บทที่ 17 กีฬาสี ในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี จะเป็นช่วงของกีฬาสี ซึ่งที่โรงเรียนผมจะใช้เวลาจัดทั้งหมด สามวัน คือวันพุธ พฤหัส และวันศุกร์ โดยจะแบ่งออกเป็นสี่สี คือ สีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำเงิน
วิธีการแบ่งสีนั้น จะใช้วิธีการจับฉลาก โดยจะเปลี่ยนสีทุกๆปี โดยตอน ม.1และ ม.2 นั้น ผมกับไอ้ปิง เราไม่เคยอยู่สีเดียวกันเลย และปีนี้ฤดูกาลแห่งกีฬาสีก็กลับมาอีกครั้ง
เดี๋ยวครูจะเรียกชื่อตามเลขที่ และออกมาจับฉลากทีละคนนะ อาจารย์ศราวุธ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาพละ ประกาศหน้าห้อง แล้วอธิบายวิธีการแบ่งสี
ห้องเรามีทั้งหมด 44 คน แบ่งเป็นสีละ 11 คน โดยจะเรียกออกไปจับฉลากทีละสี่คน หากใครที่ติดตามอ่านในตอนแรกๆ จะรู้ว่า ชื่อผมกับชื่อไอ้ปิงนั้น อยู่ใกล้ๆกัน เว้นวรรคแค่คนเดียวเอง โดยชื่อของไอ้ปิงอยู่ในกลุ่มสุดท้ายของห้อง
หลังจากนั้นอาจารย์ก็ประกาศไปเรื่อยๆ ชื่อผมอยู่ท้ายๆกัน ก็ได้แต่นั่งลุ้นของคนอื่น ว่าใครจะได้อยู่สีอะไร จนมาถึงกลุ่มของพวกผม โดยผมเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม
วัชรพล ตันมงคลกาญจน์ อาจารย์ประกาศ ชื่อไอ้แบงค์ และมันก็จับฉลากได้ สีเหลือง ต่อไปอาจารย์ก็ประกาศชื่อผม
วิชชากร เฉลิมพงษ์ ตอนนั้นผมจับฉลากได้สีน้ำเงินครับ เป็นคนที่สิบพอดีที่ได้อยู่สีน้ำเงิน
และอาจารย์ก็เรียกกลุ่มสุดท้ายออกมาจับฉลาก นั่นก็คือ กลุ่มของไอ้ปิงนั่นเอง
วุฒิชัย ประกอบธรรม อาจารย์ประกาศชื่อ ไอ้วุฒิ เด็กที่เรียนเก่งที่สุดในห้อง และมันก็จับได้สีเขียว
ตอนนี้เหลืออีกสามคนที่ยังไม่ได้จับ และเหลือสามสี คือ สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน และคนต่อไปที่จะจับก็คือไอ้ปิง ผมก็ลุ้นให้มันจับได้สีน้ำเงิน เพื่อที่เราจะได้อยู่สีเดียวกัน และอาจารย์ก็ประกาศชื่อมัน
ศาสตรา ดนัยโชติ แล้วไอ้ปิงมันก็เดินออกมาจับฉลาก ผมเห็นมันพยายามจะเหล่มองลงไปในกล่องหลายครั้ง เพื่อที่จะมองหาว่า ฉลากสีน้ำเงินอยู่ไหน แต่อาจารย์ก็บอกให้มันรีบจับเร็วๆ และมันก็หยิบขึ้นมา
สีน้ำเงิน เย้ๆๆๆๆ มันกระโดดโลดเต้นดีใจ เป็นบ้าเป็นบอ อาจารย์ก็ทำหน้างง ว่ามันเป็นอะไรมากรึป่าวกะอีแค่จับฉลากเลือกสี เหอะๆๆ ผมก็อดที่จะขำกับท่าทีของมันไม่ได้ แต่ก็รู้สึกดีใจลึกๆ ที่เราได้อยู่สีเดียวกัน แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่สลักสำคัญอะไรเลยก็ตาม แต่มันก็ทำให้เรายิ้มออกมาได้อย่างมีความสุข
วันถัดมาในตอนเย็น ก็มีการประชุมสี ผมกับไอ้ปิง และก็เพื่อนอีกสามสี่คนที่อยู่สีเดียวกัน ก็มานั่งใกล้ๆกัน ฟังรุ่นพี่เค้าอธิบายในเรื่องต่างๆ
เฮ้ย พวกมึงจะเล่นอะไรป่าวว่ะ กูว่ากูจะลงแข่งวิ่งว่ะ ไอ้แชมป์ถามพวกเรา
กูเตะบอลแน่นอน แต่กูจะลงแข่งเปตองด้วย สุดที่รักของผมนั่นเอง นอกจากมันจะเตะบอลเก่งแล้ว มันยังชอบเล่นเปตองอีกด้วย
กูว่ากูจะลงว่ายน้ำว่ะ ไอ้เอกนั่นเอง มันชอบว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ
แล้วมึงล่ะไอ้เตี้ย จะลงเล่นอะไรด้วยป่าว ถ้ามีแข่งอ่านหนังสือนะ กูจะให้มึงไปลงแข่งด้วย มึงคงชนะแน่ๆ ไอ้ห่าปิง พอได้ที มันกัดผมใหญ่เลย
ใครบอก กูจะไปสมัครแข่งเปตองด้วย ฝีมือกูก็ไม่ด้อยไปกว่ามึงหรอกน่า ไอ้ถอกเอ้ย ผมเบ่งโชว์เพื่อจะลบคำสบประมาทไอ้ปิง
เออ อย่างงี้ต้องมีดวล เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะได้เป็นตัวจริง ไอ้ปิง มันก็ไม่ยอมน้อยหน้าผมเลยนะเนี่ย เหอะๆๆๆ
แล้วเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยไม่สนใจรุ่นพี่ที่กำลังพูดปาวๆๆๆ สักพักก็มีรุ่นพี่เดินมาทางกลุ่มผม
น้องกลุ่มนี้ไม่สนใจที่พวกพี่พูดเลย รู้ป่าวเนี่ย ว่าพวกพี่พูดเรื่องอะไร พวกเราทั้งสี่คนมองหน้ากัน เพราะต่างก็ไม่รู้ว่าเค้าพูดเรื่องอะไรจริงๆ
เลิกประชุมแล้วตามพี่มาทั้งกลุ่มเลยนะ ขอจดชื่อไว้ก่อน ว่าแล้วก็โดนจดชื่อกันไปจริงๆ เล่นเอาพวกเราจ๋อยเลยครับ กลัวว่าพวกพี่เค้าจะเอาไปฟ้องอาจารย์ ว่าพวกเราไม่ค่อยให้ความร่วมมือ และพอหลังประชุมพวกพี่กลุ่มนั้นก็เดินมาหาพวกเรา
พี่มีเรื่องจะให้พวกเราช่วย ไม่มีข้อแม้นะ พี่ให้พวกเราทำก็ต้องทำ มาถึงพี่เค้าก็พูดปาวๆๆ พวกเราก็งงว่าให้ช่วยอะไร
น้องปิง ถือธงสีวันเดินพาเหรดได้มั้ย พี่ประธานสีพูดเชิงขอร้อง
โห พี่ สบายมาก ไม่มีปัญหาครับผม มันพูดพร้อมกับทำท่าตะเบ๊ะ นี่เป็นท่าประจำของมัน เหอะๆๆ
น้องแชมป์กับน้องเอก พี่ให้แต่งตัวแฟนซี ให้แต่งเป็นอะไรเดี๋ยวบอกอีกทีหนึ่ง ได้ครับพี่ มันตอบพร้อมกัน
ส่วนน้องกล้า พี่ให้ถือป้ายสีน่ะ คู่กับพี่ขวัญ ม.4 โอเคมั้ยจ๊ะ ได้ครับพี่ ไม่มีปัญหา ผมตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้
โหๆๆๆ อิจฉาว่ะ ได้ถือป้ายคู่กับพี่ขวัญด้วย ไอ้แชมป์แอบอิจฉาเล็กน้อย เพราะพี่ขวัญนั้น จัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาสวยเลยทีเดียว
วันต่อมาก็เป็นการคัดเลือกนักกีฬา เรื่องฟุตบอลนั้นไอ้ปิงไม่ต้องไปคัด เพราะมันได้เป็นตัวจริงอยู่แล้ว มันก็เลยมาคัดตัวนักกีฬาเปตองกับผม
เดี๋ยวกูจะออมมือให้มึงก็แล้วกัน ไอ้ปิงมันบอกผม
หือ อย่ามา อย่ามา มึงกะกูฝีมือก็พอๆกัน วัดกันไปเลยดีกว่า ถ้ากูชนะ กูจะได้ภูมิใจ ว่ากูเก่งกว่ามึงจริงๆ ผมเบ่งใส่มัน
ไอ้เตี้ยเอ้ย เล่นไม่เคยชนะกูสักเกมส์ ทำมาคุย มันพูดแล้วก็เอามือมาขยี้หัวผมอีกและ ผมเตี้ยกว่ามัน มันเลยชอบมาเล่นหัวผมตลอดเวลา แต่ก็ชอบนะ อิอิ
วันนี้มีคนมาคัดกันทั้งหมดสี่คน อาจารย์เลยให้แบ่งเป็นสองทีม แล้วเอาทีมที่ชนะ มาแข่งกันเอง แน่นอน ผมกับไอ้ปิง ก็จับคู่กันเองเลย อิอิ
ผลสรุปว่า ทีมผมกับไอ้ปิงเป็นฝ่ายชนะครับ ทีนี้เราก็ต้องมาแข่งกันเอง เพื่อเป็นตัวแทนสีไปแข่งกับสีอื่นๆ
ไอ้ปิงถือว่าแรงมันเยอะมากๆ ผมโยนก่อนมัน พอถึงตามันโยน มันตอกลูกผมกระเด็นไปซะไกลเลย ผมมองค้อนมันไปหนึ่งที นี่มันไม่ออมมือให้ผมเลยจริงๆ
แต่พอเล่นไปสักพัก มันพลาดเอง ตอกลูกแก่นกระเด็นไปเลย สมน้ำหน้า ทีนี้สถานการณ์ก็พลิกมาที่ผม จนสุดท้ายเล่นไปเล่นมาผมก็เป็นผู้ชนะ ผมละสะใจมันจริงๆ
กูเห็นมึงทำหน้าเสีย ตอนคะแนนกูนำ กูเลยอ่อนให้ เดี๋ยวมึงจะร้องไห้ มันพูดพร้อมกับบีบแก้มผมทั้งสองข้างเล่น
จวยเหอะ โยนผิดเอง สมน้ำหน้า 555 ต้องฝึกอีกเยอะนะมึงอ่ะ ผมก้อล้อมันคืนบ้างเช่นกัน พร้อมกับตบหัวมันทีหนึ่ง แล้วก็วิ่งหนีกลับหอทันที
เจ็บนะเฟ้ย จับได้โดนหนักแน่ มันตะโกนและก้อรีบวิ่งตามหลังผมมา
มันวิ่งเร็วมาก จนมันตามผมทัน แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไร แค่จับผมล๊อกคอ แล้วก็ลากผมเดินกลับหอไปพร้อมๆกัน
และแล้ววันกีฬาสีก็มาถึง ผมตื่นแต่เช้าเพื่อไปห้องแต่งตัว ไอ้ปิงมันก็ตามผมไปด้วย ความจริงมันไม่ต้องแต่งตัวอะไรเลย เพราะมันแค่ถือธงสี แต่ผมต้องนุ่งโจงกะเบนสีน้ำเงิน และเสื้อราชปะแตน ถุงเท้ายาวสีขาว ใส่รองเท้าหนัง ดูแล้วเหมือนเป็นท่านขุนยังไงก็ไม่รู้ ไอ้ปิงมันก็ล้อผมใหญ่เลย เหอะๆๆ
ขบวนพาเหรดตอนเช้าผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นก็มีแข่งเชียร์หลีดเดอร์รอบเช้า ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะตอนนั้นผมไปนวดน้ำมันมวยให้ไอ้ปิงอยู่ เพราะมันต้องแข่งนัดแรกเลย ส่วนผมมีแข่งตอนบ่าย
ไอ้เตี้ย มึงต้องอยู่เชียร์กูตลอดเลยนะ ห้ามหนีไปไหนนะมึง ถ้ากูมองมาแล้วไม่เจอมึง เจ็บตัวแน่ๆ มันทำหน้าตาจริงจังมากๆ
เออน่า กูจะดูจนมึงแข่งเสร็จเลยแหละ ผมบอกมัน พร้อมกับ ส่งยิ้มหวานให้เป็นกำลังใจหนึ่งที
ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย ปวดฉี่ มันชวนผม
อืม รีบๆเลย อีกสิบนาทีก็แข่งแล้ว ผมบอกมัน
และเราก็เดินไปเข้าห้องน้ำกัน แต่พอเข้าประตูมาได้แปปเดียว มันก็ดึงผมไปหอมแก้ม ผมก็ตกใจ รีบผลักออก เพราะกลัวคนจะมาเห็น
ไรมึงเนี่ย บ้าป่าว ผมดุมัน
หอมเอาฤกษ์ เอาชัย ไปละ มันพูดจบ มันก็รีบวิ่งไปที่สนาม ผมก็เดินตามไปดู
ตลอดการแข่งขัน มันก็จะชำเลืองมองมาทางผมเป็นระยะๆ ผมก็ได้แต่โบกไม้โบกมือ พร้อมกับคอยส่งยิ้มหวานให้มันทุกๆครั้ง ที่มันมองมาทางผม สรุปวันนั้นทีมสีน้ำเงินก็เป็นฝ่ายชนะ 1-0 ต้องยอมรับว่าไอ้ปิงเล่นดีมากๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นคนทำประตู แต่มันก็มีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูนั้นไป
พอตอนบ่ายผมก็ต้องไปแข่งเปตอง และแน่นอน ไอ้ปิงมันก็ตามมาเชียร์ผมเช่นกัน
ห้ามแพ้นะไอ้เตี้ย มันสั่งผม
กูจะเล่นสุดฝีมือเลยละกัน ผมบอกมัน
จะหอมกูเอาฤกษ์เอาชัยเหมือนที่กูหอมมึงมั้ย จะได้ชนะ มันพูดพร้อมกับยื่นแก้มมา
ไอ้บ้า กูไม่ปัญญาอ่อนเหมือนมึงหรอก ผมพูดแล้วก็ผลักหน้ามันออก มันก็หัวเราะชอบใจ
ผลการแข่งขันวันนั้น ผมก็เอาชนะได้ไม่ยาก คงเป็นเพราะผมมีกำลังใจดีด้วยมั้ง ไอ้ปิงมันมักจะคอยกระซิบสอนผมอยู่เรื่อยๆ ซึ่งมันก็ได้ผล ต้องยอมรับว่ามันรู้ทริกเปตองเยอะกว่าผมจริงๆ
ตลอดการแข่งขัน เราต่างก็ผลัดกันไปเชียร์ซึ่งกันและกัน เพราะมีกำลังใจที่ดี เราทั้งสองคนก็เลยได้เหรียญทองกันทั้งสองคน แต่ไอ้ปิงก็ได้แผลมานิดหน่อย คือมันล้ม เข่าถลอก น่าสงสารมันเหมือนกัน ที่ต้องมาเจ็บตัว และก็คงไม่พ้นผมอีกแหละครับ ที่จะต้องคอยทายา ทำแผลให้มัน เวลาอาบน้ำมันก็ต้องยก ขาข้างหนึ่งพาดอ่างน้ำไว้ ผมจะเป็นคนคอยอาบน้ำให้มัน ฟอกสบู่ให้มัน เพื่อไม่ให้แผลมันเปียกน้ำ มันก็ทะลึ่งมากมาย เพราะเวลาผมถูสบู่ให้มัน เจี๊ยวมันก็ชอบแข็ง ผมก็ด่ามัน
ไอ้ทะลึ่ง เดี๋ยวกูเอาน้ำราดแผลเลย ผมด่ามัน
ก็มึงเล่นลูบซะกูเสียวขนาดนี้ จะไม่ให้แข็งได้ไงล่ะ มันพูดแบบอายๆ
ผมก็หัวเราะก๊ากเลยครับ อดขำไม่ได้ กับความตลกของไอ้ปิง แม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม ขณะที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้ ภาพเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ผมได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว ยิ่งเห็นภาพตอนที่ไอ้ปิง ร้องจ้าก ตอนผมเอามือไปโดนแผลมัน ก็ได้แต่หัวเราะในใจอยู่คนเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้ แม้ว่ามันจะผ่านมาเกือบสิบปีแล้วก็ตาม
http://media.imeem.com/m/HqZztSBaBX