พาร์ทของตั้ม
เช้าวันนี้ก็เป็นอีกวัน ที่ทุกอย่างดูเร่งรีบไปซะหมด แต่สำหรับผม มันเป็นอีกวันของความลำบาก เพราะเรื่องเมื่อคืน ที่ผมโดนมอบความเป็นภรรยารอบที่สองให้ คราวนี้มันเจ็บกว่าเดิมอีกร้อยเท่าพันเท่าเลย
“พร้อมรึยังคุณ”เสียงสดใสร่าเริ่งเชียวนะ
“พร้อมแล้ว….แต่…เดินช้าๆนะ”
“เจ็บมากหรอ”แต่เขากูดูเป็นห่วงผมจริงๆ
“ก็เจ็บอ่ะ เหมือนจะเจ็บกว่ารอบที่แล้วอีก”
“งั้นลางานมั้ยคุณ”ต้องขนาดนั้นเลย แค่เดินลำบากเฉยๆป่ะ
“ไม่อ่ะคุณ ไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น…รีบไปกันเถอะ” คนอื่นจะดูรู้มั้ยเนี้ย ถ้าเขาเห็นผมเดินแบบนี้ อายตัวเองชะมัด แต่ก็นะ…ก็ต้องทำตัวเองให้ชินกับเรื่องแบบนี้ได้สักทีได้แล้ว เพราะชัชตำรวจบ้าคนนี้ หื่นมากกกกกกกกกกก
“เดี๋ยวตอนเที่ยงผมมารับไปทานข้าว …ค่อยๆเดินไปละคุณ”ชัชชะเง้อหน้ามาคุนกับผมทางช่องกระจกรถ ก่อนที่จะขับออกไป วันนี้คนเต็มโรงพยาบาลแต่เช้าเลย เห็นทีว่าตัวผมเองก็ต้องรีบแล้ว…แต่ก็นะ…รีบได้แค่นี้ เฮ้อ
“เป็นอะไรคะหมอตั้ม ทำไมเดินแบบนั้น ขาเจ็บหรอ”แหม ถามได้จังหวะจริงๆนะพยาบาลดา
“ท่าของคนที่เดินแบบนี้ ไม่ใช่อาการของคนขาเจ็บหรอก”กำลังจะพูดอะไรแพรว เธอกำลังเดินออกมาจากหลังเคาท์เตอร์พอดี แล้วพยาบาลแถวนั้นก็มองไปที่แพรวด้วยความสงสัย “แต่เป็นอาการของคนที่พึ่งถูก…..ถูกอะไรก็ไปเติมกันเอาเองเนอะ”
“เอ้าหมอแพรว มาจุดประกายให้อยากรู้ซะงั้นอ่ะ” หวานพยาบาลข้างๆดาพูดขึ้น
“หมอก็พูดแซวหมอตั้มไปอย่างนั้นแหละ ขำๆน่ะ” ทำไมผมรู้สึกชาไปทั้งตัว “เมื่อคืนน่ะ ทำอะไรก็ระวังหน่อย ลานจอดรถโรงพยาบาลนะ ไม่ใช่ม่านรูด หรืออยากจะลองแบบนอกสถานที่” เธอเห็นหมวดชัชหอมแก้มผม แล้วทำไมเธอต้องเดินมาพูดเบาๆที่ข้างหูผม เธอต้องการอะไร “เป็นเพศทางเลือกไม่มีใครว่า แต่ถ้าร่านมาก…มันน่ารังเกียจ” แล้วเธอก็เดินจากผมไป ผมในตอนนั้นมันทำอะไรไม่ถูก มันอึ้ง มันว่างเปล่าไปหมด
“ผมขอตัวก่อนนะ” ผมพยายามรีบเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ก่อนจะนั่งสงบสติอยู่แบบนั้น
วันนี้เป็นวันทำงานที่แย่ที่สุดสำหรับผมเลยก็ได้ ไม่มีสมาธิ ไม่มีแม้กระทั่งความถูกต้องในการทำงานเลย คำพูดของแพรวมันวนเวียนอยู่ในหัว มันซ้ำไปซ้ำมาจนผมเองยังรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ยังเอาเรื่องนี้ออกจากหัวไม่ได้
“คุณตั้ม เป็นอะไรหรือเปล่า”เขาคงเห็นผมนอนฟลุบไปกับโต๊ะ
“มีเรื่องเครียดนิดหน่อย…แล้ว คุณไปหาคุณปวีณมาแล้วหรอ”
“ไปมาแล้ว ตอนนี้ดูโอเคขึ้นเยอะเลย…แล้วคุณละเครียดเรื่องอะไร…บอกผมได้รึเปล่า” ผมไม่รู้ผมจะพูดยังไง ใจจริงผมไม่อยากให้เขารู้ด้วยซ้ำ แต่เพราะตัวผมที่เก็บอาการเอาไว้ไม่ได้เอง แค่เรื่องของหมวดปวีณตอนนี้ก็ทำให้เขาเครียดเเละวุ่นวายมากพออยู่แล้ว “ว่าไง…บอกผมได้หรือยัง” เขานั่งลงตรงหน้าและกุมมือผม แต่ผมกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น เลยพยายามที่จะเอาออก แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย “ผมล็อกห้องแล้ว ไม่ต้องห่วง” ผมก็เลยปล่อยไป
“หมอแพรว…เห็นคุณหอมแก้ม เมื่อวาน” เขายังคงมองหน้าผมแล้วก็ยิ้มให้อย่างใจเย็น “เขา…บอกกับผมว่า เป็นเพศทางเลือกไม่มีใครว่า แต่ถ้าร่านมาก …มันน่ารังเกียจ”
“แล้วเขาว่ายังไงอีก”น้ำเสียงเขาเริ่มเปลี่ยน ผมรู้สึกได้ ถึงแม้หน้าของเขายังดูปกติอยู่ก็ตาม ผมไม่อยากให้เขารู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ แค่ตอนนี้ผมเป็นคนเดียวก็แย่พอแล้ว
“ไม่มีอะไรแล้ว…ชัชใจเย็นๆนะ”ผมบีบมือเขา อยากให้เขารู้ว่าผมไม่อยากให้เขาโกรธ และเหมือนเขาก็เข้าใจ
“เราออกไปทานข้าวข้างนอกกัน….แล้วผม….ก็มีเรื่องสำคัญอยากจะบอกกับคุณด้วย” ผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร พอผมเปิดประตูออกไป ก็เห็นดายืนอยู่หน้าห้อง
“อ้าวดา…มีอะไรหรือเปล่า”
“พอดีวันนี้ดาติดเคสกับหมอแวนเยอะ เลยยังไม่ได้มาคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ” ตอนนั้นเธอก็เห็นว่าหมวดชัชกำลังจะเดินตามออกมา
“เรื่องอะไร พูดมาได้เลย”
“ดาอยากขอโทษแทนเพื่อนเมื่อเช้าน่ะค่ะ ดาไม่คิดว่ามันจะสอดรู้สอดเห็นขนาดนั้น ดาไม่สบายใจค่ะ” หมวดชัชก็เดินมาฟังด้วย
“ผมโอเคแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด จะรู้ได้ทั้งนั้น แล้วผมก็รู้ว่า…ดาก็ดูผมออก”
“ดาขอโทษอีกครั้งนะคะ” ผมก็ได้แต่ยิ้มรับให้กับเธอ ก่อนที่เธอจะยกมือไหว้แล้วเดินจากไป แล้วผมก็รู้ว่าหมวดชัชพยายามทำให้ผมไม่ไปคิดถึงเรื่องที่มันเกิดขึ้น พยายามเล่าเรื่องตลกฮาๆให้ผมฟัง มันก็พอช่วยได้นะ
และวันนี้เราทั้งคู่มาทานอาหารกันที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลของผม เขาเป็นคนเลือกร้านและจัดการสั่งอาหารเองโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเลย
“เพื่อนผมบอกร้านนี้อร่อย ผมเลยอยากพาคุณมา”เดี๋ยวนี้รู้จักตามกระแสคนอื่นเขาด้วย
“แล้วที่บอกมีเรื่องสำคัญ เรื่องอะไรอะ”
“คุณต้องทานอาหารเสร็จก่อน ผมถึงจะบอก”แต่อยู่ดีๆเขาก็ลุกมานั่งข้างๆผม “มา…ถ่ายรูปกัน”
“….!? มาไม้ไหนนี่วันนี้”
“เปล่าซะหน่อย…ผมแค่อยากถ่ายรูปกับแฟนผม…ไม่ได้หรอ”ใครจะไปขัดใจละ มาเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนี้ และนี่…ก็เป็นรูปแรกของผมกับเขาตั้งแต่เรารู้จักกันมา “คุณเล่น ig รึเปล่า…ถ้าเล่นผมขอหน่อย”และเขาก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็พิมพ์ account ของผมให้ไป “ผม follow คุณแล้วนะ Tag ไปแล้วด้วย” ผมก็หยิบมือถือตัวเองออกมาดู แล้วก็เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ
“วันนี้คิดอะไรถ่ายรูปลง Ig มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า” ก็ถามติดตลกไป
“ก็ผมกลัวคนมาจีบคุณไง เลยต้องถ่ายรูปข่มขู่ไว้ซะหน่อย”
“บ้าแล้ว…ใครจะมาจีบผม ต้องเป็นผมมากกว่าป่าวที่ต้องห่วงอ่ะ ดีกรีคุณออกจะขนาดนั้น”ก็จริงนี่เนอะ” อืม…ว่าจะถามตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว…วันนี้ทำไมใส่แว่น อยากเปลี่ยนแนวว่างั้น”
“เปลี่ยนแนวอะไรกันคุณ ก็ทำตัวให้คนจำผมไม่ได้ไง ผมอยากมีเวลาส่วนตัวแค่กับคุณ” เลี่ยนสุดๆ
~~ขออนุญาตนะคะ ซี่โครงหมูพันชีสนะคะ สลัดแซลม่อนย่าง แล้วก็ baked Garlic อาหารที่สั่งครบเรียบร้อยแล้วนะคะ~~
อาหารที่เขาสั่งมาแต่ละอย่างดูน่ากินทั้งนั้นเลย นี่ถ้าผมน้ำหนักขึ้นแล้วไม่หล่อนี่ผมโทษเขาคนเดียวเลย แต่ก็ไม่น่าเชื่อ ผมคิดว่าที่เขาสั่งมามันเยอะมาก แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มันหายเข้าไปอยู่ในท้องเราทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว
“สนใจของหวานป่ะคุณ หรืออยากไปทานร้านอื่น”
“งั้นเราไ…..ป”
“ขอโทษนะคะ นี่พี่ชัช หนุ่มโสดปีนี้ใช่มั้ยค่ะ”มีสามสาวพูดแทรกผมมาซะงั้น แต่นี้ขนาดใส่แว่นพรางตัวแล้วนะ…ยังไม่รอด
“ครับ”อย่าทำหน้าเบื่อโลกสิ ยิ้มไว้ ผมทำท่าบอกให้เขายิ้ม เขาก็ดูใจเย็นและทำตามง่ายขึ้น แต่พวกเธอทั้งสามก็ถ่ายไม่หยุดเหมือนกันนะ แทบทำเอาชัชสติแตกไปเลยทีเดียว
“รีบไปเหอะ ขืนอยู่ต่อผมสติแตกแน่”เขารีบเรียกพนักงานมาเช็คบิลกันเลยทีเดียว “รอบนี้คุณเลือกร้านเลย เอาให้อร่อยๆ…เหมือนคุณนะ” ผมต่อยเข้าไปที่เเขนเขาทีนึงเป็นการสั่งสอนซะหน่อย แต่ตอนนี้ความอยากของหวานของผมเป็น 0 ไปซะแล้ว แต่ก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจ ซื้อไอติมโคนกินเอาแล้วกัน ก็มันก็ของหวานเหมือนกันนี่นา
“คุณพร้อมที่จะฟังหรือยัง”
“ฟังอะไรอ่ะ”
“ก็เรื่องสำคัญที่จะบอกคุณไง…ทำมาเป็นลืม” ก็มันลืมจริงๆนี่เว้ย
“พร้อมละ…ว่ามาโลด”
“ผลตรวจสอบลายนิ้วมือบนแก้วกาแฟออกมาแล้ว…พบแค่ลายนิ้วมือของพยาบาลที่ชื่อมีน…ส่วนของหมอแพรว…ไม่พบ”
“แปลว่า หมอแพรวไม่ได้ดื่มกาแฟแก้วนั้นหรอ”
“น่าจะใช่ คุณบอกผมเองไม่ใช่หรอ ว่าหมอแพรวเป็นคนติดทานหวาน แต่ในถาดกาแฟวันนั้นไม่มีน้ำตาลซองไหนถูกฉีกออก และผมว่าคงไม่มีหมอคนไหนใส่ถุงมือที่ตรวจคนไข้แล้วมาจับแก้วกาแฟดื่มหรอก”
“คุณจะบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเป็นฝีมือหมอแพรวงั้นหรอ”
“70%...แล้วไม่ใช่แค่นั้น วันนี้ผมผมลองโทรไปหาลูกสาวคุณเอนก เธอก็รับสาย แล้วบอกว่าอีกสองวันจะเป็นวันหยุดเธอ เดี๋ยวเธอจะโทรกลับมาคุยในเรื่องที่ผมต้องการ”
“ตรงกับวันศุกร์น่ะสิ” เขาพยักหน้ารับ “งั้นศุกร์นี้...เราไม่ต้องไป Outing กับน้องผมก็ได้ อยู่เคลียร์เรื่องงานก่อนดีกว่า”
“ต้องไปสิคุณ…ยังไงเราก็ต้องไป” ผมเดาใจเขาไม่ถูกจริงๆตอนนี้ ในวันนั้น เขากลับไม่ร้อนรน หรืออยากจะสืบหาเบาะแสอะไรเลย แต่กลับพาผมไปซื้อเสื้อผ้าเพื่อไปใช้ในทริปที่กำลังจะเกิดขึ้น และก็ถ่ายรูปกับผมเหมือนวันนี้เป็นวันหยุดยังไงอย่างงั้นเลย และตอนเย็น หมวดชัชก็พาผมกลับมาที่โรงพยาบาล เพื่อมาเอากระเป๋าและของใช้ส่วนตัว
“คุณตั้ม…ตั้งแต่คุณรู้จักกับผม จนตอนนี้เราทั้งคู่…เป็นแฟนกัน คุณมีความสุขมั้ย”
“ทำไมอยู่ดีๆถึงถามแบบนี้ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ก็ตอบผมมาก่อนสิ”
“ก็….มีความสุข แล้วก็…ดีใจ…ที่มีคุณเป็นแฟน” จุ๊บ เขาโน้มตัวมาจูบปากผม แต่ก็ไม่เป็นไร กับเขาน่ะผมไม่อายแล้ว แล้วก็โชคดีที่ที่นี่ยังเป็นห้องทำงานของผม “วันนี้เป็นอะไรผมถามจริง ดูอ้อนแปลกๆนะคุณน่ะ”
“ก็ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่า ผมรักคุณแค่ไหน”
“พอแล้ว…มาอ้อนๆแบบนี้คืนนี้ผมไม่ให้หรอกนะ ของเก่ายังแย่ๆอยู่เลย” เรานั่งพูดคุยเล่นกันอยู่สักพักก่อนที่จะพากันกลับมายังคอนโด แล้วผมก็รีบโทรไปคอนเฟิร์มทริปกับตาลน้องสาวผมจนเรียบร้อย คอนเฟิร์มช้าเดี๋ยวไม่ได้ที่พักล่ะ แย่เลย
ในคืนนั้นหมวดปวีณโทรเข้ามาหาหมวดชัช แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกัน แต่ดูท่าทางไม่ซีเรียสเหมือนรอบก่อนๆ และหลังจากนั้น เวลาผมไปทำงาน หมวดชัชก็มาอยู่ที่ทำงานผมทั้งวัน ไม่ว่าจะนั่งรอในห้อง ออกไปเดินเล่นหาอะไรทาน แล้วก็กลับเข้ามาใหม่ ช่วงนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆเขาถึงมีพฤติกรรมอะไรแบบนี้ จะบอกว่าเราทั้งคู่ รักกันมากขึ้น เปิดเผยมากขึ้น มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เขาทำเหมือนต้องการให้ใครๆรู้ว่าผมกับเขาเป็นอะไรกัน แต่มันก็ยังแปลกอีกอยู่ดี เพราะเวลาออกนอกโรงพยาบาล เขาก็กลับมาเป็นชัชคนเดิม ที่ไม่ได้เล่น ทะเล้นอะไรมากเหมือนตอนอยู่ในโรงพยาบาล ผมไม่อยากถามเขาออกไป เพราะถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด มันก็จะทำให้เขารู้สึกแย่ไปกับความคิดของผม ผมไม่อยากให้เรามีปัญหากันในเรื่องเล็กๆน้อย เพราะที่มันเป็นแบบทุกวันนี้ มันก็ดีกว่าที่ผมเคยคาดหวังไว้มากแล้ว