ตอนที่ 15แสงสว่างที่แยงตาปลุกผมขึ้นจากการนอนหลับ ป่ายแขนไปข้างตัวอย่างเคยชินกลับพบแค่ขอบเตียง เมื่อลืมตาขึ้นมาถึงได้นึกได้
...เมื่อคืน ผมไม่ได้นอนกับไอ้เปี๊ยก...
น่าขำชะมัด เจอมันแค่สองอาทิตย์ นอนเตียงเดียวกันแค่สองอาทิตย์ก็ติดเป็นนิสัยที่เคยชินซะแล้ว ว่าข้างตัวจะต้องมีมันอยู่เสมอ
ผมยกแขนขึ้นส่องกับแสงสว่างภายนอกห้อง รู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นแขนเล็กน้อย เมื่อมองดูชัดๆก็เห็นเป็นรอยถลอกสีแดงลากยาวสามรอย
...รอยเล็บของไอ้เปี๊ยก...
เมื่อคืนผม...ข่มขืนมัน...ผมใช้มือคู่นี้ทำร้ายมัน...
สองมือกำแน่น ผมลดแขนลงปิดใบหน้าตัวเอง...ใบหน้าที่มีน้ำตาเอ่อนอง...
มันจะผิดหวังในตัวผมรึเปล่า มันจะมองผมยังไง ระหว่างเรา...มันจะเปลี่ยนไปจากเดิมขนาดไหนกัน
ผมปาดน้ำตาทิ้ง ลุกขึ้นนั่ง มองไปทางเตียงข้างๆที่ไอ้เปี๊ยกนอน...แต่บนเตียงว่างเปล่า...
ชั่ววินาทีที่ไม่เห็นมัน...ผม...คิดว่ามัน...ไปจากผมแล้ว ผมกวาดตามองไปรอบห้อง กระเป๋ามันยังวางอยู่ที่เดิม แต่เสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืนหายไป
ผมลุกขึ้นยืน หันหน้าหนีจากรอยเลือดเป็นวงบนผ้าปูที่นอนสีขาวยับยู่ยี่ เดินไปที่ห้องน้ำก็ไม่เจอมัน ที่ระเบียงก็ไร้วี่แวว
...หรือมันจะจากผมไปแล้วจริงๆ...
ผมลนลาน ผมหวาดกลัว ใจเหมือนจะขาดให้ได้ คว้าเสื้อใส่ สองเท้ากระโจนออกจากบ้านพัก วิ่งไปตามทางเดินเพื่อหาตัวมัน
ผมวิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง ที่ทางเดินมีเพียงคนสวนที่คอยกวาดใบไม้ตามพื้น ห้องอาหารไม่มีมันอยู่ ผมวิ่งไปจนถึงจุดชมวิว ที่ตรงนั้นเป็นพื้นไม้ที่ปลูกสร้างขึ้นหยาบๆ ยื่นออกไปไกลพอสมควร ด้านล่างเป็นทางลาดชันของภูเขาสองลูกที่มาบรรจบกัน
ที่ตรงนั้น...มีไอ้เปี๊ยกนั่งอยู่...
มันนั่งอยู่บนราวไม้ ทั้งๆที่ที่นั่งก็มีให้ดันไม่นั่ง มันหันหน้าออกไปข้างนอก ขาห้อยลงสู่พื้นเบื้องล่าง แสงแดดส่องมาจากด้านหน้า ทำให้เห็นหลังมันเป็นเพียงเงาสีดำ
ผมเดินเข้าไปวางเข่าบนที่นั่ง เอื้อมตัวกอดมันเอาไว้ “นึกว่า...หายไปซะแล้ว”
ผมคิดอย่างนั้นจริงๆนะ ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ แต่แวบแรกที่เห็นแผ่นหลังของมัน ทำให้นึกถึงคืนวันที่มันไกวชิงช้าออกห่างจากตัวผมไปเรื่อยๆ คิดถึงวินาทีที่มัน...กระโดดออกจากชิงช้า จากผมไปไกล
ไอ้เปี๊ยกสะท้านน้อยๆ แต่ก็ยังไม่ยอมหันมา
ผมจูบซอกคอมัน มันก็เอียงคอให้จูบแต่โดยดี เนื้อขาวเนียนยังมีรอยฟันแดงเป็นจ้ำที่ผมทำเมื่อคืนอยู่เลย ความขาดสติของผมทำร้ายมันไปมากทีเดียว “ทำไมมานั่งคนเดียวอย่างนี้ล่ะ...ปลุกกันก็ได้นี่นา”
ไม่มีเสียงตอบ...
ผมรู้ว่าผมทำผิด และมันก็กำลังโกรธ ผมกระชับอ้อมกอดแล้วซุกจมูกเข้ากับลาดไหล่ของมัน “ต้า...พี่...ขอโทษ”
มันไหวตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอโทษของผม อุ้งมือนุ่มของมันวางทับลงบนมือของผม “ลุงไม่ผิดหรอก เป็นผมผมจะทำให้แรงกว่านี้อีก...ก็มันระแวงนี่นา”
ผมกัดฟันกรอดเมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำอุ่นร้อนที่หยดลงบนหลังมือ “อย่า...พูดอย่างนี้...พี่ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”
“ลุง” มันแกะมือผมออก พยายามลุกขึ้นยืน ตอนแรกผมคิดว่ามันคงจะข้ามขากลับมานั่งบนเก้าอี้ดีๆ แต่กลับกลายเป็นว่ามันปีนขึ้นไปยืนบนราวไม้แทน
ราวไม้สร้างอย่างลวกๆ ไม่ได้แข็งแรงมากมาย อีกทั้งขนาดหน้ากว้างยังแค่พอให้เดินต่อขาได้เท่านั้น ตัวมันโงนเงนไม่มั่นคง ผมได้แต่จับมือมันเอาไว้
“ต้า...ลงมา เดี๋ยวตก”
มันไม่ยอมลง กลับดึงมือออกจากมือผมแล้วจับให้มือผมอยู่ที่เอวมันแทน แขนสองข้างมันกางออกข้างลำตัวเหมือนจะพยายามทรงตัว ตามันมองลงมาสบกับผม “ลุง...จับผมไว้แน่นๆนะ”
“อย่าเล่นอย่างนี้ มันอันตราย” วินาทีที่เห็นดวงตาดำลึกล้ำรื้นน้ำของมัน ผมกลัวใจมันจริงๆว่ามันคิดจะทำอะไรบ้าๆรึเปล่า
พอมันเริ่มทรงตัวได้ ยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว มันก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ตาหยี “ปล่อยผมได้แล้ว”
ผมไม่ปล่อยมัน ถ้ามันตกลงไปจะทำยังไงล่ะ ยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยหรอก
มันย้ำอีกที “ปล่อยผมก่อนน่า ไม่โดดลงไปหรอก”
ผมละมือออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาจ้องร่างมันเขม็ง ประสาทตื่นตัวเต็มที่ พร้อมจะกระโจนเข้าไปกอดมันถ้าเกิดอะไรขึ้น
ไอ้เปี๊ยกเหม่อมองท้องฟ้า
“ยืนอย่างนี้...เหมือนกำลังบินอยู่เลยนะลุง...” มันว่าอย่างนั้น “ไม่ต้องมีใครให้จับ ไม่ต้องมีใครมาจับ อยู่ได้ด้วยตัวของตัวเอง”
ลมพัดแรงจนผมปรกหน้ามัน เสื้อมันปลิวสะบัด ผมกำลังกลัวสิ่งที่มันพูด...อย่าพูดอีกเลย...
“นึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใจอะไร ไม่ต้องแคร์ใคร” มันเริ่มเดินต่อเท้าไปข้างหน้าเรื่อยๆ
“อ๊ะ! ลุงไปยืนตรงนั้นหน่อย” มันเชิดคางพยักเพยิดให้ผมเดินไปยืนอยู่ด้านหน้ามัน...ที่สุดทางของราวไม้
“จำได้รึเปล่า คืนนั้นที่ผมเดินบนราวอย่างนี้น่ะ ให้ลุงไปยืนตรงปลายทางเหมือนกัน” ทำไมจะจำไม่ได้ ทุกความทรงจำที่เกี่ยวกับมัน...ผมไม่เคยลืม
“ผมเดินไปไม่ถึง...ตกลงมาซะก่อน” ตอนนั้นพอมันตกลงมาก็ร้องแทบเป็นแทบตาย...
ไอ้เปี๊ยกเดินมาเรื่อยๆ...ช้าๆ....ไม่มั่นคง แต่ก็ยังพยายาม
สุดปลายทาง ตัวมันไหวเอนเล็กน้อย...แต่มันก็มาจนถึง มันตะโกนเสียงดัง “ลุง! รับดีๆนะ!!”
จากนั้นมันก็กระโดดออกจากราวไม้ ลงมาในอ้อมกอดของผม ผมเรียกมันว่าเปี๊ยก ผมว่าตัวมันเปี๊ยก แต่มันไม่ได้เปี๊ยกอย่างในความคิดผมซะเมื่อไหร่ ตัวมันก็ใหญ่พอสมควร แค่เล็กกว่าผมเท่านั้นเอง เมื่อมันโถมน้ำหนักลงมาทั้งตัวอย่างนี้ ร่างของเราสองคนก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง
“อูย” ผมร้องพลางเอามือลูบหัวตัวเอง เมื่อกี้กระแทกซะแรงเลยครับ อีกมือก็ยังประคองอยู่ที่เอวไอ้เปี๊ยก ได้ยินมันร้องอูยอยู่เหมือนกัน ลืมตาขึ้นมาเห็นคิ้วมันขมวดมุ่น
“เจ็บ...” มันลูบก้น น้ำตาเล็ดป้อยๆ ...ก็แผลที่ผมทำมันไว้เมื่อคืนแหละครับ
“พี่...ขอโทษ” ผมจูบแก้มมัน มันก็ซุกหน้าเข้ากับซอกคอผม เรานอนกอดกันอย่างนั้นโดยไม่สนใจแสงแดดที่ไล้เลีย ไม่สนอากาศที่เริ่มอบอ้าวขึ้นเรื่อยๆ และไม่สนใจว่าจะมีใครมาเห็นรึเปล่า
“เมื่อกี้น่ะ ผมว่ายืนข้างบนคนเดียวมันก็สบายดีนะ” มันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม “แต่ยังไงผมชอบอย่างนี้มากกว่า...”
ความหมายของมันก็คือ มันชอบให้มีใครสักคนอยู่ข้างกายมัน...แล้วคนคนนั้นจำเป็นต้องเป็นผมรึเปล่า?
ผมนอนหงายมองหน้ามัน เก็บทุกรายละเอียดของมันเอาไว้ในใจ เก็บไว้อย่างไม่มีวันจะลืมเลือน
ตัวของมันไหวขึ้นลงตามการหายใจของหน้าอกผม “ลุง...รักผมรึเปล่า...”
ผมพยักหน้า มันหัวเราะน้อยๆ “ผมก็รักลุง...ผม...รักพี่ธี...” มันโน้มหน้าลงจูบจมูกผม...คำรักของมัน...เพื่ออะไร ในเมื่อมันยังตัดสินใจไม่ได้ มันจะบอกรักผมทำไม...มันยังรักอีกคนอยู่ แล้วมีค่าอะไร...
“ลุงเสียใจที่มาคบกับผมรึเปล่า...” ผมส่ายหน้า...ผมไม่เคยเสียใจที่ได้รักมัน...ถึงแม้ความรักนี้จะไม่ยาวนานก็เถอะ
“ผมดีใจที่ได้เจอลุงนะ ไม่เสียใจที่ได้คบลุงด้วย” ...มันพูดจริงหรือว่าต้องการจะยึดเหนี่ยวผมไว้เพื่อเป็นตัวแทนอีกคนกันล่ะ...
“ลุง...รักผมที่สุดรึเปล่า” ...ผมพยักหน้าอีกครั้ง โอบกอดเอวมันให้ตัวเราแนบชิดมากกว่าเดิม มันสบตาผมแล้วยิ้ม
“ผม...ยังไม่ได้รักลุงมากที่สุด...แต่ผมเลือกที่จะอยู่กับลุง ผมเลือกแล้วและจะไม่เปลี่ยน...และผมเชื่อว่าสักวันจะรักลุงที่สุดได้” ...สักวันของมันคือเมื่อไหร่...เราจะไปถึงจุดนั้นกันรึเปล่า...มัน...จะลืมเพื่อนมันที่มันรักมาสามปีได้เหรอ?...
“ลุง...มองตาผมสิ...” ผมเพิ่งรู้ตัว ว่าผมเบนสายตาหนีออกจากมันไป...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อผมกลับมามองมัน ก็พบว่าน้ำตากำลังไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยของมัน
“รู้รึเปล่า...ทำไมเมื่อคืนผมไม่ลืมตา” มันพูดทั้งน้ำตา ไม่มีแรงสะอื้น ไม่มีแม้แต่เสียงสั่นๆ มันปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่ได้กลั้นเอาไว้ เหมือนกับต้องการจะให้ชำระล้างอะไรสักอย่างในใจมัน
...ทำไมไม่ลืมตา...จะให้ผมตอบมันจริงๆเหรอ...ว่ามันกำลังใช้ผมเป็นตัวแทนเพื่อนมันน่ะ...จะให้ผมพูดออกไปจริงๆเหรอ...
มันสบตากับผมอยู่พักใหญ่ สุดท้ายมันยกฝ่ามือขึ้นมาปิดตาผมเอาไว้...ภาพข้างหน้าดำมืด ได้ยินแค่เสียงมันพูดอยู่
“ลุงรู้รึเปล่า...ว่าตั้งแต่คืนนั้น...ตั้งแต่คืนที่ผมบอกรักลุงครั้งแรก...ลุงมองผมด้วยสายตายังไง...ตอนที่ลุงกำลังกอดผม...ลุงทำหน้ายังไง”
...ผมมองมันยังไง...
“สายตาลุงมีแต่ความหวาดระแวง...ลุงบังคับให้ผมมองสายตานั้น...ลุงกำลังจะฆ่าผมทั้งเป็น”
...หวาดระแวงอย่างนั้นเหรอ?...
“ผมขอถามคำถามสุดท้ายนะ...ทบทวนดีๆก่อนตอบล่ะ” มันเปิดตาผมออกมา ภาพข้างหน้าพร่ามัวไปหมด...ผม...กำลังร้องไห้...
“ที่ผมพูดมาทั้งหมด...ทุกอย่างที่เคยบอกกับพี่ธี...พี่...เชื่อบ้างรึเปล่า?”
ผมคิดทบทวน ดวงตาเราสบกันอยู่นาน...ไม่มีคำตอบจากผม ราวกับเส้นเสียงเป็นอัมพาต...ผมตอบมันออกมาไม่ได้ว่า...ผม...ไม่เชื่อมัน...ทั้งๆที่มันเลือกผมแล้ว...อาจจะตั้งแต่คืนที่มันนั่งไกวชิงช้า...ตั้งแต่ที่มันเดินมาหาผมก็ได้...มันแสดงให้ผมเห็นหลายครั้งหลายครา คนขี้อายขนาดที่ไม่กล้าบอกรักเพื่อนทั้งๆที่คบกันมาตั้งนาน กลับยอมเดินเข้ามาหาผม ยอมให้ผมเดินเข้าไปในชีวิตมัน...ยอมอ้อนผมทั้งๆที่ทำก็ไม่ค่อยจะเป็น...ขอให้ผมจูบมันทั้งๆที่กล้าๆกลัวๆ...เดินมาหาผมทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าเพื่อนที่มันรัก...บอกรักผมทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผมยังระแวงมัน...มันทำถึงขนาดนั้น...แต่...ผมก็ยังไม่เชื่อมัน...ผม...มัวแต่ไปคิดว่ามันเห็นผมเป็นตัวแทน คิดแต่ว่า...มัน...ไม่ได้รักผมจริง...
สายตาของผมคงจะสื่อคำตอบอะไรได้หลายอย่าง และมันก็คงอ่านออก เพราะสายตาของมัน...มีแต่ความตัดพ้อ...เสียใจ...
“ผมรู้...ว่าทำให้พี่เสียใจหลายครั้ง เพราะตัวผมที่ยังลืมมันไม่ได้...ทั้งๆที่มีพี่อยู่ด้วยแท้ๆ...แล้วผมก็รู้ด้วยว่าคงจะลืมมันไม่ได้ตลอดไป...ที่ผมทำได้ก็แค่เก็บมันไว้ในใจแล้วรักพี่ให้มากกว่ามันซึ่งไม่รู้จะทำได้เมื่อไหร่ ...ผมรู้...ว่าทุกอย่างที่ผมพูดไปมันคงเชื่อได้ยาก...ในเวลาที่ผมยังสับสนอยู่...มันเชื่อได้ยากจริงๆ...” มันลุกออกจากตัวผม นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ ปล่อยให้ผมนอนหงาย มองแผ่นฟ้าที่ไหวระริกราวกับผืนน้ำ...จากน้ำตาของผมเอง
“เมื่อวาน...ผมโทรหาธี...” ชื่อของผมและเพื่อนมันหลุดออกจากปากมัน...ชื่อ...ที่สร้างแต่ความหวาดระแวง...ชื่อของผม...ชื่อที่มันตั้งใจเรียกผม แต่ผมกลับเอาแต่คิดว่ามันเรียกเพื่อนของมัน
“คืนนั้นมันให้แหวนผมมาวงหนึ่ง” ไอ้เปี๊ยกหมุนแหวนทองในมือเล่น มันล้อแสงอาทิตย์เกิดเป็นประกายบาดตา...แหวน...ที่มันได้มา มันเก็บเอาไว้...แต่ไม่ได้ใส่...
“ผมโทรนัดมันเพื่อจะให้คำตอบกับมัน...ผมไม่ได้บอกพี่...อาจจะเพราะผมเองก็ยังไม่เชื่อทุกอย่างของพี่...ผมกลัวว่าถ้าบอกออกไป...พี่จะเปลี่ยนไป...แล้วพี่ก็เปลี่ยนไปจริงๆ ทั้งๆที่ผมยังไม่ทันบอกออกมาเลย...แล้วอย่างนี้บอกไปจะมีประโยชน์อะไร...ถ้าผมบอกไปว่าผมเลือกพี่...พี่จะเชื่อรึเปล่า?”
คำถามของมันทำให้ผมคิด...และก็ได้คำตอบ...ไม่...
น้ำตาของไอ้เปี๊ยกแห้งเหือดไปแล้ว เหลือเพียงคราบทิ้งไว้เท่านั้น...แต่...น้ำตาของมันในใจผม...คงไม่แห้งไปง่ายๆ...เพราะมันเป็นน้ำตา...ที่ผมเป็นคนทำให้ไหลออกมาเอง
“พี่เคยสัญญากับผมเอาไว้...จะไม่ทิ้ง...จะไม่ละเลย...ผมดีใจมาก และผมก็เชื่อนะ” มันยิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่สวยงามมาก
“แต่วันนี้...ผม...ขอคืนคำสัญญาให้พี่” มันลุกขึ้นยืน ขามันยันพื้นอย่างมั่นคง ดวงตามองตรงไปข้างหน้า
“ถ้าผมทำให้พี่เชื่อใจไม่ได้...ทำให้พี่ไม่มีความสุข...ผมก็ไม่คู่ควรกับคำสัญญาของพี่”
ผมลุกขึ้นยืน มองแผ่นหลังที่ตั้งตรงของมัน “ผมจะไม่บอกให้พี่รอ เพราะผมไม่รู้ว่าพี่จะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่...กว่าผมจะเคลียร์ความรู้สึกของตัวเองได้ ผมไม่รู้ตัวเองจริงๆ ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ จนถึงวันนั้น ถ้าพี่ยังไม่มีใคร ผมจะกลับมาขอคบด้วยตัวเอง...ครั้งนี้ผมจะขอด้วยตัวเอง...ผมจะไม่กลัวอะไรอีกแล้ว...เพราะผมเรียนรู้แล้ว...ว่าถ้าไม่พูดออกมา...ก็จะต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป”
มันหันกลับมา กอดผมเอาไว้ อ้อมกอดของมันยังอบอุ่นเหมือนเคย แต่...ที่ไม่เหมือนเคยคือ ความอาลัยที่ส่งมาให้
“ที่ผ่านมา...ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง”มันจูบผม...เป็นจูบสุดท้ายที่มันจะมีให้ มันเช็ดน้ำตาให้ผม ทั้งๆที่น้ำตามันก็เริ่มไหลอีกครั้งเหมือนกัน
“...เรา...เลิกกันเถอะนะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC ตอนที่แล้วบอกว่าอย่าเกลียดลุงธี...ตอนนี้ต้องขอว่า อย่าเกลียดต้าเลย
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ +1 ค่ะ