ตอนที่ 23
“ชอบ”
“มึงหายดีแล้วแน่นะ”
“แน่ครับ”
“มึงก็ถามอะไรที่ไม่ควรถาม พี่บอนด์ตามไปดูแลถึงห้อง ไม่หายให้มันรู้ไป” ผิงพูดไปมองน้องนายยิ้มๆ ไป “กูแกล้งไม่สบายบ้างดีไหมวะ เผื่อพี่ไกด์จะเป็นห่วงกูเหมือนที่พี่บอนด์ห่วงน้องนาย”
“ทำไมพักนี้คุณผิงพูดถึงพี่ไกด์บ่อยจังครับ” น้องนายถามคำถามที่ผมกำลังสงสัยอยู่พอดี ผมเห็นผิงเพ้อถึงผู้ชายมาเยอะ แต่ยังไม่เคยเห็นมันสนใจใครเท่าพี่ไกด์มาก่อน
“กูมาคิดๆ ดู ตามกรี๊ดผู้ชายหลายคนมันเหนื่อย กูเลยตั้งใจว่าหลังจากนี้จะกรี๊ดทีละคน เริ่มจากพี่ไกด์เป็นคนแรก”
“กูสงสารพี่ไกด์ว่ะ”
โครม!! “ขัดกูนะมึง” ผิงชี้หน้าคาดโทษผม หลังจากมันส่งผมลงมาทักทายพื้นเป็นที่เรียบร้อย ผมลืมบอกว่าผิงเป็นผู้หญิงที่แรงเยอะตามน้ำหนัก ที่ถีบมาเมื่อกี้ใช่ว่าจะเบาที่ไหน ถ้าเอามันไปแข่งกับกระทิงผมว่ามีสูสี
“ทำไมคุณผิงไม่หาแฟนเป็นตัวเป็นตนไปเลยล่ะครับ หน้าตาคุณผิงก็ไม่ได้แย่นะ” แหมน้องนาย เห็นกูโดนถีบหน่อยอยู่เป็นขึ้นมาเลยนะ
“กูก็อยากมี แต่มันยังไม่มีใครเข้าตาเลยไง”
“เหรอ แล้วบรรดารุ่นพี่ที่มึงตามกรี๊ดล่ะ”
“นั่นเขาเรียกว่ากรี๊ดความหล่อ แต่ถ้าพูดถึงคนที่จะมาเป็นแฟนยังไม่มีใครตรงใจกูสักคน”
“แล้วต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะตรงใจคุณผิงเหรอครับ”
“หล่อ สุภาพบุรุษ กูพูดอะไรก็เชื่อฟัง ไม่หือไม่อือไม่มีปากเสียง ว่าง่ายๆ ก็คุมง่ายนั่นแหละ”
“เดี๋ยว มึงกำลังพูดถึงแฟนหรือลูก” ผมอดขัดไม่ได้ รู้สึกสงสารแฟนในอนาคตของมันขึ้นมาจับใจ
“มึงไม่รู้อะไร หล่ออย่างเดียวอะคุมยาก ต้องหล่อด้วยว่านอนสอนง่ายด้วย สมัยนี้เขาฮิตให้ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหน้าย่ะ”
“แล้วถ้าอย่างพี่ไกด์ล่ะครับ” น้องนายถามหยั่งเชิง ผมว่ามันคงแซวเล่น
“พี่ไกด์เหรอ อืม...ไม่รู้สิ หน้าตาผ่านอยู่แล้ว แต่อย่างอื่นต้องดูกันต่อไป”
“พูดอย่างกับมึงจะจีบเขาจริงๆ”
“ใครจีบใครเหรอครับ” จู่ๆ พี่ไกด์ก็โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมกับน้องนายสะดุ้งพร้อมกัน แต่ผิงกลับหันไปยิ้มทะเล้น
“ก็ผิงจีบพี่ไกด์ไงคะ”
“ฮะ!?” พี่ไกด์สะดุ้งโหยง เพื่อนผมหัวเราะเสียงดัง
“ล้อเล่นค่ะ พวกหนูคุยกันไปเรื่อย ไม่มีอะไรหรอก”
คนเกือบถูกจีบทำหน้าโล่งอก สงสารนะครับ แกคงตกใจน่าดู นอกจากพี่ไกด์แล้วคนอื่นๆ ก็มาเหมือนกัน เรียกได้ว่าครบองค์ประชุมคนหน้าตาดี
“เย็นนี้ไปฉลองกับพวกพี่ไหม” พี่โอปอล์พูดขึ้นมา
“ฉลองอะไรครับ”
“วันเกิดพี่ เราตกลงกันว่าจะไปร้าน F&D พวกซนก็ไปด้วยสิ”
ผมตาโต ไม่รู้มาก่อนว่าวันนี้เป็นวันเกิดพี่โอปอล์ เสียดายถ้ารู้เร็วกว่านี้จะได้เตรียมของขวัญทัน พี่ธารนะพี่ธาร บอกกันหน่อยก็ไม่ได้
“พวกผมไปด้วยจะดีเหรอครับ”
“ดีสิ ไปกันเยอะๆ สนุกดี ขากลับก็ให้ธารกับบอนด์แบ่งกันไปส่ง ได้ใช่ไหม”
พี่ธารกับพี่บอนด์พยักหน้า ผมเลยหันไปมองเพื่อนเป็นเชิงปรึกษา น้องนายยังไงก็ได้ ขณะที่ผิงพยักหน้ารัวจนคอแทบหลุดจากบ่า เพื่อนผมไม่ค่อยเห็นแก่ของฟรีเท่าไหร่เลย
“ตกลงครับ พวกผมไปด้วย”
“งั้นห้าโมงเย็นมาเจอกันที่คณะพี่นะ”
“ครับ”
“มึงเลือกเลย”
“ใช่ครับ คุณผิงเป็นผู้หญิงเหมือนกัน น่าจะเหมาะกว่าผมหรือคุณซนเลือก” ผมกับน้องนายพูดเป็นเสียงเดียวกันหลังเดินเข้ามาในร้านของใช้ผู้หญิง โชคดีที่อาจารย์ยกคลาสช่วงบ่าย พวกผมเลยมีเวลามาหาซื้อของขวัญให้พี่โอปอล์
“ได้ พวกมึงไว้ใจกูได้เลย”
“ไม่เอาตุ๊กตากบนะครับ” น้องนายพูดดักไว้ ปีก่อนผิงซื้อของขวัญให้พี่รหัสเป็นตุ๊กตากบ ไม่ใช่กบน่ารักแต่เป็นกบที่เหมือนของจริงจนกอดไม่ลง
“รู้ย่ะ นั่นกูแกล้งพี่รหัสเฉยๆ ใครจะไปทำแบบนั้นกับพี่โอปอล์ล่ะ”
ผิงเดินไปเลือกของในร้าน มีผมกับน้องนายเดินตาม ด้วยวัยและฐานะพวกผมจึงไม่คิดจะซื้อของแพงเกินกำลัง แต่ก็ควรมีของขวัญติดมือไปบ้างเพื่อไม่ให้น่าเกลียด พี่โอปอล์อุตส่าห์มาชวนด้วยตัวเองทั้งที
ผมเห็นของน่าสนใจเลยแวะดู ปล่อยให้ผิงกับน้องนายเดินนำไปก่อน แต่จังหวะที่จะหยิบมาดูก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ซน”
ผมหันไปมองคนที่เข้ามาทัก พี่เต้ในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาหาผม รอยยิ้มที่ติดใบหน้าพาให้ผู้หญิงในร้านมองมาเป็นแถบ แหม ฮอตจริงๆ พ่อคุณ
“มาซื้อของเหรอ”
“ครับ มากับเพื่อน” ผมรีบบอกเมื่อเห็นสายตาสงสัยของพี่เต้ ร้านนี้เป็นร้านของใช้ผู้หญิง จะงงก็ไม่แปลก
“พี่เห็นเราแล้วคุ้นๆ เลยลองเข้ามาทักดู ไม่นึกว่าจะใช่จริงๆ”
“พี่เต้ก็มาซื้อของเหรอครับ”
“ใช่”
“ซน มึงว่าอะไรดีกว่ากัน” ผิงเดินถือที่คาดผมกับกระเป๋าใบเล็กมาถาม ก่อนที่มันกับน้องนายจะชะงักเมื่อเห็นว่าผมอยู่กับใคร “เอ่อ...พี่เต้”
“สวัสดีครับ” พี่เต้ยิ้มทักทายเพื่อนผม “พี่ชื่อเต้ เป็นเพื่อนธารนะครับ”
น้องนายยิ้มรับก่อนจะแนะนำตัวเอง ผมอยากบอกพี่เต้เหลือเกินว่าไม่ต้องแนะนำตัวก็ได้ เพื่อนผมรู้จักพี่อยู่แล้ว แต่แปลกแฮะ ผมนึกว่าผิงจะทำหน้าเคลิ้มเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับไม่มีท่าทีอะไรเลย สายตาที่มองพี่เต้ก็แปลกไป
“ทานข้าวกันหรือยัง” พี่เต้ถามพวกผม
“ยังครับ ผมกะว่าซื้อของเสร็จแล้วจะไปหาอะไรทาน”
“ดีเลย ไปทานข้าวกลางวันเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง เลือกร้านกันมาเลย”
“อย่าเลยค่ะ น้องนายมันกินจุ ผิงเกรงใจพี่เต้”
น้องนายหน้าเหลอหลา ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ก่อนจะปิดปากเงียบเมื่อผิงเหลือบมามอง ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองแล้วล่ะ วันนี้เพื่อนผมแปลกไปจริงๆ อดีตเดือนมหา’ลัยที่ตามกรี๊ดมานานชวนไปทานข้าวแต่มันกลับปฏิเสธหน้าตาเฉย
“ไม่เป็นไรพี่จ่ายไหว พี่รอหน้าร้านนะ ซื้อของกันตามสบายเลย” พี่เต้ยิ้มให้ก่อนเดินออกไปจากร้าน ปิดโอกาสไม่ให้ใครปฏิเสธอีก ผมกับน้องนายหันไปมองผิงทันที
“อะไรของมึงวะผิง ไม่สมเป็นมึงเลย”
“จริงครับ แล้วไหนจะบอกว่าผมกินจุอีก ผมไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นเสียหน่อย”
“เขาเรียกว่าข้ออ้าง ไม่รู้จักเหรอยะ”
“นั่นแหละที่ไม่สมเป็นมึง พี่เต้ตัวเป็นๆ มาชวนทานข้าวเลยนะเว้ย ปกติมึงต้องรีบรับไม่ใช่เหรอ”
“กูไม่ได้บ้าผู้ชายขนาดนั้น แล้วพี่ธารก็บอกให้มึงอยู่ห่างพี่เต้ไว้ไม่ใช่เหรอ”
“แค่ทานข้าวเอง ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“อีกอย่าง ตั้งแต่รู้ว่าพี่ธารพูดอย่างนั้นกับมึง กูก็รู้สึกว่าพี่เต้มีอะไรแหม่งๆ”
“อะไรแหม่งๆ ที่ว่าคืออะไรเหรอครับ”
“สายตาที่เขามองไอ้ซนเมื่อกี้ไง” ผิงทำหน้าจริงจังใส่ผม
“กูไม่เห็นจะมีอะไรแหม่ง”
“มึงมันเอ๋ออย่างที่พี่ธารบอก จะมองไม่ออกก็ไม่แปลก แต่กูผ่านโลกมามากกว่ามึง พี่เต้คิดอะไรอยู่ทำไมกูจะไม่รู้”
ได้ข่าวว่าอายุเท่ากัน แล้วมันเอาอะไรมาผ่านโลกมากกว่าวะ
“เดี๋ยวนะ มึงหลอกด่ากูเอ๋อเหรอ” ผมโวยวาย
“กูพูดความจริง”
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันครับ พี่เต้รออยู่หน้าร้าน คุณผิงจะเอายังไง” น้องนายรีบห้ามทัพ
“ก็ถ้าเขาพูดขนาดนั้นเราคงปฏิเสธไม่ได้ อย่าให้พี่ธารรู้เรื่องนี้แล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวไอ้ซนจะซวย”
“งั้นคุณผิงรีบซื้อเถอะครับ เดี๋ยวพี่เต้รอนาน”
“โอเค”
หลังจากเลือกของขวัญอยู่ครึ่งชั่วโมงก็ได้มาเป็นสร้อยข้อมือรูปตุ๊กตาหมี ผิงให้ความเห็นว่าคนสวยๆ อย่างพี่โอปอล์เหมาะกับของน่ารักๆ พี่เต้ให้พวกผมเลือกร้านอาหาร ผมเลยเลือกอาหารญี่ปุ่น หลังสั่งเมนูกันเรียบร้อยพี่เต้ก็ชวนคุย
“มาซื้ออะไรกัน”
“ของขวัญวันเกิดพี่โอปอล์ครับ เย็นนี้พี่โอปอล์ชวนไปเลี้ยงวันเกิด พวกผมเลยมาหาซื้อของขวัญก่อน”
โอ๊ะ!
ผมเกือบอุทานออกไป ดีที่ยั้งปากไว้ทัน ผมหันไปมองคนที่ยื่นเท้ามาเตะใต้โต๊ะ ผิงถลึงตาใส่ อะไรของมันวะ
“วันนี้วันเกิดโอปอล์เหรอ”
“ใช่ครับ” ผมคิดว่าที่พี่เต้ถามเพราะพี่โอปอล์ไม่ได้ชวน ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะไม่สนิทกัน พี่เต้นิ่งไปเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนมุมปากจะยกยิ้ม
“พี่ไปด้วยสิ”
อ่า...ผมว่าผมเข้าใจสายตาที่ผิงมองมาแล้วล่ะ ทำไมผมปากโป้งแบบนี้วะ ชักเริ่มเห็นหายนะลางๆ
“พี่เต้อยากไปด้วยเหรอครับ”
“ใช่ ถึงจะไม่สนิทกันแต่โอปอล์ก็เป็นเพื่อนร่วมคณะ อีกอย่างพี่จะได้ไปส่งพวกเราด้วย ไม่มีรถกันไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องเดินทางไม่ต้องห่วงค่ะ ซนมันนัดกับพี่ธารแล้ว ขอบคุณนะคะพี่เต้” ผิงตอบแทนผม พี่เต้เลิกคิ้ว ก่อนจะทำเสียงหึในคอพลางกระตุกยิ้ม
“ธารไปด้วยเหรอ”
“ครับ”
“งั้นพี่ยิ่งพลาดไม่ได้เข้าไปใหญ่”
“พลาดอะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าซนบอกร้านพี่มาหน่อย ทานข้าวเสร็จแล้วก็มาช่วยเลือกของขวัญหน่อยนะ พี่จะซื้อให้โอปอล์เหมือนกัน”
ผิงจ้องผมเขม็ง ราวกับกำลังกดดันให้ผมปฏิเสธ แต่สถานการณ์อย่างนี้บอกได้คำเดียวว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมไม่ใช่เจ้าของวันเกิด จะให้ห้ามพี่เต้ก็คงไม่ใช่เรื่อง สุดท้ายเลยต้องยอมบอกชื่อร้านไป ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าพี่ธารรู้ทีหลังต้องโกรธแน่
ไอ้ซนเอ๊ย ไม่น่าหลุดปากไปเลย แล้วแบบนี้จะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย
-ธาร- ผมค่อนข้างแปลกใจและไม่พอใจเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาในร้าน เต้ยิ้มให้พวกผมที่นั่งอยู่ หันไปหาโอปอล์พร้อมยื่นกล่องของขวัญให้ เพื่อนผมต่างทำหน้างง
“สุขสันต์วันเกิดครับโอปอล์”
“ขอบคุณนะ ว่าแต่เต้มาได้ไง” โอปอล์รับของขวัญมาอย่างงงๆ ผมเพิ่งสังเกตว่าตั้งแต่เต้มา สีหน้าซนกับเพื่อนๆ ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อน
“ซนบอกผมว่าวันนี้วันเกิดโอปอล์ ผมเลยอยากเอาของขวัญมาให้”
ผมหันไปมองเจ้าตัวดีทันที ซนยิ้มแหะๆ มิน่าตอนนั่งรถมามันถึงเงียบแปลกๆ ที่แท้ก็ทำความผิดมานี่เอง
“ไหนโอปอล์บอกว่าชวนเพื่อนมาครบแล้วไง” ปืนที่เป็นแฟนโอปอล์ถามขึ้นมา ปืนอยู่คนละมหา’ลัยเลยไม่รู้จักเต้
“ผมกับโอปอล์ไม่สนิทกัน เป็นเพื่อนร่วมคณะเฉยๆ จะไม่ชวนก็ไม่แปลกหรอกครับ ขอโทษนะที่มาทั้งที่ไม่ได้ชวน”
“ไม่เป็นไร เต้อุตส่าห์มาทั้งที อยู่ด้วยกันก่อนก็ได้” โอปอล์เหลือบมองผมนิดหนึ่ง เพื่อนผมน่าจะเดากันออกว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเต้คืออะไร เต้พูดขอบคุณก่อนจะนั่งลงร่วมโต๊ะ ไกด์อาสาชงเหล้าให้ ร้านที่พวกผมมาแทบไม่ต่างจากผับ แค่ลุกขึ้นเต้นไม่ได้เท่านั้นเอง
“ซนไปบอกมึงตอนไหน” ผมถามออกไปตรงๆ บรรยากาศครึกครื้นก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปทันที เต้กระตุกยิ้ม เป็นยิ้มที่เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิด
“วันนี้ตอนกลางวันกูบังเอิญเจอซนที่ห้าง เลยอาสาเลี้ยงข้าวนิดหน่อย”
“มึงโดดเรียนเหรอ” ผมหันไปถามเด็กเอ๋อ ซนกับเพื่อนรีบยกมือปฏิเสธ
“เปล่านะครับ วันนี้อาจารย์ยกคลาส พวกผมเลยไปหาซื้อของขวัญให้พี่โอปอล์”
“ทีหลังไม่ต้องหวังดี คนของกู กูเลี้ยงข้าวเองได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่คิดจะเปิดศึกเพราะเห็นว่าเป็นวันเกิดเพื่อน แต่ก็ปล่อยผ่านไม่ได้เช่นกัน ซนตาโตเมื่อได้ยินอย่างนั้น ต่างกับคู่สนทนาที่เพียงแค่ยิ้มมุมปาก
“ไม่ยักรู้ว่าซนมีเจ้าของแล้ว”
“งั้นก็รู้ไว้ตั้งแต่ตอนนี้”
“ถามน้องมันหรือยังว่าอยากเป็นคนของมึงหรือเปล่า อย่าพูดเองเออเองสิธาร”
ทุกคนบนโต๊ะต่างทำหน้าไม่ถูก ไม่เว้นแม้แต่ปืนที่เหมือนจะจับบรรยากาศมาคุได้ ผมถอนหายใจหนักๆ พยายามข่มอารมณ์ไม่อาละวาด
“ให้ของขวัญเสร็จแล้วก็กลับไปซะ กูไม่อยากทะเลาะกับมึงที่นี่” ผมรู้ว่าพูดอย่างนี้ไม่ต่างกับการหักหน้า แต่ถ้าเต้ยังอยู่ต่อเพื่อนผมคงไม่เป็นอันฉลองวันเกิด ผมไม่อยากให้วันเกิดเพื่อนกร่อยเพราะเรื่องส่วนตัวของผม
“อยู่ต่อก็ได้เต้” โอปอล์พูดขึ้นมา ผมรู้ว่าโอปอล์ไม่ได้เต็มใจแต่เกรงใจอีกฝ่ายเฉยๆ
“ไม่เป็นไร ผมตั้งใจเอาของขวัญมาให้อยู่แล้ว ขอโทษที่ทำเสียบรรยากาศนะครับ เชิญสนุกกันต่อเลย” เต้ลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังไม่แตะแอลกอฮอล์แม้แต่น้อย มันยิ้มมุมปากให้ผม เอ่ยขอตัวแล้วออกไปจากร้าน ผมหันไปขอโทษเจ้าของวันเกิด โอปอล์ส่ายหน้าพลางยิ้มให้ สีหน้าทุกคนดูดีขึ้น บรรยากาศเริ่มกลับมาเหมือนเดิม
ผมหันไปมองทางที่เต้เพิ่งเดินไป คิ้วขมวดเข้าหากัน ผมรู้ว่าที่เต้ยอมถอยเพราะเห็นแก่เพื่อนผม แต่มันยังไม่ตัดใจจากซน ดวงตาที่มันทิ้งท้ายไว้บอกผมแบบนั้น
ผมพาซนกลับบ้านหลังอยู่รอเจ้าภาพเป่าเค้กวันเกิดแล้ว ส่วนคนอื่นอยู่สนุกกันต่อ ผมฝากบอนด์ไปส่งผิงกับน้องนายแล้วจึงไม่ต้องเป็นห่วง
เหมือนซนจะรู้ว่าทำไมผมถึงพากลับก่อน มันเลยไม่ดื้อ ไม่ถามอะไรสักแอะ ผมเหลือบมองคนข้างๆ ที่ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็ไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งนิ่งไม่ขยับ
“กูบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าไปยุ่งกับเต้”
เจ้าตัวดีสะดุ้ง มันยิ้มแห้งให้ผม หน้าเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าทำความผิด
“ผมขอโทษ ปากมันเผลอพูดออกไปเอง แต่เรื่องที่เจอพี่เต้มันบังเอิญจริงๆ นะ ผมสาบาน” ซนชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว ดวงตาแป๋วที่มองมาบอกว่าเจ้าตัวไม่ได้โกหก ผมพ่นลมหายใจ รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้
“ต่อไปนี้ผมจะอยู่ห่างพี่เต้ ไม่พูดด้วย ไม่มองหน้า จะทำเหมือนพี่เขาเป็นอากาศ ดีไหมครับ” ซนเห็นว่าผมไม่พูดอะไรเลยนึกว่าผมโกรธ รีบพูดเอาใจใหญ่ ผมเหลือบไปมองมัน เจ้าตัวดียิ้มให้
“รู้บ้างไหมว่าที่กูไม่อยากให้มึงยุ่งกับเต้เพราะอะไร”
ผมนึกว่าจะได้เห็นหน้าเอ๋อๆ เหมือนทุกครั้ง แต่พอผมถามจบซนกลับหุบยิ้ม เบือนสายตาหนีพลางเม้มปาก
“ที่เงียบนี่คือรู้?” ผมลองถามหยั่งเชิง
“ตอนแรกไม่รู้หรอก ผิงมันก็บอกแล้วแต่ผมไม่เชื่อ แต่พอได้ยินพี่พูดกับพี่เต้ในร้านผมก็เริ่มคิดว่า...หรือที่ผิงพูดจะเป็นความจริง”
“ผิงพูดอะไร”
“...”
“เอ๋อ”
“ถ้า...ถ้าผมบอกแล้วห้ามหัวเราะนะ” สีหน้าซนมีความลังเล จากที่หงุดหงิดเรื่องเต้ตอนนี้ผมเริ่มเห็นความหวังลิบๆ
“ไม่หัวเราะหรอก บอกมาเร็ว”
ซนยังคงอ้ำอึ้ง แต่พอโดนผมเร่งอีกครั้งมันก็พูดออกมาในที่สุด
“ผิงบอกว่าพี่ธารกำลังกันผมออกจากพี่เต้ เพราะพี่เต้ชอบผม และ...”
“และอะไร”
“และพี่ธาร...ก็ชอบผมเหมือนกัน”
เกิดความเงียบขึ้นในรถ ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะหลุดเสียงขำออกมา พยายามแล้วแต่มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ
“ไหนบอกว่าไม่หัวเราะไง” ซนพูดทั้งที่หน้าแดง ไม่รู้แดงเพราะเขินหรือโกรธ
“ไม่ถามหน่อยเหรอว่ากูหัวเราะอะไร”
“จะอะไรล่ะ ก็หัวเราะคำพูดผมไง ผมไม่น่าเชื่อเพื่อนเลย รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้”
“ถูก กูหัวเราะคำพูดมึง แต่ไม่ได้หัวเราะเพราะมันผิด”
ซนหันขวับมามอง หน้าตกใจปนแปลกใจของมันน่ารักจนผมลืมความหงุดหงิดในวันนี้ไปหมด
“กูแค่กำลังคิดว่าเพื่อนมึงฉลาดดี เดาถูกทุกอย่างไม่มีผิดเลย”
ซนตาลุกโพลง อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่ผมคว้ามันมาจูบแล้ว เด็กอะไรตกใจได้น่ารักชะมัด
“พี่กำลังจะบอกว่า...”
“อืม ตามที่มึงคิดนั่นแหละ” ผมจอดรถเมื่อมาถึงหน้าบ้าน หันไปสบตากับอีกคน มองเข้าไปในดวงตา
“กูชอบมึง” >>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<
Twitter :
earthxxide Fanpage :
Earthxxide