]|เรื่องไม่สั้นและไม่เล่า|[ กระดานดำหลังรั้วโรงเรียน ... ชาย (ภาค 2: เม้นแรก)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]|เรื่องไม่สั้นและไม่เล่า|[ กระดานดำหลังรั้วโรงเรียน ... ชาย (ภาค 2: เม้นแรก)  (อ่าน 1566622 ครั้ง)

three

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นมากมายขอบคุณมากๆครับผม :pig4:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
b17


คริส


วันนี้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอารมณ์ที่ดีเป็นพิเศษ เพราะว่าวันนี้ยุและเคนจะมานอนที่บ้านของผมกัน และพรุ่งนี้เราก็จะได้ออกไปเดินซื้อของขวัญวันเกิดให้กับป๊อปด้วยกันด้วย ถึงจะรู้สึกน่าเสียดายนิดหน่อยที่คนอื่นๆนอกจากป๊อปกับตี๋เล็กจะมาด้วยกันไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆแค่การที่พ่อกับแม่อนุญาตให้ผมพาเพื่อนมานอนค้างที่บ้านได้นี่ก็เรียกได้ว่าดีมากพอแล้ว คือจริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนจะเข้มงวดกับผมมากในทุกๆเรื่องหรอก ไอ้การพาเพื่อนมาที่บ้านนี่ผมก็เคยพาพวกเขามาอยู่บ้างสองสามครั้งสลับกับการที่ผมไปเที่ยวบ้านคนอื่นๆ ถึงจะไม่ได้บ่อยมากนัก แต่สำหรับตัวผมเอง แค่นี้ก็เรียกได้ว่ามันน่าดีใจมากๆแล้ว

ผมนั่งรอทั้งสองคนอยู่ที่ห้องรับแขกหน้าบ้านอย่างกระวนกระวาย ทั้งสองคนบอกว่าจะมาถึงที่นี่ประมาณสิบโมงตรง แต่ผมก็มานั่งรอพวกเขาตั้งแต่เก้าโมงนิดๆแล้ว

“อะไรกัน วันนี้นี่ดูมีความสุขซะเหลือเกินนะ คริส” พ่อเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมายิ้มให้ผมเล็กน้อย “พ่อไม่ได้เห็นเราเป็นแบบนี้มานานแล้วนะ”

“ก็ไม่ได้อะไรสักหน่อยนี่ครับ พ่อ” ผมยิ้มเขินๆ

“ตกลงวันนี้เพื่อนจะมากันกี่คนล่ะ”

“ยุกับเคนแค่สองคนน่ะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” พ่อพยักหน้าเบาๆแล้วก้มลงไปอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนเดิมอีกครั้ง

“ว่าแต่เย็นนี้ยังไงเราก็ต้องเรียนพิเศษเหมือนเดิม ไม่มีสิทธ์เอาเพื่อนมาอ้างแล้วเบี้ยวเรียนนะ” แม่ที่ยกถ้วยกาแฟสองถ้วยเดินเข้ามาในห้องรับแขกพูดขึ้น

“ผมรู้แล้วน่ะครับ” ผมกลอกตา “แต่ผมก็บอกแม่แล้วไงครับว่าผมไม่ค่อยชอบครูคนนี้เลย เค้าสอนไม่ดีเลยจริงๆนะ”

“แม่รู้ๆ แต่จะทำไงได้ล่ะ ตอนนี้แม่ก็กำลังติดต่อหาครูคนใหม่ให้อยู่เหมือนกันนี่นา” แม่วางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะรับแขกแล้วนั่งลงบนโซฟาข้างๆพ่อ “เราเองก็ต้องเรียนๆไปก่อนจนกว่าแม่จะหาครูคนใหม่ได้นั่นแหละ”

“ทำไมล่ะ ครูคนนี้เค้าไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ” พ่อผมถาม

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับพ่อ แต่ผมว่าเค้าน่าเบื่ออ่ะ ทั้งแก่ ทั้งช้า แถมยังชอบพูดแต่เรื่องเดิมซ้ำๆย้ำๆ และที่สำคัญ ผมอยากได้ครูที่สอนได้ทั้งเลขฟิสิกส์เคมีแล้วก็เก่งๆภาษาอังกฤษด้วยน่ะครับ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายมากมายอ่ะ”

“สงสัยต้องใช้ครูมหาลัยซะล่ะมั๊ง” พ่อเสนอ

“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นมั๊งคะ แต่ปัญหาก็คือคริสเค้าเคยบอกว่าเค้าไม่ได้อยากเรียนไปไกลขนาดนั้นน่ะค่ะ เพราะเขายังไม่รู้เลยว่าจะเรียนหมอหรือวิศวะดีกันแน่” แม่หันไปคุยกับพ่อ

ผมลอบถอนหายใจเบาๆไม่ให้ทั้งคู่เห็น เพราะจริงๆแล้วผมยังไม่เคยบอกทั้งสองคนเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่าผมอยากจะเป็นหมอหรือวิศวะกรน่ะ พวกเขาก็แค่คิดกันไปเองว่าผมจะต้องเลือกไม่ทางใดทางหนึ่งในสองทางนั้นแน่ๆก็เท่านั้น

หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็หันไปคุยกันเรื่องครูสอนพิเศษของผมต่อ แต่ผมไม่ได้สนใจฟังอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ในใจของผมมันกำลังจดจ่ออยู่ที่หน้าบ้านเพื่อรอดูว่าเพื่อนคนไหนของผมจะมาถึงก่อนและจะมาถึงตอนกี่โมงมากกว่า และแล้วผมก็ไม่ต้องทนเบื่อนั่งรออยู่นานเลย เพราะหลังจากนั้นอีกแค่ไม่ถึงสิบนาที ผมก็เห็นรถเก๋งคันหนึ่งขับมาจอดที่หน้าบ้านของเรา และผมก็รู้ได้ทันที่ว่าคนที่มาถึงคือใคร

“พ่อ แม่ เคนมาแล้วครับ” ผมหันไปบอกพ่อกับแม่ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน “งั้นผมออกไปรับเค้าเข้าบ้านก่อนนะ”

ผมรีบเดินออกจากบ้านแล้ววิ่งตรงไปยังประตูรั้ว ผมเห็นเคนเปิดประตูรถออกแล้วก้าวลงมายืนรอผมอยู่ตรงหน้ารั้วบ้าน และเมื่อผมวิ่งไปถึงที่นั่น ผมก็ไหว้และคุยกับแม่ของเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเมื่อแม่ของเคนขับรถจากออกไป ผมก็พาเขาเดินเข้าไปในบ้านเพื่อพบพ่อแม่ของผม ก่อนจะพาเขาขึ้นไปวางกระเป๋าบนห้องและโชว์ให้เขาดูภาพสีน้ำที่ผมวาดเอาไว้อย่างที่เคยผมสัญญากับเขาไว้ว่าผมจะให้เขาดู เรานั่งคุยกันเรื่องภาพวาดกันอยู่ครู่ใหญ่ๆ จนกระทั่งผมสังเกตเห็นรถคันหนึ่งที่ผมคุ้นตาขับมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านผ่านทางหน้าต่างห้องนอนของผม

“ไอ้ยุมาแล้ว!” ผมรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แล้วพุ่งตรงไปที่ประตูห้องทันที “ไปเร็วไอ้เคน ไปรับไอ้ยุกัน ผมหันไปบอกเคนจากนั้นก็รีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างโดยมีเขาเดินตามมาติดๆทันที

ผมเดินออกไปข้างนอกเพื่อรับยุเข้ามาในบ้านเหมือนกับที่ผมไปรับเคนมา แต่ทว่าเมื่อผมเดินไปถึงที่รถของยุกับอาเมฆแล้ว ผมก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าอาเมฆก็เดินลงมาจากรถของเขาด้วย

“สวัสดีครับอาเมฆ” ผมยกมือไหว้อาเมฆ

“สวัสดีครับ อาขอรบกวนเข้าไปคุยกับพ่อแม่คริสในบ้านแป๊บนึงนะ”

ผมมองหน้าอาเมฆงงๆก่อนจะหันไปหายุ แต่แล้วผมก็เห็นว่าเขาเองก็กำลังมีสีหน้างุนงงไม่แพ้ผมเลยอยู่ด้วยเหมือนกัน

“ป๊าจะทำไรอ่ะครับ” ยุหันไปถามป่ะป๊าของตัวเอง

“ไม่มีอะไรหรอกน่า” อาเมฆยิ้ม “คริสจำได้รึเปล่า ที่เราเคยบอกอาว่าครูสอนพิเศษคนนี้ไม่ค่อยดีแล้วเราเลยอยากได้ครูคนใหม่น่ะ”

“ก็...... ครับ” ผมพยักหน้า

“อาก็จะมาคุยกับพ่อแม่เราเรื่องนั้นนั่นแหละ” อาเมฆยิ้มให้ผมอีกครั้ง แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “เอาล่ะ เข้าบ้านกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะ”

ผมกับยุและเคนมองหน้ากันงงๆ........ ไม่สิ จริงๆต้องบอกว่า ผมกับยุมองหน้ากันงงๆ ส่วนเคนก็ยืนทำหน้างงตามปกติของเขามาตั้งแต่ตอนแรกๆอยู่แล้ว
 
เมื่อเราเดินเข้าไปในบ้านแล้ว ผมก็พาอาเมฆเข้ามาไหว้พ่อกับแม่ของผม แต่จริงๆแล้วผมว่าทั้งสามคนก็น่าจะอายุเท่าๆกันล่ะนะ ยกเว้นว่าพ่อของผมน่าจะแก่กว่าอาเมฆอย่างน้อยๆก็ราวๆสักห้าปีได้ ส่วนแม่ของผมก็น่าจะอายุไล่ๆกับอาเมฆไม่น่าจะต่างกันมากนัก

“พอดีเมื่อครั้งก่อนที่คริสเค้าไปนอนที่บ้านของวายุหลานผมน่ะครับ แล้วผมเลยได้คุยกับเขาเรื่องครูสอนพิเศษ เห็นเค้าบอกว่าอยากจะเปลี่ยนครูคนใหม่อย่างนั้นใช่มั๊ยครับ” อาเมฆพูดกับพ่อและแม่ของผม แต่จริงๆแล้วก็มีแค่แม่ของผมคนเดียวเท่านั้นแหละที่ฟังอาเมฆออก เพราะพ่อผมนั้นฟังภาษาไทยแทบไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว

“อาเมฆครับ คือ...... พ่อผมฟังภาษาไทยไม่ออกน่ะครับ” ผมหันไปพูดกับอาเมฆเบาๆ

“อ้าว อย่างนั้นเหรอ” อาเมฆตกใจเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขอโทษที่เสียมารยาทออกมาเป็นภาษาอังกฤษ และนั่นก็ทำให้ทั้งพ่อและแม่ของผมต้องอึ้งไปพร้อมๆกันเลยทีเดียว

“ป๊ามึงแม่งเก่งว่ะ ไอ้ยุ” ผมได้ยินเคนหันไปกระซิบกับยุเบาๆโดยระวังไม่ให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนได้ยิน

จากนั้นอาเมฆก็พูดแบบเดิมกับที่พูดไปก่อนหน้านี้ซ้ำอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ และเมื่อพ่อกับแม่ของผมตอบกลับมาและเล่าเรื่องปัญหาของผมให้กับอาเมฆฟังแล้ว อาเมฆก็หันมายิ้มและแอบยักคิ้วข้างหนึ่งให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปหาพ่อกับแม่อีกครั้ง

“ใช่ครับ พอดีว่าหลานผมเค้าก็สนิทกับคริสมาก และผมก็เลยคิดมาตลอดว่าผมอยากจะช่วยเหลือเด็กดีแล้วก็เด็กเก่งอย่างน้องเค้า คราวนี้พอดีว่าผมมีน้องชายอยู่คนนึง เค้าเป็นชาวต่างชาติน่ะครับ พูดได้สามภาษา แล้วก็จบไฮสคูลจากอังกฤษก่อนจะมาจบวิศวะอินเตอร์เกียรตินิยมที่ประเทศไทยด้วย และที่สำคัญเค้ายังเป็นคนเก่งและนิสัยดีมากๆด้วยนะครับ ผมเลยอยากมาลองปรึกษาคริสกับคุณพี่ทั้งสองคนดูก่อนว่า สนใจอยากจะให้น้องผมคนนี้มาสอนพิเศษให้คริสดูมั๊ยครับ”

เมื่ออาเมฆพูดจบ ผมกับวายุก็อ้าปากค้างขึ้นมาทันที เราสองคนหันมามองหน้าอย่างรู้กันว่าอาเมฆกำลังหมายถึงใคร ก่อนที่จะหันกลับไปมองที่อาเมฆอีกครั้ง

“แล้วเค้าสอนวิชาอะไรได้บ้างล่ะคะ” แม่ผมถาม

“คณิต ฟิสิกส์ เคมี อังกฤษ....... ซึ่งคงไม่จำเป็นอยู่แล้วสำหรับคริส แล้วก็ภาษาสเปนครับ ถ้าเกิดว่าน้องเค้าสนใจอยากลองเรียนเพิ่มดูน่ะนะ” อาเมฆยิ้มอย่างมั่นใจให้พ่อกับแม่ของผม ก่อนจะหันมายิ้มแบบรู้กันให้กับพวกเราสามคน...... หรืออาจจะแค่สองคน เพราะเคนก็คงจะฟังภาษาอังกฤษที่อาเมฆพูดไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่อยู่แล้ว

ผมหันไปมองพ่อกับแม่ของผมแล้วก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าทั้งสองคนดูท่าทางจะสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ขอโทษนะคะ แต่พี่ขอถามนิดนึงว่า ตอนนี้น้องเมฆอายุเท่าไหร่เหรอคะ” แม่ผมถามอาเมฆ

“ผมอายุสามสิบเก้าครับ”

“ตายแล้ว หน้ายังเด็กอยู่เลยนะคะเนี่ย” แม่ทำท่าผมตกใจแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นแล้วน้องคนที่ว่านั่นอายุเท่าไหร่คะเนี่ย”

“สามสิบห้าครับ ตอนนี้เค้าร่วมหุ้นทำธุรกิจส่วนตัวอยู่กับเพื่อน แล้วก็สนใจเรื่องงานสอนอยู่แล้วด้วย พอผมคุยกับเค้าดูเค้าก็สนใจมากเลยแหละครับ ก็เหลือแค่ทางฝั่งคุณพี่สองคนนี่แหละครับว่าจะสนใจรึเปล่า”

หลังจากนั้นแม่ผมก็ซักประวัติของอาไคล์รวมถึงตัวอาเมฆอีกนิดหน่อย และอาเมฆก็พยายามตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว และผมก็เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นทั้งน้ำเสียง หน้าตา บุคลิก ความจริงใจ และความน่าภูมิฐานของอาเมฆนั้น จะต้องสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและความน่าไว้วางใจให้แก่ทุกคนที่พูดคุยกับอาเมฆได้อย่างแน่นอน........ รวมทั้งพ่อและแม่ของผมก็ด้วยเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะกลับไปบอกน้องของผม แล้วจะให้เขาติดต่อกลับมาเพื่อลองมาพูดคุยกับพี่ทั้งสองคนดูก็แล้วกันนะครับ” อาเมฆพูดปิดท้ายหลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้งสามคนได้พูดคุยกันสักพักใหญ่ๆแล้ว....... ถึงแม้ส่วนมากจะเป็นแค่แม่กับอาเมฆคุยกันเป็นส่วนใหญ่ก็ตามเถอะนะ

“ดีเลยค่ะ ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ แล้วก็ต้องขอโทษที่รบกวนด้วยจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะคริสเองเค้าก็เหมือนหลายชายผมคนนึงเหมือนกัน ผมก็หวังว่าพอเค้าได้พบหน้าและลองพูดคุยกับครูคนนี้ดูแล้วเค้าจะชอบและคงจะเรียนได้อย่างมีความสุขนะครับ” อาเมฆยิ้มให้กับพ่อและแม่ของผมก่อนจะหันมาหลิ่วตาให้ผมเล็กน้อยอีกครั้ง “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอตัวกลับเลยก็แล้วกันนะครับ....... อ้อ ถ้ายังไงผมก็ขอรบกวนฝากหลานชายตัวดีของผมนี้ไว้อีกสักวันสองวันด้วยก็แล้วกันนะครับ”

หลังจากนั้นอาเมฆก็กลับบ้านไป และเมื่อเราสามคนได้อยู่กันตามลำพังแล้ว พวกเราก็รีบขึ้นไปบนห้องของผมแล้วจับกลุ่มกันเรื่องที่อาเมฆเพิ่งคุยกับพ่อแม่ผมไปทันที

“กูฟังไม่ออกง่ะ แสสสส” เคนพูด “ไอ้คริสฟังออกอ่ะกูไม่แปลกใจหรอก แต่มึงอ่ะไอ้ยุ มึงฟังรู้เรื่องเหรอวะ”

“มึงลืมไปแล้วเหรอวะว่ากูก็มีอาไคล์นั่นแหละที่สอนภาษาอังกฤษให้กูน่ะ ไอ้เคน”

“กูตกใจหมดเลยว่ะ พวกมึง แล้วนี่ถ้ากูได้เรียนกับอาไคล์ขึ้นมาจริงๆจะเป็นยังไงวะเนี่ย”

“อ้าว มึงไม่ชอบเหรอวะ ไอ้คริส” เคนหันมาถามผม

“เฮ้ย ไม่ใช่แบบนั้น กูอ่ะก็ต้องดีใจและอยากเรียนกับครูอย่างอาไคล์อยู่แล้วดิ่ กูคงสบายใจกว่าเรียนกะครูคนนี้เยอะอ่ะว่ะ แต่คือกูก็ตกใจเหมือนกันไง มึงลองคิดดูดิ่วะ แถมอีกอย่างที่สำคัญที่สุดนะ กูยังไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่กูเค้าจะว่ายังไงบ้าง ตอนนี้เค้าก็คงกำลังนั่งคุยนั่งปรึกษากันอยู่นั่นแหละ” ผมหันไปหาวายุ “มึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยเหรอวะ ยุ”

“หึ ไม่รู้เลย กูเองก็ตกใจชิบหายพอๆกะมึงนั่นแหละคริส แต่จริงๆแล้วกูต่างหากที่ต้องเป็นคนถามมึงอ่ะนะ ว่ามึงได้คุยเรื่องครูสอนพิเศษกับพวกป๊าด้วยเหรอวะ”

“อืออ ก็เคยคุยกันบ้างอ่ะนะ เพราะพวกพ่อมึงเค้าก็ชอบถามว่าเรื่องเรียนกูเป็นไงมั่งอะไรพวกนี้อ่ะ และตอนไปบ้านมึงครั้งล่าสุดกูก็มีพูดๆไปอีกด้วยเหมือนกันว่ากูไม่อยากเรียนกะครูคนนี้แล้วและอยากเปลี่ยนครูใหม่ แต่พ่อกับแม่ไม่อนุญาตเพราะยังหาครูคนอื่นให้ไม่ได้น่ะ กูก็ไม่นึกเลยว่า........”

“แต่แบบนี้มันก็ดีแล้วนี่” เคนพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ทีนี้มึงจะได้เรียนอย่างสบายๆใจไง แถมอาไคล์ก็ทั้งเก่งทั้งหล่อทั้งใจดี แถมพวกมึงก็ยังรู้จักกันดีอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นก็ไม่น่ามีปัญหามั๊ง เนอะ ไอ้ยุ”

“ก็นั่นน่ะสิ แต่ที่สำคัญและที่ต้องระวังที่สุดก็คงเป็นแค่เรื่องว่ามึงต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักอาไคล์ไปก่อนอย่างน้อยๆก็ในช่วงแรกๆนั่นล่ะ”

“อืมม เรื่องนั้นกูเข้าใจ” ผมพยักหน้า ก่อนจะยิ้มให้กับยุ “ต้องขอบใจมึงมากจริงๆนะเว้ย ยุ กูรู้สึกขอบใจครอบครัวมึงทุกคนมากเลยจริงๆว่ะ”

“เฮ้ยย มึงอย่าพูดอย่างนั้นดิ่ กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย.......” เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะหลบสายตาผมโดยหันไปมองทางอื่น

“เฮ้ย พวกมึง กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาว่ะ” เคนพูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไป

เราสองคนนั่งเงียบกันลงไปครู่หนึ่ง นี่นับเป็นครั้งแรกทีเดียวที่เราได้อยู่กันตามลำพังแบบนี้นับจากเมื่อคืนนั้นในห้องนอนของเขา........

“ยุ กู.........”

“เฮ้ยย ไม่เอาน่า มึงอย่าอย่างนี้ดิ่วะ คริส” เขาหันกลับมามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้ม “มึงนี่ชอบทำหน้าเครียดแบบนั้นอยู่เรื่อยเลยนะ”

ผมหัวเราะแหะๆเบาๆ “งั้นเหรอวะ นี่กูเครียดบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่กูก็แค่........” ยุเงียบลงไปเล็กน้อยเหมือนกำลังนึกคำพูดที่จะใช้พูดออกมาอยู่ “กูก็แค่อยากให้มึงมีรอยยิ้มและมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับกูนะ”

คำพูดของเขามันทำให้หัวใจของผมพองโตด้วยความดีใจและปลื้มใจ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเหมือนเข็มนับพันที่ทิ่มแทงลงไปในใจของผมด้วยเช่นกัน เมื่อผมคิดว่าไม่ว่าเราสองคนจะรักกันมากขนาดไหน........ ไม่ว่าเขาจะรักและหวังดีกับผมมากขนาดไหน แต่ระหว่างเรานั้นมันก็เป็นได้แค่เพียงคำว่า “เพื่อน” เท่านั้นเอง

และนั่นก็คือความสุขที่ขมขื่นที่สุดที่คงจะเป็นเพียงทางเลือกเดียวสำหรับผมที่ผมจะต้องยินยอมและยอมรับมันให้ได้แต่เพียงเท่านั้นเอง......

“กูรักมึง และกูมีความสุขที่ได้อยู่กับมึง ยุ ไม่ว่าจะในสถานะไหนก็ตาม มึงห้ามคิดว่ามึงจะทำให้กูไม่มีความสุขโดยเด็ดขาดนะเว้ย........” ผมบอกเขาทั้งๆที่ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าผมรู้สึกอย่างนั้นอยู่จริง

“กูอาจจะรักมึงแบบคนรักไม่ได้ แต่กูก็มีความรักแบบเพื่อนที่ไม่น้อยกว่าใครให้แก่มึงอย่างแน่นอน กูขอให้มึงเชื่อกูในเรื่องนี้นะ คริส”

“กูรู้และกูก็เชื่อด้วยเหมือนกัน....... แต่กูก็อยากบอกมึงเหมือนกัน ยุ ว่าถึงแม้ในตอนนี้กูจะยังทำไม่ได้ แต่สักวันกูก็จะต้องรักมึงแบบเพื่อนให้ได้ด้วยเหมือนกัน เพราะกูจะไม่มีวันยอมเสียมึงไปอย่างเด็ดขาด.......”

และผมก็หวังเหลือเกินว่าผมจะทำได้อย่างที่พูดจริงๆ........


ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
สงสารคริสจัง

อยากเรียนกับอาไคล์บ้างไรบ้าง  :impress2:

ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
ให้กำลังใจน้องคริสต่อปายยยยยยยย  :L1:

patz

  • บุคคลทั่วไป
ปะป๊าเมฆนี่ มองคนได้ทะลุจริงๆเลยเนาะ อ่านแล้ว คิดถึงเรื่องของเมฆกับซันเลยอะ


สำหรับคริส เอาน่า... อย่างน้อย ณ ตอนนี้ ก็คิดซะว่า การคบกันแบบเพื่อนน่ะ มันคบกันได้นานกว่าคนรักนะ เกิดรักกันเป็นแฟนกันไปแล้ว ต้องเลิกกันตอนหลัง จะมองหน้ากันไม่ติดซะเปล่าๆ

tsuya

  • บุคคลทั่วไป
อยากไปเรียนกะอาไคล์ด้วยคนอ่ะ

อ่า...แค่คิดก็มีความสุข อิอิ  :z1:

ครอบครัวยุ นี่น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
ยังไงก็ยังดีนะครับ ยังพูดกันได้

คุยกันได้  :z1:

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
เมฆจ๋า เมฆยังน่ารักและอบอุ่นเหมือนเดิมเลย คิดถึงจังเลย :กอด1:

tongner

  • บุคคลทั่วไป
ป่ะป๊า ยุ น่ารักมากๆ  :pigha2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






timeless

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1

seasons

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงเมฆ  :sad4:

จะรอตอนต่อไปนะคร๊าบบบบ

artkung

  • บุคคลทั่วไป
สงสารคริสจังเลย  :monkeysad:

ปะป๊า เมฆ ของวายุเนี่ย ก็ยังอบอุ่น น่ารักไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ  :o8:

แต่ชอบเวลาที่วายุคุยกับป๊าเมฆของเค้าเนี่ยแหละ น่าร้ากกกกกกกกกกกก  :really2:


แต่ว่า เอา โจ มาทำคะแนนต่อได้แล้วนะคร้าบบบบบ

แล้วมาต่อไวๆ นะครับพี่ต้น  :L2:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ต่นต๊น

มันจะรู้ดีขนาดนั้นเลยรึ
แอบแฝงอะไรรึเปล่าเนี่ย เอาไคล์มาสอนพิเศษ น่าสงสัยๆ

ขอบคุณและจะติดตามครับ
ปล. เอา AAA+ มาได้แล้ววววว

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
 :เฮ้อ:สงสราคริสจับใจ

เชียร์นัทสุดใจขาดดิ้น

นัทสู้ๆๆๆสู้เขานะนัท

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
คนเราก็อยู่ด้วยความหวังกันทั้งนั้น

แล้ว คริส ก็คงมีความหวังเช่นกัน อยู่แต่ว่าไอ้ที่หวังไว้ มันจะสำหวังหรือเปล่า

+1 ให้ต้น อีกทั้งเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ 

ออฟไลน์ lomekung

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1


สงสารคริสอะ


แต่แอบมาดันโจ o13

okotba

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่พระเอกเราจะปรากฏกายอีกอ่ะ ???

 :L3:

โจ

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mole eye man

  • บุคคลทั่วไป
เดี๋ยว ๆ  เคน ครับ  เดี๋ยวก่อนนะเคน...

"แถมอาไคล์ก็ทั้งเก่งทั้งหล่อทั้งใจดี"

ไอ้ทั้งหล่อเนี่ย...  พี่ว่าปกติเค้าไม่ค่อยพูดถึงเกี่ยวกับครูสอนพิเศษหรอกนะเคนนะ...     :jul3:

จะรอติดตามต่อนะฮะ  ^^\

ป.ล.  แล้วผลโหวตเปิดถึงตอนไหนฮะ  อยากอ่านให้มากที่สุดก่อนค่อยโหวตนาทีสุดท้ายเอาน่ะฮะ  'w'

~•SAkurAIro•~

  • บุคคลทั่วไป

เอิ่มม อ่าน b ของคริส แล้วเริ่มปันใจ
แล้วเมื่อไหร่ b ของเคนจะมาอ่ะ

อยากรอโหวตตอนใกล้ๆปิดหมือนกันน

pequena

  • บุคคลทั่วไป
เชียร์นัทให้กับนนท์มาตั้งแต่คุณต้นมาโพสต์แล้ว
และก็ไม่เปลี่ยนใจ
นัทเป็นคนที่อบอุ่น มึความคิดเป็นผู้ใหญ่
เวลาเค๊าอยู่ด้วยกัน น่ารักมากๆๆๆ

โหวตให้นัท สุดใจเลย
  o13

ออฟไลน์ Blurry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
39 แล้วเหรอเมฆช้านนน
รอเคนๆๆ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
b18


เคน


ผมไม่ใช่คนฉลาดหลักแหลมที่สุดในโลกหรอก แต่ผมก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะดูอะไรๆไม่ออกเลยซะทีเดียว ผมรู้อยู่แล้วว่าคริสมันรู้สึกยังไงกับไอ้ยุ และผมก็รู้ด้วยว่าไอ้ยุมันคิดกับคริสแค่ยังไง และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ แค่ผมเห็นสายตาที่พวกมันสองคนมองกันและกันเมื่อครู่นี้ผมก็รู้แล้วว่าผมไม่ควรที่จะนั่งเป็นก้างอยู่ ณ ตรงนั้นอีกแล้ว

อย่างน้อยๆก็สักพักนึงเพื่อให้พวกมันได้คุยกันล่ะนะ.......

“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเว้ย เดี๋ยวมาว่ะ” ผมขอตัวแล้วลุกเดินออกจากห้องเพื่อทิ้งให้มันสองคนได้อยู่กันตามลำพัง

บางทีผมก็รู้สึกว่าเพื่อนๆของผมแต่ละคนแต่ละคู่นี่มันก็ดูวุ่นวายกันอยู่พอสมควรเลยเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นไอ้ป็อปกับไอ้ตี๋ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่แม่งเสือกตัวติดกันซะยิ่งกว่าแฟน ไอ้คริสที่ชอบไอ้ยุ แต่ไอ้ยุคิดกับไอ้คริสแค่เพื่อน ส่วนไอ้เจย์ก็แอบมีใจให้ไอ้คริส แต่ไม่รู้ว่าไอ้คริสจะรู้ตัวบ้างรึเปล่า และตอนนี้ยังมีไอ้นนท์กับไอ้นัทที่ตอนนี้นับวันๆพวกมันก็ยิ่งดูสนิทสนมกันจนน่าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย.......

นี่ขนาดยังไม่นับเพื่อนๆ น้องๆ หรือแม้แต่รุ่นพี่คนอื่นๆที่มาแอบชอบพวกมันอยู่อีกนะเนี่ย

แต่แหมจะว่าไป แล้วผมล่ะเป็นใครที่จะมานั่งวิจารณ์เรื่องความรักของคนอื่นได้ในขณะที่ตัวผมเองยังเอาตัวเองไม่ค่อยจะรอดเลย ถึงผมจะไม่ได้ทะเลาะกับปูบ่อยมากนัก เพราะผมเป็นคนใจเย็นแบบสุดๆจนเพื่อนบางคนหาว่าผมโง่หรือไม่ก็บ้าด้วยซ้ำไปเนี่ย ผมก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจอารมณ์และความต้องการของเธอคนนี้ได้สักเท่าไหร่อยู่ดีนั่นแหละนะ อย่างเช่นเรื่องในวันนี้นี่ไง ก่อนหน้านี้ผมก็บอกเธอไปแล้วนะว่าผมจะมานอนที่บ้านของเพื่อน ตอนแรกเธอก็เข้าใจดีและไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยอยู่หรอก แต่พอผมกำลังจะออกจากบ้านมาเมื่อเช้าเท่านั้นแหละ งานเข้าทันที........

เฮ้อออ เวรกรรมของกูจริงๆ

หลังจากนั้นสักพักเมื่อผมเดินกลับเข้าไปในห้อง ถ้าหากผมไม่ได้คิดไปเองล่ะก็ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นปกติดีแล้วล่ะนะ เพราะผมลองสังเกตดูจากสีหน้าและแววตาที่ทั้งสองคนมองกัน รวมถึงคำพูดและบรรยากาศต่างๆก็ล้วนกลับมาเป็นเหมือนตอนที่เราอยู่โรงเรียนด้วยกันแบบปกติแล้ว

“ไมไปเยี่ยวนานจังวะ แป้น” ยุหันมาถามผม

โถ ไอ้เหี้ยย ก็กูไม่รู้ว่าควรจะกลับเข้ามาในห้องตอนไหนนี่หว่า........

“สงสัยท่อส่งน้ำกูยาว กูเลยใช้เวลาลำเลียงน้ำนานมั๊ง” ผมตอบ

ไอ้ยุหัวเราะ “ถ้าเกิดท่อส่งน้ำมึงยาว ของกูก็คงเป็นท่อแก๊ซปตท.แล้วมั๊ง ไอ้เชี่ย”

เราสามคนนั่งคุยนั่งเล่นกันอีกสักพัก ก่อนที่มือถือของผมจะดังขึ้น และคนที่โทรเข้ามาก็คือไอ้เจย์นั่นเอง มันบอกผมว่ามันอาจจะมาหาพวกเราสามคนได้ด้วย ถึงว่าอาจจะไม่ได้มานอนค้าง แต่มันก็บอกว่าตอนนี้มันมีแนวโน้มที่จะสามารถไปซื้อของกับพวกเราได้มากแล้วทีเดียว

ในตอนกลางวันที่โต๊ะอาหาร แม่ของคริสถามถึงรายละเอียดของอาเมฆจากไอ้ยุไปหลายอย่างเลยทีเดียว ถึงมันจะยังดูไม่ใช่การซักถามที่ซอกแซกมากเกินไปจนน่าเกลียด แต่ผมก็พอดูออกว่าไอ้คริสนั้นกำลังรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของแม่มันอยู่ไม่น้อยเลย ตรงกันข้ามกับไอ้ยุที่ก็ตอบคำถามทุกอย่างเท่าที่มันจะตอบได้พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ดูจริงใจตามปกติของมันไป

“แม่ พอเถอะครับ เลิกถามไอ้ยุมันได้แล้วน่า” ไอ้คริสที่คงทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้น

“อ้าว ทำไมล่ะ แม่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายสักหน่อย แม่ก็แค่อยากรู้ว่าอาของเพื่อนเราน่ะเค้าทำงานอะไรยังไงแค่นั้นเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณแม่ ผมยินดีตอบอยู่แล้วครับ” ไอ้ยุยิ้มกว้าง “ก็อย่างที่บอกแหละครับว่าผมเองก็รู้จักอาไคล์ดีอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยนึกถึงเลยเหมือนกันว่าเขาอาจจะมามีโอกาสได้เป็นครูสอนพิเศษให้เพื่อนผมได้แบบนี้”

จากนั้นทั้งสามคนก็พูดคุยกันเรื่องเกี่ยวกับอาไคล์อีกนิดหน่อย และนั่นก็ทำให้ผมอดสังเกตไม่ได้ว่าพ่อของไอ้คริสนี่ดูจะเป็นคนพูดน้อยมากจริงๆแฮะ มันไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้พวกเราคุยกันเป็นภาษาไทยและพ่อของคริสเค้าฟังไม่ออก แต่ผมก็สังเกตเห็นมาตั้งแต่ตอนที่อาเมฆมาคุยกับพ่อแม่มันทั้งคู่เมื่อตอนสายๆแล้วว่าพ่อของคริสนี้ดูจะไม่ค่อยอ้าปากพูดอะไรออกมาสักเท่าไหร่เลยจริงๆ

“ว่าแต่เราล่ะ ที่บ้านพ่อกับแม่ทำอะไรมั่ง” แม่ของคริสหันมาถามผม ผมเหลือบเห็นคริสกลอกตาและทำหน้าเซ็งๆอยู่ด้วยหางตา

“พ่อของผมเป็นคนญี่ปุ่นและทำงานอยู่ญี่ปุ่นน่ะครับ ส่วนแม่ก็ทำงานในบริษัทของตัวเอง” ผมตอบ

“อ้าว ถ้างั้นเราก็ไม่ค่อยได้เจอพ่อล่ะสิ”

“แม่!” คริสร้องขึ้น จากนั้นเขาก็พูดบางอย่างกับแม่เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งถึงผมจะฟังออกไม่หมดแต่ก็พอจะจับใจความได้ว่าเขาบอกให้แม่หยุดถามเรื่องพวกนี้กับผมได้แล้ว

“โอเคๆ” แม่ของคริสพยักหน้าสองสามครั้ง “แม่ไม่ยุ่งเรื่องของเพื่อนลูกแล้วก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่าแม่วุ่นวายจนเกินไปอีก”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนะครับ” ผมพูดขึ้น

คริสหันมามองผมด้วยสีหน้าและแววตาเซ็งๆแบบอยากให้ผมช่วยอยู่ข้างเขามากกว่า

“คุณได้บอกเด็กๆเรื่องคืนนี้แล้วรึยัง” จู่ๆพ่อของคริสก็พูดขึ้น........ และแน่นอนว่าก็ต้องเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยๆผมก็พอที่จะฟังออกบ้างล่ะน่า

“อ้อ ใช่ แม่ก็เกือบลืมไปแน่ะ แม่จะบอกคริสว่าบ่ายนี้พ่อกับแม่จะออกไปธุระข้างนอกนะ และอาจจะกลับดึกหรืออาจะไม่ได้กลับเลย เพราะต้องไปไกลถึงสระบุรีแน่ะ แต่แม่ว่าคงไม่ได้กลับมาหรอก เพราะงั้นเย็นนี้ก็โทรสั่งอะไรมากินกันเอาเองแล้วกันนะ แล้วก็ปิดล็อคบ้านให้เรียบร้อยด้วย”

ผมรับรู้ได้ด้วยความรู้สึกทันทีเลยว่าทั้งคริสและยุเองก็คงจะต้องกำลังรู้สึกดีใจอยู่ด้วยเหมือนกันแน่ๆ เพราะนี่ก็หมายความว่าเย็นนี้และตลอดไปจนถึงทั้งคืนนี้พวกเราสามคนจะได้บ้านหลังนี้เป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว และเราก็จะได้ไม่ต้องกังวลถึงสายตาและความเข้มงวดของพ่อและแม่ของคริสอีกด้วย

“แล้วไง............” ผมถามทั้งสองคนหลังจากที่เรากลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้งแล้ว

คริสกับยุหันไปมองหน้ากันงงๆ ก่อนที่ไอ้ยุจะหันมาหาผม “แล้วไงอะไรวะ”

“อ๊าวว อะไรของพวกมึงว้าาา! พ่อแม่มึงก็อุตส่าห์ไม่อยู่นะเว้ย ไอ้คริส มึงไม่มีแบบว่า แผนเผินจะทำอะไรเลยเหรอวะ โอกาสอย่างนี้หาไม่ได้บ่อยๆนะเว้ย”

เมื่อผมพูดจบ ไอ้คริสก็ดูอึ้งๆไปพักหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา

“อะไรวะ มึงขำอะไรของมึงอ่ะ” ผมงง

ไอ้ยุเองก็ยังหัวเราะเบาๆไปกับไอ้คริสด้วย “งั้นกูถามมึงหน่อยว่ามึงอยากทำอะไรวะ ไอ้เคน”

“อ่า เอ่ออ กูก็ม่ายรู้ว่ะ” ผมเกาหัวเบาๆ

“พ่อแม่กูอ่ะ เค้าออกไปข้างนอกบ่อยจะตาย ปกติในเจ็ดวันกูอาจต้องนอนคนเดียวอย่างน้อยๆก็คืนนึงอยู่แล้วว่ะ ไอ้เคน จริงๆแล้วนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกรึเรื่องหายากอะไรสำหรับกูเลยเว้ย”

“อ้าว” ผมแปลกใจ “และนี่อย่าบอกนะว่ามึงก็รู้อยู่แล้วด้วยเหมือนกันอ่ะ ไอ้ยุ”

ไอ้ยุพยักหน้า “ก็เออดิ่ เพราะปกติกูก็คุยโทรศัพท์เป็นเพื่อนมันประจำอยู่แล้ว และอีกอย่าง เอาจริงๆเลยนะ ไอ้เคน คืนนี้มึงอยากจะทำอะไรกันแน่วะ เพราะกูอ่ะรู้สึกว่าเดี๋ยวไม่เกินสามทุ่มมึงก็คงจะหลับแล้วเหมือนเดิมอ่ะ ไอ้แป้นเอ๊ยย”

“เออๆๆ กูมันโง่เอง สาดดด ก็ใครมันจะไปรู้ใจกันขนาดนั้นเหมือนมึงสองคนล่ะวะ แม่งงง ใช่เซ้ ยังไงๆกูมันก็ฟังภาษาอังกฤษไม่ออกแถมยังขี้เซาและหน้าแป้นอีกด้วยนี่หว่า” ผมล้มตัวนอนตะแคงลงบนเตียงโดยหันหลังให้แก่พวกมันสองคน

พวกมันสองคนไม่มีใครพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงน้ำหนักของคนที่กระโดดขึ้นมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว และจากนั้นสิ่งที่ผมรู้สึกเป็นอย่างถัดมาก็คือ ผมถูกไอ้ยุที่ตัวใหญ่กว่ากดและล็อคตัวเอาไว้ และมีไอ้คริสเป็นคนจี้ตามส่วนต่างๆบนร่างกายของผมอย่างเมามัน

“เฮ้ยย!! ฮ่าๆๆๆๆๆ!! ไอ้เชี่ยคริส หยุด!! ไอ้สัตว์ยุ! มึงปล่ะๆๆปล่อยกู! ฮ่าๆๆๆๆๆ!!” ผมหัวเราะและดิ้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไร้ผล ทั้งสองคนช่วยกันจี้ จิ้ม หรือในกรณีของไอ้ยุ แม้แต่เป่า ตามส่วนต่างๆบนร่างกายของผมจนทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเป่าซอกคอ ซอกหู จิ้มหน้าอก รักแร้ จี้เอว หยิกขาอ่อน ลูบน่อง เกาฝ่าเท้า และแม้แต่ตรงขาหนีบ

“นี่ๆๆๆ! เป็นไง ไอ้ขี้งอน!” ไอ้ยุหัวเราะพลางใช้นิ้วจิ้มที่รักแร้ของผม

“โอ๊ยยย! ฮ่าๆๆๆๆๆ!! กู.... กูไม่ไหวแล้ว!! ฮ่าๆๆๆ พอๆๆ กูขะขะขอร้องงง!” ผมร้องไปหอบไปเพราะหายใจไม่ทัน

“มึงบอกพวกกูก่อนว่าคราวหลังมึงจะพูดแบบนั้นอีกมั๊ย ไอ้เคน!”

“ไม่พูดๆๆแล้ว! ไอ้ยุ กูไม่พูดแล้ว!” ผมดิ้นจนเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ

“ไหนมึงบอกดิ๊ว่ามึงรู้มั๊ยว่ามีใครรักมึงมั่ง” ไอ้คริสเลงยหน้าขึ้นมาถามผมจากตรงปลายเท้าของผม

“กูรู้ๆๆ! พวกมึงรักกู กูเองก็รักพวกมึงงง! รักเหี้ยๆๆๆเลย เพราะงั้น ฮ่าๆๆๆ! มึง...... มึงปล่อยกูเหอะนะ กูขอระร้องง!!”

เมื่อผมพูดจบทั้งสองคนก็หยุดบรรเลงฝีนิ้วของพวกมันลงทันที แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้ปล่อยแขนที่ล็อคผมเอาไว้ออกอยู่ดี แต่แค่นี้ผมก็รู้สึกขอบคุณพวกมันมากแบบสุดๆแล้ว เพราะตอนนี้ผมไม่มีเรี่ยวแรงเหลือที่จะขัดขืนหรือทำอะไรอีกต่อไปแล้วจริงๆ

ผมนอนเอนหัวพิงอยู่บนตัวของไอ้ยุแล้วหอบออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยอ่อน นอกจากน้ำตาที่ไหลปริ่มอยู่บนขอบตาของผมแล้ว สิ่งที่พวกมันคงไม่รู้และนึกไม่ถึงก็คือ ไอ้น้องชายของผมที่มันแข็งตุงดันกางเกงในภายใต้กางเกงยีนส์ของผมอยู่อีกด้วย

เมื่อเรี่ยวแรงของผมเริ่มกลับคืนมา ผมก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบเอาหมอนมากอดปิดที่อวัยวะส่วนนั้นเอาไว้ทันที จากนั้นผมก็หันไปมองพวกมันสองคน

“กูจะฟ้องไอ้หมีให้มันเอาพวกมึงคืน คอยดู”

ไอ้ยุหัวเราะชอบใจ “ไหนเมื่อกี๊มึงบอกว่ามึงรู้ว่าพวกกูรักมึงไง คนรักกันเค้าไม่เอาคืนกันแบบนี้นะเว้ย”

“ไม่รู้ ไอ้เหี้ย กูรักมึง แต่กูงอน สัส! แม่งเล่นรุมกู รุมเด็กลูกครึ่งตัวเล็กๆไม่มีทางสู้!”

ไอ้ยุหัวเราะ “โฮ้ยยย ปากดี ไอ้ห่าาา”

“คราวหลังมึงอย่าพูดแบบนั้นอีกรู้ป่าว ไอ้เคน” คริสพูดขึ้น “กูรู้ว่ามึงพูดเล่น แต่พวกกูก็ไม่สบายใจที่ได้ยินนะเว้ย”

ผมทำหน้างอ “เออๆ กูแค่ล้อเล่นเองอ่ะ สาด ต่อไปกูไม่พูดและ แม่งงง......... พูดเล่นแล้วแม่งเสือกซวยจริง”

“น่าเสียดายที่คนอื่นๆไม่ได้อยู่กับพวกเราว่ะ นึกๆแล้วกูอยากให้ปิดเทอมไวๆจังเลยวะเนี่ย พวกเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันแบบครบทุกคนจริงๆอีกสักที” ไอ้ยุหันมาเอนตัวนอนลงบนหมอนที่วางอยู่บนตักของผม

“ถ้าไอ้เจย์ไปได้ พรุ่งนี้เดี๋ยวเราก็ได้อยู่กันเกือบครบแล้วน่า เว้นก็แต่ไอ้ป๊อปกับไอ้ตี๋เท่านั้นเอง”

“เออ พูดถึงเรื่องนี้นะ คริส.......” ไอ้ยุพูดขึ้น “พวกมึงสองคนคิดว่าไอ้ป๊อปกับไอ้ตี๋มันเป็นอะไรกันป่าววะ”

ผมกับคริสหันมามองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนที่เราจะส่ายหัวกันออกมาทั้งคู่

“ม่ายยอ่ะ กูว่าคงไม่มั๊ง” ผมพูด “กูดูไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นเลยว่ะ ดูไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะไอ้ป๊อปอ่ะนะ”

“กูว่ามันเหมือนเพื่อนสนิทกันโคตรๆมากกว่าแฟนกันว่ะ ถ้ามันเป็นแฟนกันมันน่าจะมีแบบว่า แอบส่งสายตา หรือมีอะไรให้พวกเราได้ผิดสังเกตมากกว่านี้นะ” คริสพูดเสริม และคำพูดของเขามันก็ทำให้ผมอยากพูดออกไปเหลือเกินว่า ‘เหมือนกับที่มึงแอบมองไอ้ยุมันน่ะเหรอ’ แต่ก็ตัดสินใจที่จะเงียบเอาไว้ดีกว่า

“กูก็ว่างั้นว่ะ แต่ที่แน่ๆนะ กูกำลังเชียร์ไอ้นนท์กะไอ้นัทอยู่โคตรๆเลยว่ะเนี่ย” ไอ้ยุพูดพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ตกลงมันสองคนชอบกันจริงๆเหรอวะ กูก็มีสงสัยอยู่เหมือนกันนะ แต่กูก็คิดว่ามันอาจจะแค่สนิทกันเฉยๆเท่านั้นก็ได้มั๊ง” ไอ้คริสพูด

“กูว่ามันก็ยังคงสงสัยความรู้สึกตัวเองอยู่ทั้งคู่แหละว่ะ โดยเฉพาะไอ้นนท์อ่ะนะ....... แต่กูอยากให้มันเป็นแฟนกันจริงๆนะเว้ย กูว่าเวลามันอยู่ด้วยกันแล้วมันน่ารักดีออก ทำให้กูนึกถึงพ่อเล็กกับป๊าขึ้นมาเลยอ่ะ และที่สำคัญนะ พวกมึงคิดว่า ก่อนที่ไอ้นนท์มันจะย้ายมาอ่ะ พวกมึงเคยเห็นไอ้นัทมันดูมีความสุข อารมณ์ดี และพูดเก่งมากขึ้นขนาดนี้มาก่อนเหรอวะ”

“มันก็จริงของมึงแฮะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย “ก่อนหน้านี้กูก็ไม่ค่อยได้เห็นไอ้นัทมันพูดเก่งและยิ้มเก่งมากขนาดนี้จริงๆนั่นแหละ คือปกติมันก็ยิ้มบ่อยอยู่แล้วอ่ะนะ แต่เดี๋ยวนี้มันดูเปลี่ยนๆไปว่ะ ซึ่งกูว่าก็ดีนะ ดูมันมีความสุขมากขึ้นดีอ่ะ”

“ไม่รู้เรื่องพ่อกับแม่มันเป็นยังไงบ้างนะ” ไอ้คริสถาม

“มันก็ไม่ค่อยพูดกับกูเรื่องนี้ซะด้วยสิ.......” ไอ้ยุถอนหายใจเบาๆ “แต่ล่าสุดที่กูคุยกับมันมันก็บอกว่าทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ติดต่อมันเลยเหมือนเดิมนะ”

เราสามคนเงียบกันลงไปครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะทำท่าถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหัวเบาๆอย่างคนผิดหวัง “.......งี้อีเป้ก็อกหักสิวะเนี่ย”

“นี่พวกมึง กูจะบอกว่านี่ถ้าพวกมันเป็นแฟนกันจริงๆนะ กูพาพวกมึงไปเลี้ยงสุกี้จริงๆอ่ะ คอยดูเด่ะ กูสัญญาเลย” ไอ้ยุลุกขึ้นนั่งแล้วยิ้มกว้าง

“โหห อะไรมึงจะเชียร์เพื่อนขนาดนั้นวะ ไอ้ยุ” ผมหัวเราะ “เอาแต่เชียร์คนอื่นอ่ะมึงอ่ะ แล้วตัวมึงเองล่ะ เมื่อไหร่จะมีแฟนหรือตกลงปลงใจกะใครเค้าบ้าง”

คำพูดของผมทำให้ไอ้ยุสะอึกไปเล็กน้อย และผมก็เห็นว่ามันยังแอบเหลือบไปมองที่ไอ้คริสแว่บหนึ่งด้วย

แหม....... ก็อย่างที่ผมบอกล่ะนะว่าไอ้ความรักของเพื่อนรักแอบรักเพื่อนของบรรดาเพื่อนๆรอบกายผมนี่มันออกจะดูวุ่นวายน่าสับสนกันไปหมดจริงๆเล้ยยย เพราะงั้นเอาเป็นว่าผมเชียร์พวกมันทุกคู่ทุกคนเลยก็แล้วกัน แต่หวังก็แค่ว่าความเป็นเพื่อนของพวกเรามันจะไม่พังไปเพราะไอ้ความรักวุ่นๆแบบนี้ด้วยเท่านั้นก็พอแล้วล่ะนะ

แต่ก่อนอื่น....... ผมคงต้องเชียร์และหวังว่าความรักของผมกับปูจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากผมโทรกลับไปง้อเขาคืนนี้ก่อนล่ะนะ เพราะไม่งั้นแล้วล่ะก็ วันพรุ่งนี้ทั้งวันผมคงเซ็งจนหมดทั้งอารมณ์เชียร์ใครและอารมณ์ไปเดินช็อปปิ้งกับพวกมันด้วยแน่ๆ


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
หลังตอนของเคนแล้วจะเปิดโหวต"อย่างเป็นทางการ"นะครับ
และจะปิดโหวตเมื่อจบตอน b ของคู่ป๊อปกับตี๋เล็ก น่าจะอีกสามสี่ตอนน่ะครับ
รออีกหน่อยเนอะ ^^"

ตอนนี้ขอกดบวกให้ทุกคนก่อนค้าบบ
ขอบคุณมากๆนะคับ


ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
โหวต นนท์โจ ค้าบบบบ

มาเพิ่มเติมเหตุผล เพราะระหว่างนัทและนนท์ดูเป็นเพื่อนกันมากกว่า เหมาะกับการเป็นเพื่อนที่จะดูแลกัน
ส่วนโจ ดูเป็นคนน่าค้นหา ชอบแบบนี้มากกว่า ....... :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2009 09:15:00 โดย nopkar »

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
รู้สึกเหมือน เคน อะ เชียร์ทุกคนทุกคู่ (แต่มันลงตัวครบคู่มั้ยเนี่ย  :m28:)

อะๆๆ ยกเว้นคู่ นัทกะนนท์ นะ 

เพราะว่า มันต้อง โจกะนนท์ ต่างหาก    :m4:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
อืมมหลายคู่มากมาย ก็คงต้องมีสมหวังผิดหวังกันไปบ้าง

three

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด