มาต่อแล้วจ่ะ
ตอนที่ 42 คำสาบานในใจ
มันเริ่มจากน้ำตาที่ค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ จนผมหายใจไม่ออก
แล้วสติผมก็หมดไปแค่ตรงนั้น...ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
ผมวิ่งเข้าไปหาคนที่นอนกองกับพื้นด้วยความตกใจ
"ไอ้ธัณ"ผมเรียกชื่อมันแล้วเขย่าตัวมัน
แต่มันนอนนิ่งเหมือนเดิม ผมลองตบหน้ามันให้มันได้สติ แต่ก็ไร้ผล
"ไอ้ธัณ พูดกับกูหน่อยสิ!!!!" ผมตะคอกเสียงดัง แล้วเขย่ามันแรงขึ้น
มันก็ยังคงนอนนิ่ง นิ่งเสียจนน่ากลัว...
ผมช้อนตัวมันขึ้นพาดไหล่ ซึ่งนับว่าทุลักทุเลพอควรเพราะสูงต่างกันไม่มาก ยังโชคดีที่มันตัวเบา แล้วก็วิ่งไปที่รถผม
หมอเดินออกมาจากห้องไอซียู
ผมลุกขึ้นยืนหลังจากที่นั่งเฝ้าหน้าห้องนานสองสามชั่วโมง
"เป็นยังไงบ้างครับ?"ผมถามเสียงเบา
หมอส่ายหน้าช้าๆ แล้วพูดว่า
"ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงเลยครับ ผู้ป่วยมีร่างกายที่อ่อนแอมากๆ น่าจะเกิดจากการทำร้ายตัวเองทางอ้อมไม่ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ซึ่งถ้าหากเกิดกับคนปกติที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ก็คงจะไม่เป็นไรมาก แต่..."
ผมรู้สึกเหมือนหัวผมขาวโพลนทันควัน
"ประกอบกับสภาวะทางจิตใจที่ดูจะตกต่ำมากติดกันเป็นเวลานาน เลยยิ่งส่งเสริมให้เจ้าตัวทำร้ายตัวเองได้หนักขึ้นไปอีก ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงมาก และผลที่ได้จากการตรวจกระเพาะ พบว่าผู้ป่วยไม่ได้ทานอะไรมามากกว่าสองสามวันแล้ว"
"อัตราการเต้นของหัวใจต่ำลงมาก ผู้ป่วยหายใจเบา ตอนนี้หมอก็ใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ นั่นจะช่วยได้มากทีเดียว แต่ที่เหลือก็อาจจะต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัว..."
"ไม่จริงน่ะ มันหนักหนาขนาดนั้นเลยหรอครับ" ผมถามทวนอีกครั้งทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร
"หมอเสียใจด้วยนะ แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีโอกาสเลยเสียทีเดียว ขอให้เอ่อ คุณใจเย็นๆก่อนนะ"
แล้วหมอก็เดินจากผมไป ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวหน้าประตูห้องไอซียู
ผมรู้สึกตัวเองเป็นแค่ไอ้โง่ไร้ประโยชน์ตัวหนึ่ง ที่ทำอะไรไม่ได้เลย
ยังไม่พอยังทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิมอีก
แม้จะรู้ว่าส่วนหนึ่งมันก็ผิด แต่ผมผิดยิ่งกว่าที่เอามันมาเป็นข้ออ้างในการทำตัวงี่เง่า
ผมทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ผมจำได้ว่าเคยทำแบบนี้มาแล้วหนนึง ที่ไอ้ธัณมันเป็นหนักๆ เหมือนจะเมื่อไม่นานมานี้ด้วย
ทั้งๆที่คิดว่าไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกแท้ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องมาเป็นแบบนี้
ผมคงได้อ้อนวอนพระเจ้าอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าท่านจะยอมฟังคำขอของคนเขลาคนนี้มั้ย
ผมเห็นทุ่งหญ้ากว้างกับท้องฟ้าใส ดูไม่มีที่สิ้นสุด
หากแต่ว่ามันเป็นสีขาวดำทั้งหมด
ผมก้มลงดูมือผมเอง มันเป็นสีขาวเทา เหมือนกับภาพขาวดำเวลาทีวีเสียแล้วสีไม่ออก
หันไปซ้ายขวาก็ไม่มีใคร
ผมเดินไปเรื่อยๆ สงสัยว่ามันจะมีอะไรแปลกไปจากนี้มั้ย
ผมเดินมาหยุดที่บ้านหลังหนึ่งที่เหมือนไม่มีคนอยู่
ลองเปิดประตูเข้าไปก็ปรากฎว่าไม่ได้ลอคกลอน
ผมเดินเข้าไป บ้านมืดสนิท ผมลองคลำดูหาสวิทช์ไฟ ก็เจอแล้วเปิดออก
เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่เหมือนจะมีคนอยู่สองคน แต่ไม่มีร่องรอยใครเลย
ผมเดินเข้าไปในห้อง ที่นี่มีห้องครัวในตัวเอง มีโซฟาคุ้นตาตั้งอยู่ กับโต๊ะกินข้าวที่คุ้นพอกัน
ผมเดินไปในห้องอีกห้อง มันมีห้องนอนที่ผมรู้สึกคุ้นเคยมากๆ ห้องนี้มีห้องน้ำในตัวด้วย
นี่มันเหมือนคอนโดผมเลย...
ผมได้ยินเสียงคนเปิดประตู ผมหันไปด้วยความตกใจ แล้วก็ตกใจยิ่งกว่ากับคนที่เดินเข้ามา
ไอพาเดินเข้ามา หน้าตามันโทรมมาก เหมือนกับไม่ได้หลับมาหลายวัน ขอบตาดำคล้ำ ช้ำน้อยๆ
เหมือนกับมันร้องไห้มา หลายวันพอๆกับที่ไม่ได้นอน
มันเดินเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง ผมเอื้อมมือไปจะจับทักมัน
แต่มือผมทะลุผ่านไป
ผมตกใจมากๆ แล้วรีบชักมือกลับ
"พา..."
ผมเรียกเสียงเบา
อีกฝ่ายนิ่งเฉย
"ไอ้พา!!!" ผมเรียกเสียงดังขึ้นกว่าเดิมมาก แต่มันก็ยังไม่ตอบ
ผมตรงเข้าไปหวังจะผลักให้มันรู้สึก แต่ผลที่ได้คือ มือผมก็ยังคงทะลุผ่านเข้าไปในตัวมัน
ไม่จริง....
นี่กู....ตายแล้ว.....
น้ำตาไหลออกมาเป็นสายระลอกใหญ่ ผมไม่สนใจจะกลั้นมันไว้อีกแล้ว
"พา มึงพูดกับกูสิ มึงพูดกับกู!!!!" ผมตะโกนเรียกอีกรอบ
ไอพาเงยหน้าเหมือนจะได้ยิน แต่แววตาเลื่อนลอยบอกให้ผมรู้ว่าไม่ใช่
"ได้โปรดไอพา พูดสิ อะไรก็ได้ จะด่ากูจะแช่งกูขุดโคตรก็ได้ จะทำอะไรก็ได้!!!!"
มันหลุบตาลง ไปจ้องที่พื้น ใจผมแทบจะสลายอยู่ตรงนั้น
จู่ๆมันก็ชักเอามีดคัตเตอร์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะปักลงไปที่ข้อมือตัวเองทั้งอย่างงั้น!
มันไม่ได้กรีดเพื่อประชดชีวิต แต่มันตั้งใจจะตาย
"ไอ้พา!!! หยุดนะเว้ยย!!!!" ผมกรีดร้องเสียงหลงถลาเข้าไปจะจับมือมันห้าม
แต่ก็ไร้ผล มือผมก็ยังทะลุผ่านมันไปเหมือนเดิม
มันแทงซ้ำที่แผลเก่า ครั้งแล้วครั้งเล่า ผมพยายามจะห้ามมัน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะพยายามเท่าไหร่มือผมก็ไม่ต่างอะไรกับอากาศลอยผ่านไป
ผมได้ยินมันพึมพำกับตัวเองเบาๆ
"กูมันไร้ค่า ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม..."
"รอก่อนนะไอธัณ กูจะตามมึงไปโลกโน้นเดี๋ยวนี้แหละ...."
"ไม่ มึง มันต้องไม่ใช่แบบนี้!!!!"
ผมตะโกนร้องห้ามมัน แต่มันก็ไม่สน เหมือนกับไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด...
สุดท้าย มันก็ล้มลงไปตรงหน้าผม นอนหลับตาไม่ได้สติ แน่นิ่งอยู่อย่างงั้น...
ผมทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ ร้องไห้จนแทบจะให้ขาดใจตายไปได้อีกรอบ
ไม่อยากให้จบแบบนี้
ผมมันบ้าที่ทำอะไรแบบนั้นลงไป
ผมไม่เคยที่จะคิดถึงหัวอกไอพามันเลย
ผมมันเลว ผมมันเห็นแก่ตัว
คราวนี้ผมจะไม่หนีอีกแล้ว ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง ได้โปรด
ผมอ้อนวอนกับความว่างเปล่า ที่รู้แก่ใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ก็ยังทำแบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วทุกอย่างก็มืดลง ผมเข้าสู่สภาวะไม่รับรู้อะไรอีกครั้ง
มือที่ผมจับตลอดหลายคืนกระดิกนิดๆ ผมตกใจสะดุ้งตื่นเพราะมัน
ผมเงยหน้ามองคนที่หลับอยู่
"ธัณ?..."
มันลืมตานิดๆ ช้าๆก่อนจะเหลือบตามาทางผม
"พา?"
"นอนไปเหอะ อย่าเพิ่งพูด"ผมปรามเสียงอ่อน เมื่อเห็นท่าทางมันพยายามจะลุกขึ้นมาพูด
มันมองผมตาปรอย แล้วยิ้มอ่อนแรงให้ ก่อนจะหลับตาลงไปอีกรอบ
ผมได้ยินเสียงประตูเปิด หันไปก็เจอคุณหมอเจ้าของไข้เดินเข้ามา
"หมอมาตรวจอาการผู้ป่วย เขาเป็นยังไงบ้างแล้ว"
"เมื่อกี้เค้าลืมตานิดนึง"
"ดีแล้ว นับเป็นสัญญาณที่ดี คิดว่าอาการของเพื่อนคุณน่าจะดีขึ้น"
ผมได้ยินจากหมอแบบนั้นแล้วก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาก อาการไอธัณคงไม่ได้หนักมากเท่าที่คิด
ผมเดินออกมานอกห้องเพื่อจะไปเดินเล่นที่ระเบียง
ผมมองออกไป ตอนนี้เริ่มจะสว่างแล้ว ลมเย็นพัดมาปะทะใบหน้าผม รู้สึกเย็นสบายและตัวเบาเยอะ
ตลอดอาทิตย์ที่ผมนอนเฝ้าไอธัณมัน ใจผมไม่เคยสงบเลย รู้สึกกลัวมากกว่าตอนที่เจอคราวก่อนมาก เพราะคราวนี้มันเล่นสลบไสลไปหลายวันมาก และที่สำคัญคือมีช่วงที่หัวใจหยุดเต้นไปอีกแล้วด้วย
คืนก่อนวันเกิดของผมนั่นแหละ
เพราะไอธัณเข้าห้องไอซียูตอนราวๆสักสามทุ่ม หลังจากนั้นมันก็นอนอยู่ในอาการร่อแร่จนราวๆห้าทุ่ม
จู่ๆมันก็อาละวาดอย่างไม่มีสาเหตุ พยาบาลหลายคนต้องรีบมาจัดการให้มันอยู่นิ่งๆ มันไม่ได้ตื่น มันอาละวาดทั้งที่ยังหลับอยู่นั่นแหละ
ปากก็ร้องโหยหวนอะไรไม่รู้ จับเป็นคำพูดไม่ได้
แต่ฟังแล้วคล้ายเสียงคนกำลังร้องไห้....
แล้วจู่ๆมันก็แน่นิ่งไป พร้อมกับเสียงเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ตี้ดดดดดดดดด.........
ผมก็เหมือนจะขาดใจตายตรงนั้น อยากจะพังประตูเข้าไปหามัน แต่ก็ทำไม่ได้
บรรดาหมอๆรีบลนลานเอาเครื่องปั้มหัวใจมากระตุ้นหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ
ผมเอามือทุบประตูเหล็กที่ป้องกันห้องพิเศษไอธัณมันเอาไว้
คราวนี้ผมไม่ได้ขอพระเจ้าให้ช่วยสร้างปาฏิหาริย์
แต่แค่ขอให้เพื่อนคนนี้ที่ทำให้ผมได้รู้ว่าวันเกิดมีค่า ต้องมาทำให้ผมจดจำว่ากลายเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดเลย...
ตี้ดๆ ตี้ดๆ
ผมก้มลงดูนาฬิกา
00.00น.
ตี้ด...ตี้ด....ตี้ด.....
"หมอครับคนไข้หัวใจเต้นแล้วครับ!!!!!"
ผมเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงตะโกนที่ลอดออกมาเบาๆ แล้วมองเข้าไปข้างใน
น้ำตาผมไหลออกมาช้าๆ ด้วยความดีใจ....
ขอบคุณครับ ที่ยังไม่ทอดทิ้งคนเลวๆอย่างผม
เสียงมือถือผมดังขึ้น ดึงให้ผมกลับมาจากห้วงความคิด
"ฮัลโหล นี่พาพูดครับ"
"พาหรอ"
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ผมตาโตด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
"ยังจำเราได้มั้ย?"
to be continue
ไม่รู้ว่าใครโทรมาหาไอพา มันแต่งอ่ะ....
มาเฉลยคำตอบ เมื่อวานได้นอนครับผม....
ประมาณ ตีสาม เห็นจะได้

ไปทำงาน ตาโหลเลยครับ เมื่อยด้วย เหอะๆ
ไปละจ้าไว้เจอกันอีกที