✿ c h a p t e r 13
“นี่คือรู้เรื่องกันหมดเลยใช่ไหม โกรธอ่ะ!” จาริญโวยวายอย่างไม่จริงจังนัก หลังจากมารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นและเห็นเพื่อนๆอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นอกจากน้องชายตัวดีแล้วยังมีเพื่อนสนิทของเขาและเพื่อนสนิทของอันดาอีกหนึ่งคนด้วย รวมหัวกันวางแผนหมดเลยสินะ ร้ายกาจจริงๆ
“อันดาเลยจอมวางแผน บอกว่าอยากเซอร์ไพรส์ขอจูนเป็นแฟน” ปันปันพูดด้วยสีหน้ากลั้นยิ้ม ยังตกใจไม่หายตอนที่อันดาบอกว่าอยากขอจูนเป็นแฟน เธอน่ะตงิดใจอยู่แล้วเชียวว่าสองคนนี้อาจจะเป็นมากกว่าเพื่อน แต่พอได้ยินจากปากของคนสวยตรงๆว่าคบกันมาพักใหญ่แล้วเลยอยากจะขอคนน่ารักเพื่อนของเธอเป็นแฟนอย่างจริงจังก็อดที่จะเขินไม่ได้
“เราตกใจจนแทบช็อคเลยรู้ป่ะตอนที่รู้ว่าอันดากับจูนคบกัน” พอร์ชเพื่อนสนิทอีกคนของจาริญยังไม่อยากจะเชื่อจนถึงตอนนี้ เพราะตั้งแต่เลิกกับแฟนคนเก่าถึงจะมีคนพยายามเข้ามาสานความสัมพันธ์มากมายแต่ก็ไม่เห็นจาริญสนใจ จะมีแต่ก็แต่อันดาที่บอกว่าเป็นเพื่อนแต่เทียวรับเทียวส่งกันตลอด สุดท้ายดันกลายเป็นว่ากำลังคบกันอยู่เสียอย่างนั้น
“ไม่เห็นจะน่าตกใจตรงไหนเลย” อันดาส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าจะทำตกอกตกใจเหมือนเป็นเรื่องใหญ่กันไปทำไม เขาและจาริญไม่ได้ปิดเสียหน่อย ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผย ทั้งกอดทั้งหอมกันต่อหน้าเพื่อนๆก็ออกจะบ่อย
“พี่ปันกับพี่พอร์ชอาจจะตกใจเพราะสงสัยว่าเวลาอยู่บนเตียงพี่สองคนทำกันยังไง”
“ไอ้จิน!”
เป็นจาริญที่คว้าหมอนอิงได้ก็ขว้างใส่น้องชายทันที จิณณ์รีบคว้าไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นคงกระแทกหน้าเข้าเต็มๆ ใบหน้าหวานแดงเรื่อเพราะน้องชายพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย
“อะไรวะพี่จูน ผมแค่อยากรู้” จิณณ์โอดครวญเพราะเกือบโดนทำร้ายร่างกายเข้าแล้ว แต่ณภัทรเพื่อนของอันดาเหมือนจะเห็นดีเห็นงามด้วยเลยพูดสมทบ
“จะว่าไปกูก็อยากรู้เหมือนกันนะ”
“ใช่ป่ะพี่ภัทร แบบอาจจะเบี้ยน- โอ๊ยๆ พี่อันดา อย่าตี”
คราวนี้เป็นอันดาที่เอื้อมมาตีเด็กแก่แดดเข้าเต็มแรง ตามด้วยใช้หมอนฟาดเพื่อนตนเองเข้าให้ด้วยโทษฐานทำให้แฟนหมาดๆของเขาเขินจนหน้าแดงมุดหน้าเข้าหาไหล่ยกใหญ่แล้ว
“ถามบ้าๆ เงียบไปเลย” อันดาทำท่าจะฟาดหมอนใส่อีกคนละที ทั้งณภัทรและจิณณ์เลยจำต้องจบบทสนทนาลงแค่นั้น ก่อนที่ปันปันจะเปลี่ยนเรื่องชวนออกมายังหน้าบ้านเพื่อทำอาหารเย็นทานกัน มีทั้งกับแกล้ม ของทานเล่น และจานหลักอย่างอาหารทะเลเผา
พระอาทิตย์ยังไม่ทันจะตกดินแต่เริ่มตั้งวงเหล้ากันแล้ว พื้นสนามบริเวณหน้าบ้านสามารถมองเห็นทะเลได้อย่างชัดเจน ทุกคนเลยพากันจับจองพื้นที่ของตนเอง พออาหารเริ่มสุกก็นั่งทานกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ยังมีจาริญที่ง่วนอยู่หน้าเตาย่างเพราะยังสนุกสนานกับการวางกุ้งและปูลงบนเตาอยู่เลย
อันดาเดินเข้ามาหาคนรัก เกยคางลงบนไหล่มองคนน่ารักที่ทำอะไรคล่องแคล่วไปหมด ถ้าให้เขาทำรับรองได้ว่ากุ้งคงจะไหม้ทานไม่ได้สักตัว
“เค้าหิวแล้ว เมื่อไหร่ที่รักจะไปนั่ง”
“เธอกินก่อนเลย เราขอจัดการเตานี้ก่อน อีกแป๊บจะสุกแล้ว” จาริญเหลียวมองคนด้านหลัง ยิ้มบางๆก่อนจะกดริมฝีปากลงบนแก้มของอันดา แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมผละออกไปแถมยังกอดเอวแน่นกว่าเดิมอีกต่างหาก
“จะรอกินพร้อมเธอ ไม่มีคนแกะกุ้งให้” คนฟังหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินแบบนั้น รู้ได้ทันทีว่าอันดากำลังอ้อน มือบางหยิบกุ้งตัวใหญ่ที่วางพักไว้บนจานให้พออุ่นๆ แกะเปลือกเรียบร้อยและส่งเข้าปาก เรียกเสียงโห่แซวจากกลุ่มเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี
“สองคนนั้นอ่ะ สวีทกันจนน้ำทะเลหวานหมดแล้วเว้ย”
“อันดาวอแวอะไรขนาดนั้นวะ หมั่นไส้”
จาริญเพียงแค่ยิ้มขำกับคำแซวของเพื่อน แต่อันดาคว้าของใกล้มือได้ก็โยนเข้าใส่กลางวงจนแตกฮือกันทั้งกลุ่ม ตามด้วยตะโกนด่าอีกต่างหาก
“เลิกแซวสักที รำคาญ!”
*****
“เมายัง ?” จาริญกระซิบถามคนข้างกายที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอย่างต่อเนื่อง อันดาตัวแดงหน้าแดงไปหมดแล้วแต่ยังส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ได้เมา
“สบายมาก ให้เราดื่มทั้งคืนเลยยังได้”
“ขี้โม้”
จาริญว่าพลางบิดจมูกโด่งไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว อันดาเลยเอาคืนด้วยการจูบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เราจูบกันลึกซึ้งเสียจนได้รสชาติขมปร่าในโพรงปากของกันและกัน และเป็นจาริญที่ผละออกมาก่อนเพราะสายตาของเพื่อนกำลังจ้องมองอย่างล้อเลียน
จนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบห้าทุ่ม หลายคนต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์ไม่ไหวต่างพากันหนีไปนอน ทิ้งเศษซากขวดเหล้าและกับแกล้มไว้คอยเก็บกวาดพรุ่งนี้ ไม่ต่างจากคนที่จาริญกำลังพยุงเข้ามาในห้องเท่าไหร่นัก อันดายังมีสติแต่ก็ไม่เต็มร้อย ปล่อยให้เดินเองสงสัยจะล้มเลยต้องโอบเอวมาส่งถึงเตียง
พอนั่งลงบนเตียงได้อันดาก็เริ่มคลอเคลีย จมูกโด่งซุกไซร้คอขาวๆของคนรักพลางลูบไล้เอวบางเรื่อยขึ้นมาถึงแผ่นหลังไม่ต้องเดาเสียให้ยากจาริญก็รู้ว่าต้องเจอกับอะไรหลังจากนี้ อันดาพอเมาแล้วเป็นแบบนี้ทุกที ปกติเวลาอยู่บนเตียงก็ดุจะแย่อยู่แล้ว พอเหล้าเข้าปากน่ะอย่าให้พูดเลย แทบลุกไม่ขึ้น นั่นแหละสภาพของเขา
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันดาจับร่างบางเปลื้องผ้าแล้วจัดการรักแรงๆเสียหลายรอบเป็นการฉลองที่เป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ จนคนน่ารักประท้วงบอกว่าไม่ไหวแล้วถึงได้ยอมหยุด จาริญงอแงเอียงหน้าหลบเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาฟัดแก้มจนแทบช้ำ
“อัน ~ เราเจ็บไปหมดแล้ว”
“ก็เธอน่ารัก อันดารักจูนนะ รักมากๆเลยรู้ไหม”
อันดาจูบหน้าผากคนใต้ร่างอย่างรักใคร่ จาริญหลับตาพริ้มรับสัมผัสนั้น สองแขนกอดเอวของอันดาพึมพำตอบกลับไปคล้ายละเมอเพราะง่วงจนตาจะปิดอยู่รอมร่อแล้ว
“เค้าก็รักเธอเหมือนกัน”
“รักเท่าไหนคะ” คนสวยนอนลงข้างๆพร้อมทั้งดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ทั้งตนเองและคนข้างกาย จาริญขดตัวซุกเข้าหาอกเหมือนลูกแมว ส่งเสียงงุ้งงิ้งในลำคอแต่ไม่ยอมตอบคำถาม อันดาเลยแกล้งบิดแก้มนิ่มเบาๆ
“ที่รัก ตอบคำถามเค้าก่อน”
“ง่วงอ่า”
จาริญฝืนปรือตาขึ้นมอง บ่นอุบทำปากยู่ แต่ถ้าไม่ยอมตอบให้พอใจอันดาคงไม่ยอมปล่อยให้นอนเป็นแน่ เพราะถามซ้ำอีกรอบแล้ว
“จูนรักเค้ามากแค่ไหน หืม ?”
“รักเท่านี้” มือบางจับมือของอันดาวางลงบนแผ่นอกเปลือยเปล่าตรงกับตำแหน่งของหัวใจ ก้อนเนื้อขนาดเท่าฝ่ามือเต้นเป็นจังหวะอยู่ในนั้น อันดายิ้มพอใจกับคำตอบน่ารักๆสมกับเป็นจาริญ ยอมปล่อยให้ลูกแมวง่วงเข้าสู่ห้วงนิทราโดยกอดเอาไว้เพื่อให้จาริญฝันดีตลอดทั้งคืน
*****
จาริญตื่นมาตอนหกโมงเช้าเพราะอยากเข้าห้องน้ำแต่ไม่เห็นเงาคนข้างกายแล้ว ไม่รู้ว่าอันดาลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จเลยเดินตามหาจนทั่วบ้าน ยังไม่มีใครตื่นสักคนเพราะเมื่อคืนดื่มกันจนเมา เดินมาเรื่อยๆจนมาเจออีกฝ่ายในห้องครัว
“อันทำอะไร ?” จาริญเดินเข้ามาดู ชะเง้อมองสิ่งที่อันดาทำอยู่ เห็นว่ากำลังชงกาแฟ เดาว่าคงจะเมาค้างถึงได้ลุกมาดื่มกาแฟแต่เช้าแบบนี้
“แฮงค์อ่ะ ปวดหัวจะอ้วก” นั่นไง ผิดจากที่เดาเสียที่ไหน อันดาทำหน้าผะอืดผะอม ก่อนหน้านี้ก็อาเจียนไปรอบหนึ่งแล้ว เมื่อคืนเขาคงจะดื่มหนักไปจริงๆ
“เธอไปนั่งดีกว่า เดี๋ยวเราทำให้เอง” เห็นสีหน้าคนรักแล้วจาริญสงสาร เลยจูงมือให้มานั่งรอที่โต๊ะ จัดการชงกาแฟดำมาวางให้ อันดาจิบกาแฟลงคออึกใหญ่ ดวงตาเรียวมองร่างบางที่นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน จาริญยังผมยุ่งเพราะเพิ่งตื่นอยู่เลย แต่ก็ยังน่ารักมากๆอยู่ดี
“แล้วจูนล่ะทำไมรีบตื่น เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็…”
“เราตื่นมาเข้าห้องน้ำ!” จาริญชิงตอบขึ้นก่อน เสียงดังกลบเกลื่อนประโยคท้ายของอันดาที่ไม่อยากได้ยิน เพราะคงไม่พ้นจะพูดอะไรทะลึ่งๆให้เขาได้เขินอีกเหมือนเดิม
“แน่ะ เขินอ่ะดิ”
“รำคาญว่ะอันดา” คนโดนแซวทำเป็นดุ แต่กลับซ่อนแก้มแดงๆของตนเองไว้ไม่มิดถึงจะพยายามหันหน้าไปทางอื่นแล้วก็ตาม อันดายิ้มขำอย่างเอ็นดู อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือมาขยี้ผมนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว จาริญจิ๊ปากบ่นอุบว่าผมยุ่งหมดแล้ว คนแกล้งเลยต้องช่วยลูบผมยุ่งๆเพื่อจัดให้เข้าทรง
“จะนอนต่อไหมคะ ยังเช้าอยู่เลย เพื่อนก็ยังไม่มีใครตื่น” อันดาเห็นว่ายังเช้าอยู่ และแมวตัวขาวก็แอบหาวหลายครั้งคิดว่าน่าจะอยากนอนต่อ ดวงตากลมมองหน้าอันดาตาปริบๆไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่เลือกที่จะถามกลับ
“แล้วอันจะนอนด้วยไหม”
“เราตาสว่างแล้วอ่ะทำไงดี”
“งั้นเราก็ไม่นอน” จาริญส่ายหน้า จะไม่กลับเข้าไปนอนต่อแล้วถ้าต้องนอนคนเดียว อันดาอยู่ไหนเขาก็จะอยู่นั่นแหละ
“เป็นแฟนกันไม่ถึงวันจูนติดแฟนถึงขนาดห่างไม่ได้แล้วเหรอเนี่ย” อันดาแซวก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาโอบไหล่คนรัก
“ไปนอนกันดีกว่า แล้วสายๆค่อยออกมาเล่นน้ำดีไหม”
จาริญพยักหน้า แล้วเป็นต้องได้ทั้งตีทั้งหยิกมือซนที่อยู่ไม่สุขเริ่มล้วงเข้ามาในเสื้อ พอเข้ามาในห้องได้ก็คว้าหมอนปาใส่จนอันดาทำหน้ายุ่ง ยกมือขึ้นลูบจมูกตนเองป้อยๆเพราะหมอนโดนหน้าเข้าเต็มๆ
“โหดจังเลยจูน ถ้าจมูกพังทำไง เราทำมาแพงนะ”
“ไหนๆ ขอดูจมูกทำมาแพงหน่อย” จาริญขยับเข้าไปใกล้ ทำทีเป็นช่วยดูจมูกโด่งที่ไม่เห็นจะมีร่องรอยความเจ็บอะไรเลยสักนิด เห็นแต่ปลายจมูกรั้นน่าหมั่นเขี้ยวเลยแกล้งบิดและส่ายไปมา อันดาทำเป็นร้องโอดโอยเกินจริง สองแขนคว้าเอวบางเข้าหาตัวจนจาริญล้มลงบนเตียง ก่อนจะเอาคืนด้วยการงับที่คอขาวๆจนเป็นรอยฟัน
“ฮื่อ เจ็บนะ กัดลงมาได้เป็นหมาหรือไง”
“ถ้าเราเป็นหมาแล้วจูนเป็นอะไร เมียหมาป่ะคะ”
“บ้า! ไปไกลๆเลย จะนอนแล้ว” อยู่ๆโดนหาว่าเป็นเมียหมาทำเอาจาริญถึงกับหน้าแดง มือบางดันไหล่อีกคนให้ออกห่างแล้วพาตนเองมุดเข้าใต้ผ้าห่ม อันดากำลังจะตามมาแกล้งอีกรอบหากโทรศัพท์ไม่ดังขึ้นเสียก่อน จาริญโผล่แค่หัวกลมๆออกมาจากผ้าห่ม มองคนที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อมองโทรศัพท์ อันดาชั่งใจอยู่นานแต่ก็กดรับสายในที่สุด
“ครับ คุณพ่อ”
คิ้วสวยของจาริญขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ อันดามองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะลุกออกไปคุยที่ระเบียง จะว่าไปแล้วอันดาไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวให้ฟังเลยสักครั้ง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นพ่อของอีกฝ่ายโทรมาหา จาริญไม่รู้อะไรมากนักเพราะไม่ได้ถามอันดาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในเมื่อเจ้าตัวไม่เล่าก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะไปซักถาม
จากที่ว่าจะนอนต่ออีกสักหน่อยกลายเป็นว่านอนไม่หลับเสียแล้วเพราะห่วงคนที่หายออกไปคุยโทรศัพท์เกือบสิบห้านาทีได้แล้ว จาริญลุกขึ้นนั่งพลางชะเง้อมองไปที่ระเบียง เห็นแค่แผ่นหลังของอันดากับมือข้างที่ยกโทรศัพท์แนบหู ได้ยินเสียงแว่วเข้ามาในห้องแต่จับใจความไม่ได้ว่าพูดถึงเรื่องอะไร แต่แว้บหนึ่งที่อันดาหันมองมาทางเขา อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่คุยจะเกี่ยวกับตนเองหรือเปล่า
เห็นสีหน้าเครียดๆของอันดาแล้วเป็นห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมอง ราวสิบนาทีต่อมาอีกฝ่ายก็วางสายและเดินกลับเข้ามาในห้อง อันดายิ้มให้คนรักเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ดวงตาสวยไม่ได้ยิ้มไปด้วย จาริญเห็นแบบนั้นเลยอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่า ?”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
“แล้วใครโทรมาเหรอ”
“คุณพ่อน่ะ โอ๊ะ ตัวเล็กตื่นแล้ว มานี่มาลูแปง”
อันดากำลังผิดบังอะไรบางอย่าง ถึงได้เปลี่ยนเรื่องตัดบทแค่นั้นและทำเป็นคุยเล่นกับเจ้าลูกแมวตัวน้อยแทน จาริญยังไม่วางใจเลยถามย้ำอีกรอบ
“ไม่มีอะไรแน่นะอัน”
“อื้อ ไม่มีอะไรจริงๆ”
ในเมื่อได้รับคำตอบแบบเดิมแล้วจาริญจะทำยังไงได้นอกเสียจากต้องยอมเชื่อ อันดาบอกว่าไม่มีอะไรเขาก็จะเชื่อแบบนั้นก็แล้วกัน
*****
แต่เซ้นส์ของจาริญไม่เคยผิดจริงๆ เพราะหลังจากกลับมาจากหัวหินได้สองสามวันอันดาก็เหมือนคนมีเรื่องอะไรในใจอยู่ตลอด บางทีก็เหม่อ บางทีก็นั่งทำหน้าเครียด วันนี้พอเลิกเรียนกลับมาถึงห้องได้ไม่นานก็เปลี่ยนเสื้อผ้าจะออกไปข้างนอกอีกแล้ว จาริญเดาว่าน่าจะเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่อันดาเพิ่งวางสาย เพราะพอคุยจบก็บอกกับเขาว่าจะออกไปทำธุระและเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักศึกษาอย่างรวดเร็ว
จาริญเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวอีกแล้ว เป็นห่วงไม่อยากให้อันดาเก็บเรื่องไม่สบายใจไว้คนเดียว
“อันมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกเราได้นะ เราไม่อยากเห็นเธอทำหน้าเครียด” ร่างบางเดินเข้ามาลูบไหล่คนที่กำลังย่อตัวลงใส่รองเท้า อันดาผูกเชือกรองเท้าให้เรียบร้อยก่อนจะยิ้มให้
“เอาไว้เราจะเล่าให้จูนฟังหลังจากทำธุระเสร็จนะ”
“แล้วที่อันจะไปทำธุระนี่ไกลไหม”
“ไม่ไกลหรอก ไปคุยธุระกับคุณพ่อที่บ้านนิดหน่อย แป๊บเดียวก็กลับแล้ว” พออันดาตอบแบบนั้นจาริญเลยร้องอ๋อ ที่แท้ก็จะกลับบ้านไปหาคุณพ่อนี่เอง คนหน้าหวานเอียงคอหลบเล็กน้อยด้วยความจั๊กจี้เมื่อริมฝีปากนุ่มกดลงมาบนแก้มเบาๆ
“แล้วเค้าจะรีบกลับนะคะ แม่แมวเป็นเด็กดีอย่าซนนะรู้ไหม”
“ไม่ซนสักหน่อย เราไม่ใช่เด็กนะ”
อันดาบิดแก้มนิ่มอีกครั้งอย่างเอ็นดู ไม่ลืมที่จะบอกว่าให้ทานข้าวเย็นได้เลยไม่ต้องรอ หลังจากเดินออกมาจากห้องและประตูปิดลงรอยยิ้มบนใบหน้าสวยก็เลือนหายไปเหลือเพียงใบหน้าเคร่งเครียด ถ้าเลือกได้อันดาไม่อยากจะเจอหน้าพ่อนักหรอก แต่คราวนี้ไม่มีทางเลือกจริงๆเพราะพ่อขู่ว่าถ้าเขาไม่ยอมไปหาที่บ้านจะส่งคนมาตามถึงที่คอนโด
เขาไม่อยากให้คนที่บ้านนั้นมายุ่งกับจาริญ อันที่จริงแล้วพ่อไม่ควรจะมายุ่งเรื่องของเขาด้วยซ้ำ แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้เขาพลาดเองที่พาจูนไปพักที่บ้านพักตากอากาศของคุณอา ลืมไปเสียสนิทว่าคุณอาสนิทกับคุณพ่อ มีเรื่องอะไรก็คงจะบอกกันหมด เรื่องที่เขาคบกับจาริญเลยรู้ถึงหูคุณพ่อและออกคำสั่งให้กลับไปที่บ้านโดยด่วน
แต่ไหนแต่ไรอันดาก็ขัดคำสั่งพ่อมาตลอดอยู่แล้ว ครั้งนี้ถ้าจะทำอีกก็ย่อมได้ แต่เพราะเป็นห่วงจาริญไม่อยากให้เดือดร้อนไปด้วยเขาเลยไม่มีทางเลือกมากนัก
*****
ดวงตาเรียวสวยมองภาพถ่ายหลายสิบใบที่กระจายอยู่บนโต๊ะ เยื้องๆกันบนโซฟาตัวสวยชายวัยกลางคนท่าทางน่าเกรงขามนั่งไขว่ห้างจ้องมองมาด้วยสายตาอ่านไม่ออก อันดากำหมัดแน่น แววตาฉายแววไม่พอใจขึ้นมาทันทีเพราะรู้สึกโดนก้าวก่ายความเป็นส่วนตัว
“คุณพ่อให้คนตามถ่ายรูปอันเหรอ!”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วพ่อจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าแฟนแกเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง” ผู้เป็นบิดายิ้มน้อยๆ นั่นยิ่งทำให้อันดาโกรธจัดจนยากจะควบคุมอารมณ์
“แต่คุณพ่อไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องส่วนตัวของอัน อันจะคบกับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณพ่อ!” อันดาขึ้นเสียงด้วยความโกรธ ภาพถ่ายพวกนั้นเป็นภาพของเขาและจาริญในหลายๆอิริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่ในรถ ตอนเดินออกมาจากคอนโดด้วยกัน หรือแม้กระทั่งตอนนั่งทานข้าวในร้านอาหาร
“แกเลิกกับภูผาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” พ่อไม่ตอบแต่กลับถามคำถามไม่สร้างสรรค์แทน อันดาชักรำคาญแต่ก็ยอมตอบ
“สักพักแล้ว”
“รู้ใช่ไหมว่าภูผาเป็นลูกของเพื่อนพ่อ และพ่อกับฝ่ายนั้นกำลังมีแพลนจะร่วมหุ้นกันเปิดโรงแรม แต่ในเมื่อแกกับภูผาเลิกกันแล้วการเจรจามันก็จะยากขึ้น”
“นั่นมันเรื่องของคุณพ่อ ไม่เกี่ยวกับอัน” อันดารู้จักพ่อของตนเองดี และก็รู้อีกนั่นแหละว่าพ่อต้องการจะสื่ออะไร แต่เขาไม่มีทางยอมแน่ๆ
“ที่ฉันยอมให้แกคบกับภูผาก็เพราะเห็นว่าเป็นลูกชายของเพื่อน ไม่งั้นคิดว่าฉันจะยอมให้แกคบผู้ชายออกหน้าออกตาหรือไงอันดา รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น” น้ำเสียงของผู้ให้กำเนิดห้วนกระด้างแสดงถึงความไม่พอใจ อันดาเป็นลูกชายคนเดียว ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนรับได้ที่ลูกชอบพอกับผู้ชายด้วยกัน เขาต่อต้านมาตลอดจนถึงขั้นแตกหักทะเลาะกันรุนแรงจนอันดาแยกตัวออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว
อันดาคบหากับลูกชายของเพื่อนสนิทยังพอทำใจรับได้ว่าถึงยังไงก็คนกันเอง แต่พอเลิกกันแล้วไปคบกับเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ทำให้เขาโมโห
“คุณพ่ออายแต่อันไม่อาย อันก็เป็นของอันแบบนี้ แล้วอันก็รักจูนมากด้วย” อันดาเชิดหน้าไม่สนใจคำกล่าวตำหนิพวกนั้น ร่างเพรียวบางลุกขึ้นจากโซฟาเตรียมตัวจะกลับ เพราะเรื่องที่คุณพ่อเรียกมาคุยช่างไร้สาระเกินกว่าเขาจะทนคุยด้วยต่อได้
“ถ้าคุณพ่อมีเรื่องจะคุยแค่นี้งั้นอันกลับแล้วนะ”
“ว่างๆก็พาเด็กคนนั้นมาที่บ้านสิ แฟนแกน่ะ อย่างน้อยก็พามาให้พ่อกับแม่รู้จัก อาทิตย์หน้าแม่จะกลับมานะรู้หรือยัง”
อันดาชะงักปลายเท้า ใบหน้าสวยหันมองพ่อและพยักหน้า ถึงจะไม่ได้ติดต่อกับคุณพ่อในระยะหลังนี้แต่กับแม่ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศได้คุยกันบ่อยมากกว่า วันก่อนก็เพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าจะกลับมาทำธุระที่เมืองไทย
“ครับ รู้แล้ว เอาไว้ถ้ามีเวลาอันจะพาจูนมาที่บ้านก็แล้วกัน” อันดาบอกแค่นั้นก่อนจะยกมือไหว้บิดาและเดินออกมาจากบ้าน โดยไม่ทันได้เห็นว่าผู้เป็นพ่อเรียกลูกน้องเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างหลังจากเขาเดินออกมาจนลับสายตา
tbc.
หายไปนานแล้วยังกลับมาพร้อมกับระเบิดอีก55555
ไม่มีข้อแก้ตัวที่หายไปเป็นเดือนค่ะ ฮือ ยุ่งมากจริงๆเด้อ
แต่จะไม่หายยาวแบบนี้ละคั้บ จะกลับมาอัพแบบต่อเนื่องแล้ว
#กุหลาบแดงกับแมวขาว