๓๒.
ลาภะ – ลาภะ (หากว่าความรักนั้นบังเกิด)
ฐานทัพยืนมองสถานที่นี้ด้วยความหวัง ทุกอย่างที่เขาเตรียมไว้ ได้ถูกตกแต่ง จัดวางอย่างที่ชายหนุ่มต้องการ วันนี้ตั้งแต่เช้า ฐานทัพมาคอยคุมงาน ให้เป็นไปตามแผนที่เขาวางเอาไว้ เขาอยากให้ทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี และเสร็จทันเวลานัดหมาย ซึ่งเป็นช่วงหัวค่ำของวันนี้
ฐานทัพขอร้องให้คนงานทุกคนเร่งมือ เพื่อให้ทุกอย่างลงตัว ภายในกำหนดเวลา แต่เขากำชับให้ทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ เรียบร้อย และสมบูรณ์ที่สุด ให้ใกล้เคียงกับภาพความคิดที่เขาเห็นได้มากที่สุด สถานที่นี้จึงถูกดำเนินการด้วยคนงานนับสิบคน และทุกอย่างก็ดูเป็นไปด้วยดี
ลมทะเลเย็น ๆ โชยมา พอทำให้ฐานทัพได้ผ่อนคลายอารมณ์ลงมาได้บ้าง เขาพยายามขจัดความขุ่นมัว ความคิดที่คอยแต่จะพาเขาให้เขวไปจากความเชื่อมั่นที่เขามีตั้งแต่แรก ชายหนุ่มบอกกับตัวเองว่า สิ่งที่เขาตัดสินใจทำอยู่นี้ คือสิ่งที่เขาเลือกที่จะทำ และมันก็ดีแล้ว ที่เขาตัดสินใจแบบนี้
ลลินมองอันน์หัวจดเท้า ด้วยสายตาของคนที่รู้สึกดูถูกกันอย่างเปิดเผย หญิงสาวสะใจมากที่ได้เห็นอันน์อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ มันดีมาก ๆ ลลินบอกกับตัวเอง เธอรอคอยที่จะได้เห็นความย่อยยับอับจน หาหนทางไปไม่ได้ ของอีกฝ่ายมาโดยตลอด ยิ่งได้มาเห็นกับตา รับรู้กับตัวแบบนี้ มันยิ่งสร้างความสุขให้เธออีกเป็นร้อยเท่าพันทวี
“ไปแล้วก็ให้ไปลับ ไม่ใช่ว่า ผ่านไปไม่กี่วัน จะได้เห็นท่านรองประธาน ซมซานกลับมาฟูมฟาย อ้อนวอนขอกลับมาที่นี่อีกนะคะ” ลลินที่ยืนดูอันน์กำลังเก็บข้าวของส่วนตัว พูดขึ้น ขณะที่สั่งให้พนักงานที่เคยเป็นหน้าห้องของอันน์ เปิดประตูห้องทำงานค้างเอาไว้ เพื่อให้ทุกคนได้เป็นพยานร่วมกัน
ด้วยเหตุผลที่ว่า ลลินกลัวว่าอันน์จะหยิบข้าวของเครื่องใช้ สมบัติของบริษัทติดไม้ติดมือไปด้วย อันน์พยายามไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เธอได้ยิน ยิ่งในช่วงเวลาเช้า ๆ แบบนี้ด้วยแล้ว เธอได้แต่พยายามแผ่เมตตาให้ แม้ดูไปแล้ว ลลินไม่ยินดีรับส่วนกุศลผลบุญใด ๆ ให้เข้าสู่ชีวิตทั้งสิ้น ยังคงทำหน้าตายียวน สลับกับสะใจอยู่ในทีแบบนั้น
“คุณอันน์ ไม่ต้องไปก็ได้นะครับ” พฤกษ์เดินมาที่ห้องทำงาน ที่กำลังจะเป็นอดีตห้องทำงานของอันน์ “ลองคิดทบทวนอีกสักครั้งดีมั้ยครับ” พฤกษ์นั้นเสียดายฝีมือการทำงานของอันน์เป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลาที่มีโอกาสร่วมงานกันมา อันน์คือบุคคลที่มีคุณค่าต่อองค์กรเป็นอย่างมาก “พฤกษ์จะไปพูดจารั้งคุณอันน์เขาไว้ทำไมคะ” ลลินรู้สึกขัดใจที่พฤกษ์เข้ามาพูดแบบนั้น
“เขาเป็นคนตัดสินใจจะไปเอง ก็ปล่อยเขาไปให้สมใจสิคะ เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา เขาจะพูดได้ว่าเขาไม่เกี่ยว ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย เหมือนที่โยนความผิดให้กับคุณทัพอยู่คนเดียว แต่ตัวเองทำเป็นมีสปิริตสูงส่ง ลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อเรื่องราวและปัญหาทั้งหมด เสียสละมากจริง ๆ ค่ะ”
ลลินรู้สึกสะอิดสะเอียนกับเรื่องอะไรแบบนี้ พูดถึงฐานทัพแล้วก็ยิ่งเสียดาย ผู้ชายที่เพียบพร้อมไปเสียทุกด้านแบบนั้น คิดยังไง ถึงได้มาวอแวกับผู้หญิงข้ามเพศอย่างอันน์ ถ้าชอบแบบนี้ ชอบผู้หญิงแบบเธอก็ได้ ลลินคิด เพราะถ้าฐานทัพเล่นด้วย เธอคิดว่า เธอก็พร้อมจะตีจากพฤกษ์ได้ไม่ยาก
อันน์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย นี่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ คำพูดของลลินคงทำให้อารมณ์ของอันน์เต้นไปตามคำพูดที่ยั่วโมโหแบบนั้น เธอคงต้องคิดหาคำพูดมาตอกกลับผู้หญิงคนนี้ให้เจ็บแสบไปถึงทรวง แต่ตอนนี้ อันน์บอกกับตัวเองว่า แค่กลอกตาใส่ ยังเสียเวลาชีวิตของเธอมากเกินพอเสียด้วยซ้ำ ถ้าจะต้องต่อปากต่อคำกับลลิน
“ลิน คุณพูดเยอะเกินไปแล้ว” พฤกษ์ส่งเสียงห้ามปรามหญิงสาว เขาส่ายหัวให้กับความไม่เลิกไม่ราของลลิน “คุณอันน์อย่าถือสากับคำพูดพวกนี้เลยนะครับ” พฤกษ์พยายามพูดให้อันน์ ไม่ต้องไปสนใจสิ่งที่ลลินพูดออกมา อันน์มองหน้าพฤกษ์และลลินไปมา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ
“ทำไมพฤกษ์ว่าลินแบบนั้นล่ะคะ ก็ลินพูดจริงนี่ ก็คุณอันน์น่ะ” ลลินพยายามจะต่อความยาวสาวความยืด “พอได้แล้วลิน คุณนี่พูดมากจริง ๆ จนทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปกว่าเดิม” พฤกษ์พูดด้วยความรู้สึกรำคาญผู้หญิงคนนี้ “คุณอันน์ครับ เรื่องจดหมายลาออก” พฤกษ์นั้นกำลังคิดว่า การเสียมือดีอย่างอันน์ ที่ช่วยงานเขาได้สารพัดไป มันไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
“ถึงทางบอร์ดผู้บริหารจะยินยอมอนุมัติ แต่ผมสามารถแก้ไขมันได้อยู่นะครับ ขอแค่คุณอันน์บอกผมมาคำเดียว ว่าคุณอันน์จะอยู่ต่อ รับรองครับ เรื่องทุกอย่างไม่มีปัญหาแน่นอนครับ” อันน์จ้องเข้าไปในดวงตาของพฤกษ์ พลางถามตัวเองว่า นึกยังไงที่ก่อนหน้านี้ ถึงเคยรู้สึกหลงใหลได้ปลื้มไปกับผู้ชายคนนี้ และนั่นมันนานมากจริง ๆ นานตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“อันน์ตัดสินใจแล้วค่ะ” พูดจบ เธอก็ยกกล่องของใช้ส่วนตัวขึ้นมาถือไว้ในมือ “ขอบคุณในความหวังดีนะคะ คุณพฤกษ์” อันน์ยิ้มให้กับพฤกษ์ ที่กำลังทำหน้าเครียด ที่การพูดอ้อนวอนของเขา ดูท่าว่าจะไม่ได้ผล “แต่อันน์ตัดสินใจแล้ว” และนี่คือนิสัยของอันน์ ที่พฤกษ์เห็นมานานหลายปี ความเด็ดเดี่ยว ความเป็นผู้นำ และการยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง แม้ว่ามันแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย ในชีวิตการทำงานที่ผ่านมาของอันน์
“ยังไง ลองใช้ชีวิตแบบมีความสุขบ้างนะคะ อย่าเอาแต่มองในส่วนที่คนอื่นมี แต่ตัวเองขาด ความสุขคือสิ่งที่คุณมีในวันนี้ อย่ามัวแต่ทุกข์กับการที่อันน์ จะเป็นหรือไม่เป็นอะไรเลยค่ะ อันน์เห็นแล้วเหนื่อยแทน ลองทำตัวเป็นดอกบัวที่โผล่พ้นขึ้นมาบานรัวแสงแดด อยู่เหนือน้ำบ้างนะคะ ลองดูค่ะ”
อันน์พูดจบ อยู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา แต่เธอไม่ได้ขำลลินที่ตอนนี้ กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่อยู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องตลกที่เอิง เพื่อนรุ่นน้อง เคยเล่าให้ฟังต่างหาก เธอเดินไปกดลิฟต์ ก่อนเดินเข้าไปในนั้น แล้วคิดว่า มิตรภาพของเธอและเพื่อน มันช่วยให้เธอรู้ว่า ชีวิตยังพอมีหวัง การเดินออกจากที่คุ้นเคย อาจจะทำให้ใจประหวั่นพรั่นพรึงอยู่บ้าง แต่มันจะเป็นการก้าวออกเดินครั้งสำคัญของชีวิตอันน์แน่นอน
“นี่พฤกษ์ได้ยินแล้วใช่มั้ยคะ ได้ยินกับหูแล้วนะ ว่ามันร้ายกาจอย่างที่ลินบอกกับพฤกษ์ตั้งหลายครั้งมั้ย ดูสิ มันด่าลิน ว่าลินเป็นบัวใต้โคลน คือบัวที่เป็นอาหารของเต่าของปลา มันกล้าดียังไง ถึงมาพูดแบบนี้ใส่หน้าลิน แถมต่อหน้าพฤกษ์ด้วย สำคัญตนมากถึงขนาดนี้ ปล่อยมันไปนั่นแหละดีแล้ว บริษัทของเราจะได้เจริญรุ่งเรือง ลินอายเขาจะตาย ที่มีกะเทยมาเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารที่นี่” พฤกษ์ได้ยินที่ลลินพล่ามออกมา จนเขาเหลืออดกับเสียงฉอด ๆ ของหญิงสาว
“ลิน นั่น โต๊ะทำงานของคุณอันน์” พฤกษ์ชี้ไปที่โต๊ะทำงานของท่านรองประธาน “ตอนนี้มันว่างแล้ว ไหน ไป นั่ง ไปสิ” พฤกษ์ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มดันหลังของลลินให้เดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานเบาะหนังทรงสูงนั้น ลลินงงว่าพฤกษ์กำลังจะทำอะไร เธอเดินแถ่ด ๆ ไปตามแรงมือของพฤกษ์ที่ดันตัวเธอ ก่อนจะโดนกดไหล่ให้นั่งลงบนเก้าอี้นั่น
“เอ้านี่ โปรเจ็กต์นี้ทางบริษัทเราอยากได้งานนี้ เมื่อลินเก่งนัก เก่งกว่าคุณอันน์อย่างปากว่า เอาเลยครับ พฤกษ์ยกตำแหน่งนี้ให้ลิน” ลินเงยหน้าจากกองเอกสารที่เธออ่านไม่เข้าใจพวกนี้ขึ้นมองพฤกษ์ “เอาสิครับ ลงมือเลย มัวรออะไรอยู่ โปรเจ็กต์นี้มูลค่าสูง แต่ก็ยังน้อยกว่าโครงการที่คุณอันน์ทำสำเร็จมานับไม่ถ้วน ลินลงมือเลยครับ ทำให้พฤกษ์เห็นอย่างปากว่าได้บ้าง” พฤกษ์พูดจบ ก็เดินหัวเสียออกจากห้องนั้นไป ทิ้งให้ลลินส่งเสียงกรี๊ดไล่หลังชายหนุ่มไป อย่างไม่เกรงใจใครทั้งนั้น
ฐานทัพมองดูนาฬิกา มันใกล้เวลาที่เขาขอให้อันน์มาพบเขาที่นี่แล้ว คืนนั้น ในคืนที่เขาเข้าไปในห้องของอันน์ มันถือว่า เป็นคืนที่เขาได้เปิดใจกับอันน์ ฐานทัพได้พูดทุกอย่างที่เขาคิด ทุกความรู้สึกที่เขามีต่ออันน์ออกไป อันน์คือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา และฐานทัพสามารถเดินจากทุกอย่างออกมา โดยไม่นึกเสียดายมันทีหลัง
“ผมจะรอคุณอันน์อยู่ที่นั่น ผมอยากให้คุณอันน์มาหาผม มาเจอผมในฐานะคนรัก ถ้าคุณอันน์รู้สึกว่า คุณอันน์พอจะรับรักผู้ชายอย่างผม และให้ผมได้ทำทุกอย่างที่ผมทำได้ เพื่อคุณอันน์ ได้มั้ยครับ” ฐานทัพพูดบอกกับอีกฝ่ายไปแบบนี้ อันน์ไม่ได้ตอบอะไรเขากลับ เมื่อตอนที่ฐานทัพเดินออกจากห้องเพ้นท์เฮ้าส์ของอันน์
ความมืดเริ่มโปรยตัวลงมา แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ลมทะเลโชยมาเป็นระยะ ๆ เสียงคลื่นซัดเข้าชายหาดดังมาให้ได้ยิน ไฟประดับถูกเปิดขึ้น มันดูเหมือนแสงดาวที่ลงมาระยิบระยับบนพื้นโลก ฐานทัพในชุดทักซิโด้ที่ทำให้เขาดูหล่อ สง่า สมาร์ตอย่างแทบไร้ที่ติ ยืนรอคนที่เขารักอยู่ตรงนั้น สายตาของชายหนุ่ม จับจ้องไปที่ทางเดินตรงมาที่ลานกว้างข้างชายหาดนี้
ใจของฐานทัพเต้นรัว มันใกล้ถึงเวลาที่เขาบอกกับอันน์เอาไว้ ยิ่งเวลาขมวดขึ้นเท่าไหร่ ใจของเขายิ่งสั่น ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความหวังที่มีอย่างเปี่ยมล้นอยู่ในหัวใจ การเดินทางอันยาวนานของการแอบรักคนคนหนึ่ง มันใกล้เข้ามาที่จะถึงบนสรุปแล้ว ฐานทัพคิดถึงวินาทีแรกที่เขาเจอกับอันน์ และการที่อันน์ได้เข้ามานั่งในหัวใจของเขาแทบจะในทันที
ฐานทัพเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของอันน์ ต่อให้อีกฝ่ายจะดูเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่อันน์ก็ยังเป็นอันน์คนเดิมสำหรับเขา เป็นพี่อันน์ที่ฐานทัพตั้งแต่ยังเป็นวัยหนุ่มน้อย กับการคิดไม่ซื่อ คิดที่จะทำเรื่องลามกด้วย เรื่องคนรักกันเขาทำกัน จนฮอร์โมนวัยหนุ่มของเขาเริ่มเข้าที่เข้าทาง และฐานทัพคิดกับอันน์มากกว่านั้น เขาคิดถึงเรื่องอนาคตที่เขาอยากจะมีร่วมกับอันน์ หากว่าอันน์เอง ก็คิดอยากจะใช้ชีวิตร่วมหัวจมท้ายไปกับผู้ชายอย่างเขา
อีกไม่กี่นาที เข็มนาฬิกาจะบอกว่าถึงเวลาที่เขานัดกับอันน์เอาไว้แล้ว แต่ตอนนี้ ยังไม่เห็นวี่แวว ว่าอันน์จะมาถึงตามที่เขาขออีกฝ่ายเอาไว้ ฐานทัพเริ่มรู้สึกโหวง ๆ ข้างในอก เมื่อความคิดลบกำลังส่งเสียงกรอกใส่หัวเขาว่า อันน์ไม่มาแล้วแน่ ๆ ไม่มีทางที่คนอย่างอันน์จะมาอยู่กับคนอย่างเขา มันจะเป็นไปได้อย่างไร เขาเป็นใครกัน ที่อันน์จะมาสนใจไยดี และนั่นก็มาพอ ที่จะทำให้ฐานทัพใจเสีย
เข็มวินาที เดินเข้าหาเลขสิบสองบนหน้าปัดนาฬิกา นับถอยหลังไปเรื่อย ๆ หัวใจของฐานทัพแทบหยุดเต้น เมื่อเข็มวินาทีนั้น แตะลงที่สองวินาทีสุดท้าย และมันก็เดินเลยผ่านไป อย่างที่ว่ากันไว้ ว่าเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง ตอนนี้มันเลยเวลานัดของเขากับอันน์แล้ว ฐานทัพหัวเราะออกมาเบา ๆ เหมือนกับจะเยาะเย้ยตัวเอง ที่หวังสูงเกินตัว
ฐานทัพมองไปตรงทางเดินที่เขาคาดว่าจะมองเห็นอันน์เดินเข้ามาก่อนหน้านี้ แต่มันยังคงไร้การเคลื่อนไหว และมันคงไม่ต่างอะไรกับหัวใจของเขาในตอนนี้ ที่มันดูชา ๆ หนึบ ๆ กับการที่ไม่เห็นอันน์ เดินเข้ามาหาเขา อย่างที่ใจของเขาจินตนาการและวาดฝันเอาไว้ ฐานทัพยกมือขึ้นชี้ไปทางซ้ายมือ เป็นสัญญาณบอกกับทีมงาน ไฟประดับด้านนั้น ดับลง ฐานทัพถอนลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะชี้ไปทางขวามือ ไฟประดับด้านนั้นดับลง
คงเหลือแต่ไฟที่ส่องจากทางเดิน ตรงมาที่ชายหนุ่มยืนอยู่เป็นดวงสุดท้าย ฐานทัพมองไปตรงนั้นอีกครั้ง เขาอยากมองมันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะสั่งให้คนงานดับมันลง ไฟสปอตไลต์ดวงนั้น ก็ดับลง ทุกอย่างรอบตัวของฐานทัพตกอยู่ในความมืด ชายหนุ่มกำลังจะขยับตัว จากที่ยืนพิงรั้วไม้ที่กั้นระหว่างลานกว้างนี้กับชายหาด
เสียงรองเท้าส้นสูงเดินกระทบทางเดินที่ปูด้วยหินก้อนใหญ่ ดังขึ้นในความเงียบนั้น เสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อย ๆ ฐานทัพจ้องตาไม่กะพริบไปที่ทางเดินด้านหน้า ที่เขาเฝ้ามองมันมาตลอด ไฟดวงเล็ก ๆ ที่พันเอาไว้ตลอดทางเดิน เริ่มติดขึ้นทีละส่วน เสียงเดินนั้นใกล้เข้ามา ฐานทัพใจเต้นแรง เฝ้ารอคอย
อันน์เดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินก้อนใหญ่นั้น ไฟด้านข้าง ค่อย ๆ เปิดติดขึ้นเมื่อเธอเดินใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ จนอันน์ที่อยู่ในชุดราตรียาวสีแดงเพลิง เดินพ้นออกมาจากทางเดินนั้น ฐานทัพเผยรอยยิ้มออกมาอย่างคนที่ดีใจ เหมือนคนที่เพิ่งได้รับของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิต เขามองดูอันน์ด้วยความตะลึง อันน์สวยในสายตาของฐานทัพเสมอ
“ขี้ใจน้อยจัง” อันน์พูดขึ้น เมื่อเดินมาหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากฐานทัพ ที่ชายหนุ่มยืนพิงราวกั้นนั้นอยู่ “ปิดไฟมืดเชียว น้อยใจอะไรหรือเปล่าเนี่ย” อันน์พูดแบบไม่มองหน้าฐานทัพ ที่กำลังรู้สึกว่า เขานั้นได้ตกเป็นเบี้ยล่างเสียแล้ว “ผู้ชายก็เสียใจเป็นนะครับ” อันน์เหลือบมองฐานทัพ ชายหนุ่มในค่ำคืนนี้ อันน์ต้องยอมรับว่า ฐานทัพหล่อมากจริง ๆ
“คุณอันน์เลยเวลานัด” ฐานทัพท้วงบอก อันน์หันมามองทางชายหนุ่ม “ก็คุณบอกให้ฉันแต่งตัวให้สวยที่สุด” อันน์พูด พลางนึกเขินประโยคที่พูดออกไปของตัวเอง ฐานทัพมองดูอันน์ คืนนี้อีกฝ่ายทำให้ฐานทัพจิตใจพองโต เพราะอันน์ดูโดดเด่นมากจริง ๆ ในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงชุดนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว อันน์มาถึงก่อนเวลานัดด้วยซ้ำไป ถ้าไม่เพียงแต่ว่า
“เดี๋ยว ๆ อย่าเพิ่งจอด วนรถกลับไปก่อน วนไปก่อนค่ะ” อันน์ที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำบอกคนรถลิมูซีน ที่ฐานทัพเตรียมเอาไว้รับอันน์ ให้ออกรถจากตรงนั้นไปก่อน “โอเคมั้ยพี่อันน์” เสียงพูดผ่านลำโพงโทรศัพท์ในวิดีโอ คอลนั้น ดังผ่านออกมา “ให้ฉันทำใจก่อน” อันน์บอกกับคนที่ปลายสาย ที่อยู่เป็นเพื่อนเธอ มากว่าชั่วโมงแล้ว “เอิง มันจะดีเหรอ” อันน์ถามเอิงที่อยู่ในสาย
“ดีสิพี่อันน์ คุณฐานทัพเขารอพี่อยู่นะ ไปหาเขาเถอะ” เอิงบอกกับรุ่นพี่ออกไป ก่อนจะเห็นสีหน้าของความกังวลแสดงออกมาจากใบหน้าของอันน์ อย่างเห็นได้ชัด “ฉันกลัว” อันน์บอกออกไปตามตรง ที่อยู่ ๆ ความกลัวนี้ได้พุ่งเข้ามาในความรู้สึก เธอไม่ได้กลัวว่า ฐานทัพจะเป็นคนไม่ดี หรือไม่ได้รักไม่ได้ชอบเธอจริง แต่มันเป็นความกลัวที่ว่า เธอเองต่างหาก ที่อาจจะทำให้ฐานทัพผิดหวัง
“อีเจ้ อย่าป๊อด” เสียงของปราชญ์ดังขึ้น หลังจากทั้งสามคนรวมสาย แล้วเขาต้องไปช่วยปั๋นรับรองแขกกลุ่มใหญ่ ที่มาเข้าพักที่รีสอร์ต “อีปราชญ์ ปากดีนักนะ” อันน์แหวใส่เพื่อนรุ่นน้องกลับไป ก่อนจะได้ยินปราชญ์ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ “ทีชวนผู้ชายคนนี้เข้าห้องน่ะ ไม่เห็นจะกลัว” ปราชญ์ค่อนขอดเพื่อนรุ่นพี่เข้าให้
“ฉันไม่น่าเล่าอะไรให้แกฟังเลยจริง ๆ นะ ไอ้ปราชญ์” สรุปแล้ว อันน์ก็พลาด เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ปราชญ์ฟังอยู่เรื่อย ไม่เว้นแม้แต่ความลับสุดยอดแบบนี้ “ไป” เสียปราชญ์ไล่อันน์ “ไปมีผัวได้แล้ว อีเจ้ อย่ามางอแงอะไรไม่เข้าท่า” ปราชญ์รู้สึกสนุก ที่ได้พูดแหย่รุ่นพี่คนนี้ โดยมีเอิงเป็นลูกคู่ หัวเราะคิกคักอยู่ในสายด้วย
“เอิง เดี๋ยวก่อน อย่าให้ฉันเริ่มเรื่องแกบ้างนะ” อันน์ว่าเอิงเข้าให้ ที่เห็นเอิงหัวเราะคิกคักชอบใจ กับคำพูดของปราชญ์ “นี่แก ปราชญ์ ไม่เอาสิ อย่าว่าพี่อันน์มาก” เอิงหันไปทำดุใส่เพื่อนสนิท อันน์ส่ายหน้าเมื่อสีหน้าของเอิงไม่ได้จริงจังในการว่าปราชญ์เลยสักนิด โดยมีแดนที่พูดบอกกับเอิงว่า อย่าใจร้ายกับเขาเหมือนที่อันน์ทำกับฐานทัพ
“พอกัน พอกันหมด ทั้งพี่กู เพื่อนกู” ปราชญ์รู้สึกเพลียใจกบการที่รุ่นพี่และเพื่อนสนิทของเขาแอบไปมีคู่กันหมด แต่ก็รู้สึกยินดี ที่ทุกคนดูจะเติบโตขึ้น ตามวันและเวลาที่สมควร เพราะเมื่อชีวิตเดินมาจนถึงห้วงเวลาที่ต่างก็พร้อมที่จะสร้างครอบครัว ก็จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามครรลองของมัน
“คืนนี้คุณอันน์สวยมากนะครับ” ฐานทัพเอ่ยปากชม ใบหน้า ทรงผม เรือนร่างที่เผยสัดส่วนของอันน์ ซึ่งนั้นเย้ายวนใจฐานทัพเป็นอย่างมาก คำชมของชายหนุ่ม ดึงเเอาความคิดของอันน์ให้กลับมาจากเรื่องของเพื่อนรุ่นน้องสองคนนั้น “ขอบคุณค่ะ” และครั้งนี้ อันน์รู้สึกดี ที่ได้ยินฐานทัพเอ่ยชมเธอ
“คุณอันน์ใส่น้ำหอมที่ผมชอบมาด้วย” ฐานทัพได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาบอกกับอันน์ในคืนนั้น ว่าหากอันน์ตัดสินใจมากหาเขาในวันนี้ ก็ขอให้อันน์ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้มาด้วย เพราะฐานทัพคิดว่ามันเข้ากันอันน์มากที่สุด และฐานทัพจะถือว่า อันน์ยอมตกลงเป็นแฟนกับเขา โดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ อันน์รู้สึกใจเต้นรัว เธอไม่เคยรู้สึกเขิน จนทำตัวไม่ถูกแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกนี้ เพิ่งเคยเกิดขึ้นตอนนี้ที่อยู่กับฐานทัพ มันไม่เคยเกิดขึ้นแบบนี้เลย ตอนอยู่กับพฤกษ์
“ตกลงคุณเลือกที่นี่หรือคะ” อันน์หันไปมองโรงแรมที่ติดกับชายหาด ที่ต่อไปฐานทัพตัดสินใจจะลงทุนทำธุรกิจนี้ “ใช่ครับ ลองวัดดวงดู” ฐานทัพตอบ ก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ก็ต้องขอขอบคุณปราชญ์ ที่หาโรงแรมให้” ฐานทัพเห็นแล้วว่า คนรอบตัวของอันน์นั้น มีแต่คนที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อกัน กลุ่มเพื่อนเล็ก ๆ แค่สามคน เอิง อันน์ และปราชญ์ ไม่เคยสักครั้งที่จะทอดทิ้งกัน ในยามที่เดือดร้อน
“ปราชญ์มันทำเรียล เอสเตท อยู่แล้ว มันเก่งมากนะ ที่หาทำเลและราคาได้ดีมาก” อันน์เห็นโรงแรมสวย ทำเลดี และมีฐานลูกค้าเดิมเหนียวแน่นแห่งนี้แล้ว ก็รู้สึกว่า ก้าวต่อไปมันคงไม่ยากนักสำหรับเธอและฐานทัพ ที่จะช่วยกันประคับประคองกันไป “ยังไง เดี๋ยวฉันช่วยลงทุนอีกแรงนะคะ” อันน์บอกกับฐานทัพ เพราะรู้ดี ว่าชายหนุ่มต้องใช้เงินลงทุนอีกเยอะ ยิ่งต้องเสียเงินค่าปรับให้กับคุณโทมัสไปมหาศาลแบบนั้นด้วยแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร เมื่อเช้าผมเซ็นเช็คให้ปราชญ์ไปแล้ว ค่าซื้อโรงแรมนี้ เรื่องโฉนดที่ดินไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” อันน์ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ให้สงสัย “เดี๋ยวนะคะ คุณเพิ่งจะจ่ายเงินคุณโทมัสไป ต้องขายห้องเพนท์เฮ้าส์ ต้องกวาดเงินจนหมดบัญชี เพื่อใช้หนี้กับบริษัท แล้วคุณจะจ่ายค่าที่ ค่าอะไรนี่ได้ยังไงคนเดียว” อันน์ถาม ก่อนจะเห็นฐานทัพอึกอัก ๆ
“คือ” ฐานทัพหัวเราะแหะ ๆ ก่อนจะตอบออกไปว่า “ไอ้เงินพวกนั้น ผมเอามาจากที่ผมเล่นหุ้นเอาไว้ตอนอยู่นิวยอร์ก และมันก็เหลือเฟือ เกินพอที่จะจ่าย” ฐานทัพเริ่มเห็นแววตาที่ดูโหดของอันน์ เมื่อรู้แล้วว่า มีอะไรควรบอกอีกฝ่ายไปให้หมด “ส่วนเพนท์เฮาส์ ผมไม่ได้อยากอยู่อยู่แล้ว เพราะคิดว่า ผมจะหาบ้านดี ๆ เนื้อที่กว้าง ๆ อยู่กับคุณอันน์ ผมเลยขายต่อให้ฝรั่งไป ก็ได้กำไรดีอยู่”
เมื่อดาวเจ้าเรือนลาภะ ที่เป็นเรือนแห่งความหมายของโชค ลาภผล ความโชคดี ความสำเร็จต่าง ๆ เดินมาตกอยู่ใในเรือนลาภะนั้นเอง ก็เสมือนกับได้กลับบ้าน มีมาตรฐานดาวเป็นเกษตร ที่แปลว่า ความหนักแน่น สมบูรณ์ เจ้าชะตาถือว่าเป็นคนที่มีโชคลาภเข้ามาไม่ขาด เป็นคนที่มีเพื่อนฝูงมาก และล้วนแต่เป็นคนที่ดี
เพื่อนฝูงต่างให้การสนับสนุนเจ้าชะตาอย่างเต็มที่ การงานเหมาะแก่การเป็นผู้ลงทุน และจะเป็นผู้ที่มีรายได้สูงมากเข้ามา เป็นผู้รู้จักนำผลประโยชน์ ผลกำไรที่มี ไปลงทุนเพื่อหมุนเวียนในการลงทุน ให้กิจการงอกเงย มีลาภผลก้อนใหญ่และการงานชิ้นใหม่ที่มั่นคงต่อไป
“แล้วปล่อยให้อันน์เป็นห่วงคุณอยู่ได้ตั้งนาน” อันน์พูดเสียงงอน ๆ ก่อนทำท่าจะเดินหนีไป ฐานทัพรีบคว้าเอวของอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้ได้ก่อน “ไม่โกรธผมนะครับคุณอันน์ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ฐานทัพทำเสียงออดอ้อน “ผมดีใจนะครับ ที่คุณได้ยินคุณอันน์พูดว่า คุณอันน์ห่วงผม” กลิ่นน้ำหอมจากตัวของอันน์ก็ช่างเย้ายวนเขาเสียเหลือเกิน เขานึกถึงคืนนั้น คืนที่เขาได้ทำเรื่องลามกกับอันน์ไปแล้วสมใจ แล้วคืนนี้ล่ะ ฐานทัพคิดว่า เขาไม่น่าพลาด อันน์ไม่รอดเงื้อมมือเขาไปได้หรอก
“นี่คุณรวย มีเงินมากขนาดนี้จริงหรือคะ” อันน์เอียงหน้าหันไปถามฐานทัพที่กอดเธอเอาไว้จากทางด้านหลัง “จริง” ฐานทัพพยักหน้าตอบ “แล้วมีอะไรที่คุณยังไม่ได้บอกอันน์อีกมั้ย” มาถึงตรงนี้ ฐานทัพคิดว่า เขาควรจะพูดออกไปเลยดีมั้ยว่า ยังไงซะบริษัทของพฤกษ์ก็ต้องกลับมาตกเป็นของเขาอยู่ดี เพราะเขาให้พ่อของเขาถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเอาไว้ แต่คิดดูอีกที เก็บเอาไว้เป็นเซอร์ไพรซ์ของขวัญวันแต่งงานของเขากับอันน์ จะดีมั้ยนะ
*********************************
คำแปลเนื้อร้องภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA
English Lyrics Translation by KADUMPA
https://www.youtube.com/watch?v=HYHDWQ_pw14มันคงเป็นความรัก
This has to be love
ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้
Therefore, I am still standing here
มันคงเป็นความรัก
This must be called love
ที่ทำให้ใจฉัน ไม่ยอมหยุดเสียที
That makes my heart keep going, and never stops
แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส
Though, it seems I’m out of luck
แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที
Chances I am probably missing out
แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้
But this love, I’m pushing myself to the limits
ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
I’m giving my all until you’ll embrace it
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
Say I love you till you say `I do`
เธอคือความสุขของฉัน
You’re the source of my happiness
ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
If you still say no, tomorrow I’ll come back and start it all over again
หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ
In the end, you won’t change your mind
ไม่เป็นไร ใจฉันก็ไม่ยอม (เปลี่ยนใจ)
That’s alright, my heart won’t change either
ก็ต่อให้ฉันหยุดหัวใจ
In case I tell my heart to say no
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน
That has to be after the world stops spinning round and round
มันคงเป็นความรัก
This must be this thing called love
ที่เปลี่ยนคำว่าชีวิต เลยฟังดูมีความหมาย
Alters my life, now that it sounds so promising
มันคงเป็นความรัก
This has gotta be real love
ที่เปลี่ยนคำว่าชีวิต เลยฟังดูมีความหมาย
Alters my life, now that it sounds so promising
มันคงเป็นความรัก
This has gotta be real love
ที่ทำให้การรอคอย เป็นเรื่องง่ายดาย
That I have a long wait made so simple and easy
แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส
Though, it seems I’m out of luck
แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที
Chances I am probably missing out
แต่ว่าการรอคอยนี้ก็คุ้ม เพราะมีเธอเป็นจุดหมาย
And me waiting for you is so worthy ‘cause you’re there at my destination
ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
I’m giving my all until you’ll embrace it
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
Say I love you till you say `I do`
เธอคือความสุขของฉัน
You’re the source of my happiness
ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
If you still say no, tomorrow I’ll come back and start it all over again
หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ
In the end, you won’t change your mind
ไม่เป็นไร ใจฉันก็ไม่ยอม (เปลี่ยนใจ)
That’s alright, my heart won’t change either
ก็ต่อให้ฉันหยุดหัวใจ
In case I tell my heart to say no
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน
That has to be after the world stops spinning round and round
ในวันที่เธอนั้นไม่มีใคร
The day you find there’s no one being around
ในวันที่โลกนี้ทิ้งเธอไป
The day that the whole world has left you behind
ในวันนั้นหันมามองเถอะ
That very same day, please turn around and you’ll see
ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้
I will be right here waiting for you
และจะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
I’ll giving you my best until you’re satisfied
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
I’ll say I love you until you do know I do
เธอคือความสุขของฉัน
You’re my true happiness
ถ้าเธอไม่รับมัน
You may deny it
ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
I won’t accept it and ready to fight for you
หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ
At the end of the day, you’re still not mine
ไม่เป็นไร ใจฉันก็ไม่ยอม (เปลี่ยนใจ)
That’s okay ‘cause nothing’s gonna change my mind
ต่อให้ฉันหยุดหัวใจ
To stop this very heart of mine
เธอรอให้ฉันหันหลังเดินลับหายไป
You might wonder if I would walk away from all of this
ได้ยินไหม
Do listen to me now
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน
That will occur on the day the earth stands still
มันคงเป็นความรัก
It must be called love, you and me