ตอนที่ 10
หลังจากกลับเข้าห้อง เขาก็โยนข้าวของ โยนมือถือเครื่องใหม่ลงกับเตียง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ความแพงของไอ้ผลไม้แหว่งนี่หรอกนะ แต่เครื่องละ 20,000 น่ะมันแพงไปหน่อยไหม ถึงจะบอกว่าเป็นค่าแพคเกตอีก 12 เดือน แต่เดือนๆ หนึ่งเขาโทรเข้าโทรออกรวมกันไม่ถึง 60 นาที แต่วงเงินที่ให้มาเนี่ย... ได้มาแต่ไม่ได้ใช้แล้วมันจะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือเปล่า
แล้วความจริงเขาก็ไม่อยากได้หรอกนะไอ้ผลไม้แหว่งเนี่ย แต่ไอ้ขิมนี่สิ เซ้าซี้บอกให้เขาซื้ออยู่ได้ พอเขาจะซื้อมือสองแบบมีประกันมันก็ตบหัวดังโป๊ก ด่าว่าเขาโง่ ก่อนลากเขาเข้าศูนย์ ตื๊ด ตื๊ด เลือกเครื่องเลือกโปรโมชั่นให้เสร็จสรรพก่อนเรียกเขาไปจ่ายเงิน ไม่มีถามซักคำว่ารุ่นนี้ดีไหม สีนี้ดีไหม เขาเลยได้ iPhone 6 plus สีชมพูหวานแต๋วมาให้ถือหนักๆ หนึ่งเครื่อง ก่อนจะโดนลากไปติดฟิล์มกันรอยกับเลือกเคสอีกหนึ่งรอบ โดยที่เขาไม่มีสิทธิเลือกลายซักนิด
สรุปวันนี้เขาหมดเงินไปสามหมื่นเพื่อมือถือหนึ่งเครื่อง คิดแล้วก็อยากจะฉีกอกไอ้ขิมซักหนึ่งรอบ ชีวิตนี้เขาไม่เคยใช้เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ขนาดตอนที่ติดหนี้ พี่ธนิตก็เป็นคนจัดการโอนเงินให้ เขานี่มีหน้าที่รับสลิปกับใบเสร็จอย่างเดียว นี่ถ้าไม่ติดว่ามีสร้อยเพชรของเสี่ยแขวนติดอยู่ที่คอนะ เขาเอาใบเสร็จไปเรียกเก็บกับเสี่ยจริงๆ ด้วย มือถือบ้าอะไรวะ รวมๆ ราคากันแล้วราคาตั้ง 30,000 คืนนี้แดกมาม่าแก้จนดีกว่า เบื่อ! หิว! จน! เครียด! กิน! กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพราะงั้นไอ้พระแพงจะกินมาม่า!
หลังจากตั้งกาน้ำร้อน เขาก็เข้าไปอาบน้ำพร้อมกับเอาน้ำออกหนึ่งรอบ นั่งรอจนมาม่าลวกสุด ก็นั่งกินมาม่าอย่างสบายใจ มาม่าสองไข่หนึ่งลวกแบบสุกไม่มาก ราคารวมกันไม่ถึง 30 บาท ไอ้แพงอิ่มจนอารมณ์ดี๊ดี ดี๊ด๊าล้างจานก่อนเห่อมือถือเครื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อ โถ ลูกพ่อ เมื่อกี้พ่อโมโหหิวไปหน่อย ขอโทษนะ ไหนมาให้พ่อยลโฉมหน่อยสิ
ว่าแล้วก็เอามือถือใหม่มาจิ้มแบบลื่นปื้ดๆ เล่นมันทั้งที่ชาร์จแบต ตัวเครื่อง 6 plus ใหญ่พอดีกับเขามาก เขาที่เคยเล่น iPhone ของเจ้าแม่มาก่อนก็สมัคร Apple ID ใหม่ เตรียมโหลดแอพเท่าที่จะพอโหลดได้ รอจนโหลดทุกอย่างเรียบร้อยก็ล็อกอินเข้าเฟสบุ๊ค ประกาศให้ชาวบ้านรู้ว่า ข้าถอยมือถือใหม่แล้วนะ ซึ่งเพื่อนๆ เขาก็อู้หู อู้หากันไปตามระเบียบ เขาถ่ายรูปมือถือแบบไม่โชว์หนังหน้าตัวเองก่อนตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ในเฟสบุ๊ค รอจนเห่อเสร็จก็โหลดเกมส์ที่มีอยู่ในความทรงจำมาเล่น
นั่งเล่นแปบๆ ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม เล่นเอาปวดคอปวดไหล่ไปหมด มิน่าล่ะคนสมัยนี้ถึงเป็นออฟฟิส ซินโดรม ตอนที่เขามีซัมซุงฮีโร่ ปกติก็จะดูหนังบ้างทำงานบ้าง ไม่เคยนั่งเล่นมือถือนานติดต่อกันนานขนาดนี้ แถมนี่ก็ยังชาร์จแบตอยู่ด้วย ดีนะมันไม่ระเบิดคามือไม่งั้นเขาต้องทำเรื่องส่งเคลมอีก
เขาที่นั่งเล่นมือถือจนเมื่อยก็ถือโอกาสพักเครื่องบ้าง เอี้ยวซ้ายเอี้ยวขวาจนมีเสียงดังกรอบแกรบ ก่อนขยับตัวเพื่อเตรียมออกไป 7-11 คนวัยกำลังโตก็แบบนี้แหละ หิวง่าย อิ่มยาก ดีนะที่เขาซิตอัพกับยกเวทบ่อยๆ เลยไม่ลงพุง เหมือนพนักงานบริษัทสมัยนี้
เขาฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางเก็บมือถือเครื่องเก่าใส่ลิ้นชัก หมุนตัวทำหล่อหนึ่งรอบ ก่อนคว้ากุญแจ กระเป๋าสตางค์ กับคีย์การ์ดแล้วเดินออกจากห้อง ในตอนที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นหลังจากที่เต๊าะรองเท้า เขาก็เงาดำผ่านทางสายตาแวบๆ ไอ้ตอนแรกน่ะเขาก็นึกว่าเป็นคนร่วมหอพัก เลยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอเห็นเต็มๆ ตาเท่านั้นแหละ ชัดเลย...
เสี่ย...
เสี่ย...
เสี่ย...
เสี่ยอธิปอีกแล้วเรอะ! วันนี้เขากับเสี่ยจะเจอกันบ่อยไปแล้วนะ!
คนเรานี่น้า บทจะเจอก็เจอ บทจะไม่เจอก็ไม่เคยเจอเลย เขาที่ไม่เคยเจอเสี่ยมาเลยตลอดหนึ่งปี มาตอนนี้ก็มาเจอกันแบบติดๆ กันซะงั้น
เขาที่ตะลึงตึ่งตึ๊งเป็นรอบที่สองของวันก็ทำได้แต่เบิกตากว้าง มองเสี่ยที่ยังอยู่ในชุดสูทเต็มยศแบบอึ้งๆ ก่อนจะยกมือไหว้เสี่ยทั้งที่ยังตั้งสติไม่ได้
มาลองดูแล มาแลดูกัน เขากับเสี่ยมองหน้ากัน จนคิดได้ว่าเขาต้องเชิญเสี่ยเข้าห้อง
แต่เขาไม่เชิญเสี่ยเข้าห้องได้ไหมอ่ะ ถึงจะมีสุภาษิตที่ว่า แขกมาถึงเรือนชาน เราต้องต้อนรับ แต่ถ้าเขารับเสี่ยเข้าห้อง เสี่ยจะหาว่าเขาอ่อยเสี่ยไหม แต่ถ้าเขาไม่เปิดประตูห้องรับเสี่ย เสี่ยจะมาที่นี่ทำด๋อยอะไร เสี่ยมายืนถึงหน้าห้องขนาดนี้ แสดงว่าเสี่ยต้องมีธุระอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ค่อยอยากเชิญเสี่ยเข้าห้อง
เขาคิดๆๆๆๆๆ คิดจนบรรยากาศรอบตัวเสี่ยเริ่มมาคุ เขาที่สบตาเสี่ยอยู่ก็ได้แต่จ้องลูกกะตาสีดำที่ฉายแววหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะตัดสินใจหมุนหัวกลับแล้วเชื้อเชิญเสี่ยเข้าห้อง พร้อมกับเสิร์ฟน้ำให้เสี่ยอีกหนึ่งแก้วที่เลือกนั่งตรงโซฟาเบด
ใครกล้าบังอาจหาว่าเขาอ้อยเสี่ยนี่มีชก
Flight or Fight น่ะรู้จักไหม วิทยาศาสตร์น่ะเคยเรียนบ้างหรือเปล่า จะหนี หรือ จะสู้
แล้วคนอย่างเขาเหรอ จะมีปัญญาสู้เสี่ยได้ เขาก็ต้องเลือกที่จะถอยสิวะ! จะปล่อยให้เสี่ยอยู่ข้างนอกจนอารมณ์เสียแล้วเตะประตูพังเข้ามาหรือไง เขาไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมหรอกนะ เงินเดือนๆ นี้เอาไปซื้อมือถือหมดแล้ว!
ว่าแล้วเขาที่ทำอะไรเสี่ยไม่ได้ก็ได้แต่ปล่อยให้เสี่ยนั่งสำรวจรอบห้อง ซึ่งเขาบอกได้ว่าห้องเขาไม่มีอะไรมาก มีแค่เตียง โต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า โซฟาเบด กับ โต๊ะญี่ปุ่นอีกหนึ่งโต๊ะ ทีวีก็เป็นทีวีขนาดจอเล็กๆ ที่ซื้อมาตอนมันลดราคา อ่อ แล้วก็มีตู้เย็นกับกาน้ำจิ๋วๆ อีกหนึ่งอันไว้ต้มมาม่า นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว เรียกได้ว่าทรัพย์สินรวมๆ ในห้องเขาน่ะยังราคาไม่เท่ามือถือหนึ่งเครื่อง เพราะงั้นเขาต้องรักษามือถือยิ่งชีพ
ไม่ใช่ล่ะ! เรียกได้ว่าห้องเขาทั้งห้องยังมีขนาดเล็กกว่าห้องนอนของเสี่ยในคอนโดเลี้ยงเด็กห้องเดียว เขาที่เสิร์ฟน้ำเสร็จแล้ว ก็ได้แต่นั่งแปะตูดติดพื้น มองเสี่ยที่เป็นแขกนั่งอยู่บนโซฟาเบด
อะไร แล้วจะให้เขานั่งบนโซฟาเสมอเสี่ยหรือไง ไม่เห็นเหรอว่าโซฟามันมีแค่หนึ่งอัน แล้วเสี่ยก็จับจองไปก่อนแล้ว จะให้เขาที่เด็กกว่านั่งเทียบเสมอผู้ใหญ่ แถมยังเป็นหัวหน้าเขาอีกเรอะ ถึงสมัยนี้จะไม่มีระบบทาส แต่กาลเทศะนะรู้จักไหม กาลเทศะน่ะ เพราะงั้นถ้าเสี่ยไม่เรียกเขาจะนั่งแหมะอยู่กับพื้นทั้งที่อยู่ในห้องตัวเองนี่แหละ
เสี่ยเองก็คงจะรำคาญท่าทางแบบนี้ของเขาเหมือนกัน เสี่ยเลยจัดการหลับตาแล้วปิดปากไม่ยอมพูด เขาที่ถูกแขกไม่ได้รับเชิญลอยแพ ก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ มองเสี่ยไปเรื่อยๆ แอบสำรวจช่วงที่เสี่ยหลับตาตรวจจับกลิ่นกับท่าทางเสี่ยไปด้วย
ฟุดฟิดๆๆ
อืมมม เท่าที่ดมกลิ่น เสี่ยก็ยังสะอาดดี ไม่มีกลิ่นคุณปุยฝ้ายติดมาให้หงุดหงิดเล่น แต่เขาไม่แน่ใจว่าเสื้อที่เสี่ยใส่ตอนนี้เป็นตัวเดิมกับที่ใส่เมื่อตอนกลางวันหรือเปล่า เพราะสูทที่เสี่ยใส่ตอนนี้ดูเรียบกริ๊บ ถึงจะไม่มีกลิ่นสบู่เหมือนคนเพิ่งอาบน้ำ แต่เสื้อก็หอมเหมือนกลิ่นที่เพิ่งออกจากตู้ ตัวเสี่ยเองก็มีกลิ่นแบบที่เพิ่งทำงานเสร็จมาหมาดๆ ซึ่งก็ไม่ใช่กลิ่นที่เหม็นมาก เอาเป็นว่าเป็นกลิ่นแบบสะอาดๆ แบบที่เขาเคยได้กลิ่นมาตั้งแต่สมัยที่เป็นเด็กเลี้ยงนั่นแหละ
จะว่าไป ทั้งๆ ที่เขาก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจเสี่ยมาก แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องกลิ่นเหงื่อ หรืออย่างภาษากาย เขากลับจำได้แม่น และทั้งๆ ที่มันก็ผ่านมาแล้วหนึ่งปี จากที่คิดว่าจะจำหน้าเสี่ยไม่ได้ แต่พอเห็นหน้าเขาก็จำเสี่ยได้ติดตา แค่เสี่ยมองมาเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้
เสี่ยในวันนี้ดูเหนื่อยและอ่อนล้ากว่าในวันวานเล็กน้อย ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ถึงจะเหนื่อยขนาดไหน เสี่ยก็ยังจะตาพราวใสพร้อมจะทำศึกกับเด็กเลี้ยงแบบเขาอยู่ทุกเมื่อ แต่ในตอนนี้เสี่ยดูอ่อนล้ามาก แถมยังดูเหมือนมีร่องรอยตามหางตา ถึงเสี่ยจะอายุสามสิบ แต่ก็ไม่ใช่วัยที่จะมีรอยแบบนี้ ถึงรอยจะไม่เยอะมากก็เถอะ
เขานั่งมองเสี่ยหลับตาไปเรื่อยๆ รอจนมั่นใจว่าเสี่ยน่าจะหลับ ก็ขยับตัวเตรียมลุกไปเซเว่น อะไร เขายังไม่ลืมจุดประสงค์เดิมของตัวเองหรอกนะ ถึงเสี่ยจะมาแล้วไง เสี่ยหลับไปแล้วเขาก็ต้องออกไปหาอะไรกินสิ จะให้หิ้วท้องนั่งรอเสี่ยตื่นหรือไง แล้วอีกอย่างถ้าเสี่ยตื่นมาแล้วโมโหหิวเขาไม่จะไม่โดนงับหัวเรอะ เพราะงั้นเพื่อความปลอดภัย(และความสบายท้องของตัวเอง) เขาเลยว่าจะออกไปเซเว่นซื้อน้ำซื้อนม กับอิซี่โกมาเตรียมไว้ให้ เพื่อเสี่ยหิวจะได้มีอะไรรองท้องไม่ต้องแทะหัวเขาฆ่าเวลาเล่น แล้วก็นะ ที่นี่มันถิ่นเขา เพราะฉะนั้นเขาให้เสี่ยกินอะไรเสี่ยก็ต้องกิน นี่ไม่ใช่ห้องในคอนโดเสี่ยซักหน่อยที่เขาจะเตรียมอาหารหรูๆ มาเสิร์ฟให้ แถมเงินค่าข้าวนี่เขาก็ออก ไว้ถ้าเสี่ยอยากกินอาหารเจ็ดดาวก็รอไปก่อนแล้วกัน เขาจะได้สั่งล่วงหน้าพร้อมเรียกบิลเพื่อเบิกให้
แต่ในตอนที่เขากำลังขยับก้นเพื่อที่จะลุกขึ้นจากพื้น เสี่ยที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาพรึบ เขาที่ตกใจก็หย่อนก้นต่อดังตุบ!
เกิดความเงียบขึ้นในอากาศขึ้นสามวิ เขาที่กำลังจะขยับปากพูด ก็โดนเสี่ยพูดตัดหน้าอีกรอบว่า
" ไปเก็บของ คืนนี้ไปค้างกับฉันที่ห้อง"
.
.
.
.
.
ตึ่ง ตึง ตึ่ง ตึ๊ง
ลองทายดูสิว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน ฮั่นแน่ คิดว่าเขาอยู่คอนโดเสี่ยแล้วละสิ
ผิด!
เขาอยู่ในรถตู้ที่กำลังจะไปคอนโดเสี่ยต่างหากเล่า!
โฮๆๆๆๆ ใครก็ได้ช่วยเขาที! เขากำลังถูกเสี่ยลักพาตัวไปเชือด นี่มันขบวนการรถตู้ลักพาตัวเด็กชัดๆ! ถึงเด็กคนนี้จะเดินตามขึ้นรถมาเอง แต่ความจริงมันถูกบังคับ มันขัดขืนไม่ได้! เพราะถ้าขัดขืนเสี่ยต้องกระทืบเขาตายคาห้องแน่นอน แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่พยายามขัดขืนนะ เขาพยายามแล้ว แต่พอเขาจะอ้าปาก เสี่ยก็พูดตัดบทขึ้นมาอีกรอบว่า
" อย่าให้ต้องพูดซ้ำ"
เท่านั้นล่ะเจ้าประคุณเอ๊ย เสี่ยพูดมาประโยคเดียวสั้นๆ แต่สยองขวัญสั่นประสาทเขามาก เสี่ยปรายตามามองนิ่งๆ แต่ให้อารมณ์แบบซอมบี้เตรียมขย้ำหัวเหยื่อสุดๆ เขาที่กลัวตายเลยได้แต่เก็บข้าวเก็บของแล้วรีบเดินตามเสี่ยออกจากห้อง เก็บมาได้แค่ชุดนอนสองชุด ชุดทำงานหนึ่งชุดกับมือถือเครื่องใหม่ใส่ในเป้ คว้ากุญแจกับกระเป๋าตังค์รีบเดินออกจาก ขนาดคีย์การ์ดที่วางอยู่ใกล้กันยังลืม เห็นหรือยังว่าเขากลัวขนาดไหน!
ตอนที่เขาเดินลงมาจากห้อง เขาก็แอบด่ายามไปด้วยว่าทำไมให้คนแปลกหน้าเข้ามาได้ สรุปคือประตูหอถูกเปิดค้างไว้ เพราะมีคนกำลังย้ายของออกจากหอพัก ปัดโธ่! แล้วมันจะมีระบบคีย์การ์ดไว้ทำด๋อยอะไรวะ! มีก็เหมือนไม่มี! ปล่อยให้เขาโดนลักพาตัวแบบกึ่งสมยอมจนอยู่ในรถอยู่นี่!
แล้วไอ้ที่ว่ากึ่งสมยอมน่ะ ไม่ใช่ว่าเขาเตรียมเสียตัวให้เสี่ยหรืออะไรหรอกนะ เขาไม่ใช่คนลามก (ใครคิดเขาจะตามไปชก!) แต่เพราะท่าทางของเสี่ยดูเหมือนคนมีปัญหามาก เขาก็เลยอยากช่วย ถึงจะรู้ผิดกับคุณปุยฝ้ายนิดๆ แต่ถ้าให้เลือกเขาเลือกเสี่ยมากกว่า อีกอย่าง ถ้าเสี่ยมีคุณปุยฝ้ายแล้วมีความสุขดี เสี่ยจะมาหาเขาเรอะ เขามันแค่เด็กเคยถูกเลี้ยงนะ แล้วเขาก็ไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดที่ว่า เสี่ยมาตามเขาถึงห้องเพื่อพาเขาไปนั่งเล่นตบแปะหรือปรับทุกข์หรอกนะ ไปถึงคอนโดกันขนาดนี้มันก็ต้องมีเรื่องอย่างว่าอยู่แล้ว
แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะรู้สึกผิดกับคุณปุยฝ้ายที่สามีทำท่าจะมีชู้ แต่เสี่ยก็ไม่ได้ทำท่าหื่นกามแบบเสี่ยที่อยากหาเด็กมาเลี้ยง มันก็แค่เหมือนกับ... เหมือนกับเสี่ยเหนื่อยมากๆ เลยอยากหาคนมาอยู่ด้วย แล้วก็ด้วยความบังเอิญที่เสี่ยมาเจอเขาพอดี เสี่ยเลยคิดว่าเอาเขานี่แหละง่ายดี คนเคยค้าขายกันมาก่อน ไม่ต้องพูดมากเขาก็ฟังรู้เรื่อง และเขาก็ว่าเมื่อก่อนเขาเป็นเด็กดีพอควร ไม่เคยก่อปัญหาให้ ดังนั้นถ้าเสี่ยอยากมีชู้ เสี่ยก็มามีกับเขานี่แหละ เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่ใช่คนพูดมาก แถมปากหนักด้วย
ส่วนเรื่องเงิน ถ้าเสี่ยออกปากให้ เขาจะเอามือถือเครื่องใหม่เขวี้ยงใส่หัวเสี่ยนี่แหละ เอาให้รู้กันไปเลยว่าเขามีเงินเฟร๊ย ที่มาอยู่น่ะ มาด้วยความสมัครใจล้วนๆ ไม่มีเสแสร้ง ถึงจะ เอ่อ... เป็นการช่วยกันในทางที่ผิดไปหน่อย แต่ผู้ชายน่ะ แยกเซ็กซ์ออกจากความรักอยู่แล้ว เขาก็แค่ช่วยเสี่ยระบายอารมณ์นิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้จะเกาะเสี่ยกินหรืออยากเป็นชู้ ถึงรวมๆ แล้วมันจะดูเป็นอย่างนั้นก็เถอะ
รอจนรถตู้มาส่งถึงคอนโดที่แสนคุ้นตา เขาที่นั่งอยู่ด้านนอกสุดก็เปิดประตูรถออกแล้วยืนรอเสี่ยอยู่ข้างนอก ฟังเสี่ยสั่งงานกับคนขับรถที่เป็นลุงแก่ๆ อยู่สองสามคำ แล้วก็เดินตามเสี่ยเข้าห้อง พอแว่วว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับเขา เขาก็ทำตัวเฉยๆ ใครบอกว่าเขาเย็นชา... เขาเรียกว่ารู้จักกาละและเทศะเฟร๊ย เสี่ยคุยโทรศัพท์ใช่เรื่องที่เขาจะต้องไปสอดเรอะ เกิดเสี่ยคุยธุระที่สำคัญมากอย่างการปล่อยเงินกู้ เขาที่ไปขัดจนลูกหนี้หนีได้โดนด่าพอดี เพราะงั้นหุบปากเงียบแล้วแอบฟังต่อไปดีสุด
แต่เท่าที่จับใจความได้ (สงสัยติดนิสัยสอดรู้มาจากไอ้รุต) เสี่ยกำลังตกลงเจรจาธุรกิจเป็นภาษาฝรั่ง ภาษาอะไรก็ไม่รู้ อังกฤษคำ ภาษาอื่นคำ ทำเอาภาษาวิบัติหมด เขาที่แอบฟังแต่ไม่รู้เรื่องก็ได้แต่นิ่ง จับใจความได้สั้นๆ ว่าเสี่ยทิ้งบริษัทอะไรมาไม่รู้ ตอนนี้ต้องให้เพื่อนอยู่ดูแลแทน ดูท่าทางคนปลายสายจะเป็นคนที่เสี่ยสนิทพอควร เพราะเสี่ยดูอารมณ์ดีขึ้นเยอะ ถึงจะยังหน้านิ่วอยู่ก็เถอะ
พอขึ้นลิฟต์มาถึงห้องได้เขาก็ปล่อยให้เสี่ยนั่งพัก ส่วนตัวเองก็อ้อมแอ้มบอกเสี่ยขอเอาของเข้าไปเก็บในห้อง ในตอนที่เดินผ่านครัว... คอนโดที่เขาเคยอยู่ไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิด เพราะงั้นเขาเลยแวะหยิบผ้าเย็นมาหนึ่งผืน เทเหล้าทำออน เดอะ ร็อค มาหนึ่งแก้ว แล้วส่งให้เสี่ยที่นั่งอยู่ตรงโซฟา กะว่าถ้าเสี่ยดื่มก็ให้เสี่ยน็อคไปตั้งแต่เนิ่นๆ เขาจะไม่ได้รับศึกมาก... ใช่ที่ไหนกันเล่า! เขาแค่เห็นว่าเสี่ยเหนื่อยๆ เช็ดหน้าเช็ดตาซักหน่อยอารมณ์จะได้ดีขึ้น ส่วนเหล้าน่ะ เขาเรียกว่าน้ำเปลี่ยนนิสัย ถ้าไม่ทำให้เสี่ยอารมณ์ดี ก็ทำให้เสี่ยอารมณ์เสีย หรือไม่ก็หลับไปเลย
เขาที่ไม่ยอมอยู่ดูผลงานตัวเองก็ได้แต่รีบเดินเข้าห้อง กะว่าถ้าเสี่ยอาละวาดเขาจะปิดประตูล๊อกใส่เลย แต่เพื่อความปลอดภัย... เขาควรล๊อกไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนระเห็จพาตัวเองไปอาบน้ำ ล้างนอกล้างในแล้วแปรงฟันให้สะอาดอีกรอบ ซึ่งของในห้องน้ำก็มีอยู่ครบแบบที่เขาไม่ต้องแบกมาเองยกเว้นแปรงสีฟันที่เขาเอามาเพื่อไว้ ไม่อยากใช้ของร่วมกับของคนอื่น ถึงจะมีแปรงสีฟันใหม่เตรียมไว้อยู่แล้วก็เถอะ
เขาไม่มั่นใจว่าหลังจากที่เขาไปแล้ว เสี่ยเอาเด็กคนอื่นมาอยู่ต่อหรือเปล่า แต่จากสภาพห้อง คงนานแล้วมั้งที่ไม่มีคนอื่นมาค้าง คือมันเป็นเรื่องของความรู้สึกน่ะ ห้องเปล่ากับคนที่มีคนอยู่ อารมณ์มันต่างกันลิบลับ แต่เขาก็ไม่ใช่ริวจิตสัมผัสน่ะนะ เพราะงั้นเขาอาจเดาพลาดก็ได้
รอจนอาบน้ำขัดตัวเสร็จออกมาก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว เขาที่ล๊อกประตูไว้ก็แง้มๆ ประตูชะโงกหัวไปดูเสี่ย แบบว่า... เมื่อกี้ลืมนึกไปว่าเสี่ยอาจจะเข้ามาในห้องเพื่อจัดการกินตับเขา เขาที่มัวแต่กลัวเสี่ยเมากระทืบเลยลืมนึกไปว่า เวลาเสี่ยอยากกินแต่ไม่ได้กินจะหงุดหงิดมาก เขาเลยได้แต่แง้มๆ ประตูห้องเพื่อสอดส่องสถานการณ์ พอเห็นเสี่ยไม่อยู่ก็ใจชื้น เดาว่าเสี่ยคงไปอาบน้ำบ้าง
เขาที่ตัวอยู่ในห้องโผล่ออกไปแต่หัวก็เลยหดหัวกลับมา เอาเสื้อผ้าที่ใส่เป้มาสะบัดๆ แล้วแขวนใส่ตู้ เสื้อทำงานดูยับนิดๆ เพราะเขาใส่เป้มาแบบรีบๆ แต่ช่างเถอะ เขาไม่ใช่คนเนี๊ยบมากใส่เสื้อยับไปทำงานก็ไม่เป็นไร
เขานั่งรอเสี่ยอยู่ในห้องจนเกือบตีหนึ่งพอมั่นใจว่าเสี่ยไม่เข้ามาแน่ๆก็ล้มตัวนอนบ้าง ไอ้เขารึก็อุตส่าห์สร้างบรรยากาศเปิดไฟสีส้ม แทนที่จะเปิดไฟให้สว่างทั้งห้อง คนอย่างเขาจะสร้างบรรยากาศทั้งทีก็ได้แค่นี้แหละ แถมเสี่ยก็ไม่ยอมบอกให้เขาเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่งั้นเขาจัดการเตรียมนวดน้ำมันหอมระเหยให้แล้ว เห็นเขาแบบนี้แต่สมัยก่อนก็เป็นนักบอลนะเออ เรื่องนวดคลายเส้นนี่เรื่องจิ๊บๆ เพราะงั้นเสี่ยที่ไม่ยอมบอกเขาล่วงหน้านั่นแหละที่ผิด ครั้งนี้เอาแค่ไฟส้มไปก่อนแล้วกัน ไว้คราวหน้าถ้าเสี่ยมากเขาจะช่วยนวดให้ ส่วนเรื่องนาบก็เอาไว้ให้เสี่ยจัดการ เขายอมนอนอยู่นิ่งๆ ให้เสี่ยหันเล่นอยู่แล้ว ขอแค่ว่าเสี่ยอย่าเล่นหนักเกินจนเขาไปทำงานไม่รอดก็พอ
แต่พอมาคิดอีกที นั่นก็บริษัทเสี่ยอ่ะนะ เสี่ยอยากใช้งานพนักงานหนักจนไปทำงานไม่ไหวก็เรื่องของเสี่ย แต่เสี่ยต้องเซนต์ใบลาให้เขาด้วย เขาไม่ยอมเดินขาถ่างไปทำงานเด็ดขาด ไม่ยอมหยุดงานฟรีด้วย
รอจนเขาเคลิ้มๆ เหมือนใกล้จะหลับ เสี่ยที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เดินมาในห้องทั้งชุดคลุมอาบน้ำ เขาที่ตาใกล้จะปิดเต็มทีเลยได้แต่นอนรอเสี่ยอยู่นิ่งๆ อยากมาช้านักก็จัดการเองแล้วกัน เขาพร้อมนอนรออยู่เฉยๆอยู่แล้ว รอจนเสี่ยสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มภายในห้องที่เย็นจัด เขาที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มจนตัวอุ่นเลยยอมขยับตัวเขาไปใกล้ กะว่าจะเอาตัวไปแปะตัวเสี่ยที่เย็นๆ หลังจากอาบน้ำ แต่ดันกลายเป็นว่าเสี่ยกลับตัวอุ่นพอๆ กับเขาซะงั้น เขาละเซ็งเลย กะว่าไปซุกตัวเอาความเย็นซะหน่อย จะให้เอาตัวออกจากผ้าห่มก็หนาวเพราะเขาเปิดแอร์เย็นเจี๊ยบ กะว่าถ้าต้องทำศึกจะได้ไม่ร้อนมาก
พอเสี่ยล้มตัวนอนจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว เสี่ยก็ก้มลงมาจูบเขา สอดลิ้นเข้ามาแตะจนเขาได้กลิ่นมินต์ รอจนเสี่ยพันลิ้นอย่างพอใจ เขาก็ไต่มือไปข้างล่าง บอกแล้ว คนเคยค้า ม้าเคยขี่ เพราะงั้นเขากับเสี่ยเลยไม่ต้องมีอารัมภบทแสดงความคิดถึงกันเยอะ ใช้มือช่วยกันจนปลดปล่อยไปคนละหนึ่งรอบ เขากับเสี่ยก็ผลัดกันไปล้างมือ
ฮั่นแน่ แอบคาดหวังอะไรหื่นๆ กันอยู่ล่ะสิ
ไม่มีทางหรอก เพราะเขายังไม่ได้ผ่านการตรวจเชื้อ แถมเสี่ยก็ยังเป็นพวกรักสะอาดแถมเซฟเซ็กซ์ เพราะงั้นเขากับเสี่ยเลยนอนกอดกันตัวกลมดิ๊กแทน จะให้ไปเบาแอร์ก็ขี้เกียจเพราะวันนี้เขาเอาออกไปสองรอบแล้ว เมื่อกี้หนึ่งรอบกับในห้องน้ำที่หอพักตอนอาบน้ำอีกหนึ่งรอบ เพราะงั้นเขาที่เพลียจัดเลยอยากหลับเต็มที แต่เสี่ยก็ยังย้ำให้รำคาญหูว่าพรุ่งนี้ไปตรวจเลือดด้วย เขาเลยได้แต่งึมงึมขอใบลาจากเสี่ยซะเลย กะว่าพรุ่งนี้จะตื่นสายๆ แล้วค่อยไปตรวจเลือด ซึ่งเสี่ยก็เป็นเจ้านายที่ดีมากกกก บอกจะออกใบลาให้ครึ่งวัน เขาที่นอนกอดเสี่ยอยู่ดีๆ เลยสะบัดตัวออกหันก้นให้
ใช่ซี้ เขามันแค่พนักงานบริษัทนี่ ไม่ใช่สุดรักสุดสวาทที่เสียเลือดนิดหน่อยก็ต้องไปทำงานต่อให้ได้ ลองเป็นคุณปุยฝ้ายสิ
จะว่าไป... เขาก็รู้สึกผิดกับคุณปุยฝ้ายจริงๆ นะ แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว และต่อให้ย้อนอดีตกลับไปได้เขาก็คงเลือกแบบเดิม กับผู้หญิงที่แอบรัก... กับคนที่เคยคุยกันไม่กี่คำ เมื่อเทียบกับเสี่ย เสี่ยต้องมีค่ามากกว่าอยู่แล้ว แถมเสี่ยก็มีบุญคุณกับเขาด้วย เพราะอย่างนั้น ถึงทางที่เขาเลือกมันจะผิด แต่เขาก็ตัดสินใจแล้ว รอจนเสี่ยสบายใจเมื่อไหร่เขาก็จะกลับไปอยู่ที่เก่าเอง ไม่ต้องอยู่รอจนเสี่ยไล่ เขารู้ว่าตัวเองสามารถเดินไปถึงจุดไหนได้บ้าง และจะไม่เสียใจในสิ่งที่ทำลงไปเด็ดขาด
>>>> เริ่มมาม่า