บทที่ 6 ไม่เห็นค่า 120%
"มาที่นี่ทำไม" เขาเอ่ยถามคนที่ได้ขึ้นชื่อว่ามือที่สามในความสัมพันธ์ของครอบครัวเขา ถึงสาเหตุการมาปรากฏตัวที่นี่ ที่ของเขาและลูกๆ
"มาคุยครับ"
"ไม่มีอะไรจะต้องคุย" มือเรียวดึงประตูรั้วปิดกลับมาแต่โดนมือของอีกคนดันไว้ซะก่อน
"พี่ไม่คิดว่าเราจะต้องคุยกันให้รู้เรื่องเหรอครับ"
"..."
"ไหนๆ พี่ก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ทำไมไม่มาตกลงกันสักครั้ง"
"..."
"ว่าจะเอายังไง" สมองของพลลภัตม์ประมวลผลตามคำพูดของอีกคน เรื่องนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง เขาเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกับปัญหาในครั้งนี้ ต้องจบมันหรือทนต่อไปเพื่อคำว่าพ่อแม่ลูก บางทีการพูดคุยกันครั้งนี้มันอาจจะทำให้เขามีแนวทางในการจัดการกับเรื่องราวบ้าๆ พวกนี้ก็ได้
"เข้ามา" เอ่ยบอกความต้องการของตัวเอง จากนั้นจึงเดินนำร่างเล็กกลับเข้ามาในบ้านของตัวเอง เดินนำอีกคนไปที่โซฟาแล้วค่อยแยกตัวไปทางห้องครัวเพื่อเอาน้ำมาให้ ถึงจะไม่ชอบหน้าอีกคนแค่ไหน แต่มารยาทพื้นฐานในการต้อนรับแขกเขารู้ดี
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เครื่องมือสื่อสารสี่เหลี่ยมสั่นขึ้นมาในกระเป๋ากางเกงในขณะที่กำลังจะยกน้ำออกไปให้อีกคน เขาหยิบมันขึ้นมาดูถึงรู้ว่าเป็นเบอร์ที่ไม่ขึ้นรายชื่อ
เบอร์ใครกันนะ
เขาเอานิ้วไปเลื่อนกดตอบรับสายของอีกฝ่าย ก่อนที่จะกรอกเสียงตามลงไป
"สวัสดีครับ"
(สวัสดีครับ คุณพลลภัตม์ใช่ไหมครับ)
"ใช่ครับ"
ผ่านไปประมาณ 10 นาที พลลภัตม์ที่จัดการกับธุระปลายสายเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมายังโซฟารับแขกที่มีร่างเล็กของเขมินทร์นั่งรออยู่ มือเรียววางแก้วใสที่บรรจุน้ำเปล่าลงตรงหน้าอีกคน พลางจ้องมองอีกคนเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกัน แต่เขมินทร์ไม่ได้สะทกสะท้านกับสายตาคมดุจใบมีดของอีกฝ่าย คนตัวเล็กทำแค่หยิบน้ำขึ้นมาจิบพอเป็นพิธีและวางมันลงแค่นั้น ผ่านไปนานหลายนาทีแต่กลับไม่มีเสียงใดเอื้อนเอ่ยออกมา มีเพียงความเงียบที่ลอยคลุ้งไปทั่วบ้านหลังนี้
"มีอะไรจะพูด พูดมา"
"..."
"ฉันจะฟัง" เป็นเสียงของพลลภัตม์ที่เอ่ยออกมาอย่างหมดความอดทน เขาไม่อยากหายใจร่วมโลกกับคนๆ นี้แม้สักนาทีเดียวก็ไม่อยากทำ เขาเกลียดหน้าอีกฝ่ายมากแค่ไหน เขมินทร์ก็เกลียดเขามากเท่านั้นแล้วทำไมยังต้องมานั่งเงียบๆ ไม่รีบพูดสักที ความต้องการของตัวเองสักที
จะยื้อเวลาไปถึงเมื่อไหร่
"ใจร้อน ไม่สมกับเป็นพี่พัดเลยนะครับ" เขมินทร์ส่งเสียงหัวเราะหึหนึ่งครั้งก็จะเอ่ยกระทบอีกฝ่าย
"ฉันไม่อยากเสียเวลากับคนอย่างนาย"
"..."
"เวลาชีวิตของฉันมันสำคัญ" เขมินทร์ใช้สายตามองลึกลงไปในดวงตาของอีกฝ่าย เขากำลังประเมินว่าคนตรงหน้าเขาตอนนี้ มีความรู้สึกอย่างไร โบราณเขาบอกไว้ว่า
รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
"หย่ากับพี่เรนซะ" เขมเอ่ยความต้องการของตนออกไปในที่สุด เขามาที่นี่ก็เพื่อมาบอกให้พลลภัตม์รู้ว่าควรทำอะไรในเวลานี้ รู้ทั้งรู้ว่าเรวัตไม่ได้รักตนแล้ว จะยื้อเวลาไปอีกทำไม มันน่ารำคาญ
"หึ"
"ผมไม่เข้าใจว่าพี่จะยื้อไปทำไม พี่เรนเขาไม่ได้แคร์พี่แล้วพี่ก็น่าจะรู้" เขมินทร์เอ่ยทับให้อีกฝ่ายนึกตามคำพูดของตน
"..."
"จากเหตุการณ์ที่กองถ่าย ผมว่าเขาเลือกผมมากกว่าพี่" การที่เรวัตวิ่งเข้ามาห้ามเขากับป้องเมื่อวานมันก็ชัดเจนแล้ว ว่าใครสำคัญกว่ากัน
"เหรอ...ถึงเมื่อวานเขาจะเลือกนายแต่สุดท้ายเขาก็กลับมา" พัดที่ทนฟังเขมพล่ามอยู่นานก็ขอตอบคืนกลับไปบ้าง ถึงเขาจะรู้ว่าเรวัตกำลังหลงเขมินทร์มากแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็แค่ครั้งคราว สุดท้ายอีกคนก็กลับมาเพราะเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเขาก็ต้องปกป้องครอบครัวของเขาภีมพลและภาณินยังต้องการพ่อ ครอบครัวของเรายังต้องการความสมบูรณ์
"..."
"นายคงไม่รู้ว่าผู้ชายมันทิ้งทะเบียนสมรสไม่ได้หรอก" เขมินทร์กำหมัดแน่นจนเล็กจิกลงไปยังฝ่ามือของเจ้าตัว ข้อนิ้วเริ่มขึ้นสีขาวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น
"..."
"ฉันคบกับเรวัตมา 10 กว่าปี ฉันรู้นิสัยเขาดี"
"..."
"ผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนี้ เขาไม่ยอมทิ้งสิ่งที่ให้ประโยชน์กับตัวเองหรอก"
"..."
"ถ้าเขาจะเลือกทิ้ง...ลองคิดตามฉันดูนะ คนที่เป็นหน้าเป็นตาอย่างฉันกับคนหลังม่านอย่างนายที่มีแต่จะทำให้เสีย"
"..."
"เขาจะเลือกทิ้งใคร" เสียงทุ้มของพัดสิ้นสุดลงก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเยาะของเขมินทร์ทันที เพราะความคิดที่เข้าข้างตัวเองของพลลภัตม์กำลังทำให้เขาขำ พลลภัตม์เหมือนกำลังเพ้อฝันอยู่ในดินแดนแสนสวยเหมือนทุกอย่างสวยงามตระการตา แต่เขาจะเป็นคนที่ฉุดอีกฝ่ายขึ้นมาพบกับความจริงที่มันโหดร้ายสำหรับโลกนี้เอง
"เคยถามเขาแล้วเหรอครับ...ว่าเขาเลือกใคร" เขมินทร์ตอบกลับพลลภัตม์ด้วยคำถาม แววตาที่ชะงักไปของอีกคนทำให้เขารู้คำตอบโดยที่พัดไม่ต้องตอบคำถาม มือขาวของเขมเลื่อนลงไปในกระเป๋าหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารสีดำขึ้นมา ก่อนที่จะปลดล็อกมันและทำการอะไรสักอย่าง พัดมองตามการกระทำของเขมินทร์ตลอดเวลาด้วยความสงสัย จนกระทั่ง
'เมื่อไหร่เรื่องมันจะจบสักที' เขาเปิดเทปบันทึกเสียงที่เขาแอบบันทึกเอาไว้เมื่อวานนี้ตอนไปกินข้าวด้วยกันกับเรวัตสองคนที่ร้านอาหารหรู
'พี่กำลังพยายามอยู่' พลลภัตม์เริ่มหน้าซีด เขาจำได้ทันทีเมื่อได้ยินเสียงนี้ เสียงของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเขา
'เขมรอพี่มาปีหนึ่งแล้วนะ พี่จะให้เขมรอไปนานแค่ไหน'
'...'
'พี่เรน'
'พี่จะหย่ากับเขาให้เร็วที่สุด' ความเจ็บมันแล่นขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงปลายผม เขาชาไปทั้งตัวเมื่อรู้ว่าผู้ชายที่เขารักและไว้ใจมีความต้องการที่จะหย่ากับเขา วินาทีที่ได้ยินคำนั้นมันเหมือนมีมีดพุ่งเข้ามาปักที่กลางหัวใจ หลังจากนั้นก็เหมือนมีมือปริศนามาจับด้ามมีดและบิดมันให้ยิ่งเสียดจนมันเจ็บแสบไปทั่วทั้งก้อนเนื้อ เหมือนมันกำลังจะแหลกสลาย เสียงเดียวกับที่เคยบอกรักเขา เสียงเดียวกับที่เคยขอเขาแต่งงาน
เสียงนั้น...วันนี้มันทำร้ายเขา
น้ำตาของพัดเริ่มที่จะไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งเขาพยายามที่จะกลั้นและหยุดมันเท่าไหร่ เหมือนร่างกายมันไม่ฟัง เหมือนหัวใจมันไม่รับคำสั่งแต่ตะโกนกู่ร้องออกมาว่า
เจ็บขนาดนี้ ไม่ต้องกลั้นแล้ว
เขมินทร์มองภาพตรงหน้าด้วยความสะใจ เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาเก็บไว้ในกระเป๋าจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเตรียมตัวที่จะเดินจากไป แต่ก็ที่จะเขาจะได้ก้าวขาออกไปจากบ้านหลังนี้ เขาก็หันมาหาพัดอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"หวังว่าพี่...จะทำตามความต้องการของพี่เรนนะครับ"
"ฮึก...ฮึก"
"เป็นผมคงไม่ยื้อไว้ มันไร้ประโยชน์" ขาเรียวก้าวออกจากประตูบ้านและเดินออกไปเรื่อยๆ มีฉากหลังเป็นเสียงร้องไห้ของใครอีกคนที่เขาเพิ่งจะไปทำลายความรู้สึกมา เขมเดินมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าประตูรั้ว มือเรียวผลักประตูรั้วเพื่อเปิดออกจากนั้นจึงเดินตรงไปยังรถของเจ้าตัวที่จอดชิดริมถนนเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ขึ้นรถเขาก็โดนเสียงทุ้มต่ำเอ่ยรั้ง
"เขม"
"พี่นนท์" เขมินทร์หันไปตามเสียงเรียกก็เจอเข้ากับร่างสูงคุ้นตาของคนตรงหน้า ชานนท์ ปราณกุล คนที่ได้ชื่อว่า
แฟนเก่าของเขา
"ไม่เจอกันนาน ยังหล่อเหมือนเดิมนะครับ" ชานนท์ไม่ได้สนใจคนตรงหน้าเท่าที่ควรเพราะเขาสนใจมากกว่าว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เดินออกมาจากบ้านของคุณพัดได้ เขมินทร์คือแฟนเก่าของเขา เราเลิกกันไปได้สองปีแล้วก่อนที่เขมจะเข้าวงการในฐานะนักแสดง เพราะเขาจับได้ว่าเขมแอบไปมีสัมพันธ์ลับๆ กับเพื่อนของเขา มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราจบลง
"เขมมาทำอะไรที่นี่"
"เขมมาสะสางปัญหาคาใจ"
"เขมรู้จักคนบ้านนี้?" เขาเอ่ยออกถามออกไป
"ครับ...ครอบครัวเดียวกัน"
"..."
"พี่นนท์อยู่แถวนี้เหรอครับ" เป็นทีของร่างเล็กที่เอ่ยถามอีกฝ่ายก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้
"ใช่" ชานนท์ถอยหลังเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าเดินเข้าใกล้กันเกินไป
"เขมกลับก่อนนะครับ ไว้วันหลังเขมจะแวะมาหา" พูดพลางเขย่งจูบปลายคางของร่างสูงแต่ก็ถูกอีกคนผลักออกมา เขมินทร์หัวเราะน้อยๆ ให้กับปฏิกิริยาของชานนท์ที่มีต่อเขา ก่อนที่จะเดินกลับไปขึ้นรถหรูและขับออกจากซอยไป ร่างสูงของชานนท์มองตามรถยนต์ของอีกฝ่ายจนลับสายตาจึงกลับมาให้ความสนใจกลับบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า เขาถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านเพราะเขาสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าการที่เขาเจอเขมินทร์ที่นี่
มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ขายาวก้าวมาเรื่อยๆ จนถึงประตูหน้าบ้านของพลลภัตม์ เขาเอื้อมมือออกไปผลักบานประตูเข้าไปข้างในก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วก็เจอเข้ากับพลลภัตม์ที่นั่งร้องไห้โฮอยู่ที่โซฟา
"ฮึก ฮือ" เสียงสะอื้นของพัดดังก้องกังวานไปทั่วทั้งบ้านภาพตรงหน้าของอีกคนซ้อนทับกับภาพของเขาในอดีตตอนที่รู้ว่าเขมินทร์นอกใจเขา เขาเดินเข้าไปใกล้กับอีกฝ่ายก็จะยื่นมืออกไปลูบหลังของอีกคน พลลภัตม์ชะงักไปก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองแต่ภาพในม่านสายตาของพัดมันกลับพร่ามัวไปหมดเพราะถูกบดบังด้วยหยดน้ำตาของความเสียใจ เมื่อปรับโฟกัสได้และเห็นว่าเป็นคุณนนท์ เขาก็ร้องไห้หนักขึ้นไปอีกอาจเป็นเพราะสัมผัสแผ่วเบาที่มันปลอบโยนเขา สัมผัสอ่อนโยนเช่นนี้ที่เขาไม่เคยได้รับจากสามีเลย
ตั้งแต่แต่งงานมาเขาแทบไม่เคยได้รับความอ่อนโยนจากใครอีกคนเลย
ชานนท์ปล่อยให้พลลภัตม์ร้องไห้ต่อไปโดยไม่ได้เอ่ยถามถึงสาเหตุของความเสียใจมีเพียงการลูบหลังอีกคนไปมาคล้ายกำลังปลอบโยนอีกฝ่ายอยู่เนืองๆ นานเป็นชั่วโมงอีกคนถึงยอมสงบลงและตอนนี้พวกเขาก็ได้ย้ายจากโซฟาในบ้านออกมานั่งสูดอากาศที่สวนหลังบ้านเพื่อให้สมองมันโล่งมากขึ้น เรานั่งดื่มชาคาโมมายล์ด้วยกันแต่กลับไม่ได้มีเสียงสนทนามีเพียงความเงียบที่ลอยผสมไปกับกลิ่นหอมของชาที่คอยโอบกอดพวกเขาอยู่ในตอนนี้ จากความเงียบก่อให้เกิดความสบายใจขึ้นในความสัมพันธ์และสร้างความไว้ใจขึ้นมาอีกขั้น
"สามีผม...เขานอกใจผม" เสียงแหบติดสั่นของอีกคนเอ่ยออกมาเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้ที่หนักหน่วงกับเรื่องที่พบเจอมาทำให้เสียงของอีกคนแทบไม่เหลือแล้ว พัดพยายามเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คนตรงหน้าฟัง เล่ามาตั้งแต่แรกที่เขาเจอใบเสร็จค่าที่พักจนถึงเรื่องของคลิปเสียง น้ำตาของพลลภัตม์ก็กลับมาไหลอีกครั้ง เขาเริ่มที่จะเบื่อกับการร้องไห้ให้ผู้ชายคนนี้แต่เขาก็หยุดร้องไม่ได้ และเริ่มร้องหนักขึ้นเมื่อนึกถึงคำหลอกลวงที่ผู้ชายที่ชื่อว่าเรวัตเคยให้กับเขาเอาไว้
ชานนท์มองเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ เขาเคยเป็นอย่างพลลภัตม์มาก่อนเขารู้ว่ามันยากที่จะต้องยอมรับความจริงว่าคนที่เคยบอกว่ารักตอนนี้ไม่ได้รักเขาแล้ว กว่าที่เขาจะก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนั้นได้มันต้องใช้เวลาจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งนั้น เราไม่มีทางลืมเขาได้ เราลืมคนที่ทำร้ายเราไม่ได้หรอกแต่เราสามารถที่จะไม่เจ็บกับสิ่งที่เขาเคยทำได้
ถ้าวันไหนเราไม่รู้สึกหรือเจ็บกับเขาอีกแล้ว...วันนั้นคือวันที่เราเดินจากมันมาได้แล้ว
เขาเอื้อมแขนไปโอบไหล่ของอีกคนดึงให้มาซบลงที่อกของตัวเอง พลางใช้มือลูบหลังไปมา ตอนนี้พลลภัตม์ไม่ได้ต้องการความคิดเห็นจากใคร เขาแค่ต้องการใครสักคนที่อยู่ข้างๆ และรับฟังเขาเงียบๆ แค่นั้นก็พอแล้ว
"แม่" เสียงเล็กเอ่ยออกมาจากทางด้านหลังของพวกเขา พัดและนนท์หันไปตามเสียงเรียกจึงเจอเข้ากับภีมพลที่อยู่ในชุดนักเรียน ยืนอยู่ที่หน้าบานประตูหลังบ้านที่เชื่อมกับสวน
"ทำอะไรกัน" เสียงเล็กเค้นถามออกมาอีกครั้งเมื่อไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก ใบ้หน้าของภีมพลที่พัดเห็นตอนนี้พาลอยากจะทำให้เขาร้องไห้มากขึ้นไปอีก มันคือหน้าของคนผิดหวังและเสียใจ ภีมพลไม่อยู่รอฟังคำแก้ตัวใดๆและหันหลังเดินกลับเข้ามาในบ้านทันที ทำให้พลลภัตม์ต้องวิ่งตามมาและฉุดแขนของอีกฝ่ายไว้
"ฟังแม่อธิบายก่อน...ฮึก...นะ" พลลภัตม์พูดไปร้องไห้ไปอย่างน่าสงสาร แต่เพราะม่านน้ำตาบดบังเขาจึงไม่เห็นว่าภีมพลเองก็กำลังร้องไห้อยู่เช่นเดียวกัน
"งั้น...ฮึก...แม่ก็พูดมา....ฮึก ว่าแม่กำลังทำอะไรกับเขา!" ภีมพลพยายามกลั้นเสียงสะอื้นสุดความสามารถของตนเองก่อนจะเรียบเรียงประโยคและเอ่ยถามคนที่มีศักดิ์เป็นมารดาของเขา
"พ่อ...ฮึกพ่อเขานอกใจแม่...ฮือ" นนท์ที่เห็นพัดเริ่มสะอื้นหนักขึ้นมาอีกครั้งจนน่าสงสาร เขาจึงเดินเขาไปประคองพาทั้งสองคนมานั่งลงที่โต๊ะในสวนหลังบ้านเพราะเขากลัว กลัวว่าจะภาณินจะมาได้ยินความจริงที่แสนเจ็บปวดนี้ เมื่อมาส่งทั้งสองแม่ลูกนั่งลงที่โต๊ะได้แล้ว เขาก็ขอแยกตัวออกไปเพราะเขาคิดว่าเรื่องนี้ควรปล่อยให้ทั้งสองคนได้คุยกันเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า ส่วนตัวเขาเองก็แยกขึ้นไปหาภาณินบนห้องเพื่อดึงอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ลงมาข้างล่าง
ผ่านไปนานหลายนาทีพัดและภีมก็เริ่มที่จะสงบลง พลลภัตม์พยายามควบคุมสติและเริ่มเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ลูกฟังแม้เสียงจะสั่นไปบ้าง แต่เขาก็เล่าจนจบเขาพยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่กำลังไต่ขึ้นมาอีกครั้งพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองที่กำลังจะไหลให้กับเรื่องเฮงซวยนี้อีกครั้ง เขาไม่อยากให้ลูกมองว่าเขาอ่อนแอ
"ผมรู้...รู้มาตั้งนานแล้ว" เสียงเล็กของภีมพลเอ่ยบอกกับคนเป็นแม่ก่อนที่จะเริ่มร้องไห้ออกมาเงียบ
"ภีม"
"ผมรู้...รู้ว่าพ่อนอกใจแม่ รู้ว่าพ่อหักหลังเราแต่แม่อย่าทำแบบพ่อได้ไหม ฮึก"
"ได้โปรดอย่าทำร้ายผมกับน้องเหมือนที่พ่อทำ ฮึก...ฮือ" น้ำตาของภีมพลทำให้พัดรู้สึกเจ็บในใจ น้ำตาของลูกเหมือนน้ำกรดหยดลงกลางใจเขา มันกำลังทำให้เขาเจ็บเหมือนหัวใจกำลังแหลกละเอียด
เขากำลังเป็นคนทำร้ายลูกโดยไม่ได้ตั้งใจ
"ฮึก...แม่กับคุณนนท์เราไม่มีอะไร เขาคะ...แค่อยู่เป็นเพื่อนแม่"
"ฮึก...ฮือ" พัดดึงตัวภีมพลเข้ามาในอ้อมกอดและปลอบประโลมอีกฝ่ายด้วยความรักที่เขามีให้
"เชื่อใจแม่นะ...ฮึก...แม่ไม่เคยคิดทำร้ายลูก ฮือ" ทั้งสองกอดกันร้องไห้จนเหนื่อยอ่อน ปล่อยให้เวลาผ่านไป พัดผ่านไปเรื่อยๆ นานมากขึ้นพายุอารมณ์ของคนทั้งคู่จึงค่อยๆสงบลง แต่ทั้งคู่ก็ยังกอดกันไม่ได้ปล่อยกันไป
"แม่จะทะ...ฮึก ทำยังไงต่อ" ภีมพลเอ่ยถามอีกฝ่ายถึงการตัดสินใจในเรื่องนี้ เขาอยากรู้ว่าแม่จะทำยังไงจะทนอยู่ต่อไปเพื่อคำว่าครอบครัวจอมปลอมหรือเลือกที่จะถอยออกมา
"ภีมอยากให้แม่ทำยังไง" พัดเอ่ยย้อนถามอีกฝ่าย การตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่มีพื้นฐานของปัญหามาจากครอบครัวก็ควรให้ลูกมีสิทธิ์ในการออกความคิดเห็นด้วย เขาไม่อยากถูกมองว่าเขาไม่สนใจในความรู้สึกของลูกเพราะลูกสำคัญกับเขามากที่สุดในตอนนี้ และเขาต้องรักษามันไว้ให้ได้
"ภีมมะ...ไม่รู้ ภีมไม่รู้" เขาอยากให้แม่หย่าเพื่อความสุขของแม่เอง แม้เขาจะเกลียดผู้ชายคนนั้นแต่ภายในตัวเขากับยังบางเสียงในใจที่บอกว่ายังรักและห่วงผู้ชายคนนั้นเสมอ เขากำลังสับสนแต่เขาก็ไม่อยากให้แม่ทนอีกต่อไป เขาสงสารแม่ แต่เขาก็ยังอยากให้มันเป็นครอบครัวด้วยกันอยู่ เขาเกลียดความรู้สึกนี้ชะมัด
พัดเองมีความคิดที่จะยื้อคำว่าครอบครัวเอาไว้เพื่อรักษามันแต่เขาไม่รู้ว่ามันจะดีกับลูกและดีกับตัวเขาเองจริงๆ หรือเปล่า เขาไม่แน่ใจว่าต้องตัดสินใจยังไง ถ้าเขาหย่าภีมและภาจะรับได้ไหมที่จะไม่ได้เจอพ่ออีก เขาจะรับได้ไหมถ้าเราต้องแยกกันใช้ชีวิต เขาจะรับได้ไหมถ้าถูกสังคมจับตามอง
มันยากไปหมด
"แม่จะคุยกับพ่อเอง เรื่องต้องจบ"
"..."
"แม่จะไม่ให้เรื่องนี้มันมาทำร้ายเราอีก แม่สัญญา" เขากอดภีมพลแน่นขึ้นไปอีกแทนคำมั่นสัญญาว่าจะดูแลและปกป้องภีมและภาให้ดีที่สุด
"แม่ พี่ภีม" เสียงภาณินร้องเรียกพวกเขาทั้งสองคนก่อนที่จะตามมาด้วยร่างเล็กของเจ้าตัววิ่งเข้ามาหา
"ร้องไห้ทำไมครับ เกิดอะไรขึ้น" ภาณินช้อนตามองคนทั้งคู่ก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ้อนทำเอาคนเป็นแม่อย่างพลลภัตม์จะหลั่งน้ำตาอีกรอบ
"ไม่มีไรหรอกเตี้ย แม่แค่ดุกูเรื่องทำตัวไม่น่ารัก" เป็นภีมพลที่เอ่ยแก้ตัวออกไปเพราะเขารู้ว่าภาณินยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับความเจ็บปวดแบบนี้ ก่อนที่จะปาดน้ำตาออกแล้วลากตัวน้องชายให้ออกมาจากมารดาโดยอ้างว่าแม่จะไปเตรียมของทำอาหารสำหรับวันเกิดของเจ้าตัวเอง ภาณินแม้จะยังไม่เชื่อแต่ก็ยอมเดินตามพี่ชายของตนออกมาแต่โดยดี พลลภัตม์เองก็สงบสติอารมณ์ก่อนที่จะเดินกลับเข้ามาในบ้านเพื่อไปทำอาหารเตรียมพร้อมสำหรับมื้อเย็นนี้ ขณะที่กำลังเดินไปยังครัวเขาก็เห็นนนท์กำลังหยอกล้อกับภาณินอยู่ที่โซฟาอย่างสนุกสนาน ภาพตรงหน้าเรียกรอยยิ้มจากเขาได้อีกครั้ง
เขาแค่ต้องการให้ลูกมีความสุขแค่นั้นเอง
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ทำให้คนในบ้านทุกคนต่างสนใจกันว่าใครมากดกริ่งในเวลาหนึ่งทุ่มแบบนี้
"สงสัยจะเป็นของที่ผมสั่งไว้น่ะครับ" เป็นชานนท์ที่เอ่ยออกมาก่อนจะรีบวิ่งออกไปยังหน้าประตูรั้วเพื่อรับเอาของที่ตนสั่งจากคนขับรถส่งอาหารเข้ามาด้านใน พลลภัตม์ที่จัดโต๊ะสำหรับมื้อเย็นเสร็จแล้วก็ยืนมองชานนท์หิ้วถุงบางอย่างเดินกลับเข้ามาอย่างสนใจ
"อะไรเหรอครับ"
"เพราะว่าวันนี้ ผมเห็นคุณพัดยุ่งๆ คงจะลืม" ชานนท์เอื้อมลงไปในถุงหยิบเอากล่องสี่เหลี่ยมขึ้นมาก่อนจะยื่นให้พัดดู เขารู้ว่าวันนี้คุณพัดเจอเรื่องหนักๆ มาตั้งแต่เช้าและคงลืมที่จะสั่งเค้กสำหรับวันเกิดของภาณินเพราะตอนที่เขาเปิดตู้เย็นเขาไม่เจอเค้กวันเกิด เขาจึงโทรสั่งมาให้ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดจากเขา เขาแอบเนียนถามภาณินแล้วว่าเจ้าตัวชอบเค้กรสอะไร และเขามั่นใจว่าภาณินจะถูกใจ
"เค้กเหรอครับ"
"ใช่ครับ"
"เค้กช็อกโกแลต!!!" ภาณินกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นของที่ตัวเองชอบอยู่ตรงหน้า
"ขอบคุณนะครับคุณนนท์"
"ขอบคุณมากครับคุณน้า"
"สุขสันต์วันเกิดนะครับเด็กดีของน้า" เขาย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยอวยพรวันเกิดให้กับเด็กตัวเล็กตรงหน้าพลางยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายไปมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะขอตัวกลับโดยอ้างว่าต้องกลับไปปั่นต้นฉบับต่อจึงไม่อาจอยู่ร่วมทานอาหารด้วยได้ ทั้งๆ ที่ความจริงเขาอยากอยู่ด้วยมากแค่ไหนแต่เพราะรู้ว่าถ้าเรวัตกลับมาแล้วเจอเขาเข้า วันเกิดของหนูน้อยที่เขาเอ็นดู
คงจะพังยับไม่เป็นท่าทั้งงานและความรู้สึกของเด็กๆ
หลังจากที่ชานนท์ขอตัวกลับบ้านไปเขาและลูกๆทั้งสองก็นั่งรอเรวัตกลับมาจากทำงานที่โต๊ะทานอาหารอย่างพร้อมหน้า แววตาของภาณินคอยเหลือบมองไปที่นอกบ้านอยู่เสมอ เขารอพ่อมาตลอด ตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเราก็ไม่ได้ฉลองวันเกิดร่วมกันอีกเลย และวันนี้พ่อก็สัญญา
สัญญาแล้วว่าจะกลับมาฉลองวันเกิดด้วยกัน
จากหนึ่งทุ่มเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสองทุ่มจากสองทุ่มเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสามทุ่ม ก็ยังไม่เห็นเงาของเรวัตโผล่มา ภาณินเริ่มหมดความหวังลงทีละนิดแต่ก็ยังหวังว่าพ่ออาจจะเลิกงานช้า พัดเองที่คอยมองลูกอยู่ตลอดเวลาก็เริ่มสงสารลูกขึ้นมา ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์โทรหาเรวัตเพื่อถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว
หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้
ไม่สามารถติดต่อเรวัตได้ เขาได้แต่ภาวนา ภาวนาว่าอีกคนคงจะไม่ลืมวันเกิดของลูกชายและขอร้องอ้อนวอนต่อหน้าพระเจ้า ว่าอย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย
"เราเป่าเค้กกันก่อนไหมครับ เดี๋ยวคุณพ่อคงกลับมา" ตอนนี้เป็นเวลา 22.30 น. แล้ว เรวัตก็ยังไม่กลับบ้านมา ความสดใสในตอนแรกของภาณินเริ่มหายไปทีละนิดๆ จนตอนนี้ภาณินไม่เหมือนเมื่อตอนหัวค่ำอีกแล้ว เขาเงียบ เงียบจนน่ากลัว เขาไม่พูดอะไรทั้งนั้น ภาณินพยายามข่มอารมณ์น้อยใจของตัวเองที่มันกำลังปะทุขึ้นมา
"คุณพ่อ...ลืมใช่ไหมครับ"
"ภา"
"คุณพ่อ...ฮึก....คุณพ่อลืมวันเกิดน้องภาใช่ไหม" ภาณินเอ่ยเสียงสั่นก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้และวิ่งขึ้นห้องไปโดยมีเสียงตะโกนเรียกพลลภัตม์ตามหลังมา
"ภา...ภาลูก...น้องภา" ภาณินปิดประตูและขังตัวเองเอาไว้ในห้องก่อนจะกอดเข่าและร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร เสียงสะอื้นดังออกมาจากห้องจนทำให้พลลภัตม์น้ำตาคลอตามไปด้วย เขายืนอยู่หน้าห้องลูกแต่ไม่กล้าเคาะเรียกลูก ใจเขาเหมือนมันถูกกรีดด้วยใบมีดจนมันพังยับเยินไปหมดแล้ว
Rrrrrrrrrr
โทรศัพท์ของเขาสั่นแสดงให้เห็นว่ามีข้อความเข้ามาจากไลน์ของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย
Rain : ส่งรูปภาพ
Rain : วันนี้พี่เรนคงไม่กลับนะครับ ฉลอง Anniversary 1 ปีกับผมทั้งคืน
รูปของเรวัตที่นอนอยู่บนเตียงโดยที่ร่างกายเปลือยเปล่า แค่นั้นมันก็พอแล้วพอที่จะทำให้เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขายืนแทบไม่ไหวเมื่อเขารู้ว่าผู้ชายคนนั้นเลือกเด็กนั้นมากกว่าครอบครัวของตัวเอง เขาไม่มาวันเกิดลูกเพราะมัวแต่ไปนอนกับมัน ขาของพัดอ่อนแรงจนเหมือนไม่มีแรงเขาทรุดตัวลงพิงประตูหน้าห้องของภาณินและเริ่มที่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่เขาก็ต้องกลั้นเสียงเอาไว้ เขาไม่อยากให้ลูกรู้ว่าเขากำลังอ่อนแอ เขาต้องเข้มแข็ง
เขาต้องทำอะไรให้มันถูกที่ถูกทางได้แล้ว
แสงของดวงอาทิตย์สาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาภายในตัวบ้านเป็นเหมือนสัญญาณเริ่มวันใหม่ ทุกคนต้องลุกขึ้นมาใช้ชีวิตอีกครั้งหลังจากการนอนหลับพักผ่อน แต่ผิดกับพลลภัตม์ที่ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เพราะเขานั่งรอสามีของเขามาตั้งแต่กลางดึกจนถึงรุ่งเช้า
เสียงรถยนต์ที่ดังอยู่หน้าบ้านเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าอีกคนกลับมาถึงบ้านแล้วเรียบร้อย รถยนต์คันหรูจอดสนิทในที่จอดรถก่อนจะปรากฏร่างสูงของเรวัตที่เดินกลับเข้ามาภายในตัวบ้าน ด้วยสภาพอิดโรยเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน
"พัด" เรวัตเอ่ยทักอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ที่โซฟาก่อนที่พัดจะเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ และหลังจากนั้น
เพี๊ยะ
มือขาวของพลลภัตม์ฟาดลงบนแก้มของเรวัตในทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ มันแรงมากจนเรวัตเซถลาไปข้างหลัง เขารู้ว่าเรวัตเจ็บแต่นั้นยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเขาและลูก
"นี่มันอะไรกันพัด!"
เพี๊ยะ
เขาฟาดมันลงไปอีกครั้งทันทีที่เจ้าตัวเอ่ยปากถามเขาออกมาถึงสาเหตุที่เขาตบหน้าอีกฝ่ายแบบนี้
"พัด!"
"พัดจะหย่า!"
...
- TBC -
เราอยากอ่านเมนท์ทุกคนเลย เมนท์ติชมให้ด้วยน้าาาา
พูดคุยกันได้ในทวิตนะครับ แท๊กนี้เลย #เกมนอกใจ เราอยากคุยกับทุกคนน้า
ไปพูดคุยกันได้ในทวิตนะ >>
https://twitter.com/lopittuppฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะค้าบ