ตอนที่๑๒
เมื่อเดินทางมาพ้นตัวเมืองลันธีได้พอสมควร ทุกคนจึงตัดสินใจหยุดพักที่ริมธารเล็กๆ เธรานิ่วหน้านิดๆเมื่อขยับตัวลงจากเกวียน รอยช้ำๆเขียวๆเริ่มปรากฏตามร่างกาย ที่ลำคอมีแผลใหม่ที่ซ้ำแผลเก่าจนเลือดไหลออกมาจนชุ่มเสื้อ เธราขยับตัวถอดเสื้ออกก่อนค่อยๆแช่ตัวเองลงไปในลำธารให้น้ำเย็นๆช่วยบรรเทาความเจ็บ คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเริ่มรับรู้ว่าตัวเองเป็นหนักพอดู
“ท่านเธราไหวไหม” สหัสเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อสังเกตุเห็นว่าเธรามีอาการไม่สู้ดีมาสักพัก
“มาดูหน่อยมีอะไรหักไหม” โชบุพูดแล้วไม่ได้รอให้อนุญาต จัดการกดมือลงไปที่ซี่โครงของเธราอย่างแรง
“โอ๊ยย เบาโชบุ” เธราร้องลั่นก่อนเบ้หน้า
“ไม่หักแต่ไม่ดีเลยช้ำในแน่ๆยาก็ไม่มีจะเอายังไง” โชบุพูดก่อนพยายามจะจับแผลที่ลำคอเธรา “อยู่นิ่งๆสิ”
“เดี๊ยวก็หายข้าไม่เป็นไรมากหรอก”
“เราต้องเดินทางกันทางไหนล่ะทีนี้” สหัสหันไปถามคุชที่เดินมาสมทบพร้อมกับชุนที่เดินเลี่ยงไปล้างรอยคราบเลือดของรันตราที่ติดตามตัว
“เราต้องเลียบตามชายป่าไป คงไปตามเส้นทางค้าขายไม่ได้แล้วป่านนี้วูธรู้เรื่องพวกเราแล้วและคงตั้งกองกำลังทหารติดตามแล้วด้วย” คุชตอบก่อนหันไปมองเธราด้วยความเป็นห่วง
“พระสนมไหวไหมกระหม่อม”
“ไหวสิ” เธราตอบราวเป็นเรื่องธรรมดา หากรอยช้ำที่เริ่มปรากฏตามตัวนั้นไม่ธรรมดาเลย
------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------
--------------------------------------
---------------
การเดินทางดูเหมือนจะไม่ได้เป็นไปตามการวางแผนแต่แรก เมื่อต้องหยุดพักตามทางตลอดเวลาเพราะอาการของเธราไม่สู้ดีนัก
“ท่าทางไม่ดีเลยชุน” โชบุหันไปปรึกษาชุนอย่างกังวล เธราตอนนี้นอนหมดสติไปแล้วใบหน้าซีดเซียวนั่นดูน่าห่วงไม่น้อย
“ท่านเธราอาการไม่ดีเลย เราจะเดินทางไกลกันได้รึคุช” สหัสหันไปถามคุชที่กำลังก่อไฟราวปรึกษาหารือ
คุชหันไปมองพระสนมที่ตอนนี้นอนไม่ได้สติอยู่อย่างน่าเป็นห่วง หนทางข้างหน้าลำบากไม่น้อยเพราะต้องหนีพวกวูธจึงจำเป็นต้องเลือกเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนใช้และแน่นอนมันทั้งอันตรายและลำบากแต่เพราะมีทั้งโชบุ ชุนและสหัสเขาถึงไม่ได้ห่วงเรื่องสัตว์ป่าหรืออันตรายเท่าไรแต่อาการป่วยของพระสนมต่างหากที่น่าห่วงเพราะดูท่าทางจะเป็นหนักไม่น้อย
“ถ้าเราเดินทางกันโดยหยุดให้น้อยที่สุดเราจะถึงมาลันเคียในเจ็ดวัน แต่.....”
“เธราไม่ไหวหรอก” เป็นชุนที่พูดขึ้นร่างสูงใหญ่เกินมนุษย์เดินมานั่งข้างๆร่างของเธรา มือใหญ่ทาบทับลงไปบริเวณลำตัวของเธรา “ภายในบอบช้ำมาก ถ้าฝืนเดินทางข้ากลัวว่าจะไม่ไหว”
.
.
“ตัดชายป่าฝั่งนี้ไป จะมีเมืองเล็กๆติดกับป่าศักสิทธิ์ชายแดนเมืองของพวกอมนุษย์ ที่นั่นมีกองกำลังของนันทานครประจำอยู่พาพระสนมไปรักษาตัวจนดีขึ้นก่อนแล้วค่อยไปมาลันเคียกัน” คุชบอกก่อนชี้ไปทางทิศที่ต้องเดินทาง “แต่พวกเจ้าจะไม่มีปัญหาใช่ไหม” คุชหันไปถามสหัส โชบุแล้วก็ชุนเพราะเมืองที่กำลังตัดสินใจจะไปนั้นติดกับชายแดนเมืองของพวกอมนุษย์พอดี แล้วเป็นที่รู้กันว่าพวกลูกครึ่งนั้นไม่เป็นที่ยอมรับสักเท่าไร ไหนจะสหัสที่แม้จะดูจงรักภักดีกับพระสนมแต่ที่มาที่ไปยังคลุมเครือ
“สบายมาก” โชบุพูดพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะ
“ข้าไม่มีปัญหาขอแค่ท่านเธราได้รักษาตัวก็พอ” สหัสพูดออกมาทันที
“แต่ว่าตอนนี้ใครๆก็เข้าใจว่าคนที่ลักพาตัวเธรามาเป็นพวกเรานะ นันทานครไม่มีส่วนรู้เห็นเราไปขอความช่วยเหลือแบบนี้จะไม่เป็นไรรึ” โชบุถาม
“ไม่เป็นไรคนที่ดูแลอยู่ไว้ใจได้” คุชบอก
“ใคร” สหัสถามอย่างสงสัย
“ธัน”
-------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------
--------------
วิรัลนั่งนิ่งมองมีดที่ใช้ฆ่าองค์หญิงโยนาอย่างครุ่นคิด มือหนาหยิบเอามีดเล่มนั้นขึ้นมามองใกล้ๆอย่างพิจารณา รายละเอียดของมีดนั้นเป็นมีดสั้นสำหรับทำพิธีไม่มีผิดเพี้ยนหากมีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างไป วิรัลแกะผ้าพันแผลที่แขนตัวเองออก แผลที่โดนงูกัดในวันนั้นและเธราเป็นคนใช้มีดกรีดเอาพิษออกมาเพื่อที่จะช่วยชีวิตเขา รอยแผลที่แขนของเขาคือขนาดของปลายมีดสั้นที่ใช้ในพิธีบูชาบรรพบุรุษเล่มจริง และมันไม่เท่ากันกับรอยของปลายมีดที่ทะลุร่างขององค์หญิงโยนาลงมาปักบนเตียงจนทิ้งรอยไว้!!!
“มีดเล่มนี้ปักอยู่ที่ตัวองค์หญิงโยนาสินะ” วิรัลหันไปพูดกับคาเซ
“พะยะคะ”
“คาเซทำการประกาศออกไปให้ทั่วและแจ้งข่าวไปที่วูธด้วย ว่าเธราสนมเอกแห่งข้าไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าองค์หญิงโยนา”
“หมายความว่ายังไงพะยะคะหม่อมฉันไม่เข้าใจ”
“มีฆาตกรอยู่ในวังและข้าจะตามตัวให้เจอ จงส่งข่าวไปที่วูธว่าข้าให้สัญญาด้วยเกียรติของราชาแห่งนันทานครว่าข้าจะหาตัวฆาตกรมาลงโทษให้ได้”
“แต่ว่า”
“นี่เป็นคำสั่งนะคาเซข้าไม่ได้ขอความเห็น” วิรัลหันไปมองมหาดเล็กคนสนิทนิ่งๆ “เตรียมคนให้ข้าด้วยข้าจะไป...” หากยังไม่ทันได้พูดอะไรนางกำนัลก็เข้าแจ้งข่าวว่ามีจดหมายด่วนส่งมาถึงวิรัล
“จดหมายเพคะ”
“จากใคร” คาเซเอ่ยถามก่อนทำท่าจะเดินเข้าไปหยิบ หากวิรัลชิงหยิบไปก่อนและทันทีที่เปิดอ่านร่างสูงของวิรัลก็หุนหันออกไปทันที ก่อนจะมีเสียงดังตะโกนให้เตรียมคนให้พร้อมเดินทางดังมาแว่วๆ
คาเซได้แต่มองตามใบหน้าแสนงดงามมีแววเคร่งเครียด
---------------------------------------------------------------
---------------------------------------
------------
เมืองเล็กๆที่คุชบอกมีชื่อว่า อันรา เมืองเล็กๆที่ครึกครื้นร้านรวงต่างๆมีของวางขายเต็มไปหมดเพราะเป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางระหว่างเมื่องมนุษย์และอมุษย์มีเพียงป่าศักสิทธิ์คั่นกลางเท่านั้น อันรา ยอมเข้าร่วมเป็นเมืองขึ้นของนันทานครอย่างยินดีเพราะต้องการ การคุ้มครองจากนันทานครเพื่อเอามาถ่วงอำนาจของพวกอมุษย์ คุชพาทุกคนเข้าพักในโรงเตี๊ยมเก่าๆก่อนเพื่อที่จะหาทางติดต่อธันอีกที เพราะพวกเขาไม่ได้มาอย่างถูกต้องการที่จะเข้าไปหานายกองแห่งนันทานครจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
“ข้าติดต่อธันไปแล้ว คืนนี้เขาจะมาที่นี่พร้อมหมอ” คุชบอกออก “ข้าส่งข่าวไปที่นันทานครแจ้งข่าวเรื่องที่มีคนในรู้เห็นกับปีศาจรันตราแล้วทางโน้นจะได้ระวังตัวไว้”
“เพื่อนเจ้าไว้ใจได้แน่นะ” โชบุถมอย่างไม่แน่ใจ ถ้าเขาจำไม่ผิดไอ้คนชื่อธันนี่มันไม่น่าไว้ใจสักนิด
“ธันมันก็ขี้ระแวงไปอย่างนั้นล่ะมันจงรักภักดีกับองค์วิรัลยิ่งกว่าชีวิตมันซะอีก อะไรที่เป็นคำสั่งองค์วิรัลมันไม่กล้าขัดหรอก”
โชบุยักไหล่กับคำพูดของคุชราวไม่เชื่อในคำพูด ความซื่อสัตย์กับพวกมนุษย์สำหรับลูกครึ่งอย่างเขามันเชื่อไม่ได้มาแต่ใหนแต่ไรแล้ว
===============================
และเมื่อถึงเวลากลางดึกก็ปรากฏร่างของธันพร้อมกับหมอตามที่คุชบอก ธันไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาหากสายตาที่กวาดมองมายัง สหัสโชบุและชุนนั้น ทำเอาโชบุหมั่นใส้ตะหงิดๆ
“อาการช้ำในค่อนข้างน่าห่วง ข้าให้ยาเอาไว้ให้กินสามเวลาพอครบสามวันข้าจะมาดูอาการอีกที” เมื่อลับร่างของหมอ ผู้มาใหม่จึงเอ่ยปากขึ้น
“ข้าไม่ยักรู้ว่าแม่ทัพฝ่ายซ้ายแห่งนันทานครต้องมารับหน้าที่พาพระสนมที่เป็นฆาตกรหนีด้วย”
“ธันพอเลยอย่าพูดจาไม่เข้าเรื่อง” คุชเอ่ยปรามเพื่อนตัวเองเมื่อคำพูดที่ฟังดูไม่เข้าหูเรียกท่าทีไม่พอใจของอีกสามคนที่นั่งอยู่ได้เป็นอย่างดี “เจ้าก็รู้ว่าพระสนมไม่ได้ฆ่าองค์หญิงโยนา”
“ข้าไม่รู้”
“ธัน” คุชเอ่ยปรามอย่างระอาใจในนิสัยชอบหาเรื่องของเพื่อนสนิท “คืนนั้นเจ้ากับข้าเป็นคนคุมทหารเวรเจ้าก็รู้ว่าพระสนมไม่ได้อกมาจากบริเวณตำหนักท้ายบึงเลย”
“แล้วเจ้าจะเอายังไง” ธันถามขึ้น คุชจึงเล่าเหตุที่เมืองลันธีให้คุชฟังก่อนบอกว่าจะขอพักรักษาพระสนมให้ดีขึ้นและจะรีบเดินทางไปมาลันเคียต่อทันที
“พระสนมทรงใช้ผ้าคลุมไหล่ของราชามัดคอปีศาจเองเลยเหรอ” ธันถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อจริงอยู่ที่เขาเองก็เริ่มได้ยินข่าวลือเรื่องพระสนมว่าเก่งกาจสามารถจับสิงห์ราด้วยก้อนหินเพียงก้อนเดียว ไหนจะยังเป็นเจ้าชีวิตของลูกครึ่งที่ร้ายกาจนั่นอีก แล้วข่าวลือเรื่องการทำนายทายทักที่แม่นยำนั้นอีกข่าวลือที่แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วจนใครๆก็อยากจะเห็นพระสนมเอกเธรากันเป็นแถว แต่เมื่อได้เห็นจริงๆเขากลับผิดหวังไม่น้อย พระสนมเอกที่เลื่องลือช่างดูธรรมดาเกินไป ธรรมดาจนแทบไม่มีสิ่งไหนให้จดจำนอกจากหน้าตาเรียบๆ กับรอยยิ้มโง่ๆที่เจ้าตัวมักมีติดตัวเสมอข่าวลือมักไปไวและเกินจริงเสมอ
“ข้าเคยเห็นว่าล้มลูกครึ่งได้ในการโจมตีครั้งเดียวด้วยนะ” คุชบอกอย่างติดตลก
คุชฟังเงียบๆก่อนขอตัวกลับและบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะให้คนมารับ “พรุ่งนี้จะให้คนมารับไปอยู่ในที่ปลอดภัยกว่านี้
===============================================================
===================
เธราขยับตัวเบาๆหากความเจ็บแปลบทำให้ต้องนอนนิ่งๆอยู่ท่าเดิม แสงแดดอ่อนๆที่สาดเข้ามาทำเอาเปลือกตาที่หนักอึ้งจำต้องค่อยๆปรือขึ้นอย่างยากลำบาก
“ท่านเธราเป็นอย่างไรบ้าง” สหัสที่ค่อยเฝ้าคนปวยอยู่ไม่ห่างรีบเข้ามาดูเธรา
“เจ็บ” เธราตอบสั้นๆก่อนพยายาลุกขึ้นนั่ง จนสหัสต้องเข้าประคอง
“เราอยู่ที่ไหนกันสหัส” เธราเอ่ยถามขึ้นเมื่อรอบตัวนั้นมีบรรยากาศแปลกตา
“เราแวะพาท่านมารักษาตัวที่เมืองอันรากันก่อนน่ะ”
“คนอื่นล่ะ”
“คุชออกไปหาธัน โชบุกับชุนออกไปซื้อของกิน”
“ธันเหรอ” เธราพูดพลางนึกถึงเจ้าของชื่อที่ดูไม่ชอบเขาสักเท่าไร
“ใช่ธันเป็นหัวหน้าทหารที่ประจำการอยู่ที่นี่” เธราพยักหน้ารับรู้ ก่อนรับน้ำกับยาที่สหัสส่งมาให้เข้าปากอย่างว่าง่าย
“ออกไปนั่งเล่นข้างนอกหน่อยไหม ข้างๆกระท่อมมีน้ำตกเล็กๆท่านน่าจะชอบ”
--------------------------------------------------------------------------
เธาค่อยๆเดินมาที่ริมธารตามที่สหัสบอกหลังจากปฎิเสธไม่ให้สหัสออกมาเฝ้า ร่างสูงโปร่งค่อยๆนั่งลงบนโขดหินริมน้ำตกช้าๆ ความเจ็บปวดนั้นทุเลาลงมากแล้ว เธรากระชับผ้าคลุมไหล่ของวิรัลที่ติดตัวมาจนแน่นนึกไปถึงเจ้าของไม่รู้ว่าป่านนี้องค์วิรัลจะเป็นยังไงบ้าง นันทานครจะมีปัญหากับวูธหรือเปล่า รอยแผลที่คอเริ่มแห้งแล้วอาการเจ็บป่วยที่ได้รับเริ่มดีขึ้นแต่ความกังวลในจิตใจกลับยิ่งปะทุหนัก เธราแช่เท้าลงไปในน้ำเย็นช้าๆในใจนึกอยากให้ความเย็นสดชื่นช่วยผ่อนคลายหัวใจอันหนักอึ้งพลางปิดเปลือกตาลงราวไม่อยากรับรู้อะไร
“เหนื่อยรึ” เสียงคุ้นเคยที่เอ่ยถามราวห่วงใย เธรายิ้มน้อยๆก่อนพยักหน้าอือออตอบไปอย่างง่ายๆ สงสัยเค้าคงคิดห่วงเจ้าของผ้ามากเกินไปจนเก็บเอามาเพ้อเจ้อ หรือใข้จะยังไม่ลดกันนะ
“ออกมานั่งตากลมถ้าป่วยอีกรอบจะทำยังไง” น้ำเสียงราวดุเด็กน้อยนั้นทำเอาเธราขมวดคิ้ว หากยังไม่ทันได้ลืมตาขึ้นมาดูเจ้าของเสียง ก็รู้สึกถึงการสัมผัสที่แผลลำคอเบาๆ
“เจ้าปีศาจนั่นจะมีหัวอยู่บนบ่าอีกไม่นานแน่” น้ำเสียงราบเรียบเหมือนพูดประโยคบอกเล่าทำเอาเธราต้องลืมตาขึ้นมามอง ใบหน้าที่โดดเด่นจับตาอยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบหากดวงตาสีดำสนิทกลับกำลังหลุบต่ำมองรอยแผลที่ลำคอของเขาอยู่
“องค์วิรัล” เธราเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ดวงตาสีดำราวราตรีกาลเหลือบขึ้นมามองคนเรียก ก่อนสำรวจใบหน้าราวค้นหาอะไรบางอย่าง
“ทำไมถึงมีรอยช้ำเยอะไปหมดแบบนี้”
“หม่อมฉันโดนคนรักขององค์หญิงโยนาทำร้าย แล้วโดนรันตราซ้ำเลยเจ็บหนักเลย” เธราบอกก่อนยิ้มแหยๆ มือเรียวหยิบเอาผ้าคลุมไหล่ของวิรัลขึ้นมาชูให้เจ้าของผ้าดู “ผ้าคลุมไหล่ของราชาปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายได้จริงๆ หม่อมฉันรอดตายคราวนี้เพราะผ้าคลุมไหล่ของพระองค์เลยกระหม่อม” เธราพูดขึ้นพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ขอบพระทัยพระองค์มากเลยกระหม่อมเวลาหม่อมฉันมีผ้าผืนนี้อยู่ใกล้ๆหม่อมฉันอุ่นใจจริงๆ”
วิรัลมองคนป่วยที่ตอนนี้ดูยังไงก็ยังไม่แข็งแรงหากรอยยิ้มที่ฉายออกมากลับสว่างไสวจนละสายตาไม่ได้ ดวงตาสีน้ำตาลที่มองมาที่เขาราวขอบคุณเสียเต็มประดากับรอยยิ้มง่ายๆที่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าสั่นไหวหัวใจเขาแค่ไหน มือหนาเลื่อนจากลำคอของเธราค่อยๆเลื่อนไปที่ริมฝีปากที่ยังคงแย้มยิ้มอยู่ย่างเบามือ ริมฝีปากสวยมีรอยช้ำเด่นชัด
“เจ็บไหม”
“ไม่เท่าไรแล้วกระหม่อม” เธราพูดก่อนจิ้มๆไปที่มุมปากตัวเองราวยืนยันว่า ไม่เจ็บ ตามที่บอกจริงๆ
“ดี” วิรัลพูดเบาๆ ก่อนจรดริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของเธรา กดย้ำเบาๆก่อนผละออก
“ไม่เจ็บใช่ไหม” คำถามที่ดูเหมือนคนฟังจะไม่ได้ยินซะแล้ว เธราที่ตอนนี้ยืนนิ่งเป็นก้อนหิน
“เธรา” วิรัลเรียกย้ำอีกครั้งและดูเหมือนคราวนี้คนตรงหน้าจะเริ่มมีสติเธราผละออกจากองค์วิรัลอย่างแรงก่อนเสียหลังล้มลงไปอย่างแรง
“โอ๊ยยยย” เธราอุทานออกมาใบหน้าเหยเก เพราะแรงกระแทกจะส่งผลต่ออาการบาดเจ็บไม่น้อย
“เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม” วิรัลตกใจไม่น้อยที่อยู่ดีๆคนตรงหน้าก็ผละออกไป จนเสียหลักล้มลงไปกับกองพื้น
“ไม่เป็นไรกระหม่อม” เธราตอบก่อนพยายามลุกขึ้นเองเมื่อวิรัลเข้าไปช่วยพยุง
“ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ ถ้าเป็นเพิ่มนี่จะทำยังไง”
“ก็หม่อมฉันตกใจ” คำตอบของเธราทำเอาวิรัลต้องมองหน้าคนพูดอีกครั้ง ก่อนถามออกไปราวอยากแกล้งคนตอบ
“ตกใจอะไร”
“ก็พระองค์มาจูบหม่อมฉัน”
“แล้วทำไมล่ะ”
“ก็.....หม่อมฉันเป็นผู้ชาย” คราวนี้เธรามองหน้าองค์วิรัลตรงๆ สายตาที่มองมาบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่เข้าใจในการกระทำของวิรัลจริงๆ
“แล้วยังไง”
“ก็..ไม่ยังไงแต่หม่อมฉันเป็นผู้ชายไงกระหม่อม”
“แต่เจ้าเป็นสนมของข้า” วิรัลพูดอย่างง่ายๆ ก่อนดึงเธรามาพยุงให้เดินไปด้วยกันแม้คนตรงหน้าจะดูไม่ค่อยเต็มใจ
“แต่เราแต่งงานกันเพราะเป็นเรื่องการเมือง พระองค์เองก็รู้แถมมาลันเคียยังโกหกท่านส่งคนไม่มีประโยชน์อย่างข้ามาอีก” เธราพูดออกไปก่อนพยายามยื้อตัวออกจากการเกาะกุมของวิรัลแต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผลเท่าไร
“แล้วไง”
“จะแล้วไงได้ยังไง ก็ในเมื่อพระองค์เกลียดหม่อมฉันท่านก็ไม่ควรจะมาทำแบบนี้ ไม่ต้องมาสงสารหม่อมฉันหรอกหม่อมฉันเข้าใจ”
“เจ้าเข้าใจอะไรเธรา” คราวนี้น้ำเสียงของวิรัลบ่งบอกว่าไม่พอใจชัดเจน สงสารงั้นรึคนอย่างเขาไม่จูบคนที่สงสารหรอกนะ อะไรที่ทำให้เธราคิดอย่างนั้นกัน
“หม่อมฉันเข้าใจ ว่าพระองค์น่ะเกลียดหม่อมฉัน อืม....ตอนนี้อาจไม่เกลียดแล้วซึ่งหม่อมฉันก็ดีใจมากๆที่พระองค์ทรงให้โอกาศหม่อมฉันได้ชดใช้ความผิดที่โกหก หลังจากคืนเข้าหอข้าก็ตั้งใจมาตลอดว่าถ้าข้าเป็นได้แค่ไส้เดือน ข้าก็จะขยันพรวนดินให้ต้นไม้ใหญ่อย่างท่านได้หยั่งรากลึกมั่นคงเป็นหลักให้นันทานครอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข บุญคุณที่ท่านไว้ชีวิตข้าสำนักมันเสมอ”
วิรัลมองคนที่ดูปักใจเชื่อว่าเขาสงสารเสียเหลือเกิน ก่อนพยายามนึกย้อนไปเมื่อสองปีที่แล้ว เขาแต่งงานกับเธราด้วยผลประโยชน์ทางการเมืองจริงๆ และเขาก็โกรธจริงๆที่เธราไม่มีญาณตามเผ่าพันธุ์ แต่เรื่องอื่นเขาจำแทบไม่ได้เลยเพราะหลังจากคืนนั้นเขาก็ออกรบจนแทบไม่มีเวลาให้คิดอะไรเลย เรื่องของเธราจึงเลือนหายไปพร้อมกับชัยชนะของเขาในสนามรบ
“ทำไมเจ้าต้องเป็นไส้เดือน”
“ก็พระองค์เคยตรัสไว้ว่า หากข้าไม่มีสิ่งที่ท่านต้องการ ค่าของข้าก็เท่ากับไส้เดือนดิน” เธราเล่าออกไปราวกำลังคุยเรื่องสัพเพเหระ ใบหน้าแสนธรรมดาไม่มีร่อยรอยของความน้อยเนื้อต่ำใจสักนิด
“ข้าว่าเจ้ารึ”
เธราพยักหน้าหงึกหงักก่อนพูดประโยคที่ทำเอาวิรัลเข้าใจแล้วว่าเธราหายไปจากสายตาเขาได้อย่างไรเกือบสองปี “พระองค์บอกให้ข้าทำตัวเป็นอากาศธาตุ อย่ามาให้พระองค์เห็นหน้าไม่อย่างนั้นจะทำลายมาลันเคีย”
“ง...งั้นรึ” วิรัลเริ่มพูดไม่ออกเมื่อความจริงที่เขาลืมเริ่มกระจ่าง
“ข้าเลยต้องย้ายไปอยู่ตำหนักท้ายบึง เพราะอยู่คนละฝั่งกับตำหนักหยาดหมอกของพระองค์จริงๆข้าก็ไม่อยากมาให้ท่านเห็นหรอกนะ ถ้าไม่เกิดเรื่องตอนจับสหัส” เธราพูดออกมาจนหมดก่อนมององค์วิรัลที่ดูจะนิ่งไป “ท่านไม่ต้องสงสารข้าหรอก ข้าเข้าใจ” เธรายังคงยืนยันคำเดิม ทำเอาวิรัลเริ่มโมโห
“เจ้าไม่เข้าใจเธรา”
“งั้นท่านอยากให้ข้าเข้าใจว่าอะไรล่ะ” เธราเองก็เริ่มโมโห เขามันคนง่ายๆไม่ซับซ้อนอยากให้ทำอะไรก็จะทำให้ไม่อยากเห็นหน้าก็จะหายไป อยากให้อยู่ก็จะอยู่
“เจ้า.....” วิรัลยังไม่ทันได้พูดอะไร ธันก็เดินเข้ามา ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทำความเคารพวิรัลกับเธราก่อนรายงานสถานการณ์การเคลื่อนไหวของวูธอย่างละเอียดตอนนี้วูธยังคงส่งกองกำลังตามหาเธราราวพลิกแผ่นดิน
“ข้าให้คาเซแจ้งข่าวไปแล้วว่าเธราไม่ใช่ฆาตกร เมื่อข่าวถึงมือกษัตย์แห่งวูธการตามล่าตัวเธราน่าจะหยุดลงเราจะได้กลับนันทานครกัน” ประโยคสุดท้ายวิรัลพูดราวกับบอกเธรา
“พระองค์เจอหลักฐานแล้วหรือกระหม่อม” เธราถามอย่างอยากรู้ วิรัลเพียงแค่พยักหน้าเบาๆก่อนพยุงคนเจ็บกลับกระท่อม
“แล้วใครบอกท่านว่าเราแวะกันที่นี่” เธรายังคงยื้อตัวไม่ยอมเดินตามแรงดึงของวิรัล
“คุชส่งข่าวไปบอก”
“แล้วท่านมาที่นี่ทำไม”
“ข้ามารับเจ้ากลับไง” น่าแปลกที่คำพูดง่ายๆของวิรัลกลับเรียกความหวั่นไหวมาสู่เธราได้ไม่น้อย องค์วิรัลทำตามสัญญาที่ให้ไว้ คิดได้อย่างนั้นรอยยิ้มน้อยๆก็เผยออกมาอย่างเผลอตัวก่อนเดินตามวิรัลกลับไปที่กระท่อมอย่างง่ายดาย
ธันมององค์วิรัลกับเธราที่เดินผ่านเขาไปแล้วราวครุ่นคิด เขามาตั้งแต่ก่อนที่องค์วิรัลจะจูบเธราเสียอีก เพราะฉะนั้นแววจาที่องค์วิรัลใช้มองเธราเขาจึงเห็นมันชัดเจน แววตาที่เขาไม่เคยเห็นจากราชาผู้เก่งกาจของเขา เธรามีดีอะไรกันถึงได้เป็นเจ้าของแววตานั้นได้
มาแล้วค่าาาาาา
เมื่อตอนที่แล้วมีคนรำคาญเธราเยอะเหลือเกิน 5555555
อย่าเกลียดนางเลยค่าา
เข้าไปพูดคุยได้ในเพจนะคะ
มีคนใหม่ๆเข้ามาด้วยยินดีต้อนรับเข้าสู่ #วิรัลลืมเมีย ค่าาาาา
ฝากวิรัลกับเธราด้วยน้าาาา