บทที่ 16 ฤดูฝน
ปลายเดือนมิถุนายน ฝนตกหนักทุกวัน ทำให้กิจกรรมออกกำลังกายตอนเช้าต้องงดไป พวกเราก็เลยมีเวลานอนกันมากขึ้น
ผมชอบมากๆเวลาที่ฝนตกตอนกลางคืน มันนอนสบายจริงๆครับ แทบจะไม่ต้องเปิดพัดลม แล้วยิ่งคนที่นอนข้างๆเป็นคนที่เรารักด้วยแล้วละก็ แทบไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ว่าจะมีความสุขมากมายขนาดไหน
วันนี้ก็เช่นกัน ฝนยังไม่มีที่ท่าว่าจะสงบ ทั้งๆที่ตกติดต่อกันมาหลายวันแล้ว หลายๆแห่งในโรงเรียนเริ่มมีน้ำขัง ผมมัวแต่นั่งปั่นการบ้านอยู่ที่อาคารเรียนจนคนอื่นเค้ากลับกันไปหมดแล้ว และที่สำคัญก็คือ ผมลืมเอาร่มมาครับ ทำไงดีละเนี่ย ผมก็เลยตัดสินใจเอากระเป๋าบังที่หัวแล้วเตรียมตัวสี่คูณร้อย เพื่อที่จะวิ่งกลับหอ แต่ผมก็เห็นใครคนหนึ่งกำลังวิ่งถือร่มเข้ามาที่อาคารเรียน
กูว่าแล้วว่ามึงต้องติดฝนอยู่ที่นี่ ไอ้ปิงนั่นเอง
มึงรู้ได้ไงว่ากูติดฝนอยู่นี่ ผมถามมันด้วยความแปลกใจ
ก็กูเห็นร่มมึงแขวนอยู่ที่หอ แล้วมึงก็ยังไม่กลับสักที กูเป็นห่วง ก็เลยเดินมาดูที่นี่ แล้วก็เจอมึงจริงๆด้วย ไอ้เตี้ยเอ้ย มันพูดเสร็จ แล้วก็เอามือมาขยี้หัวผม
แล้วผมก็สังเกตเห็นว่า มันก็เปียกเช่นกัน ก็ดูร่มที่มันเอามาสิครับ คันนิดเดียวเอง มันเป็นร่มสำหรับคนๆเดียว แล้วมันก็ตัวสูง ฝนตกแรงขนาดนั้น ก็โดนสาดเต็มๆสิครับ เหอะๆๆ คิดได้ไงเนี่ย แทนที่จะยืมร่มคนอื่นที่คันใหญ่ๆมา
แล้วจะเอาไงเนี่ย ร่มคันนิดเดียวเอง ไปกันสองคนไงก็เปียกอยู่ดี ผมถามมัน
มึงกางไปคนเดียวเลย ไหนๆกูก็เปียกแล้ว เดี๋ยวกูจะวิ่งกลับหอนำไปเลยละกัน มันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวมึงไม่…. ผมพูดยังไม่ทันจบมันก็วิ่งหนีผมไปไกลซะแล้ว
สรุปแล้ว ผมก็ใช้ร่มอันนั้นเดินค่อยๆฝ่าสายฝนกลับหอ ตัวผมก้อเปียกเยอะเหมือนกัน แต่ผมเน้นที่ส่วนหัว บังร่มไว้แค่นั้น เลยโชคดี ที่ส่วนหัวของผมไม่เปียกฝนเลย
พอกลับมาถึงหอก็เจอไอ้ปิงนุ่งผ้าขนหนูรอเตรียมอาบน้ำแล้ว ผมเห็นมันแล้วก็ขำในความซื่อบื้อของมัน อิอิ และหลังจากนั้นเราก็ไปอาบน้ำด้วยกันตามปกติ
ถึงเวลากลางคืนฝนก็ยังคงตกเหมือนเดิมตามปกติ ผมออกไปนั่งอ่านหนังสือรับลมที่ระเบียงตั้งแต่ตอนหัวค่ำ จนไม่รู้ว่านี่มันเวลากี่โมงแล้ว สักพักไอ้ปิงก็มาตามผม
จะนอนยังมึง สี่ทุ่มกว่าแล้วนะ ไอ้ปิงเดินมาตามผม ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียง
ง่วงก็ไปนอนก่อนเดะ ไม่ต้องรอกู ผมบอกมันทั้งๆที่ตายังมองที่หนังสือ
ไม่เอาอ่ะ อยากนอนพร้อมกัน มันทำเสียงอ้อนอีกแล้ว ทำให้ผมต้องละสายตาจากหนังสือทันที
แล้วง่วงยัง ผมถามมัน
มันไม่ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าหงึกๆๆๆ พร้อมทำตาเยิ้มๆใส่ผม ผมคิดในใจ คนอะไรน่ารักเป็นบ้าเลย
สายตาแบบนั้นของมันสะกดให้ผมต้องรีบเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า แล้วเดินตามไอ้ปิงเข้าไปในห้องนอนทันที ซึ่งตอนนั้นได้ปิดไฟมืดหมดแล้ว แต่บรรยากาศก็ไม่ได้เงียบอะไร เพราะก็ยังมีเสียงคนคุยกัน และเสียงฝนและลมที่พัดกระหน่ำ และไม่มีทีท่าว่าจะซาลงเลย
เราสองคนนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน วันนี้ไอ้ปิงมันถอดเสื้อนอน เพราะอากาศกำลังสบายๆ ไม่หนาวอะไร แต่ผมไม่ชอบถอดเสื้อนอน ต่อให้ร้อนขนาดไหนก็ตาม ผมนอนซบตรงหน้าอกของมัน มันก็เอามือลูบหัวผมเล่นไปเรื่อยๆ และไม่นานนัก อากาศที่เย็นสบายก็ทำให้เราสองคนหลับไป
ในตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนกหวีดของอาจารย์ ผมจึงเขย่าตัวไอ้ปิงให้ตื่น แต่พอผมสัมผัสตัวมัน ก็รู้สึกได้ทีนทีเลยว่า ตัวมันร้อนจี๋เลย ผมจึงเอามือกุมหน้าผากมัน ก็ร้อนเช่นกัน ผมเลยถามมันว่า
เฮ้ย เป็นไรป่าวว่ะ ตัวร้อนจี๋เลย
กูปวดหัวว่ะ สงสัยจะไม่สบาย มันพูดด้วยเสียงแหบพร่า
เออ มึงนอนต่อไปเหอะ เดี๋ยวกูไปขอยาที่อาจารย์ให้
จะให้ไม่ป่วยได้ไงละครับ เล่นวิ่งตากฝน แถมยังไม่ใส่เสื้อนอน ไม่ป่วยนี่ก็เทพแล้วละครับ สรุปแล้วเช้าวันนั้นผมก็ต้องเอาข้าวมาให้มันกินที่หอ
เฮ้ย มึง เป็นไงมั่ง ไหวมั้ย กินข้าวก่อน ผมถามมันด้วยความเป็นห่วง
มันค่อยๆลืมตาขึ้นมา แล้วยิ้มให้ผมหนึ่งที ผมคิดในใจ นี่มึงป่วยนะ ยังมาทำหน้าทะเล้นอีก
ผมค่อยๆพยุงตัวมันขึ้นมา แล้วพามานั่งที่โต๊ะ แล้วก็บอกมันว่า
กูไปก่อนนะ จะรีบไปเรียน
ไม่เอาอ่ะ กูกินเองไม่ไหว ป้อนด้วยสิ มันอ้อนผมอีกแล้ว
ผมมันก็พวกใจอ่อนนี่หน่า คิดในใจ เมื่อวานถ้ามันไม่มารับเรา คนที่ป่วยก็ต้องเป็นเราแน่นอน ผมก็เลยตัดสินใจ ยอมโดดเรียนคาบแรก เพื่อดูแลไอ้ปิงมันอย่างเต็มที่
พอไอ้ปิงกินข้าวเสร็จ ผมก็เอายาให้มันกิน แล้วก็พามันไปนอนที่เตียง แล้วเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้มัน แล้วก็เตรียมตัวจะไปเรียน แต่มันก็ดึงมือผมไว้
อย่าเพิ่งไปได้มั้ย รอให้กูหลับก่อน แล้วมึงค่อยไป กูนอนคนเดียวแล้วกูนอนไม่หลับ มันพูดแบบเอาจริงเอาจัง
ผมไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มให้มันหนึ่งที แล้วผมก็จับมือมันไว้ จนสักพัก มันก็หลับไปเพราะฤทธิ์ของยาลดน้ำมูก ผมจึงค่อยๆปล่อยมือมันแล้วไปเรียนหนังสือ
วันนั้นผมเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร เพราะใจก็มัวแต่เป็นห่วงไอ้ปิง กลัวว่ามันจะลุกไปเข้าห้องน้ำไหวมั้ย แล้วก็อยากให้ถึงเวลาพักกลางวันเร็วๆ จะได้รีบเอาข้าวกลางวันไปให้มัน
ตอนกลางวัน แต่ฝนก็ยังไม่หยุดตก ผมกางร่ม เดินถือกล่องข้าวกลางวัน เพื่อเอามาให้ไอ้ปิง แต่พอกลับมาถึงที่หอ ก็ไม่เจอไอ้ปิง ผมก็เป็นห่วงมัน ว่ามันหายไปไหน และก็ไม่มีใครอยู่ที่หอเลย แล้วใครจะให้คำตอบผมได้ละครับ ว่ามันหายไปไหน
ผมเลยตัดสินใจไปที่เรือนพยาบาลของโรงเรียน เผื่อว่ามันจะย้ายไปนอนที่นั่น ก็พบเจ้าหน้าที่ เลยถามว่า
มีนักเรียน ชื่อ ศาสตรา มาที่นี่ป่าวครับ
อ๋อ ศาสตรา ตอนนี้อาจารย์พาไปโรงพยาบาลแล้ว เห็นว่าไข้ขึ้นสูงมากๆ สงสัยจะเป็นไข้หวัดใหญ่
ผมได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ ไม่คิดว่ามันจะเป็นหนักขนาดนี้ รู้สึกเป็นห่วงมากๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ก็คงต้องรอให้อาจารย์กลับมาแล้วถามอาการ
ตอนเย็นวันนั้น อาจารย์หอก็กลับมา ผมก็เลยเข้าไปถามอาจารย์ทันที
อาจารย์ครับ ศาสตรา เป็นไงบ้างครับ ผมถามด้วยสีหน้าที่อยากรู้มากๆ
อ๋อ เป็นไข้หวัดใหญ่อ่ะ ต้องนอนโรงบาลสักพัก ไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวก็หาย
ผมได้แต่สงสารมันในใจ นี่เพราะเราแท้ๆที่ทำให้มันต้องถึงขั้นนอนโรงพยาบาลแบบนี้ สรุปแล้ว ไอ้ปิงเข้าโรงพยาบาลทั้งหมด 7 วัน และวันแรกที่มันกลับมา หน้าตามันก็เป็นปกติทุกอย่าง ดูรู้เลยว่าหายดีแล้ว เมื่อเราเจอหน้ากันครั้งแรก มันก็ตบหัวผมหนึ่งทีเป็นการทักทาย
ไง ไอ้เตี้ย กูไม่อยู่นอนกะใครว่ะ นี่หรือคำถามแรก
ผมไม่ตอบมัน ได้แต่อมยิ้ม แล้วจ้องหน้ามัน มันก็จ้องหน้าผมแล้วก็ยิ้มแบบเขิลๆแล้วมันก็ลากคอผมไปทันที ไปไหนนะเหรอ มันลากผมไปห้องน้ำครับ ไปทำอะไรขอไม่บอก บอกได้คำเดียวว่า การที่เราไม่เจอคนที่เรารัก คนที่นอนข้างเราทุกๆวัน แค่วันดียวก็จะขาดใจแล้ว แต่นี่เป็นสัปดาห์ และพอเรากลับมาเจอกัน อะไรๆมันก็จะดุเดือดและรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยทำ 55555 เพิ่งรู้ว่าคนไข้หายป่วยเนี่ย จะเซ็กส์จัดกว่าตอนปกติซะอีก อิอิอิอิ