พิมพ์หน้านี้ - <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 28-03-2020 22:48:03

หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-03-2020 22:48:03



ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม








                                        :เหอะ1: :เหอะ1: :เหอะ1: :เหอะ1: :เหอะ1: :เหอะ1: :เหอะ1: :เหอะ1:




สารบัญ
บทที่ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4030178#msg4030178)
บทที่ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4031192#msg4031192)
บทที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4032012#msg4032012)
บทที่ 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4033987#msg4033987)
บทที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4042330#msg4042330&gsc.tab=0)
บทที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4044087#msg4044087&gsc.tab=0)
บทที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4044589#msg4044589&gsc.tab=0)
บทที่ 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4045305#msg4045305)
บทที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4045912#msg4045912&gsc.tab=0)
บทที่ 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4046335#msg4046335&gsc.tab=0)
บทที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4047415#msg4047415&gsc.tab=0)
บทที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.0#gsc.tab=0)
บทที่ 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4049139#msg4049139&gsc.tab=0)
บทที่ 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4050985#msg4050985&gsc.tab=0)
บทที่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4051703#msg4051703&gsc.tab=0) 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4051703#msg4051703&gsc.tab=0)
บทที่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4052777#msg4052777&gsc.tab=0) 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4052777#msg4052777&gsc.tab=0)
บทที่ 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71724.msg4054189#msg4054189&gsc.tab=0)









หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 1 [28/03/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-03-2020 22:51:37



                                                   ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                บทที่ 1



              ท้องฟ้ายามอัสดงเป็นสีแดงเข้มจนเกือบจะดำเพราะความมืดมิดที่โรยตัวลงมากลืนกินแสงของดวงอาทิตย์ ท่ามกลางความแห้งแล้งของอากาศในฤดูหนาว ถึงแม้ว่าอากาศจะยังเรียกได้ว่าอบอุ่นจนเกือบร้อนก็ตาม สายตาคู่หนึ่งเหม่อมองไปกับคันดินที่ยกร่องขึ้นมา เหนือผิวดินเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่เจ้าของดวงตาเรียวคู่นั้นเป็นผู้ปลูกและดูแลมากับมือ ยิ่งบรรยากาศเช่นนี้หัวใจของเขาที่เพิ่งแตกสลายมาก็ยิ่งเจ็บช้ำ


              ใช่ เขาเพิ่งถูกบอกเลิก จากผู้หญิงคนแรกที่เขาแอบชอบ ตั้งแต่ฮอร์โมนเพศชายทำงานเขายังไม่เคยสนใจใครสักคน ชีวิตพลีให้ดอกไม้ใบหญ้าเพื่อเพิ่มออกซิเจนต่อสู้กับภาวะเรือนกระจก ผู้หญิงที่เขานำดอกไม้ที่ปลูกเองกับมือไปมอบให้ทุกวี่วันเป็นปี จนกระทั่งรวบรวมความกล้าหาญขอผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักเมื่อสองเดือนก่อน ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยในชั้นปีที่สองเบ่งบานสุดขีด แต่แล้ววันนี้มันก็เหี่ยวแห้งราวกับลูกโป่งถูกเข็มแทง น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วกลับมาหลั่งรินอีกครั้งเมื่อคิดถึงคำตัดรอนจากสาวสวยอดีตดาวมหาวิทยาลัยเมื่อคราวรับน้องใหม่สมัยปีหนึ่ง


                “ไม่ ออยจะทิ้งผมไปไม่ได้ ผมรักออยนะ เราคบกันมาตั้งสองเดือนแล้วออยก็รู้ว่าผมรักออยแค่ไหน”


                เมื่อตอนบ่าย ผู้หญิงคนนั้นมาที่ใต้ถุนตึกคณะของเขาเพื่อบอกเลิก เหตุผลก็เพราะเจอคนที่ใช่กว่าเขา สายตาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในคณะจ้องมองเป็นตาเดียวด้วยความเห็นใจ แต่เขาก็ไม่สนใจ ดวงตาเปียกชื้นจ้องมองคนใจร้ายอย่างตัดพ้อ


                 “ทิวยอมรับเถอะว่าเราไม่เหมาะสมกัน”


                  สีหน้าเบื่อหน่ายของออย หรือชื่อจริงว่าอลิษา สาวสวยคณะบัญชีกรีดลึกลงมาบนหัวใจดวงน้อยๆของเขา นายทิวไม้คณะเกษตร อลิษายืนกอดอกมองเขาอย่างเวทนา


                 “อันที่จริงออยก็แค่สงสารทิวหรอก แล้วช่วงสองเดือนที่ผ่านมาออยยังว่างไม่ได้คบกับใครเป็นพิเศษก็เลยคบกับทิวแก้ขัดเท่านั้นแหละ ใครๆก็รู้ว่าออยเคยเป็นดาวของมหาวิทยาลัย มันไม่ได้เหมาะสมกับทิวเลยสักนิด ทิวลองกลับไปมองกระจกที่หอก็แล้วกัน”


                 ดีนะที่อลิษาไม่ได้บอกให้เขาตักน้ำใส่กะลา เจ้าหล่อนยังทำหน้าเคลิบเคลิ้มเมื่อพูดประโยคถัดไป


                 “แล้วตอนนี้ออยก็พบกับคนที่ใช่สำหรับออยแล้วด้วย”


                  ออยพูดออกมาโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร ใช่สิ ไอ้ทิวไม้มันก็แค่เด็กเกษตรที่แสนจะธรรมดา รักต้นไม้รักท้องฟ้า รักปลา รักซากุระ เอ๊ย พอแล้ว เขาไม่ใช่คนเด่นคนดังของมหาวิทยาลัยอลิษาจึงไม่เห็นคุณค่าในตัวเขา


               “ใคร บอกทิวมาทีว่าคนที่ออยบอกว่าใช่มันคือใคร ทิวจะไปต่อยหน้ามัน”


                ทิวไม้คร่ำครวญราวกับจะขาดใจ อลิษาส่ายหน้าเมื่อเห็นสภาพของเขา


                 “คนอย่างทิวเนี่ยนะจะไปต่อยเขา ดูสารรูปตัวเองก่อนเถอะ เป็นเด็กเกษตรซะเปล่าแต่ตัวผอมแห้งแบบนี้ ออยยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทิวยกจอบยกเสียมขึ้น แล้วคนที่ใช่ของออยเนี่ยเขามีกล้ามมีซิกแพ็คเป็นมัดๆ แค่เป่าลมใส่ทิวเบาๆก็ปลิวแล้ว”


                 “ออยบอกทิวมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเป็นใคร ที่บังอาจแย่งออยไปจากทิว”


                  เขาฝืนตะโกนออกไปทั้งที่แรงจะยืนยังแทบไม่มี แต่อลิษาไม่ได้รู้สึกสักนิดว่ากำลังทำให้หัวใจของเขาแหลกสลาย หญิงสาวยักไหล่พลางมองทิวไม้อย่างสมเพช


                 “ถ้าทิวอยากรู้มากออยก็จะสงเคราะห์บอกให้ พี่แบงค์คณะบริหารปีสี่ยังไงล่ะ ออยได้ยินชื่อเสียงของพี่แบงค์มาพักหนึ่งแล้วว่าทั้งหล่อทั้งรวยเรียนดีกีฬาเด่นเคยเป็นเดือนมหาวิทยาลัยมาก่อนด้วย เมื่อไม่กี่วันก่อนออยเพิ่งได้รู้จักกับพี่แบงค์ โอ้โห ออยเพิ่งรู้ว่าคำว่าเพอร์เฟ็คมันเป็นยังไง แล้วก็นะ...”


                  อลิษาก้าวเข้ามากระซิบที่ข้างหูของทิวไม้ น้ำเสียงสดใสระริกระรี้


                 “เมื่อคืนออยไปเที่ยวกับเพื่อน เจอกลุ่มของพี่แบงค์ เราแยกไปกันสองคนแล้วเราก็อย่างว่ากันด้วย โอ๊ย ทิว เขาเด็ดกว่าทุกคนที่เคยผ่านมาของออยเลยล่ะ ทิวจะสู้พี่แบงค์ไหวเหรอ สองเดือนมานี้มีแต่จับมือออย รำคาญน่ะมันเสียเวลา”


                  อลิษาหันมาเหยียดยิ้มใส่


                 “รู้แล้วก็ลองไปเทียบดูนะ ว่าระหว่างอดีตเดือนมหาลัยอย่างพี่แบงค์กับทิวน่ะ ใครเหมาะกับออยมากกว่ากัน บอกตรงๆนะ ออยไม่อยากไปนั่งขุดไส้เดือนเป็นเพื่อนทิวหรอก คนอะไรก็ไม่รู้ น่าเบื่อ วันๆหมกตัวอยู่แต่สวนดอกไม้ บ๊าบ้า ออยเอาเวลาไปคบกับพี่แบงค์ดีกว่า แค่นี้นะทิว ออยนัดเดทกับพี่แบงค์ไว้ บาย”


                 หญิงสาวที่เขาหลงรักยกมือโบกอำลาราวกับมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สอำลาตำแหน่ง ทิวไม้ทรุดฮวบลงไปคุกเข่ากับพื้นร้องไห้โฮ เพื่อนๆกลุ่มเดียวกันที่มองอยู่ห่างๆกรูกันเข้ามาปลอบใจเขากันยกใหญ่ จนเวลาผ่านไปเขาถึงได้มานั่งทำใจที่แปลงดอกไม้ที่เขารัก ทิวไม้เหม่อมองฟ้าพลางต่อว่าเสียงดังด้วยความเสียใจ


                 “ฟ้าจ๋าฟ้า ส่งไอ้ทิวมาเกิดแล้วใยต้องส่งไอ้เหี้ยพี่แบงค์อะไรนั่นมาเกิดก่อนด้วยล่ะ ฮือ เห็นไหม ถูกแย่งแฟนเลย”


                 ผลัวะ!!


                เสียงคร่ำครวญของทิวไม้เงียบลงทันทีเมื่อมือใหญ่ของเพื่อนสนิทเขกลงกลางกระหม่อม เขาหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนทั้งสองที่มีฉายาในคณะว่าบัฟฟาโล่กับสมเสร็จ ทิวไม้เรียกเพื่อนด้วยฉายาจนลืมไปแล้วว่าจริงๆพวกมันชื่ออะไร บัฟฟาโล่กับสมเสร็จก็เก๋ดีออก


                 “มึงตบหัวกูทำไมไอ้บัฟ”


                  “กูรำคาญเสียงมึงไง ถามโง่ๆ มานั่งทำเป็นพระเอกมิวสิควีดิโออยู่ได้” บัฟตอบไม่ไว้หน้า 


                  “ไอ้เหี้ยทิวลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ เราต้องไม่ตายเพราะถูกสาวทิ้งโว้ย”


                   บัฟดึงเพื่อนตัวเตี้ยขึ้นจากพื้นดินพลางตบบ่าปลอบใจ สมเสร็จรีบพูดเสริมเพื่อให้กำลังใจ


                  “ไอ้พี่แบงค์คณะบริหารนี่กูได้ยินชื่อมันมานานแล้วเหมือนกัน ข่าวว่ามันดังตั้งแต่ปีหนึ่ง บ้านแม่งรวยไงขับรถมาเรียนแต่ละวันไม่ซ้ำคัน แล้วยังหล่อชิบหายวัวตายควายล้ม สาวๆทั้งมหาลัยอยากจะได้แดกมันทั้งนั้นแหละ แต่สายข่าวบอกว่ามันฟันแล้วทิ้งไม่จริงจังกับใครสักคน อีกสักพักแฟนเก่ามึงก็ต้องซมซานกลับมาเพราะถูกมันทิ้ง เชื่อกูดิ”


                    ควรจะดีใจไหมเนี่ยถ้าอลิษากลับมาอย่างซมซานอย่างที่ไอ้สมเสร็จพูด


                 “ตอนนั้นกูคงกระโดดโลดเต้นช่ะ ไอ้เหี้ยสมเสร็จ สัส พูดซะกูอยากเห็นหน้าชิบหาย หล่อ รวยเหี้ยๆของมึงเนี่ย”


                 “เฮ้อ เพื่อนกูอกหัก ทำไงดีว้า” ไอ้บัฟยิ้มมุมปาก “อกหักก็ต้องแดกเหล้า ดื่มๆเพื่อลืมเธอ พาไอ้ทิวมันไปหาที่แดกเหล้าดีกว่า เผื่อมึงจะลืมรักคุดๆของมึงไง”


                   พวกเพื่อนที่คณะวนเวียนกันหาที่เที่ยวซ่องสุมกันเป็นประจำอยู่แล้ว จะมีก็แต่ทิวไม้นี่แหละที่สิงอยู่ในเรือนเพาะชำหรือไม่ก็นอนอ่านการ์ตูนที่หอพัก เขามันเด็กอนามัยนอนหลังสามทุ่มไม่ได้ ไม่รู้จะดื่มเหล้ากันทำไม ขมคอจะตาย แต่ว่าวันนี้วันพิเศษเพราะเขาอกหัก ทิวไม้จะยอมดื่มแอลกอฮอลล์ให้มันล้างแผลในใจของเขา


                    “ได้ กูจะไปแดกเหล้ากับพวกมึง ขมแค่ไหนกูก็จะแดกให้หมด ไอ้ทิวจะเมาหนีช้ำ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับหอโว้ย”


                     เขาประกาศศักดาต่อหน้าเพื่อนและแปลงดอกไม้ทั้งปวง






มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 1 [28/03/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Raspberry complex ที่ 28-03-2020 22:56:32
 :pig2:
 :3123:
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 1 [28/03/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-03-2020 22:57:06


อ่านต่อตรงนี้...



             แล้วทิวไม้ก็ตามไอ้บัฟกับไอ้สมเสร็จมาผับดังหลังมหาวิทยาลัยที่พวกมันมากันบ่อยๆ พอมาถึงเพื่อนทั้งสองก็สั่งเหล้ามิกเซอร์และกับแกล้มมาอย่างคุ้นชินสถานที่ ทิวไม้ยังตื่นตากับแสงสีเสียงและผู้คนจนเวียนหัวเมื่อไอ้บัฟกับไอ้สมเสร็จกระซิบกระซาบเม้าเรื่องเขาอยู่


               “ไอ้เหี้ยบัฟ มันจะดีเหรอวะที่พาไอ้ทิวมาแดกเหล้า แม่งยิ่งคออ่อนอยู่” ไอ้สมเสร็จหันมามองเพื่อนที่นั่งหน้าตื่นอย่างกังวล “มึงก็รู้ว่าแม่งคออ่อนแค่ไหน จำตอนปีหนึ่งที่ถูกรับน้องไม่ได้เหรอ ที่รุ่นพี่เอาเหล้าฉีดใส่แตงโมแล้วหั่นให้พวกเราแดก ไอ้เหี้ยนี่แดกไม่กี่ชิ้นถึงกับลุกขึ้นถอดเสื้อเต้นอย่างเรื้อน แล้วพอหายเมาเสือกจำเหี้ยอะไรไม่ได้อีก”


                 “มึงก็อย่าคิดมากจนเยี่ยวเหนียวสิวะสมเสร็จ” ไอ้บัฟปลอบใจเพื่อน “เรามาด้วยคอยคุมมันอยู่ด้วย ไม่เป็นไรหรอกน่า พอมันเริ่มกรึ่มๆเราก็รีบพามันกลับหอให้ไปเรื้อนในห้อง ถือว่าทำให้เพื่อนเราหายเสียใจเพราะถูกสาวทิ้งโว้ย อย่ามัวพูดมาก แก้วแรกต้องชนกันหน่อย คัมไปคัมมา”


               ไอ้บัฟชูแก้วส่งเสียงเรียกความฮึกเหิม ทิวไม้คว้าแก้วตัวเองขึ้นมาชนกับเพื่อนก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก


               “แค่กๆ” ได้เรื่อง สำลักเหล้าทันที


               “ใครชงวะ เข้มชิบหาย”


                 “อ่อนสุดแล้วเหี้ยทิว น้อยกว่านี้ก็แดกแต่มิกเซอร์เหอะมึง แดกเข้าไปให้หมดแก้ว เร็วเข้า”


                ไอ้บัฟยุเพื่อน ผิวขาวของทิวไม้แดงก่ำเมื่อเหล้าแก้วต่อไปถูกชงส่งให้ต่อเนื่อง เลือดลมแล่นตามร่างกายพึบพับจนหน้าร้อนหัวร้อนไปหมด


                “ฮ่าๆ หน้าไอ้สมเสร็จมีสามหัวโว้ย”


                 สมเสร็จถึงกับส่ายหน้าระอา


                 “เริ่มแล้วไง ไอ้เหี้ยทิว กูยังแดกได้ไม่กี่แก้ว สัส”


                  “อ้าว ลุกขึ้นเต้นกวนตีนอีก เหี้ยทิวมานี่ เดี๋ยวแม่งได้แดกยำตีนโต๊ะอื่นหรอก กูว่าพามันกลับเหอะ เหล้าที่เหลือเราเอาไปแดกกันที่หอต่อ”


               ไอ้บัฟรีบคล้องคอเพื่อนไว้ไม่ให้ลุกเต้นท่ากวนอวัยวะอีก สมเสร็จเห็นด้วย เขาหันซ้ายหันขวามองหาเด็กเสิร์ฟ แต่เมื่อเห็นนักเที่ยวที่โต๊ะไม่ไกลนัก เขาก็ย่นหัวคิ้วแล้วอุทานออกมา


                “เฮ้ย นั่นมันไอ้พี่แบงค์ที่แย่งแฟนไอ้ทิวไปนี่หว่า ไหนว่านัดเดทกับยัยออยแฟนมึงไง ทำไมฉายเดี่ยวมาผับล่ะวะ”


                “ไหนๆ”


                ทิวไม้มองตามสายตาของสมเสร็จ แต่เพราะความมืดที่มีกค่แสงวูบวาบและเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้มองอะไรไม่ชัดนัก


               “นั่นไง ไอ้ที่สูงๆหล่อๆ ยืนถือแก้วส่องสาวอยู่ตรงบาร์นั่นไง คนนั้นน่ะ”


               ไอ้สมเสร็จชี้ให้เพื่อนเพ่งตามอง ทิวไม้มองเห็นแล้วยังอดอุทานในใจไม่ได้


                เหี้ย ขนาดในที่มืดยังส่องออร่าชิบหาย ไหนจะกล้ามหน้าอกที่ดันจนล้นเสื้อเชิ้ตของมันอีกล่ะ สมบูรณ์แบบเหี้ยๆ


               โอ๊ย ทนไม่ไหวแล้วโว้ย


                “ไอ้ทิว เฮ้ย มึงจะไปไหน”


                ไอ้บัฟรีบถามเมื่อเห็นทิวไม้ลุกพรวดพราด เขาเบ้ปากใส่ผู้ชายสมบูรณ์แบบคนนั้น


                “กูจะไปดูหน้าแม่งใกล้ๆ อยากรู้ว่าทำไมผู้หญิงถึงหลงมันนัก”


                “ไอ้ทิว อย่าไป๊ๆๆๆ กลับมา”


                  ความฮึกเหิมจากเหล้าทำให้ทิวไม้ไม่สนใจเพื่อนอีกแล้ว เขาเดินส่ายไปส่ายมาตรงไปที่จุดหมาย เมื่อไปถึงเขาก็ตบเคาน์เตอร์บาร์ดังปังเป็นการทักทาย


                 “มึง ไอ้เหี้ยพี่แบงค์ปีสี่คณะบริหารใช่ไหม”


                  แม่ง สูงว่ะ มาตรฐานชายไทยอย่างกูยืดเต็มที่แล้วยังได้แค่ติ่งหูมันเนี่ย


                   หน้าคมหล่อเหลาปานเทพบุตรของผู้หญิงเกือบทั้งมหาวิทยาลัยค่อยๆหันมอง เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายที่สูงพ้นไหล่ของเขามาได้นิดหน่อยยืนโงนเงนไปมา แต่พยายามหาเรื่องเขาอยู่ ไม่ได้น่ากลัวสักนิด เหมือนหมาพันธุ์ชิสุเห่าขู่ฟอดๆ มันน่าเอ็นดูมากกว่า มุมปากของเขาจึงยกยิ้มเล็กน้อย


                 “ผมชื่อธนดล แต่คุณจะเรียกผมว่าพี่แบงค์ก็ได้ มีอะไรกับผมหรือเด็กน้อย”


                “กูไม่น้อยแล้วโว้ย” ทิวไม้โวยวาย เขายกมือชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเจ็บใจ “มึงแย่งแฟนกู มึงแย่งออยไปจากกู”


                 “แย่ง?”


                 ดวงตาคมกริบบาดใจสาวกะพริบปริบๆ ทบทวนความทรงจำ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงที่เขาเพิ่งมีความสัมพันธ์ด้วยคนล่าสุดชื่อออย แต่วันนี้เขาเพิ่งเบี้ยวนัดเพราะความรำคาญและหนีมาเที่ยวที่นี่


                 “ออย ใคร อ๋อ นึกออกแล้ว ขอโทษนะ ไม่รู้ว่าออยเป็นแฟนคุณ”


                นี่มึงไม่ได้รู้สึกรู้สาเลยใช่ไหมที่แย่งแฟนกู อยากรู้นักว่ามีดีอะไรวะผู้หญิงถึงได้หลงนัก ทนไม่ไหวแล้วโว้ย


                ทิวไม้แค้นจัด เขากระชากปกเสื้อของธนดลทั้งที่ตัวเล็กกว่าเป็นคืบจนใบหน้าของธนดลโน้มเข้ามาใกล้


                 “หล่อนักเหรอมึง รวยนักเหรอมึง ลีลาเด็ดนักเหรอมึง อยากรู้ชิบหายว่าดีอะไรนักหนา”


                   ธนดลหัวเราะเบาๆ ชินแล้วกับการมีคนมาโวยวายใส่แบบนี้ แต่กับคนตรงหน้ามันไม่เหมือนคนอื่น ตัวเล็กผอมบางหน้าเด็ก ทำอย่างไรก็ไม่ได้รู้สึกกลัว กลับเอ็นดูและคิดอยากหยอกล้อมากกว่า


                  “แล้วทำยังไงผมถึงจะแสดงให้คุณรู้ได้ล่ะ ว่าผมมีดีตรงไหน”


                  เลือดขึ้นหน้าทิวไม้ เขามองนัยน์ตาพราวแสงนั่นแล้วแปลความหมายว่าอีกฝ่ายกำลังหาเรื่องเยาะเย้ยอยู่ ทิวไม้พูดออกไปโดยไม่ทันยั้งคิด


                 “มึงเคยเอาผู้ชายไหมล่ะ”


                 “ไอ้ทิ้วววว”


                ไอ้บัฟกับสมเสร็จที่เพิ่งเช็คบิลเสร็จและตามมาถึงกับตาเหลือกเมื่อได้ยินเพื่อนพูด ธนดลเอียงคอมองทิวไม้พลางเลิกคิ้วสงสัย


                 “ไม่เคย ถามทำไม อยากให้เอาเหรอ”


                 “เออ กูอยากรู้ว่ามึงจะทำให้กูหลงมึงเหมือนที่ทำให้ผู้หญิงทั้งมหาลัยเป็นหรือเปล่า กล้าไหมล่ะ หรือว่าท่าดีทีเหลว”


                 ธนดลหุบยิ้มทันที สมเสร็จรีบเข้ามาล็อกคอเพื่อนพลางเอ่ยขอโทษด้วยความตกใจ


                “ผมขอโทษแทนเพื่อนนะพี่ มันอกหักเลยมาแดกเหล้า ไอ้เหี้ยนี่เวลาเมาแล้วเรื้อนเพ้อเจ้องี้แหละ”


                “มึงอย่าห้าม กูไม่ได้เพ้อเจ้อ ถ้ามึงแน่จริงก็ลองทำให้กูครวญครางให้ได้สิวะไอ้แบงค์”


                  ทิวไม้ดิ้นไปมาเมื่อถูกขัดใจ ไม่ทันมองว่าใบหน้าของธนดลขรึมลงทุกที เขาก้าวเข้าไปหาและดึงแขนทิวไม้พร้อมกับรังสีอำมหิตจนไอ้บัฟกับสมเสร็จยังหน้าซีด


                 “เพื่อนของพวกน้องบอกว่าตัวเองไม่ได้เพ้อเจ้อ ผมขอโทษที่ต้องรับคำท้า”


                  ธนดลจ้องหน้าข่มขู่สมเสร็จเพื่อให้ปล่อยแขนที่ล็อกคอทิวไม้ไว้อยู่ สายตาบีบบังคับทำให้สมเสร็จจำใจปล่อย


                “ฮือ ไอ้ทิว ปากไม่น่าหาเรื่องเลย”


                 “ในเมื่อเพื่อนของพวกน้องเป็นฝ่ายท้าทาย พวกน้องก็อย่ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะดีกว่า”


                  แค่ดึงเบาๆทิวไม้ก็ลอยตามแรงของธนดล เขาลากร่างโปร่งเดินผ่านผู้คนในผับออกไปด้านนอกโดยทิ้งเพื่อนสนิทของทิวไม้ที่มองตาละห้อยไว้เบื้องหลัง จนกระทั่งถึงรถยนต์คันหรูที่จอดไว้ในช่องวีไอพีธนดลก็ผลักเขาเข้าไปในรถแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เขาเหยียบคันเร่งจนหัวของทิวไม้แทบจะโขกกับกระจกรถ




                                                                  TBC


                                :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10:


หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 1 [28/03/63]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-03-2020 23:40:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 1 [28/03/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 29-03-2020 02:00:19
ทิวววววไม้ น้องจะมีหลัวคนเดียวกับอดีตแฟนม่ายล่ายยยยยนะ :jul1:

ยัยออยต้องอกแตกตายแน่ๆ เลย :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 1 [28/03/63]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-03-2020 09:39:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถ ๆๆๆๆๆๆ  วงวารน้องทิว   

เมาแล้วไร้สติ  บอกให้ผู้ชายแปลกหน้าเอาเป็นเมียซะนี่  555

ป.ล. ผู้หญิงสวยระดับดาวมหาวิทยาลัย เป็นพวกล่าแต้มทุกคนเลยเหรอ  อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 1 [28/03/63]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 29-03-2020 09:44:52
 :mc4:
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 2 NC [04/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-04-2020 22:16:25



                                                 ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                              บทที่ 2



            “มึง กู เอ่อ ไอ้พี่แบงค์”


             หัวชักหายร้อนเมื่อเจอคนร้อนกว่า ทิวไม้เริ่มนั่งกระสับกระส่ายในรถยนต์คันหรูที่ขับเร็วจนแทบจะเหาะแทรกมิติของกาลเวลาได้  ธนดลไม่มองหน้าเขาเลยสักนิดขณะใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการขับรถจนกระทั่งเขาจอดลงที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ร่างสูงก้าวลงจากรถแล้วเดินมาฝั่งของทิวไม้ก่อนจะเปิดประตูรถกระชากเขาลงมา ทิวไม้สบตากับดวงตาคมกริบนั้นแล้วถึงกับผวา เขาฝืนกายไว้พลางพูดปากสั่น


               “มึง แบงค์ ไอ้พี่แบงค์ กูถอนคำพูด มึงไม่ต้องพิสูจน์เหี้ยอะไรก็ได้ อุ๊บ”


               ธนดลหยุดอาการหวาดผวาของทิวไม้ด้วยการกระชากร่างที่เล็กกว่าเข้าหาตัว มือใหญ่ของเขาโอบเอวทิวไม้ไว้ไม่ให้วิ่งหนีและบดจูบลงไปที่ปากสั่น ทิวไม้พยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่เขากลับใช้อีกมือบีบกรามจนเปิดกว้าง ลิ้นร้อนฉกวูบตามติดไปทันที


              “อย่า อื้อ”


              เหี้ยแล้วไง แม่งสอดลิ้นเข้ามาในปากกูแล้ว เอาไงดีวะ สู้สิวะไอ้ทิวไม้ สู้ๆ


               สติของทิวไม้เตลิดเปิดเปิงไปหมด เขาพยายามยกมือผลักอกของธนดลแต่มันช่างหนาหนักยิ่งกว่าผลักกำแพงก่ออิฐโบกปูนเสียอีก แผงหน้าอกแน่นไปด้วยมวลกล้ามเนื้อบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องออกกำลังกายทุกวัน แล้วเขาล่ะ เขาที่มีไส้เดือนเป็นสัตว์เลี้ยง วันๆหมกตัวอยู่กับการดึงวัชพืชออกจากแปลงดอกไม้ จะไปสู้ธนดลได้อย่างไร


               ฮือ โอ๊ยตายห่าแล้ว มันตวัดลิ้นกูแล้วด้วย


               “แบงค์ พี่แบงค์ ฮึก อย่า”


                เผยอปากพูดแบบนั้นแต่ทิวไม้แทบหมดแรงแล้วในตอนนี้


                ไอ้เหี้ย นี่มันลานจอดรถนะโว้ย


                แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ ธนดลบดจูบจนทิวไม้แข้งขาอ่อนไปหมดกว่าจะยอมผละปากออกแล้วสบตากับคนที่ชิงตัวมาจากผับด้วยความสับสนอยู่หลายวินาที


              “เหี้ยเอ๊ย”


               หน้าหล่อหลุดปากสบถเหมือนห้ามใจตัวเองไม่อยู่  ในที่สุดเขาก็ย่อตัวรวบเอวของทิวไม้และแบกขึ้นพาดบ่าของเขาอย่างไม่ได้รู้สึกว่าหนักแต่อย่างใด ทิวไม้ได้แต่ทำหน้าเหวอเมื่อถูกเขาแบกเข้าไปในลิฟต์


              “แบงค์ ปล่อยกู ปล่อยผมนะ นะครับแบงค์”


               ไม่ไหวแล้ว กูกลัว ปล่อยกู


                “เงียบ!”


                 เขาไม่ยอมทำตามซ้ำยังส่งเสียงเข้มดุจนทิวไม้กลัวหัวหด ธนดลแบกร่างผอมออกจากลิฟต์เดินมาถึงหน้าประตูห้องของเขา แค่เสียบคีย์การ์ดประตูก็เปิดออกเขารีบก้าวเข้าไปในห้อง ทิวไม้ใจหายวาบเมื่อประตูปิดลง อิสระของเขาโบยบินไปเสียแล้ว


                แม่งเอ๊ย ฆาตกรรมในห้องปิดตายชัดๆ


               ทิวไม้คร่ำครวญในใจเมื่อธนดลแบกเขาผ่านประตูห้องนอนแล้วโยนลงบนเตียงกว้าง กำลังจะพลิกตัวหนีธนดลก็โถมทับร่างของเขาทันที คราวนี้ทิวไม้ถึงกับตาเหลือกเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมอ่อนข้อให้


                “มึงไม่เคยเอาผู้ชายไม่ใช่เหรอ มึงไม่เอากูจริงหรอกใช่ไหม”


               ทำใจดีสู้เสือยิ้มแห้งเข้าใส่และเอ่ยวาจาเสียงอ่อนหวาน ไม่แข็งขันเหมือนตอนหัวร้อนท้าท้ายอีกแล้ว แต่ตอนนี้คนหน้าหล่อแปลงกลายเป็นเสือหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่กำลังมองเหยื่อในกรงเล็บอย่างพิจารณาว่าจะทำอะไรดี คำขอร้องของเหยื่อจึงเป็นอันตกไป


               “ผมไม่เคยถูกใครดูถูกเหยียดหยาม คุณท้าผมต่อหน้าผู้คนให้ผมอับอาย คิดว่าผมจะยอมหรือเปล่า”


                ไงล่ะกู เรื้อนจนได้เรื่อง ฮือ ไอ้บัฟ ไอ้สมเสร็จ ช่วยกูด้วย สาบานว่าหลังจากนี้กูจะไม่แดกเหล้าอีกแล้ว


                ทิวไม้ด่าตัวเองที่รนหาเรื่อง เขาทำตาละห้อยและลองเอ่ยปากอีกครั้ง เผื่อไอ้หน้าหล่อแสนโหดจะยอมยกโทษให้บ้าง แม้ความหวังจะริบหรี่เหลือเกิน


                “กูขอโทษก็ได้ กูเมาไง กูเสียใจที่ออยทิ้งกู ก็เลยอารมณ์เสียใส่มึง น่านะพี่แบงค์ปล่อยกูนะ ปล่อยผมนะครับ”


                ดวงตาใต้ล่างมองธนดลอย่างอ้อนวอนเหมือนหนูตัวเล็กๆที่หวังว่าเสือที่ตะปบอยู่จะใจดีปล่อยเขาไป แต่กลับยิ่งทำให้ธนดลเหมือนใกล้จะตบะแตกเข้าทุกที


                “อย่ามองแบบนี้นะ รู้ไหมว่ามันยั่วแค่ไหน”


                เขาสบถอะไรออกมาบางอย่างทิวไม้ฟังไม่ถนัด ก่อนที่ธนดลจะก้มหน้ามาจูบทิวไม้อีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้บดขยี้หนักหน่วงเหมือนที่ลานจอดรถ ธนดลค่อยๆไล่ขบเม้มกลีบปากของทิวไม้ทีละส่วนก่อนจะดันลิ้นชื้นเข้ามาแตะกับลิ้นทิวไม้ เขารุกไล่จนร่างนั้นสั่นไปทั้งตัว มือร้อนเริ่มสอดลึกเข้ามาด้านในเสื้อยืดตัวบางที่ทิวไม้สวมอยู่ ไม่รู้เลยว่าเขาถอดมันออกจากตัวตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนสะดุ้งที่มือร้อนของเขานาบมาบนยอดอกของตนนั่นเอง


                “อื้อ”


                “อย่าดิ้นสิ”


                ได้ยินเสียงขู่เบาๆอยู่ในลำคอตอนที่เจ้าของเสียงทุ้มวอแวอยู่ตรงซอกคอ ทิวไม้ขนลุกเกรียวไปหมด บอกได้อย่างเดียวว่าตอนนี้ทั้งแขนและขาหมดแรงจะต่อสู้ อ่อนปวกเปียกเหมือนกบตอนถูกฉีดยาชา


                ฉิบหายแล้ว แม่งกำลังจะถอดกางเกงกูครับ แม่จ๋าช่วยทิวด้วย


               “พี่แบงค์ ปล่อยเถอะนะ”


                 พยายามผลักมือร้อนออกแต่ไม่ได้ผล ธนดลชำนาญในการถอดจนทิวไม้หมดทางต่อสู้ เขาดึงโน่นยื้อนี้อยู่ครู่หนึ่งร่างของทิวไม้ก็ไม่เหลืออะไรติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว สายตาตอนที่เขามองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้ทิวไม้ร้อนวูบไปทั้งตัว


                 “มองเหี้ยอะไร ผู้ชายเหมือนกัน กูมีหนอนเหมือนมึงนี่แหละไม่เห็นหรือไง ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”


               ร่างผอมปากเก่งฝืนความขัดเขินส่งเสียงตวาดแว้ด ธนดลกลับหัวเราะเหมือนเอ็นดู นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าคมเข้มดูหล่อขึ้นอีกสิบริกเตอร์จนทิวไม้เผลอตะลึง


               “เสียงแง้วๆเหมือนแมวเลย ขู่ยังไงผมก็ไม่กลัวหรอก ไหนขอดูหนอนน้อยของ น้องชื่ออะไรนะ ได้ยินเพื่อนเรียกว่าทิวใช่ไหม ขอผมดูหนอนน้อยของทิวหน่อยนะครับ”


                ทำมาเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ คิดว่ากูจะให้มึงดูง่ายๆเหรอ เฮอะ ฝันไปเหอะ


                “ทำอะไร ปล่อยกูนะโว้ย”


               ทิวไม้โวยวายเมื่อธนดลฉวยข้อมือทั้งสองข้างของเขาไปยึดไว้ด้วยมือใหญ่แค่ข้างเดียว ก่อนที่เสือหนุ่มจะตะปบมืออีกข้างลงมาบนหนอนน้อยของเขาแล้วบีบเบาๆ


                 “โอ๊ย เหี้ย มึงมันเหี้ยไอ้พี่แบงค์ ทำอะไรกูเนี่ย”


                 มือสากอุ่นร้อนบีบเจ้าหนอนน้อยแล้วเค้นคลึงตาม ทิวไม้ตาเหลือกเมื่ออยู่ๆความรู้สึกมวนท้องก็พุ่งวาบไปตามเนื้อตัว ขนลุกขนชันทั้งที่เหงื่อไหลเป็นทาง หัวใจของเขาเต้นถี่ยิบตอนที่ธนดลก้มหน้าลงมางับยอดอกเข้าปากแล้วดูดเบาๆ


              “แบงค์ แบงค์ ทำอะไร พี่แบงค์ อย่านะ โอ๊ย เสียว”


              คนช่ำชองโจมตีทั้งบนและล่างพร้อมกัน คราวนี้ทิวไม้ดิ้นพล่านพลางกัดฟันแน่น


               “อื้อ โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว”


                “ยอมนะ”


               ธนดลเงยหน้าขึ้นพูด นัยน์ตาของเขาแดงก่ำเพราะความต้องการในตัวหนุ่มรุ่นน้องต่างคณะ อีกฝ่ายก็เคลิบเคลิ้มอย่างที่เขาต้องการแต่ก็ยังปากแข็งไม่ยอมรับ


                “มะ ไม่”


                “ไม่ยอมเหรอ”


                เหี้ย บีบไข่กู ฮือออ


                “แบงค์ อื้อออ”


               “เกร็งไปหมดทั้งตัวแบบนี้ ทิวยังไม่ยอมผมอีกหรือครับ”


               ลิ้นชื้นตวัดใส่ยอดอกสลับดูดดุนจนแข็งเป็นไต รอบลานแดงระเรื่อปะปนกับรอยฟันที่ธนดลจงใจทิ้งไว้ มือก็บีบเค้นจนหนอนน้อยของทิวไม้ตื่นหัวตั้ง ความต้องการบางอย่างเกิดขึ้นในตอนนี้ ทิวไม้ไม่เคยมีประสบการณ์เร้นลับมาก่อนเขาอธิบายไม่ถูกว่าความรู้สึกเหล่านี้คืออะไร ตอนนี้เขารู้แค่อยากปลดปล่อย อยากให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้


               “อ๊า พี่แบงค์เบามือโว้ย อึก เออ จะทำอะไรก็ทำ กูยอมแพ้แล้วไอ้เหี้ย”


               หน้าหล่อยิ้มกริ่มสมใจ เขาจัดการแก้ผ้าตัวเองอวดหุ่นให้ทิวไม้อิจฉาเล่น ทิวไม้มองร่างกายของธนดลแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เข้าใจแล้วว่าทำไมสาวๆถึงคลั่งไคล้ผู้ชายคนนี้นัก


              ต้นแขนมีกล้าม หน้าท้องมีลอน ไอ้เทพบุตรเสือสมิง ฮืออ


              “เดี๋ยวนะ พี่แบงค์ ของมึงทำไมใหญ่เบอร์นี้”


                ตาเหลือกในทันทีเมื่อเลื่อนมองต่ำแล้วเพิ่งเห็นอนาคอนด้า ไม่ใช่ไส้เดือนตื่นขี้เถ้าเหมือนของเขา ทำไมมัน โอ๊ย ....


                “ลองจับนะครับทิว”


                คว้ามือของทิวไม้ไปจับงูยักษ์ของเขา ทิวไม้อ้าปากค้าง


               เหี้ย กำเกือบไม่รอบ อย่าบอกนะว่าไอ้ที่จับอยู่นี่มันกำลังจะแทงตูดผม ไม่น้า..


                “มือทิวนุ่มจัง ทิวเรียนคณะอะไรครับ”


                มันใช่เวลามาทำความรู้จักกันไหมวะ


                “อืม เรียนเกษตร”


                ทิวไม้ได้ยินเสียงตัวเองตอบไป ช่างกระเส่าจนอยากจะกัดลิ้นตาย


               “จริงเหรอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กเกษตรมีคนน่ารักอย่างทิวด้วย สงสัยผมจะต้องให้ทิวสอนปลูกต้นไม้เสียแล้ว”


                ธนดลใช้จังหวะชวนอีกฝ่ายพูดคุยเบียดตัวเองลงมาระหว่างขาของทิวไม้ เขายกปลายเท้าทั้งสองไปพาดบนบ่าของเขาจนมองเห็นช่องทางสวรรค์ มือคว้าซองถุงยางอนามัยที่มีอยู่แล้วบนหัวเตียงขึ้นมาใส่เตรียมพร้อมเผด็จศึก


                “ทิวอย่าเกร็ง มองตาผมนะครับ มองสิ”


                ทิวไม้มั่นใจว่าต้องสะกดจิตแน่ๆ เพราะเขาเผลอไผลไปกับดวงตาคู่นั้น นัยน์ตาสีดำสนิทดึงดูดให้ไม่อาจละสายตาไปไหนได้จริงๆแม้กระทั่งตอนที่ธนดลดันงูยักษ์ของเขาเข้ามาในช่องทางเบื้องล่าง


               “อึก แบงค์ เจ็บ!”


               ร่างผอมสะดุ้งเฮือก ผวาไปทั้งตัวเมื่อถูกสอดใส่เข้ามาในคราแรก ธนดลเองก็กัดฟันไปกับความคับแน่นที่เพิ่งเคยเจอ เขารวบกายบางเข้ามากอดไว้


               “มองตาผมสิครับ มองพี่แบงค์นะครับทิว”


              ทิวไม้ตัวสั่นแต่ก็ยอมให้ธนดลดันเอวเข้ามา เจ็บจนต้องกอดร่างธนดลเอาไว้แน่นหนาจนส่วนกว้างสุดผ่านเข้ามาได้เขาจึงผ่อนลมหายใจผ่อนคลายมากขึ้น จนกระทั่งรู้สึกถึงความเติมเต็มส่วนเบื้องล่างจึงรู้ได้ว่างูยักษ์มุดเข้ามาในถ้ำจนหมดตัวแล้ว ธนดลจูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ


                 “เข้าไปหมดแล้ว หายเจ็บหรือยังครับ”


                ทิวไม้พยักหน้า ธนดลมองตาเชื่อม


                 “ไม่เคยรู้ว่าเด็กเกษตรน่ารัก เพิ่งรู้วันนี้”


                “อย่ามาหยอด มึงแย่งแฟนกู”


                ปากเก่งยังมีแรงตอบโต้แต่ธนดลกลับมองเป็นน่าเอ็นดู เขาบีบจมูกโด่งของทิวไม้เบาๆ


               “พูดเพราะๆสิ อย่าพูดมึงกู ไม่เหมาะกับทิวเลยนะ”


               ธนดลเอ่ยเสียงหวานดึงความสนใจขณะที่เริ่มขยับเอวเข้าออกในช่องทางของทิวไม้ เจ้าของช่องทางนิ่วหน้าเพราะเจ็บแปลบๆ แต่ก็พอทนได้ ผ่านไปสักพักเขาก็เริ่มซาบซ่านกับสัมผัสเสียดสีร้อนๆข้างใน


               “คุณแย่งแฟนผม แย่งออยไปจากผม”


                ทิวไม้ต่อว่าเสียงสั่น ขาสองข้างที่พาดอยู่บนบ่าของธนดลก็สั่นเหมือนกัน รับรู้ได้ว่าความเร็วและความแรงที่ขับเคลื่อนอยู่ระหว่างกายค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิด ตอนนี้ร่างของเขาร้อนผ่าว หัวใจเต้นจนแทบจะทะลุออกมา ทิวไม้แหงนหน้าหลุดเสียงครางอย่างห้ามไม่ไหว


               “ฮึก พะ พี่แบงค์ เสียว เสียวมาก”


              “ผมไม่รู้ว่าออยเป็นแฟนทิว แต่ตอนนี้ถึงรู้ก็คงจะแย่ง”


                ร่างสูงโน้มกายมาบดจูบที่ปาก คราวนี้มันเร่าร้อนจนทิวไม้ต้องตวัดลิ้นตอบ เขากอดธนดลไว้ทั้งตัวเมื่ออีกฝ่ายกระแทกเอวใส่ถี่ยิบ


              “ไม่ใช่แย่งออยจากทิวนะ แต่ผมจะแย่งทิวมาจากออยต่างหาก”


               เขาจูบปากทิวไม้ มือก็ขยำบั้นท้ายสลับกับยันกายขึ้นมาจูบที่ท่อนขาของรุ่นน้อง เอวของธนดลทำงานไม่มีหยุดพัก จนทิวไม้กลั้นเสียงครางไว้ไม่ได้อีกแล้ว


                “อา ฮัก ฮัก แบงค์ พี่แบงค์”


                “ส่งเสียงออกมาครับทิว อย่าฝืน ผมเองก็เสียวมาก”


                ธนดลย่นหัวคิ้วพลางผ่อนเสียงออกมาพร้อมลมหายใจร้อน เอวของเขาโยกพลิ้วมากจนมองเห็นลอนกล้ามเนื้อขยับถี่ ทิวไม้ปวดท้องน้อยมากขึ้นแล้วเมื่อถึงตอนนี้


               “อา ปวด ปวดท้อง”


               ธนดลได้ยินก็คว้าเจ้าหนอนน้อยของทิวไม้ไว้ เขาโยกรั้งมันเข้ากับจังหวะเอว ทิวไม้อ้าปากเบิกตากว้างเมื่ออยู่ๆความปวดร้าวนั้นพุ่งออกมาเป็นสายสีขาวเต็มอุ้งมือของธนดลที่รูดรั้งอยู่


                “อ๊า”


                ธนดลมองอย่างยินดี เขาวางมือข้างเอวของทิวไม้แล้วโยกกระชั้นอีกไม่กี่ครั้งก็ดึงสะโพกออกจากช่องทางและถอดเครื่องป้องกันออกทันที หนุ่มหล่อคว้างูยักษ์ให้หันปลายมาทางร่างที่นอนระทดระทวยแล้วรูดรั้งจนน้ำขาวขุ่นพุ่งรดอยู่บนหน้าท้องแบนราบ ขณะนั้นธนดลเงยหน้าหลับตาพริ้มกับความสุขสมที่ได้รับ ทั้งคู่ต่างหอบหายใจถี่ยิบเมื่อธนดลทิ้งกายมานอนแผ่ข้างกัน


               “ไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้เลย แต่รู้สึกดีชะมัด”


                 ธนดลพึมพำก่อนจะพลิกตะแคงและดึงทิวไม้เข้าไปกอด


                “เหนื่อยไหมครับทิว”


                “อื้อ ปล่อยกู”


                “พูดเพราะๆ”


                “ปล่อยผม เรา เอ่อ”


                 มาถึงตอนนี้ทิวไม้เข้าใจทะลุปรุโปร่งแล้วว่าทำไมผู้หญิงค่อนมหาวิทยาลัยหลงใหลผู้ชายคนนี้ เพราะตอนนี้เขาเองกำลังจะเป็นอย่างนั้น


               ไม่นะ ไม่ ฮือ กูเพิ่งอกหักมานะ


                “ทิวโสดใช่ไหม”


                  “โสดเพราะพี่แบงค์แย่งแฟนไปไง”


                  ทิวไม้ผลักไส แต่ธนดลกอดผมไว้แน่น


                 “มาลองเป็นแฟนกันดีไหม ผมจะดามหัวใจให้ทิวเอง”


                 “แต่ แต่ว่า...”


                  “นะครับ”


                ธนดลส่งเสียงอ้อนพลางลูบผมของทิวไม้ไปมา แล้วทิวไม้ควรจะตอบว่าอะไรดีล่ะ


                “ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้”


                “ผมไม่เคยเรียกใครว่าแฟน แต่ทิวจะเป็นคนแรก”


                ดูสิ ดูมันเอาอะไรมาอ่อยผมเนี่ย คิดว่าผมจะยอมเรอะ


                 “พูดนี่ แน่ใจแล้วเหรอ”


                “แน่ใจ มั่นใจมาก อยากมีแฟนเรียนเกษตร จะได้ปลูกดอกไม้ให้ผม นะครับ”


                 ธนดลดันไหล่ให้ทิวไม้นอนหงายก่อนพลิกมาทับร่างผอมอีกครั้ง อิสระบินหนีไปอีกแล้ว


                 “ว่าไงครับทิว”


                 “อื้อ ก็ได้”


                  แล้วเสียงของทิวไม้ก็หายไปเมื่อธนดลปิดปากนุ่มด้วยปากของเขาอีกครั้ง





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 2 NC [04/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-04-2020 22:27:52


อ่านต่อตรงนี้...



            สุขสมจนล่วงเข้าวันใหม่เวลาผ่านไปเกือบรุ่งเช้า ทิวไม้หลับสนิทเพราะความเหนื่อยอ่อน ธนดลมองใบหน้านั้นแล้วยิ้มบางๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะจริงจังจนกระทั่งจูบแรกที่ได้ลอง คิดว่าจะขยะแขยงกับผู้ชายด้วยกันแต่ที่ไหนได้ เขากลับต้องการในตัวของทิวไม้มากมายเหลือเกิน


              ดึงโทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณออกจากกางเกงที่ทิวไม้ใส่มา ค้นหาเบอร์โทรของเพื่อนที่คลับคล้ายคลับคลาได้ยินในผับแล้วกดโทรหา เพื่อนชื่อสมเสร็จรับสายทันที


                “ไอ้ทิว มึงเป็นไงบ้าง หายไปทั้งคืน มึงโดนพี่แบงค์ปล้ำจริงหรือเปล่าวะ”


                “จริงครับ”


                เสียงนุ่มปนหัวเราะเบาๆตอบกลับทำให้สมเสร็จสะดุ้งเฮือก


                “อุ้ย พี่แบงค์หรือครับ แหะๆ”


               “ตอนนี้ทิวหลับสนิทมาก ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น พอดีผมมีเรียนช่วงเช้าวิชาสำคัญ จะทิ้งเขาไว้ก็ไม่ได้ พวกน้องพักกันที่ไหน เดี๋ยวผมจะพาทิวไปส่ง”


               ธนดลพยักหน้าเมื่อฟังทางไปหอพักที่เพื่อนสนิททั้งสามเช่าพักอยู่ด้วยกัน เขาวางหูและจับร่างที่ยังหลับสนิทใส่เสื้อผ้าคืน ร่างสูงช้อนแขนอุ้มทิวไม้ลงไปที่รถยนต์ก่อนจะขับไปยังหอพักที่สมเสร็จบอกทาง เมื่อถึงแล้วเขาเห็นบัฟกับสมเสร็จยืนรอรับหน้าละห้อย ธนดลอุ้มร่างผอมที่ยังหลับไม่รู้เรื่องตามหนุ่มทั้งสองเข้าไปในห้องพัก ดีที่ยังเช้ามืดคนในหอยังไม่มีใครตื่น เขาวางทิวไม้ลงบนเตียงเล็กในห้องพักท่ามกลางสายตาของเพื่อนทั้งสอง


               “พี่ ผมถามอีกที พี่กับไอ้เหี้ยทิวได้กันจริงๆเหรอ”


              บัฟยิ้มแห้งถาม ธนดลพยักหน้า


               “สามรอบครับ”


               เฮืออกกกก


                บัฟและสมเสร็จได้แต่มองหน้ากัน เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ปิดบัง


               “แต่ผมจริงจังกับเพื่อนน้องนะ และจะรับผิดชอบด้วย เดี๋ยวผมไปเรียนคาบเช้าแล้วจะมาหาทิว”


               ร่างสูงตบบ่าเพื่อนสนิทของทิวไม้ก่อนจะผิวปากเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้บัฟและสมเสร็จทำหน้าเหมือนจะร้องไห้


                 “ไอ้เหี้ยทิว อกหักมาปุ๊บเสือกได้ศัตรูหัวใจมาเป็นผัว เพราะมึงทำปากเก่งแท้ๆ”


                ทิวไม้ยังหลับต่ออีกพักใหญ่ก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมาตอนสาย เขาลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการเมื่อยขบไปหมดทั้งตัว มองเห็นบัฟกับสมเสร็จหันมาจ้องด้วยความตื่นเต้น


              “เหี้ยทิวตื่นแล้ว แม่งหลับเหมือนจะตาย เป็นไงมึงจำเหี้ยอะไรได้บ้าง”


               ทิวไม้มองเพื่อนอย่างงัวเงีย


               “จำเหี้ยอะไรล่ะ โอ๊ย ชิบหาย ทำไมเจ็บตูดเจ็บเอวจังวะ”


               “ไม่เจ็บไงล่ะ ถูกพี่แบงค์เอาตั้งสามรอบ”


               สมเสร็จมองเพื่อนอย่างเวทนา ทิวไม้ขมวดคิ้วสงสัย


                “อะไร ยังไงวะ”


                “ไอ้เหี้ยทิว อาการเรื้อนแม่งไม่เปลี่ยน พอหายเมาแล้วมึงลืมเรื่องที่ก่อไว้เลยนะ จำไม่ได้เหรอเมื่อคืนไปทำปากเก่งใส่พี่แบงค์ เขาเลยจับมึงไปปล้ำทำเมียทั้งคืนเพิ่งเอามึงมาส่งตอนใกล้สว่างเนี่ย”


               ต้นเรื่องลืมตาโพลงเมื่อได้ยินบัฟด่าลั่น สมเสร็จพยักหน้ายืนยันพร้อมกับยกมือขึ้นชูสามนิ้ว


              “ด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญ พี่เขาบอกว่าเอามึงไปสามรอบว่ะทิว”


               ทิวไม้อ้าปากค้าง หน้าเปลี่ยนสีแดงก่ำเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในคืนที่ผ่านมา




                                                                   TBC




                                                      :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13:






หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 2 NC [04/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 05-04-2020 00:18:52
ขอบคุณออยนะคะที่ทำให้น้องทิวมีหลัวหล่อนต้องได้รางวัลแล้วละ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 2 NC [04/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 05-04-2020 02:08:44
ถ้าทิวจำไม่ได้ เดี๋ยวพี่แบงค์มาเตือนความจำให้นะ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 2 NC [04/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-04-2020 14:07:10
ระวังจะโดนทวนความจำนะน้องทิวดันลืมแบบนี้ได้ไงค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 2 NC [04/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 05-04-2020 19:24:53
อ้าว ตื่นมาจำไม่ได้ซะงั้น

แล้วจำให้ได้ด้วยนะ ว่าตกลงเป็นแฟนกับพี่เค้าไปแล้ว
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 2 NC [04/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 05-04-2020 23:32:21
อ่าวเมาแล้วขี้ลืมนะ  :m31:
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 3 [12/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-04-2020 00:04:56



                                                  ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                 บทที่ 3



              “ไม่จริง เป็นไปไม่ด้ายยย”


               ทิวไม้ทำหน้าตื่นเลิ่กลั่กท่ามกลางความเวทนาของเพื่อนสนิท บัฟทนไม่ไหวต้องดึงแขนของทิวไม้ให้เจ้าตัวลุกขึ้นเดินตามมาหยุดยืนหน้ากระจกแล้วเอ่ยปากตอกย้ำ


              “มึงถอดเสื้อดูตัวมึงดิ หลักฐานชั้นดีเลยไอ้ทิว”


              ร่างโปร่งบางผอมแห้งเลิกเสื้อยืดที่ใส่อยู่ขึ้นทันที และเมื่อเห็นสารรูปของตัวเองที่มีแต่รอยแดงทั้งปากและฟันกระจายไปทั่ว บวกกับอาการเคล็ดขัดยอกร้าวระบมเหล่านี้แล้ว ทิวไม้ก็ถึงกับปล่อยโฮ


               “ม่าย ไอ้พี่แบงค์ ไอ้เหี้ย มันปล้ำกูได้ไง ไอ้เลว ฮือ”


               “แต่มึงท้าพี่เขาก่อนนะเหี้ยทิว” สมเสร็จตบบ่าสีหน้าปลงอนิจจัง เขาจีบปากจีบคอเลียนเสียงเพื่อนจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา “มึงเคยเอาผู้ชายไหมล่ะ กูอยากรู้ว่ามึงจะทำให้กูหลงมึงเหมือนผู้หญิงทั้งมหาลัยหรือเปล่า เนี่ย มึงท้าทายเขาแบบเนี้ย ถึงได้โดนสามรอบ”


                “เฮ้ย แต่พี่แบงค์บอกว่าจะรับผิดชอบมึงนะโว้ยตอนมาส่งน่ะ อย่างน้อยก็ไม่ได้ฟันแล้วทิ้ง มึงก็ใจร่มๆก่อนไอ้ทิว”
เพื่อนบัฟปลอบโยนแต่ทิวไม้ก็ยังสะอึกสะอื้น


               “ไม่ ไม่ต้องมารับผิดชอบกูเลย เสียตัวแค่ครั้งเดียว เอ๊ย สามครั้ง กูจะคิดซะว่าเป็นบาปกรรมที่กูเคยจับไส้เดือนกับแมลงสาบมาทดลองวิชาชีวะจนมันขาดใจตายในมือกู ฮือ”


               บัฟกับสมเสร็จสบตากัน ทั้งคู่ส่ายหน้าระอากับอาการดราม่าของเพื่อนสนิท


              “เรื่องนี้พวกกูแล้วแต่มึงเลยทิว แต่ว่าตอนนี้เราต้องรีบแต่งตัวไปเรียนได้แล้ว ก่อนจะขาดเรียนวิชาคาบบ่าย ไป ไอ้เหี้ยทิว หยุดคร่ำครวญแล้วไปแต่งตัว”






               ทิวไม้นั่งถ่างขาอยู่ใต้ถุนคณะด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ทั้งบั้นท้าย เอว ต้นขาแทบจะแหลกสลายเหมือนตอนถูกบังคับให้เล่นกีฬา วันนี้เขาต้องยอมหยุดไปนั่งมองแปลงดอกไม้เพราะธนดลแท้ๆ


               “เป็นอะไรวะทิว”


               เพื่อนคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องราวต่างเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของเขา ทิวไม้เป็นที่รักของเพื่อนพี่น้องในคณะราวกับเป็นสมบัติชาติ ด้วยความน่าเอ็นดูนั่นเอง


                 “ตกบันไดน่ะ”


                เป็นครั้งแรกที่ต้องผิดศีลข้อสี่ เขาจะบอกใครไม่ได้ว่าสาเหตุเพราะถูกธนดลพรากซิงไปเมื่อคืนนี้ แต่ความลับดูเหมือนจะไม่เป็นความลับเมื่อสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเป็นเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นกลายเป็นจุดเด่นดึงดูดสายตาผู้คน


                ธนดลนั่นเอง หนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆในมหาวิทยาลัยมาเยือนคณะเกษตรเป็นครั้งแรก เขาโปรยยิ้มให้กับทุกคนที่มองเขา ราวกับกำลังเดินบนพรมแดงตรงมาที่โต๊ะของทิวไม้และผองเพื่อน


                “เหี้ยทิว ผัวมึงมา”


                บัฟพูดจบชีทปึกหนาก็ลอยละลิ่วปะทะหน้าดังผลัวะ ทิวไม้แยกเขี้ยวใส่เพื่อนพร้อมกับเค้นเสียงดุ


               “จะแหกปากทำไม เอาเข็มกับด้ายกระสอบมาเย็บปากไหมไอ้บัฟ”


                 ทิวไม้ตัวแข็งทื่อเมื่อธนดลนั่งลงที่โต๊ะของเขา ท่ามกลางเสียงซุบซิบด้วยความสงสัยของคนที่รู้เรื่องอลิษามาตัดรอนทิวไม้เมื่อวานนี้ แต่อีกวันถัดมาสาเหตุที่ทำให้ทิวไม้อกหักกลับมาเยือนโดยไม่มีใครรู้ว่าเขามาทำไม


                “เป็นยังไงบ้างครับทิว”


                ธนดลจับจ้องใบหน้าของทิวไม้ด้วยความเป็นห่วง เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาเขาจัดการทิวไม้อย่างลืมตัวไปเสียสามรอบ และเมื่อพายุอารมณ์สงบลงธนดลเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทิวไม้ไม่เคยมีประสบการณ์ ร่างกายของทิวไม้จะต้องบอบช้ำเป็นแน่ อันที่จริงเขาอยากจะให้ทิวไม้พักผ่อนที่ห้องพักของเขา แต่ก็ติดตรงที่เขามีเรียนวิชาสำคัญช่วงเช้า เมื่อหมดคาบเรียนเขาจึงรีบเดินมาที่คณะเกษตรเพื่อมาหาทิวไม้โดยเฉพาะ


              “กลับไปเลยนะ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ”


               ทิวไม้กัดฟันตอบโต้ เขาจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่หลักฐานบนร่างกายและคำให้การอันเชื่อถือได้ของเพื่อนทำให้เขาโกรธธนดลมากขึ้นไปอีกเมื่อสติของเขาสมประกอบแล้ว


               “แต่ผมอยากเห็นหน้าทิวนะ เป็นห่วงด้วย คงระบมมากสินะ ก็เมื่อคืนนี้ผมรุนแรงไปหน่อย”


              “โอ๊ย กูละเพลียใจ” เพื่อนบัฟขัดคอ “มึงก็ยอมๆพี่เขาไปเหอะไอ้ทิว จะมาเล่นตัวอะไรนักหนา”


                “น้องพูดดีมาก ชื่อบัฟใช่ไหมครับ” 


                ธนดลตบไหล่บัฟเบาๆหน้าตายิ้มแย้มก่อนจะหันกลับไปหาทิวไม้


               “ผมเองก็ผิดเองด้วยที่โมโหจนไม่ได้ยั้งใจ คงเป็นเพราะทิวน่ารักนั่นแหละทำให้อดใจไม่อยู่ แต่ผมจะรับผิดชอบทิวแน่นอน”


               “พี่ไปรับผิดชอบผู้หญิงทั้งหลายที่พี่ไปฟันเพราะหลงเสน่ห์พี่เหอะ ไม่ต้องมายุ่งกับผม”


               ทิวไม้เอ่ยปากไล่แต่ธนดลไม่สนใจ เขานั่งทำหน้าตายตอบโต้


               “ผู้หญิงพวกนั้นเขาสมยอม ถือว่าได้มีความสุขร่วมกัน แต่กับทิวมันไม่ใช่ไง มันพิเศษกว่านั้น”


               “พี่แบงค์ขา”


                ธนดลที่กำลังชักจูงให้ทิวไม้ยอมรับต้องหยุดคำพูดลงเมื่อมีเสียงหวานแหลมขัดจังหวะ เขาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเดาได้ว่าเสียงใคร อลิษาคู่นอนไม่กี่ครั้งของเขาที่เคยเป็นแฟนของทิวไม้นั่นเอง


                 “ออยตามหาพี่ทั่วมหาลัยเลย โทรหาพี่แบงค์ก็ไม่รับ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ แล้วนี่มานั่งอยู่ที่นี่ได้ยังไง”


                 อลิษาส่งเสียงตะบึงตะบอนใส่ หล่อนมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองว่าไม่มีใครปฏิเสธหล่อนได้แม้แต่ธนดล แต่ไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อวานอลิษามีนัดกับธนดล หล่อนวางแผนว่าหลังอาหารมื้อเย็นจะได้ไปอยู่กับเขาทั้งคืน แต่ธนดลกลับหาโอกาสหลบเลี่ยงและอลิษาก็ตามตัวเขาไม่พบ หล่อนโมโหและกระวนกระวายตามหาชายหนุ่มเสียครึ่งค่อนวัน ก่อนที่จะมีสายสืบรายงานว่าธนดลขับรถมาที่คณะเกษตร หล่อนจึงได้ตามมาเพื่อพบว่าธนดลนั่งคุยอยู่กับทิวไม้ผู้ชายที่เพิ่งตัดรอนไป


                 “อย่าเสียงดังสิครับออย รบกวนคนอื่นเขา”


                ธนดลส่งเสียงเข้มปราม เขาไม่สนใจสีหน้าหงุดหงิดของอลิษาแม้แต่น้อย


                “งั้นพี่แบงค์ก็ไปกับออยสิคะ จะได้ไม่รบกวนคนอื่น ไปค่ะ”


                อลิษาดึงแขนของธนดลแต่อีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่ง แถมยังมองหล่อนด้วยแววตารำคาญอีกด้วย


                “พี่แบงค์ พี่จะมองออยด้วยสายตาแบบนี้ไม่ได้นะ พี่เป็นแฟนออยนะคะ”


                หล่อนส่งเสียงแว้ดใส่จนทุกคนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว ทิวไม้ทำหน้าเหวอตัวลีบเมื่อเห็นอลิษาอาละวาด


                “คุณไปกับออยสิ ออยรักคุณ เขามาบอกเลิกกับผมเพื่อไปคบกับคุณนะ”


                ทิวไม้กระซิบกระซาบ ธนดลได้ยินแล้วจึงหันไปหาอลิษาด้วยสีหน้าขรึมลง


                “ผมไม่เคยบอกว่าจะเป็นแฟนคุณ ผมบอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าเซ็กส์ของผมกับคุณคือความพอใจร่วมกัน”


                “พี่แบงค์ พูดแบบนี้ได้ยังไง” อลิษากรีดร้องไม่อายสายตาใคร “ออยสวยไม่พอเหรอ ลีลาไม่เด็ดเหรอ ทำไมถึงเป็นแฟนพี่แบงค์ไม่ได้”


                “เพราะตอนนี้ผมมีแฟนแล้ว”


               ธนดลยิ้มบางๆเมื่อกล่าวประโยคนี้ เรียกความสนใจจากผู้คนทั้งหลายที่นั่งเผือกว่าใครคือแฟนของธนดล ในขณะที่ทิวไม้สะดุ้งวาบ เขากระตุกแขนธนดลทันที


              “ไม่ อย่านะคุณ”


               “ใคร แฟนพี่แบงค์เป็นใคร อีหน้าไหนมันบังอาจ ออยจะไปตบมันให้ฟันหลุดทั้งปากเลย”


                อลิษาแทบจะเต้นเร่าๆ หล่อนโกรธจนหน้าแดง ธนดลยักไหล่พลางหันไปมองทิวไม้


               “น้องทิวไงล่ะ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมกับทิวไม้เป็นแฟนกัน ใครหน้าไหนทำให้ทิวเจ็บผมจะไม่เอาไว้แน่ๆ”


               เงียบกริบไปทั้งใต้ถุนคณะ ชาวเผือกต่างก็นั่งอ้าปากหวอไปตามๆกันเมื่อได้ยินเสียงประกาศแสดงความเป็นเจ้าของในตัวทิวไม้ ส่วนเจ้าตัวทำท่าเหมือนจะเป็นลมจนกระทั่งได้ยินเสียงกรีดร้องของอลิษา


                 “กรี๊ด บ้าไปแล้ว ไม่มีทาง พี่แบงค์ไม่ใช่เกย์นะ ไอ้ที่เอากับออยก็เด็ดมาก ไม่มีทางชอบผู้ชายด้วยกันแน่ๆ โดยเฉพาะกับทิว”


                หญิงสาวเดินอ้อมไปยังอีกฝั่งของทิวไม้และกระชากแขนเขาพร้อมกับตะคอกเสียงดัง


               “ทิว พูดออกมาว่าไม่จริง เอ๊ะ รอยที่คอนี่อะไร”


               อลิษาจ้องมองลำคอที่ยังมีรอยแดงลงเหลืออยู่ หล่อนเบิกตากว้างเมื่อเดาได้ว่าเป็นรอยอะไร


                “นี่อย่าบอกนะว่าทิวได้กับพี่แบงค์แล้ว กรี๊ด นี่มึงแก้แค้นกูใช่ไหมที่กูทิ้งมึง มึงเลยแย่งพี่แบงค์คืนไปจากกู”


                “ออย อย่า ฟังทิวก่อน”


                หญิงสาวเงื้อมือสูงเตรียมจะฟาดลงมาที่ใบหน้าของทิวไม้ แต่เมื่อฝ่ามือของหล่อนแหวกอากาศลงมากลับถูกมือของธนดลคว้าไว้ก่อนที่จะสัมผัสใบหน้าของทิวไม้ที่ยังตกตะลึงอยู่ ธนดลกัดฟันด้วยความโมโห


               “ฉันบอกเธอแล้วว่าห้ามแตะต้องทิว ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้แต่จะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองแน่”


                แม้แต่สรรพนามที่ใช้กับอลิษาก็ยังเปลี่ยนไป เขาโกรธอลิษาจริงๆที่คิดจะทำร้ายทิวไม้ ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันที่จริงจังกับทิวไม้ได้ขนาดนี้


              “ใจเย็นก่อนนะทั้งคู่”


                กลายเป็นทิวไม้ที่ต้องห้ามทัพ ท่ามกลางสายตาผู้คนชาวคณะ ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเขาตกเป็นของธนดลไปแล้ว ทิวไม้ไม่ชอบเลยที่กลายเป็นจุดสนใจแบบนี้


                 แง แม่จ๋า อายเขาจังเลยแม่


                “อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ออยใจเย็นก่อน พี่แบงค์ก็เหมือนกัน”


                “ใจเย็นอะไร ทิวแย่งผัวออย”


                “ใครเป็นผัวเธอ” ธนดลตอบโต้ “เธอจะนับรวมผู้ชายทุกคนที่ผ่านเธอมาว่าผัวไม่ได้ ขอย้ำอีกครั้งว่าอย่ามาหาเรื่องทิวอีก ไม่งั้นเจอดีแน่ ไป ทิว”


                “ดะ เดี๋ยว ไปไหน”


                ยังไม่ทันได้คำตอบธนดลก็ดึงแขนให้ทิวไม้เดินตามไปที่รถยนต์ของเขา ชายหนุ่มผลักทิวไม้ให้เข้าไปนั่งในรถก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถขับออกจากมหาวิทยาลัย ทิวไม้ตาเหลือกเขาหันไปถามธนดลเสียงสั่น


                “พี่จะพาผมไปไหน”


               ธนดลหันมองแวบหนึ่ง เขายกยิ้มที่มุมปาก


                 “เพื่อให้ทิวมั่นใจว่าพี่จะจริงจังกับทิว พี่จะพาทิวไปหาพ่อกับแม่ของพี่ไงล่ะ นั่งเฉยๆนะครับ แล้วทุกอย่างจะดีเอง”





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 3 [12/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-04-2020 00:14:09


อ่านต่อตรงนี้...




              บ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่ในอาณาเขตกว้างขวางในเขตชานเมืองหลวง จะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ไม่ผิดนัก เสียงพูดคุยของครอบครัวเจ้าของบ้านดังมาจากห้องนั่งเล่น นายไพบูลย์ผู้เป็นพ่อนั่งอ่านเอกสารในแฟ้มอยู่มุมหนึ่ง อีกมุมหนึ่งมีนางธนพรภรรยาของเขากับธมลวรรณลูกสาวนั่งดูโทรทัศน์กันอยู่


               “แบมแบม น่ารักจังเลย กรี๊ด เดี๋ยวโบว์จะไปซื้อโทรศัพท์วีโว่มาใช้นะจ๊ะ”


                บุตรสาววัยสิบแปดส่งเสียงดังลั่นจนแว่นสายตาหนาเตอะบนใบหน้าเกือบจะร่วงหล่น ธนพรผู้เป็นแม่ถึงกับมองค้อน


                “เบาหน่อยเถอะย่ะยัยโบว์ แหม เห็นเมนหน่อยเป็นไม่ได้ กรี๊ดกร๊าดตลอดลูกคนนี้ แล้วของก็ซื้อจนเต็มห้องตัวเองแล้วนะ”


               ธมลวรรณหันมายักคิ้วให้แม่เมื่อได้ยินเสียงค่อนขอด


               “แหมแม่ก็ โบว์เมนแบมแบมนี่ทำไงได้ล่ะ แม่ว่าแต่โบว์เหอะ นี่จำได้นะตอนเด็กๆที่แม่ติ่งเอสเจน่ะ ทั้งแป้งเย็นทั้งโคโลญจน์กองเกลื่อนบ้านเลย อีสาหร่ายทอดนั่นอีก กินจนโรคไตจะถามหาแล้ว”


               “อ้าว ไอ้ลูกคนนี้ เดี๋ยวคอนเสิร์ตกัซมารอบหน้าไม่ให้ไปเลยนี่”


               “โห แม่ ไม่ได้นะ ต้องไป แล้วก็จ่ายเงินค่าบัตรให้ด้วย นะคะแม่ขา”


               ธมลวรรณขยับเข้าไปประจบมารดา ธนพรยิ้มอย่างเป็นต่อ


                “แกมาติ่งวงเดียวกับแม่สิ แต่งฟิคคู่ชิปให้แม่ด้วย แล้วถ้ามีคอนนะ แม่จะออกเงินค่าบัตรเออรี่เบิร์ดอายส์วิวให้เลย”


               “แม่ ให้โบว์แต่งโดเตนล์อะนะ มันไม่มีโมเมนต์เลย แม่เอาอะไรมาฟินเนี่ย”


               ธมลวรรณหัวเราะจนคนเป็นแม่ยกมือผลักหัวเบาๆ


               “ถ้าเรามีศรัทธาบางทีโมเมนต์ก็ไม่จำเป็นย่ะ ลงเรือผีมีไม้พายทุกวันพระ แกลองมาชิปไหมล่ะตื่นเต้นท้าทายดีนะ”


               “แต่งไม่ได้หรอกแม่ อย่างโบว์ ถ้าไม่ลงเรือแต่งไม่ออก ขอกลับไปแต่งมาร์คแบมเหมือนเดิมดีกว่า”


               “ย่ะ งั้นค่าบัตรจ่ายครึ่งเดียว ที่เหลือเก็บเงินเองนะ”


               “โห แม่อ้ะ ขอพ่อก็ได้ พ่อจ๋า”


               ธมลวรรณย้ายฝั่งลุกไปอ้อนบิดา นายไพบูลย์ถึงกับโคลงหัว


               “พอกันแม่ลูกคู่นี้ งานหลักคือดูคอนเสิร์ตกันหรือไง”


              “อ้าว พ่อ พูดแบบนี้ได้ไง ทีพ่อหนีเที่ยว บินไปดูบอลศึกวันแดงเดือดที่อังกฤษแม่ยังไม่ว่าพ่อเลยนะ”


               นายไพบูลย์หัวเราะเบาๆพลางย้อนเมียเสียงนุ่ม


                “ว่าแต่พ่อ แม่นั่นแหละ บอกพ่อว่าจะไปดูงานประชุมอะไรสักอย่าง ที่ไหนได้ อยู่ๆก็เช็คอินที่งานมีตติ้งแฟนไซน์ นี่พ่อยังขำไม่หายเลยนะที่แม่หนีเที่ยว”


                เสียงพูดคุยชะงักเมื่อได้ยินเสียงเจรจาของผู้ชายสองคนดังแว่วมา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัว ธนดลบุตรชายคนโตกับหนุ่มน้อยอีกคนหน้าตาน่ารัก แต่อากัปกิริยาที่ลูกชายกำลังเป็นฝ่ายยื้อยุดท่อนแขนของเด็กหนุ่มแปลกหน้าทำให้สมาชิกในบ้านสบตากันเลิ่กลั่ก


               “มานี่เร็วทิว”


               เขาดึงแขนให้ทิวไม้เดินเข้ามาหยุดยืนต่อหน้าทุกคน


              “นี่พ่อกับแม่ของพี่ นี่ยัยโบว์น้องสาว”


               ทิวไม้ยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ยิ่งทำให้น่าเอ็นดูมากขึ้น ธนพรรีบเอ่ยถามทันที


              “แบงค์ น้องเป็นใครลูก ทำไมลากน้องมาแบบนี้ล่ะ”


               “น้องชื่อทิวไม้ครับแม่” เขายืดอกสารภาพ “เมื่อคืนนี้แบงค์ฉวยโอกาสกับทิวตอนเมา เราได้กันแล้ว และแบงค์จะรับผิดชอบทิว”


               “ไอ้พี่แบงค์” ทิวไม้โวยวายพลางหันมายิ้มแหยให้บิดามารดาของเขา “บอกแล้วไงไม่ต้องรับผิดชอบ ทางใครทางมันก็ได้ ลืมๆมันไปซะ”


                “ไม่ได้” ธนดลหันมาส่งเสียงเข้ม “พี่จะรับผิดชอบ ต่อจากนี้ไปทิวจะต้องเป็นแฟนของพี่ ขอตัวก่อนนะครับพ่อกับแม่ ขอพาทิวไปตกลงกันให้รู้เรื่องก่อน”


              พูดจบธนดลก็ลากทิวไม้เดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของเขา ท่ามกลางอาการตกตะลึงของคนในครอบครัว


               “เราได้ยินเหมือนกันทุกคนใช่ไหม”


                ธนพรเอ่ยถามเบาๆ ไพบูลย์กับธมลวรรณพยักหน้ารับ


               “เราจะมีลูกสะใภ้เป็นผู้ชาย”


              แทนที่จะโกรธ ธนพรกับธมลวรรณกลับหันมาสบตากันอย่างมีเลศนัย สักพักธมลวรรณก็วิ่งแจ้นกลับห้องของตนเองและรีบเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมา


               “ประชุมกลุ่ม ด่วนมาก”


               หญิงสาวตะโกนใส่โทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น และรอจนเพื่อนในกลุ่มเปิดเสียงกันครบ


                “อะไร อีโบว์ มึงโวยวายทำไมเนี่ย กูกำลังอาบน้ำต้องรีบเปิดเครื่อง”


                 “ใช่ กูกำลังดูซีรี่ส์เลย ถ้าไม่ด่วนนะมึง”


               “ฟัง ทุกคน ฟังกู” ธมลวรรณกรีดร้อง “พี่ชายกู พี่แบงค์พาเมียเข้าบ้าน”


                “ฮะ พี่แบงค์ ไม่นะ พี่แบงค์ต้องรอกูสิ ทำไมรีบมีเมีย”


                “มึงหยุดอีเก๋ มึงจะไม่ร้องถ้ารู้ว่าเมียพี่แบงค์เป็นผู้ชาย”


                เสียงจ้อกแจ้กจากการประชุมกลุ่มเงียบไปสองสามวินาทีก่อนจะกลับมาดังอีกครั้ง และคราวนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ต่างรุมถามธมลวรรณยกใหญ่


                “น่ารักดีโว้ย ตัวไม่สูงมาก ผอมๆ แววเคะมาแต่ไกลเลย กูละฟิน”


                “อีโบว์ ต่อจากนี้ความหวังอยู่ที่มึงนะ มึงต้องคอยสอดส่องมาเล่าเรื่องพี่แบงค์กับเมียหนุ่มให้พวกเราฟัง”


                ธมลวรรณใช้ปลายนิ้วขยับแว่นสายตาเข้าที่ด้วยความมุ่งมั่น


                 “กูสัญญา ด้วยเกียรติของเนตรนารี กูจะสอดส่องดูแลชีวิตคู่ของพี่ชายกูอย่างติดหนึบยิ่งกว่าเหาฉลาม แล้วเอามาเล่าให้พวกเราได้ฟินเลือดอาบ”


                 “ดี พวกเราฝากความหวังไว้ที่มึงนะโบว์ สาววายจงเจริญ”


                  ธมลวรรณยิ้มมุมปาก ไม่นึกว่าจะมีวันนี้ วันที่พี่ชายมีแฟนเพศเดียวกันทั้งที่ผ่านมาหล่อนต้องรบกับชะนีจำนวนมากที่มาหลงพี่ชาย ผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนั้นจะต้องเป็นแฟนธนดลแต่เพียงผู้เดียว ธมลวรรณจะไม่ยอมให้ชะนีหน้าไหนมาทำให้ทั้งคู่แยกจากกันเด็ดขาด



                                                              TBC

                                                     สาววายสายบูชาเคะ 555



                                                   :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:



หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 3 [12/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-04-2020 00:49:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆๆๆ ดราม่าครอบครัวไม่มีเลย

แถมมาทำให้แม่กับน้องสาวฟินไปอีก  555
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 3 [12/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 12-04-2020 02:10:12
ทำดีมากน้อง ส่งมาให้พี่บ้าง
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 3 [12/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 13-04-2020 19:15:58
เหาฉลาม 5555 ติดหนึบจริงๆ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 3 [12/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-04-2020 07:42:40
เป็นครอบครัวที่ฮาดีนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 3 [12/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-04-2020 11:01:21
ดราม่าในครอบครัวไม่มีเลยนะครอบครัวสุขสันต์จริงค่ะ  o13
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 20-04-2020 15:03:12

                                                     ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                 บทที่ 4



               แม่เจ้าโว้ย ห้องนอนห้องเดียว ใหญ่กว่าบ้านแม่จ๋าทั้งหลังอีกมั้ง


               ทิวไม้หน้าตื่นเมื่อถูกธนดลลากแขนเข้ามาในห้องนอนของเขา เสียงประตูปิดตามดังปังทำให้ทิวไม้สะดุ้ง เขาก้าวถอยหลังกรูดเมื่อเห็นสายตาของธนดลที่จ้องมองมา


               “ไม่ กูจะไม่ยอมโดนเสียบอีกแล้ว อ๊ากก”


               ยังไม่ทันจะหาทางหนี ธนดลก็พุ่งพรวดเข้ามารวบร่างผอมปลิวลมแล้วเหวี่ยงเบาๆไปยังเตียงนอนกว้างเด้งดึ๋งๆกลางห้อง ครั้นทิวไม้จะกระเถิบหนีธนดลก็โถมกายลงมาทับเขาไว้จนหมดหนทาง


                “คุณจะทำแบบนี้ทำไม ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาสนใจผม”


                ทิวไม้ส่งเสียงแข็ง แต่ไม่ต่างอะไรกับเสียงชิสุเห่าน่าเอ็นดูเลย ธนดลอมยิ้มพลางกดจูบหยอกเย้าที่แก้มเสียงดังฟอด ทิวไม้ถึงกับตัวแข็งทื่อ


                “ทำไงได้ล่ะ บังเอิญว่าพี่ชอบทิวเข้าแล้ว พี่มันคนดื้อเสียด้วย”


                “โอ๊ย พูดดีๆก็ได้ มาจูบกูทำไมวะ”


                 มือเล็กยกเช็ดถูที่แก้มตัวเอง เลือดมาเลี้ยงจนเปลี่ยนสีแดงไปทั้งหน้า ธนดลทำหน้าดุพลางยื้อยุดมือของทิวไม้ให้ห่างจากแก้มก่อนที่เขาจะชิงจูบไปอีกหนึ่งครั้ง


                “พูดไม่เพราะ พี่อายุมากกว่านะครับ ถ้าทิวยังพูดจาไม่เพราะพี่จะลงโทษด้วยการจูบแบบนี้ไปเรื่อยๆดีไหม”


                ทิวไม้กลอกตาไปมาครุ่นคิด หากยังดื้อดึงก็คงเสียเปรียบเช่นนี้แน่ๆ จะเอาอะไรไปสู้กับธนดลในเมื่ออยู่ในถิ่นของชายหนุ่ม แถมร่างกายก็ยังได้เปรียบกว่า ดูสิ กล้ามเป็นมัดๆ


                 “ไม่พูดก็ได้ พอใจยัง”


                 สะบัดเสียงพลางค้อนขวับ ธนดลหัวเราะถูกใจ เฮ้อ ไม่รู้ทำไมถึงถูกชะตากับผู้ชายด้วยกันมากกว่าผู้หญิงที่เคยผ่านมา อาจจะเป็นเพราะความธรรมชาติ ไม่มีจริตปรุงแต่งเหมือนผู้หญิงสมัยนี้ก็ได้


                “ดีครับ ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันให้รู้เรื่องดีกว่า”


                “คุยกันก็ปล่อยผมก่อน ไม่ต้องกอดกันก็ได้”


                ทิวไม้ผลักไหล่กว้างออก ธนดลไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับแรงเล็กน้อยนี่เลย แต่เขายอมคลายอ้อมกอดขยับให้ทิวไม้ลุกขึ้นมานั่ง โดยมีเขานั่งเผชิญหน้ากันอยู่ ธนดลกุมมือของทิวไม้ไว้ไม่ยอมปล่อย


                 “เป็นแฟนกันนะ”


                  ธนดลชวนง่ายๆ ทิวไม้ส่ายหน้าพรืด


                “ไม่ได้ คนเรามันไม่ได้เป็นแฟนกันง่ายขนาดนั้นเสียหน่อย ก่อนจะเป็นแฟนกันมันต้องเริ่มต้นที่ความรัก ทั้งสองคนต้องรักกันด้วยหัวใจ”


                  ทิวไม้ทำหน้าเคลิบเคลิ้มอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เป็นธนดลที่ส่ายหน้าบ้าง


                 “เป็นแฟนกันแล้วค่อยรักกันก็ได้ครับทิว เดี๋ยวนี้ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น”


                “เนี่ย มันถึงเป็นปัญหาสังคมไง” ทิวไม้กลับมาโหมดจริงจัง “รักกันเร็ว ได้กันเร็วก็เบื่อกันเร็ว แป๊บๆก็เลิกละ แล้วถ้าเกิดปล่อยตัวให้ท้องแล้วมีลูกล่ะ มีลูกตอนไม่พร้อมแล้วใครจะเลี้ยง กลายเป็นเด็กมีปัญหาอีก”


                 “ทิวครับ เราเป็นผู้ชายด้วยกัน สเปิร์มไม่ปฏิสนธิกันเองนะ”


                  ธนดลเอ่ยขัดคอเบาๆ ดึงทิวไม้กลับมาจากอารมณ์นักสังคมสงเคราะห์ ทิวไม้ยู่หน้าใส่ที่ถูกอีกฝ่ายเบรกหัวทิ่ม


                “นั่นแหละ กรณีของพี่แบงค์กับผมก็เหมือนกัน เราเพิ่งรู้จักกันได้วันเดียว บอกตรงๆ ผมยังไม่รู้สึกอะไรกับพี่เลย”


                “แต่เมื่อคืนทิวครางเสียงดังมากเลยนะ แล้วเราก็เข้ากันได้ดีมาก ทำกันสามรอบทิวก็เสร็จทั้งสามรอบ แล้วทิวจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรกับพี่ได้ยังไง”


                ทิวไม้ทำตาโต แก้มแดงแป๊ด เขาพยายามดึงมือที่ถูกธนดลกุมอยู่ออก แต่ไม่สำเร็จ


                “นั่นมันเมาโว้ยพี่ ไม่รู้ตัว ตื่นมาก็จำอะไรไม่ได้นอกจากเจ็บตูด เอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้”


               “ถ้าอย่างนั้นมาพิสูจน์กันไหม ว่าเราเข้ากันได้จริงๆ”


                หน้าหล่ออมยิ้มบางๆ ทิวไม้อยากจะกัดลิ้นตัวเองที่หัวใจมันสั่น ไม่ได้ ธนดลคือคนที่ทำให้เขาอกหัก จัมวรั้ยยย


               “พะ พิสูจน์ยังไงผมก็ไม่ชอบพี่อยู่ดี”


                “ก็ลองดูก่อน กล้าหรือเปล่าล่ะ”


                 ธนดลท้าท้ายเสียงนุ่มจนทิวไม้ชักจะคล้อยตาม


                “พี่แบงค์จะพิสูจน์ยังไง”


                 มือของธนดลที่กุมมือทิวไม้เลื่อนไปประคองกรอบหน้า ปลายนิ้วแตะเบาๆที่มุมปากของทิวไม้


                 “เขาบอกว่าแค่จูบก็พิสูจน์ได้ว่าคนเราคิดยังไงต่อกัน ไม่เกลียดกันจูบมันก็ไม่หวาน แต่ถ้ามีใจให้กันมันก็ต้อง สปาร์คกันบ้าง ว่าไง ทิวจะยอมให้พี่ลองจูบทิวได้ไหมครับ”


                 ดวงตาคมของธนดลจ้องมองสบตากับทิวไม้ราวสะกดจิต กลีบปากแดงเรื่อสั่นจนเจ้าตัวต้องเม้มไว้พักใหญ่


                “นะครับทิว ให้พี่จูบทิวนะ นิดเดียวจริงๆ”


                เหมือนตกอยู่ในภวังค์ขณะที่ธนดลโน้มกายเข้าหา เขาดันคางของทิวไม้ให้ยกสูงพร้อมกับที่เขาประกบปากลงไปแค่เพียงสัมผัส แต่เพียงแค่นี้ทิวไม้ก็สะดุ้งราวกับถูกไฟช็อต ธนดลฉวยโอกาสนั้นเม้มครอบครองกลีบปากนุ่มทีละนิด เขาค่อยๆแตะลิ้นตามไปและแค่แวบเดียวลิ้นร้อนก็สอดเข้าไปในโพรงปากหวานได้สำเร็จ


                  “อื้อ พี่แบงค์”


                มืออ่อน แขนอ่อนไปหมด เรี่ยวแรงละลายหายไปหมดสิ้นจนธนดลรวบร่างของเขาเข้าสู่อ้อมกอด ทิวไม้กำลังงงงวยไปกับจูบของธนดล เบื้องนอกทาบทับขบเม้ม ด้านในตวัดลิ้นคลุกเคล้า และไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองนั้นยกมือวางแนบไปกับบ่ากว้างข้างหนึ่ง ยกคล้องคอธนดลไว้อีกข้างหนึ่งแถมยังพริ้มตาไปกับจูบช่ำชองเสียด้วย


               “หวานจัง”


               หูแว่วเสียงพึมพำอย่างถูกใจดังมาจากคนจูบ ทิวไม้ไร้เดียงสาเสียจนธนดลเอ็นดูเหลือเกิน เขาโอบทิวไม้ขึ้นมานั่งอยู่บนตัก มือร้อนดึงชายเสื้อนักศึกษาออกจากกางเกงแล้วสอดเข้าไปโดยที่ทิวไม้ไม่ทันระวัง


                “ฮัก อื้อ พี่แบงค์”


                ลมหายใจกระชั้นเมื่อธนดลผละจากเรียวปากลงสู่คางมน มือที่สอดเข้าไปในเสื้อไต่ซุกซนด้านในแตะต้องตุ่มไตแล้วปั่นด้วยปลายนิ้ว ทิวไม้ผวาแหงนหน้าสูงเปิดทางให้ธนดลเม้มลงตรงซอกคอ และไม่รู้ตัวเลยว่าธนดลวางเขาจนแผ่นหลังสัมผัสกับที่นอนนุ่มตอนไหน


                “ยังเจ็บจากเมื่อคืนใช่ไหมครับทิว”


                เขากระซิบเสียงหวาน ทิวไม้ที่ยังเผลอกอดร่างหนาไว้แน่นพยักหน้าตามสัญชาตญาณ


                “ถ้าอย่างนั้น ให้พี่ช่วยข้างนอกนะครับ พี่จะไม่ล่วงเกินทิวแน่ๆ พี่สัญญา”


                 “มะ ไม่ ยะ อย่า อื้อ”


                 เสื้อนักศึกษาถูกเลิกสูงไปปิดบังใบหน้าไว้ไม่ให้ทิวไม้มองเห็นว่าเขาจะทำอะไร อวดเนื้อกายเนียนให้เห็น ธนดลกลืนน้ำลายอึกใหญ่แต่เขาพยายามห้ามใจเพราะรู้ว่าทิวไม้ยังบอบช้ำจากบทรักเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เขายังใช้ปลายนิ้วสัมผัสยอดอกสีชมพูเข้มคล้ายขยี้สำลี มืออีกข้างปลดรูดซิปกางเกงนักศึกษาลงจนมองเห็นเจ้าน้องชายของทิวไม้ที่อึดอัดอยู่หลังกางเกงชั้นใน


                 ธนดลดึงมันออกมา เขาเองก็ไม่เคยทำเช่นนี้ให้ใครมาก่อน เขาเชี่ยวชาญกับผู้หญิงแต่ไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชาย บอกตรงๆว่าระหว่างนั่งเรียนคาบเช้าเขาไม่มีสมาธิเลย จนต้องแอบเปิดโทรศัพท์ดูคลิปโป๊ของชายกับชาย ก่อนหน้านี้วันหนึ่งธนดลไม่เคยคิดเฉียดกรายคลิปพวกนี้ แต่หลังจากได้พบทิวไม้เขาก็ต้องเปิดดูเพื่อจะศึกษาว่าบทรักของชายกับชายเขาปฏิบัติต่อกันเช่นไร และเขาจะทดลองกับทิวไม้ในตอนนี้


                ดึงเจ้าน้องชายของทิวไม้ออกมาจนได้สูดอากาศ ธนดลกอบกุมไว้ในมือหลวม รู้สึกได้ถึงแรงขัดขืนเบาๆจากทิวไม้


               “พี่แบงค์ จะทำอะไร อึก เบาพี่อย่าบีบ”


                “ทิวอยู่เฉยๆนะครับ พี่จะทำให้ทิวสบายตัว”


                “ตะ แต่ว่า”


                “เชื่อพี่นะ”


                ธนดลดึงเสื้อนักศึกษาที่ทิวไม้พยายามเปิดออกให้บังใบหน้าของเขาไว้อีกครั้ง ธนดลยึดชายเสื้อไว้ให้ปกคลุมไม่ยอมหลุด ขายาวคร่อมลงไปบนต้นขาของทิวไม้แล้วออกแรงกดให้ร่างผอมบางดิ้นหนีไม่ได้ ขณะที่เขาก้มหน้าลงไปเปิดปากส่งลิ้นมาสัมผัสปลายมนสีสวยเบาๆ


                “อื้อ พี่แบงค์ อะไรน่ะพี่”


                ทิวไม้ส่งเสียงแหบพร่าถามแต่ก็ไม่ได้คำตอบ เขามองไม่เห็นอะไรนอกจากเสื้อสีขาว ครั้นจะดิ้นท่อนแขนหนาก็วางพาดอยู่ตรงใต้ลำคอกดรั้งไว้ ด้านล่างก็ถูกท่อนขาเบียดทับ เขาสะดุ้งเมื่อรู้สึกได้ว่าตรงนั้นถูกอะไรบางอย่างเย็นชื้นไล่เลียตั้งแต่ปลายลงมาถึงโคน


               “โอ๊ย อะไรน่ะพี่แบงค์”


                ความเย็นนั้นชื้นนั้นสร้างความกระสันจนต้องสูดปาก ตอนแรกมันไล่ขึ้นลงปลายยันโคน โคนยังปลาย ต่อมามันก็สนุกอยู่ตรงส่วนหัวขบๆเม้มๆจนทิวไม้เด้งเอวเข้าใส่อย่างอัตโนมัติ


               “อู๊ยยย เสียวโว้ย”


                มันเย็นชื้นงับเข้าใส่ทันทีจนครอบเจ้าน้องชายของทิวไม้ไว้มิด แล้วมันก็รูดรั้งขึ้นลงเมามัน ไม่ใช่สิ ทิวไม้ต่างหากที่เมามัน เขาเด้งเอวใส่มันพลางส่งเสียงครางฮืออย่างกลั้นไม่อยู่ พักใหญ่ความปวดร้าวที่ท้องน้อยก็เกิดขึ้น เขาดิ้นพล่านด้วยความทรมาน


                “โอ๊ย ปวด พี่แบงค์ ไม่ไว้แล้วโว้ย”


                ฉ่า....


               ทิวไม้เกร็งตัวค้างในท่าที่แอ่นเอวเข้าสู่ความเย็นชื้นนั้นเมื่อร่างกายปลดปล่อยเอ็นโดรฟินออกมาจากเจ้าน้องชายของเขาเข้าสู่ความเย็นชื้นที่ว่า ทิวไม้หอบเหนื่อยเหมือนวิ่งรอบแปลงผักสักสิบรอบกว่าจะตั้งสติได้ ตอนนั้นที่แขนและขาของธนดลคลายจากร่างของเขา ทิวไม้จึงได้เปิดเสื้อออกจากหน้าแล้วลุกพรวดขึ้นมานั่ง เขาอ้าปากค้าง


                 ธนดลนั่งอมยิ้มอยู่ข้างกาย รอบริมฝีปากมีหยดน้ำสีขาวไหลซึมอยู่ ไอ้น้ำที่ว่าถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นไอ้น้ำเอ็นโดรฟินที่เขาเพิ่งฉีดออกไปแน่ๆ งั้นหมายความว่า....


                “พี่ทำเหี้ยอะไรเนี่ย”


               ธนดลยกมือใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำของทิวไม้ออกจากมุมปาก รสชาติของทิวไม้ก็ไม่เลวเหมือนกัน กินบ่อยกว่านี้ก็ยังได้


               “พี่แค่พิสูจน์ไง ว่าเราเข้ากันได้ดี เมื่อคืนนี้อาจเป็นเพราะเมา แต่ตอนนี้เรามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนกันทั้งคู่ แล้วเห็นหรือเปล่าว่าพี่ทำให้ทิวถึงไคลแม็กซ์”


               ทิวไม้หน้าแดงก่ำยิ่งกว่ามะเขือเทศสุก จะแก้ตัวก็ไม่รู้จะกล่าวว่าอะไรเพราะเขาโกหกไม่เก่ง ได้แต่มองธนดลอย่างหมั่นไส้ที่ถูกเขาช่ำชองฉวยโอกาสอีกครั้ง ธนดลยิ้มประจบ


               “เอางี้ ยังไม่เป็นแฟนก็ได้ พี่ขอโอกาสให้พี่ได้ทำคะแนนจีบทิวได้ไหม นะครับ”


                ก็พอเข้าท่าหน่อย แต่ เอ๊ะ ทำไมกูต้องใจอ่อนกับไอ้เสียงออดอ้อนนี่ด้วยวะ


                “เอ่อ ถ้าแค่นั้นก็ได้”


               ตอบเสียงอ้อมแอ้มออกไปพลางก้มหน้างุด ธนดลยิ้มกว้างยินดี เขาหยิบกระดาษมาซับทำความสะอาดก่อนรูดซิปกางเกงกลับคืนให้ทิวไม้ก่อนกุมมือเรียวไว้แน่น


                “ตกลงกันได้แบบนี้ก็ดี ถ้าอย่างนั้นเราไปคุยกับพ่อแม่กันนะ เมื่อกี้รีบร้อนจนไม่ทันได้คุย”


                “พี่แบงค์” ทิวไม้ยั้งมือเขาไว้ “พ่อกับแม่พี่ไม่ว่าเหรอ ที่พี่ เอ่อ จะจีบผม”


                 ธนดลโยกหัวทิวไม้เบาๆ


                 “น่า ลองไปคุยดูก่อนว่าพวกท่านจะว่าหรือเปล่า มาเถอะ”


                 ดึงแขนให้ทิวไม้ลุกเดินตาม ธนดลเปิดประตูไปกระแทกกับอะไรบางอย่างดังผลัวะ ได้ยินเสียงอุทานดังมาจากหลังประตู เขารีบหันไปมองทันที มองเห็นธมลวรรณนั่งแอบอยู่ข้างประตูด้านนอก เขาตกใจเมื่อเห็นน้องสาวมีเลือดไหลออกจากจมูกหยดติ๋ง





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 20-04-2020 15:12:54


อ่านต่อตรงนี้...




                “ไอ้โบว์ แกมานั่งหน้าห้องพี่ทำไม ประตูชนเจ็บไหมเนี่ย เอ้า เลือดไหลออกจมูก ไปโรงพยาบาลไหม”


                 ธมลวรรณยกมือห้าม หญิงสาวปฐมพยาบาลตัวเองด้วยการก้มหน้านั่งตัวตรงใช้นิ้วบีบจมูกไว้


                 “อย่าพี่แบงค์ ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะโบว์ นี่สบายดีแต่กำเดาไหล เอ๊ย ช่างเหอะ พี่จะไปหาพ่อกับแม่ก็ไปเหอะ”
ธนดลหรี่ตามองน้องสาวอย่างรู้ทัน


                 “สรุปแกมานั่งทำอะไรหน้าห้องพี่”


                “โบว์มาหาข้อมูลไปแต่งฟิค เดินมาหน้าห้องพี่แบงค์แล้วเมื่อยไงเลยนั่งพัก ไปไป๊ จะพาพี่สะใภ้ไปไหว้พ่อแม่อย่างเป็นทางการก็ไป”


                 ธมลวรรณเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวาน หล่อนมองผ่านแว่นหนาจ้องหน้าทิวไม้ ยิ่งมองพี่สะใภ้ยิ่งน่ารัก หล่อนมันวายสายบูชาเคะเสียด้วย


                 “ตามสบายนะคะพี่สะใภ้ ไม่ต้องเกรงใจโบว์ เอ่อ เสียงพี่สะใภ้หวานมากเลยค่ะ ว้ายย อายโว้ย”


                  พูดจบธมลวรรณก็ลุกพรวดพราดเดินหนี ทิวไม้ยิ่งงงหนัก เขายังไม่ได้พูดอะไรกับน้องสาวของธนดลสักคำแล้วทำไมธมลวรรณถึงบอกว่าเขาเสียงหวานได้หว่า


                 “แก่แดดแก่ลมไอ้น้องคนนี้ เฮ้อ ไปครับทิว”


                 ธนดลจูงแขนทิวไม้ให้เดินย้อนกลับมายังห้องเดิมที่บิดามารดานั่งอยู่พลางยิ้มเจื่อน เขาดึงแขนให้ทิวไม้นั่งเคียงคู่เขา ธนพรมองเขาตาเขียว


                  “ไงยะไอ้ตัวดี มาถึงก็ประกาศตัวแฟนแล้วก็ลากแฟนเข้าห้อง ไม่ต้องสนใจพ่อแม่กันล่ะ”


                   “ขอโทษครับคุณแม่คนสวย ก็พาน้องไปตกลงกันก่อนไง ตกลงกันได้แล้วถึงพามาเนี่ย แนะนำอีกที น้องชื่อทิวไม้ครับ เรียนคณะเกษตรปีสอง”


                   ทิวไม้ยกมือไหว้บิดามารดาของธนดลอีกครั้ง ผู้เป็นพ่อยิ้มใจดียกมือรับไหว้ ส่วนแม่ลูบหลังลูบไหล่ยิ้มแย้ม


                 “โอ๊ย เรียนเกษตรได้ไงไม่น่าเชื่อ หน้าตาน่ารักจังลูก แล้วไปเจอไอ้แบงค์มันที่ไหนล่ะเนี่ย”


                  คราวนี้ยิ้มแหยทันที จะให้เล่าหรือว่าเขาไปหาเรื่องจนถูกธนดลปล้ำทำเมีย


                “เจอกันในผับเมื่อคืน น้องไปกับเพื่อนครับ น้องเมาแล้วผมฉวยโอกาสเอง ตอนนี้สำนึกผิดแล้วเลยอยากจะทำดีไถ่โทษ ก็เลยขอทิวเป็นแฟนแต่ทิวไม่ยอม ให้ดูใจกันไปก่อน แม่ช่วยพูดให้ทิวยอมเป็นแฟนผมหน่อยสิ”


                  “อย่าไปยอมมันง่ายๆลูก” ธนพรยุส่ง “แม่เข้าข้างทิว ไอ้แบงค์มันนิสัยไม่ดี ทิวดูใจมันไปนานๆให้มันทรมานสักพักค่อยตอบตกลงเป็นแฟนมันนะลูก”


                 “อ้าวแม่” ธนดลเอียงคอมองมารดา “ดีเนอะ ไม่เข้าข้างลูกเลย”


                  “ลูกมันดื้อ นิสัยไม่ดี ต้องเข้าข้างลูกสะใภ้สิยะ แต่ทิวลูก ยังไม่เป็นแฟนไอ้แบงค์แต่ห้ามไปมีคนอื่นนะ แม่ถูกชะตาจองให้ไอ้แบงค์มัน”


                  “อะไรของแม่เนี่ย” คราวนี้บิดาขัดคอบ้าง “ไม่ให้เป็นแฟนแต่ไม่ให้มีคนอื่น พ่องง”


                   “ก็ดัดนิสัยไอ้ลูกชายตัวดีไง เจ้าชู้ดีนัก ให้มันแอ๊วไม่ติดบ้าง ดีสมน้ำหน้า”


                  ธนดลยิ้มกว้าง เขาถอนหายใจที่บิดามารดาไม่ได้มีทีท่าโกรธเกลียด ซ้ำยังชอบใจทิวไม้ด้วย เขากอดธนพรแน่นจนมารดาหายใจไม่ออก


                 “ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะครับที่เข้าใจ แค่นี้ผมก็สบายใจที่จะทำคะแนนจีบทิวแล้ว แต่ตอนนี้ต้องพาทิวกลับก่อน”


                ทิวไม้ยกมือไหว้อย่างขัดเขินที่ธนดลเอ่ยปากแนะนำเขากับบิดามารดา ธนพรพูดกับเขาอย่างมีเมตตา


                “ให้ไอ้แบงค์พามาหาแม่บ่อยๆนะทิว ทำตัวตามสบายเวลาอยู่บ้านนี้นะลูก แค่กๆ”


                 ธนพรโบกมือไล่ลูกชายให้ไปส่งทิวไม้ ธนดลจึงจูงมือร่างผอมไปที่รถยนต์ของเขา


                 “เฮ้อ สบายใจจัง ทิวครับ ต่อจากนี้ไป พี่จะเดินหน้าจีบทิวอย่างเป็นทางการแล้วนะ”


                เจ้าของความหล่อที่ล่ำลือกันทั่วมหาวิทยาลัยเอ่ยเสียงใสก่อนจะขับรถยนต์คันหรูพาทิวไม้กลับมหาวิทยาลัย




                                                                      TBC



                                   :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2:

หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-04-2020 18:07:34
 :jul1:. คนพี่รวบรัดไวเว่อร์ คุณแม่พูดถูกทุกอย่างเลยค่ะ ถูกใจ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 20-04-2020 21:49:17
เอามาอวดให้ที่บ้านเสร็จก็พากลับ ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 20-04-2020 23:14:36
"สเปิร์มไม่ปฏิสนธิกันเองนะ” 5555 ไอ้พี่แบงค์พูดถูกใจ เอาไป 5 บาท  :laugh:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-04-2020 00:00:10
ขุ่นแม่น่ารักมาก เอ็นดูว่าที่สะใภ้ซะลูกชายน้อยใจได้เลยนะเนี่ย  :laugh:

หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-04-2020 09:23:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

น้อน...ใจง่ายไปไหม 

แค่เล้าโลมนิดเดียวเองเตลิดเลย  555
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 22-04-2020 19:59:35
 :o8:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 22-04-2020 22:20:06
 :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 4 NC เบาๆ [20/04/63]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-04-2020 23:26:59
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-06-2020 00:10:46




                                                  ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                  บทที่ 5


         “พี่แบงค์ไปส่งผมที่ด้านหลังคณะ”


          ทิวไม้ออกคำสั่งตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ แต่ธนดลก็ยอมทำตาม เขาขับรถไปยังพื้นที่ด้านหลังที่มีชมรมไม้ประดับตั้งอยู่


           “ทิวมาทำอะไรที่นี่”


            ธนดลเอ่ยถามเมื่อมาถึงที่ตั้งของชมรมเล็กๆแต่มีพื้นที่กว้างอยู่ด้านหลังอาคารของคณะเกษตร ท่ามกลางพื้นที่กว้างนั้นมีแปลงดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานอยู่หลายแปลง


            “ผมเป็นสมาชิกชมรมนี้ไง เมื่อวานมัวแต่เสียใจเรื่องออย ก็เลยไม่ได้มารดน้ำลูกๆ”


              ธนดลจอดรถหน้าชมรมที่ยังไม่มีสมาชิกมา เขาหันไปมองสบตากับทิวไม้พลางดึงมือเรียวมากุมไว้


             “ขอโทษอีกครั้งที่พี่ทำให้ทิวเสียใจเรื่องออย แต่นับจากวันนี้พี่จะกลับตัว จีบทิวคนเดียวจะไม่มีคนอื่นอีก”


             แก้มขึ้นสีฝาดทันที เกิดมาไม่เคยมีใครมาสนใจคนอย่างเขา แต่ในวันนี้กลับมีผู้ชายแสนเพอร์เฟ็คมาเปิดตัวว่าจะจีบทำให้ทิวไม้ไม่รู้จะวางตัวอย่างไร


             “ถามจริง พี่ชอบผมตรงไหนวะ”


              อยากรู้จริงๆ เพราะทิวไม้รู้ว่าตัวเองไม่ได้มีเสน่ห์อะไรสักอย่าง การที่ธนดลมายุ่งกับเขา อาจจะเป็นแผนการอะไรบางอย่างก็ได้


              “ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้นแหละ”


             ธนดลพูดออกมาอย่างรู้ทัน เขาหัวเราะเบาๆ มือวางบนกลุ่มผมนุ่มของทิวไม้โยกเบาๆด้วยความเอ็นดู


             “รู้หรือเปล่าว่าทิวน่ะ เป็นคนที่คิดอะไรก็แสดงออกมาทางสายตาทุกอย่าง เดาใจได้ง่ายมากเลย ส่วนที่ถามว่าพี่ชอบทิวตรงไหน ก็ตรงที่ทิวไม่มีพิษมีภัยนี่แหละ มันบริสุทธิ์จนพี่ไม่นึกว่าจะมีคนแบบนี้บนโลก บริสุทธิ์ทั้งความคิดแล้วก็ร่างกาย”


              ธนดลเชยคางทิวไม้ขึ้น เขามองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเป็นประกาย


             “พี่พูดถูกใช่ไหม ทิวเป็นของพี่คนแรกใช่หรือเปล่า”


             “โอ๊ย ถามอะไรอย่างนั้นเล่า”


              ทิวไม้ยกมือเกาหัวแกรกๆ เขาหลบตาด้วยความกระดากอาย


             “งั้นพี่ถามทิวบ้าง ที่บอกว่าเป็นแฟนออยน่ะ เคยทำอะไรออยไหม กอดจูบหรืออะไรที่มากกว่านั้น”


              ทิวไม้ส่ายหน้าแรง ดูยุ่งยากใจในการตอบคำถาม


             “ผมจะทำงั้นได้ไง ผู้หญิงเขามีพ่อมีแม่ ไปทำรุ่มร่ามแบบนั้นเขาจะเสียหายน่ะสิ”


               หากธนดลกลอกตาเป็นเลขแปดสักสามรอบได้เขาก็จะทำกับคำตอบนั้น ทิวไม้เป็นวัยรุ่นที่มีความคิดโบราณผิดจากคนวัยเดียวกันที่รวดเร็วในความสัมพันธ์ จนธนดลยิ่งรู้สึกผิดที่สร้างตราบาปให้กับทิวไม้


         “เฮ้อ มิน่าล่ะ ออยถึง เอ่อ...ช่างเถอะ ว่าแต่ทิวจะรดน้ำต้นไม้ไม่ใช่เหรอ ให้พี่ช่วยนะ เราสองคนจะได้เรียนรู้กันยังไงล่ะ”


            ทั้งสองเปิดประตูลงจากรถยนต์แล้วก้าวเดินไปยังแปลงดอกไม้ ทิวไม้เปิดน้ำจากสายยางให้สายน้ำพุ่งกระจายให้แก่สีสันที่กระจายตัวอยู่บนแปลงดิน ยิ่งได้อยู่กับธรรมชาติเขายิ่งเป็นตัวของตัวเอง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขทำให้ธนดลยิ่งรู้สึกว่าเขาชอบทิวไม้มากขึ้นเรื่อยๆ


            “ไอ้ทิว วู้ มึงอยู่นี่เอง ไอ้พี่แบงค์ลากมึงไปไหนมาวะ อ้าว ตายห่ะ”


             เสียงเพื่อนสนิทหนึ่งในสองดังขึ้น และเมื่อเห็นว่าธนดลนั่งอยู่ที่โต๊ะมองทิวไม้อยู่ทั้งคู่ก็ยิ้มแหย


            “อ้าว อยู่ด้วยหรือครับพี่ แหะๆ”


             ธนดลยิ้มผูกมิตรเมื่อเห็นบัฟกับสมเสร็จเดินตรงเข้ามา รุ่นน้องต่างคณะทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะไม้กับเขา


              “พี่พาเพื่อนผมไปไหนมา ผมแม่งเป็นห่วงมันจะตายห่า”


               สมเสร็จเอ่ยถาม เมื่อธนดลพาทิวไม้แยกไปจากอลิษา สาวเจ้าก็หวีดร้องจนกลายเป็นจุดสนใจ แต่หล่อนก็ไม่สน สายตาจับจ้องแต่ธนดลกับทิวไม้ที่ขึ้นรถยนต์จากไป


             “ผมพาทิวไปที่บ้าน ไปแนะนำให้พ่อกับแม่ได้รู้จัก”


          บัฟกับสมเสร็จมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปทางต้นเหตุของเรื่องที่ยังมีความสุขท่ามกลางดอกไม้ของเขาด้วยความเป็นห่วง


           “พี่ เอาเพื่อนผมจริงเหรอ ไม่ใช่ว่าหลอกฟันทิ้งนะ”


             บัฟที่ท่าทางห้าวกว่าเอ่ยถามจริงจังกว่าเคย ธนดลจึงตอบเสียงจริงจังตามไปด้วย


             “จริง ผมถูกชะตาตั้งแต่ทิวเดินมาหาเรื่องผมที่ผับแล้ว พอเหตุการณ์มันเกินเลยผมก็ยิ่งสงสารและชอบทิว”


             ธนดลหันไปมองทิวไม้


              “แต่ทิวใสซื่อเหลือเกิน”


             “ใช่พี่ แม่งซื่อจนเกือบจะโง่แล้วเพื่อนผมน่ะ”


             บัฟพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย ธนดลหันกลับมาโปรยยิ้มอ่อน


              “นั่นสิ ถ้าผมจะจีบทิวคงต้องมีผู้ช่วย น้องสองคนจะเป็นผู้ช่วยให้ผมได้ไหม รับรองว่าผมไม่ให้เหนื่อยฟรีแน่ ถ้าทิวยอมเป็นแฟนกับผม ผมมีรางวัลให้”


              สมเสร็จเบิกตากว้าง


              “นี่พี่คิดว่าผมจะเอาเพื่อนแลกรางวัลเหรอ”


             “จะหาว่าผมใช้เงินผมก็ไม่ปฏิเสธนะ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบแทนบัฟกับสมเสร็จยังไงดีให้เหมาะกับการที่ผมได้ทิวไม้มาเป็นแฟน เอาเป็นว่าถ้าบัฟกับสมเสร็จทำสำเร็จ ผมจะไปเปิดเหล้าให้ที่ผับแถวทองหล่อแบบเรียงร้านไปเลย หรือว่าถ้าอยากได้รางวัลเป็นเงินสดผมก็ให้ได้ คนละหมื่นเป็นไง หรือจะเอาทั้งเหล้าทั้งเงินก็ได้”


              บัฟกับสมเสร็จอ้าปากค้างมองธนดลราวกับเขาเสียสติ แต่ธนดลก็ยังมีสีหน้าจริงจัง ทั้งคู่หันไปปรึกษากัน


              “บัฟ มึงจะขายเพื่อนแลกเหล้าที่ทองหล่อจริงหรือวะ”


              บัฟเหลือบตามองธนดลแล้วหันกลับไปหาเพื่อน

 
                “แล้วมันมีอะไรเสียหายวะสมเสร็จ ไหนๆไอ้ทิวมันก็เสียตัวให้พี่เขาไปแล้ว จะให้เพื่อนเสียตัวฟรีเหรอ ไอ้พี่ก็แม่งทั้งหล่อทั้งรวย มึงคิดว่าไอ้ทิวมันจะหาแบบนี้ได้ที่ไหนอีก ส่งเสริมให้เพื่อนได้ในสิ่งที่ดี แล้วเราก็มีลาภเข้ากระเป๋า มึงไม่ยอมทำเหรอวะ”


              สมเสร็จยิ้มแห้ง


             “กูตกลงตั้งแต่เหล้าที่ทองหล่อแล้ว พูดแล้วแม่งเปรี้ยวปากสัสๆ”


             “เหี้ย แล้วมึงจะมาถามกูทำไม”


             เพื่อนสนิทของทิวไม้เงยหน้าขึ้น ทั้งคู่ยิ้มแป้นให้ธนดล


              “ตกลงครับพี่ เราจะช่วยพี่ให้ได้ไอ้ทิวไปเป็นเมียเอง”


              คู่สัญญาทั้งสามต่างก็จับมือแสดงความยินดีกับสัญญาที่เกิดขึ้นโดยที่ทิวไม้ไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย





มีต่ออีกนิด..



หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-06-2020 00:17:09



อ่านต่อตรงนี้...



         ตกเป็นข่าวครึกโครมทั้งมหาวิทยาลัย ว่านักศึกษาคนดังที่มีคนติดตามมากมายในเพจคิ้วบ์บอยประกาศเป็นแฟนกับรุ่นน้องชายต่างคณะเมื่อวานที่ผ่านมา ทิวไม้แทบจะเดินขาขวิดมามหาวิทยาลัยในเช้าวันนี้เพราะเกือบทุกสายตาพุ่งตรงมาที่เขา


           “กูเกือบจะสะดุดหกล้มหลายทีแล้วสัส”


            ทิวไม้บ่นเมื่อมาถึงคณะเกษตร เพราะความคุ้นเคยกับสถานที่และพี่น้องคณะเดียวกันทำให้พอจะหายใจหายคอคล่องขึ้นบ้าง


            “น่า อีกหน่อยก็ชิน ต่อไปมึงต้องเป็นเมียคนดัง ควรจะทำตัวให้ชินไว้นะ”


             หันไปมองบัฟแล้วแยกเขี้ยวใส่ ทิวไม้ส่งเสียงโล้งเล้งด่าเพื่อน


              “ใคร มึงว่าใครเป็นเมีย กูนี่แมนทั้งแท่ง มึงอยากดูแท่งกูไหมล่ะเหี้ยบัฟ”


               บัฟส่ายหน้าอย่างระอา


             “กูเห็นแท่งมึงที่หอจนเบื่อแล้วเหอะ แต่ถ้ามึงอยากให้คนอื่นเห็นด้วยก็เปิดเลยไอ้ทิว”


              เสียงสนทนาหยุดลงเมื่อทิวไม้มองเห็นกลุ่มเด็กสาวในชุดมัธยมปลายสองสามคนก้าวเข้ามาที่ใต้ถุนคณะแห่งนี้ หนึ่งในกลุ่มจำได้ว่าคือน้องสาวของธนดล


              “น้องโบว์นี่หว่า”


              เด็กสาวยิ้มแป้นรีบเดินนำกลุ่มเพื่อนมายังโต๊ะที่ทิวไม้นั่งอยู่


              “สวัสดีค่ะพี่สะใภ้ นี่ไงพวกมึง พี่สะใภ้กู รีบบูชาเร็วเข้า”


               ทิวไม้รีบรับไหว้ท่าทางเงอะงะก่อนจะแนะนำให้บัฟกับสมเสร็จรู้จักด้วย


               “น้องโบว์เป็นน้องสาวพี่แบงค์น่ะ คนนี้ชื่อพี่บัฟ คนนี้ชื่อพี่สมเสร็จนะครับ”


              “ดีค่า โบว์พาเพื่อนมาดูหน้า เอ้ย ทำความรู้จักพี่สะใภ้ คนนี้ชื่อเก๋ คนนี้ชื่อแป้งค่ะ เราสามคนอยู่ลัทธิสาววายบูชาเคะ


               คำแนะนำตัวของธมลวรรณทำให้สามหนุ่มมองหน้ากันเหรอหรา สาวน้อยในชุดนักเรียนมัธยมปลายต่างก็มองทิวไม้แล้วมีสีหน้าเขินอาย


               “โบว์ พี่ใภ้มึงน่ารักอ้ะ กูเห็นแล้วฟินว่ะ โอ๊ย แค่จิ้นตอนอยู่กับพี่แบงค์แล้วกำเดาจะไหล”


              เพื่อนชื่อเก๋กระซิบกระซาบ ธมลวรรณทำหน้าปลื้มปริ่ม


              “ใช่มะ เลือดสีม่วงของกูไหลไปแล้วโว้ย คงต้องสำรองเลือดไว้ชุดใหญ่”


              ทิวไม้ยังคงไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างไรธมลวรรณก็รู้จักกับเขา


              “นั่งกันก่อนนะครับ พี่ไปซื้อน้ำมาให้”


               เมื่อทิวไม้ลุกไปแล้ว บัฟกับสมเสร็จจึงกระซิบกันบ้าง


              “น้องพี่แบงค์แม่งน่ารักว่ะ สาวแว่นด้วย”


              “ไม่ได้นะมึง ยังใส่ชุดม.ปลายอยู่เลยไอ้บัฟ”


               สมเสร็จรีบเอ่ยเตือนเพื่อน บัฟจุ๊ปาก


                  “แค่แอ๊วมึง หนุกๆ อย่าคิดมาก สาวแว่นคือนิพพานโว้ย เอ่อ น้องครับ เป็นสาววายกันหรือครับ พี่ก็เป็นหนุ่มวายนะครับ”


               บัฟยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ธมลวรรณมองกลับอย่างรู้ทัน เด็กสาวใช้นิ้วดันแว่นเข้าที่พลางยิ้มมุมปาก


                “ดีจังพี่ พี่เป็นหนุ่มวายด้วย เป็นยาโอยหรือยูริคะ”


                  บัฟกะพริบตาปริบๆ ใจชักเขว ยาโอย ยูริ มันคืออะไรวะ เคยได้ยินแต่วายๆนี่แหละ


                 “เอ่อ ยะ ยาโอยครับน้อง”


                  “โอ้โห ไม่น่าเชื่อ แล้วอยู่สายเคะหรือเมะคะ”


                 เหงื่อเริ่มผุดออกมา บัฟหันไปมองสมเสร็จเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เพื่อนส่ายหน้าปฏิเสธ บัฟเริ่มยิ้มแห้ง


                 เอาไงดี เอาไง เมะ เคะ เมะ เคะ จิ้มอันไหน


                 เมะ แมน เคะ ควีน มั้ง


                 “อ่า พี่สายเมะ”


                 “แล้วพี่ชอบโชตะค่อนหรือโอจิค่อนล่ะ”


                 ธมลวรรณทำตาใสแป๋วเอ่ยถามเสียงใส ขณะที่เก๋กับแป้งก้มหน้าหัวเราะคิกคัก


                 “โอจิค่อน!”


                  เด็กสาวทำตาโตใสซื่อ


                 “ว้าว สายลุงเหรอเนี่ย เอสเอ็มด้วยไหมพี่”


                   “เอสเอ็ม ค่ายเพลงเกาหลีเหรอ อ๋อ พี่ชอบจีดีบิ๊กแบง”


                  อันนี้พอได้ บัฟสายเกาโว้ย


                  “ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ค่ายเพลง พี่ชอบเอสหรือเอ็ม”


                   “เอ่อ เอ็มก็ได้ พี่ชอบเอ็ม” (หมายถึงเอ็มร้อยป่าววะ)


                  “โห พี่เป็นเมะที่ชอบสายลุงแถมยังเป็นเอ็มด้วย”


                  ต่อมเหงื่อของบัฟผลิตออกมาเรื่อยๆเมื่อถูกเด็กสาวไล่จนแต้ม ดีที่ทิวไม้เดินกลับมาพร้อมขวดน้ำหลายขวด


                  “มาแล้วครับ ดื่มน้ำกันให้ชื่นใจ แล้วนี่ไม่มีเรียนกันเหรอ”


                 “ใกล้สอบเข้ามหาลัยแล้วค่ะ พวกหนูอยู่ม.6 ไปเรียนมั่งไม่ไปมั่ง รอสอบอย่างเดียว”


                  เด็กสาวแย่งกันตอบขณะที่บัฟกับสมเสร็จนั่งหน้าจ๋อย สมเสร็จรีบสมน้ำหน้าเพื่อน


                  “ไงล่ะมึง เสือกไปยุ่งกับสาววาย ตอบเหี้ยอะไรไปมั่งก็ไม่รู้ ไม่ต้องมาทำหน้าเด๋อไอ้เหี้ย กูไม่สงสาร”


                 บัฟยิ้มแห้ง ไม่น่าไปยุ่งกับสาววายเลย พับผ่า


                “แล้วนี่มาหาพี่ทำไมเหรอ”


                 ทิวไม้เอ่ยถาม เด็กพวกนี้น่ารักดี มองเขาแล้วแก้มก็แดง


                “มาส่อง เอ๊ย มาดูแลพี่สะใภ้ค่ะ โบว์ต้องคอยปกป้องพี่ทิวให้พี่แบงค์ ไม่ให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับแฟนพี่ชายของโบว์ได้ โบว์จะคอยกัน พี่ทิวต้องเป็นของพี่แบงค์คนเดียวเท่านั้น”


                 ธมลวรรณยืดอกตอบ ภารกิจของสาววายจะต้องสำเร็จลุล่วง เพื่อสาววายทุกคนเธอจะต้องทำตามคำสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน...ความฟินที่แสนงดงามจะคืนกลับมา




                                                                   TBC

                                                                    ใครเป็นสาววายสายบูชาเคะ แสดงตัวหน่อยเร้วววว



                                                    :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10:









หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-06-2020 01:43:09
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 18-06-2020 09:32:12
 o13
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-06-2020 00:02:24
เยี่ยมมากค่ะคุณน้อง.  o13
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 19-06-2020 00:45:35
เรามาช่วยปกป้องทิวด้วยกันนะ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 19-06-2020 01:07:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-06-2020 09:17:10
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 21-06-2020 17:15:32
ทิวไหวมั้ย 5555
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 5 [18/06/63]
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 25-06-2020 19:14:29
บูชาเคะๆๆๆๆ เอ็ดดูทิว  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 6 NC [03/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 03-07-2020 17:25:01



                                                ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                            บทที่ 6



          “ขาเตียงหัก!”


           ทิวไม้ตะโกนเสียงหลงในห้องพักของพวกเขาทั้งสาม โดยมีบัฟและสมเสร็จนั่งหน้าแห้งต่อหน้าเตียงเดี่ยวของบัฟที่ขาเตียงข้างหนึ่งหักจนมุมเตียงทรุดลงกับพื้น บัฟที่เป็นเจ้าของเตียงทำตาใสพยักหน้าหงึกๆพลางตอบเสียงเศร้า


            “ฮื่อ มึงดูสิ ไอ้เหี้ย หักออกจากกันจนเตียงทรุด”


           “มันก็โยกเยกอยู่นานแล้วเปล่าวะ มึงแม่งตัวใหญ่อย่างกับควายไง นอนก็ดิ้น แม่งก็หักอย่างนี้แหละ”


            “มึงต้องโทษเตียงไม่มีคุณภาพสิวะไอ้สมเสร็จ กูไปบอกป้าเจ้าของหอแล้ว แม่ง ทำเป็นมองหน้ากู เตียงกะโหลกกะลาแท้ๆ”


            บัฟค้อนลมค้อนแล้ง ทิวไม้มองเตียงเพื่อนแล้วหันไปถาม


           “แล้วมึงนอนยังไง นอนพื้นไปก่อนแล้วกัน”
 

            “โอ๊ย ไม่ดีหรอก กูปวดหลังมึงก็รู้อยู่ กูจะนอนพื้นได้ไง ทิว เพื่อนสุดที่รัก กูขออาศัยนอนเตียงมึงนะ”


             บัฟยิ้มประจบซึ่งไม่ได้เหมาะกับใบหน้าเท่าไหร่ ทิวไม้มองเตียงตัวเองแล้วยิ้มแหย


            “เตียงกูก็ใช่ว่าจะดี นอนสองคนยังไงก็พัง งั้นเพื่อเพื่อน กูเสียสละนอนพื้นแล้วให้มึงนอนบนเตียงก็ได้”


             “โอ๊ย อย่าเสียสละเพื่อกูขนาดนั้น” บัฟยกมือห้ามพูดเสียงหลง   “ไม่ต้องลำบากปวดหลังเพื่อกูหรอก มันมีทางที่ดีกว่านั้น”


             ทิวไม้มองบัพสีหน้างงงวย อะไรของมันวะ


             “ทางออกเหี้ยอะไร มึงนอนเตียงกู กูนอนพื้น ก็ดีแล้วนี่ มันยังมีทางไหนอีกวะ”


             บัฟยิ้มหน้าซื่อ เขาตอบเสียงใส


            “เมื่อกี้พี่แบงค์โทรมา กูเลยเล่าให้เขาฟัง พี่แบงค์บอกว่าให้กูนอนเตียงมึง แล้วให้มึงไปพักอยู่บ้านพี่แบงค์จนกว่าป้าเจ้าของหอจะซื้อเตียงใหม่มา”


            “อะไรนะ ให้กูไปอยู่บ้านพี่แบงค์!”


            ตะโกนเสียงหลงอีกครั้งกับทางออกของบัฟ ทิวไม้ส่ายหน้าจนผมกระจาย


            “ไม่ กูไม่ไป เรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องไปอยู่กับเขา”


            “ก็เขารับอาสากูแล้วว่าจะดูแลมึง อุ๊บส์ โทษทีว่ะที่กูบอกเรื่องนี้กับพี่แบงค์ไปแล้ว พี่มันก็ออกปากเรื่องนี้ มึงก็ไปเถอะ จะทนนอนดมฝุ่นพีเอ็มสองจุดห้าแถวนี้ทำไม บ้านพี่แบงค์มีทั้งแอร์แล้วก็เครื่องฟอกอากาศ มึงจะได้นอนสบายๆไง”


             “แต่มันก็ดีนะโว้ยทิว” คราวนี้สมเสร็จกล่าวบ้าง “ห้องเราแคบเท่าบ้านหมา ข้าวของพวกเราก็เยอะจนรกชิบหาย มึงจะนอนพื้นตรงไหน เขี่ยๆของออกแล้วนอนแคบๆงี้เหรอ มึงนอนดิ้นจะตายห่า เดี๋ยวก็ไปถีบโน่นนี่ร่วงกระจายอีกหรอก พี่แบงค์เขาอาสาช่วยแล้วก็อย่าไปขัดน้ำใจเขาเลย”


             เหตุผลที่สมเสร็จอ้างก็พอฟังได้อยู่ แต่ขณะที่ทิวไม้นิ่งคิดตามเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น บัฟลุกพรวดพราดไปเปิดประตูทันที


             “อ้าว พี่แบงค์มาพอดี บอกไอ้ทิวมันแล้วครับ มันโอเค”


             “เดี๋ยว ไอ้เหี้ยบัฟ กูโอเคกับมึงตอนไหน”


             ทิวไม้ส่งเสียงดังทำหน้าเหรอหรา มองเห็นธนดลก้าวเข้ามาแล้วใจสั่น รอยยิ้มบาดใจจนเลือดฉีดวูบวาบไปทั้งตัว


             “การที่มึงนิ่งคิดตามเหตุผลที่ไอ้สมเสร็จบอก นั่นก็แสดงว่ามึงปฏิเสธไม่ได้แล้วไง น่านะไอ้ทิว ไปอยู่กับพี่แบงค์ไม่กี่วันหรอก แล้วถ้ามึงชอบใจก็อยู่กับพี่เขาตลอดไปก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกกู”


             บัฟตอบคำถามเพื่อนจบเขาก็รีบหันไปหาธนดลทันที


              “พี่แบงค์ รีบพาไอ้ทิวไปเถอะครับ ก่อนที่มันจะมีสติมากกว่านี้ เอ้า นี่กระเป๋าเสื้อผ้าของมัน ผมเก็บไว้ให้แล้ว รีบไปครับ”


            พูดจบก็รีบรุนหลังเพื่อนให้ธนดลคว้ามือเรียวมาจูงไว้ ร่างสูงส่งยิ้มให้บัฟและสมเสร็จก่อนจะรีบจูงมือทิวไม้ให้เดินลงบันไดไปที่รถของเขา


            “พี่แบงค์ ผมไม่...”


            “อย่าปฏิเสธน้ำใจของพี่เลยทิว”


            หน้าหล่อหันมายิ้ม ธนดลรีบสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากหอพักอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ชายหนุ่มจอดรถแล้วจูงทิวไม้เดินเข้ามาในบ้าน


            “อ้าว แบงค์พาหนูทิวมาด้วย มาลูกเข้ามาก่อน”


             ธนพรเห็นบุตรชายจูงมือทิวไม้เข้าบ้านก็รีบเอ่ยทัก ธนดลรีบพาทิวไม้มาหามารดาทันที


             “แบงค์พาทิวมาอยู่ด้วยนะแม่ ที่หอของทิวไม่มีเตียงนอน”


            “ได้สิลูก กี่วันก็ได้ ตลอดไปก็ดี แต่ว่า... แยกห้องนะ แม่ยังไม่อยากให้ไอ้แบงค์มันใกล้หนูทิวช่วงนี้ เล่นตัวไว้ก่อน”


             “อ้าวแม่”


             ธนดลออกปากประท้วง ทิวไม้ยิ้มขำ


            “ดีครับคุณน้า อยู่คนละห้องดีแล้ว”


             “อ้าว ทิว”


             คราวนี้คนหล่อทำหน้าย่นอย่างไม่ถูกใจนัก ธนพรกับทิวไม้ยิ้มให้กันด้วยความสะใจ


            “มาเหนื่อยๆ พักกันก่อน เดี๋ยวรอโบว์กลับมาจากเรียนพิเศษค่อยกินอาหารเย็นกัน ตามสบายนะหนูทิว คิดเสียว่าเป็นลูกแม่ แม่ไม่ยอมให้ไอ้แบงค์ทำอะไรลูกได้หรอก”






              ทิวไม้ถอนหายใจโล่งอก อย่างน้อยก็ยังไม่ต้องอาศัยอยู่ห้องเดียวกับธนดลให้ใจสั่นเล่น ธนพรให้เขาพักในห้องนอนเล็กๆห้องหนึ่งหลังจากอาหารมื้อเย็นผ่านไป ธมลวรรณตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าทิวไม้จะมาอาศัยอยู่ด้วย


            “หึหึ ข้อมูลแต่งฟิคมาแล้ว”


             กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นน้องสาวของธนดลก้มหน้ายิ้มมุมปาก สีหน้าเจ้าเล่ห์พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง เขารีบหิ้วกระเป๋าหนีเข้ามาในห้องที่ธนพรจัดให้อย่างรวดเร็ว


             อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสบายตัวทิวไม้ก็เอนกายนอนบนเตียงเล็กหนานุ่มแสนสบาย เครื่องปรับอากาศทำงานสร้างความเย็นฉ่ำจนเขาหาวง่วง ไม่นานเขาก็คล้อยหลับไป จนกระทั่งสลึมสลือขึ้นมาเพราะรู้สึกถึงแรงกอดจากใครบางคน


             “อื้อ ใครน่ะ”


             “พี่เองครับทิว ขอพี่กอดหน่อยนะ”


              ไอ้พี่แบงค์ เข้ามาในห้องได้ไงวะ


              กว่าจะลืมตาขึ้นมาเขาก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของธนดลเต็มวงแขนเสียแล้ว อีกฝ่ายตะแคงซ้อนหลังโอบกอดร่างของทิวไม้ไว้แน่นหนา ชายหนุ่มกดจูบที่ท้ายทอยแล้วหลังใบหูของทิวไม้จนร่างโปร่งสะดุ้งสุดตัว


           “พะ พี่แบงค์ อย่าทำงี้ดิ”


              ธนดลลอบยิ้มอยู่กับหลังคอหอมกรุ่น ด้วยประสบการณ์ที่มีมากกว่า ทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าบริเวณนี้อาจเป็นจุดอ่อนของทิวไม้ เขารีบถือโอกาสโจมตีซ้ำทันทีด้วยการกดจูบซ้ำแล้วขบเม้มใบหูเล็กจนทิวไม้ตัวแข็งทื่อ


             “พี่แบงค์เข้ามาได้ไง ผมล็อกประตูแล้วนะ อื้อ ยะ อย่าจูบ ขนลุกหมดแล้ว”


            “ปีนระเบียงข้ามมาไง ห้องนี้ประตูเปิดไประเบียงมันเสีย พี่ไม่ได้บอกแม่ ทิวอย่าดิ้นนะครับพี่กอดนิดเดียว ส่งเสียงดังเดี๋ยวแม่ขึ้นมาดุนะ”


              พูดแล้วธนดลก็ขำตัวเอง เขาหลอกล่อทิวไม้เหมือนเป็นเด็กน้อยทั้งที่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ดูเหมือนจะได้ผล เพราะทิวไม้หยุดดิ้นยอมให้เขากอดแต่โดยดี


             “พี่แบงค์อย่ากอดแน่นสิ หายใจไม่ออก”


            คนถูกกอดประท้วง ธนดลยอมคลายอ้อมกอดให้เล็กน้อย


             “หันหน้ามาหาพี่สิ จะได้หายใจสะดวก”


             คนเจ้าเล่ห์ดึงไหล่ให้ทิวไม้พลิกกลับตะแคงหันหน้ามาหา เขาเชยคางให้ทั้งคู่ได้สบตากัน สายตาของธนดลทำให้ทิวไม้ขัดเขินจนต้องเบนสายตาหลบ


             “อย่าจ้องแบบนี้สิ เขินนะ”


              ท่าทางขัดเขินไม่มีปรุงแต่งทำให้ธนดลยอมรับว่าเขาปักใจกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องเข้าแล้ว เขาเคยพบเจอแต่หญิงสาวที่มีจริตเข้าหา แต่เมื่อได้พบกับทิวไม้เขาก็ติดใจและไม่คิดจะหวนกลับไปหาความจอมปลอมเหล่านั้นอีก ในเมื่อเขาค้นพบเพชรเม็ดงามต้องไม่ปล่อยให้หลุดมือ


            “ขอจูบทิวได้ไหม จูบนิดเดียว”


             “ไม่เอา เดี๋ยวก็ฉวยโอกาสอีก”


             ยกมือเรียวผลักหน้าหล่อให้ห่าง แต่กลับถูกอีกฝ่ายยึดข้อมือไว้ได้ ธนดลชิงหอมแก้มนุ่มดังฟอด เขายกท่อนขาพาดทับร่างของทิวไม้ไว้จนดิ้นไม่หลุด


            “น่านะครับ จูบนิดเดียวจริงๆ”


            อ้าปากกำลังจะค้าน แต่เมื่อเห็นดวงตาพราวประกายคล้ายสะกดไว้ ทิวไม้กลับไม่มีเสียงคัดค้าน เหมือนเขาหลงเข้าไปในบ่วงเสน่ห์ที่ธนดลหลอกล่อ ทิวไม้ลืมทุกอย่างไปหมดเมื่อธนดลโน้มใบหน้าเข้าหาจนได้ไออุ่นของลมหายใจ ปากนุ่มถูกประทับแนบชิดจมูกโด่งของธนดลฝังเข้าสู่แก้มนุ่มเนิ่นนาน


             คราวนี้ไม่เมา สติครบถ้วน แต่ทิวไม้กลับไม่อาจผลักไสได้เลย การกระทำของธนดลนุ่มนวลอ่อนหวานเกินกว่าจะเรียกว่ารุกเร้า เขานิ่งอยู่ในท่านั้นจนทิวไม้นั่นแหละที่เป็นฝ่ายหมดความอดทน เขาเผยอกลีบปากและส่งลิ้นมาแตะที่ปากของธนดลตามสัญชาติญาณที่พลุ่งพล่านเรียกร้องให้ธนดลดันปลายลิ้นติดตามเข้ามา สองแขนเผลอไผลกอดตวัดท้ายทอยของธนดลไว้เมื่อในโพรงปากหวานกำลังตวัดลิ้นคลอเคลีย


             “อื้อ...”


             อากาศเย็นฉ่ำจนสะดุ้งเมื่อมือร้อนผ่าวของธนดลสอดเข้ามาในชายเสื้อชุดนอนแล้วลูบไล้แผ่นหลัง เพราะถูกท่อนขาแกร่งพาดทาบทับจึงไม่อาจหลีกหนีได้ มือซนนั้นขยับลุกไล่ลงไปที่บั้นท้ายแล้วบีบเบาๆ เพียงเท่านี้ทิวไม้ก็หมดแรงอ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ทันที


             “พะ พี่แบงค์”


              พึมพำเสียงกระเส่าลอดออกมาจากปากที่ยังจูบหนักหน่วง ทิวไม้ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้อย่างไรดี มันร้อนวูบวาบไปทั้งตัว อึดอัด อยากระบายออก ร่างกายตื่นไปหมด โดยเฉพาะตรงจุดนั้นที่มันแข็งขันเหมือนในตอนเช้ายามตื่นนอนใหม่ๆ


              “ยอมพี่นะครับทิว”


              เสียงทุ้มอ้อนวอนอยู่ตรงกกหู แถมยังขบเม้มเบาๆ ทิวไม้เผลอส่งเสียงออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เลือดลมวัยหนุ่มวูบวาบร้อนฉ่าจนทนไม่ไหว


              “จะเจ็บอีกไหมพี่แบงค์”


            ยังจำได้ถึงครั้งแรกว่าเจ็บแค่ไหน ธนดลรีบปลอบประโลมทันที


            “ไม่เจ็บแล้ว คราวนี้พี่ไปเตรียมตัวมาแล้วว่าต้องทำยังไง”


            ถึงแม้ว่าจะช่ำชองบทรักแต่ธนดลยังไม่เคยชินกับผู้ชายด้วยกัน เขายอมเปิดดูคลิประหว่างชายกับชายเพื่อศึกษาว่าต้องปฏิบัติการอย่างไร เขาไม่อยากให้ทิวไม้เจ็บเหมือนคราวแรกที่ยังไม่ได้เตรียมตัว ชายหนุ่มดึงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าชุดนอนที่เตรียมเอาไว้


             “พี่เตรียมเจลหล่อลื่นกับคอนด้อมมาแล้ว ขอแค่ทิวยอม พี่จะทำให้ทิวหายอึดอัด นะครับทิว”


             พูดจบก็หลอกล่อด้วยการจูบหวานอีกครั้ง ทิวไม้แทบหลอมละลายไปแล้วตอนนี้


             “อื้อ จะทำอะไรก็ทำพี่แบงค์ อึดอัดไปหมดแล้ว”


             ธนดลอยากจะตะโกนด้วยความดีใจ  เขาพลิกกายบางให้นอนหงายโดยมีเขาคร่อมทับ เสื้อผ้าต่างหลุดลุ่ยด้วยกันทั้งสองฝ่าย เขารีบสวมเครื่องป้องกันเข้าใส่เจ้าลูกชายที่พร้อมรบรออยู่แล้วทันที






มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 6 NC [03/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 03-07-2020 17:34:21


อ่านต่อตรงนี้...



          “ไม่เจ็บแน่ๆ พี่สัญญา”


            ขาเรียวถูกจับตั้ง ทิวไม้ฝืนกายอยู่บ้างเมื่อรู้สึกถึงความเย็นลื่นที่ถูกทาอยู่รอบช่องทาง ปลายนิ้วนวดเฟ้นรุกเร้าอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะต้องนิ่วหน้าเมื่อถูกความใหญ่โตเข้ามาแทนที่


            “พี่แบงค์”


            ไม่เจ็บจริงๆอย่างที่ธนดลสัญญา เขาดันกายเข้ามาอย่างนุ่มนวลและมีชั้นเชิง ช่องทางโอบรัดสิ่งเติมเต็มจนกระทั่งทิวไม้รับไว้จนหมด ได้ยินเสียงเป่าปากของธนดลอยู่ใกล้หู


            “รู้สึกดีจังครับทิว”


             ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมดเมื่อสติคืนมา กลายเป็นเขายอมให้ธนดลล่วงล้ำ และกลับรู้สึกดีเมื่ออีกฝ่ายกำลังเริ่มขยับกายเคลื่อนที่ ทุกครั้งที่ธนดลกระแทกกายเข้าใส่ทิวไม้ก็ไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ได้


             “กลั้นเสียงไว้ทำไมครับทิว”


             “ฮัก ฮัก ผม อาย มันน่าอาย”


              ร่างบางได้แต่โอบกอดและซุกหน้าซ่อนความขัดเขินกับแผ่นอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ  ธนดลลูบผมนุ่มเบามือ


              “อย่าอายนะครับ เรื่องธรรมชาติ เรารักกันก็แสดงมันออกมา พี่อยากฟังเสียงทิวจังเลย”


             หยุดพักเพื่อให้ทิวไม้ได้หอบหายใจ ระหว่างนั้นธนดลหันความสนใจไปที่ยอดอกสีสวย เข้าก้มหน้าจัดการจนทิวไม้สะดุ้งอีกครั้ง


             “พะ พี่แบงค์ อย่าเพิ่งหยุด อะ อื้อ”


             “เปลี่ยนท่านะ ทิวจะได้ไม่เมื่อย”


              กระซิบบอกพลางดึงเอวให้ร่างโปร่งนอนคว่ำก่อนที่ธนดลจะเริ่มปฏิบัติการต่อเนื่อง เมื่อรู้ว่าทิวไม้ใกล้จะถึงฝั่งฝันเขาก็ยกเอวคอดให้สูงเพื่อที่เขาจะเร่งความเร็วขึ้นอีก


             “มะ ไม่ไหวแล้ว อะ อ๊า”


              ทิวไม้กลั้นหายใจชั่วขณะเมื่อท้องน้อยบีบคั้นถึงขีดสุด  เขาหอบหายใจอยู่กับหมอนก่อนจะเหลียวกลับไปมองธนดลที่ยังมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย


             “แล้วพี่แบงค์ เอ่อ...”


             กระดากปากเมื่อจะถามว่าธนดลถึงฝั่งเหมือนเขาหรือยัง แต่อีกฝ่ายเดาคำถามได้


             “พี่ขออีกนิดนะครับคนเก่ง”


             ทิวไม้จือปากเมื่อธนดลดันกายเข้ามาอีกครั้ง ร่างสูงโน้มกายลงมาจูบไล่แผ่นหลังพลางโอบเอวไว้ มือใหญ่กอบกุมจุดอ่อนไหวของทิวไม้ไว้แล้วนวดเฟ้นเบามือ แค่นี้ก็ปลุกให้ทิวไม้พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งแม้ว่าเพิ่งปลดปล่อยไปไม่กี่วินาที


             “โอ๊ย เสียว”


              คราวนี้เผลอร้องลั่นเมื่อธนดลเร่งความเร็วและความแรงเข้าใส่ ได้ยินเสียงทุ้มจากเขายามออกแรงแต็มที่ ทิวไม้เกร็งไปทั้งตัวเมื่อปลดปล่อยอีกคำรบ และรอบนี้เขารู้สึกถึงความอุ่นวาบอยู่ภายใน ธนดลดึงกายออกมา เขาถอดปราการกั้นออกโยนทิ้ง ก่อนจะทิ้งกายลงไปนอนเคียงข้างทิวไม้ เสียงหอบหนักประสานกันจนกระทั่งค่อยๆเบาลงแล้วกลายเป็นสม่ำเสมอเมื่อคนในห้องคล้อยหลับกับไปทั้งคู่


             โครม!!!


             ธมลวรรณเดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้อง เด็กสาวทรุดกายนั่งบนเก้าอี้บนหน้าผากมีแผ่นเย็นวางไว้เพื่อห้ามเลือดที่ไหลซึมทางจมูก


             “โอยยย ความดันขึ้น กูต้องเสียเลือดหมดตัวแน่”


              คุ้มกับไปนั่งซุ่มหน้าห้องนอนเล็กแลกกับเสียเลือดให้ยุงกัดจนคันไปทั้งตัว มุมปากกระตุกยิ้ม


             “ฮ่าๆ มีกำลังใจอ่านชีวะเตรียมสอบแล้วโว้ย”


              หนังสือกายวิภาคถูกเปิดขึ้น ปากกาลูกลื่นเขียนโน้ตลงไปตรงช่องว่างของเนื้อหา


             “ชายหนุ่มดึงเดลตอยของคนรักเข้าหา เขาบดจูบไปที่ริมฝีปาก ไซโกมาติคัสเมเจอร์ขยับยก ออบิคิวลาริสออริส เปิดทางรับจูบแสนหวาน ก่อนที่จุมพิตนั้นจะย้ายมาขบเม้มที่สเตอร์โนมัสตอย โว้ยยย ท็อปแน่ไอ้โบว์”


               ธมลวรรณสัญญาว่า จบการสอบคราวนี้ เธอจะต้องแต่งบทเลิฟซีนลงเว็บให้แฟนคลับได้อ่าน ฝีมือของเธอจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีแหล่งข้อมูลให้ศึกษาอยู่ห้องตรงข้ามนี่เอง


             “เพื่อสาววาย โบว์ยอมเสียเลือดหมดตัวจ้า”


              ธมลวรรณปฏิญาณกับตัวเองก่อนจะก้มหน้ายิ้มให้ตำรากายวิภาคตรงหน้า




                                                                TBC



                                           รับบริจาคเลือดกรุ๊ปวายมาให้น้องโบว์นะคะ



                                                 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:




หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 6 NC [03/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-07-2020 21:13:02
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 6 NC [03/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 03-07-2020 22:28:40
 :hao3:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 6 NC [03/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 04-07-2020 01:22:46
ได้คะแนนเต็มแน่ๆน้องโบว์
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 6 NC [03/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-07-2020 08:08:51
OMG!
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 6 NC [03/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 06-07-2020 04:48:51
ฮาน้อง
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 6 NC [03/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-07-2020 13:41:01
 :m20: ขำน้องอ่ะ
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 7 [09/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-07-2020 20:32:10




                                                 ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                               บทที่ 7



              งัวเงียตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าอย่างเช่นทุกวัน แพขนตาหนากะพริบถี่เมื่อรู้สึกถึงความแตกต่างที่ไม่เหมือนทุกเช้า ทิวไม้ตั้งสติก่อนสตาร์ทและนึกได้ว่าเมื่อวานเขาหิ้วกระเป๋าเข้าบ้านของธนดล และเมื่อคืนนี้....


              ชิบหาย...กูโดนปล้ำอีกแล้ว


             ไม่สิ... กูสมยอมเค้า ฮือ ไอ้เหี้ยทิว ขายขี้หน้าเหี้ยๆ


             “ตื่นเช้าจังครับทิว”


               หลักฐานยังปรากฏชัด ทิวไม้เพิ่งรู้สึกตัวว่าเขานอนตะแคงหันหลังให้ธนดลนอนกอด เนื้อตัวเปล่าเปลือยด้วยกันทั้งคู่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มอบความอบอุ่นภายใต้เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ จำได้แล้วว่าเมื่อเสร็จกิจจากกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อค่ำคืนเขาก็คล้อยหลับไปทันทีกระทั่งลุกไปล้างตัวก็ยังไม่ได้ทำ


              “พี่แบงค์ปล่อยผม”


              พยายามจะดึงท่อนแขนที่โอบกอดไว้ออกแต่เหนียวยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกเสียอีก แถมยังเพิ่มแรงกอดรัดมากขึ้นด้วย ธนดลจูบที่ไหล่ของทิวไม้เบาๆ


               “ไม่ปล่อย นอนกอดทั้งคืน อยู่ๆจะให้ปล่อยได้ไง”


               “ผม เอ่อ ปวดฉี่ ปล่อยนะครับพี่แบงค์”


                ใช้ลูกอ้อนเข้าช่วย แล้วก็ได้ผล ธนดลยอมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับคลายอ้อมกอดให้ทิวไม้


                “นั่นสินะ เมื่อคืนพอทิวมีความสุขแล้วก็หลับหนีพี่ไปเลย พี่จะปลุกให้ไปล้างตัวก็ไม่ยอมตื่น”


                 แน่ล่ะ ทั้งตัวของทิวไม้มีแต่คราบน้ำลายของเขาเต็มไปหมด บางจุดยังมีสีระเรื่อที่ธนดลทิ้งไว้เป็นหลักฐานอยู่บนเนื้อตัว แต่เมื่อเห็นทิวไม้หลับสนิทธนดลก็ไม่กล้าปลุก เขาได้แต่นอนกอดร่างเปลือยเพื่อให้คลายหนาวทั้งคืน


              “พี่พาไปห้องน้ำนะ”


               พูดจบธนดลก็ขยับลุกจากเตียง เข้าช้อนแขนอุ้มทิวไม้ขึ้นมา


               “พี่แบงค์ จะทำอะไรน่ะ”


                หน้าเหวอเมื่อถูกอุ้มจนตัวลอยพ้นเตียงนุ่ม ทิวไม้ได้แต่คล้องคอธนดลไว้เพราะกลัวตก เขาหันไปมองบนเตียงยับย่นที่กลายเป็นสมรภูมิชั่วคราวแล้วแก้มก็พลันแดงก่ำ


               โว้ย ทำไมมันไม่เหลือชิ้นดีเลยวะ


              “ไม่เป็นไรหรอกครับทิว เดี๋ยวป้าแม่บ้านมาเปลี่ยนให้ คืนนี้ทิวก็นอนสบายเหมือนเดิมนะ”


               ธนดลก้าวไปยังห้องน้ำ เขาปล่อยร่างเล็กกว่าลงยืนกับพื้นก่อนจะเปิดน้ำอุ่นชำระล้างร่างกายให้ทิวไม้ ตลอดเวลาเหล่านั้นทิวไม้ได้แต่เก็บไว้เป็นความประทับใจโดยไม่รู้ตัว


               “พี่แบงค์ ไม่ต้องทำให้ผมขนาดนี้ก็ได้”


              “ทิวอย่าห้ามเลย พี่อยากทำให้นี่นา อยู่เฉยๆเถอะครับ”


               ทิวไม้จึงต้องยอมให้ธนดลดูแลเขาจนกระทั่งออกมาแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อย


              “พี่แบงค์ มาคุยกันหน่อย”


              ธนดลสะดุ้ง หัวใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ เมื่อเห็นทิวไม้ทำหน้าจริงจัง ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าการบุกเข้ามาในห้องที่ทิวไม้อาศัยนอนและกล่อมให้อีกฝ่ายยินยอมด้วยความช่ำชองของเขา อาจไม่ใช่วิธีที่ดีนัก


              “ครับทิว”


              ความมั่นใจที่เคยมีมาของธนดลแทบจะหมดลงไม่มีเหลือ เขาเคยแต่เป็นฝ่ายที่มีผู้หญิงมาเอาอกเอาใจ แต่ตอนนี้อดีตเสือผู้หญิงกำลังนั่งหงอเมื่อเห็นมาดเข้มของผู้ชายที่สูงแค่ไหล่ของเขา


              “รู้ใช่ไหมว่าพี่แบงค์ทำผิด”


             “คร้าบ พี่รู้แล้ว ทิวอย่าเคืองพี่เลยนะ”


              ทิวไม้ถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของธนดล


              “การที่พี่แบงค์ใช้ความต้องการทางกายมาหลอกล่อให้ผมยอม แต่มันก็เป็นแค่ความสัมพันธ์ทางกายใช่ไหมครับ เราอาจจะมีอะไรกันแต่เรื่องหัวใจมันคนละเรื่อง”


              “ถ้าอย่างนั้น ทิวจะให้พี่ทำอะไรเพื่อให้ชนะใจทิวได้บ้าง ทิวบอกมาสิ”


               ธนดลดึงมือเรียวเล็กมากุมไว้ เขาอยากชนะใจของทิวไม้


               “มันก็ต้องพิสูจน์กันหน่อย ว่าพี่จะทำเพื่อผมได้แค่ไหน ถ้าพี่ทำได้ ผมจะยอมรับพี่”


               ดวงตาคมสดใสขึ้นมาทันที ธนดลรีบเอ่ยถามข้อพิสูจน์นั้น


              “ทิวจะให้พี่ทำอะไร”


              ทิวไม้นิ่งคิด ก่อนจะยิ้มได้เมื่อนึกออกว่าจะให้ธนดลทำอะไรดี






                “ไอ้ทิว ไอ้คนใจร้าย มึงทำกับพี่แบงค์ได้โหดมาก”  บัฟเอ่ยปากกับเพื่อนสนิทที่นั่งยิ้มอยู่ใต้ต้นไม้  “กูเห็นพี่แบงค์แม่งจับจอบขุดดินยกร่องมาสามวันแล้ว ไอ้เวรนี่ก็แกล้งเขาแสบชิบหาย”


                “นั่นสิ โหดไปว่ะเหี้ยทิว พี่แบงค์เขาลูกคุณหนู ไม่เคยจับจอบจับเสียมขุดดินดายหญ้าอย่างพวกเรา มึงให้เขาขุดดินยกร่องตั้งสิบแปลง ผ่านไปสามวันเพิ่งจะทำได้ครึ่งทาง ป่านนี้มือนุ่มๆแตกหมดแล้วมั้ง”


                สมเสร็จผสมโรง เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วยที่เพื่อนทำเช่นนี้ ดูก็รู้ว่าทิวไม้จงใจแกล้งธนดลให้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ


               “เขาอยากพิสูจน์เองก็ต้องทำให้ได้สิ ใช่ไหมครับพี่แบงค์”


               ธนดลเดินกลับมาจากกลางแปลงดอกไม้ หน้าขาวแดงก่ำเพราะแดดร้อน เหงื่อไหลเป็นทางชุ่มเสื้อผ้าไปหมด แต่เขาก็ยังยิ้มได้


               “ไม่เป็นไรหรอกบัฟ สมเสร็จ พี่อยากให้ทิวมั่นใจว่าพี่จริงจังกับทิว พี่จะพยายาม”


              บัฟคว้าข้อมือของรุ่นพี่ต่างคณะให้แบออก มองเห็นรอยแตกเป็นแผลของคนที่ไม่เคยจับจอบออกแรงขุดดิน เขาส่งเสียงดังใส่ทิวไม้เผื่อว่าเพื่อนจะสำนึกบ้าง


              “ดู มึงดู มือพี่แบงค์แตกหมดแล้ว มึงเห็นหรือเปล่า ไอ้คนอำมหิต”


               “อย่าต่อว่าทิวเลยบัฟ พี่ตกลงใจว่าจะทำเองแหละ แผลนิดเดียวเองไกลหัวใจ”


                ทิวไม้ชักจะหน้าแหย เมื่อเห็นมือของธนดลมีรอยแผลจริงๆอย่างที่บัฟกล่าว ชายหนุ่มที่เคยสำอางกลับต้องมายืนตากแดดขุดดินเพียงเพื่อจะพิสูจน์ความจริงใจให้ประจักษ์ ทิวไม้เริ่มใจอ่อนเสียแล้ว


            “ลดให้เหลือเจ็ดแปลงก็ได้ ทำได้ห้าแปลงแล้วไม่ใช่เหรอ”


             เสียงชักอ่อยไม่เด็ดขาดเหมือนที่แล้วมา เพื่อนสนิททั้งสองต่างลอบยิ้มให้กันเมื่อจี้จุดอ่อนสำเร็จ สมเสร็จรีบสำทับตามทันที


               “ดี ทำตัวให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเสียบ้าง ว่าแต่ตอนนี้เที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ไปครับพี่แบงค์ ไปโรงอาหารกันดีกว่า”


              ชักชวนกันเดินไปโรงอาหารคณะ บัฟเลี่ยงมาเดินเคียงข้างแล้วกระซิบธนดลเบาๆ


              “ใกล้แล้วพี่ ไอ้ทิวมันเริ่มอ่อนระทวยแล้ว  อีกสองแปลงที่เหลือเดียวผมกับไอ้สมเสร็จมาช่วย”


               ธนดลยิ้มพลางมองตามหลังทิวไม้


              “ให้พี่ทำเองเถอะบัฟ จะได้ทำให้ทิวสบายใจว่าพี่ชอบทิวจริงๆ”


               บัฟมองธนดลอย่างนึกทึ่ง


               “โห พี่แม่งใจได้ว่ะ ไม่นึกว่าจะทุ่มเทให้เพื่อนผมได้ขนาดนี้ ผมเชียร์สุดใจเลย แต่อย่าลืมเหล้าที่ซอยทองหล่อก็แล้วกัน”


                 เมื่อถึงโรงอาหารแล้วทั้งหมดจึงนั่งลงบนโต๊ะที่ว่างอยู่


               “ทิวกินอะไรดีครับ เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”


               “ผมไปเองก็ได้”


               “มึงนั่งเฝ้าโต๊ะไปเหอะ เดี๋ยวพวกกูไปซื้อเอง”


               สมเสร็จออกปากสั่งทิวไม้จึงนั่งรอที่โต๊ะ ท่ามกลางเสียงจอแจของนักศึกษายามใกล้เที่ยง


               “ทิว”


               เจ้าของชื่อหันขวับไปตามเสียงเรียก เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นอลิษายืนหน้าเศร้าอยู่


               “ออย”


               เยื่อใยก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง ทิวไม้มองอลิษาด้วยความเป็นห่วง


                “มานั่งก่อนสิออย แล้วทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ”


                อลิษาเดินมานั่งขนาบข้าง หล่อนก้มหน้าคล้ายกำลังสะอึกสะอื้น มือทั้งสองบีบกันอยู่บนตัก


               “ออยเสียใจไง ออยยังทำใจไม่ได้เรื่องพี่แบงค์”


                เมื่อรู้เหตุผลหัวใจของทิวไม้ก็กระตุกวูบ แปลกที่เขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่มันคนละอย่างกับวันที่อลิษาทิ้งเขาไปหาธนดล ในตอนนี้เขากลับเจ็บที่ธนดลมีคนมาหลงรัก


              “ออยเห็นข่าวทิวกับพี่แบงค์แล้วนะ ช่วงนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด หวานมากเลยเนอะ ทิวคงมีความสุขจนลืมไปว่าออยกับพี่แบงค์คบกันมาก่อนหน้าทิว แล้วทิวทำให้เราเลิกกัน”


               “ออย ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”


               อลิษาพูดราวกับว่าเขาไปแย่งธนดลมาจากหล่อน


               “หรือไม่จริงล่ะทิว ออยก็ไม่รู้นะว่าพี่แบงค์มาหลงเสน่ห์ผู้ชายอย่างทิวได้ไง จนกลายเป็นเกย์ที่ชอบเพศเดียวกัน คนพูดกันไปทั่วทิวไม่อายแทนพี่แบงค์เหรอ ออยสงสารพี่แบงค์มากเลย”


                 ทิวไม้มองผู้หญิงที่เขาเคยหลงรักและทิ้งเขาไป คำพูดประโยคหลังแทงใจดำจนปวดร้าวไปหมด หลายเสียงที่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้เคยแซะให้ได้ยินจนทิวไม้เองยังต้องเก็บอารมณ์หลายครั้ง


              “ออยพูดแบบนี้ ต้องการอะไรกันแน่”


              แต่ใช่ว่าจะไม่รู้นิสัยของอลิษา ทิวไม้มองใบหน้าที่แต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างดี หญิงสาวคลี่ยิ้มราวกับสมใจที่จะได้พูดประโยคต่อมา


                  “ออยอยากดูแลพี่แบงค์น่ะทิว ออยรักเขา ทิวคงทนดูออยเสียใจไม่ได้หรอก ใช่ไหม เพราะทิวเคยบอกว่าทิวรักออยมาก ทิวต้องไม่อยากให้ออยอยู่กับความเจ็บปวดแน่ๆ แล้วก็เป็นผลดีกับพี่แบงค์ด้วย เขาจะได้คบกับคนที่เหมาะสมกับเขาอย่างออยไง”


                 “ถามฉันสักคำหรือยังว่าอยากได้เธอมาดูแลหรือเปล่า”


                  พากันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเข้มดังขึ้น ธนดลหน้าบึ้งเพราะเขาได้ยินความต้องการของอลิษาชัดเจน ชายหนุ่มหันขวับไปมองทิวไม้ที่ยังมีสีหน้าไม่ดีนัก


                 “พี่แบงค์ แต่ว่าที่ออยพูดก็ถูกนะ”


                 บัฟกับสมเสร็จตาเหลือก ทั้งคู่รีบวางเสบียงที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะก่อนจะปรี่เข้าไปหาทิวไม้


                 “ไอ้เหี้ยทิว พูดอะไรแบบนั้นวะ”


                  ทิวไม้หน้าสลด เขาไม่อยากให้ธนดลเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ อาจเป็นการดีต่อทุกคนถ้าธนดลจะกลับไปคบกับอลิษา


                 “ผมไม่อยากให้พี่ถูกคนอื่นมองอย่างดูหมิ่นอีก แล้วพี่จะได้ไม่ต้องมาทนพิสูจน์ตัวเองเพื่อผมอีกไง มือพี่ก็ไม่ต้องเป็นแผล ออยเองก็รักพี่แบงค์มาก ถ้ายังไงผมว่า....”


               เสียงเงียบลงทันทีเมื่อเงยหน้าสบตากับธนดล ขอบตาของทิวไม้ร้อนผ่าวเมื่อมองเห็นแววตาแห่งความผิดหวังฉายชัดจากดวงตาคมคู่นั้น





มีต่ออีกนิด..




หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 7 [09/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-07-2020 20:41:35


อ่านต่อตรงนี้...



             “ก่อนจะยัดเยียดพี่ให้คนอื่น พี่ขอถามทิวว่า ที่พี่ทำทุกอย่างให้ทิว ไม่ได้ทำให้ทิวชอบพี่บ้างเลยใช่ไหม มันไม่มีความหมายอะไรสักนิดเลยใช่ไหม ทิว ตอบพี่มาสิ”


             ทิวไม้สะดุ้งเฮือก วินาทีนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้ เพราะดูเหมือนบัฟกับสมเสร็จจะเข้าข้างธนดลไปหมดแล้ว


              “พี่แบงค์ ...”


               “พี่มีหัวใจ มีความคิด ไม่ต้องให้ใครมาชี้นำ และความรู้สึกของพี่ก็ไม่ใช่สิ่งของที่ทิวจะยกมันให้ใครก็ได้ พี่เสียใจที่ทิวมองไม่เห็นคุณค่าของมันเลย ส่วนเธอ...”


              ธนดลหันขวับไปมองอลิษาที่ยืนหน้าซีด


              “คะ ขาพี่แบงค์”


              “ฉันไม่เคยด่าผู้หญิง แต่เธอจะเป็นคนแรก มารยาของเธอนี่แหละที่ทำให้ฉันเกลียด ผู้หญิงอะไรหน้าด้านที่สุด อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ”


              พูดจบธนดลก็สะบัดหน้าหนี เขาก้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้ทิวไม้มองตามด้วยความปวดร้าว เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ความดีของธนดลเข้ามาครอบครองหัวใจของเขาจนหมดสิ้น


             “พี่แบงค์ ฟังผมก่อน อย่าเพิ่งไป”


             “ทิว ทำไงดีล่ะ พี่แบงค์ไปแล้ว ไปบอกเขาให้กลับมาหาออยสิ”


              ทิวไม้สูดลมหายใจเข้าปอด เขากลั้นน้ำตาก่อนจะหันกลับมาหาอลิษาแล้วส่งเสียงดังลั่น


             “ไม่ ทิวจะไม่ทำอย่างนั้น ทิวรักพี่แบงค์ ทิวจะไม่ให้ออยมาทำให้เราต้องทะเลาะกันอีก ออยกลับไปได้แล้ว”


              “กรี๊ดดดด ไอ้บ้า ไอ้ทิวบ้า ฉันจะแช่งแกทุกวันเลยให้ถูกพี่แบงค์ทิ้ง”


               อลิษากระทืบเท้าเดินจากไป ทิวไม้ได้แต่ยืนหน้าสลดอยู่กับบัฟและสมเสร็จ


               “ทำไงดี กูทำผิดไปแล้ว”


               เขายกหลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ จนเพื่อนทั้งสองเวทนา บัฟบ่นพึมพำ


               “มึงนี่ก็น้า คิดมากไปเอง พี่แบงค์รักมึงจะตาย”


                “กูรู้แล้วไง อย่าเพิ่งด่าเยอะกูสำนึกผิดไม่ทันแล้ว ช่วยกูคิดหน่อยว่าจะทำไงให้พี่แบงค์หายโกรธ”


               สมเสร็จตบบ่าเพื่อนเบาๆ


              “ไปง้อสิวะ บอกไปว่ามึงรู้แล้วว่ามึงก็รักเขา พูดกับเขาดีๆ”


               ทิวไม้พยักหน้า หัวใจของเขาว้าวุ่นไปหมด เขาจะต้องง้อให้ธนดลยกโทษให้เขาให้ได้








               ลงจากรถแท็กซี่หน้าบ้านของธนดล ทิวไม้เดินเข้าไปในบ้านอย่างกล้าๆกลัวๆ มองเห็นธนพรนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงตรงเข้าไปยกมือไหว้


              “พี่แบงค์ล่ะครับ”


              “มาถึงก็เดินหน้าบึ้งขึ้นห้องไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอทิว”


               ธนพรเอ่ยถาม ทิวไม้จึงเล่าให้ฟัง มารดาของธนดลจึงถอนหายใจออกมา


               “ผมผิดไปแล้วครับ ผมรู้แล้วว่ารักพี่แบงค์”


               “แม่เองก็ไม่เคยเห็นลูกชายของแม่จริงจังกับใครเท่าทิวเลยนะลูก แม่กับพ่อไม่ได้รังเกียจทิวเลยแม้จะเป็นผู้ชายเหมือนแบงค์ ลูกชายแม่รักใครแม่กับพ่อก็รักด้วย เพราะฉะนั้นทิวอย่าไปสนขี้ปากใครเลย ในเมื่อคนในครอบครัวเข้าใจ”


              ทิวไม้น้ำตาไหล เขากราบที่ตักของธนพรด้วยความซาบซึ้ง


              “ขอบคุณนะครับที่ไม่รังเกียจผม”


               ธนพรลูบผมของทิวไม้เบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงสดใส


                 “อย่ามัวแต่ร้องไห้สิทิว ไปง้อพี่เขาหน่อย เดี๋ยวไอ้แบงค์มันก็หายโกรธ ถ้ามันยังไม่เลิกโกรธทิวแม่จะแพ่นกบาลมันเอง”


               ทิวไม้ยิ้มรับ เขาลุกขึ้นเดินไปหน้าห้องของธนดล มือเรียวเคาะประตูห้องพลางเอ่ยเสียงสั่น


                “พี่แบงค์ พี่แบงค์ครับ ให้ทิวเข้าไปหาได้ไหม”


                ไม่มีเสียงตอบกลับ ทิวไม้ขยับลูกบิดประตูจึงรู้ว่าไม่ได้ล็อก เขาเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปด้านใน


               “ทิวขอโทษ ยกโทษให้ทิวได้ไหมครับ”




                                                                   TBC


                                                        น้องทิวจะง้อพี่แบงค์ยังไงน้า


                                          :o10: :o10: :o10: :o10: :o10: :o10: :o10:


หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 7 [09/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 09-07-2020 21:59:09
ขอให้ง้อกันสำเร็จไวๆ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 7 [09/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-07-2020 22:05:29
ง้อถึงใจต้องยังไงน้า
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 7 [09/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-07-2020 22:45:52
อิพี่แบงค์ต้องแกล้งเล่นตัวให้ทิวง้อแน่ๆ   :hao3:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 7 [09/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-07-2020 16:27:43
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 8 NC [19/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-07-2020 16:44:06



                                                        ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                   บทที่ 8



             “แม่ ทำไมต้องให้โบว์รีบกลับจากเรียนพิเศษเนี่ย กำลังเม้ากับเพื่อนเรื่องแฟนมีทแบมแบมที่พี่มาร์คมาเมื่อวันก่อนฟินๆกันอยู่เลย”


              ธมลวรรณบ่นไม่จริงนักเมื่อต้องนั่งรถแท็กซี่กลับมาถึงบ้าน มารดาโทรบอกให้เธอรีบกลับด่วนเพราะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นที่บ้าน


            “อย่าเพิ่งบ่นไอ้โบว์ ถ้าแกมาช้ากว่านี้จะพลาดมาก” ธนพรดึงแขนลูกสาวมาใกล้ๆแล้วป้องปากกระซิบกระซาบ “พี่ชายแกน่ะมันงอนแฟน แล้วน้องทิวก็มาง้อ ถ้าแกรู้จักสันดานพี่ชายแกเหมือนที่แม่รู้จักลูกชายตัวเอง แกก็ควรจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไมแกต้องรีบกลับบ้าน”


                 ดวงตาหลังแว่นหนาของธมลวรรณเบิกโพลง เด็กสาวหันไปสบตากับมารดาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก


                 “หึหึ เข้าใจแล้ว งานนี้ต้องมีการง้อแฟนเกิดขึ้นสินะ แล้วเราสองคนเอาไงดีแม่”


                 ผู้เป็นมารดายิ้มตอบอย่างมีเลศนัย ไม่ต้องตอบก็เข้าใจซึ่งกัน สองแม่ลูกเดินย่องขึ้นบันได้ไปบนชั้นสองของบ้าน และแอบแนบหูฟังกันอยู่หน้าประตูนั่นเอง







               “ทิวขอโทษ ยกโทษให้ทิวได้ไหมครับ”


               ทิวไม้เบะปากเหมือนจะร้องไห้เมื่อมายืนอยู่ข้างเตียงของธนดล เจ้าของห้องนอนหงายอยู่บนเตียงใช้ท่อนแขนรองศีรษะแหงนหน้ามองเพดาน ไม่มีคำพูดออกจากปากของธนดลแม้แต่คำเดียว ทิวไม้ยิ่งใจเสียแต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือ เขาก้าวมานั่งที่ขอบเตียงพลางก้มหน้าสลดกลั้นน้ำตา


               “ทิวสำนึกผิดแล้ว พี่แบงค์อย่าทำห่างเหินสิ ทิวใจไม่ดีเลย”


                เพราะน้ำเสียงสั่นเครือนั่นเองที่ทำให้ธนดลถอนหายใจ เขาหันมามองทิวไม้ด้วยสายตาตัดพ้อ


                “ทิวจะมาทำหน้าเศร้าใส่พี่ทำไม ตะกี้ยังจะยกพี่ให้คนอื่นอยู่เลย ถ้าทิวเกลียดพี่บอกพี่คำเดียวพี่จะตัดใจจากทิวเอง ไม่จำเป็นต้องยกพี่ให้คนอื่นหรอก”


                 “ทิวขอโทษแล้วไง ทิวแค่ไม่อยากให้พี่แบงค์เสียชื่อเสียง แต่ตอนนี้ทิวไม่ยกพี่แบงค์ให้ใครแล้ว พี่แบงค์ยกโทษให้ทิวนะ นะครับ”


                หัวใจของธนดลพลันเริงร่าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงออดอ้อน เขาแอบหันหน้าไปลอบยิ้มกับตัวเองที่ทิวไม้มาง้อ แต่ เดี๋ยวก่อน! เขาขอตอกย้ำอีกสักนิดว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง ธนดลหันกลับมาทำท่าหมางเมินอีกครั้ง


               “ถ้าทิวไม่อยากอยู่กับพี่ก็ได้นะ เรื่องเตียงที่หอเดี๋ยวพี่ซื้อเตียงใหม่ให้ ทิวจะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้าพี่ไงล่ะ”


                “ไม่ ทิวไม่ไปไหนทั้งนั้น”


                ทิวไม้ทนไม่ไหวแล้วกับท่าทีเย็นชาของธนดล เขาขยับไปบนเตียงแล้วเอนกายกอดธนดลไว้แน่น แถมยังซุกหน้ากับแผงอกล่ำๆของธนดลอีกด้วย


               “พี่แบงค์ไล่ทิวไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ทิวรักพี่แบงค์ รักหมดหัวใจเลยด้วย ทิวไม่ยกพี่แบงค์ให้ใครหรอก พี่แบงค์จะให้ทิวทำอะไรแล้วหายโกรธ ทิวจะทำทุกอย่าง ขอแค่พี่แบงค์กลับมาดีกับทิวเหมือนเดิม”


                เยส!


               ธนดลเงยหน้ายิ้มกว้าง ในที่สุดทิวไม้ก็ยอมเอ่ยปากสารภาพรักออกมา ความพยายามของเขาประสบความสำเร็จแล้ว ต่อจากนี้คือขั้นตอนตอกย้ำความสำเร็จของเขา


               “ทุกอย่างจริงๆเหรอทิว”


               แกล้งทำเสียงลังเลหลอกล่อ ทิวไม้หรือจะมาสู้อดีตเสือเจนเวทีที่ต้องมาสิ้นลายเพราะผู้ชายตัวเล็กได้


              “ฮื่อ พี่แบงค์อยากให้ทิวทำอะไรล่ะ ปลูกดอกกุหลาบให้พี่แบงค์ดีไหม”


               “กว่ากุหลายจะออกดอกมันตั้งหลายเดือนนะ”


                อยากจะบีบแก้มทิวไม้ให้หายมันเขี้ยวแต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อน ยอมแพ้ความไร้เดียงสาอย่างราบคาบ ธนดลดีใจที่ทิวไม้ยอมรับความรักของเขา ต่อจากนี้เขาจะทำทุกอย่างให้ทิวไม้มีความสุข ธนดลจะเลิกเจ้าชู้และมีทิวไม้คนเดียว


               “งั้นพี่แบงค์อยากให้ทิวทำอะไรล่ะ บอกมาสิ พี่แบงค์จะได้หายโกรธ”


               ท่อนแขนหนาด้วยมัดกล้ามโอบทิวไม้เข้าหาตัว ธนดลกระซิบข้างหูเบาๆ


               “ลองทำให้พี่มีความสุข แบบว่า...นะ”


               ทิวไม้ตาโตแก้มแดงเมื่อได้ยินข้อเสนอของธนดล


               “เอ่อ.. ทิวไม่รู้ต้องทำยังไงอะพี่แบงค์”


                “ไม่ยาก พี่มีตัวอย่างให้ดู”


                พูดจบก็คว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่หัวเตียงมาเปิดคลิปที่โหลดเก็บไว้แล้วยื่นให้ทิวไม้ดู ยิ่งดูผ่านไปสักพักจนถึงช่วงท้าย ทิวไม้ก็ยิ่งหน้าแดงแจ๋


                “พี่แบงค์ มันทำกันได้จริงๆเหรอ”


                “อ้าว ได้สิ ไม่งั้นเขาจะถ่ายคลิปพวกนี้มาได้ยังไงล่ะทิว แต่ถ้าทิวไม่อยากทำล่ะก็นะ”


                แสร้งทำหน้าเหมือนเสียใจอีกครั้ง ลูกแกะน้อยก็ตกหลุมนายพรานทันที


                “ทิวอยากทำ ทิวจะทำให้พี่แบงค์เอง”


                ร่างเล็กยันกายลุกนั่ง สีหน้าขัดเขินขณะมือเรียวค่อยๆปลดกระดุมชุดนักศึกษาของธนดลออกทีละเม็ด


               “มือสั่นแบบนี้ พรุ่งนี้ก็ถอดเสื้อพี่ไม่ได้หรอกครับ มานี่ พี่ช่วย”


                กลั้นรอยยิ้มเต็มที่เมื่อธนดลถอดเสื้อผ้าตัวเองออกอย่างรวดเร็ว รวมถึงเสื้อผ้าของทิวไม้ด้วย ไม่นานเขาก็อวดร่างกายล่ำอยู่กับเนื้อตัวนวลเนียนของทิวไม้ ธนดลกลืนน้ำลายและพยายามอดทนที่จะไม่เป็นฝ่ายจับลูกแกะมากินเองเสียก่อน


              “ต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของทิวแล้วนะครับ พี่ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”


              ฮือ แม่จ๋า ทิวจะทำได้ม้ายย


              แต่เพื่อง้อธนดล ทิวไม้อยากจะทำในสิ่งที่เขาขอ ทิวไม้จะต้องทำให้ได้


              เริ่มต้นยังไงนะ


               นึกถึงคลิปที่ธนดลเพิ่งเปิดให้ดูเมื่อครู่ ทิวไม้จึงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆรวบรวมความกล้า หน้าหวานก้มลงมองจุดกึ่งกลางลำตัวของธนดลแล้วถึงกับสะดุ้ง แม้จะมีความสัมพันธ์กันหลายครั้งแต่เขาก็เพิ่งจะเห็นมันเต็มตาเป็นครั้งแรก


                แม่เจ้าโว้ย นึกถึงปลาช่อนตัวใหญ่ที่ตาจับจากบึงมาทำขนมจีนน้ำยาให้กินเลยวุ้ย


               “ทะ ทำไมมัน อื้อ ยะ ใหญ่จังล่ะพี่แบงค์”


                ธนดลเกือบจะหัวเราะแล้ว เขาได้แต่ขยี้ผมของทิวไม้ด้วยความเอ็นดู


               “ใหญ่เหรอ ไม่เคยไปเทียบกับคนอื่นด้วยสิ เลยไม่รู้ว่าใหญ่หรือเปล่า”


               อันที่จริงก็รู้นั่นแหละ เพราะสาวๆเคยบอกเขา ธนดลมีดีทั้งกายภาพและฝีมือจนเป็นที่เลื่องลือ


              “มัน ใหญ่กว่าของผมตั้งหลายเท่า อื้อ”


               ไม่รอดแน่ทิว มึง เอาวะ สู้ๆ


               ตัดสินใจได้แล้วจึงใช้ฝ่ามือกอบกุมให้มันตั้งชันอยู่ในกำมือทั้งสอง ทิวไม้แลบลิ้นแตะไปที่ส่วนหัวเบาๆ


                “ซี้ด”


                ธนดลสูดปาก เขาไม่เคยตื่นตัวขนาดนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะความรู้สึกที่เกิดจากความรักก็ได้ ที่ผ่านมาเป็นความต้องการทางกายเท่านั้น แต่ตอนนี้ที่กำลังรู้สึกเป็นเพราะอีกฝ่ายคือทิวไม้ที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกเห็น


                แม้จะดูงกๆเงิ่นๆ แต่ทิวไม้พยายามเปิดปากเล็กให้กว้าง เขากำลังเลียนแบบภาพในคลิปที่ธนดลเปิดให้ดู ปากเล็กอ้าออกครอบไปที่ปลายมนแล้วก้มหน้าลงไปเพื่อครอบครองอยู่ในโพรงปาก ลิ้นชื้นโลมเลียอย่างไม่ตั้งใจแต่กลับเป็นการดีเมื่อมันกำลังตวัดไปรอบท่อนเนื้อแข็งแกร่งนั้น


                “ดี ทิวทำดีมาก ช้าๆนะครับ ระวังฟันด้วย”


                ธนดลเอ่ยปากติวเข้มเป็นระยะกับการทดสอบครั้งสำคัญ เขาเอื้อมมือวางบนศีรษะทุยของทิวไม้แล้วช่วยขยับขึ้นลงเป็นจังหวะนำทาง เมื่อทิวไม้จับจังหวะได้แล้วเขาก็เริ่มต้นด้วยตนเอง บางครั้งโยกลึกเข้าไปเกือบสำลัก ต้องคายมากลืนน้ำลายบ้าง


              “ทิว พี่ตื่นไปหมดทั้งตัวแล้ว ทิวจัดการพี่เลยเถอะ”


              คนนอนนิ่งเอ่ยเสียงสั่นพร่า ทิวไม้ทำได้ดีกว่าที่คิด หนุ่มน้อยตั้งหน้าตั้งตาโยกจนหน้าแดงปากเปียกชื้นน้ำลายตนเองไปหมด ช่างเป็นภาพที่ยั่วยวนสายตาเหลือเกิน


               ร่างเล็กเงยหน้าจากกึ่งกลาง ทิวไม้เม้มปากห้ามความขัดเขินกับบทต่อไป ตอนนี้ความเป็นชายของธนดลยิ่งแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์


              “พะ พี่แบงค์ แล้วมันจะเข้าไปได้เหรอ มัน ฮื้อ ใหญ่ มากนะ”


              “ก็เคยเข้าไปหลายครั้งแล้วนะครับทิว แล้วทิวก็รับมันได้ดีมากด้วย อย่ากังวลไปเลย พี่รอให้ทิวพิสูจน์ตัวเองเพื่อพี่อยู่นะครับ”


               รีบตอกย้ำเมื่อเห็นความกังวลของทิวไม้ ธนดลส่งยิ้มปลอบประโลมและดึงแขนให้ทิวไม้ขยับขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนเอวของเขาพลางใช้ความแข็งแกร่งถูไถหลอกล่อไปตามร่องลึก


              เอาก็เอาวะ เพื่อพี่แบงค์


              เมื่อทำใจสู้ได้แล้ว ทิวไม้จึงโหย่งเอวขึ้นแล้วจับปลาช่อนยักษ์มาจากที่ปากประตูถ้ำของตนอย่างเก้ๆกังๆ ธนดลแอบช่วยดันมันเข้าไปในปากทาง มือแกร่งของเขาจับเอวของทิวไม้พร้อมกับกดลงเพื่อให้มันสอดเข้าไปโดยง่าย


                ถ้ามัวแต่รอทิวไม้ สงสัยจะพรุ่งนี้ถึงได้เสียบ


                “อึก อื้อ พี่แบงค์ ลึกจัง”


                ธนดลกดเอวเขาจนท่อนเนื้อดันเข้าไปจดมิดด้าม เรียกได้ว่ามันแทงเข้ามาลึกจนเกือบจุก ทิวไม้นิ่วหน้าขณะพยายามทรงตัวอยู่โดยมีธนดลให้กำลังใจ


               “เห็นไหม เข้าไปหมดแล้ว ทิวของพี่เก่งจะตาย”


               ทิวไม้ยิ้มรับ ใช่สิ เขาเก่ง  แม่เคยบอกว่า เขาวิ่งแข่งได้ที่หนึ่งของโรงเรียนตอนป.สอง เรื่องแค่นี้จะยอมแพ้ไม่ได้ แล้วยิ่งตอนนี้ปลาช่อนของธนดลกำลังส่ายหัวไปมาอยู่ข้างใน มันทำให้ทิวไม้อึดอัด นั่นแหละ มันแน่นอก ต้องยกออก


              “ทิวจะขยับแล้วนะพี่แบงค์ ตอนนี้ทิว อื้อ เสียวอ้ะ”


              ยังมีหน้าไปบอกเขาอีก ทิวไม้เขินจนเลือดลมวิ่งพล่านไปหมดทั้งตัว ธนดลยิ้มรับ


              “ได้เลยครับทิว พี่รออยู่”


               อันที่จริงลืมภาพในคลิปไปหมดแล้ว ตอนนี้ทิวไม้ขยับกายด้วยสัญชาตญานอย่างแท้จริง เขาทดลองขยับให้ท่อนเนื้อภายในสัมผัสไปทุกส่วน จนกระทั่งเขาค้นพบจุดที่ทำให้เขาพอใจที่สุด


              “โอ๊ย ทำไมมันถึง อื้อ ดีแบบนี้นะ”


               ทิวไม้หลับหูหลับตาโยกกายขึ้นลง ธนดลช่วยยึดร่างเล็กให้อยู่บนร่างของเขาได้เต็มที่ แรงที่ทิวไม้โยกไปมาสร้างความกระสันให้เหลือล้นจนต้องปล่อยเสียงออกมาสู้กับอีกฝ่าย


               “ทิว ดีมาก อื้อหือ แรงดี”


                “พะ พี่แบงค์ เสียว แต่เหนื่อย อื้อ จะหมดแรง ทำไงดี”


                เหงื่อออกเต็มตัวแล้ว เครื่องปรับอากาศไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก็เพราะทิวไม้ออกแรงจนตัวสั่น ไม่อยากหยุดแต่มันเหนื่อย ทำไงดี


                 “งั้นพี่ช่วยเอง”


               โอบเอวทิวไม้แล้วขยับนิดเดียวแผ่นหลังเนียนก็เอนไปติดเตียง ธนดลจับท่อนขาของทิวไม้เปิดกว้าง เขาทรงกายด้วยเข่าก่อนจะกลายเป็นฝ่ายบุกพาทิวไม้ขึ้นสวรรค์


               “อื้อ พี่แบงค์ อีกนิดเดียว”


                 คล้องคอธนดลไว้แน่นเมื่อกล้ามเนื้อกำลังบิดเกร็ง ธนดลช่วยส่งให้ถึงฝันด้วยการคว้าเจ้าหนอนน้อยของทิวไม้มากุมไว้แล้วโยกให้ อีกไม่กี่วินาทีทิวไม้ก็ส่งเสียงดังลั่นแล้วนอนแผ่หราหอบหนัก ธนดลเร่งเอวติดตามทันที เขากระแทกกระทั้นเร็วลึกอีกอึดลมหายใจก่อนจะดึงกายออกมาปล่อยให้ลาวาอุ่นร้อนรินรดอยู่บนกายของทิวไม้


               ธนดลเอนกายลงไปกอด เขาหอมแก้มทิวไม้ฟอดใหญ่


               “ขอบคุณนะครับทิว มีความสุขจัง”


                มองทิวไม้หวานฉ่ำจนทิวไม้ต้องหลบสายตา


                “พี่แบงค์หายโกรธทิวยังเหอะ อุตส่าห์ทำขนาดนี้แล้ว”


                “หายโกรธแล้วครับ ต่อไปนี้ห้ามไปยกพี่ให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้านะ”


                หน้าหวานส่ายหน้าจนผมกระจาย


                “ไม่มีทาง ตอนนี้พี่แบงค์เป็นของทิวแล้ว ทิวไม่ยอมยกพี่แบงค์ให้ใครแน่ๆ”


                “เราเป็นแฟนกันนะทิว”


               เสียงของธนดลฉ่ำหวานขนาดนี้ จะให้ทิวไม้ตอบอย่างอื่นได้อย่างไร


               “ฮื่อ เป็นแฟนกัน”


               ธนดลยิ้มกว้าง เขาจูบที่เรียวปากอิ่มเป็นรางวัล


               “หมดแรงเพราะทิวเลย แต่งตัวไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ หิวแล้ว”


               อุ้มทิวไม้ไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวใหม่เรียบร้อย ธนดลจึงโอบบ่าเล็กเดินไปที่ประตูห้อง และเมื่อเปิดประตูออกไปเขาถึงกับหัวเราะ


               “แม่ ไอ้โบว์ มานั่งทำอะไรกันหน้าห้องผมเนี่ย”




มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 8 NC [19/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-07-2020 16:55:43


อ่านต่อตรงนี้...




              มารดากับน้องสาวแสนแสบนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้นหน้าประตู แต่ละคนมีรอยเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก


              “เอ่อ แม่ ไหวไหม ถ้าแม่ไหวแม่ไปก่อนเลยนะ โบว์ไม่ไหว”


              ธมลวรรณที่ยังดวงตาล่องลอยเอยกับมารดาที่นั่งข้างกัน ธนพรกลืนน้ำลายอึกใหญ่


              “แป๊บนะโบว์ เราไปสภากาชาด ไปขอเลือดกันดีไหม”


               ทิวไม้รีบทรุดนั่งด้วยความเป็นห่วงทั้งคู่


               “คุณแม่ น้องโบว์ เป็นอะไรกันครับ ทำไมมีเลือด ไปโรงพยาบาลไหมครับ พี่แบงค์มาช่วยคุณแม่กับน้องโบว์เร็ว เป็นอะไรกันก็ไม่รู้ พาไปโรงพยาบาลดีกว่า”


              ธนดลยิ้มขำ เขาดึงทิวไม้ให้ลุกขึ้นยืนพลางมองทั้งคู่อย่างรู้ทัน


              “ไปโรงพยาบาลแล้วบอกอาการว่ายังไง เสียเลือดเพราะแอบถ้ำมองงี้เหรอ หึหึ ปล่อยไปเถอะทิว แม่กับโบว์ไม่เป็นอะไรมากหรอก ถ้าทิวอยากให้แม่กับโบว์หายนะ เราก็ต้องจู๋จี๋กันบ่อยๆ พอชินกันแล้วก็เลิกไปเองแหละ ไป เราไปหาอะไรอร่อยๆกันฉลองที่เราเป็นแฟนกันดีกว่า”


              พูดจบธนดลก็ลากแขนทิวไม้ออกไป ทิ้งให้มารดากับน้องสาวนั่งตาลอย


             “ไอ้พี่แบงค์ ไม่มีทาง อะไรคือคำว่าชิน”


               ธมนวรรณตะโกนตามหลังพี่ชาย มารดาตบไหล่เบาๆ


               “เราไปแอบซื้อกล้องกันไหมโบว์”


               ลูกสาวยิ้มแห้งเมื่อได้ยินมารดาพูด


               “แม่ แค่เสียงเรายังจะขาดใจตาย ถ้าภาพด้วยโบว์ว่ามีเก็บศพอะ แค่นี้ก็ฟินไปถึงดาวอังคารแล้วน่า”


               “อืม ก็ได้ แต่คราวหน้า แกซื้อสเปรย์ไล่ยุงมาด้วยนะโบว์ เราจะได้ไม่แขนขาลายหรือเป็นไข้เลือดออก เราต้องเก็บเลือดไว้เพื่อความฟินเท่านั้น”


                สาวต่างวัยหันมาสบตาก่อนจะพากันหัวเราะคิกคักเมื่อคิดถึงความฟินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต








              “เดินดีๆโว้ยไอ้เหี้ยบัฟ อุตส่าห์แต่งตัวกันหล่อๆ”


              ทิวไม้กระโดตตบหัวเพื่อนเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของบัฟ


             “เออ แม่ง ไม่ชินไง ถ้ามึงไม่ลากกูกับไอ้สมเสร็จมาด้วย กูจ้างก็ไม่แต่งตัวแบบนี้หรอก”


               วันนี้ทั้งสามแต่งตัวมาด้วยเสื้อผ้าที่ธนดลเป็นคนเลือกและจ่ายเงินให้ เพื่อมาในงานเลี้ยงที่เขาเป็นเจ้าภาพเปิดตัวคนรักที่ผับระดับหรูแห่งหนึ่ง


              “เหี้ยทิว จะมีแฟนต้องลำบากเพื่อน มึงดู ทั้งชุดนี่หลายพัน กูไม่กล้าเดินเลย แล้วนี่มางานที่มีแต่เด็กบริหาร ไอ้เรามันเด็กเกษตร ใครเขาจะมาเกลือกกลั้วด้วยวะ”


              “บ่นอะไรกัน เข้าไปได้แล้ว อยากกินเหล้าที่ผับซอยทองหล่อไม่ใช่เหรอ”


              ธนดลเดินมาสบทบเมื่อหาที่จอดรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ร่างสูงเดินนำเข้าไปในห้องวีไอพีที่มีแต่กลุ่มเพื่อนๆของเขาจองห้องไว้ในคืนนี้


              ธนดลทักทายเพื่อนๆและแนะนำกลุ่มของทิวไม้ให้รู้จัก เพื่อนของธนดลนิสัยเฮฮาไม่ต่างกัน ทิวไม้ บัฟ และสมเสร็จจึงโล่งใจ แต่ท่ามกลางเสียงเพลงเร้าใจ กลับมีเสียงหนึ่งแทรกดังขึ้น


             “นิดหน่อย นั่นใช่นิดหน่อยหรือเปล่า”


             ทิวไม้เลิ่กลั่ก เขาหันไปสบตากับธนดล เจ้าภาพเองก็ยังงงอยู่


             “ใช่แน่ๆ นิดหน่อยแน่ๆ”


             ธนดลหันไปมองเพื่อนชายคนหนึ่งที่มีมาดคุณหนูทุกกระเบียด เขาคนนั้นกำลังเดินตรงเข้ามาหา


             “อะไรของมึงไอ้หมอก ใครวะนิดหน่อย แถวนี้ไม่มีคนชื่อนี้โว้ย นี่ทิวแฟนกู นี่บัฟกับสมเสร็จเพื่อนทิว”


              เพื่อนของธนดลที่ชื่อหมอกยังคงยืนกรานอยู่ด้วยความมุ่งมั่น


             “นิดหน่อย อย่าหลบตาสิ นายคือนิดหน่อย หรือวศิน มีวินัย ใช่ไหม”


             ทิวไม้อ้าปากหวอ เขาหันขวับไปทางบัฟเช่นเดียวกับสมเสร็จเพราะจำชื่อจริงของบัฟได้ เจ้าตัวได้แต่ยืนยิ้มแห้ง


              “เหี้ยบัฟ มึงคือนิดหน่อยหรือวะ”


               ชายหนุ่มที่ชื่อหมอกตรงเข้าไปยืนประจันหน้าพลางมองด้วยแววตาเจ็บช้ำ


              “ลืมกันแล้วสินะ ใช่สิ ผ่านไปเป็นสิบปีแล้วนี่ เราคงไม่มีความหมายสำหรับใครแล้ว”


               ทุกคนได้แต่มองมาทางเขาเป็นตาเดียว แล้วบัฟหรือ วศิน มีวินัย หรือนิดหน่อย จะกล้าพูดอะไรออกไปได้เล่า



                                                                  TBC

                                             อะไรยังไงอะ นิดหน่อย บอกมาเลยน้า บอกมา



                                                :m29: :m29: :m29: :m29: :m29: :m29: :m29:


หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 8 NC [19/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 19-07-2020 19:43:35
 :hao4:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 8 NC [19/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-07-2020 19:46:03
คุณแม่กะคุณน้องคงต้องเตรียมเลือกสำรองมาไว้เยอะๆ แล้วล่ะ เค้าเป็นแฟนกันแล้ว.  :laugh:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 8 NC [19/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-07-2020 20:11:28
ง้อเก่งมาก น่าตบรางวัลอีกสักสองดอก
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 8 NC [19/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 19-07-2020 22:53:41
กว่าจะชิน ระวังเลือดไหลหมดตัวน๊าา
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 8 NC [19/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-07-2020 09:28:02
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-07-2020 19:01:51



                                                     ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                  บทที่ 9

10 ปีผ่านมาแล้ว
ณ หมู่บ้านวังอีฉุย



               ไอ้นิดหน่อย ไอ้นิดหน่อย ตื่นหรือยัง ไอ้เหี้ยนิดหน่อย”


               เด็กชายวศิน มีวินัย หรือชื่อเล่นที่พ่อแม่ตั้งให้ว่า “นิดหน่อย” สะดุ้งตื่นขึ้นมาก็เพราะคำนำหน้าชื่อที่ได้ยินเพื่อนตะโกนเรียกจากช่องหน้าต่าง นึกดีใจที่พ่อตั้งว่านิดหน่อย พอเพื่อนเติมเหี้ยเข้าไป มันเลยดูไม่เหี้ยเท่าไหร่


              “พวกมึงยกทัพมาทำไมกันแต่เช้า”


               นิดหน่อยในวัยสิบขวบชะโงกหน้ามองลงไปทางหน้าต่างของบ้านไม้สองชั้น เขายกมือแคะขี้ตามองผองเพื่อนอีกสี่คนในกลุ่มเดียวกัน ไอ้ป๋อง ไอ้เขียว ไอ้นัด ไอ้ดำ ต่างก็ยืนเท้าเอวมองขึ้นมาทางเขา


               “เช้าห่าอะไร เดอะซันส่องตูดขนาดนี้แล้ว” ไอ้นัดคนเรียนเก่งที่พึ่งของกลุ่มกระแดะใช้ภาษาอังกฤษ “มึงลงมาเร็วๆเลย แล้วไปบ้านป้าชื่นกัน”


               นิดหน่อยขมวดคิ้ว จำได้ว่าป้าชื่นไปทำงานเป็นแม่บ้านให้คุณหญิงคุณนายในกรุงเทพ


               “มีอะไรที่บ้านป้าชื่น มึงจะไปยืนส่องปลวกที่คานบ้านป้าหรือไง”


               “ก็เพราะมัวแต่นอนอย่างกับควายจมปลักอย่างมึงเนี่ย ถึงไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรกับเขาเลย”


               ไอ้ป๋องด่ามา ความจริงเรื่องเหี้ยเขาก็พอรู้จักนะ นิดหน่อยเห็นที่คูน้ำท้ายวัดหลายตัว


               “ป้าชื่นพาเด็กผู้หญิงมาคนนึงโว้ย เห็นแม่กูที่ไปส่องแต่เช้ากลับมาเล่าให้พ่อฟัง บอกว่าเป็นลูกสาวเจ้านายป้าชื่นที่เป็นโรคภูมิแพ้ ป้าชื่นเลยพามาอยู่ที่หมู่บ้านเราเพื่อจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ช่วงปิดเทอมใหญ่ พวกกูก็เลยจะไปดูหน้าคุณหนูเขาเสียหน่อย”


               แม่ไอ้เขียวขึ้นชื่อเรื่องการส่องชาวบ้านอยู่แล้ว ข่าวนี้ย่อมตกถึงหูไอ้เขียวเร็วกว่าคนอื่น นิดหน่อยกระโดดลงจากเตียงเข้าห้องน้ำ คว้าแปรงสีฟันมาถูฟันสามทีแล้วก็รีบบ้วนน้ำทิ้ง ก่อนจะวิ่งออกจากบ้านมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ


               หมู่บ้านวังอีฉุย เป็นหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ชาวบ้านทำนาทำสวน บ้านทุกหลังในหมู่บ้านต่างก็รู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี หากมีข่าวอะไรที่แปลกใหม่กว่าชีวิตประจำวันแล้วเพียงไม่ถึงครึ่งวันข่าวก็จะแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน และช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ เด็กๆจึงหยุดเรียนวิ่งเล่นกันตามท้องนา บรรยากาศที่นี่จึงเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง


              พรรคพวกวิ่งกันไม่ทันรู้สึกเหนื่อยก็มาถึงบ้านป้าชื่นที่ปกติปิดไว้ให้น้องสาวที่มีบ้านใกล้กันช่วยดูแล แต่วันนี้บ้านป้าชื่นเปิดกว้างรับแขกซึ่งก็คือชาวบ้านที่เป็นญาติๆกันมาเยี่ยม เมื่อวิ่งมาถึงนิดหน่อยกับเพื่อนจึงเกาะขอบหน้าต่างมองเข้าไปด้านใน ป้าชื่นนั่งคุยกับเพื่อนฝูงซึ่งก็รวมถึงแม่ของนิดหน่อยด้วย ถึงว่าไม่มีกับข้าวให้ลูกกินเพราะแม่มานั่งอยู่ที่นี่เอง


               “นั่นไงๆ นั่งข้างๆป้าชื่น”


                เดอะแก๊งเด็กชายหันไปมองเป้าหมายเป็นตาเดียวรวมทั้งนิดหน่อยด้วย เขาได้แต่ตะลึงงันมองเด็กหญิงที่นั่งข้างป้าชื่น เด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมบาง ตัดผมบ๊อบหน้าม้า ผิวขาวราวกับสำลี ใส่เสื้อผ้าชุดติดกันสีชมพูมีลายคิตตี้ตรงหน้าอก


               “น่ารักว่ะ”


                นิดหน่อยรำพัน เด็กผู้หญิงในหมู่บ้านมีแต่ตัวดำเป็นเหนี่ยง แก่นแก้วกะโหลกกะลา ไม่มีใครน่ารักเหมือนเด็กหญิงคนนี้เลย


                “นั่นใครแวบๆ”


                ป้าชื่นตะโกนเสียงดัง พวกเพื่อนของเขาแตกฮือพากันวิ่งหนี ทิ้งไว้แต่นิดหน่อยที่ยังยืนอ้าปากค้างสติไม่สมประกอบ


               “ไอ้นิดหน่อย เข้ามาเดี๋ยวนี้ ปิดเทอมไม่เคยอยู่บ้านไอ้ลูกคนนี้”


              แม่กวักมือเรียก นิดหน่อยจำต้องเดินเข้าไปในบ้าน เขายกมือสวัสดีป้าชื่นทั้งที่ยังละสายตาจากเด็กหญิงคนนั้นไม่ได้เลย ยิ่งแก้มอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นสีชมพูเขาก็ยิ่งตะลึงมอง


              “เอ้า แล้วก็เอาแต่จ้องมองพี่เขา หน้าแดงหมดแล้ว”


              “อย่าไปดุมันเลย” ป้าชื่นพูดกับแม่ของนิดหน่อย “ไอ้นิดหน่อยมาก็ดีแล้ว พอจะพึ่งพาได้ไม่ทโมนเหมือนพวกที่เหลือ นิดหน่อย ป้าจะฝากดูแลคุณหมอกนะ คุณหมอกจะมาอยู่วังอีฉุยจนกว่าจะเปิดเทอมกลับไปเรียน ก็อีกราวๆเดือนนึงนั่นแหละ ฝากพาคุณหมอกไปเที่ยวเล่นแต่อย่าให้อันตรายก็แล้วกัน คุณหมอกคะ ไอ้เจ้านี่มันชื่อนิดหน่อย คุณหมอกอยากเล่นอะไรหรืออยากเที่ยวที่ไหนให้เจ้านิดหน่อยพาไปได้เลยนะคะ ถือเสียว่าวังอีฉุยเป็นบ้านคุณหมอกค่ะ”


                เพราะเหตุนี้นี่เอง อีกไม่ถึงสิบนาทีต่อมา นิดหน่อยจึงได้มายืนอยู่หน้าบ้านป้าชื่นพร้อมกับเด็กหญิงหมอก


                “เราชื่อหมอกนะ อายุสิบสองปี”


                หมอกแนะนำตัว นิดหน่อยเอียงคอมองด้วยความแปลกใจ


                “คุณหมอกอายุสิบสองจริงอ้ะ ทำไมตัวเล็กจัง ผมอายุสิบขวบยังตัวใหญ่กว่าตั้งเยอะ”


                เมื่อหมอกพูดคุยด้วยโดยไม่มีท่าทีหยิ่งเหมือนลูกคุณหนูอย่างที่นิดหน่อยคาดไว้ เขาจึงพอจะหายตื่นเต้นลงบ้าง หมอกยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าไร้เดียงสาของเพื่อนใหม่ที่อายุน้อยกว่าสองปี


              “ก็เราไม่ค่อยแข็งแรง ตัวก็เลยเล็ก พ่อกับแม่ลองส่งมาให้อยู่ในสถานที่อากาศบริสุทธิ์เผื่อจะแข็งแรงขึ้นบ้าง อ้อ แล้วนิดหน่อยไม่ต้องเรียกเราว่าคุณก็ได้นะ เรียกพี่หมอกดีกว่าจะได้สนิทกัน”


               หมอกยิ้มหวาน นิดหน่อยกลายเป็นฝ่ายหน้าแดงเสียเอง เขาไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักขนาดนี้มาก่อน และหลังจากนั้นเขากับหมอกก็กลายเป็นคู่หูคู่ใหม่ นิดหน่อยพาหมอกไปเที่ยวในหมู่บ้าน ไปตามคันนาท้องร่อง ไปเล่นกับเพื่อนของเขา แต่ถ้าหากเพื่อนของนิดหน่อยเล่นอะไรกันแรงๆ นิดหน่อยก็จะคอยปกป้องไม่ให้หมอกบาดเจ็บ


               “แหม ไอ้นิดหน่อย เดี๋ยวนี้สนิทกับลูกคุณหนูเหมือนเป็นแฟนกันเลยน้า”


               ไอ้ดำแซวเพื่อนในตอนเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่ไปส่งหมอกที่บ้านป้าชื่นแล้ว นิดหน่อยยืดอกรับแม้จะเขินที่เพื่อนแซว


               “พี่หมอกน่ารักใช่ไหมล่ะ พวกมึงอย่าอิจฉากูเลยที่มีแฟนน่ารัก”


                “โหย ไอ้นิดหน่อย เขารับมึงเป็นแฟนยังเหอะ อีกไม่นานเขาก็ต้องกลับไปแล้ว ตอนนั้นมึงน่ะต้องแห้วแน่เลย”


               ไอ้เขียวเป็นคนขัดคอ นิดหน่อยฟังแล้วหัวใจห่อเหี่ยว เขาลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย


               “เออ คืนนี้มีงานที่วัด ปิดทองฝังลูกนิมิต มีลิเกด้วยนะมึง ชวนพี่หมอกไปด้วยสิ”


               ทั้งสามหมู่บ้านที่มีอาณาเขตติดกัน มีวัดอยู่แห่งเดียว และวันนี้มีงานวัดซึ่งนานๆจะมีครั้ง ย่อมไม่มีใครอยากพลาดความสนุกเช่นนี้ พอพลบค่ำนิดหน่อยและแก๊งจึงพากันไปบ้านป้าชื่นเพื่อขออนุญาตให้หมอกไปด้วย


                “แล้วอย่ากลับกันดึกล่ะ ดูแลคุณหมอกดีๆด้วยนะ”


                หมอกตื่นเต้นมาก วันนี้หมอกใส่กางเกงขายาวสีฟ้าอ่อน เสื้อยืดสีขาวลายการ์ตูน นี่จะเป็นครั้งแรกที่หมอกได้เที่ยวงานวัด


               “โอ้โห น่าสนุกจังเลย”


              หมอกเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความตื่นเต้น นิดหน่อยเคยพาหมอกมาเที่ยววัดแล้ว แต่ไม่ใช่ในยามค่ำคืนที่มีแสงไฟตระการตาเช่นนี้ เสียงดังจากลำโพงแข่งกันดังจนไม่รู้จะเลือกฟังอะไรก่อนดี มีทั้งร้านขายของ ขายอาหาร และยังมีลิเกมาเล่นอีกด้วย


              “เราเพิ่งเคยเห็นลิเก อยู่ดูแป๊บนึงนะ”


              หมอกบอกนิดหน่อยแบบนั้น นิดหน่อยจึงตามใจ ส่วนเพื่อนของเขาที่เบื่อจากลิเกพากันไปยิงปืนลมปาลูกโป่งใกล้ๆกับวิกลิเกพอมองเห็นกันได้ นิดหน่อยเห็นหมอกตื่นเต้นแจ่มใสเขาก็ดีใจ


               “เฮ้ย มึงมายิ่งเป้าของกูทำไม”


               เสียงดังเกิดขึ้นที่หน้าร้านยิงปืนลม นิดหน่อยหันขวับไปมองทันที เพื่อนของเขากำลังเผชิญหน้ากับเด็กที่นิดหน่อยจำได้ว่าอยู่หมู่บ้านวังอีทก หมอกเองก็หันไปมอง เมื่อเห็นกลุ่มเพื่อนของนิดหน่อยถูกเด็กชายอีกกลุ่มมองเขม่น สีหน้าของหมอกเต็มไปด้วยความตกใจ


              “นิดหน่อย ไปห้ามพวกนั้นกันเร็ว อย่าให้มีเรื่องเลย”


               นิดหน่อยพยักหน้า เขากับหมอกรีบวิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนทันที


              “กูก็ยิงเป้ากู แต่มันแฉลบไปหาเป้ามึงแค่นั้น มึงจะโวยวายกันทำไมเนี่ย”


               ไอ้ป๋องเท้าเอวมอง เด็กบ้านนอกอย่างพวกเขาสิบขวบก็ตัวโตพอจะหาเรื่องกันได้แล้ว นิดหน่อยกับหมอกมาถึงก็รีบเอ่ยห้าม


               “ใจเย็นโว้ย อย่าทะเลาะกัน”


                เด็กจากวังอีทกหันมามอง เห็นนิดหน่อยกับหมอกก็ยังหาเรื่องต่อ


                “ทำไม  ทำเป็นแมนอวดสาวเหรอมึงน่ะ ต่อยกับเพื่อนกูไหมล่ะ”


               “โอ๊ย กวนส้นตีน ทนไม่ไหวแล้วโว้ย”


                ไอ้เขียวที่ห้าวที่สุดเปิดโรงคนแรก การตะลุมบอนของเด็กสองกลุ่มก็เกิดขึ้น นิดหน่อยเองก็ถูกเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาต่อย เขารีบเบี่ยงหลบแล้วต่อยสวนไปได้หมัดหนึ่ง


              “เหี้ย มึงชกจมูกกู”


               มันโวยวายแล้วทำท่าจะเข้ามาชก แต่เห็นนิดหน่อยตั้งการ์ดแล้วก็ชักแหยง พอเหลือบตามองเห็นหมอกที่ยืนตัวสั่นอยู่ มันก็เปลี่ยนเป้าหมาย


               “มีแฟนน่ารักใช่ไหม ดีล่ะ”


                มันตรงเข้ามาฉุดแขนหมอก หมอกร้องลั่นด้วยความตกใจพร้อมกับยกมือชกไปสะเปะสะปะจนไปซ้ำกับรอยเก่าที่นิดหน่อยต่อยไปครั้งแรก มันก็ยิ่งโมโหหนัก


               “ผู้หญิงอะไรวะ หมัดหนักชิบหาย มึงงงง”


                มันดึงมีดคัตเตอร์จากกระเป๋ากางเกง แล้วทำท่าจะกรีดใส่หน้าของหมอก นิดหน่อยตกใจแทบสิ้นสติ เขารีบเข้ามาขวางแล้วสู้กับมันโดยมีหมอกหลบอยู่ด้านหลัง


                “มึงจะทำอะไรพี่หมอก”


                 มีดคัตเตอร์แกว่งฉวัดเฉวียน เสี้ยววินาทีหนึ่งมันก็บาดเข้าที่ต้นแขนของหมอกจนเจ้าตัวร้องโอ๊ย นิดหน่อยหน้ามืด เขาตรงเข้าไปชกมันจนหน้าหงาย


                “เฮ้ย ไอ้เด็กพวกนี้ ต่อยกันทำไมวะ”


                เสียงกรรมการวัดคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับวิ่งมาโดยมีไม้ตะพดในมือ วงตะลุมบอนแตกฮือวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง นิดหน่อยดึงข้อมือของหมอกให้วิ่งหนีมาทางด้านหลังที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วและไม่มีใครตามมาเขาก็ถอนหายใจ


                “นั่งตรงนี้ก่อนนะพี่หมอก”


               เขาให้หมอกนั่งพักที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นหูกวาง ตรงนั้นมีเสาไฟอยู่ดวงหนึ่ง พอทำให้มองเห็นได้ในความมืด นิดหน่อยดึงแขนของหมอกมาจ้องมอง หมอกฝืนยิ้มพลางใช้ผ้าเช็ดหน้ากดปากแผลไว้ ดีที่แผลไม่ลึกเลือดจึงหยุดไหลเร็ว แต่กระนั้นก็ยังมองเห็นบาดแผลยาวสักสองนิ้วได้ นิดหน่อยกัดฟันด้วยความโมโหที่เขาดูแลหมอกไม่ดีทำให้หมอกได้รับบาดเจ็บ


              “ไม่เป็นไรนะนิดหน่อย อย่าโทษตัวเองเลย”


              “ไม่โทษได้ยังไง พี่หมอกเป็นแผลแบบนี้ ถ้าเป็นแผลเป็นล่ะ พี่หมอกเป็นผู้หญิงนะ”


               หมอกนิ่งงันพลางหรุบตาลง


                “ก็แค่แผลเป็นนิดเดียวเอง ไม่เป็นไรน่า”


                นิดหน่อยมองใบหน้ากังวลของหมอก เขาเข้าใจ หมอกเป็นผู้หญิงก็ย่อมกังวลเรื่องพวกนี้ ซึ่งมันเกิดขึ้นเพราะเขา นิดหน่อยตัดสินใจแล้วว่าเขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น มือเล็กของหมอกถูกเขากุมไว้แน่น


               “ผมจะรับผิดชอบเอง ถ้าพี่หมอกโตขึ้นผมจะแต่งงานกับพี่หมอก เราเป็นแฟนกันนะ”


               หมอกเงยหน้า ดูเหมือนจะตกตะลึงไปชั่วขณะ


               “นิดหน่อย พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม”


               “รู้สิ ผมรู้ตัวดี ผมบอกว่าผมจะแต่งงานกับพี่หมอกไงล่ะ”


                นิดหน่อยกลอกตาไปมา เขาคิดถึงละครที่แม่ชอบดู ตอนจบของละครเวลาพระเอกของนางเอกแต่งงานต้องทำยังไงนะ อ๋อ นึกออกแล้ว


                เขาโน้มตัวไปหาปากกระจับสีแดงนั่นแล้วจูบที่ปากอิ่ม หมอกตกใจจนตัวแข็ง นิดหน่อยเองก็ตื่นเต้นจนขาสั่น ทั้งคู่เงียบงันเมื่อนิดหน่อยถอนจูบออกมา ดวงตาสองคู่ต่างจ้องมองกันโดยไร้บทสนทนา แก้มของหมอกเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนมะเขือเทศสุก ยิ่งทำให้น่ารักมากขึ้นไปอีก นิดหน่อยดึงแขนให้หมอกลุกขึ้น


               “กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวป้าชื่นดุผมอีก”


                นิดหน่อยเดินกุมมือนุ่มไปตลอดทาง เขาสัญญากับตัวเองว่าโตขึ้นเขาจะแต่งงานกับหมอกอย่างที่ลั่นปากไว้




มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-07-2020 19:12:46


อ่านต่อตรงนี้..



               ตอนสายของวันรุ่งขึ้น เดอะแก๊งของนิดหน่อยมาชวนให้ไปเล่นน้ำกันที่คลอง โดยมีหมอกมาด้วยเช่นเดิม อากาศร้อนทำให้น้ำในคลองแห้งลงจนเหลือแค่เอวเท่านั้น


              “แม่ง ยังเจ็บใจไม่หาย แต่กูก็ต่อยพวกมันหลายยกนะ พี่หมอกเป็นไงบ้าง แผลหายหรือยัง”


              ไอ้นัดเอ่ยถาม เขามองเห็นตอนหมอกถูกมีดคัตเตอร์บาดแขนพอดี หมอกยิ้มหวานพลางตอบเสียงใส


              “ไม่เป็นไรแล้ว ป้าชื่นล้างแผลปิดพลาสเตอร์ยาให้ แต่เราบอกป้าชื่นว่าถูกสังกะสีบาด ต้องตอบให้ตรงกันนะ”


               “อย่างนี้พี่หมอกก็ต้องมีแผลเป็นสิ น่าสงสารจัง เป็นเด็กผู้หญิงด้วย”


               หมอกก้มหน้ายิ้มเอียงอาย นิดหน่อยยืดอกรับ


               “กูจะรับผิดชอบพี่หมอกเอง โตไปกูจะแต่งงานกับพี่หมอก ตอนนี้เราสองคนเป็นแฟนกันแล้ว”


              เสียงโห่แซวดังขึ้นทันที โดยเฉพาะไอ้ป๋องช่างแซว


              “ปากเก่งนักนะมึง อย่าลืมคำพูดตัวเองล่ะ มึงต้องแต่งงานกับพี่หมอกจริงๆนะ”


              “เออสิ กูจะเป็นเจ้าบ่าวให้พี่หมอกเป็นเจ้าสาว”


              เดินมาถึงคลองน้ำใส เด็กชายทั้งหลายก็กระโดดลงน้ำกันน่าสนุก หมอกนั่งมองพลางอยากลงไปเล่นด้วย


              “พี่หมอก มาเล่นน้ำด้วยกัน น้ำตื้นแค่เอวเอง”


              นิดหน่อยกวักมือเรียก หมอกจึงลุกขึ้นเดินไปเล่นน้ำด้วย เล่นกันพักใหญ่จึงชักชวนกันขึ้นจากน้ำ เนื้อตัวเปียกปอน เสื้อผ้าเปียกลู่แนบไปกับตัว ขณะที่หมอกก้าวเดินกลับเผลอเหยียบชายกางเกงตนเองจนขอบเอวเลื่อนหลุด


               “ว้าย”


               “เฮ้ย”


                ทุกคนต่างตกใจ เพราะเห็นในสิ่งที่ไม่คาดคิดโดยเฉพาะนิดหน่อย


                “ทำไมพี่หมอกมีหนอนน้อยเหมือนพวกเราวะ ก็พี่หมอกเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”


                 หมอกรีบดึงกางเกงขึ้น ตาแดงก่ำทั้งสองข้าง


                “ใช่ เราเป็นผู้ชาย แล้วไงล่ะ ฮือ”


                หมอกยกมือเช็ดน้ำตาก่อนหันหลังวิ่งกลับบ้าน ทิ้งให้เด็กชายทั้งหลายมองหน้ากันเลิ่กลั่ก


                “อ้าว พี่หมอกเป็นผู้ชาย แล้วไอ้นิดหน่อยมันสัญญาว่าจะแต่งงานกับพี่หมอกล่ะ”


               ไอ้นัดถามขึ้น ไอ้มืดตอกย้ำ


              “ถ้าอย่างนั้นไอ้นิดหน่อยก็จะมีเมียเป็นผู้ชายไงล่ะ ฮ่าๆๆ”


               “ไอ้นิดหน่อยมีเมียเป็นผู้ชาย ไอ้นิดหน่อยมีเมียเป็นผู้ชาย”


               “ไม่”


               นิดหน่อยตะโกนด้วยความเสียใจ เขาไม่นึกเลยว่าหมอกจะเป็นเด็กผู้หญิง เขาวิ่งกลับไปบ้านของตัวเองเพราะไม่กล้าสู้หน้าเพื่อน


               “แม่ พี่หมอกเป็นผู้ชาย”


                เขาโวยวายกับแม่ที่ทำงานบ้านอยู่ แม่เหมือนจะไม่แปลกใจ


                 “ใช่สิ คุณหมอกเป็นเด็กผู้ชาย แต่ป่วยบ่อย คุณยายก็เลยให้ถือเคล็ดแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิง อ้าว มึงไม่รู้เลยหรือไงไอ้นิดหน่อย ก็เล่นกับเขา สนิทกับเขามาเป็นเดือน”


                นิดหน่อยส่ายหน้า เขาวิ่งเข้าห้องแล้วทิ้งกายลงกับเตียงด้วยความสับสน เขาชอบหมอก แต่หมอกเป็นผู้ชาย แล้วเขาจะแต่งงานกับหมอกได้ยังไง เพื่อนล้อแย่เลย







                เช้าวันรุ่งขึ้นนิดหน่อยได้ยินเสียงแม่ตะโกนเรียกจากชั้นล่างของบ้าน


                “นิดหน่อย ไอ้นิดหน่อย คุณหมอกมาหา”


                “ผมไม่สบาย ปวดหัว”


                เขาตะโกนบอกไปเช่นนั้นจนกระทั่งยามสายจึงได้ออกจากห้อง


                “หายแล้วหรือยัง คุณหมอกเขาอุตส่าห์มาลากลับกรุงเทพ”


               นิดหน่อยหูผึ่ง หัวใจของเขาแทบจะร่วงมากองกับพื้น


              “แม่ว่าอะไรนะ”


             “บอกว่าคุณหมอกเขากลับกรุงเทพแล้ว เขามาลามึงแต่มึงปวดหัวไง”


              นิดหน่อยรีบวิ่งไปที่บ้านป้าชื้น เขาภาวนาขอให้ได้พบหน้าหมอกอีกสักครั้ง แต่กลับพบบ้านที่ปิดประตูล็อกแน่นหนา นิดหน่อยได้แต่ทรุดตัวนั่งหงอยเหงาเมื่อไม่มีโอกาสได้พบหน้าหมอกอีกแล้ว







              “นิดหน่อย อย่าหลบตาสิ นายคือนิดหน่อย หรือวศิน มีวินัย ใช่ไหม ลืมกันแล้วสินะ ใช่สิ ผ่านไปเป็นสิบปีแล้วนี่ เราคงไม่มีความหมายสำหรับใครแล้ว”


              เสียงเล็กตัดพ้ออยู่ตรงหน้าปลุกวศินให้ตื่นจากภวังค์ เขากลายเป็นจุดสนใจเมื่อทุกคนต่างมองเขาเป็นตาเดียว เขาหันไปสบตากับใบหน้าหวานที่ก่อกวนจิตใจของเขามาตลอดสิบปีที่ผ่านมา


              เด็กหญิงหมอกในวันนั้น กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างโปร่ง ผิวพรรณละเอียด ใบหน้าหวานจนใจสั่นเหมือนสิบปีก่อนไม่มีผิด


              “พี่หมอก”


               หัวสมองของเขามีแต่คำสัญญาที่เคยให้ไว้


               “ผมจะรับผิดชอบเอง ถ้าพี่หมอกโตขึ้นผมจะแต่งงานกับพี่หมอก เราเป็นแฟนกันนะ”


                แต่พี่หมอกเป็นผู้ชาย เขาก็เป็นผู้ชาย วศินจะทำตามคำสัญญาที่เคยลั่นปากไว้ตอนเด็กได้อย่างไรกันเล่า




                                                                    TBC


                                              ยังไงดีล่ะนิดหน่อย สัญญาต้องเป็นสัญญาน้า..



                                        o16 o16 o16 o16 o16 o16 o16

หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 28-07-2020 21:19:50
 :hao3:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-07-2020 21:24:50
ทวงสัญญากันแบบไหนดีล่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-07-2020 23:39:08
 :3123:
 o13
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 29-07-2020 21:45:45
รับผิดชอบซะดีๆ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-07-2020 08:15:27
รับผิดชอบเลยนิดหน่อย
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 31-07-2020 15:19:26
อุ๊ย หนุกครับ


        :110011: :z7:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-08-2020 07:51:57
ลูกผู้ชายต้องรักษาสัญญานะจ๊ะนิดหน่อย.  o18
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 9 [28/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-08-2020 10:31:10
คู่รองก็มา คู่หลักครอบครัวก็ฮาไปอีก
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 10 [05/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-08-2020 00:06:10



                                             ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                         บทที่ 10



              “หน่อย ไอ้นิดหน่อย มึงเป็นอะไรถึงไม่กินข้าวกินปลา หือ ไอ้ตัวดี ไม่สบายหรือเปล่า”


              “แม่ แม่จ๋า พี่หมอกเค้าทิ้งหน่อยไปแล้วแม่ หน่อยยังไม่ทันขอโทษพี่หมอกเลย ฮือ”


              นิดหน่อยกอดเอวแม่ที่ขึ้นมาดูใจหลังจากที่เขานอนซึมกะทืออยู่ในห้องนานสองนาน แม่เอียงหัวมองลูกชายตัวดีด้วยความสงสัย


              “ไปทำอะไรเขาล่ะ ถึงต้องไปขอโทษเขาน่ะ ไหนลองเล่าให้แม่ฟังซิ”


             “คืองี้แม่ พอหน่อยรู้ว่าพี่หมอกเป็นผู้ชายหน่อยเลยตกใจไง ก็เลยหนีหน้าพี่หมอกเมื่อเช้า แต่หมอกน่ะเคยสัญญากับพี่หมอกเอาไว้ว่าจะแต่งงานกับพี่หมอกตอนโต พี่หมอกต้องเสียใจมากแน่ๆเลย”


               “โอ๊ย ไอ้ลูกเวร ทำงี้ได้ไงวะ รู้หรือเปล่าว่าคุณหมอกจะสะเทือนใจแค่ไหน มันต้องกลายเป็นบาดแผลในใจของเด็กตัวน้อยๆไปตลอดชีวิต มึงนะมึงไอ้หน่อย”


               “อ้าวแม่ ไม่เข้าข้างลูกตัวเองเลยไง้”


              คนเป็นลูกมองแม่บังเกิดเกล้างงๆที่แม่เข้าข้างลูกคนอื่นมากกว่า แถมยังเล่นใหญ่เหมือนตอนครูสอนให้นิดหน่อยกับเพื่อนเล่นละครเวทีตอนงานโรงเรียนอีกต่างหาก


              “ก็สงสารคุณหมอกนี่หว่า ไม่รู้ละ มึงต้องขอโทษคุณหมอกเขาให้ได้ ทำไงก็ได้ให้คุณหมอกหายโกรธ”


               นิดหน่อยเกาหัวแกรกๆ


               “แล้วถ้าพี่หมอกเขาให้หน่อยแต่งงานกับเขาจริงๆแม่ยอมเหรอ พี่หมอกเขาเป็นผู้ชายนา ถึงแม้หนอนจะตัวเล็กกว่าหน่อยก็เหอะ”


                  “ก็ต้องยอมสิ ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น เสียชีพอย่าเสียสัตย์ เสียเข็มขัดอย่าเสียกางเกงใน ถ้าจะต้องเสียจริงแล้วไซร้ เราต้องเป็นฝ่ายกระชากเข็มขัดกางเกงในจากคนอื่นโว้ย”







              คำขวัญของแม่ยังก้องอยู่ในหัวเตือนใจวศินหรือนิดหน่อย หรือบัฟของเพื่อนๆในคณะเกษตรจนได้สติ ความดีใจที่ได้พบพี่หมอกของเขาแทบจะร่วงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างเจ็บช้ำก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนี


              “พี่หมอก หยุดก่อน”


              วศินอยากจะเดินตามไปแต่ธนดลยกมือห้ามไว้ก่อน


              “อย่าเพิ่งตามไปเลย รู้จักกับไอ้หมอกมาหลายปีเพิ่งเห็นมันโกรธสุดก็วันนี้”


              คำพูดของธนดลยิ่งทำให้วศินเหี่ยวแห้งหนักลงไปอีก เขาได้แต่มองตามพี่หมอกของเขาที่เดินหนีไปนั่งหน้าคว่ำอยู่ที่โต๊ะเดิม ธนดลพาเขา ทิวไม้กับสมเสร็จเดินไปนั่งอีกมุมหนึ่งไม่ไกลนัก


             “ไหน เรื่องมันเป็นยังไง เล่าซิ”


             วศินยิ้มเจื่อน เขาเล่าเรื่องราวในอดีตเมื่อสิบปีก่อนให้ทุกคนในกลุ่มฟัง พอเล่าจบธนดลถึงกับหลุดหัวเราะออกมา


             “เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ โอ๊ย ทิวตีพี่ทำไมครับ”


             ทิวไม้มองคนรักด้วยความหมั่นไส้ ธนดลช่างไม่มีความโรแมนติกเสียเลย


             “เรื่องแค่นี้ที่ไหนกันครับพี่แบงค์ นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ คิดดูสิ ไอ้บัฟเสือกไปจูบพี่หมอกเขาแล้วนะ จูบแรกเสียด้วย มันต้องติดอยู่ในใจพี่เขามาตลอดสิบปี แถมยังหนีหน้าไม่ยอมอำลาตอนเขากลับด้วย โอ๊ย แค่คิดก็ขึ้นแล้วเนี่ย”


              ทิวไม้ยกมือเขกหัวเพื่อนดังโป๊ก วศินไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงเหมือนเช่นปกติ เขาได้แต่ส่งสายตาฝ่าความมืดไปยังคนที่นั่งเชิดหน้าอยู่อีกมุมหนึ่งเท่านั้น


             “แล้วนี่จะทำยังไงต่อวะมึง บังเอิญมาเจอกันแล้วแบบนี้”


             สมเสร็จเอ่ยถาม นึกเห็นใจเพื่อนที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่เหมือนกัน วศินนิ่งไปสักพักก่อนที่เขาจะพยักหน้าตัดสินใจได้


             “ไม่มีคำว่าบังเอิญบนโลกใบนี้โว้ย เมื่อสิบปีก่อนฟ้าส่งพี่หมอกไปหากูที่วังอีฉุยแล้วกูทำพลาดไป วันนี้ฟ้าส่งกูมาหาพี่หมอกที่กรุงเทพมหานครเพื่อให้กูแก้ตัว กูจะต้องทำให้พี่หมอกยอมแต่งงานกับกูตามสัญญาให้ได้”






             อวัศย์หรือหมอก ชายหนุ่มร่างเล็กผอมบางนั่งหน้าง้ำอยู่คนเดียวเมื่อเพื่อนทั้งหลายต่างเข้าหน้าไม่ติด อันที่จริงเขาไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนเลยสักนิดแต่ทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนของคนรักธนดลแล้วทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนไป


              ฮึ ตอนเด็กก็ว่าตัวใหญ่แล้ว พอโตเป็นหนุ่มก็ยิ่งตัวใหญ่จนเขาแทบจะแหงนคอตั้งบ่ามองเลยทีเดียว ใครจะนึกว่าคนที่สร้างตราประทับในหัวใจของเขามาตลอดสิบปีกลับอยู่ใกล้แค่นี้ เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมาตั้งสองปีแต่ไม่เคยพบหน้ากัน และเมื่อได้พบกันอีกครั้งอวัศย์ก็ยังจำเด็กชายจากวังอีฉุยได้แม่น


              “ป้าชื่นจ๋า คนที่เขาแต่งงานกันต้องทำอะไรกันบ้างจ๊ะ”


               จำได้ว่าเอ่ยถามป้าชื่นด้วยอาการเอียงอายในวันที่ถูกเด็กเกเรชิงจูบแรกไปถามยังสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะแต่งงานด้วย ป้าชื่นแม่บ้านที่ดูแลอุ้มชูกันมาถึงกับสำลักน้ำ


                “คุณหมอก ตายแล้ว ถามอะไรป้าอย่างนี้เล่าคะ ป้าโสดนะคะ ชีวิตนี้ยังไม่เคยเปิดซิง เรียกไปปักตะไคร้ที่ไหนรับรองฝนไม่ตก”


             อวัศย์ยิ้มแหย เห็นทีจะพึ่งป้าชื่นไม่ได้ก็งานนี้ คืนนั้นทั้งคืนอวัศย์หลับฝันดี ในฝันมีแต่ใบหน้าของเด็กชายนิดหน่อย แต่เมื่อวันไปเที่ยวหนองน้ำกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย อันที่จริงก็ไม่ได้คิดจะปิดบังหรอก แต่ไม่เห็นว่าต้องบอกใครเท่านั้นเอง


              “ไอ้นิดหน่อยมีเมียเป็นผู้ชาย ไอ้นิดหน่อยมีเมียเป็นผู้ชาย”


              “ไม่ เมียกูต้องไม่ใช่ผู้ชาย”


               แม้จะวิ่งหนีความอับอายสุดชีวิตแต่อวัศย์ก็ยังได้ยินคำปฏิเสธของวศินเต็มสองรูหู เขากลับไปแอบร้องไห้ไม่ให้ป้าชื่นรู้ คำพูดที่จะบอกวศินว่าเขาจะกลับกรุงเทพในวันรุ่งขึ้นจึงถูกกลืนไป


               “ไม่ไปลาไอ้นิดหน่อยมันหรือคะคุณหมอก ตัวติดกันเป็นตังเมมาทั้งเดือน เดี๋ยวมันไม่รู้ว่าคุณหมอกกลับก็เสียใจเอาหรอก”


               ป้าชื่นเอ่ยเตือน ทำให้อวัศย์ตัดสินใจไปหาวศินที่บ้าน เผื่อว่าทั้งคู่จะพูดจากันเข้าใจว่าเขาไม่ได้ตั้งใจปิดบัง แต่เมื่อไปถึงแล้วอวัศย์ก็ต้องผิดหวัง


             “เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นค่ะคุณหมอก ไอ้ลูกเวรนี่ก็นอนกินบ้านกินเมืองเสียจริง ไว้น้าจะบอกมันนะคะ จะให้ไอ้นิดหน่อยเขียนจดหมายไปหาคุณหมอกตามที่อยู่ที่ป้าชื่นให้ไว้ด้วยค่ะ”


               หลังจากนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านวังอีฉุยก็ฝังอยู่ในหัวใจของอวัศย์เรื่อยมา เขาไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลยในเรื่องความรักจนกระทั่งบัดนี้ อวัศย์โทษไปที่วศินเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่เคยมีแฟน


             “เล่นเกมกันดีกว่า หมอก ลุกมาเล่นเกมสิวะอย่ามัวนั่งหน้าบึ้ง”


              ธนดลเจ้าภาพในวันนี้ฉุดแขนของเขาให้ลุกจากที่นั่ง อวัศย์ฝืนยิ้มเมื่อรู้ตัวว่าเสียมารยาทกับเพื่อนในกลุ่มเดียวกันที่อุตส่าห์พาคนรักมาแนะนำให้รู้จัก


                “จะเล่นเกมอะไรล่ะ”


              กลุ่มของอวัศย์สนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกของนักธุรกิจทั้งนั้นถึงได้มาเรียนคณะบริหาร โดยเฉพาะเขาจะเรียกว่าคุณหนูก็ว่าได้ ธนดลจัดแจงบอกกติกา


             “เดี๋ยวจับคู่กันเอาแก้มหนีบลูกปิงปองแล้วเดินจากฝั่งนี้ไปฝั่งโน้น ถ้าตกต้องเริ่มใหม่ ใครถึงเป็นคู่สุดท้ายคือแพ้ต้องโดนทำโทษ”


               เจ้าภาพบอกกติกา ธนดลวุ่นวายกับการจับคู่ให้เพื่อนๆครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาหาเขา


               “หมอกคู่กับบัฟนะ”


               อวัศย์เบิกตากว้าง ให้เขาใช้แก้มหนีบปิงปองคู่กับคนคนนี้เนี่ยนะ


               “แบงค์ เราไม่....”


                “น่า เล่นกันสนุกๆ”


               ธนดลไม่ยอมให้ปฏิเสธ แถมยังดึงแขนให้อวัศย์ไปยืนเผชิญหน้ากับคนตัวสูงกว่าเกินคืบอีกต่างหาก เห็นนัยน์ตาคู่นั้นแล้วอวัศย์ก็ยิ่งน้อยใจแต่เขาไม่อยากทำลายบรรยากาศสนุกสนานของเพื่อน


               “รับปิงปองกันไป มือต้องไพล่หลังห้ามยกขึ้นมา ใช้แก้มเลี้ยงลูกปิงปองเท่านั้น เตรียมตัว”


               อวัศย์ยังยืนนิ่งจนวศินต้องเอ่ยเตือน


              “มาสิพี่หมอก ยอมแพ้เพื่อนเหรอ”


               สายตานั่นท้าทายนิดๆทำให้อวัศย์ต้องยอมเอียงแก้มขึ้นเพื่อให้วศินวางลูกปิงปองลงไปและใช้แก้มของตนแนบไว้อีกฝั่ง เสียงธนดลสั่งเริ่มต้นเกมคู่อื่นเริ่มออกเดินนำหน้า


              “พี่หมอก เอียงหน้ามาชิดๆ เอ้าหล่นอีกแล้ว เมื่อไหร่จะถึงล่ะครับเนี่ย”


               อวัศย์อยากจะร้องไห้เมื่อต้องยิ่งใกล้ชิดวศินมากกว่าเดิมอีก ใกล้จนได้กลิ่นกายจากเขา ใกล้จนหัวใจแทบจะเต้นออกมานอกทรวงอก


              “ก็ใกล้แล้ว จะให้ใกล้แค่ไหนอีกเล่า”


               เขาส่งเสียงดุออกไป ซึ่งก็คงไม่ได้น่ากลัวสักนิด วศินเสียอีกที่ออกคำสั่งกับเขา


              “เอียงมาชิดๆ อย่างนั้นแหละครับ ดีมาก ค่อยๆเดินนะพี่หมอก”


               วศินต้องย่อตัวลงมาในขณะที่อวัศย์ต้องเขย่งขาขึ้นไปเพื่อให้สามารถประคองลูกปิงปองแสนลื่นแล้วเดินไปได้ คู่อื่นเริ่มเดินถึงจุดหมายแล้วในขณะที่คู่ของเขายังต้วมเตี้ยมกันอยู่จนกลายเป็นคู่สุดท้าย


             “พี่หมอกระวังปิงปองตก”


             วศินเสียงดังเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย อวัศย์สะดุ้งอย่างลืมตัว ทันใดนั้นวศินก็เอียงหน้าเข้าหาและกลายเป็นว่าริมฝีปากของทั้งคู่มาประกบกันพอดี





มีต่ออีกนิด..




หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 10 [05/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-08-2020 00:14:23


อ่านค่อตรงนี้...




              ไม่นะ!


              อวัศย์ตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้าง แม้จะเหมือนบังเอิญแต่ก็คล้ายจงใจเมื่อวศินยังไม่ยอมผละปากออก เสียงเชียร์ของเพื่อนๆกลับเงียบกริบไปชั่วขณะก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะคิกคักจนอวัศย์ได้สติ เขาเป็นฝ่ายผละออกพลางขยับไปยืนเสียไกล


             “บ้า คนบ้า ทำอะไรแบบนี้นะ ไม่อายคนอื่นเขาบ้างหรือไง”


              เขินจัดจนหน้าแดงก่ำและเกือบร้องไห้แล้ว สัมผัสที่เคยตราตรึงเมื่อวัยเด็กหวนคืนกลับมาอีกครั้ง เด็กชายคนนั้นกลายเป็นหนุ่มในวันนี้ หัวใจของอวัศย์ตะโกนบอกว่าเขาไม่เคยลืมวศินได้เลย


              “อายทำไม ลืมแล้วหรือว่าผมหน้าด้าน ประกาศไว้ตรงนี้ให้พี่ๆทุกคนรับทราบนะครับ ตอนเด็กผมเคยสัญญากับพี่หมอกว่าจะเราจะแต่งงาน ผมจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน เวลาที่งดงามจะคืนกลับมา”


               คนหน้าด้านเอ่ยออกมาเป็นทำนองเพลงคุ้นหู อวัศย์หน้าร้อนเห่อเมื่อพวกเพื่อนตัวดีตบมือกันเกรียวกราว


               “โว้ย ไอ้แบงค์เพิ่งจะได้ดุลเด็กเกษตรมา เราต้องเสียดุลการค้าเพราะน้องหมอกเหรอวะเนี่ย”


            อวัศย์มองวศินด้วยความน้อยใจ ทีเมื่อก่อนละทำเป็นไม่ยอม แต่ตอนนี้จะมาทำดีด้วย เฮอะ เขาไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด


               “ใครจะไปแต่งด้วย คิดเองเออเองล่ะสิ ฝันไปเหอะเราไม่ยอมแต่งงานกับเด็กบ้านนอกแบบนี้หรอก กลับบ้านดีกว่า”


               อวัศย์รีบเดินหนี วศินคิดจะเดินตามแต่ธนดลห้ามไว้


              “ปล่อยหมอกมันไปก่อน อย่าเพิ่งจู่โจมเลยบัฟ ให้มันทำใจสักพักค่อยรวบหัวรวบหาง”


               วศินเห็นด้วย เขาได้แต่มองตามหลังอวัศย์สายตาละห้อย ได้แต่ตั้งจิตอธิษฐานว่า หากเขาตกล่องปล่องชิ้นกับ อวัศย์ได้ เขาจะยอมงดมีเมียน้อยตลอดชีวิต






              “ฮะ อะไรนะ ไอ้พี่บัฟกับพี่หมอกที่แสนจะน่ารักของโบว์เนี่ยนะ”


              ธมลวรรณทำตาโตแทบจะทะลักออกมานอกกรอบแว่นหนาเมื่อธนดลกับทิวไม้กลับบ้านมาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก่อนที่จะกลายเป็นสีหน้าเคลิบเคลิ้มตามมา


              “ว้อยยย โรแมนซ์สุดๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างไอ้พี่บัฟจะมีมุมนี้กับเขาด้วย และอย่างยิ่งเป็นพี่หมอกร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้ม ฮือ อยากหวงแต่อยากฟินมากกว่า”


               “อะไรของแกวะโบว์ จะหวงหรือจะฟิน”


                ธนดลมองน้องสาวอย่างเพลียใจ เขาไม่เข้าใจสังคมของสาวๆนิยมวายเอาเสียเลย


               “พี่แบงค์ไม่เข้าใจ โบว์อยู่สายบูชาเคะ แล้วพี่หมอกน่ะสเป็คโบว์มาตั้งนานแล้ว หน้าตาน่าเอ็นดูตัวผอมๆขาวๆ ว้อยยย ไม่คู่ควรกับไอ้พี่บัฟตัวดำเลย แต่ก็เหอะ ถ้าพี่บัฟถึงกับเอ่ยปากแบบนั้นโบว์ก็จะเสียสละเมนมาชิปให้ก็แล้วกัน”


              “แต่ว่านะ พี่หมอกจะยอมไอ้บัฟเหรอ” ทิวไม้ขัดจังหวะความฟินของธมลวรรณชั่วคราว “พี่หมอกเองก็ออกปากว่าไม่ยอมไอ้บัฟนะ สงสารเพื่อนแฮะ ทำยังไงไอ้บัฟกับพี่หมอกถึงจะลงเอยกันได้นะ”


               “ฉุด!”


                “อะไรนะ!”


               ธนดลและทิวไม้มองคนต้นคิดอย่างคาดไม่ถึง ธมลวรรณหัวเราะหึหึ


               “ก็มากันแบบท้องไร่ท้องนาแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ ตามบทมันก็ต้องมีฉุดสิจะได้ครบเครื่อง ฉุดเอามาทำเมียแล้วค่อยไปขอขมา นี่ อย่ามองแบบนี้ ไม่เคยดูละครน้ำเน่าสมัยพ่อกับแม่เป็นวุ้นกันเหรอ”


                หรือว่าความคิดของธมลวรรณจะเข้าท่า ธนดลและทิวไม้ได้แต่มองหน้ากันพลางชั่งใจว่าควรนำความคิดของธมลวรรณไปเสนอให้วศินดีหรือไม่




                                                                TBC


                                                 แผนกเชียร์ก็จะหนักข้อไปหน่อย 555



                                                             :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:







หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 10 [05/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 05-08-2020 00:22:21
กองเชียร์ร่วมด้วยช่วยกันเชียร์ออกนอกหน้ามาก ง้อพี่หมอกได้ให้นะบัฟ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 10 [05/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 05-08-2020 06:47:54
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 10 [05/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-08-2020 09:21:05
เชียร์ๆ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 10 [05/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-08-2020 22:11:39
 :hao3:
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 11 [22/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-08-2020 00:02:23



                                                   ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                 บทที่ 11



             “หมอก ไปหาซื้อต้นไม้มาประดับเวทีหน่อย”


               ธนดลเอ่ยขึ้นขณะที่เพื่อนในคณะกำลังเตรียมงานสัมมนากลุ่มในวันรุ่งขึ้น อวัศย์เอียงคอมองเพื่อนด้วยความสงสัย


               “ยืมกระถางดอกไม้ในมหาลัยมาวางไม่ได้เหรอแบงค์ สัมมนาไม่กี่ชั่วโมงเอง”


              “ไม่ได้ว่ะเพื่อน” ธนดลเดินมาตบบ่าเพื่อนตัวเล็กเบาๆ “ถึงจะเป็นแค่สัมมนางานกลุ่มของพวกเรา แต่ก็ต้องทำให้มันเพอร์เฟคจริงไหม อย่าลืมว่าอาจารย์มีคะแนนตกแต่งสถานที่ด้วย ไปซื้อมาเถอะ”


                 “แล้วเราจะต้องไปซื้อที่ไหน ไปยังไง เราไม่เคยมีความรู้ด้านนี้เลยนะ”


               “ไม่ต้องห่วง เรามีตัวช่วย” ธนดลยิ้มบาง ๆ ก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาใครบางคน “บัฟเหรอ พี่แบงค์เองนะ มีเรื่องขอให้ช่วยหน่อย”


               อวัศย์เบิกตากว้างใจเต้นตึกตัก ทันทีที่ธนดลวางสายเขาก็ส่งเสียงโวยวายหน้าแดงก่ำ


               “แผนของนายอีกสิเนี่ย รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ แต่อย่ามาจับคู่เรากับเด็กบ้านั่นเลย ไม่สำเร็จหรอก”


               “จับคู่อะไร นายน่ะคิดมาก” ธนดลหัวเราะ “ใครจะไปทำอย่างนั้นกับเพื่อนได้ลงคอ แต่บัฟน่ะมันรู้แหล่งซื้อต้นไม้ จะให้ทิวหรือสมเสร็จไปก็ไม่ว่างทั้งคู่ มีบัฟนี่แหละที่พอจะช่วยได้”


              “ด้วยความเต็มใจมากพี่แบงค์”


              อวัศย์สะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงวศินดังขึ้นจากด้านหลัง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่โผล่มารวดเร็วราวกับอยู่แถวนี้อยู่แล้ว วางสายจากธนดลก็มาถึงทันที


              “ขอบใจมากนะบัฟ นั่งรถไปกับหมอกนั่นแหละ เลือกต้นที่สวย ๆ มาล่ะ หมอกไปได้แล้ว ไม่ต้องห่วงทางนี้ พวกเราจะช่วยกันจัดเอง”


                ธนดลรุนหลังเพื่อนให้รีบเดินออกไปจากห้องประชุมโดยมีวศินเดินตามไปติด ๆ อวัศย์เดินหน้ามุ่ยไปทางรถยนต์ของเขาแล้วกระชากเสียงเล็กใส่อีกฝ่าย


               “จะไปก็ขึ้นรถ”


                ร่างโปร่งบางก้าวนำขึ้นรถอย่างรวดเร็ว วศินตาเหลือกรีบเปิดประตูก้าวตามไปนั่งด้านข้าง ยังไม่ทันปิดประตูสนิทอวัศย์ก็เหยียบคันเร่งออกรถแล้ว


               “พี่หมอก ใจเย็นเดะ โห ทำเป็นสายแว้นไปได้”


               อวัศย์เชิดหน้ามองถนน เขายังเคืองไม่หายที่วศินจูบเขาต่อหน้าเพื่อนในผับ หลังจากนั้นเขาก็ถูกเพื่อนล้อว่ากำลังจะมีความรักตามธนดลไปติด ๆ ทำให้อวัศย์เขินมากแต่ก็ต้องกลบเกลื่อนด้วยการทำเป็นโมโห


                “อย่าพูดมาก ไปทางไหนก็บอกมา”


               “ก็ได้ ก็ได้ โตขึ้นมาแล้วดุจัง ไม่เห็นเสียงอ่อนเสียงหวานเหมือนตอนเด็ก ๆ เลย”


               วศินบอกให้อวัศย์ขับรถไปทางจังหวัดนครนายก ไม่นานก็ถึงแหล่งขายไม้ดอกไม้ประดับขนาดใหญ่ อวัศย์อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเมื่อมองเห็นดอกไม้สีสวยและไม้กระถางรูปร่างแปลกตา ทั้งคู่เดินเลือกต้นไม้อยู่หลายร้านจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักก็ซื้อได้หลายกระถาง วศินบอกให้เจ้าของสวนขับรถไปส่งต้นไม้ที่มหาวิทยาลัยให้เลยเพราะรถยนต์ของอวัศย์ขนไปไม่หมดแน่


                อวัศย์ลอบมองวศินที่กำลังสนทนาอยู่กับคนขายต้นไม้ ปากเรียวเม้มเขาหากันเมื่อรู้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะ เด็กชายนิดหน่อยเติบโตมาเป็นชายหนุ่มร่างสูง แผ่นหลังกว้าง ผิวเข้มตามแบบฉบับหนุ่มจากท้องนาซึ่งก็กลายเป็นเสน่ห์ของเขา ยอมรับว่าวศินหน้าตาหล่อเหลากว่าที่คิด เรียกได้ว่าไปเป็นพระเอกละครแนวบู๊ได้สบาย ๆ


                ไม่ จะคิดอย่างนั้นไม่ได้สิ เท่ากับว่ากำลังชื่นชมคนที่ทำให้เราเจ็บอยู่นะ


                อวัศย์สะบัดหน้าไล่ความคิดเหล่านั้น จนกระทั่งเสียงทุ้ม ๆ มาดังใกล้ตัวนั่นแหละจึงได้เงยหน้าขึ้นมา


                “พี่หมอกเป็นอะไร ปวดหัวหรือเปล่า ยืนตากแดดอยู่ตั้งนาน”


                 น้ำเสียงอาทรทำให้อวัศย์ขอบตาร้อนผ่าว ความน้อยใจจากเหตุการณ์ในอดีตแล่นมาเตือนความทรงจำเป็นริ้ว


                “ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เสร็จแล้วก็กลับไปที่รถกันเหอะ”


                 เดินไปยังไม่ทันจะถึงรถดี เท้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีแก๊งเด็กวัยรุ่นมายืนล้อมไว้ อวัศย์ยืนหน้าซีดมองอย่างระแวดระวัง ส่วนวศินแยกเขี้ยวใส่พวกมัน


                 “มายืนล้อมพี่ไว้ทำไมไอ้น้อง ไม่เคยเห็นคนหล่อเรอะ”


                “หล่อไม่สนพี่ สนแต่เงิน พี่ต้องเสียค่าจอดรถให้พวกผมก่อนนะ”


                 หนึ่งในกลุ่มทำหน้ากวนเบื้องล่างแบมือกวักหยอย ๆ วศินหัวร้อนส่งเสียงดัง


                “อันธพาลนี่หว่าไอ้พวกนี้ คิดจะมาไถเงินแฟนกูเหรอ แดกตีนกูเถอะมึง”


               “นิดหน่อย ระวังนะ!”


                อวัศย์ตกใจเมื่อเห็นวศินมีเรื่องกับแก๊งเด็กวัยรุ่น แต่แค่ชกต่อยสะเปะสะปะไม่กี่ทีพวกที่มาหาเรื่องก็เปิดแนบ วศินยืดอกคุยโว


                “แค่นี้ก็หนีแล้ว ไอ้พวกขี้หมา พี่หมอกไม่เป็นไรนะ เห็นปะว่าผมคุ้มครองพี่ได้อยู่แล้ว”


                หน้าหวานถอนหายใจโล่งอกเมื่อเหตุการณ์ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด เขาตวัดสายตาใส่วศิน


                 “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไป รีบไปที่รถ”


                มือเรียวดึงข้อมือใหญ่ให้เดินตาม อีกไม่กี่ก้าวจะถึงรถที่จอดอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องชะงักอีกครั้งเมื่อคราวนี้มีชายอีกกลุ่มหนึ่งมาล้อมเขาไว้


                “อะไรอีกล่ะพวกมึง มากันทำไมอีก กูบอกว่าเล่นรอบเดียวไง อ๊ะ ไม่ใช่พวกนั้นนี่หว่า”


                วศินชะงักเมื่อมองหน้าแต่ละคนแล้วไม่ใช่เด็กวัยรุ่นกลุ่มเดิม คราวนี้เป็นชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมที่จ้องมองทั้งคู่อย่างไม่ประสงค์ดีแน่ ๆ วศินดึงแขนอวัศย์ให้มายืนหลบหลังเขา สีหน้าของวศินเริ่มจริงจังขึ้นมา


                  “พี่หมอก ระวัง มาหลบหลังผม พวกมึงมายืนล้อมกูทำไม”


                  “พี่เฝ้ารถให้น้องมาหลายชั่วโมงแล้ว รถหรูราคาแพงขนาดนี้ถ้าไม่เฝ้าก็เป็นรอยหมด จ่ายเงินค่าเฝ้ามาหนัก ๆหน่อยก็ดีนะน้อง ไม่งั้นรถเป็นรอยแน่ แล้วน้องจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวด้วย”


                “ไม่จ่าย” เสียงเล็กดังจากเบื้องหลังของวศิน “นี่มันรีดไถกันชัด ๆ”


                  “อ้าว ไอ้น้องหน้าสวยหาว่าพี่รีดเงินเหรอ ปากดีนัก ไหนมาใกล้ ๆ ให้พี่ดูดปากสักทีซิ”


                    เสียงหัวเราะน่ารังเกียจดังลั่น พวกมันเอื้อมมือมาคิดจะคว้าแขนของอวัศย์ไป วศินกัดฟันกรอดง้างหมัดชกหน้าไอ้คนนั้นไปเต็มเหนี่ยว ทันใดนั้นการตะลุมบอนก็เกิดขึ้น วศินที่ตัวใหญ่กว่าหนุ่มกว่าต่อยพวกมันได้หลายหมัด จนพวกมันคนหนึ่งดึงมีดออกมาจากเอว


                “เก่งนักเหรอ โดนเสียบเหอะมึง”


                “หน่อย ระวัง!”


                 “โอ๊ย!”


                  วศินอุทานเมื่อมันตวัดมีดลงมาบาดท่อนแขนของเขา ดีที่กระชากแขนหลบได้เร็วแต่กระนั้นเลือดก็ยังไหลเป็นทาง อวัศย์เห็นดังนั้นเขาก็ส่งเสียงเล็กตวาดด้วยความโมโห


                “ไอ้พวกบ้า รังแกนิดหน่อยเหรอ”


                  แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น วศินได้แต่อ้าปากหวอยืนมองร่างเล็กของอวัศย์จัดการพวกแก๊งรีดไถด้วยการต่อสู้แบบประชิดตัวด้วยความเชี่ยวชาญ ไม่ถึงนาทีพวกนั้นก็ลงไปนอนกองร้องโอดโอยอยู่กับพื้น


                “พะ พี่หมอก โห ไปเรียนต่อสู้กับจอห์น วิคมาเหรอ สุดยอด”


                “พูดมากน่า อยากได้แผลเพิ่มหรือไง ไปที่รถเร็วเข้า”


                 อวัศย์ดึงแขนให้วศินวิ่งมาที่รถยนต์แล้วรีบขับออกไปจากบริเวณนั้น จนมั่นใจว่าพวกมันจะไม่ตามมาแล้วอวัศย์จึงเลี้ยวรถจอดข้างทางแล้วดึงแขนวศินมาดูแผล


                 “ยังไม่ตายน่า พี่หมอกไม่ต้องห่วงหรอก”


               “ใครเป็นห่วง คนหนังเหนียวกะโหลกหนาน่ะ คงไม่ตายง่าย ๆ หรอก”


                 อวัศย์หน้าบึ้งแต่แก้มแดงสุกปลั่ง วศินอมยิ้มด้วยความยินดีที่รู้ว่าอวัศย์ยังเป็นห่วงเขามาก ชายหนุ่มแสร้งทำหน้านิ่วร้องโอดโอย


                “โอ๊ย พี่หมอกจับเบา ๆ เจ็บแผล อู๊ยยย เจ็บจัง”


                อวัศย์ย่นหน้าใส่ก่อนจะดึงผ้าเช็ดหน้าของเขามาพันรอบแผลที่เลือดหยุดไหลแล้ว


                 “สมน้ำหน้าอยากซ่าดีนัก จ้างเด็กมาทำเป็นหาเรื่อง พอเจอของจริงทำจ๋อย”


                 วศินยิ้มแห้งเมื่ออีกฝ่ายจับได้


               “พี่หมอกดูออกด้วยเหรอ เออ แล้วทำไมพี่หมอกเก่งจัง สู้กับพวกมันได้หมดเลย”


                 “พอเรากลับจากวังอีฉุยเราก็ขอพ่อไปเรียนต่อสู้ จะได้ไม่เป็นภูมิแพ้และป้องกันตัวได้ เพราะเรารู้ว่าไม่มีใครอยากมาคุ้มครองเราหรอก”


                น้ำเสียงนั่นแสดงความน้อยใจออกมาจนวศินหน้าจ๋อย เขาคว้ามือเรียวมากุมไว้


                “ขอโทษแล้วไง ให้ขอโทษอีกสิบครั้งก็ได้ ตอนนั้นมันตกใจทำอะไรไม่ถูกก็เลยพูดจาหมา ๆ ออกไป ตอนนี้สำนึกผิดแล้วพี่หมอกจะไม่ยกโทษให้จริงเหรอ”


                เมื่อเจอโหมดง้อ อวัศย์ก็ชักจะไปต่อไม่ได้ เขาเตือนตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้


               “พูดมากจริง รีบไปทำแผลก่อนเถอะ เดี๋ยวก็เป็นบาดทะยักตายหรอก”






มีต่ออีกนิด..



หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 11 [22/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-08-2020 00:10:32


อ่านต่อตรงนี้...



               อวัศย์พาวศินมาทำแผลที่โรงพยาบาลและบังคับให้เขายอมฉีดยาป้องกันบาดทะยักแม้คนตัวโตจะกลัวเข็มฉีดยา แขนของวศินมีผ้าพันแผลพันอยู่ตอนที่ทั้งคู่เดินมาถึงรถยนต์เมื่อรับยาแก้อักเสบมาเรียบร้อยแล้ว


                “ปวดแผลหรือเปล่า”


                อดไม่ได้ที่จะถามด้วยน้ำเสียงที่ปิดบังความเป็นห่วงไว้ไม่มิด วศินพยักหน้าหงึก ๆ


               “ปวดสิพี่หมอก ตัวรุม ๆ เหมือนจะมีไข้ด้วย”


                 หน้าหวานดูกังวล เขาเดินมาใช้หลังมือวางบนหน้าผากของวศิน มันอุ่นกว่าปกติจริงด้วย


                “ขึ้นรถก่อนเถอะ”


                 ตอนนี้ก็เย็นจนเกือบจะค่ำแล้วกว่าจะออกจากโรงพยาบาล อวัศย์ตัดสินใจขับรถยนต์พาวศินไปที่คอนโดมิเนียมของเขา วศินเป่าปากเมื่อเห็นความสะดวกสบายในคอนโดมิเนียมราคาแพงที่คุณหนูอย่างอวัศย์ใช้ชีวิตอยู่


               “พี่หมอกไม่ได้อยู่บ้านเหรอ”


                “บ้านอยู่ไกลมหาลัย ก็เลยซื้อคอนโดนี่เอาไว้อยู่ มันใกล้ดี”


                เมื่ออวัศย์ลืมตัวว่ายังงอนเขาอยู่ น้ำเสียงจึงหวานเหมือนสมัยยังเด็กไม่มีผิด วศินลอบยิ้มขณะเดินตามร่างโปร่งมานั่งที่โซฟากลางห้องโถง เขาสบตากับดวงตาหวานจนอีกฝ่ายต้องหลบตา


                “นั่งรอตรงนี้นะ”


                อวัศย์หายไปไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมกะละมังใส่น้ำและผ้าขนหนูผืนเล็ก เขาทรุดตัวลงนั่งไม่ห่างจากวศินนักพลางเม้มปากอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคลายออก


               “ถอดเสื้อสิ จะเช็ดตัวให้”


               “เจ็บแขน พี่หมอกถอดเสื้อให้หน่อย นะครับ ผมเจ็บจริง ๆ”


               ได้ยินเสียงออดอ้อนพร้อมกับหน้าตาจ๋อย ๆ ในที่สุดอวัศย์ก็ต้องยอมแพ้ เขาเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของวศินออกทีละเม็ดจนหมด มองเห็นแผงอกหนามีกล้ามหน้าท้องที่โผล่พ้นเสื้อออกมา เท่านั้นหน้าหวานก็แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศเสียอีก


                “ถอดแขนออกสิ ไม่งั้นจะเช็ดตัวยังไง เดี๋ยวไข้ก็สูงหรอก”


               พูดทั้งที่ไม่กล้าสบตา วศินรีบถอดเสื้อออกตามคำสั่งอวดผิวกายสีเข้มอย่างคนสุขภาพดีจนอวัศย์ยังนึกอิจฉา มือเรียวใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามเนื้อตัวกำยำเงียบ ๆ จนกระทั่งถูกวศินยึดข้อมือไว้


               “แผลเป็น”


               นิ้วสากลูบเบา ๆ ที่รอยแผลเป็นจาง ๆ จนแทบมองไม่เห็น อดีตในวันวานหวนคืนมาสู่วันนี้


               “ผมขอโทษที่วันนั้นดูแลพี่หมอกไม่ดีทำให้พี่หมอกมีแผลเป็นตรงนี้ และก็ขอโทษอีกครั้งที่ปากหมาพูดไม่ดีจนมีแผลตรงนี้”


                มือใหญ่เอื้อมวางตรงหน้าอกข้างซ้ายตำแหน่งหัวใจของอวัศย์ น้ำเสียงจริงจังขอลุแก่โทษทำให้ขอบตาของอวัศย์ร้อนผ่าวไปหมด


                “รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ ว่าปากเสีย ๆ ของนายทำให้คนอื่นเจ็บแค่ไหน”


                “โธ่ พี่หมอก”


                 เห็นน้ำตาแล้วหัวใจของวศินก็อ่อนยวบ เขายกท่อนแขนที่มีรอยแผลเป็นจาง ๆ นั้นมากดจูบหนัก ๆ ลงไป ก่อนจะรวบร่างโปร่งเข้ามาสู่อ้อมกอด


               “พอไปหาก็หลบหน้า แม้แต่คำร่ำลาก็ไม่มี คนอะไรใจร้ายที่สุด”


               กำปั้นเล็กทุบใส่อกกว้าง วศินปล่อยให้อวัศย์ร้องไห้อยู่กับอกของเขา มือสากลูบหลังลูบไหล่ร่างที่สั่นเทาพร้อมกับโอบกอดไว้เพื่อปลอบประโลม


                “ผมเองก็รู้สึกผิดมาก พอได้สติวิ่งไปหาพี่หมอกที่บ้านป้าชื่นก็ไม่เจอแล้ว จะถามหาที่อยู่ของพี่หมอกจากใครก็ไม่ได้เพราะหลังจากนั้นได้ข่าวว่าป้าชื่นลาออกไปทำงานเมืองนอก พี่หมอกรู้ไหมว่ามันเหมือนเป็นบาปที่อยู่ในใจผมมาตลอดเลย”


                “สมน้ำหน้า” เสียงอู้อี้ดังมาจากแผงอก “จะได้รู้ว่าคนอื่นเจ็บแค่ไหน”


                วศินเชยคางเรียวให้เงยหน้า เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาของอวัศย์อย่างอ่อนโยน ดวงตาคมจ้องมองหน้าหวานด้วยประกายลึกซึ้งจนหัวใจของอวัศย์เต้นรัว


                “ยกโทษให้ผมได้ไหม แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่ ผมไม่ใช่เด็ก ๆ อย่างแต่ก่อนแล้ว เรามาทำสัญญาของเราให้เป็นจริงนะ”


                 พูดจบยังไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว วศินก็โน้มใบหน้าเข้าหา เขากดจูบไปที่ปากอิ่มรูปกระจับอย่างถืออภิสิทธิ์ มือใหญ่โอบรัดร่างโปร่งบางให้อยู่ในอ้อมกอดจนไม่อาจหลีกหนี จูบนั้นหนักหนาสาหัสจนอวัศย์แทบขาดใจ วศินฉวยโอกาสที่ปล่อยให้คนในอ้อมกอดได้พอหยุดหอบสอดปลายลิ้นเข้าสู่โพรงปากหวาน ตอนนั้นเองที่สติของอวัศย์กระเจิดกระเจิงอย่างสมบูรณ์แบบ
ร่างเพรียวถูกดึงให้มานั่งอยู่บนตักกว้าง อวัศย์ไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่เขาเคลิ้มไปกับจูบหนักหน่วง กระดุมเสื้อของเขากำลังถูกปลดออก อีกไม่นานหลังจากนั้น เสื้อนักศึกษาที่เขาสวมใส่ก็ลอยละลิ่วลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง




                                                                 TBC


                                                                                           จะง้อสำเร็จไหมน้อ นิดหน่อย



                                                         :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13:


หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 11 [22/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 22-08-2020 00:24:18
ขอให้ง้อสำเร็จนะ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 11 [22/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-08-2020 00:25:38
แหม....นิดหน่อย.....ง้อปุ๊บเสื้อปลิวไปปั๊บเลยนะ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 11 [22/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 22-08-2020 06:45:41
นิดหน่อยสู้ๆ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 11 [22/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 22-08-2020 12:13:49
 :o8:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 11 [22/08/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-08-2020 21:43:08
มือไวมากจ้า
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-09-2020 21:31:29



                                                    ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                บทที่ 12



           มือของวศินร้อนจนอวัศย์สะดุ้งโหยงเมื่อสัมผัสอยู่ตรงเอวเล็กของเขา ก่อนที่มันจะเลื่อนไปที่ซิปกางเกงแล้วรูดลงจนสุด ขอบกางเกงถูกดึงเบาๆ ให้เลื่อนต่ำเรื่อยลงกระทั่งหลุดพ้นไปจากเรียวขาพร้อมกับกางเกงชั้นใน ปากเรียวสุดปัญญาจะห้ามเมื่อวศินคลอเคลียด้วยจูบที่ไม่อาจผลักไส


            “นะ นิดหน่อย”


            เสียงอึกอักแผ่วเบาลอดออกมาเมื่อท่อนขาข้างหนึ่งถูกดึงแยกออกจนกลายเป็นนั่งคร่อมอยู่บนตักกว้างที่ปราศจากเสื้อผ้าห่อหุ้มเช่นกัน เนื้อตัวของอวัศย์วูบวาบไปหมดเมื่อร่องหลืบสัมผัสไปกับเอ็นร้อนโป่งพอง


            “หน่อย อย่าเพิ่ง ระ เรายังไม่พร้อม”


             พยายามดันไหล่หนาออกอย่างยากลำบากกว่าวศินจะยอมเลิกจูบ วศินสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ


             “พี่หมอก ทำไมล่ะ เราเข้าใจกันแล้วไม่ใช่เหรอ พี่หมอกไม่ต้องการผมเหรอ”


             สีหน้าของอวัศย์แสดงถึงความหวาดหวั่นปนเปไปกับการหักห้ามใจด้วยความยากลำบาก


              “มันเร็วไปนะหน่อย เราเพิ่งกลับมาเจอกัน ได้คุยกัน หน่อยให้เวลาเราอีกสักพักได้ไหม เราเตรียมใจไม่ทัน”


              วศินนิ่งงัน มองเห็นความรู้สึกของอีกฝ่ายที่ยังไม่มั่นใจในตัวเขานักแสดงออกมา ชายหนุ่มเข้าใจ แต่ว่า...


              “โอ๊ย สวรรค์ล่ม”


              พิงหลังทิ้งกายไปกับพนักพิงของโซฟายาวพร้อมกับเงยหน้ารำพันสีหน้าราวกับจะขาดใจ อวัศย์ถึงกับหัวเราะออกมา มือเรียวบีบแก้มของวศินเป็นทำนองหยอกล้อ


             “น่า เราขอเวลาอีกสักนิด”


             “ผมเข้าใจพี่หมอกนะ แต่ตอนนี้ผมจะทำยังไงกับไอ้เจ้านี่มันล่ะ”


              อวัศย์ทำหน้าเหรอหราเมื่อมือของเขาถูกวศินดึงมาให้จับอยู่กับท่อนเนื้อร้อนระอุ แถมยังบังคับให้กอบกุมไว้อีกต่างหาก รับรู้ถึงขนาดอยู่กับฝ่ามือจนเกือบกำไม่รอบ


             “หน่อย ไอ้เด็กบ้า”


             หน้าขาวแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศสุกเมื่อจินตนาการไปว่า หากยินยอมให้เจ้าสิ่งนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายแล้วจะเป็นอย่างไร แค่คิดก็อายจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว


             “พี่หมอกต้องช่วยผมนะ จะให้มันอึดอัดแข็งโด่อย่างนี้เหรอ”


              “แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ” อวัศย์ก้มหน้างุดส่งเสียงตะแง้วๆ “นายทำมันขึ้นเองก็เอาลงเองสิ”


             “ทำไม่ได้หรอกครับ ต้องมีคนช่วย ถ้าพี่หมอกไม่ช่วยผมต้องแย่แน่เลย นะครับพี่หมอกคนดีของนิดหน่อย”


               เจอลูกอ้อนอวัศย์ก็ชักจะไปไม่เป็น เขาเม้มปากแน่นก่อนจะส่งเสียงอุบอิบ


             “ก็ได้ ก็ได้ จะให้ทำยังไงก็ว่ามา”


              วศินยิ้มแฉ่ง มือใหญ่ที่วางบังคับอยู่บนมือเรียวจึงสอนให้อีกฝ่ายโยกรั้ง


             “ทำเหมือนตอนพี่หมอกจัดการตัวเองนั่นแหละ เคยทำหรือเปล่า”


              “เคยสิ เราก็เป็นผู้ชายนะ”


               แต่อวัศย์ไม่เคยทำให้คนอื่นนอกจากตัวเองนี่สิ แล้วแถมไอ้ที่กำอยู่นี่ก็ทั้งใหญ่ทั้งยาวกว่าของเขาตั้งเยอะ


             “ถ้างั้นก็ทำให้ผมเหมือนกันแหละครับ น้า คนเก่งของหน่อย”


              สีหน้าออดอ้อนของคนที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำมาเนิ่นนานทำให้อวัศย์ยอมแพ้ มือนุ่มพรมปลายนิ้วทั้งห้าลงไปบนท่อนเนื้อแข็งแกร่งช้า ๆ ก่อนจะโยกขึ้นลง ปลายนิ้วหัวแม่มือตวัดอยู่บนปลายมนฉ่ำน้ำใสไปพร้อมกับจังหวะที่เพิ่มขึ้นทีละน้อย


             “พี่หมอก โอ ดีมาก”


              วศินจ้องมองใบหน้าหวานไปด้วย ความขัดเขินที่แสดงออกมาพร้อมกับมือโยกระวิงมันดูขัดแย้งแต่กลับยิ่งเร่งเร้าความต้องการจนต้องส่งเสียงออกมาเบาๆ ชายหนุ่มกดท้ายทอยของอวัศย์ลงมาเพื่อที่เขาจะได้จูบปากเล็ก เอวแกร่งโยกใส่มือนุ่มจนต้นขาสะเทือน


             “พี่หมอกเร่งมืออีกนิดนะครับ ผมไม่ไหวแล้ว”


             เขากระซิบเสียงสั่นพร่าข้างหู อวัศย์เม้มปากแน่นขณะที่เขาสะบัดข้อมือลงไปบนความใหญ่โตนั่น ได้ยินเสียงเป่าปากของวศินก่อนที่เจ้าแท่งร้อนจะพ่นพิษใส่เขา อวัศย์สะดุ้งทันที


              “พี่หมอกอย่าเพิ่งปล่อยมือ รูดอีกนิดนะครับ”


              วศินกัดฟันเมื่อปลดปล่อยออกมา เขาแนบมือไปกับมือเรียวบังคับให้อีกฝ่ายโยกรั้งต่ออีกสักนิดจนกระทั่งพิษทะลักทะลายออกมาจนหมด


            “ฟู่ สบายดีจัง”


             “สบายแล้วก็ปล่อยมือเราสิ”


              อวัศย์พึมพำตะกุกตะกัก เห็นวศินได้ปลดปล่อยเขาเองก็นึกอิจฉา ใช่ว่าเขาจะเป็นพระอิฐพระปูนเสียเมื่อไหร่ เมื่อสักครู่ที่ถูกวศินปลุกเร้าเขาก็เกือบจะห้ามใจไม่อยู่แล้ว ยิ่งได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอวัศย์ก็ยิ่งร้อนรุ่ม วศินอมยิ้มเมื่อเขาเดาสีหน้าของอวัศย์ได้ คนบนตักแสดงความคิดออกมาชัดเจนโดยที่เจ้าตัวก็คงไม่รู้


             เข้าใจว่าอวัศย์อาจจะยังไม่มั่นใจกับความสัมพันธ์ที่เพิ่งรื้อฟื้นกลับมาไม่นานนักจึงยังไม่กล้าผูกพันกับเขาไปมากกว่านี้ แต่วศินจะรอให้อวัศย์ไว้วางใจและยินยอมพร้อมใจจริง ๆ เสียก่อน


            “แต่ผมเป็นห่วงพี่หมอกนี่ พี่หมอกเองก็คงอึดอัดเหมือนกัน”


              แกล้งคว้าจุดซ่อนเร้นของอวัศย์มาโอบอุ้มในมือ เจ้าตัวถึงกับสะดุ้งโหยงปัดป่ายมือไปมา


             “มะ ไม่เป็นไร เราอึดอัดเองก็เอาออกเองได้ ฮื้อ หน่อย อย่าบีบสิ”


             อวัศย์กัดฟันทำหน้าเหยเกเมื่อเจ้าน้องชายของเขากลายเป็นตัวประกันของวศิน ดวงตารู้ทันของวศินยิ่งทำให้อวัศย์ทำตัวไม่ถูก


              “น่า ให้ผมช่วยดีกว่า เมื่อกี้พี่หมอกยังช่วยผมเลย”


               ไม่รอให้ปฏิเสธ แค่ออกแรงเบา ๆ อุ้มอวัศย์ออกจากตักแล้ววางให้ร่างเพรียวเอนกายนอนลงไปบนโซฟา วศินที่ร่างใหญ่กว่าต้องลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เขามองเรือนร่างตรงหน้าตาเป็นประกาย


             “พี่หมอกทั้งขาวทั้งเนียน ถ้าไม่มีเจ้าน้องชายโผล่มาผมคงไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ชายจริงหรือเปล่า แขนขาไม่เห็นมีขนเหมือนผมเลย”


             มือร้อนวางแนบพลางลูบไล้ก่อนจะหยุดที่แอ่งหน้าท้อง เขาก้มหน้าลงไปที่เนินสามเหลี่ยมก่อนจะแตะลิ้นบนปลายสวยตรงจุดอ่อนไหว อวัศย์ถึงกับผวา


             “หน่อย อื้อ”


            วศินก้มหน้าลงไป จุดอ่อนไหวดิ้นอยู่ในช่องปาก จมูกสูดดมกลิ่นจากเส้นนุ่มบางที่ปกคลุมอย่างติดใจ ลิ้นร้อนตวัดโลมเลียก่อนดูดดุนจนแม้แต่อวัศย์ยังได้ยินเสียง ร่างโปร่งบางดิ้นพล่านถึงกับจิกนิ้วขยุ้มเส้นผมของวศินไว้เมื่ออีกฝ่ายเริ่มต้นโยกรั้ง


              “ฮึก หน่อย หน่อย ฮือ เรา เราเสียว”


                แม้จะเคยปลดปล่อยตัวเองแต่อวัศย์ไม่เคยเตลิดเช่นนี้มาก่อน เขาอดกลั้นเสียงครางไม่ไหวจนแม้แต่ต้องโยกเอวเข้าใส่ช่องปากร้อน มือทั้งสองแทบจะยึดศีรษะของวศินให้จมลึกไปกับจุดอ่อนไหว


               “อ๊า...”


               เกร็งไปหมดทั้งตัวเมื่อท่อนเล็กพ่นน้ำออกมาใส่ช่องปากร้อน วศินยังไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งอวัศย์ปลดปล่อยหยาดหยดสุดท้ายออกมาพร้อมกับอาการเกร็งหายไปกลายเป็นหอบหนักเขาจึงได้ยอมคายมันออก ร่างสูงขยับขึ้นไปนั่งบนโซฟาโดยมีคนที่ยังไม่หยุดหอบอยู่ในอ้อมกอด


               “เป็นไงมั่งพี่หมอก เด็ดไหม”


              “เด็กบ้า”


             อวัศย์อดหัวเราะไม่ได้ เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดมุมปากของวศินที่ยังมีหยดน้ำขาวเกาะอยู่


             “ไม่เด็กแล้ว พร้อมมีเมียได้” วศินพูดหน้าตายพลางโขมยหอมแก้มนุ่มดังฟอด “แต่ตอนนี้ผมต้องกลับแล้ว มีรายงานส่งอาจารย์พรุ่งนี้”


              “กลับยังไง เราไปส่งไหม”


              “ไม่ต้องครับพี่หมอกของหน่อย เดี๋ยวผมกลับเองได้”


              “ก็หน่อยมีไข้นี่”


              “ไม่มีหรอก ผมแกล้งเอาหน้าผากไปแนบกับกระติกน้ำร้อน”


              อวัศย์อ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าถูกวศินทำมารยาใส่เข้าแล้ว เจ้าตัวพอสารภาพแล้วจึงหัวเราะเบา ๆ


              “ก็อยากรู้นี่ว่าพี่หมอกเป็นห่วงหรือเปล่า พอรู้ว่าพี่หมอกยังรักยังห่วงก็สบายใจ”


               “ใครรักนายกันเล่า”


              อวัศย์พูดหน้าง้ำ วศินยักไหล่อารมณ์ดี ก่อนจะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าคืน


              “ใครแถวนี้แหละ เฮ้อ ดีใจจัง วันนี้จะนอนฝันถึงพี่หมอกนะ ไปล่ะ”


               โน้มตัวไปจูบลาที่ปากกระจับก่อนจะเดินทางกลับหอพักด้วยรถเมล์ พอไปถึงห้องวศินก็พบว่าทิวไม้กับสมเสร็จนั่งรอหน้าสลอน เขาหัวเราะตอนที่ทิ้งตัวนอนบนเตียง


             “ได้ไหม”


             ทิวไม้กับสมเสร็จถามพร้อมกัน วศินส่ายหน้า


              “พี่หมอกยังไม่ยอมว่ะ แต่ก็ดีขึ้นเยอะ เขาขอเวลาอีกหน่อย”


              “ว้า นึกว่าจะเผด็จศึกได้”


              สมเสร็จบ่นพึมพำเพราะลุ้นเพื่อนไม่สำเร็จ วศินผิวปากหวือ ขี้เกียจจะเล่าว่าอย่างน้อยก็มีความสุขเนื้อตัวเบาหวิวกลับมาล่ะน่า


              “แล้วมึงจะทำยังไงต่อ”


              ทิวไม้เอ่ยถาม เขาต้องกลับไปเล่าเรื่องของวศินกับอวัศย์ให้ธมลวรรณฟัง น้องสาวของคนรักกำลังจะใช้พล็อตเรื่องนี้ไปแต่งนิยายอะไรวาย ๆ นี่แหละ


            “กูวางแผนไว้แล้ว อีกไม่กี่วันจะเป็นวันหยุดติดต่อกันสามวัน กูจะพาพี่หมอกกลับวังอีฉุยบ้านกูเพื่อรำลึกความหลัง เดี๋ยวกูโทรนัดเพื่อนสมัยเด็ก ๆ ของกูก่อน ระหว่างนี้กูจะตามติดชีวิตพี่หมอกให้เหมือนกาฝากเกาะต้นไม้เลย”



มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 04-09-2020 21:36:35
 :pighaun:
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-09-2020 21:41:02


อ่านต่อตรงนี้...



               เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์รถยนต์คันหรูก็ขับมายังสถานที่ที่เคยอาศัยอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อยังเด็ก อวัศย์ขับรถมาพร้อมกับวศินที่นั่งยิ้มแฉ่งมาตลอดทาง


              “ยิ้มอะไรนักหนา หุบยิ้มบ้างก็ได้”


              อวัศย์มองอย่างหมั่นไส้แต่วศินก็ยังอารมณ์ดี


               “ไมอะ คนมันดีใจนี่นา ผมโทรมาเม้ากับแม่ไว้ตั้งเยอะว่าจะพาพี่หมอกมาบ้าน แถมยังนัดกับพวกไอ้ป๋องไอ้เขียวไอ้นัดไอ้ดำไว้ด้วยนะ เหมือนพวกเรารวมแก๊งสมัยก่อนเลย”


               “แล้วพวกนั้นเขาจะไม่ล้อเราเหมือนแต่ก่อนเหรอ”


               อวัศย์ยังวิตกกับบาดแผลทางใจ วศินรีบดึงมือนุ่มมากุมปลอบ


               “ไม่มีใครล้อแล้ว พี่หมอกไม่รู้หรอก หลังจากพี่หมอกกลับกรุงเทพผมก็เป็นหมาหงอยไปอีกพักใหญ่จนไอ้พวกนั้นไม่กล้าล้อ แต่ถ้าพวกมันจะล้ออีกเดี๋ยวผมต่อยปากมันเอง โทษฐานที่มาล้อแฟนผม”


               “บ้า ยังไม่ตกลงเป็นแฟนสักหน่อย รีบลงรถเหอะ แม่คอยอยู่ไม่ใช่เหรอ”


              อวัศย์ดึงมือกลับแต่ก็แอบก้มหน้ายิ้ม หลายวันมานี้วศินทำตัวดีมากจนเขาเริ่มใจอ่อนแต่ก็ต้องรักษาท่าทีไว้ก่อน จะให้ยอมง่าย ๆ เดี๋ยวอีกฝ่ายจะได้ใจ เขาเดินตามวศินเข้าไปในบ้านที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว


               “แม่จ๋า หน่อยกลับมาแล้ว ดูซิพาใครมาด้วย”


                ร่างสูงตัวใหญ่เดินเข้าไปกอดหญิงสูงวัยเหมือนตัวเองยังเด็กก่อนจะจูงมือให้เดินออกมาที่เก้าอี้รับแขก อวัศย์รีบยกมือไหว้


                “สวัสดีครับน้าวิภา”


                  “อู๊ย.... คุณหนูหมอก”


                 แม่ของวศินตรงเข้ามาลูบหลังลูบไหล่ด้วยความเอ็นดู หลายวันก่อนเจ้าลูกชายตัวดีโทรศัพท์มาคุยให้ฟังด้วยความตื่นเต้นว่าไปพบอวัศย์ด้วยความบังเอิญ และจะพามาที่บ้านวันนี้


               “ไม่เจอกันนานแล้ว คุณหนูหมอกยังน่ารักเหมือนสมัยก่อนเลยค่ะ น้าดีใจนะที่ไอ้แสบนี่มันได้เจอคุณหนูอีกครั้ง”


               “น้าวิภาก็ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ คิดถึงเมื่อสิบปีก่อนจังเลย”


            วศินยิ้มจนหุบไม่ลงเมื่อนั่งมองแม่กับอวัศย์นั่งคุยกันอย่างถูกคอ จนกระทั่งน้องสาวของเขามานั่งข้าง ๆ แล้วกระแอมใส่


              “พี่หน่อย ยิ้มน่ะหุบบ้างก็ได้ เหงือกแห้งแล้วโว้ย”


             “เรื่องของกู ไอ้นิดนึง ขอกูยิ้มหน่อยเหอะ”


               วิภาหันมาหาลูกสาวตัวดีก่อนจะออกคำสั่ง


              “นิดนึงจัดห้องให้สะอาดนะแล้วมานอนกับแม่ ให้คุณหนูนอนห้องเรา คุณหนูหมอกจำไอ้นึงน้องไอ้หน่อยได้ไหมคะ ตอนนี้มันเรียนอยู่ม.6แล้ว”


              “จำได้สิครับ ตอนโน้นยังตัวเล็ก ๆ อยู่เลย”


               นิดนึงอ้าปากค้างเมื่อเห็นรอยยิ้มชัด ๆ ของอวัศย์ จนพี่ชายยกมือเขกหัวกระซิบเสียงดุ


               “มองอะไรแฟนกูนักหนาไอ้นึง เดี๋ยวเตะเลยไอ้น้องคนนี้”


               “น่ารักอ้า...” นิดนึงกลั้นเสียงกรี๊ดก่อนจะหันมากระซิบตอบพี่ชาย “คนนี้ใช่ปะที่พี่หน่อยเล่าให้ฟังว่าไปสัญญาว่าจะแต่งกับเขาตอนเด็ก วุ้ย ฟิน”


               วศินเหล่ตามองน้องสาวอย่างไม่ไว้วางใจ


               “ฟินอะไร ทำตัวเป็นสาววายไปได้ไอ้นี่”


               “พี่หน่อยรู้จักสาววายด้วยเหรอ” นิดนึงทำตาโตหัวเราะคิก “นึงก็สาววายนะ ซื้อแต่นิยายวายมาดองเต็มห้อง เนี่ยมีไรท์เตอร์ในดวงใจด้วย แชทคุยกันบ่อย ๆ รู้สึกตัวจริงจะชื่อโบว์ เรียนอยู่ม.6เหมือนกัน หุหุ เดี๋ยวคืนนี้แชทไปหาไรท์เรื่องคุณหนูหน้าใสกับพี่ชายตัวแสบดีกว่า แม่ นึงไปจัดห้องให้พี่หมอกก่อนนะ”


               วศินส่ายหน้าให้กับน้องสาวสายวายที่เดินลั้ลลาไปยังห้องนอนบนชั้นสอง เสียงสนทนาของอวัศย์กับวิภาแม่ของเขาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงมอเตอร์ไซค์ดังลั่นหน้าบ้าน


              “ไอ้หน่อย ไอ้เหี้ยนิดหน่อย พวกกูมาแล้ว”


               เมื่อได้ยินสรรพนามดั้งเดิมวศินจึงหัวเราะขึ้นมาพลางดึงมือของอวัศย์ให้ยืนขึ้น


              “ไปหาไอ้พวกเวรนั่นก่อน แล้วค่อยมากินข้าวเที่ยงฝีมือแม่กันนะพี่หมอก”


               จูงมือให้ร่างเพรียวเดินตามไปหน้าบ้านที่แก๊งวัยเด็กมาพบกันอีกครั้ง ทุกคนโตขึ้นแต่อวัศย์ก็ยังจำได้ เสียงทักทายดังลั่นจากอีกสี่หนุ่มจนอวัศย์ฟังไม่ทัน


               “พี่หมอกกลับมาแล้ว”


               “พี่หมอกพวกเราขอโทษที่ล้อพี่หมอกนะ”


                “พี่หมอกยกโทษให้พวกเรานะ ต่อไปจะไม่ล้อพี่หมอกกับไอ้หน่อยอีกแล้ว”


                “แต่งงานกันเมื่อไหร่ให้พวกเราไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะ”


                “หยุด หยุดก่อน พูดทีละคน”


                อวัศย์ต้องยกมือห้ามทัพพลางทักทายทีละคน นัดที่เรียนเก่งที่สุดไปเรียนมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ ป๋องเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองของจังหวัดบ้านเกิด ส่วนเขียวเรียนเทคนิคจนจบปวส.ก็ออกมาทำงานและทำนาที่บ้านเพราะทำสาวท้องเสียก่อน เขาเพิ่งผูกข้อมือไปเมื่อไม่กี่เดือนมานี้


              ระหว่างที่อวัศย์ยังเพลินเพลินกับเพื่อนสมัยเด็ก วศินก็เลี่ยงมาหาเขียวพลางกระซิบถาม


              “เหี้ยเขียว ที่กูให้มึงสร้างกระท่อมปลายนาน่ะ เสร็จหรือยัง”


               เมื่อไม่กี่วันก่อนวศินเพิ่งโทรศัพท์มาไหว้วานเขียวที่อยู่แถวนี้ เขียวสบตากับเพื่อนเก่าอย่างรู้ใจ


              “เสร็จแล้ว เรื่องหมู ๆ สองวันเสร็จ เพื่อแผนของมึงกูรีบทำให้เลยเหี้ยนิดหน่อย”


              วศินยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาวางแผนจะเผด็จศึกอวัศย์ที่กระท่อมปลายนา บรรยากาศท้องทุ่งจะต้องเป็นใจ สวรรค์ของเขาจะต้องไม่ล่มอีก วศินสัญญากับตัวเอง



                                                              TBC

                                                        เจ้าแผนการดีนัก



                                                          o18 o18 o18 o18 o18 o18



หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 04-09-2020 23:04:08
 :hao3:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 04-09-2020 23:42:56
ขอให้แผนสำเร็จนะ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-09-2020 01:44:24
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-09-2020 08:50:02
ไอ้น้องนิดหน่อยกะหลอกพี่หมอกมาเผด็จศึกเหรอจ๊ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 05-09-2020 09:16:38
นิดหน่อยสู้ๆจ้า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 05-09-2020 21:39:11
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-09-2020 22:04:00
 :o8:  จัดออเดิร์ฟไปแล้ว
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-09-2020 15:51:36
ตามมาอ่าน สนุกดี
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 12 NCเบาๆ [04/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 10-09-2020 09:04:11
นิดหน่อยแผนสูง ทุ่มทุนสร้างมากจร้า
 :katai5:
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 13 [25/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 25-09-2020 19:54:37



                                                  ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                               บทที่ 13


             อาหารมื้อกลางวันผ่านไปอย่างสนุกสนานเพราะเพื่อนในวัยเด็กต่างก็มาฝากท้องกับฝีมือแม่สุดที่รักของวศินด้วย อวัศย์เองก็เจริญอาหารเพราะเหมือนได้ย้อนอดีตไปสู่วัยเด็กอีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีใครพูดจาอะไรให้เขาระคายหูอีกแล้ว เสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้นจนกระทั่งช่วงบ่ายบรรดาเพื่อนเก่าจึงขอตัวกลับก่อน


             “คุณหนูขึ้นไปล้างหน้าล้างตาพักผ่อนที่ห้องไอ้นึงมันก่อนก็ได้นะคะ”


             วิภาเอ่ยด้วยความเอ็นดู อวัศย์เป็นคุณหนูฐานะร่ำรวยที่ไม่ถือเนื้อถือตัวเลยสักนิด ลูกสาวตัวแสบรีบดึงมือชายหนุ่มให้ลุกตามขึ้นไปบนชั้นสอง


              “มาค่ะพี่หมอก นึงจัดห้องให้รกน้อยลงแล้ว”


               เมื่ออวัศย์เดินตามนิดนึงลับสายตาวิภาจึงหันไปหาบุตรชายแล้วกระซิบถาม


              “เสร็จโจรไปยังวะ”


              “ยังเลยแม่”


              “โธ่ ไอ้งี่เง่า เพราะช้างี้เลยไม่มีเมียสักที”


              “โหแม่ ให้เวลาพี่หมอกเขาหน่อย เขาโกรธหนูมาตั้งหลายปี”


              คนเป็นแม่ส่ายหน้าระอา


              “ไอ้หน่อยเอ๊ย เค้ายอมมาบ้านด้วยขนาดนี้ก็คือยอมแน่ๆ แล้ว แกจะรีรอทำไมวะ จับปล้ำทำเมียเลย”


               “ไม่ได้ หน่อยจะไม่ฝืนใจพี่หมอก หน่อยเป็นลูกผู้ชายอกสามแท่ง เอ๊ย สามศอก หน่อยจะรอให้พี่หมอกยินยอมพร้อมใจก่อน”


              เห็นลูกชายยืดอกอวดความเป็นสุภาพบุรุษแล้ววิภาก็ต้องยอมแพ้ คนเป็นแม่หัวเราะขำพรืด


              “เออๆ ตามใจ แต่ยังไงก็อย่าให้พลาดนะ แม่ถูกใจคุณหนูหมอกมาตั้งแต่เด็กแล้ว เป็นผู้ชายด้วยกันแม่ก็ยอม นี่อุตส่าห์ไปกล่อมพ่อให้ยอมมีลูกสะใภ้เป็นผู้ชายจนได้ พลาดมาแม่จะเขกให้กบาลแยกเลย”


               “ชัวร์แม่ ไม่พ้นคืนนี้หรอก แม่เตรียมตัวผูกข้อมือรับลูกสะใภ้เลย”


               วศินรับคำมารดาด้วยความมั่นใจ แผนของเขาจะต้องไม่พลาด อวัศย์ต้องเป็นของเขาภายในคืนนี้อย่างแน่นอน







              เมื่อเข้ามาภายในห้องนิดนึงแล้วอวัศย์ถึงกับทึ่งเมื่อเห็นว่าพื้นที่เต็มไปด้วยกองหนังสือ เจ้าของห้องหัวเราะแก้เขิน


              “จัดได้แค่นี้แหละค่ะพี่หมอก ปกตินึงเขี่ย ๆ ให้มีที่ว่างแล้วซุกหัวนอน”


              “มีหนังสือเรียนบ้างไหมนิดนึง”


              ชายหนุ่มหน้าสวยเอ่ยถามเมื่อหยิบมาได้เล่มหนึ่งแล้วพลิกไปพลิกมา อวัศย์เบิกตากว้าง


              “ทำไมปกนิยายมันมีแต่รูปวาดผู้ชายกับผู้ชายล่ะ นึงเป็น อะไรนะ ที่เขาเรียกว่าสาววายเหรอ”


               นิดนึงจูงแขนอวัศย์ให้นั่งลงบนเตียงที่พอจะมีพื้นที่ว่าง เด็กสาวหัวเราะแหะๆ


              “ใช่พี่หมอก สาววายเต็มขั้น สวรรค์อยู่ในกองดอง พี่หมอกต้องลอง แล้วจะบอกว่าติดใจ”


              “ฮะ ให้พี่ลองอะไรแล้วจะติดใจนะ”


             อวัศย์หน้าตาเหรอหรา คิดลึกจนหน้าร้อนเห่อแดงก่ำไปหมด นิดนึงเห็นแล้วปลื้มสุดขีดเพราะเป็นสาววายสายบูชาเคะ


              “พี่หมอกอะคิดมาก นึงหมายถึงให้ลองอ่านนิยายวายดูแล้วจะติดใจ นี่ๆ เล่มนี้เล่มโปรดของนึงเลย”


              ว่าแล้วเจ้าของห้องก็คว้านิยายเล่มเยินใกล้มือมาส่งให้อวัศย์รับไปถือเปิดดูคร่าวๆ


               “นักแต่งในดวงใจชื่อบีเลิฟ เรื่องนี้เด็ดสุด ผมกำลังจะกลับบ้าน ฉากซั่ม เอ๊ย เลิฟซีนมันทุกบท มีฉากจู๋จี๋กันบนรถทัวร์ด้วยนะ”


              อวัศย์กลั้นหัวเราะไม่อยู่


               “บนรถทัวร์? นักเขียนก็คิดได้นะ ผู้โดยสารคนอื่นเขาไม่ตื่นมาเห็นกันหมดเหรอ”


              “แหม พี่วันรบพระเอกเดอะเบสท์ของหนูเขาไม่ทำให้ใครตื่นหรอกพี่ เขาเน้นท่ายาก อยากให้พี่หมอกได้อ่าน มันมีหลายท่ามาก เผื่อพี่จะใช้กับพี่หน่อย เอ๊ย ไม่ใช่ เผื่อพี่จะเก็บไว้เป็นข้อมูล”


              นิดนึงเขินตัวแทบแตกผิดกับคำพูดยุยงเชียร์พี่ชายออกนอกหน้า อวัศย์ได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู


              “นี่ๆ เขาบอกตรงนี้ว่าเหมาะสำหรับคนอ่านอายุสิบแปดปีขึ้นไป เราน่ะ อายุถึงแล้วเหรอ”


              “โหย พี่หมอก สมัยนี้ใครเขารอให้สิบแปดแล้วค่อยอ่านกันล่ะ นิยายลงในเว็บกันโครมๆ แต่พี่ไม่ต้องกลัวสาววายอย่างนึงจะใจแตกเพราะอ่านนิยายสิบแปดบวกพวกนี้หรอกนะ หลักการของสาววายคืออยากเห็นผู้ชายกับผู้ชายได้กัน รับประกันความเหลวแหลกว่าไม่มี เงินทองจะล่มจมไปกับนิยายและคู่จิ้นในซีรี่ส์เท่านั้น ชวนคุยนานแล้วพี่หมอกพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวคืนนี้จะไม่มีแรง เอ๊ย เดี๋ยวจะเพลีย นึงไปช่วยแม่ข้างล่างก่อน”


              เด็กสาวออกจากห้องปล่อยให้ผู้มาเยือนได้อยู่ตามลำพัง อวัศย์ลองเสี่ยงเปิดนิยายในมือ เมื่อลองอ่านหน้าที่เปิดได้เขาถึงกับอ้าปากค้างแก้มแดงเป็นพวง


             “มันมีท่านี้ด้วยเหรอ ทำได้จริง ๆ เหรอเนี่ย นักเขียนคิดได้ไงอ้ะ”


             อ่านไปก็เขินไปแต่ก็อยากรู้เลยอ่านไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็อ่านเกือบจบเล่ม อวัศย์เพิ่งรู้ว่าเวลาผ่านไปจนเกือบบ่ายคล้อยตอนที่ได้ยินเสียงวศินมาเรียกอยู่หน้าห้อง


            “พี่หมอก พี่หมอก ทำไรอยู่ หลับอยู่หรือเปล่า”


             “เปล่า แป๊บนึงนะหน่อย”


             วางหนังสือลงแล้วเดินไปเปิดประตูให้วศิน ชายหนุ่มโผล่หน้าเข้ามามองไปรอบห้องน้องสาวตัวเอง


             “โห ห้องไอ้นึงทำไมรกงี้วะ เดี๋ยวปลวกมากินหนังสือจะหัวเราะเยาะให้สะใจเลย”


             “อย่าว่าน้องสิหน่อย ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”


              วศินยิ้มหน้าแป้น เขาฉวยโอกาสจูงมือนุ่มให้เดินตามลงไปชั้นล่าง


              “จะไปเยี่ยมหลานไง ลูกไอ้เขียว เมียมันเพิ่งคลอดเมื่อเดือนที่แล้ว ไอ้เหี้ยเขียวมีลูกคนแรกของกลุ่มเลย”


              เจ้าของบ้านคว้ามอเตอร์ไซค์คันเก่าของบ้านมาสตาร์ทรถแล้วบิดคันเร่งเสียงดังลั่น


               “ขึ้นมาสิพี่หมอก เราแว้นไปบ้านไอ้เขียวกัน”


             อวัศย์ขึ้นไปนั่งซ้อนหลังบนเบาะมอเตอร์ไซค์อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสนั่งมอเตอร์ไซค์แบบนี้มากนัก วศินดึงมือของเขาให้โอบกอดเอวไว้


              “ไม่ต้องกลัวตกน่าพี่หมอก ถ้ากลัวก็กอดผมไว้แน่นๆ”


               “คนบ้า ฉวยโอกาสจริงๆ”


               บ่นอุบอิบแต่ก็ต้องกอดเอววศินไว้เมื่ออีกฝ่ายกดเท้าเหยียบเกียร์แล้วบิดคันเร่งไปบนถนนของหมู่บ้านตรงไปยังบ้านของเขียว สายลมปะทะกับผิวหน้าทำให้อวัศย์ต้องซบหลบอยู่กับแผ่นหลังกว้าง


              ความจริงวศินก็เป็นคนที่ทำให้อวัศย์ไว้วางใจได้ เมื่อลองเปิดใจอีกครั้งอวัศย์จึงได้เรียนรู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนจริงใจเมื่ออดีตเมื่อวัยเยาว์ ความเป็นธรรมชาติ ความใสซื่อ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้อวัศย์หลงรัก


              รัก!


              นี่ยอมรับใจตัวเองแล้วอย่างนั้นหรือว่ารักเขา


               อวัศย์ถามใจตัวเองพร้อมกับเผลอกระชับอ้อมกอดของตนเองที่โอบรอบเอวของวศินอยู่


               หรือบางทีอาจจะรักตั้งแต่ยังเด็ก ผูกพันจนกลายเป็นเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำพูดตัดรอนโดยไม่ทันตั้งตัว และเมื่อได้พบอีกครั้งจึงรู้ว่าความรักแสนบริสุทธิ์ในอดีตไม่เคยลืมเลือนจนที่ผ่านมาไม่อาจเปิดใจให้ใครได้


               “พี่หมอก ถึงแล้ว พี่หมอก”


              “อะ อื้อ ถึงแล้วเหรอ”


               สะดุ้งตื่นจากภวังค์ถึงได้รู้ว่าตนเองกอดเอววศินไว้แน่นตอนที่วศินดับเครื่องมอเตอร์ไซค์แล้ว อวัศย์รีบคลายวงแขนด้วยความขัดเขิน วศินได้แต่แอบซ่อนรอยยิ้มไว้เมื่อมั่นใจแล้วว่าอวัศย์คิดเช่นไรกับเขา


              “ไอ้นัด ไอ้ป๋องมาก่อนแล้ว เราตามเข้าไปในบ้านเถอะ ไอ้เขียวเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้า เห็นคุยโวว่าเมียทำกับแกล้มอร่อยต้องถล่มมันเสียหน่อย”


             วศินฉุดแขนให้อวัศย์เดินตามเข้าไปในบ้านเพื่อน บรรยากาศเป็นกันเองทำให้อวัศย์สนุกไปด้วย ขณะหยอกล้อกับลูกของเขียวเขาก็ถูกบรรดาเพื่อนในวัยเด็กคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าไปเสียหลายแก้วจนเริ่มหน้าร้อน


             “พอแล้ว กินไม่ไหว เดี๋ยวเมา” ยกมือห้ามพลางมองนาฬิกา “พวกเรากลับกันเถอะ เจ้าของบ้านเขาจะได้พักผ่อน นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ”


              วงเหล้าจึงเลิกกันตอนนั้น เมื่อร่ำลาเขียวกับเมียทั้งหมดจึงได้เดินออกมาจากบ้าน ตอนนั้นที่อวัศย์เพิ่งรู้ว่าเขาเกือบยืนไม่อยู่เพราะเหล้าฤทธิ์แรงที่ได้ข่าวว่าพ่อของเขียวต้มเอง


            “แยกย้ายๆ ไปกันได้แล้วพวกมึง พรุ่งนี้เจอกัน ไป พี่หมอก กลับบ้านเรา รักรออยู่”


             วศินจูงมือนุ่มไปที่รถแล้วสตาร์ทเครื่องขี่พาอวัศย์ออกจากบ้านของเขียว แต่ทางที่ไปกลับไม่ใช่ที่บ้าน


             “ไปไหนอีกล่ะหน่อย ดึกแล้วนะ”


              สี่ทุ่ม หากเป็นในเมืองอาจจะเพิ่งจะสว่างไสว แต่สำหรับชนบทเช่นนี้มองไปทางไหนก็มืดมิดเงียบสงัด  วศินไม่ตอบแต่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังทุ่งนา


             “พ่อบอกให้แวะมาดูน้ำที่สูบเข้านา พี่หมอกลงมาก่อนนะ”


             มอเตอร์ไซค์คันเก่าจอดลงตรงคันนาเล็ก ๆ วศินพาอวัศย์เดินตรงมายังสิ่งก่อสร้างโยกเยกตั้งอยู่บนคันนา วศินรุนหลังให้คนที่เดินตามติดก้าวขึ้นไปบนนั้น


              “พี่หมอก นั่งรอบนเถียงนาก่อน เดี๋ยวผมไปดูน้ำในนาให้พ่อแป๊บนึง”


              “หน่อย ไอ้นี่มันขึ้นไปได้จริงเหรอ”


               อวัศย์ถามด้วยความหวั่นเกรง เพราะไอ้เจ้าเถียงนาน้อยนี้ดูไม่มั่นคงเอาเสียเลย วศินพยายามยิ้มสู้


             “ได้สิพี่หมอก เห็นงี้แข็งแรงนา ไปเหอะ”


              อวัศย์ยอมขึ้นไปนั่งบนเถียงนา อากาศเริ่มเย็นและเพราะฤทธิ์เหล้าทำให้เขาชักโงนเงนด้วยความง่วงงุนจนต้องเอนกายลงนอนกับพื้นหยาบ ๆ ระหว่างที่วศินหายไป เขาจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเดินไปไม่ไกลนักเพื่อสุมหัวกับอีกสามหัวที่ผลุบโผล่อยู่ในความมืด


              “ไอ้เหี้ยเขียว มึงสร้างเหี้ยไรของมึงถึงโงนเงนงี้วะ”


              วศินกระซิบด่าเพื่อน เขียวยกมือเกาหัวแกรกๆ


              “งานเร่งนี่หว่า มึงจะเอามั่นคงแค่ไหนวะไอ้เหี้ยนิดหน่อย นี่ก็สร้างพอให้มึงเอาเมียได้นั่นแหละ รีบ ๆ เหอะมึง”


              “เออ สัส พวกมึงอย่าลืมก่อไฟไล่ยุงให้กูด้วยนะ ไม่ใช่ให้กูปล้ำไปยุงกัดตูดลายไปล่ะ”


            “พูดมากชิบหาย”  ไอ้นัดเอ่ยปากด้วยความหมั่นไส้  “มึงไปปล้ำพี่หมอกได้แล้ว พวกกูรอฉลองความสำเร็จของมึงอยู่”


            วศินชูสองนิ้วให้เพื่อนก่อนจะรีบย่องกลับขึ้นไปบนเถียงนา เมื่อเห็นอวัศย์คล้อยหลับไปเขาก็ยกมือลูบปากพลางยิ้มกริ่ม


             “แหม หลับยังน่ารักขนาดนี้ มาเป็นเมียโจรเถอะพี่หมอก”


             มหาโจรย่องขึ้นไปนั่งมองคนเผลอหลับ มือใหญ่ลูบไล้แขนกลมกลึงเบาๆ วศินเอนกายนอนเคียงข้างก่อนจะขโมยหอมแก้มนุ่มดังฟอด


            “อื้อ หน่อย”


              อวัศย์งัวเงียตื่นขึ้นมาก็มองเห็นใบหน้าวศินใกล้จนหนีไม่ได้และห้ามไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาจูบ มือใหญ่ครอบครองเอวของเขาเหนี่ยวรั้งเข้าหา ซ้ำยังใช้ท่อนขาพาดลงมากันเขาหลบหนี


            “ผมรักพี่หมอกนะ ยอมเป็นของผมได้ไหม”


              “ตะ แต่ว่า...”


             “นะพี่หมอก บรรยากาศดีขนาดนี้อย่าปฏิเสธกันเลย”


              ลมเย็นพัดผ่าน ทุ่งนาบางส่วนที่ข้าวใกล้ออกรวงถูกลมพัดเสียงหวีดหวิว เบื้องบนท้องฟ้ามองเห็นพระจันทร์ครึ่งดวงส่องแสงไร้เมฆบดบัง และด้วยสัมผัสอบอุ่นจากร่างใหญ่โตทำให้อวัศย์ยากจะปฏิเสธ ใช่ว่าเขาจะไม่มีใจให้วศินเสียเมื่อไหร่ ก็รู้ใจตนเองตั้งนานแล้วว่าคิดอย่างไรกับชายหนุ่มรุ่นน้อง


            เห็นอวัศย์นิ่งงันวศินจึงชิงจูบด้วยความย่ามใจ เนื้อตัวของอวัศย์อุ่นร้อนเพราะเหล้าที่เขาคะยั้นคะยอให้ดื่มกิน เรียกร้องให้วศินสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดเนื้อนุ่มที่ร่างโปร่งสวมใส่แล้วลูบไล้สัมผัส รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายแทบสะดุ้งตามฝ่ามือ พร้อมกันวศินก็สอดปลายลิ้นเข้าไปในปากหวานแล้วก่อกวนจนอวัศย์อ่อนระทวยไปหมด


             “พี่หมอก รู้ตัวไหมว่าพี่หมอกน่ากินมาก”


             พึมพำอยู่ในลำคอขณะยอมผละจากปากอุ่นมาหาใบหูนุ่มพลางขบกัดแผ่วเบา อวัศย์ครางฮือเผลอบดเบียดกายเข้าหา วศินกำลังทำให้เขาร้อนรุ่มเตลิดเปิดเปิง


             “ฮื้อ หน่อย ยะ อย่าจับตรงนั้น”


             มือร้อนบีบเค้นเบา ๆ ตรงจุดอ่อนไหว อวัศย์ผวาเฮือกหมดเรี่ยวแรงต่อสู้ ไหล่บางถูกผลักให้พลิกหงายเพื่อร่างสูงใหญ่ของวศินจะได้ขยับมาอยู่เบื้องบน มาถึงตอนนี้อวัศย์ไม่มีปัญญาจะห้ามปรามแล้ว ได้แต่ปล่อยให้วศินรูดซิปถอดกางเกงของเขาลงไปกองที่ปลายเท้า


             วศินกอดร่างสั่นเทานั้นไว้ เมื่อดึงกางเกงตนเองร่นลงไปถึงเข่า เขากดท่อนเนื้อแข็งแกร่งของตนเองลงไปทักทายจุดซ่อนเร้น
       

              “ไว้ใจผมนะพี่หมอก มันคงจะเจ็บแหละแต่ผมจะอ่อนโยนกับพี่สุด ๆ เลย”


                “หน่อย... แต่เราหาข้อมูลมา มันต้องเอ่อ หล่อลื่นก่อนไม่ใช่เหรอ”


              อวัศย์ยังหวั่นเกรง วศินหัวเราะเบา ๆ


              “ธรรมชาติสุดก็ต้องน้ำลายผมแล้วพี่”


               วศินถ่มน้ำลายใส่มือก่อนจะลูบไล้ใส่อาวุธตนเอง เขาจูบปิดเสียงพลางแยกขาเรียวออกจากกัน จากนั้นจึงวนเวียนหัวรบของตนอยู่หน้าปากทาง เมื่อเห็นอวัศย์เตลิดไปกับจูบหนักหน่วงหัวรบจึงถูกดันเปิดปากถ้ำเข้าไป


               “อึก หน่อย เจ็บ!”


              “นิดเดียว นะครับพี่หมอกของหน่อย”


               น้ำตาเล็ดเมื่อช่องทางถูกสอดใส่ แต่อวัศย์ก็เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสจากมือและจูบที่ดึงความสนใจไปได้ เขาได้แต่กอดร่างหนาของวศินไว้แน่นจนส่วนกว้างผ่านเข้าไปได้


             “เก่งจังพี่หมอก ขอดันเข้าไปอีกนิดเดียวนะครับ”


              “ฮัก หมอก”


             อวัศย์ชันขารับเมื่อวศินดันเองเข้าไปจนสุดทาง ความคับแน่นภายในสร้างความร้อนรุ่มจนเผลอครางเสียงแผ่ว ตอนนี้เขาถูกวศินครอบครองโดยสมบูรณ์แล้วเพียงรอให้ความเจ็บปวดบรรเทาลงไป วศินจึงค่อยเริ่มขยับตัว


              “อื้อหือพี่หมอก แน่นชะมัด”


               เริ่มแรกก็ยังขับเคลื่อนลำบาก วศินถ่มน้ำลายตามไปหล่อลื่นอีกครั้งจึงได้พอสบายตัวขึ้น  เขาชันกายอีกเล็กน้อยเพื่อจะออกแรงใส่ร่างบางจนพื้นไม้ไผ้ลั่นดังเปรี๊ยะ





มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 13 [25/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 25-09-2020 20:07:14


อ่านต่อตรงนี้...



            “หมอก หมอก เบา ๆ พื้นมันลั่น ฮือ เสาก็โยก


            อวัศย์อุทาน เสียวก็เสียว กลัวก็กลัว วศินยังปลอบใจเขาไปพลาง


             “ซี้ด ไม่เป็นไรน่าพี่หมอก ไอ้เขียวมันทำเอง ไว้ใจได้ ห่าเอ๊ย กลิ่นอะไรวะ”


             กลิ่นเหม็นไหม้ลอยเข้าจมูก วศินหันขวับไปมอง เมื่อเห็นพื้นเถียงนามีเปลวไฟเขาก็อุทานลั่น


             “วู้ ไอ้หน่อย ระวัง ไฟไหม้เถียงนา”


             “ชิบหายแล้วมึง อย่าเพิ่งขึ้นสวรรค์ หนีตายก่อนเพื่อน”


            “ไอ้พวกเหี้ย กูบอกให้จุดไฟไล่ยุง ไม่ใช่เผากู”


             วศินหันไปมองอวัศย์ที่เบิกตากว้างเมื่อรู้ความจริงพลางหัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อน


             “หน่อย!”


             “อย่าเพิ่งด่าเลยพี่หมอก เอาออกก่อนนะ สวรรค์ล่มอีกแล้ว พระเจ้าไม่เจ้าข้างกูเลยโว้ย”


              ท่อนเนื้อจำต้องถูกถอดถอนออกอย่างยากเย็น วศินหน้านิ่วร้องอูยแต่เขาก็ต้องรีบใส่กางเกงตนเองก่อนจะนุ่งกางเกงคืนใส่อวัศย์ เขารีบอุ้มร่างโปร่งลงจากเถียงนาที่เริ่มติดไฟมากขึ้น เมื่อเพื่อนด้านนอกเห็นเขากับอวัศย์ออกมาได้แล้วก็รีบใช้น้ำจากสายยางเครื่องสูบน้ำฉีดเข้าดับไฟ ไม่นานไฟก็ดับ ทั้งหมดมายืนหน้าซีดเรียงตัวต่อหน้าอวัศย์ที่ยืนหน้าคว่ำ


            “นี่วางแผนกันมาใช่ไหม”


            “โธ่ พี่หมอกอย่าโกรธดิ พวกเราสงสารไอ้หน่อย อยากให้พี่หมอกกับไอ้หน่อยลงเอยกัน”


             ไอ้ป๋องเป็นทัพหน้าแต่อวัศย์ก็ยังไม่หายโกรธ


              “กลับบ้าน นิดหน่อย แล้วค่อยเคลียร์กัน”


              อวัศย์กระแทกเท้าเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ บรรดาผองเพื่อนมองหน้ากันยิ้มแหย


              “เอาไงดี เมียโกรธ”


               “แล้วแต่มึงเลยหน่อย พวกกูหมดปัญญาแล้วว่ะ”


               นัดตบบ่าปลอบใจ วศินสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงลอยลมมา


               “วศิน จะกลับหรือไม่กลับ”


             “จ้าแม่ เอ๊ย พี่หมอก ไปแล้วจ้า”


              วศินรีบวิ่งไปที่รถแล้วยิ้มแห้งส่งให้แต่อวัศย์ยังหน้าบึ้งใส่ เขาได้แต่สตาร์ทรถพาอวัศย์กลับบ้าน เมื่อถึงบ้านร่างโปร่งก็เดินหนีเข้าห้องพร้อมปิดประตูล็อกกลอน


             “พี่หมอก ออกมาคุยกันก่อน ผมทำไปเพราะรักพี่จริง ๆ นะ ผมขอโทษ”


              “คนรักกันต้องหลอกกันแบบนี้เหรอ เราโกรธจริง ๆ นะหน่อย”


              วศินคอตก วิภากับนิดนึงโผล่หน้าออกมามองด้วยความสนใจ


            “หน่อย ไอ้หน่อย มานี่ซิ เกิดอะไรขึ้นวะ”


               ลูกชายถอนหายใจเดินไปหาแม่กับน้องสาวแล้วเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ


               “หน่อยผิดเองแหละ อยากได้พี่หมอกมากเกินไป คราวนี้เข็ด เข็ดจริง ๆ ไม่กล้าทำอะไรเขาแล้วแม่”


               วศินเดินหงอยออกไปนอกบ้าน วิภากับนิดนึงได้แต่มองตามด้วยความเห็นใจ ไม่เคยเห็นวศินหน้าเสียขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้ชายหนุ่มคงได้บทเรียนสอนใจจนหลาบจำ



                                                                  TBC


                                                สมน้ำหน้า หาเรื่องดีนักไอ้นิดหน่อยตัวดี
                                    :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 13 [25/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 26-09-2020 22:51:30
วางแผนกินพี่เขาซะดิบดี อดซะได้
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 13 [25/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-09-2020 08:41:47
ไม่รู้จะขำหรือสงสารดี
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 13 [25/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-09-2020 09:15:25
หมดกันสวรรค์ล่ม นิดหน่อยทำพี่เค้าโกรธอีกแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 13 [25/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-09-2020 19:58:42
โถ่เอ๋ย
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 13 [25/09/63]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-09-2020 19:39:24
สวรรค์ล่มของจริง :laugh:
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 14 [06/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-11-2020 23:12:55



                                                     ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                                 บทที่ 14



              “คุณหนู คุณหนูหมอก ให้น้าเข้าไปในห้องได้ไหมคะ”


             เสียงวิภาดังอยู่หน้าประตูห้องเรียกให้อวัศย์ลุกไปเปิดประตูให้มารดาของวศินเข้ามาภายใน หลังจากกลับมาถึงบ้านเขาก็เข้ามานั่งน้อยใจอยู่พักหนึ่ง ได้ยินเสียงวศินดังแว่ว ๆ แต่จับใจความไม่ได้จากชั้นล่างแต่อวัศย์พยายามไม่สนใจ จนกระทั่งวิภามาเคาะประตูห้องกลางดึก


             “คุณหนูยังโมโหไอ้หน่อยมันอยู่หรือคะ”


            วิภาเข้ามานั่งเคียงข้างพลางมองอีกฝ่ายด้วยความเห็นใจ อวัศย์คงโกรธเจ้าลูกชายตัวดีอยู่แน่ๆ ถึงยังทำหน้าง้ำขนาดนี้


              “น้าขอโทษแทนไอ้หน่อยมันนะคะ มันก็ทำผิดจริง ๆ ที่คิดจะหักหาญน้ำใจคุณหนู”


             อวัศย์ถอนหายใจ นึกละอายที่ต้องให้ผู้ใหญ่อย่างวิภาต้องมาเป็นกังวลเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้


            “ผมก็ต้องขอโทษนะครับที่ทำให้น้าวิภาต้องมาเครียดไปด้วย”


             “คุณหนูหมอกยกโทษให้ไอ้หน่อยมันได้ไหมคะ” วิภายิ้มให้ชายหนุ่มรุ่นลูก “ถึงมันจะทำอะไรห่าม ๆ บ้าบอไปบ้าง แต่มันก็รักคุณหนูจริง ๆ นะคะ ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อหลายปีก่อนไอ้หน่อยมันก็ยังไม่ลืมคุณหนูหรอก แต่มันไม่รู้จะไปตามหาคุณหนูที่ไหน แล้วคราวนี้มันก็คงเสียใจจริง ๆ น้าไม่เคยเห็นมันหน้าจ๋อยขนาดนี้มาก่อน อย่าหาว่าน้าเข้าข้างลูกชายเลย”


            “น้าวิภา เอ่อ รู้เรื่องของผมกับหน่อยด้วยหรือครับ”


            อวัศย์ยิ้มแหยเมื่อผู้ใหญ่เอ่ยปากเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับลูกชาย วิภายิ้มให้อย่างเข้าใจ


            “รู้ยิ่งกว่ารู้อีกค่ะ รู้มาตั้งนานแล้วว่าไอ้หน่อยมันรักคุณหนูมาก อยากได้คุณหนูเป็นเมีย เอ๊ย แฟน”


             “เอ่อ แล้ว น้าวิภาไม่ว่าหรือครับ ผมกับหน่อยเป็นผู้ชายเหมือนกัน”


             เขินจนนั่งบิดมือตัวเองอยู่บนตัก วิภารีบส่ายหน้ายิ้มแก้มปริด้วยความเอ็นดู


             “ฮู้ย... ไม่ว่าหรอกค้า นี่มันสมัยปลูกมะนาวบนดาวอังคารแล้วน้าไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก มีแต่น้าเสียอีกที่เกรงใจ คุณหนูน่ะทั้งน่ารักทั้งสูงส่ง แต่ก็ยังให้โอกาสไอ้หน่อยเด็กท้องไร่ท้องนาไม่รังเกียจรังงอน แต่ตอนนี้ถ้าคุณหนูหายโกรธไอ้หน่อยมันแล้วไปดูใจมันนิดก็ดีนะคะ ก่อนที่มันจะเสียใจจนขาดใจตายเสียก่อน ไอ้ลูกคนนี้มันยิ่งอ่อนไหวง่ายอยู่ด้วย”


              เมื่อถูกผู้ใหญ่หว่านล้อมและอารมณ์เย็นลงบ้างแล้วอวัศย์ก็เริ่มจะคิดถึงวศิน สีหน้าของคนสำนึกผิดตอนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงบ้านทำให้เขาใจอ่อน ความจริงเขาก็ไม่ได้ปัดป้องตอนที่ถูกวศินโอ้โลมบนเถียงนาเพราะก็อยากใกล้ชิดวศินเหมือนกัน เพียงแต่นึกกระดากอายเพราะรู้ว่าเป็นแผนของวศินและเพื่อนในตอนหลังเท่านั้นเอง


             “แล้วตอนนี้หน่อยอยู่ที่ไหนหรือครับ”


              ถามถึงวศินด้วยน้ำเสียงเบาหวิว วิภาถอนหายใจก่อนตอบเสียงเศร้า


             “มันก็ไปนั่งจ๋อยอยู่ที่กองฟางข้างยุ้งฉางเก็บข้าวโน่นแหละค่ะ ที่ประจำของไอ้หน่อยมันเวลามันถูกพ่อตี”


             “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมไปตามหน่อยกลับนะครับ ดึกแล้วด้วย”


             อวัศย์รีบลุกขึ้นก้าวออกไปนอกห้องทันทีเบื้องหลังนั้นมีรอยยิ้มของวิภาตามไป นิดนึงโผล่หน้ามาเมื่อเห็นอวัศย์ลับสายตาไปแล้ว


           “สำเร็จไหมแม่”


           “ถามทำไมวะไอ้นึง นี่ใคร นี่แม่เอ็งนะโว้ยให้มันรู้ซะบ้าง ถ้าไม่เก่งขนาดนี้ไม่ได้พ่อเอ็งมาแต่งด้วยหรอก”


           ผู้เป็นแม่หัวเราะเบา ๆ ท่าทางภูมิใจ นิดนึงถึงกับยกนิ้วโป้งให้


            “แม่เก่งจัง ยิ่งกว่าในนิยายอีก ถ้าพี่หน่อยกับพี่หมอกดีกันได้นะ หนูจะได้มีเรื่องไปเม้ากับไรท์โบว์เอาไว้แต่งนิยาย”
สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างรู้ใจและเฝ้ารอผลงานของเจ้าของเรื่องกลางดึกคืนนี้





              เดินถัดไปทางหลังบ้านไม่ไกลมากนักจะมียุ้งฉางสำหรับเก็บข้าวเปลือกของบ้านตั้งอยู่ ถัดไปเป็นกองฟางกองใหญ่สูงท่วมหัวรอจำหน่าย เมื่อไปถึงอวัศย์มองเห็นเงาตะคุ่มของวศินจากแสงของหลอดไฟหลอดน้อยที่ติดอยู่บนหลังคายุ้งฉางกำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าท่าทางน่าสงสาร


             “มานั่งอยู่ตรงนี้ไม่กลัวยุงกัดตายหรือไง”


             ถึงแม้จะใจอ่อนแต่อวัศย์ก็ยังอดปั้นเสียงแง่งอนไม่ได้ วศินเงยหน้าขึ้นมามองเหมือนจะมีแววดีใจอยู่ที่เห็นอวัศย์ก่อนก้มหน้าจ๋อยลงไปดังเดิม


             “ให้ยุงมันกัดจนตายก็ดีไงครับ สมกับที่ผมทำอะไรโง่ ๆ ไม่นึกถึงใจพี่หมอก”


              คราวนี้ดูออกว่าวศินเสียใจจริงไม่ได้มารยา อวัศย์จึงถอนหายใจพร้อมกับทรุดนั่งข้างวศิน


              “แล้วเข็ดหรือยังที่ทำอะไรแบบนี้”


              “เข็ดจนตายอะพี่หมอก ขอโทษนะครับ ยกโทษให้ผมได้ปะ”


              วศินเงยหน้าหันมองตาละห้อย อวัศย์ได้แต่เบนหน้าหนีขอบตาร้อนผ่าว


             “ต้องยกโทษให้อีกกี่ครั้ง หน่อยถึงจะไม่ทำให้เราเสียความรู้สึกอีก”


             มือเรียวถูกวศินคว้ามากุมไว้ สีหน้าจริงจัง


             “ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ต่อไปผมจะไม่ทำอะไรให้พี่หมอกโกรธอีกแล้ว”


              อวัศย์เม้มปากนิ่งอยู่พักหนึ่งจึงค่อยเงยหน้าขึ้นสบตา เขาเห็นวศินรอคำตอบจากเขาจนไม่กล้าขยับตัวแม้ว่าจะมียุงตัวหนึ่งเกาะกินเลือดอยู่ตรงแก้มของอีกฝ่าย เขายกมือข้างที่ว่างตบยุงบนหน้าวศินดังเพียะ


             “โอ๊ย!”


              หน้าของวศินหันไปตามแรงตบ อวัศย์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ


             “หน่อย เจ็บไหม”


             “ตบอีกสิครับ เอาให้สาแก่ใจพี่หมอก”


             วศินหันกลับมาทำหน้าเศร้าส่งเสียงตัดพ้อ นอกจากจุดเลือดจากยุงที่ตายคามือแล้วยังมีรอยนิ้วขึ้นเป็นแนวบนแก้มจนอวัศย์อยากจะร้องไห้เมื่อเห็นฝีมือตัวเอง


            “หน่อย เราไม่ได้จะตบหน่อยนะ เราตบยุง...”


             “ผมรู้ว่าพี่หมอกโกรธผม เกลียดผมเพราะผมทำให้พี่หมอกร้องไห้มาหลายครั้ง พี่จะตบตีผมแรงกว่านี้ก็ได้ ผมยอมทุกอย่างเลย ขอแค่พี่หมอกคืนดีกับผม...”


            คำพูดอ้อนวอนของคนตัวโตเงียบลงเมื่ออวัศย์ตัดสินใจปิดเสียงนั้นลงด้วยปากเล็กของเขา แม้เสียงของวศินจะหยุดแต่อวัศย์ก็ยังคงบดเบียดใบหน้าเข้าหาและเป็นฝ่ายสอดลิ้นนุ่มรุกเร้า วศินตวัดลิ้นจูบตอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จนอวัศย์ผละปากมองอย่างขัดใจ


           “ทำไมล่ะ ทีอย่างนี้ทำไมไม่ยอมกอดเราจูบเรา”


            “ก็ เอ่อ ผมกลัวพี่หมอกจะโกรธอีก”


             อวัศย์อ่อนใจกับความซื่อบื้อของวศิน ก่อนหน้านี้ทำเป็นเจ้าชู้ยักษ์คิดจะครอบครอง แต่พอตอนนี้ทั้งที่อวัศย์เป็นฝ่ายยินยอมทั้งยังเริ่มต้นก่อนคนซื่อบื้อกลับเกรงใจจนน่าโมโห และความจริงจากใจของอวัศย์ก็คือเขายังค้างคากับความต้องการที่ยังไม่ถึงฝั่งจากความสัมพันธ์บนเถียงนา


            “บ้าจริง คนโง่”


              อวัศย์แก้มแดงกระทั่งในความมืด เขาต้องเป็นฝ่ายผลักให้ร่างสูงของวศินพลิกหงายอยู่บนกองฟางยวบยาบแล้วขยับตัวเองให้อยู่ระหว่างขาทั้งสอง มือเรียวตะปบลงไปบนเป้ากางเกงแล้วบีบเบาๆ จนเจ้าของสะดุ้งเฮือกก่อนจะบีบคลึงตามไป วศินถึงกับหน้าเหยเก


            “อู๊ย พี่หมอก มันตื่นแล้วคร้าบ”


             ไม่ต้องบอกอวัศย์ก็รู้เพราะเจ้าน้องชายของวศินตุงอยู่ใต้กางเกงขาสั้นที่เจ้าตัวสวมใส่ อวัศย์ถกกางเกงตัวนั้นลงจนเจ้าท่อนเนื้อเด้งดึ๋งออกมาชี้หน้าเขา ร่างเพรียวข่มความอายดึงกางเกงของตัวเองลงเช่นกันก่อนที่อวัศย์จะถ่มน้ำลายใส่มือลูบไล้ช่องทางตนเองและท่อนเนื้อตรงหน้า


             “หน่อยนะหน่อย ถ้าไม่รักเราไม่ลงทุนขนาดนี้หรอกนะ”


             ขยับร่างไปคร่อมอยู่ตรงกลางเอว จับมันให้ตั้งตรงแล้วอวัศย์ก็กดกายลงไปเพื่อให้เจ้าท่อนเนื้อค่อย ๆ ผลุบหายเข้าไปในช่องทางของเขา ดวงตาคู่หวานพริ้มหลับไปกับสัมผัสภายในที่เหมือนดึงดูดเข้าหากัน วศินตะลึงงันมองอ้าปากค้างก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อตอนนี้อวัศย์กำลังเร่าร้อนเหลือเกิน


             “พี่หมอกเซ็กซี่จัง”


               “ยังจะพูดอีก”


               กดเอวอีกครั้งท่อนเนื้อก็สอดเข้าไปจนหมด อวัศย์นั่งนิ่งกลั้นหายใจก่อนจะลองบดเอวซ้ายขวา เขาถึงกับหลุดเสียงแผ่วออกมาเมื่อท่อนเนื้อควงสว่านอยู่ข้างใน


            “อื้อ ทำไมเข้าไปลึกจัง”


              ท่อนแขนเรียวยึดไหล่ของวศินไว้เมื่อโยกกายขึ้นลงเป็นครั้งแรก ท่อนเนื้อยักษ์ที่ประสานอยู่กระแทกเข้ากับบางส่วนจนสะดุ้งโหยงเมื่อมันปลุกความต้องการจนเหงื่อออก


              “พี่หมอกใจเย็นนะครับ”


              วศินปลอบใจน้ำเสียงแหบพร่า เขาโอบกอดร่างนุ่มไว้แล้วโน้มเข้าหาเพื่อที่คราวนี้จะได้จูบปากเล็กให้สมใจ อ้อมแขนที่เหนี่ยวรัดประคองให้อวัศย์โยกกายขึ้นลงได้ถนัดขึ้น


               “สะ เสียวจัง”


              อวัศย์เป่าปากเมื่อมือร้อนของวศินสอดลึกเข้าไปในเสื้อยืดแล้วบีบเฟ้นยอดอก เอวของวศินเริ่มสวนกระแทกใส่บั้นท้ายเมื่ออวัศย์พักเหนื่อย เจ้าท่อนเนื้อใหญ่ปลุกเร้าไปทั่วช่องทางจนปั่นป่วนไปหมด


             “พี่หมอก อื้อหือ แน่นมาก”


             “หน่อย ระ แรงได้นะ”


                หน้าตาเย้ายวนแดงก่ำไปด้วยเลือดฝาดและเหงื่อที่ผุดออกมา อวัศย์เผลอส่งเสียงหวานระงมเมื่อท้องน้อยบีบรัด เขาคว้าจุดกลางกายตนเองมารูดรั้งไปพร้อมกับจังหวะที่วศินเร่งให้เร็วขึ้น ร่างเพรียวเบียดกายไปกับอกกว้างพลันร้องลั่น


             “อ๊า ไม่ไหวแล้ว”


            อุ่นวาบไปทั้งมือ ช่องทางเบื้องล่างบีบรัดอัตโนมัติจนวศินนิ่วหน้า ได้ยินเสียงหอบหนักของอวัศย์อยู่กับอก เขายิ้มได้เมื่อรู้ว่าคนในอ้อมกอดถึงสวรรค์แล้ว วศินโอบเอวพลิกกายกลับให้อวัศย์หงายหลังอยู่บนกองฟางบ้าง


            “พี่หมอก รอแป๊บ เดี๋ยวผมตามไปนะจ๊ะเมียจ๋า”


            เขาบดจูบหนักหน่วงไปที่ปากเล็ก เอวของวศินเคลื่อนที่อีกครั้งเร็วและแรงจนอวัศย์แทบจะจมไปกับกองฟางสูง ได้ยินเสียงตัวเองปล่อยออกจากลำคอเป็นระยะเมื่อร่างกายใกล้ถึงขีดสุด วศินกดกายลึกกระแทกอีกไม่กี่ครั้งเขาก็ถึงกับหน้ามืด


              “อ๋อย พี่หมอกสูบของผมไปหมดเลย”


             “บ้า พูดอะไรอย่างนั้นนะ”


              อวัศย์ทุบไหล่ของวศินดังพลั่กเมื่อร่างสูงซบหน้าลงมา ทั้งคู่กอดกันอยู่บนกองฟางกระทั่งหายเหนื่อยจึงค่อยลุกขึ้นมานั่งเงียบมองหน้ากันไปมา วศินเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ


           “ได้ผมแล้ว ห้ามทิ้งกันนะ”


            “พูดงั้นได้ไงอะ เราน่ะเหรอได้หน่อย”


            “ใช่สิ ตะกี้พี่หมอกเริ่มก่อนนะ”


            “คนซื่อบื้ออย่างหน่อย ถ้าไม่ทำแบบนี้จะฉลาดเหรอ”


           อวัศย์ตวัดหางตาใส่ วศินหัวเราะแก้เก้อก่อนดึงอวัศย์มากอดไว้


            “คร้าบ ไม่เถียงแล้วเมียจ๋า ต่อจากนี้เมียจะสั่งอะไรผัวจะทำตามทุกอย่างเลย แต่ตอนนี้ขอจูบหวาน ๆ อีกทีได้ไหม นะคร้าบพี่หมอก”


            สบตากันในความมืดก่อนที่ใบหน้าจะเอียงเข้าหากันแล้วจูบดื่มด่ำจนไม่ทันได้สังเกตว่าไกลออกไปมีเงาตะคุ่มนั่งซุ่มหัวชนกันอยู่


            “แม่ เห็นหรือเปล่า”


           “เห็นอะไรเล่าไกลขนาดนี้ แล้วไอ้ลูกเวรดันเลือกมุมหลบสายตาอีก ได้ยินแต่เสียงเนี่ย”


            “แม่ แต่แค่เสียงนึงก็เลือดกำเดาไหลแล้วนะ”


             ลูกสาวยื่นนิ้วที่เพิ่งเช็ดจมูกตัวเองให้แม่ดู คนเป็นแม่ยิ้มเยาะเย้ย


            “โธ่ อ่อนว่ะ”


             “แม่ รีบกลับเหอะ ยุงกัด” ลูกสาวคว้ามือแม่ “แค่นี้ก็ฟินแล้ว นึงจะแชทหาไรท์เตอร์ เผื่อว่าจะได้ฟิคเด็ดๆ”


            “กลับก็กลับ ก่อนจะเป็นไข้เลือดออกทั้งแม่ทั้งลูก แล้วถ้ามีฉากเอ็นซีแกก็เอามาให้แม่อ่านบ้างนะ”


             สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ และจำใจต้องลุกเดินกลับไปยังตัวบ้านปล่อยให้คนที่อยู่ตรงกองฟางยังจู๋จี๋กันต่อไปจนเกือบรุ่งสาง




มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 14 [06/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-11-2020 23:22:55


อ่านต่อตรงนี้...




               ธนดลกับทิวไม้จ้องมองคู่ที่กำลังเดินจูงมือตรงมายังโต๊ะนั่งที่ชมรมไม้ประดับซึ่งพวกเขานั่งจู๋จี๋กันอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าสดใสของวศินกับอวัศย์ทำให้ธนดลเลิกคิ้วมองเพื่อน


              “กลับมาจากบ้านของบัฟแล้วหน้าบานกันขนาดนี้ ไม่ต้องถามแล้วมั้งว่าผลเป็นยังไง”


               อวัศย์ยิ้มเขินในขณะที่วศินยืดอกอย่างภาคภูมิใจ


              “คนมันเจ๋งน่ะพี่แบงค์ ในที่สุดผมก็เด็ดดอกฟ้าได้”


              “ปากดีอีกแล้ว”


              อวัศย์หยิกท้องจนวศินร้องลั่น


             “เมียจ๋า เบาจ้า เนื้อจะหลุดแล้ว”


             ธนดลหันไปมองเพื่อนสนิท


             “พ่อมึงรู้แล้วเหรอเรื่องจะคบกับบัฟ เขาว่าอะไรหรือเปล่า”


             ยังกลัวเรื่องปัญหาครอบครัวเพราะอวัศย์เป็นลูกคนเล็กที่พ่อกับแม่เป็นห่วงเอาอกเอาใจ ถ้ารู้ว่าอวัศย์คบกันผู้ชายแถมยังเป็นลูกชาวนากลัวว่าจะถูกขัดขวาง ทิวไม้มองคนรักพร้อมกับตอบแทนเพื่อน


             “พ่อพี่หมอกเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกพี่แบงค์ คบกับไอ้บัฟเหมือนตกถังข้าวสาร บ้านมันมีที่นาเป็นร้อยไร่ เป็นเจ้าของโรงสีแถมยังมีธุรกิจรถเกี่ยวข้าวรับจ้างทั่วราชอาณาจักร ไม่ต้องกลัวอดตายน่า”


            ธนดลเพิ่งจะรู้ว่าความจริงแล้ววศินมีฐานะดีมากเรียกว่าเข้าขั้นเศรษฐี อวัศย์หัวเราะเบาๆ


            “เขาไม่ว่าอะไรหรอกแบงค์ เราเคยเล่าเรื่องหน่อยให้พ่อกับแม่ฟังตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อกับแม่แค่โมโหที่หน่อยทำให้เราเสียใจตอนเด็ก พอเราเข้าใจกันเขาก็ไม่ว่าอะไร”


             วศินเหลียวซ้ายแลขวามองหาเพื่อน


            “แล้วนี่ไอ้สมเสร็จไปไหนวะ ชวนมันไปกินหมูกระทะฉลองดีกว่า”


            “มันไปรับน้องไง ลืมแล้วเหรอว่ามันเป็นพี่โหดต้องไปคุมน้องปีหนึ่งที่ห้องเชียร์”


            ช่วงนี้เป็นช่วงท้ายของกิจกรรมรับน้องแล้ว ห้องเชียร์ของคณะก็จะโหดอยู่บ้าง สมเสร็จเป็นหัวหน้าพี่โหดที่ต้องคอยคุมน้อง ๆ ทำกิจกรรม วศินดึงโทรศัพท์มือถือจากกางเกงมากดโทรหาเพื่อน รอพักใหญ่สมเสร็จจึงรับสาย ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายดังมาจากปลายทางด้วย


            “ไอ้สมเสร็จ ได้ยินกูไหม”


             “เออ มีอะไรเหี้ยบัฟ พูดเร็วๆ”


             “จะชวนไปแดกหมูทะ ไปป่าว”


              “ไม่ว่าง ตีกับพวกวิดวะอยู่ แค่นี้ก่อนนะ เฮ้ย อย่ายอมมัน ตีมันเลยโว้ย”


             “ไอ้สมเสร็จ ไอ้สมเสร็จ ไอ้ห่านี่” วศินสบถเมื่อสัญญาณตัดไป “แม่ง ยกพวกตีกับพวกวิศวะอีกแล้ว ไม่รู้จะห้าวอะไรกันนักหนา”


               “ช่างมันเหอะ มันตีกันบ่อยจะตาย พวกเราไปกันเองก็ได้”


              ทิวไม้เอ่ยขึ้นเพราะรู้นิสัยเพื่อนดี ทั้งหมดจึงพากันไปร้านหมูกระทะโดยที่อีกมุมหนึ่งของมหาวิทยาลัยสงครามย่อย ๆ เพิ่งเลิกรา ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายหลังจากตีกันพอหอมปากหอมคอ สมเสร็จกลับไปที่หอพักแต่ไม่ได้ตรงไปยังห้องตัวเองที่อยู่ชั้นสาม เขาแวะที่ชั้นสองเหลียวซ้ายแลขวาเมื่อเห็นปลอดคนจึงยกมือเคาะประตูหน้าห้องห้องหนึ่ง


              “ไอ้ดิว เปิดประตูให้กูหน่อย คิมเอง”


              ได้ยินเสียงคนที่อยู่ในห้องเคลื่อนไหวก่อนประตูจะเปิดออก เขาจึงก้าวไปด้านในแล้วปิดประตูล็อก


             “มาทำไม ต่อยกูซะแรง ไอ้เหี้ยคิม”


              สมเสร็จ หรือ ชื่อจริงว่าคิมหันต์ยกมือเท้าเอวมองเจ้าของห้องที่ยังอยู่ในชุดเสื้อช็อปคณะวิศวกรรม หน้าตามีรอยฟกช้ำเป็นปื้น


            “ก็ต้องให้มันสมศักดิ์ศรีสิวะไอ้ห่าดิว มึงเองก็เตะกูจนเอวแทบหัก ไหน เอาหน้ามึงมาดูซิ เดี๋ยวกูทายาให้”


            ลากแขนเจ้าของห้องมานั่งบนเตียงพลางล้วงหยิบยาแก้ฟกช้ำออกจากกระเป๋าสะพาย เขายึดคางอีกฝ่ายไว้ทายาให้นวดคลึงเบาๆ


            “สมน้ำหน้า ห้าวดีนัก คราวนี้คณะมึงหาเรื่องก่อนนะ”


             “ก็คราวที่แล้วเกษตรมึงกวนตีนกูก่อนอะ”


             ดิว หรือ ดิฐา ปีสองคณะวิศวะกรรมศาสตร์ไม่ยอมแพ้ เถียงกลับจนคิมหันต์ส่ายหน้าระอา เขามองหน้าคนเถียงคำไม่ตกฟากก่อนจะยื่นหน้าไปจูบที่ปากช่างเถียงจนในที่สุดต้องยอมหยุดพูด



                                                             TBC

                                    อ๊ะๆ ยังไงน้า สองคณะนี้ ข้างนอกตีกัน ในห้องจูบกันงี้หรอ หุหุ



                                                            :t2: :t2: :t2: :t2: :t2: :t2:





หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 14 NC [06/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-11-2020 08:05:11
เอ้า ลงตัวกันไปทีละคู่นะคะ
ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 14 NC [06/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-11-2020 22:21:51
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 14 NC [06/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-11-2020 08:07:30
รอเผือกคู่คิม-ดิวต่อจ๊ะ
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 15 NC [23/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-11-2020 23:12:34



                                       ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                                  บทที่ 15



          “ไอ้เหี้ยคิมมาจูบกูทำไม เดี๋ยวก็ติดไวรัสโควิดสิบเก้ากันหรอก หมอเขาบอกให้ห่างกันสองเมตรห้ามโดนน้ำลายกัน ข่าวเขาออกกันโครม ๆ มึงไม่ได้แหกตาดูหรือไง”


        ดิฐาผลักอีกฝ่ายออกห่างพลางใช้หลังมือเช็ดปาก คิมหันต์ได้แต่ทำหน้าง้ำเมื่อถูกกระทำเช่นนั้น


           “กูไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยง กูไม่ได้ไปเมืองนอกไม่ได้ไปสนามมวย ช่วงนี้ก็ไม่ได้ไปแดกเหล้าที่ผับไหน ไม่ได้ไปไอ้ที่มีคนชุมนุมกันเยอะ ๆ ด้วย รับน้องกูก็ให้พวกแม่งยืนห่างกันเป็นวา ก่อนหน้าจะทายาให้มึงกูก็ใช้เจลล้างมือแล้ว ทำไมเหรอดิว แค่กูอยากจูบมึงเดี๋ยวนี้ก็ทำไม่ได้แล้วเหรอ”


         ได้ฟังคำต่อว่าด้วยความน้อยใจของคิมหันต์แล้วดิฐาจึงยิ้มแห้ง


          “ไม่ใช่อย่างนั้นโว้ยเพื่อน แต่ทางการเขารณรงค์กันเยอะกูก็กลัวไง อย่าโกรธกูน่า กูเป็นเพื่อนมึงน้าคิม”


           ดิฐาขยับเข้ามาใกล้จนไหล่ชนกันสีหน้าของคิมหันต์จึงดีขึ้นบ้าง เมื่อเห็นเพื่อนอารมณ์ดีขึ้นแล้วดิฐาจึงได้เอ่ยถาม


           “แล้วมึงไม่ไปกับเพื่อนในคณะมึงเหรอวันนี้ ถึงได้มาหากูได้”


           “พวกแม่งมีแฟนไงเลยไปกับแฟนกันหมดแล้ว มีกูนี่แหละที่ยังไม่มี ไปกับพวกมันก็กลายเป็นกระดูกขวางคอหมาเปล่าๆ แถมยังไม่มีใครเห็นหัวกู”


            คิมหันต์บ่นอย่างไม่จริงจังนักก่อนหันมาหาดิฐา


           “แล้วเสือกไปเจอพวกวิศวะของมึงอีก เห็นมึงโดนไปหลายตุ๊บกูเลยแวะมาดูใจเผื่อว่าจะตายห่าซะก่อน”


           “เป็นห่วงกูอะดิ” ดิฐาหัวเราะเบา ๆ “พอเพื่อนทิ้งไปมีแฟนกันหมดก็ถึงจะเห็นค่าเพื่อนเก่าอย่างกูนะมึง”


           “กูเห็นมานานแล้วเหอะสัส มีแต่คนโง่ที่ไม่รู้”  คิมหันต์ก้มหน้าพึมพำอุบอิบก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า “มาทายาต่ออย่าลีลาไอ้ดิว”


           “พอแล้ว โดนไปหมัดเดียวมึงทาซะอย่างกับกูหน้าแหกแอนตาซิลแจกหมื่น” ดิฐาดึงหลอดยาแก้ฟกช้ำมาถือไว้ในมือ “มึงเองก็โดนถีบไม่ใช่เหรอ ถอดเกงดิเดี๋ยวกูทายาให้”


           คิมหันต์สบตากับดิฐา เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วค่อยถอดกางเกงยีนส์สีซีดตัวเก่งออก มองเห็นรอยช้ำอยู่โคนขาด้านในกว้างราวฝ่ามือ ดิฐาส่ายหน้า เขาผลักให้คิมหันต์นอนคว่ำหน้าลงบนเตียงพลางบีบยาเจลใสจากหลอดลงไปแล้วนวดคลึงเบา ๆ


          “หมดงานรับน้องแล้วคงไม่ค่อยได้ตีกัน มึงจะลืมรสตีนกูไหมวะคิม”


            “สัส ตีนหนักอย่างกับตีนช้างอย่างมึงใครจะลืมลง”


            คิมหันต์พูดเสียงอู้อี้อยู่กับหมอน ปล่อยให้ดิฐานวดต้นขาไปเรื่อย ๆ เขามองไม่เห็นว่าดิฐาเผลอยิ้มขณะมองบอกเซอร์ลายโดเรมอนที่เขาใส่อยู่


           “โตเป็นควายแล้วยังใส่ลายโดเรมอนอยู่ได้”


            เอื้อมมือไปบีบจมูกโดเรมอนซึ่งก็ตรงกับกลางบั้นท้ายของคิมหันต์พอดี เจ้าตัวตกใจสะดุ้งโหยงพลิกตัวหงายกลับมาทำท่าเหมือนจะเงื้อหมัดใส่เพื่อน ดิฐารีบยึดกำปั้นนั้นไว้แล้วฉวยโอกาสทิ้งกายทับลงไปบดจูบใส่ปากของคิมหันต์


           “ไอ้เหี้ยดิว”


            คิมหันต์สบถอย่างอ่อนใจแต่ก็ปล่อยให้ดิฐาจูบ ไม่นานเขาก็จูบตอบราวกับโหยหาจูบรุนแรงนี้ พักใหญ่กว่าใบหน้าทั้งสองจะแยกออกจากกันได้


           “แม่ง เหี้ยคิม จูบจนปากกูจะแตกยิ่งกว่าโดนต่อยอีก คิม กูเอามึงนะ เราไม่ได้เอากันนานแล้ว”


           คำพูดดิบ ๆ เถื่อน ๆ ออกมาจากปากของดิฐาแต่ฟังดูแล้วคล้ายกำลังออดอ้อน คิมหันต์ที่สบตาอยู่จึงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลง


           “ทั้งตัวกูมีแต่เหงื่อ เหม็นจะตายห่า เอาลงเหรอมึง”


           “ทำเป็นไม่เคยไปได้ กูชินกับกลิ่นเหงื่อมึงแล้วเหอะ”


            ดิฐาหัวเราะ เขาเอื้อมไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงคว้าซองถุงยางกับเจลหล่อลื่นที่เหลืออีกราวครึ่งหลอดมาวางใกล้มือ คิมหันต์เลิกคิ้วมอง


            “เจลตั้งแต่เอากันรอบที่แล้ว มันยังไม่หมดอายุอีกเหรอวะ”


            “ยังน่า ตอนซื้อกูเลือกหลอดใหม่มาเลย”


             พูดจบดิฐาก็ขยับไปนั่งทับเอวของคิมหันต์แล้วปลดกระดุมเสื้อช็อปคณะเกษตร คิมหันต์เองก็เอื้อมมือมาถอดเสื้อช็อปวิศวะของดิฐาเช่นกัน


            “ถอดโดเรม่อนของมึงออกนะคิม”


            ดิฐาดึงบอกเซอร์ออกทั้งของตัวเองและของคิมหันต์ ไม่นานผู้ชายล่ำสันสองคนก็ไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว ดิฐาจ้องมองแผงอกในร่มผ้าที่ขาวกว่าท่อนแขนแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาวางมือแนบยอดอกสีน้ำตาลเข้มแล้วขยี้ด้วยปลายนิ้ว


            “อื้อหือ ไอ้ดิว เบาโว้ย เดี๋ยวนมกูแตก”


            สายตาของดิฐาเต็มไปด้วยความกระหาย แม้จะเคยมีความสัมพันธ์กับคิมหันต์หลายครั้งแล้วแต่เขาก็ยังไม่เคยเบื่อ ชายหนุ่มใช้มือสากลูบไล้ลำตัวของคิมหันต์จนถึงเอวหนาและท่อนเนื้อที่เริ่มชูคอขึ้นมา เขาแกล้งดีดนิ้วเบาๆ


            “แหม ตื่นมารับกูเลยนะไอ้คิมน้อย”


             ดิฐาลูบคิมน้อยด้วยมือข้างหนึ่ง และลูบเจ้าลูกชายของตัวเองด้วยมืออีกข้างหนึ่งเพื่อให้ตื่นตัวเต็มที่ จากนั้นเขาจึงรวบมือให้ทั้งสองเข้ามาอยู่ในอุ้งมือแล้วนวดเฟ้นพร้อมกัน


           “อูย ดิว กูเสียว”


            คิมหันต์ทำหน้าเหยเกเมื่อร่างกายถูกกระตุ้น ฝ่ามือของดิฐาทำงานดีมานานแล้ว ดีจนสามารถปลุกเขาได้ทุกครั้ง มือร้อนหยาบกร้านของผู้ชายแต่มันเร้าใจยามเลื่อนต่ำไปบีบเค้นที่ระหว่างขา พร้อมกับที่ดิฐาโน้มตัวลงมาใช้ลิ้นละเลงอยู่บนแผงอก เท่านี้คิมหันต์ก็ต้องสูดปากแล้ว


             “ท่าคว่ำนะคิม”


            เสียงของดิฐาแหบพร่า บ่งบอกว่าเขากำลังต้องการอย่างหนัก ซองถุงยางถูกคว้ามาฉีกแล้วสวมเข้ากับท่อนลำที่ตื่นตัวเต็มที่ คิมหันต์พลิกคว่ำตามที่ดิฐาร้องขอ ไม่นานนักเจอหล่อลื่นใสเย็นก็ถูกป้ายใส่ปากช่องทาง ตามด้วยปลายนิ้วที่สอดเข้ามา


            “คิดถึงจังเลยรูนี้”


             ดิฐาพูดเสียงสั่นขณะควานนิ้วเปิดทางโดยรอบ มองเห็นบั้นท้ายของคิมหันต์สั่นระริกต้อนรับจนอดใจไม่ไหว เขาดึงนิ้วออกมาแล้วจ่อท่อนเนื้อแทนที่ มือทั้งสองแหวกแก้มก้นให้ห่างออกเมื่อดิฐาแทงมันเข้าไป


            “อึก”


              คิมหันต์เป่าปากพยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อเปิดทางรับดิฐาเข้ามา ดีที่ได้เจลหล่อลื่นจึงช่วยให้ท่อนลำนั้นแทงลึกได้ง่ายไม่เจ็บมากนัก ไม่นานเขาก็รู้ว่าดิฐาสอดมันเข้ามาจนหมดแล้ว และเจ้าตัวหยุดพักด้วยการโน้มตัวมาจูบที่ไหล่ของเขาไล่ไปถึงสะบัก


             “กูเอาล่ะนะ”


             ดิฐากระซิบเสียงกระเส่า คิมหันต์เอียงหน้ากลับมามองตาเขียว


             “เอาสักทีเถอะแม่ง กูก็เกร็งรอจะตายห่า”


              ได้ยินเสียงหัวเราะของดิฐาก่อนที่เอวแกร่งจะเริ่มโยก คิมหันต์ยกเอวสูงเพื่อให้ดิฐาขยับได้เต็มที่ ท่อนลำกระแทกกระทั้นทั้งปากทางและภายในจนคิมหันต์เผลอส่งเสียงคราง มือทั้งสองกำผ้าปูที่นอนไว้จนยับย่น


            “ฮัก ฮัก อูย คิม ไม่ได้เอากันนานรูมึงแม่งแน่นเหมือนซิงเลยว่ะ”


             ทั้งร้อนทั้งคับเวลาที่เลื่อนกายเข้าใส่ ดิฐานิ่วหน้าเมื่อท้องน้อยบีบเค้นย้ำเตือนว่าเข้าใกล้ไคลแมกซ์เต็มที เขาทาบตัวลงไปกับแผ่นหลังของคิมหันต์ใช้มือกอดเกี่ยวร่างนั้นแล้วรัวเอวเข้าใส่ แนบหน้าตนเองไปกับแผ่นหลังจนได้ยินเสียงหัวใจของคิมหันต์เต้นรัวตอนที่เขาเกร็งค้าง


            “โอย ดิว กูเสียว”


             “แตกแม่ง”


              ดิฐากลั้นใจเมื่อเขาปลดปล่อยออกมา รอจนหายหอบจึงค่อย ๆ ดึงลำกล้องออกอย่างระมัดระวังแล้วดึงถุงยางออกมาจ้องมอง


             “โห คิม มึงดูน้ำกู เยอะชิบหาย”


             “ยังมีหน้ามาอวดกูอีก”


              คิมหันต์อยากจะยกเท้าถีบเพื่อนแต่ก็ถีบไม่ไหว ได้แต่มองอย่างหมั่นไส้ ดิฐายักไหล่ก่อนจะโยนซากถุงยางใส่ถังขยะแล้วมองคิมหันต์สายตาพราว


            “มึงเองก็อยากเอากูเหมือนกันล่ะสิ ไม่งั้นคงไม่แวะมาหากูใช่ไหมคิม”


             “รู้ดีนะมึง”


             คิมหันต์แยกเขี้ยวใส่ ดิฐายิ้มยียวน


            “ไม่งั้นคงไม่เป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่ม.ปลายหรอก แต่แม่งมึงโดนกระทืบที่ต้นขามานี่ เอากูไหวไหมล่ะ ไม่เป็นไรงั้นกูช่วยมึงเอง ถุงยางยังเหลือมึงกับกูใส่เบอร์เดียวกัน แต่มึงต้องซื้อคืนกูนะ”


           “ไอ้เหี้ยดิว ไอ้ขี้งก”


             คิมหันต์ต่อว่าไม่จริงจังนัก เขาขยับไปนั่งพิงหัวเตียงมองดิฐาที่กำลังคืบคลานอยู่ระหว่างขาของเขา ใบหน้าของดิฐาหยุดอยู่ตรงคิมน้อย ดิฐาจ้องมองตาวาว


            “แม่ง เป็นท่อนตรงจนกูอิจฉาอะคิม อยากได้แบบนี้บ้าง”


            มือสากลูบไล้ไปมา ดิฐาเผลอปากใช้ลิ้นเลียรอบปลายสีเนื้ออ่อนแล้วค่อยตวัดลิ้นรัวใส่ ครู่หนึ่งจึงค่อยอ้าปากครอบลงไปแล้วกดคอลึก


           “เสียวว่ะดิว”


             คิมหันต์จ้องมองใบหน้าของดิฐาที่คลอเคลียอยู่กลางกาย ดิฐาเหลือบมองตอบก่อนจะเริ่มต้นโยกหน้าดูดดุนขึ้นลง คิมหันต์กัดฟันใช้มือเสยผมของดิฐาแล้วกำแน่น


            “เบาดิว เดี๋ยวกูแตกซะก่อน”


           คิมหันต์จำยอมเอ่ยปากเตือนเมื่อเห็นเพื่อนใช้ปากอย่างเมามัน ดิฐาชะงักค่อย ๆ คลายออกมา เขายกมือเช็ดน้ำลายรอบปากตัวเองด้วยความเสียดาย


          “ก็แม่งอร่อย”


           ดิฐาใช้อุ้งมือเช็ดคราบน้ำลายบนท่อนลำของคิมหันต์ก่อนจะฉีกซองถุงยางออกมาสวมใส่ ขนาดของเขากับคิมหันต์ใกล้เคียงกันพอดี ร่างสูงของดิฐาขยับไปคร่อมอยู่เหนือต้นขาคิมหันต์ เขาบีบเจลจากหลอดใส่ปลายนิ้วตัวเอง


           “หมดหลอดพอดี เนี่ย ไม่ถึงวันหมดอายุหรอกไอ้คิม”


           ดิฐาปลายเจลใสใส่ช่องทางของเขา มือร้อนจับท่อนลำของคิมหันต์ให้ตั้งตรงเพื่อที่เขาจะกดเอวตัวเองให้ท่อนเนื้อสอดเข้ามาได้ ไม่นานมันก็เข้ามาจนหมด


            “อูย จังจุดพอดี”


            ดิฐานิ่วหน้าเมื่อปลายท่อนเนื้อกระแทกจุดไวสัมผัส เขาบดเอวตามลงไปเน้น ๆ พร้อมกับเป่าปากดังฟู่


           “หน้ายั่วชิบหาย”


             คิมหันต์จ้องมองใบหน้าของดิฐาที่กำลังฟินไปกับการบดคลึงเอวให้ท่อนเนื้อของเขาเสียดสีข้างใน คิมหันต์แกล้งบิดยอดอกทั้งสองของดิฐาจนเจ้าตัวส่งเสียงออกมา


           “เหี้ย กูโยกเลยดีกว่า”


             ดิฐาวางพาดท่อนแขนไว้กับบ่าของคิมหันต์เมื่อเขาเริ่มขยับโยกเอวขึ้นลง คิมหันต์เองก็ต้องนิ่วหน้ากับความคับแน่นที่กำลังเสียดสี เขาสบตากับดิฐาพลางกล่าวเสียงต่ำ


            “ดิว กูจูบมึงนะ”


             คิมหันต์โน้มท้ายทอยของดิฐาเข้าหา เขาบดจูบที่ปากแห้งผากหากแต่ทำให้คิมหันต์มีชีวิตชีวา ลิ้นร้อนตวัดหากันพัลวัน ในขณะที่ดิฐาก็ยังควบขี่อยู่บนร่างของคิมหันต์จนเขาปวดเสียดมากขึ้นทุกที


            “ไม่ไหวแล้วว่ะดิว”


        คิมหันต์รวบเอวดิฐาผลักให้หงายลงไปบนเตียงโดยมีร่างของเขาตามติด คิมหันต์จับขาของดิฐาให้แยกห่างพร้อมกันกับเขาคุกเข่าตั้งหลัก เอวของคิมหันต์ขับเคลื่อนใส่ช่องทางของดิฐาบ้างทั้งแรงและเร็วจนอีกฝ่ายส่งเสียงไม่ขาด ดิฐาต้องเอื้อมมือมากุมท่อนเนื้อของเขาไปด้วยเมื่อถูกคิมหันต์โจมตีหนัก


          “พร้อมกันนะดิว”


            คิมหันต์ดึงเอวออกมากระชากถุงยางทิ้ง เขาชันกายใช้มือรูดรั้งความเป็นชายพุ่งเป้าไปที่แผงอกของดิฐาที่โยกมือแข่ง เสียงลมหายใจขาดเป็นห้วงจนในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยออกมาเป็นสายใส่ลำตัวของดิฐาที่รองรับอยู่ ดิฐาเองก็ถึงฝั่งฝันอีกรอบเต็มฝ่ามือ


           ร่างทั้งสองทิ้งกายนอนเคียงข้างกันบนเตียงเดี๋ยวจนแทบจะตกเตียง ได้ยินเสียงหอบสะท้อนไปทั้งห้องพักใหญ่ คิมหันต์เอ่ยปากทำลายความเงียบ




มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 15 NC [23/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-11-2020 23:24:55


ต่อกันตรงนีึ้...


          “ดิว เราสองคนเอากันเองตั้งแต่ตอนไหนวะ”


           ดิฐานิ่งทบทวนความทรงจำ


            “ตอนเทอมสุดท้ายม.ห้าไง ที่กูไปทำรายงานที่บ้านมึง แม่งเสือกเปิดหนังโป๊แล้วเงี่..ทั้งคู่ เราก็เลยเอากัน”


            “สามปีกว่าแล้วเนอะ” คิมหันต์จ้องเพดานห้อง “เราก็ยังไม่เลิกทำแบบนี้ มึงไม่คิดจะหาแฟนบ้างหรือไง”


           “คิดอยู่ แต่ยังไม่เจอที่ถูกใจนี่หว่า” ดิฐาหันมองมองคิมหันต์ “ทำไมเหรอ มึงเบื่อที่จะเอากับกูใช่ปะ”


            “เปล่า ก็แค่คิดว่าเราเอากันทั้งที่เป็นแค่เพื่อนกันแบบนี้ มึงไม่คิดจะเปลี่ยนความสัมพันธ์กับกูบ้างหรือวะ”


            ดิฐาดีดตัวขึ้นมานั่ง เขาหันมองสบตากับคิมหันต์ที่ลุกตามด้วยความแปลกใจ


             “เป็นเพื่อนกันแล้วเอากันไม่ดีตรงไหน เป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกัน ช่วยปลดปล่อยความต้องการให้กันแค่นี้ก็ดีแล้วนี่หว่า หรือมึงคิดว่าเราควรเป็นแฟนกัน โหย คิม ไม่เอาอะ คนอื่นรู้อายเขาตายห่า ผู้ชายตัวโต ๆ หน้าโหด ๆ สองคนเป็นผัวเมียกันน่ะ”


            คิมหันต์นิ่งงันคล้ายกับมีก้อนมาจุกที่คอ เขาลุกจากเตียงคว้าเสื้อผ้ามาใส่ ท่ามกลางสีหน้างุนงงของดิฐา


           “เป็นเหี้ยอะไรวะคิม อยู่ ๆ ก็ทำหน้าบึ้งใส่กู”


            “เรื่องของกู” คิมหันต์สะบัดหน้าหนี “กูกลับห้องดีกว่า ป่านนี้ไอ้ทิวกับไอ้บัฟคงกลับมาแล้ว”


            ดิฐาได้แต่มองตามหลังเมื่อคิมหันต์ก้าวออกจากห้องแล้วปิดประตูตามหลัง


            “อ้าว เป็นเหี้ยอะไรอีกวะ แล้วกูจะรู้ไหมเนี่ยไอ้สัสคิม”







              คิมหันต์ก้าวเข้าไปในห้อง ได้ยินเสียงทิวไม้กับวศินสนทนากันอยู่


            “อ้าว กลับมาแล้วเหรอมึง เสือกไม่ไปแดกหมูทะด้วยกัน”


            วศินเอ่ยทัก เขามองเพื่อนที่ทรุดตัวลงนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่โต๊ะเล็กกลางห้อง


            “เป็นอะไรไอ้สมเสร็จ ทำหน้าเหมือนถูกทิ้ง”


             “โฮ”


             คิมหันต์ปล่อยโฮจนทิวไม้กับวศินตกใจต้องถลาเข้ามาปลอบ


            “ใจเย็นโว้ยเพื่อน เป็นอะไรเล่าให้กูฟังซิ”


             ทิวไม้ตบบ่าเพื่อนที่ยังสะอึกสะอื้น


             “กูเกลียดเฟรนด์โซน ไอ้เหี้ยเอ๊ย เอากันจนเอวยอก มันบอกกูไม่ใช่แฟน เจ็บใจชิบหาย”


             ทิวไม้กับวศินเงยหน้ามาสบตากันด้วยความแปลกใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคิมหันต์มีความสัมพันธ์กับใคร



                                                TBC

                                 ฮั่นแน่ะ คู่นี้ศึกช้างชนช้างนะเจ้าคะ

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                  :a1: :a1: :a1: :a1: :a1: :a1: :a1: 




หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 15 NC [23/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-11-2020 21:38:36
 :pig4:
 :3123:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 15 NC [23/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-11-2020 22:57:10
แหม.....น้อยใจเหรอ. ก็จีบตรงๆเลยสิจ๊ะ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 15 NC [23/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-12-2020 20:34:54
 :pig4:ๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 15 NC [23/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-12-2020 11:51:38
เอ็นดู เอวยอกยังไม่มีสถานะเลย
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 15 NC [23/11/63]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-12-2020 06:37:12
นั่น แต่ละคน มีความคึกกันจนได้คู่
แล้วอะไรคือคิมดิวยังไม่คืบหน้า เอ็นดูแท้
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 16 [23/12/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-12-2020 18:14:49


                                 ปากดีนักต้องโดนจัดซะให้เข็ด
                                          บทที่ 16

            ณ ห้องเรียนของโรงเรียนชายล้วนในตอนเย็นวันหนึ่งเมื่อสามปีกว่าๆที่ผ่านมา




            “ไอ้พวกเหี้ยหนีเวรตอนเย็นไปเตะบอลกูจะไล่เตะตูดแม่งให้หมด


       เด็กหนุ่มสูงเก้งก้างสองคนยังอยู่ในห้องเรียนคนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะครูในมือมีโทรศัพท์มือถือส่วนอีกคนกำลังใช้ไม้กวาดปัดกวาดเสร็จผงและขยะในห้องและก่นด่าเพื่อนคนอื่นเสียงดัง



           “ไอ้เหี้ยดิวมึงก็อีกตัวมานั่งเล่นมือถืออยู่ได้แทนที่จะช่วยกูกวาดห้องให้เสร็จเร็วๆ



            “จริงๆวันนี้ไม่ใช่เวรกูนะโว้ยเหี้ยคิมดิฐาเงยหน้าจากโทรศัพท์มายักคิ้วให้เพื่อนแต่กูอุตส่าห์อยู่รอมึงเนี่ยแล้วกูก็ช่วยมึงลบ
กระดานกับรดน้ำต้นไม้ตรงระเบียงแล้วมึงจะเอาไงอีก


        คิมหันต์เบ้ปากใส่เพื่อนก่อนจะรีบกวาดพื้นห้องลวกๆไม่นานเขาก็ตะโกนเสียงดัง


             “เสร็จแล้วโว้ยไปไอ้ดิวไปเล่นเกมกันกูเจอร้านใหม่เกมแม่งแจ่ม

            “แป๊บนึงเหี้ยกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

        ดิฐาตอบเสียงสั่นพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่เรียกความสนใจจากคิมหันต์จนต้องเดินไปมองจอโทรศัพท์

              “เหี้ยดิวนี่มันคลิปโป๊นี่หว่ามึงโหลดมาจากไหนวะ

        คิมหันต์ตาโตแย่งกันมองจอโทรศัพท์กับดิฐาตาไม่กะพริบ

             “ไปเจอคลังของพ่อมาว่ะเลยแอบจิ๊กมาคลิปนึงงานญี่ปุ่นของแท้อกเอวสะโพกครบเลยมึงดูให้จบคลิปนี้แล้วค่อยไปเล่นเกมหูยคิมมึงดูยั่วสัส

             “เออแม่งเอ๊ยเสียงเริ่มมาแล้วโว้ยอะคึอะคึอิไตอิไต

      สองหนุ่มพากันจ้องคลิปในโทรศัพท์กันพักหนึ่งจนเหงื่อเริ่มแตกฮอร์โมนวัยแตกเนื้อหนุ่มพลุ่งพล่านจนปวดหนึบสีหน้าเหยเกทั้งคู่

           “ดิวเหี้ยไอ้คิมน้อยของกูแข็งปั๋งเลยว่ะปวดโคตร

           “อือกูรู้ของกูก็โด่อยู่เนี่ยเอาไงดีวะเรา

           “ถ้ากลับกันตอนนี้ต้องทรมานชิบหายแน่แถมดีไม่ดีคนมองอีกเอาออกกันก่อนเหอะ

            “ตรงนี้เนี่ยนะดิฐาเหลียวมองล่อกแล่กในห้องเรียนเลยนะโว้ยเอาจริงเหรอวะ

            “ไม่มีใครเห็นหรอกน่าลงจากตึกไปหมดแล้วรีบๆปั่นกันดีกว่าจะได้รีบกลับ

        คิมหันต์ตัดสินใจเขาเลือกมุมหลังโต๊ะของอาจารย์เป็นที่มั่นพลางลากแขนดิฐาให้มายืนด้วยกัน

             “มาสิวะไอ้ดิวจะยืนรอพ่อมึงมาทวงคลิปคืนหรือไง

       ดิฐากระโดดลงจากโต๊ะรีบก้าวไปยืนคู่กับคิมหันต์เขาวางจอโทรศัพท์ที่ภาพในคลิปยังเล่นต่อเนื่องไว้บนโต๊ะก่อนจะรูดซิปกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินลงแล้วดึงเจ้าหนอนน้อยที่กำลังพองตัวออกมา

            “ปวดสัส

       คิมหันต์สบถเบาๆเขาเองก็ทำเช่นเดียวกับดิฐามือผอมของเด็กวัยรุ่นคว้าหมับของตัวเองแล้วรูดรั้งดวงตาก็จ้องแต่ภาพในคลิป

            “คิม

        ได้ยินเสียงดิฐาเรียกคิมหันต์จึงยั้งมือแล้วหันไปมองเขาเห็นดิฐาก้มต่ำมองมาทางเป้ากางเกงของเขา

             “เรียกทำไมของมึงอีกชักเข้าสิวะไอ้ดิว

              “กูเพิ่งเคยเห็นของมึงตอนแข็งเต็มๆตามันตรงสวยดีว่ะน่าอิจฉาชิบหาย

       คิมหันต์งงงันเขาก้มหน้ามองมือของดิฐา

              “ทำไมล่ะของมึงมันไม่ตรงเหรอไหนกูดูหน่อยเออว่ะมันโค้งขึ้นหน่อยนึงกูก็เข้าใจมาตลอดว่ามันหน้าตาเหมือนกัน

             “ขอกูจับหน่อยได้ปะวะคิม

             “เฮ้ยบ้าหรือเปล่าวะเนี่ยอยู่ๆมาขอจับจู๋กูอะ

       คิมหันต์สะดุ้งเบิกตากว้างแต่ดูเหมือนดิฐาจะยังติดใจอยู่

             “น่านะคิมงั้นกูชักให้มึงก็ได้

       ดิฐาปัดมือของคิมหันต์ออกแล้วคว้าหมับคิมหันต์พูดไม่ออกห้ามไม่ทันจนต้องปล่อยเลยตามเลยแต่เห็นสภาพเพื่อนที่ใช้มือข้างไม่ถนัดรูดรั้งตนเองแล้วก็นึกสงสาร

             “แบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จวะมาไอ้ดิวกูช่วยชักให้มึงเอง

        ก็เลยกลายเป็นว่าทั้งคู่สลับกันช่วยประกอบกิจกรรมคิมหันต์กอบกุมลูกชายของดิฐาส่วนดิฐาก็ลูบคลำบีบเค้นลูกชายของคิมหันต์ทั้งสองฟังแค่เสียงจากในคลิปแต่ประสานสายตากันขณะช่วยอีกฝ่ายบรรเทาอาการปวด

             “อื้อหือคิม เบาได้เบาโว้ยเหี้ยเสียวหัว

             “มึงก็เหมือนกันแหละไอ้ดิวอู๊ยใจเย็นสิวะ

        ขยับตัวเข้าหากันจนใกล้ชิดเมื่อท้องน้อยพากันปวดถ่วงใกล้กันจนได้กลิ่นเหงื่อจากกายของเพื่อนใกล้กันจนลืมตัวไปตามแรงขับของธรรมชาติกระทั่งปากทั้งคู่เผลอไผลประกบกัน

              “โวะ

             “เหี้ย

        อุทานในเวลาใกล้เคียงเมื่อเจ้าหนอนน้อยพ่นพิษใส่มือเพื่อนตอนนั้นเองที่เพิ่งรู้ตัวว่าจูบกันดิฐากับคิมหันต์สะดุ้งโหยงเด้งห่างออกจากกันก่อนจะยืบหอบตัวโยน

            “มึงจูบกูคิมหันต์โวยวาย

             “มึงก็จูบกูเหมือนกันดิฐาโวยตามพลางคว้าโทรศัพท์มาเก็บและพูดเสียงแหบแห้ง

             “รีบกลับกันได้แล้วกูไม่เล่นแล้วร้านเกมกลับบ้านดีกว่ามึงนะมึงชวนกูทำเรื่องเหี้ยอะไรก็ไม่รู้

       คิมหันต์สะบัดหน้าตั้งสติเขารีบเก็บลูกชายเข้าที่แล้วรูดซิปตามจากนั้นก็ก้าวไปคว้ากระเป๋า

             “เออๆรู้แล้วน่ากลับก็กลับ

        เพื่อนสนิททั้งสองพยายามรักษาสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะเดินออกไปจากห้องเรียน

             “เหี้ยคิมพรุ่งนี้วันเสาร์ไปทำรายงานบ้านมึงนะบ้านกูคนเยอะ

        ดิฐาเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาถึงป้ายรถโดยสารคิมหันต์พยักหน้า

              “เออแล้วอย่ามาช้านะมึงรีบทำรายงานจะได้เสร็จเร็วๆ

               “เออกูรู้แล้วรถมาแล้วไปล่ะ

        ดิฐาโบกมือก่อนจะก้าวขึ้นรถโดยสารคิมหันต์มองตามจนลับตาเขาบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไรกันแน่






         ในตอนสายของวันรุ่งขึ้นดิฐาก็ไปที่บ้านของคิมหันต์ซึ่งเคยมาบ่อยๆอยู่แล้วพ่อกับแม่ของคิมหันต์ออกไปธุระข้างนอกจะกลับมาช่วงบ่ายเหลือแต่พี่สาวของคิมหันต์ที่อยู่อีกห้องหนึ่งทำรายงานไปได้สักพักก็มีเสียงเคาะประตูห้อง

               “คิมคิมพี่เข้าไปได้หรือเปล่า

             “เข้ามาเลยพี่คะนิ้ง

        พี่สาวของคิมหันต์ถือโน้ตบุ๊คในมือเปิดประตูเข้ามาพลางยิ้มให้ทั้งคู่

              “อ้าวดิวมาเหรอ

              “ครับพี่คะนิ้งผมมาทำรายงานกับไอ้คิม

             “ดีแล้วมีเรื่องให้ช่วยลงโปรแกรมให้หน่อยสิแล้วพี่จะไปหาเพื่อนข้างนอกแป๊บนึงกลับมาจะซื้อขนมมาฝาก นะคิมนะช่วยหน่อย


             “เคๆแล้วซื้อขนมมาเยอะๆล่ะเดี๋ยวไม่พอกิน

              “ไอ้น้องคนนี้งกว่ะ พี่ไปละ

         พี่คะนิ้งโบกมือให้น้องชายและเพื่อนน้องชายคิมหันต์จึงบอกกับดิฐา

              “มึงเขียนต่อแป๊บกูลงโปรแกรมให้เจ๊กูก่อน

        ดิฐาพยักหน้าแล้วก้มหน้าทำรายงานต่อคิมหันต์ลงโปรแกรมโน้ตบุ๊คสักพักก็เรียบร้อยเขาลองเปิดไฟล์ในโน้ตบุ๊คพี่สาว

             “พี่คะนิ้งเก็บไฟล์อะไรไว้เยอะฉิบหายขอดูหน่อยละกันอ้าวเฮ้ย

       คิมหันต์สะดุ้งเมื่อเห็นภาพและเสียงดิฐาเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

             “เหี้ยคลิปโป๊ผู้ชายกับผู้ชาย ไอ้คิมพี่คะนิ้งดูอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะ

             “อือพี่คะนิ้งแต่งนิยายวายโว้ยเห็นคุยว่าคนอ่านแต่ละเรื่องเป็นแสนๆวิวสงสัยจะเอาไว้ดูเป็นเรฟล่ะมั้งแต่กูก็เพิ่งเคยเห็นจะจะนี่แหละ

         เด็กหนุ่มทั้งสองจ้องมองภาพเคลื่อนไหวในจอด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไม่นานนักฮอร์โมนในวัยหนุ่มก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกแล้วทั้งคู่หันมาสบตากันคิมหันต์เป็นฝ่ายเปิดปากก่อน

              “ดิวกูอยากลองอย่างในคลิปนี่ว่ะ

             “แต่ว่า...”

             “นะดิวหรือว่ามึงไม่เงี่..”

       ดิฐาเองก็ปฏิเสธไม่ออกยิ่งดูก็ยิ่งกระสับกระส่ายซ้ำร้ายคิมหันต์ยังเอามือมาประกบตรงเป้ากางเกงเขาอีกด้วย

              “แล้วใครจะเป็นคนทำก่อนล่ะ

             “เป่ายิงฉุบกันใครชนะทำก่อน

        ผลปรากฏว่าดิฐาเป็นฝ่ายชนะเขาสบตากับคิมหันต์อย่างไม่มั่นใจ

              “ทำยังไงวะ

             “มึงเปิดคลิปให้เล่นใหม่แล้วทำตาม

            “งั้นก็แก้ผ้ากันสิวะรอเหี้ยอะไรอยู่

        ต่างฝ่ายต่างถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อนดิฐายกโน้ตบุ๊คและลากแขนคิมหันต์ไปที่เตียงนอนเขาวางโน้ตบุ๊คไว้ที่หัวเตียงเพื่อใช้เป็นตัวอย่างก่อนจะขึ้นคร่อมทับอยู่ด้านบนคิมหันต์

            “กูจะเริ่มแล้วนะ

       ดิฐาพูดเสียงสั่นคิมหันต์พยักหน้ารับเขาหลับตาเพราะไม่อยากมองปล่อยให้ดิฐาก้มหน้าลงใช้ลิ้นตวัดใส่ยอดอกของเขา

             “เฮ้ย

        คิมหันต์สะดุ้งแต่ดิฐาผลักอกให้เขานอนนิ่งๆแล้วลากลิ้นลงไปถึงแอ่งสะดือร่างกายของคิมหันต์แทบผวาทุกครั้งที่ลิ้นของดิฐาสัมผัสลงไปจนกระทั่งลิ้นนั้นตวัดรอบจุดกลางกายของเขา

           “โอ๊ยเหี้ยดิวมึงจะอมเหรอ

           “ก็เออสิในคลิปมันทำแบบนั้นนี่หว่า นอนเฉยๆเหอะ

        ดิฐาอ้าปากครอบลงไปเขาโยกหน้าขึ้นลงอย่างทุลักทุเลแต่ก็ทำให้คิมหันต์ถึงกับดิ้นไปมาเนื้อตัวคล้ายร้อนวูบวาบไปหมดโดยเฉพาะท้องน้อย

              “อูยปวดฉิบมึงจะทำก็ทำเหอะไอ้ดิว

             “เออมึงนอนคว่ำสิวะคิม

        ดิฐาเงยหน้ามองคลิปเป็นตัวอย่างเขาคลายให้คิมหันต์เป็นอิสระก่อนจะถ่มน้ำลายใส่มือตนเองพลางลูบไล้ไปที่ช่องทางของคิมหันต์ดิฐาผลักให้ต้นขาของคิมหันต์แยกห่างแล้วจ่อตนเองไว้ใกล้เข้าสูดลมหายใจเข้าจากนั้นก็ดันตัวเองเข้าไป

              “จ๊าก เจ็บโว้ย

        คิมหันต์ร้องลั่นดีว่าไม่มีใครอยู่บ้านดิฐากดไหล่ของคิมหันต์ลง

             “โทษทีโว้ยยั้งไม่ทัน

        ดิฐาค่อยๆดันเอวเข้าไปมันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายช่างแตกต่างกับที่ใช้มือช่วยมากนักเขาดันตัวเองเข้าไปสุดโคน

             “กูเอาล่ะนะ

        เขาโน้มตัวลงไปพูดใกล้หูคิมหันต์ที่ยังนอนสั่นพลางจูบที่ไหล่มือของเขาลูบไล้แผ่นหลังของคิมหันต์ไปพร้อมกับโยกเอวรับรู้ถึงความคับแน่นและร้อนระอุอยู่ข้างใน

             “อึกไอ้ดิวโอยเบา

            “เออ อือหือ ไอ้คิมมันฉิบ

       อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่ยังควบคุมไม่เก่งดิฐานิ่วหน้าเมื่อเขาปวดหนึบไปหมดโยกเอวไม่กี่ครั้งเขาก็ต้องรีบดึงออกมา

              “แตกหนึ่ง โอย

        น้ำขาวทะลักเปื้อนตันขาของคิมหันต์ดิฐาเป่าปากอยู่พักหนึ่งคิมหันต์ก็ลุกนั่ง

             “ตากูบ้าง

         คิมหันต์เปิดคลิปอันใหม่เขาผลักดิฐาให้นอนหงายก่อนจะนอนทาบทับลงไปจ้องมองคลิปคู่หนึ่งเขาก็ก้มหน้าลงไปปิดปากของคิมหันต์ด้วยปากของเขา คราวนี้ดิฐาไม่ปฏิเสธคิมหันต์จึงลองสอดลิ้นเข้าไปแบบในหนังที่เคยดูมันให้ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มแปลกๆจนไม่อยากถอนริมฝีปากออกเลย


มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 16 [23/12/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-12-2020 18:31:18
อ่านต่อตรงนี้...




         กดน้ำหนักลงไปที่เอวให้ดิฐาแยกขาคิมหันต์ค่อยๆสอดเอวเข้าไปเพราะรู้ว่าดิฐาต้องเจ็บเหมือนที่เขารู้สึกเมื่อครู่ แต่ดิฐาร้องเสียงเบากว่าเพราะยังพัวพันกับการจูบในที่สุดคิมหันต์ก็ดันตัวเองเข้าไปสำเร็จ


           โห กูเกือบตายไอ้คิม


       ดิฐาประท้วงเมื่อคิมหันต์หยุดจูบทั้งคู่สบตากันด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดขณะที่คิมหันต์เริ่มโยกเอวไปด้วย ดิฐานิ่วหน้าอยู่พักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการคล้อยเคลิ้มและเป็นฝ่ายจูบคิมหันต์เสียเอง


           ฮักฮัก เสียวว่ะคิม


             เออกูด้วยอีกนิดเดียว


       คิมหันต์กัดฟันพักใหญ่เขาก็ดึงเอวออกมาตามด้วยน้ำขุ่นที่เปียกรดเด็กหนุ่มทั้งคู่นอนหอบอยู่บนเตียง


             “มึงเป็นครั้งแรกของกูนะเนี่ยไอ้ดิว


              “มึงก็ครั้งแรกของกูเหมือนกันแหละไอ้คิม



        ดวงตาประสานกันก่อนที่จะลุกนั่งดิฐาเอ่ยเสียงเบา


              เราอย่าบอกใครเรื่องนี้นะโว้ยโดนล้อตายห่า


              “เออกูไม่บอกใครหรอกน่า


         คิมหันต์กล่าวตอบพลางหันหน้าหนีสำหรับดิฐาแล้วหัวใจของเขาเริ่มเต้นผิดจังหวะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา







        ทิวไม้และวศินนิ่งเงียบอ้าปากหวอเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากปากของคิมหันต์

              “ไอ้คนที่ชื่อดิฐาที่เป็นหัวหน้าพี่ว้ากอะนะทิวไม้ยิ้มแหย


              “แต่พวกมึงตีกันนะโว้ยนี่ตามไปตีกันบนเตียงด้วยเหรอ แถมยังตีกันตั้งแต่ม.ปลายเลยนะ


               “
ใช่ตีกันแต่ก็เอากันฉันท์มิตรทั้งที่กูเลิกคิดว่ามันเป็นเพื่อนตั้งนานแต่กูก็ต้องเก็บไว้ในใจโฮ


               “แล้วมึงจะทำยังไงต่อล่ะถ้าพูดไปแล้วมันไม่เล่นด้วยก็เสียหมาเสียเพื่อนไปเลยนะมึง


         ทิวไม้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิททั้งสามนิ่งเงียบพักหนึ่งก่อนที่วศินจะมีไอเดีย


               “คิดออกแล้วกูว่านะมึงต้องลองหาตัวเร่งปฏิกิริยาโว้ย ไอ้สมเสร็จทดสอบมันก่อนว่าไอ้นั่นมันคิดอะไรกับมึงหรือเปล่าถ้าไม่คิดมึงจะได้ตัดใจก่อน


               “ยังไงวะคิมหันต์สนใจไอเดียของวศิน


             “มึงลองหาใครมาทำเป็นว่ามึงชอบถ้าแม่งหึงแล้วก็ใช่เลย


        คิมหันต์พยักหน้าหงึกๆเขาวางแผนในใจว่าจะลองหาผู้หญิงในคณะมาเป็นตัวช่วย


        แต่ในวันรุ่งขึ้นหัวใจของคิมหันต์ก็ต้องเหี่ยวแห้งเมื่อดิฐาโทรมาหาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


              “เหี้ยคิมกูเจอสาวคณะบัญชีว่ะแจ่มมากเลยมึงได้เบอร์มาแล้วด้วยดีใจกับกูหน่อยโว้ย




                                                                            TBC

                                 น่าสงสารพี่คิมเขานะคะหัวหน้า





                                                       o2 o2 o2 o2 o2 o2

หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 16 NC [23/12/63]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-12-2020 21:04:54
สงสารค่ะ อาจจะหึงจนเอวยอกกันอีกรอบ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 16 NC [23/12/63]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-12-2020 07:58:21
ความหวังจบลงในทันใดเลยนะคิม  :hao4:
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 16 NC [23/12/63]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-12-2020 08:57:00
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-02-2021 14:16:21



   
                                     ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด

                                               บทที่ 17

      ดิฐายิ้มปลาบปลื้มอยู่ที่ร้านอาหารเล็กๆหลังมหาวิทยาลัยกับนัดเดทครั้งแรกของเขาสาวคณะบัญชีปีสองชื่อจริงว่ากันทิมาชื่อเล่นมาร์กี้ที่บังเอิญได้พบกันเมื่อไม่กี่วันมานี้ดิฐาตื่นเต้นมากเพราะเขาไม่เคยมีแฟนมาก่อนตั้งแต่เรียนมัธยมก็อยู่แต่โรงเรียนชายล้วนพอเข้ามหาวิทยาลัยก็ยุ่งแต่กิจกรรมคณะถ้าเขาจีบกันทิมาสำเร็จเขาก็จะได้มีแฟนเป็นสาวสวยไปอวดเพื่อนสักที


      นั่งกระสับกระส่ายรออยู่พักใหญ่สายตาเหลือบแลนาฬิกาที่บอกว่าเลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วท้องของดิฐาร้องประท้วงจนต้องใช้มือลูบและดื่มน้ำจากแก้วจนเกือบหมด


            “ทำไมไม่มาสักทีวะหิวจะตายห่ะอ้าวมาแล้ว


        รอยยิ้มกระปรี้กระเป่าปรากฏบนใบหน้าทันทีเมื่อเห็นกันทิมาเดินหน้าเชิดเข้ามาในร้านดิฐารีบยืนรอให้กันทิมานั่งลงตรงข้ามกับเขาแล้วค่อยนั่งลงตาม


           “นึกว่ากี้จะไม่มาแล้ว


          “กี้นัดแล้วก็ต้องมาสิพอดีมีธุระเลยมาช้าไปนิดนึงดิวคงไม่ว่ากี้ใช่ไหมคะ


      ยิ้มหวานที่กันทิมาโปรยใส่ทำให้ดิฐารีบส่ายหน้าทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ชอบคนที่ไม่ตรงต่อเวลาแต่เพราะเป็นกันทิมาที่กำลังจีบอยู่ดิฐาจำเป็นต้องวางความไม่ชอบนั้นไว้ก่อน
           “ไม่เป็นไรครับกี้เราไม่ว่ากี้หรอกแต่รีบสั่งอาหารเถอะเราหิวอะ
      ดิฐาส่งเมนูให้กันทิมารับไป
           “ร้านนี้อาหารอร่อยมากนะเรามากับเพื่อนบ่อยๆสั่งกะเพราหมูกรอบไหมเมนูเด็ดเลยนะ
          “ไม่ดีกว่าดิวกี้ลดความอ้วนอยู่กินหมูกรอบมันหนักไปนะ
          “งั้นนี่ก็ได้กุ้งอบวุ้นเส้นเมนูแนะนำ


         “เราแพ้กุ้ง”   
           “อันนี้ก็น่าอร่อยนะปลาหมึกนึ่งมะนาว
            “ปลาหมึกไฮแคลอรี่นะ
            “ถ้าอย่างนั้นกี้อยากกินอะไรก็เลือกเลย
        ดิฐายิ้มแห้งเมื่อแนะนำอะไรไปดูเหมือนไม่ถูกใจกันทิมาสักอย่างหญิงสาวกวาดสายตามองเมนูอยู่ครู่หนึ่งจึงสั่งอาหารมาสามอย่างซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเมนูผักที่ดิฐาไม่ชอบนักแต่เขาก็จำเป็นต้องกินพร้อมกับกันทิมา
           “ดิวกินน้อยจัง
       กันทิมามองด้วยความแปลกใจดิฐาตอบเสียงอ่อย
            “เราไม่ค่อยชอบกินผัก
            “อ้าวเหรอมิน่าล่ะเห็นจะสั่งแต่พวกมันๆเลี่ยนๆดิวต้องลดอาหารพวกนั้นลงบ้างนะเพราะมันทำให้มีไขมันสะสมเยอะเดี๋ยวก็อ้วนหรอกกี้ไม่ชอบคนอ้วนชอบผู้ชายหุ่นลีนๆหน่อยถ้าดิวมีเวลาก็ต้องไปยิมออกกำลังกายบ้างแล้วเดี๋ยวกี้จะแนะนำยิมให้นะ
ดิฐาได้แต่พยักหน้าหงึกหงักจ้องมองปากของกันทิมาพูดไปเรื่อยๆในหัวมีแต่กะเพราหมูกรอบล่องลอยอยู่เต็มไปหมดเขาวางแผนไว้ว่ารอไปส่งกันทิมาแล้วจะกลับไปสั่งอาหารที่ใต้หอพักไปกินเพื่อให้อิ่มท้อง

        เมื่อกลับไปถึงห้องพักรูมเมทของดิฐาชื่อกันกับเบิร์ดกำลังนั่งเล่นเกมกันอยู่ทั้งคู่เรียนคณะวิศวกรรมเช่นเดียวกับดิฐาเพื่อนหันมามองด้วยความแปลกใจเมื่อดิฐาวางกล่องข้าวลงบนโต๊ะแล้วตักเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆทั้งที่เพิ่งกลับเข้ามาเบิร์ดเป็นคนเอ่ยถาม
             “เดี๋ยวนะเหี้ยดิวมึงไปเดทกับสาวมาไม่ใช่เหรอแล้วทำไมถึงหิ้วข้าวกล่องกลับมาแดกที่ห้องได้เนี่ย
            “ไม่คุ้นกับอาหารที่กี้สั่งมาว่ะสั่งมาแต่ผักผักแล้วก็ผักกูแม่งกินได้ไม่กี่คำทั้งที่ท้องร้องยังกับฟ้าผ่าก็เลยต้องแวะซื้อข้าวมาแดกต่อที่หอนี่แหละ
       สายตาของกันบ่งบอกว่าเขาเข้าใจเพื่อนร่วมห้องเป็นอย่างดี
             “เอาใจสาวสินะอยากให้สาวประทับใจทำไงได้เสือกไปชอบระดับตัวท็อปคณะบัญชีกูเห็นสับรางยิ่งกว่าชุมทางรถไฟอีก
        เมื่อข้าวในกล่องหมดแล้วดิฐาจึงยกขวดน้ำอัดลมขึ้นดื่มตามจนหมดขวดค่อยกลับมาคุยกับเพื่อนต่อ
            “มึงว่าใครสับรางนะ กี้น่ะเหรอ
            “เออสิกันพยักหน้าหงึกหงักเมื่อตอนบ่ายกูยังเห็นยัยมาร์กี้อะไรนี่ไปเดินควงกับเด็กคณะนิติอยู่เลยคงก่อนหน้าจะไปหามึงที่ร้านอาหารล่ะมั้ง
        มิน่าล่ะถึงมาไม่ตรงเวลานัด
       ดิฐายกมือเกาหัวแกรกๆพยายามปัดความรู้สึกไม่ดีออกไป
            “กี้เขาเป็นคนสวยก็ต้องมีคนมาชอบเยอะเป็นธรรมดาน่าไอ้กันแล้วกูก็ยังไม่ใช่แฟนกี้เขาก็ยังมีสิทธิ์เลือกอยู่มึงอะคิดมาก
            “ทำไมมึงไม่หาคนที่เข้าใจมึงมาเป็นแฟนวะเสือกไปมองคนที่เขามองมึงเป็นทางเลือก
       เบิร์ดที่ใจจดใจจ่ออยู่กับเกมถึงกับยอมหยุดแล้วหันมามองเพื่อนดิฐาเลิกคิ้วเมื่อได้ฟังคำพูดของเบิร์ด
              “มึงหมายถึงใครวะเบิร์ดทุกวันนี้กูแม่งไม่มีใครเลยเดินไปหน้าหอหมายังหลบสายตากูอะ
              “โอ๊ยไอ้โง่ดิว ที่มึงเรียนได้เกรดสามกว่าๆนี่เพราะมึงสอยดาวเลือกคำตอบมาเหรอถึงได้โง่ขนาดนี้
             “เบาได้เบาโว้ยเบิร์ดกันยกมือห้ามทัพมึงด่าไอ้ดิวซะจนกูเห็นด้วยไม่ทันเลย
       เบิร์ดกลอกตามองบนเบะปากเป็นสระอิเขาส่ายหน้าเมื่อคิดถึงความซื่อบื้อของเพื่อน
              “มึงคิดว่าพวกกูที่เป็นรูมเมทมึงนี่โง่มากหรือวะถึงไม่รู้ว่ามึงกับไอ้คิมเด็กเกษตรเป็นอะไรกัน
       ดิฐาสะดุ้งโหยง เขาฝืนความตกใจมองเบิร์ดก่อนจะพูดเสียงอ่อย
             “กูกับมันเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ม.ปลายก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดาสิวะ
        เบิร์ดกับกันมองหน้ากันแล้วยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติดิฐาคงจะหมั่นไส้จนลุกไปถีบเพื่อนไปแล้วแต่ตอนนี้เขาทำได้แค่นั่งหน้าแห้งมองรูมเมทกล่าวถึงตัวเขา
            “อ๋อเหรอ แล้วเวลาที่มึงกับมันทำตัวลับๆล่อๆนัดกันมาห้องตอนพวกกูไม่อยู่คือมึงชวนกันมาซ้อมร้องเพลงเชียร์กันไง้ มิน่าล่ะมีเสียงโดนซ่อมลอดออกมาให้พวกกูได้ยินด้วยว่ะดิว อู้อู้อ้าอ้า ฟังแล้วแม่งเสียวยับ
        สัส! ไอ้เหี้ยคิมกูบอกแล้วว่าอย่าครางเสียงดัง
        เอ๊ะ! หรือว่าเสียงตัวกูเองวะ
              “บ้าน่าพวกกูนวดกล้ามเนื้อผ่อนคลายกัน พวกมึงอะคิดมากอีกแล้ว
        ดิฐายิ้มแหยเมื่อเริ่มจะจนมุมกันกอดอกมองเขาอย่างระอาใจ
              “สาบานต่อหน้าหลอดไฟนีออนบนเพดานไหมว่ามึงกับไอ้คิมไม่ได้เอากันในห้อง
        ใครจะกล้าสาบานวะหลอดไฟเห็นหลอดไฟรู้ทุกเรื่อง
              “อะเอ่อ ถะ ถึงเอากันจริงแต่กูกับมันก็ไม่ได้คิดอะไรเกินคำว่าเพื่อนโว้ย สโลแกนเพื่อนช่วยเพื่อนพวกมึงไม่เคยได้ยินกันเหรอวะ
        กันและเบิร์ดได้แต่มองเพื่อนที่เถียงจนสีข้างถลอก
                “ถามจริงว่ะดิว มึงอายเรื่องที่มึงเอากับเพื่อนผู้ชายก็เลยไม่อยากยอมรับความจริงเหรอ ปีนี้สองพันยี่สิบแล้วมึงโลกเขาไปไหนต่อไหนกันแล้วละครผู้ชายกับผู้ชายรักกันเขาฉายกันโครมๆดังไปทั่วโลกแม่กูยังดูเลย
       กันเตือนสติเพื่อนเบิร์ดสำทับตาม
              “ใช่จนเขารณรงค์เรื่องความหลากหลายทางเพศกันไปทั่วโลกแล้ว ทำตัวให้มันเข้ากับโลกสิวะไม่ใช่ให้เจ้าโลกมุดถ้ำอย่างเดียวอีกอย่างนะ กูเห็นนะไอ้คิมอะไรนั่นมันก็ดูแลมึงดีออก กูจำได้ว่าตอนที่มึงไม่สบายมันก็ซื้อโจ๊กมาให้มึงด้วย
              “ตอนที่คณะเรากับคณะมันตีกันถ้ามันเห็นพวกเรามันก็ออมตีนให้ด้วย ดูจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าไอ้คิมน่ะคิดกับมึงเกินเพื่อนแน่ มีแต่คนโง่อย่างมึงอะที่ไม่รู้
       มันมาถึงจุดนี้ได้ยังไงวะ?
        ดิฐายกมือกุมหัวบทสนทนาที่เริ่มต้นจากเรื่องที่เขาไปจีบกันทิมาแต่กลับดำเนินมาถึงเรื่องที่ความลับของเขาแตกละเอียด  และรูมเมทกำลังยุให้เขายอมรับความสัมพันธ์กับคิมหันต์
              “เออกูยอมรับก็ได้กูกับมันเอากันจริงๆ แล้วยังไงล่ะ ก็แค่เพื่อนกันนั่นแหละ ไอ้คิมมันเป็นเพื่อนที่ดีกูก็แค่ไม่อยากเสียความสัมพันธ์ที่ดีกับมัน พวกมึงฟังไว้นะกูไม่เอาไอ้คิมเป็นแฟนหรอก ให้กูกับมันเป็นเพื่อนกันไปแบบนี้น่ะดีแล้ว
         ดิฐาลุกขึ้นยืนประกาศกร้าว เกิดเป็นชายเสียชีพอย่าเสียสัตย์เสียเข็มขัดอย่าเสียกางเกงในถึงจะเป็นคนถอดออกเองก็เถอะ
                “พวกมึงพูดมากกันฉิบหายกูไปเซเว่นดีกว่าจะฝากซื้ออะไรไหม
          รูมเมททั้งสองส่ายหน้า ไม่รู้ว่าส่ายปฏิเสธการฝากซื้อหรือส่ายเพราะระอาเพื่อนกันแน่ ดิฐาจึงรีบเดินไปที่ประตูเขายังไม่อยากเผชิญหน้ากับเพื่อนให้โดนด่ามากไปกว่านี้ก็เลยทำทีปลีกตัวไปร้านสะดวกซื้อเพื่อหนีหน้า แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อประตูเปิดออกเขากลับต้องเผชิญหน้ากับคนที่เขายังไม่อยากเจอในตอนนี้มากที่สุด ดิฐาตะลึงงันใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเขาเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกักหน้าเจื่อน
              “อะเอ่อ คะ ไอ้คิม มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
        เบิร์ดกับกันหันขวับมามองเมื่อเห็นว่าคิมหันต์ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ตรงประตูห้องทั้งคู่ก็ถึงกับหน้าเหวอ
              “เฮ้ยฉิบหายแล้ว นินทาแม่งไปตั้งเยอะได้ยินหรือเปล่าวะกันกระซิบถามเบิร์ด                “พวกเราน่ะไม่เท่าไหร่แต่ที่ไอ้ดิวประกาศว่าไม่เอามันเป็นแฟนน่ะมึงว่ามันได้ยินไหมวะ                           เบิร์ดกระซิบถามกันอีกทีทั้งคู่ได้แต่ยิ้มแห้งแอบมองสถานการณ์น่าสะพรึงในตอนนี้
                 “มาสักพักแล้วคิมหันต์ตอบเสียงสั่นเขาพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติมึงปิดประตูห้องไม่สนิทน่ะ เห็นมึงกับเพื่อนคุยกันก็เลยยังไม่ทันได้เรียก
               “อ้าวเอ่อ แล้วมึงมาทำไมล่ะ
         ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเห็นสีหน้าของคิมหันต์แล้วดิฐาต้องรู้สึกใจไม่ดีด้วย อยากจะถามออกไปเหลือเกินว่าคิมหันต์มานานพอที่จะได้ยินบทสนทนาของเขากับเพื่อนหรือไม่แต่ดิฐาก็ไม่กล้า
                “นิยายวายของพี่คะนิ้งได้เซ็นสัญญาเอาไปทำซีรีส์ก็เลยจะเลี้ยงฉลองพร้อมวันเกิดที่บ้านวันเสาร์นี้ พี่คะนิ้งบอกให้พามึงไปด้วย กูก็เลยว่าจะชวนมึงไปหาซื้อของขวัญพรุ่งนี้ ลืมไปเลยว่าช่วงนี้มึงกำลังทำคะแนนกับสาวอยู่งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อเองก็ได้
          คิมหันต์ฝืนยิ้มเขาหันหลังให้ดิฐาและกำลังจะก้าวเดินแต่แขนของเขากลับถูกดิฐาคว้าไว้ก่อน
                  “กูไปได้คิม เดี๋ยวกูไปซื้อของขวัญให้พี่คะนิ้งกับมึงเอง พรุ่งนี้ใช่ไหมงั้นเดี๋ยวกูไป...”
                “ไม่ต้องหรอกกูไปกับไอ้ทิวไอ้บัฟก็ได้

                เป็นครั้งแรกที่ดิฐารู้สึกถึงความหมางเมินจากคนตรงหน้า และยิ่งคิมหันต์ดึงมือของเขาที่จับยึดแขนไว้ให้หลุดออกดิฐาก็ยิ่งรู้สึกถึงความห่างเหิน ให้ตายสิ! เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย
                  “อ้อแล้วถ้ามึงจะไปกินข้าวกับสาวมึงก็บอกเขาไปตรงๆสิว่ามึงไม่ชอบกินผัก
          คิมหันต์พูดพร้อมรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่จะเดินจากไป ดิฐายืนมองจนคิมหันต์เดินหายเข้าไปในลิฟต์เขาก้าวกลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าไม่ดีนักจนเบิร์ดกับกันมองอย่างเป็นห่วง
               “โอเครึเปล่าไอ้ดิว
               “คิมมันพูดแบบนั้นแสดงว่ามันมานานแล้วมันคงได้ยินที่กูพูดทั้งหมดใช่ไหมวะ
         ดิฐาเอ่ยถามเสียงเบาคล้ายรำพึงกับตัวเองมากกว่า
                “ก็ถ้ามันได้ยินทั้งหมดแล้วมึงจะคิดมากทำไม ในเมื่อมึงก็บอกเองว่ายังไงมันก็เป็นแค่เพื่อนไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ ปากเก่งนักมึงก็ต้องรับผิดชอบที่พูดด้วย คราวหลังถ้าใจมึงกากก็อย่าทำปากเก่งแบบนี้อีก
         เบิร์ดอดต่อว่าไม่ได้แม้จะเห็นใจหน้าจ๋อยของเพื่อน แต่ก็สมน้ำหน้าที่คิมหันต์เดินหนี คราวนี้ดิฐาอาจจะมีเวลาได้พิจารณาแล้วว่าอะไรที่เหมาะสมกับตัวเอง
          ดิฐาทิ้งกายลงไปบนเตียงตัวเอง เขาถอนหายใจเพราะไม่รู้ว่าทำไมความคิดของเขาถึงได้สับสนไปหมด ดิฐาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคิมหันต์คิดกับเขาเกินเพื่อน แต่เหตุการณ์ในวันนี้เขาไม่ได้โง่จนมองไม่ออก และที่ดิฐาแปลกใจก็คือตัวเองกลับมีปฏิกิริยาต่อความรู้สึกของคิมหันต์ เมื่อเห็นสีหน้าน้อยใจของคิมหันต์แล้วดิฐาว้าวุ่นไปหมด คล้ายกับว่าเขากำลังจะสูญเสียคิมหันต์ไปและนั่นเป็นสิ่งที่ดิฐาไม่อยากให้เกิดขึ้น
             ความรู้สึกเหล่านี้มันคืออะไรดิฐาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน





มีต่ออีกนิด...
หัวข้อ: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-02-2021 14:35:12


อ่านต่อตรงนี้...



ทิวไม้กับวศินต่างก็ตกใจเมื่อมองเห็นคิมหันต์เดินคอตกกลับเข้ามาในห้องและพอเขาทรุดตัวลงนั่งได้ก็ปล่อยโฮออกมา
ไอ้ดิวไอ้เหี้ยไอ้หน้าหมา
เฮ้ยเกิดอะไรขึ้นวะ
ทิวไม้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงคิมหันต์เล่าไปสะอึกสะอื้นไปจนเพื่อนต้องตบบ่าปลอบโยน
มันแม่งบอกว่ายังไงกูก็เป็นได้แค่เพื่อนมันสุดท้ายกูก็คงไม่มีค่าอะไรในสายตามันสินะ
ใจเย็นก่อนโว้ยไอ้สมเสร็จมันไม่เห็นค่าเราเราก็อย่าไปเสียใจเพราะมันเอางี้เดี๋ยวพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนตอนเย็นกูกับไอ้บัฟไปซื้อของขวัญให้พี่คะนิ้งกับมึงเองแล้วพอค่ำๆเราไปตะลุยราตรีละลายความเศร้ากันดีกว่ากูจะนัดพี่แบงค์ให้พาพวกเราไป
งั้นเดี๋ยวกูนัดเมียจ๋าให้ไปด้วยไปกันเยอะๆสนุกดี
วศินรีบสำทับจนคิมหันต์พอจะหยุดเศร้าได้บ้างแต่ว่าตลอดทั้งคืนเขานอนไม่หลับเพราะคำพูดของดิฐาที่แอบได้ยินกลับมาวนเวียนอยู่ในหัว
กูต้องเลิกสนใจมันถ้าอยากเป็นแค่เพื่อนกูก็จะให้สิทธิ์มึงแค่นั้นไอ้ดิวต่อจากนี้กูจะไม่ยอมเปลืองจู๋เปลืองตูดให้มึงอีกต่อไป
คิมหันต์บอกตัวเองเขาพยายามจะไม่คิดถึงดิฐาจนเวลาผ่านไปถึงวันรุ่งขึ้นที่เขาไม่มีสติจะตั้งใจเรียนเท่าใดนักดีที่มีทิวไม้กับวศินช่วยปลอบใจอยู่พอถึงตอนเย็นพวกเขาทั้งสามจึงแวะหาซื้อของขวัญให้พี่สาวเมื่อเรียบร้อยแล้วทิวไม้จึงโทรหาธนดลมารับ
ไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปกินเหล้ากันไอ้หมอกจะตามไปที่ผับทีหลังมันบอกว่าเคลียร์งานให้เสร็จก่อน
เมื่ออิ่มท้องแล้วธนดลจึงพาทั้งหมดไปผับที่เขากับทิวไม้พบกันครั้งแรกคิมหันต์เทเหล้าใส่แก้วตนเองและเพื่อนฝูงทันที
มาวันนี้ไม่เมาไม่เลิกโว้ย
วันนี้คิมหันต์ตัดสินใจว่าเขาจะเลิกรักดิฐาแม้เหล้าจะแก้ปัญหาไม่ได้แต่เขาก็จะพยายามตัดใจทิวไม้กับวศินเองก็ดื่มเป็นเพื่อนธนดลนั่งมองพลางจิบเหล้าไม่มากนัก
ทิวสนุกกับเพื่อนเถอะครับไม่ได้มาเที่ยวกันนานแล้วนี่เดี๋ยวพี่นั่งเป็นเพื่อนแล้วจะได้ขับรถไปส่งที่หอ
ธนดลยิ้มให้คนรักทิวไม้ยิ้มหวานก่อนจะหอมแก้มธนดลดังฟอด
แฟนใครนะน่ารักจังอ๋อแฟนเรานี่เองนั่งเฉยๆห้ามมองใครนะครับทิวหวง
ดื่มกันสักพักอวัศว์ก็เดินเข้ามาเขามาพร้อมเพื่อนสาวในคณะคนหนึ่ง
มาแล้วขอโทษทีนะที่มาช้าทำงานอยู่กับหญิงเพิ่งจะเสร็จก็เลยชวนมาด้วยกัน
เพื่อนในคณะของอวัศย์และธนดลชื่อธิติยาหญิงสาวหันไปมองคนในโต๊ะ
โอ้โหวันนี้ฉันเด่นเลยนะเพราะโต๊ะนี้มีฉันเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว
เมียจ๋ามัวแต่ทำงานผัวคิดถึงจังเลย
วศินคว้าร่างเพรียวของอวัศย์มากอดอวัศย์ถึงกับยกมือดันหน้าให้ห่างแทบไม่ทัน
จะบ้าหรือไงเพิ่งจะเจอกันเมื่อวานยังมาบ่นคิดถึงอีก
คิมหันต์มองเพื่อนที่มีความสุขอยู่กับคนรักแล้วก็นึกอิจฉาเขาถอนหายใจพลางกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก
น้องชื่ออะไรคะพี่ชื่อหญิงนะเป็นเพื่อนของแบงค์กับหมอกคุยเป็นเพื่อนพี่หน่อยหันไปทางไหนเขาก็มีคู่กันทั้งนั้น
ธิติยาชวนคุยคิมหันต์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาชงเหล้าให้ธิติยาพร้อมกับสนทนาไปด้วย
ได้เลยครับพี่หญิงผมชื่อคิมหันต์ชื่อเล่นว่าคิมหรือพี่จะเรียกว่าคิมย้วยก็ได้โสดสนิทมากๆเรามาคุยกันตามประสาคนโสดนะพี่มาพี่หญิงชนแก้วกันเอาให้เมากันไปเล้ยย

ดิฐาเดินเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยจนใกล้เวลาห้างปิดเมื่อตอนเย็นไปกินข้าวกับกันทิมาด้วยสถานการณ์เดิมเพิ่มเติมคืออาการเหม่อลอยของเขาจนกันทิมาหงุดหงิดดิฐาว้าวุ่นใจตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ในหัวมีแต่คิมหันต์ตลอดทั้งวันและเขาเองก็ไม่กล้าโทรศัพท์ไปหาอีกฝ่ายรุ่มร้อนอยู่ในใจจนไม่อยากกลับหอพักต้องมาเดินตากแอร์เล่นในห้าง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นดิฐาดึงจากกระเป๋ากางเกงมารับ
ว่าไงไอ้กัน
มึงอยู่หอหรือเปล่าดิว
เปล่าอยู่ห้างแต่กำลังจะกลับแล้ว
เอออย่าเพิ่งกลับมึงมาที่ผับที่เรามากันบ่อยๆตอนนี้เลยไอ้คิมของมึงน่ะกำลังแดกเหล้าจนเมาแล้วน้วยกับสาวสวยอยู่เลยแนบชิดสนิทสนมกันมากมึงลองมาดูแล้วตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับเรื่องของมึง
พูดจบกันก็วางหูและส่งรูปของคิมหันต์กับผู้หญิงคนหนึ่งมาทางไลน์เมื่อเห็นแล้วดิฐาถึงกับหัวร้อน
ก็ได้เขายอมรับว่าอาการนี้คืออาการหึง
และเขาก็หวงคิมหันต์เกินกว่าจะให้ไปกอดกับคนอื่นแนบชิดขนาดนี้
เหี้ยรักกูแล้วทำไมตัดใจจากกูได้เร็วจังวะคิดว่ากูจะยอมให้มึงตัดใจจากกูหรือไงไอ้เหี้ยคิม
ดิฐาร้อนรนเขารีบเดินไปที่ลานจอดรถยนต์เขาก้าวขึ้นรถยนต์ของเขาก่อนจะเหยียบคันเร่งไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว
TBC
ยังไงว้าตกลงพวกเขาจะได้กันไหมคะเนี่ยท่านผู้ชม
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-02-2021 09:07:33
รอๆ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-02-2021 07:24:47
อ้าว...ทิ้งสาวเฉย ดิวคนปากแข็ง
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-02-2021 13:31:54
เอาเลย คืนนี้แหละ
หัวข้อ: Re: <<ปากดีนัก ต้องโดนจัดซะให้เข็ด>> บทที่ 17 [02/02/64]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวพีตัวเล็กเล็ก ที่ 04-02-2021 15:29:29
อื้อหือ เปิดเรื่องมาก็ เลือดกระเด็น