Ai Adore You.
#ขอรักแค่คุณ
ตอนที่ 10
เสียงกุกกักตามด้วยเสียงน้ำไหลดังซู่ทำให้อาคิราห์ลืมตาตื่นขึ้น เขาเผลอหลับไปอีกครั้งหลังจากกินโจ๊กที่ป้านิ่มยกขึ้นมาให้เป็นอาหารเย็นจนหมดเกลี้ยง หันไปดูนาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว การพักผ่อนเต็มที่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากแม้ว่าจะยังปวดเมื่อยตามตัวอยู่ก็ตาม
เสียงคนในห้องน้ำทำให้อาคิราห์เริ่มอยากย้ายกลับไปห้องนอนเดิมที่ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน นึกเดาได้เลยว่าคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ในนั้นคงไม่ใช่ป้านิ่มแน่ๆ
ดันตัวลุกขึ้นมานั่งเหลียวซ้ายมองขวาได้พักเดียวประตูห้องน้ำก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่คาดทับด้วยผ้าเช็ดตัวที่เอวเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเช็ดผมของตัวเองไปด้วย อัยย์หันไปมองอย่างตระหนก สายตาปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างที่มีหยดน้ำเกาะพราวนั้นโดยไม่ตั้งใจ
“อ้อ ตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะนอนยาวไปถึงพรุ่งนี้เสียอีก” เจ้าของห้องพูดขึ้น เดินผ่านหน้าเขาไปยังตู้เสื้อผ้า กระจกเงาสะท้อนให้เห็นนัยน์ตากลมแป๋วที่มองจ้องเขาอยู่จากด้านหลัง พิชช์ฌานสบตาคนในกระจกแล้วพูดเสียงเรียบ “แอบมองอะไร อิจฉาซิกแพ็คฉันหรือไง”
อัยย์พ่นลมออกจากจมูกแรงๆ
“เหอะ...แค่นี้ไม่เห็นน่าอิจฉาตรงไหน”
“หืม?” คนตัวสูงหันขวับมามองแล้วเดินตรงมาหา อาคิราห์ยกผ้าห่มขึ้นคลุมถึงอกอย่างระแวง รีบถามออกไป
“จะทำอะไร ถอยออกไปนะ”
“วันแพ็คของเธอจะมาสู้ซิกแพ็คของฉันได้ยังไงฮึ” พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม นึกฉุนที่อีกฝ่ายเมินรูปร่างที่เขาแสนจะภาคภูมิใจ “เปิดเสื้อมาสู้กันตัวต่อตัวเลยดีไหม”
ลอนหน้าท้องสวยงามด้วยมัดกล้ามนั้นขยับเข้ามาจนเกือบชิด อัยย์เบ้ปาก ออกแรงดันหน้าท้องแข็งๆนั้นออกไปห่างๆ
“อย่ามาใกล้ผม ไม่งั้นผมดึงผ้าหลุดจริงๆด้วย” โอเมก้ารีบขู่ รู้สึกไม่ปลอดภัยเลยให้ตายสิ
“ดึงเลย” อีกฝ่ายนอกจากไม่กลัวแล้วยังท้าทายเสียด้วย อัยย์ย่นจมูก หันหน้าหนีไปทางอื่น
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวฝันร้าย ...ผมกลัวไส้เดือน”
“พูดแบบนี้นี่วอนเสียแล้วนะ” คนแก่กว่าจุ๊ปาก เอื้อมมือมาดีดที่หน้าผากเนียนนั้นทีนึงจนอีกคนหดคอหนี “นี่แน่ะ เดี๋ยวก็จับพิสูจน์อีกสักรอบหรอก” พิชช์ฌานพูด
“ไอ้บ้า ไปแต่งตัวเลยนะ เป็นโรคจิตชอบโชว์หรือไง”
“อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้แก้ผ้าเต้นกลางห้องก็แล้วกันน่ะ”
“ผมไม่ได้เต้น แล้วผมก็ล็อคประตูห้องแล้วด้วย คุณนั่นแหละไม่มีมารยาท เปิดประตูเข้ามาพรวดพราดแบบนั้นได้ยังไง” อาคิราห์ชักโมโห พอนึกถึงเหตุการณ์พวกนั้นก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีก “รีบใส่เสื้อผ้าแล้วก็พาผมกลับห้องเดิมซักที ผมไม่อยากนอนห้องนี้แล้ว” ชายหนุ่มกระแทกเสียง
พิชช์ฌานหัวเราะหึๆ หันกลับไปสวมชุดนอนเรียบร้อย จากนั้นชายหนุ่มก็อ้อมเตียงนอนขนาดใหญ่ขึ้นมานั่งอยู่ข้างๆคนที่นั่งห่อตัวอยู่ในผ้าห่มนั้น
“พาผมกลับห้อง...ด่วน” อาคิราห์พูดซ้ำ
“อยากกลับก็กลับเองสิ”
“ห้องผมอยู่ไหนล่ะ ใช่ห้องข้างๆนี้หรือเปล่า” โอเมก้าเหลียวไปมองประตูห้องที่เขาเดาเอาว่าน่าจะเชื่อมห้องนี้เอาไว้กับห้องของเขา เหมือนตอนที่พิษฌานเปิดประตูพรวดเข้ามา
“ไม่ใช่ นี่คนล่ะตึกกัน เธอต้องเดินลงบันไดไปสามชั้นนะแล้วข้ามสนามหญ้าไปจะเจอสนามเทนนิส เดินเลาะไปต่อจะเจออีกตึกนึง ขึ้นบันไดไปสองชั้นห้องเธออยู่ริมสุดระเบียง” คนฟังขมวดคิ้วแล้วนึกตาม สีหน้าเครียดๆนั้นทำให้คนพูดแอบกลั้นหัวเราะอยู่ในใจ พิชช์ฌานวางหน้าขรึมจริงจัง สำทับมาอีก “นี่เที่ยงคืนแล้ว ข้างนอกมืดมาก ถ้าจะไปก็หาไฟฉายติดไปด้วยก็แล้วกันนะ ฉันจะนอนล่ะ” พูดจบก็ขยับตัวลงนอน นับหนึ่ง สอง สามในใจ
มือเล็กเอื้อมมาเขย่าแขนเขาแรงๆ
“เดี๋ยวสิคุณ อย่าเพิ่งนอน”
“อะไรอีก” พิชช์ฌานลืมตาขึ้น “รีบไปสิ ฝากล็อคประตูห้องฉันด้วยนะ”
“ผม...เดินไม่ไหว” อาคิราห์บอกเสียงอ่อย “คุณพาผมไปไม่ได้เหรอ”
“ฉันปวดหลัง” อัลฟ่าหนุ่มพูด “คิดว่าเธอปวดตัวอยู่คนเดียวหรือไง ฉันก็ปวดไปทั้งตัวเหมือนกันนะ”
“ฮึ คุณเป็นคนรังแกผมแท้ๆทำไมพูดแบบนี้ล่ะ” คนฟังโกรธ ทุบกำปั้นลงกับต้นแขนล่ำสันนั้น พิชช์ฌานสะดุ้ง รีบคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้แทบไม่ทัน
“เดี๋ยวสิ คุยกันดีๆ เอะอะลงไม้ลงมือแบบนี้ไม่ถูกต้องเลยนะ” ชายหนุ่มพลิกตัวเลิกเสื้อนอนขึ้นให้ดูแผ่นหลังกว้างของตัวเอง “เห็นรอยอารยธรรมพวกนี้มั้ย ฝีมือเธอล้วนๆเลย”
อัยย์ขมวดคิ้ว ก้มลงดูรอยถลอกยาวๆที่เหมือนรอยข่วนเต็มหลังของพิษฌานอย่างประหลาดใจ อีกฝ่ายดึงคอเสื้อลงให้ดูรอยเขี้ยวที่ไหล่หนาด้วย
“ไม่จริงอ่ะ ไม่ใช่ฝีมือผม” โอเมก้าไม่ยอมรับ “คุณไปฟัดกับแมวที่ไหนมาแล้วมาโทษผมแน่ๆ”
“ไม่ใช่แมว แต่เป็นตัวบู้บี้ งับฉันเต็มคำแล้วมาทำไม่รู้เรื่องอีก ทีฉันกัดเธอยังยอมรับผิดเลย” พิชช์ฌานเอื้อมมือมาบีบจมูกเขาสั่นไปมา “หรือต้องให้เปิดคลิปยืนยันฮึ”
“คุณมีคลิปเหรอ” เจ้าของจมูกโด่งรั้นตาโต ปัดมืออีกฝ่ายออกไป “คุณอัดคลิปผมเรอะ”
อีกคนไม่ตอบแต่กลับอมยิ้มเจ้าเล่ห์ อาคิราห์ชักโกรธขึ้นมาจริงๆ
“คุณลบคลิปเลยนะ คุณมันเลว สมชื่อพิษฌานจริงๆ” ชายหนุ่มด่าออกมาอีกหลายคำจนพิชช์ฌานต้องรีบเบรก
“เดี๋ยวๆ ฉันล้อเล่น ใครจะไปมีเวลาอัดคลิปเอาไว้ได้ล่ะ ตอนนั้นฉันไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เชื่อคนง่ายไปหน่อยมั้งเธอน่ะ แล้วอีกอย่างนะ ชื่อฉันมันยังไงไม่ทราบ ฉันอุตส่าห์เปลี่ยนชื่อใหม่เสริมดวงยังมาว่าชื่อฉันอีก”
“ผมไม่ได้ว่าชื่อคุณ ผมแค่บอกว่าชื่อคุณมันสมตัวแล้วไง คุณพิษฌาน” อาคิราห์ยิ้มสะใจที่เห็นอีกฝ่ายตามไม่ทัน เขารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ฝ่ายนั้นจะคิดออก “ตกลงคุณจะไม่พาผมกลับไปที่ห้องจริงหรอ”
“ใช่ ฉันง่วงแล้ว เธออยากไปก็ไปเอง” พิชช์ฌานพูดแค่นั้นก็พลิกตัวหนีแล้วหลับตาลง
รู้สึกได้ว่าเตียงยวบยาบจากการขยับตัวของคนข้างๆ ชายหนุ่มแอบหรี่ตามองข้ามไหล่ไปเห็นร่างโปร่งบางนั้นกำลังดันตัวลุกขึ้นยืนโอนเอน
พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือกให้กับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย เขานอนมองร่างเล็กนั้นเดินลากผ้าห่มทีละก้าวตรงไปยังประตูอย่างยากลำบาก ใบหน้าเรียวนิ่วหน้าทุกครั้งที่ขยับตัว
“นั่นมันประตูห้องน้ำ” อัลฟ่าหนุ่มพูดขึ้น “เดินลากขนาดนี้ คืนนี้จะไปถึงห้องนอนไหม”
อาคิราห์หันมาทำปากขมุบขมิบเหมือนด่าเขาแล้วเปิดประตูห้องน้ำออก
“ผมปวดฉี่” เจ้าตัวพูดก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ
พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆให้กับคำพูดแก้เก้อนั้น ยกแขนขึ้นรองศีรษะเอาไว้แล้วหลับตาลง ฟังเสียงกุกกักตามด้วยเสียงเปิดน้ำของคนที่อยู่ในห้องน้ำนั้น เดาเอาว่าคงล้างมืออยู่กระมัง
โครม!
เจ้าของห้องลืมตาโพลง ลุกจากที่นอนก้าวพรวดเดียวไปถึงประตูห้องน้ำอย่างตกใจ เสียงอะไรสักอย่างดังโครมใหญ่ตามด้วยเสียงร้องโอยจากคนข้างในทำให้เขาทุบประตูห้องน้ำแรงๆ
“เกิดอะไรขึ้นอัยย์ เป็นอะไร”
“ผม..ลื่น” เสียงโอเมก้าตอบกลับมา
“เปิดประตูสิ เป็นอะไรมั้ย”
“ผมลุกไม่ไหว” คนข้างในพูดเสียงสั่นเครือ “มันจุก”
พิชช์ฌานยกมือขึ้นขยี้เส้นผมของตัวเองแรงๆ แล้วหมุนตัวก้าวยาวๆไปค้นหากุญแจห้องน้ำในลิ้นชักมาไขเปิดออก คนข้างในห้องน้ำร้องลั่น รีบพูดเสียงดัง
“อย่าเพิ่งเปิดเข้ามา...ผมโป๊”
สายไปแล้ว เพราะพิชช์ฌานเปิดประตูเข้าไปในทันที ภาพร่างโปร่งบางนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่พื้นโดยไม่สวมกางเกงนั้นทำให้พิชช์ฌานจุ๊ปาก กรากเข้ามาพยุงจับไหล่ทั้งสองข้างให้ลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงดึงกางเกงขึ้นมาสวมให้
อาคิราห์หน้าร้อนจัด ใช้มือปิดกลางตัวเอาไว้แน่นพลางเอี้ยวตัวหนี
“อายอะไรเล่า เห็นมาแล้วทั้งตัว” เจ้าของบ้านพูดเสียงดุ “อยู่เฉยๆสิ จะผูกเชือกที่เอวให้”
“ผมผูกเองได้ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะ” อัยย์ขู่ฟ่อ ยึดเชือกมาผูกรอบเอวเอาไว้เองอย่างแน่นหนา “ถอยออกไป”
“เดี๋ยวก็ล้มอีกหรอก”
“เมื่อกี้ผมสะดุดชายผ้าห่มเฉยๆ” เขาชี้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่ลากมาด้วย “ผมเดินเองได้”
“ฉัน – ง่วง – นอน – แล้ว” พิชช์ฌานไม่พูดพล่ามทำเพลง ก้มลงอุ้มเจ้าโอเมก้าขึ้นทั้งตัวแล้วพามาปล่อยที่เตียงทว่ามือเล็กกลับไม่ยอมปล่อยจากลำคอของเขา “ปล่อยมือสิ อะไรอีก”
“คุณอุ้มผมได้นี่ ไหนว่าปวดหลังไง งั้นพาผมไปส่งที่ห้อง...นะๆๆ” อาคิราห์พูด รัดมือรอบลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
“จะปล่อยไม่ปล่อย” เสียงเข้มพูดอยู่ข้างหู
“ไม่”
“งั้นฉันกอดคืนบ้างอย่ามาร้องไห้งอแงนะ” พิชช์ฌานพูดจบก็รวบเอวบางมากอดเอาไว้
เจ้าโอเมก้าตกใจรีบปล่อยมือจากลำคอของอีกฝ่ายแทบไม่ทัน
“ปล่อยแล้วๆ ปล่อยผมเถอะ”
“จะนอนไม่นอนเนี่ย ฉันมีงานพรุ่งนี้ตอนเช้านะ” พิชช์ฌานพึมพำกับซอกคอหอมกรุ่นนั้น ถึงแม้จะผ่านช่วงฮีทไปแล้ว เหตุใดกลิ่นหอมหวานของอาคิราห์ถึงยังอบอวลอยู่เลย “เธอได้กินยาฉุกเฉินที่ฉันให้มาหรือเปล่า”
“ผมกินแล้ว โธ่ ผมก็ไม่อยากท้องนะ” อัยย์ใช้มือดันแผ่นอกกว้างออกไป “ถอยออกไปได้แล้ว ผมปล่อยคอคุณแล้วทำไมคุณไม่ปล่อยผม”
นักการเมืองหนุ่มเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองยังกอดร่างสมส่วนนั้นเอาไว้แน่น พิชช์ฌานปล่อยมือออกแล้วเดินหน้านิ่งอ้อมกลับไปที่อีกฟากของเตียง
“โตแล้ว พูดให้มันรู้เรื่องหน่อย ถ้าอยากย้ายห้องก็เอาไว้ย้ายพรุ่งนี้ คืนนี้ดึกมากแล้วนอนซะ ...เลิกทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจเสียที คิดว่าฉันอยากนอนห้องเดียวกับเธอมากหรือไงเจ้าโอเมก้า” เสียงห้วนดุกับท่าทางที่เปลี่ยนไปฉับพลันของเจ้าของห้องทำให้คนฟังตามอารมณ์ไม่ทัน
อาคิราห์เบ้ปากใส่แผ่นหลังพิษฌานแล้วค่อยๆเอนตัวลงนอนบ้าง ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังมาจากร่างสูงใหญ่ที่หลับไปแล้ว ส่วนตัวเองได้แต่ข่มตาให้หลับแต่กลับนอนไม่หลับเลย สมองเอาแต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับไปกลับมา ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ตอนนี้เขาควรจะเสวยสุขกับอิสรภาพใหม่ในต่างแดนไม่ใช่มานอนหงิกอยู่ในห้องนี้กับคนที่เกลียดโอเมก้าเข้าไส้อย่างนายพิษฌานไม่ใช่หรือไง
ถ้าตอนนี้อยู่ที่บ้าน...จะดีกว่าตอนนี้ไหม แค่คิดก็น้ำตาคลอ นี่เขาตัดสินใจผิดหรือเปล่าที่เลือกแต่งงานกับผู้ชายคนนี้
พิชช์ฌานตื่นขึ้นเองตอนเช้ามืดโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก เขาฝึกตัวเองให้ตื่นเช้ามาตั้งแต่สมัยเรียน แม่เคยสอนให้รีบลุกจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัวอย่างกระฉับกระเฉงเพื่อเช้าวันใหม่ที่สดใส ชายหนุ่มทำแบบนั้นมาตลอดชีวิตจนกระทั่งเช้าวันนี้ที่มีอะไรบางอย่างแปลกไป
เขาพบว่าตัวเองกลายเป็นหมอนข้างให้เจ้าโอเมก้ากอดก่ายเสียอย่างนั้น
ขาเรียวพาดอยู่บนเอวของเขา ส่วนมือก็วางแปะบนอก เสียงกรนครืดคราดดังมาจากริมฝีปากอิ่มเต็มที่อ้าออกกว้างเหมือนปลาฮุบออกซิเจน นี่ถ้ามีน้ำหลายไหลยืดออกมาเปื้อนเสื้อนอนของเขา พิชช์ฌานก็จะไม่แปลกใจ
ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางดันหน้าผากของคนที่เอาศีรษะเกยไหล่ของเขาอยู่ออก อีกฝ่ายนอกจากไม่ยอมปล่อยแล้วยังกลับฝังจมูกลงกับซอกไหล่ของเขาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่เหมือนลูกหมาสูดกลิ่น จากนั้นก็ถอนหายใจยาวซุกตัวเข้ามาแนบชิดราวกับสบายเสียเต็มประดา
“นี่เธอ...ตื่นๆ” พิชช์ฌานขยับจะจิ้มนิ้วที่หน้าผากอีกฝ่ายแรงๆแต่แล้วเปลี่ยนใจ แตะปลายนิ้วลงที่แก้มเนียนใสนั้นแทน จากแตะด้วยปลายนิ้วเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆ เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาตื่น “ขี้เซาชะมัด”
อยากผลักออกไปแรงๆเหมือนกันแต่เดี๋ยวก็มานั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆอีก น่ารำคาญ...พิชช์ฌานคิดในใจขณะที่ค่อยๆจับแขนอีกฝ่ายดึงออกจากตัวตามด้วยท่อนขา คนหลับพลิกตัวนอนคว่ำหน้าลงไปกับหมอนของเขาจนชายหนุ่มชักกลัวว่าจะขาดอากาศหายใจตาย
พิชช์ฌานจุ๊ปาก จับตัวอีกฝ่ายพลิกหงาย ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ลวกๆแล้วก็เปลี่ยนเป็นจับคลุมให้ถึงคางเรียบร้อย ถอยมายืนดูอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ขยับเข้ามาดึงผ้าห่มออกคลุมให้ใหม่แบบลวกๆอีกรอบ นึกอยากเขกหัวตัวเองเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไรหรือเปล่า
ทำไมนักการเมืองหนุ่มอนาคตไกลอย่างเขาต้องมาเสียเวลาทำอะไรงี่เง่าไร้เหตุผลแบบนี้ด้วย ...สายตาเหลือบไปเห็นปลายเท้าที่โผล่พ้นชายผ้าห่มออกมา พิชช์ฌานสั่งตัวเองอย่างเฉียบขาดให้หยุดคิดที่จะดึงผ้าห่มผืนนั้นมาคลุมให้เท้าให้ใหม่
เลิกประสาทได้แล้ว เจ้าโอเมก้าน่ารังเกียจกำลังจะทำให้เขาประสาทกิน ชายหนุ่มคิดในใจอย่างฉุนเฉียวตอนที่เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมให้อีกรอบ
..............................................................