๓๘.
กฎุมภะ – ตนุ (หากว่ารักเป็นได้ดั่งใจ)
“โอเคจ้ะ ได้ ๆ พี่ขอบใจมากนะ ปั๋นช่วยพี่ได้มหาศาลเลย แล้วเดี๋ยวพี่เตรียมเอกสารครบ พี่ให้ปั๋นช่วยตรวจให้พี่อีกที ได้ค่ะ ขอบคุณนะ” ฐานทัพมองแฟนของเขาคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ อันน์กดวางสายโทรศัพท์ ก็เห็นฐานทัพเดินมาพอดี “ปั๋นเนี่ยเขาเก่งมากจริง ๆ นะคะ ช่วยแนะนำเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้เราได้เยอะเลย” อันน์เอ่ยชมเจ้าของรีสอร์ตที่เชียงรายกับฐานทัพ
“เก่งถึงขนาดที่ว่า ไม่เคยทำรีสอร์ต ไม่เคยบริหารงานแบบนี้มาก่อน แต่สามารถเรียนรู้ได้เร็ว บริหารการเงิน บริหารแรงคน บริหารทุกสิ่งอย่างออกมาได้เป็นอย่างดี” ฐานทัพชอบมองเวลาอันน์เวลาดีใจ จนลืมตัวพูดนั่นพูดนี่ออกมา โดยที่เขาไม่ต้องชวนพูดชวนคุย อย่างแต่ก่อน มันคงเป็นเพราะว่า อันน์นั้นคุ้นเคยกับการมีฐานทัพเป็นคู่คิดแล้วกระมัง กับความเชื่อใจในความรู้สึกที่ฐานทัพมีให้กับเธอ
“คุณมองอันน์แบบนั้นอีกแล้วนะ” อันน์รู้สึกเขินทุกครั้ง ที่เห็นสายตาชื่นชมและเอ็นดูแบบนั้นจากฐานทัพ “ก็แฟนผมพูดเก่งขึ้นเยอะ ไม่ถามคำตอบคำ อย่างตอนที่โดนผมตามจีบใหม่ ๆ ผมก็ต้องชื่นใจเป็นธรรมดา” ฐานทัพยิ้มกว้าง เมื่อเห็นอันน์ขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่พอใจขึ้นมา แต่นั่นก็เป็นเพราะเจ้าตัวต้องการแก้เขินต่างหากล่ะ “ถ้าคุณอันน์จะชม ก็ต้องชมปราชญ์ด้วย” ฐานทัพนึกถึงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคายคนนั้น
“เป็นเพราะเขาแนะนำที่โรงแรมนี้เลยนะ มันถึงได้ตกมาเป็นของเรา” ฐานทัพกล่าวชมรุ่นน้องคนสนิทอีกคนของอันน์ “จริงสินะ” อันน์เองก็ได้พูดขอบคุณปราชญ์ไปแล้ว จากครั้งก่อนที่ได้วิดีโอ คอลคุยกัน “แต่มันเป็นของเราที่ไหน ของคุณต่างหาก” อันน์รีบพูดแก้ประโยคของฐานทัพ “แน่ะ พูดแบบนี้อีกแล้วนะ” ฐานทัพดึงตัวของอันน์เข้ามาใกล้ “น่าตีจริง ๆ เลย คุณอันน์เนี่ย” ฐานทัพไม่ได้ตีอันน์แต่อย่างใด แต่กลับก้มลงหอมแก้มของอีกฝ่ายแทน
“อุ๊ย นี่เพ็ญเข้ามาขัดจังหวะเวลาสวีทใช่มั้ยคะ” เสียงผู้ช่วยสาวผู้ขยันขันแข็งของโรงแรมแห่งนี้ ดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้า “คือว่า เพ็ญก็มีความสุข ทำงานได้แฮปปี้ตลอดทั้งวันล่ะนะคะ ที่ได้เห็นบอสขาของเพ็ญ หวานให้กัน” ว่าที่รองผู้จัดการโรงแรมอย่างเพ็ญ ต้องขอหยุดความหวานของเจ้าของโรงแรมทั้งสองไว้สักนิด “ช่วยเพ็ญเลือกก่อนค่ะ อันไหนดีคะ” ฐานทัพชี้นิ้วมาที่อันน์ เพ็ญก็ขยับตัวเลือกของเนื้อผ้าขนหนูที่จะใช้บริการแขกผู้เข้าพัก มาให้อันน์ดู
“ถ้าทาร์เก็ตหลักของเราเป็นคู่รักหนุ่มสาว อายุรุ่น ๆ เดียวกันกับเพ็ญ” อันน์พูดถามความเห็นจากผู้ช่วยของเธอ “เพ็ญอยากใช้แบบไหนมากกว่ากัน” เพ็ญมองดูตัวเลือกสุดท้ายสองแบบที่ถืออยู่ในมือ ก่อนจะเลือกอันหนึ่งขึ้นมา แล้วได้เห็นอันน์ยิ้มในทันที “เทสต์ดีมากเลยเพ็ญ” อันน์เอ่ยชมอย่างจริงใจ เพราะเธอเองก็คิดว่า มันดูน่าใช้มาก ๆ เช่นกัน
ตัวเลือกนี้ อาจจะติดหรูหรานิดหนึ่ง แต่ก็เพื่อเป็นการทำให้แขกผู้เข้าพัก รู้สึกเหมือนถูกเอาใจ ทั้งการเอาใจใส่ดูแลและการถูกสปอยล์เวลามาพักผ่อนหาความสุขให้ชีวิต ไปในทางคราวเดียวกัน อีกอย่าง ลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ ก็น่าจะชอบใจกับผลิตภัณฑ์ที่ทางโรงแรมเลือกใช้เช่นกัน เรียกได้ว่า สามารถคงลูกค้ากลุ่มหลักเอาไว้ได้ และไม่ทิ้งลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ เช่นกัน และนี่เป็นคำแนะนำที่อันน์คิดว่าเยี่ยมยอดมาก ที่ได้รับมาจากปั๋น
“ด้านนอกเสียงดังโวยวายอะไรกัน” ฐานทัพได้ยินเสียงโหวกเหวกดังเข้ามาถึงด้านในนี้ “เดี๋ยวเพ็ญออกไปดูให้ค่ะบอส” เพ็ญพูดจบก็วิ่งตื๋อออกไป ก่อนจะกระหืดกระหอบกลับมา “ใครก็ไม่รู้ค่ะ กำลังโวยวาย ดุพนักงานของเราใหญ่เลยค่ะ” เพ็ญรายงานให้กับฐานทัพและอันน์ทราบ เสียงโทรศัพท์มือถือของฐานทัพดังขึ้น ปลายสายเป็นคู่ค้าคนสำคัญของทางโรงแรม อันน์เลยบอกให้ฐานทัพคุยโทรศัพท์ก่อน แล้วเธอจะออกไปดูข้างนอกให้เอง
“ปกติถ้าบอสมีแขกมาขอพบ บอสจะแจ้งไว้ก่อนทุกครั้ง แต่ถ้าไม่ได้แจ้งเอาไว้ พวกหนูให้เข้าไปด้านในไม่ได้จริง ๆ ครับ” พนักงานด้านหน้าพูดกับผู้มาเยือน ที่ไม่พอใจที่พนักงานไม่ยอมให้เขาเข้าไปด้านในโรงแรม “ก็ไปบอกบอสของพวกคุณสิ ว่าผมเป็นใคร ผมเป็นพี่ชายของเจ้าของโรงแรมนี่ แค่นี้เจ้าทัพก็ต้องยอมให้ผมเจออยู่แล้ว นี่ถ้าเป็นลูกน้องผมนะ พวกคุณตกงานกันทั้งหมด ไม่รอดแน่” อันน์เดินออกมาพอดีกับได้ยินประโยคนั้น
“อันน์ขอความกรุณาเถอะค่ะคุณพฤกษ์ อย่าโวยวายใส่น้อง ๆ ของอันน์แบบนี้เลยค่ะ” อันน์พยักหน้าให้กับน้อง ๆ พนักงานหลายคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ว่าไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวเธอจัดการเอง น้อง ๆ พนักงานพากันเลี่ยงหลบไปยืนที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ “พวกเขาก็แค่ทำตามคำสั่ง คุณพฤกษ์ก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว ว่าทัพเขานิสัยแบบไหน ว่าถ้าเป็นคำสั่ง สั่งไปแล้ว ยังไงคนเป็นลูกน้องของเขา ก็ต้องทำตาม” อันน์ไม่ลังเลที่จะพูดปกป้องคนในปกครองของเธอ
“อีกอย่าง ที่นี่ไม่ใช่บริษัท ที่คุณพฤกษ์อาจจะชินกับการวางอำนาจกับใครต่อใคร ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว อย่าพูดจาข่มใครเลย มันดูไม่ดีจริง ๆ” อันน์ไม่คิดว่า การที่พฤกษ์พูดจาแบบนี้กับคนนอกอำนาจของเขา จะเป็นเรื่องที่สมควรทำ “นี่คุณอันน์พูดเหมือนไม่รู้ว่า ใครเป็นเจ้าของบริษัทนั้นกันแน่ ผมหรือว่าพ่อของไอ้ทัพ” อันน์มีสีหน้าที่ประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินพฤกษ์พูดเช่นนั้น
“นี่คุณอันน์ไม่รู้จริง ๆ ด้วย” พฤกษ์แค่นเสียงหัวเราะออกมา ว่าน้องชายของเขาอย่างฐานทัพ ได้กันอันน์ออกจากเรื่องนี้ได้โดยสมบูรณ์ จะได้พ้นจากคำครหาที่เกิดขึ้น “ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกตรงเผง ก็ต้องพูดว่า บริษัทมันเป็นของไอ้ทัพแต่เพียงผู้เดียว” พฤกษ์พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์อย่างที่สุด ที่สุดท้ายแล้ว คนที่ได้ครอบครองไปเสียทุกอย่างกลับกลายเป็นฐานทัพ ไม่ใช่เขา
“พ่อผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ถ้าพี่พฤกษ์มีอะไรข้องใจ ผมว่า พี่พฤกษ์ควรกลับไปคุยกับบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหลายจะดีกว่านะครับ” ฐานทัพที่เดินตามอันน์ออกมา หลังจากตกลงดีลกับคู่ค้ารายสำคัญของโรงแรมได้สำเร็จ และได้ยินการสนทนาทั้งหมดนี้พูดขึ้น พฤกษ์มองน้องชายของเขาด้วยแววตาที่แข็งกร้าว แต่ปะปนไปด้วยความเจ็บใจ เสียใจ และผิดหวัง
“พ่อแกจะเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน ถ้าไม่ใช่แค่ ไอ้ทัพ ที่กว้านซื้อหุ้นของบริษัทไว้ทั้งหมด” น้ำเสียงของพฤกษ์นั้นหาเรื่องอีกฝ่ายอย่างชัดเจน “แกไม่สะดุ้งสะเทือนเลยด้วยซ้ำ ที่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับคุณโทมัส ไหนยังจะเงินที่มาซื้อที่ เทคโอเว่อร์โรงแรมนี้อีก แกทำแบบนี้กันฉันทำไมวะ แกแย่งบริษัทที่ควรจะเป็นของฉันไปหน้าตาเฉย แกไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ ไอ้ทัพ” อันน์เพิ่งเคยเห็นด้านอ่อนแอของพฤกษ์เป็นครั้งแรก
“แกเอาบริษัทนี้ไปจากฉัน แกมั่นใจสิท่า ว่าฉันจะไม่เหลืออะไรเลย” บริษัทคือสิ่งเดียว และสิ่งสุดท้าย ที่พอจะให้พฤกษ์เชิดหน้าชูตาอยู่ในวงสังคมได้ “ถ้าพี่พฤกษ์อยากได้บริษัทนี้มากขนาดนั้น พี่ก็แค่หาเงินมาซื้อหุ้นไปจากพ่อของผม” ฐานทัพเสนอทางออกให้กับพี่ชายของเขา พฤกษ์ถึงกับจ้องหน้าฐานทัพเขม็ง เมื่อได้ยินลูกพี่ลูกน้องของเขาพูดออกมาแบบนั้น
“แกก็รู้ ว่าบ้านฉันใกล้จะล้มละลายอยู่แล้ว การเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างคุณโทมัสไป และยังจะเรื่องที่พ่อของแกถือหุ้นใหญ่อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไอ้กระดูกชิ้นเล็ก ๆ ที่แกยังให้ฉันอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทเนี่ย แกคิดว่ามันจะพอให้ฉันยาไส้หรือไง ไหนจะพ่อแม่ฉัน ไหนจะหนี้สินพะรุงพะรังที่ใช้เท่าไหร่ มันก็ไม่มีหมด ไม่ลดน้อยลงสักที” ฐานทัพรู้พฤติกรรมของครอบครัวพฤกษ์ดี ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราตลอดเวลา แม้ว่าจะรู้ตัวว่า อยู่ในสถานการณ์ที่การเงินง่อนแง่นเต็มที ก็ยังจมกันไม่ลง
“พี่พฤกษ์ก็รู้ดี ว่าผมทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมไม่ได้โกงอะไรใครมา ส่วนเรื่องหนี้สินของครอบครัวพี่ ผมเคยช่วยพี่ไปเยอะแล้ว และผมคงจะช่วยได้แค่นั้น” อันน์ที่เคยรู้สึกว่า ฐานทัพเป็นคนที่เด็ดขาดเรื่องธุรกิจและผลประโยชน์ แต่มาตอนนี้ เธอได้รับรู้มุมอ่อนโยนของชายหนุ่ม ว่าเขาไม่ได้ใจร้ายกับครอบครัวและญาติของเขาขนาดนั้น ยิ่งได้เห็นพฤกษ์พูดต่อแบบนี้ด้วย
“เรื่องที่แกให้เงินฉันไปจ่ายหนี้ นั่นฉันรู้ แต่เรื่องบริษัท มันก็อีกเรื่องหนึ่ง แกจะได้ทุกอย่าง แย่งของของฉันไปทั้งหมดแบบนี้ ไม่ได้นะไอ้ทัพ” พฤกษ์ขึ้นเสียงเมื่อมองเห็นภาพของฐานทัพและอันน์อยู่เคียงข้างกันต่อหน้าต่อตาเขา “คุณอันน์นี่ก็เหมือนกัน แกรู้ว่าคุณอันน์ชอบฉัน แกก็หาทางทำทุกอย่างเพื่อที่จะแย่งคุณอันน์ไป แกทำสำเร็จแล้วนี่ คุณอันน์ก็อีก อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนใจไปชอบไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่ได้หน้าตาเฉย เพราะว่ามันรวยใช่มั้ยล่ะ” พฤกษ์ตะโกนแหกปากดังลั่น
“พี่พฤกษ์ ผมขอให้พี่ให้เกียรติว่าที่ภรรยาของผมด้วย และผมจะไม่เตือนพี่อีกเป็นครั้งที่สองนะ” ยังไม่ทันที่อันน์จะได้พูดตอบโต้อะไรออกไป ฐานทัพก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และหมายความตามที่พูดออกไปทุกคำ เขารู้สึกโกรธอย่างที่สุด ที่พฤกษ์อยู่ ๆ จะมากล่าวหาอันน์แบบนั้น “พี่กับคุณอันน์ไม่ได้เป็นอะไรกัน ก่อนหน้านี้ คุณอันน์จะปลื้มพี่พฤกษ์ นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณอันน์” ฐานทัพหันไปสบตากับอันน์ “มันเป็นเรื่องก่อนหน้าที่ผมจะจริงจังกับคุณอันน์”
“พี่พฤกษ์ พี่ต่างหากที่ไม่ชัดเจนเอง ว่าพี่จะเอายังไง พี่เลือกที่จะกั๊กทุกทางตามนิสัยแย่ ๆ ของพี่ ห่วงว่าสังคมจะซุบซิบ พี่ก็ดึงอีกคนเอาไว้ แต่พอรู้ว่าคนเขาชอบ พี่ก็หยอดให้ความหวังอีกคนไปวัน ๆ มันใช้ได้หรือวะ” พฤกษ์ได้ยินที่ฐานทัพด่าเขา ก็พอจะมองเห็น ว่าฐานทัพนั้นไม่หวั่นไหวไปกับคำคน เรื่องที่เขาชอบผู้หญิงข้ามเพศอย่างอันน์ และที่สำคัญ ฐานทัพชอบอันน์มาตั้งแต่อันน์ยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว
“ผมรักคุณอันน์ ผมก็บอกคุณอันน์ไปตรง ๆ และผมก็พร้อมที่จะปกป้องคนที่ผมรัก ก็แค่นั้น” อันน์รู้แล้ว ว่าเธอเลือกคนไม่ผิด ผู้ชายน้อยคนเหลือเกิน ที่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองที่มีได้เหมือนกับฐานทัพ เพ็ญและบรรดาน้อง ๆ พนักงาน ต่างปลื้มปริ่มที่เห็นนายทัพของพวกเขา ออกโรงปกป้องนายหญิงแบบนั้น ทุกคนรู้สึกดีใจ ที่ได้มาทำงานให้กับเจ้านายที่พร้อมจะดูแลพวกเขาอย่างดีแบบนี้
“แกเปลี่ยนไปมากไอ้ทัพ” พฤกษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “แกไม่ใช่ไอ้เด็กขี้แพ้ ที่ได้แต่ขี้ขลาดแอบชอบใครก็ไม่กล้าพูด และเป็นได้แต่ลูกไล่ให้ฉันเหมือนเมื่อก่อนแล้วสินะ” อันน์นั้นใช้เวลาทำงานอยู่กับเขามานานเป็นปี ๆ พฤกษ์เพิ่งรู้สึกถึงความจริงในข้อนี้ แต่เขาไม่สามารถที่จะฝ่าด่านความคิดของตัวเองได้ เรื่องอันน์ไม่ใช่ผู้หญิงแต่กำเนิด ทั้ง ๆ ที่พฤกษ์เองก็มีใจให้กับอันน์ไม่น้อย
“สวัสดีครับ” เสียงโทรศัพท์มือถือของพฤกษ์ดังขึ้น พอจะเป็นระฆังช่วยเบรกอารมณ์ของทุกคนให้เบาลง เมื่อพฤกษ์ยกมือถือขึ้นมากดรับสาย พฤกษ์ปรับน้ำเสียงพูดออกไป “นี่ถ้าไม่ใช้เบอร์อื่นโทรมา พฤกษ์ก็จะไม่รับสายลินใช่มั้ยคะ” เสียงลลินหวีดมาตามสาย มันดังมากพอที่จะทำให้ฐานทัพและอันน์พอจะรู้ว่า เป็นใครที่โทรมา “อะไรของคุณอีกเนี่ย ผมติดธุระสำคัญอยู่ แค่นี้นะ” พฤกษ์พยายามพูดตัดบท
“ธุระสำคัญ ธุระสำคัญอะไร ลินรู้นะว่าพฤกษ์ตามไปง้อนังนั่นถึงหัวหินน่ะ” ลลินรับไม่ได้อย่างที่สุด ที่นอกจากอันน์ได้ตกลงคบหากับฐานทัพอย่างจริงจัง ฐานทัพผู้ที่ลลินรู้ความจริงแล้ว ว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมในทุกด้าน มากกว่าพฤกษ์มากมายนัก แต่มาตอนนี้พฤกษ์ก็ยังจะแสดงออกว่าชอบอันน์เหมือนกันอีก และยังจะเพียรพยายามไปตามอันน์ ให้กลับมาทำงานที่บริษัทตามเดิม เพราะลลินไม่มีทางที่จะทำงานในตำแหน่งที่เคยเป็นของอันน์ให้มีประสิทธิภาพสูงได้ ความสามารถของลลินเท่ากับศูนย์ เมื่อเทียบกับอันน์ ลลินลมออกหูทันที ที่ได้รู้สิ่งที่พฤกษ์พูดกับบรรดาผู้ถือหุ้นไปแบบนั้น
“มันไม่ใช่แค่เรื่องงานเท่านั้นอย่างแน่นอน ใช่มั้ยพฤกษ์ นี่คุณชอบกะเทยหรือไง คุณบ้าไปแล้วหรือ พฤกษ์คุณจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ลินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถ้าคนอื่นเขารู้เรื่อง งามหน้าล่ะ ว่าที่คู่หมั้นของไฮโซลลิน มีเพศสภาพเป็นผู้ชายที่ชอบกินกะเทย” พฤกษ์กดตัดสายของลลินทิ้ง เขาคิดว่า เขาฟังผู้หญิงคนนั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว กับคำพูดแต่ละอย่างที่รังแต่จะทำให้เขาจิตตกไปมากกว่าเดิน
“พี่พฤกษ์กลับไปแก้ปัญหาที่พี่ผูกเอาไว้เถอะครับ” ฐานทัพบอกกับพี่ชายของเขา “ตอนนี้ผมมีชีวิตที่นี่กับคุณอันน์ เรามีความสุขกันดีตามอัตภาพ ถ้าพี่จะร่วมอวยพรยินดีให้กับชีวิตคู่ของเราสองคน ผมก็ขอบคุณพี่มาก แต่ถ้าพี่ไม่คิดจะทำแบบนั้น หรือทำแบบนั้นไม่ลง ผมว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ของพี่นะครับ ขอให้เราใช้ชีวิตสงบ ๆ ในแบบของเราจะดีกว่า” ฐานทัพพูดจบ ก็คว้ามือของอันน์มาจับไว้ บรรดาพนักงานพากันรีบยกกล้องมือถือขึ้นมาถ่ายช็อตโมเม้นต์นั้นเก็บเอาไว้
เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดที่ด้านหน้าทางเข้าโรงแรม เสียงล้อบดกับถนน บ่งบอกถึงอารมณ์ขุ่นมัวของผู้ขับได้เป็นอย่างดี พฤกษ์ถึงกับแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า เมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่ด้านหลังพวงมาลัยคนขับ เขารีบเดินไปที่รถยนต์ที่เขาเช่าขับมาจากสนามบิน ลลินเปิดประตูลงมาคว้าแขนของพฤกษ์เอาไว้ ก่อนจะพ่นคำผรุสวาจามากมายใส่พฤกษ์ ฐานทัพเห็นพี่ชายของเขาพยายามไม่ตอบโต้ อย่างน้อยข้อดีของผู้ชายครอบครัวของเขาทั้งสอง คือไม่ทำร้ายผู้หญิง
พฤกษ์เดินหนีลลิน ที่พยายามฉุดกระชากพฤกษ์เอาไว้ เพื่อให้หยุดคุยกับเธอให้รู้เรื่อง แต่พฤกษ์ได้แต่บอกหญิงสาวกลับไปว่า การตามเขามาถึงที่นี่ไม่ช่วยอะไร และถ้าจะคุยกับเขาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ให้เอาไว้คุยกันวันหลัง แต่ลลินก็ยังคงกรี๊ด จะคุยให้ได้ในตอนนี้ หญิงสาวตะโกนถามพฤกษ์เรื่องพิธีหมั้นระหว่างเธอกับพฤกษ์ ที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านได้ตกลงกันเอาไว้แล้ว
“ยังคิดที่จะหมั้นอะไรอีก” พฤกษ์เหนื่อยหน่ายกับลลินเป็นที่สุด “อ้าว ทำไมพฤกษ์พูดแบบนี้ล่ะคะ ก็ต้องจัดงานหมั้นก่อนสิ แล้วค่อยถึงพิธีแต่งงานของเรา ไม่ได้นะคะ ลินบอกใครต่อใครเขาไปหมดจนทั่วแล้ว ว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน พฤกษ์ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับลินนะ” ลลินทำเสียงบังคับพฤกษ์ แบบทุกครั้งที่เธอทำแล้วได้ผลเสมอมา “ได้ แต่งก็แต่ง แต่พอแต่งแล้ว ก็ช่วยกันหาเงินมาใช้หนี้ให้ผมด้วยนะ” ลลินถึงกับอึ้ง เมื่อได้ยินแบบนั้น
“หนี้ หนี้อะไรกัน หนี้ใครที่ไหน” ลลินกำลังสงสัยว่า พฤกษ์กำลังพูดเรื่องอะไร “ใช่” พฤกษ์กุมมือของลลินขึ้นมาไว้ที่หน้าอกของเขา ทำตาหวาน และเสียงออดอ้อน “แต่งงานเสร็จ ลินเตรียมโอนเงินมาให้ผมซักห้าสิบล้านก็พอ บ้านผมกำลังจะถูกยึด ครอบครัวผมกำลังจะล้มละลาย บริษัทก็ไม่ใช่ของผมอีกต่อไป ยังจะแต่งอยู่อีกมั้ย ยังจะเอาผมทำผัวอยู่อีกมั้ย ลิน ฮะ”
พูดจบพฤกษ์ก็เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะบึ่งรถทะยานออกไป ลลินพอตั้งสติได้ ก็เรียกพฤกษ์ให้รอเธอด้วย ก่อนจะเชิดหน้าใส่อันน์ เดินไปขึ้นรถแล้วขับตามพฤกษ์ออกไปทันที ทิ้งให้เพ็ญและพนักงานทุกคน มองหน้ากันไปมา หลังจากได้รับชมซีนอันระทึกใจ ฉากใหญ่ผ่านพ้นไป อันน์ลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นึกเห็นใจพฤกษ์อยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะช่วยอะไรเขาได้ ฐานทัพบอกให้ทุกคนกลับไปทำงาน เพื่อให้ทันวันเปิดโรงแรม ก่อนจะจูงมืออันน์ ว่าที่เจ้าสาวของเขาเข้าไปด้านในของโรงแรม
พฤกษ์เหยียบคันเร่งรถยนต์ เพื่อเพิ่มความเร็ว เมื่อเห็นว่าลลินขับรถไล่ตามเขามาจนกระชั้นชิด ลลินตะโกนด่าทอพฤกษ์ดังลั่นไปหมด เมื่อเห็นรถของชายหนุ่ม ขยับหนีห่างรถของเธออย่างจงใจ เธอจะไม่มีวันยอมให้อันน์ได้ดีเกินหน้าเกินตาเธอไปได้ ดังนั้น ลลินจึงเหยียบคันเร่ง ขับรถตามพฤกษ์จนต้องปาดซ้ายป่ายขวา ขับรถฉวัดเฉวียนไปมาอย่างน่าหวาดเสียว จนมีเสียงบีบแตรจากรถคันอื่น ๆ ที่ใช้ถนนร่วมด้วย ดังไล่หลังมา
เมื่อดาวกฎุมภะ หรือดาวที่แปลว่า สมบัติ หมายถึงทรัพย์สินเงินทอง หรือเรียกได้ว่าเป็นศูนย์พาหะ คือทำให้เกิดกำลัง ว่าเมื่อมีเงินทองมาก ก็มีกำลังในการทำสิ่งต่าง ๆ มาก เดินมาตกอยู่ในเรือนตนุ ที่แปลว่า ตัวตน คือความประพฤติ จริต กิริยา สภาพความเป็นอยู่ เจ้าชะตาจึงหาเงินเก่ง มีอุดมการณ์ในชีวิต ถือเป็นผู้มีโชคดีเรื่องการเงินและรายได้ แสวงหาทรัพย์จากธุรกิจการเงินได้เรื่อย ๆ ตลอดเวลา
ทั้งที่เป็นรายได้อันเกิดจากการลงทุน หรือรายได้ที่เกิดจากตัวเอง โดยมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เงินนั้นมักเดินทางเข้ามาสู่ตัวอย่างง่ายดาย หากว่าด้านเสียนั้นจะพึงมี ก็คือการที่เจ้าชะตาจะเป็นคนหน้าเงิน เหมือนมีแต่เรื่องเงินอยู่ในความคิด มีนิสัยงกเงินเห็นแก่ได้ พูดได้ว่ามีความโลภเป็นนิสัย ไม่เกี่ยงวิธีดีหรือชั่วในการหาเงิน บุญบาปดีร้ายอย่างไร ไม่สนใจทั้งนั้น
มีสี่แยกไฟแดงอยู่ข้างหน้า ไฟสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง พฤกษ์เร่งความเร็วเพื่อให้พ้นไปจากแยกนั้น และหวังว่า รถของลลินจะติดไฟแดงอยู่ด้านหลัง รถของพฤกษ์พุ่งทะยานผ่านไปได้ แต่ลลินที่ขับเร่งตาม ไม่โชคดีอย่างนั้น มีรถกระบะวิ่งพุ่งชนท้ายรถของเธอจนปัดไปด้านข้าง เศษชิ้นส่วนจากรถทั้งสองคัน กระเด็นกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นถนน
พฤกษ์ตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากกระจกมองหลัง เขารีบหันหัวรถกลับมาที่สี่แยก ก่อนจะเปิดประตูลงมา แล้ววิ่งไปที่รถของลลิน ญิงสาวดูมึนงงกับสถานการณ์ แต่ยังพอมีสติอยู่ พฤกษ์ออกแรงดึงประตูข้างคนขับให้เปิดออก ลลินปลดเข็มขัดนิรภัย ก้าวลงจากรถ แต่ก็ร่วงลงมานั่งที่พื้น กลิ่นน้ำมันคลุ้งไปหมด พฤกษ์บอกให้ลลินขยับออกจากตัวรถ เธอหันไปมองเห็นหน้าพฤกษ์พอดี
“พฤกษ์คุณทำแบบนี้กับลินได้ยังไง” ลลินที่ในความคิดยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่เธอสู้อะไรอันน์ไม่ได้เลย ใช้มือของเะอตบตีพฤกษ์ ที่ลากเธอออกมาให้ไกลจากซากรถยนต์นั้น “อะไรของคุณอีกเนี่ย ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ” พฤกษ์เองก็ชักจะเหลืออดกับลลินเช่นกัน “คุณไม่มีเงิน คุณมันจน แล้วมาหลอกให้ลินเสียเวลาอยู่กับคุณตั้งนานสองนาน แล้วนี่ แถมยังจะตัวลินอีก ที่เสียให้กับคุณ” เมื่อคิดได้อย่างนั้น ลลินรู้สึกตัวแล้ว ว่าเธอพลาดเป็นอย่างมาก
“เรื่องนั้น คุณยอมให้ผมเองนะ” พฤกษ์พูดขึ้น ในคืนที่ลลินให้ท่าเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะไปจบลงที่โรงแรม “ก็ลินคิดว่ามันจะคุ้มไง เสียตัว แต่ก็แลกมาซึ่งการได้สมบัติทุกอย่างของคุณ” พฤกษ์ส่ายหน้าให้กับความคิดของลลิน “งั้นคุณก็ช่วยเหลือตัวเองละกัน ผมไม่คิดว่า การช่วยคุณมันจะคุ้มค่าอะไร รู้อย่างนี้ ยอมให้คนเรียกว่าผัวกะเทยซะยังจะดีกว่าอีก ผมไปล่ะ” พฤกษ์เดินกลับไปขึ้นรถของตัวเอง ก่อนขับจากไป ทิ้งให้ลลินตะโกนด่าสาปส่งเขาอยู่ที่แยกไฟแดงนั้น
**********************************
คำแปลเนื้อร้องภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA
English Lyrics Translation by KADUMPA
https://www.youtube.com/watch?v=oucZHDHOI9cอาจจะเจอเวลาที่ดี และบางคราวก็มีน้ำตา
There will be good times, then some times are tearful
มีเรื่องราวมากมายเข้ามา จนยืนไม่ไหว
Things turned up all at once, brought you to your knees
อาจจะทำให้ร้อนรน อาจจะทำให้อุ่นหัวใจ
They may be troubling you, or else giving your heart all the warmth
ไม่ว่าเกิดอะไรก็ยอม จะรับมัน
Whatever that is, we’ll do accept it
รัก แม้จะเป็นอย่างไร
Love, can’t say what it’ll be
แต่ความรัก ก็ไม่เคยไปไหน
So, love is here to stay
ทำไมยังรัก ทั้งที่มันเจ็บ
Why we still love when it hurts our soul?
ทำไมยังยิ้ม ทั้งที่ใจสลาย
Why we still smile when it breaks our heart?
ก็เพราะรักไม่เคยจะโหดร้าย
Love may not itself be cruel
แค่ความรักมันมีทางของมัน
There’s the way that love directs us all
เมื่อยังมีรัก ก็ยังมีหวัง
When it’s love, there comes hope
แค่เพียงฟังเสียงหัวใจเท่านั้น
Listen to the way our heart beating
ไม่มีใครกำหนดมัน
No one can ever predict the way
แค่ปล่อยให้รักพาไป
Love will lead you there
รักมันกำหนดตัวเอง
Love says what it really is
อาจจะเคยผิดหวังมานาน
We may have faced only disappointment
อาจจะเคยเจ็บช้ำเพียงใด
We may have had only misfortune
แค่เปิดโอกาสให้ใจได้รัก อีกสักครั้ง
This time we’ll give us one more chance to love
ไม่ว่าเจอกับเรื่องใด
Whatever comes our way
เหนื่อยเท่าไรก็พร้อมจะทน
We’ll be worn out then take it
แค่ได้เจอกับรักแท้จริง สักหนก็พอ
To personally see what true love looks like, just once
รัก แม้จะเป็นอย่างไร
Love, can’t say what it’ll be
ก็แค่ได้รัก ก็คุ้มถ้าต้องเสียใจ
A chance to love, it will be worth the pain
ทำไมยังรัก ทั้งที่มันเจ็บ
Why we still love when it hurts our soul?
ทำไมยังยิ้ม ทั้งที่ใจสลาย
Why we still smile when it breaks our heart?
ก็เพราะรักไม่เคยจะโหดร้าย
Love may not itself be cruel
แค่ความรักมันมีทางของมัน
There’s the way that love directs us all
เมื่อยังมีรัก ก็ยังมีหวัง
When it’s love, there comes hope
แค่เพียงฟังเสียงหัวใจเท่านั้น
Listen to the way our heart beating
ไม่มีใครกำหนดมัน
No one can ever predict the way
แค่ปล่อยให้รักพาไป
Love will lead you there
รักมันกำหนดตัวเอง
Love says what it really is
ทำไมยังรัก ทั้งที่มันเจ็บ
Life brings love, and love brings hurt
ทำไมยังยิ้ม ทั้งที่ใจสลาย
It puts a smile on our face, while our heart’s shattered
ก็เพราะรักไม่เคยจะโหดร้าย
Can we really blame love a culprit?
แค่ความรักมันมีทางของมัน
Or we get caught in the game blindfolded?
เมื่อยังมีรัก ก็ยังมีหวัง
All the love gives us hope
แค่เพียงฟังเสียงหัวใจเท่านั้น
Keep tracking love to skip the heartbeat
ไม่มีใครกำหนดมัน
No one dictates it
แค่ปล่อยให้รักพาไป
Just let love lead the way
รักมันกำหนดตัวเอง
Love commands itself
รักมันกำหนด ตัวเอง
Love is simply the boss, indeed