ตอนที่๙
เธรายืนมององค์วิรัลที่ตอนนี้ยังคงนอนไม่ได้สติ เขาถูกแยกออกมาสถานการณ์กดดันข้างนอกก่อนถูกจับมาขังไว้กับองค์วิรัลที่ยังคงนอนไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง
“อยู่ในนี้อย่าเพิ่งออกไปไหนนะกระหม่อม สถานการณ์ตอนนี้อ่อนไหวเกินไปที่พระองค์จะออกไปแก้ตัว ประทับอยู่ในนี้สักพักนะกระหม่อม” คาเซบอกก่อนเดินออกไป
ห้องบรรทมกว้างใหญ่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามหน้าต่างบานใหญ่ประดับด้วยกระจกที่ตกแต่งอย่างปราณีต ประตูบานสวยที่เปิดออกไปยังระเบียงเล็กๆด้านนอกอากาศในห้องปล่อดโปร่งถ่ายเท แสงอาทิตย์สาดเข้ามาเบาๆ สายลมเย็นๆพัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้ลอยเขามาอ่อนๆ
เธรานั่งลงที่พื้นข้างๆเตียงคนป่วยก่อนซบหน้าลงไปบนเตียงอย่างหมดแรง กลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยมาตามลมทำเอาเขาหวนคิดไปถึงบ้าน บ้านของเขาที่มาลันเคียบ้านที่แม้เขาจะไม่ได้เป็นที่ต้องการจากคนในครอบครัวแต่ยังไงก็คือบ้านที่เขาเติบโตมา ตลอดเวลาที่อยู่ที่นันทานครแม้จะใช้ชีวิตโดนไร้ตัวตนมาตลอด แต่เธราก็พยายามทำทุกอย่างให้เป็นประโยชน์ต่อนันทานครเสมอ แต่วันนี้เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าตัวเขาจะมีส่วนให้เกิดขึ้นยิ่งคิดเธราก็ยิ่งโทษตัวเอง ถ้าเขากลับไปใช้ชีวิตอยู่แต่ในที่ของตัวเองแบบเดิมก็คงไม่มีใครเจ็บ ไม่มีใครตาย ภาพขององค์หญิงโยนายังคงติดตาร่างบอบบางที่เต็มไปด้วยเลือดดวงตาที่เบิกโพลง ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลยิ่งกลัวหากเรื่องมันลุกลามจนเกิดสงครามเธราจะทำยังไงจะมีคนตายอีกเท่าไหร่เพียงแค่คิด อยู่ดีๆน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาเธราพยายามกลั้นไม่ให้สะอื้นก่อนกดหน้าลงไปบนเตียงมากกว่าเดิมปล่อยให้น้ำตามันไหลออกไปจนเริ่มรู้สึกดีขึ้น ร่างสูงโปร่งขยับลุกขึ้นนั่งตัวตรงดวงตาสีน้ำตาลยังมีร่องรอยของการร้องไห้ เขายกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองก่อนสะดุ้งเมื่อข้อมือถูกดึง
“หิวน้ำ” คนป่วยที่ดูเหมือนเพิ่งได้สติเอ่ยบอก เมือได้ยินคำขอเธราก็รับกุลีกุจอหาน้ำมาให้ น้ำสะอาดเต็มแก้มถูกยื่นมาให้คนป่วย วิรัลรับไปจิบเพียงนิดหน่อยก็ส่งคืน
“ร้อน” คนป่วยบอกอีกครั้ง เธราขยับตัวลุกไปหาพัดมาพัดให้คนที่บ่นร้อนทั้งที่ในห้องมีลมโชยเข้ามาตลอดเวลา เขานั่งลงข้างๆเตียงก่อนพัดให้คนที่บ่นร้อนแต่ดูเหมือนคนโดนพัดจะไม่พอใจจึงขยับมาดึงแขนคนที่นั่งพัดอยู่กับพื้นให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยกัน
วิรัลมองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาพัดให้เขาทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อนสักนิด เขารู้สึกตัวตั้งแต่คาเซพาเธราเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่แรก แต่เพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปเขาถึงเลือกที่จะนอนเฉยๆแทนที่จะลุกขึ้นมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงกุกกักดังขึ้นข้างๆเตียงก่อนจะมีแรงยวบของที่นอนเบาๆ และสุดท้ายสิ่งที่ทำให้วิรัลต้องลืมตามามองคือเสียงสะอื้นเบาๆที่แว่วมาเข้าหู ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาตอนนี้ซบลงเตียงราวคนหมดอาลัย แรงสั่งไหวเบาๆของไหล่และเสียงสะอื้นที่ดูเหมือนเจ้าตัวพยายามกลั้นไว้บ่งบอกว่าคนตรงหน้ากำลังร้องไห้ได้เป็นอย่างดี วิรัลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ความอ่อนแอที่คนตรงหน้าแสดงออกมาเป็นครั้งแรกนั้นทำเอาหัวใจเขาวูบโหวงแปลกๆ คนตรงหน้าไม่เหมาะกับเสียงสะอื้นสักนิด รอยยิ้มที่สว่างไสวต่างหากที่เหมาะสมกับคนอย่างเธรา มือที่กร้านเพราะจับดาบมานานนับปียกขึ้นหมายจะลูบลงไปบนกลุ่มผมสีน้ำตาลนั้น หากคนที่กำลังร้องไห้กลับผงกหัวขึ้นอย่างกะทันหัน ทำเอาคนที่แอบมองอยู่ต้องรีบหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะตัดสิ้นใจจับข้อมือของคนที่กำลังใช้เสื้อเช็ดตาตัวเองไปมาอย่างแรงเพราะกลัวว่าดวงตาสีน้ำตาลจับตานั้นจะบวมไปมากกว่าเดิม
“ตอนนี้เจ้าอยู่ข้างๆข้า” วิรัลพูดพลางจับแขนของเธราแล้วดึงให้เข้าไปใกล้ตัวเองมากกว่าเดิม“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
คำพูดที่ฟังดูเหมือนไม่มีที่มาที่ไปของวิรัลนั้น น่าแปลกที่เธรากลับเข้าใจได้ไม่ยาก น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วทำท่าจะไหลออกมาอีกรอบอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเธราเริ่มเอ่ยปากพูด
“องค์หญิงโยนาสิ้นพระชนม์แล้วกระหม่อม” เธราบอกก่อนพยายามกลั้นน้ำตาอีกรอบ “โดนลอบปลงพระชนม์”
“ใครทำ”
เธราส่ายหน้า ก่อนกลั้นก้อนสะอื้นอย่างยากเย็น
“ทุกคนคิดว่าข้าทำ”
คราวนี้วิรัลถึงกับขมวดคิ้วกับคำบอกเล่าของเธรา ร่างสูงใหญ่ขยับลุกขึ้นนั่ง
”ทำไม”
“มีดที่ใช้ปลงพระชนม์องค์หญิงโยนา เป็นมีดสั้นที่ข้าได้รับตอนขึ้นเขาไปกับท่าน”
“จะบ้ารึไง ฆาตกรที่ไหนจะทิ้งหลักฐานไว้ว่าตัวเองเป็นคนทำ” วิรัลสบถอย่างหัวเสีย นี่ถ้าเขาไม่หมดสติไป เรื่องนี้คงไม่เกิด
“หม่อมฉันไม่ไ.....”
“ข้ารู้” วิรัลตอบกลับมาเสียงดัง “ข้าไม่โง่พอที่จะเชื่อว่าเจ้าจะฆ่าใครได้เธรา” คำพูดของวิรัลนั้นดูแข็งกระด้างแต่เธรากลับรู้สึกถึงความเชื่อใจที่เขามอบให้ ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
“คาเซว่ายังไงบ้าง” วิรัลถามขึ้น
“คาเซบอกให้หม่อมฉันหลบอยู่ในนี้ก่อน” เธรามององค์วิรัล ใบหน้าที่แสนจับตานั้นยังคงซีดเซียวก่อนสายจะไปเจอกับรอยแดงที่แก้มข้างหนึ่งของวิรัล
“มือหนักแบบนี้สินะ ถึงล้มลูกครึ่งอมนุษย์ได้ด้วยมือเปล่า” วิรัลเอ่ยขึ้นมาเมื่อสังเกตุเห็นว่าเธราเอาแต่จ้องไปที่หน้าของเขา วิรัลจำได้ถึงแรงกระแทกที่ใบหน้าอย่างแรงทำเอาสติที่กำลังจะดับฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอประทานอภัยกระหม่อม” เธราตอบใบหน้าสำนึกผิดราวลูกหมาที่โดนดุ
“หยิบยามาทาให้หน่อย” วิรัลบอกพลางชี้ไปที่วางยา เธราพยักหน้าก่อนรีบไปหยิบยามาทาให้คนป่วยที่นอนชี้นิ้วสั่ง
นิ้วเรียวแตะยาก่อนทาลงบนแก้มข้างที่เขาฝากฝ่ามือไว้ รอยแดงๆเป็นรอยยาวพาดเต็มแก้มเธราพยายามแตะลงไปให้เบาที่สุด
“แล้วตาแก่แห่งวูธว่ายังไงบ้าง” วิรัลเอ่ยถามขึ้นขณะที่เธรากำลังทายาให้อยู่
“ดูท่าทางจะโกรธมากกระหม่อม คาเซบอกว่าหม่อมฉันไม่สมควรอธิบายอะไรตอนนี้มีแต่จะยิ่งแย่”
“หลังจากลงมาจากเขา เจ้าเอามีดไว้ที่ไหนเธรา” คำถามที่เธราต้องนึกย้อนกลับไป มีดสั้นเธราหยิบมันออกมาใช้ครั้งล่าสุดคือบนภูเขา
“หม่อมฉันหยิบมาใช้ครั้งเดียวคือตอนที่อยู่บนภูเขา หลังจากนั้นก็ไม่ได้หยิบออกมาอีกเลย พอกลับไปที่ตำหนัก ก็เอาของทุกอย่างวางไว้ในห้องนอนกระหม่อม” เธราตอบก่อนวางตลับยาลง
“ห้องนอน” วิรัลทวนคำก่อนขมวดคิ้ว
“ปกติแล้วมีใครเข้านอนเจ้าได้บางเธรา”
“ใครๆก็เข้าได้กระหม่อม ห้องนอนหม่อมฉันไม่มีของมีค่าอะไร” คำตอบที่ทำเอาวิรัลอยากบีบคอคนตอบ ให้รู้ถึงตำแหน่งของตัวเองซะบ้าง
“ข้าจะถามใหม่นะเธรา เมื่อคืนมีใครเข้าไปในห้องนอนเจ้าไหม”
“มีรารีที่เข้าไปช่วยทายากระหม่อม” เธราบอกก่อนตาโตละล่ำละลักพูดขึ้นเมื่อนึกอะไรออกมาได้
“รารีเป็นคนเก็บมีดกระหม่อม รารีเป็นคนเก็บของ”
วิรัลพยักหน้า ก่อนหันไปหยิบกระดิ่งหัวนอนขึ้นมาสั่น เรียกนางกำนัลที่เฝ้าอยู่หน้าห้องให้เข้ามา
“ไปเรียกรารี นางกำนัลของพระสนมมาที่นี่ ห้ามให้ใครเห็นเด็ดขาด” วิรัลออกคำสั่ง
-----------------------------------------------------------------------
รารีที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นดูจะขวัญเสียเมื่อทราบข่าวว่าพระสนมของตนถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ร่างบอบบางตามแบบสาวชาววังสั่นเทาไปด้วยแรงสะอื้น
“พระสนมปลอดภัยนะเพคะ” ทันทีที่ทำความเคารพองค์วิรัล รารีก็ตรงเข้าไปหาเธรารา รารีนั่งลงบนพื้นข้างๆเธรา ก่อนมองสำรวจพระสนมของตนอย่างเป็นห่วง
“พระสนมของเจ้าปลอดภัยดีรารี” เป็นวิรัลที่เอ่ยขึ้นตอนนี้เธราแยกตัวไปนั้งเก้าอี้ที่มุมห้อง พร้อมกับรารีที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังไม่มีใครทันเอ่ยถามอะไร รารีที่เหมือนรู้ว่าถูกเรียกมาเพราะอะไรก็ชิงเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“มีดสั้นหายไปกระหม่อม เมื่อคืนหม่อมฉันเก็บมีดเล่มนั้นไว้ในหีบสำหรับเก็บของมีค่า แต่พอหม่อมฉันได้ข่าวเรื่ององค์หญิงโยนาถูกกฆ่าด้วยมีดสั้นเล่มนั้นหม่อมฉันก็รีบไปดู มีดสั้นหายไปกระหม่อม” รารีพูดก่อนเริ่มร้องไห้ออกมาอีกรอบ ร่างบอบบางหมอบลงไปแทบเท้าของเธรา มือเรียวแตะเท้าเธราเอาไว้ ก่อนพูดเสียงสั่น “หม่อมฉันไม่ได้ลงกลอนหีบ เพราะพระสนมไม่มีของมีค่ามากมาย เพราะหม่อมฉันเลินเล่อ ประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย” เสียงใสๆสะอึกสะอื้น
“ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอกรารี” เธราเอ่ยปลอบเบาๆ
“มีคนขโมยของไปจากตำหนักเจ้างั้นรึ ตำหนักเจ้าที่มีทั้งสิงห์รา อสรพิษและยักษ์ คนทีจะเข้าไปเอาได้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ” วิรัลพูดขึ้นมาก่อนหยุดไปราวคิดอะไรได้ “หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนในตำหนักเจ้าที่เอาไป”
“แถวนี้ไม่มีแพะรับบาปให้ท่านนะองค์วิรัล” เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้นก่อนร่างของสหัสจะปรากฏตัวขึ้นที่ริมระเบียงห้อง
“สหัสมาได้ยังไง”เธราอุทานอย่างตกใจ
“บุกรุกห้องบรรทมขององค์ราชามีโทษตัดหัวเสียบประจานนะสิงห์ราน้อย” วิรัลเอ่ยขึ้นแววตาฉายแววไม่พอใจชัดเจน
“องค์ราชาที่หมดสติจนต้องให้สนมแบกลงมาจากเขาข้าคงไม่เกรงกลัวเท่าไหร่” สหัสพูดก่อนแย้มยิ้ม ใบหน้าแสนสวยที่วิรัลอยากจะฟันให้ขาดออกจากตัว
“งั้นก็ต้องชมพระสนมของข้าสินะที่เก่งกาจถึงขนาดฝึกสิงห์ราอย่างเจ้าซะเชื่อง จนติดเจ้าของขนาดนี้” คำพูดของวิรัลดูเหมือนจะไปกระตุ้นความโกรธของสหัสได้เป็นอย่างดี สหัสปราดเข้าไปหาคนป่วยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงหากยังไม่ทันได้ประชิดตัว ก็ถูกดาบเล่มยาวของวิรัลก็จ่ออยู่ที่ลำคอเสียก่อน
“พอๆ อย่าทะเลาะกัน” เธรารีบเข้าไปดึงสหัสออกมา เขาหันไปมองคนป่วยที่ตอนนี้มีดาบเล่มเขื่องอยู่ในมือ นี่สินะองค์ราชาแห่งนันทานคร หน้าที่ที่ต้องพร้อมตลอดเวลาเพราะแม้แต่ที่บรรทมก็ไม่ปลอดภัย
“ท่านเธราต้องไปแล้วกระหม่อม” สหัสเลิกสนใจวิรัลหันมาบอกเธราอย่างร้อนใจ
“ไปใหน” ไม่ใช่เธราแต่เป็นคนป่วยที่ถามขึ้น
“หนี ตอนนี้กษัตย์แห่งวูธยื่นข้อเสนอให้เอาตัวท่านไปเป็นตัวประกันที่วูธ” สิ่งใหม่ที่ได้รับรู้ทำเอาทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
“ปะ....ไปวูธเหรอ” รารีอุทาน
“กษัตย์แห่งวูธอ้างว่าพระสนมคือคนของนันทานครหากตัดสินโทษที่นี่จะไม่ได้รับความยุติธรรม ระหว่างสืบสวนหาคนผิด ให้พระสนมเสด็จไปที่วูธเพื่อเป็นองค์ประกันว่านันทานครจะหาคนผิดให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ก็แปลว่าพระสนมต้องรับผิดเพราะเป็นผู้ต้องหาที่มีหลักฐานมัดตัว” สหัสบอกใบหน้าแสนสวยมีแววโกรธเคือง
“ทันทีที่ถึงชายแดนวูธ เธราก็จะหัวหลุดจากบ่า โดยอ้างว่าเป็นฝีมือของพวกโจรป่าหรือพวกนอกรีต” วิรัลเอ่ยออกมา ทำไมเขาจะไม่รู้ทันเกมส์ของตาแก่แห่งวูธที่แสนเจ้าเลห์
“พาเธราหนีไปก่อน ทางนี้ข้ารับหน้าเอง” สุดท้ายเป็นวิรัลที่หันไปบอกกับสหัส
“ไม่....ถ้าข้าหนีไป จะต้องเกิดสงครามระหว่างนันทานครกับวูธแน่นอน” เธราเอ่ยขึ้นมา ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวครุ่นคิด ดวงตาสีน้ำตาลมีแวววูบไหวเพียงครู่ก่อนจะแปรเปลี่ยนมานิ่งสงบ แววตาที่ตอนนี้วิรัลไม่อย่างมองเลยสักนิด เพราะมันบ่งบอกว่าเจ้าตัวตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว
“ส่งหม่อมฉันไปวูธเถอะกระหม่อม” เธราบอกก่อนหันไปห้ามสหัสที่ทำท่าโวยวาย “ถ้าข้าหนีไป ก็เป็นการยอมรับว่าข้าฆ่าองค์หญิงโยนา มันก็เท่ากับว่าคนที่วางแผนใส่ร้ายข้าทำสำเร็จและก็จะเกิดสงครามระหว่างวูธกับนันทานคร”
“แต่ถ้าเจ้าตายก็เท่ากับว่าปีศาจนั่นจะได้สิ่งที่ต้องการนะเธรา” วิรัลท้วง
“หม่อมฉันจะไม่ตายกระหม่อม” วิรัลถอนหายใจอย่างระอากับความดื้อของคนตรงหน้า
“แต่...” ยังไม่ทันที่วิรัลจะพูดอะไร เสียงเคาะแระตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของมหาดเล็กคนสนิท คาเซออกอาการตกใจเมื่อเห็นสหัสกับรารี
“ข้าเรียกมาเอง” เป็นวิรัลที่เอ่ยออกมาก่อน
“พระองค์คงรู้เหตุการณ์ท่เกิดขึ้นแล้ว กษัตย์วูธทรงเสียพระทัยเป็นอย่างมากที่พระธิดาของพระองค์มาสิ้นชีพที่นันทานคร พระองค์ทรงเรียกร้องว่าหากทางเรายืนยันว่าพระสนมไม่ใช่คนฆ่าองค์หญิงโยนา ก็ให้ส่งพระสนมไปที่วูธระหว่างหาตัวคนร้ายเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ” คาเซรายงานองค์วิรัล
“ถ้าข้าปฎิเสธล่ะ”
“กษัตย์แห่งวูธ ทรงบอกว่าหากพระองค์ไม่ทรงส่งพระสนมไป ทางวูธจะส่งกองทัพมารับกระหม่อม”
“หึ อยากจะทำสงครามกับนันทานครสินะ”
“พระองค์หม่อมฉันคิดว่า...” หากคาเซยังไม่ทันท้วงติงวิรัลก็เอ่ยขึ้น
“ส่งเธราไปตามคำขอ”
-------------------------------------------------------------------------
-----------------
---
เธรานั่งนิ่งอยู่บนรถม้าด้วยชุดเต็มยศ ใบหน้าที่แสนธรรมดานิ่งสนิทสหัสที่ยืนยันจะติดตามไปด้วยนั่งอยู่ตรงข้าม แขนทั้งสองข้างของสหัสถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนเพราะกษัตย์แห่งวูธให้เหตุลว่าไม่ไว้ใจในความอันตรายของสิงห์รา
“ท่านน่าจะหนีไปกับข้า” สหัสพูดดวงตาสีเทามองออกไปยังขบวนเสด็จที่เต็มไปด้วยทหารของวูธและนันทานคร
เธราไม่ได้พูดอะไรดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองออกไปยังร่างของวิรัลที่กำลังพูดคุยอยู่กับกษัตย์แห่งวูธ ร่างสูงใหญ่ที่แสนจะโดดเด่นยังคงมีผ้าพันแผลอยู่ที่แขนใบหน้าคมคายยังคงซีดเซียว หากคนตรงหน้ากลับฝืนลุกขึ้นมาส่งเขา
“แล้วข้าจะไปรับ” วิรัลเอ่ยบอกกับเธราก่อนที่จะส่งตัวขึ้นรถม้า คำพูดง่ายๆทั่วไปหากทำให้คนที่ได้ฟังอุ่นใจอย่างประหลาด
ขบวนเสด็จที่มีตัวประกันเต็มไปด้วยทหารของทั้งสองเมืองการคุ้มกันที่แสนแน่นหนานั้นดูคล้ายๆการส่งตัวนักโทษไม่มีผิด
ทหารของนันทานครจะมาส่งได้เพียงแค่บริเวณชายแดนระหว่างเมือง จะเหลือก็เพียงทหารของวูธที่จะข้ามชายแดนไปได้
“ถึงเขตชายแดนแล้ว” สหัสเอ่ยออกมาเบาๆค่อยๆขยับราวเตรียมพร้อม เพราะทันทีที่ข้ามชายแดนเข้าไปในเขตเมืองวูธแล้วอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
โครม!!!!!เสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นที่ด้านหน้าของรถม้า ก่อนหลังคารถม้าจะถูกกระชากออกไปอย่างแรง สหัสที่อยู่ตรงข้ามพุ่งตัวมาบังร่างของเธราไว้ก่อนกลายร่างเป็นสิงห์ราเต็มตัวโซ่ตรวนที่ข้อมือขาดกระจายราวเส้นด้าย
“ชุน” เธราอุทานออกมาร่างสูงใหญ่ของชุนปรากฏขึ้นหลังจากเขาพังหลังคารถม้าเรียบร้อย
“ไป” คำบอกสั้นๆของชุน แต่สหัสกลับเข้าใจทันที สหัสที่อยู่ในร่างสิงห์ราจับเธราขึ้นพาดบ่าอ่อนจะกระโดดออกไปจากรถม้าทันที ความรวดเร็วของสิงห์ราทำให้พาเธราออกห่างขบวนทหารได้ไม่ยากชุนที่คอยระวังหลังตามมาสมทบ
“ไปที่แม่น้ำ” ชุนบอกก่อนนำทางไป
“ปล่อย สหัสปล่อยข้าลงทำแบบนั้ไม่ได้นะ” เธราโวยวายทั้งที่ตัวเองถูกแบกอยู่บนบ่าของสหัส แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครฟังเท่าไร
ทันทีที่ถึงจุดนัดพบที่โชบุรออยู่ สหัสจึงปล่อยเธราลง “ทำแบบนี้ไม่ได้นะสหัส โชบุชุน พาข้ากลับไป”
“นี่พระสนมอย่าเรื่องมากนักเลยกระหม่อม คนเขาเสี่ยงชีวิตไปช่วยไม่ให้โดนฆ่ากลางป่านี่ช่วยขอบคุณกันหน่อย” โชบุพูดขึ้นมาอย่างหัวเสีย
“แต่.....” เธราอ้าปากจะเถียงก่อนหันไปเห็นร่างขาวซีดที่ยืนรออยู่บนเรือที่เตรียมไว้
“คุช”
“ถวายบังคมพะยะคะพระสนม” คุชทำความเคาระเธรา
“ทำไม....”
“องค์วิรัลส่งหม่อมฉันมาดูแลพระสนมจนกว่าเรื่องจะเรียบร้อยกระหม่อม”
“หมายความว่ายังไง”
“ทันทีที่ทรงข้ามไปฝั่งเมืองวูธพระสนมก็จะถูกฆ่าทันที กษัตย์แห่งวูธทรงโกรธและปักใจเชื่อไปแล้วว่าพระสนมเป็นคนฆ่าองค์หญิงโยนา แผนการขอตัวพระสนมมาเป็นตัวประกันเป็นแค่แผนบังหน้าเท่านั้น แต่ถ้านันทานครปฏิเสธก็จะเป็นเรื่องบาดหมางซึ่งอาจจะนำมาสู่สงครามได้ เพราะฉะนั้นคงมีแต่วิธีนี้ที่ดีที่สุด พระสนมทรงหลบไปสักพักหลังจากหาตัวคนร้ายได้แล้วองค์วิรัลจะเสด็จมารับกลับนันทานครกระหม่อม”
“แล้วพาตัวข้ามาแบบนี้จะไม่เกิดปัญหารึไง”
“คนที่ลักพาตัวท่านคือชุน กับสหัส สองคนนี้ไม่ใช่คนของนันทานครแต่เป็นคนของท่านเธรา พวกอมุษย์มีนายเดียว กษัตย์แห่งวูธก็รู้เรื่องนี้ดี”
“แล้วเราจะไปใหนกัน” สหัสถามขึ้นอย่างกังวล วูธไม่ใช่เมืองเล็กๆความเจริญรุ่งเรืองที่แผ่อำนาจไปไม่น้อยกว่านันทานครนั้น ทำให้จะหลบไปที่ไหนก็ลำบากไม่น้อย
“เราจะไปหมู่บ้านมาลันเคียกันกระหม่อม” คุชตอบ
มาอัพแล้วค่าาา
ตอนหน้าเธราจะกลับบ้านแล้วค่าา
ตอนต่อไปอัพวันอังคารนะคะ บอกไว้กดดันตัวเอง5555
ฝากวิรัลเTราด้วยค่าาา