มาต่อกันน๊าาาาา
"มอส...ไปกินข้าวกับพวกพี่มั้ยจ๊ะ" พี่นิดหันมาถามผม
"อ๋อ...ไม่ละครับ พวกพี่ๆไปกันเถอะครับ"
"โห...หยิ่งนะจ๊ะเดี๋ยวนี้" พี่นิดพูดทำเอาพวกพี่ๆเขาหัวเราะกัน
"ป่าวน๊าคร๊าฟฟ" ผมพูด
เฮ้ออออ...จริงๆแล้วตอนนี้ผมควรจะว่างได้แล้วแต่เดือนนี้พอมาทำงานวันแรกของเดือนก็เจอเลยครับ งานเขียนคอลัมน์ไง? นั่นแหละหินสุดๆโดยเฉพาะคอลัมน์ที่ได้มานี่ เหอะๆ คิดกันมาได้เนอะ "หัวใจเดินทาง" ก๊ากเห็นทีแรกนึกว่าจะให้กรูไปเขียนนิยาย แต่ถึงไม่ใช่ก็เถอะนะ ไอ่คอลัมน์แบบนี้...เอามาให้คนแบบนี้ หึหึ ชั่งเหมาะกันเสียนี่กระไร
"อ่าว...ไม่ไปกินข้าวหรอ?" เสียงไอ่เลวถาม ขณะที่ผมนั่งกุมขมับ
"อ๋อ...พอดีได้คอลัมน์มาน่ะ ก็เลยขอทำความเข้าใจหน่อย"
"อืมๆ..."
แล้วมันก็เดินขึ้นไปชั้นบน เฮ้อ....จะทำยังไงเนี่ยกรู ตัดสินใจโทรไปหาแม่ครับ เพราะคุณเธอนั้นชั่งเชียวชาญเรื่องนี้เสียนี่กระไร
"ฮัลโหล...โหะๆๆ ฟ้าจะผ่าน้ำจะท่วม เป็นชาติไม่เห็นจะเคยโทรหาแม่"
"โห...แม่ก็พูดเว่อร์ไปละ"
"แล้วเป็นไง สบายดีนะลูก"
"ก็ดีครับ แต่ก็มีเรื่องกลุ้มใจนิดหน่อยตอนนี้"
"กลุ้มใจเรื่องอะไรละ"
"คือ...ผมได้งานมา ต้องเขียนคอลัมน์ ทีนี้คอลัมน์ที่ว่าน่ะ คือ "หัวใจเดินทาง" เหอะๆ ได้มาแล้วอึ้งอ่าแม่"
"ทำไมหรอ?...หัวใจลูกพิการรึไงเดินทางไม่เป็น"
"เหอะๆ...ขำๆ แม่...โห ก็ดูหน้าอย่างผมดิ จะให้เขียนอะไรแบบนั้นมีหวัง เหอะๆ"
"ทำไมละลูก...แม่ว่าไม่เกี่ยวหรอกนะ แม่ว่า ลูกลองเปิดใจ...1,500 เอานี่ตังค์ถอน(แม่หันไปพูดกับคนที่ร้าน หึหึ) ลูกลองเปิดใจแล้วลองมองรอบๆ แม่ว่าคนเราน่ะขาดความรักไม่ได้หรอก"
"อืม..."
"ยังไง..หรืออีกวิธีหนึ่ง ลูกก็ลอง กัดสิ!! เอากรรไกรมาตัดก็ได้"
"หือ!!!"
"55+ ไม่...แม่พูดกับพี่จิ๋วเขา อีกวิธีหนึ่ง ลูกลองอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลงสิ..."
"อ๋อ..."
"แม่รับรองว่า เอ่อ...แล้วเมิงจะฉลาดขึ้นมั้ยละ บอกให้เอากรรไกรมาตัด!!"
"เหอะๆๆๆ...แม่ ยุ่งอยู่แค่นี้ก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมค่อยโทรไปอีกทีก็ได้"
"อ๋อ...จร้าๆ ยังไงก็ลองทำตามที่แม่บอกนะ"
"ครับแม่"
ผมวางสายไป อืม...อย่างน้อยๆก็ต้องไปหาหนังสือ หนัง แล้วก็เพลงมาศึกษากันหน่อย หัวใจเดินทาง....มันจะเดินทางไปไหนกันนะ
....10.30 น....
ติ๊ดดดดดด! ติ๊ดดดดดด!
"ฮัลโหล..."
"ฮัลโหล....น้องมอส ทำไมไม่มาบริษัทละ อย่าบอกนะว่าลา วันนี้คุณน้องต้องส่งต้นฉบับนะคร๊า" เสียงพี่นิดจีบปากจีบคอ
"ห...หือ อ...อ๋อ ครับ เดี๋ยวผมเข้าไป"
หลังจากที่ผมทำตามแม่ ผมก็ได้ลองเขียนคอลัมน์นั่นไปแล้วมันก็ได้ผมจริงๆคนติดมาเยอะมาก มีคนส่งเมลล์มาพูดคุยกับผมมากมาย ผมดีใจนะที่อย่างน้อยบทความจากคอลัมน์เล็กๆทำให้คนมากมายมีความสุขกับมัน ผมรู้สึกเลยว่าจริงๆแล้วความรักมันก็คือความสุขที่เกิดขึ้นกับเรามันก่ำกึ่งกันระหว่างทุกข์กับสุข แต่นั่นมันก็คือสิ่งที่มนุษย์อย่างเราๆต้องการ
ยิ่งคนติดคอลัมน์ผมมากเท่าไหร่ งานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นต้องหาข้อมูลมาเขียนในแต่ละเดือน ต้องนั่งตอบเมลล์ โอ๊ยยยย...แต่ละวันเรียกว่าผ่านไปโดนไม่รู้ตัว เช่นเดียวกัน ไอ่เลวนั่น...ก็หายหน้าไปเลย นี่ก็เกือบๆสองเดือนแล้วที่ไม่ได้นั่งกินข้าวกับมัน ไม่ได้นั่งรถมัน ไม่ได้คุยกันนานๆ ไม่ได้กวนประสาทมัน อาจจะมีเจอกันบ้างแต่ก็ทักทายกันนิดๆหน่อยๆ ผมลุกจากเตียงก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ ผ่านไปซักพัก โอ๊ยยย...ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย ขณะที่ที่เช็ดผมอยู่ตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือรุ่นที่วางอยู่ตรงชั้นหนังสือ ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปหยิบมันมาดูอีกครั้ง ผมเปิดไปเรื่อยๆ เห็นรูปมันหน้านิ่งเลย เหอะๆ...แต่ก็แอบเศร้าพอเห็นอาชีพในอานาคตของมันที่มันอยากจะเรียน อยากจะเป็นในตอนนั้น แต่...มันก็เลือกที่จะทิ้ง ผมเปิดไปเรื่อยๆจนมาถึงหน้าของเด็กห้องสอง อมยิ้มครับ พอเห็นหน้าพวกมันแล้วก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ คิดถึงพวกมันมากๆ ผมเปิดไปจนมาถึงรูปของผมมีปากกาสีแดงวงอยู่รอบๆ ผมถอนหายใจ เฮ้ยยย...นี่มันจะสิบเอ็ดโมงอยู่แล้ว ผมเลยรีบปิดหนังสือเอาไปเก็บไว้ที่ชั้นแต่จู่ๆก็มีกระดาษล่วงลงมาจากหนังสือ ผมก้มลงไปเก็บ กระดาษนั่นมันพับอยู่ ผมค่อยๆเปิดมันออก
"ทำไม?...เมิงไม่เคยรู้เลยว่า
กรูทำอะไรอยู่
กรูต้องเสียใจไปอีกนานแค่ไหน?
ตอบกรูหน่อยได้มั้ย?
เพื่อน...มอส"
เท่านั้นแหละครับ...จู่ๆหน้าไอ่เลวนั่นก็ลอยมา ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระดาษนี่เป็นของใคร แต่ทำไมถึงได้นึกถึงมันนะ ไอ่เลว...กรูอยากเจอเมิงจริงๆ
"อ่าวว...เยสสสสส มาแล้วที่ร๊ากของพี่ ไหนละต้นฉบับ" พี่นิดพูดแล้วแบมือ
"เดี๋ยวสิครับพี่ ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้..."
แล้วผมก็เดินไปที่โต๊ะเปิดคอม แล้วก๊อปไฟล์ใส่แผ่นให้พี่แก เหอะๆสมใจแล้วสินะ...ใช่สิ ฉันมันก็มีค่าเท่านี้ 555+ พี่นิดยิ้มแป้นก่อนจะรับแผ่นซีดีนั้นไป ทำท่าจะเดินไปแต่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้เลยหันมาหาผมอีกครั้ง...
"เอ่อ...นี่ เดี๋ยวตอนบ่าย ผู้จัดการเรียกพบน้องนะจ๊ะ"
ห...หือ จ...จริงหรอ? เหอะๆ อะไรอีกแล้วละ กรูทำเรื่องอะไรไว้อีก อย่าบอกนะว่าจะให้กรูนั่งทำงานแบบตอนนั้นอีกน่ะ โหะๆ ไม่ไหวมั่งงงงง
ก๊อกกกกกก! ก๊อกกกกกก!
"เข้ามา" เสียงมันดังผ่านประตูออกมา ผมก็เลยค่อยๆเปิดประตูเข้าไป เห็นมันนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ที่โต๊ะ
"มีอะไรรึป่าว?" ผมเงยหน้าขึ้นมา เหมือนมันไม่รู้ว่าเป็นผม
"อ่าว...มีอะไร?"
"หือ...ก็เรียกกรู เอ้ย...ผมไม่ใช่หรอ?"
"หรอ?...ป่าวนิ"
"เอ้า...เอ่อๆ งั้นไปละ"
ผมออกมาจากห้องหน้าแตกเลยกรู หึหึๆ พี่นิดดดดดด!!! ทำผมได้นะ รีบเลยครับไปหาพี่นิดด่วน
"พี่นิด!!!" ผมตบโต๊ะพี่นิดอย่างดัง แกตกใจ 55+ ตลกเชียว
"อะไรหนู...ตกใจหมดเลย"
"ไหนพี่บอกว่าผู้จัดการเรียกผมไง...พอขึ้นไปเขาบอกว่าไม่ได้เรียก"
"หรอ?...ก็ผู้จัดการเขาบอกว่าขอพบเจ้าของคอลัมน์ "หัวใจเดินทาง" นะ"
"อ่าว...หรอ"
"นี่แสดงว่า...ผู้จัดการเขาไม่รู้ละสิว่าเราเป็นคนเขียนคอลัมน์น่ะ ไปๆ...ไปบอกเขาเลย"
"เฮ้ออออ.."
ผมถอนหายใจแล้วก็ต้องแบกสังขารขึ้นไปห้องมันอีกครั้ง เอ่อ...ดีเนาะ ไม่เคยจะรู้หรอกว่าเพื่อนตัวเองเขียน ไอ่เลวนะ ไอ่เลว...ทำกรูเหนื่อยเลย
ก๊อกกกกกก! ก๊อกกกกกก!
"อ่าว..."
"เอ่อ...อยากเจอเจ้าของคอลัมน์ใช่มั้ย?" ผมพูดหน้าเซ็ง
"ช...ใช่ หือ!! นี่อย่าบอกนะว่า..."
"เอ่อ!!! กรูนี่แหละ...โห เหนื่อยนะเมิงเดินขึ้นเดินลงเนี่ย" ผมพูดแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
"อย่างเมิงเนี่ยนะ..." มันพูดแล้วเดินออกมาจากโต๊ะ
"เอ่อ...กรูเนี่ยแหละ ทำไม?"
"555+ ไม่อยากจะเชื่อ"
"เงียบไปเลย...มีอะไรก็พูดมา"
"ป่าว...กรูก็แค่อยากคุยกับเจ้าของคอลัมน์ที่เขียนได้ลึกซึ้งขนาดนั้น....แต่นี่ไม่คิดว่าจะเป็นเมิง เหอะๆ"
"เอ่อ...งั้นก็คงไม่ต้องคุยอะไรกัน เพราะเมิง...ก็รู้จักกรูแล้ว? งั้นขอตัวนะครับท่านผู้จัดการ" ผมพูดแล้วลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไปจากห้องไปแต่มันก็หยุดไว้
"เย็นนี้ไปกินข้าวกัน.." ไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆหัวใจมันก็เต้นแรงซะงั้น
"ไม่รู้สิ...อาจจะไม่ว่าง"
"แล้วกรูจะรอ..."
มันพูด....รอ เหอะๆ เมิงก็รอกรูทั้งปีแหละ ยังไม่เข็ดอีกรึไงวะ เอ่อ...แต่ก็ดีเหมือนกัน กำลังอยากจะเจอเมิงอยู่พอดี ยังไงก็ถือว่าขอสงบศึกกับไอ่เลวมันลงชั่วคราว รอให้กองทัพพร้อมกว่านี้แล้วค่อยลุยกันต่อ ตอนนี้ต่างคนก็ต่างวุ่นวาย คงจะมัวมาทะเลาะกันเหมือนเด็กๆไปก็ไร้ประโยชน์ 55+ เอาเป็นว่าจะไปกินด้วยแล้วกัน เอ่อ...ถ้าเมิงเลี้ยงกรูก็จะดีใจอีกแหละ จริงๆนะ
เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาหกโมง...หือ นี่กรูน่าอ่านหนังสือนานขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย ไม่ไหวแล้ว เห็นพี่นิดนั่งอยู่ที่ทำงาน เลยเข้าไปลาเขาแล้วก็กะว่าจะไปซื้อไอติมกินหน่อยจู่ๆก็อยากกินขึ้นมา พอเปิดประตูออกไปเห็นไอ่เลวยืนพิงรถอยู่
"คิดว่าเท่ห์รึไงวะ"
"อะไร...กรูมันหล่อทุกเวลาโว้ยยยย"
"เหอะๆหรอ..." ผมพูดแล้วทำท่าจะเดินไป
"อ่าว...นี่! เมิงลืมแล้วหรอว่ามีนัดกับผู้จัดการน่ะ" เอ่อ....ใช่ ลืมไปเลยกรู
"เอ่อ...เฮ้ย ลืมๆๆ เอ่อๆๆ...ไปๆ"
ผมพูดแล้วทำเนียนเดินเข้าไปเปิดประตูแล้วขึ้นรถไป เหอะๆ มันทำหน้างง...อะไร ก็กรูจะไปแล้วนี่ไง? มันขับรถพาไปร้านอาหารที่หนึ่งสวยมาก ตอนนี้มันก็เกือบค่ำแล้วไฟที่ร้านก็ตกแต่งซะสวย คนก็น้อยดี นี่แหละร้านอาหารที่ใช่เลย ผมไม่ค่อยชอบไปไหนที่มีคนเยอะๆซักเท่าไหร่ ไอ่เลวมันจองโต๊ะติดกับสวนเกือบๆหลังร้าน เอ่อ...สวยดี จะมียุงมั้ยเนี่ย
"กินอะไรสั่งเลย..."
"เมิงเลยหรอออออ!" ผมพูดเสียงสดใส
"ป่าว...หารสอง"
"หือ...งั้นเอาน้ำเปล่ามา"
"โห...ไอ่ขี้งก อย่างนี้คงต้องมาอยู่กับเสี่ยอย่างพี่แล้วละ รับรอง พี่เลี้ยงทั้งชีวิตเลย"
"5555+ ได้เลย ชีวิตกรูจะได้สบายๆๆ"
"555+" แล้วเราก็หัวเราะ โอ๊ยยย...เป็นอะไรของกรูเนี่ย รู้สึกแปลกๆ
ผมสั่งอาหารไปสองสามจานเพราะถึงมันจะเลี้ยงแต่ก็ต้องไว้หน้ามันหน่อย ซักพักอาหารก็มาเสิร์ฟรอไม่นานเลยครับ บริการดีเชียว...
"เอ่อ...เมิงนี่อารมณ์ไหนเนี่ย" มันถามขณะที่ผมกำลังจะตักข้าวเข้าปาก
"หือ..."
"คิดไงถึงได้เขียนคอลัมน์แบบนั้น"
"ก็...ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนหรอก มันเป็นงานน่ะก็ต้องทำ"
"หึหึ...แต่ก็เขียนได้ซะซึ้งกินใจเลย"
"55+ อยู่แล้ว" ผมตักข้าวเข้าปาก "ทำไม?...เมิงอ่านด้วยหรอ"
"อ่าว...กรูก็ต้องอ่านแหละ นิติยาสารของกรูนะ"
"อ๋อ...อืมๆ"
"กรู...คิดถึงเมิงน่ะ"
พลั้วววววว!!!!!!!
เพียงแค่เสี้ยววินาทีภาพที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าก็....อ๊ากกกกกก 555555+ ขำกลิ้ง เม็ดข้าวติดหน้ามันเต็มเลยครับ มันลับตาหายใจแรงๆ 55+ อารมณ์คงขึ้นแล้วแหละ ผมพยายามกลั้นหัวเราะเรียกสติกลับมาแล้วคว้ากระดาษทิชชูยื่นให้มัน...
"เฮ้ย...กรูขอโทด" ผมพูดทั้งๆที่กลั้นขำไว้
"...."
"เหอะๆ...ก็เมิงนั่นแหละ"
"เอ่อ!! อ๋อ...นี่กรูผิดอีกแล้วละซิ" มันพูดประชดนั่นยิ่งทำให้กลั้นขำไว้อยู่
"5555+"
"เอ่อหัวเราะเข้าไป...เดี๋ยวกรูก็ให้จ่ายเองซะเลย"
"เฮ้ยยย...โอ๋ๆ เดี๋ยวกรูเช็ดให้"
ผมลุกไปข้างๆมันแล้วเอากระดาษทิชชูปัดเศษเม็ดข้าวออกจากหน้ามันจนหมด แล้วอาหารมื้อนี้ก็เป็นมื้อแรกที่เรานั่งคุยกันอย่างสงบและรู้สึกดีมากที่สุด มันเองก็ดูผ่อนคลายดีเหมือนกัน และอีกตามเคยมันก็ต้องเป็นคนจ่าย ผมไม่ได้งกนะ แต่มันเป็นคนชวนผมมา...ก็ต้องเลี้ยงดิ ถูกมั้ย??
ผมมันจอดที่หน้าหอผม ผมหันไปหามัน
"ขอบคุณนะสำหรับอาหารมื้อนี้"
"อืม...ไม่เป็นไร"
ผมเปิดประตูลงไปและก่อนจะปิดประตูจู่ๆปากมันก็หาเรื่องมาให้ผมอีกจนได้ หึหึ
"ขึ้นไปกินน้ำก่อนมั้ย?"
"ห...หือ!!!" มันทำเสียงตกใจ "ไปๆ...ไปดิ!!"
หึๆ อย่างมันน่ะหรอจะปฏิเสธ ผมเดินไปที่ห้องโดยมีมันเดินตามหลัง เปิดห้องเข้าไปเจ้าตัวก็เริ่มเลย กระโดดนั่งบนเก้าอี้ทำซะเหมือนเป็นห้องตัวเอง
"หิวน้ำจัง"
"เอ่อรู้แล้ว..."
ผมเดินไปหลังห้องรินน้ำใส่แก้วแล้วเดินมาหามัน ยื่นแก้วน้ำให้มันแต่จู่ๆ ไอ่เลวนั่นก็จับแขนผม...มันเอาแก้ววางไว้ที่โต๊ะแล้วกระชากผมไปนั่งตักไม่ พระเจ้าาาาา!!! นี่มันอะไรกัน ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกแต่นี่มัน...
"คิดถึงเมิงจริงๆ"
มันพูดกระซิบที่ข้างหูผม ลมหายใจของมันร้อนผ่าวแต่เสกไปด้วยความต้องการบางอย่างมากมาย มันค่อยๆใช้มือสัมผัสแขนผมขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงลำคอ ริมฝีปากบางๆของมันเข้าไปใกล้ต้นคอผมมากขึ้นเรื่อยๆ
"กรูรอเมิงมานานแล้วนะ..."
หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะมันใช้ริมฝีปากถูกเบาๆที่ต้อคอผม อ๊ากกกกก...ขนลุก สองมือของมันก็ค่อยๆโอบกอดตัวผม ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อุณหภูมิในร่างกายพุ่งขึ้นสูงมากๆ
"ขอเถอะนะมอส...ให้โกเถอะ โกจะดูแลมอสนะ"
แล้วความรู้สึกชื้นแชะก็ค่อยๆเกิดขึ้นบริเวณต้นคอ แปลกที่ผมกลับรู้สึกเคลิ้มไปกับมัน...มือมันค่อยๆสัมผัสตัวผมเบาๆมันลูบตัวผมเบาๆแต่นั่นก็ทำให้การเล้าโลมดำเนินไปอย่างมีค่า มันยืนขึ้นแล้วดึงตัวผมเข้าไปใกล้ ลมหายใจของมันประทะหน้าผม มันค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ สายตาของมาชั่งหยาดเยิ้ม ลมหายใจของมันชั่งน่าหลงใหล อ้อมแขนของมันอบอุ่น ความรู้สึกของมันผมรับได้ทั้งหมด มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก ริมฝีปากบางๆนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ และ....
*****************************
ข้างไว้ก่อน แกล้งคนมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง (ไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้...ดีหรือไม่ดีก็ติชมกันด้วยนะ อย่างว่าแหละฉากแบบนี้มันอธิบายไม่ถูกต้องเจอเองถึงจะรู้ จริงมะ 55+)