ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59  (อ่าน 777145 ครั้ง)

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
รู้-สึก-ค้างงงงงงง  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
อยากรู้ว่าถ้าทีรู้ความจริงจะเป็นไงต่อ
แล้วยังรู้สึกหมั่นไส้จ๊อบนิดๆอยู่เลย ตอนนึกถึงอดีตที่เต้ยมาเก็บถุงยางให้  :m31:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ away3g

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-1

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
Re: ll นจะเลิกกัน 15/03/15 (P.39) อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #1173 เมื่อ20-03-2015 20:34:20 »

ผมเริ่มรำคาญ เต้ย ละ จะอะไรหนักหนา เข้าใจว่าเจ็บ แต่คิดดีๆ จ๊อบผิดมากจริงๆ หรอ

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
บางทีก็อยากจะให้ทีเจ็บแบบที่เบียร์เจ็บนะ  สงสารเบียร์ แบกรับอยู่คนเดียวมาได้ตั้งนาน

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ นิรนาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามๆ มาต่อเร็วน้าาาาา      :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ tipakorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอที-เบียร์ มาต่อเร็วๆๆนะ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
รอพี่ทีกะพี่เบียร์เคลียร์กัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17



                    ยกที่ 20 :  การจากลา






        “ ที”

        “....”

        “ ที”



        ผมเม้มปากแน่นและลอบมองใบหน้าด้านข้างมันอยู่อย่างนั้น ใบหน้าคมคายของมันมองไปเบื้องหน้าพื้นถนน ความเร็วของรถที่มันเป็นคนขับยังคงเร็วสม่ำเสมอแววตาของมันแดงก่ำครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

        ท่าทางแบบนี้ดูก็รู้ว่าเรื่องที่ได้รับรู้ว่าก่อนหน้าคงช็อคไม่เบา ผมหลับตานิ่งเมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ที่เหมือนกันจุดประกายรอยร้าวอย่างแท้จริง มันเข้ามาในจังหวะที่ผมกับแม่และย่าของมันนัดเจอกันอีกครั้งหลังจากที่พวกเราเคยพบกันเมื่อสองปีก่อน


        “ มีใครคิดจะพูดความจริงกับผมบ้างมั้ยครับ”


        คำถามที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยเจือไปด้วยความเจ็บปวดถามขึ้น ใบหน้าคมคายแดงก่ำ แววตาที่เคยทอประกายให้แสงสว่างกลางใจดูมืดมน ทุกอย่างเงียบสนิทไปหมด

       ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างอ้ำอึ้งและเหนือสิ่งอื่นใดทุกคนรู้ดีว่าครั้งนี้ต่างจากครั้งไหนๆ เพราะมันถึงเวลาที่สิ่งที่มันเฝ้าถามมาตลอดสองปีควรจะเปิดเผยเสียที คำบอกเล่าเจือน้ำเสียงสะอื้นเบาๆของแม่มันจึงเริ่มขึ้น เวลาที่นั่งฟังผมเห็นมันกำหมัดแน่น มีน้ำใสๆเอ่อคลอเต็มหน่วยตาโดยที่เจ้าตัวคงจะอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด ย่ามันเดินไปโอบบ่ากว้างตอนที่เห็นหลายชายคนสำคัญปิดปากแน่น แต่ท่าทางเหมือนคนที่ไม่รับรู้กับเรื่องใดๆ


       “ ทำไมทุกคนถึงชอบคิดและตัดสินใจแทนผม” มันถามขึ้นน้ำเสียงสั่น  “ ทำไมถึงไม่คิดที่จะบอกหรืออธิบายเรื่องอะไรให้ผมรับรู้บ้าง ทุกคนปกปิดผมเพื่ออะไร”

       “ อีกนานเท่าไหร่ที่จะมีคนบอกความจริงกับผม”

       “......”

       “..การอยู่กับความไม่รู้อะไรเลย มันทรมานมากนะครับ”

       “ ที”


       “ ทุกคนหวังดีกับผม...” มันแค่นยิ้ม “...แต่ความหวังดีเหล่านั้นทำลายจิตใจของผมจนไม่เหลือชิ้นดี”

       “ ที แม่ขอโทษ”

       แม่มันร้องไห้โฮ ไม่ต่างจากย่าของมันเลย


        “..ความรักของแม่กับคนในครอบครัวมีความสำคัญกับผมมากครับ ผมไม่เคยนึกเสียใจที่เกิดมาเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่...” มันพูดเสียงแผ่ว “...แต่ผมเสียใจที่รู้ตัวว่าตัวเองไม่คู่ควรกับชาติตระกูลนี้เลย”


       “ ไม่นะที ไม่นะลูก”

       “......”


       มันลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มลงกราบแม่กับย่าอย่างนอบน้อม “...ขอโทษที่ทำให้คุณแม่และคุณย่าเสียน้ำตามาตลอด ขอโทษครับ”


       “ ผมคงอ่อนแอจนคุณย่าและคุณแม่ต้องปกป้องดูแลมาตลอดสินะครับ แต่นี่มันคือชีวิตของผม ขอโอกาสผมสักครั้งที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองปรารถนา”

       “ ที จะทำอะไรลูก”

       มันลุกขึ้นยืนคว้ามือผมให้ผุดลุกตาม “...ขอให้ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสที่จะตัดสินใจเองเถอะครับ”


       นั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ผมกับมันจะมานั่งอยู่ในรถซึ่งหน้าปัดชี้เข็มความเร็วมากกว่าร้อยแบบนี้


       “ ที”

       “...”

      มันหันมามองแล้วพ่นลมหายใจเบาๆ มือข้างหนึ่งเอื้อมมือกุมข้อมือผมไว้ก่อนที่ความเร็วของรถจะลดลง “ ขอโทษนะ กลัวมากรึเปล่า”


       คงเพราะสีหน้าผมสีซีดเผือดสาเหตุมาจากไม่ค่อยจะถูกกับความเร็วเท่าไหร่ มันรู้ดีถึงเอื้อมมือข้างหนึ่งมากุมมือที่เย็นซีดไม่ต่างใบหน้าตัวเองสักเท่าไหร่ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้มันขับรถด้วยมือเดียว

       “ มะ ไม่เป็นไร”

       มันถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่มือจะกระชับมือผมจนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น แล้วสุดท้ายรถคันหรูที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงก็ค่อยๆลดระดับความเร็วลงจนสุดท้ายมันวนรถไปจอดใต้สะพานแห่งหนึ่งซึ่งใกล้ๆกันนั้นมีสวนสาธารณะขนาดกลางอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

       รถคันหรูจอดสนิทลงทันทีก่อนที่มันจะขยับตัวลุกออกจากรถไปโดยมีผมก้าวออกจากรถตามไปติดๆ มันชะลอฝีเท้าลงเพื่อรอผมก่อนที่เราจะก้าวเดินอย่างเชื่องช้าไปพร้อมๆกัน สุดท้ายเราทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่ริมแม่น้ำสายใหญ่ซึ่งมีรั้วกั้นป้องกันการตกในระดับเอว


       “ เบียร์”

       “ หืม”

       “ เหนื่อยมั้ย” คำถามของมันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของบริเวณโดยรอบ แววตาที่ทอดมองมาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า


       “.......”

       “ สองปีที่ผ่านมาเหนื่อยมากรึเปล่า”

       เหนื่อยสิ

       เหนื่อยมาก

       เหนื่อยที่ต้องละทิ้งหัวใจตัวเองทั้งที่มันเป็นเรื่องที่ทำยากที่สุดในชีวิต


       “ กู..” แต่คำๆนั้นยังดังอยู่แค่ในลำคอ มือหนาของมันขยับขึ้นมาเกลี่ยรอบดวงตาของผมเบาๆ

       “ เคยมีสักครั้งมั้ยที่มึงคิดจะเกลียดกูจริงๆ”

       “ เคยสิ” ในที่สุดก็มีคำพูดหลุดออกจากลำคอผม


       เราสบตากัน

       แววตาคู่นั้นของมันเจือไปด้วยความเสียใจแต่เพียงแวบเดียวเพราะมันก้มมองพื้นแล้วถอนหายใจ


        “ แต่ทำไม่เคยได้เลยสักครั้ง”


        ผมรู้สึกว่าตัวเองแทบปลิวเข้าไปอยู่ในแผ่นอกของผม เนื้อตัวมันสั่นเทาจนอ้อมแขนที่โอบรัดกันอยู่สั่นไหวไปด้วย ผมหลับตานิ่งเอียงซบอกกว้างพร้อมกับฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นอย่างรุนแรง

       “ ขอโทษ” มันกระซิบน้ำเสียงสั่นเครืออยู่ข้างหู “ เบียร์กูขอโทษ”

       “ ขอโทษที่กูงี่เง่า ขอโทษที่กูไม่รู้อะไรเลย ขอโทษที่ทำร้ายมึง ขอโทษ...”

        “.......”

       กลายเป็นว่าผมกำลังกอดปลอบมันซึ่งกำลังร้องไห้ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่เสียขวัญ แววตาคู่นั้นดูเจ็บปวดและเหนือสิ่งอื่นใดผมรู้ดีว่าหัวใจของมันก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน

       “ สองปี..”

       “.......”

       “ สองปีที่กูอยู่กับความรู้ไม่อะไรเลย กูโกรธทุกอย่าง กูเกลียดทุกคนที่มีส่วนให้เกิดเรื่องเลวร้ายระหว่างกูกับมึง กูโทษมึง กูแค้นจนอยากจะฆ่าให้ตาย แต่กูลืมนึกไปว่าการที่กูเป็นแบบนี้เพราะกูอ่อนแอเกินไป กูรักษาความรักของกูไว้ไม่ได้”


       “ ไม่หรอกที ไม่หรอก...” ผมกอดมันไว้เต็มอ้อมแขน

       “ กูเคยคิดจะประชดทุกสิ่งอย่าง แต่พอนึกถึงหน้ามึงกูกลับทำไม่ลง...” ท้ายเสียงมันแผ่วลง “...กูพยายามใช้ชีวิตคนเดียวมาตลอดสองปี จนวันที่เต้ยมันเข้ามา...”


        เราสบตากันอีกครั้ง

        ครั้งนี้แววตาที่มองกันมันเหมือนกับเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา

        “ กูบอกตัวเองมาตลอดว่าจะไม่มองใครเพื่อเป็นตัวแทนอีกคน...” มือมันสั่นๆ “...แต่สุดท้าย...กูก็มองมันเพราะมันมีอะไรหลายๆอย่างคล้ายกับมึง เหมือนมองหน้ามันทีไรคล้ายกับมีเงาสะท้อนจากแววตาคู่นั้น มันสดใส มันยิ้มสวย มันเอาใจใส่คนรอบข้างเหมือนมึงในตอนนั้น”

        “ เต้ยมันน่ารัก”

        ผมอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงรุ่นน้องคนที่ไอ้จ๊อบมันพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายที่จะเอาชนะใจอีกฝ่ายให้ได้ แต่ลึกลงไปผมรู้ดีว่าเต้ยมันน่ารักน่ามองจริงๆ คงมีไอ้ไอ้จ๊อบเท่านั้นแหละที่มองเห็นได้ช้ากว่าคนอื่น

        “ มันน่ารักแล้วมึงไม่คิดจะรักน้องมันจริงๆบ้างเหรอ..” ผมถามออกไป ด้วยความรู้สึกที่เจ็บหน่อยๆ ความเจ็บซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าตัวเองยังมีหัวใจอยู่

       ไม่ได้ชาชินจนไร้ความรู้สึก


       “...มันมีคนที่คู่ควรดูแลอยู่แล้ว...  แล้วมึงหล่ะ”  ท้ายประโยคมันหันมาถามผม ผมจึงเบือนหน้าที่ยังสายน้ำเบื้องหน้า

       “ กูเหรอ...”

       “ สองปีที่ผ่านมา คงมีแต่เรื่องเรียนกับงานถ่ายรูปหล่ะมั้ง”

       “ เบียร์”

       “ หืม”

       ตอนนี้เราทั้งคู่หันมองไปสายน้ำที่ไหลเอื่อยไปตามทางของมัน “ วันที่แม่กับย่าบอกให้มึงปล่อยมือจากกู...” ผมรู้ว่าเสียงในลำคอมันขาดหาย “...มึงมีความลังเลอยู่ในใจบ้างมั้ย”


       ผมแค่นยิ้ม

       ยิ้มทั้งที่น้ำตากำลังไหลเอ่อขอบตาไปหมด

       ภาพความทรงจำวันนั้นสว่างวาบขึ้นในหัวแค่คิดเนื้อตัวก็สั่นไปหมดแล้ว และมันคงรู้ถึงได้เอื้อมมือมาลูบไล้แผ่นหลังผมอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่ผ่านตามจุดต่างๆพาให้ร่างกายเกิดความอบอุ่นใจ


       “แค่เรารักกัน ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้วะ”

       เรากอดกัน

       “ ถ้ากูเลือกได้...” น้ำเสียงนุ่มทุ่มแผ่วเบาดังขึ้นใกล้ใบหู “...กูอยากจับมือมึงตลอดไป”

       ผมร้องไห้

       “ ไม่ได้หรอกที”

       “......”

       “ มึงกับกูยังอ่อนแอเกินไป...” มันโน้มหน้าผากมาชิดใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย “..เราไม่มีแรงพอที่จะต้านทานกระแสของสังคมหรือความต้องการของคนรอบข้างได้หรอก”
 
       “ เรายังเด็กเกินไป”

       “ เพราะเด็กเกินไปเลยต้องเจ็บปวดอย่างนี้เหรอ” เสียงมันคล้ายกับละเมอแต่ความเสียใจจากแววตาของมันยังเด่นชัด

       “ กูขอโทษ..” ริมฝีปากมันจูบซับที่ขมับผมเบาๆ

       “ ที”

        ผมกุมมือมัน

       “ เรามีชีวิตอยู่กันแบบสองคนไม่ได้หรอก มึงมีครอบครัว กูก็เหมือนกัน เราต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเอง”

       “ ทำหน้าที่โดยละทิ้งหัวใจงั้นเหรอ”

       ไม่มีคำตอบจากเราทั้งคู่

       แต่ผมรู้สึกว่าอ้อมกอดที่โอบรัดผมอยู่มันค่อยๆเพิ่มแรงมากขึ้น มันไม่อึดอัดหรอกตรงกันข้ามมันชวนอบอุ่นเหลือเกิน


       “ ทำไมต้องเป็นเราสองคนด้วย”

       “ ทำไมวะ” เสียงมันสั่นสะท้าน

       “ อย่างน้อยมันก็ทำให้กูได้รู้จักความรัก”

        ใช่ ผมรู้จักความรักเพราะผมรักมัน

        ถึงต่อไปนี้จะไปเป็นรักที่ไม่สมหวัง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้รัก


       “ กูไม่คู่ควรกับความรักของมึงด้วยซ้ำ...” มันหลับตาซุกใบหน้าที่ซอกคอผมนิ่ง “ กูทำร้ายมึง กูทำให้มึงเสียใจ มึงไม่คิดจะโกรธจะเกลียดกูบ้างรึไงเบียร์”


       ผมยิ้มเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าของมันอย่างแผ่วเบา

       “ เราสองคนต่างก็เจ็บกับเรื่องนี้กันมามากแล้ว อย่าให้ความโกรธแค้นทำร้ายพวกเราอีกเลย”


      ผมยอมรับว่าน้อยใจ

      ผมเสียใจที่มันทำเหมือนผมเป็นที่ระบายอารมณ์ แต่ลึกลงไปมันรู้ว่ามันคงเสียใจไม่แพ้กัน เพราะอย่างน้อยเยื่อใยจากแววตาคู่นี้ก็ยังคงมีให้กันแม้ว่ามันอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม

      ผมคงต้องเริ่มทำใจได้สักทีในเมื่อเรื่องนี้มันยืดเยื้อมาสองปีกว่าแล้ว ผมรู้ดีว่าเส้นทางรักของเราทั้งคู่ไม่อาจกลับมาบรรจบกันได้อีก ในเมื่อรักกันไม่ได้ก็อย่าถึงกับเกลียดกันเลย

      ถ้าต้องอยู่ด้วยการเกลียดหัวใจตัวเองผมคงเจ็บเจียนตาย


      “ ขอโทษ”


      มันผละจากซอกคอผมแล้วโน้มใบหน้าแตะริมฝีปากผ่านเนื้อผ้าเหนือหน้าอกด้านซ้ายตรงกับหัวใจพอดีของผม มันบรรจงจูบแผ่วเบาตรงนั้นและประทับจูบที่นิ่งนาน “ ขอโทษนะ ทีขอโทษนะเบียร์”

       หัวใจผมสั่นระรัวรับรู้ได้ถึงความอุ่นผ่านจากริมฝีปากส่งถึงหัวใจ

       “ ขอโทษเหมือนกัน..”

       ผมเสียงสั่นตอนที่มันกุมมือผมไว้ “...ขอโทษที่ปิดบังมึงมาตลอด”


       “ เรามาให้อภัยกันและกัน  เพื่อ เพื่อ...” มันหยุดนิ่งคำพูดสุดท้ายลง ก่อนจะกระตุกข้อมือผมให้ลุกขึ้น “ ไปเที่ยวกันมั้ย”

       “......”

       “ ไปทะเลกัน”



    .........

    .........





        ผมลอบมองเสี้ยวหน้าของมัน ใบหน้าคมคายกำลังจดจ่ออยู่ที่ถนนเบื้องหน้า มือแข็งแรงทั้งสองข้างกำพวงมาลัย บุคลิกท่าทางเหมือนคนมีการศึกษาซึ่งได้รับการอบรมมาจากตระกูลที่ดีงาม อย่างนี้ไงมันถึงเป็นทายาทคนสำคัญของตระกูลเพราะถึงจะนิ่งเฉยแต่กลับมีอำนาจ แววตาที่เด็ดเดี่ยวมีแต่ความเด็ดขาด ท่าทางมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสมบรูณ์พร้อม มันไม่เคยคิดที่จะรักมันได้ขนาดนี้  ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าเรื่องราวของเราจะดำเนินมาถึงขนาดนี้

       เราเป็นแฟนกันเพราะเรื่องบังเอิญ

       แต่ความรักที่มันมีให้ผมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

       ตลอดเวลาที่เป็นแฟนกันมา มันดูแลเอาใจใส่ผมทุกอย่าง ทำอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้แฟนได้ มันยอมละทิ้งนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่างเพื่อผม ความรักที่มันมีให้ผมเป็นสิ่งสวยงาม ผมมีความสุขมากในตอนนั้นจนลืมคิดไปว่าเรื่องราวของผมกับมันก็เหมือนเส้นขนานเพราะมันไม่มีวันมาบรรจบกัน

       ผมกับมันเราต่างกัน ผมรู้มาตลอดแต่ฝืนใจทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็น

       เส้นทางชีวิตผมกับมันเรามีจุดหมายกันคนละทาง

       มันต้องมีชีวิตเพื่อนครอบครัว ส่วนผมก็มีเส้นทางของผม

       แค่ความรักเพียงอย่างเดียวมันไม่สามารถทำให้คนเราคบกันรอด


       เมื่อก่อนมันยากที่จะทำใจยอมรับ แต่พอคนเราตัวโตขึ้นผ่านการเรียนรู้และมีประสบการณ์หลากหลายที่คอยสอนเรา ทำให้รู้ว่าการทะนุถนอมความรักมันมีองค์ประกอบหลายอย่างไม่ใช่แค่เราสองคน ยิ่งเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ประสบพบเจอยิ่งเป็นการยืนยันว่าแค่ความรักอย่างเดียวไม่สามารถพาให้คนทั้งคู่กุมมือกันไปตลอดรอดฝั่ง

       เพราะมันยังมีสิ่งที่เหนือกว่าความรัก


        มันหันมายิ้มให้ถึงจะเป็นยิ้มที่ดูฝืนทนและเจ็บปวดแค่ไหน แต่มันคือยิ้มจากใจจริงของมันที่มีให้ผม  ตอนที่เรากำลังเดินกุมมือกันอยู่ริมทะเลแถบจังหวัดติดชายทะเล

        เราเคยสัญญากันว่าถ้ามันสอบแอดมิดชั่นเสร็จหลังประกาศผลสอบเราจะมาทะเลด้วยกัน แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้มาด้วยกันเพราะผมบอกเลิกมันก่อน ผมยังจำสัญญาครั้งนั้นได้ดี


       “ กูอยากพามึงไปทะเล”

       “ ทำไมหล่ะ”

       “ กูชอบทะเล เพราะคุณย่าเคยเล่าให้ฟังว่าคุณปู่เคยขอท่านแต่งงานที่ริมทะเล ฟังดูโรแมนติกเนอะ”

       ตอนนั้นผมก็แค่ฟังแล้วอมยิ้ม

       “ ถ้ามีโอกาส...” มันพูดยิ้มๆ “...ก็อยากขอใครสักคนแต่งงานที่นั่นแล้วสัญญากับเค้าว่าจะรักและดูแลเขาคนนั้นตลอดไป”

       “ เว่อร์”

        “ เชื่อสิว่าสักวันมันต้องเป็นความจริง”



        ผมยิ้มเหนื่อยๆก้มหน้ามองพื้นทรายที่กำลังเหยียบย่ำ

        แต่ความจริงกับความฝันมันต่างกันเยอะ

        มันต่างกันมาก

       อากาศตอนบ่ายแก่ๆแดดร่มลมตกใกล้ค่ำ สุดท้ายเราจึงมาทรุดตัวนั่งลงตรงพื้นทรายใกล้ๆกับต้นมะพร้าว เหงื่อมันผุดขึ้นเต็มหน้าใบหน้าจนผมต้องคว้าเอามาเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ซึ่งมันก็ให้ความร่วมมือเอียงหน้าเช็ด

        “ ร้อนมากเหรอ”

        เพราะเห็นเหงื่อจำนวนมากและเสื้อยืดที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ไหนแต่ไรมามันเป็นคนขี้ร้อนต้องมีเสื้อสำรองทิ้งไว้ในรถประจำ เห็นแบบนี้ผมเลยเตรียมลุกไปหยิบเสื้อให้มันแต่ติดที่มือมันคว้ามือผมเอาไว้ มันส่ายหน้าก่อนจะทิ้งศีรษะลงบนตักผมแล้วนอนราบไปกับพื้นทราย

        “ ที”

        “ หืม”

        “ ไม่ร้อนเหรอ”

        “ ขออยู่แบบนี้สักพัก” มันหลับตานิ่งเอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ ส่วนผมซึ่งนั่งพิงต้นมะพร้าวปล่อยให้มันหนุนตักหลับตานิ่ง มืออีกข้างของผมเกลี่ยไปตามรอยนูนของสันกรามและจอนตรงใบหู นิ้วมือผมไล่ตั้งแต่หัวคิ้วของมันลงมาเรื่อยๆ

        ผมมองภาพใบหน้ามัน

        มองเพื่อให้จำ

        จำทุกรายละเอียดให้ประทับนิ่งอยู่ในใจ



         “ การหลับตาก็เหมือนการปกปิดการรับรู้ใดๆ ปล่อยใจปล่อยความคิดไปกับภาพฝันซึ่งเป็นแค่จินตนาการไม่ใช่เรื่องจริง...” มันคว้ามือผมที่ไล้ใบหน้าของมันขึ้นจูบเบาๆ “...แต่พอลืมตาขึ้นมาเราก็มักพบกับความจริงเสมอว่า ความเป็นจริงกับภาพฝันมันแตกต่างกันเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นสักวันหนึ่งคนเราก็ต้องลืมตาขึ้นมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริง เพราะเราหนีความจริงไม่พ้นหรอก”

         “ ก็เหมือนกันพื้นทรายที่อยู่ริมทะเลนั่นถึงมันจะอยากออกไปเผชิญโลกภายนอกมากแค่ไหน แต่ก็ได้แค่คิดเพราะทุกๆวันคลื่นลมก็จะซัดมันเข้าฝั่งทุกครั้งไป”

         “ มนุษย์ก็เหมือนกันบางเรื่องถึงจะฝืนใจแค่ไหนก็ต้องทำ เพราะชีวิตมีเส้นทางให้เลือกไม่มากนักหรอก”


         ผมหยุดพูดเมื่อรับรู้ได้ถึงริมฝีปากของมันกำลังโน้มลงมาสัมผัสกับปากของผม ตอนที่ใบหน้าเราแนบกันเราก็ต่างรับรู้ได้ถึงน้ำตาของอีกฝ่าย แววตาเราสะท้อนเงาของกันและกัน มือทั้งสองข้างของเราจับกันแน่น

         บรรยากาศโดยรอบมีแต่ความมืดมิดไร้แสงสว่างเพราะพระอาทิตย์หายลับตกขอบน้ำทะเลไป ทุกสรรพสิ่งรอบข้างสงบเงียบจะได้ยินก็แค่เสียงลมหายใจของอีกฝ่าย สักพักผมสังเกตเห็นแสงไฟสว่างริบหรี่จากรีสอร์ทไม่ใกล้ไม่ไกลและเสียงหัวเราะร่าเริงของกลุ่มคนเกือบสิบซึ่งกำลังนั่งล้อมวงพูดคุยและกินกันอย่างสนุกสนานก่อนที่เสียงเกลากีตาร์จะดังขึ้นเบาๆคลอไปกับเสียงคลื่นลมทะเล

แค่ให้ฉันได้บอกเธอสักคำ พูดในวันที่จำต้องจาก


         เราสบตากันแล้วนิ่งฟังเสียงเกลากีตาร์จากจุดที่มีแสงไฟนั่น แม้ในความมืดแต่แสงสว่างที่วาววับตรงขอบตาก็บ่งบอกถึงความรู้สึกของเรา


อยากให้รู้ว่ารักเธอมากและจะรัก รักเธอ ตลอดไป



        เสียงร้องคลอดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าริมฝีปากที่แตะกันอย่างแผ่วเบากำลังวนจูบไปรอบๆขอบปากด้วยกิริยาที่นุ่มนวล ผมเปิดปากให้มันแทรกเรียวลิ้มเข้ามาเกี่ยวกระหวัดและบดจูบ มันเป็นจูบที่อ่อนหวาน ละมุนละไม ทุกสัมผัสดูเอาใจใส่ตั้งใจทุกรายละเอียด มันเอมอิ่มเปรมปรีดิ์และน่าประทับใจ



เกิดชาตินี้แค่ได้พบเจอ  เกิดชาติหน้าค่อยฝันกันใหม่
วันนี้ใจสลาย  ยอมจำนนให้ฟ้าดิน
แยกเราไกลกัน




        ผมรับรู้ได้ถึงอาการสั่นของมันตอนที่กำลังจูบซับน้ำตาที่ไหลพรากของผม มันค่อยๆจูบค่อยๆบรรจงซับทุกร่องรอยแห่งความเจ็บช้ำ แต่ยิ่งจูบยิ่งเช็ดน้ำตามากมายก็ยิ่งไหลเรื่อยจนไม่อาจเช็ดให้แห้งหายไป เพราะไม่ใช่แค่น้ำตาของผมแต่มันมีน้ำตาของมันปะปนมาด้วย

        เราเอาศีรษะมาชนกันจนหน้าผากแนบชิด เนื้อตัวก็แนบชิดกันจนไม่มีช่องว่าง เราโอบกอดกันกันให้นิ่งและนานที่สุด



       “ อย่าปล่อยมือจากกันจนกว่าจะเช้าได้มั้ย”


.
.
.
.
.
   (มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2015 17:28:30 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
       ผมขยี้ตาไปมาเมื่อรู้สึกได้ถึงแสงแดดที่กำลังส่องแยงตา ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมองและภาพที่เห็นคือปลายคางคมสันของมัน และผมซึ่งกำลังซุกซบอยู่กลางอกมันโดยมีมือหนาโอบกอดให้ความอบอุ่นและคลายหนาวตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา
เรากอดกันตลอดทั้งคืน

      “ ตื่นแล้วเหรอ”

      มันเกลี่ยปอยผมทัดหูให้ผม


      “ อืม”

      “ พระอาทิตย์กำลังขึ้น” มันกระซิบบอกเสียงแผ่วเบา

       พระอาทิตย์ขึ้นแสงสว่างสาดส่องไปทั่วทุกพื้นหล้า นำพาให้ชีวิตได้ตื่นจากหลับใหลเพื่อดำเนินชีวิตในเช้าวันใหม่ มันเป็นเช้าวันใหม่ที่เริ่มต้นของใครหลายๆคนและในทางกลับกันมันอาจเป็นวันสุดท้ายของใครอีกหลายๆคน ปลายคางของมันเกยอยู่บนศีรษะของผมตอนที่ผมแอบอิงใบหน้าอยู่ที่อกกว้าง

       เรายังคงกอดกันขณะที่พระอาทิตย์กำลังเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า

       ก่อให้เกิดความสว่างไสวไปโดยรอบ

       เรากอดกันนิ่งมองไปเบื้องหน้าและเงี่ยหูฟังเสียงคลื่นที่กำลังม้วนตัวแล้วซัดหาดทราย เสียงคลื่นผสมเสียงลมที่พัดปลิวจนเส้นผมปลิวไสว เรายังนิ่งเงียบไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจะมีก็แต่เสียงของธรรมชาติ

        ผมรู้สึกถึงอะไรสักอย่างสั่นอยู่ในกระเป๋าของมัน แสงสว่างวาบที่หน้าจอปรากฏขึ้นพักหนึ่งก่อนที่มันจะดับลงไป มันกำมือถือแน่นแต่ก็ไม่ยอมรับสาย ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะสายเรียกเข้าดังกล่าวมันปรากฏให้เห็นตั้งแต่เมื่อคืนพอบ่อยๆเข้ามันเลยปิดเครื่อง คาดว่ามันคงเปิดเครื่องก่อนที่ผมจะตื่นได้ไม่นาน มันนั่งนิ่งมือหนึ่งโอบกอดผมไว้ส่วนอีกมือกำมือถือแน่น


        “ ที”

        “ หืม”

        “ กลับกันเถอะ” มันเงยหน้าขึ้นมองผม มองจนผมนึกอยากหลบสายตาเพราะมันเป็นแววตาแห่งการเว้าวอน เป็นแววตาที่ทอดมองกันแล้วเปิดเผยทุกความรู้สึกเหมือนเมื่อครั้งอดีต

      ผมฝืนยิ้มให้มันก่อนจะฉุดแขนมันให้ลุกขึ้นแต่มันยังนั่งนิ่ง “ มึงไม่คิดจะยื้อกูไว้แล้วบอกว่าให้กุมมือกันแน่นๆอย่าทิ้งกันไปเลยเหรอ”


      “.....” ผมปล่อยมือทิ้งลงข้างตัวก่อนจะทรุดลงนั่งคู่กับมันอีกครั้ง

      “ เพื่ออะไรที เราจะดันทุรังยื้อกันไว้ให้นานขึ้นแล้วสุดท้ายมือที่จับกันไว้ก็ต้องหลุดจากกันในที่สุดหน่ะเหรอ”

      “ กูเคยพยายามแล้ว...” ผมแค่นยิ้ม “...ความพยายามที่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลมันสร้างรอยแผลเป็นที่เจ็บปวดมากนะรู้มั้ย  ความรักที่เรายังดึงดันมันเอาไว้ไม่ต่างจากการมีชีวิตแต่ไม่มีลมหายใจหรอก”

      แววตามันแดงกล่ำริมฝีปากสั่นน้อยๆ


       “ เข้าใจแล้ว กูเข้าใจแล้ว”


      มันกุมมือผมให้ออกเดินและผมรู้สึกได้ถึงมือของมันที่สั่นเทา ไม่ต่างจากขาของผมที่สั่นไปทุกย่างก้าว ผมกำลังก้าวเดินอย่างยากลำบากทุกย่างก้าวมันดูหนักหนาตั้งแต่ยกเท้าไปจนถึงการวางเท้าลง มันหนักเหมือนมีหินมาถ่วงเอาไว้ทั้งขาและหัวใจ  เพราะผมรู้ดีว่าเมื่อเรากลับไปสู่ยังที่ๆจากมามือของผมและมันต้องหลุดจากกันไปตลอดกาล



      .........

      .........





       รถคันหรูที่ก้าวมุ่งหน้าเข้าเมืองหลวงและทิ้งภาพความสวยงามของทะเลไว้เบื้องหลัง ไม่ต่างจากชีวิตของคนเราที่ต้องเดินหน้าต่อไปไม่มีวันหันหลังกลับไปได้ เพราะเมื่อคิดจะเดินหน้าต้องไม่กังวลถึงอุปสรรคระหว่างทางและไม่ควรคิดหวนหาอดีตอีกต่อไป

      รถของผมมาจอดสนิทอยู่หน้าบ้านของมัน บ้านซึ่งไม่เคยเหยียบย่างมาตลอดสองปี บ้านซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตเข้าออกราวกับว่าเป็นบ้านของตัวเอง ทั้งยังสนิทคุ้นเคยกับสมาชิกในบ้านจนเหมือนราวกับว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน

       มันปลดล็อคเบลท์แล้วเราก็สบตากันก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆทั้งน้ำตาจะผุดขึ้นที่มุมปากของมัน


       มันโน้มใบหน้ามาแตะริมฝีปากที่แก้มสากของผมเบาๆ มือที่กุมมือกันมาตลอดทางตั้งแต่อยู่ที่ทะเลมาจนถึงตอนนี้กำลังจะคลายออกจากกัน  ผมเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำตาให้มันอย่างแผ่วเบาก่อนจะกดจูบไปที่เปลือกตาทั้งสองข้างของมัน


      “ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องมีคำสัญญา”

        “ ถ้ามึงเจอใครที่พร้อมที่ดูแลและให้ความสุขกับมึงได้ อย่าปิดกั้นตัวเอง อย่าละทิ้งความสุขในอนาคตเพียงเพราะสัญญาในครั้งอดีต  กูขอให้มึงมีความสุขกับเส้นทางที่ตัวเองเลือก” ผมรู้สึกเหมือนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ตรงลำคอ พร้อมๆกับที่ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว

       “ มึงก็เหมือนกันนะที...” มันลูบไล้ใบหน้าผมไปมา “...ขอให้มึงมีความสุขเหมือนกัน ขอให้มึงได้พบเจอกับความรักที่แท้จริง ขอให้คนๆนั้นเป็นคนดี ขอให้ความรักครั้งต่อไปของมึงไม่ต้องพบเจอกันเรื่องเจ็บปวด” มันพูดไปสะอื้นไปน้ำหูน้ำตาไหลพรากๆ ไม่ต่างจากผมเลย


      “ กูรักมึง” ผมรวบตัวมันกอดแล้วโยกตัวไปมา

      ผมรักมัน

      รักมันคนเดียวมาตลอด

      “ ขอบคุณที่รักกู” มันยิ้มทั้งน้ำตา

       “ ขอบคุณมึงเหมือนกัน”


      เรากอดกัน

      เราจูบกัน

      เรามองใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่งและนาน ก่อนที่มันจะหันมายิ้มให้เป็นรอยยิ้มที่สวยงามเหลือเกินแล้วมันก็ผละจากไปในที่สุด


      ผมเจ็บ

      แต่เป็นความเจ็บที่ไม่ทรมานเหมือนเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นผมเต็มไปด้วยความไม่รู้ ผมไม่เข้าใจ ผมสับสัน แต่วันนี้ความเจ็บปวดวันนั้นกำลังจะจางหาย ถึงจะเจ็บปวดแต่ผมก็รู้ว่าอย่างน้อยเราหันหลังให้กันไม่ใช่เพราะเราหมดรักกันแล้ว

      แต่เรารักกัน ถึงแม้ต้องจากลา

      แต่เราก็รู้ใจกันว่าเรารักกันไม่เสื่อมคลาย


      ความรักจำเป็นเสมอไปรึเปล่าที่จะต้องจบลงอย่างสวยงาม จำเป็นรึเปล่าที่จะได้มาครอบครองเป็นเจ้าของ ผมเชื่อว่ามีความรักที่นอกเหนือจากนี้อีกหลายรูปแบบ ความรักของพวกผมมีอยู่จริงแต่มันเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นแบบเรา

      ความรักที่ต้องปล่อยมือ

      ความรักที่มาพร้อมการจากลา








**** มีหลายคนอยากอ่านคู่นี้แบบเต็มๆเลยจัดให้สมใจค่ะ  :hao5: :hao5:
        ไม่มีอะไรจะเขียนเหมือนกันค่ะเพราะเขียนเองจุกเอง ตอนที่บรูฟนี่ยอมรับ
        เลยว่ามันจุกๆอยู่ในลำคอ :m15:

       เชิญเป่าปี่กันตามอัธยาศัยแล้วเจอกันตอนหน้าคู่หลักจ้า  :monkeysad: :sad11: :bye2:
       ปล.เครดิตเพลง ยอมจำนนฟ้าดิน ศิลปินโบวี่
       ปล. อ่านพร้อมกับเปิดเพลงนี้คลอจะอินมากถึงมากที่สุด นี่คือคำเตือน   :m15:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2015 21:32:48 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :o12: :o12: :o12: :m15: :m15:

ออฟไลน์ mypinmook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ตอนนี้ต่อมแตกฮือ   :sad4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ขอทิชชู่เพิ่มอีก 5 ม้วนค่ะ
ถ้าทั้งคู่จะรักกันไม่ได้ขนาดนี้
ก็โสดไปจนตายทั้งคู่นี่แหล่ะ

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ทำไมนะสงสารพี่ทีพี่เบียร์จังเฮ้อเศร้าค่ะ

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

                                       ใจร้าย

แล้วคืนนี้เราจะหลับตาลงได้อย่างไร

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
เศร้าจนน้ำตาไหล
ยอมจำนนให้ฟ้าดินแยกให้เราไกลห่าง
สงสารทีกับเบียร์
รักกันแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
คู่เบียร์-ทีนี่คือจบแล้วใช่ไหมคะ?

ผูกคอตายแปป

 :m15:

(รับได้ค่ะรับได้)

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
อยากให้ทีกับเบียร์สมหวังจัง
 :monkeysad: :monkeysad: :sad11: :sad11: :sad11:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เสียใจแทนทั้งสองคนจริงๆ
คุณแม่กับคุณย่าไม่เห็นใจหน่อยเหรอ โฮ

ขอบคุณคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
อยากบอกตัวเองว่าไม่จริงฝันไป
แล้วบอกตัวเองว่าที่อ่านจบไปนั้นคือฝันไป
ทำไมทีกับเบียร์ถึงจบแบบนี้อะ
ยังมีต่อใช่ไหมคู่นี้ยังไม่จบ
หรือจบก็ไม่ใช่แบบนี้อะ
อยากบอกว่าเศร้าถึงขีดสุดอะ
ขอตายแป๊ป
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
น้ำตาซึม โุถ  พี่ทีของป้า
ย่ากับแม่ทีทนได้ไงเห็นลูกเห็นหลานตัวเองเสียใจขนาดนั้น ใจโคตรดำเลย
ต่อหน้าลูกหลานเข้าใจ เห็นใจแล้วไปทำอะไรแบบนี้ลับหลังลูกหลาน ใจทำด้วยอะไร
เราว่าแม่กับย่าอาจจะยังไม่เข้าใจก็ได้ว่าทีเป็นเกย์
เลิกจากเบียร์ก็มาสนใจเต้ย
จากนี้ไปทีอาจจะหันไปคบกับชะนีตามใจย่ากับแม่
แล้วรอมห้ชีวิตล้มเหลวหรือไม่ก็ไม่เอาอีกเลย

ณ ตอนนี้ทีกับเบียร์ยังไม่สามารถต้านกระแสได้
เรามโนเอาความหมายนี้ไปว่าในอนาคตวันที่พี่ที-เบียร์แกร่งกว่านี้
สองคนจะสามารถกลับมาหากันได้
จะให้ดีนะ   มโนว่าให้ย่ากับแม่ทีไปขอร้องให้เบียร์กลับมาหาลุกหลานตัวเอง

อย่าให้จบแค่นี้นะคะ  *ร้องไห้*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2015 02:08:36 โดย Freja »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เป็นคู่ที่น่าสงสารจริงๆ ทั้งที่รักกันมาก  :mew4:

ครอบครัวทีเห็นความรักความรู้สึกของลูกไม่สำคัญเลยใช่มั้ย  :m16:

ออฟไลน์ penneeamoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่เป็นไร  ทีตั้งเนื้อตั้งตัวให้มั่นคง  อีกห้าปีสิบปีก้อยังไม่สาย  เค้าจะรอเป็นกำลังใจให้ตัวทั้งสองคนนะ  แต่ตอนนี้ขอไปหลบมุมหร่องไห้แป๊ปปปป   

ออฟไลน์ มาโซซายตี้

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-2
ค้ำคอร์
เรื่องมันเศร้า

ออฟไลน์ cakecoco-boom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ฮืออออออออออออออออออ น้ำตาไหลพรากเลย  :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
 :m15:  เศร้าใจแต่อย่างน้อยการจากลาครั้งนี้ก็สวยงาม กว่าอดีตที่ผ่านมา
แม้น้ำตาจะไหล หัวใจจะเจ็บ แต่กายยังต้องก้าวเดินไป

ถ้าต่อไปทีเข้มแข็งขึ้นเติบโตมากขึ้นและวันนั้นหัวใจยังมั่นคง ก็ตามหัวใจกลับมา :ling3:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
น้ำตาไหลพรากกก
ปล่อยมือตอนนี้ เพื่ออนาคตที่สวยงาม
ดีกว่ายื้อไปแล้วต้องปล่อย เพราะสังคมรอบข้าง
รอให้โตกว่านี้ เข้มแข็งกว่านี้ก่อนนะ เชื่อว่าถ้าคู่กัน และยังรักกันอยู่
การกลับมาเจอกัน มารักกันครั้งหน้าในอนาคต จะต้องเป็นรักที่ยั่งยืนแน่ๆ
 :mew6:
ขอให้มีโอกาสนั้นนะ ที่คนรักกันจะสมหวังในรัก และได้จับมือกันตลอดไป
สงสารทั้งทีและเบียร์จัง

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ไม่เอาแบบนี้~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด