<<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]  (อ่าน 20312 ครั้ง)

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ขอให้แผนสำเร็จนะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ไอ้น้องนิดหน่อยกะหลอกพี่หมอกมาเผด็จศึกเหรอจ๊ะ  :hao3:

ออฟไลน์ นางฟ้าน้อย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นิดหน่อยสู้ๆจ้า :katai2-1:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :o8:  จัดออเดิร์ฟไปแล้ว

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ตามมาอ่าน สนุกดี

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
นิดหน่อยแผนสูง ทุ่มทุนสร้างมากจร้า
 :katai5:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                                  ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                               บทที่ 13


             อาหารมื้อกลางวันผ่านไปอย่างสนุกสนานเพราะเพื่อนในวัยเด็กต่างก็มาฝากท้องกับฝีมือแม่สุดที่รักของวศินด้วย อวัศย์เองก็เจริญอาหารเพราะเหมือนได้ย้อนอดีตไปสู่วัยเด็กอีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีใครพูดจาอะไรให้เขาระคายหูอีกแล้ว เสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้นจนกระทั่งช่วงบ่ายบรรดาเพื่อนเก่าจึงขอตัวกลับก่อน


             “คุณหนูขึ้นไปล้างหน้าล้างตาพักผ่อนที่ห้องไอ้นึงมันก่อนก็ได้นะคะ”


             วิภาเอ่ยด้วยความเอ็นดู อวัศย์เป็นคุณหนูฐานะร่ำรวยที่ไม่ถือเนื้อถือตัวเลยสักนิด ลูกสาวตัวแสบรีบดึงมือชายหนุ่มให้ลุกตามขึ้นไปบนชั้นสอง


              “มาค่ะพี่หมอก นึงจัดห้องให้รกน้อยลงแล้ว”


               เมื่ออวัศย์เดินตามนิดนึงลับสายตาวิภาจึงหันไปหาบุตรชายแล้วกระซิบถาม


              “เสร็จโจรไปยังวะ”


              “ยังเลยแม่”


              “โธ่ ไอ้งี่เง่า เพราะช้างี้เลยไม่มีเมียสักที”


              “โหแม่ ให้เวลาพี่หมอกเขาหน่อย เขาโกรธหนูมาตั้งหลายปี”


              คนเป็นแม่ส่ายหน้าระอา


              “ไอ้หน่อยเอ๊ย เค้ายอมมาบ้านด้วยขนาดนี้ก็คือยอมแน่ๆ แล้ว แกจะรีรอทำไมวะ จับปล้ำทำเมียเลย”


               “ไม่ได้ หน่อยจะไม่ฝืนใจพี่หมอก หน่อยเป็นลูกผู้ชายอกสามแท่ง เอ๊ย สามศอก หน่อยจะรอให้พี่หมอกยินยอมพร้อมใจก่อน”


              เห็นลูกชายยืดอกอวดความเป็นสุภาพบุรุษแล้ววิภาก็ต้องยอมแพ้ คนเป็นแม่หัวเราะขำพรืด


              “เออๆ ตามใจ แต่ยังไงก็อย่าให้พลาดนะ แม่ถูกใจคุณหนูหมอกมาตั้งแต่เด็กแล้ว เป็นผู้ชายด้วยกันแม่ก็ยอม นี่อุตส่าห์ไปกล่อมพ่อให้ยอมมีลูกสะใภ้เป็นผู้ชายจนได้ พลาดมาแม่จะเขกให้กบาลแยกเลย”


               “ชัวร์แม่ ไม่พ้นคืนนี้หรอก แม่เตรียมตัวผูกข้อมือรับลูกสะใภ้เลย”


               วศินรับคำมารดาด้วยความมั่นใจ แผนของเขาจะต้องไม่พลาด อวัศย์ต้องเป็นของเขาภายในคืนนี้อย่างแน่นอน







              เมื่อเข้ามาภายในห้องนิดนึงแล้วอวัศย์ถึงกับทึ่งเมื่อเห็นว่าพื้นที่เต็มไปด้วยกองหนังสือ เจ้าของห้องหัวเราะแก้เขิน


              “จัดได้แค่นี้แหละค่ะพี่หมอก ปกตินึงเขี่ย ๆ ให้มีที่ว่างแล้วซุกหัวนอน”


              “มีหนังสือเรียนบ้างไหมนิดนึง”


              ชายหนุ่มหน้าสวยเอ่ยถามเมื่อหยิบมาได้เล่มหนึ่งแล้วพลิกไปพลิกมา อวัศย์เบิกตากว้าง


              “ทำไมปกนิยายมันมีแต่รูปวาดผู้ชายกับผู้ชายล่ะ นึงเป็น อะไรนะ ที่เขาเรียกว่าสาววายเหรอ”


               นิดนึงจูงแขนอวัศย์ให้นั่งลงบนเตียงที่พอจะมีพื้นที่ว่าง เด็กสาวหัวเราะแหะๆ


              “ใช่พี่หมอก สาววายเต็มขั้น สวรรค์อยู่ในกองดอง พี่หมอกต้องลอง แล้วจะบอกว่าติดใจ”


              “ฮะ ให้พี่ลองอะไรแล้วจะติดใจนะ”


             อวัศย์หน้าตาเหรอหรา คิดลึกจนหน้าร้อนเห่อแดงก่ำไปหมด นิดนึงเห็นแล้วปลื้มสุดขีดเพราะเป็นสาววายสายบูชาเคะ


              “พี่หมอกอะคิดมาก นึงหมายถึงให้ลองอ่านนิยายวายดูแล้วจะติดใจ นี่ๆ เล่มนี้เล่มโปรดของนึงเลย”


              ว่าแล้วเจ้าของห้องก็คว้านิยายเล่มเยินใกล้มือมาส่งให้อวัศย์รับไปถือเปิดดูคร่าวๆ


               “นักแต่งในดวงใจชื่อบีเลิฟ เรื่องนี้เด็ดสุด ผมกำลังจะกลับบ้าน ฉากซั่ม เอ๊ย เลิฟซีนมันทุกบท มีฉากจู๋จี๋กันบนรถทัวร์ด้วยนะ”


              อวัศย์กลั้นหัวเราะไม่อยู่


               “บนรถทัวร์? นักเขียนก็คิดได้นะ ผู้โดยสารคนอื่นเขาไม่ตื่นมาเห็นกันหมดเหรอ”


              “แหม พี่วันรบพระเอกเดอะเบสท์ของหนูเขาไม่ทำให้ใครตื่นหรอกพี่ เขาเน้นท่ายาก อยากให้พี่หมอกได้อ่าน มันมีหลายท่ามาก เผื่อพี่จะใช้กับพี่หน่อย เอ๊ย ไม่ใช่ เผื่อพี่จะเก็บไว้เป็นข้อมูล”


              นิดนึงเขินตัวแทบแตกผิดกับคำพูดยุยงเชียร์พี่ชายออกนอกหน้า อวัศย์ได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู


              “นี่ๆ เขาบอกตรงนี้ว่าเหมาะสำหรับคนอ่านอายุสิบแปดปีขึ้นไป เราน่ะ อายุถึงแล้วเหรอ”


              “โหย พี่หมอก สมัยนี้ใครเขารอให้สิบแปดแล้วค่อยอ่านกันล่ะ นิยายลงในเว็บกันโครมๆ แต่พี่ไม่ต้องกลัวสาววายอย่างนึงจะใจแตกเพราะอ่านนิยายสิบแปดบวกพวกนี้หรอกนะ หลักการของสาววายคืออยากเห็นผู้ชายกับผู้ชายได้กัน รับประกันความเหลวแหลกว่าไม่มี เงินทองจะล่มจมไปกับนิยายและคู่จิ้นในซีรี่ส์เท่านั้น ชวนคุยนานแล้วพี่หมอกพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวคืนนี้จะไม่มีแรง เอ๊ย เดี๋ยวจะเพลีย นึงไปช่วยแม่ข้างล่างก่อน”


              เด็กสาวออกจากห้องปล่อยให้ผู้มาเยือนได้อยู่ตามลำพัง อวัศย์ลองเสี่ยงเปิดนิยายในมือ เมื่อลองอ่านหน้าที่เปิดได้เขาถึงกับอ้าปากค้างแก้มแดงเป็นพวง


             “มันมีท่านี้ด้วยเหรอ ทำได้จริง ๆ เหรอเนี่ย นักเขียนคิดได้ไงอ้ะ”


             อ่านไปก็เขินไปแต่ก็อยากรู้เลยอ่านไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็อ่านเกือบจบเล่ม อวัศย์เพิ่งรู้ว่าเวลาผ่านไปจนเกือบบ่ายคล้อยตอนที่ได้ยินเสียงวศินมาเรียกอยู่หน้าห้อง


            “พี่หมอก พี่หมอก ทำไรอยู่ หลับอยู่หรือเปล่า”


             “เปล่า แป๊บนึงนะหน่อย”


             วางหนังสือลงแล้วเดินไปเปิดประตูให้วศิน ชายหนุ่มโผล่หน้าเข้ามามองไปรอบห้องน้องสาวตัวเอง


             “โห ห้องไอ้นึงทำไมรกงี้วะ เดี๋ยวปลวกมากินหนังสือจะหัวเราะเยาะให้สะใจเลย”


             “อย่าว่าน้องสิหน่อย ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”


              วศินยิ้มหน้าแป้น เขาฉวยโอกาสจูงมือนุ่มให้เดินตามลงไปชั้นล่าง


              “จะไปเยี่ยมหลานไง ลูกไอ้เขียว เมียมันเพิ่งคลอดเมื่อเดือนที่แล้ว ไอ้เหี้ยเขียวมีลูกคนแรกของกลุ่มเลย”


              เจ้าของบ้านคว้ามอเตอร์ไซค์คันเก่าของบ้านมาสตาร์ทรถแล้วบิดคันเร่งเสียงดังลั่น


               “ขึ้นมาสิพี่หมอก เราแว้นไปบ้านไอ้เขียวกัน”


             อวัศย์ขึ้นไปนั่งซ้อนหลังบนเบาะมอเตอร์ไซค์อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสนั่งมอเตอร์ไซค์แบบนี้มากนัก วศินดึงมือของเขาให้โอบกอดเอวไว้


              “ไม่ต้องกลัวตกน่าพี่หมอก ถ้ากลัวก็กอดผมไว้แน่นๆ”


               “คนบ้า ฉวยโอกาสจริงๆ”


               บ่นอุบอิบแต่ก็ต้องกอดเอววศินไว้เมื่ออีกฝ่ายกดเท้าเหยียบเกียร์แล้วบิดคันเร่งไปบนถนนของหมู่บ้านตรงไปยังบ้านของเขียว สายลมปะทะกับผิวหน้าทำให้อวัศย์ต้องซบหลบอยู่กับแผ่นหลังกว้าง


              ความจริงวศินก็เป็นคนที่ทำให้อวัศย์ไว้วางใจได้ เมื่อลองเปิดใจอีกครั้งอวัศย์จึงได้เรียนรู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนจริงใจเมื่ออดีตเมื่อวัยเยาว์ ความเป็นธรรมชาติ ความใสซื่อ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้อวัศย์หลงรัก


              รัก!


              นี่ยอมรับใจตัวเองแล้วอย่างนั้นหรือว่ารักเขา


               อวัศย์ถามใจตัวเองพร้อมกับเผลอกระชับอ้อมกอดของตนเองที่โอบรอบเอวของวศินอยู่


               หรือบางทีอาจจะรักตั้งแต่ยังเด็ก ผูกพันจนกลายเป็นเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำพูดตัดรอนโดยไม่ทันตั้งตัว และเมื่อได้พบอีกครั้งจึงรู้ว่าความรักแสนบริสุทธิ์ในอดีตไม่เคยลืมเลือนจนที่ผ่านมาไม่อาจเปิดใจให้ใครได้


               “พี่หมอก ถึงแล้ว พี่หมอก”


              “อะ อื้อ ถึงแล้วเหรอ”


               สะดุ้งตื่นจากภวังค์ถึงได้รู้ว่าตนเองกอดเอววศินไว้แน่นตอนที่วศินดับเครื่องมอเตอร์ไซค์แล้ว อวัศย์รีบคลายวงแขนด้วยความขัดเขิน วศินได้แต่แอบซ่อนรอยยิ้มไว้เมื่อมั่นใจแล้วว่าอวัศย์คิดเช่นไรกับเขา


              “ไอ้นัด ไอ้ป๋องมาก่อนแล้ว เราตามเข้าไปในบ้านเถอะ ไอ้เขียวเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้า เห็นคุยโวว่าเมียทำกับแกล้มอร่อยต้องถล่มมันเสียหน่อย”


             วศินฉุดแขนให้อวัศย์เดินตามเข้าไปในบ้านเพื่อน บรรยากาศเป็นกันเองทำให้อวัศย์สนุกไปด้วย ขณะหยอกล้อกับลูกของเขียวเขาก็ถูกบรรดาเพื่อนในวัยเด็กคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าไปเสียหลายแก้วจนเริ่มหน้าร้อน


             “พอแล้ว กินไม่ไหว เดี๋ยวเมา” ยกมือห้ามพลางมองนาฬิกา “พวกเรากลับกันเถอะ เจ้าของบ้านเขาจะได้พักผ่อน นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ”


              วงเหล้าจึงเลิกกันตอนนั้น เมื่อร่ำลาเขียวกับเมียทั้งหมดจึงได้เดินออกมาจากบ้าน ตอนนั้นที่อวัศย์เพิ่งรู้ว่าเขาเกือบยืนไม่อยู่เพราะเหล้าฤทธิ์แรงที่ได้ข่าวว่าพ่อของเขียวต้มเอง


            “แยกย้ายๆ ไปกันได้แล้วพวกมึง พรุ่งนี้เจอกัน ไป พี่หมอก กลับบ้านเรา รักรออยู่”


             วศินจูงมือนุ่มไปที่รถแล้วสตาร์ทเครื่องขี่พาอวัศย์ออกจากบ้านของเขียว แต่ทางที่ไปกลับไม่ใช่ที่บ้าน


             “ไปไหนอีกล่ะหน่อย ดึกแล้วนะ”


              สี่ทุ่ม หากเป็นในเมืองอาจจะเพิ่งจะสว่างไสว แต่สำหรับชนบทเช่นนี้มองไปทางไหนก็มืดมิดเงียบสงัด  วศินไม่ตอบแต่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังทุ่งนา


             “พ่อบอกให้แวะมาดูน้ำที่สูบเข้านา พี่หมอกลงมาก่อนนะ”


             มอเตอร์ไซค์คันเก่าจอดลงตรงคันนาเล็ก ๆ วศินพาอวัศย์เดินตรงมายังสิ่งก่อสร้างโยกเยกตั้งอยู่บนคันนา วศินรุนหลังให้คนที่เดินตามติดก้าวขึ้นไปบนนั้น


              “พี่หมอก นั่งรอบนเถียงนาก่อน เดี๋ยวผมไปดูน้ำในนาให้พ่อแป๊บนึง”


              “หน่อย ไอ้นี่มันขึ้นไปได้จริงเหรอ”


               อวัศย์ถามด้วยความหวั่นเกรง เพราะไอ้เจ้าเถียงนาน้อยนี้ดูไม่มั่นคงเอาเสียเลย วศินพยายามยิ้มสู้


             “ได้สิพี่หมอก เห็นงี้แข็งแรงนา ไปเหอะ”


              อวัศย์ยอมขึ้นไปนั่งบนเถียงนา อากาศเริ่มเย็นและเพราะฤทธิ์เหล้าทำให้เขาชักโงนเงนด้วยความง่วงงุนจนต้องเอนกายลงนอนกับพื้นหยาบ ๆ ระหว่างที่วศินหายไป เขาจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเดินไปไม่ไกลนักเพื่อสุมหัวกับอีกสามหัวที่ผลุบโผล่อยู่ในความมืด


              “ไอ้เหี้ยเขียว มึงสร้างเหี้ยไรของมึงถึงโงนเงนงี้วะ”


              วศินกระซิบด่าเพื่อน เขียวยกมือเกาหัวแกรกๆ


              “งานเร่งนี่หว่า มึงจะเอามั่นคงแค่ไหนวะไอ้เหี้ยนิดหน่อย นี่ก็สร้างพอให้มึงเอาเมียได้นั่นแหละ รีบ ๆ เหอะมึง”


              “เออ สัส พวกมึงอย่าลืมก่อไฟไล่ยุงให้กูด้วยนะ ไม่ใช่ให้กูปล้ำไปยุงกัดตูดลายไปล่ะ”


            “พูดมากชิบหาย”  ไอ้นัดเอ่ยปากด้วยความหมั่นไส้  “มึงไปปล้ำพี่หมอกได้แล้ว พวกกูรอฉลองความสำเร็จของมึงอยู่”


            วศินชูสองนิ้วให้เพื่อนก่อนจะรีบย่องกลับขึ้นไปบนเถียงนา เมื่อเห็นอวัศย์คล้อยหลับไปเขาก็ยกมือลูบปากพลางยิ้มกริ่ม


             “แหม หลับยังน่ารักขนาดนี้ มาเป็นเมียโจรเถอะพี่หมอก”


             มหาโจรย่องขึ้นไปนั่งมองคนเผลอหลับ มือใหญ่ลูบไล้แขนกลมกลึงเบาๆ วศินเอนกายนอนเคียงข้างก่อนจะขโมยหอมแก้มนุ่มดังฟอด


            “อื้อ หน่อย”


              อวัศย์งัวเงียตื่นขึ้นมาก็มองเห็นใบหน้าวศินใกล้จนหนีไม่ได้และห้ามไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาจูบ มือใหญ่ครอบครองเอวของเขาเหนี่ยวรั้งเข้าหา ซ้ำยังใช้ท่อนขาพาดลงมากันเขาหลบหนี


            “ผมรักพี่หมอกนะ ยอมเป็นของผมได้ไหม”


              “ตะ แต่ว่า...”


             “นะพี่หมอก บรรยากาศดีขนาดนี้อย่าปฏิเสธกันเลย”


              ลมเย็นพัดผ่าน ทุ่งนาบางส่วนที่ข้าวใกล้ออกรวงถูกลมพัดเสียงหวีดหวิว เบื้องบนท้องฟ้ามองเห็นพระจันทร์ครึ่งดวงส่องแสงไร้เมฆบดบัง และด้วยสัมผัสอบอุ่นจากร่างใหญ่โตทำให้อวัศย์ยากจะปฏิเสธ ใช่ว่าเขาจะไม่มีใจให้วศินเสียเมื่อไหร่ ก็รู้ใจตนเองตั้งนานแล้วว่าคิดอย่างไรกับชายหนุ่มรุ่นน้อง


            เห็นอวัศย์นิ่งงันวศินจึงชิงจูบด้วยความย่ามใจ เนื้อตัวของอวัศย์อุ่นร้อนเพราะเหล้าที่เขาคะยั้นคะยอให้ดื่มกิน เรียกร้องให้วศินสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดเนื้อนุ่มที่ร่างโปร่งสวมใส่แล้วลูบไล้สัมผัส รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายแทบสะดุ้งตามฝ่ามือ พร้อมกันวศินก็สอดปลายลิ้นเข้าไปในปากหวานแล้วก่อกวนจนอวัศย์อ่อนระทวยไปหมด


             “พี่หมอก รู้ตัวไหมว่าพี่หมอกน่ากินมาก”


             พึมพำอยู่ในลำคอขณะยอมผละจากปากอุ่นมาหาใบหูนุ่มพลางขบกัดแผ่วเบา อวัศย์ครางฮือเผลอบดเบียดกายเข้าหา วศินกำลังทำให้เขาร้อนรุ่มเตลิดเปิดเปิง


             “ฮื้อ หน่อย ยะ อย่าจับตรงนั้น”


             มือร้อนบีบเค้นเบา ๆ ตรงจุดอ่อนไหว อวัศย์ผวาเฮือกหมดเรี่ยวแรงต่อสู้ ไหล่บางถูกผลักให้พลิกหงายเพื่อร่างสูงใหญ่ของวศินจะได้ขยับมาอยู่เบื้องบน มาถึงตอนนี้อวัศย์ไม่มีปัญญาจะห้ามปรามแล้ว ได้แต่ปล่อยให้วศินรูดซิปถอดกางเกงของเขาลงไปกองที่ปลายเท้า


             วศินกอดร่างสั่นเทานั้นไว้ เมื่อดึงกางเกงตนเองร่นลงไปถึงเข่า เขากดท่อนเนื้อแข็งแกร่งของตนเองลงไปทักทายจุดซ่อนเร้น
       

              “ไว้ใจผมนะพี่หมอก มันคงจะเจ็บแหละแต่ผมจะอ่อนโยนกับพี่สุด ๆ เลย”


                “หน่อย... แต่เราหาข้อมูลมา มันต้องเอ่อ หล่อลื่นก่อนไม่ใช่เหรอ”


              อวัศย์ยังหวั่นเกรง วศินหัวเราะเบา ๆ


              “ธรรมชาติสุดก็ต้องน้ำลายผมแล้วพี่”


               วศินถ่มน้ำลายใส่มือก่อนจะลูบไล้ใส่อาวุธตนเอง เขาจูบปิดเสียงพลางแยกขาเรียวออกจากกัน จากนั้นจึงวนเวียนหัวรบของตนอยู่หน้าปากทาง เมื่อเห็นอวัศย์เตลิดไปกับจูบหนักหน่วงหัวรบจึงถูกดันเปิดปากถ้ำเข้าไป


               “อึก หน่อย เจ็บ!”


              “นิดเดียว นะครับพี่หมอกของหน่อย”


               น้ำตาเล็ดเมื่อช่องทางถูกสอดใส่ แต่อวัศย์ก็เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสจากมือและจูบที่ดึงความสนใจไปได้ เขาได้แต่กอดร่างหนาของวศินไว้แน่นจนส่วนกว้างผ่านเข้าไปได้


             “เก่งจังพี่หมอก ขอดันเข้าไปอีกนิดเดียวนะครับ”


              “ฮัก หมอก”


             อวัศย์ชันขารับเมื่อวศินดันเองเข้าไปจนสุดทาง ความคับแน่นภายในสร้างความร้อนรุ่มจนเผลอครางเสียงแผ่ว ตอนนี้เขาถูกวศินครอบครองโดยสมบูรณ์แล้วเพียงรอให้ความเจ็บปวดบรรเทาลงไป วศินจึงค่อยเริ่มขยับตัว


              “อื้อหือพี่หมอก แน่นชะมัด”


               เริ่มแรกก็ยังขับเคลื่อนลำบาก วศินถ่มน้ำลายตามไปหล่อลื่นอีกครั้งจึงได้พอสบายตัวขึ้น  เขาชันกายอีกเล็กน้อยเพื่อจะออกแรงใส่ร่างบางจนพื้นไม้ไผ้ลั่นดังเปรี๊ยะ





มีต่ออีกนิด...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2020 20:05:33 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


อ่านต่อตรงนี้...



            “หมอก หมอก เบา ๆ พื้นมันลั่น ฮือ เสาก็โยก


            อวัศย์อุทาน เสียวก็เสียว กลัวก็กลัว วศินยังปลอบใจเขาไปพลาง


             “ซี้ด ไม่เป็นไรน่าพี่หมอก ไอ้เขียวมันทำเอง ไว้ใจได้ ห่าเอ๊ย กลิ่นอะไรวะ”


             กลิ่นเหม็นไหม้ลอยเข้าจมูก วศินหันขวับไปมอง เมื่อเห็นพื้นเถียงนามีเปลวไฟเขาก็อุทานลั่น


             “วู้ ไอ้หน่อย ระวัง ไฟไหม้เถียงนา”


             “ชิบหายแล้วมึง อย่าเพิ่งขึ้นสวรรค์ หนีตายก่อนเพื่อน”


            “ไอ้พวกเหี้ย กูบอกให้จุดไฟไล่ยุง ไม่ใช่เผากู”


             วศินหันไปมองอวัศย์ที่เบิกตากว้างเมื่อรู้ความจริงพลางหัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อน


             “หน่อย!”


             “อย่าเพิ่งด่าเลยพี่หมอก เอาออกก่อนนะ สวรรค์ล่มอีกแล้ว พระเจ้าไม่เจ้าข้างกูเลยโว้ย”


              ท่อนเนื้อจำต้องถูกถอดถอนออกอย่างยากเย็น วศินหน้านิ่วร้องอูยแต่เขาก็ต้องรีบใส่กางเกงตนเองก่อนจะนุ่งกางเกงคืนใส่อวัศย์ เขารีบอุ้มร่างโปร่งลงจากเถียงนาที่เริ่มติดไฟมากขึ้น เมื่อเพื่อนด้านนอกเห็นเขากับอวัศย์ออกมาได้แล้วก็รีบใช้น้ำจากสายยางเครื่องสูบน้ำฉีดเข้าดับไฟ ไม่นานไฟก็ดับ ทั้งหมดมายืนหน้าซีดเรียงตัวต่อหน้าอวัศย์ที่ยืนหน้าคว่ำ


            “นี่วางแผนกันมาใช่ไหม”


            “โธ่ พี่หมอกอย่าโกรธดิ พวกเราสงสารไอ้หน่อย อยากให้พี่หมอกกับไอ้หน่อยลงเอยกัน”


             ไอ้ป๋องเป็นทัพหน้าแต่อวัศย์ก็ยังไม่หายโกรธ


              “กลับบ้าน นิดหน่อย แล้วค่อยเคลียร์กัน”


              อวัศย์กระแทกเท้าเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ บรรดาผองเพื่อนมองหน้ากันยิ้มแหย


              “เอาไงดี เมียโกรธ”


               “แล้วแต่มึงเลยหน่อย พวกกูหมดปัญญาแล้วว่ะ”


               นัดตบบ่าปลอบใจ วศินสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงลอยลมมา


               “วศิน จะกลับหรือไม่กลับ”


             “จ้าแม่ เอ๊ย พี่หมอก ไปแล้วจ้า”


              วศินรีบวิ่งไปที่รถแล้วยิ้มแห้งส่งให้แต่อวัศย์ยังหน้าบึ้งใส่ เขาได้แต่สตาร์ทรถพาอวัศย์กลับบ้าน เมื่อถึงบ้านร่างโปร่งก็เดินหนีเข้าห้องพร้อมปิดประตูล็อกกลอน


             “พี่หมอก ออกมาคุยกันก่อน ผมทำไปเพราะรักพี่จริง ๆ นะ ผมขอโทษ”


              “คนรักกันต้องหลอกกันแบบนี้เหรอ เราโกรธจริง ๆ นะหน่อย”


              วศินคอตก วิภากับนิดนึงโผล่หน้าออกมามองด้วยความสนใจ


            “หน่อย ไอ้หน่อย มานี่ซิ เกิดอะไรขึ้นวะ”


               ลูกชายถอนหายใจเดินไปหาแม่กับน้องสาวแล้วเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ


               “หน่อยผิดเองแหละ อยากได้พี่หมอกมากเกินไป คราวนี้เข็ด เข็ดจริง ๆ ไม่กล้าทำอะไรเขาแล้วแม่”


               วศินเดินหงอยออกไปนอกบ้าน วิภากับนิดนึงได้แต่มองตามด้วยความเห็นใจ ไม่เคยเห็นวศินหน้าเสียขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้ชายหนุ่มคงได้บทเรียนสอนใจจนหลาบจำ



                                                                  TBC


                                                สมน้ำหน้า หาเรื่องดีนักไอ้นิดหน่อยตัวดี
                                    :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2020 20:13:56 โดย Belove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
วางแผนกินพี่เขาซะดิบดี อดซะได้

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ไม่รู้จะขำหรือสงสารดี

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
หมดกันสวรรค์ล่ม นิดหน่อยทำพี่เค้าโกรธอีกแล้ว  :laugh:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
สวรรค์ล่มของจริง :laugh:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                                     ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                 บทที่ 14



              “คุณหนู คุณหนูหมอก ให้น้าเข้าไปในห้องได้ไหมคะ”


             เสียงวิภาดังอยู่หน้าประตูห้องเรียกให้อวัศย์ลุกไปเปิดประตูให้มารดาของวศินเข้ามาภายใน หลังจากกลับมาถึงบ้านเขาก็เข้ามานั่งน้อยใจอยู่พักหนึ่ง ได้ยินเสียงวศินดังแว่ว ๆ แต่จับใจความไม่ได้จากชั้นล่างแต่อวัศย์พยายามไม่สนใจ จนกระทั่งวิภามาเคาะประตูห้องกลางดึก


             “คุณหนูยังโมโหไอ้หน่อยมันอยู่หรือคะ”


            วิภาเข้ามานั่งเคียงข้างพลางมองอีกฝ่ายด้วยความเห็นใจ อวัศย์คงโกรธเจ้าลูกชายตัวดีอยู่แน่ๆ ถึงยังทำหน้าง้ำขนาดนี้


              “น้าขอโทษแทนไอ้หน่อยมันนะคะ มันก็ทำผิดจริง ๆ ที่คิดจะหักหาญน้ำใจคุณหนู”


             อวัศย์ถอนหายใจ นึกละอายที่ต้องให้ผู้ใหญ่อย่างวิภาต้องมาเป็นกังวลเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้


            “ผมก็ต้องขอโทษนะครับที่ทำให้น้าวิภาต้องมาเครียดไปด้วย”


             “คุณหนูหมอกยกโทษให้ไอ้หน่อยมันได้ไหมคะ” วิภายิ้มให้ชายหนุ่มรุ่นลูก “ถึงมันจะทำอะไรห่าม ๆ บ้าบอไปบ้าง แต่มันก็รักคุณหนูจริง ๆ นะคะ ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อหลายปีก่อนไอ้หน่อยมันก็ยังไม่ลืมคุณหนูหรอก แต่มันไม่รู้จะไปตามหาคุณหนูที่ไหน แล้วคราวนี้มันก็คงเสียใจจริง ๆ น้าไม่เคยเห็นมันหน้าจ๋อยขนาดนี้มาก่อน อย่าหาว่าน้าเข้าข้างลูกชายเลย”


            “น้าวิภา เอ่อ รู้เรื่องของผมกับหน่อยด้วยหรือครับ”


            อวัศย์ยิ้มแหยเมื่อผู้ใหญ่เอ่ยปากเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับลูกชาย วิภายิ้มให้อย่างเข้าใจ


            “รู้ยิ่งกว่ารู้อีกค่ะ รู้มาตั้งนานแล้วว่าไอ้หน่อยมันรักคุณหนูมาก อยากได้คุณหนูเป็นเมีย เอ๊ย แฟน”


             “เอ่อ แล้ว น้าวิภาไม่ว่าหรือครับ ผมกับหน่อยเป็นผู้ชายเหมือนกัน”


             เขินจนนั่งบิดมือตัวเองอยู่บนตัก วิภารีบส่ายหน้ายิ้มแก้มปริด้วยความเอ็นดู


             “ฮู้ย... ไม่ว่าหรอกค้า นี่มันสมัยปลูกมะนาวบนดาวอังคารแล้วน้าไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก มีแต่น้าเสียอีกที่เกรงใจ คุณหนูน่ะทั้งน่ารักทั้งสูงส่ง แต่ก็ยังให้โอกาสไอ้หน่อยเด็กท้องไร่ท้องนาไม่รังเกียจรังงอน แต่ตอนนี้ถ้าคุณหนูหายโกรธไอ้หน่อยมันแล้วไปดูใจมันนิดก็ดีนะคะ ก่อนที่มันจะเสียใจจนขาดใจตายเสียก่อน ไอ้ลูกคนนี้มันยิ่งอ่อนไหวง่ายอยู่ด้วย”


              เมื่อถูกผู้ใหญ่หว่านล้อมและอารมณ์เย็นลงบ้างแล้วอวัศย์ก็เริ่มจะคิดถึงวศิน สีหน้าของคนสำนึกผิดตอนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงบ้านทำให้เขาใจอ่อน ความจริงเขาก็ไม่ได้ปัดป้องตอนที่ถูกวศินโอ้โลมบนเถียงนาเพราะก็อยากใกล้ชิดวศินเหมือนกัน เพียงแต่นึกกระดากอายเพราะรู้ว่าเป็นแผนของวศินและเพื่อนในตอนหลังเท่านั้นเอง


             “แล้วตอนนี้หน่อยอยู่ที่ไหนหรือครับ”


              ถามถึงวศินด้วยน้ำเสียงเบาหวิว วิภาถอนหายใจก่อนตอบเสียงเศร้า


             “มันก็ไปนั่งจ๋อยอยู่ที่กองฟางข้างยุ้งฉางเก็บข้าวโน่นแหละค่ะ ที่ประจำของไอ้หน่อยมันเวลามันถูกพ่อตี”


             “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมไปตามหน่อยกลับนะครับ ดึกแล้วด้วย”


             อวัศย์รีบลุกขึ้นก้าวออกไปนอกห้องทันทีเบื้องหลังนั้นมีรอยยิ้มของวิภาตามไป นิดนึงโผล่หน้ามาเมื่อเห็นอวัศย์ลับสายตาไปแล้ว


           “สำเร็จไหมแม่”


           “ถามทำไมวะไอ้นึง นี่ใคร นี่แม่เอ็งนะโว้ยให้มันรู้ซะบ้าง ถ้าไม่เก่งขนาดนี้ไม่ได้พ่อเอ็งมาแต่งด้วยหรอก”


           ผู้เป็นแม่หัวเราะเบา ๆ ท่าทางภูมิใจ นิดนึงถึงกับยกนิ้วโป้งให้


            “แม่เก่งจัง ยิ่งกว่าในนิยายอีก ถ้าพี่หน่อยกับพี่หมอกดีกันได้นะ หนูจะได้มีเรื่องไปเม้ากับไรท์โบว์เอาไว้แต่งนิยาย”
สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างรู้ใจและเฝ้ารอผลงานของเจ้าของเรื่องกลางดึกคืนนี้





              เดินถัดไปทางหลังบ้านไม่ไกลมากนักจะมียุ้งฉางสำหรับเก็บข้าวเปลือกของบ้านตั้งอยู่ ถัดไปเป็นกองฟางกองใหญ่สูงท่วมหัวรอจำหน่าย เมื่อไปถึงอวัศย์มองเห็นเงาตะคุ่มของวศินจากแสงของหลอดไฟหลอดน้อยที่ติดอยู่บนหลังคายุ้งฉางกำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าท่าทางน่าสงสาร


             “มานั่งอยู่ตรงนี้ไม่กลัวยุงกัดตายหรือไง”


             ถึงแม้จะใจอ่อนแต่อวัศย์ก็ยังอดปั้นเสียงแง่งอนไม่ได้ วศินเงยหน้าขึ้นมามองเหมือนจะมีแววดีใจอยู่ที่เห็นอวัศย์ก่อนก้มหน้าจ๋อยลงไปดังเดิม


             “ให้ยุงมันกัดจนตายก็ดีไงครับ สมกับที่ผมทำอะไรโง่ ๆ ไม่นึกถึงใจพี่หมอก”


              คราวนี้ดูออกว่าวศินเสียใจจริงไม่ได้มารยา อวัศย์จึงถอนหายใจพร้อมกับทรุดนั่งข้างวศิน


              “แล้วเข็ดหรือยังที่ทำอะไรแบบนี้”


              “เข็ดจนตายอะพี่หมอก ขอโทษนะครับ ยกโทษให้ผมได้ปะ”


              วศินเงยหน้าหันมองตาละห้อย อวัศย์ได้แต่เบนหน้าหนีขอบตาร้อนผ่าว


             “ต้องยกโทษให้อีกกี่ครั้ง หน่อยถึงจะไม่ทำให้เราเสียความรู้สึกอีก”


             มือเรียวถูกวศินคว้ามากุมไว้ สีหน้าจริงจัง


             “ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ต่อไปผมจะไม่ทำอะไรให้พี่หมอกโกรธอีกแล้ว”


              อวัศย์เม้มปากนิ่งอยู่พักหนึ่งจึงค่อยเงยหน้าขึ้นสบตา เขาเห็นวศินรอคำตอบจากเขาจนไม่กล้าขยับตัวแม้ว่าจะมียุงตัวหนึ่งเกาะกินเลือดอยู่ตรงแก้มของอีกฝ่าย เขายกมือข้างที่ว่างตบยุงบนหน้าวศินดังเพียะ


             “โอ๊ย!”


              หน้าของวศินหันไปตามแรงตบ อวัศย์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ


             “หน่อย เจ็บไหม”


             “ตบอีกสิครับ เอาให้สาแก่ใจพี่หมอก”


             วศินหันกลับมาทำหน้าเศร้าส่งเสียงตัดพ้อ นอกจากจุดเลือดจากยุงที่ตายคามือแล้วยังมีรอยนิ้วขึ้นเป็นแนวบนแก้มจนอวัศย์อยากจะร้องไห้เมื่อเห็นฝีมือตัวเอง


            “หน่อย เราไม่ได้จะตบหน่อยนะ เราตบยุง...”


             “ผมรู้ว่าพี่หมอกโกรธผม เกลียดผมเพราะผมทำให้พี่หมอกร้องไห้มาหลายครั้ง พี่จะตบตีผมแรงกว่านี้ก็ได้ ผมยอมทุกอย่างเลย ขอแค่พี่หมอกคืนดีกับผม...”


            คำพูดอ้อนวอนของคนตัวโตเงียบลงเมื่ออวัศย์ตัดสินใจปิดเสียงนั้นลงด้วยปากเล็กของเขา แม้เสียงของวศินจะหยุดแต่อวัศย์ก็ยังคงบดเบียดใบหน้าเข้าหาและเป็นฝ่ายสอดลิ้นนุ่มรุกเร้า วศินตวัดลิ้นจูบตอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จนอวัศย์ผละปากมองอย่างขัดใจ


           “ทำไมล่ะ ทีอย่างนี้ทำไมไม่ยอมกอดเราจูบเรา”


            “ก็ เอ่อ ผมกลัวพี่หมอกจะโกรธอีก”


             อวัศย์อ่อนใจกับความซื่อบื้อของวศิน ก่อนหน้านี้ทำเป็นเจ้าชู้ยักษ์คิดจะครอบครอง แต่พอตอนนี้ทั้งที่อวัศย์เป็นฝ่ายยินยอมทั้งยังเริ่มต้นก่อนคนซื่อบื้อกลับเกรงใจจนน่าโมโห และความจริงจากใจของอวัศย์ก็คือเขายังค้างคากับความต้องการที่ยังไม่ถึงฝั่งจากความสัมพันธ์บนเถียงนา


            “บ้าจริง คนโง่”


              อวัศย์แก้มแดงกระทั่งในความมืด เขาต้องเป็นฝ่ายผลักให้ร่างสูงของวศินพลิกหงายอยู่บนกองฟางยวบยาบแล้วขยับตัวเองให้อยู่ระหว่างขาทั้งสอง มือเรียวตะปบลงไปบนเป้ากางเกงแล้วบีบเบาๆ จนเจ้าของสะดุ้งเฮือกก่อนจะบีบคลึงตามไป วศินถึงกับหน้าเหยเก


            “อู๊ย พี่หมอก มันตื่นแล้วคร้าบ”


             ไม่ต้องบอกอวัศย์ก็รู้เพราะเจ้าน้องชายของวศินตุงอยู่ใต้กางเกงขาสั้นที่เจ้าตัวสวมใส่ อวัศย์ถกกางเกงตัวนั้นลงจนเจ้าท่อนเนื้อเด้งดึ๋งออกมาชี้หน้าเขา ร่างเพรียวข่มความอายดึงกางเกงของตัวเองลงเช่นกันก่อนที่อวัศย์จะถ่มน้ำลายใส่มือลูบไล้ช่องทางตนเองและท่อนเนื้อตรงหน้า


             “หน่อยนะหน่อย ถ้าไม่รักเราไม่ลงทุนขนาดนี้หรอกนะ”


             ขยับร่างไปคร่อมอยู่ตรงกลางเอว จับมันให้ตั้งตรงแล้วอวัศย์ก็กดกายลงไปเพื่อให้เจ้าท่อนเนื้อค่อย ๆ ผลุบหายเข้าไปในช่องทางของเขา ดวงตาคู่หวานพริ้มหลับไปกับสัมผัสภายในที่เหมือนดึงดูดเข้าหากัน วศินตะลึงงันมองอ้าปากค้างก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อตอนนี้อวัศย์กำลังเร่าร้อนเหลือเกิน


             “พี่หมอกเซ็กซี่จัง”


               “ยังจะพูดอีก”


               กดเอวอีกครั้งท่อนเนื้อก็สอดเข้าไปจนหมด อวัศย์นั่งนิ่งกลั้นหายใจก่อนจะลองบดเอวซ้ายขวา เขาถึงกับหลุดเสียงแผ่วออกมาเมื่อท่อนเนื้อควงสว่านอยู่ข้างใน


            “อื้อ ทำไมเข้าไปลึกจัง”


              ท่อนแขนเรียวยึดไหล่ของวศินไว้เมื่อโยกกายขึ้นลงเป็นครั้งแรก ท่อนเนื้อยักษ์ที่ประสานอยู่กระแทกเข้ากับบางส่วนจนสะดุ้งโหยงเมื่อมันปลุกความต้องการจนเหงื่อออก


              “พี่หมอกใจเย็นนะครับ”


              วศินปลอบใจน้ำเสียงแหบพร่า เขาโอบกอดร่างนุ่มไว้แล้วโน้มเข้าหาเพื่อที่คราวนี้จะได้จูบปากเล็กให้สมใจ อ้อมแขนที่เหนี่ยวรัดประคองให้อวัศย์โยกกายขึ้นลงได้ถนัดขึ้น


               “สะ เสียวจัง”


              อวัศย์เป่าปากเมื่อมือร้อนของวศินสอดลึกเข้าไปในเสื้อยืดแล้วบีบเฟ้นยอดอก เอวของวศินเริ่มสวนกระแทกใส่บั้นท้ายเมื่ออวัศย์พักเหนื่อย เจ้าท่อนเนื้อใหญ่ปลุกเร้าไปทั่วช่องทางจนปั่นป่วนไปหมด


             “พี่หมอก อื้อหือ แน่นมาก”


             “หน่อย ระ แรงได้นะ”


                หน้าตาเย้ายวนแดงก่ำไปด้วยเลือดฝาดและเหงื่อที่ผุดออกมา อวัศย์เผลอส่งเสียงหวานระงมเมื่อท้องน้อยบีบรัด เขาคว้าจุดกลางกายตนเองมารูดรั้งไปพร้อมกับจังหวะที่วศินเร่งให้เร็วขึ้น ร่างเพรียวเบียดกายไปกับอกกว้างพลันร้องลั่น


             “อ๊า ไม่ไหวแล้ว”


            อุ่นวาบไปทั้งมือ ช่องทางเบื้องล่างบีบรัดอัตโนมัติจนวศินนิ่วหน้า ได้ยินเสียงหอบหนักของอวัศย์อยู่กับอก เขายิ้มได้เมื่อรู้ว่าคนในอ้อมกอดถึงสวรรค์แล้ว วศินโอบเอวพลิกกายกลับให้อวัศย์หงายหลังอยู่บนกองฟางบ้าง


            “พี่หมอก รอแป๊บ เดี๋ยวผมตามไปนะจ๊ะเมียจ๋า”


            เขาบดจูบหนักหน่วงไปที่ปากเล็ก เอวของวศินเคลื่อนที่อีกครั้งเร็วและแรงจนอวัศย์แทบจะจมไปกับกองฟางสูง ได้ยินเสียงตัวเองปล่อยออกจากลำคอเป็นระยะเมื่อร่างกายใกล้ถึงขีดสุด วศินกดกายลึกกระแทกอีกไม่กี่ครั้งเขาก็ถึงกับหน้ามืด


              “อ๋อย พี่หมอกสูบของผมไปหมดเลย”


             “บ้า พูดอะไรอย่างนั้นนะ”


              อวัศย์ทุบไหล่ของวศินดังพลั่กเมื่อร่างสูงซบหน้าลงมา ทั้งคู่กอดกันอยู่บนกองฟางกระทั่งหายเหนื่อยจึงค่อยลุกขึ้นมานั่งเงียบมองหน้ากันไปมา วศินเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ


           “ได้ผมแล้ว ห้ามทิ้งกันนะ”


            “พูดงั้นได้ไงอะ เราน่ะเหรอได้หน่อย”


            “ใช่สิ ตะกี้พี่หมอกเริ่มก่อนนะ”


            “คนซื่อบื้ออย่างหน่อย ถ้าไม่ทำแบบนี้จะฉลาดเหรอ”


           อวัศย์ตวัดหางตาใส่ วศินหัวเราะแก้เก้อก่อนดึงอวัศย์มากอดไว้


            “คร้าบ ไม่เถียงแล้วเมียจ๋า ต่อจากนี้เมียจะสั่งอะไรผัวจะทำตามทุกอย่างเลย แต่ตอนนี้ขอจูบหวาน ๆ อีกทีได้ไหม นะคร้าบพี่หมอก”


            สบตากันในความมืดก่อนที่ใบหน้าจะเอียงเข้าหากันแล้วจูบดื่มด่ำจนไม่ทันได้สังเกตว่าไกลออกไปมีเงาตะคุ่มนั่งซุ่มหัวชนกันอยู่


            “แม่ เห็นหรือเปล่า”


           “เห็นอะไรเล่าไกลขนาดนี้ แล้วไอ้ลูกเวรดันเลือกมุมหลบสายตาอีก ได้ยินแต่เสียงเนี่ย”


            “แม่ แต่แค่เสียงนึงก็เลือดกำเดาไหลแล้วนะ”


             ลูกสาวยื่นนิ้วที่เพิ่งเช็ดจมูกตัวเองให้แม่ดู คนเป็นแม่ยิ้มเยาะเย้ย


            “โธ่ อ่อนว่ะ”


             “แม่ รีบกลับเหอะ ยุงกัด” ลูกสาวคว้ามือแม่ “แค่นี้ก็ฟินแล้ว นึงจะแชทหาไรท์เตอร์ เผื่อว่าจะได้ฟิคเด็ดๆ”


            “กลับก็กลับ ก่อนจะเป็นไข้เลือดออกทั้งแม่ทั้งลูก แล้วถ้ามีฉากเอ็นซีแกก็เอามาให้แม่อ่านบ้างนะ”


             สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ และจำใจต้องลุกเดินกลับไปยังตัวบ้านปล่อยให้คนที่อยู่ตรงกองฟางยังจู๋จี๋กันต่อไปจนเกือบรุ่งสาง




มีต่ออีกนิด...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2020 23:21:41 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


อ่านต่อตรงนี้...




               ธนดลกับทิวไม้จ้องมองคู่ที่กำลังเดินจูงมือตรงมายังโต๊ะนั่งที่ชมรมไม้ประดับซึ่งพวกเขานั่งจู๋จี๋กันอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าสดใสของวศินกับอวัศย์ทำให้ธนดลเลิกคิ้วมองเพื่อน


              “กลับมาจากบ้านของบัฟแล้วหน้าบานกันขนาดนี้ ไม่ต้องถามแล้วมั้งว่าผลเป็นยังไง”


               อวัศย์ยิ้มเขินในขณะที่วศินยืดอกอย่างภาคภูมิใจ


              “คนมันเจ๋งน่ะพี่แบงค์ ในที่สุดผมก็เด็ดดอกฟ้าได้”


              “ปากดีอีกแล้ว”


              อวัศย์หยิกท้องจนวศินร้องลั่น


             “เมียจ๋า เบาจ้า เนื้อจะหลุดแล้ว”


             ธนดลหันไปมองเพื่อนสนิท


             “พ่อมึงรู้แล้วเหรอเรื่องจะคบกับบัฟ เขาว่าอะไรหรือเปล่า”


             ยังกลัวเรื่องปัญหาครอบครัวเพราะอวัศย์เป็นลูกคนเล็กที่พ่อกับแม่เป็นห่วงเอาอกเอาใจ ถ้ารู้ว่าอวัศย์คบกันผู้ชายแถมยังเป็นลูกชาวนากลัวว่าจะถูกขัดขวาง ทิวไม้มองคนรักพร้อมกับตอบแทนเพื่อน


             “พ่อพี่หมอกเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกพี่แบงค์ คบกับไอ้บัฟเหมือนตกถังข้าวสาร บ้านมันมีที่นาเป็นร้อยไร่ เป็นเจ้าของโรงสีแถมยังมีธุรกิจรถเกี่ยวข้าวรับจ้างทั่วราชอาณาจักร ไม่ต้องกลัวอดตายน่า”


            ธนดลเพิ่งจะรู้ว่าความจริงแล้ววศินมีฐานะดีมากเรียกว่าเข้าขั้นเศรษฐี อวัศย์หัวเราะเบาๆ


            “เขาไม่ว่าอะไรหรอกแบงค์ เราเคยเล่าเรื่องหน่อยให้พ่อกับแม่ฟังตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อกับแม่แค่โมโหที่หน่อยทำให้เราเสียใจตอนเด็ก พอเราเข้าใจกันเขาก็ไม่ว่าอะไร”


             วศินเหลียวซ้ายแลขวามองหาเพื่อน


            “แล้วนี่ไอ้สมเสร็จไปไหนวะ ชวนมันไปกินหมูกระทะฉลองดีกว่า”


            “มันไปรับน้องไง ลืมแล้วเหรอว่ามันเป็นพี่โหดต้องไปคุมน้องปีหนึ่งที่ห้องเชียร์”


            ช่วงนี้เป็นช่วงท้ายของกิจกรรมรับน้องแล้ว ห้องเชียร์ของคณะก็จะโหดอยู่บ้าง สมเสร็จเป็นหัวหน้าพี่โหดที่ต้องคอยคุมน้อง ๆ ทำกิจกรรม วศินดึงโทรศัพท์มือถือจากกางเกงมากดโทรหาเพื่อน รอพักใหญ่สมเสร็จจึงรับสาย ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายดังมาจากปลายทางด้วย


            “ไอ้สมเสร็จ ได้ยินกูไหม”


             “เออ มีอะไรเหี้ยบัฟ พูดเร็วๆ”


             “จะชวนไปแดกหมูทะ ไปป่าว”


              “ไม่ว่าง ตีกับพวกวิดวะอยู่ แค่นี้ก่อนนะ เฮ้ย อย่ายอมมัน ตีมันเลยโว้ย”


             “ไอ้สมเสร็จ ไอ้สมเสร็จ ไอ้ห่านี่” วศินสบถเมื่อสัญญาณตัดไป “แม่ง ยกพวกตีกับพวกวิศวะอีกแล้ว ไม่รู้จะห้าวอะไรกันนักหนา”


               “ช่างมันเหอะ มันตีกันบ่อยจะตาย พวกเราไปกันเองก็ได้”


              ทิวไม้เอ่ยขึ้นเพราะรู้นิสัยเพื่อนดี ทั้งหมดจึงพากันไปร้านหมูกระทะโดยที่อีกมุมหนึ่งของมหาวิทยาลัยสงครามย่อย ๆ เพิ่งเลิกรา ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายหลังจากตีกันพอหอมปากหอมคอ สมเสร็จกลับไปที่หอพักแต่ไม่ได้ตรงไปยังห้องตัวเองที่อยู่ชั้นสาม เขาแวะที่ชั้นสองเหลียวซ้ายแลขวาเมื่อเห็นปลอดคนจึงยกมือเคาะประตูหน้าห้องห้องหนึ่ง


              “ไอ้ดิว เปิดประตูให้กูหน่อย คิมเอง”


              ได้ยินเสียงคนที่อยู่ในห้องเคลื่อนไหวก่อนประตูจะเปิดออก เขาจึงก้าวไปด้านในแล้วปิดประตูล็อก


             “มาทำไม ต่อยกูซะแรง ไอ้เหี้ยคิม”


              สมเสร็จ หรือ ชื่อจริงว่าคิมหันต์ยกมือเท้าเอวมองเจ้าของห้องที่ยังอยู่ในชุดเสื้อช็อปคณะวิศวกรรม หน้าตามีรอยฟกช้ำเป็นปื้น


            “ก็ต้องให้มันสมศักดิ์ศรีสิวะไอ้ห่าดิว มึงเองก็เตะกูจนเอวแทบหัก ไหน เอาหน้ามึงมาดูซิ เดี๋ยวกูทายาให้”


            ลากแขนเจ้าของห้องมานั่งบนเตียงพลางล้วงหยิบยาแก้ฟกช้ำออกจากกระเป๋าสะพาย เขายึดคางอีกฝ่ายไว้ทายาให้นวดคลึงเบาๆ


            “สมน้ำหน้า ห้าวดีนัก คราวนี้คณะมึงหาเรื่องก่อนนะ”


             “ก็คราวที่แล้วเกษตรมึงกวนตีนกูก่อนอะ”


             ดิว หรือ ดิฐา ปีสองคณะวิศวะกรรมศาสตร์ไม่ยอมแพ้ เถียงกลับจนคิมหันต์ส่ายหน้าระอา เขามองหน้าคนเถียงคำไม่ตกฟากก่อนจะยื่นหน้าไปจูบที่ปากช่างเถียงจนในที่สุดต้องยอมหยุดพูด



                                                             TBC

                                    อ๊ะๆ ยังไงน้า สองคณะนี้ ข้างนอกตีกัน ในห้องจูบกันงี้หรอ หุหุ



                                                            :t2: :t2: :t2: :t2: :t2: :t2:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2020 23:28:08 โดย Belove »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอ้า ลงตัวกันไปทีละคู่นะคะ
ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ น่ารักที่สุด

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
รอเผือกคู่คิม-ดิวต่อจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                       ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                  บทที่ 15



          “ไอ้เหี้ยคิมมาจูบกูทำไม เดี๋ยวก็ติดไวรัสโควิดสิบเก้ากันหรอก หมอเขาบอกให้ห่างกันสองเมตรห้ามโดนน้ำลายกัน ข่าวเขาออกกันโครม ๆ มึงไม่ได้แหกตาดูหรือไง”


        ดิฐาผลักอีกฝ่ายออกห่างพลางใช้หลังมือเช็ดปาก คิมหันต์ได้แต่ทำหน้าง้ำเมื่อถูกกระทำเช่นนั้น


           “กูไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยง กูไม่ได้ไปเมืองนอกไม่ได้ไปสนามมวย ช่วงนี้ก็ไม่ได้ไปแดกเหล้าที่ผับไหน ไม่ได้ไปไอ้ที่มีคนชุมนุมกันเยอะ ๆ ด้วย รับน้องกูก็ให้พวกแม่งยืนห่างกันเป็นวา ก่อนหน้าจะทายาให้มึงกูก็ใช้เจลล้างมือแล้ว ทำไมเหรอดิว แค่กูอยากจูบมึงเดี๋ยวนี้ก็ทำไม่ได้แล้วเหรอ”


         ได้ฟังคำต่อว่าด้วยความน้อยใจของคิมหันต์แล้วดิฐาจึงยิ้มแห้ง


          “ไม่ใช่อย่างนั้นโว้ยเพื่อน แต่ทางการเขารณรงค์กันเยอะกูก็กลัวไง อย่าโกรธกูน่า กูเป็นเพื่อนมึงน้าคิม”


           ดิฐาขยับเข้ามาใกล้จนไหล่ชนกันสีหน้าของคิมหันต์จึงดีขึ้นบ้าง เมื่อเห็นเพื่อนอารมณ์ดีขึ้นแล้วดิฐาจึงได้เอ่ยถาม


           “แล้วมึงไม่ไปกับเพื่อนในคณะมึงเหรอวันนี้ ถึงได้มาหากูได้”


           “พวกแม่งมีแฟนไงเลยไปกับแฟนกันหมดแล้ว มีกูนี่แหละที่ยังไม่มี ไปกับพวกมันก็กลายเป็นกระดูกขวางคอหมาเปล่าๆ แถมยังไม่มีใครเห็นหัวกู”


            คิมหันต์บ่นอย่างไม่จริงจังนักก่อนหันมาหาดิฐา


           “แล้วเสือกไปเจอพวกวิศวะของมึงอีก เห็นมึงโดนไปหลายตุ๊บกูเลยแวะมาดูใจเผื่อว่าจะตายห่าซะก่อน”


           “เป็นห่วงกูอะดิ” ดิฐาหัวเราะเบา ๆ “พอเพื่อนทิ้งไปมีแฟนกันหมดก็ถึงจะเห็นค่าเพื่อนเก่าอย่างกูนะมึง”


           “กูเห็นมานานแล้วเหอะสัส มีแต่คนโง่ที่ไม่รู้”  คิมหันต์ก้มหน้าพึมพำอุบอิบก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า “มาทายาต่ออย่าลีลาไอ้ดิว”


           “พอแล้ว โดนไปหมัดเดียวมึงทาซะอย่างกับกูหน้าแหกแอนตาซิลแจกหมื่น” ดิฐาดึงหลอดยาแก้ฟกช้ำมาถือไว้ในมือ “มึงเองก็โดนถีบไม่ใช่เหรอ ถอดเกงดิเดี๋ยวกูทายาให้”


           คิมหันต์สบตากับดิฐา เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วค่อยถอดกางเกงยีนส์สีซีดตัวเก่งออก มองเห็นรอยช้ำอยู่โคนขาด้านในกว้างราวฝ่ามือ ดิฐาส่ายหน้า เขาผลักให้คิมหันต์นอนคว่ำหน้าลงบนเตียงพลางบีบยาเจลใสจากหลอดลงไปแล้วนวดคลึงเบา ๆ


          “หมดงานรับน้องแล้วคงไม่ค่อยได้ตีกัน มึงจะลืมรสตีนกูไหมวะคิม”


            “สัส ตีนหนักอย่างกับตีนช้างอย่างมึงใครจะลืมลง”


            คิมหันต์พูดเสียงอู้อี้อยู่กับหมอน ปล่อยให้ดิฐานวดต้นขาไปเรื่อย ๆ เขามองไม่เห็นว่าดิฐาเผลอยิ้มขณะมองบอกเซอร์ลายโดเรมอนที่เขาใส่อยู่


           “โตเป็นควายแล้วยังใส่ลายโดเรมอนอยู่ได้”


            เอื้อมมือไปบีบจมูกโดเรมอนซึ่งก็ตรงกับกลางบั้นท้ายของคิมหันต์พอดี เจ้าตัวตกใจสะดุ้งโหยงพลิกตัวหงายกลับมาทำท่าเหมือนจะเงื้อหมัดใส่เพื่อน ดิฐารีบยึดกำปั้นนั้นไว้แล้วฉวยโอกาสทิ้งกายทับลงไปบดจูบใส่ปากของคิมหันต์


           “ไอ้เหี้ยดิว”


            คิมหันต์สบถอย่างอ่อนใจแต่ก็ปล่อยให้ดิฐาจูบ ไม่นานเขาก็จูบตอบราวกับโหยหาจูบรุนแรงนี้ พักใหญ่กว่าใบหน้าทั้งสองจะแยกออกจากกันได้


           “แม่ง เหี้ยคิม จูบจนปากกูจะแตกยิ่งกว่าโดนต่อยอีก คิม กูเอามึงนะ เราไม่ได้เอากันนานแล้ว”


           คำพูดดิบ ๆ เถื่อน ๆ ออกมาจากปากของดิฐาแต่ฟังดูแล้วคล้ายกำลังออดอ้อน คิมหันต์ที่สบตาอยู่จึงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลง


           “ทั้งตัวกูมีแต่เหงื่อ เหม็นจะตายห่า เอาลงเหรอมึง”


           “ทำเป็นไม่เคยไปได้ กูชินกับกลิ่นเหงื่อมึงแล้วเหอะ”


            ดิฐาหัวเราะ เขาเอื้อมไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงคว้าซองถุงยางกับเจลหล่อลื่นที่เหลืออีกราวครึ่งหลอดมาวางใกล้มือ คิมหันต์เลิกคิ้วมอง


            “เจลตั้งแต่เอากันรอบที่แล้ว มันยังไม่หมดอายุอีกเหรอวะ”


            “ยังน่า ตอนซื้อกูเลือกหลอดใหม่มาเลย”


             พูดจบดิฐาก็ขยับไปนั่งทับเอวของคิมหันต์แล้วปลดกระดุมเสื้อช็อปคณะเกษตร คิมหันต์เองก็เอื้อมมือมาถอดเสื้อช็อปวิศวะของดิฐาเช่นกัน


            “ถอดโดเรม่อนของมึงออกนะคิม”


            ดิฐาดึงบอกเซอร์ออกทั้งของตัวเองและของคิมหันต์ ไม่นานผู้ชายล่ำสันสองคนก็ไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว ดิฐาจ้องมองแผงอกในร่มผ้าที่ขาวกว่าท่อนแขนแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาวางมือแนบยอดอกสีน้ำตาลเข้มแล้วขยี้ด้วยปลายนิ้ว


            “อื้อหือ ไอ้ดิว เบาโว้ย เดี๋ยวนมกูแตก”


            สายตาของดิฐาเต็มไปด้วยความกระหาย แม้จะเคยมีความสัมพันธ์กับคิมหันต์หลายครั้งแล้วแต่เขาก็ยังไม่เคยเบื่อ ชายหนุ่มใช้มือสากลูบไล้ลำตัวของคิมหันต์จนถึงเอวหนาและท่อนเนื้อที่เริ่มชูคอขึ้นมา เขาแกล้งดีดนิ้วเบาๆ


            “แหม ตื่นมารับกูเลยนะไอ้คิมน้อย”


             ดิฐาลูบคิมน้อยด้วยมือข้างหนึ่ง และลูบเจ้าลูกชายของตัวเองด้วยมืออีกข้างหนึ่งเพื่อให้ตื่นตัวเต็มที่ จากนั้นเขาจึงรวบมือให้ทั้งสองเข้ามาอยู่ในอุ้งมือแล้วนวดเฟ้นพร้อมกัน


           “อูย ดิว กูเสียว”


            คิมหันต์ทำหน้าเหยเกเมื่อร่างกายถูกกระตุ้น ฝ่ามือของดิฐาทำงานดีมานานแล้ว ดีจนสามารถปลุกเขาได้ทุกครั้ง มือร้อนหยาบกร้านของผู้ชายแต่มันเร้าใจยามเลื่อนต่ำไปบีบเค้นที่ระหว่างขา พร้อมกับที่ดิฐาโน้มตัวลงมาใช้ลิ้นละเลงอยู่บนแผงอก เท่านี้คิมหันต์ก็ต้องสูดปากแล้ว


             “ท่าคว่ำนะคิม”


            เสียงของดิฐาแหบพร่า บ่งบอกว่าเขากำลังต้องการอย่างหนัก ซองถุงยางถูกคว้ามาฉีกแล้วสวมเข้ากับท่อนลำที่ตื่นตัวเต็มที่ คิมหันต์พลิกคว่ำตามที่ดิฐาร้องขอ ไม่นานนักเจอหล่อลื่นใสเย็นก็ถูกป้ายใส่ปากช่องทาง ตามด้วยปลายนิ้วที่สอดเข้ามา


            “คิดถึงจังเลยรูนี้”


             ดิฐาพูดเสียงสั่นขณะควานนิ้วเปิดทางโดยรอบ มองเห็นบั้นท้ายของคิมหันต์สั่นระริกต้อนรับจนอดใจไม่ไหว เขาดึงนิ้วออกมาแล้วจ่อท่อนเนื้อแทนที่ มือทั้งสองแหวกแก้มก้นให้ห่างออกเมื่อดิฐาแทงมันเข้าไป


            “อึก”


              คิมหันต์เป่าปากพยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อเปิดทางรับดิฐาเข้ามา ดีที่ได้เจลหล่อลื่นจึงช่วยให้ท่อนลำนั้นแทงลึกได้ง่ายไม่เจ็บมากนัก ไม่นานเขาก็รู้ว่าดิฐาสอดมันเข้ามาจนหมดแล้ว และเจ้าตัวหยุดพักด้วยการโน้มตัวมาจูบที่ไหล่ของเขาไล่ไปถึงสะบัก


             “กูเอาล่ะนะ”


             ดิฐากระซิบเสียงกระเส่า คิมหันต์เอียงหน้ากลับมามองตาเขียว


             “เอาสักทีเถอะแม่ง กูก็เกร็งรอจะตายห่า”


              ได้ยินเสียงหัวเราะของดิฐาก่อนที่เอวแกร่งจะเริ่มโยก คิมหันต์ยกเอวสูงเพื่อให้ดิฐาขยับได้เต็มที่ ท่อนลำกระแทกกระทั้นทั้งปากทางและภายในจนคิมหันต์เผลอส่งเสียงคราง มือทั้งสองกำผ้าปูที่นอนไว้จนยับย่น


            “ฮัก ฮัก อูย คิม ไม่ได้เอากันนานรูมึงแม่งแน่นเหมือนซิงเลยว่ะ”


             ทั้งร้อนทั้งคับเวลาที่เลื่อนกายเข้าใส่ ดิฐานิ่วหน้าเมื่อท้องน้อยบีบเค้นย้ำเตือนว่าเข้าใกล้ไคลแมกซ์เต็มที เขาทาบตัวลงไปกับแผ่นหลังของคิมหันต์ใช้มือกอดเกี่ยวร่างนั้นแล้วรัวเอวเข้าใส่ แนบหน้าตนเองไปกับแผ่นหลังจนได้ยินเสียงหัวใจของคิมหันต์เต้นรัวตอนที่เขาเกร็งค้าง


            “โอย ดิว กูเสียว”


             “แตกแม่ง”


              ดิฐากลั้นใจเมื่อเขาปลดปล่อยออกมา รอจนหายหอบจึงค่อย ๆ ดึงลำกล้องออกอย่างระมัดระวังแล้วดึงถุงยางออกมาจ้องมอง


             “โห คิม มึงดูน้ำกู เยอะชิบหาย”


             “ยังมีหน้ามาอวดกูอีก”


              คิมหันต์อยากจะยกเท้าถีบเพื่อนแต่ก็ถีบไม่ไหว ได้แต่มองอย่างหมั่นไส้ ดิฐายักไหล่ก่อนจะโยนซากถุงยางใส่ถังขยะแล้วมองคิมหันต์สายตาพราว


            “มึงเองก็อยากเอากูเหมือนกันล่ะสิ ไม่งั้นคงไม่แวะมาหากูใช่ไหมคิม”


             “รู้ดีนะมึง”


             คิมหันต์แยกเขี้ยวใส่ ดิฐายิ้มยียวน


            “ไม่งั้นคงไม่เป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่ม.ปลายหรอก แต่แม่งมึงโดนกระทืบที่ต้นขามานี่ เอากูไหวไหมล่ะ ไม่เป็นไรงั้นกูช่วยมึงเอง ถุงยางยังเหลือมึงกับกูใส่เบอร์เดียวกัน แต่มึงต้องซื้อคืนกูนะ”


           “ไอ้เหี้ยดิว ไอ้ขี้งก”


             คิมหันต์ต่อว่าไม่จริงจังนัก เขาขยับไปนั่งพิงหัวเตียงมองดิฐาที่กำลังคืบคลานอยู่ระหว่างขาของเขา ใบหน้าของดิฐาหยุดอยู่ตรงคิมน้อย ดิฐาจ้องมองตาวาว


            “แม่ง เป็นท่อนตรงจนกูอิจฉาอะคิม อยากได้แบบนี้บ้าง”


            มือสากลูบไล้ไปมา ดิฐาเผลอปากใช้ลิ้นเลียรอบปลายสีเนื้ออ่อนแล้วค่อยตวัดลิ้นรัวใส่ ครู่หนึ่งจึงค่อยอ้าปากครอบลงไปแล้วกดคอลึก


           “เสียวว่ะดิว”


             คิมหันต์จ้องมองใบหน้าของดิฐาที่คลอเคลียอยู่กลางกาย ดิฐาเหลือบมองตอบก่อนจะเริ่มต้นโยกหน้าดูดดุนขึ้นลง คิมหันต์กัดฟันใช้มือเสยผมของดิฐาแล้วกำแน่น


            “เบาดิว เดี๋ยวกูแตกซะก่อน”


           คิมหันต์จำยอมเอ่ยปากเตือนเมื่อเห็นเพื่อนใช้ปากอย่างเมามัน ดิฐาชะงักค่อย ๆ คลายออกมา เขายกมือเช็ดน้ำลายรอบปากตัวเองด้วยความเสียดาย


          “ก็แม่งอร่อย”


           ดิฐาใช้อุ้งมือเช็ดคราบน้ำลายบนท่อนลำของคิมหันต์ก่อนจะฉีกซองถุงยางออกมาสวมใส่ ขนาดของเขากับคิมหันต์ใกล้เคียงกันพอดี ร่างสูงของดิฐาขยับไปคร่อมอยู่เหนือต้นขาคิมหันต์ เขาบีบเจลจากหลอดใส่ปลายนิ้วตัวเอง


           “หมดหลอดพอดี เนี่ย ไม่ถึงวันหมดอายุหรอกไอ้คิม”


           ดิฐาปลายเจลใสใส่ช่องทางของเขา มือร้อนจับท่อนลำของคิมหันต์ให้ตั้งตรงเพื่อที่เขาจะกดเอวตัวเองให้ท่อนเนื้อสอดเข้ามาได้ ไม่นานมันก็เข้ามาจนหมด


            “อูย จังจุดพอดี”


            ดิฐานิ่วหน้าเมื่อปลายท่อนเนื้อกระแทกจุดไวสัมผัส เขาบดเอวตามลงไปเน้น ๆ พร้อมกับเป่าปากดังฟู่


           “หน้ายั่วชิบหาย”


             คิมหันต์จ้องมองใบหน้าของดิฐาที่กำลังฟินไปกับการบดคลึงเอวให้ท่อนเนื้อของเขาเสียดสีข้างใน คิมหันต์แกล้งบิดยอดอกทั้งสองของดิฐาจนเจ้าตัวส่งเสียงออกมา


           “เหี้ย กูโยกเลยดีกว่า”


             ดิฐาวางพาดท่อนแขนไว้กับบ่าของคิมหันต์เมื่อเขาเริ่มขยับโยกเอวขึ้นลง คิมหันต์เองก็ต้องนิ่วหน้ากับความคับแน่นที่กำลังเสียดสี เขาสบตากับดิฐาพลางกล่าวเสียงต่ำ


            “ดิว กูจูบมึงนะ”


             คิมหันต์โน้มท้ายทอยของดิฐาเข้าหา เขาบดจูบที่ปากแห้งผากหากแต่ทำให้คิมหันต์มีชีวิตชีวา ลิ้นร้อนตวัดหากันพัลวัน ในขณะที่ดิฐาก็ยังควบขี่อยู่บนร่างของคิมหันต์จนเขาปวดเสียดมากขึ้นทุกที


            “ไม่ไหวแล้วว่ะดิว”


        คิมหันต์รวบเอวดิฐาผลักให้หงายลงไปบนเตียงโดยมีร่างของเขาตามติด คิมหันต์จับขาของดิฐาให้แยกห่างพร้อมกันกับเขาคุกเข่าตั้งหลัก เอวของคิมหันต์ขับเคลื่อนใส่ช่องทางของดิฐาบ้างทั้งแรงและเร็วจนอีกฝ่ายส่งเสียงไม่ขาด ดิฐาต้องเอื้อมมือมากุมท่อนเนื้อของเขาไปด้วยเมื่อถูกคิมหันต์โจมตีหนัก


          “พร้อมกันนะดิว”


            คิมหันต์ดึงเอวออกมากระชากถุงยางทิ้ง เขาชันกายใช้มือรูดรั้งความเป็นชายพุ่งเป้าไปที่แผงอกของดิฐาที่โยกมือแข่ง เสียงลมหายใจขาดเป็นห้วงจนในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยออกมาเป็นสายใส่ลำตัวของดิฐาที่รองรับอยู่ ดิฐาเองก็ถึงฝั่งฝันอีกรอบเต็มฝ่ามือ


           ร่างทั้งสองทิ้งกายนอนเคียงข้างกันบนเตียงเดี๋ยวจนแทบจะตกเตียง ได้ยินเสียงหอบสะท้อนไปทั้งห้องพักใหญ่ คิมหันต์เอ่ยปากทำลายความเงียบ




มีต่ออีกนิด...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2020 23:23:43 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนีึ้...


          “ดิว เราสองคนเอากันเองตั้งแต่ตอนไหนวะ”


           ดิฐานิ่งทบทวนความทรงจำ


            “ตอนเทอมสุดท้ายม.ห้าไง ที่กูไปทำรายงานที่บ้านมึง แม่งเสือกเปิดหนังโป๊แล้วเงี่..ทั้งคู่ เราก็เลยเอากัน”


            “สามปีกว่าแล้วเนอะ” คิมหันต์จ้องเพดานห้อง “เราก็ยังไม่เลิกทำแบบนี้ มึงไม่คิดจะหาแฟนบ้างหรือไง”


           “คิดอยู่ แต่ยังไม่เจอที่ถูกใจนี่หว่า” ดิฐาหันมองมองคิมหันต์ “ทำไมเหรอ มึงเบื่อที่จะเอากับกูใช่ปะ”


            “เปล่า ก็แค่คิดว่าเราเอากันทั้งที่เป็นแค่เพื่อนกันแบบนี้ มึงไม่คิดจะเปลี่ยนความสัมพันธ์กับกูบ้างหรือวะ”


            ดิฐาดีดตัวขึ้นมานั่ง เขาหันมองสบตากับคิมหันต์ที่ลุกตามด้วยความแปลกใจ


             “เป็นเพื่อนกันแล้วเอากันไม่ดีตรงไหน เป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกัน ช่วยปลดปล่อยความต้องการให้กันแค่นี้ก็ดีแล้วนี่หว่า หรือมึงคิดว่าเราควรเป็นแฟนกัน โหย คิม ไม่เอาอะ คนอื่นรู้อายเขาตายห่า ผู้ชายตัวโต ๆ หน้าโหด ๆ สองคนเป็นผัวเมียกันน่ะ”


            คิมหันต์นิ่งงันคล้ายกับมีก้อนมาจุกที่คอ เขาลุกจากเตียงคว้าเสื้อผ้ามาใส่ ท่ามกลางสีหน้างุนงงของดิฐา


           “เป็นเหี้ยอะไรวะคิม อยู่ ๆ ก็ทำหน้าบึ้งใส่กู”


            “เรื่องของกู” คิมหันต์สะบัดหน้าหนี “กูกลับห้องดีกว่า ป่านนี้ไอ้ทิวกับไอ้บัฟคงกลับมาแล้ว”


            ดิฐาได้แต่มองตามหลังเมื่อคิมหันต์ก้าวออกจากห้องแล้วปิดประตูตามหลัง


            “อ้าว เป็นเหี้ยอะไรอีกวะ แล้วกูจะรู้ไหมเนี่ยไอ้สัสคิม”







              คิมหันต์ก้าวเข้าไปในห้อง ได้ยินเสียงทิวไม้กับวศินสนทนากันอยู่


            “อ้าว กลับมาแล้วเหรอมึง เสือกไม่ไปแดกหมูทะด้วยกัน”


            วศินเอ่ยทัก เขามองเพื่อนที่ทรุดตัวลงนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่โต๊ะเล็กกลางห้อง


            “เป็นอะไรไอ้สมเสร็จ ทำหน้าเหมือนถูกทิ้ง”


             “โฮ”


             คิมหันต์ปล่อยโฮจนทิวไม้กับวศินตกใจต้องถลาเข้ามาปลอบ


            “ใจเย็นโว้ยเพื่อน เป็นอะไรเล่าให้กูฟังซิ”


             ทิวไม้ตบบ่าเพื่อนที่ยังสะอึกสะอื้น


             “กูเกลียดเฟรนด์โซน ไอ้เหี้ยเอ๊ย เอากันจนเอวยอก มันบอกกูไม่ใช่แฟน เจ็บใจชิบหาย”


             ทิวไม้กับวศินเงยหน้ามาสบตากันด้วยความแปลกใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคิมหันต์มีความสัมพันธ์กับใคร



                                                TBC

                                 ฮั่นแน่ะ คู่นี้ศึกช้างชนช้างนะเจ้าคะ

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                  :a1: :a1: :a1: :a1: :a1: :a1: :a1: 




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2020 23:29:45 โดย Belove »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
แหม.....น้อยใจเหรอ. ก็จีบตรงๆเลยสิจ๊ะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอ็นดู เอวยอกยังไม่มีสถานะเลย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
นั่น แต่ละคน มีความคึกกันจนได้คู่
แล้วอะไรคือคิมดิวยังไม่คืบหน้า เอ็นดูแท้

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                 ปากดีนักต้องโดนจัดซะให้เข็ด
                                          บทที่ 16

            ณ ห้องเรียนของโรงเรียนชายล้วนในตอนเย็นวันหนึ่งเมื่อสามปีกว่าๆที่ผ่านมา




            “ไอ้พวกเหี้ยหนีเวรตอนเย็นไปเตะบอลกูจะไล่เตะตูดแม่งให้หมด


       เด็กหนุ่มสูงเก้งก้างสองคนยังอยู่ในห้องเรียนคนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะครูในมือมีโทรศัพท์มือถือส่วนอีกคนกำลังใช้ไม้กวาดปัดกวาดเสร็จผงและขยะในห้องและก่นด่าเพื่อนคนอื่นเสียงดัง



           “ไอ้เหี้ยดิวมึงก็อีกตัวมานั่งเล่นมือถืออยู่ได้แทนที่จะช่วยกูกวาดห้องให้เสร็จเร็วๆ



            “จริงๆวันนี้ไม่ใช่เวรกูนะโว้ยเหี้ยคิมดิฐาเงยหน้าจากโทรศัพท์มายักคิ้วให้เพื่อนแต่กูอุตส่าห์อยู่รอมึงเนี่ยแล้วกูก็ช่วยมึงลบ
กระดานกับรดน้ำต้นไม้ตรงระเบียงแล้วมึงจะเอาไงอีก


        คิมหันต์เบ้ปากใส่เพื่อนก่อนจะรีบกวาดพื้นห้องลวกๆไม่นานเขาก็ตะโกนเสียงดัง


             “เสร็จแล้วโว้ยไปไอ้ดิวไปเล่นเกมกันกูเจอร้านใหม่เกมแม่งแจ่ม

            “แป๊บนึงเหี้ยกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

        ดิฐาตอบเสียงสั่นพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่เรียกความสนใจจากคิมหันต์จนต้องเดินไปมองจอโทรศัพท์

              “เหี้ยดิวนี่มันคลิปโป๊นี่หว่ามึงโหลดมาจากไหนวะ

        คิมหันต์ตาโตแย่งกันมองจอโทรศัพท์กับดิฐาตาไม่กะพริบ

             “ไปเจอคลังของพ่อมาว่ะเลยแอบจิ๊กมาคลิปนึงงานญี่ปุ่นของแท้อกเอวสะโพกครบเลยมึงดูให้จบคลิปนี้แล้วค่อยไปเล่นเกมหูยคิมมึงดูยั่วสัส

             “เออแม่งเอ๊ยเสียงเริ่มมาแล้วโว้ยอะคึอะคึอิไตอิไต

      สองหนุ่มพากันจ้องคลิปในโทรศัพท์กันพักหนึ่งจนเหงื่อเริ่มแตกฮอร์โมนวัยแตกเนื้อหนุ่มพลุ่งพล่านจนปวดหนึบสีหน้าเหยเกทั้งคู่

           “ดิวเหี้ยไอ้คิมน้อยของกูแข็งปั๋งเลยว่ะปวดโคตร

           “อือกูรู้ของกูก็โด่อยู่เนี่ยเอาไงดีวะเรา

           “ถ้ากลับกันตอนนี้ต้องทรมานชิบหายแน่แถมดีไม่ดีคนมองอีกเอาออกกันก่อนเหอะ

            “ตรงนี้เนี่ยนะดิฐาเหลียวมองล่อกแล่กในห้องเรียนเลยนะโว้ยเอาจริงเหรอวะ

            “ไม่มีใครเห็นหรอกน่าลงจากตึกไปหมดแล้วรีบๆปั่นกันดีกว่าจะได้รีบกลับ

        คิมหันต์ตัดสินใจเขาเลือกมุมหลังโต๊ะของอาจารย์เป็นที่มั่นพลางลากแขนดิฐาให้มายืนด้วยกัน

             “มาสิวะไอ้ดิวจะยืนรอพ่อมึงมาทวงคลิปคืนหรือไง

       ดิฐากระโดดลงจากโต๊ะรีบก้าวไปยืนคู่กับคิมหันต์เขาวางจอโทรศัพท์ที่ภาพในคลิปยังเล่นต่อเนื่องไว้บนโต๊ะก่อนจะรูดซิปกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินลงแล้วดึงเจ้าหนอนน้อยที่กำลังพองตัวออกมา

            “ปวดสัส

       คิมหันต์สบถเบาๆเขาเองก็ทำเช่นเดียวกับดิฐามือผอมของเด็กวัยรุ่นคว้าหมับของตัวเองแล้วรูดรั้งดวงตาก็จ้องแต่ภาพในคลิป

            “คิม

        ได้ยินเสียงดิฐาเรียกคิมหันต์จึงยั้งมือแล้วหันไปมองเขาเห็นดิฐาก้มต่ำมองมาทางเป้ากางเกงของเขา

             “เรียกทำไมของมึงอีกชักเข้าสิวะไอ้ดิว

              “กูเพิ่งเคยเห็นของมึงตอนแข็งเต็มๆตามันตรงสวยดีว่ะน่าอิจฉาชิบหาย

       คิมหันต์งงงันเขาก้มหน้ามองมือของดิฐา

              “ทำไมล่ะของมึงมันไม่ตรงเหรอไหนกูดูหน่อยเออว่ะมันโค้งขึ้นหน่อยนึงกูก็เข้าใจมาตลอดว่ามันหน้าตาเหมือนกัน

             “ขอกูจับหน่อยได้ปะวะคิม

             “เฮ้ยบ้าหรือเปล่าวะเนี่ยอยู่ๆมาขอจับจู๋กูอะ

       คิมหันต์สะดุ้งเบิกตากว้างแต่ดูเหมือนดิฐาจะยังติดใจอยู่

             “น่านะคิมงั้นกูชักให้มึงก็ได้

       ดิฐาปัดมือของคิมหันต์ออกแล้วคว้าหมับคิมหันต์พูดไม่ออกห้ามไม่ทันจนต้องปล่อยเลยตามเลยแต่เห็นสภาพเพื่อนที่ใช้มือข้างไม่ถนัดรูดรั้งตนเองแล้วก็นึกสงสาร

             “แบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จวะมาไอ้ดิวกูช่วยชักให้มึงเอง

        ก็เลยกลายเป็นว่าทั้งคู่สลับกันช่วยประกอบกิจกรรมคิมหันต์กอบกุมลูกชายของดิฐาส่วนดิฐาก็ลูบคลำบีบเค้นลูกชายของคิมหันต์ทั้งสองฟังแค่เสียงจากในคลิปแต่ประสานสายตากันขณะช่วยอีกฝ่ายบรรเทาอาการปวด

             “อื้อหือคิม เบาได้เบาโว้ยเหี้ยเสียวหัว

             “มึงก็เหมือนกันแหละไอ้ดิวอู๊ยใจเย็นสิวะ

        ขยับตัวเข้าหากันจนใกล้ชิดเมื่อท้องน้อยพากันปวดถ่วงใกล้กันจนได้กลิ่นเหงื่อจากกายของเพื่อนใกล้กันจนลืมตัวไปตามแรงขับของธรรมชาติกระทั่งปากทั้งคู่เผลอไผลประกบกัน

              “โวะ

             “เหี้ย

        อุทานในเวลาใกล้เคียงเมื่อเจ้าหนอนน้อยพ่นพิษใส่มือเพื่อนตอนนั้นเองที่เพิ่งรู้ตัวว่าจูบกันดิฐากับคิมหันต์สะดุ้งโหยงเด้งห่างออกจากกันก่อนจะยืบหอบตัวโยน

            “มึงจูบกูคิมหันต์โวยวาย

             “มึงก็จูบกูเหมือนกันดิฐาโวยตามพลางคว้าโทรศัพท์มาเก็บและพูดเสียงแหบแห้ง

             “รีบกลับกันได้แล้วกูไม่เล่นแล้วร้านเกมกลับบ้านดีกว่ามึงนะมึงชวนกูทำเรื่องเหี้ยอะไรก็ไม่รู้

       คิมหันต์สะบัดหน้าตั้งสติเขารีบเก็บลูกชายเข้าที่แล้วรูดซิปตามจากนั้นก็ก้าวไปคว้ากระเป๋า

             “เออๆรู้แล้วน่ากลับก็กลับ

        เพื่อนสนิททั้งสองพยายามรักษาสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะเดินออกไปจากห้องเรียน

             “เหี้ยคิมพรุ่งนี้วันเสาร์ไปทำรายงานบ้านมึงนะบ้านกูคนเยอะ

        ดิฐาเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาถึงป้ายรถโดยสารคิมหันต์พยักหน้า

              “เออแล้วอย่ามาช้านะมึงรีบทำรายงานจะได้เสร็จเร็วๆ

               “เออกูรู้แล้วรถมาแล้วไปล่ะ

        ดิฐาโบกมือก่อนจะก้าวขึ้นรถโดยสารคิมหันต์มองตามจนลับตาเขาบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไรกันแน่






         ในตอนสายของวันรุ่งขึ้นดิฐาก็ไปที่บ้านของคิมหันต์ซึ่งเคยมาบ่อยๆอยู่แล้วพ่อกับแม่ของคิมหันต์ออกไปธุระข้างนอกจะกลับมาช่วงบ่ายเหลือแต่พี่สาวของคิมหันต์ที่อยู่อีกห้องหนึ่งทำรายงานไปได้สักพักก็มีเสียงเคาะประตูห้อง

               “คิมคิมพี่เข้าไปได้หรือเปล่า

             “เข้ามาเลยพี่คะนิ้ง

        พี่สาวของคิมหันต์ถือโน้ตบุ๊คในมือเปิดประตูเข้ามาพลางยิ้มให้ทั้งคู่

              “อ้าวดิวมาเหรอ

              “ครับพี่คะนิ้งผมมาทำรายงานกับไอ้คิม

             “ดีแล้วมีเรื่องให้ช่วยลงโปรแกรมให้หน่อยสิแล้วพี่จะไปหาเพื่อนข้างนอกแป๊บนึงกลับมาจะซื้อขนมมาฝาก นะคิมนะช่วยหน่อย


             “เคๆแล้วซื้อขนมมาเยอะๆล่ะเดี๋ยวไม่พอกิน

              “ไอ้น้องคนนี้งกว่ะ พี่ไปละ

         พี่คะนิ้งโบกมือให้น้องชายและเพื่อนน้องชายคิมหันต์จึงบอกกับดิฐา

              “มึงเขียนต่อแป๊บกูลงโปรแกรมให้เจ๊กูก่อน

        ดิฐาพยักหน้าแล้วก้มหน้าทำรายงานต่อคิมหันต์ลงโปรแกรมโน้ตบุ๊คสักพักก็เรียบร้อยเขาลองเปิดไฟล์ในโน้ตบุ๊คพี่สาว

             “พี่คะนิ้งเก็บไฟล์อะไรไว้เยอะฉิบหายขอดูหน่อยละกันอ้าวเฮ้ย

       คิมหันต์สะดุ้งเมื่อเห็นภาพและเสียงดิฐาเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

             “เหี้ยคลิปโป๊ผู้ชายกับผู้ชาย ไอ้คิมพี่คะนิ้งดูอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะ

             “อือพี่คะนิ้งแต่งนิยายวายโว้ยเห็นคุยว่าคนอ่านแต่ละเรื่องเป็นแสนๆวิวสงสัยจะเอาไว้ดูเป็นเรฟล่ะมั้งแต่กูก็เพิ่งเคยเห็นจะจะนี่แหละ

         เด็กหนุ่มทั้งสองจ้องมองภาพเคลื่อนไหวในจอด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไม่นานนักฮอร์โมนในวัยหนุ่มก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกแล้วทั้งคู่หันมาสบตากันคิมหันต์เป็นฝ่ายเปิดปากก่อน

              “ดิวกูอยากลองอย่างในคลิปนี่ว่ะ

             “แต่ว่า...”

             “นะดิวหรือว่ามึงไม่เงี่..”

       ดิฐาเองก็ปฏิเสธไม่ออกยิ่งดูก็ยิ่งกระสับกระส่ายซ้ำร้ายคิมหันต์ยังเอามือมาประกบตรงเป้ากางเกงเขาอีกด้วย

              “แล้วใครจะเป็นคนทำก่อนล่ะ

             “เป่ายิงฉุบกันใครชนะทำก่อน

        ผลปรากฏว่าดิฐาเป็นฝ่ายชนะเขาสบตากับคิมหันต์อย่างไม่มั่นใจ

              “ทำยังไงวะ

             “มึงเปิดคลิปให้เล่นใหม่แล้วทำตาม

            “งั้นก็แก้ผ้ากันสิวะรอเหี้ยอะไรอยู่

        ต่างฝ่ายต่างถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อนดิฐายกโน้ตบุ๊คและลากแขนคิมหันต์ไปที่เตียงนอนเขาวางโน้ตบุ๊คไว้ที่หัวเตียงเพื่อใช้เป็นตัวอย่างก่อนจะขึ้นคร่อมทับอยู่ด้านบนคิมหันต์

            “กูจะเริ่มแล้วนะ

       ดิฐาพูดเสียงสั่นคิมหันต์พยักหน้ารับเขาหลับตาเพราะไม่อยากมองปล่อยให้ดิฐาก้มหน้าลงใช้ลิ้นตวัดใส่ยอดอกของเขา

             “เฮ้ย

        คิมหันต์สะดุ้งแต่ดิฐาผลักอกให้เขานอนนิ่งๆแล้วลากลิ้นลงไปถึงแอ่งสะดือร่างกายของคิมหันต์แทบผวาทุกครั้งที่ลิ้นของดิฐาสัมผัสลงไปจนกระทั่งลิ้นนั้นตวัดรอบจุดกลางกายของเขา

           “โอ๊ยเหี้ยดิวมึงจะอมเหรอ

           “ก็เออสิในคลิปมันทำแบบนั้นนี่หว่า นอนเฉยๆเหอะ

        ดิฐาอ้าปากครอบลงไปเขาโยกหน้าขึ้นลงอย่างทุลักทุเลแต่ก็ทำให้คิมหันต์ถึงกับดิ้นไปมาเนื้อตัวคล้ายร้อนวูบวาบไปหมดโดยเฉพาะท้องน้อย

              “อูยปวดฉิบมึงจะทำก็ทำเหอะไอ้ดิว

             “เออมึงนอนคว่ำสิวะคิม

        ดิฐาเงยหน้ามองคลิปเป็นตัวอย่างเขาคลายให้คิมหันต์เป็นอิสระก่อนจะถ่มน้ำลายใส่มือตนเองพลางลูบไล้ไปที่ช่องทางของคิมหันต์ดิฐาผลักให้ต้นขาของคิมหันต์แยกห่างแล้วจ่อตนเองไว้ใกล้เข้าสูดลมหายใจเข้าจากนั้นก็ดันตัวเองเข้าไป

              “จ๊าก เจ็บโว้ย

        คิมหันต์ร้องลั่นดีว่าไม่มีใครอยู่บ้านดิฐากดไหล่ของคิมหันต์ลง

             “โทษทีโว้ยยั้งไม่ทัน

        ดิฐาค่อยๆดันเอวเข้าไปมันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายช่างแตกต่างกับที่ใช้มือช่วยมากนักเขาดันตัวเองเข้าไปสุดโคน

             “กูเอาล่ะนะ

        เขาโน้มตัวลงไปพูดใกล้หูคิมหันต์ที่ยังนอนสั่นพลางจูบที่ไหล่มือของเขาลูบไล้แผ่นหลังของคิมหันต์ไปพร้อมกับโยกเอวรับรู้ถึงความคับแน่นและร้อนระอุอยู่ข้างใน

             “อึกไอ้ดิวโอยเบา

            “เออ อือหือ ไอ้คิมมันฉิบ

       อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่ยังควบคุมไม่เก่งดิฐานิ่วหน้าเมื่อเขาปวดหนึบไปหมดโยกเอวไม่กี่ครั้งเขาก็ต้องรีบดึงออกมา

              “แตกหนึ่ง โอย

        น้ำขาวทะลักเปื้อนตันขาของคิมหันต์ดิฐาเป่าปากอยู่พักหนึ่งคิมหันต์ก็ลุกนั่ง

             “ตากูบ้าง

         คิมหันต์เปิดคลิปอันใหม่เขาผลักดิฐาให้นอนหงายก่อนจะนอนทาบทับลงไปจ้องมองคลิปคู่หนึ่งเขาก็ก้มหน้าลงไปปิดปากของคิมหันต์ด้วยปากของเขา คราวนี้ดิฐาไม่ปฏิเสธคิมหันต์จึงลองสอดลิ้นเข้าไปแบบในหนังที่เคยดูมันให้ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มแปลกๆจนไม่อยากถอนริมฝีปากออกเลย


มีต่ออีกนิด...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2020 18:29:57 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
อ่านต่อตรงนี้...




         กดน้ำหนักลงไปที่เอวให้ดิฐาแยกขาคิมหันต์ค่อยๆสอดเอวเข้าไปเพราะรู้ว่าดิฐาต้องเจ็บเหมือนที่เขารู้สึกเมื่อครู่ แต่ดิฐาร้องเสียงเบากว่าเพราะยังพัวพันกับการจูบในที่สุดคิมหันต์ก็ดันตัวเองเข้าไปสำเร็จ


           โห กูเกือบตายไอ้คิม


       ดิฐาประท้วงเมื่อคิมหันต์หยุดจูบทั้งคู่สบตากันด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดขณะที่คิมหันต์เริ่มโยกเอวไปด้วย ดิฐานิ่วหน้าอยู่พักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการคล้อยเคลิ้มและเป็นฝ่ายจูบคิมหันต์เสียเอง


           ฮักฮัก เสียวว่ะคิม


             เออกูด้วยอีกนิดเดียว


       คิมหันต์กัดฟันพักใหญ่เขาก็ดึงเอวออกมาตามด้วยน้ำขุ่นที่เปียกรดเด็กหนุ่มทั้งคู่นอนหอบอยู่บนเตียง


             “มึงเป็นครั้งแรกของกูนะเนี่ยไอ้ดิว


              “มึงก็ครั้งแรกของกูเหมือนกันแหละไอ้คิม



        ดวงตาประสานกันก่อนที่จะลุกนั่งดิฐาเอ่ยเสียงเบา


              เราอย่าบอกใครเรื่องนี้นะโว้ยโดนล้อตายห่า


              “เออกูไม่บอกใครหรอกน่า


         คิมหันต์กล่าวตอบพลางหันหน้าหนีสำหรับดิฐาแล้วหัวใจของเขาเริ่มเต้นผิดจังหวะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา







        ทิวไม้และวศินนิ่งเงียบอ้าปากหวอเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากปากของคิมหันต์

              “ไอ้คนที่ชื่อดิฐาที่เป็นหัวหน้าพี่ว้ากอะนะทิวไม้ยิ้มแหย


              “แต่พวกมึงตีกันนะโว้ยนี่ตามไปตีกันบนเตียงด้วยเหรอ แถมยังตีกันตั้งแต่ม.ปลายเลยนะ


               “
ใช่ตีกันแต่ก็เอากันฉันท์มิตรทั้งที่กูเลิกคิดว่ามันเป็นเพื่อนตั้งนานแต่กูก็ต้องเก็บไว้ในใจโฮ


               “แล้วมึงจะทำยังไงต่อล่ะถ้าพูดไปแล้วมันไม่เล่นด้วยก็เสียหมาเสียเพื่อนไปเลยนะมึง


         ทิวไม้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิททั้งสามนิ่งเงียบพักหนึ่งก่อนที่วศินจะมีไอเดีย


               “คิดออกแล้วกูว่านะมึงต้องลองหาตัวเร่งปฏิกิริยาโว้ย ไอ้สมเสร็จทดสอบมันก่อนว่าไอ้นั่นมันคิดอะไรกับมึงหรือเปล่าถ้าไม่คิดมึงจะได้ตัดใจก่อน


               “ยังไงวะคิมหันต์สนใจไอเดียของวศิน


             “มึงลองหาใครมาทำเป็นว่ามึงชอบถ้าแม่งหึงแล้วก็ใช่เลย


        คิมหันต์พยักหน้าหงึกๆเขาวางแผนในใจว่าจะลองหาผู้หญิงในคณะมาเป็นตัวช่วย


        แต่ในวันรุ่งขึ้นหัวใจของคิมหันต์ก็ต้องเหี่ยวแห้งเมื่อดิฐาโทรมาหาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


              “เหี้ยคิมกูเจอสาวคณะบัญชีว่ะแจ่มมากเลยมึงได้เบอร์มาแล้วด้วยดีใจกับกูหน่อยโว้ย




                                                                            TBC

                                 น่าสงสารพี่คิมเขานะคะหัวหน้า





                                                       o2 o2 o2 o2 o2 o2

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2020 18:39:29 โดย Belove »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สงสารค่ะ อาจจะหึงจนเอวยอกกันอีกรอบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด