ตอนที่ 85 พักฟื้น
หนูนอนอืดอยู่ห้องพี่โต้งเป็นวันที่สองแล้ว และตอนนี้เริ่มหิวแล้วด้วย นอนรอพี่โต้งที่สัญญาว่าจะซื้ออะไรมาให้กินตอนกลางวัน แต่ก็ไม่ยอมมาซะที พอได้ยินเสียงเปิดประตู หนูรีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันทีเพราะกลัวแกจะอุ้มเข้าไปนอนแบบเมื่อวานอีก ที่ไหนได้ คนที่เดินเข้าห้องมากลับไม่ใช่พี่โต้งแต่เป็นผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
หนูมองไปทางเขาแบบงงๆ จะว่าขโมยก็ไม่น่าใช่ แต่ถ้าใช่ขึ้นมา ต่อให้ตัวสูงกว่า ในเวลาที่ขาเดี้ยงแบบนี้คงลุกขึ้นไปสู้รบปรบมือกับใครไม่ไหวอยู่ดี คงต้องบอกคุณโจรว่า “อยากได้อะไร ก็เอาไปเลย”
“อ้ะ นี่ข้าว” คุณโจรวางถุงที่ใส่กล่องโฟมลงข้างตัวหนู ตัวก็เล็กๆ แต่หน้าตากับน้ำเสียงที่ก็ดุเอาเรื่องนะเนี่ย....
“มัวมองอะไรอยู่ ไม่เคยเห็นคนหรือไง”
นั่น! กวนตีนนะคะ ถ้าไม่เดี้ยงอยู่จะตบให้หน้าหงายเลย...
“ขอโทษค่ะ เอ่อ.... พี่โต้งให้คุณเอาข้าวมาให้เหรอ” หนูส่งคำถามเพียงอย่างเดียวที่นึกออกกลับไปอย่างสุภาพ
“แน่ล่ะสิ ถ้าไม่ถูกใช้ จ้างให้ก็ไม่มาหรอก” เฮ้อ..... ไม่เข้าใจเลยว่าจะอารมณ์เสียอะไรขนาดนั้น ถ้าไม่อยากมาก็ปฏิเสธไปสิ
“ว่าแต่เราเถอะ เค้าเรียกโง่หรือเซ่อ อยู่ดีไม่ว่าดีไปให้รถชนทำไม รู้ไหมเนี่ยทำให้คนอื่นเค้าลำบาก...”
“มันเป็นอุบัติเหตุนะค่ะ ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก” หนูตอบกลับพยายามทำอารมณ์ให้สงบนิ่งทั้งๆ ที่มันเริ่มๆเดือดแล้ว....
“เหรอ? นึกว่าเรียกร้องความสนใจซะอีก แล้วนี่ความจำเสื่อมจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าแกล้งสำออยหรอกนะ”
พอกันที ขี้เกียจจะฟังแล้ว.... หาเรื่องได้ทุกคำแบบนี้ ไล่ๆ กลับไปเลยดีกว่ามั้ง
“แล้วแต่จะคิดเถอะค่ะ ถ้าหมดธุระแล้วก็กลับไปเถอะ ขอบคุณนะคะที่เอาข้าวมาให้ เดี๋ยวหนูจะบอกพี่โต้งให้ว่าต่อไปไม่ต้องรบกวนคุณอีก....”
“ไม่ต้องไล่ก็ไป....คิดว่าอยากอยู่มากหรือไง ที่มาเนี่ยก็แค่สงสารพี่โต้งเท่านั้นแหละ เรียนก็หนัก ไหนจะงานที่คณะ แล้วยังต้องมาดูแลคนพิการที่บ้านอีก เป็นตัวปัญหา สร้างความลำบากให้คนอื่นเค้าแล้วยังไม่รู้สึกตัว เห็นแล้วหมั่นไส้”
บ่นๆๆๆ ด่าๆๆๆ แล้วเขาก็ไป......
ไปโดยที่หนูไม่ทันรู้แม้แต่ชื่อและความสัมพันธ์ว่าเกี่ยวข้องกับหนูและพี่โต้งอย่างไร
รู้แต่ว่าด้วยคำพูดแค่นั้นทำให้หนูร้องไห้ มันถูกต้องตรงใจ แทงใจดำไปหมดทุกสิ่ง...
ความหิวในตอนแรก...มันหายไปหมด หนูกินข้าวไม่ลง.....
กว่าพี่โต้งจะกลับมาก็เย็น แกขอโทษหนูใหญ่เลยที่วานให้น้องเทคซื้อข้าวมาแทน พี่คนเมื่อกลางวันเป็นน้องเทคพี่โต้งชื่อพี่เอ.....พอเห็นหนูไม่ยอมกินข้าว แกก็ถามเหมือนกันว่าโดนพี่เอแกล้งอะไรหรือเปล่า แต่พอนึกว่าแกก็ไม่ได้แกล้งอะไร สิ่งที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง หนูก็เลยตอบไปว่าข้าวที่พี่เอซื้อมามันเผ็ดจนหนูกินไม่ได้แค่นั้นเอง....
ออกจากโรงพยาบาลได้ไม่กี่วันหนูก็ต้องหอบสังขารไปเรียน ทั้งที่ความจริงหนูอยากดรอปมาก มันมีหลายๆ อย่างที่ทำให้หนูรู้สึกลำบากใจ หนูคิดถึงแม่ คิดถึงน้อง คิดถึงยาย มันเหมือนตัวเองเป็นโฮมซิกเพราะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ยังไม่ได้ ทั้งมหาวิทยาลัย เพื่อน รุ่นพี่ อาจารย์ ไม่มีอะไรที่หนูรู้จัก แม้แต่คนรักก็ยังลืม.... ยิ่งในช่วงที่หนูกลายเป็นคนพิการแบบนี้ แม้จะแค่ชั่วคราว หนูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระให้กับทุกคน คำพูดที่พี่เอพูดวนเวียนในสมองตลอดเวลา หนูอยากกลับบ้าน แม้ว่าทุกคนรอบข้างจะบอกว่า “ไม่เป็นไร” แต่หนูคิดว่ามันเป็นมากๆ หนูเกรงใจหมอก เกรงใจพี่โต้ง แต่พอคิดจะหนี ก็มีแต่คนรั้งไว้ไม่ให้ไป... สุดท้ายหนูถึงได้มานั่งจุ้มปุ๊กอยู่แบบนี้
“อาทิตย์นี้พี่โต้งไม่ไปเยี่ยมหลานเหรอคะ” หนูเอ่ยถามขึ้นในวันศุกร์ระหว่างที่ทานข้าวเย็นด้วยกันในห้อง
“ถ้าพี่ไป แล้วใครจะอยู่ดูน้องฐาล่ะคะ”
“หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ หนูแค่ขาหัก แต่ก็พอเดินเหินได้บ้าง แล้วก็ไม่ใช่เด็กด้วยจะได้ทำอะไรที่เป็นอันตรายซะหน่อย”
“ถึงงั้นก็เถอะ ไม่ไปสักอาทิตย์คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“ไปเถอะค่ะ ถ้าพี่อยากไป อย่าทำให้หนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระหรือตัวถ่วงของพี่ แค่นี้หนูก็รู้สึกแย่มากพออยู่แล้ว” หนูบอกกลับไปเสียงเศร้าๆ
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ลำบากอะไรทั้งนั้น ถ้าพูดอะไรทำนองนี้อีกพี่จะโกรธแล้วนะ”
“หนูจะไม่คิดแบบนั้น ถ้าพี่ไม่ทำให้หนูคิด” หนูบอกแล้วก้มหน้าลงหน้าม่อย
วันเสาร์ หนูอยู่บ้านหมอก นั่งพิมพ์รายงานด้วยโน้ตบุกที่หอบมาด้วย สลับกับดูทีวีและกินขนม
หลังจากหนูทำท่าไม่สบายใจ ที่พี่โต้งต้องมาดูแลตลอด สุดท้ายแกก็เลยทำตามที่หนูแนะนำ แต่แกก็ไม่ยอมปล่อยหนูอยู่ห้องคนเดียวอยู่ดี แกหิ้วหนูมาทิ้งไว้ที่บ้านหมอกแทน
“อยู่กับเพื่อนดีๆ นะ อย่าดื้อ อย่าซนรู้ไหมคะ เดี๋ยวค่ำๆ พี่ก็มาแล้ว เดี๋ยวซื้อขนมมาฝากนะ” หนูกลอกตาขึ้นบนมองหน้าแกด้วยสายตาจิกกัดพอประมาณ
ขาหักค่ะ .... ไม่ใช่เด็ก ดูพูดเข้า....
“อยู่ได้แน่นะ หรือว่าอยากไปด้วยกัน” ดู..ทำเข้า เอามาส่งไว้ที่บ้านหมอกแล้ว ยังจะเปลี่ยนใจวินาทีสุดท้ายอีกนะ...
“พี่ไปเถอะ เดี๋ยวหมอกมันก็ดูแลหนูเอง ถ้าหนูขาดีๆ ก็ว่าไปอย่าง เดี้ยงขนาดนี้ขืนไปด้วยก็ไม่รู้ว่าใครจะเยี่ยมใคร”
“จ้ะ พี่จะรีบกลับมานะ” พี่โต้งบอกอย่างอ่อนโยน กุมมือหนูแล้วลูบเบาๆ อย่างปลอบประโลม
หนูยิ้มกว้างให้เขา ไม่อยากให้เขากังวล แต่เมื่อพี่โต้งลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านไป หนูกลับรู้สึกโหวงเหวงอย่างประหลาด....
พี่โต้งก็แค่ไปเยี่ยมหลานเท่านั้นเอง แต่ทำไมรู้สึก ไม่อยากให้ไปเลยก็ไม่รู้.......
ตอนเที่ยงหมอกมันสั่งพิซ่าถาดใหญ่มากิน หนูตาโตเมื่อมันบอกว่า โปรหนึ่งแถมหนึ่ง ไม่พอ ยังมีกล่องที่ใส่ของอย่างอื่นอีกจนดูว่าแค่สามคน (หนู หมอก อ้อม) ไม่น่าจะกินหมด หนูเลิกคิ้วสูงเมื่อมันไสกล่องบางอย่างมาให้
“ลาซานญ่า พี่โต้งบอกมึงอยากกิน อร่อยเหรอ กูว่ามันทั้งทั้งเลี่ยนทั้งจืด”
“ไม่รู้สิ มันก็อร่อยแบบแปลกๆ มั้ง”
“เหรอ กินเยอะๆ นะมึง ไม่ต้องเกรงใจ เพราะพี่โต้งเลี้ยง อาทิตย์หน้ามาอยู่ให้กูดูแลอีกก็ได้ กูอยากกินเคเอฟซีด้วย”
อ้าว... ไหงงั้นล่ะคะเพื่อน .... เห็นแก่กินนี่หว่า....
หนูส่ายหน้าเบาๆ เอาช้อนตักลาซานญ่าเข้าปาก
จำได้ว่าเคยบอกตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลว่าอยากกิน
ป่านนี้แกยังไม่ลืมเลยเนอะ....
นั่งๆ นอนๆ พิมพ์ๆ กินๆ จนดึก
หนูยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา สลับกับมองไปที่ประตูบ้านเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้
สี่ทุ่มแล้ว.... ก็ยังไม่มา......
“ฐาเอ๊ย..... เลิกมองประตูบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพี่แกก็มาเองแหละ หลับสักตื่นก็ได้ ถ้าไม่มาก็ค้างที่นี่สักคืนจะเป็นไรไป” เสียงหมอกที่เอ่ยทักทำให้หนูรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังรอใครบางคนโดยไม่รู้ตัวอาจจะ เพราะความเคยชิน
“นั่นสิเนอะ นอนนี่ก็ได้...” หนูทวนคำเสียงลอยๆ เอามือลูบหัวตัวเองแก้เขินก่อนจะลากเอาตุ๊กตาหมอนที่วางแถวนั้นมาหนุนหัว แล้วแกล้งทำเป็นเอนตัวลงนอนทั้งๆ ที่ความจริงไม่ได้หลับ.....
เกือบสะดุ้งเมื่อเสียงรถมาจอดหน้าบ้านตอนเกือบห้าทุ่มแล้ว
“โห.... กว่าจะมาได้นะคะ นึกว่าอีฐามันจะคอยาวเป็นห่านไปแล้ว” เสียงอ้อมทักพี่โต้งที่เดินเข้าบ้านมาทำเอาหนูชักสีหน้า
“ขอโทษ พอดีระหว่างทางมีอุบัติเหตุนิดหน่อย รถเลยติดมากเลยมาช้าไปหน่อย” พี่โต้งหันมาบอกหนู แล้วจะให้ว่ายังไงนอกจากพยักหน้ารับทราบ
“งั้นกลับบ้านกันเถอะ” พี่โต้งบอกแล้วอุ้มหนูไปที่รถ แล้วเดินกลับมาเอาของที่หนูเอาไปด้วย
“ทานข้าวเย็นหรือยังเนี่ย...” ระหว่างขากลับมาจากบ้านหมอก พี่โต้งก็ถามขึ้น
“ทานแล้วค่ะ....” หนูบอก ความจริงจะบอกว่าข้าวก็ไม่เชิงแต่เป็นพิซ่าที่เหลือจากมื้อกลางวันเอามาเก็บกวาดให้เรียบเท่านั้นแหละเพราะเสียดาย...
“เหรอ? แต่พี่หิวจังไปกินข้าวต้มเป็นเพื่อนพี่ดีกว่านะคะ” พี่โต้งว่า พูดเองตัดสินใจเองเสร็จสรรพ
บอกว่าไม่กินๆ แต่ทำไมมีถ้วยข้าวต้มวางอยู่ตรงหน้า หนูนั่งเงียบมองพี่โต้งกิน แกคงหิวจริงๆ แหละ
“น้องฐาเป็นอะไรเงียบเชียว งอนพี่เหรอคะที่มาช้า”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้งอน”
“เห็นหน้าหงอยๆ กลัวพี่ไม่มารับเหรอคะ?”
“กลัวทำไม ถ้าไม่มา หนูก็นอนบ้านหมอกไง ไม่เห็นยากเลย”
“อ้าว ถ้านอนบ้านหมอกแล้วใครจะอาบน้ำให้น้องฐาล่ะ?”
“ความจริง หนูอาบเองคนเดียวก็ได้นะ”
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวไม่ได้แต๊ะอั๋ง” แกบอกพลางยิ้มกริ่ม ตรงไปตรงมาจนฟังแล้วอดเขินไม่ได้เลยสิน่า...
“น้องฐากินนี่สิ ยำเค้าอร่อยดีนะ” พี่โต้งว่าเอาตะเกียบคีบหมึกในจานยำป้อนให้ หนูเอนศีรษะนิดหนึ่งแล้วหันไปมองคนอื่นๆ ในร้าน
“พี่คะ อายเค้า”
“อายทำไมคนเยอะแยะ หึหึ” คนตอบเล่นมุกเองขำเองเลย -*-
“อื้อ....” หนูครางในลำคอ ไม่เห็นขำ
“เค้าก็กินของเค้าไป ไม่มีใครเค้ามาสนใจเราหรอก” หนูโต้งว่า หนูก็เลยไม่อยากเรื่องมากอ้าปากงับหมึกเข้าปากไป
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันดีกว่านะ ถือว่าไถ่โทษที่มาช้า อยากกินอะไร อยากไปไหนเป็นพิเศษไหม”
“ไม่เอาดีกว่าค่ะ ไปเที่ยวกับคนพิการจะสนุกได้ไง พี่จะลำบากซะเปล่า”
“พิกงพิการอะไรเล่า พูดเหมือนจะเดินไม่ได้ตลอดอย่างงั้นแหละ อาทิตย์หน้าเอาเฝือกออก เดี๋ยวก็วิ่งได้แล้ว”
หนูหัวเราะเบาๆ วิ่งได้อะไรกัน แค่เดินได้ก็ดีใจแล้วอ่ะ
“น้องฐา ต้มยำก็อร่อยนะคะ อ้ะ” พี่โต้งว่าแล้วใช้ช้อนตักกุ้งบวกน้ำต้มยำมารอ.... ทีแรกว่าจะไม่กินแต่ไปๆ มาๆ โดนป้อนจนกินกับข้าวครบทุกอย่างแล้วนะเนี่ย
“พี่โต้งไม่อายคนอื่นเค้าเหรอคะ ที่มาทำอะไรแบบนี้ ไม่กลัวคนอื่นเค้าจะนินทาเอาหรือไง”
“นินทาว่า?”
“มีแฟนเป็นกะเทย”
“โธ่ น้องฐา คิดมากไปได้ พี่จะอายทำไม แฟนพี่ออกน่ารักขนาดนี้” พี่โต้งตอบพร้อมรอยยิ้มไม่พอส่งมือมาบีบแก้มหนูเบาๆ อีกด้วย “ดีซะอีก.... คนอื่นเค้าจะได้รู้ไงว่าน้องฐามีแฟนแล้ว แล้วก็บอกไว้อย่าง.... แฟนน้องฐาทั้งขี้หึงทั้งขี้หวงมากๆ เลยรู้ไหม”
รู้สึกดีจัง.... นี่ใช่ไหม.... ความรักของคนปกติ
ไม่ต้องปิดบัง ไม่ต้องแอบซ่อน ไม่ต้องแคร์สายตาใคร
ชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วสิว่าถ้าตอนนี้ มีโรจน์มายืนอยู่ตรงหน้า แล้วบอกให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม
หนูจะลังเลหรือเปล่า....
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ถือว่า ความคิดเห็นคนอ่าน มีผลต่อพลอตพอสมควรเลยนะเนี่ย ดู พลอตที่วางไว้ ปรับเปลี่ยนน่าดู ... แต่ไม่ว่ายังไง ตอนจบก็ถูกวางไว้แล้วอยู่ดี
อาจจะงงๆ หน่อยนะ อารมณ์ ของเรื่อง ยังไม่นิ่ง ว่าจะ ดราม่า หรือฮา ....
แต่ดราม่ายาวๆ คนอ่านก็คง เหนื่อยก็เลยยัดเอาอะไรให้ได้ยิ้มมา ผ่อนคลายบ้าง
เรื่องความต๊องของน้องฐานี่ ยังไม่ชินอีกเหรอ มันเป็นมาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วนะคะ......
ตอนนี้ ไม่มีอะไรมาก อยู่ในช่วงของการเริ่มต้นจริงๆ
น้องอาจจะกำลังคิดอยู่ก็ได้ว่าระหว่างความรักเก่าๆ ที่ทำให้เจ็บ กับความรักครั้งใหม่นี่
อะไรจะเป็นสิ่งที่น้องต้องการมากกว่ากัน...
ปล. ไม่แน่ คนที่หลายคนรอคอย อาจจะลัดคิวโผล่ออกมาก่อนถึงคิวก็ได้นะคะ อิอิ
ขอบคุณ ทุกกำลังใจค่ะ พยายามจะเข็ญตอนใหม่ออกมาไวๆ อยู่กับน้องมา สองปีกว่าแล้ว.... กลัวคนอ่านจะเบื่อซะก่อน คงต้องรีบ รวบเรือ่งได้แล้วสินะ