บทที่ 20 วันสุดท้าย ปลายเดือนมกราคม ลมหนาวพัดมาเป็นระลอก ภูเขา รอบๆโรงเรียนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกยามเช้า แม้จะเลยมาถึงตอนเที่ยง ก็ยังเห็นหมอกอยู่บ้างบางตา
ในห้องเรียน เมื่อมีเวลาว่าง เราก็จะนั่งเขียน friendship กัน ซึ่งผมก็มีเหมือนกัน ซื้อมาวันแรก ก็เอาไปให้ไอ้ปิงเขียนคนแรกเลย แต่พอมันเอามาคืน ผมเปิดอ่าน ก็เห็นมันเขียนที่หน้าสุดท้ายเลยว่า “หน้านี้จอง” สรุปก็คือมันยังไม่เขียนให้ผม แต่มันบอกว่าจะเขียนให้ผมเป็นคนสุดท้าย ที่หน้าสุดท้ายของสมุด friendship
ส่วนของมันนั้นไม่มีสมุด friendship แต่มันแจกกระดาษ A4 ป่าวๆให้เพื่อนๆเขียนแทน มันบอกว่า จะเอาไปเย็บเล่มเอง ผมคิดในใจ แบบนี้ก็เท่ห์ดีเหมือนกัน
เย็นวันหนึ่งหลังกินข้าว เราก็ซื้อขนมเพื่อที่จะไปนั่งกินที่ศาลาริมน้ำเช่นเคย แต่วันนี้มีคนมานั่งแล้ว เราก็เลยเปลี่ยนที่ใหม่ ไปนั่งกินที่หน้าหอสมุดแทน
สรุปแล้วพ่อมึงให้มึงไปเรียนต่อไหนว่ะ มันพูดไปเคี้ยวขนมไป
พ่อกูให้ไปสอบหลายที่ว่ะ แต่ที่แรกเลย สาธิตเกษตรกำแพงแสน และก็สาธิตศิลปากร ต่อจากนั้นกูก็ไม่รู้ แล้วแต่พ่อกู ผมบอกมัน
อืม โรงเรียนเก่งๆทั้งนั้นเลย มึงสอบติดอยู่แล้ว มันยักคิ้วให้ผมหนึ่งที
แล้วมึงล่ะ ว่าไง ผมถามมันด้วยสีหน้าที่ซีเรียส
ยังไม่รู้เลยว่ะ คงเป็นแถวๆบ้านกูมั้ง มันหมายถึงโรงเรียนประจำอำเภอแถวบ้านมัน
เอางี้มั้ย กูจะขอพ่อกูเรียนโรงเรียนประจำจังหวัด มึงก็มาเรียนด้วยกันกับกูสิ ผมออกความเห็น
คงไม่ได้ว่ะ กูไม่มีบ้านอยู่ในตัวเมือง และแม่กูคงไม่ยอมให้กูอยู่หอแน่ๆ เค้ากลัวกูเสียคน มันพูดแบบหมดหวัง
แต่กูอยากเรียนที่เดียวกับมึงจีงๆนะ ผมบอกมันด้วยสีหน้าเศร้า
แต่ก็ช่างเถอะ ยังไม่ถึงเวลา ไว้ไงกูจะลองไปขอแม่กูดู เผื่อฟลุ๊ค กูกับมึงจะได้เรียนที่เดียวกันอีก อย่าคิดมาก ไอ้เตี้ย มันพูดแบบขำๆแต่ผมก็รู้สึกได้ว่า ในใจมันไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูดเลย
พอกลับมาถึงที่หอ ผมก็เห็นพวกไอ้เอกนั่งอยู่ในห้องอ่านหนังสือ พอมันเห็นพวกผมสองคนมันก็กวักมือเรียก พวกผมก็เดินเข้าไปหามัน
มีไรว่ะ ผมถามมัน
ป่าว ก็แค่เรียกมานั่งคุยกันเฉยๆ ไอ้เอกพูด
แล้วพวกมึงคุยเรื่องอะไรกันอยู่อ่ะ ผมถามมันเพื่อผมจะได้ร่วมแจมด้วย
เรื่อง ต่อ ม.4 อ่ะ แล้วพวกมึงสองคนเอาไงเนี่ย ไอ้แชมป์พูด
ไม่รู้ว่ะ แล้วแต่แม่กู ไอ้ปิงบอก
กูก้อแล้วแต่พ่อกูว่ะ แต่ไม่ต่อที่นี่แน่ๆ ผมพูดพร้อมกับส่ายหัว
กูจะเรียนเทคนิคว่ะ อยากเรียนช่างยนต์ ไอ้เอกบอก
กูต้องต่อที่นี่ว่ะ แม่กูไม่ให้ย้าย เกรดกูก้อดันถึงพอดีอีก เซ็งชิป ไอ้แชมป์มันพูดแบบบ่นๆ เพราะมันไม่อยากต่อที่นี่ โรงเรียนประจำกฎมันเยอะ ใครๆก็เบื่อ
แล้วมึงล่ะ ไอ้ท๊อป ผมถามมัน
กูต้องย้ายไปสุราษฎร์ว่ะ พ่อแม่กูเลิกกัน กูต้องตามแม่กูไปอยู่ที่นั่น ไอ้ท๊อปนี่ก็น่าสงสารมันมากๆ เพราะพ่อมันมีเมียใหม่ และแม่มันก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ผมก็อดที่จะเป็นห่วงเพื่อนของผมคนนี้ไม่ได้
ซึ่งสรุปแล้วในกลุ่มของพวกผมก็มีไอ้แชมป์คนเดียวที่เรียนต่อที่นี่ นอกนั้นก็ตกลงจะย้ายไปเรียนที่อื่น ความจริงแล้ว ไอ้พวกนี้เกรดไม่ถึงกันซักกะคน ยังไงก็ต้องย้ายโรงเรียนกันอยู่ดี เหอะๆๆๆ
และเทศกาลสอบครั้งสุดท้ายของพวกเราก็ใกล้เข้ามาถึง ผมลากไอ้ปิงมาอ่านหนังสือเป็นเพื่อนทุกวัน แม้มันจะไม่เต็มใจก็ตาม ก้อมีบ้างที่มันแอบหลับคาหนังสือ แต่ผมก็ปล่อยมัน เพราะเข้าใจธรรมชาติของมันว่าอ่านหนังสือไม่ได้นาน แต่ก็ดีใจ ที่อย่างน้อยมันก็มานั่งเป็นเพื่อนผมข้างๆ ทำให้ผมมีกำลังใจอ่านหนังสือขึ้นเยอะ
มึง ไปนอนกัน กูอ่านจบแล้ว ผมสะกิดให้มันตื่น
อืม มันสะลืมสะลือขึ้นมา เอามือปาดน้ำลายที่แก้ม แล้วหันมายิ้มให้ผมหนึ่งที
อ่านจบแล้วเหรอ กี่ทุ่มละเนี่ย มันถามผม
เที่ยงคืนพอดี ทำไม มึงจะอ่านต่อเหรอ ผมแซวมัน
มันทำตาถลน แล้วพูดแบบไม่มีเสียงว่า K ว ย ใส่หน้าผมหนึ่งที แล้วมันก็ลากคอผมเข้าไปในหอนอน
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย พวกเราทุกคนค่อนข้างจะสบายๆ ไม่ค่อยเครียด เพราะสอบแค่สามตัว และหลังจากสอบเสร็จ ก็จะมีพิธี ปัจฉิมนิเทศ ซึ่ง พอเราสอบเสร็จ ก็ได้ไปเข้าร่วมพิธีที่หอประชุม
ในช่วงแรก อาจารย์ได้พูดในเชิงวิชาการ เกี่ยวกับการแนะแนวในการเรียนต่อ ซึ่งพวกเราทุกคนก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี ต่อจากนั้นก็มีการแสดงเล็กๆน้อยๆจาก พี่ๆน้องๆชั้นอื่นๆ และหลังจากนั้นก็เข้าสู่พิธี ผูกข้อมือโดยอาจารย์จะเป็นคนผูกให้ และก็คอยอวยพรให้เราต่างๆนาๆ บรรยากาศในตอนนั้นค่อนข้างเศร้านิดนึง เพราะความผูกพันของเรานั้นไม่เหมือนกับเด็กนักเรียนโรงเรียนไปกลับ เราอยู่ที่นี่ กินนอนด้วยกันทุกวัน ดังนั้นมันก็ไม่แปลกอะไรที่ทุกๆคนจะหลั่งน้ำตาออกมา รวมทั้งตัวผมด้วย
หลังจากนั้นก็จะเป็นการเปิดใจ ซึ่งอาจารย์ได้ให้เราแยกชั้นเรียน แล้วเข้าไปอยู่ในห้อง ห้องใคร ห้องมัน ซึ่งตอนนี้พวกเราสามทับหนึ่ง ก็ได้เข้ามาอยู่รวมกันในห้องเรียน และพร้อมที่จะเปืดใจซึ่งกันและกัน โดยมีเฉพาะนักเรียน และอาจารย์คอยอยู่ด้านนอก
เราเริ่มพูดทีละคน เรียงตามเลขที่ บางคนก็พูดถึงความประทับใจ บางคนก็สารภาพผิด บางคนก็ขอโทษซึ่งกันและกัน ทำเอาบ่อน้ำตาแตกกันไปหลายคน จนมาถึงผม ตอนนั้นผมออกไปยืนหน้าห้อง กวาดสายตามองไปรอบๆห้อง ทุกๆคนจ้องมาที่ผม รวมทั้งไอ้ปิงด้วย ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วผมก็พูดออกมาว่า
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่เข้าใจในสิ่งที่กูเป็น ขอบคุณที่ไม่รังเกียจ หรือ ล้อเลียน กูแม้แต่ครั้งเดียว ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่รักกู และสุดท้าย ไอ้ปิง กูไม่เคยพูดคำนี้ให้มึงฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่มึงคงรู้ว่ากูรู้สึกยังไง ผมเงียบไปสักพัก แล้วมองไปที่ไอ้ปิง แล้วพูดว่า
กูรักมึงนะ พูดจบน้ำตาผมก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับเสียงโห่ วี้ดวิ้วของเพื่อนๆ ตัวผมเองก็อ้าย อาย ไม่เคยบอกรักใครต่อหน้าผู้คนมากมายอย่างนี้มาก่อนเลย แต่นี่ไหนๆเราก็จะเรียนจบแล้ว และทุกๆคนก็รับรู้ด้วยว่าเรารู้สึกยังไงกัน ก็ขอซะหน่อยนะครับ เหอะๆๆ
พอถึงตาไอ้ปิงพูด ผมก็ลุ้นจนตัวสั่นว่ามันจะพูดว่าอะไร มันออกไปยืนหน้าห้อง พร้อมกับเสียงแซวตามหลังจากเพื่อนๆ เป็นระลอก และมันก็พูดว่า
ขอบคุณพวกมึงทุกคนที่เป็นเพื่อนที่ดีตลอดมา กูสัญญาว่าจะไม่ลืมพวกมึงทุกคน และสุดท้าย พูดเสร็จมันหันหน้ามาทางผม และก็ชี้หน้าผมและก็พูดว่า
ไอ้เตี้ย มึงทำกูเขิน กลับหอเจอหนักแน่ แล้วมันก็เดินมานั่งข้างผม ตบหัวผมเบาๆหนึ่งที เพื่อนๆก็โห่ กันใหญ่ โห่หยั่งกะ ตอนยกขันหมากมาสู่ขอแน่ะ เหอะๆๆ
วันนั้นเราทุกคนก็มีความสุขครับ สนุกสนาน ปนเศร้านิดๆ แต่เราทุกคนก็เข้าใจ และยอมรับในเรื่องนี้ว่า มีพบก็ต้องมีจาก มีเริ่ม ก็ต้องมีจบ ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีวันเลิกรา แต่คำว่าเพื่อนก็จะอยู่ในใจของพวกเราทุกคนเสมอไป
คืนนั้นกลับมาที่หอ เราสองคนก็ไปอาบน้ำกันครับ วันนั้นเราสองคนต่างก็ช่วยกันสระผมให้กันและกัน ตอนอาบน้ำ ผมก็ช่วยเอาสบู่ถูหลังให้มันด้วย พอล้างตัวเสร็จ ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัว แต่มันกลับดึงมือผมไป และเอาไปไว้ที่แก้มมัน ทำตาเศร้าๆ จ้องมาที่หน้าผม แล้วก็ดึงผมไปกอด ตอนนั้นมันกอดผมแน่นมาก ผมก็งง ว่ามันจะมาอารมณ์ไหนกันนี่ แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรมัน เพราะรู้สึกดีมากกว่าที่มันทำแบบนี้ เราสองคนก็ยืนกอดกันแบบนั้นสักพัก แล้วมันก็ปล่อยผม ยิ้มให้ผมหนึ่งที แล้ว เราก็เช็ดตัวแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวนอน
วันต่อมา พวกเราก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ตอนนี้เรียนจบแล้ว รออีกแค่ไม่กี่วัน เพื่อที่จะรอรับใบประกาศนียบัตร โดยวันนี้พวกเราว่าง ยังไม่ต้องทำอะไร อาจารย์หอเลยพาเราไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติแถวๆโรงเรียน ซึ่งเป็นน้ำตก พวกเราต่างก็ดีใจที่ได้ไปเที่ยวเดียวกัน ก่อนที่เราจะต้องแยกย้ายกันไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
พวกผมปล่อยให้เพื่อนๆเล่นน้ำกันไป ส่วนผมกับไอ้ปิงเดินเลี่ยงออกมากันสองคน เราเดินคุยกันเรื่อยเปื่อย จนมาถึงที่สะพานแขวน กลางแม่น้ำ ไอ้ปิงหยุดเดินที่กลางสะพาน แล้วหันมาหาผม ที่เดินตามมันมา แล้วมันก็พูดว่า
เตี้ย ถ้ามึงกะกูเรียนคนละโรงเรียนกัน มึงจะคิดถึงกูมั้ย ก็ต้องคิดถึงสิ แล้วกูจะโทรหามึงบ่อยๆก็แล้วกัน แล้วมึงละ มันไม่ตอบ มันเพียงแต่ยิ้ม แล้วพยักหน้า แล้วมันก็ถามผมอีกว่า
ถ้ามึงไปเรียนที่จังหวัดอื่น เราจะได้เจอกันอีกมั้ยอ่ะ ได้เจอสิ ไงแม่กูก็อยู่ที่นี่ ถ้าวันไหนกูกลับมา กูจะโทรบอกมึงล่วงหน้าละกัน จะได้นัดเจอกัน ดีมั้ย ผมบอกให้มันสบายใจ
ถ้าวันหนึ่ง เราเลิกติดต่อกัน มึงจะยังรู้สึกแบบนี้กับกูอยู่มั้ย มันถามคำถามนี้ด้วยสีหน้าจริงจัง และผมก็แปลกใจมากที่มันถามคำถามนี้กับผม
ทำไมถามแบบนั้นล่ะ ยังไงกูก็จะโทรหามึงเรื่อยๆอยู่แล้ว แต่ถ้าสักวันหนึ่งเราเราติดต่อกันไม่ได้จริงๆ ยังไงกูก็จะยังรักมึงแบบนี้ตลอดไป สบายใจได้ ผมพูดพร้อมกับเอามือไปไปแตะที่หลังมัน
ไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆเหอะ เดี๋ยวก้อไม่ได้ทำไรแบบนี้ด้วยกันแล้ว จู่ๆมันก็เปลี่ยนเรื่อง แล้วเดินไปเฉยเลย แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะรู้อยู่ว่ามันกำลังคิดอะไร
ทุกคืนในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ ไม่มีวันไหนเลย ที่เราจะไม่นอนกอดกัน ตัวเราแทบจะไม่ได้อยู่ห่างกันเลย เพราะเราต่างคนต่างก็รู้ดีว่า เราสองคนอาจจะไม่ได้นอนกอดกันแบบนี้อีกแล้ว ไม่ได้อยู่ใกล้ๆกัน ไม่ได้ร้องเพลงดีดกีต้าร์ด้วยกัน อย่างที่เราเคยทำและมีความสุขร่วมกันเหมือนวันก่อนๆ ดังนั้นเราจึงต้องเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ให้นานและคุ้มค่าที่สุด เท่าที่เด็กอย่างเราสองคนจะทำได้
เย็นวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย พรุ่งนี้จะเป็นวันรับใบประกาศของพวกเรา และโรงเรียนจะปิดในวันพรุ่งนี้ ไอ้ปิงชวนผมไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ ที่ประจำของเรา และวันนี้เราก็โชคดี ที่ยังไม่มีใครมาแย่งที่ของพวกเราเสียก่อน
อ่ะ นี่ Friendship เขียนให้เสร็จแล้วนะ แต่ต้องสัญญาก่อน ว่าจะไม่เปิดอ่าน จนกว่าจะกลับไปถึงบ้าน มันกำชับผม
ได้ สัญญา ว่าจะไม่แอบอ่านก่อน แล้วที่กูเขียนให้อ่ะ ก็อย่าแอบอ่านก่อนนะ เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น ผมพูดแล้วก้อหัวเราะ
อยากฟังเพลงอะไร เดี๋ยวเล่นให้ฟัง มันถามผม
อืม เพลงอะไรก็ได้ ที่มึงอยากเล่นให้กูฟัง ผมย้อนมันกลับไป
งั้นเพลงนี้ละกัน ว่าแล้วมันก็เริ่มอินโทรเพลง ผมก็ยิ้มขึ้นมาทันที เพราะเพลงนี้เป็นเพลงแรกที่มันเคยเล่นให้ผมฟัง เพลงก่อน ของโมเดิร์นด๊อกนั่นเอง
พอเล่นจบ มันก็ถามผมว่า
ชอบมั้ย มันพูด พร้อมกับทำตาโต แล้วยิ้มที่มุมปาก
ไม่ชอบหรอก ผมพูด มันทำหน้าฉงนทันที
แต่กูรักเพลงนี้เลยแหละ ผมพูดแล้วหันไปมองหน้ามัน
สัญญานะ ว่าจะไม่ลืมกัน จู่ๆมันก็พูดคำนี้ขึ้นมา
กูสัญญา และเราก็เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวกัน
ท้องฟ้าเริ่มมืด เราสองคนเดินหันหลังให้กับศาลาริมน้ำ ก่อนที่จะเดินพ้นริมบึง เราหันกลับไปมองมันอีกครั้ง ผมถอนหายใจ และเราก็ค่อยๆเดินกลับหอ เก็บเกี่ยวบรรยากาศรอบๆโรงเรียนให้ได้มากที่สุด เพราะพรุ่งนี้ เวลานี้ เราจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว
คืนนี้ ที่หอทำพิธีผูกข้อมือ โดยให้น้องๆมาผูกข้อมืออวยพรให้กับรุ่นพี่ ผมนั่งติดอยู่กับไอ้ปิง ตอนนี้ใต้หอมีแต่แสงเทียน น้องๆก็เข้ามาผูกข้อมือ แล้วก็อวยพรให้ พอมาถึงน้องเลี้ยงผม เจ้าอาร์ม มันก็ร้องไห้ บอกว่า เสียดายอยากให้ผมอยู่ต่อ เพราะว่าผมเป็นพี่เลี้ยงที่เอาใจใส่มันในเรื่องเรียนมากๆ มันกลัวว่าจะไม่มีคนมาสอนการบ้านมันอีก เหอะๆๆ และมันก็ยังอวยพรว่า ขอให้ผมกับไอ้ปิง รักกันไปนานๆ ซะงั้นอ่ะ เหอะๆๆ
คืนนี้ หลายๆคนนอนไม่หลับ แม้ว่าพรุ่งนี้พิธีจะเริ่มแต่เช้าก็ตาม ผมกับไอ้ปิงไปนั่งคุยกันใต้ราวตากผ้า อากาศไม่หนาวมาก กำลังสบาย วันนี้พระจันทร์สวยดี แม้มันจะไม่เต็มดวงก็ตาม
พรุ่งนี้ พอเลิกงาน จะกลับเลยป่ะ มันถามผม
น่าจะเป็นอย่างนั้นอ่ะ เพราะต้องไปนครปฐมต่อ ใกล้วันสอบเข้าแล้วด้วย ว้า เสียดายจัง อยากชวนไปเที่ยวที่บ้านสักวันสองวัน มันทำหน้าเสียดาย
ปิง มึงรู้มั้ย ว่ากูอยากไปมากๆ ผมพูดแล้วจ้องหน้ามัน
สักพักน้ำตาผมก็ไหลออกมา มันจ้องหน้าผม แล้วก็นั่งชันเข่าขึ้น เอาชายเสื้อของมันมาเช็ดน้ำตาให้ผม แล้วมันก็ยืนขึ้น ส่งมือให้ผม
ไอ้ขี้แย ไปนอนกันได้ละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะตื่นไม่ไหวนะ มันบอกผม
ผมจับมือมัน แล้วมันก็ดึงตัวผมให้ลุกขึ้น แล้วเราสองคนก็เดินจับมือกัน ขึ้นไปบนหอนอน ซึ่งในตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาตีสองแล้ว ทุกอย่างเงียบสนิท ผมกับไอ้ปิง สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ไอ้ปิงนอนหงาย ผมนอนตะแคงแล้วเอามือไปกอดมัน มันดึงมือผมไปกุมไว้ที่หน้าอก มันหันมาจูบหน้าผากผมหนึ่งที และเราสองคนก็เผลอหลับไปในที่สุด
ตอนเช้าของวันสุดท้าย อากาศแจ่มใส พวกเราทุกคนเดินเข้าแถวไปที่หอประชุม บรรดาผู้ปกครองเริ่มทยอยกันเข้ามา เพื่อมาแสดงความยินดีกับลูกหลานของตนเอง พ่อแม่ผมก็เช่นกัน ระหว่างที่ผมเดินต่อแถว ก็มองเห็นพ่อกับแม่ผมโบกมือทักทายให้ผมด้วย พอเดินผ่านพ่อแม่ผม แถวก็หยุดพอดี พ่อก็เลยเอากล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย ผมก็เลยดึงไอ้ปิงเข้ามาถ่ายด้วย และเราก็เดินเข้าไปในหอประชุม
พอเสร็จพิธี นักเรียนก็เริ่มทยอยกลับหอ ไปเก็บข้าวของ เตรียมตัวกลับบ้าน ผมมองหาไอ้ปิง บริเวณหน้าหอประชุม จะชวนมันมาถ่ายรูปด้วย แต่ก็หาไม่เจอ คิดในใจ สงสัยจะกลับหอไปแล้วมั้ง จึงให้พ่อกับแม่ขับรถพาไปส่งที่หอ
พอมาถึงที่หอ ก็เห็นมันช่วย พ่อกับแม่มันขนของขึ้นรถอยู่พอดี ผมจึงเดินไปหามัน พร้อมกับสวัสดีพ่อแม่มันเหมือนเคย
เสร็จยัง กูช่วยป่าว ผมถามมัน
เสร็จพอดีว่ะ ไปขนของมึงกันดีกว่า เดี๋ยวกูช่วย ว่าแล้วมันก็ช่วยผมขนของของผมไปขึ้นรถ ตอนนั้น แม่ไอ้ปิงมันก็ตะโกน และกวักมือเรียกมันพอดี
เฮ้ย แม่กูเรียกแล้วว่ะ สงสัยกูคงต้องไปแล้ว มันพูดด้วยเสียงเศร้าๆ แต่หน้าตามันเศร้ายิ่งกว่าเสียงของมันอีก
ผมกับมันยืนจ้องหน้ากันสักพัก แล้วมันก็ดึงตัวผมไปกอด แล้วกระซิบที่ข้างหูของผมเบาๆ ว่า
กูรักมึงนะ แล้วมันก็ผละออกจากผม แล้วเดินไปขึ้นรถทันที
เสียงเครื่องยนต์สตาร์ทดังขึ้น ล้อรถค่อยๆเคลื่อนตัวไปข้างหน้า มันนั่งอยู่ที่กระบะหลังรถ โบกมือให้ผม จนรถของมันเลี้ยวลับขอบถนนไป น้ำตาผมค่อยๆไหล พร้อมกับนึกในใจ อีกนานมั้ย ที่เราจะได้เจอกันอีก
ระหว่างทางที่ผมนั่งรถกลับมาที่บ้าน ผมก็คิดถึงแต่ไอ้ปิง ภาพทุกฉากทุกตอนที่ผมและมันเคยทำร่วมกัน วนเวียนอยู่ในสมองผม จนในที่สุด ก็มาถึงบ้าน ผมรีบโทรหามันทันที แต่ผมไม่สามารถติดต่อมันได้ เพราะว่า เบอร์นี้ได้ยกเลิกให้บริการแล้ว ผมรู้สึกตกใจมาก ทำไมมันไม่เห็นบอกผมเลย ว่าบ้านมันยกเลิกเบอร์นี้ไปแล้ว
ผมกระวนกระวายมากที่จะติดต่อมันให้ได้ แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้ จนวันต่อมาผมต้องเดินทางไปที่นครปฐม เพื่อเตรียมตัวสอบเข้าชั้น ม.ปลาย ในตอนนั้น ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำข้อสอบเลย แต่ผลสรุปออกมา ผมก็สอบติดที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง และผมก็ต้องย้ายมาเรียนที่นี่ พักอยู่กับบ้านป้าของผมเอง
ตอนที่ผมกลับไปบ้าน ผมถามแม่ว่ามีคนโทรมาหาผมบ้างมั้ย แม่บอกว่า ไม่มีใครโทรหาผมเลย ผมแปลกใจมาก และก็แอบเสียใจ ที่ปิง ไม่ยอมติดต่อมาหาผมเลย จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็น่าจะบอกกันให้รู้สักหน่อย ผมจะได้ทำใจ ไม่ใช่หายเงียบกันไปแบบนี้ ในขณะที่ผมกำลังวิตกจริตเรื่องไอ้ปิงอยู่นั้น จู่ๆผมก็นึกอะไรออกขึ้นมาได้
http://media.imeem.com/m/WrZ4KqoAZ-