ก็จะดื้อ 30
ในช่วงชีวิตสามสิบปีที่ผ่านมาของภาส คงต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องความรักมากนัก ติดจะไปสนใจเรื่องธุรกิจกับพวกงานอดิเรกเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เคยวาดฝันถึงภรรยาในอนาคตไว้บ้าง ซึ่งแน่นอนว่าภรรยาที่เคยวาดฝันไว้เล่นๆ นั้น
...แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับคนตรงหน้า
“มาเร็วม้า มาทาพุง ทาพุงงง”
ตะนิดในช่วงตั้งครรภ์วีคที่สามสิบกว่าๆ ขณะนี้ตัวกำลังกลมปุ๊กได้ที่ หน้าท้องที่ปกติยุ้ยนูนนุ่มนิ่มก็ป่องดันเสื้อออกมาอย่างเห็นได้ชัดแถมช่วงนี้กินเก่งจนหมอเริ่มให้คุมน้ำหนัก แก้มที่ปกติก็กลมเป็นก้อนก็ยุ้ยมากขึ้น พอพุงเริ่มป่องแมวดื้อก็เลิกใส่กางเกงไปโดยปริยายด้วยความที่มันอึดอัดพุง เจ้าตัวเลยมักจะใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ เดินไปเดินมาในห้อง
และด้วยความโอเมก้าตั้งท้องมักจะติดรัง พอย้ายออกจากคอนโดมาอยู่บ้าน เจ้าก้อนกลมนี่แทบไม่ออกนอกบ้านไปไหน มีที่จะเข้าออฟฟิศไปประชุมงานบ้าง แต่โดยปกติก็จะนั่งทำงานอยู่ที่ห้อง ดีที่ส่วนใหญ่พวกงานกราฟฟิคที่แมวดื้อยืนยันยังจะทำแม้เขาจะขอให้พักนั้นไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศบ่อยให้หายไปจากสายตา ยิ่งช่วงนี้ปวดหลังบ่อย เข้าห้องน้ำบ่อย เขายิ่งเป็นห่วง
“พี่ทาให้ไหม” ภาสเสนอตัวเมื่อเห็นก้อนแมวดื้อเดินถือกระปุกครีมสำหรับไว้ทาหน้าท้องเดินไปมา
“พี่ภาสไปทำงานได้แล้ว”
“...”
“เดี๋ยวนี้ชอบหาเรื่องไปทำงานสายตลอดเลยนะ” ตะนิดเท้าเอวขมวดคิ้ว
“ช่วงนี้ที่บริษัทไม่ค่อยมีงาน”
“พี่ชายบอกนิดหมดแล้วตาลุง ไม่ต้องโกหกเลย” แม่แมวเดินเข้ามาบีบแก้มลุงตรงหน้าไปหนึ่งทีข้อหาโกหกตาใส ส่วนภาสก็ได้แต่อมยิ้ม
ใช่...
เขาติดแม่แมวคนนี้มาก ติดแบบไม่อยากห่างไปไหน ห่วงตลอดเวลา กลัวว่าละสายตาไปแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งพอเริ่มตัวกลมปุ๊กขึ้นเขายิ่งอยากอยู่ฟัดแมวดื้อที่บ้านทั้งวันไม่ต้องไปทำงานทำการ
“ทาครีมให้ก่อนแล้วเดี๋ยวพี่ไปทำงานแล้ว”
“นิดทาเองได้”
“แมวดื้อ”
“เดี๋ยวนี้นิดไม่ดื้อแล้ว พี่ภาสน่ะดื้อ” แม่แมวใช้ฝ่ามือนวดแก้มพ่อแมวไปมา ดูสิตีนกาเต็มเลย ลาแมร์ก็ไม่ช่วยแล้วเนี่ยยยย ลานอนเท่านั้นนนน
“เดี๋ยววันนี้คณิตมาหาใช่ไหม”
“อื้อ เดี๋ยวคณิตมาตอนบ่าย เออพี่ภาส ช่วงนี้ที่ออฟฟิศแปลกมากเลย”
“ทำไมล่ะ” ภาสเอ่ยถามพลางค่อยๆ ดันคุณแม่ไปนั่งบนเตียง เตรียมเปิดกระปุกครีมทาหน้าท้องให้
“ช่วงสองสามเดือนนี่นิดรู้สึกเหมือนพี่ชินแปลกไป”
“เขาทำไม”
“ดุกว่าเดิม ด่าไม่ไว้หน้าเลย”
“ปกติก็ดูดุอยู่แล้วนี่” นึกถึงภาพเลขาเบต้าคนนั้นขึ้นมา ในหัวก็นึกออกแต่หน้าตายๆ ที่คอยกระชากลากถูอัลฟ่าขี้หยอกไปทั่วอย่างอาเธอร์
“ใช่ๆ ปกติพี่ชินก็ดุไปทั่วแหละ แต่ที่แปลกกว่าคือพี่เต้ออ่ะ”
“มันทำไม” สรรพนามถูกเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว
“พี่เต้อเป็นซึมๆ โดนพี่ชินเหม็นหน้า”
“แปลกนะ” อัลฟ่าหนุ่มพูดพลางเปิดเสื้อยืดแม่แมวขึ้น พุงป่องแน่นถูกโชว์ออกมาทันที
“อือ แปลกจริงพี่ภาส แถมพี่เต้อยังเป็นจ๋อยๆ แอบมองพี่ชินตลอดเวลา พอพี่ชินเดินไปไหนก็แอบตามไปดูตลอด”
“อืม ยกขาขึ้นหน่อยมา” ภาสอาศัยช่วงแม่แมวขี้เมาท์จับขาเล็กยกขึ้นชันให้นั่งได้สบาย ซึ่งตะนิดก็เอนตัวพิงอกแกร่งด้วยความเคยชิน
“แล้วแถมพี่ชินยังผอมมากด้วยพี่ภาส พี่ภาสว่าพี่ชินป่วยไหม”
“ไม่หรอก”
... เหม็นสามีคงไม่นับว่าป่วยหรอกมั้ง
ภาสได้แต่คิดในใจ คงต้องบอกว่านับเป็นโชคดีของเขาที่แมวดื้อไม่แพ้ท้องในรูปแบบเหม็นสามี ไม่งั้นคงได้มีหงุดหงิดจนทำงานไม่ได้ สภาพคงไม่ต่างจากอาเธอร์ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ อ้อ แล้วยังน่าสงสารบวกไปอีกที่เจ้าเลขาเบต้านั่นทุนเดิมไม่ได้นิสัยขี้อ้อนเหมือนตะนิดแถมยังเป็นเบต้าที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องติดกลิ่นอัลฟ่า พอเหม็นก็แทบเทสามีทิ้งแบบไม่สนใจ
“แต่ อ๊ะ... เย็นจัง” ตะนิดเลิกเมาท์มอยแล้วกลับมาสนใจมือใหญ่ที่ค่อยๆ ลูบเนื้อครีมกับหน้าท้องอยู่
“สวัสดีครับ” ภาสใช้นิ้วชี้เคาะหน้าท้องเบาๆ เป็นการทักทายเจ้าจิ๋วในท้อง
“วันนี้เตะท้องแต่เช้าเลย” ตะนิดหัวเราะเมื่อนึกถึงเจ้าก้อนปุ๋งในท้องที่เริ่มออกลายสายแดนซ์
“เดี๋ยวแด๊ดดี้จะไปทำงาน”
“...”
“อย่าดื้อกับมัมนะครับ”
ปุ้ง!
แมวดื้อแก้มระเบิดไปเรียบร้อย ไม่ระเบิดก็แย่แล้ว! มาแด๊ดดงแด๊ดดี้อะไรกันเล่า!
และแน่นอนว่าสิ้นคำเตือนของคุณพ่อ หน้าท้องบางก็มีแรงกระทุ้งเบาๆ บริเวณฝ่ามือ ทำเอาคนเป็นพ่อชะงักตัวทันที
“โอ๊ะพี่ภาส ปุ๋งน้อยเตะพี่ภาส”
“...”
“สกายคิกแด๊ดดี้เลยเจ้าปุ๋ง!”
“ตะนีครับ”
“...”
“ไม่ดื้อกับแด๊ดดี้นะครับ”
คราวนี้เงียบสนิท ไร้ซึ่งแรงเตะ
… สงสัยกลัวได้ชื่อตะนี
ภาสได้แต่หัวเราะในลำคอกับการเอาชนะลูกในท้องได้ แม้มันจะเป็นแค่การเข้าใจไปเองก็ตาม เจ้าตัวเล็กในท้องคงไม่สามารถรับรู้ได้ขนาดนั้นหรอก
แต่ก็เห็นภาพเจ้าลูกแมวร้องจ๊ากในท้องขึ้นมาเหมือนกัน
“ว่าแต่ไม่ได้ถูๆ นานแล้วนะ” พูดจบอัลฟ่าหนุ่มก็แอบเลื้อยมือลงต่ำเตรียมตัวขมับมือถูแต่ยังไม่ทันได้เลื้อยผ่านขอบกางเกงชั้นในก็โดนหมัดแมวตีป้าปเข้าให้ที่มือ
“เพิ่งถูไปเมื่อวาน!!!”
“...”
“ไม่ต้องเลยพี่ภาส”
“นิดเดียว”
“พี่ภาสไปทำงาน!!!”
สุดท้ายอัลฟ่าหนุ่มก็จำใจจะต้องละจากก้อนแป้งตัวนุ่มนิ่มไปทำงาน ถึงจะรู้สึกเป็นห่วงบ้างตามภาษาคนติดแมว แต่พอนึกได้ว่าช่วงบ่ายเดี๋ยวพี่แมวคนเห่อหลานจะเข้ามาดูแลต่อก็คลายความกังวลไปได้เยอะ
พอประตูบ้านปิดแมวตัวปุยที่ยืนส่งพ่อแมวไปทำงานก็รู้สึกใจโหวงขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ลูบพุงปลอบตัวเองว่าอีกฝ่ายแค่ไปทำงานเดี๋ยวอีกไม่นานก็กลับมา ตะนิดเดินพุงโย้ไปนั่งบนโซฟาก่อนจะเลือกเปิดยูทูปดูช่องที่เกี่ยวกับแม่และเด็กดู อีกหลายวีคกว่าจะถึงนัดผ่าคลอด แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา
ปุ๋งน้อยจะออกมาหน้าตาแบบไหน
จะเหมือนเขาหรือเหมือนพี่ภาส
จะสูงใหญ่เหมือนฝั่งพ่อหรือจะตัวเล็กเหมือน... เหมือนแค่เขา ลืมไป คณิตก็สูง แม่ก็สูง พ่อก็สูง ชิ!
การตั้งท้องเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด ทุกวันที่ผ่านไปเหมือนเล่นรถไฟเหาะเดี๋ยวก็ดีใจเดี๋ยวก็ดิ่งลงด้วยความทรมาน มันทั้งตื่นเต้นดีใจกับพัฒนาการปุ๋งน้อยในท้อง แต่บางครั้งการเปลี่ยนแปลงของร่างกายก็เจ็บปวดอึดอัดจนต้องร้องไห้ออกมา อาการปวดหลังปวดเอว เท้าบวมจนแทบเดินไม่ได้ อารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เข้าห้องน้ำบ่อยจนหงุดหงิด
แต่เพราะแบบนั้นถึงได้เข้าใจถึงความสำคัญของเจ้าก้อนในท้อง
...รักจนยอมทุกอย่าง
คิดได้ดังนั้นตะนิดก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาคนที่จู่ๆ ก็นึกถึงขึ้นมา
[ว่าไงไอ้แสบ]
“แม่ วันนี้มาหานิดไหมมมมม”
[อารมณ์ไหน เห็นปกติงอแงแต่ให้คณิตไป]
“ก็วันนี้คิดถึงแม่ ไม่คิดถึงคณิต”
[หือ? คณิตได้ยินคงหนีไปร้องไห้ อ้อ ตอนบ่ายคณิตจะเข้าไปหาใช่ไหม แม่จะได้ติดรถเข้าไปด้วย เราอยากกินอะไรไหมเดี๋ยวแม่ทำไปให้ ช่วงนี้คุมน้ำตาลอยู่ไหม รูปอัลตร้าซาวด์ล่าสุดยังไม่ส่งให้แม่เลยนะ]
เสียงเจื้อยแจ้วของผู้หญิงในสายทำให้ตะนิดต้องยกยิ้มขึ้นมาเบาๆ กำลังจะซึ้งในรสพระคุณที่แม่ผ่านความลำบากตั้งท้องมา
“แม่ นิดรั-“
[แต่ที่คณิตบอกว่าเราเติมเกมมือถือไปหมื่นกว่านี่ยังไงนะตะนิด]
“นิดรักแม่นะ จุ๊บๆ บายยยย” นิ้วเล็กกดตัดสายทันทีอย่างรวดเร็วก่อนที่จะได้รับการบ่นหูชา และแน่นอนว่าเรื่องนี้พี่ภาสจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด บอกพี่ภาสไว้ว่าเดิมแค่ร้อยกว่าบาทดันเพลินมือกดกาชาไปรัวๆ ตะนิดวางมือถือลงกับโซฟาก่อนจะกลับมาลูบหน้าท้อง
เฮ้อ
อยากเจอเจ้าปุ๋งเร็วๆ จัง
.
.
.
หลายสัปดาห์ของการอึดอัดตัว
ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง
ตะนิดแอตมิตเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่คืนก่อนเพื่อเตรียมตัวสำหรับการผ่าคลอด แน่นอนพอได้ยินคำว่าผ่าแม่แมวก็ร้องจ๊ากในใจ สวดมนต์พึมพำมาตลอดทางการนั่งรถ ภาสตัดสินใจโทรเรียกพลขับรถภูเขามารับหน้าที่ขับรถ ส่วนหน้าที่เตรียมของต่างๆ ตกเป็นของแฝดพี่ที่เสนอตัวมานอนค้างที่บ้านเป็นอาทิตย์ก่อนเข้าโรงพยาบาลด้วยกลัวว่าน้องจะคลอดก่อนกำหนดแล้วไม่มีใครคอยดูแล
ในห้องพักถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งและกระดาษสีมากมายเป็นของขวัญจากภาคินและภีมเพื่อเป็นการต้อนรับหลานคนแรกของตระกูล ตอนมาถึงตะนิดก็ตื่นเต้นแล้วก็ดีใจไปกับการตกแต่ง ความเฮฮาจากญาติมิตรเพื่อนฝูง แต่พอตกดึกที่ทุกคนทยอยกลับหมดใจดวงน้อยๆ ก็ฝ่อลงอีกรอบ
“พี่ภาส...”
“หืม? ว่าไง ปวดท้องรึเปล่า” ตะนิดชายตามองอัลฟ่าคู่ชีวิตที่กำลังนั่งอ่านไอแพดอยู่ข้างเตียง ซึ่งอีกฝ่ายก็วางไอแพดและลุกขึ้นเดินมาหาทันทีที่ถูกเรียกชื่อ
“นิดตื่นเต้น”
“ปุ๋งในท้องเราก็ตื่นเต้น” ภาสชี้ไปที่จังหวะการเต้นหัวใจของเจ้าแสบในท้องที่โชว์อยู่บนจอ
“ฟู้วววววววววว”
“พักผ่อนก่อนไป” ภาสก้มตัวลงหอมเหม่งใสไปหนึ่งที
“จะได้เจอปุ๋งแล้ว”
“นอนได้แล้ว”
“พี่ภาส”
“หืม”
“จุ๊บๆ หน่อย”
แมวดื้ออ้าแขนขึ้นพร้อมกับทำปากจุ๊บๆ ซึ่งนั่นแอคแทคเข้าจังๆ ที่อัลฟ่าหนุ่ม ภาสยกมือขึ้นกุมหัวใจก่อนจะก้มตัวลงจุ๊บเหม่งใส ปลายจมูกรั้น แวะไปฟัดแก้มหอมแป้งทั้งสองข้างและจบท้ายด้วยการประทับจูบบางเบาลงบนริมฝีปากอิ่ม
“ตะนิด”
“หืม” ตะนิดเอียงแก้มถูกับปลายนิ้วสากพร้อมกับสบตากับอีกฝ่าย
“คลอดปุ๋งเสร็จแล้ว”
“...”
“แต่งงานกับพี่นะ” “อะ เอ้ยยยยยยยยยยยย พี่ภาส”
“ทำพันธะกัน”
“พะ พี่ภาส มาขอแต่งงานแบบนี้แล้วนิดจะสงบใจนอนได้ไง นิดจะคลอดแล้วนะ พี่ภาส!!!” แมวดื้อยกมือขึ้นบีบแก้มอัลฟ่าหน้าดุ
“เราจะได้หายเครียดเรื่องคลอดไง”
“จ๊ากกกกกก”
“ไม่ต้องจ๊าก”
“พี่ภาส!! ก็คือขอแต่งงานรึป่ะ ไม่ใช่ขอจุ๊บๆ ไม่จ๊ากได้ไง”
“งั้นจุ๊บๆ”
“ไม่จุ๊บ!!” ตะนิดยกมือขึ้นดันคางที่เต็มไปด้วยตอหนวดออกจากแก้ม
“แมวดื้อ”
“พี่ภาสไม่ต้องมาอุ๋งอิ๋งนะ!!!”
อะไรคืออุ๋งอิ๋ง...
ภาสขมวดคิ้วงงแต่ก็ปล่อยผ่านไป
“นอนซะ พรุ่งนี้ก็ได้เจอปุ๋งแล้ว”
“อะ อื้อ แต่พี่ภาส”
“หืม”
“ขอแต่งงานทั้งทีไม่มีเล่นใหญ่เลยอ่ะ” ตะนิดบ่นงุบงิบ
“อยากได้เล่นใหญ่แบบไหนล่ะ”
“แบบเบิ้มๆ”
“...”
“แล้วไหนแหวนอ่ะ พี่ภาสไม่คุกเข่าขอเหรอ” ตะนิดยกมือขึ้นกระดิกนิ้วไปมา
“เดี๋ยวแหวนข่วนปุ๋งนะ” ภาสจับมือเล็กเข้ามาไล่จูบไปตามข้อนิ้วก่อนจะค่อยๆ คลายให้อุ้งมือเล็กนั้นแนบเข้ากับหน้า
“ตกลง”
“หืม?”
“ตกลง แต่งก็แต่ง แต่นิดขอแหวนเพชรแบบริงป๊อปเลยนะ” ภาสหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับคำขอนั่น
“หลังคลอด ฮีทแรกมาเมื่อไหร่ เราเตรียมหลังคอไว้เลย”
“ฟังดูโรคจิตเหมือนกันนะพอพี่ภาสเป็นคนพูดเนี่ย” ตะนิดขนลุกซู่ก่อนจะรีบยกมือขึ้นลูบหลังคอตัวเองไปมา เป็นหมารึไงมาขู่ขอกัดหลังคอเนี่ย!
“พักก่อนไป” ภาสก้มตัวจุ๊บเหม่งใสไปหนึ่งทีเป็นการส่งท้ายให้แม่แมวได้นอนพักผ่อนเตรียมรับศึกหนักที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมง
การผ่าคลอดเป็นอะไรที่ใช้เวลาน้อยกว่าที่ภาสคิดไว้ น้อยกว่าผ่าใส้ติ่งที่เคยพาภูเขามาผ่าเมื่อสองปีที่แล้วอีก แต่คิดไว้อยู่แล้วว่าตะนิดคงจะต้องใช้ความกล้ามากแน่ๆ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ก่อนเข้าห้องผ่าตะนิดร้องไห้ออกมาหนึ่งยกด้วยความกลัว แต่พอเข้าไปลูบหัวจุ๊บแก้มปลอบถึงได้ค่อยใจเย็นลง
ห้องผ่าตัดไม่ให้อนุญาตให้คนเป็นพ่อเข้าไปตั้งแต่แรก เขาถูกแยกจากตะนิดที่ถูกเข็นเข้าห้องไปทำการบล็อกหลังส่วนตัวเขาต้องมาเตรียมความพร้อม เปลี่ยนชุด ล้างมือรอในห้องพัก รออยู่ไม่นานก็มีพยาบาลมาเรียกให้เข้าห้องผ่าตัดได้ สิ่งแรกที่ภาสทำคือเดินเข้าไปหอมหน้าผากแมวดื้อที่นอนอยู่บนเตียงผ่าโดยมีผ้าสีเขียวกั้นปิดตั้งแต่ช่วงอกลงไป
“แมวดื้อ”
“พี่ภาส... นิดหนาว” ตะนิดไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยายามเอนหน้าผากมาซบกับหน้าผากเขาเป็นการอ้อนเท่าที่ตัวเองจะทำได้ในขณะนี้
“คนเก่งของพี่” กลิ่นในห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยความคาวของเลือดที่เสียงเครื่องมือมากหมาย ภาสเลือกที่นั่งนิ่งๆ คอยพรมจูบลงบนเหม่งใส รออยู่เพียงไม่กี่นาทีเสียงร้องไห้ก็ดังจ้าลั่นห้องคลอดเป็นวินาทีเดียวกับที่ตะนิดก็ร้องไห้ออกมาเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นไม่นานพยาบาลก็อุ้มทารกน้อยในห่อผ้ามาให้ด้วยใบหน้ายินดี
สิ่งแรกที่ภาสเห็นคือลูกชายของเขามีผิวที่ซีดเผือก แม้จะยังมีคราบเลือดแต้มตามตัวแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคให้เขาประทับจูบลงไปอย่างรักใคร่ ริมฝีปากน้อยจับรูปเป็นกระจับสีแดงเชอร์รี่ ถึงแม้จะยังไม่เห็นดวงตาดีเพราะเจ้าตัวกำลังหยีตาแผดเสียงร้องไห้แต่คิดว่าตาคงจะกลมโตไม่ต่างจากแม่
“พี่ภาส... ปุ๋งน้อย”
“หึ หน้าเหมือนเรา”
“เด็กชายตะนี”
“แมวดื้อ เราตกลงชื่อกันแล้วว่าเด็กชายภาณิน” ภาสรีบเอ่ยขัดเมื่อเห็นพยาบาลชะงักตอนได้ยินตะนิดเรียกลูกว่าตะนี
“แต่ชื่อเล่นว่าตะนี”
“ชื่อเล่นก็ภาณิน เรายังบอกว่าเหมือนปลานิลอยู่เลย”
“แต่นามสกุลตะนี”
“...”
“ตะนี...”
“แอ้!!!” เด็กทารกตัวขาวส่งเสียงไม่พอใจลั่น เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งห้องผ่าคลอด จากนั้นพยาบาลก็เข้ามาช่วยจัดแจงพื้นที่ถ่ายรูปใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่นาที ภาสก็ถูกพยาบาลบอกว่าให้ออกจากห้องผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนชุดเตรียมไปดูลูกต่อที่ห้องเนิร์ซเซอรี่
ในตอนนี้ภาสไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นคำพูดได้ ในใจรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาคลอ เขาถอดแว่นก่อนจะปาดน้ำตาออกแล้วเปิดประตูออกเตรียมเดินหาลูกตามทางที่พยาบาลบอกไว้ เมื่อก้าวขาออกมาได้ไม่ไกล ภาสก็พบกับคณิตที่ยืนกัดเล็บอยู่แถวบริเวณหน้าห้องผ่าตัด ซึ่งพอคณิตหันมาเห็นเขาก็ตาโตรีบวิ่งเข้ามา
“ตะ ตะนิดเป็นไง หลานเป็นไง”
“ตะนิดเดี๋ยวรอสังเกตอาการต่ออีกหน่อย”
“ละ แล้วหลาน”
“น่ารัก”
“...”
“เหมือนแม่เป๊ะ” พอได้ยินอย่างนั้นคณิตก็ยิ้มออกมากว้างส่วนภาสเป็นคนที่หุบยิ้มลง
ตอนแรกที่คิดว่าลูกหน้าเหมือนตะนิด
ก็ดันลืมไปคิดไปว่าบนโลกยังมีคนที่หน้าเหมือนตะนิดอยู่หนึ่งอีกคน
“แล้วจะได้เจอหลานเมื่อไหร่”
“เนี่ย พยาบาลบอกให้เดินไปตรงนั้น” ญาติดีโดยไม่รู้ตัว คณิตยกมือขึ้นจับแขนเสื้อภาสพร้อมกับกระตุกให้อีกฝ่ายนำทางโดยมีชายคอยเดินตามหลังไปติดๆ
เด็กชายภาณินออกมาหนักสองโลเจ็ดและยังต้องอยู่ในตู้อบต่อ แต่ถึงอย่างนั้นสีผิวก็อมชมพูดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากเทียบจากผิวขาวซีดตอนเพิ่งเกิด ภาสมองลูกชายตัวเองผ่านกระจกแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มไม่หยุด
...ผิวขาวอมชมพู
...ปากกระจับสีแดง
ดวงตาเปียกชื้นเพราะเจ้าตัวยังคงเหยียดแขนขาร้องไห้จ้าเสียงดังแต่พอหยุดร้องแล้วหยีตามองจ้องมาก็ทำเอาหัวใจคนเป็นพ่อกระตุก
ได้แม่มาเต็มๆ เลย
หวงตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลกมันเป็นแบบนี้นี่เอง