Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20  (อ่าน 43450 ครั้ง)

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 33. เอกภพเหลืออดแล้วนะ

             เช้าวันแต่ง ผมรู้สึกดีมากๆที่คุณต่อเป็นเพื่อนฝั่งเจ้าบ่าว เพราะธีมงานมันมี 2 แบบแยกกันระหว่างญาติและเพื่อนฝูงฝั่งเจ้าบ่าวที่ขอความร่วมมือใส่ชุดสีเขียว และฝั่งเจ้าสาวนั้นคือชุดสีโอโรส (ที่ออกไปทางเกือบส้ม) ซึ่งถ้าเอกภพ ใบบุญคนนี้ใส่สีนั้นแล้วล่ะก็ หึหึหึ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะอนาถขนาดไหน

             ซุ้มดอกไม้ที่มีแต่เหล็กเมื่อวานกลับถูกประดับประดาเต็มไปหมด มีดอกหลากหลายชนิดปักลงโอเอซิสและมัดประกบไว้จนเต็มพื้นที่ ไอ้กระผมมันคนบ้านๆ รู้จักแค่ ดอกกุหลาบ กล้วยไม้ แค่นั้น ที่เหลืออย่ามาถามเชียวนะว่ามีดอกอะไรบ้าง นี่ถ้าทางโรงแรมจัดซุ้มด้วย ดอกเข็ม ดาวเรือง เฟื่องฟ้า หน้าวัว เชยชม ดอกรัก ดอกโสน ค่อยจะพอรู้หน่อย

“พี่เอกหิวเหรอ”

“คระ ครับ” ผมสะดุ้งตอนที่โดนกระทุ้งเบาๆ สงสัยจะเหม่ออ้าปากหวอจนคุณต่อจับอาการได้

“เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว รอพระฉันเสร็จ” จะบอกดีไหมว่าไม่ได้หิว แค่เหม่อมองซุ้มดอกไม้เพลินไปหน่อยเท่านั้นเองแหละ

             พิธีแต่งงานนั้นเรียบง่าย แขกเหรื่อมีไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ แบ่งเป็น ญาติสนิท เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงานของคุณกรแค่นั้น ไม่ได้เชิญพี่สาวของอาเขยของพี่ชายน้าสะใภ้ลูกของลุงของปู่มาให้มากความ (ว่าแต่ลำดับญาติที่พูดไปเนี่ยใครอ่านแล้วไม่งง กระผมขอกราบสามที) เมื่อหน้าผากถูกเจิมแล้วก็มีการคล้องพวงมาลัย และเริ่มรดน้ำสังข์ ผมเป็นคนท้ายๆเพราะต้องรอคุณต่อที่ยืนหล่อกลบรัศมีอยู่ข้างหลังในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวส่งสัญญาณเรียกก่อน พอจบงานรดน้ำก็มีการทำบุญเลี้ยงพระ ทุกอย่างดูเรียบง่ายแต่กินใจ

...ที่ผมไม่บ่นเรื่องอากาศเพราะบ่นไปแล้วนะครับ ขออนุญาตข้าม

             พอส่งตัวเข้าหอเสร็จก็จะเป็นเวลาว่าง ถ้าถามว่าผมอยากทำอะไร บอกได้เลยครับว่าอยากนอน เนื่องจากเมื่อคืนมีการดื่มไปเล็กน้อย เมื่อเช้าก็ตื่นกันแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อไปเตรียมตัว จริงๆแล้วคุณต่อต่างหากที่จะต้องตื่นและออกไป แต่จะให้ไปคนเดียวก็ไม่สมเป็นต่อพงษ์ผู้ติดแฟนหรอก ต้องหนีบผมไปด้วยทุกที่ ตอนเช้าเลยได้ง่วง เหม่อลอยไร้สติ

“ไปนะพี่เอก ผมอยากไป” นั่งไง ไอ้เด็กโข่งออกอาการอีกละ

“ไม่เอา ผมขี้เกียจขับรถ ง่วงด้วย” ผมงอแง นึกกร่นด่าเจ้าบ่าว(ผู้เป็นคนในพื้นที่)ที่เล่าเรื่องหาดคุ้งทรายตรงแถวเขากะโหลกจนไอ้คุณแฟนนึกอยากไป ถ้ามันเป็นแค่ชายหาดสวยๆผมก็ไม่ขัดหรอก แต่มันเป็นชายหาดที่ต้องเดินลัดเลาะขึ้นเขาอีกเกือบกิโล นึกถึงตอนที่เขาหลวงแล้วก็ไม่อยากคิดอคติไปก่อนว่าภาระจะตกที่ไอ้เอกภพคนนี้เป็นแน่ เมื่อบวกกับความเหนื่อยล้าและง่วงงัน งานนี้ต้องเซย์โนอย่างเดียว

“ชิ ผมไปเองก็ได้” ไปเถอะ พ่อคุณ มันไม่ได้ไกลจากที่พักหรอกนะครับ แต่มันร้อน มันเหนื่อย ยอมรับแบบแมนๆเลยว่าขี้เกียจ พอเสียงประตูเปิดออกยังไม่ทันปิด บทสนทนาก็แว่วเข้ามากระทบโสตประสาททันที

“พี่ต่อจะไปไหนเหรอ” เสียงคุ้นๆ เรียกพี่ด้วย คุณตงก็ไม่ใช่ คู่นี้ไม่ได้คุยกันด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานมารยาเยอะแบบนี้หรอก

“ไปเดินเล่นน่ะ”

“อุ๊ย ดีจัง เนี่ยผมก็เบื่อๆ ให้ผมไปด้วยนะ”

“อืม ตามใจสิ” ไอ้คนของผมไม่ได้คิดจะปฏิเสธเลยว่างั้น ชิชะ

“ปะ พร้อมแล้ว ไปกัน” นี่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพุ่งตัวออกมาตอนไหน รู้ตัวอีกทีคือออกมาคว้าแขนล่ำๆของแฟนเดินจ้ำไปที่รถอย่างไม่สนใจนังยิ่งเทพที่คอยตามติดพ่อเจ้าประคุณไม่ห่าง ไม่ได้หึงนะครับ แค่ไม่ชอบใจที่คนของเรายังพัวพันกับคนเก่าในอดีตชาติ

“อ้าวไหนพี่เอกบอกว่าเหนื่อย” ผมล่ะเกลียดน้ำเสียงของผู้ชนะจากไอ้แฟนตัวดีมากๆ

“พูดมาก” ผมส่งเสียงดุ เวลานี้ไม่ควรถามมั้ย ให้เกียรติกันบ้าง นึกแล้วยังอายตัวเองอยู่เลยที่พุ่งมาขวางลำแบบนี้

             สุดท้ายเราก็เลยจบกันที่ไปเดินเล่นเลียบชายหาดแถวบ้านเขากะโหลก หลังจากนั้นก็หาซื้อของฝากอันได้แก่ ปลาหมึกตากแห้ง ปลาแห้งและอาหารทะเลอื่นๆ คุณต่อซื้อมาเกือบเต็มกระโปรงรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันเก่งที่ผมลงทุนขับมาไกลถึงนี่



[ต่อพงษ์]

             ใบหน้าเคร่งเครียดของพี่เอกตอนที่มาปรึกษาเรื่องเทพบดินทร์นั้นชวนให้ขำมากกว่าจะต้องเครียดตามแก แต่เพราะเป็นพี่เอกนี่แหละผมเลยต้องวางท่าขรึม ไม่อย่างนั้นก็จะมีการงอนเกิดขึ้น อาการมันก็ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่เอกแกงอนแล้วจะบอกตรงๆว่าไม่ชอบ โกรธ หรือแสดงออกโจ่งแจ้งว่าไม่พอใจนั่นแหละ การที่แกเป็นคนแบบนี้ดันกลายเป็นเสน่ห์ส่วนตัวที่ทำให้ผมไปไหนไม่รอดอยู่ร่ำไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องของพวกเรา พี่เอกจะมาคุยเพื่อหาทางออกเสมอ

“เอาแบบนี้นะครับ” หลังจากซักซ้อมเรื่องวิธีการรับมือเทพบดินทร์ ผมก็ปล่อยให้พี่เอกออกโรงไปก่อน เนื่องจากผมแว้บออกจากห้องประชุมมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้ละ เรื่องที่เคร่งเครียดไม่ใช่เพราะเราไม่ได้พื้นที่จัดแสดงตามที่จองไว้ แต่มันมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่านั้น แต่พี่เอกกลับเข้าใจว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ ผมก็ต้องตามน้ำ ท่าทางขึงขังของคนที่นั่งจดจ่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ทำให้ไมกล้าขัด

             แล้วพี่เอกก็ทำแบบที่ซักซ้อมกันมาเป๊ะๆ หลังจากประชุมผมก็รีบตามไปที่ร้านกาแฟแทบจะทันที มันก็จริงดังว่า บริษัทไม่มีผลกระทบอะไรหากไม่ได้จัดงานนี้ เพราะสินค้าของเราติดลมบนไปแล้ว การส่งออกยังไปได้สวย ลูกค้าแต่ละประเทศนั้นมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การเปิดตัวสินค้าใหม่สามารถทำได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพางานออกร้านอีกต่อไป

             ผมไม่เคยเห็นอาการหึงหวงจากพี่เอกเลยสักครั้ง จนมาวันนี้นี่แหละ ช่วงพักของงานแต่งไอ้กรกับวีณาที่ปราณบุรีทำให้พวกเราสามารถหาที่เที่ยวได้ตามอัธยาศัยเกือบครึ่งวัน เดิมพี่เอกไม่อยากไปไหนเพราะความเหนื่อย แต่พอเจอยิ่งเทพ รุ่นน้องสมัยที่ผมเรียนอเมริกา ท่าทางฟึดฟัดของแกนั้นแสดงออกชัดเจนมากจนผมรู้สึกดีและอยากจะแกล้ง ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับยิ่งเทพเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนนั้น ตอนนี้ หรือในอนาคต

“เทพชิมนี่สิ” ผมตักยำใบชะครามกุ้งสดบนจานข้าวของรุ่นน้อง พลางลอบสังเกตอาการพี่เอกที่กำลังหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด

“อร่อยดีครับ ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าใบชะครามจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้” พออีกคนตอบมา ปากพี่เอกเบ้อย่างคนโดนขัดใจ ผมนึกขำแต่ก็ต้องพยายามเก็บอาการไว้ คนที่ปากแข็งไม่ยอมบอกรัก ไม่เคยจะบอกว่าหวงหรือห่วงแบบพี่เอกมันต้องเจอแบบนี้

“งั้นเทพกินเยอะๆเลยนะ นี่ด้วย” ผมตักแกงส้มของโปรดพี่เอกใส่จาน รายนั้นวางช้อนกับส้อมกระแทกจานตัวเองโครมใหญ่อย่างไม่พอใจ แต่ก็พยายามอวดเบ่งไม่บอกว่ากำลังหึง

“พี่ต่อก็ด้วยนะครับ” ยิ่งเทพเกือบจะป้อนอาหารเข้าปาก แต่คนอยู่ตรงหน้าลุกหนีออกไปนอกร้านแล้ว ผมยกมือบอกว่าไม่ให้กับคนที่ตั้งใจจะป้อนก่อนเดินตามคนตัวโตไป

             ร้านอาหารที่มากันวันนี้เป็นร้านท้องถิ่น แต่รสมือเยี่ยมจนลูกค้าเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย ต้องขอบคุณเจ้าถิ่นอย่างไอ้กรที่แนะนำมา หลังจากไหว้พระที่วัดหุบตาโคตรแล้วก็ขับมาในทางตรงกันข้ามกับวัดเกือบสองกิโลเมตรก็จะเจอร้านนี้ที่ด้านหน้าเป็นเพิงและครัว มีทางเข้าพอให้รถขับเข้าไปจอดด้านในร้านได้โล่งโปร่ง รอบร้านคือคลองน้ำกร่อยที่เต็มไปด้วยต้นโกงกางใบใหญ่ที่รากงอกเงยเกาะเกี่ยวเป็นพุ่มรอบคลองน้ำสีเขียวขุ่น พี่เอกมองด้วยสายตาไม่พอใจปนขัดใจจนอดสงสารไม่ได้ แต่ให้ตายเถอะ ผมกลับมองว่าน่ารักจนอยากแกล้งให้แก้มป่องมากกว่านี้

             แล้วความสุขก็หมดไปเมื่อไอ้น้องชายตัวดีดันตามมาที่ร้านอย่างไม่ได้นัดหมาย ตงฉินเป็นน้องคนสุดท้องที่ชอบคิดว่าพ่อไม่รัก รายนั้นโดนตามใจหนักมาตั้งแต่เด็ก พ่อไม่ยอมให้ไปเรียนต่างประเทศเพราะห่วงและอยากให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ใกล้ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนหัวโบราณหน่อยๆ วิธีการพูดกับลูกเลยห้วนสั้นจนเจ้าตัวดีไม่รู้เลยว่าที่พ่อทำน่ะ เพราะรัก

“มาแล้วครับ รอนานมั้ย”

“ไม่นานครับ” พี่เอกแสยะยิ้ม ผมมั่นใจมากว่าเป็นอย่างนั้นเนื่องจากรอยยิ้มนั้นเจาะจงให้ผมเห็นเต็มตา น้องชายตัวดีนั่งข้างๆแฟนผมที่ยิ้มร่าผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ “หายากมั้ย”

“ไม่ยากเลย ดีที่พี่เอกแชร์โลเคชั่นให้” นั่นไง ว่าละ อยากจะตบกบาลตัวเองที่สุดที่ไปสอนให้พี่เอกใช้งานพวกโซเชี่ยลจนคล่อง

“ร้านนี้อาหารอร่อยๆทั้งนั้นเลยนะ คุณกรแนะนำมา โดยเฉพาะนี่” แล้วพี่เอกก็ตักหอยนางรมทรงเครื่องให้พร้อมยิ้มหวาน มันเป็นรอยยิ้มที่พี่เอกจะส่งให้ผมตอนที่เรากอดกัน จูบกันหรือไม่ก็กำลังออดอ้อนกัน

เพล้ง!

“อุ๊ย พี่ต่อเป็นอะไรครับ” ผมสะดุ้งเมื่อเผลอปัดจานข้าวจนตกแตก พี่เอกไม่มองมาทางผมด้วยซ้ำตอนที่ยิ่งเทพใช้ทิชชู่เช็ดคราบตามเสื้อและกางเกงให้

“ซุ่มซ่ามจังเลยพี่ต่อ” ไอ้ตงได้ทีเยาะเย้ยแต่ก็ไม่มีทีท่าจะเข้ามาช่วย มันยักคิ้วให้และตักหอยนางรมเข้าปากเคี้ยวเหมือนอร่อยมากจนน้ำตาจะไหล ผมได้แต่หน้าตึงๆด้วยความไม่พอใจซึ่งผิดกับใบหน้าของพี่เอกที่ทำท่าสะใจที่เอาคืนผมได้

ไม่ชอบเลย...ไม่แกล้งแล้วก็ได้...



[เอกภพ]

             สุดท้ายพวกเราก็กลับมานอนพักที่โรงแรมตามที่ผมต้องการ หลังจากจบมื้ออาหารแสนอร่อยด้วยใบหน้าหม่นหมองของคุณต่อ แผนการท่องเที่ยวปราณบุรี-สามร้อยยอดก็ต้องจบลง ผมโดนพ่อตัวดีฉุดแขนขึ้นรถและขับปาดซ้ายปาดขวาจนมาถึงโรงแรม เราไม่พูดอะไรกันเลยตลอดทางจนกลับมาทิ้งตัวที่ห้องแบบนี้

             ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงจะเป็นฝ่ายเข้าไปงอนง้อ พออยู่กันนานเข้าก็เริ่มซึมซับนิสัยไม่ดีของคุณต่อเข้ามาเรื่อยๆ นั่นคือการชอบแกล้งและเอาคืน มันเป็นนิสัยเหมือนเด็กน้อย แต่ผมน่ะโดนแกล้งไม่รู้กี่ครั้ง ทุกครั้งผมก็ต้องเป็นคนงอนเองหายเอง วันนี้ล่ะไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะจะเอาคืนบ้าง ไม่อย่างนั้นไม่หลาบจำหรอก คิดจะมาเงียบใส่เล่นสงครามประสาทเหรอ ยิ่งเข้าทางเลย เพราะตอนนี้ผมง่วงจนตาปิดแล้ว

             ผมสะดุ้งตื่นก็มืดแล้ว บรรยากาศเงียบสงบ ในห้องนอนมืดมิด แอร์เย็นฉ่ำทำงานอย่างดีเยี่ยมแต่ผมกลับอุ่นไปทั่วตัว พอสลัดความง่วงงุนออกไปหมดก็พบว่ามีคนร่างใหญ่นอนกอดไว้ ลมหายใจราบเรียบบอกว่าอยู่ในห้วงนิทราเช่นกัน กล้ามอกแน่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงลมเข้าออก เสียงหัวใจเต้นตึกตักที่คุ้นเคยทำให้ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ความงอนที่เคยมีมันก็อันตรธานไปหมดสิ้น กลิ่นกายหอมที่คุ้นเคยส่งผ่านมาให้ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ คนเราจะแพ้ทางคนอื่นได้สักกี่คนในชีวิตนี้ นอกจากผู้ชายชื่อต่อพงษ์ ผมก็ไม่เคยใจเต้นระส่ำแบบนี้เลยสักครั้ง มันฟังดูบ้าบอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าผมตกหลุมรักแฟนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ... แล้วแบบนี้จะโกรธต่อไปทำไม

“ถ้าจะจ้องกันขนาดนี้ มาจูบกันเลยดีกว่า” ห๊ะ...มืดขนาดนี้ยังจะมองเห็นอีกเหรอว่าผมทำอะไร

“คิดเองตลอด” ผมแก้เก้อ

“ผมไม่ได้หลับนะพี่เอก แล้วสายตาผมก็ชินกับความมืดแล้วด้วย” อ้าว นึกว่าหลับอยู่ ที่แท้นอนเฝ้าเรานี่เอง ผมพลิกตัวแก้เขิน แต่ก็ถูกแขนใหญ่โอบกระชับไม่ให้ดิ้นไปไหนได้

“ปล่อย” ทำไมเสียงมันค่อยจนแทบไม่ได้ยินเลยวะ

“ไม่ปล่อย ผมจะกอดแฟนผม”

“ไปกอดคุณยิ่งเทพสิ” ได้ที ขอยั่วก่อน

“ไม่เอา ผมอยากกอดพี่เอกคนเดียว นะนะนะ” เอาแล้วไง น้ำเสียงออดอ้อน เป็นโทนเสียงที่ผมพ่ายแพ้ราบคาบมาตลอดเวลา

“หึ”

“พี่เอกงอนผมเหรอ ผมขอโทษษษษษษษ” แน่ะ มีลากเสียง ตอนทำล่ะไม่คิด

“เปล๊า” เสียงสูงซะหน่อย ดูซิ จะง้อยังไง

“พี่เอกอะ” น้ำเสียงน้อยใจต้องมา “ผมไม่ได้คิดอะไรกับยิ่งเทพจริงๆนะ”

“...”

“พี่เอกกกกกกก”

“เหวอออออ” เมื่อเห็นผมไม่ตอบ คนตัวใหญ่ก็คลุกวงในคร่อมตัวผมไว้แล้วใช้ริมฝีปากประกบลงมาอย่างหนักหน่วง ไอ้เราไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยต้องเล่นตามน้ำ ลิ้นสากสอดเลื้อยกระหวัดเข้ามาจนผมตัวอ่อนไปหมด ลมหายใจหอบพร่าสอดรับกับแรงกอดรัดของพวกเราทำให้อุณหภูมิในห้องร้อนแรงมากขึ้น ปากเยิ้มฉ่ำไหลเลื้อยไปที่ลำคอและดูดเม้มจนผมสะดุ้งตัวโยน แม้จะโดนยั่วยวนแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแต่ก็ไม่ชินเสียที

ก๊อกๆๆๆๆ

“พี่ต่อ พี่เอก แต่งตัวเสร็จยัง งานจะเริ่มแล้วนะ” เสียงคุณตงเคาะประตูและตะโกนเข้ามาทำให้จังหวะดีๆต้องหยุดชะงัก เมื่อวานก็โดนเปิดประตูเข้ามาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ก็ไม่อยากให้ใครมาเป็นสักขีพยานอีกครั้ง

“เออ เดี๋ยวตามไป” คุณต่อตะโกนตอบและเปิดไฟที่หัวเตียง ใบหน้าแดงก่ำและแววตาหวานเยิ้มบ่งบอกอารมณ์ที่ครุกรุ่น ยิ่งมองไปที่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวบางที่ตุงจนล้นแล้วก็ยิ่งรู้เลยว่ามันพร้อมรบแค่ไหน

“ออกไปก่อน” ผมผลักคนที่ทับตัวให้พ้น

“ไม่ออกจนกว่าพี่เอกจะหายงอน” รู้ด้วยสินะว่างอน

“สมควรงอนมั้ยล่ะ” ผมขอสั่งสอนอีกหน่อย

“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่แกล้งพี่เอกแบบนี้อีก”

“คุณต่อรู้ว่าผมไม่ชอบ แต่คุณต่อก็ยังทำ” ทำเสียงน้อยใจหน่อย แต่ทำไมเสียงมันสั่นวะ

“ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ” ใบหน้าหล่อเจื่อนลงเรื่อยๆ ยิ่งเห็นว่าผมเริ่มน้ำตาเอ่อก็ยิ่งลนลาน .. บ้าจริง ไม่เคยคิดเลยนะว่าจะเป็นมากได้ขนาดนี้ จากที่ไม่เคยจะต้องมาหวั่นไหวก็ต้องเป็น ความรักมันทำให้คนถึกเถื่อนอย่างผมมีด้านอ่อนแอตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ความอัดอั้นที่เห็นแฟนตัวเองไปอ้อร้อกับผู้ชายคนอื่นมันเสียดแทงในอกแต่ก็ไม่สามารถพูดหรือด่าอะไรได้ มองภาพของคนสองคนที่หน้าตาดี มีการศึกษาและฐานะเหมาะสมกันจนเราเอื้อมไม่ถึงแล้วก็ได้แต่ต้องยอมจำนน จากที่เคยหลงระเริงว่าได้ความรักจากเขาก็ต้องกลับมาคิดใหม่ ดึงความหลงระเริงให้กลับมาขบคิดเงียบๆจนกลายเป็นมีดกรีดในใจอย่างเจ็บปวดเมื่อคิดว่าเราไม่ได้เหมาะสมกับเขาเลยสักนิด

...น้ำตามันไหลออกมาเอง ผมไม่ได้ร้องไห้

“พี่เอก...” ร่างใหญ่ดึงผมไปกอด ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ ผมไม่เคยอ่อนแอ ไม่อยากร้องไห้ ไอ้คนแมนๆอย่างเอกภพจะต้องไม่อ่อนแอ แต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้ “ผมขอโทษ ผมขอโทษ” คุณต่อพูดคำเดิมซ้ำๆโดยมีผมปล่อยความเสียใจอย่างเงียบเชียบในอ้อมอกที่แสนอบอุ่น

##### #####

             พวกเราเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของคุณกรกับคุณวีณาพร้อมกับบรรดาแขกเหรื่อที่ร่วมงานเช้า เนื่องจากด้านนอกฝนตกและลมแรง งานเลี้ยงเลยถูกเนรมิตให้จัดในห้องประชุมขนาดใหญ่แทน เสียงเพลงในงานหวานโรแมนติกเหมาะสมกับคู่แต่งงานใหม่ อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ที่เต็มไปด้วยของคาวหวานหลากหลายชนิด บรรยากาศเป็นกันเอง มีโต๊ะนั่งสำหรับผู้ร่วมงานครบครัย ในงานไม่มีเวที ไม่มีพิธีกร มีแต่เสียงคุยแสดงความยินดี แสงแฟลชจากการถ่ายรูป

“พี่เอกเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมไม่ร่าเริงเลย” คุณตงฉินปรี่เข้ามาทัก ผมเลยส่งยิ้มหวานๆให้หนึ่งที

“ยุ่ง” คุณต่อกันท่า

“พี่ต่อรังแกอะไรพี่เอกอีก อย่าให้รู้นะ ผมแย่งมาจริงๆด้วย” นั่นไง เริ่มตีกันอีกละ

“พี่ต่อครับ ได้เครื่องดื่มหรือยัง เดี๋ยวผมไปเอาให้นะครับ” นังยิ่งเทพก็โผล่มาราวกับสัมภเวสี

“ไม่เป็นไรครับ พี่มีแล้ว” คุณต่อบอกปัดจนคนถามหน้าเสีย

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผม...”

“พี่ไม่ได้เกรงใจเรา พี่เกรงใจแฟนพี่” แขนล่ำโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ ผมมองใบหน้าหล่อที่ทำตามคำพูดของตัวเองตอนที่ง้อแฟนอย่างตั้งใจ

“พี่ต่อ...” ยิ่งเทพหน้าเจื่อน เป็นใครได้ยินก็ต้องสำนึกได้บ้างแหละ

“พี่ขอโทษนะที่ทำให้เราคิดเลยเถิดหรืออะไรก็แล้วแต่กับพี่ แต่พี่มีแฟนแล้ว และรักแฟนพี่มาก พี่คงไม่มองใครอีกแล้ว” ยิ้มทำไมครับ เอกภพจะยิ้มทำไม

“...” อึ้งเลยสินะ นังยิ่งเทพ

“พี่เอกเป็นแฟนพี่ เป็นคนที่พี่รัก ไม่ว่ายังไงพี่ก็ไม่ยอมเสียพี่เอกไปหรอก ขอโทษด้วยนะครับที่พี่ต้องพูดตรงๆ และพี่ขอร้องว่าเราอย่าเข้ามาในชีวิตพี่หรือพี่เอกอีกเลยนะครับ” หงายเงิบไปเลยจ้า ... พ่อตัวดีไม่ได้สนใจใบหน้าเจื่อนของยิ่งเทพ และหน้าตาตกใจของคุณตงฉิน ได้แต่พาตัวผมไปอยู่อีกมุมหนึ่งแทน

“พูดได้ดีนี่”

“ผมไม่ได้มีดีแค่พูดหรอก”

“จะรอดู” ผมตอบกวนๆ นี่ถ้าไม่ร้องไห้ก่อนจะไม่สำนึกใช่มั้ยพ่อคุณ แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้พวกเราต่างก็เรียนรู้แล้วว่าอย่าแกล้งกันแบบนั้นอีก เพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรๆดีขึ้น บางครั้งการทะเลาะกันก็ทำให้รู้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากทะเลาะกันอีกแล้ว มันบั่นทอนจิตใจ และริดรอนเวลาแห่งความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันเสียเปล่าๆ

             ตัดภาพมากลางดึก ต่อพงษ์ ตงฉินเมาปลิ้นทั้งคู่ พี่น้องสองคนนี้ไม่รู้ทำไมจะต้องเล่นเป็นเด็กกันตลอด นี่ก็พากันดวลเหล้าเพื่อหาคนที่คอแข็งกว่า ใครชนะจะได้ผมไปครอบครอง ไอ้เราก็รู้อยู่ว่าไม่ไหนไม่ได้หรอก แต่คุณตงฉินนี่ก็บ้าจี้เล่นด้วยนะ ผมได้แต่เอือมระอา มองสองคนชนแก้วกันไปมา จะโกรธก็ทำไม่ลงนอกจากปลงและขำเสียมากกว่า คุณตงฉินน่ะผมไม่ห่วงหรอก รายนั้นน่าจะคอแข็ง แต่ไอ้คุณแฟนนี่สิ แค่สามแก้วก็เมาปลิ้นแล้ว นี่ชนเอาชนเอาจนคิดว่ากำลังดื่มน้ำเปล่า

             สุดท้ายก็ต้องพาทั้งสองคนไปนอนที่ห้องอย่างรีบๆ คุณตงห้อง 6 และผมห้อง 9 หลังจากลากสังขารทั้งสองคนไปเก็บแล้วผมก็กลับมาละเลียดบลูฮาวายของโปรดต่อ เพราะงานเลี้ยงยังไม่มีวี่แววจะเลิก ถึงแม้คู่บ่าวสาวจะกลับไปแล้วเนื่องจากเจ้าบ่าวเมาเละไม่ได้สติ พนักงานบริษัทที่รู้จักผมต่างเข้ามาชนแก้วไม่ขาดสาย เพลงก็กำลังมันได้ที่เลยครับ มีเหรอว่าไอ้เอกจะยอมทิ้งงานแบบนี้ไปง่ายๆ

“ชนหน่อยมั้ย” ผมมองไปตามเสียง ยิ่งเทพยืนโงนเงนเมาปลิ้น

“อืม” ผมยื่นแก้วออกไปชนก่อนยกมาจิบ

“พี่เอกรู้ตัวมั้ย เอิ๊ก ว่าพี่เอกโชคดีมาก” อาการท่าจะหนัก

“ครับ”

“ดูแลให้ดีนะ อย่าเผลอแล้วกัน” เมาขนาดนี้ยังไม่วายจะร้ายนะ ผมไม่ได้ต่อความอะไร ไม่อยากถือสาคนเมา อีกอย่างคนของเราก็ชัดเจนแล้วว่าไม่เอาเขา จะทำท่าทางสมน้ำหน้าหรือว่าพูดจาตอกกลับไปก็ใช่เรื่อง ผมไม่อยากทำตัวเป็นผู้ชายปากจัด จีบปากจีบคอลงไปเล่นเกมอะไรแบบนี้ แค่การร้องไห้ตอนเย็นก็น่าอายพอแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งกระดาก จู่ๆก็น้ำตาก็ไหลเพราะความหึง ผมต้องกอบกู้ภาพลักษณ์มาดแมน เถื่อนถึกของตัวเองกลับมาให้ได้

             นังยิ่งเทพเดินนวยนาดหายไปกับฝูงชน ผมได้แต่สนุกกับงานเลี้ยงจนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง สายตาผมก็กวาดไปทั่วงาน แปลก...ยิ่งเทพไม่อยู่ ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังจะมาระรานผมอยู่เลย

หรือว่า....บ้าเอ๊ย ทำไมความคิดอกุศลต้องเข้ามาในหัวตอนนี้ด้วยวะ

อย่าให้อะไรๆเป็นอย่างที่คิดเลย... ผมวางแก้วและรีบปรี่ออกไป

   ทางเดินจากห้องจัดเลี้ยงมาที่ห้องพักค่อนข้างมืด แม้จะมีโคมไฟประดับประดาอยู่แทบจะทุก 50 เมตรก็ตาม หรืออาจเป็นเพราะว่าผมกำลังเมาได้ที่ก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้แฟนหนุ่มสุดหล่อก็อาการร่อแร่ไม่ต่างกัน หลังจากโหมงานหนักมาสักระยะแล้วมาที่นี่ก็เรียกได้ว่าแทบจะหมดสิ้นพลังงานชีวิต ดีหน่อยที่ไม่ต้องขับรถเอง ตอนที่นั่งมาจากกรุงเทพก็ฟุบหลับตลอดทาง ยังดีนะที่สมัยนี้มีกูเกิ้ลแมพ ไม่อย่างนั้นคงจะหลงอยู่แถวๆหัวหินนานพอดู

             รีสอร์ทหรูนี้อยู่แถวปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นรีสอร์ทระดับสี่ดาวที่ตกแต่งหรูหราสมกับใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งแบบกลางแจ้ง ช่วงเช้าเราเหงื่อไหลไคลย้อยก็มาฉลองพิธีสมรสกันต่อช่วงเย็นในห้องจัดเลี้ยง ดื่มเต็มที่ไม่มีอั้น ใครจะฟุบหลับก็ไม่มีใครว่า ... ว่าได้ไงล่ะ แฟนเราก็หนึ่งในนั้น ผมเลยต้องมาตามดูอาการหน่อยว่าสภาพเละเทะแค่ไหน

“ห้อง 9 ห้อง 9” ผมต้องพึมพำกับตัวเองเพื่อไม่ให้ลืมหมายเลขห้อง คราวที่แล้วก็หลงไปห้องหมายเลข 6 ทีนึงละเพราะตัวเลขมันหลุดกลับหัว พยายามเอากุญแจมาไขก็เปิดไม่ออก สุดท้ายเจ้าของห้องเปิดมาด้วยสีหน้างวยงง

แกร็ก.... ไฟมืดสนิท

พรึ่บ...

“พี่เอก” ผมตาเบิกโพลง มองร่างใหญ่ที่เปลือยช่วงอกโดยมีร่างสูงใหญ่ของผู้ชายอีกคนคร่อมอยู่ เสียงนั้นบ่งบอกว่าตกใจมากที่ผมมาเห็นเข้าจนได้

“คุณยิ่งเทพ” ผมสูดลมหายใจลึกๆ มองเรือนร่างเปลือยเปล่าของคนที่ถูกเอ่ยชื่ออย่างไม่ชอบใจ

“พี่เอกมาได้ไง” น้ำเสียงที่สุดแสนตอแหลนั้นขัดกับท่าที่เห็นตอนนี้ลิบลับ

“เดินมา” ผมก็ยังเล่นด้วยนะ พอสายตาปรับสภาพแสงจ้าในห้องได้ผมก็มองร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองคน นึกว่าเปลือยแค่อก

“พี่เอก คือว่า...” นังยิ่งเทพทำน้ำเสียงแบบรู้สึกผิด ผมได้แต่ระอา ทำไมจะต้องมาเจอคนแบบนี้ก็ไม่รู้นะ หน้าตารึก็ใช่ว่าจะขี้เหร่ แต่นิสัยอัปลักษณ์มากๆ ห้องพักของนังยิ่งเทพไม่ใช่ห้องนี้แน่นอน การเข้ามาก่ายกอดคนเมาและถอดเสื้อผ้าออกหมดเนี่ยไม่ใช่นิสัยที่คนเจริญแล้วพึงกระทำกันหรอกนะ ยิ่งกับคนที่ไม่ใช่แฟนตัวเองด้วยแล้ว

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกครับ”

“แต่ผม...” ยังจะพยายามอีกเนาะ ผมได้แต่กลอกตาบนกอดอกโดยไม่เข้าไปข้างใน

“แต่งตัวก่อนเถอะครับคุณยิ่งเทพ ใครมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี”

“เอ่อ ...” คงจะเห็นว่าผมสงบผิดคาดเลยหาคำพูดมาตอบไม่ได้ สีหน้างุนงงนั้นมีคำถามแปะหน้าผากนับร้อย แต่ก็ต้องแต่งตัวแบบเงียบๆ

             ร่างใหญ่บนเตียงขยับ ยิ่งเทพมองใบหน้าหล่อเหลานั้น ตาเบิกโพลง และเสื้อที่ถือในมือก็หลุดไปกองกับพื้น ผมกอดอกและมองภาพที่น่าสมเพชอย่างไม่เห็นใจ ถ้าคนเรามันจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ก็ต้องปล่อยให้มันรับผลกรรมแบบนี้แหละครับ ผมถอยออกมามองเลขห้องที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนที่ปรอยปราย ลมแรงเมื่อตอนเย็นคงทำให้เลขห้องมันหลุดร่วง ... ห้องนี้คือห้อง 9 เป็นห้องผมแน่นอนครับ แต่คนที่นอนอยู่ไม่ใช่คุณต่อพงษ์ แต่ดันเป็นคุณตงฉิน !!!

             ผมได้แต่นึกขำ เพราะตอนที่พาสองหนุ่มมาส่งนั้นสติก็ไม่ได้เต็มร้อย พอเห็นห้อง 6 ที่ป้ายเลขห้องกลับหัว ผมก็ยัดร่างแฟนหนุ่มตัวเองเข้าไปก่อน แล้วค่อยลากคุณตงฉินมาไว้ห้องตัวเองแทน ไม่คิดเลยว่าความผิดพลาดของตัวเองจะส่งผลดีขนาดนี้ ยิ่งเทพได้แต่อึ้งเข่าอ่อนที่เข้ามานัวเนียกับคุณตงฉินคนน้องแทน ดีนะที่เมาและไม่ได้เปิดไฟ ผมไม่รู้เหมือนกันว่านังตัวดีจะทำอะไรลงไปบ้าง แต่จากสภาพที่เห็นก็พอจะเดาได้ ผมไม่ได้อยากทะลึ่งหรอกนะ แต่ไอ้ที่กำลังโด่ไม่รู้ล้มของคุณตงก็ทำให้รู้ล่ะว่ามันไม่ธรรมดา

แชะ!

   ผมถ่ายรูปไว้ (พยายามเลี่ยงความใหญ่โตของน้องชายแฟนไปแล้วนะ) ตอนที่ยิ่งเทพเผลอ ก่อนจะเดินผิวปากออกไปจากตรงนี้

“ถ้าไม่อยากให้ภาพนี้หลุดออกไป อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก” อย่าให้เอกภพต้องร้ายนะ ผมจะเอาคืนให้จนไม่กล้าสู้หน้าใครได้อีก

ภาพคนนอนเปลือยบนเตียงเห็นแค่แว้บๆ แต่คนที่ยืนเข่าอ่อนใส่แต่กางเกงในด้วยหน้าตาผิดหวังและตกใจสุดชีวิตนั้นชัดเจนว่าเป็นผู้ชายที่มีหน้าตาทางสังคมที่ชื่อ ยิ่งเทพ

...วันนี้เอกภพเหลืออดแล้ว อย่าให้ผมต้องร้ายบ้างนะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากเห็น ลุงเอกร้ายอ่ะ

ออฟไลน์ gotcha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โธ่ธ่ธ่ธ่ ไอ้เราก็นึกว่าจะดราม่า น้ำตาเล็ด ที่ไหนได้โดนคนแต่งสับขาหลอกจนหงายเงิบไปเลย ร้ายนะเราหนะ  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ความผิดพลาดเล็ก ๆ  กลับส่งผลดีอันยิ่งใหญ่

ป.ล. โรงแรมหรูหรา แต่ทำไมป้ายเลขห้องไม่ยอมซ่อมแซม?

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
บางครั้งความเมาก็มีผลดีกับบางเรื่องเหมือนกันนะครับ :oo1:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล
[/size]

ตอนที่ 34. บรรยากาศมันพาไป

             เรื่องเมื่อคืนถึงหูคุณต่อในช่วงเที่ยงของอีกวันโดยการเล่าขานจากคุณตง น้องชายผู้เสียหายจากการถูกผู้ชายบุกเข้าหาถึงห้องนอนนั่นเอง แฟนตัวดีของผมดูเหมือนจะสาแก่ใจมากกว่าจะสงสารที่น้องชายเมาไม่ได้สติถึงขั้นโดนคนอื่นประชิดตัวได้อย่างง่ายดาย

“ไม่ขำนะพี่เอก แม่ม ผมล่ะอยากจะเอาหน้ามุดทรายให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าเพื่อนๆผมรู้เข้ามันคงจะเอาไปแซวยันเรียนจบ” คุณตงฉินผู้หัวเสียเล่าอย่างออกรส ปล่อยให้ทั้งคุณต่อและผู้อยูในเหตุการณ์อย่างผมกลั้นหัวเราะกันแทบไม่อยู่ ในขณะที่ผู้เสียหายกำลังเล่าเรื่องเมื่อคืนอย่างถึงพริกถึงขิง ผู้ก่อเหตุก็ได้ชิงขับรถออกจากที่พักตั้งแต่เช้ามืด ใจผมล่ะไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องที่ผ่านไปแล้วเท่าไรหรอก แต่เจ้าทุกข์ดันไม่ยอม โทษทุกอย่างตั้งแต่แอลกอฮอล์ที่ตัวเองท้าดวลกับพี่ชายจนเมาไม่ได้สติ โทษที่ผมลากเข้าผิดห้อง โทษทางรีสอร์ตว่าไม่ยอมซ่อมเลขห้องพักจนเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา โทษนังยิ่งเทพที่หน้ามืดตามัวขาดสติ ... โทษทุกอย่าง ยกเว้นตัวเอง ... นี่แหละคุณตงตัวจริงล่ะ

“ก็อย่าไปเล่าให้ใครฟังสิ” คุณต่อแหย่

“ผมน่ะไม่เล่าหรอก ขายหน้าชิบ อยู่ดีๆโดนคนพรรค์นั้นลักหลับ แค่คิดก็สยอง” ผมพอจะเดาได้จากการพูดจาของคุณตงฉิน แรกเริ่มเดิมทีผมก็คิดว่าจะเป็นเต้าเสียบ แต่ไหงคุณตงกลายเป็นเต้ารับไปได้วะเนี่ย ... อยากรู้จังว่าผลิตสองหมูท่าไหน เพราะคนคลอดคงจะทำหน้าที่เป็นเต้าเสียบไม่ได้แน่ๆ (เต้ารับ เต้าเสียบ = คิดถึงปลั๊กไฟเอานะครับทุกคน)

“สมน้ำหน้า” รอบที่ห้าร้อยแล้วมั้งครับที่คุณต่อพูดคำนี้

“พี่ต้องขอบคุณผมน่ะที่เป็นไม้กันหมา ไม่งั้นพี่นั่นแหละจะเป็นคนเสียตัว” คุณตงยังคงทวงบุญคุณ แต่ฝั่งผมนั้นได้แต่ยักไหล่ทำท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมทำสีหน้ากวนโอ๊ยเข้าไปอีก “พี่เอกก็ด้วย ผมช่วยปกป้องครอบครัวพี่นะ”

“ครับ” ผมได้แต่อ้อมแอ้มตอบรับ นาทีนี้คงไม่อยากเอาน้ำมันไปราดกองไฟหรอก ได้แต่เออออให้จบๆ

“แล้วนี่ทางนั้นเอาไง”

“เอาไงเหรอ แจ้นกลับกรุงเทพตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยมั้ง ส่งข้อความมาว่า ‘ขอโทษนะครับ ช่วยลืมเรื่องนี้ไปได้ไหม’ คนแบบนี้ก็มีด้วยเหรอวะ” น้องชายที่หน้าตายับย่นชูหน้าจอมือถือให้คนพี่อ่าน ผมชะเง้อมองอย่างตั้งใจและอดขำไม่ได้

“ก็ดีแล้วไง ไม่ผูกมัด” ผมได้แต่แอบหยิกคุณต่อที่ไปสุมไฟ

“ดีอะไรล่ะ อี๋ เสียสถาบันดาราดังอย่างผมหมด” ไม่รู้ว่าทำไมรายนี้ต้องรังเกียจคุณยิ่งเทพนักหนา ทั้งที่รูปร่างหน้าตาของคนนั้นเข้าขั้นหล่อเหลาไม่น้อย

“แล้วทำไมคุณตงถึงทำท่าแขยงคุณยิ่งเทพจังเลยครับ” ผมเลยถามด้วยน้ำเสียงเบาบาง ใจหนึ่งก็ไม่กล้า แต่อีกใจก็อยากรู้ สุดท้าย ความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ “เขาก็ออกจะดูดี”

“ตรงไหนครับพี่เอก” แววตาไม่เป็นมิตรส่งมาแล้วครับ ผมต้องปรับท่านั่งให้แนบโซฟาในห้องนอนตัวเองจนแทบจะฝังร่างลงไปแล้ว

“เออ นั่นสิ ทำไมวะ” คุณต่อช่วยชีวิตผมเอาไว้

“พี่ต่อ ถามจริงว่าพี่ไม่แหยงเหรอตอนที่...”

“เดี๋ยวๆๆๆ อย่าวกไปตอนนั้นดิวะ” คุณต่อรีบปรามเมื่อน้องชายกำลังจะฟื้นความทรงจำในอดีตขึ้นมา ท่าทางร้อนตัวเนี่ยยิ่งทำให้น่าสงสัย แต่เอาเถอะ เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว แม้ตอนนี้รู้สึกฉุนเล็กๆก็ตาม

“อ้าว” คุณตงค้างอย่างสงสัยแต่ก็ไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่า “เอาตรงๆนะพี่ ผมไม่ชอบนิสัยไอ้คุณยิ่งเทพอะไรนี่เท่าไหร่ เหมือนไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกอะ ตอนที่พี่ต่อไม่ติดต่อไป เขาก็พยายามมาสืบข้อมูลเรื่องพี่จากผม ทำตัวน่ารำคาญจนไม่อยากสุงสิงด้วย”

“แค่นี้น่ะเหรอ” คุณต่อถาม

“แค่นี้แหละ ไม่ถูกชะตา” เป็นอันจบบทสนทนาของพวกเรา

             พอคุณตงฉินออกไปผมก็เลยลุกไปจัดกระเป๋าเพื่อกลับกรุงเทพด้วย คู่บ่าวสาวคงจะถึงสนามบินแล้ว เห็นว่าจะไปฮันนีมูนที่อเมริกาเพื่อรำลึกความหลังครั้งยังอยู่ที่โน่น คุณต่อถอดเสื้อออกปล่อยให้ความขาวของท่อนบนมายั่วสายตาก่อนจะพุ่งมากอดผมแน่นและลากไปจบที่เตียง นอกจากจะจับตัวผมกดลงกับที่นอนแล้วยังเอาใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครามาถูไถทั่วคางและใบหน้า

“อื้อ ไม่เอาคุณต่อ เก็บของก่อน”

“พี่เอกจะรีบเก็บไปทำไมครับ” พ่อตัวดีเอาหน้าซุกที่ซอกคอจนขนแขนสแตนด์อัพไปหมด

“กะ ก็ ตะ ต้อง ชะ เช็ก อะ เอ๊าท์ งะ ไง คระ ครับ” ใครไม่โดนไซร้ซอกคอไม่รู้หรอกว่ามันจี๊ดแค่ไหน ยิ่งหน้าหล่อๆของแฟนตัวเองด้วยแล้ว งานนี้มีแต่ละลายในอ้อมแขน

“ไม่ต้องรีบหรอกพี่เอก เรายังไม่ได้เที่ยวกันเลยนะ”

“หืม อ๊า” ผมได้แต่สงสัย แต่ก็ต้องครางเพราะริมฝีปากสวยขบที่เม็ดกลมที่หน้าอกจนเสียวไปหมด

“ผมลางานไว้แล้ว”

“อื๊อ...” ตอบอะไรไม่ได้เลยเมื่อกางเกงตัวบางถูกถอดออกพร้อมกางเกงในตัวเก่ง ใบหน้าหล่อส่งสายตาหวานเยิ้มชวนให้เคลิ้มระทวยมาให้อย่างมีความหมาย เวลาเช่นนี้ผมมักจะถูกคุณต่อจัดการจนไร้เรี่ยวแรง มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลวนเวียนไปทั่วตัว และเกิดอาการช็อตหนักตรงจุดที่ลิ้นสากลากผ่าน วีเชฟของผมถูกเม้มขบก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะดอมดมเข้ากับตรงกลางลำตัวที่ขยายตัวใหญ่โต

“ซี้ดดดด คุณต่อ...” ผมได้แต่ร้องในลำคอเมื่อถูกความเย็นเยียบของโพรงปากโอบอุ้มของสงวน แรงรูดเฟ้นของผู้เชี่ยวชาญทำให้ต้องแอ่นบั้นท้ายและร่อนไปมาเหมือนจะขาดใจเสียให้ได้ ความเย็นแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นและร้อนเร่าในที่สุด ลิ้นฉกฉวยโลมเลียส่วนอ่อนไหวอย่างชำนาญจนเผลอไปจิกเส้นผมของคุณต่ออย่างแรง ทึ้งไปมาเพื่อหวังจะให้ความรู้สึกคล้ายคนใจหวิวจะขาดใจตายผ่อนคลายลงบ้าง

“อื๊อ คะ คุณ ตะ ต่อ อ๊า...” ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน แต่แรงรูดเฟ้นไปมาแผ่วเบาสลับเร็วแรงก็ส่งผมให้ถึงฝั่งฝัน บั้นท้ายที่แอ่นโยกกระตุกโดยที่ริมฝีปากยังคงครอบงำน้องชายสุดที่รักของผมไว้ แรงดูดเฟ้นทำเอาปริ่มจะขาดใจเสียให้ได้ ก่อนที่จะผละออกและปล่อยให้แข้งขาของผมอ่อนยวบวางเกะกะไร้ทิศทาง

“ชอบมั้ย” ใบหน้าหล่อเลื่อนมาประชิด ลมหายใจหอบพร่าของพวกเราประสานกันอยู่อย่างนั้น ร่างใหญ่ที่อยู่ด้านบนส่งยิ้มหวานชวนละลายมาให้ กลิ่นคาวคลุ้งที่ถูกดูดกลืนไปไม่ทำให้ผมรังเกียจ จังหวะหัวใจเต้นรัวยิ่งกว่าจังหวะตีกลองเสียอีก จมูกโด่งเป็นสันชวนให้ลูบไล้อย่างลืมตัว ที่ผ่านมาเราผลัดเปลี่ยนช่วยเหลือกันเท่านั้น ไม่เคยจะมากเกินไปกว่านี้ อาจะเป็นเพราะตัวผมเองที่ยังหวาดหวั่นกับเรื่องบนดอยตอนนั้นเลยพยายามบ่ายเบี่ยง แต่มาวันนี้ หลังเหตุการณ์ที่มีคนพยายามแย่งคนรักของผมแล้ว ก็ยิ่งทำให้รู้ว่า ลึกๆแล้วผมทั้งโคตรหึงและโคตรหวง ยิ่งตอนที่รับรู้ว่าพวกเขาเคยมีอะไรกันมาก่อน อาการหึงย้อนหลังก็กำเริบ อยากจะใช้แม่ไม้มวยไทยที่เรียนมาประเคนเข่าเข้ากับใบหน้าเย่อหยิ่งของนังยิ่งเทพให้ยับเยินจนหายหล่อไปเลย

“ไม่ชอบ”

“จริงอะ” ถ้าตอบแล้วไม่เชื่อจะถามทำไมฟะ... แต่เอาเถอะ รายนั้นน่ะรู้ว่าผมปากแข็ง ปากว่าไม่ แต่ใจก็โอนอ่อนไปให้จนหมดแล้วนี่นาให้ทำไงได้ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลย้อยชวนอึดอัด แต่กลับรู้สึกซาบซ่านที่ได้มานอนก่ายกอดกันเช่นนี้ ยิ่งสบตาก็ยิ่งพบความหมายที่แฝงไว้ แววตาหวานฉ่ำส่งผ่านความรู้สึกที่ครุกรุ่นแต่ถูกสะกดกลั้นมาตลอด ผมจับจ้องลึกลงไปจนตกในห้วงของความหลงระเริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ริมฝีปากสวยได้รูปนั้นคลี่ยิ้มเมื่อสองแขนของผมก่ายกอดที่คอหนาและโน้มใบหน้าให้ประชิด

             รสจูบที่แสนหวาบหวามชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด สมองขาวโพลนไม่มีความหวาดหวั่นใดๆมากั้นขวาง มีเพียงความอบอุ่นที่พัวพันกันไปมาอยู่อย่างนั้น ส่งผ่านความอบอุ่นที่โหยหา เรือนร่างของเราประชิดกันแนบแน่น กล้ามเนื้อแน่นขนัดเสียดสีไปมายิ่งทำให้อารมณ์ปะทุจนไม่อาจย้อนกลับไปได้อีก

“พี่เอกพร้อมแล้วเหรอ” น้ำเสียงหวานหอบพร่าถามแผ่วเบาเมื่อผละริมฝีปากออก ผมเขินจนอยากจะมุดหน้าเข้ากับทรวงอกหนาและหายตัวไปจากตรงนี้ แต่ก็ถูกตรึงให้ต้องสบตาที่เว้าวอนอย่างน่าสงสาร ...

“คระ ครับ” ผมไม่รู้หรอกว่าจะต้องห้ามใจตัวเองอย่างไรไม่ให้ลุ่มหลงในตัวผู้ชายคนนี้ ยิ่งอยู่ด้วยกันนานขึ้นก็ยิ่งรับรู้ถึงความรักและความจริงใจที่มีให้ แฟนที่แสนดี ให้เกียรติและดูแลกันอย่างไม่ขาดตกบกพร่องทั้งๆที่ผมมาจากต่างชนชั้น หากวันหนึ่งผมจะต้องเสียใจที่เขาไปเจอคนใหม่ก็ตาม ผมก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก คนเราถ้าหมดรักมันก็คือหมดรัก แต่ในวันนี้เราเป็นแฟนกัน เขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เป็นคนเดียวที่ให้ความรักและสอนให้ผมเรียนรู้ที่จะรักคนอื่นนอกเหนือคนในครอบครัว แค่วันนี้เรารักกัน ทำไมผมจะต้องคิดถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึงล่ะ

             ใบหน้าหล่อโลมเลียทุกสัดส่วนร่างกาย ไม่มีจุดไหนที่เขาไม่สัมผัส แม้แต่ฝ่าเท้าหรือจุดซ่อนเร้น มันอาจจะดูน้ำเน่าที่ต้องมาพรรณาถึงบทรักอันแสนหวานราวกับตัวเองแปรสภาพเป็นเจ้าหญิงร่างเล็ก แต่จังหวะที่ไม่รีบร้อนปลุกอารมณ์ให้ผมอัดอั้นอยากเร่งเร้าทุกอย่างให้รวดเร็วกว่านี้ อยากให้คุณต่อครอบครองร่างกายนี้ ถึงแม้มันจะต้องแลกมากับความเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

             ผมหลับตาแน่นเมื่อสองขาถูกยกพาดกับลำคอแกร่ง บั้นท้ายที่ปวดระบมเพราะถูกนิ้วแหวกว่ายก่อนหน้านี้เกือบชั่วโมงทำให้ชาและน่าอายไปพร้อมๆกัน

“พี่เอก ลืมตาก่อน มองผม มองหน้าผม”

“ไม่เอา พี่อาย”

“ไม่อายสิ มองหน้าผม ผมอยากเห็นแววตาพี่เอก”

“อื้อออออ” ผมจุกจนสะดุ้ง จากความโรแมนติกที่ได้รับมาก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความโหดร้ายอย่างที่สุด ไม่อยากลืมตาก็ต้องเบิ่งค้างเมื่อส่วนแรกทะยานเข้ามาในร่าง ถ้าเห็นใบหน้าตัวเองตอนนี้คงไม่พ้นจะอ้าปากค้างและน้ำลายไหลยืด คุณต่อก็ยังจับจ้องผมอยู่อย่างนั้น วินาทีนี้คงจะต้องเลิกอายไปก่อน เพราะมันเจ็บมากจนร้องไม่ออก

“พี่เอก อย่าเพิ่งขมิบสิครับ มันแน่น”

“อื้อออออ” ผมพูดไม่ออก อยากจะตะโกนบอกว่าลองมาโดนเองไหมแต่ก็ทำไม่ได้ ตอนที่โดนนิ้วสอดเข้ามาว่าเจ็บแล้ว แต่มันไม่เจ็บเท่าตอนนี้ รู้สึกเหมือนมีอะไรฉีกขาดไปหมดด้วยแรงไหลครูดเข้ามา แข้งขาอ่อนแรงสั่นไปหมด หน้าร้อนและหายใจถี่คล้ายจะเป็นลม เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลจากหน้าผากลงไปที่ติ่งหู ผมหุบขาแต่ก็ถูกแยกด้วยอะไรก็ไม่รู้ นึกอยากให้ไอ้แข็งๆที่กำลังแทงมาเนี่ยออกไปพ้นๆ

“อึ๊ก” เจ็บบบบบบบ... ทำไมมันเจ็บขนาดนี้วะ ทีในหนังที่เคยดู ฝ่ายรับมันยังชิลๆไม่ว่าจะเจอขนาดไหน ผมก็คิดเองเออเองว่าคงไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก (ถึงแม้จะรู้ว่ามันเจ็บมากตอนที่อยู่บนเขาหลวงก็ตาม) คิดว่าถ้าค่อยๆทำ ค่อยๆเล้าโลมก็คงพอทนได้ แต่นี่

“อ๊าาาาาาา คุณต่อ โอว๊” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ว่าส่วนแรกที่รูปร่างเหมือนหัวเห็ดบานทะโร่มุดเข้ามาจนสำเร็จ น้ำตาไหลพรากเลยสิทีนี้ แถมไอ้ข้างในมันก็ขมิบยิบๆๆๆๆๆจนแสบไปหมด อึดอัดและแน่นคับจนดิ้นไม่ได้

“พี่เอก ผมรักพี่เอกนะครับ อื้อ”

“ย่ะ อย่าเพิ่งขยับ อ๊า” แน่นโว้ย จุกโว้ย เจ็บโว้ย “อะ เอาออกก่อนได้ไหม พะ พี่ จุก”

“พี่เอกไหวมั้ยครับ” ยังมีหน้ามาถามอีก ถ้าไหวจะขอให้เอาออกเหรอวะ

...ผมทำได้แค่ส่ายหัว รู้สึกว่าตรงนั้นมันบวมระบมไปแล้ว

“ผมขอโทษ ผมจะเอาออกให้” น้ำเสียงร้อนรนชวนให้สงสาร แต่ผมก็เจ็บจนแทบทนไม่ได้ ไอ้เจลหล่อลื่นที่เทแทบจะหมดขวดเหมือนไม่ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย แข้งขาที่แหกจนแทบจะแยกเป็นนักกายกรรมก็ตึงไปหมด ไม่รู้ว่ากล้ามเนื้อจะอักเสบด้วยอีกไหม

“อ๊าๆๆๆๆๆ” ผมสะดุ้งและร้องเสียงหลงเมื่อคุณต่อถอนตัวออก แต่...มันไม่ออก มันเหมือนโดนวงแหวนล็อกไว้ คุณต่อก็คงตกใจไม่แพ้กันเพราะเล่นดันตัวพรวดมาจนแน่นหนึบไปหมด

“ครึ่งนึงแล้ว” พ่อง... จะบรรยายทำไมไม่ได้อยากรู้มั้ย จะขาดใจตายแล้ว ยิ่งไอ้หัวเห็ดมันครูดๆเข้ามายิ่งหน่วงๆ ตึงไปหมดที่ปากทางเข้า ผมพยายามผงกหัวมองไปทางตรงข้าม

“เจ็บมากมั้ยครับ” จะให้ตอบไงดี สนุกมากเลย พี่ช๊อบชอบ งี้ปะ... ตอนนี้อยากจะให้มันจบๆไปเลย ลองสูดลมหายใจลึกๆแล้วพูดออกไปว่า

“ใส่เข้ามาเลยครับ”

“หะ”

“เร็วๆสิ เอามาให้หมด” ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอตายในหน้าทีก็แล้วกัน

             ผมเคยบรรยายรูปร่างคุณต่อแล้วใช่ไหม ว่าเป็นคนร่างสูงใหญ่ส่วนสูงน่าจะใกล้แตะ 190 อีกไม่กี่เซ็น แต่โชคดีที่หยุดสูงไปก่อน ด้วยความที่เป็นคนมีเงิน เลยสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างไม่ลำบาก กิจกรรมที่โปรดปราณอย่างหนึ่งคือการว่ายน้ำ ทำให้ช่วงบนของคุณแฟนแผ่กว้างอกสามศอก ด้วยสรีระที่สูงชะลูด บวกกับการดูแลตัวเองเสมอ ทำให้กล้ามเนื้อเรียงตัวสวยงาม ยิ่งกล้ามหน้าท้องไม่ต้องพูดถึง ซิกซ์แพ็กแน่นๆทั้งนั้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่ได้มีแต่ร่างกายที่กำยำใหญ่โตเท่านั้น ทุกอย่างของเขาดันมหึมาไปด้วยนี่สิ ผมเลยต้องทนนอนหายใจรวยรินอยู่อย่างนี้ ... ถ้ามัวแต่ปล่อยให้อะไรๆมันค้างคาครึ่งๆกลางๆต่อไป ผมนี่แหละคงจะชำรุดเข้าเสียก่อน

“พี่เอก” คุณต่อดูลังเล มองสลับไปมาระหว่างหน้าผมและหว่างขา

“จะเข้าไม่เข้า” มันจุกจนเหลืออดแล้วครับ เจ็บเกินทนแล้ว ขืนปล่อยนานไปคงหุบขาไม่ลงแน่ๆ ไอ้เอกภพเลยใช้แรงฮึดส่งสองแขนไปจับบั้นท้ายแน่นๆ ท่านี้มันพอจะให้ผมลุกขึ้นคล้ายจะนั่ง ยังดีที่พ่อเจ้าประคุณเอาหมอนมารองไว้เป็นตัวช่วย พอชันตัวมาแค่นั้นแหละลมแทบจับ ไอ้ที่เห็นมาตลอดว่าใหญ่โตมันดูน่ากลัวและเหมือนจะขยายใหญ่กว่าที่ผ่านมาเสียอีก ภาพน่าหวาดเสียวที่มันคาในตัวเราไว้ก็กลายเป็นภาพติดตาไปหลายวัน เมื่อทนมองไม่ไหวก็ต้องหลับตาและกระชับร่างคุณแฟนไว้ก่อนจะดึงให้ส่วนที่เหลืออัดเข้ามา

“อ๊อก....” ตาเหลือกเลยครับ ทั้งน้ำตาเอย น้ำลายเอยไหลเป็นสาย หน้าคงบิดเบี้ยวไร้จนขี้เหร่ไปหมด แต่มองใบหน้าที่เสียวซ่านและแดงก่ำของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นผัว(กระดากปากชิบ)แล้ว ผมก็ต้องใจอ่อนและยอมทน

...ถ้าไม่รักเนี่ย ไม่ยอมเจ็บตัวขนาดนี้นะ พูดไว้เลย....

“พี่เอก อ๊า ผมขยับนะครับ”

“จะทำอะไรก็ทำเถอะ” จุกแน่นไส้จะขาดแล้วโว้ย มันจะยาวไปไหน ทะลุไส้ติ่งแล้วมั้งป่านนี้

“ครับ” น้ำเสียงดีใจปิดไม่มิดรับคำก่อนจะโน้มตัวมาจูบ จังหวะนี้ทำให้สองขาผมโดนกดโน้มมาชิดลำตัวอีกพอสมควร บั้นท้ายเลยเหมือนเปิดทางมากขึ้น ไอ้ที่ปักทิ้งไว้ก็เหมือนจะเคลื่อนตัวเข้ามาอีกนิด

“อื้อ อื้อ อื้อ” ไอ้คุณต่อไม่รู้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน พอผมเคลิ้มจากรสจูบก็เร่งจังหวะพุ่งกระสวยไม่ยั้งจนตาพร่า ร่างกายผมเหมือนโดนตรึงจนขยับไม่ได้ ทั้งแขนล่ำที่ช้อนมาใต้รักแร้และสองขาที่โดนจับพาดที่ไหล่ ตัวหนาที่เคลื่อนมาประชิดขโมยจูบก็เหมือนเป็นเชือกมัดให้ผมต้องอยู่ท่านี้โดยมีเสียงเนื้อกระทบกันเข้าออกหนักหน่วง จะร้องห้ามก็ไม่ได้เพราะปากถูกปิดไว้ ได้แต่หลับตาแน่นปล่อยให้ร่างกายโยกไปมาตามจังหวะของท่านผู้นำ

“อื๊อ อื๊อออออออออออออ” ผมสะดุ้ง รู้สึกไหววูบเมื่อถูกความใหญ่โตทะยานเข้ามาสำรวจโลกลึกลับจนทะลุปรุโปร่ง เสียงครวญครางของพวกเราถูกกดไว้ในลำคอก่อนที่จะผละริมฝีปากจากกันโดยมีน้ำลายไหลเยิ้มหนืดคอยประท้วงไม่ให้จากไปไหน

“พี่เอก ผมเสียว พี่เอกแม่งโคตรดี”

“ดะ ดี พะ...” จะพูดว่า พ่อง ก็เกรงจะไม่เหมาะ ผมเลยต้องเงียบ แต่จังหวะเร่งเร้ามันทำให้อยู่นิ่งไม่ได้จริงๆ

“อ๊า คุณต่อ อ๊า พี่ อ๊า...”

“เสียวเหรอครับ” เกลียด...เกลียดน้ำเสียงและหน้าตาที่ดีใจจนเกินเหตุ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผู้ชายก็สามารถเสียวได้จากการถูกทำประตูแบบนี้ ยิ่งจังหวะที่คุณต่อจิ้มเข้าตรงจุดนั้นผมใจหวิวแทบจะร้องหวีด มันเหมือนใจจะขาดพ่วงด้วยอาการปวดฉี่ ยิ่งโดนย้ำๆก็ทำให้หน้ามืดไปหมด สติหล่นวูบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แถมเจ้าตัวก็เหมือนรู้ เน้นที่เดิมหนักๆจนบั้นท้ายอยู่เฉยไม่ได้ ต้องร่อนไปมาอย่างไม่กลัวจะตายในสนามรบ

“คุณต่อ อ๊า พี่ อ๊า...” ผมเสียวจี๊ด ความแน่นหนึบยังมีอยู่ แต่ความเจ็บมันลดลงเพราะความรู้สึกดีเข้ามาแทนที่ จะว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่น่าเชื่อถือ ให้ตายเถอะโรบิ้น... นี่คุณต่อจะเก่งไปซะทุกอย่างไม่ได้นะ เหลือพื้นที่ให้คนอื่นได้แจ้งเกิดบ้างเถอะ ผมล่ะเกลียดตัวเองที่รู้สึกดีจนต้องขยับบั้นท้ายไปไปมาตามจังหวะของคนรัก ยิ่งตอกย้ำ ยิ่งหนักหน่วง ยิ่งวาบหวามวูบวาบ

             แล้วทุกอย่างมันก็รัดทึ้ง แนบแน่น ซ่านสยิวจนสะกดกลั้นไม่ไหว คุณต่อลดเหลือจังหวะถี่ยิบก่อนจะดันแก่นกายที่แข็งขืนไว้ข้างในจนสุด ผมได้แต่ครางอย่างตกใจเมื่อไอร้อนพวยพุ่งฉีดพ่นความสุขสมเข้ามาในตัวอย่างกะเปิดก๊อกน้ำ บั้นท้ายหน่วงหนึบเหมือนมันดิ้นได้ พอทุกอย่างสงบคุณต่อก็ค่อยๆถอนกายออก

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา” ผมร้องครางยาวด้วยความเสียวปนเจ็บ ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเสียหายมากแค่ไหน ถ้ารู้ว่าจะเจ็บขนาดนี้นะ ผมคงห้ามทัพไว้แล้วล่ะ

พึ่บ...

“โอว๊ๆๆๆๆ” ผมร้องลั่นเพราะมันโล่งที่บั้นท้าย สองขาถูกวางชันไว้ เรี่ยวแรงจะหายใจแทบจะไม่มี ได้แต่มองคนร่างสูงเช็ดคราบที่ไอ้หัวเห็ดอย่างน่าตัดทิ้ง นอกจากจะไม่ก่อประโยชน์แล้วยังมาทำร้ายกันจนยับเยินไปหมด บั้นเอวผมปวดหนึบจากแรงอัดมหาศาลเมื่อกี้ ใจคอคุณต่อจะไม่ออมแรงเลยรึไง ผมน่ะสามสิบจะสามสิบเอ็ดแล้วนะ ตัวเองน่ะเพิ่ง 26 เรี่ยวแรงก็เลยยังมีเยอะ มีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้ง นึกว่าทหารกำลังซ้อมรบ จังหวะส่งแรงเข้ามาเหมือนกับดันพื้นจังหวะชะชะช่า... เป็นไงล่ะไอ้เอกเอ๊ย

“มองอะไร” ผมถามเมื่อสามีหมาดๆของตัวเองกำลังด้อมๆมองๆ

“สำรวจความเสียหาย”

“ไม่ต้อง” ผมอายจนหน้าแดง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขว้างหมอนใส่ ซึ่งพ่อตัวดีก็รับได้และยัดมันเข้าที่ใต้ก้น

“อูยยยย”

“ขอโทษครับ เจ็บเหรอครับพี่เอก”

“อื้อ” ผมไม่วางท่าแล้ว มันเจ็บจริง จุกจริง มองใบหน้าหล่อๆที่กำลังก้มๆเงยๆสำรวจตรงนั้นอย่างปลงตก

“ยังไม่หุบเลย” พูดแล้วทำหน้าทะเล้น

“คุณต่อ!” ผมเสียงดัง มันใช่เรื่องมั้ยเนี่ย คนยิ่งอายๆอยู่

“สวยดีด้วย”

“ไอ้คุณต่อ พี่จะโมโหแล้วนะ” เกลียดจริงๆนิสัยชอบแกล้งเราเนี่ย

“โอ๋ๆๆๆ ผมขอโทษ งั้นผมขอไถ่โทษละกัน”

“ห๊ะ ไถ่โทษ อะไร ยะ....อ๊า” ผมน้ำตาเล็ด เพราะการไถ่โทษของไอ้คุณต่อคือการจับผมแยกขาและใส่ความหนุ่มแน่นของตัวเองกลับไปที่เดิม

...จุกจนไม่รู้จะจุกยังไงแล้ว

ช่วยเอกภพด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

T____T

### ###

             ผมสะดุ้งตื่นอีกทีทุกอย่างก็มืดมิดไปหมดแล้ว ความปวดปร่าเล่นงานทั่วตัวตั้งแต่ซอกคอที่โดนเม้มดูดจนไปถึงก้นกบที่แทบจะไม่รู้สึกถึงมันอีกแล้ว ร่างใหญ่นอนกอดผมไว้อย่างทะนุถนอมราวกับว่ากลัวผมจะหนีไปอย่างงั้นแหละ ไออุ่นส่งผ่านมาพอให้ใจชื้นว่าไม่โดนฟันแล้วทิ้ง ผมขยับตัวเพราะอึดอัดแต่ก็ต้องหยุดเพราะตรงซอกน้อยมันฟ้องว่าบาดเจ็บสาหัส

“ตื่นแล้วเหรอครับพี่เอก จุ๊บ” ริมฝีปากเย็นๆขโมยจูบผมอย่างไม่ให้ได้ตั้งตัว

“ยัง หลับอยู่ หลับลึกด้วย”

“จริงเหรอ ลึกแค่ไหนครับ ลึกเท่าผมรึเปล่า”

“อะ ไอ้คุณต่อ” ผมได้แต่เขิน นึกถึงตอนที่มันลึกแล้วใจคอไม่ดีเลยครับ “อูยยยยยยย”

“พี่เอกเป็นอะไร”

“เจ็บสิถามมาได้ ใครใช้ให้ไถ่โทษมาตั้งสามยก” หมดกันตัวเรา โดนครั้งแรกผัวก็จัดหนักจนคุ้ม (ใช้คำว่าผัวทีไรก็กระดากปากทุกครั้ง)

“ก็พี่เอกน่ารักเอง ช่วยไม่ได้”

“ตรงไหน อูยยย”

“ทุกตรงแหละ แถมยัง...”

“พอ” ผมเอามือปิดปาก ไม่อย่างนั้นไอ้คุณแฟนคงสาธยายมาหมดเปลือกแน่ๆ

“เจ็บมากมั้ยครับ ผมขอโทษน้าาาาาาาา” ทีนี้ล่ะมาออดอ้อน ตอนทำล่ะไม่คิด ... คิดในใจครับ ไม่กล้าด่าหรอก

“ทนได้ โอ๊ย” นั่นไง ปากดี แค่ขยับก็เท่ากับเจ็บเจียนตายละ

“นอนเฉยๆก่อนครับ เดี๋ยวผมดูให้ว่าเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวพี่โดนอีก” ดูจากหน้าตาแล้วเหมือนจะไม่ได้ห่วงเราจริงๆ

“เบื่อคนรู้ทันจัง ใครใช้ให้พี่เอกเล่นตัวอยู่ได้ตั้งนานกันล่ะ ผมต้องจัดให้คุ้มสิ” แหม...ใช้คำว่าเล่นตัวเหมือนเราเป็นสาวน้อย

“ชิ” ไม่รู้จะต่อปากต่อคำยังไงครับ มันตึงๆไปหมด แถมเมื่อยขบไปทั้งตัวอีก

“หิวมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปสั่งอะไรมาให้กินเอามั้ย”

“ไม่ต้องหรอก” ผมรีบห้ามและผุดมานั่ง ไม่ใช่เจ้าหญิงนะที่มีผัวแล้วจะกลายเป็นง่อยให้ผัวช่วยเหลือ

“โอ๊ยยยยย” เชี่ย...เจ็บ ทำไมมันเจ็บขนาดนี้

“พี่เอก” น้ำเสียงร้อนรนทำให้ผมตกใจไม่แพ้กัน ท่าทางคุณต่อที่บอกว่าเป็นห่วงและห้ามดื้อทำให้ผมต้องนอนลงไปช้าๆ สองแขนล่ำคอยประคอง ... เออ ยอมเป็นเจ้าหญิงก็ได้วะถ้ามันจะเจ็บปวดเบอร์นี้ “นอนลงก่อนนะครับ อย่าเพิ่งขยับ เดี๋ยวผมไปหาข้าวและยามาให้”

“ยา” ผมงง “เอามาทำไมครับ”

“พี่เอกไม่รู้จริงดิ” ผมส่ายหัว ไม่มีใครป่วยซะหน่อย จะเอายามาทำไม “ก็ @#$%^&*(I*&^^%”

“อะ ไอ้คุณต่อ!” ผมได้แต่หน้าแดงตอนที่เจ้าตัวดึงใบหน้าที่โน้มมากระซิบกลับไปนั่งตัวตรงข้างเตียง หูแดงจนร้อนไปหมดแล้ว ไอ้การที่เขารู้มันก็ไม่แปลกหรอก แต่ทำใจไม่ได้จริงๆที่จะต้องโดนป้ายยาหรือกินยาไม่ให้มันระบมไปมากกว่านี้ อย่าว่าผมสำออยเลย พอคุณต่อออกห้องไปปุ๊บ ผมได้แต่ครางในลำคอเอาใบหน้าซุกหมอนด้วยความอาย แต่นั่นยังไม่ใช่เหตุผลหลัก ที่ต้องร้องเพราะมันเจ็บปวดมากจริงๆ ตอนนี้นอนคว่ำเป็นชีเปลือยให้ไอเย็นของแอร์เป่าหวังบรรเทาความเจ็บ มันไม่ได้ผลหรอก แต่ก็ยังรู้สึกเย็นๆมากกว่าจะร้อนวูบวาบเหมือนคุณต่อยังไม่ได้ดึงออก

....คิดแค่นี้ทำไมจะต้องหน้าแดงด้วยวะ!

             รูมเซอร์วิสนำอาหารมาส่งโดยมีมนุษย์แฟนจัดแจงทุกอย่าง ผมได้แต่นอนนิ่งเป็นผักให้เขาจับใส่เสื้อผ้า ป้อนข้าวป้อนยาก่อนจะเอามากอดราวกับตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล ใบหน้าผมร้อนผ่าวซึ่งมันไม่ได้เกิดจากความเขินอายเป็นแน่ เพราะตอนนี้ปวดหัวหนึบแถมยังเพลียกว่าที่ควรจะเป็นเสียอีก ท่าทางจะจับไข้ซะแล้วไอ้เอกภพเอ๋ย คุ้มมั้ยเนี่ย ทั้งเสียตัว ทั้งเจ็บแถมยังต้องมาป่วยอีก

“ผมขอโทษนะครับพี่เอก” คุณต่อเช็ดตัวให้ปากก็พร่ำไม่หยุด ได้ยินเสียงสำนึกผิดแล้วก็โกรธไม่ลง ก็เพราะรักไปแล้วนี่

“พี่ไม่เป็นไร” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง รู้สึกหนาวจนตัวสั่นเทาจนคุณแฟนต้องกลับมากอด ไออุ่นทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่อาการยังถือว่าหนัก

“นอนนะครับคนดี ผมอยู่กับพี่ตรงนี้นะครับ”

“อื้อ” ผมตอบรับด้วยสติที่เริ่มเลือนลาง “คุณต่อ ผมขออะไรอย่างหนึ่งสิครับ”

“ขออะไรครับคนดี” รู้แหละว่าแพ้ความอ้อนของเรา

“ผมอยาก” หนาวจัง ง่วงสุดๆด้วย เปลือกตาหนักจนลืมไม่ขึ้นแล้ว “ผมอยากเป็นผัวคุณต่อบ้าง...” แล้วสติผมก็หลุดลอยไป

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
โถๆๆๆ พี่เอกโดนครั้งแรกคุณต่อก็จัดหนักเลย คงอดกลั้นมานาน

แต่เรื่องอยากเสียบคุณต่อบ้าง น่าจะกดไม่ลงนะบอกเลย  :laugh:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
โถๆๆๆ พี่เอกโดนครั้งแรกคุณต่อก็จัดหนักเลย คงอดกลั้นมานาน

แต่เรื่องอยากเสียบคุณต่อบ้าง น่าจะกดไม่ลงนะบอกเลย  :laugh:


คุณต่อเก็บกด ฮ่าๆๆๆๆ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดไปเองว่า

ลุงเอก จะเทเล้าเป็ดเสียแล้ว หายไปนาน

พอกลับมา ลุงยอมตายในหน้าที่(ที่ชอบ)

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
คิดไปเองว่า

ลุงเอก จะเทเล้าเป็ดเสียแล้ว หายไปนาน

พอกลับมา ลุงยอมตายในหน้าที่(ที่ชอบ)


ลุงแกไม่ได้หายไปไหนครับ อาจจะยุ่งๆกับการดูแลสามีอยู่  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 35. คนขี้หึง

[ต่อพงษ์]

             บรรลัยแล้ว บรรลัยแล้ว ก็พี่เอกน่ะสิครับทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ก่อนจะหลับ ผมมองใบหน้าที่ใสซื่อไร้พิษสงที่นอนในอ้อมกอดอย่างใจคอไม่ดี เป็นใครจะยังใจเย็นอยู่ได้บ้างล่ะเมื่อภรรยาหมาดๆของเราดันขอทำหน้าที่ของเราด้วย บุรุษอย่างต่อพงษ์เป็นรุกอย่างเดียว เกิดมาไม่เคยต้องตกเป็นเมืองขึ้นของใคร แล้วจู่ๆพี่เอกผู้แสนดีดันเอ่ยปากออกมา

...แย่แล้ว ทำไงดี ---->>> (-____-)’’

   พี่เอกอาจจะแค่ง่วง เลยพูดไปอย่างนั้น แต่...ถ้าพี่เอกจริงจังล่ะ...แค่คิดก็สยองแล้ว...เอาไงดี ไอ้กรก็ไม่อยู่ น่าจะกำลังบินเข้าน่านฟ้าประเทศญี่ปุ่นอยู่ หรือไม่ก็กำลังสวีตกับวีณา โอย...ทำไมจะต้องมาไม่ว่างตอนที่ต้องการความช่วยเหลือกันด้วยครับ ผมพยายามสลัดความกังวลเพราะเนื้อตัวของภรรยาสุดที่รักร้อนเหมือนจะเป็นไข้ เลยต้องยุติการคิดสะระตะมาดูแลคนที่ไม่สบายทั้งคืน พี่เอกตื่นมาก็เพ้อว่าหนาวหรือไม่ก็หิวน้ำก่อนจะหลับไปอย่างไม่ได้สติ ตื่นมาอีกวันหนึ่งก็ไม่สนใจจะกินอะไรเพราะโอดโอยว่าเจ็บและก็เอาแต่นอนจนผมเป็นกังวล

   สุดท้ายผมก็ต้องยกเลิกทริปที่เหลือรีบขับรถพาคนป่วยเข้ากรุงเทพในอีกวันต่อมา อาการปวดเมื่อยของพี่เอกไม่ได้ลดลงเหมือนอุณหภูมิของร่างกาย เมื่อถึงมือหมอผมก็โดนเอ็ดตะโรไปหนึ่งชุด ยังดีว่าเป็นโรงพยาบาลของคนรู้จัก ไม่อย่างนั้นคงจะอายกว่านี้เป็นเท่าตัว ถูกอาหมอดุไม่มีการสะทกสะท้านเท่ากับเห็นอาการหน้าซีดปากสั่นของคนรัก

“จะบ้าเหรอต่อ ทำรุนแรงอะไรขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ ถุงยางก็ไม่ใช้อีก ไม่คิดจะเกรงกลัวโรคติดต่อบ้างเลยเรอะ” ผมได้ซึมเนื่องจากเถียงไม่ออก ทุกอย่างที่อาหมอพูดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ผิดเองก็ปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้พี่เอกแล้ว ยังไม่รู้จักป้องกันตัวทั้งคู่อีกต่างหาก

“ทำตัวเป็นเด็กน้อยไม่ประสาไปได้ห๊ะเราน่ะ เกิดติดโรคขึ้นมาไม่ใช่แค่แกนะที่เดือดร้อน” อาหมอดุอีกยกใหญ่ ที่ผ่านมาผมอาจจะไม่ได้แนะนำญาติให้รู้จักมากนัก เพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของผมกับพี่เอก แต่ตอนนี้แกเข้ามามีเอี่ยวด้วย ถ้าไม่พูดถึงก็คงจะดูไม่ดีเท่าไร

             อาหมอมีชื่อเต็มๆว่า พรรณราย มีศักดิ์เป็นน้องสาวแท้ๆของคุณพ่อ อย่าคิดว่าแกเป็นผู้ชายห่ามๆนะครับ อาหมอเป็นผู้หญิงสวยตามแบบฉบับคนจีน ผิวขาวเนียน ใบหน้ารูปไข่และรูปร่างผอมบาง ริ้วรอยบนใบหน้าบ่งบอกว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย แกแต่งงานแล้วก็เลิกกับบรรดาสามีทั้ง 3 และแว่วๆมาว่าจะมีคนที่ 4 เร็วๆนี้ ถ้าบรรดาลูกๆทั้ง 5 คนของคุณอาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผมไม่ขัดขวาง ลูกชายคนโตของอาหมออายุมากกว่าผมเสียอีก เพราะอาหมอแต่งงานไวเนื่องจากอากงอาม่าอยากให้รีบๆออกเรือนตามประสาคนจีนโบราณ ไม่ได้สนใจว่าลูกสาวมีวิชาความรู้เป็นถึงแพทย์หญิง

             หลังจากหย่ากับบรรดาสามี อาหมอก็ได้ค่าเลี้ยงดูมาไม่น้อย แต่ด้วยนิสัยลูกคนจีนที่อยู่ไม่สุข แกก็เลยยังมาทำงานที่โรงพยาบาลอยู่จนถึงทุกวันนี้ เลยกลายเป็นเรื่องโชคดีที่ผมไม่ต้องไปตอบคำถามของหมอท่านอื่น ถ้าพี่เอกรู้เรื่องว่าพาแกมาให้หมอตรวจบั้นท้ายคงจะโวยวายลั่นเป็นแน่

“อาการไข้เดี๋ยวก็หาย ตอนนี้ให้ยาปฏิชีวนะทางสายน้ำเกลือไปก่อน ถ้ารู้สึกตัวค่อยเปลี่ยนเป็นยาเม็ด” ผมได้แต่ครับ

“ทีหลังก็ระวังด้วยนะต่อ ทวารหนักมันไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นที่ทำอะไรกันแบบนี้ ยิ่งคนที่ไม่เคยด้วยแล้ว อายังว่าโชคดีนะที่ไม่ติดเชื้อ เดี๋ยวผลเลือดออกแล้วอาจะมาคุยด้วยอีกที” อาหมอพูดซะผมสำนึกผิดแทบไม่ทัน

“อีกนานมั้ยครับที่พี่เอกจะหาย...”

“หายน่ะหายแน่ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าอีกกี่วัน ทางที่ดีระยะนี้งดกิจกรรมหนักๆไว้ก่อนจนกว่าแผลจะแห้งสนิท ช่วงนี้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด คนไข้อาจจะมีอาการเลือดออกตอนขับถ่ายและอาจจะเจ็บมาก ต้องงดอาหารหนักๆด้วย”

“ครับอา”

“นี่แฟนเหรอ” อยู่ๆก็เปลี่ยนอารมณ์ซะงั้น

“ครับ”

“รักเค้ามากมั้ย”

“ครับ”

“รักมาก ก็ดูแลดีๆสิ รักเค้าแต่ทำไมทำเค้าเจ็บขนาดนี้ล่ะ” จ๋อยสิครับต่อพงษ์เอ๋ย ไม่เคยสำนึกผิดอะไรมากเท่านี้มาก่อนจริงๆ

             พี่เอกตื่นขึ้นมาในอีกวัน รวมแล้วแกหลับไป 3 วันเต็มๆจากอาการป่วย พอตื่นขึ้นมาก็บ่นปวดระบมไปทั่ว แถมตอนเข้าห้องน้ำยิ่งน่าสงสาร เพราะมันยังบวมและมีเลือดไหลออกมา กว่าจะดีขึ้นก็ปาเข้าไปในวันที่ 5

“พี่เอก กินข้าวต้มหน่อยนะครับ”

“ไม่กิน พี่เบื่อ” ท่าทางแกคงจะเบื่อจริงๆ วันๆมีแต่ข้าวต้ม โจ๊ก วนไปแทบทุกมื้อ

“กินก่อนนะครับ จะได้กินยา”

“...” ท่าทางคนป่วยจะเหม็นเบื่อเอาเสียจริง พลิกตัวนอนตะแคงงอเข่าหันหลังให้บ่งบอกว่าอย่าเซ้าซี้

“นะครับ” ผมใช้ลูกอ้อน แต่เหมือนจะไม่เป็นผล รายนั้นโวยวายผมตั้งแต่รู้ว่าพามาหาหมอ แถมยังมีพยาบาลคอยมาล้างแผลที่บั้นท้ายให้อีก ช่วงที่นอนหลับยังไม่มีอะไร แต่ช่วงที่ตื่นมาแล้วนี่สิ พี่เอกอายถึงขั้นหน้าแดงลามไปถึงใบหู ร่ำร้องขอพยาบาลผู้ชายมาทำแทน แต่ผมสกัดไว้ ไม่ไว้ใจให้ผู้ชายหน้าไหนมาเห็นก้นเมียผมทั้งนั้นแหละ

“ไม่กิน” แกคงงอนที่ผมไม่ยอมให้เปลี่ยนพยาบาล

“ไม่กินก็ไม่กิน ถ้าไม่หายก็ต้องเปิดตูดให้พยาบาลสาวๆมาเช็ดแผลไปอีกนานเลยนะครับ”

ครืดดดด ... เสียงล้อเลื่อนของรถรองจานขยับไปใกล้ตัวคนที่บอกว่าไม่เมื่อครู่ก่อนจะใช้มือตักกินด้วยใบหน้าเบื่อสุดขีด

“อยากกินส้มตำ อยากไปเตะบอล อยากออกจากโรงพยาบาล” บ่นอุบแบบนี้มาหลายวันจนผมชินซะแล้ว

“พี่เอกต้องรักษาตัวให้หายก่อน หายแล้วค่อยว่ากัน”

ควับ!...นั่นไง ใบหน้าอาฆาตแววตามาดร้ายพร้อมตัวหนังสือที่เขียนเต็มสีหน้าว่า ... ที่เป็นแบบนี้เพราะใครล่ะ

...อย่างอนนานนะครับ ผัวกลัวแล้ววววว...


### ###

[เอกภพ]

             อาการบาดเจ็บใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ ผมร่ำร้องออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่อาทิตย์แรกและมารักษาตัวเองที่บ้านโดยมีไอ้คุณต่อดูแลอยู่ไม่ห่าง ความจริงแล้วผมไม่ได้โกรธที่เขาทำผมจนนอนซมหรอกครับ แต่ที่เคืองเพราะว่าดันพาไปนอนโรงพยาบาลที่อาหมอเป็นรองผู้อำนวยการ แถมยังมีพยาบาลสาวๆสวยๆคอยมาดูแลทำแผลให้ไม่ขาดสาย ไม่เหลือแล้วภาพพจน์ผู้ชายแมนๆที่สั่งสมมา ใครเห็นก็คงรู้ว่าอะไรคือสาเหตุของอาการบาดเจ็บนี้ แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือ ผมจะต้องทำหน้าอย่างไรถ้าถึงเทศกาลรวมญาติของคุณต่อช่วงตรุษจีน ไหว้บรรพบุรุษ พี่ๆน้องๆต้องแห่แหนมากันเนืองแน่น รวมไปถึงอาหมอพรรณรายด้วย ผมมองหน้าแกไม่ติดแล้ว

TT___TT  ----->>> อยากจะร้องไห้

“วันนี้ผมอาจจะกลับดึกนะครับ ที่บริษัทมีงานเลี้ยง” งานเลี้ยงอีกละ เลี้ยงอะไรกันนักหนา

“ครับ” ตอนนี้ร่างกายผมเริ่มเข้าที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย ตอนเดินก็ยังขาเบียดหน่อยๆ มันเหมือนมีอะไรติดตูด

“พี่เอกไม่ต้องไปส่งก็ได้ พักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมขับรถไปเอง”

“...” ให้กระผมตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวทำไมฟะ!

“อย่าลืมกินยาให้ตรงเวลาด้วยนะครับ” ว่าแล้วพ่อตัวดีก็มาหอมแก้มก่อนไปทำงาน ผมนั่งเบื่อหน่ายที่บ้านสุดแสนวังเวงอย่างไร้อารมณ์ พอไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองก็เหมือนชีวิตมันขาดอะไรบางอย่างไป รู้สึกหวิวโหวงจนอยากจะหาอะไรมาทำคั่นเวลา


### ###

             กว่าผมจะกลับมาเป็นปกติก็ใช้เวลาพอสมควร แต่ความจำปลาทองแบบเอกภพนั้นก็ลืมนับไปเลยว่าใช้เวลากี่วันกันแน่ คุณต่อก็คอยดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องงดกิจกรรมอย่างว่าเอาไว้ก่อน มากที่สุดก็แค่กอดจูบและผลัดกันตามประสาคู่รัก ถามว่าเข็ดไหม ตอบเลยว่าเข็ดและกลัว แต่จะทำยังไงได้ล่ะ รักเขาไปแล้วนี่

             กิจกรรมที่ผมชื่นชอบอย่างหนึ่งก็คือการออกไปเตะฟุตบอล หลังจากที่มาทำงานกับคุณต่อก็ไม่มีโอกาสได้ไปวิ่งไล่ลูกกลมๆที่สนามใหญ่ใกล้บ้านอีกเลย มากที่สุดก็แค่ไปจองสนามฟุตซอลแถวออฟฟิศและนัดกับขาประจำที่เป็นพนักงานในบริษัทนั่นแหละ ระยะหลังมานี่ผมห่างหายไปจากวงการลูกหนัง 5 คนหลายเดือน จากภาระกิจหลายๆอย่าง(รวมไปถึงนอนซมที่โรงพยาบาลด้วย) วันนี้เลยนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะกลับไปใช้กำลังขา

             โดยปกติแล้วคุณต่อจะร่วมวงด้วย แต่อย่าคิดนะครับว่าพวกพนักงานออฟฟิศจะอ่อนข้อให้ มีแต่จะพยายามรุมสกรัมเสียมากกว่าคล้ายกับว่าเก็บกดกับการสั่งงานของเจ้านายอย่างนั้นแหละ ที่คุณต่อต้องไปด้วยก็เพราะผมเป็นคนขับรถให้ วันไหนที่ผมอยากออกกำลังกายแต่ขี้เกียจเข้ายิมก็ต้องเปลี่ยนมาเล่นฟุตซอลแทน แรกๆคุณต่อก็เก้ๆกังๆเนื่องจากอ่อนซ้อม พอนานวันเข้าก็พัฒนาฝีเท้าจนเข้าขั้นเก่งเลยทีเดียว

“คุณต่อครับ เย็นนี้พี่จะไปเล่นฟุตซอลนะครับ” เป็นปกติของมนุษย์แฟนที่ตัวติดกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ตอนเช้าที่ยังนอนในอ้อมแขน ผมก็เอ่ยปากออกมาก่อน คุณชายหาวอ้าปากกว้างก่อนจะเอาปากมาซุกที่ซอกคอ ดอมดมจนขนลุกไปหมด

“แต่เย็นนี้ผมไม่ว่างอ่า” เสียงงัวเงียด้วยอาการงอแง คุณต่อไปออกงานอีกแล้วครับ ซึ่งตอนนี้แกกันผมไม่ให้ไปด้วยแล้วเพราะกลัวจะโดนผู้ชายแทะโลมอีก ไม่รู้จะขี้หวงไปไหน (จริงๆผมก็ขอเองแหละว่าไม่อยากไป)

“ไม่เป็นไร พี่ไปส่งคุณต่อแล้วก็ไปเองได้”

“แต่ผมก็อยากไปกับพี่เอกนี่นา” พ่อคนขี้อ้อนกระชับอ้อมกอดจนแน่นไปหมด ผมนอนหันหลังให้เป็นประจำเพราะเป็นท่าที่คนกอดจะถนัด พวกเราต่างก็ตัวโตกันทั้งคู่ ต้องคอยจัดท่าทางให้เหมาะเจาะกัน

“แต่คุณต่อติดงานนี่ครับ”

“ใครไปบ้างอะ” เสียงยังงัวเงีย เพราะตอนนี้เพิ่งจะ 06.30 น.

“ก็เจ้าเดิมๆ ผมยังไม่ได้เช็กในเฟซบุ๊กเลย”

“เดี๋ยวนี้ทันสมัยนะเนี่ย” ผมได้แต่ยิ้ม ต้องขอบคุณคุณต่อนี่แหละที่สอนวิธีใช้งานพวกโซเชี่ยลมีเดียต่างๆจนผมใช้งานจนคล่อง โดยส่วนใหญ่พวกเราจะนัดกันทางกลุ่มไลน์ แต่ถ้าคนไม่ครบผมหรือสมาชิกก็จะโพสต์หาสมาชิกทางเฟซบุ๊ก นัดแนะเวลาและสถานที่ จากนั้นก็ไปเจอกันที่สนามในตอนเย็นเลย

“แน่นอน อย่าลืมสิ นี่เอกภพนะครับ”

“หรา”

“ไม่เอาคุณต่อ” รายนี้ชอบเล่นที่เผลอ พอผมปล่อยช่องก็เอาหน้ามาซุกไซร้ที่ซอกคอและจับเอกน้อยที่มันชอบผงาดในตอนเช้าจนตัวอ่อนระทวยไปหมด แถมด้านหลังยังมีของแข็งๆทิ่มที่บั้นท้ายอีกด้วย อะไรจะพร้อมรบขนาดนี้

“ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ทำตัวน่าหมั่นไส้เหรอ นี่แน่ะ” ผมได้แต่ร้องขอชีวิตเพราะไอ้คุณแฟนเล่นรุกมาประชิดตัวพรมจูบไปทั่วจนสั่นสะท้านไปหมดแล้ว ผู้ชายจะรู้กันดีว่าเราจะเคารพธงชาติกันทุกวันเป็นเวลา ยิ่งเป็นเวลาที่เราอยู่กับคนที่เรารักด้วยแล้ว แค่ได้กลิ่นเราก็มีอารมณ์ร่วม ไม่ต้องถามหรอกว่าเช้านี้จะจบยังไง ผมน่ะมีแต่เสียกับเสีย

“ไปอาบน้ำเลย” ผมผลักคนตัวใหญ่ที่นอนทับออกไป เหงื่อเต็มตัวเลยจากการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อครู่ กลิ่นตัวของพวกเราโชยปะปนกันในอากาศผสมกับกลิ่นความสุขสมของผมที่โดนคุณต่อจัดให้แต่เช้า

“ไปอาบด้วยกันนะ” ไม่ต้องคิดจะใช้น้ำเสียงออดอ้อนเลยนะ ไม่หลงกลหรอก แล้วไม่ต้องทำตาหวานซึ้งด้วย ไม่มีทางที่คนอย่างเอกภพจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับคำเชื้อเชิญแน่นอน

“ก็ได้” ... ดีแต่ปากจริงๆ


### ###

             สนามฟุตซอลอยู่ไม่ห่างจากออฟฟิศและบ้านคุณต่อเท่าไรนัก คะเนคร่าวๆก็อยู่กึ่งกลางระหว่างสองจุดนี้พอดี วันนี้คุณต่อมีงานเลี้ยงต้องออกจากบริษัทตั้งแต่บ่ายสามเพื่อไปแต่งตัวทำผมอะไรไม่รู้สารพัด เดิมทีคุณต่อจะแต่งตัวมาจากบ้านเพื่อร่วมงานตอนเย็นเลย แต่ระยะหลังๆอากาศมันร้อนจนเจ้าตัวอยากจะกลับไปอาบน้ำอาบท่าที่บ้านแล้วค่อยออกมาอีกที

             งานเลี้ยงคืนนี้เป็นงานเปิดตัวอะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่คุณต่อเห็นชอบคำขอของผมที่บอกว่าไม่อยากออกงาน บวกกับความขี้หวงของเขาเอง ผมเลยรอดตัวไม่ต้องโดนควงไปด้วย ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าแต่ละงานที่ไปคืองานอะไร หลังจากจอดรถไว้ที่โรงแรมที่จัดงานผมก็คว้าเป้และพุ่งตัวไปขึ้นรถไฟฟ้า ถึงที่สนามก็ทันเวลาพอดี

“ไงพี่เอก มาไวเป็นด้วยโว้ย” เสียงผองเพื่อนทักทายมาครับ พวกนี้เรียกผมว่าพี่กันหมดเพราะเกรงใจสถานะแฟนเจ้านาย ตอนแรกๆเรียกคุณเอกจนผมเกร็งทำตัวไม่ถูก หลังๆมาก็ปรับเปลี่ยนเลยทำให้สบายใจและสนิทกันมากขึ้น

             ใช่แล้วครับ คนที่ออฟฟิศรู้กันทั่วแล้วว่าผมกับคุณต่อเป็นอะไรกัน แต่ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าพวกเขาจะพูดถึงผมในแง่ไหนบ้าง เนื่องจากเราไม่ใช่คนที่อยากรู้ไปเสียทุกเรื่อง ใครจะเอ่ยถึง นินทา ชื่นชมหรืออะไรก็ตามสบายเลยครับ เพราะทุกวันนี้เอกภพสบายดี แฟนก็หล่อดูแลดี แถมยังรักและหลงจนโงหัวไม่ขึ้นอีกต่างหาก

....มั่นใจมาก #ยืดอก #ชูคอ....

“ต้องรีบมาดิ เดี๋ยวไม่ทันได้เล่น ได้สนามยัง” ผมตอบและถามคนในทีม

“เรียบร้อยพี่ วันนี้เรามาแค่ 5 นะ รวมพี่ด้วยก็ 6 คนที่เหลือว่าจะตามมา ตอนนี้ต้องจอยทีมอื่นไปก่อน” ปกติจะมากันเป็นสิบ

“ไม่มีปัญหา” ผมถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนชุดกลางสนามนี่แหละ ตอนที่คุณต่อมาด้วยไม่มีทางได้ถอดตรงนี้หรอกต้องไปเข้าห้องน้ำลับตาคนทั้งๆที่คนที่มาก็ผู้ชายทั้งนั้น ไม่มีใครสนใจจะมาส่องก้นผมเหมือนไอ้คุณแฟนเลยสักคน

             หลายคนคงจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับฟุตซอลแล้วนะครับ ผมขอข้ามเนื้อหาไปละกัน หลังจากที่ไม่ได้ซ้อมมาเป็นเดือนทำให้รู้ว่าสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงจริงๆ เล่นไปแค่ 10 นาทีก็เหนื่อยจนก้าวขาแทบไม่ไหว เราจะเล่น 2 ครึ่ง เวลาครึ่งละ 20 นาที แต่ตอนนี้ผมอยากจะขอเปลี่ยนตัวซะแล้ว...บัดซบสิ้นดี

“พี่เอก วิ่งหน่อยพี่” ผมโดนกระตุ้นจากเพื่อนร่วมทีม ระยะสนามมันก็ไม่ได้กว้างเหมือนสนามใหญ่ แต่การที่วิ่งไปวิ่งมาเหงื่อท่วมตัวก็ทำให้หายใจติดขัดเลยทีเดียว

“พี่เอก จ่ายมาทางนี้” ผมส่งบอลไปตามเสียง จะเลี้ยงต่อก็ไม่ไหวเนื่องจากฝั่งตรงข้ามตามประกบเบียดไปมาแทบจะล้มหลายรอบ พอส่งบอลไปก็โดนเสียบ

โครม! .... ล้มเลยเรา

“เจ็บมั้ยครับ” เสียงหนึ่งถามและยื่นมือมาให้จับเพื่อฉุดขึ้น ด้วยสปิริตผมก็ยื่นมือไปจับและลุกขึ้นมา

“ไหว” ต้องกลั้นใจตอบ ดีที่จังหวะสกัดไม่แรง แข้งขาเลยไม่พลิกหรือพิการ (อันนี้ก็ว่าเกินไป)

“โทษด้วยนะครับ”

“สบายๆ” ผมชูนิ้วโป้งให้เพื่อบอกว่าโอเค ก่อนจะกลับไปวิ่งเตะจุดโทษ และผมก็ตีเสมอให้ทีมได้!

             ช่วงเวลาพักครึ่ง ผมขอเปลี่ยนตัวแทบจะทันที พี่ๆน้องๆในทีมต่างก็เห็นด้วย เพราะท่าทางของผมเหมือนคนจะขาดใจตายเสียให้ได้ ช่วงครึ่งหลังเลยมีเวลาพักนั่งชมการแข่งขันข้างสนาม ก่อนจะมีใครคนหนึ่งมานั่งข้างๆ

“นั่งด้วยคนนะครับ” ผมมองไปตามเสียง คนเดิมที่เสียบผมจนล้ม

“เอาสิครับ”

“พี่เพิ่งมาเหรอครับ ผมเพิ่งเคยเห็น” ผมไม่ได้หันไปมองเขาแบบเต็มที่ เพราะมัวแต่ยกขวดน้ำมาซดและใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดตามใบหน้าและลำคอ

“จะว่างั้นก็ได้ ก่อนหน้านี้พี่มาบ่อย แต่เดือนที่แล้วยุ่งๆเลยไม่ได้มาเลย”

“อ่อ มิน่าล่ะถึงไม่เคยเจอกัน”

“น้องมาเล่นบ่อยเหรอ” ในเมื่อเขาชวนคุย ผมก็เลยต้องรักษามารยาท

“ผมเพิ่งมาเองครับ”

“อ้าว นึกว่าขาประจำ”

“จริงๆผมเล่นอีกสนามนึง แต่ช่วงหลังเพื่อนย้ายมาที่นี่น่ะครับ” ผมร้องอ๋อและพยักหน้ารับคำ

“เออ ผมชื่อจีโอ้นะครับ พี่ล่ะ”

“เอก พี่ชื่อเอกครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่เอก” เป็นครั้งแรกที่ผมมองหน้าจีโอ้ตรงๆชัดๆจากการที่ยื่นมือมาเพื่อจับ จีโอ้เป็นผู้ชายผิวขาวระดับคุณต่อพงษ์เลยก็ว่าได้ ใบหน้าหล่อรูปหน้าเรียวคิ้วหนาและดวงตาชั้นเดียวที่ดูโตรับกับโครงหน้า จมูกโด่งเป็นสันจนน่าอิจฉา รูปร่างผอมและสูงใกล้เคียงกับผม ลักษณะท่าทางดูเจ้าชู้แพรวพราว แต่ก็เหมือนคนถ่อมตัวไปในที มองจากใบหน้าก็รู้ว่ายังเด็กมากน่าจะเพิ่งเรียนจบหมาดๆ

“ยินดีเช่นกันครับน้องจีโอ้”

“พี่มาเล่นที่นี่บ่อยมั้ยครับ” เหมือนจะเคยถามแล้วนะ แต่ผมก็ยังตอบ

“ปกติก็อาทิตย์ละ 2-3 วัน แล้วแต่วันไหนว่าง ถ้าเจ้านายไม่ว่างพี่ก็ไม่ได้มา”

“ต้องรอเจ้านายว่างด้วยเหรอครับถึงจะมาได้” น้องเขาตั้งข้อสังเกต

“อ๋อพอดีพี่ต้องขับรถพาเจ้านายไปโน่นมานี่น่ะ ถ้าวันไหนเค้าไปไกลๆพี่ก็ไม่ได้มา”

“อ๋อ เท่ห์จัง”

“เท่ห์ตรงไหน คนขับรถเนี่ยนะ” ผมขมวดคิ้ว

“อื้อ พี่เอกน่ะเท่ห์ ทำอะไรก็เท่ห์ไปหมดแหละ” หืม พูดจากำกวม อยู่ๆก็มาชมเรา คงจะไม่คิดจะจีบเราหรอกนะ น้องเอ๋ย ดูเบ้าหน้าพี่ด้วยไม่ได้หล่อพิมพ์นิยมนะครับ พี่น่ะหล่อแบบหายาก (หมายความว่าความหล่อของพี่น่ะหายาก)

“พี่เอกครับ”

“ครับ”

“ขอไลน์ได้มั้ยครับพี่ เผื่อวันไหนจะมาก็ไลน์บอกกัน” โอ้โห นี่ถ้าไม่ใช้ผู้ชายแมนๆมาขอเนี่ย ผมคงคิดแล้วว่าน้องจะมาจีบ

“ดะ ได้ดิ” ผมหยิบมือถือขึ้นมา พวกเราแอดไลน์กัน

ตึ๊ง! เสียงไลน์ของผมดังขึ้นเพราะจีโอ้ส่งข้อความมา

“เห้ยไอ้โอ้ มาแทนทีซิ” เสียงเพื่อนของน้องตะโกนเรียก จีโอ้เลยขอตัวและวิ่งกลับเข้าไปในสนาม จังหวะการเล่นของน้องดูดีและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งวัยหนุ่มที่เอกภพวัยใกล้ 31 เห็นแล้วอิจฉา พอจบครึ่งหลัง พวกเราก็แพ้ไปแค่ประตูเดียว

             หลังจากพักผมก็ลงเล่นต่อในเกมที่ 2 และก็เช่นเคย ลงได้แค่ครึ่งแรกก็หมดแรงอ่อนเปลี้ย ยังดีที่น้องๆที่ออฟฟิศตามมาจนตัวเล่นก่อนหน้านี้ได้พักบ้าง ใครบอกว่าเล่นฟุตซอลแค่ 40 นาทีไม่เหนื่อย ผมล่ะขอเถียงใจขาด ยังนึกนับถือกลุ่มน้องจีโอ้ที่ลงวิ่งได้สองเกมติด แถมเอาชนะไปได้อีก







ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
RRRRRRRRRRRRRRR

“ครับคุณต่อ” ผมรีบรับสายที่โทรมา เวลาผ่านไปจนเกือบสามทุ่มแล้ว

[เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ย]

“สุดๆ”

[เหนื่อยก็พักบ้างนะครับ อย่าหักโหม หมอห้ามทำกิจกรรมหนักๆ เพิ่งจะหายเอง] น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ขั้นสุด

“อะไรคุณต่อ ห้ามแซวนะครับ” ใจคอจะทำให้ผมหน้าแดงคาสนามรึไง “คุณต่อจะกลับหรือยังครับ”

[ใกล้ละ เดี๋ยวผมวนไปรับที่สนามนะ]

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกลับเองดีกว่า”

[ไม่ได้หรอก]

“ทำไมไม่ได้ล่ะครับ”

[ก็เพราะตอนนี้ผมอยู่ข้างหลังพี่แล้วไง]

   ผมหันขวับ เห็นคุณแฟนตัวสูงใหญ่ใส่สูทเต็มยศ แต่งทรงผมอย่างดีขับใบหน้าหล่อให้ยิ่งเด่น ไม่แปลกหรอกที่หลายๆคนในสนามต่างพากันมองมาทางนี้ เพราะคุณต่อดูเหมือนดาราที่หลุดมาจากทีวีเสียจริง อ้อ ... ผมลืมบอกไปนะครับว่าที่นี่มีหลายสนามครับ แยกโซนกันไปคนเลยเยอะ ....

“ทำไมเลิกไวจังเลยครับ” ผมถามแก้เก้อ ถ้าจะยิ้มให้ขนาดนี้อุ้มผมกลับบ้านเลยเถอะ

“ก็คิดถึงแฟนอะครับ เลยรีบมาหา”

“หืมมมมมมม” โอ้ มาย ก้อด ... เอกภพตายคาที่เลยครับ

“คุณต่อมารับพี่เอกเหรอครับ” พี่ๆน้องๆในทีมที่นั่งอยู่รอบๆต่างหันมาทักทายเจ้านายอย่างเป็นกันเอง คงเป็นเพราะสนิทกันระดับหนึ่งแล้ว

“โห พี่เอกคือยอดคนจริงๆ ถึงขั้นให้คุณต่อมารับถึงที่”

“มึงน่ะแซวมากๆ ระวังโดนตัดโบนัสนะ”

“เออ ตัดมันเลยนะครับคุณต่อ” เสียงแซวและเสียงหัวเราะของกลุ่มเราค่อนข้างดัง คุณต่อไม่ได้ถือสาหาความอะไรจากคำพูดหยอกเล็กน้อย แกเคยบอกว่าดีเสียอีกที่ทุกคนเข้าใจและไม่รังเกียจผม ตอนนั้นผมยังถามเลยว่าเขาจะรังเกียจผมทำไม ผมไม่ได้เป็นฆาตกรโรคจิตนี่นา ... แล้วคุณต่อก็หัวเราะ

“คุณต่อมาก็ดี เมื่อกี้นะผมเห็นมีคนมาขอไลน์พี่เอกด้วย” อ้าว เช็ดเคร็ก!

“ใคร” นั่นไง น้ำเสียงที่เฮฮากลายมาเป็นดุดันซะแล้ว ปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

“ไม่มีอะไรหรอก น้องเค้ามาเสียบพี่จนล้มเลยมาขอโทษน่ะ”

“ขอโทษอะไรมีขอไลน์ด้วย” น้องๆในทีมต่างแยกย้ายเพราะรู้ดีว่าเจ้านายคนนี้น่ะขี้หวงมาก ทิ้งระเบิดไว้แล้วให้กูเก็บกวาดสินะ

“น้องเค้าบอกว่าจะได้นัดกันมาเตะบอล”

“คนไหน” นั่นไง ไม่ยอมจบจริงๆ อยากตบกบาลไอ้คนฟ้องจังเลย ไอ้เราน่ะไม่ได้คิดเกินเลยหรอก แต่คนของเราน่ะขี้หวง

“คนโน้น” ผมชี้ไปทางจีโอ้ที่ถอดเสื้อโชว์กล้ามแน่นๆวิ่งไล่บอลในสนาม แววตาคุณต่อมองอย่างไม่สบอารมณ์

“....”

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณต่อ กลับกันเถอะ” คนตัวสูงยังยืนนิ่ง แววตาเคร่งขรึมไม่หยุดจ้อง จีโอ้ที่ส่งบอลให้เพื่อนก็ชลอฝีเท้าและวิ่งเหยาะๆในสนาม คนเราน่ะเหมือนมีสัญชาติญาณกันนะครับว่ามั้ย ถ้ามีใครมาจับจ้องเรานานๆเราก็จะรู้สึกอึดอัดและรับรู้ได้ เช่นเดียวกับคนที่โดนมอง เขาสบสายตากับคุณต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะยิ้มและโบกมือให้ผมที่ยืนข้างๆ...โอย เหมือนโดนสุมไฟยังไงก็ไม่รู้

“กลับกันเถอะครับ” คุณต่อมองอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะคว้าข้อแขนผมให้เดินตามไปอย่างเงียบเชียบ

             พอถึงในรถ บรรยากาศก็ยังดูอึมครึมจนสัมผัสได้ จากที่ไม่คิดอะไรก็เริ่มจะคิดละว่าแฟนของเราเนี่ยขี้หึงขี้หวงเกินไปไหม ผมไม่ได้คิดแล้วนอยด์หรือว่าจะหงุดหงิดอะไรนะครับ แค่ไม่อยากให้คุณต่อไม่สบายใจมากกว่า เพราะผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับน้องที่ชื่อว่าจีโอ้เลยแม้แต่น้อย หรือจะพูดให้ตรงประเด็นก็คือ ผมไม่ได้รู้สึกว่าผู้ชายคนอื่นจะมีอะไรที่น่าดึงดูดเท่าแฟนเด็กที่นั่งหน้าบูดคนนี้เลยสักคน ยิ่งคุณต่อคิดมาก ก็จะเครียดมาก ผมไม่อยากให้เรื่องของผมมาเป็นประเด็นหลักทำให้ในหัวต้องคิดโน่นคิดนี่ แค่เรื่องงานทุกวันนี้คุณต่อก็เหมือนลงไปต่อสู่ในสงครามแล้วครับ จะให้มาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องแฟนตัวเองอีกก็ใช่ที่

             ผมเร่งแอร์เพื่อหวังให้อากาศเย็นๆช่วยดับความงุ่นง่านของคุณต่อไปได้บ้าง สภาพผมตอนนี้คือเหงื่อท่วมตัวเนื่องจากไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนทุกครั้ง พ่อตัวดีน่ะสิครับคว้าแขนลากมาขึ้นรถโดยไม่สนใจว่าจะเหม็นเปรี้ยวแค่ไหน พอมานั่งในรถแล้วก็นิ่งเงียบไปซะดื้อๆ

“คุณต่อ ไม่ออกรถเหรอครับ” ผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“พี่เอก รำคาญผมมั้ยอะครับ” หืมมมม อยู่ๆทำไมถามแบบนี้

“พี่จะรำคาญคุณต่อเรื่องอะไรล่ะครับ”

“พี่ไม่รำคาญผมจริงนะ ทั้งๆที่ผมงี่เง่าขี้หึงไม่เข้าเรื่อง” ออ ที่เงียบไปเพราะกำลังคิดเรื่องนี้เองหรอกเหรอ

“คุณต่อหึงได้” ผมอ้อมแอ้ม

“พี่เอกว่าอะไรนะครับ” เจ้าตัวหันมาสบตาเป็นครั้งแรก ลานจอดรถมืดแสงไฟสลัวอยู่ไกลลิบๆ ชวนบรรยากาศเป็นใจอีกละ

“พี่บอกว่า คุณต่อมีสิทธิ์หึงพี่ได้ครับ ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่รึไง”

“ใช่ครับ ใช่” ทีงี้ล่ะหน้าบานเชียวครับก่อนจะคว้าคอผมไปฟัดหอมๆจูบๆพัลวัน

“ไม่เอาคุณต่อ พี่ตัวเหม็น”

“ไม่เห็นเหม็นเลย หอมออก ได้กลิ่นแล้วคึกคัก ฟอดดดดดดดดดดดด” หอมจะแก้มจะช้ำไปหมดแล้วโว้ยยยยยย

“โอยยยย คุณต่อ ไม่เอ๊า” ผมพยายามดันแต่อีกฝ่ายก็ยื้อ แถมยังจับมือผมไปจับอะไรบางอย่างที่พาดตัก

“เห็นมั้ย ว่ามันคึก” ผมหน้าแดง ไม่คิดว่าแฟนเด็กจะหื่นได้ขนาดนี้

“คุณต่อ! หยุดเลยนะ” ผมชักมือออกแต่ก็โดนตะปบไว้แน่น

“ห้ามปล่อย ไม่งั้นผมจะไม่หายงอนเรื่องไอ้เด็กนั่น” เอาแล้วไง จะให้งอนต่อถึงบ้านแล้วค่อยเคลียร์ หรือว่าแค่จับเกียร์พ่อคุณไปเรื่อยๆตามคำสั่งดีหว่า....

....แล้วผมก็กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย....

             คุณๆที่อ่านมาตลอดคงจะนึกในใจว่า ทำไมอีตาเอกเนี่ยมันยอมคุณต่อตลอดเลย แน่ล่ะว่าผมเป็นคนใจอ่อน แต่ที่มากไปกว่านั้นคือผมดันไปตกหลุ่มรักเขาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จากที่คิดมาตลอดว่าตัวเองน่ะเป็นชายแท้ แมนทั้งแท่ง แต่การโดนคุณต่อตามหยอดตามตื๊อและคอยดูแลมาตลอดเลยทำให้หลวมตัวไปจนได้ พอรักไปแล้ว ผมก็อยากดูแลรักษาไว้ให้ดี อะไรที่ยอมได้ก็ยอม อันไหนที่ไม่ยอมก็ต้องคุย

             การที่ผมเป็นคนห่ามๆประมาณหนึ่ง เลยทำให้ไม่มีบทรักออดอ้อนออเซาะให้ฟินมากนัก มันค่อนข้างเขินนะที่จะต้องมาเขียนอธิบายเวลาที่คุณต่อมาอ้อน ออเซาะหรือเอาคางมาถูไถที่ลำคอ หรือแม้กระทั่งตอนที่ผมนอนหงายและคุณต่อก็พลิกมานอนคะแตงเอาหน้าซุกที่หน้าอกผมแล้วถูไถใบหน้าไปมาจนจั๊กจี้ เวลาที่นอนกอดกัน หรือนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ มันเป็นมุมที่ผมรู้สึกสบายใจ แต่ก็เขินอายทุกครั้งที่จะเขียนมันลงไป

“พี่เอก พี่เอก”

“ครับ” ผมสะดุ้ง คิดอะไรไม่รู้เรื่อยเปื่อย

“เหม่ออีกแล้วนะ” นั่นไง ทำท่าเหมือนจะดุเลย “เรียกตั้งนานไม่ตอบ”

“พี่คิดอะไรไปเรื่อยน่ะ”

“รู้แล้วล่ะ ไปครับ ไปอาบน้ำ” ผมก้มมองสภาพตัวเองในชุดกีฬาเหม็นอับก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกโดยง่าย ตอนนี้ไม่มีใครอายใครแล้วครับ แก้ผ้าเดินโทงเทงจนชินตา

“คุณต่ออาบให้หน่อยสิ” วันนี้ขี้เกียจถูตัว

“อะไรนะครับ” น้ำเสียงนั้นบอกว่าไม่เชื่อหูตัวเอง

“ไม่มีอะไรครับ” ผมยียวนกลับ ไม่อยากพูดเยอะ เดี๋ยวได้ใจ ปกติยอมที่ไหนล่ะที่จะให้อีกคนอาบน้ำให้หรืออาบน้ำพร้อมกัน มันค่อนข้างน่าอายนะที่มีคนตัวเท่ายักษ์แออัดกันในห้องอาบน้ำและถูหลังไปมา ส่วนใหญ่ที่อาบด้วยกันก็เพราะถูกบังคับตลอดแหละ ไม่เคยเอ่ยปากชวนก่อนแบบนี้เลย...จริง จรี๊งงงงงงงงงงงงงงง #โทนเสียงต่ำ

“เดี๋ยวสิพี่เอก รอผมด้วย” ท่าทางถอดเสื้อผ้าแบบเร่งรีบของมนุษย์ตัวโตนั้นชวนให้ขบขัน ผมเร่งฝีเท้าเพื่อจะรีบไปในห้องน้ำ แต่เสียงกระแทกฝีเท้าของอีกคนก็ไล่ตามมาติดๆ ไอ้อะไรๆที่แกว่งไปมาชวนตกใจไม่ได้ทำให้คุณต่อละอายแก่ใจหรอก รายนั้นเขาหน้าหนา

“มาทำไม ใครชวน”

“ไม่ต้องชวนก็จะมา” สุดท้าย มือใหญ่ก็จับขอบประตูห้องน้ำไว้ได้ก่อนที่ผมจะปิดมันลง สายตาไอ้เอกภพดันก้มไปมองไอ้ที่เคยแกว่งเปลี่ยนสถานะจากของอ่อนเป็นของแข็งอย่างระอาใจ

“ไม่ต้องมาชี้หน้าเลย คนหื่น”

“ถึงผมจะหื่น แต่ผมก็หื่นแต่กับพี่นะ” ไอ้คำพูดน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่การที่คุณต่อผู้หล่อเหลามาดดีใช้ไอ้ท่อนแข็งๆมาดันต้นขาให้ผมขยับเข้าไปในห้องน้ำน่ะมันคืออะไรฟระ! คุณจะคิดไหมว่าผู้ชายแบบคุณต่อพงษ์ผู้เคร่งขรึมมีหน้ามีตาในสังคมจะเป็นได้ถึงขั้นนี้

“ไม่ต้องเลยคุณต่อ ไม่ต้องดันมา โอ๊ย จะบ้าตาย”

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
แหมๆๆๆ สเน่ห์แรงจริงนะพี่เอก  ตั้งแต่ได้กันแล้วรู้สึกบรรยากาศมันมุ้งๆมิ้งๆ เน๊อะ.  :laugh:

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุงเอก โดนไปกี่ดอกหว่า

ถึงต้องใช้เวลารักษา เกือบครึ่งเดือน ...อุอุ

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คุณต่อนี่หื่นตลอดๆเลย :hao6:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอฉากพี่เอกรุกนุ้งต่อ  อิอิ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
มีแววจะมีศึกเข้าบ้านนะครับเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
โดนทำศึก ในห้องน้ำแน่ๆ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 36. คนติดแฟน

             ช่วงก่อนหน้านี้ผมขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่ออ่านหนังสือสอบปลายภาค ซึ่งทุกวิชาพร้อมใจกันสอบครั้งเดียวทั้งเล่ม หายนะอาจมาเยือนได้หากไม่ตั้งใจอ่านให้ดี คุณต่อเลยอนุญาตให้หยุดงานอยู่ที่บ้านได้โดยที่คุณแฟนขับรถไปทำงานเองไม่ต้องพึ่งพาคนขับรถแบบเอกภพคนนี้ กิจวัตรประจำวันของพวกเราก็เลยเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะ เนื่องจากผมเป็นคนที่มีสมาธิอ่านหนังสือช่วงดึกและนอนตอนเช้า คุณต่อต้องตื่นแต่เช้าเข้ายิมและไปทำงาน เวลาของเราเลยสวนทางกันไปมา

             แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณต่อพงษ์หรอกนะครับ เพราะก่อนไปทำงานผมก็จะเดินสะโหลสะเหลจากห้องทำงานมาที่เตียงปลุกแฟนตัวยักษ์ให้ตื่นเพื่อเริ่มวันใหม่แล้วก็ล้มตัวลงนอน รู้ตัวอีกทีก็มีคนสะกิดแล้วก็ก้มหน้ามาหอมแก้มซ้ายขวาไปมาและแนบริมฝีปากแตะปากผมเบาๆเป็นการบอกลาก่อนไปทำงาน...และทำแบบนี้ทุกเช้าจนกลายเป็นความเคยชิน

“ผมไปทำงานก่อนนะครับ” แล้วก็หอมฟอดใหญ่เหมือนเช่นเคย

“อื้อ ขับรถดีๆนะ” ผมตอบกลับแบบงัวเงีย พยายามลืมตาแต่ก็ไม่เป็นผล ความง่วงมันครอบงำจนภาพตัด เตียงไหวยวบเพราะน้ำหนักที่นั่งทับลุกออกไป แล้วผมซุกหน้าเข้ากับที่นอนฝั่งคุณต่อ กลิ่นไอของร่างกายเขาติดไปทั่วทำให้เคลิ้ม สุดท้ายผมก็จมในภวังค์จนถึงบ่าย

             หลังสอบเสร็จผมก็กลับมาทำหน้าที่เดิมคือขับรถพาเข้านายในคราบแฟนไปทำงาน ตอนเย็นก็กลับบ้าน ทุกอย่างมันกลับเข้าที่เข้าทางเกือบทั้งหมด ยกเว้น...

“พี่เอกอย่าดื้อสิ ให้ผมหอมก่อน”

“ไม่เอาแล้วคุณต่อ จะหอมทำไมทุกวัน นี่พี่ก็ไปด้วยแล้วนะครับ” เป็นเอกภพคนหล่อเองแหละที่โวยวาย คุณชายเขาติดนิสัยจะต้องมาจุ๊บแก้มจุ๊บปากก่อนไปทำงานตอนเช้าทั้งที่ผมก็ไปกับเขานี่แหละ

“ไม่ได้ อยากได้กำลังใจก่อน”

“เอาไปทำอะไรนักหนาครับไอ้กำลังใจเนี่ย เอาไปซื้อที่ดินก็ไม่ได้”

“หรือพี่เอกจะให้ผมจุ๊บพี่ที่หน้าออฟฟิศ” เอาแล้วไง มาไม้นี้ก็ต้องยอมถอยหนึ่งก้าว แล้วร่างสูงก็โน้นหน้ามาประชิด กลิ่นหอมจากตัวคุณต่อทำให้สมองผมปั่นป่วนไปหมด แถมแววตาแพรวพราวที่ส่งมาราวกับยั่วยุกันยิ่งทำให้ใจสั่น

“คะ คุณต่อ”

“ครับพี่เอก” โอยยยยยย น้ำเสียงนุ่มทุ้มแบบนี้ ใจคอจะให้ผมละลายคาที่หรือไงนะ ก่อนจะเป็นลมล้มพับ รสจูบหวานละมุนก็ส่งผ่านมา ครั้งนี้ไม่ได้แค่จุมพิตเบาๆแล้วผละออกจากกัน แต่มันกลายเป็นความหวามวาบที่คุณแฟนตัวดีจงใจมอบให้ แข้งขาผมอ่อนแรงไปหมดเพราะแพ้ทางผู้ชายคนนี้เข้าขั้นหนัก เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมตอนไหนยังไม่รู้เลย แถมมือใหญ่หนาก็เลื้อยสัมผัสทุกอณูผิวที่เข้าถึง ขนกายนี่ลุกตั้งไปทั้งตัว ร่างผมถูกดันมาประชิดกับโต๊ะเครื่องแป้งจนต้องวางก้นลงไปนั่งบนนั้นปล่อยให้มนุษย์แฟนถ่ายโอนความวาบหวิวใจจนน้ำลายไหลยืด คุณต่อน่ะแต่งตัวเสร็จแล้ว ผมเพิ่งใส่แค่เชิ้ตและกางเกงใน มันเลยไม่ใช่เรื่องยากที่จะถูกดึงทึ้งทุกอย่างออกจากตัวจนผมเปลือยเปล่า แล้วใบหน้าหล่อก็ลดระดับลงไปจดจ่อกับความแข็งขึ้งเบื้องล่าง

“อื้อ คุณต่อ....”

             สุดท้ายวันนี้พวกเราทั้งคู่ก็ไปทำงานสายจนได้ โชคดีที่ตำแหน่งของคุณต่อนั้นไม่ใช่ระดับพนักงานทั่วไปที่กำหนดเวลาเข้าออก เลยไม่มีใครมาคอยจับผิดว่าวันนี้เข้ามากี่โมง มีแต่จะคอยสอบถามมากกว่าว่าจะมาไหม ใกล้ถึงหรือยัง เพราะต้องการลายเซ็นอนุมัติงานเสียมากกว่า

[คุณต่อคะ ประชุมสิบเอ็ดโมงที่ห้องประชุม 5 พร้อมแล้วนะคะ จะให้อ้อยเลื่อนไปก่อนมั้ยคะ]

“ไม่ต้องครับ ผมใกล้ถึงแล้ว” พ่อเจ้าประคุณวางสายก่อนจะหันมายิ้มให้ ผมยังไม่หายเขินจากเรื่องก่อนหน้านี้ ใครจะไปคาดคิดว่าจะโดนจัดหนักที่โต๊ะเครื่องแป้ง แถมไม่แน่ใจว่าเช็ดคราบอะไรต่อมิอะไรสะอาดไหม ถ้าป้าหยุดเข้าไปเจอหลักฐานล่ะ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“พี่เอก พี่เอก ใจลอยไปไหนอีกแล้วครับ”

“ปละ เปล่าครับ” ผมสะดุ้งเมื่อโดนเรียก

“เปล่าอะไร ผมเรียกหลายรอบก็ไม่ตอบ คิดเรื่องเมื่อเช้าอยู่เหรอครับ”

เอี๊ยด...ผมหักพวงมาลัยจนรถเซ ดีนะที่สายมากแล้วถนนเลยค่อนข้างโล่ง “คุณต่อ!”

“ขึ้นเสียงใส่ผมทำไมอะครับ หรือว่าพี่เอกคิดเรื่องเมื่อเช้าจริงๆ” ผมล่ะอยากหมุนพวงมาลัยให้รถไปชนฟุตบาทเสียจริง คนยิ่งเขินๆอยู่ยังจะแซวไม่เลิก

“...”

“นานๆเปลี่ยนที่ทีก็โอเคเหมือนกันนะ รอบหน้าระเบียงบ้างนะครับ”

“โว้ยยยย ไอ้คุณต่อ” ผมโวยวายลั่น หน้าร้อนไปหมดเพราะความกระดาก คุณแฟนตัวดีก็หัวเราะร่วน ดีใจมากสินะที่ยั่วเราได้สำเร็จ

             มานั่งคิดเรื่องเมื่อเช้าแล้วก็ยังเขินไม่หาย ใครจะคิดว่าคนเถื่อนอย่างเอกภพจะยอมพลิกตัวให้ไปมองหน้าตัวเองในกระจกอย่างว่าง่าย ภาพใบหน้าตัวเองที่บิดเบี้ยวช่วงที่ต่อน้อยตัวใหญ่ๆดิ้นเข้ามาข้างในนั้นยังกับหนังสยองขวัญ นี่เราทำหน้าตาแบบนั้นทุกครั้งเลยหรือเปล่าวะ แล้วช่วงไหนที่คุณต่อขอให้นอนหงายแล้วบอกว่าอยากเห็นหน้าพี่เอกชัดๆล่ะ...โอ๊ยยยยย ไม่กระดากอายก็คงหน้าหนามากแล้วล่ะ

             ระยะหลังคุณต่อใช้เวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์อยู่แต่ในบ้าน หรือไม่ก็ให้ผมพาขับรถไปเที่ยวใกล้ๆกรุงเทพจนผมแปลกใจว่าทำไมไม่ไปออกรอบตีกอล์ฟกับลูกค้า หรือไม่ไปออกงานสังคมบ้าง แต่ก็นั่นแหละ...นิสัยเอกภพ...คืออยากรู้แต่ไม่อยากถาม ก็ดีเสียอีก คุณต่อจะได้พักผ่อนเต็มที่ แถมการไปเที่ยวต่างจังหวัดก็เป็นการดีสำหรับผมด้วย เนื่องจากนิสัยชอบเที่ยวมันฝังรากลึกในสันดานจริงๆ

             สิ่งหนึ่งที่คุณต่อเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือ จะไม่มีการหอบแฟ้มงานกลับมาทำต่อที่บ้าน จะใช้เวลาทำงานที่ออฟฟิศให้จบ ถ้าศุกร์ไหนงานยุ่งก็จะอยู่เคลียร์จนดึกดื่นเอาให้เสร็จ พอวันหยุดก็ไม่ได้หยิบงานอะไรมาดูเป็นชิ้นเป็นอัน คนใกล้ตัวอย่างผมก็ได้แต่มองตาปริบๆแต่ก็ไม่พูดหรือถามอะไร เพราะต้องอ่านหนังสือหรือไม่ก็ทำรายงานไปด้วยโดยมีมนุษย์ตัวเท่ายักษ์วนเวียนอยู่ไม่ห่าง

“พี่เอก กอดหน่อยยยยย” ว่าแล้วก็มีหมีขาวพุ่งตัวเข้ามากอดตอนที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องทำงาน ผมเป็นคนเรื่องมาก ถ้าอ่านในห้องนอนจะไม่มีสมาธิ อ่านโดยมีคนอยู่ด้วยก็ไม่ได้ คุณต่อเลยถูกไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น พอเวลาผ่านไปสักพัก ไม่รู้หรอกว่านานแค่ไหน ก็จะมีคนติดแฟนตามมาตอแยเรื่อยๆ

“เพิ่งกอดไปเมื่อกี้เองไม่ใช่เหรอครับคุณต่อ” สมาธิผมแตกกระจายแล้วครับ แต่พอเห็นใบหน้าและท่าทางออดอ้อนก็โกรธไม่ลง ใครจะคิดว่าอนาคตผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะทำตัวแบบนี้ได้ พอผมไม่บ่นอะไรก็กอดซะแน่นแถมเอาหน้าถูที่หลังซ้ายขวาไปมาเหมือนแมวอีก

“ก็อยากกอดอีกอ่า พี่เอกหิวหรือยังครับเที่ยงแล้ว” อา...นี่อ่านหนังสือจนลืมเวลาไปเลยนะเนี่ย

“นิดหน่อยครับ คุณต่อหิวแล้วเหรอให้พี่ไปซื้ออะไรมาให้มั้ย”

“ไม่ต้องออกไปหรอกพี่เอก ป้าหยุดเตรียมกับข้าวไว้แล้วเหลือแค่เราลงไปกิน” แล้วจะยักคิ้วทำไมครับ...

“ไปครับ” ผมวางหนังสือ พยายามแกะแขนล่ำๆที่มีแต่กล้ามเนื้อออก ยิ่งแกะยิ่งรัดมากขึ้น ต้องจำยอมให้กอดต่อไป

“พี่เอกไม่สนใจผมอ่า” เอาอีกละ จะเรียกร้องความสนใจอะไรอีกเนี่ย

“ไม่สนใจตรงไหน พี่ก็อยู่นี่ไง”

“ก็พี่เอกปล่อยให้ผมอยู่ในห้องนอนคนเดียว ผมอะเหง๊าเหงา” โอยยยยยย ระยะหลังมาเนี่ยอาการหนักขึ้นทุกวันครับคุณต่อ

“ก็ให้กอดอยู่นี่ไง”

“ให้แค่กอดเองเหรอครับ” อยากจะเขกหัวจริงๆ ใครเอาวิญญาณเด็ก 6 ขวบมาใส่ร่างหมีควายตัวนี้วะเนี่ย

“ไปกินข้าวกันครับ ไปๆๆๆ” ผมเปลี่ยนเรื่อง ผุดลุกอย่างทุลักทุเลเพราะมีคนมากอดจากด้านหลังไม่ยอมปล่อย แล้วก็เดินไปกันท่านี้แหละ ขี้เกียจจะบ่นอะไรละ

             พอเบื่อกับการดูหนัง คุณต่อก็จะมาก่อกวนผมจนตั้งสติอ่านหนังสือต่อไม่ได้ ความจริงแล้วผมอ่านตุนไว้ตั้งแต่ที่ทำงานแล้วล่ะครับ แต่เพราะช่วงนี้สมองมันช้าๆตามวัยชายไทยหน้าตาดีอายุนำหน้าด้วยเลข 3 เลยต้องอ่านบ่อยๆให้มันซึมเข้าหัว การสอบปลายภาคที่ผ่านมาไม่ได้คะแนนแบบยอดเยี่ยมลุ้นเกียรตินิยมสักวิชา มีแต่ผ่าน...แค่นั้น

“พี่เอกเบื่อมั้ยครับที่ไมได้ออกไปไหนวันหยุด” อยู่ๆคุณแฟนก็ถามมา

“ไม่เบื่อหรอกครับ พี่อยู่ไหนก็ได้” ผมก็ตอบความจริง ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปโน่นมานี่หรอกครับ แค่วันทำงานก็เหมือนเดินทางไปกลับหัวหินทุกวันอยู่แล้ว รถติดจนท้อแท้

“งั้นอยู่ห้องนอนกับผมนะบ่ายนี้” คือถ้าไม่ทำสีหน้าแบบกรุ้มกริ่มผมคงจะตอบตกลงหรอก นึกว่าไอ้เราเป็นเด็กสามขวบรึไงที่จะหลอกล่อให้ไปอยู่สองต่อสอง เจตนาของคุณต่อเนี่ยเห็นได้ชัดเจนมากเลยนะครับว่าจะชวนไปทำอะไร ไม่ได้ว่าหรอกนะว่าหมกมุ่น แต่ก็ให้เอกภพได้พักบ้างเถอะครับ... แววตาออดอ้อนส่งมาปริบๆ ไม่มีทางหรอกที่เราจะใจอ่อน ถ้าสงสารและยอมตามใจนะมีแต่เสียกับเสีย จากการเก็บข้อมูลแล้วพบว่า 100% ที่ยอมตกลง คือเสียตัวแน่ๆ

“งั้นคุณต่อไปรอที่ห้องนะครับ ผมล้างจานก่อน” แววตาลิงโลดของมนุษย์แฟนนี่ชวนเอือมระอาจริงๆนะครับ คุณต่อพงษ์เวอร์ชั่นอยู่บ้านจะสวมแค่เสื้อกล้ามที่โชว์ความล่ำและความขาวเนียนของท่อนบนแล้ว ท่อนล่างก็จะสวมแค่บ็อกเซอร์ตัวบางที่ไม่มีอย่างอื่นกั้น พอได้ยินคำตอบก็เดินแกว่งตุ้มที่พร้อมรบขึ้นไปรอที่ห้องนอนทันที

....เอ๊ะ สรุปว่าผมตอบตกลงไปเหรอ จำไม่ได้เลย

             ชีวิตคู่ของเราก็เหมือนจะวนเวียนกันอยู่แค่นี้แหละครับ เราไม่ค่อยทะเลาะกันหนักๆเลยสักครั้ง คุณต่อที่อายุน้อยกว่าผม 5 ปีก็กลายเป็นมนุษย์สามีขี้อ้อนและติดแฟนขนาดหนักจนไอ้เราต้องปลงให้ได้ เพราะการที่มีเขาอยู่มันอุ่นใจมากกว่านอนคนเดียวแล้วนี่นา ยังมีวีระกรรมออดอ้อนแฟนของรายนั้นอีกเยอะ แต่ขอยกมาแค่นี้แล้วกันครับ เพราะกลัวคนโสดอิจฉา ตอนนี้ขอตัวไปล้างจานก่อนนะครับ

...ไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอก

...ไม่มีอะไรจริงจี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

กลัวผัวรอนานน่ะครับ

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
...ไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอก

...ไม่มีอะไรจริงจี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

กลัวผัวรอนานน่ะครับ....


สมาคมคนอวดผัว มาแล้ว

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่เอกเปลี่ยนไป.  รายการคนอวดผัวก็มา ชริ!   :hao3:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ติดพี่เอกแปลก ๆ นะคุณต่อ //จะมีอะไรหรือเปล่า

ออฟไลน์ Austin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อีคำว่า กลัวผัวรอนาน นี่มันอะไรกัน
ติดผัวเหมือนกันก็บอกก

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 37. ก็อยากทำตัวให้เกิดประโยชน์บ้างแหละนะ



             ช่วงหลังมานี้ผมติดการออกกำลังกายหนักกว่าเก่า คงเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายลดลงแทบจะติดลบ จากแต่ก่อนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนตอนนี้แค่หายใจก็อ้วนเอาๆจนแทบจะรับตัวเองไม่ได้ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะไม่กี่เดือนที่ผ่านมาคุณต่อเลิกงานดึกดื่นเนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ผมเลยต้องอยู่เฝ้าแฟนหนุ่มที่ทำหน้ายุ่งทั้งวันอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ตลอดเวลาที่อยู่ออฟฟิศก็แทบจะไม่ได้สวีทอะไรเลยเพราะมีแต่คนเข้ามาล่าลายเซ็นคุณต่อไม่ขาดสาย แถมยังมีโทรศัพท์เข้ามาปรึกษางานจนสายแทบไหม้ หนำซ้ำยังมีการประชุมถี่ยิบจนผมแทบจะเป็นไมเกรนแทน พอเห็นว่าผมเฉา เจ้านายหนุ่มก็เลยบอกให้ใช้เวลาช่วงเย็นไปหาอะไรทำ เมื่อบวกลบคูณหารดูแล้ว การมาเตะฟุตซอลที่สนามใกล้ที่ทำงานเลยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

             แต่ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับว่าที่ออฟฟิศวุ่นวายอยู่กับงานเปิดตัวสินค้าใหม่ เลยทำให้สมาชิกที่มาร่วมวงด้วยร่อยหรอ เดิมคนเป็นสิบ แย่งกันลงสนามกลายเป็นหดหายเหลือแค่ 4-5 คน บางวันก็เหลือแค่ 2 คน เลยทำให้ผมต้องเนียนไปตีสนิทกับกลุ่มอื่นๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน กลุ่มของน้องจีโอ้นั่นเอง

             หลังจากที่มาจอยกันหลายครั้ง พวกเราก็เลยกลายเป็นพี่น้องที่สนิทกันโดยปริยาย จีโอ้ทำให้ผมไม่รู้สึกเคอะเขินเวลาอยู่กับกลุ่มของน้องเขาที่มีแต่หนุ่มๆ อายุไม่เกิน 24 ปี เด็กจบใหม่จากมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอมแพงหูฉี่ไม่มีทีท่าจะแสดงออกว่ารังเกียจคนขับรถของผู้บริหารอย่างผมสักคน ตรงกันข้าม นิสัยห่ามๆแบบผู้ชายและความติดดิน แต่ละคนมาชวนคุยกันอย่างออกรส ผมก็เลยมีกำลังใจผูกมิตรกับน้องๆเพิ่มขึ้น รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปอายุ 20 อีกครั้ง

“พรุ่งนี้ผมจะต้องไปทำงานแล้วนะครับพี่เอก ไม่รู้ว่าจะได้มาเตะบอลหรือเปล่า” จีโอ้ชวนผมคุยหลังจากจบเกม ทีมเราแพ้เลยต้องออกมานั่งพักข้างสนาม เหงื่อพราวไหลเยิ้มจนชุดกีฬาสีขาวลู่แนบเนื้อโชว์สัดส่วนที่น่ามอง ปกติผมไม่ได้สังเกตรูปร่างผู้ชายหรอก ตั้งแต่ชอบมองเรือนร่างสุดแสนสมบูรณ์แบบของแฟนหนุ่มนั่นแหละ ทำให้ผมติดนิสัยมองคนอื่นแล้วเอามาเปรียบเทียบกับหุ่นของเขา แล้วแอบภูมิใจกับตัวเองว่าหุ่นคุณต่อดีที่สุดในโลกแล้ว...อันนี้ไม่ได้เรียกว่าหลงแฟนใช่ไหมครับ

“อ้าว ได้งานที่ไหนครับ พี่ยินดีด้วยนะ”

“ไม่บอกครับ ความลับ บอกก่อนก็ไม่ตื่นเต้นน่ะสิ” น้องชายตัวขาวยิ้มโชว์ฟันขาว พวกเรานั่งพักท่าเดียวกัน คือเหยียดขาสองข้างไปข้างหน้า เอนตัวไปข้างหลังใช้สองแขนดันพื้นไว้ปล่อยให้เหงื่อไคลไหลตกเป็นหยดน้ำลงกระทบพื้นหญ้าเทียม ลมร้อนพัดกรูไม่ช่วยให้เย็นลงเท่าไร แต่ก็พอให้ของเหลวร้อนระอุเหือดแห้ง สักพักตัวเริ่มเย็นเพราะลมที่โชยมาต่อเนื่องทำให้เนื้อตัวเริ่มแห้ง

“อายุแค่นี้ ความลับเยอะนะ” ผมแซว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะโทรหาคุยจ๊ะจ๋า ไม่มีการโทรหรือไลน์ชวนไปเดินห้างแบบเพื่อนวัยรุ่นเขาทำกัน บทสนทนาในแช็ตมีแค่การนัดมาเตะบอลเท่านั้น

“ต้องมีบ้าง จะได้ดูเป็นคนลึกลับ” ผมหัวเราะหึหึกับคำตอบ พอร่างกายเริ่มแห้งก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย จีโอ้ทำแบบเดียวกัน ความสูงของเราต่างกันไม่มาก โดยที่ผมเป็นฝ่ายเตี้ยกว่า นึกสงสัยว่าทำไมเด็กสมัยนี้มันตัวโตกันจังเลยวะ มองพุงตัวเองที่เริ่มย้วยแล้วอ่อนใจ นอกจะแก่ ดำ เตี้ยแล้วยังลงพุงอีก

“พี่เอกจะกลับเลยหรือเปล่าครับ” คนถามกำลังดัดตัวเพื่อยืดเส้น ผมก็กำลังวอร์มดาวน์เช่นกันเลยไม่ได้ตอบทันที

“เดี๋ยวผมกับเพื่อนจะไปฉลองกันที่ xxx พี่สนใจไปด้วยกันปะ”

“หืม ไปฉลองคืนนี้ พรุ่งนี้จะไปทำงานไหวเหรอ” ผมถามอย่างข้องใจมากกว่าจะเป็นห่วง แต่แววตาของจีโอ้เป็นประกายแปลกๆแบบที่เคยเจอมาก่อน ผมเลยเลือกที่จะเงียบดีกว่า น้องเขาไม่ใช่ขี้เหร่นะครับ หน้าตาอย่างกับนายแบบ ผิวขาวสะท้อนแสงระดับเดียวกับคุณแฟนของผม ใบหน้าเรียวได้รูปประดับด้วยคิ้วหนาเรียงเป็นแพ ดวงตาชั้นเดียวคมกริบบ่งบอกชาติพันธุ์แถมยังหุ่นดีอย่างน่าอิจฉา พระเจ้าคงตั้งใจปั้นน้องเค้าจนลืมตั้งใจปั้นผมแน่ๆ

“พี่เป็นห่วงผมเหรอครับ”

“...” นั่นไง เอาแล้ว หลังจากมีแฟนเป็นผู้ชายผมก็เริ่มจับจุดได้ว่าใครชอบผมแนวไหน อย่างจีโอ้เนี่ยมาเนียนๆนะ แต่พอเข้าใกล้มากขึ้นก็พอจะรู้ว่าสายตาที่ส่งให้ไม่ธรรมดา ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะครับ ผมก็ฉลาดพอที่จะลองสังเกตเองเงียบๆได้ ทุกครั้งที่ผมมองก็เห็นสายตาละมุนส่งมาให้ทุกครั้ง มันเหมือนสายตาของคุณต่อไม่ผิดเพี้ยน เขารู้ว่าผมมีแฟนแล้ว เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นเจ้านายที่มาที่สนามบ่อยๆ สองคนนี้เคยเจอกันแต่ไม่ค่อยคุยกัน เหมือนจะไม่ถูกชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมสนใจแค่การได้เตะบอลแล้วก็กลับบ้าน

“พี่เอกครับ”

“หืม”

“คือ...” แววตานั้นดูมุ่งมั่น ผมล่ะอยากหลบหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องรักษามิตรภาพไว้ก่อน ไม่อยากจะเอาเรื่องที่ตัวเองคิดว่ามันใช่หรือคิดเองว่ารู้มาบั่นทอนบรรยากาศ

 “ครับ” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงขึงขัง เมื่อจริงจังมาผมก็จริงจังกลับ ใบหน้าหล่อเหลาที่เหงื่อยังซึมไหลอาบไรผมฉายแววไม่มั่นใจ ท่าทางดูเคอะเขินเหมือนคนมีเรื่องอึดอัดใจปนเปกับความกังวลที่พยายามปกปิดแต่ไม่มิด มือไม้กำลังขยุ้มเสื้อบอลนั้นบ่งบอกว่าเครียด ริมฝีปากหยักสวยนั้นทำท่าจะเอ่ยบางอย่างออกมาแต่ก็ชะงักซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ

“คือ...เจอกันครั้งหน้านะครับ เดี๋ยวผมไลน์ไป” ฟู่... ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายแจ่มชัดแต่ก็ไม่ได้ทักอะไร มีแต่การพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่ร่างสูงนั้นจะเดินไปทางกลุ่มเพื่อนที่ดูเหมือนจะลุ้นกับเหตุการณ์เมื่อครู่ หลายคนลูบหัว บางคนกอดคอเหมือนให้กำลังใจในขณะที่ผมเกาหัวแกรกๆอยู่ที่เดิม เสียงหัวใจผมเต้นแรง มันไม่ได้รู้สึกดีหรือเต้นในจังหวะเดียวกับเวลาอยู่กับแฟนนะครับ แต่มันตื่นเต้น เพราะกลัวว่ามนุษย์แฟนจะแอบมาเห็นแล้วจะโดนลงโทษอีก...ผมไม่ได้กลัวแฟนนะ บอกไว้ก่อน

             เช้าวันต่อมาผมกับคุณต่อก็นั่งอยู่ในรถกันอย่างเงียบเชียบ ช่วงเวลาที่รถติดเช่นนี้ทำให้มีเวลาลอบสังเกตคนที่นั่งข้างกัน ใบหน้าหล่อนั้นฉายแววเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ผมได้แต่เป็นห่วงแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรให้หายเครียด ในเมื่องานที่คุณต่อดูแลมันเกินความสามารถผมไปเยอะ จริงอยู่ที่ผมเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นแล้ว แต่จะให้มาอ่านเนื้อหางานแล้วเข้าใจและพร้อมแบ่งเบาภาระเลยมันก็ดูจะเป็นยอดมนุษย์มากเกินไป จะให้ผมทำใจให้สบายเป็นแฟนที่ทำได้แต่ขับรถพาคนรักในคราบเจ้านายไปไหนมาไหนก็ใช่ที คนเรามันต้องมีอนาคต ถึงแม้คุณต่อไม่ได้เอ่ยปาก แต่ผมก็ไม่เคยไม่คิดถึงเรื่องนี้ มันกวนใจมาสักระยะแล้วที่ต้องเห็นคนที่ได้ชื่อว่าแฟนยุ่งง่วนกับงานทั้งวันโดยที่เราได้แต่มองตาปริบๆ

“พี่เอก ... พี่เอก” เสียงเรียกและแรงเขย่าทำให้ผมสะดุ้ง

“อ๊ะ ครับ”

“เหม่ออะไรอีกครับ ผมเรียกตั้งนานไม่ตอบ”

“ปละ เปล่าครับ”

“โกหก” ฟอด.... นั่นไง ร่างสูงมาซบแล้วกดจมูกโด่งเข้าที่แก้มจนได้

“อื้อ คุณต่อไม่เอา พี่ขับรถอยู่นะ” ผมหอบหายใจถี่เพราะไรหนวดของคนที่ขยับมาแนบชิดไซร้ไปที่ซอกคอจนขนแขนลุกเกรียว ถ้ารถไม่ติดผมคงหักพวงมาลัยไปชนขอบถนนแล้ว

“ผมคิดถึงพี่นี่นา” เสียงนั้นกระเง้ากระงอด ผมเลยถ่างตาอย่างแปลกใจ

“คิดถึงผม? เราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงเลยนะครับ”

“อื้อ คิดถึงสิ อยู่ด้วยกันแต่เหมือนไม่อยู่ด้วยกันแบบนี้ผมโคตรทรมาน”

“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไรครับ”

“เอาพี่เอก” ใบหน้าหล่อนั้นยิ้ม ฉายแววหื่นแต่ยังเจือไปด้วยความอ่อนเพลีย

“อะ ไอ้คุณต่อ” ผมหน้าแดง ร้อนวูบไปถึงใบหูลามไปทั่วคอ คิดถึงเซ็กซ์ที่รุนแรงครั้งล่าสุดก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ปกติคุณแฟนหนุ่มจะไม่ปล่อยให้ตัวเองของขาดนานขนาดนี้ แต่เพราะหน้าที่การงานทำให้เรี่ยวแรงที่เคยคึกคักลดน้อยถอยลงจนเหลือแค่นอนจับมือกันใสๆ (คิดดูว่าเรี่ยวแรงจะกอดยังไม่มีเลย) “หื่น”

“ผมอยากหื่นกับแฟน ผิดตรงไหน” คุณต่อส่งสายตาประกายวิบวับมายั่ว ผมได้แต่เสมองถนนคอยแต่จะดูสัญญาณไฟว่าเมื่อไหร่จะเขียว แยกนี้ติดหนึบเพราะโครงการสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย เลยทำให้รถแทบไม่ขยับ

“...” คุณต่อเอามือมากุมผมไว้ แววตาเปลี่ยนเป็นละห้อยเหมือนคนสำนึกผิดทำผมตามอารมณ์ไม่ทัน พอเห็นสายตาก็รู้สึกใจหายแปลกๆ มันคงเป็นเพราะพวกเราอยู่ใกล้กันมาก เวลาคนหนึ่งรู้สึกอย่างไรมันเลยสื่อมาให้อีกคนอย่างน่าอัศจรรย์

“ผมขอโทษนะครับที่ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ดูแลพี่เอกเลย”

“เอ่อ มะ ไม่เป็นไรครับคุณต่อ พี่โอเค” อยู่ๆก็ขอโทษกัน เป็นใครบ้างจะไม่ตกใจ ไอ้ผมน่ะเป็นคนที่แสดงออกก็ไม่เก่ง พูดก็ไม่เก่ง เวลามีคนมาทำอะไรหวานๆซึ้งๆยิ่งทำตัวไม่ถูก

“พี่เอกไม่โกรธผมใช่ไหมครับ” น้ำเสียงดูเศร้าๆจนผมต้องละพวงมาลัยไปจับมือคนข้างๆ

“พี่จะโกรธทำไมครับ คุณต่อทำงานหนักขนาดนี้ พี่ไม่ใช่คนงี่เง่าเรียกร้องเวลาจากแฟนนะ พี่แก่ปูนนี้แล้ว” ผมลดการ์ดตัวเอง ลองเปิดใจและพูดให้มากขึ้น มันก็เป็นการปรับตัวเข้าหากันที่ไม่เลวเท่าไหร่นะ “จริงๆพี่นี่แหละควรจะต้องขอโทษคุณต่อ เป็นแฟนกันแท้ๆ แต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย” น้ำเสียงผมกลายเป็นน้อยใจได้ยังไงไม่รู้ แต่มันก็สะท้อนความรู้สึกส่วนลึกที่เก็บงำมาตลอดของผมได้เช่นกัน

“พี่เอกอย่าคิดมากสิครับ สิ่งที่พี่เอกทำก็ถือว่าช่วยผมได้มากแล้ว”

“หืม” ผมรับคำอย่างงุนงง “ช่วยยังไงครับ”

“ก็ช่วยอยู่ข้างๆในเวลาที่ผมเครียด คอยนวดไหล่เวลาที่ผมเหนื่อยล้า ช่วยอยู่เป็นแฟนให้ผมรู้สึกอุ่นใจว่าอย่างน้อยยังมีใครอีกคนที่เป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา” อึ้ง.... ไม่คิดว่าจะมาไม้นี้เลยครับ อารมณ์ปนเปไปหมดแล้ว ไอ้ความร้อนวูบวาบทั่วใบหน้าผมตอนนี้หมายถึงอะไรนะ คงจะร้อนแหละเพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ผมได้แต่นิ่ง มองไฟแดงที่ยังคงเจิดจ้าหลายนาทีแล้ว ก่อนที่มือใหญ่นุ่มจะเขยื้อนมาจับใบหน้าที่แดงก่ำให้หันไปสบตาหวานฉ่ำของคนหล่อที่สุดในโลกของผม ริมฝีปากเย็นเฉียบประกบอย่างแผ่วเบาแรงบดน้อยๆส่งผ่านมาเพื่อให้ผมเผยอปากปล่อยให้ลิ้นใหญ่ฉกฉวยเข้าไปในโพรงอุ่นระอุอย่างเนิบนาบ เวลามันเหมือนจะหยุดอยู่ตรงนี้ ความรุนแรงแผ่ขยายไปทั่วจากน้ำหนักที่บดเบียด ใจผมเต้นโครมครามเหมือนครั้งแรกที่ถูกฉกชิงจูบแรกก็ไม่ปาน น้ำลายเหนียวเหนอะส่งผ่านไปมาระหว่างเราเมื่อลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดไร้จังหวะ ลมหายใจหอบพร่าเรี่ยวแรงหายวับเพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลแล่นทั่วร่างเป็นต้นเหตุ กลิ่นหอมในโพรงปากที่เป็นเอกลักษณ์ของแฟนหนุ่มกระทบมายิ่งยั่วยุให้อารมณ์เตลิด ผมแพ้ทางคนๆนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว

ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนน

             เสียงแตรรถคันหลังบีบเร่งไล่ทำให้ผมรู้สึกตัวก่อนจะผละออกจากร่างใหญ่ที่ฉายแววตาเสียดายอย่างไม่ปกปิด ผมหน้าร้อนฉ่ามองตัวเองในกระจกอย่างเขินอาย ใบหน้าแดงไปหมดแถมลมหายใจก็เหมือนจะหอบโยนราวกับเพิ่งไปออกกำลังกายหนักหน่วงมาก่อนจะจับเกียร์และพารถหรูทะยานออกไปจากตรงนี้

“พี่เอก” น้ำเสียงนั้นหอบพร่า เซ็กซี่จนผมแทบจะถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแทบทันที

“คระ ครับ” ผมไม่กล้าสบตาเลยตอนนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองอายุ 14 ก็ไม่ผิด

“คืนนี้รีบกลับเนอะ” ไม่พูดเปล่า แฟนหนุ่มก็คว้ามือซ้ายผมที่กุมเกียร์รถไปจับที่เกียร์ส่วนตัวที่แข็งและขยับตัวไปมาในร่มผ้า ตอนนี้ผมได้แต่อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว จะด่ายังไม่มีแรงเลย แถมมือใหญ่ก็กระชับมือผมแน่นให้จับเกียร์ใหญ่ตลอดทาง



             ผมเห็นโต๊ะทำงานใหม่ข้างคุณอ้อยก็แปลกใจไม่น้อย สงสัยจะได้ผู้ช่วยคนใหม่มาแล้วแน่ๆหลังจากที่งานยุ่งจนคุณอ้อยเลขาส่วนตัวคุณต่อพงษ์หน้าเครียดแถมทำงานดึกดื่น เนื่องจากผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องทำงานคุณต่อ อ่านหนังสือเตรียมสอบหรือไม่ก็ทำรายงานจึงไม่ได้สนใจความเป็นไปของส่วนงานในบริษัทเท่าไรนัก เวลามีพนักงานมาทำงานใหม่ผมก็ได้รู้ตอนที่หัวหน้าฝ่ายบุคคลเอามาแนะนำตัวในห้องทำงานของคุณต่อเท่านั้น

             ช่วงเช้าเป็นช่วงที่ตึงเครียด เพราะแต่ละคนมีงานที่ค้างจากเมื่อวานต้องสะสาง หลังจากนั้นก็มีการประชุม ตัวอย่างสินค้าใหม่ที่ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ลำเลียงเข้าไปห้องประชุมใหญ่มีหลากหลาย โดยส่วนใหญ่เป็นขนมขบเคี้ยว เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างที่ทำการสำรวจมาต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในการทำงานนั่นคือ อร่อย ให้พลังงาน แคลอรี่ต่ำ แต่ก็ไม่ใช่พวกธัญพืชอัดเม็ด ที่ผมรู้เรื่องนี้เพราะตอนนั้นได้ช่วยทางทีมการตลาดไปสำรวจข้อมูลและเอามาสรุปง่ายๆก่อนจะส่งให้ทางทีมคุณกรวิเคราะห์ออกมาจนเป็นต้นแบบของแผนธุรกิจนี้

RRRRRRRRRR

“ครับคุณต่อ” ผมละมือออกจากการบ้านที่กำลังทำอยู่เพื่อมารับสาย

[พี่เอกว่างมั้ยครับ] ปลายสายถามอย่างเกรงใจ

“ว่างครับ คุณต่อจะออกไปไหนหรือเปล่า...” ผมควานหากุญแจรถเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก

[งั้นดีเลย พี่เอกช่วยมาที่ห้องประชุมใหญ่หน่อยนะครับ] ... แล้วเขาก็วางสายโดยที่ผมไม่ทันจะถามอะไรเลยสักอย่าง อะไรล่ะทีนี้ คุณต่อประชุมอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องเรียกผมเข้าไปด้วยล่ะ คิดแค่นี้คิ้วก็ขมวดแล้ว แต่ก็ได้แต่ทำใจดีสู้เสือเดินไปที่ห้องนั้น เอาวะ เป็นไงเป็นกัน...ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะไม่รู้จักผมซะที่ไหนล่ะ พนักงานออกจะเกรงใจผมด้วยซ้ำ

“อ้าวมาพอดี พี่เอกนั่งตรงนี้ก่อนครับ” เก้าอี้ทำงานหนานุ่มของคุณต่อถูกเลื่อนมาให้ผมนั่งลงอย่างเคอะเขิน โต๊ะสีขาวขนาดใหญ่วางตรงกลางเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์มากมายที่วางเรียงกันเป็นหมวดหมู่ ด้านหน้าผมมีขนมขบเคี้ยวที่วางเรียงเป็นแนวบนจานกระดาษสีขาว 6 จาน แต่ละอันไม่บอกว่าคืออะไร แต่เดาจากรูปร่างก็พอจะรู้ว่าเป็นขนมยี่ห้อดังที่วางขายทั่วไปตามเซเว่น

“เอาล่ะ ก่อนพี่เอกจะงงมากกว่านี้ ผมขออธิบายเลยแล้วกัน” คุณต่อจับสีหน้าผมได้ ว่าพลางนั่งลงเก้าอี้พนักงานที่เป็นแบบธรรมดาข้างกัน พนักงานมองตามกันเป็นพรวน คงไม่มีใครคาดคิดว่ารองประธานจะเสียสละเอ้ากี้ผู้บริหารให้คนขับรถนั่ง แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แค่อ่านจากสายตาก็พอจะเดาได้ว่าในใจคิดอะไรกันบ้าง...อิจฉาล่ะสิที่แฟนผมหล่อ

“ครับ” ผมรับคำสั้นๆ

“ที่วางทั้งหมดนี้คือขนมของเราและของคู่แข่งที่วางขายอยู่แล้ว ผมอยากให้พี่เอกลองชิมทีละจานแล้ววิเคราะห์ให้หน่อยครับว่าจานไหนเป็นอย่างไร”

“หะ พี่ เอ๊ย ผมเนี่ยนะ” นอกจากน้ำเสียงจะตกใจแล้ว ท่าทางผมคงลนลานไม่น้อย

“ใช่ครับ” คุณต่อตอบชัดเจน

“ทำไมล่ะครับ” เสียงเกือบเปลี่ยนเป็นกระซิบ เพราะในห้องนี้มีพนักงานหลายสิบ ทั้งฝ่ายพัฒนาฯ การตลาด และขาย แต่ละคนมีความเชียวชาญในงานมากกว่าผมหลายเท่าตัว แต่กลับต้องมานั่งมองเอกภพคนนี้นั่งหน้าเจื่อนเพื่อชิมและติชมขนม

“คืออย่างงี้ครับพี่เอก” คุณกรเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ “พวกเราเป็นคนทำขนมพวกนี้ออกมา ชิมแล้วชิมอีก ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เวลาเราจะเปรียบเทียบความอร่อยมันเลยเกิดไบแอส(Bias) น่ะครับ แต่ละคนก็ต้องเชียร์ว่าขนมของตัวเองอร่อยสุดอยู่แล้ว”

“ใช่ครับ” คุณต่อเสริม “มันเลยจะดีกว่าถ้าให้คนที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการทั้งหมดลองชิมดูก่อนว่าเป็นอย่างไรเพื่อหาจุดที่ต้องนำมาปรับปรุงน่ะครับ” ผมเกาหัวแกรกๆ จะว่าเข้าใจมันก็เข้าใจแหละ แต่ทำไมไม่เอาพนักงานจากฝ่ายอื่นๆมาล่ะครับ ฝ่ายบัญชีงี้ ฝ่ายจัดส่ง ฝ่ายส่งออกหรือไม่ก็ฝ่ายบุคคลก็ได้ ทำไมต้องผมครับ

“ตอนนี้ทุกคนงานยุ่งมาก เลยต้องขอแรงพี่เอกก่อนน่ะครับ” คุณกรเหมือนจะเข้าใจแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามเลยออกปากมาแบบนี้

“อะ เอางั้นก็ได้ครับ” ผมตัวลีบ เพราะสายตาแห่งความหวังเพ่งมาที่ตัวเองจนขาสั่น นี่มันเหมือนดารากำลังแถลงข่าวต่อหน้ากองทัพสื่อเลยนะครับเนี่ย คุณต่อพยักหน้าเป็นเชิงให้ผมเริ่มได้เลยไม่ต้องรอเวลา กระผมจึงเอื้อมมือไปหยิบขนมจากจานที่เขียนหมายเลข 1 กำกับขึ้นมา

“ก่อนอื่น พี่เอกต้องดูว่าขนาดมันเป็นอย่างไร ความแน่นของแต่ละชิ้น กลิ่นดีไหมและที่สำคัญ รสชาติเป็นอย่างไรแล้วสรุปออกมานะครับ” ผมสูดหายใจ ทำไมการชิมครั้งนี้ดูเป็นทางการจังเลยวะ พิจารณาขนมชิ้นเล็กในมือ และเขี่ยชิ้นอื่นๆในจานก่อนหยิบมาดมฟุดฟิดๆและยัดเข้าในโพรงปาก ดื่มด่ำรสชาติที่รับรู้ ... ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงจานสุดท้าย

“ขนมชิ้นนี้กลิ่นไม่แรงเหมือนจานที่สองกับสี่ แต่ความพองของมันมีมากกว่าเลยทำให้รู้สึกว่ามันเบาๆเวลากิน คือยังไงดีล่ะ เอาใส่ปากปุ๊บมันเหมือนละลายไปเลยทั้งๆที่ยังไม่ได้เคี้ยว เวลากินเลยต้องจับใส่ทีละ 3-4 ชิ้นถึงจะได้รสชาติ”

“แล้วมันอร่อยมั้ยครับ” เสียงพนักงานคนอื่นถาม หลังจากที่ผมสาธยายรสชาติขนมจานที่ผ่านมาอย่างออกรส ทุกคนเลยตั้งหน้าตั้งตาจดและฟังอย่างดีเยี่ยม

“ก็อร่อยนะ แต่...” ผมหยิบขนมใส่ปากอีก 3 ชิ้น “มันเบาบางไปจนไม่รู้รสอื่นเลยนอกจากความหวาน ถ้าบอกว่าเป็นสินค้าที่ไม่ทำให้อ้วน อันนี้คงสอบตกแหละครับ เพราะมันหวานที่สุดเลย” ผมยกแก้วน้ำมาจิบ ก่อนจะกวาดสายตาไปมองรอบๆ ทุกคนตาค้าง หลายคนทำหน้าผิดหวัง บางคนก็อึ้งไปแล้ว

“คะ คุณต่อ อย่าบอกนะว่าจานนี้น่ะ...” ผมเอนไปกระซิบถามคนข้างๆที่ทำสีหน้าเดาไม่ออก รายนั้นไม่ตอบแต่ส่งมือใหญ่มาจับต้นขาผมที่สั่นอยู่ใต้โต๊ะ มือเย็นเฉียบของผมเผลอไปกุมโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำพลาดครั้งใหญ่ก็วันนี้แหละ

“แต่ๆๆๆๆ มันก็ดีนะครับ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมได้แต่หัวเราะแก้เก้อ แต่ก็นะ อานุภาพของคำพูดผมทำลายล้างความมั่นใจทุกคนไปแล้ว...



             พอชิมครบทุกอย่างผมก็เดินคอตกออกมาจากห้องประชุม ในหัวคิดแต่เรื่องที่เผลอไปติขนมของบริษัทว่าหวานไปจนทุกคนอึ้ง ผมน่ะไม่รู้หรอกว่าการออกสินค้าใหม่แต่ละอันนั้นมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง แต่การทุ่มเททำงานหนักของคุณต่อและคนอื่นๆในทีมก็พอจะเดาได้ว่ามันไม่ง่ายเหมือนเราแกะซองแล้วจับยัดเข้าปากเคี้ยวๆแล้วก็กลืน

             เมื่อได้นั่งเก้าอี้ของตัวเองก็เลยเหม่อลอยไร้สติ สมาธิที่เอามากองไว้ตอนเช้าหายเกลี้ยงไปกับสายลม มีเพียงเสียงถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้นแหละที่บ่งบอกว่าผมกำลังคิดมากอยู่ ไม่ทันรับรู้ด้วยซ้ำว่าประตูห้องทำงานถูกเปิดดังแกร็กและมีคนเดินมานั่งข้างๆ

จุ๊บ

“หะ คุณต่อ” ผมหันขวับ มองหน้าหล่อที่ยิ้มกรุ้มกริ่มหลังขโมยหอมแก้มผมได้

“ใจลอยอีกแล้ว” ตั้งแต่เริ่มทำงานกันมาได้ปีกว่า เป็นแฟนกันได้เข้าไตรมาสที่สอง ผมโดนเจ้านายหนุ่มบ่นเรื่องใจลอยไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นครั้ง

“คือ...” เห้ออออ หนักใจ รู้สึกผิดจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง

“อย่าคิดมากครับ” พูดเหมือนรู้ แขนล่ำฉวยมาคว้าไหล่ผมไปแนบกับอกแน่น ชุดสูทสีดำเรียบนั้นลงตัวกับเรือนร่างนี้เป็นอย่างมาก มีชุดไหนบ้างนะที่จะทำให้ความหล่อของต่อพงษ์ลดลงไปได้...คำตอบคือไม่มี

“แต่ว่าพี่...” ไม่น่าพูดออกไปเลย ฮือออออ สงสารทีมงาน

“ถ้าไม่เลิกคิด ผมจะปล้ำแล้วนะ”

“อื้อ ก็ได้” หะ...อะไรนะ ไม่ๆๆๆๆ ผมหันไปสบตา ใบหน้ายียวนนั้นเต็มไปด้วยความร่าเริงที่เจิดจ้า

“แกล้งกันนี่”

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จากเดือน สิงหาคม มาจนถึงเดือนธันวาคม

จนคิดว่าลุงเอก เทเล้าเป็ดเสียแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด