยังไม่เห็นกันทุกด้านไง ’  ใช่ มันเป็นแบบที่พูดไว้ไม่ผิดเลย แล้วตอนนี้ผมก็กำลังจะได้เห็นอีกด้านนึงที่ตัวเองไม่คิดเลยว่าจะอยากเห็น

“ เค้าไม่ได้จีบกูอาฟ เค้าแค่มาขายเหล้ามึง แล้วที่เค้าชมกูว่าน่ารักเค้าก็แค่ชมไปตามมารยาทมากกว่า ส่วนคำถามที่เค้าถามว่า กูมีแฟนรึยัง นั่นก็เป็นคำถามที่ต้องถามต่อมามันก็เท่านั้น แล้วกูก็คิดว่า แค่กูตอบว่ามีแฟนแล้ว นั่นก็คือจบ ”

“ มึงคิดแง่ดีเกินไปรึเปล่า หรือจะให้มันส่งข้อความมาจีบมึงก่อน โทรมาหามึงก่อน แล้วก็รอให้มึงรู้สึกชอบมันก่อนกูถึงจะเริ่มรู้สึกได้ว่า กูต้องหึง ”

“ มึงพูดเหมือนกูแม่ง เป็นคนที่ใจง่ายโคตรๆ แบบที่แค่เค้าคุยด้วยกูก็ยอมคุยด้วยแล้ว มึงพูดเหมือนกูโง่ ดูไม่ออกว่าคนนี้เข้ามาจีบหรือจะเข้ามาคุยงาน ” ผมเถียงมัน “ มึงบอกต่อหน้าเค้าว่ากูแม่งร่านอะ ตอนนั้นกูโคตรอยากจะต่อยมึงเลย แต่กูก็ไม่พูดอะไรเพราะกูให้เกียรติมึง ทั้งๆกูไม่รู้ว่ากูจะให้เกียรติมึงไปทำไม มึงกำลังหยามกูด้วยซ้ำ มึงกำลังด่ากูว่ากูร่านอะอาฟ ตั้งแต่คบกันมา กูเคยทำอะไรที่เรียกว่า ร่านเลยเหรอวะ กูอ่อยใครให้ให้มึงดูเหรอวะ กูไม่เคยเลย แต่มึงว่ากูอะ มึงคิดว่ามึงทำถูกแล้วเหรอ มึงคิดว่าไอ้สิ่งที่มึงกำลังทำทุกอย่างอยู่ตอนนี้ มึงคิดว่ามึงทำถูกแล้วเหรอ ” ตะโกนถามด้วยอารมณ์ที่อีกฝ่ายก็ได้แต่นิ่ง “ มีเหตุผลหน่อยสิวะ กูขอร้องละมึง ถ้ามึงยังไม่มีเหตุผลต่อไปแบบนี้ เราจะอยู่ด้วยกันลำบากนะมึง อย่าทำให้เราต้องมาอึดอัดต่อกันสิว่ะ มึงกำลังทำให้เรารักเราพังนะ มีเหตุผลหน่อยสิ ”

“ แล้วทำไมมึงไม่ยอมวะ ” คำถามของอีกฝ่ายทำให้ผมจุกไปจนแทบพูดอะไรไม่ออก “ ทำไมไม่คิดบ้างวะ ว่าเพราะกูรู้สึกกับมึงมากขนาดนี้ไง กูถึงต้องเป็นแบบนี้ กูต้องเหมือนคนบ้าขนาดนี้ ที่กูไม่อยากจะให้ใครใกล้มึง ไม่อยากจะให้ใครมายุ่ง เพราะว่ากูรักมึงมากไง มึงเป็นแฟนกู มึงเป็นคนคนของกู ทำไมกูต้องมาให้คนอื่นชม ทำไมกูต้องให้คนอื่นมันมาทำให้มึงรู้สึกดีกับคำพูดพวกนั้น ใครจะทนได้ก็ทนไป กูไม่ทน กูไม่ชอบ! ”

“ อาฟ ” เอื้อมมือไปจับมือมันแล้วพยายามใจเย็นอย่างที่สุด “ แต่ทุกอย่างมันต้องมีความพอดีนะ มึงจะหึงกูก็ได้แต่มันต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่เพราะเค้ามาชมกู ”

“ แล้วมันต้องขนาดไหนกูถึงหึงมึงได้ หึงมันก็คือหึง ก็กูหึง มันก็เท่านั้น มึงจะให้กูใช้เหตุผลอะไรมากมาย กูรักของกู กูก็หึง กูก็หวงของของกู ”

“ กูรู้ กูก็หึงมึงเหมือนกัน ถ้ามีใครมายุ่งก็กูไม่ชอบ แต่ไม่ใช่แค่ว่าลูกค้าเข้ามาคุยกับมึง บอกว่ามึงหล่อกูจะโกรธมึงเป็นฝืนเป็นไฟแล้ว คือมันไม่ใช่ไงอาฟ ” ผมบอกมันก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ ” คือมึงก็ไม่ผิดที่มึงจะหึงกูหรือจะหวงเพราะเราเป็นแฟนกัน แต่มันมากเกินไปนะอาฟกูไม่อยากให้เราอยู่แบบอึดอัด ลดหน่อยเถอะว่ะ กูไม่อยากอยู่แบบต้องทนอยู่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ”

“ แล้วทำไมพอเป็นกูมึงทนไม่ได้วะ ” สายตาคมนั่นหันมาถาม “ ทำไมพอเป็นไอ้บินมึงทนแม่งได้ทุกอย่าง มึงทนมันได้สารพัด แต่ทำไมพอเป็นกูกับเรื่องแค่นี้มึงก็ทนไม่ได้แล้ว ทำไมวะเมด เพราะมึงไม่ได้รักกูเท่ามันเหรอ ” มือของผมที่กุมมือของอีกคนไว้ถูกปล่อยลงตอนที่อีกคนถามกันออกมาแบบนั้น

ราวกับเชือกหนาที่เรากำด้านปลายไว้คนละฝั่ง ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมแพ้ ผมมีความต้องการนึง อาฟมีความต้องการนึง ผมยอมในสิ่งที่มันขอร้องไม่ได้และอาฟเองก็เช่นกัน และสุดท้ายเชือกที่เรายื้อยึดกันอยู่นานมันก็ขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิง

ผมมองหน้าคนตรงหน้าด้วยแววตาสั่นไหว มันชาไปทั้งใจ รู้สึกจุกราวกับโดนใครต่อยอัดลงอย่างแรงแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะเอ่ยถามเสียงสั่นๆกับประโยคคำถามเห็นแก่ตัวที่อาฟพูดออกมา

“ แล้วกูไม่มีสิทธิ์จะมีความรักดีๆกับเค้าบ้างเลยเหรอวะ ” น้ำตาที่ถูกกลั้นไว้ไหลออกมาตอนที่เอ่ยปากพูด ก็แค่อยากรู้ว่าจะไม่มีสิทธิ์จริงๆใช่มั้ย ที่จะมีความสุขบนความสัมพันธ์ในแบบที่ฝัน มันเป็นคำถามที่อยากจะรู้เหลือเกิน หัวใจที่บีบรัดไปหมดตอนนี้มีแค่คำถามเดียวนี้เท่านั้นที่อยากรู้ “ ไม่ว่ากูจะไปรักกับใคร สุดท้ายกูก็ต้องทนเหรอวะ  คนอย่างกูมันไม่มีสิทธิ์ที่จะมีรักดีๆกับเค้าจริงๆเหรอมึง กูขอมากไปเหรออาฟ ก็กูแค่อยากจะมีแฟนที่กูไม่ต้องอดทนอะไรทั้งนั้น คนที่ทั้งเค้าและกูจะปรับตัวเข้าหากันแล้วเป็นความสบายใจของกันและกัน กูแค่อยากจะมีแฟนที่เป็นแบบนั้น มันจะเป็นไปไม่ได้เลยเหรอ มึงเองก็ให้กูไม่ได้เหรอวะ ”

“ เมด ”

“ สุดท้ายถ้ามึงต้องเป็นแบบมันกูก็ไม่ไหวหรอกอาฟ ถ้าอนาคตกูต้องกลับไปอยู่แบบในอดีตอีกครั้ง กูไม่เอาแล้ว พอแล้วมึง ไม่ไหวแล้ว กูทนเสียใจแบบนั้นไม่ไหวหรอก ” ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเอง แล้วตอนที่อีกคนเอื้อมมือจะมาจับมือผมไว้ ขามันก็เริ่มถอยหลังห่าง “ ถ้าต้องเป็นอะไรแบบนั้นอีก เราก็พอแค่นี้แล้วกัน  ไม่ต้องไปต่อหรอก ”

ผมเดินออกมาจากห้องตอนที่พูดจบ เปิดประตูนั้นแล้วยืนพิงประตูที่ปิดสนิทด้วยมือตัวเองก่อนจะร้องไห้ออกมาเงียบๆ ด้วยหัวใจที่บีบรัดจนแทบจะขาดและท่ามกลางเสียงร้องไห้ของผม เสียงโครมครามภายในห้องที่เหมือนเก้าอี้ตัวนึงโดนถีบอย่างแรงจนมันชนเข้ากับกำแพงอย่างจังด้วยฝีมือของอาฟ คนที่กำลังเสียใจไม่แพ้กัน

เมื่อหลายวันก่อนยังมีความสุขอยู่กับชีวิตราวกับความฝัน แต่พอมาวันนี้ผมรู้แล้วว่า ยิ่งเรามีความสุขกับความรักมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องจ่ายกลับมันไปด้วยความทุกข์และความเสียใจมากมายกว่านั้น
............................................................................

ด่าได้แต่อย่าแรง ความรักมันก็มีหลายมุม รักมากก็หวงมาก มันเป็นธรรมดา
พี่อาฟก็มีหลายด้าน และ นี่คืออีกด้านนึงของพี่อาฟ
ทุกคนต่างมีเหตุผลทั้งนั้น ทั้งอาฟทั้งเมด

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
เจอกันวันศุกร์หน้านะคะ #ยิ้มอ่อน
 
 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อาฟควรคิดถึงวันที่ขอเมดเป็นแฟนอ่ะ วันที่ขอให้เค้าใส่รองเท้าส้นเตี้ยเพื่อตัวเองน่ะ ปากร้ายน่ะได้แต่พาลไปทั่วไม่มีสติน่ะไม่ได้นะ ทำดีกับเค้าให้สมกับที่รอมาตลอดหน่อยดิ

ออฟไลน์ TongRung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ว่าแล้ว ...
อาฟหึงแรง พูดกับเมดไม่ดีเลย คำว่าร่านนี่ ฟังแล้ว ยังเคือง
เข้าใจเมด แค่อยากอยู่กับคนที่สบายใจ ไม่ต้องอดทนหรือต้องทนอยู่ด้วยกัน
งานนี้อาฟ อารยะ ลำบากแน่ๆ
ว่าแล้ว ...

มาก่อนวันศุกร์ได้ไหมคะ ทรมาน

ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
ทุกคนคงเข้าข้างเมดอะสิ แต่เรากลับเข้าใจอาฟนะ รักมากหวงมากก็หึงมาก มันอาจพูดจาเกินไปหน่อยแต่ก็เพราะรักไง เป็นเราเราก็ด่าทั้งเมดและอิเซลขายเหล้านะ มาขายของเจือกมายืนจีบคนในร้าน ถึงเมดจะบอกว่าไม่ได้จีบก็เหอะ เลิกเลยค่ะถ้าเมดคิดว่าอาฟทำเกินไป อาฟก็เลิกเลยค่ะถ้าคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อยู่ไปก็เลิกกันอยู่ดีถ้า2คนยังคิดแบบนี้ จบแบบดราม่าไปเลยค่ะ :katai2-1:  :katai3:

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
กรีดร้องงง เข้าใจทั้งเมดทั้งอาฟ กุมมือเอาใจช่วยให้ผ่านไปได้นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
เดี๋ยวพออาฟอารณ์เย็นลงค่อยมาพูดมาปรับความเข้าใจกันใหม่นะ โอย!แล้วคืนนี้เค้าจะหลับลงไหมล่ะนี่ แงๆ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ว่าแล้วไงว่ามาม่าจะมา อาฟก็เกินไปจริงๆเข้าใจว่ารักมากแต่แค่รักมันไม่พอไง มันมีอีกหลายอย่างต้องประกอบประคองไปด้วยกันก็หวังว่าจะหาความพอดีเจอได้ในเร็ววัน

ออฟไลน์ aukuzt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
รู้สึกเข้าข้างอาฟอ่ะ เพราะรักจึงหึงหวง น้องเมดก็โลกสวยได้อีก

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แล้วก็มานั่งเสียใจทีหลังอาฟเอ๋ย หวังว่าคงไม่ให้กินมาม่านานนะสงสารเมด

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ไม่อ่ะ เข้าข้างเมด ด่าแฟนต่อหน้าคนอื่นว่าร่านนี่รับไม่ได้ว่ะ  เสร็จก็ขอโทษงี้เหรอ  ใครรับได้ก็รับไป
 :katai4:

ออฟไลน์ MENTA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทั้งสองคนคงเจ็บพอๆกัน ให้อารมณ์เย็นก่อน ค่อยกลับมาคุยกันดีกว่า รักนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เฮ้อออออ ด้านมืดเปิดเผย
คนเรามันไม่ได้สมบูรณ์แบบถูกม่ะ
อาฟเป็นคนใจร้อน เหตุผลคงใช้ไม่ได้อ่ะ

ส่วนเมดคงมองเห็นปัญหานี้ตั้งแต่ตอนเดย์ชมขาแล้วอ่ะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ไง
หัวร้อน+ปากร้าย หูยยยยย ไม่เหลืออ่ะ

ค่อยๆ ปรับเนอะ ก่อนจะทำอะไร
คิดถึงวันที่ขอเป็นแฟนกันดิ วันนั้นอ่ะ
มีความสุขมากไม่ใช่เหรอ
อย่าหันหลังให้กันนะ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สะเทือนใจ

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เจ็บทั้งคู่ ผ่านมันไปให้ได้นะ เป็นความสบายใจของกันและกันต่อไปนะ  ❤️

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
ว่าแล้วว ว่าความหึงของอาฟ ต้องมีวันนี้ วันที่เมดทนไม่ไหว
เฮ้อออ
สงสัยต้องพึ่งเจกับวิว 5555 มาช่วยเร็วววว

พึ่งทะเลาะกันครั้งแรกเอง ปรับๆไปเน้อ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เจอกันคนละครึ่งทางนะ ร้องไห้กับเมดเลย ต่างคนต่างก็หวังให้ความรักออกมาในรูปแบบที่ตัวเองหวัง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :angry2:  เป็นบ้าอะไรคะคุณ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
กรี๊ดดดดดด ทำไมมาทิ้งระเบิดไว้แบบนี้คะ ฮือ  :o12:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถ้าไม่มีคำว่า "ร่าน กับ "บิน" เรื่องคงจะพูดกันง่ายกว่านี้นะ ห่างกันไปซักพักแล้วกัน  :hao5:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ความหีงขออาฟถึงขั้นด่าแฟนว่าร่านต่อหน้าคนอื่น เราเองก็รับไม่ได้นะ เหมือนประจานเลยมันอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ว่าร่านจริงจนขนาดแฟนยังด่า  มันเป็นธรรมดาของพวกเซลล์แมนอยู่แล้วที่ปากหวานนะเวลาขายของพวกนี้เก่งมากพูดจาบางทีจีบหลอกๆให้เราหลงจนยอมซื้อของมันได้งะ พอมันขายได้หายหน้าไปเลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คราวนี้แหละ เมด ถอยห่างของจริง ปากพาซวยนะอาฟ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
หวานกันอยู่ดีๆ มาม่าก็มาเยือนซะงั้น  :hao5:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อาฟพลาดมากนะ ต่อให้หึงแรงแค่ไหน
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปด่าคนของตัวเองต่อหน้าคนอื่น
ถ้าความหึงหวงคือการด่าให้เจ็บ ให้สมใจกับที่รู้สึก
อาฟควรอยู่ตัวคนเดียวมากกว่าแล้วล่ะ
ขาดสติมาก ไม่มีเหตุผลมาก และไม่ให้เกียรติมาก
ขนาดเมดพูดแบบนี้แล้ว อธิบายก็แล้ว อาฟยังพัง

สงสารเมดค่ะ เมดพูดถูกนะ ต่อให้หึงหวง
ก็ต้องมีเหตุผล แยกได้ ไม่เหมารวมไปทุกเรื่อง

เฮ้ออออ พึ่งผ่านวันชื่นไปไม่เท่าไหร่
มุมร้ายแสดงออกให้เค้ารู้ว่ารับได้ไหม มันก็ดี
แต่พอร้ายแล้วกู่ไม่กลับ ขนาดคนของเรา เรายังไม่ฟัง มันพังนะ

ออฟไลน์ mookim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาม่าชามใหญ่ก็มา ~~~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด