ตอนที่ 24
วันที่ความกลัวหายไป
ผมนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ดวงตาที่เงยมองเพดานเหม่อลอย เอาแต่คิดเรื่องเดิมวนไปมา
ปกติแล้วถ้าเราชอบใครสักคน และคนๆ นั้นก็ชอบเราเหมือนกัน เราก็ควรจะดีใจ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงเอาแต่กลัว กังวล สับสน ทุกอย่างผสมปนเปจนผมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร
เป็นไปได้ไหมว่าผมอาจกำลังตกใจ ก็ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าพี่ธารจะชอบผู้ชาย แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นผมอีก เมื่อคืนหลังจากโดนบอกชอบผมก็รีบหนีเข้าบ้านทันที มันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ผมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี หัวใจผมเต้นแรงจนนึกว่าจะกระดอนออกมานอกอก
ผมชอบพี่ธาร พี่ธารชอบผม เราสองคนใจตรงกัน แล้วหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ ต้องคบกันเลยไหม แล้วใครจะเป็นคนขอคบ ถ้าเป็นแฟนกันแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า คำถามมากมายผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แต่กลับไม่มีคำตอบเลย
เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ผมเดาได้ทันทีว่าใคร
ผมเดินไปเปิดประตูช้าๆ พี่ธารยืนอยู่ตรงหน้า เขาก้มมองผม แต่ผมหลุบตาลงต่ำอย่างไม่กล้าสบตา
“เพิ่งตื่นเหรอ”
“ตื่นสักพักแล้วครับ”
“กูเตรียมอาหารเสร็จแล้ว ไปล้างหน้าแปรงฟันจะได้มากินข้าว”
ผมพยักหน้า พี่ธารยังยืนอยู่ที่เดิม ถึงจะไม่เงยหน้าแต่ผมก็รู้ว่าเขากำลังมองอยู่
“ซน เรื่องเมื่อคืน...”
“พี่ลงไปก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมตามไป ขอทำธุระส่วนตัวก่อน” ผมรีบพูดตัดหน้าอีกฝ่าย หันหลังเดินหายไปในห้องน้ำ ผมรู้ว่าพี่ธารอยากพูดอะไร แต่ผมยังไม่พร้อม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร อย่างเดียวที่รู้คือผมกำลังกลัวบางอย่าง
“วันนี้ผมออกไปข้างนอกกับเพื่อนนะครับ” ผมบอกพี่ธารที่นั่งตรงข้าม หลังทานอาหารเช้ากันมาสักพัก
“ไปไหน”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผิงบอกว่าเบื่อๆ เลยอยากชวนไปเที่ยว แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหน” ผมโกหก ก็ผมนี่แหละที่ชวนเพื่อนออกมาเอง
พี่ธารมองผมนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร เราสองคนต่างทานอาหารของตัวเอง ไม่มีใครพูดอะไรอีก จนกระทั่งทานเสร็จพี่ธารก็เอาจานไปล้างให้ ถ้าเป็นปกติคงให้ผมล้างเอง แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงใจดี
หรือบางทีพี่ธารอาจดูออกว่าผมสับสนกับเรื่องเมื่อคืน เลยอยากออกไปข้างนอกเพื่อหลบหน้า ผมได้แต่ขอโทษอีกฝ่ายในใจ ไม่กล้าพูดออกไป เหมือนที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น
“กลับดีๆ นะมึง” ผมโบกมือลาผิงกับน้องนายหลังไปเดินห้างด้วยกันมาทั้งวัน กิจกรรมวันหยุดของเด็กมหา’ลัยอย่างผมมีไม่กี่อย่างหรอกครับ ดูหนัง ทานข้าว ช็อปปิ้ง สามอย่างนี้คือสิ่งที่ผมใช้เป็นข้ออ้างหลบหน้าพี่ธาร ผิงกับน้องนายค่อนข้างแปลกใจ เพราะวันก่อนผมยังบ่นกับพวกมันอยู่เลยว่าช่วงนี้เรียนหนัก เลยอยากพักอยู่บ้านในวันหยุด
ผมยืนมองจนแท็กซี่หายไปจากสายตา จึงหมุนตัวเตรียมเดินเข้าบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่หลังรั้วบ้านถัดไป
“นั่งแท็กซี่มากับเพื่อนเหรอ”
“ครับ” ผมตอบพี่ธาร แต่ยังหลบตาเหมือนเดิม
“ทำไมไม่โทรมาบอกให้กูไปรับ”
“ผมไม่อยากรบกวนพี่”
“รบกวนห่าอะไร มึงนั่งรถกูมากี่ครั้งแล้ว” พี่ธารทำท่าจะเดินมาบ้านผม
“วันนี้ผมเหนื่อย ขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ ไม่ต้องทำอาหารเย็นนะผมกินมาแล้ว” ผมรีบพูดรีบเดินเข้าบ้าน ไม่อยากเผชิญหน้าไปมากกว่านี้ อย่าถามนะครับว่าผมเป็นอะไร ผมถามตัวเองหลายรอบแล้วยังไม่ได้คำตอบเลย ผมรู้แค่ว่าไม่กล้าสู้หน้าพี่ธาร มันสับสนไปหมด อยากขอเวลาทำใจอีกหน่อย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำใจเรื่องอะไร
ผมกำลังจะเดินขึ้นชั้นสอง แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เดินไปที่ห้องครัว โต๊ะอาหารกลางห้องมีฝาชีตั้งอยู่ พอลองเปิดออกก็เจอกับข้าวสองสามอย่าง ผมรู้ทันทีว่าพี่ธารเป็นคนเตรียมไว้ให้ วินาทีนั้นความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามา
จากที่จะขึ้นไปอาบน้ำ ผมเปลี่ยนเป็นเดินไปตักข้าวมานั่งกินคนเดียว ผมไม่รู้ว่ากับข้าวพวกนี้พี่ธารทำเผื่อตัวเองด้วยหรือเปล่า ผมเองก็อยากชวนพี่มันมากินด้วยกัน แต่แค่สบตายังไม่กล้า นับประสาอะไรกับชวนมากินข้าว ผมเลยได้แต่ขอโทษในใจอีกครั้ง
ขอโทษนะครับ...พี่ธาร
หลายวันมานี้ผมเอาแต่หลบหน้าพี่ธาร พอพี่มันทำท่าจะพูดเรื่องคืนนั้นผมก็จะเบี่ยงประเด็นทุกครั้ง ยิ่งนานวันเข้าอาการผมก็ยิ่งออก จนเพื่อนๆ เริ่มสังเกตความผิดปกติ
“มึงมีอะไรที่ไม่ได้บอกกูหรือเปล่า” ผิงเริ่มเป็นคนแรก ผมกะแล้วว่าสักวันต้องโดนถาม ผมเก็บอาการเป็นที่ไหน
“คุณซนมีอะไรบอกพวกผมได้นะครับ อย่าเก็บไว้คนเดียว” น้องนายพูดอย่างเป็นห่วง
“ท่าทางกูชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”
“พูดอย่างนี้แสดงว่ามี ท่าทางมึงไม่ได้ชัดธรรมดาแต่โคตรชัด มีอะไรก็บอกกูกับน้องนายดิ พวกกูเพื่อนมึงนะเว้ย”
ผมมองหน้าเพื่อนทั้งสองคน ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเกริ่นเรื่องหนักใจของตัวเอง
“กูเหมือนคนโง่เลยว่ะ”
“ทำไมคิดแบบนั้นครับ” น้องนายค่อยๆ ตะล่อมถาม ผมถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือก
“พวกมึงอยากรู้ใช่ไหมว่ากูเป็นอะไร เชื่อไหมว่าขนาดตัวกูเองยังไม่รู้เลย กูถามตัวเองเป็นร้อยรอบแล้วก็ยังไม่รู้ หงุดหงิดตัวเองฉิบหาย”
“ใจเย็นๆ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นอะไรงั้นเล่าให้ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น การที่จู่ๆ มึงเป็นแบบนี้แปลว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นใช่ไหม”
ผมมองหน้าผิง พยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวว่าควรเริ่มจากตรงไหน ตอนนี้ความคิดผมสะเปะสะปะไปหมด เหมือนใครเทจิ๊กซอว์มารวมกันจนยากที่จะประกอบคืนเหมือนเดิม
“พี่ธารบอกชอบกู”
“หา!?” ผิงกับน้องนายตาโต สีหน้าตกใจกับคำพูดของผม ผมเล่าตรงไปเหรอ ก็ผมไม่รู้นี่ว่าควรเล่าอะไรก่อน
“มึงไม่ได้อำกูเล่นใช่ไหม”
“กูจะอำทำไม”
“เหี้ย” ดูเหมือนผิงจะตกตะลึงจนเผลอปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกมา “เห็นไหม กูบอกแล้ว พี่ธารชอบมึงจริงๆ โอ๊ย กูอยากกรี๊ดอะมึง”
“ดีใจด้วยนะครับคุณซน สมหวังแล้วนะครับ” น้องนายยิ้มให้ผม ก่อนรอยยิ้มจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเห็นผมไม่ยิ้มตาม “คุณซนไม่ดีใจเหรอครับ”
พอน้องนายทักอย่างนั้นผิงก็หยุดตื่นเต้น หันมามองผม “เออนั่นดิ พี่ธารชอบมึง มึงก็ชอบพี่ธาร มึงกับพี่เขาใจตรงกันแต่ทำไมดูไม่ดีใจเลย”
“อย่าบอกนะครับว่าที่คุณซนกำลังคิดมากคือเรื่องนี้”
ผมพยักหน้าช้าๆ ตอบคำถามน้องนาย เพื่อนผมต่างทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก
“มึงคิดมากอะไรวะ”
“กูไม่รู้” ผมพูดประโยคเดิมออกไปอีกครั้ง “กูยังงงตัวเองอยู่เลย ปกติกูควรดีใจ แต่มันกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยว่ะ”
“แล้วตอนนี้มึงรู้สึกยังไง”
“กูสับสน กูกลัว แต่...กูไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไร”
ผิงกับน้องนายมองผมนิ่ง เวลาผ่านไปสักพักก่อนเสียงถอนหายใจจะดังเบาๆ ผิงเอื้อมมือมาจับบ่า ดวงตาที่มองมาจริงจัง
“มึงยังชอบพี่ธารอยู่ไหม”
ผมนิ่งทบทวนความรู้สึกนิดหนึ่งก่อนพยักหน้า ถึงจะมีหลายอย่างที่คลุมเครือ แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจคือผมชอบพี่ธารแน่นอน
“ถ้างั้นคำตอบก็ง่ายนิดเดียว มึงกำลังกลัวการคบผู้ชายด้วยกัน”
ผมเงยหน้ามองผิง จากที่ตอนแรกเอาแต่ก้มมองตัก น้องนายทำหน้าไม่เข้าใจ ไม่ต่างอะไรจากผม
“ยังไงวะ”
“มึงชอบผู้หญิงมาตลอด จู่ๆ ก็เปลี่ยนมาชอบผู้ชาย แถมผู้ชายคนแรกในชีวิตยังชอบมึงเหมือนกันอีก จะสับสนก็ไม่แปลก”
“กูไม่ได้รังเกียจพี่ธาร” ผมรีบออกตัวเพราะกลัวเพื่อนเข้าใจผิด
“กูรู้ ถ้ามึงรังเกียจจะชอบเขาเหรอ แต่ที่พูดเนี่ยกูหมายถึง การชอบผู้ชาย การมีแฟนเป็นผู้ชาย เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่ เป็นอะไรที่มึงไม่เคยมีประสบการณ์ จะสับสนหรือกลัวบ้างมันก็เป็นเรื่องธรรมดา” ผิงที่ตอนนี้สถาปนาตัวเองเป็นกูรูด้านความรัก พูดได้คล่องแคล่วราวกับมานั่งอยู่กลางใจ เป็นครั้งแรกที่ผมอยากชมมันว่าโคตรฉลาด นอกจากเดาเรื่องพี่ธารกับพี่เต้ได้ถูกแล้วยังรู้อีกว่าผมเป็นอะไร ขนาดผมยังไม่รู้ตัวเองเลย
“แล้ว...แล้วกูต้องทำยังไงถึงจะหายกลัว”
“กูไม่รู้”
“อ้าว!” ผมร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆ คนที่เพิ่งชมว่าฉลาดดันทิ้งกันกลางทาง
“ก็นี่ไม่ใช่เรื่องของกู ถ้ามึงอยากรู้ต้องไปเปิดอกคุยกับพี่ธารเอง ให้เดานะ ที่มึงยังคิดมากอยู่ตอนนี้เพราะยังไม่ได้คุยกับพี่ธารใช่ไหม”
ผมพยักหน้าช้าๆ น้องนายยื่นมือมาแตะไหล่เบาๆ
“ไปคุยกับพี่ธารเถอะครับคุณซน การคบกับผู้ชายมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก เชื่อผมสิ”
“พูดเหมือนมีประสบการณ์เลยนะคะคุณน้องนาย”
“ประสบการณ์อะไรล่ะครับ คุณผิงก็รู้ว่าคนอย่างผมไม่มีใครมาชอบหรอก”
“แน่ใจเหรอ กูว่ามีอยู่คนนึงนะ”
บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ผมมองผิงแซวน้องนายแล้วเผลอยิ้มออกมา เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผมยิ้มจริงๆ ไม่ใช่ฝืน พอได้ระบาย ได้ปรึกษาเพื่อนแล้วมันรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก ทำไมที่ผ่านมาผมถึงเอาแต่เก็บเรื่องคิดมากไว้คนเดียวนะ
พอได้ยินผิงพูดวันนี้แล้วผมถึงเข้าใจ ผมกำลังกลัว กังวลและสับสนกับความรักในอีกรูปแบบ เป็นความรักที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับตัวเอง และอีกอย่างที่เพื่อนผมพูดถูกคือการที่จะเลิกกลัวได้ มีทางเดียวคือผมต้องไปคุยกับพี่ธารให้รู้เรื่อง มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่ผมเอาแต่หลบหน้า ทั้งที่จริงเราควรหันหน้าคุยกันตรงๆ หลังจากนี้ผมจะไม่กลัวอีกแล้ว ผมจะไปคุยกับพี่ธารให้เรื่อง คุยเรื่องความรักของเรา ความรักของผมกับพี่ธาร
ผมนั่งถูมือไปมาอยู่ในรถ ข้างๆ คือพี่ธารที่กำลังขับรถด้วยใบหน้านิ่ง ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ใช่ว่าจะพูดออกไปได้เลย ควรเริ่มจากตรงไหน ต้องเกริ่นก่อนไหมหรือเข้าเรื่องได้เลย หรือจะรอไปคุยกันที่บ้าน ผมจะได้มีเวลาเตรียมตัวอีกหน่อย
เพราะมัวแต่คิดอะไรคนเดียว รู้ตัวอีกทีก็มาถึงหน้าบ้านแล้ว ไอ้พี่ธารขับเร็วเกินไปไหม ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลย
ขณะที่ผมเงอะๆ งะๆ เพราะไม่รู้ว่าควรโพล่งออกไปเลยหรือรอจังหวะเหมาะๆ ก่อนดี พี่ธารที่ยังหน้านิ่งไม่เปลี่ยนก็เลื่อนเบาะไปข้างหลัง ก่อนจะดึงข้อมือผมให้ข้ามไปยังเบาะที่ตัวเองนั่งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมที่ไม่ทันตั้งตัวจึงลอยไปตามแรงดึง รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่บนตักอีกฝ่ายแล้ว
“เฮ้ย! พี่ธารทำอะไร” ผมถามอย่างตกใจ ก่อนจะนิ่งไปเมื่อเห็นสายตาที่มองมา พี่ธารในตอนนี้เหมือนกำลังหงุดหงิดบางอย่าง และถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง บางอย่างที่ว่าก็คือผม
“มึงเกลียดกูมากเลยเหรอ”
“เกลียด? ผมไปเกลียดพี่ตอนไหน”
“ถ้าไม่เกลียดแล้วทำไมถึงเอาแต่หลบหน้า อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะซน” แววตาพี่ธารดูเจ็บปวด สายตาคู่นั้นทำให้ผมที่คิดจะกลับที่ตัวเองได้แต่นิ่งงัน “มึงเป็นอะไรบอกกูมาตรงๆ สิ ไม่ใช่ทำเหมือนรังเกียจกู อยากอยู่ห่างกูตลอดเวลา”
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“แต่การกระทำของมึงมันทำให้กูคิด”
ผมไม่เคยรู้เลยว่าความสับสนของตัวเองจะทำให้พี่ธารเจ็บปวดขนาดนี้ ในตอนที่ผมกำลังคิดมาก ใครบางคนกลับคิดมากกว่าผมเป็นร้อยเท่า
“กูจะไม่คิดอะไรเลยถ้ามึงไม่ได้เปลี่ยนไปหลังคืนนั้น มึงไม่ชอบกูก็ปฏิเสธกูสิ อย่าทำกับกูแบบนี้ มึงทำเหมือนกูเป็นตัวน่ารังเกียจที่ไม่ควรชอบใคร มึงเห็นความรู้สึกกูเป็นของเล่นเหรอวะ”
ดวงตาพี่ธารสั่นระริก แม้ไม่มีน้ำตาแต่ผมรับรู้ได้ว่าข้างในเขากำลังเสียใจ ผมไม่พูดอะไร ค่อยๆ สอดมือไปกอดรอบเอว พี่ธารชะงักกับการกระทำของผม ใจผมเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวว่าพี่ธารจะผลักออก แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้ผมกอดอยู่อย่างนั้น
“ทำอะไรของมึง”
“ผมขอโทษ” ผมพูดเสียงอู้อี้กับอกกว้าง กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “ผมไม่ได้รังเกียจพี่ ไม่ได้เห็นความรู้สึกพี่เป็นของเล่นด้วย ผมพูดจริงนะ เชื่อผมเถอะ”
“ถ้างั้นมึงเป็นอะไร หลบหน้ากูทำไม”
“ผม...ผมกลัว”
ดูเหมือนคำตอบผมจะเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง เพราะพี่ธารถึงกับดันตัวผมออกเพื่อจะได้มองหน้าถนัด
“มึงกลัวอะไร”
“ผมไม่เคยคบผู้ชายมาก่อน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะชอบผู้ชาย ตอนรู้ตัวว่าชอบพี่ผมยังยอมรับได้ แต่พอรู้ว่าพี่ก็ชอบผมเหมือนกัน ผมก็เอาแต่คิดไปไกล มันกลัว กังวล สับสนไปหมด ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าความรักของเราสองคนจะออกมาเป็นยังไง” ผมพรั่งพรูความในใจออกไป ก่อนจะหยุดพูดเพื่อดูท่าทางคนตรงหน้า แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อแววตาคู่นั้นเปลี่ยนไป พี่ธารกำลังยิ้ม ยิ้มเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง อะไรของพี่มันวะ เห็นผมคิดมากแล้วอารมณ์ดีเหรอ
“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ”
“ผมนึกภาพไม่ออกว่าความรักของเราจะออกมาเป็นยังไง”
“ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้”
“ผมกลัว กังวล สับสน”
“ก่อนหน้านี้อีก”
“ตอนรู้ตัวว่าชอบพี่ผมยังยอมรับได้ แต่พอรู้ว่าพี่ก็ชอบผมเหมือนกัน ผมก็เอาแต่คิดไปไกล” ผมพูดจบถึงได้รู้ว่าคนตรงหน้าดีใจอะไร ผมเม้มปากแน่น อาการเห่อร้อนพุ่งขึ้นมาบนหน้าทันที
“มึงบอกชอบกู”
“…”
“มึงชอบกูเหรอซน”
“…”
“เอ๋อ”
ไม่ตอบครับ เงียบสถานเดียว แถมหันหน้าหนีด้วย พี่ธารหลุดขำเบาๆ เชยคางผมหันไปสบตาอีกครั้ง สายตาพี่ธารอ่อนลง ไม่หงุดหงิดเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับมีประกายบางอย่างที่ทำให้ผมใจเต้นแรง
“หน้าแดงเชียวนะ ไม่เห็นปากเก่งเหมือนตอนเถียงเลย ไหนเมื่อกี้เด็กเอ๋อคนไหนบอกชอบกู พูดให้ฟังอีกทีซิ”
ใครจะไปยอมพูด แค่นี้ก็อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว ก็รู้อยู่หรอกว่าถ้าคุยกันตรงๆ ยังไงก็ต้องบอกชอบอยู่ดี แต่ตอนปรึกษาเพื่อนมันไม่เหมือนกันนี่นา ของจริงน่าอายกว่าตั้งเยอะ
“ยัง ยังไม่พูดอีก ต้องให้เอาคีมมางัดปากก่อนใช่ไหม”
“…”
“เอ๋อ”
“…”
“ไม่พูดกูจูบนะ”
“ชอบ! ผมชอบพี่ธาร! ชอบมากๆ เลยครับ!” ผมรีบโพล่งออกไปเมื่อใบหน้าคมโน้มมาใกล้ ยกมือปิดปากไม่ให้อีกคนทำอย่างที่พูดได้ พี่ธารยิ้มทั้งที่ยังโดนปิดปากอยู่ ดวงตาพราวระยับ
“ผม...ผมชอบพี่” ผมลดมือลงพร้อมกับพูดความในใจอีกครั้ง ไหนๆ ก็พูดแล้วอยากให้พี่ธารได้ยินชัดๆ คราวนี้พี่ธารเป็นฝ่ายสอดมือมากอดรอบเอว รั้งเข้าหาตัวเองจนอกผมชิดกับอกแกร่ง
“ก็แค่นี้ เล่นตัวอยู่ได้”
“ผมก็เขินเป็นไหมล่ะ” ผมมองค้อน พี่ธารหัวเราะหึๆ วางมือลงบนหัวแล้วโยกเบาๆ
“แล้วที่บอกว่ากลัวนั่นล่ะ”
“มันก็ไม่เชิงว่ากลัวหรอก ไม่รู้สิ ผมไม่เคยคบผู้ชายมาก่อน เลยไม่รู้ว่าถ้าคบแล้วจะเป็นยังไง อะไรที่เราไม่รู้จักมันก็ต้องกลัวเป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอ”
“อย่ายึดติดกับเพศสิ ถ้าเอาคำว่าผู้ชายออกมันก็แค่คนสองคนรู้สึกดีต่อกัน มึงชอบกู กูชอบมึง คิดแค่นี้พอ จะคิดเยอะแยะให้ปวดหัวทำไม”
“ทำไมพี่คิดง่ายจัง”
“กูต้องถามมึงมากกว่าว่าทำไมต้องคิดให้มันยาก”
“นี่ครั้งแรกเลยนะที่ผมชอบผู้ชาย จะให้คิดน้อยเหมือนพี่ได้ไง” ผมพูดออกไปแล้วถึงได้นึกบางอย่างออก ดวงตาที่มองอีกฝ่ายเบิกกว้างเล็กน้อย “พี่ธาร”
“อะไร”
“ตอนพี่รู้ตัวว่าชอบผม พี่รู้สึกยังไงอะ”
“รู้สึกชอบไง” พี่ธารมองเข้ามาในดวงตาผม แววตาคู่นั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย “กูชอบมึง สำหรับกูแค่นี้ก็พอแล้ว ชอบก็คือชอบ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลมากมาย”
ผมสบตากับพี่ธารอยู่นาน รู้สึกอิจฉาที่อีกฝ่ายคิดได้ง่ายๆ แต่พอคิดตามแล้วมันก็จริงอย่างที่พี่ธารบอก ชอบก็คือชอบ ไม่ว่าอีกคนจะเป็นเพศอะไร ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นก็ไม่มีวันเปลี่ยนอยู่ดี
ผมคลี่ยิ้มหลังเจอคำตอบที่ตามหามานาน พี่ธารที่เห็นผมยิ้มออกก็ยิ้มตาม สอดมือเข้ากับมือผม
“สบายใจแล้วใช่ไหม”
ผมพยักหน้า
“งั้น...ทีนี้ก็คบได้แล้วใช่ไหม”
“ครับ เฮ้ย!” ผมสะดุ้ง พี่ธารยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มหน้ามาใกล้จนปลายจมูกแตะกัน
“ตกใจอะไร มึงชอบกู กูก็ชอบมึง ใจตรงกันขนาดนี้ มึงจะรอคนมาตัดริบบิ้นก่อนเหรอถึงค่อยคบ”
“จู่ๆ พี่ก็วกมาเรื่องคบกัน ผมก็ต้องตกใจดิ แล้วนี่เหรอประโยคขอเป็นแฟน ไม่เห็นโรแมนติกเลย” ผมพูดเสียงขึ้นจมูก พี่ธารหัวเราะในลำคอ
“เป็นแค่เด็กเอ๋อจะอยากโรแมนติกอะไรมากมาย แค่นี้ก็พอแล้ว”
ดูพี่มันนะครับ ไม่คิดจะชมแฟนแบบคนอื่นเขาหรอก ก่อนคบเป็นยังไงหลังคบก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เอ๊ะ นี่ผมตกลงเป็นแฟนไอ้พี่ธารแล้วเหรอ
“ตกลงว่าไง คบนะ” พี่ธารถามย้ำอีกครั้ง
“จะถามทำไมเล่า พี่รู้คำตอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
พี่ธารยิ้ม รั้งผมเข้าไปกอด ผมเขินนิดหน่อยแต่ก็กอดพี่ธารกลับไปเหมือนกัน ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม
ผมไม่รู้ว่าความรักระหว่างผู้ชายจะออกมาในรูปแบบไหน จะมีอุปสรรคอะไรไหม ความรักจะราบรื่นหรือเปล่า แต่นั่นไม่สำคัญอีกแล้ว ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมก็จะมั่นคงกับความรู้สึกตัวเอง และที่สำคัญ...
“เอ๋อ”
“ครับ?”
“กูอยู่กับมึงตรงนี้”
“ผมรู้ ถ้าพี่ธารไม่อยู่ตรงนี้ผมจะกอดได้ไง”
“ไม่ใช่ กูหมายถึง กูอยู่กับมึงตรงนี้ และจะอยู่ข้างๆ เสมอ ไม่ว่ามึงกำลังกลัวอะไร สิ่งนั้นจะไม่มีทางเกิด เชื่อใจกูนะ”
ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม พยักหน้าขึ้นลงกับอกของร่างสูง บางทีการคบกับผู้ชายก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด โดยเฉพาะผู้ชายที่ชื่อธาร คนที่ผมเชื่อมั่นจนหมดใจ
>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<
Twitter :
earthxxide Fanpage :
Earthxxide