^
^
จิ้ม
ก่อนลงนิยาย
(อ้วนไปแล้วค่ะ ช่วงนี้บุฟฯบ่อยเหลือเกิน
)ตอนที่ 8
ในวันที่พยายาม...แต่ทำไม่ได้รูปอีกใบ...ถ่ายจากมือถือของผมเอง
สามปีที่แล้ว กล้องที่มากับมือถือยังไม่ค่อยละเอียดเลยครับ เมื่อไปถ่ายในร้านอาหารที่เป็นแสงไฟสีส้มสลัว ภาพเลยยิ่งมัวๆเจือเม็ดสีจนดูไม่ได้
ตอนนั้นไอ้ต้อยแย่งมือถือผมไป ยืดมือออกห่าง หันกล้องมาทางผมกับมันที่นั่งติดกันอยู่
ด้วยความที่ถ่ายแบบไม่ได้มองหน้าจอ เลยกลายเป็นว่าหน้าของไอ้ต้อยอยู่ริมๆรูป และหน้าของผมกลับตกขอบซะงั้น...เห็นแค่ตากับปากตุ่ยๆเพราะเคี้ยวขนมจีบอยู่เท่านั้นเอง
ผมยิ้มให้กับตัวเอง...ว่าบ้าอะไรวะเนี่ย...รูปห่วยๆแบบนี้ยังอุตส่าห์ปริ๊นเก็บเอาไว้อีก
++++++++++++++++++++++++++
“กรี๊ดดดดด!!”
ผมนั่งอยู่ตรงที่นั่งของสนาม ก้มตัวลงให้ข้อศอกยันหน้าตักตัวเองได้พอดีแล้วเอามือเท้าคางมองต้นเสียงอย่างเซ็งๆ
พวกผู้หญิงนี่พลังชีวิตล้นเหลือจริงๆ
...พวกเธอกรี๊ดอะไรกันน่ะเหรอครับ...
ไม่ใช่อดีตเดือนคณะอย่างผมหรอก แม้จะมีคนที่แอบเหล่ๆมองมาเป็นระยะก็ตาม...แต่พระเอกของวันนี้อยู่บนเวทีโน่นครับ
ไอ้ต้อย
ผมเหลือบตามองท่อนแขนเปียกเหงื่อที่เริ่มจะดูมีกล้ามเนื้อของมันแล้วเบ้ปากแลบลิ้นร้องแหวะ...
คืนนั้นรู้สึกว่าไอ้ท่อนแขนนี่มันน่าหนุนไปได้ยังไงนะ?
สติถูกกระชากกลับมาเมื่อเสียงร้องโหยหวนของเหล่าสตรีเพศแม่ดังขึ้นอีกครั้ง…พวกเธอนี่ก็แปลกครับ...อยู่ๆก็กรีดร้องฉลองชัย อยู่ๆก็โหยหวนส่งวิญญาณ สับไปมาไม่รู้จักเบื่อ
ทำไมน่ะเหรอครับ...
ก็เวลาที่ไอ้ต้อยใช้หมัดลุ่นๆสอยคู่ต่อสู้มุมแดงหน้าหันได้ พวกหล่อนก็จะโก่งคอเชียร์กันอย่างคึกคัก แต่เมื่อไหร่ที่หน้าขาวๆของมันโดนนวมประทับลงเท่านั้นแหละ เสียงสาปแช่งคู่ต่อสู้ก็จะดังมาจากรอบทิศทันที...น่าสงสารฝ่ายตรงข้ามนะครับ มันคงขึ้นชกแบบเสียเซลฟ์สุดๆไปเลย
ไม่ต้องสงสัยหรอก ว่าไอ้ต้อยน้องต้ามันเกิดคึกบ้าท้าต่อยชิงสาวที่ไหน ไม่มีครับไม่มี...มันก็แค่ลงแข่งมวยสากลในงานเฟรชชี่เท่านั้นเอง
ที่จริงมันได้รับโหวตเป็นเดือนคณะนะครับ แต่มันปฏิเสธ ด้วยเหตุผลที่ว่าชมรมมวยสากลไม่ยอมให้เดือนคณะรูปหล่อต้องมีรอยหมองคล้ำเพราะลงแข่งกีฬาแน่นอน ดังนั้นมันก็เลยหาเรื่อง ตกกลางคืนหนีออกจากบ้านไปฟัดกับหมาที่ไหนมาไม่รู้ วันคัดตัวเดือน หน้ามันงี้ห่างจากเดือนไปมากโขเลยครับ มานั่งนึกๆย้อนดูแล้ว...ใกล้เคียงกับคำว่าใส้เดือนเป็นที่สุด
นั่น...มันตุ้ยท้องคู่ต่อสู้ซะจนอีกฝ่ายจุกยืนแทบไม่ไหวเลยครับ ฝ่ายนั้นโงนเงนอยู่สองสามวิ แล้วก็ชาร์ตเข้ากอดตัวไอ้ต้อยเอาไว้ซะแน่น ไอ้นี่มันตัวเล็กกว่าเค้าครับ มันก็เลยสลัดไม่หลุดได้แต่ปล้ำกอดกันอยู่อย่างนั้น เป็นธุระให้ท่านกรรมการมือสมัครเล่นต้องย่อเข่าส่องหาลู่ทางเข้าแยก ส่องไปส่องมาอยู่นั่น พรุ่งนี้เช้ามันจะเลิกกอดกันมั้ยวะ?
...กอด...
คืนนั้นเราก็กอดกันอย่างนี้...ก็แค่ไม่ได้ยืนกอดกัน...แต่นอนกอดกันเท่านั้นเอง
...
..
.
หลังจากที่ผมสอนบทเรียนคอร์สอินเทนซิฟจนชักรู้สึกว่าจะขาดอากาศหายใจแล้ว ริมฝีปากของเราก็แยกออกจากกัน
ผมนอนทับมันเอาไว้ ในขณะที่ท่อนแขนของมันโอบรัดเอวผมซะแน่น...แน่นซะจนอะไรๆนาบกันจนรู้สึกแปลกๆ
“เป็นไงบ้าง” ไอ้ต้อยกระซิบถามผมปนเสียงหอบๆ
“…พอใช้ได้...” ไม่อยากบอกเลยครับ ว่าไอ้นี้มันเรียนรู้เร็วเป็นบ้า...หรือไม่อย่างนั้นมันก็ลีลา...แอ๊บใสทั้งๆที่เชี่ยวอยู่แล้วรึเปล่าวะ?...ยังไงก็ตาม บอกได้คำเดียวครับ...เก่งกว่าไอ้ต้าเยอะ...
คุณๆเคยเมาเหล้ากันบ้างรึเปล่าครับ?...ถ้าเคยคงจะรู้ดีอยู่ ว่าการยับยั้งชั่งใจจะละลายหายไปพร้อมปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ขนาดไหน
ใจผมบอกตัวเอง...มันคือน้องชายของไอ้ต้า...
ตัวผมบอกกับตัวเอง...รู้สึกดี แม้จะไม่ได้มีความรักเข้ามาเกี่ยวก็เหอะ...
ฝ่ายดีถาม...มึงจะทรยศเพื่อน...ที่มึงรักหรือไง
ฝ่ายร้ายตอบ...ก็มันไม่ได้รักผมตอบซักหน่อยนี่นา อย่างนี้เรียกว่าทรยศด้วยเหรอ?
ฝ่ายดีห้ามเอาไว้ ในขณะที่ฝ่ายร้ายบีบคั้นให้ก้าวเดินต่อไป...และในจังหวะที่กำลังลังเลใจ...เสื้อผ้าก็ถูกถอดออกไปจนหมดแล้ว
เหลือบตาขึ้นมอง เห็นร่างกายขาวๆของไอ้ต้อยสะท้อนแสงไฟที่สาดส่องมาจากนอกหน้าต่าง
ผมลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ตัวแทบจะตั้งตรงไม่ได้ รู้สึกว่าหัวมันหนักซะเหลือเกิน
รู้ตัวอีกทีทั้งตัวก็ถูกไอ้ต้อยกอดเอาไว้ ฝ่ามือของมันไล้ไปตามแผ่นหลัง น่าแปลกที่มือสากๆของมันทำให้ร่างกายที่กำลังเย็นจากแอร์รู้สึกอุ่นจนร้อนได้
ใบหน้าของมันซุกอยู่ที่ซอกคอผม เส้นผมของมันทิ่มแก้มจนรู้สึกจั๊กจี้ มันกอดกระชับตัวผมเอาไว้แน่น
ผมยกมือขึ้นมา...มองฝ่ามือทั้งสองของตัวเอง...ฝ่ามือที่สะท้อนแสงสีส้มเหมือนกับเนื้อตัวเปล่าเปลือยของไอ้ต้อย
...ฝ่ามือนี้...ผมจะเอาไปวางไว้ที่ไหนดี...
ผมควรจะลดลงมา กอดไอ้ต้อยเอาไว้เหมือนที่มันกำลังกอดผมอยู่รึเปล่า?...
...ผมควรจะปล่อยให้อะไรๆเลยเถิดไปมากกว่านี้รึเปล่า?...
ริมฝีปากอุ่นร้อนประทับลงบนบ่าของผม ดูดดุนจนรู้สึกเจ็บ ใบหูถูกนิ้วมือของมันคลึงเล่นไปมา รู้สึกจั๊กจี้แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบ...
ยกฝ่ามือค้างเอาไว้อย่างนี้...เมื่อยชะมัด...
...ควรจะวางลงไปบนแผ่นหลังมันได้แล้ว....ใช่มั้ย?...
หัวเข่าของไอ้ต้อยรุกคืบมาจนถึงหว่างขา มันออกแรงกดวนไปมาจนขนลุก
“อือ...” ผมเม้มริมฝีปากเอาไว้ หลับตา ก้มหน้าลงต่ำ แล้วซึมซับความรู้สึกที่ไม่ได้เผชิญมานานเกือบปี
รู้ตัวอีกทีมือทั้งสองก็จิกแน่นลงกับต้นแขนของมันเสียแล้ว
มันใช้ฝ่ามือลูบผมชื้นๆของผมขึ้นทัดหู ใช้ฟันกัดเข้าที่ใบหูเบาๆแล้วกระซิบเสียงแผ่ว
“…ธี...”
…ธี...
…ธี...
...ไอ้ธี...
...ไอ้เชี่ยธี...
...
...ต้า...
ทันทีที่ผมนึกถึงชื่อนี้ สติก็กลับคืนมาเต็มร้อยเหมือนเดิม ผมละมือจากต้นแขนของไอ้ต้อย กลับออกแรงผลักใสมันออกจากตัวเองแทน
ไอ้ต้อยลืมตาโพลง แผ่นอกมันไหวขึ้นลงตามแรงหอบ ไม่ต่างจากตัวผมเท่าไหร่…
ระหว่างเรา...เงียบกริบ...
ผมเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเผยอออก เปล่งเสียงที่เพิ่งรู้ตัวว่าแหบไปแล้วออกมา
“ขอโทษ”
…ผมขอโทษทำไม...ผมขอโทษใคร...ขอโทษไอ้ต้อย...หรือว่าขอโทษไอ้ต้า...ตอนนั้นก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่...รู้แค่ว่า...รู้สึกผิด...
ผิดต่อไอ้ต้อย...ที่ตอบรับมันทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลย
ผิดต่อไอ้ต้า...ที่คิดจะใช้น้องมันเป็นตัวแทนมัน...ชั่วขณะที่ได้ยินเสียงไอ้ต้อย...ผมคิดว่า...กำลังกอดไอ้ต้าอยู่...
...ผมนี่มันเลวจริงๆ...
ไอ้ต้อยใช้นิ้วโป้งปาดแก้มให้ผม ทำให้เพิ่งรู้ตัว...ว่าน้ำตาไหลกลิ้งลงมาเงียบๆ
“ขอโทษ...เรา...” พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น กว่าจะเค้นแต่ละคำออกมาได้ยากเย็นเหลือเกิน แต่ก็ออกมาได้เพียงเท่านี้ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี
ไอ้ต้อยคว้าบ่าผมเอาไว้ กดท้ายทอยจนใบหน้าแนบกับแผ่นอกของมัน
“พอแล้ว...ไม่เป็นไร...เราเมา...พวกเรา...ก็แค่เมา…” เสียงของมันดังขึ้นเหนือหัว คางของมันกดลงมาเบาๆ รู้สึกว่าปากมันสั่นๆเหมือนกัน....ฝ่ามือของมันลูบหลังผมขึ้นลง...ก็แค่ลูบ...ไม่ได้เกินเลยไปมากกว่านั้น
ผมจำเหตุการณ์หลังจากนั้นไม่ได้...รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว และผม...นอนอยู่บนเตียงคนเดียว ท่ามกลางกล่องลังที่วางระเกะระกะอยู่ตามมุมห้อง
ถึงจะจำไม่ได้ยังไง ในความฝันก็ยังรู้สึกอยู่สองอย่าง...อย่างแรกคือท่อนแขนที่ผมหนุนนอนตลอดทั้งคืน และอย่างที่สองคือ...เสียงคุ้นเคยที่เฝ้ากระซิบเรียกชื่อผมเบาๆซ้ำไปมา
...ธี...
...ธี...
“ไอ้เชี่ยธี!!!” ผมสะดุ้งเฮือกออกจากภวังค์ รีบเคลียร์หัวใจที่เต้นตุ้บตั้บของตัวเองเสีย แล้วหันกลับไปด่าไอ้ตัวต้นเหตุ
“เรียกเชี่ยไรของมึงวะ!! แม่ง!! เรียกเบาๆไม่เป็นหรือไง!!”
ด่าจบคำเท่านั้นล่ะครับ หัวก็โดนฝ่ามือของไอ้ต้าเหนี่ยวคว่ำทันที “สัด! กูเรียกมึงจนน้ำลายแห้งแล้วเนี่ย ท้องผูกหรือไงวะ นั่งเหม่ออยู่ได้”
ผมหันไปมองรอบตัว...มวยคู่เอกจบลงไปแล้วครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...และโดยไม่ต้องเดา...ไอ้ต้อยกำลังยืนรับเหรียญรางวัลอยู่ ส่วนไอ้มุมแดงคู่ต่อสู้มัน กำลังนอนเหมือดให้พี่เลี้ยงเอายาดมแหย่จมูกให้อยู่ข้างๆเวที
“มึงมาเมื่อไหร่วะ ไม่เห็นรู้ตัว” ผมเกาหลังคอแกรกๆแก้เก้อ
“ก็ตั้งแต่มึงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนเบ่งอึอยู่นั่นแหละ” มันพูดซะผมเสียหายเลยครับ...นี่กูอดีตเดือนนะเว้ย!
ไอ้ต้าหย่อนก้นลงนั่งข้างๆผม คว้าหนังสือการ์ตูนที่ถือมาด้วยขึ้นพัดไล่เหงื่อ อีกมือก็ยื่นชาลิปตั้นกระป๋องมาให้ผม
“ขอบใจ” รับมาไว้ในมือ แต่ก็ยังไม่ได้เปิดกระป๋อง เพราะไอ้ตัวดีมันเอนหลังนอนปุหนุนตักผมซะก่อน
“เย็นนี้ว่างปะ?” ไอ้ต้าหลับตาพริ้ม...เล่นซะผมที่เป็นเจ้าของตักใจเต้นตึกตักเลยครับ...ปากแดงๆของมัน...น่าจูบจริงๆ
อยากลูบแก้มมัน อยากเอามือยีหัวมันเล่น...แต่...ที่นี่ไม่ดีมั้ง คนเยอะเกินไป...สุดท้ายเลยได้แค่แสร้งแย่งการ์ตูนในมือมันมาพัดให้ตัวเองแทน โดยที่ยังไม่ลืมเผื่อแผ่ลมไปถึงมันด้วย
“ว่าง...ทำไมวะ?”
“ไม่ได้เฮกับมึงนานแล้ว ว่าจะชวนไปกินข้าวเย็นกันหน่อย ”
ซึ้งใจจริงๆครับ ที่มันยังนึกถึงผมอยู่ ผมเหนี่ยวหัวมันไปเบาๆหนึ่งที “ทำเป็นพูด ไม่ได้เจอก็เพราะมึงนั่นแหละ อยู่แต่กับน้องแพร”
“ทำไม!...ปีที่แล้วมึงยังไปกะพี่ๆของมึง ปล่อยกูกินข้าวคนเดียวเลย” มันเถียงกลับคอเป็นเอ็น
แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ครับ “ปีที่แล้วกูคบคนละไม่ถึงเดือน หายไปแป๊บเดียวก็กลับมากินข้าวกับมึงไม่ใช่เหรอวะ...มึงน่ะแหละ ทิ้งกูไปตั้งสองสามเดือนแล้ว”
พูดบ่นไปงั้นแหละครับ กะแค่ให้มันขำๆ...แต่เจตนาจริงผมไม่ขำกับมันหรอก...เพราะผมอยากให้มันเลิกกับน้องแพรอะไรนั่นจริงๆ...เราสองคนจะได้กลับมาตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋เหมือนเดิม
ดูอย่างตอนนี้เป็นไง...โทรศัพท์ไอ้ต้าดังอีกแล้ว
“ครับ...ครับ...อ๋อเย็นนี้เหรอ...อืม...ก็ว่างอยู่นะ” เฮ้ย! ได้ข่าวมึงเพิ่งนัดกูไปกินข้าว แม่งได้แฟนแล้วลืมเพื่อนเฉย...เจ็บจริงๆครับ
ไอ้ต้าคุยต่ออย่างหวานจ๋อยอีกสองสามประโยคแล้วก็วาง หลังจากนั้นก็หัวเราะแหะๆขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ แล้วก็วิ่งแถ่ดๆจากไป
เหลืออยู่แค่ผม...ที่นั่งอยู่คนเดียว...
“เฮ้อ...” เบื่อจริงๆครับ อยากให้ไอ้ต้ากลับมาอยู่กับผมจริงๆ จะได้ไม่ต้องเหงาอยู่อย่างนี้อีก
“เป็นไร ขี้ไม่ออกเหรอ?” น่าน...ทักเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยครับ...ไอ้ต้อยนั่งลงข้างๆผม พูดไปก็โบกมือบ๊ายบายกองเชียร์ไป...ฮ็อตจริงนะมึง...น่าหมั่นใส้
“เออ!” ผมตอบมันกลับไป
ไอ้ต้อยเลิกคิ้ว มือหนึ่งจับคอเสื้อสะบัดพั่บๆไล่ความร้อนจนกลิ่นเหงื่อโชยฟุ้ง อีกมือก็คว้ากระป๋องลิปตั้นขึ้นมามอง
...ลิปตั้น...
เฮ้ย! ไอ้เชี่ย!! นั่นมันของที่ไอ้ต้าเอามาให้ผมเชียวนะ!!! มันเปิดกระป๋องยกซดหน้าตาเฉยเลยอะครับ!!!
ผมถลึงตาอ้าปากด่ามัน “ไอ้ต้อย!! น้ำกู!!!”
มันไม่หยุดกินไม่พอนะครับ มีการหันหน้าหนีแล้วรีบซดอึ้กๆอีกตะหาก...โธ่...ลิปตั้นลูกพ่อ...ผลผลิตความรักของผมกับไอ้ต้า~
“อะ...เอาคืนไป แค่นี้ก็ทำเป็นหวง เราขึ้นชกคอแห้งจะตายห่า กำลังอยากซดน้ำชาหวานๆเย็นๆอยู่พอดี” มันส่งกระป๋องเปล่ายัดใส่มือผม แล้วก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
“ว่างใช่ปะ รอเราอาบน้ำเดี๋ยว...เดี๋ยวไปกินข้าวกัน”
ผมหันหน้าหนีมัน “ไม่ไปกับที่ชมรมวะ มีเลี้ยงรวมไม่ใช่หรือไง”
ฝ่ามือของไอ้ต้อยกดลงมาบนหัวผม แถมยังขยี้จนยุ่งไปหมดด้วย “ก็จะไปกินเป็นเพื่อนไง ไอ้พี่ต้ามันหนีไปแล้วนี่หว่า”
มันว่าจบก็เดินไปทางห้องอาบน้ำทันที ไม่รอคำตอบจากผมเลยสักนิด...แล้วผมจะทำไงได้ล่ะครับ...นอกจาก...รอ...
+++++++++++++++++++++++++++++++
“น้อง...ชาเพิ่มหน่อย” ไอ้ต้อยหันไปสั่งบ๋อยแล้วหันกลับมาคีบฮะเก๋าอย่างเร็ว...ไอ้นี่มันชอบกินชาเป็นบ้าเลยครับ ทุกสัญชาติกินได้หมด แต่มันเคยบอกว่ามันชอบชาอังกฤษเป็นพิเศษ...อร่อยตรงไหนวะ ผมอยู่อังกฤษยังไม่ค่อยได้กินเลย กาแฟหอมกว่าตั้งเยอะ
“ยังไม่อิ่มอีกเหรอวะ” ผมพยายามเอาตะเกียบปัดขนมจีบที่มันคีบมาใส่จานให้ผมออก...อิ่มจะตายอยู่แล้วครับ ตักให้อยู่ได้
“ก็อิ่มแล้ว...แต่ยังไม่อิ่ม” มันว่าอย่างงั้น เล่นซะผมงง
มันคงเห็นหน้าผม เลยหัวเราะร่าแล้วเฉลย “อิ่มใจแล้ว แต่ท้องยังไม่อิ่ม” เสี่ยวได้โล่ห์จริงๆครับไอ้นี่...แต่วันนี้มันก็คงอารมณ์ดีอยู่...ก็ชกชนะได้เหรียญทองนี่ครับ
“เออๆ ยินดีด้วยละกัน” ผมวางตะเกียบลง นั่งพิงพนักพลางลูบพุงตัวเอง...อิ่มฉิบหายเลยครับ ท้องจะแตกตายอยู่แล้ว...
“โหย~ โคตรจริงใจเลยว่ะ ไอ้เออๆเนี่ย แล้วรู้หรือไงว่าอิ่มใจเรื่องอะไร” ไอ้ต้อยว่าพลางทำแก้มป่อง น่ารักตายหะ ผมไม่ตอบมัน คว้าขนมจีบเข้าปากต่อ...ทั้งๆที่อิ่มจนแทบจะทนไม่ไหว
เรากินกันจนอิ่มแปร้ ก็ได้เวลาจรลีหนีหนี้...ไม่ใช่ครับ จ่ายค่าอาหารอยู่แล้ว...แค่โดนบังคับเลี้ยงในโอกาสได้เหรียญทองเท่านั้นเอง…นี่ไง เรื่องอิ่มใจสบายกระเป๋าของมัน
ไอ้ต้อยเดินนำไปตามทางเดินใกล้ๆร้านอาหาร...ตรงข้ามกับทิศที่ผมจอดรถไว้เลย...แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรครับ เดินย่อยหน่อยก็ดี
“นี่...” ระหว่างที่กำลังใช้ก้อนหินขูดหาหวยที่โคนต้นไม้อยู่ไอ้ต้อยก็พูดขึ้นมา “พี่สาวคนนั้นเป็นไงมั่ง”
คนไหนวะ...ผมทำหน้าเง็งจัด...ไอ้ต้อยเลยเฉลย “ก็คนที่ชอบวิ่งตามธีน่ะ”
อ๋อ...คนนั้นน่ะเอง ชื่อไรวะ จำไม่ได้...แต่ถ้ามองไม่ผิด ผมว่าครั้งสุดท้ายที่เห็น ยายนั่นเข้าก๊วนวิ่งตามไอ้ต้อยแทนแล้วนะ... “ก็ไม่ไง” ด้วยความที่คันไม้คันมือจัด ผมก็เลยคว้าก้อนหินโยนใส่หัวมันซะเลย
“โอ๊ย!” ไอ้ต้อยกุมหัวตัวเองไว้แล้วหันมาถลึงตาใส่ผม “อิจฉาล่ะดิ เรทติ้งตก”
เปล่าซะหน่อย...ก็แค่หมั่นใส้โดยไม่รู้สาเหตุเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นสงครามปาหินเป็นเด็กห้าขวบก็เริ่มขึ้น พวกเราหัวเราะร่า วิ่งไล่เตะตูดแบบลืมอายุ...วิ่งกันตรงถนนที่มืดๆร้างๆนั่นแหละครับ กว่าจะถึงรถได้ก็เล่นซะแขนแดงตูดระบมไปหมด
...ผมหัวเราะ...มันหัวเราะ...
ทิ้งเรื่องคืนนั้นไว้ข้างหลัง...ฝังน้ำตาของผมไว้ ณ วันนั้น...ฝังเรื่องที่ผมทรยศไอ้ต้า...ทรยศความรู้สึกตัวเองเอาไว้ในใจ
ผมยังไม่ลืม...แต่มันคงลืมไปแล้ว...หรือไม่ก็แกล้งลืมไปแล้ว...เพราะมันไม่เอ่ยถึงคืนนั้นอีกเลย
เป็นอันตกลงกันโดยไม่ต้องพูด...ว่าเรื่องในคืนนั้น...ให้มันเป็นความฝันไปซะ
...ถึงจะพยายามลืม...แต่ยังไม่ยอมลืมก็เหอะ…
++++++++++++++++++++++++
TBC