บทที่ 26 – คนขี้อ้อน
“เฮ้ อาร์ม………ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นยังไงบ้าง…….” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นขณะที่ผมกำลังเดินถือหนังสือออกมาจากห้องสมุด
“อ้าว ส้มโอ……มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย…...”ผมหันหลังกลับแล้วก็โบกมือให้
“อ๋อๆ พอดีเราเพิ่งมี core curriculum อะ ก็เลยเดินผ่านมาเพื่อจะเอาหนังสือไปคืนเนี่ย….อาร์มสบายดีนะ” เธอพูดแล้วก็ยิ้มหวานให้ผม
“อืม สบายดี……แล้วช่วงนี้เรียนหนักไหมล่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว”
“หนักมากๆเลยอาร์ม ไหนจะต้องเตรียมตัวสอบต่อโทอีก ส้มโอล่ะเครียดจะแย่อยู่แล้ว…..ว่าแต่อาร์มเหอะ มีแผนจะไปต่อโทที่ไหนล่ะ”
“ก็ยังไม่รู้เลยอะ คิดๆอยู่เหมือนกัน………………ว่าแต่ เมื่อไหร่จะมี Thai Dinner อีกล่ะ?”
“ยังไม่รู้สิ คงเร็วๆนี้แหละมั้ง เดี๋ยวส้มโอต้องนัดรวมพลกันก่อน……เออๆ เดี๋ยวส้มโอขอตัวไปคืนหนังสือก่อนนะ เพราะเดี๋ยวเย็นนี้ต้องเข้าไปซ้อมเต้นละติน”
“อ่าๆ แล้วเจอกันนะ” ผมลาเธอเสร็จก็เดินออกมาเพื่อตรงไปที่หอ
ส้มโอเป็นเพื่อนคนไทยของผมคนหนึ่งที่มาเรียนอยู่ที่เยลด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่ง ถึงแม้ว่าเราจะไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่ก็มีบ้างที่เราสองคนและเพื่อนๆคนไทยคนอื่นๆหาโอกาสมาทำอาหารไทยทานด้วยกันเวลาที่มีเวลาว่าง……..อย่างที่บอกไปแล้วล่ะครับว่าคนไทยที่นี่มีน้อยมากๆจนแทบจะนับหัวได้ แถมแต่ละคนก็ไม่ได้อยู่หอเดียวกันอีกเลยทำให้พวกเราไม่สนิทกันเท่าที่ควร จะมีก็แต่ผมกับไอ้แบงค์ที่ดันมาอยู่หอเดียวกัน…..แถมห้องเดียวกันอีก….ไม่อยากจะเชื่อว่าฟ้าดินมันจะเป็นใจขนาดนี้ อิอิ
ผมเดินกลับมาถึงที่หอก็นั่งคุยกับสองสาวสักครู่พลางหยิบขนมกินเพลินๆ ผมคาดว่าหลังจากมื้อค่ำคืนนี้แล้วจะชวนไอ้แบงค์กับสาวๆไปเดินวิ่งออกกำลังกายซะหน่อยเพราะพวกเราไม่ได้ออกกำลังกายมานานแล้ว….กลัวจะไขมันจุกอกตายกันซะก่อนเพราะวันๆเห็นมีแต่ กิน เรียน แล้วก็นอน…..แต่แล้วแผนของผมมันก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อผมขึ้นมาถึงบนห้อง
“แบงค์ๆ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว” ผมตะโกนแกล้งปลุกมันเล่นเพราะจริงๆแล้วเพิ่งหกโมงนิดหน่อย
“แบงค์ๆๆ..........ไม่ตื่นใช่ไหม…....ได้ๆ"…..ผมเลยเรียกแล้วก็เดินเข้าไปบีบคอมันเล่น………ซึ่งนั่นทำให้ผมได้สัมผัสถึงไอร้อนที่ออกมาจากคอมัน….มันร้อนจนผมแทบจะสะดุ้งเลยทีเดียว
“เฮ้ย แบงค์ นี่แบงค์ไม่สบายหรอ……ตัวร้อนจี๋เลย”
“...............ป่าวหรอก…..แค่เหนื่อยๆน่ะอาร์ม” มันตอบเสียงงัวเงียกลับมา
“ป่าวอะไรล่ะ ตัวร้อนซะขนาดนี้ เป็นไข้แล้วล่ะ………….แล้วนี่หายามากินรึยัง”
“อือ เราไปซื้อยามาแล้ว……...”
“เนี่ย เห็นมะ เพราะว่าแบงค์นอนดึกไง พักผ่อนไม่เพียงพอมันก็เลยไม่สบาย……อาร์มก็บอกแล้วว่าให้รีบๆนอน”
“......ก็เพราะแบงค์รอใครเอาขนมปังขึ้นมาให้ล่ะ…..กว่าจะขึ้นมาได้ตั้งเป็นชั่วโมง” มันพูดอย่างงี้ทำเอาผมอึ้งไปเลย
“แฮ่ๆ อาร์มขอโทษน้า งั้นแบงค์พักผ่อนเยอะๆละกัน จะเอาอะไรก็บอก เดี๋ยวอาร์มนั่งทำงานอยู่ตรงนี้แหละ” ผมเลยอ้อนๆมันกลับไป
“อื้มๆ อาร์มไม่ต้องปลุกแบงค์ไปกินข้าวเย็นนะ………แค่อาร์มป้อนขนมปังแบงค์เมื่อคืนแบงค์ก็อิ่มแล้ว” แหน่ะ ยังจะมีการมาหยอดคำหวานอีก ดูมันสิครับ
“เออๆ นอนไปเหอะ จะได้หายไวๆ ยังดีนะเนี่ยที่เมื่อเช้าแบงค์ไปเรียน ไม่งั้นมีงานให้ตามอื้อเลย” ผมพูดจบมันก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแล้วครับ ผมก็เลยนั่งทำงานไปพลางๆ วันนี้มีงานพวกวิจัยมาให้ทำเต็มไปหมด หนังสือที่เอามาจากห้องสมุดก็เล่มหนาๆทั้งนั้น สงสัยว่าคืนนี้อาจจะต้องอ่านกันยาว……..สงสัยอาจจะได้เป็นไข้อีกคน......ผมนั่งทำงานไปมาสักชั่วโมงกว่าๆก็เริ่มๆหิวเลยนัดไปกินอาหารเย็นกับสองสาวที่ Dining Hall….ก่อนไปผมก็ไม่วายถามไอ้แบงค์มัน
“แบงค์ ไม่กินอะไรแน่นะ…….เดี๋ยวดึกๆจะหิวน้า”
“อื้อ ไม่อะ…..ดึกๆเดี๋ยวถ้าหิวค่อยให้อาร์มป้อนขนมปังละกัน” นั่น…เป็นภาระผมอีก เฮ้อ แต่ก็เต็มใจทำครับ
“อะ ได้ๆ ไปกินข้าวก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะรีบขึ้นมา”
“อือ อย่าไปนานนะ เดี๋ยวแบงค์คิดถึง” มันพูดจบก็ทำเสียงอ้อนน่ารัก
…..แต่จู่ๆก็มีเสียงใครบางคนแทรกขึ้นมา……….
“Wan Wan, Oh my god, I have a fever, please take care of me! (หวาน หวาน ช่วยด้วย เราไข้ขึ้นอะ ช่วยดูแลเราด้วยน้า)”
“Of course my darling!! I love you so much, how could I leave you alone? (แน่สิจ๊ะที่รัก ฉันรักเธอจะตาย จะทิ้งเธอไปไหนได้ยังไงล่ะ)” พอ
พูดจบก็มีเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังขึ้น…….ใช่แล้ว…ไอ้สองสาวตัวแสบนั่นเอง
……….มันสองคนเล่นละครน้ำเน่าจบมันก็เดินเข้ามาที่เตียงไอ้แบงค์แล้วก็ทำท่าเป็นไม่สบายแถมยังมาหัวเราะเยาะผมอีก…..ไอ้แบงค์มันก็ได้แต่นอนยิ้มเพลียๆอยู่บนเตียง ส่วนผมก็ได้แต่ยืนกัดฟันกรอดๆ……จะหัวเราะมันก็หัวเราะไม่ได้แต่พอจะด่าพวกมันก็ด่าไม่ออก….เลยได้แต่ยืนส่ายหัวอย่างหน่ายๆ
“Quick, let’s go to dinner (เร็วๆรีบไปกินข้าวกัน)” ผมพูดเพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของสองสาว
“It’s just 7.20, dinner is there until 9.00. No need to rush my dear (เพิ่มทุ่มยี่สิบเอง อาหารเย็นมันมีให้ถึงสามทุ่ม ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลยนี่จ๊ะที่รัก)” ไอ้หวานหว่านมันพูดจบแล้วก็หันไปหัวเราะคิกคักกับซูอีกรอบ
“Yea, or do you just want to come back quickly to look after your honey? (ใช่ๆ หรือว่าอยากแค่จะกลับมาเร็วๆเพื่อมาดูแลที่รักของตัวเองล่ะ)” ไอ้ซูแซวมั่ง
“Of course not!......W…Wait…. Wait….. How do you guys know that Bank has a fever? (ไม่ใช่ละ………..แต่ เดี๋ยว…………..พวกเธอรู้ได้ยังไงว่าแบงค์มันไม่สบาย)” ผมถามมันแบบงงๆ
“Oh my god, if you don’t say it no one knows you’re stupid! (ให้ตายเหอะ ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครรู้ว่าโง่หรอกนะ)” ไอ้หวานหว่านมันหลอกด่าผม…..วอนซะแล้วไอ้นี่
“First of all, Bank is lying on the bed looking so pale and tired. Isn’t it pretty obvious that he is sick? And secondly, just from the way you look at Bank, we can tell how much you care for him, Armmie my dear! (ก่อนอื่นเลย แบงค์มันนอนซีดอยู่บนเตียงแถมยังดูเหนื่อยๆอีก มันไม่ชัดเจนเหรอว่ามันไม่สบายน่ะ แล้วอีกอย่างนะ สายตาเธอที่มองแบงค์น่ะ มันทำให้พวกเราได้รู้ว่าเธอเป็นห่วงแบงค์ขนาดไหน อาร์มมี่สุดที่รัก)” ไอ้หวานหว่านมันพูดต่อ เล่นเอาผมเขินไปหมดเลย…
“Okay fine fine, I care about him, okay? Let’s go! (โอเค ก็ได้ ก็ได้ เราเป็นห่วงแบงค์มันอะ พอใจยัง ปะๆไปกันเหอะ)” ผมรีบๆพูดแล้วก็รีบๆลากไอ้สองสาวไป ส่วนไอ้สองสาวมันก็ไม่วายไฮไฟว์กันแล้วก็หัวเราะอย่างมีความสุข ……ไอ้แบงค์ตัวดีมันก็ได้แต่นอนยิ้มอยู่บนเตียง…..เห็นแล้วมันน่าเข้าไปตีสักป้าบ
….พอไอ้สองสาวล่ำลาไอ้แบงค์เรียบร้อย เราสามคนก็เดินลงไปทานอาหารเย็นที่หอได้จัดไว้ให้
“Armmie, so what are the two of you planning to do after graduation? (อาร์มมี่ เธอกับแบงค์จะทำยังไงต่อหลังจากจบแล้วอะ)” ไอ้ซูมันยักคิ้วถามผมระหว่างที่เรากินข้าวกันอยู่
“Erm, I don’t know. Let the future leads our way. (ไม่รู้เหมือนกันสิ ขอให้อนาคตเป็นตัวนำทางละกัน)” ผมก็ได้แต่ตอบไปตามความจริง……เพราะผมไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีเพียงอนาคตเท่านั้นที่สามารถบ่งบอกว่าเราจะเดินไปทางไหน…..และผมก็เชื่อว่ามันได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว……ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม……ผมคงได้แค่ยอมรับความเป็นจริงและทนอยู่กับมันให้ไหว จะสุข ทุกข์ หรือ เศร้า…….
“That’s right, future will tell us everything (ใช่ อนาคตจะบอกทุกอย่างเอง)” ไอ้หวานหว่านมันก็พูดแล้วยิ้มให้ผม ประมาณว่ารู้ว่าผมคิดอะไรอยู่…………
……
“Let’s just enjoy the meal!! (ปะ กินอาหารกันให้อร่อยเหอะ)” ผมพูดแล้วก็ยกแก้วเบียร์เย็นๆชนกับพวกมันสองคน แต่ในใจลึกๆก็ยังอดที่จะคิดถึงความจริงที่ผมต้องบากหน้าสู้กับมันในเวลาอันไม่ช้านี้
…………
พวกเรากินอาหารกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน ผมมาถึงห้องก็ยังเห็นไอ้แบงค์มันนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่บนเตียง
“อาร์มอ้ะ ทำไมอาร์มไปนานจังล่ะ”
“อะไรกันแบงค์ แค่ชั่วโมงเดียวเอง ปกติเรากินกันตั้งสองสามชั่วโมง”
“โห ก็แบงค์ไม่สบายอะ อาร์มน่าจะรีบกลับมาดูแล”
“ก็นี่ไง กลับมาแล้ว” ผมพูดแล้วก็เดินเข้าไปหามัน “ตกลงว่าแบงค์ไม่หิวอะไรแน่นะ” ผมถามมันเพื่อความแน่ใจ
“อื้อ ไม่หิวอะ เนี่ยเดี๋ยวพอแบงค์นั่งทบทวนหนังสือสักครู่ก็จะนอนแล้ว”
“ดีๆ งั้นอาร์มไม่กวนละนะ ฝันดีนะ”
“เดี๋ยว ขอหอมทีสิ”
“ไม่เอาๆ เดี๋ยวอาร์มติดหวัดอะ” แต่พูดไปก็ไร้ประโยชน์เพราะว่ามันดึงผมเข้าไปหอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…….พอผิวของผมโดนเข้ากับตัวอุ่นๆของมันก็เลยทำให้ผมเคลิ้มจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เลยปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติ…..ก็ได้แค่จูบแล้วก็ปล้ำกันไปกันมาบนเตียง…..ไม่ได้ทำอะไรลึกซึ้งถึงขั้นนั้น
แต่มันเป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมมีความสุข…………..
Tbc
==============================================================
ภาษาอังกฤษวันละคำสองคำกับข้อความดีๆ
backstab (v) = การนินทาลับหลังคนอื่น ลอบแทงข้างหลัง
mature (adj) = มีความเป็นผู้ใหญ่
"A man's errors are his portals of discovery."
[ความผิดพลาดของคนเราคือประตูสู่การเรียนรู้]
ทำความดีกันเยอะๆนะคะ

เอม
