พิมพ์หน้านี้ - Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2020 16:07:08

หัวข้อ: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2020 16:07:08
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************

Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


บทนำ

             เอกภพ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีกำลังถูกพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เมื่อแม่ดันมาป่วยต้องใช้ค่ารักษามากโข แต่รายได้จากการขับแท็กซี่นั้นไม่พอยาไส้แน่ๆ เหมือนดาวพระเคราะห์ยังปราณีเมื่อมีเศรษฐีหนุ่มหล่อรุ่นน้องชื่อต่อพงษ์ ที่ปากเสียและอารมณ์ร้อนมาชวนให้ไปเป็นคนขับรถยนต์ส่วนตัวด้วยข้อเสนอที่สุดแสนเย้ายวน

             ทุกอย่างมันไปได้สวยเลยแหละ ถึงแม้เจ้านายหนุ่มใบหน้าหล่อกว่าพระเอกละครจะกร่นด่าทุกวี่วันแต่เอกภพก็ยึดตำแหน่งหลังพวงมาลัยไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ถูกไล่ออกเหมือนคนก่อนๆ แต่เรื่องมันจะไม่วุ่นเลย ถ้าเจ้านายหนุ่มของเขาไม่ทั้งอ่อย ทั้งยั่ว และใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าขู่ ชายแท้อย่างเอกภพมีเหรอจะยอมง่ายๆ ถึงแม้จะหวั่นไหวกับประโยคที่แสนมั่นใจของเจ้านายหนุ่มประโยคหนึ่งเสียเหลือเกินก็ตาม

“....พี่เอกเป็นของผม”

             แล้วคนขับรถจนๆอย่างเอกภพจะต้องทำยังไง ถ้าเลือกจะลาออก ที่บ้านจะต้องเดือดร้อน แต่ถ้าอยู่ต่อ ตัวเองนั้นแหละที่จะเดือดร้อนเป็นแน่แท้...






(https://scontent.fbkk8-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/s960x960/82276715_2681685328545810_4293239997592502272_o.jpg?_nc_cat=111&_nc_eui2=AeGn7aneghhGhhfPhx3XOuXUaJ2vRt_WCcLUFwMmct22rGyMfZRwHj7NeAPt4QbqJD5dbErC9qgXdI3p6tw4urZeV-fmH2yIFA-BMww5GUQ3RQ&_nc_ohc=vWvXxQKLnQoAX8SFizy&_nc_ht=scontent.fbkk8-3.fna&_nc_tp=1002&oh=7d9e89a9445aabf949f4625b4613c9fc&oe=5E97060A)

*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น มิได้ลอกเลียนหรือดัดแปลงมาจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ
ภาพประกอบ ชื่อ และสถานที่อ้างอิงเป็นเพียงการสมมุติ
มิได้มีเจตนาอื่นใดนอกจากแต่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ***
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับรัก ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 1 @15/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2020 16:10:27
สารบัญ

Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 1 - 6 หน้า 1
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.0

ตอนที่ 7 - 9 หน้า 2
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.30

ตอนที่ 10 - 12 หน้า 3
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.60

ตอนที่ 13 - 14 หน้า 4
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.90

ตอนที่ 15 - 17 หน้า 5
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.120

ตอนที่ 18 - 20 หน้า 6
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.150

ตอนที่ 21 - 23 หน้า 7
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.180

ตอนที่ 24 - 25 หน้า 8
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.210

ตอนที่ 26 - 28 หน้า 9
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.240


ตอนที่ 29 หน้า 10
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.270



ผลงานอื่นๆของไรต์


1. สัญญาธนการ (จบแล้ว)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52913

2. บังเอิญรักโดยตั้งใจ (จบแล้ว)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.0

3. จะรักนาย เท่าชีวิต - Only You ภาค 1 (จบแล้ว)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.0

4. จะรักนาย เท่าชีวิต - Only You ภาค 2 (ยังไม่จบ)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71132.0


5. เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? -  My Dearest 20 cm. (ยังไม่จบ)

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71558.0


ติดตามผลงานอื่นๆที่ FB นี้เลยครับ
https://www.facebook.com/Begintillanend




(https://scontent.fbkk8-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/s960x960/82276715_2681685328545810_4293239997592502272_o.jpg?_nc_cat=111&_nc_eui2=AeGn7aneghhGhhfPhx3XOuXUaJ2vRt_WCcLUFwMmct22rGyMfZRwHj7NeAPt4QbqJD5dbErC9qgXdI3p6tw4urZeV-fmH2yIFA-BMww5GUQ3RQ&_nc_ohc=vWvXxQKLnQoAX8SFizy&_nc_ht=scontent.fbkk8-3.fna&_nc_tp=1002&oh=7d9e89a9445aabf949f4625b4613c9fc&oe=5E97060A)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับรัก ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 1 @15/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2020 16:11:32
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับรัก ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 1 @15/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2020 16:29:17
Personal Driver


ตอนที่ 1 ต่อพงษ์ เสถียรภาพไพบูลย์

ไอร้อนพวยพุ่งมาจากกระโปรงรถหรูที่จอดข้างทางยังไม่ร้อนเท่าอารมณ์ของหนุ่มหล่อในชุดสูทเต็มยศ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลอาบทั่วใบหน้าจรดทั่วลำคอชวนอึดอัด

“ผมว่าคงอีกสักพักเลยล่ะครับคุณต่อกว่ารถลากจะมา” น้ำเสียงแผ่วเบาของคนขับรถรุ่นพ่อทำลายความเงียบ หนุ่มร่างสูงยืนกลางแดดใกล้กับรถที่จอดข้างทางตรงส่วนไหนก็ไม่รู้ของถนนพระราม 2 ยังอารมณ์ไม่ดี

“กี่รอบแล้วเนี่ยลุงแหวงที่ไม่ชอบเช็กสภาพรถก่อนเอามาขับ”

“ผมขอโทษครับคุณต่อ ผมลืม”

“เฮ้อออ” ผู้เป็นนายถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนขับรถทำผิด ที่ผ่านมาเพราะเกรงใจพี่เขยที่แนะนำมาให้จึงปล่อยผ่าน แต่วันนี้เขามีประชุมต่ออีกที่ซึ่งไกลจากตรงนี้ประมาณชั่วโมงกว่า อารมณ์เดือดจึงพุ่งพล่านกว่าปกติ

“เดี๋ยวผมหารถไปก่อน ลุงรอตรงนี้นะ” ว่าแล้วนิ้วเรียวก็กดแกรปเพื่อหารถสักคัน แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่ได้ ความหงุดหงิดจึงก่อตัวมากขึ้น ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยหยดน้ำ แถมตัวยังชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลกองลงไปด้านล่างจนเหนอะหนะ

นานทีหรอกถึงจะมาแถวนี้ ไกลก็ไกล แถมยังหารถไม่ได้อีก ร่างสูงชะเง้อมองรถราที่แล่นไปมาด้วยความเร็วสูงอยู่อีกสิบห้านาทีก่อนที่แท็กซี่สีชมพูขุ่นสภาพกลางเก่ากลางใหม่จะผ่านมา แขนยาวกวักเรียกอย่างโล่งใจ

“ไปสุขุมวิทครับ” เขาเปิดประตูหลังบอกคนขับ และหันมาพูดกับคนขับรถส่วนตัว

“ลุงแหวง พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานให้ผมแล้วนะ ไปหาพี่พันเลย”

“หะ คุณต่อ...”

ปัง!

ชายหนุ่มปิดประตูรถแท็กซี่โดยไม่สนใจชายแก่ที่ยืนแกร่วข้างทาง แอร์ในห้องโดยสารเย็นฉ่ำจนคลายอารมณ์ลงไปได้บ้าง มือใหญ่ปลดเน็คไทให้คลายจนหายใจสะดวกกว่าเดิม

“ขึ้นทางด่วนมั้ยครับ” คนขับแท็กซี่ถาม ต่อพงษ์หันไปมองใบหน้าซีซ้ายของคนขับก่อนจะตอบตกลง

รถแล่นมาเรื่อยและทำความเร็วได้ดีจนชายหนุ่มเลิกกังวลว่าจะไปไม่ทันนัด ก่อนจะหยิบเอกสารขึ้นมาดูแต่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังลั่น

“ครับพี่พัน”

[ไอ้ต่อ เอ็งไล่ลุงแหวงออกเหรอวะ] พี่เขยของเขาทักมาด้วยน้ำเสียงเข้ม

“อื้อ”

[อีกแล้วเหรอวะ นี่คนที่เท่าไหร่แล้วเนี่ยของเดือนนี้] ฝ่ายนั้นถอนหายใจอย่างปลงตก

“พี่อย่าบ่นไปเลยน่า นี่ผมไม่ไล่ออกตอนที่ลุงเอารถไปเหยียบตะปูวันก่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว”

[อย่างน้อยก็ให้โอกาสแกบ้างสิวะ แกก็แก่มากแล้วนะเว้ย]

“พี่สงสารก็รับไปเป็นคนขับส่วนตัวเองสิ”

[เออๆ ตามใจเอ็งละกัน แล้วนี่ถึงไหนแล้ว คุณประชาเค้าเนี้ยบนะโว้ย อย่าไปสายเด็ดขาด]

“รู้แล้วน่า รีบอยู่” ต่อพงษ์ชิงกดวางสายก่อนด้วยไม่อยากต่อล้อต่อเถียง หมดอารมณ์จะหยิบเอกสารมาอ่านจึงนั่งเงียบจมกับความคิดของตัวเอง

ต่อพงษ์ เสถียรภาพไพบูลย์ หรือต่อ อายุ 25 ปี รองประธานกรรมการบริษัทรับทำอาหารสำเร็จรูปตามสูตรลูกค้า หรือเรียกสั้นๆว่า โออีเอ็ม (OEM) เพิ่งมารับตำแหน่งได้แค่ปีกว่าหลังจากเรียนจบจากอเมริกา ธุรกิจครอบครัวนี้ไปได้สวย แต่เพราะเป็นลูกชายคนโตจากบรรดาลูกทั้ง 3 ของครอบครัว พี่สาวชื่อแก้วกานดา (เปลี่ยนชื่อจาก ตรึงจิต) นั้นแต่งงานกับพันธุ หรือ พี่พัน หัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัท ด้วยความที่เป็นครอบครัวคนจีน ลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วถือว่าเป็นคนนอก ส่วนน้องชายก็เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 เมื่อต้นเทอมที่ผ่านมานี้เอง

“ให้ผมขับเร็วกว่านี้มั้ยครับ” คนขับถามขึ้นมา ชายหนุ่มเงยหน้ามองเสี้ยวใบหน้าที่นั่งหลังตรงหลังพวงมาลัย

“ดีเลยครับ นี่ครับค่าทางด่วน”

“ครับ” คนขับแท็กซี่หันมาจนชายหนุ่มสามารถมองใบหน้านั้นชัดขึ้น

“พี่ขับแท็กซี่มานานรึยังครับ”

“ผมเหรอ เกือบสิบปีแล้วล่ะครับ”

“โห นานเหมือนกันนะเนี่ย”

“ใช่ครับ แต่ก่อนผมน่ะทำงานโรงงาน แต่หัวหน้างานจุกจิก เลยตัดสินใจลาออก”

“แล้วไม่คิดหางานใหม่เหรอครับ”

“โอ๊ยไม่แล้วครับ อายุปูนนี้ละ การศึกษาก็น้อยใครเค้าอยากจะจ้าง” ว่าแล้วก็ลดกระจกยื่นธนบัตรจ่ายค่าทางด่วน

“ผมถามหน่อยสิครับ”

“ครับ ถามได้เลย”

“พี่ขับแท็กซี่แบบนี้ รายได้ดีมั้ย”

“โอ๊ยคุณ สมัยนี้แท็กซี่เยอะจะตาย ไหนจะมีแกรปมาแย่งลูกค้าอีก ขับรถงกๆไปวันๆให้คุ้มค่าแก๊สยังลำบากเลย” คนขับรถตอบอย่างอัดอั้น

“แต่พี่ก็ยังขับมาเป็นสิบปีเลยนะครับ”

“อย่างที่บอกแหละครับ คนเรียนมาน้อย ไปทำอะไรก็ไม่รอด ไหนจะภาระโน่นนี่นั่นอีก”

“อ๋อ ต้องดูแลลูกเมียด้วยใช่มั้ยครับ”

“ฮ่าๆ เปล่าเลยคู๊ณ ลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย จะกล้าพาใครมาลำบาก ผมหมายถึงภาระเลี้ยงดูแม่ ส่งน้องเรียนก็แทบไม่พอใช้แล้วครับ”

“แล้ว พี่สนใจเปลี่ยนงานปะ”

“หืม”

“ผมหมายถึง สนใจมาเป็นคนขับรถประจำตัวให้ผมมั้ย”

“ห๊ะ” คนขับงงกว่าเดิมสิครับ

“ถ้าพี่สนใจ นี่นามบัตรผม หน้าที่ก็แค่ขับรถพาผมไปนั่นมานี่ เวลาไม่มีอะไรก็กลับบ้านไปดูแลแม่พี่ได้”

“คุณล้อผมเล่นรึเปล่าครับเนี่ย ฮ่าๆ”

“เปล่าครับ รับนามบัตรผมไปนะ ผมเพิ่งไล่คนขับรถออกเมื่อกี้นี้เอง”

“อ่า”

“ไม่ต้องห่วงนะ ผมให้เงินเดือนสามหมื่น ถ้าวันไหนดึกก็ค้างที่บ้านผมได้ ผมไม่รีบ ให้พี่คิดดู ถ้าพี่ตกลง พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าไปรับผมตามที่อยู่นี้” ต่อพงษ์หยิบกระดาษโพสต์อิทมาเขียนที่อยู่ก่อนวางให้คนขับรถที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตก

จะมีใครว่าเขาบ้ามั้ยนะ อยู่ๆก็ชวนคนไม่รู้จักมาเป็นคนขับรถให้แบบนี้ แล้วอะไรคือความหมายของคำว่าไม่รีบ แต่ต้องการคำตอบพรุ่งนี้....
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับรัก ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 1 @15/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-01-2020 16:36:56
Personal Driver
ตอนที่ 2 เอกภพ ใบบุญ

             ผมนี่งงเลย งงมาก เอาจริงๆ อยู่ๆก็มีคนรวยที่ไหนไม่รู้เสนอเงินสามหมื่นและชวนไปเป็นคนขับรถให้ เงินขนาดนั้นเนี่ยเอาไปจ้างพนักงานออฟฟิศตำแหน่งสูงๆได้เลยนะเนี่ย ใครบ้างจะไม่แปลกใจสงสัย คิดว่าเป็นโชครึก็ไม่กล้า กลัวจะเป็นพวกต้มตุ๋นสิไม่ว่า

             หลังจากส่งคนแปลกหน้าที่ทำตัวแปลกเสร็จผมก็ตีรถเปล่ากลับทางเดิม จากสุขุมวิทไปพระราม 2 นั้นรถค่อนข้างติด แต่ทำยังไงได้ล่ะ นี่ก็ใกล้เวลาต่อกะแล้ว รถคันนี้ก็เช่าเขา ถ้าไม่รีบผมก็โดนปรับ ผู้โดยสารหลายคนที่กวักเรียกแต่พอถามเส้นทางที่อยู่คนละโยชน์ก็ต้องปฏิเสธ ความจริงผมไม่เกี่ยงงานหรอก แต่ตอนนี้ต้องเผื่อเวลาเติมแก๊สอีก รถติดขนาดนี้กว่าจะไปถึงอู่คงหมิ่นเหม่พอดู แต่ถูกผู้โดยสารด่าหรือไม่ก็ปิดประตูรถโครมใหญ่ใส่หน้าก็ใจแป้วไปเหมือนกัน

             รายได้แต่ละวันก็ไม่มากมายอะไร ยังดีหน่อยที่เมื่อกี้ได้มาเกือบสี่ร้อย จ่ายค่าแก๊สค่าเช่ารถก็พอเหลือเงินอยู่บ้าง หลังจากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่ากลับเข้าบ้านที่อยู่ในซอยลึก ยังดีที่ผมมีบ้านอยู่ ไม่ต้องเช่า แต่สภาพมันก็เก่าเก็บใกล้จะพังเต็มแก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็พอมี แต่อย่าถามถึงแอร์เลย เอาแค่พัดลมไม่พังก็พอแล้ว

“เอกเอ๊ย กลับมาแล้วเหรอ”

“ครับแม่ แม่อยู่ไหนน่ะ” เสียงเปิดประตูบ้านส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดจนผู้เป็นแม่ได้ยิน

“อยู่ในห้องน้ำ หิวมั้ยแม่ทำกับข้าวไว้ที่โต๊ะน่ะ”

“ครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำแล้วมากิน แล้วไอ้โทล่ะ” ผมถามถึงเอกภาพ น้องชายวัยรุ่นที่ไปเรียน

“มันบอกว่าวันนี้ไม่กลับ มีทำรายงานกับเพื่อน”

             เสียงตะโกนคุยกันไปมาเป็นเรื่องปกติของบ้านนี้ ครอบครัวเรามีกันอยู่ 3 คนแม่ลูก พ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเรียนชั้นม.6 แม่มีอาชีพเป็นแม่บ้าน พอพ่อเสียรายได้ของเราก็หายไปหมด พวกเราเป๋กันไปพักใหญ่ก่อนที่ผมจะตัดสินใจไม่เรียนต่อและหันไปหางานทำ ตอนแรกมันก็ดูจะไปได้ดี แต่คงเพราะกรรมเก่ามันเยอะ เจ้ากรรมนายเวรถึงได้ตามติดไปทุกที่ เมียน้อยเจ้านายที่โรงงานมาติดพันจนเกิดการเขม่น ไอ้ผมที่อยู่เฉยๆก็โดนจัดหนักจนเครียดถึงขั้นต้องลาออก

             พอลาออกมาก็ไม่รู้จะไปไหน เงินติดตัวก็ร่อยหรอ พอดีไอ้เพื่อนสมัยเรียนที่มีชะตากรรมเดียวกันคือไม่เรียนต่อแนะนำให้ไปขับแท็กซี่ แรกๆก็เงอะๆเงิ่นๆเพราะอายุยังไม่ 20 ได้แต่ทนขับไปทั่วจนชินทาง ขับไปขับมาก็ไม่อยากออกไปหางานทำแล้วจึงอยู่ยาวมาจนทุกวันนี้

โครม!

“แม่!” เสียงดังในห้องน้ำทำให้ผมต้องวิ่งหน้าตาตื่น ประตูห้องน้ำมันชำรุดอยู่แล้วจึงไม่ต้องออกแรงถีบหรือเตะ แม่ผมนอนกองกับพื้น มีเลือดไหลอาบจนหน้าซีด

“แม่เป็นไร ทำใจดีๆไว้”

“แม่ไม่เป็นไรหรอก แค่เจ็บท้อง ฉี่เป็นเลือด” แม่เล่าอาการขนาดนี้คงจะไม่หนักหนาเท่าไหร่หรอก

แต่ผมก็คิดผิด เมื่อถึงมือหมอก็ถูกพาไปห้องฉุกเฉิน ใช้เวลาตรวจนั่นนี่ร่วมสามชั่วโมงก็ได้พบกับคุณหมอท่าทางใจดีเดินมาบอกอาการของแม่ “คุณยายแกเป็นนิ่วที่ไตน่ะครับ แล้วมีเม็ดใหญ่เม็ดหนึ่งไปอุดที่ท่อปัสสาวะจนอักเสบ หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต้องรีบผ่าตัดออก”

“ร้ายแรงมากเลยเหรอครับ”

“ถ้าผ่าตัดก็จะดีขึ้นครับ แต่ผลเอ็กซ์เรย์ออกมาแล้วว่านิ่วติดที่ไตเยอะไปหมด ถ้าไม่ผ่าออกเดี๋ยวก็มีอาการแบบนี้มาอีก”

ผมใจหายวาบ...คิดถึงค่าหมอขึ้นมาทันที

“ไม่ต้องห่วงค่ารักษานะครับ โรงพยาบาลรัฐไม่เก็บกับคนป่วยมีบัตรทองหรอก”

“ครับ” ผมรับคำแผ่วเบา รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่แปลกใจนิดนึง นี่หมอรักษาคนหรือหมอดูวะเนี่ย เดาใจถูกด้วย

“ตอนนี้คุณยายเสียเลือดมาก แต่สภาพร่างกายยังแข็งแรงดีอยู่ไม่น่าเป็นห่วง แต่อาจจะต้องรีบผ่าเอาก้อนนิ่วออก”

“รีบขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ครับ ผมมีคิวว่างพรุ่งนี้พอดี ถ้าอย่างไรแล้วคุณไปติดต่อกับพยาบาลเรื่องการแอดมิทคนไข้นะครับ”

“ครับ” ผมยกมือไหว้คุณหมอท่วมหัว ไม่รู้จะโชคดีหรือไม่กันแน่ที่อยู่ๆก็มีคิวว่าง อย่างที่รู้กันดีนี่แหละ ว่าโรงพยาบาลรัฐน่ะคิวยาวเหยียดขนาดไหน ถ้าอาการแม่ไม่หนัก คงได้แค่ยาละลายนิ่วไปกินประทังก่อน

“ตอนนี้เตียงผู้ป่วยรวมเต็มนะคะ มีแต่ห้องพิเศษที่ต้องเสียเงินเพิ่ม” ผมมองสภาพผู้ป่วยในห้องคนไข้รวมที่แออัดจนแทบไม่มีทางให้เดิน แม้แต่ทางเดินระหว่างตึกยังมีเตียงคนไข้เรียงรายจนแทบเรียกได้ว่าแย่งอากาศกันหายใจเลยทีเดียว

“มีห้องแบบไหนบ้างครับ”

“ตอนนี้มีเหลือแต่ห้องพิเศษเดี่ยวค่ะ ราคา 1,870 บาทต่อคืน อันนี้ลดแล้วจาก 2,200 บาทนะคะ”

ผมได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “แล้วแม่ผมต้องพักฟื้นนานแค่ไหนครับ”

“อันนี้ก็แล้วแต่อาการคนไข้หลังผ่าตัด ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน สองสามวันก็กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ค่ะ”

แต่ถ้านานกว่านั้น...ผมคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างหนักใจ

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับรัก ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 1 @15/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-01-2020 16:38:24
เอิ่ม คุณต่อ


ไม่ตรวจสอบประวัติ


เขาหน่อยเหรอ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับรัก ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 1 - 2 @15/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 15-01-2020 19:50:12
ตัวหนังสือสีฟ้า อ่านยากจังอ่ะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับรัก ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 1 - 2 @15/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 15-01-2020 20:13:23
รับง่ายจังเลย ถูกใจอะไรเอกน้อ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 3 @16/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-01-2020 11:34:52
Personal Driver


ตอนที่ 3 สู้เพื่อแม่

             ผมกำนามบัตรในมือแน่น เหมือนชะตาฟ้าลิขิตหรือนรกชังสวรรค์แกล้งก็ไม่รู้ เมื่อตอนกลางวันมีคนแปลกหน้าชวนไปเป็นคนขับรถส่วนตัวให้ด้วยข้อเสนอสุดเย้ายวน แต่ตกเย็นแม่ผมก็ต้องแอดมิทนอนโรงพยาบาลรอผ่าตัดพรุ่งนี้เช้า น้องชายตัวดีกระหืดกระหอบมาที่ห้องพักของแม่หน้าตาตื่นเหมือนคนจะร้องไห้ ส่วนแม่ผมก็ได้แต่บ่นเรื่องห้องพิเศษว่าเปลืองอย่างนั้นอย่างนี้ จนได้เจอเจ้าโทนี่แหละถึงสงบปาก

“พี่เอก ไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวผมดรอปเรียนก่อนก็ได้นะพี่” น้องชายหัวแก้วหัวแหวนผมกระซิบกระซาบถามตอนที่แม่หลับไปแล้ว สายน้ำเกลือระโรงระยางห้อยมาจนถึงข้อมือเป็นสิ่งที่บอกได้อย่างดีว่าเราต้องสู้สักตั้ง

“บ้าน่า พูดไปเรื่อย เอ็งมีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ พี่เอ็งยังไหว”

“พี่เอก”

“พอเลยไอ้นี่ เอ็งคิดว่ากูทำงานงกๆให้มึงมาดรอปเรียนรึไง” ขึ้นมึงกูกับน้องจนเป็นเรื่องปกติแล้วครับ

“...”

“ไม่ต้องคิดมาก ทำหน้าที่เอ็งให้ดีที่สุดก็พอ แก่ตัวมาแม่จะได้ไม่ลำบาก”

“อื้อ” น้องชายตัวโย่งปาดน้ำตาป้อยๆ

“หยุดขี้แยได้แล้ว อายุจะ 18 แล้วนะเว้ย” นั่นแหละครับคุณผู้ชม พ่อผมเสียตอนที่น้องผมยังเล็กน่าจะจำความไม่ค่อยได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าผมไม่เลือกทางนี้ ใครล่ะจะทำ

“พี่แม่ง คนจะซึ้งซะหน่อย”

“เออๆ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว จะมาทำซึ้งอะไรวะ” ผมแซวกลับ ปล่อยให้น้องชายตัวดีล้มตัวนอนที่โซฟา ส่วนผมน่ะเหรอ กลับบ้านสิครับ ไหนๆก็ไหนๆละ

สู้เพื่อแม่ซักตั้งละกัน....



             ผมตื่นตั้งแต่ตีห้า แต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าสุภาพที่สุด หวีผมเรียบแปล้ แล้วออกไปรอแท็กซี่ที่โทรจองไว้ก่อนหน้า เช้าขนาดนี้รถยังไม่ติดมาก แต่ถ้าออกสายกว่านี้หน่อย รับรองผมไปไม่ทันเวลานัดแน่ๆ แต่เอ...เค้านัดกี่โมงกันแน่นะ

....สุดท้ายผมก็มายืนหน้าบ้านหรูกลางกรุงตั้งแต่หกโมงครึ่ง

             รั้วบ้านบ่งบอกถึงฐานะของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี แต่ประตูทางเข้าที่ดูคล้ายระแนงไม้ตีทาบทับถี่จัดจนมองไม่เห็นด้านใน ตัวบ้านที่มองเห็นน่าจะไม่มีไฟเปิดเลยสักดวง นั่นไง ว่าละ แกร่วสิครับงานนี้ จะโทรหาก็ไม่กล้า เกรงว่าว่าที่เจ้านายจะยังไม่ตื่น ผมไม่มีที่ไปเสียด้วย ถ้าในบ้านมีคนป่านนี้ก็คงต้องเดินผ่านไปมาบ้างล่ะ แต่ความเงียบเชียบเช่นนี้...ผมคงต้องรอต่อไป

             รู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีคนมาสะกิด ผมนั่งกอดเข่าสัปหงกอยู่หน้าบ้านหรูนานแค่ไหนไม่รู้ พอเงยหน้าขึ้นกลับพบใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ตกใจจนผุดลุกแทบเอาหัวไปชนอกเค้าเลย ให้ตายสิ

“ท่าน มาตั้งแต่ตอนไหนครับ” ผมขยี้ตาก่อนเช็ดน้ำลายที่ทึกทักว่าคงไหลเยิ้มแก้ม

“เพิ่งมานี่แหละ นายมานานแล้วเหรอ”

“ไม่นานครับ” ตั้งแต่หกโมงครึ่ง ... ผมโกหก

“ไม่นานแต่มานอนหน้าบ้านผมได้เนี่ยนะ” ชายร่างสูงเลิกคิ้วเหมือนจับไต๋ได้ ผมได้แต่ส่งยิ้มแหะๆไปให้

เหมือนหมาเลยกู....

“เข้ามาก่อนสิ” ประตูรั้วเปิดทันทีที่เจ้าของบ้านกดปุ่ม หนุ่มร่างสูงในชุดออกกำลังกายเดินก้าวเท้ายาวเข้าไปข้างใน ทางเดินที่ปูด้วยหินแกรนิต (ผมคิดว่านะ) ไร้เศษใบไม้เกะกะตามทาง ประตูบานไม้สีดำมีแสงไฟส่องสว่าง ผมเดินตามอย่างเงอะเงิ่นสำรวจความหรูหราอย่างใคร่รู้

“ท่านจะออกกี่โมงครับ” ร่างสูงหยุดกึกหน้าประตู

“ผมชื่อต่อพงษ์ เรียกผมว่าต่อก็ได้”

“ครับ คุณต่อ”

“ว่าแต่ นายชื่ออะไรนะ”

“ผมเหรอ เอกภพครับ เรียกเอกก็ได้”

“โอเคนายเอก เข้ามานั่งรอที่โซฟาก่อน ผมไปอาบน้ำแล้วก็จัดการมื้อเช้าแล้วค่อยไป”

“ดะ ได้ครับ”

             ภายในบ้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย พื้นปูนที่คล้ายจะเป็นปูนเปลือยเงาวับแต่ไม่ลื่นล้มตอนเดินวาววับ บ้านช่องเงียบเชียบราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่

แกรก เสียงแก้วน้ำวางบนโต๊ะกระจกทำให้ผมหันไปมอง

“ดื่มน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณต่อก็ลงมา” ผมผงกหัวครั้งหนึ่งแทนคำขอบคุณผู้หญิงวัยกลางคนอย่างลืมตัว ปกติผู้น้อยต้องยกมือไหว้ แต่ครั้งนี้ผมคงตื่นเต้นมากเกินไปจนลืมมารยาท แต่คุณน้ากลับไม่ว่าอะไร

“คนขับรถคนใหม่เหรอ ชื่ออะไรน่ะเรา”

“เอ่อ ครับ ชื่อเอกครับ”

“อยู่ด้วยกันนานๆล่ะ อย่าไปทำอะไรให้คุณต่อหัวเสียเชียว เดือนนี้ไล่ออกไปสองสามคนแล้วเนี่ย”

หะ...ผมยกเลิกคิวแท็กซี่ไปแล้วด้วย ถ้าเกิดเจ้านายหนุ่มไม่พอใจผมจะเอาอะไรกิน

“ครับ”

“อ้อ ป้าชื่อสายหยุดนะ เรียกป้าหยุดก็ได้ ปกติอยู่บ้านใหญ่ฝั่งตรงข้าม จะมาที่นี่เฉพาะตอนเช้าเพื่อทำกับข้าวหรือไม่ก็ตอนมาทำความสะอาด”

“สวัสดีครับป้าหยุด” ผมยกมือไหว้แนะนำตัวเสียที ทีแรกจะเรียกน้า แต่อีกฝ่ายแทนตัวว่าป้าก็ต้องว่าตามกัน

“เดี๋ยวป้าไปเตรียมกับข้าวให้คุณเค้าก่อนนะ กินไรมารึยังล่ะเรา”

“ยังครับ” ผมลูบท้องอย่างลืมตัว เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเช้านี้

“งั้นมานี่มา มาหลังบ้าน” ผมโดนคะยั้นคะยอให้เดินตามป้าหยุดไป ถึงแม้จะเกรงใจแค่ไหนแต่กลิ่นหอมของอาหารทำให้ผมเดินตามไปเหมือนลอยได้ “นั่งกินตรงนี้นะ ปกติไม่มีใครมาหรอก”

“แล้วคุณต่อพงษ์ล่ะครับป้า”

“กินด้านในโน่น หรือไม่ก็ในห้องแล้วแต่สะดวก รายนั้นไม่ค่อยเข้าครัวหรอก” ผมพยักหน้าหงึกๆ

“กินเสร็จแล้วไม่ต้องล้างนะ วางไว้ตรงอ่างเดี๋ยวป้าจัดการเอง รีบเข้าใกล้เจ็ดโมงแล้ว” ผมแหงนดูนาฬิกาแขวนที่ผนังก่อนจะจ้วงอาหารเช้าจนเรียบ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 3 - 4 @16/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-01-2020 11:53:09
Personal Driver

ตอนที่ 4 เริ่มงานวันแรกก็โดนดุซะละ

             บริษัทของเจ้านายผมอยู่แถวแพรกษา จ.สมุทปราการ มันไม่ได้มีแค่ออฟฟิศ แต่มีโรงงานอยู่ด้านในของเนื้อที่กว้างใหญ่นี้ด้วย ผมกลืนน้ำลายอย่างเหนียวคอ เพราะมันดูคล้ายบริษัทที่ผมเคยมาทำงานเมื่อนานมาแล้ว แต่ก็ไม่น่าใช่ เพราะตอนนั้นผมไปทำแถวมหาชัย คงไม่ใช่เป็นโรงงานเดิมแล้วย้ายมาที่นี่นะ...

มันคงไม่ดวงสมพงษ์กันขนาดนี้หรอกมั้ง...

“เป็นอะไร หน้าซีดเชียว” เจ้านายหนุ่มที่นั่งเงียบมาตลอดทางถามขึ้นมา

“ปะ เปล่าครับ ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”

“ตอนขับรถมีสมาธิด้วยสิครับ” หูยยยย แค่วันแรกก็โดนดุไปแล้วหนึ่งดอก

“ขอโทษครับ”

“เดี๋ยวเลี้ยวไปจอดหน้าตึกขวามือนะ จากนั้นก็เอารถไปเก็บที่โรงรถ วนตามทางไปเลย”

“ครับคุณต่อพงษ์”

“เรียกต่อเฉยๆก็ได้” ใจผมน่ะอยากเรียกหรอก เพราะยังไงผมก็แก่กว่า แต่จะให้เรียกแค่ชื่อ หรือน้องต่อก็ยังไม่สนิทกันขนาดนั้น

“เรียกคุณต่อดีกว่าครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเกรงใจ เจ้านายผมไม่ว่าอะไรก่อนจะนั่งนิ่ง

“คุณต่อไม่ลงเหรอครับ”

“...” ใบหน้าหล่อเหลาพยักเพยิดไปที่ประตู อ้อออออ ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งลงไปเปิดประตูให้เจ้านายหน้านิ่งทันที

“ขนเอกสารที่เบาะหลังมาด้วย”

“ครับๆ” ผมได้แต่รับคำก่อนกวาดเอกสารปึกใหญ่วิ่งตามต้อยๆ

             ภายในสำนักงานเย็นฉ่ำ มีพาร์ทิชันกั้นคอกสำหรับพนักงานอย่างเป็นระเบียบ เสียงที่อื้ออึงเมื่อครู่เงียบกริบทันทีที่ผู้บริหารหนุ่มก้าวเท้าเข้ามา แต่ละคนก้มหน้างุด จะมีบ้างก็พนักงานสาวๆที่พยายามมอง แต่มองยังไงก็รู้ว่าอ่อย...

“อุ๊ย นั่นใครน่ะ เดินตามคุณต่อมา” เสียงกระซิบ ถ้าจะดังขนาดนี้ก็ตะโกนเถอะครับ

“คนขับรถคนใหม่ไง ไม่รู้เหรอว่าคนเก่าเพิ่งโดนเฉดหัวเมื่อวาน”

“โถ น่าสงสาร จะอยู่ได้สักกี่วันเนี่ย” อยู่ได้โว้ย อยู่ไม่ได้กูจะเอาอะไรแดก...ผมตะโกนตอบในใจ

“ปกติคุณต่อไม่ให้คนขับเข้ามาในออฟฟิศนี่นา ทำไมวันนี้ถึงให้เดินตามล่ะ”

“ชั้นจะรู้มั้ยล่ะ แกก็ถามแปลก...” นี่สินะสังคมออฟฟิศ ขนาดผมเดินย่างกรายใกล้ๆยังนินทากันลั่น

“เอาของวางตรงนี้แล้วก็เอารถไปเก็บ”

“คะ ครับ”

“เดี๋ยวนายไปนั่งรอผมที่ห้องครัวนะ เตรียมตัวให้พร้อมด้วย ตอนเที่ยงผมมีนัด”

“คุณต่อจะออกไปกี่โมงครับ”

“กี่โมงก็ได้ขอให้ทันเที่ยง”

เอาแล้วไง....

“แล้วคุณต่อจะไปไหนครับ”

“นี่ผมต้องตอบคำถามอีกกี่ข้อเนี่ย ไม่มีตารางงานผมรึไง”

หน้าเจื่อนสิคุณ ผมเพิ่งมาทำงานวันแรกนะ “มะ ไม่มีครับ” ได้แต่ตอบเสียงหงอย

“คุณอ้อย ส่งตารางงานอาทิตย์นี้มาในไลน์ผม เดี๋ยวนี้” เจ้านายหนุ่มหน้าดุกดปุ่มอินเตอร์คอมสั่งงาน คนชื่ออ้อยตอบรับอย่างลนลานก่อนจะได้ยินเสียงเตือนดัง

ไลน์!

“มีไลน์มั้ย” เสียงงี้เข้มเชียว ผมชูมือถือเป็นซัมซุงฮีโร่ที่ตกทอดมาจากแม่ให้เจ้านายดู ใบหน้าหล่อนั้นแสดงอาการเอือมระอาอย่างเปิดเผย

“คุณอ้อย”

“คะ คุณต่อ”

“ไปเอามือถือพนักงานที่บุคคลมาให้ผมเครื่องนึง”

“ค่ะ เดี๋ยวอ้อยเอามาให้นะคะ” ครู่เดียวเท่านั้น ไอโฟนสุดหรูก็มาอยู่ในมือผม

“คุณต่อครับ เอ่อ...”

“อะไรอีก นั่นมือถือใหม่ เอาไว้ใช้ติดต่องาน”

“คือ...” ผมพลิกไปพลิกมาอย่างเหงื่อตก จะพูดออกไปก็กระดาก นึกว่าจะได้มือถือหน้าจอสัมผัสธรรมดาๆ แต่ดันได้มือถือราคาแพงลิบขนาดนี้เสียได้ พลิกไปพลิกมา ดูท่าจะราคาแพงกว่าเงินเดือนผมเสียอีก ไหนบอกมือถือพนักงานไง นี่มือถือผู้บริหารชัดๆ

“นาย”

“ครับ” ผมสะดุ้งเพราะเสียงดุดัน

“จะพูดอะไรก็รีบๆ ผมไม่มีเวลา”

“เอ่อ คือ” ผมกลืนน้ำลาย “ผมใช้ไม่เป็นครับ”

   เท่านั้นแหละ ใบหน้านิ่งเรียบที่คอยหาเรื่องผมเปลี่ยนไปทันที เสียงหัวเราะดังลั่นจนผมหน้าแดงหูแดงไปหมด โถ่ คุณครับ ไม่ใช่ผมไม่รู้จักมือถือนะครับ อายุผมแค่สามสิบเอง แต่เกิดมานอกจากพวกโนเกีย หรือไม่ก็ซัมซุงฮีโร่แบบกด ผมก็ไม่เคยแตะอะไรพวกนี้หรอก มันไม่สมราคาผมสักนิด...หรือว่าผมวะที่ไม่สมราคาค่างวดของแบบนี้ก็ไม่รู้

“คุณต่อครับ ระวังจะสำลักนะครับ” หมดกันมาดนิ่งขรึมที่เก๊กมาตลอดทาง

“ขอโทษๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ว่าอะไรนายด้วยนะ” นี่ขนาดไม่มีเจตนาจะว่าอะไรนะครับ หัวเราะจนหน้าแดงไปหมดแล้วน่ะ

“ไม่เป็นไรครับ” ตอบอย่างอื่นได้มั้ยล่ะ

“งั้นมานั่งนี่” เจ้านายผมกวักมือเรียกและชี้ที่เก้าอี้ตัวงามฝั่งตรงข้าม ผมนั่งลงตามบัญชาเพราะไม่อยากตกงานตั้งแต่หัววัน

“เอามือถือมา” ผมวางไอโฟนลงที่โต๊ะไม้เงาวับ

“เครื่องนั้นด้วย”

“หะ” ผมตอบเงอะงะ ก่อนจะวางที่ทับกระดาษแสนโทรมไว้ข้างๆมือถือใหม่ ดูยังไงมันก็โคตรต่าง คุณต่อแกะฝาหลังออกอย่างชำนาญก่อนจะดึงซิมการ์ดออกมาแถมยังแงะตัวซิมให้แยกจากกันด้วย ผมมองความชำนาญนั้นอย่างทึ่ง เข็มแหลมที่อยู่ในกล่องเจาะเข้าที่ด้านข้างก่อนจะวางแผ่นซิมลงในนั้น

“มาเดี๋ยวจัดการให้ เอาเมนูภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ”

“ไทยครับ”

“มีอีเมล์มั้ย”

“ต้องใช้ด้วยเหรอครับ”

“อืม” เสียงเข้มอีกละ จะเก๊กไปไหน

“คือ...” จะบอกยังไงดีล่ะ ผมสมัครไว้นานแล้วตั้งแต่สมัยเรียน ตอนวัยรุ่นอะนะ อะไรเจ๋งๆจ๊าบๆก็งัดมาตั้งชื่อให้มันดูเท่ห์ไว้ก่อน ไม่ได้คิดเผื่อวันข้างหน้าหรอกว่าจะตามติดตัวขนาดนี้ เพราะหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้แตะอินเตอร์เน็ตอะไรอีกเลย

“เร็วๆ”

“ครับ ครับ อีเมล์ eakkonloryeahyeah(@)(hot)(mail).com ครับ”

“หะ อีกทีซิ”

“เอกคนหล่อเย่เย่แอทฮ็อตเมล์ด็อทคอมครับ” ผมทวนอย่างอายตัวเอง

ผมจะไม่อายเลย ถ้าไม่เผลอไปสบตาเจ้านายที่ทำหน้าเคร่งขรึม

ผมจะไม่อายเลย ถ้าใบหน้านั้นจะยังอยู่แบบนั้น

ผมจะไม่อายเลย ถ้าเขาไม่ระเบิดเสียงหัวเราะมาอีกครั้ง

นี่แค่วันแรกนะเนี่ย.....
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 3 - 4 @16/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 16-01-2020 23:48:03
อั้ยยย ชอบๆๆ สนุก :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 3 - 4 @16/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-01-2020 17:03:14
อั้ยยย ชอบๆๆ สนุก :hao7: :hao7: :hao7:

ขอบคุณครับ ฝากติดตามผลงานด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับรัก ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 1 - 2 @15/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-01-2020 17:04:48
ตัวหนังสือสีฟ้า อ่านยากจังอ่ะ

แก้ไขให้แล้วนะครับในตอน 3-4
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 3 - 4 @16/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-01-2020 21:49:59
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 3 - 4 @16/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-01-2020 23:29:32
สนุก เบาสมอง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 18-01-2020 12:13:13
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 5 คนขับรถของนายเอกภพชื่อต่อพงษ์นะคร้าบบบบบ

             ผมทำงานกับเจ้านายมาดขรึมมาได้ห้าวันแล้วครับ ตอนนี้ก็ไปๆมาๆจากบ้านแถวบางบอนกับสุขุมวิทเป็นประจำจนเจ้านายต้องออกค่าแท็กซี่ให้เสียแล้ว ผมไม่ได้นอนค้างที่นี่เพราะเกรงใจและต้องไปดูแลแม่ที่โรงพยาบาลด้วย นึกถึงก้อนนิ่วที่นั่งนับได้สองร้อยหกสิบสี่เม็ดแข็งๆเล็กบ้างใหญ่บ้างก็ขนลุกไม่หาย

   หลังผ่าตัดแม่มีภาวะแทรกซ้อนคือปวดท้อง มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่กว่านิ้วก้อย ยาวเกือบคืบไปปิดท่อปัสสาวะจนต้องนอนดูอาการ เวลาที่แม่เจ็บจะบิดตัวไปมาหน้าซีดร้องโอดโอยเสียงหลง ผมทำอะไรไม่ได้ตอนมองดูพยาบาลที่คอยสอดสายฉีดน้ำเกลือเข้าไปในท่อเพื่อกระตุ้นให้ลิ่มเลือดให้หลุดออกมา ชิ้นแรกที่หลุดมาก็มีขนาดตามที่ผมบอกเมื่อกี้แหละ...รู้สึกสงสารแม่จับใจเลยครับ

“คุณยายอาจจะต้องนอนดูอาการอีกสักระยะนะคะ ตอนนี้หมอยังบอกไม่ได้ว่าจะให้กลับบ้านวันไหน” นั่นเป็นคำพูดของพยาบาลที่ดูแลเตียงผู้ป่วยชั้นนี้เมื่อสองวันที่แล้ว

“ใจลอยไปไหน” ผมหันขวับไปตามเสียงนั้น

“ปะ เปล่าครับ” ผมมองทางอย่างตั้งใจ พาสติตัวเองจดจ่อกับการขับรถ

“ผมเรียกตั้งนานไม่ตอบ” โดนซะแล้วไอ้เอกเอ๊ย ตั้งแต่มาทำงานเนี่ยโดนดุประจำ

“ขอโทษครับ”

“มีอะไรรึเปล่า เห็นเงียบๆ” ตั้งแต่ทำงานมาก็มีวันนี้แหละที่ถามเหมือนจะห่วง

“ไม่มีอะไรครับ” ผมไม่อยากเล่าเรื่องดราม่าของตัวเองมากนัก นี่ก็สี่โมงเย็นแล้ว พวกเราอยู่ระหว่างทางกลับบ้านของเจ้านายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าผมเยอะ แต่กลับเก๊กหน้าดุดันยังกะคนแก่

RRRRRRRR

             เสียงไอโฟนของผมดังรัวจนสะดุ้ง คุณต่อทำหน้าดุอย่างรำคาญใจผ่านกระจกมองหลังจนผมรู้สึกผิด นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกจ้างนะ หน้าแบบนี้ มีโบก

“รับซะที ผมรำคาญ”

“ครับๆ ขอโทษครับ” ผมรีบรับสาย “ว่าไง”

[พี่เอก ฮือ แม่ ฮือ]

“ไอ้โท แม่เป็นไร อย่าเพิ่งร้อง แม่เป็นไร” ผมใจหล่นไปถึงตาตุ่ม อยู่ดีๆน้องชายก็โทรมาร้องไห้เรื่องแม่...

[แม่ ฮือ แม่] น้องชายผมร้องไห้ไม่หยุด ตั้งแต่วันที่แม่ผ่าตัดผมก็ไล่มันให้ไปนอนหอในตั้งหน้าตั้งตาเรียนไปก่อน เพราะตอนกลางวันแม่ก็ดูทีวีทำโน่นนั่นนี่เองได้ แถมญาติๆก็มาเยี่ยมไม่ขาดสาย

“ใจเย็น เห้ย ใจเย็น” แต่ผมนี่สิ เย็นไม่ลงเหมือนกันครับ หน้าซีด ตัวสั่นไปหมดเหมือนจะหมดแรงไปซะดื้อๆ

[แม่ แม่... ตู๊ดๆ] อยู่ๆก้อนอะไรก็ไม่รู้จุกที่คอ น้ำตาไหลเป็นสายเลยทีนี้ ในใจคิดฟุ้งซ่านสะระตะ แม่...

“เห้ย นาย นายเอก เป็นไร” เจ้านายผมชะโงกหน้ามาฝั่งคนขับด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“แม่ แม่ผม...” ผมนี่กลั้นสะอื้น แต่ยังห้ามน้ำตาไม่ได้

“แม่เป็นไร นายเอก” เจ้านายเขย่าตัวให้ผมมีสติก่อนที่อะไรๆมันจะแย่ลง ถ้าขาดสติรถคงแกว่งตกสะพานแขวนนี้แน่ๆ

“แม่ผมผ่าตัด ไม่รู้ น้องผมโทรมาร้องไห้ ไม่รู้ว่า ไม่รู้เหมือนกัน” ผมตกใจจนคุมสติไม่อยู่

“จอดรถ” เจ้านายหนุ่มสั่ง ผมยังตัวสั่น

“จอด!” น้ำเสียงนั้นตะคอกจนผมตกใจ ยังดีที่ดึงสติมาได้บางส่วนก่อนจอดที่ไหล่ทาง

“ลงมา” ร่างสูงโย่งกระชากแขนผมอย่างไม่ปราณี คนใจดำ แม่ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ยังมาลากตัวผมให้ออกจากรถอีก เอาเถอะ เดี๋ยวหาแท็กซี่ไปก็ได้วะ ไอ้เอกเอ๊ย เวรกรรมอะไรของมึง มาทำงานก็เจอเจ้านายใจจืดใจดำ ... ปาดน้ำตาก่อน เลอะ

“ไปนั่งฝั่งโน้น” เจ้านายหนุ่มสั่ง ผมมองหน้านั้นด้วยน้ำตานอง “เร็วๆสิชักช้าเดี๋ยวไม่ทันการหรอก” ผมวิ่งเงอะงะไปนั่งฝั่งข้างคนขับโดยมีสารถีกิตติมศักดิ์ชื่อต่อพงษ์นั่งหลังพวงมาลัยแทน ผมนี่อึ้งไปหนึ่งดอก...

“ปรับเบาะสั้นจังวะ” เจ้าตัวบ่นอุบ นี่ว่าผมเตี้ยเหรอ ผมสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบหกนะ นายนั่นแหละสูงเกิ๊น คนอะไรสูงตั้งร้อยเก้าสิบสี่ ถ้าไม่ติดว่าห่วงแม่ ผมโบกสักตั้งจริงๆ

“ไปไหน”

“ครับ”

“ผมถามว่าโรงบาลไหน” เจ้านายกลับมาเก๊กมาดขรึม แววตาจริงจัง ผมบอกชื่อโรงพยาบาลไปก่อนที่รถหรูจะกระชากตัวไปอย่างรวดเร็ว

             เกือบชั่วโมงผ่านไป... ผมเดินไปที่ห้องพิเศษอย่างหมดแรง ในใจแป้วเป๋ไปหมด แข้งขาสั่นจนเดินไม่ไหว คนข้างๆคนรำคาญหนักมากถึงขั้นหิ้วปีกผมมาเป็นระยะ “ผมโอเคครับคุณต่อ ปล่อยผมเถอะ”

“แข้งขาเปลี้ยขนาดนี้ ปล่อยไปกองกับพื้นหน้าฟาดมาจะขี้เหร่กว่าเก่าอีกนะ” หึ ดูถูกชิบหาย

“แต่คุณต่อแทบอุ้มผมแล้วนะ” จริงๆครับ อีกนิดเดียวคงเกิดการอุ้มแน่ๆ

“ก็เดินดีๆสิ ผมก็หนักนะ” ผมประคองตัวเดินให้มั่นแต่ตัวมันยังสั่นจนห้ามไม่ได้

แกรก.... ผมแง้มประตูเข้าไปด้านใน ไม่อยากเห็นผ้าขาวที่คลุมร่างแม่เลย ให้ตายสิ แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหล

“พี่เอก พี่เอกมาแล้ว” น้องชายตัวดีโผมากอดด้วยอาการดีใจ ผมงงกับมันจัง

“มาแล้วเหรอลูก” น้ำเสียงอ่อนเพลียนั้นทักทาย

“อ้าวแม่” ผมงงหนัก ไหนเมื่อกี้มึงร้องไห้หนักหน่วงเลยวะ “แม่ไม่เป็นไรเหรอ”

“โอ๊ย ไม่เป็นไรแล้ว เมื่อกี้พยาบาลมาดึงลิ่มเลือดออกให้ ตอนนี้หายเจ็บแล้ว”

“แล้วทำไม”

“ก็น้องเอ็งมันไม่เคยเห็นแม่เจ็บ ตกใจโวยวายลั่นเลย”

“ไอ้..” ผมทำตาเขียวใส่น้องชายที่กำลังยิ้มแหย

“นั่นใครมากับพี่น่ะ” ผมสะดุ้งสิครับ ลืมไปสนิทเลยว่ามียักษ์หน้าดุขวางประตูอยู่

“อ๋อ นี่คุณต่อ เจ้านายพี่น่ะ”

“ห๊ะ” สองแม่ลูกอุทานพร้อมกันอีก  “พี่ไปได้งานที่ไหน ตอนไหน”

“นั่นสิ ทำไมไม่เคยบอกแม่”

“แล้วพี่ไม่ขับแท็กซี่ละเหรอ แล้วค่าห้องแม่จะเอาไงล่ะ”

“ใจเย็นๆก๊อนไอ้โท”

“เดี๋ยวผมไปหางานพิเศษทำนะพี่ จะได้ช่วยพี่อีกแรง”

“นี่ไอ้โท กูบอกว่ากูได้งานแล้ว มึงฟังบ้างมั้ยเนี่ย”

“พี่ไปทำงานอะไร วุฒิการศึกษาก็ไม่มี พี่อย่ามาอำ นี่เป็นคุณหมอใหม่แน่ๆเลยใช่มั้ย”

แต่งสูท ผูกไทเต็มยศขนาดนี้ หมอบ้านเอ็งสิ...แต่เอ๊ะ ก็บ้านมันก็บ้านกูนี่หว่า

“สวัสดีครับคุณแม่ ผมต่อพงษ์ครับ เจ้านายพี่เอก” หืม เรียกพี่เอกซะด้วย ปกติอยู่กันสองคนเรียก นายๆ

“ไหว้พระเถอะลูก แล้วทำไมถึงมากับตาเอกได้ล่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีทางผ่านน่ะ เห็นพี่เอกรีบผมเลยถือโอกาสมาเยี่ยมคุณแม่ซะเลย” หึ เนียนนักนะ ทางผ่านบ้านเตี่ยอะดิ นี่บางบอน คงผ่านไปสุขุมวิทมั้ง

“โถ พ่อหนุ่ม ขอบใจมากนะคะ” แม่ หยุดปลื้ม หยุด

“ผมขอโทษด้วยนะครับที่มามือเปล่า เสียมารยาทจัง” ทำไมต้องทำเสียงหล่อขนาดนั้นด้วยวะ

“โอ๊ย ไม่เป็นไรเลยพ่อคุณ” แม๊! หยุดชื่นชมเดี๋ยวนี้ ดูสายตาสิ จะเอ็นดูทำม้ายยยยย...ทำไมผมสติหลุดหมั่นไส้ได้ขนาดนี้นะ

“งั้นเอางี้ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ให้ทางผมรับผิดชอบเองนะครับ”

“ห๊ะ” เสียงผมเองครับ

“ถือว่าเป็นสวัสดิการพนักงาน ไม่ต้องเกรงใจ” หน้าหล่อๆนั้นพูดเสียงเรียบ จะมาไม้ไหนวะเนี่ย

“คุณต่อ...” ผมนี่ถึงกับอึ้งเป็นดอกที่สอง

“ตั้งใจทำงานละกัน” เจ้านายผมโน้มตัวมากระซิบไก่ที่กำลังตาแตกแบบผม

“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ คุณแม่จะได้พักผ่อน” บังอาจเรียกแม่เสียด้วย ใครแม่เอ็งฟระ

“จ้ะ ขอบใจมากนะที่มาเยี่ยม” ต่อพงษ์ไหว้หญิงชราบนเตียงคนไข้อย่างนอบน้อม ท่าทางผิดแปลกจากตอนที่ดุผมลิบลับ ไอ้น้องชายผมนั่งจับมือแม่เงียบเชียบก็ยกมือไหว้ยกใหญ่  ใบหน้าหล่อเอียงมากระซิบข้างหู “เจอกันพรุ่งนี้”

“แต่ คุณต่อจะกลับยังไง” ผมกระซิบถาม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องกระซิบกระซาบกันด้วย

“รถไง ผมมีรถ”

“แต่...”

“ผมกลับเองได้ นายดูแลแม่เถอะ พรุ่งนี้เจอกัน” นั่นไง กลับเองอี๊ก ... อึ้งดอกที่สาม แล้วนี่ผมจะโดนว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่มั้ยเนี่ย จะโดนด่าหนักรึเปล่า โดนหักเงินมั้ยภาระยิ่งเยอะๆอยู่ หรือจะโดนไล่ออกรึเปล่า ยิ่งมีข่าวลือหนาหูเรื่องไล่คนขับรถออกบ่อยๆด้วย

“คุณต่อ” ผมเดินตามร่างสูงโย่งมาตรงทางเดินไปที่ลิฟต์

“อะไรอีก” นั่นไง น้ำเสียงเบื่อหน่ายมาแล้ว สร้างภาพเก่งงงงงง

“คือ ผมจะโดนหักเงินวันนี้มั้ยอะครับ” คือ กูไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถามแบบนั้น

“คิดว่าไงล่ะ” เจ้านายผมยิ้ม ผมคิดว่าตัวเองตาฝาด ร่างสูงนั้นยิ้ม เลิกคิ้วก่อนเดินลงบันไดแทนที่จะรอลิฟต์ที่กำลังมา...


(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1074580693-member.jpg)
(ต่อพงษ์ เสถียรภาพไพบูลย์)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 18-01-2020 19:34:47
สนุก อ่ะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-01-2020 19:51:05
น่ารักดี ๆ พี่เอกก็อย่าไปขัดใจคุณต่อมากเลย งานสบาย รายได้ดี แถมจะได้มีแฟนด้วยนะ :-[
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 18-01-2020 20:01:50
แน่ะ น้องต่อพงษ์เริ่มอาการออกละนะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 18-01-2020 21:53:47
น้องต่อ แค่ 5 วัน เข้าทางแม่พี่เอกซะแล๊
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-01-2020 07:26:48
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-01-2020 15:24:24
สนุก อ่ะ


ขอบคุณมากครับ ปลื้มใจ >___<
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-01-2020 15:25:34
แน่ะ น้องต่อพงษ์เริ่มอาการออกละนะ :hao7: :hao7:

น้องต่อ แค่ 5 วัน เข้าทางแม่พี่เอกซะแล๊


เด็กมันร้ายยยยย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับรัก ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 1 @15/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-01-2020 15:49:02
เอิ่ม คุณต่อ


ไม่ตรวจสอบประวัติ


เขาหน่อยเหรอ


รับง่ายจังเลย ถูกใจอะไรเอกน้อ



เดี๋ยวมีเฉลยนะครับ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-01-2020 16:04:42
:z1:

 :3123: :pig4: :3123:

สวัสดีครับ เจ้าประจำมาแล้ว เย้เย้
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-01-2020 18:45:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่เอกเจอจับกินแน่
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 5 P.1 @18/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 20-01-2020 19:41:40
เจ้านายร้าย :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 6 P.1 @21/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-01-2020 09:42:13
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล
ตอนที่ 6 เจ้านายหรือลูกกันแน่วะเนี่ย

             เย็นนี้เจ้านายหนุ่มของผมต้องไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนสมัยไหนก็ไม่รู้ แต่เป็นงานค่อนข้างใหญ่ไม่ไปก็ไม่ได้เพราะมีเรื่องคอนเน็คชั่นเข้ามาเกี่ยว ปกติวันศุกร์รถจะติดมาก แค่ขับรถกลับบ้านก็ใช้เวลามากแล้ว แต่นี่ต้องไปๆมาๆระหว่างที่บ้าน ที่ทำงานไหนจะต้องลำบากพาเจ้านายไปตัดชุดเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว ผมยังต้องตะลอนๆไปรับชุดเพราะเจ้าตัวไม่ว่างจะไปลองเอง พอเอามาใส่ก็ไม่พอดีจนผมต้องพาไปที่ร้านเพื่อวัดขนาดและเอาไปแก้ใหม่ ซึ่งก็เพิ่งเสร็จวันนี้ ... กว่าจะจบลงได้ผมนี่หืดขึ้นคอเลยทีเดียว ... เบื่อศุกร์แห่งชาติ

             ตีม (Theme) ของงานคือสีน้ำเงิน เจ้านายผมก็จัดเต็มเลยสิครับ คนบ้าอะไรวะ ใส่สีอะไรก็ขึ้น ยิ่งสูทเรียบสีน้ำเงินข้างในกลับใส่แค่เสื้อยืดธรรมดา ดันออกมาหล่อยังกับนายแบบ (เสื้อยืดที่ว่าธรรมดาน่ะ ราคาตัวละ 5,600 บาท) กางเกงสแล็กสีเดียวกับสูทสั้นเต่อที่ข้อเท้าแบบที่กำลังฮิต ดีนะที่รองเท้ายังเป็นสีน้ำตาลออกแดงๆไม่ใช่สีเดียวกับชุด ไม่งั้นผมคงมีเรื่องให้เครียดมากกว่านี้กับคำว่า แฟชั่น แล้วล่ะ

“ใจลอย”

“ครับ” ผมสะดุ้ง มองซ้ายขวา ... ไม่ได้ขับรถนี่นา

“ชงกาแฟให้ผมหน่อยสิ ผมง่วง” นอกจากจะเป็นคนขับรถแล้ว ตอนนี้อะไรที่นายสั่งผมทำให้หมดแล้วล่ะ ยังดีนะที่ป้าสายหยุดมาทำงานบ้านให้ ไม่อย่างนั้นคงมีภาระเพิ่มอีกโข

“ได้ครับ” ผมเดินไปที่ครัวโดยเร็วก่อนจะจัดแจงชงกาแฟแบบที่เจ้านายชอบ กาแฟซองแบบทรีอินวัน ใส่กาแฟคั่วเพิ่มหนึ่งช้อน คนให้ละลาย... คนอะไรกินแปลก

“เร็วๆ ไปชงถึงดาวอังคารรึไง” โว้ยยยยยยย ออกมายังไม่ถึงสามนาทีเลย ตะโกนตามลั่นบ้านแล้ว

“มาแล้วครับ” ผมนี่ลุกลี้ลุกลนเดินแทบวิ่งแล้ว จังหวะนั้นเองเจ้านายตัวโย่งดันเปิดประตูซะนี่

โครม!!!

ชิบหาย!!!

กาแฟเลอะเสื้อยืดด้านในตัวละห้าพันหกแล้ว... ซวยแล้วมึง ไอ้เอก

“...” เจ้านายผมยืนนิ่งสิครับ ความสูงของเราต่างกันเกือบยี่สิบเซ็นติเมตร กาแฟจึงหกอยู่ที่แผงกล้ามหน้าท้อง

“ขอโทษครับๆๆๆ” ผมพูดซ้ำๆ จะตกงานก็วันนี้แหละวะ เสื้อบ้าอะไรแพงขนาดนั้น สีหน้าเจ้านายหนุ่มเรียบกริบ ก่อนจะถอดเสื้อยืดออกโดยไว แผงอกแกร่งซ่อนกล้ามงามไว้ปรากฎสู่สายตา ... แม่งเอ๊ย ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรวะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย กล้ามใหญ่อีกต่างหาก

“จะมองอีกนานมั้ย”

“ห๊ะ” ผมสะดุ้ง หันไปมองหน้าคนถาม

ตุบ! เสื้อยืดที่เปื้อนสิครับ ปาใส่หน้าผมจังๆเลย...ไอ้เด็กไม่มีมารยาท!

“เอาไปให้ป้าหยุดซัก แล้วไปเตรียมรถ” ค่ำสั่งเฉียบขาดนั้นพาใจแป้ว เดินคอตกไปกดโทรศัพท์หาป้าสายหยุดก่อนจะไปตรวจสภาพรถหน้าหงอย

“ไปได้แล้ว จะขัดอีกนานมั้ยเนี่ยล้อรถเนี่ย” อุบ๊ะ! นี่จะแดกดันกันทุกตอนรึไง

“ไปครับ ไป” อะโด่ ผมไม่กล้าหือหรอกครับ กลัวตกงาน แม่ยังไม่ออกจากโรงพยาบาลเลย พักมาเกือบเดือนแล้วเนี่ย

             เจ้านายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อด้านในเป็นเชิ้ตสีขาว ผูกไทสีน้ำเงินที่ผมยังแปลกใจเลยว่าไปหามาจากไหน มีผ้าเช็ดหน้าสีขาวโผล่ตัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อตรงอก ไอ้ผมไม่รู้เรื่องแฟชั่น อธิบายไปก็ได้แค่นี้แหละ

“ไปประตูน้ำ” เจ้านายผมบอกพิกัด โรงแรมหรูที่ใช้แต่งงานอยู่ตรงนั้น แถมรถติดยับ... ทำไงได้ล่ะ เป็นลูกจ้างเค้านี่เนาะ เจ้านายสั่งก็ต้องทำ ถึงแม้จะเด็กกว่า แต่อานุภาพการด่าก็แทงใจจี๊ด ถ้าไม่ใช่คนจ่ายเงินเดือนให้นะ พ่อจะตบกบาลแตกแม่ม!

“ใจลอยอะไรอีก” นี่แอบจ้องอยู่ใช่มั้ยเนี่ย

“เปล่าครับ พอดีรถมันติด” พอจะพูดต่อว่า เลยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย....เหมือนจะสารภาพผิดกลายๆ



             ระหว่างเจ้านายเข้าไปในงานแต่ง ผมนั่งแกร่วรออยู่แถวนั้น สูบบุหรี่ไปเป็นซอง นั่งขัดรถจนเงาวับ สัปหงกได้หลายตื่น เจ้านายหนุ่มยังไม่มีทีท่าจะเดินออกมาจากงานเสียที ยุงแถวนี้ก็ชุกชุมชิบ กัดจนเป็นผื่นหมดแล้วเนี่ย พลิกโทรศัพท์เครื่องใหญ่เท่าฝ่ามือก็เพิ่งสองทุ่ม... ปกติงานแบบนี้มันจะเสร็จกี่โมงวะ

RRRRRRRRRRRRR

“ครับ” เชี่ย ตกใจจนแทบจะปามือถือทิ้ง คุณต่อพงษ์โทรมา

[คุณเอกรึเปล่าครับ]

“ใช่ครับ” ผมงงอยู่ เพราะเสียงปลายสายไม่คุ้นเอาเสียเลย

[ดีเลยครับ พอดีไอ้ต่อมันเมามาก รบกวนมารับมันหน่อยได้มั้ยครับ]

“ได้ครับ ให้ไปรับตรงไหนดีครับ” ผมตอบด้วยเสียงสุภาพ ก่อนที่จะนัดแนะสถานที่รับตรงประตูหน้าโรงแรม ผมขับวนน้ำพุที่ปล่อยน้ำพร้อมกับแสงไฟประดับมาจอดตรงบันได เจ้านายหนุ่มตัวสูงโย่งถูกหิ้วปีกคอพับคออ่อนในชุดสูทสีน้ำเงินขับผิว นี่ขนาดเมาปลิ้นยังคงสภาพความหล่อไว้ได้อีก ยอมใจเลยจริงๆ

             กว่าจะยัดคนขายาวและจัดแจงให้นอนในรถได้ก็เล่นเอาเหนื่อย กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปทั่วเหมือนกับเทลงบนตัวโชยหึ่ง ผมมองสภาพคนเมาอย่างปลงๆ ไม่เหลือมาดขรึมที่คอยบ่นด่าผมทุกวี่วันเอาไว้เลยแม้แต่น้อย ถึงเจ้านายหนุ่มผมจะดูใจร้าย แต่ลึกๆแล้วก็มีจิตใจดีไม่น้อย ไหนจะค่าห้องคนไข้ของแม่ผมที่อาสาจะออกให้อีก

[ไอ้ต่อ นี่เอ็งเอานโยบายค่ารักษาพยาบาลครอบครัวพนักงานมาจากไหนวะ]

“ยุ่งน่าพี่พัน ทำตามที่ผมบอกเถอะ”

[นี่บริษัทนะเว้ย ไม่ใช่องค์กรการกุศล นึกจะควัก…]

ตัดสายสินะ.... ผมแอบได้ยินบทสนทนาก็พอจะรู้ว่าพี่เขยของคุณต่อพงษ์โทรมาบ่นเรื่องอะไร

“คุณต่อครับ...”

“ขับรถไป ไม่ต้องยุ่ง” ชิ! ช่างแม่มละกัน

             เอาล่ะ ตอนนี้ผมเหงื่อแตก ลืมไปว่าที่บ้านของคุณต่อไม่มีใครอยู่ สภาพเมาเละขนาดนี้ก็ทิ้งดิ่งตัวเองเรียบร้อย ตอนยัดใส่รถยังมีกลุ่มเพื่อนๆของเจ้านายหนุ่มคอยพยุง แต่ตอนนี้เหลือแต่ผมคนเดียวที่ลากปนทึ้งร่างสูงใหญ่นี่อย่างทุลักทุเล โอย...คนหรือว่ายักษ์วะ ผมว่าตัวเองก็สูงมากแล้วนะ เจอคนตัวมหึมาขนาดนี้ จะแบกก็ไม่ไหว จะอุ้มก็ไม่รอด คงต้องใช้กำลังลากเอาละกัน ... กว่าจะถึงโซฟาได้ ผมนี่เหงื่อแตกหมด นึกอยากให้บ้านนี้มีลิฟต์นะ จะได้ลากคนปากจัดคนนี้ไปห้องนอนชั้นสองได้

             แต่ตอนนี้ขอนั่งพักก่อนละกัน....

“อื้อ น้ำ หิวน้ำ” เจ้านายหนุ่มร้องหาน้ำ ผมมองค้อนด้วยความเหนื่อย ขนาดไม่รู้สึกตัวยังใช้งานกูอี๊ก

“นี่ครับคุณต่อ” ผมยกปากแก้วชนริมฝีปาก แต่ก็ก็นิ่งสนิท “เปิดปากหน่อยสิครับ” ยังนิ่งสนิท...ต้องวิ่งไปหาหลอดอีกสินะ

             เจ้านายหนุ่มดูดน้ำอึกอึก ก่อนจะไอจากการสำลักจนน้ำกระเด็นไปทั่ว หนำซ้ำน้ำที่เหลือในแก้วก็หกใส่ตัวด้วยอารามตกใจของผมเอง...ผมนี่หลับตาปี๋เลยครับ โดนด่าแน่แล้ว...

เงียบ...

เจ้านายหนุ่มยังคงหลับสนิท ทั้งที่ตัวเปียกโชก...หมดกัน สภาพหนุ่มโสดในฝันของสาวๆ

เอาไงดีวะ จะปล่อยให้เจ้านายนอนตัวเปียกรึก็ใช่ที

แต่ถ้าจะให้ลากไปชั้นบน ตอนนี้หมดแรงสุดๆ

เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆ ถอดสูทก่อน ... “อึ๊บ คุณต่อให้ความร่วมมือหน่อยสิครับ” เจ้าตัวยังแน่นิ่ง แถมยังขัดขืนตอนที่ผมพยายามพลิกตัวให้นอนตะแคงเพื่อดึงแขนเสื้อออก

เชี่ย...เปียกยันเชิ้ต ... ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยครับ ปลดไทก่อนแล้วค่อยปลดกระดุมเสื้อ ตอนนี้ผมอยู่ในท่าเกือบจะนั่งคร่อมตัวคนเมาอยู่แล้ว แถมยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่อีก ยังดีที่ไม่กรน แต่การจะถอดเสื้อออกเนี่ยยากเช่นเคย เพราะต้องพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่เรื่อยๆ กว่าจะดึงเสื้อให้หลุดเล่นเอาเหนื่อย ผมจึงโยนเชิ้ตสีขาวนั้นทิ้ง ยังไม่ลุกไปไปเพราะหอบเหนื่อย

อยู่ๆเจ้านายหนุ่มผมก็ลืมตา ผมตกใจจนผงะ...

คุณต่อกระพริบตาสองสามที แล้วยิ้ม...

ยิ้มกว้าง ยิ้มแบบทำให้สาวๆครึ่งโลกใจละลายได้เลย ยิ้มในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เลยจับจ้องอย่างลืมตัว

“อุ๊บ” แล้วร่างผมก็ถูกกระชากร่วงไปกองแนบอก เสียงหัวใจเต้นตึกตักผิดกับผมที่รัวเป็นกลองเพราะตกใจ

เพราะตกใจเฉยๆนะครับ “อื้ออออ” เจ้านายผมส่งเสียงครางในลำคอ

“คุณต่อ คุณต่อ” ผมผุดลุก มองใบหน้าหล่อที่ปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง... ละเมอเหรอ ละเมอได้น่าถีบมาก ตกใจหมดอยู่ๆก็ดึงมาซบอก แข็งยังกับลานวัด หน้าผมงี้ชาไปหมด

“อื้ออออออออ”

“เฮือก...” ผมนี่สะดุ้งอีกรอบ เมื่อร่างสูงใหญ่คว้าไปกอด “คุณต่อ ปล่อยก๊อน”

“อื้อ ม่ายปล่อย” มาไม้ไหนวะเนี่ย คิดว่าผมเป็นสาวที่ไหนอี๊ก อึดอัดโว้ย เกิดมานอกจากไอ้โทแล้วก็ไม่เคยมีผู้ชายหน้าไหนกล้ามาแหยมกอดผมเลยสักครั้ง แต่นี่เป็นเจ้านายแถมยังเมา นอนละเมอ เรี่ยวแรงจะเยอะไปไหนวะ รัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก

“อื้ออออออออออ” เช็ด แม่งเอาจมูกมาไซร้คอผมครับ ขนลุกซู่ ผมนี่ดิ้นสุดแรงเกิดเลย

“คุณต่อโว้ย ตื่นก๊อน ไม่เล่นสิครับมันจั๊กจี๋”

“อื้อ” นั่นไงยังไม่หยุด พ่อจะโบกละนะ ลิ้นน่ะไม่ต้องเลียก็ได้ กลิ่นละมุดปะทะจมูกเหม็นจนแทบอ้วกออกมา

“งื้อ พอเถ้ออออออออออออ” ผมดันหน้าหล่อๆนั้นออก รู้สึกกลัวมากกว่าจะเคลิ้ม ขนแขนสแตนด์อัพไปหมดแล้วเนี่ย

             คนที่นอนละเมอคลายอ้อมกอด ผมรู้สึกโล่งแต่ยังชาอยู่ คนเมาประสาอะไร เมาได้เลื้อยน่ากลัวมาก ต้องรีบเด้งตัวออกไม่งั้นจะโดนเล่นงานทีเผลออีก

หมับ!

“เห้ย” ผมสะดุ้งเมื่อโดนฉุดข้อมือ

“อย่าเพิ่งไป” เสียงเจ้านายหนุ่มร้องอ้อแอ้ คว้าข้อมือผมแน่นจนแดงไปหมด ... นี่ใจคอจะไม่เบามือกับกูเลยใช่มั้ยเนี่ย

“คุณต่อ ตื่นก่อน เดี๋ยวผมไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้”

“ม่าย ห้าย ปาย” นั่นไง โยเยเป็นเด็ก นี่เจ้านายหรือว่าลูกกูกันแน่วะเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าเมา ผมจะคิดว่าแกล้งอำผมเล่นนะ แต่ถ้าจะแกล้งเล่นใหญ่ขนาดนี้ เอารางวัลตุ๊กตาทองไปกอดแทนเถอะครับ

“ครับๆ” สุดท้าย เพื่อเงิน เพื่อแม่ ก็ต้องยอมนั่งอยู่ข้างๆ

“พ่ออย่าทิ้งต่อนะ แม่อย่าให้ต่อนอนคนเดียวนะ อือ” เสียงออดอ้อนเหมือนเด็กออกมาจากริมฝีปากสวยได้รูป ใบหน้าหล่อๆที่หลับสนิทนั้นดูผ่อนคลาย สงสัยจะฝัน... ผมได้แต่ถอนหายใจมองเจ้านายหนุ่มที่ขยับปากเคี้ยวลมไปมา

“ไม่ไปไหนครับ ผมอยู่นี่” นี่กูต้องเล่นบทพ่อสินะ “นอนนะครับ”

“อื้อ” เช็ดดดดดดดดดด ว่านอนสอนง่ายซะด้วย เอาเป็นว่าที่มาไซร้ซอกคอเมื่อกี้พี่ไม่โกรธ

หมับ

“อุ๊บ” ผมตาเบิกโพลงอีกรอบ คราวนี้ตกใจจนสติหลุดเมื่อเจ้านายหนุ่มลากผมลงไปจนหน้าประชิด จังหวะมันได้สุดๆเมื่อริมฝีปากผมประกบกับของเขาอย่างจังดังกึก ความเจ็บจากฟันที่ชนกันร้าวไปหมด ปากจะแตกมั้ยเนี่ย...

“อื้อ” เชี่ย ทำไมต้องขยับปากด้วยวะ ผมดันตัวแต่ไม่หลุด แขนอีกข้างมาจากไหนไม่รู้ตะปบหัวผมไว้ ริมฝีปากบดเบียดกับของผมที่กำลังเม้มปิดสนิท

“ย่ะ...อื้อ” นั่นไง พอเผลอ น้องแกก็ส่งลิ้นเข้ามาล้วงเลยครับ ไม่ล้วงเปล่า ดูดอีก กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเลยจ้า แต่แรงบดเบียดไม่ได้ลดเลย แม่เจ้า นี่กูมาทำอะไรตรงนี้วะเนี่ย...ไหนจะโดนด่า โดนใช้งานสารพัด แถมยังมาโดนขโมยจูบอี๊ก เกิดมาสามสิบปี มีแต่ไปจูบปากสาว ไม่เคยโดนหยามน้ำหน้าหนักขั้นนี้มาก่อน แถมคนที่ทำ ดันเป็นเจ้านายขี้เก๊กอีกต่างหาก

“อื้อ” ปล่อยกู๊...ผมได้แต่ร้องในใจ เพราะตอนนี้น้ำลายหนือดเหนียวโดนดูดเฟ้นจากอีกฝ่ายจนตัวอ่อน หัวใจผมเต้นตึกๆรัวเป็นกลองชุด ไม่ไหวแล้ว จะเก่งเกินไปแล้ว ปล่อยกูไปเถอะ ... ปล๊อยยยยยยยยยยยยยยยยย

             กว่าจะผละจากกันตัวผมนี่อ่อนไปหมด จะโมโหก็ทำไม่ได้เพราะคนก่อเรื่องยังหลับสนิท...แม่ง หลับจริงมั้ยวะ หลับจริงเหรอ ทำไมหลับแล้วยังจูบได้สมจริงขนาดนี้ คนที่เคยมั่นใจในตัวเองว่าเด็ดมากอย่างผมยังระทวย แม่งเอ๊ย...ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงปล่อยเลยตามเลยไปแล้ว ให้ตายสิ...

นี่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย...บ้าชิบ!

(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1498984382-member.jpg)
#ทีมเอกภพ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 6 P.1 @21/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-01-2020 10:13:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

น้องต่อ   เอาตุ๊กตาทองไปเลยจ้า

เนียนมาก
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 6 P.1 @21/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 21-01-2020 11:15:38
 o13 o13
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 6 P.1 @21/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-01-2020 18:12:36
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:


 o13
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 6 P.1 @21/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 21-01-2020 19:29:29
โอ้โหหหหหหหหหหห ไม่แคล้วว่าจะต้องตกร่องปล่องชิ้นเป็นของเจ้านาย5555555555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 6 P.1 @21/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-01-2020 19:33:51
อีกไม่นานหรอกนะพี่เอก :hao6:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 6 P.1 @21/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-01-2020 22:56:27
คาดว่าไม่น่าเมาขนาดนั้น น่าจะแอบเนียนมากกว่า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 23-01-2020 09:58:31
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 7 คิดจะแก้เผ็ด แต่สุดท้ายตัวเองก็ลำบากที่สุด

             ตื่นมา.... เจ้านายผมก็ทำตัวปกติ แถมทำท่าเหมือนไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรกับผมไว้บ้าง ผมนี่ต้องนอนขดอยู่ด้านล่างโซฟาโดยมีเจ้านายหนุ่มนอนถอดเสื้อทิ้งไว้ทั้งคืน สมน้ำหน้า มาทำใครไม่ทำ นี่ไอ้เอก ลูกแม่อ่อนนะโว้ย จะมาจูบกันฟรีๆมันไม่ได้....เจ้านายต้องรับผิดชอบ!

ไม่ใช่ละ

             ผมแค่ปล่อยให้นอนไปแบบนั้นเลย เป็นการแก้เผ็ด แถมเปิดแอร์เย็นจนฉ่ำ คิดว่าจะเอาคืนให้สาสมกับที่มาแกล้งลูกน้องสุดหล่ออย่างผม

“ฮัดเช้ยยยย” นั่นไง ตอนนี้กลายเป็นผมที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยขับรถพาเจ้านายกลับมาจากโรงพยาบาล

“ใจลอยไปไหน” ขนาดไม่สบาย ยังส่งเสียงอู้อี้มาถาม ผมได้แต่ลอบส่ายหัว

“เปล่าครับ คุณต่อจะซื้ออะไรเข้าไปทานมั้ยครับ จะได้กินยา”

“ไม่หิว ปวดหัว อยากนอน” คนป่วยในชุดลำลองตอบ ใบหน้าหล่อถูกปิดด้วยหน้ากากอนามัยเหมือนกับผม ใช่แล้วครับ พอตื่นมา เจ้านายผมเป็นหวัด และมีไข้ ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่เป็นอะไรสักอย่าง นอกจากหน้า ก็กะโหลกผมนี่แหละที่อย่างหนา

“ได้ครับ” ผมเลี้ยวรถเข้าบ้าน ตอนนี้ผมมีรีโมตของบ้านนี้แล้ว สามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ

             อ้อ...ผมลืมเล่า ตอนนี้แม่ผมกลับไปอยู่บ้านแล้ว ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดก็สองแสนกว่าบาท แต่ส่วนนั้นไม่ต้องจ่าย เพราะใช้สิทธิ์บัตรทอง แต่ที่เกินมาห้าหมื่นกว่าจากค่าห้องพิเศษ เจ้านายหนุ่มของผมจ่ายให้หมด จะตื้นตันก็ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะยังเคืองที่มาจูบผมอยู่ไม่หาย ไม่ใช่จูบธรรมดานะ ควานลิ้นจนตัวอ่อนไปหมด

“ส่ายหน้าทำไม รีบจอดรถ” นั่นไง เผลอหน่อยเป็นไม่ได้ รู้ตลอด

             เจ้านายผมเดินฉับฉับไปที่ห้องนอนโดยไม่สนใจใยดีตัวผม ... ชินละครับ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ ยังดีหน่อยที่เงินเดือนได้ครบ แถมได้มือถือใหม่ ได้ค่าหมอแม่ ใครคิดจะไล่ออกล่ะก็ ไอ้เอกบอกไว้ตรงนี้เลย กูไม่ออก...

“คุณต่อครับ ทานยาก่อนนะครับ” ผมนี่ใช้ศัพท์สุภาพไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ ปกติไม่เคยจะต้องมาดูแลใคร นอกจากแม่แค่นั้นแหละ แต่ตอนนี้ดีหน่อยที่ไอ้โทมันยอมมาอยู่บ้านชั่วคราวเพื่อดูแลแม่ ถึงแม้กิจกรรมของพวกปีหนึ่งจะหนัก แต่มันก็ไม่บ่นสักคำ

“ไม่กิน ไปไหนก็ไป” นั่น โดนอีกละ ไล่จัง เอะอะไล่ตลอด คอยดูละกัน ขาดฉันไปแล้ว....แล้ว...คนที่จะรู้สึกคือไอ้เอกนี่หว่า

“นะครับคุณต่อ ป้าหยุดทำข้าวต้มไว้แล้ว ลุกมาทานก่อนนะครับ หมอกำชับให้กินยาด้วยจะได้รีบหาย”

“อื้อออ อย่ายุ่ง” โอยยยย ทำไมพูดยากพูดเย็นขนาดนี้วะ พ่อก็ไม่ใช่ ลูกก็ไม่ใช่ เดี๋ยวโบก เดี๋ยวโบก

“นะครับ นี่เลยกำลังอุ่นๆ” ผมยกชามข้าวต้มมาใกล้ๆ แต่คนไข้กลับสะบัดมือจนข้าวต้มในช้อนกระเด็นโดนมือ

“โอ๊ย” ผมร้องเสียงเบา เพราะไม่อยากรบกวน ทีแรกนึกว่าแค่อุ่น แต่นี่ร้อนจัดเลยครับ จะเป็นแผลมั้ยเนี่ย

“เป็นอะไรมั้ย” เจ้านายผมผุดลุกมาเลยครับ น้ำเสียงกังวลจนเห็นได้ชัด มืออุ่นๆรีบยกชามข้าวต้มไปวางที่หัวเตียงก่อนหยิบกระดาษชำระมาเช็ดข้าวต้มให้

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง สบาย” ผมตอบเอาใจ ทั้งที่ไอร้อนมันลวกจนแสบผิว เจ้านายหนุ่มหันมาสบตาผมอย่างจัง เมื่อกี้ยังนอนคว่ำไม่สนใจโลกอยู่เลย

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ทีหลังระวังด้วยสิ” อ้าว...กรรม กลายเป็นผมซะแล้วที่ประมาท

“ขอโทษครับคุณต่อ” ได้แต่ตอบคอตกไป

“เอามา”

“หะ”

“ข้าวต้มน่ะ เอามาสิ”

“ดะ ได้ครับ” อารมณ์ไหนวะเนี่ย ตามไม่ทันจริงๆ

“ให้กินยังไงเนี่ย ป่วยอยู่ มือไม้ไม่มีแรง” เช็ดดดดดด ทีแรงบ่นกร่นด่าน่ะ มันมาจากไหนครับเจ้านาย เมื่อกี้ยังดึงมือไอ้เอกสุดแรงอยู่เลย ผ่านไปไม่ถึงนาทีง่อยรับประทานซะละ

“งั้นเอาหลอดมั้ย”

“หลอด...” เจ้านายผมมองหน้า แววตาดุขมึงทึงจนผมเลิกพูด คิดจะเอาหลอดมาวางให้เจ้านายดูดข้าวต้มกินจริงๆนะครับเมื่อกี้

“มะ ไม่ใช่ครับ เดี๋ยวผมไปหยิบช้อนก่อนแล้วจะมาป้อนนะครับ”

“เร็วสิ หิวแล้ว” โว้ยยยย กวนอารมณ์แต่หัววันเลยโว้ย รู้งี้ไม่ปล่อยให้นอนตากแอร์ก็ดีหรอก ลำบากแล้วลำบากอีก เมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรมวะไอ้เอกเอ๊ย

             ผมล่ะตามอารมณ์เจ้านายหนุ่มของตัวเองไม่ทันจริงๆครับ อาการผีเข้าผีออกเนี่ย น่าจะพบเจอได้จากพวกคนมีเงินที่โดนตามใจจนเคยตัว บทจะดีก็ดี บทจะโวยวายก็ด่าแหลก เมื่อกี้ยังบอกไม่กิน ตอนนี้กลับมางับข้าวต้มในช้อนที่ผมตักป้อนไม่ขาดปาก ในใจผมนี่สั่นระริกเลยครับ อยากเอามือเพ่นกบาลสักสามสี่ป้าบ จะได้เลิกเป็นคนเอาแต่ใจแบบนี้

“อิ่มแล้ว”

“อีกนิดนะครับคุณต่อ จะได้กินยา”

“ก็บอกว่าอิ่มแล้วไง ลุงฟังไม่รู้เรื่องเหรอ” ห๊ะ เรียกผมว่าอะไรนะ

“...”

“เอายามาสิ เงียบทำไม” ทีแรกเรียกนายๆ ตอนนี้เรียกลุง อายุห่างกันแค่ 5 ปีเองนะเว้ย เตะปี๊บยังดัง...ผมเถียงในใจโดยที่มือก็แกะยามาให้เจ้านายยิกๆ

“ไปไหนก็ไป จะนอน” พอหมดประโยชน์ก็ไล่ซะงั้น

   แล้วผมจะไปไหนล่ะ จะกลับบ้านรึก็ยังเช้าอยู่มาก แล้วตรงนี้ก็ไม่มีคนคอยดูแล ป้าสายหยุดก็กลับไปบ้านใหญ่ฝั่งตรงข้ามแล้ว ไอ้ครั้นจะโทรไปตาม ผมก็เกรงใจเหมือนกัน

เอาวะ...อยู่เฝ้าสักวันจะเป็นไร



“นาย นายเอก” ผมสะลึมสะลือตื่นตามเสียงเรียก

“ลุงเอก” แม่ง เอ๊ย ช้านิดช้าหน่อยเรียกซะแก่

“ครับคุณต่อ”

“หิวน้ำ” ผมมองแก้วน้ำบนหัวเตียงอย่างระอา แต่ก็เข้าไปหยิบให้คนง่อย



“ลุงเอก” ลุงพ่อง เพิ่งจะจัดการมื้อเที่ยงเสร็จก็เรียกเลยครับ

“ครับคุณต่อ”

“อยากดูทีวี”

“ไม่ได้นะครับ หมอให้พักผ่อนเยอะๆ”

“ลุงเป็นหมอรึไง” ชิชะ ย้อนคำ อยากตบปากจังโว้ยยยยย

“คุณต่ออย่าดื้อสิครับ ถ้าไม่หายไปทำงานไม่ได้หลายวันนี่บริษัทจะแย่เอานา” ผมลองเกลี้ยกล่อม

“หึหึ ช่างมันเถอะ ผมจะเป็นตายร้ายดียังไงบริษัทก็ไม่เป็นไรหรอก” เอ๊า! ดราม่าซะงั้น

             ผมพอรู้มาบ้างว่าคุณต่อพงษ์อยากทำงานด้านอื่น (แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าด้านไหน) แต่ด้วยความที่พ่อหัวโบราณ ไม่ยอมให้พี่สาวเข้ามาบริหาร น้องชายก็เพิ่งเข้าเรียนชั้นปี 1 ก็เหลือแต่เจ้านายผมนี่แหละที่ต้องมารับหน้าที่นี้แทนอย่างเลี่ยงไม่ได้ นี่คงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เจ้านายหนุ่มย้ายมาอยู่คนเดียวแหละ ถึงแม้ว่าบ้านใหญ่จะอยู่ตรงข้ามนี้ก็ตาม แต่ผมก็ไม่เคยเห็นท่านประธานกับคุณนายมาที่นี่สักครั้ง ส่วนเจ้านายผมน่ะเหรอ รายนี้ก็ไม่เคยย่างกรายไปที่บ้านใหญ่เช่นกัน

“ใจลอยไปไหนเนี่ย”

“ครับ” ผมสะดุ้ง นี่ขนาดไม่ได้ขับรถนะ

“ผมเหนียวตัว อยากอาบน้ำ”

“แต่คุณต่อยังมีไข้อยู่นะครับ อาบน้ำตอนนี้เดี๋ยวไข้ขึ้น” ผมแย้ง

“โว้ย ก็คนมันร้อนนี่ งั้นไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ผมด้วย” นั่นไง กูอีกละ

             ถ้าผมมีจิตใจอกุศลอีกหน่อยผมคงคิดเลยเถิดไปแล้วว่าเจ้านายหนุ่มของผมกำลังอ่อย แต่เปล่าเลย ผมไม่ได้พิศวาสเรือนร่างกำยำนี้หรอก ใบหน้าหล่อเรียวยาวได้รูป ดวงตาชั้นเดียวคมกริบส่งด้วยคิ้วที่หนาเรียงตัวเหมือนจับวาง จมูกโด่งเป็นสันผิดกับพี่สาวลิบลับ กรามเหลี่ยมลงตัวกับใบหน้าจนน่าอิจฉา คอแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเรียวยาว ไหล่หนากว้างที่เป็นผลจากการออกกำลังกายผึ่งผาย อกกลมกลึงเป็นเนื้อแน่นนูนเด่น หน้าท้องเต็มไปด้วยลอนกล้ามกระเพื่อมตามจังหวะการหายใจ... ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมก็มองตอนเช็ดตัวให้นี่แหละครับ

เพราะเจ้านายผมแม่ง...นอนถอดเสื้อรออยู่แล้วนี่นา

ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ต้องเช็ดช่วงล่าง ไม่งั้นคงสยองพิลึก

“เดี๋ยว” ผมหันขวับ แค่จะลุกเอาชามใส่น้ำไปเก็บ

“ครับ”

“ยังเช็ดไม่ทั่วตัวเลย” โอยยยยยยยยย อุตส่าห์ดีใจแล้วเชียว

“ตะ ตรงไหนอีกครับ”

“ก็ช่วงล่างไง” นี่เจ้านายกำลังกวนตีนผมใช่มั้ยครับ เมื่อกี้เช็ดท่อนบนก็ถอดเสื้อรอ แล้วท่อนล่างล่ะ...

“จะแน่นิ่งอีกนานมั้ย ไปเปลี่ยนน้ำในชามสิ” นั่นไง โดนดุอีกละ ผมได้แต่กลืนน้ำลายทำตามคำสั่ง ตอนที่เดินมาในห้อง กางเกงขาวยาวที่ใส่นอนก็กองอยู่กับพื้นแล้ว แถมช่วงล่างนั้นก็ถูกคลุมด้วยผ้าห่มมิดชิด

“รีบเช็ดสิ ง่วงแล้ว จะนอน”

“คะ ครับ” เชี่ย มือสั่น ผมว่าเจ้านายหนุ่มคิดจะแกล้งกันชัดๆ ถอดกางเกงไว้ซะขนาดนี้ไม่คิดรึไงว่าผมไม่ปลื้ม ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่าถ้าเปิดผ้าห่มมาแล้วจะเจอกับอะไร แค่ท่อนบนผมยังคิดเลยว่านี่อ่อยกันใช่มะ...แต่การถอดท่อนล่างเช่นนี้ ใจคอผมไม่ดีเอาซะเลย

“จะยืนสั่นอีกนานมั้ยลุง ไข้ขึ้นเหรอ” โวะ ทำอะไรก็ขัดตาสินะ

“ครับๆ เช็ดเดี๋ยวนี้แหละครับ” ผมวางชามไว้กับพื้น มือใหญ่สั่นระริกเอื้อมไปจับผ้าห่มเพื่อจะดึงมันออก ตอนนี้หลับตาเลยครับไม่อยากจะเห็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ ไม่อยากมองจริงๆนะครับ ใครบอกว่าผู้ชายเหมือนกันเห็นของกันไม่แปลกหรอก บ้าเหรอ มันก็แค่ตามสถานะการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้มั้ย เช่นไปยืนฉี่ตามห้องน้ำ หรือไม่ก็ตอนอาบน้ำในค่ายทหาร แต่ไม่ใช่กับตอนนี้ที่เหมือนจะแกล้งให้ผมอึดอัดใจเล่น

หมับ

“เห้ย” ผมอุทานลั่น เพราะมือใหญ่คว้าข้อมือผมไว้

“วันนี้จะได้เช็ดมั้ย จะหลับตาทำไม เร็วสิ” โอย นี่ก็เร่งจัง ไม่ให้โอกาสผมทำใจเลยเรอะ!

เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

ผมลืมตาแล้วตอนนี้ มือหนาก็ดึงผ้าห่มออก

พรึ่บ!

ตะลึงสิครับผม อึ้งไปเลย

“อะไร ไม่เคยเห็นรึไง” ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลอาบตรงขมับ

“คะ เคยครับ” เจ้านายผมนอนไขว่ห้าง ขนหน้าแข้งยาวเรียงเป็นแพตัดกับความขาวชนิดพิเศษของสีผิวเลยครับ ผมทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆ พยายามตั้งใจเช็ด ตอนนี้โล่งใจไม่หยอก

แอบไปใส่บ็อกเซอร์ตั้งแต่ตอนไหนวะ...

หืมมมม ยิ้มเหรอ แว้บหนึ่งผมเห็น เจ้านายผมแอบยิ้มแล้วก็ทำหน้าบึ้งต่อ

หมายความว่าอะไรวะ

หรือนี่จะเป็นการแกล้งปั่นหัวผมเล่น

ไอ้เด็กนี่...ฝากไว้ก่อนเถอะ



(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/538515761-member.jpg)
#ทีมต่อพงษ์
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 23-01-2020 14:36:20
โอ้ยน่ารัก :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-01-2020 17:29:46
คุณต่อก็นะ ไปแกล้งพี่เอกเขาได้ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 23-01-2020 19:16:47
ตามอ่าน สนุกมากคับ ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 23-01-2020 19:35:17
ลุงเอก........เค้าเรียกกัน
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 23-01-2020 21:20:22
ดูแลขนาดนี้ คนป่วยคงไม่อยากหายแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-01-2020 22:52:42
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่   เจ้านายขี้อ่อยนาจา
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 23-01-2020 23:24:25
เด็กมันเย้อะะะะะะะนะ เดี๋ยวจะเอานั่นเดี๋ยวไม่เอานี่ อยากเห็นพี่เอกหัวหมุนเพราะเรื่องของตัวเองอ่ะดิ แอบมองตัลหลอดดดดดด ใจลอยตอนไหนรู้หมด หมั่นไส้มาก พี่เอกกูก็ไม่ทันคนเลย เป็นซื่อๆ เอ็นดู55555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-01-2020 09:22:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-01-2020 10:52:40
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:

 o13
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-01-2020 19:28:21
น้องต่อ ได้เคลมพี่เอก ในบทคนเมา คุ้มจริงๆ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 7 P.2 @23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-01-2020 14:05:29
คุณต่ออย่ารุนแรงไปนะ เดี๋ยวลุงเอกตกใจหนีไปก่อน 5555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 8 P.2 @26/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 26-01-2020 00:00:13
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 8 ประชุมนอกสถานที่

             ผมเหงื่อแตกเลยครับ ไอ้ความมั่นใจที่เคยมีหายไปหมดหลังจากขับวนแถวพัทยาเป็นรอบที่สาม คิดแล้วอยากตบปากตัวเองชะมัดที่ไม่ยอมเปิดระบบนำทางบนมือถือ มั่นใจไงครับว่าไม่หลงแน่นอน อย่างน้อยๆก็เคยมีผู้โดยสารเหมาตั้งแต่กรุงเทพมาที่นี่ ให้ตายสิ...ไม่ได้มาแค่ไม่กี่ปี พัทยาเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเรอะ!

“วันนี้จะถึงมั้ยลุง” ตั้งแต่ครั้งนั้น เจ้านายผมก็แทนคำเรียกผมว่าลุงไปแล้ว เจ็บใจโว้ย ยังไม่แก่ซะหน่อย

“ถึงครับ ถึง”

“ทีหลังไม่ชินทางก็อย่าอวดเก่ง” นั่นไง คำด่าประจำวันหลุดมาอีกละ

“ขอโทษครับ” จ๋อยสิผมน่ะ หยิบมือถือมาค้นหาโรงแรมที่จะไปพักกันก่อนดีกว่า...

             ครับ วันเสาร์และอาทิตย์นี้ทางบริษัทของคุณต่อมีงานสัมนานอกสถานที่ที่พัทยา เป็นโรงแรมขนาดสี่ดาวที่สามารถจุคนทั้งออฟฟิศร่วมร้อยชีวิตได้ ผมมองบรรยากาศโรงแรมด้วยความตื่นเต้น เจ้านายผมดูลงทุนไปกับงานนี้ไม่น้อย แถมพนักงานก็มากันครบหน้าสลอน กะคร่าวๆคือ ถ้านอนห้องละ 2 คน ก็ต้องจองตั้ง 50 ห้อง หรือมากกว่านั้น ไหนจะห้องจัดเลี้ยงอีก...

“ใจลอย” ผมสะดุ้งวาบ “จอดตรงนี้แหละ”

“คุณต่อไม่ให้...”

“ไม่” ยังถามไม่จบประโยคเลยว่าจะไม่ให้ผมเอารถไปจอดที่ซองวีไอพีก่อนเหรอ “เสร็จแล้วขนของตามมานะ”

“ครับ” เห้อ....ชีวิตนายเอก สรุปว่าเป็นคนขับรถหรือเบ๊ส่วนตัวกันแน่นะ

             หลังจากที่ผมจอดรถก็เปิดฝากระโปรงเพื่อขนสัมภาระของเจ้านายหนุ่ม รายนี้เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ข้าวของที่เอามามีแค่กระเป๋าลากใบจิ๋วเท่านั้น

“ขับไปจอดถึงดวงจันทร์มาเหรอ” จึก! ถ้าไม่ติดว่ารูปร่างเท่ายักษ์ ผมคงคิดว่าคำพูดเมื่อกี้หลุดมาจากผู้หญิงวัยทองล่ะ

“ตามมา ทางนี้” ผมเกาหัวแกรก แต่ก็เดินตามต้อยๆขึ้นลิฟต์ไปอย่างไม่พูดจา

แต่ก็อดไม่ได้แฮะ “คุณต่อจะให้ผมขับกลับกรุงเทพก่อนมั้ยครับ พรุ่งนี้เที่ยงผมค่อยกลับมารับ”

“จะขับไปมาทำไม เปลืองน้ำมัน”

“คือ...” จะถามดีมั้ยว่าผมต้องไปพักที่ไหน ต้องสำรวจหาสถานที่ซะแล้ว ราคาต้องไม่แพง ระยะเดินมาถึงที่นี่ต้องไม่เหนื่อย เพราะยังไงต้องจอดรถทิ้งไว้

ติ๊ง!

             เสียงลิฟต์ดังก่อนประตูเปิดออก พวกเราอยู่ชั้นสูงเกือบสุดของโรงแรม มีห้องแค่สี่หรือห้าห้องเท่านั้น ทำไมมันดูน้อยจนน่าแปลกใจนักนะ ผมก็ได้แต่คิดเท่านั้นแหละครับ ไม่ถามอะไรหรอก เจ้านายหนุ่มจ้ำพรวดๆไปที่หน้าห้องๆหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด พอเปิดเข้าไปเท่านั้นแหละ

             ผมแทบอุทานด้วยความแปลกใจ ภายในห้องคือกว้างมาก การตกแต่งโล่ง โปร่ง ไม่มีผนังทึบมากั้น แต่พอแยกได้ว่าโซนไหนคือห้องรับแขก ห้องครัว และห้องนอน ความหรูหราขนาดนี้ผมนึกว่ามีแต่ในโรงแรมระดับห้าดาว

“เช็ดน้ำลายหน่อย” ผมหุบปาก เช็ดตามที่เจ้านายสั่ง

“ไม่มีน้ำลายนี่ครับ”

“ก็ใช่น่ะสิ” อ้าว แกล้งอีกละ ไม่รู้เป็นไร ถ้าไม่ด่าก็แกล้ง เอาใจไม่ถูกจริงๆ

“วางของในตู้เสื้อผ้า แล้วก็พักผ่อนซะ”

“หะ พักผ่อน...” ผมคิดตามไม่ทัน

“ใช่” มือเรียวยาวชี้ไปที่ประตูห้องอีกฝั่งหนึ่ง “โน่น ห้องลุง”

“อะไรนะครับ” ผมกำลังอึ้ง อึ้งจริงๆนะ

“ถามซ้ำซากทำไมเนี่ย พูดครั้งเดียวไม่เข้าใจรึไง” คือ...ประโยคที่ตอบมาผมว่ามันยาวกว่าคำตอบที่ผมควรได้จากคำถามที่ถามไปซะอีกนะ...

             ผมนั่งที่เตียงนุ่มของห้องเล็กตรงข้ามกับห้องนอนของเจ้านายหนุ่ม ด้านหนึ่งของห้องเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่มีระเบียง วิวทะเลสุดลูกหูลูกตาสวยตะลึงจนผมนั่งไม่ติด นึกอยากจะไปแช่น้ำเค็มเล่นแต่ก็เกรงใจเจ้านายหนุ่มที่อารมณ์ไม่คงที่ กลัวว่าจะโทรตามจะไปโน่นมานี่ตอนที่ไปแช่น้ำนี่แหละ

RRRRRRRR

             เสียงโทรศัพท์ในห้องดังปลุกภวังค์ ผมรีบรับ เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครหรอกที่โทรมา ผมสะบัดหัว ป่วยการที่จะคิดหาเหตุผลว่าทำไมเจ้านายหนุ่มถึงให้ผมพักห้องเดียวกัน ปกติเจ้านายระดับนี้จะต้องเว้นระยะห่างกับลูกน้องเทียบเท่ากับความกว้างของทะเล แต่เจ้านายหนุ่มกลับ...จะเรียกว่าไม่ถือตัว ก็ไม่ใช่ หลายครั้งที่ผมโดนดุเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนกลายเป็นชิน

[เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำแล้วตามมา]

แกรก! อะไรวะ แล้วจะเปลี่ยนยังไง ไม่มีโว้ย ที่เอามาก็แค่เป้ใบเดียวเที่ยวรอบโลก มีกางเกงในกับกางเกงขาสั้นใส่นอนเท่านั้น

“เร็วสิ” เสียงตะโกนลั่นบ่งบอกว่ารออยู่หน้าห้องผมแล้ว ผมรีบถอดเสื้อผ้าแล้วหยิบกางเกงบอลขาสั้นมาสวมและเปิดประตู

             ภาพที่เห็นคือเจ้านายน้อยสวมเสื้อคลุมอาบน้ำปกปิดรูปร่างอย่างมิดชิด ผมก้มมองสภาพตัวเองที่ดูยังไงก็เหมือนกรรมกรแบกหาม สายตาของเจ้านายหนุ่มที่มองหุ่นผมอย่างไม่ละสายตาชวนให้อึดอัด ริมฝีปากเผยอพาลให้คิดถึงเรื่องวันนั้น...

จูบ...รสจูบที่ดุดัน

โว้ยยยย ผมสลัดภาพนั้นออกจากหัว

“จะไปสภาพนี้จริงๆเหรอ”

“คะ ครับ”

“มีกางเกงในมั้ย”

“มีครับ”

“ไปหยิบมา” โธ่คุณต่อออออออ ผมมีแค่ตัวเดียวนะ “เอาเสื้อคลุมมาด้วย”

“คร้าบ” ผมลากเสียง ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องพาผมไปด้วย ให้ผมพักเถอะ ขอร้อง นะครับ นะ...

             สุดท้ายพวกเราก็เดินขึ้นไปชั้นบนสุดของโรงแรม พื้นที่โล่งกว้างแต่กลับไม่มีคนมาใช้บริการแม้แต่น้อย สระว่ายน้ำสีฟ้าส่องประกายระยิบระยับสะท้อนแสงอาทิตย์ เวลานี้บ่ายแก่ๆแล้ว แต่ไอร้อนก็ยังมีมาก สระว่ายน้ำแบบเปิดดูเหมือนมีไอพุ่งออกมาอีกด้วย เจ้านายผมจะมาไม้ไหนเนี่ย พามาว่ายน้ำตอนนี้เนี่ยนะ ... ที่อยากน่ะ อยากไปว่ายน้ำที่ทะเลโว้ย

“ไปเปลี่ยนกางเกง ใส่แต่กางเกงในพอนะ ที่นี่เขาไม่ให้ใส่ขาสั้น”

“คะ ครับ” ผมสะดุ้ง ทำไมวะ ทำไมไม่รู้จักขัดเจ้านายซะบ้าง บอกไปเลยสิว่าไม่อยากว่ายน้ำในสระ อยากเล่นน้ำทะเล

“ตอนนี้มีแต่คนในบริษัทไปเล่นน้ำที่ทะเล ผมไม่สะดวกไป ว่ายตรงนี้ไปก่อนน”

อื้อหือ...เจ้านายหรือหมอดู?

             ผมเลยจำใจไปเปลี่ยนกางเกงในห้องน้ำที่เรียงราย มองวิวของชั้นดาดฟ้าที่ตกแต่งริมสระด้วยต้นไม้ ร่มชายหาดและม้านั่งปรับเอนนอนได้ ตรงบาร์เปิดเพลงคลอแต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น เมื่อเดินออกมากลับพบว่ามีแก้วเครื่องดื่มสีสวยวางอยู่

“สักแก้วมั้ย” เจ้านายผมเป็นฝ่ายยื่นมาให้ ผมรับมาถือพลางดมกลิ่น หืออ หอมจัง

“บลูฮาวาย” อ้ออออ เคยได้ยินชื่อนะ แต่ไม่เคยกินเลย ต้องลอง

อึก... หวาน อร่อย ซดเลยละกัน

หมดแก้วครับ

“เบาๆ เดี๋ยวเมา แดดยังร้อนอยู่”

“ครับ” ผมรับคำ แต่ไม่นานแก้วที่สองก็เอามาตั้ง ก่อนที่บริกรจะเดินหายไปจากสายตา

“ขอนอนแป๊บนะ นายจะว่ายน้ำก็ว่ายไปก่อน” โอ้โห ไม่นอนเปล่านะครับ เจ้านายผมเลือกเตียงที่แดดเผาที่สุด เสื้อคลุมถูกวางที่หัวเตียง ร่างสูงในชุดว่ายน้ำที่เว้าเหมือนกางเกงในอวดหุ่นงามนอนนิ่งอย่างไม่แคร์บางอย่างที่มันนูนเด่น บนหน้ามีแค่แว่นตากันแดดราคาแพงเท่านั้น

“ลุง”

“ครับ” เรียกทำไมเนี่ย ว่าจะนอนเหมือนกัน

“ทาครีมกันแดดให้หน่อย” เชี่ยยยยยยยยยยยย ลากเสียงยาวๆ อะไรกันเนี่ย คุณเจ้านายครับ ขาวจั๊วะขนาดนี้อยากอาบแดดก็ไม่ต้องกลัวรังสีแล้วมั้ง นี่สี่โมงนะ แดดยิ่งร้อนๆอยู่ แล้วนี่อะไร กูผู้ชายนะเว้ย ชายแท้ แมนทั้งแท่ง ทำไมจะต้องใช้ให้มาทำอะไรแบบนี้ด้วย

“เร็วสิ”

“ครับ ครับ”

             ครีมกันแดดที่เจ้านายพกมาด้วยวางอยู่ข้างๆโดยมีผมกำลังชะโลมเนื้อครีมข้นหนืดลงบนแผ่นหลังที่แน่นราวกับหินอ่อน แต่กลับสวยได้รูปจนน่าอิจฉา อยู่ด้วยกันมาทุกวันยังไม่เห็นเจ้านายไปหยุดไปยิมเลย(ลากผมไปด้วยอีก) แถมยังออกไปวิ่งหน้าหมู่บ้านตอนเช้าด้วย ไม่แปลกที่หุ่นจะดีมากจนต้องอิจฉา นี่ล่ะมั้งพลังงานวัยหนุ่ม ของผมนี่แค่หายใจยังแทบอ้วนเลย

             เนื้อน่องของเจ้านายขาวละเอียด ไรขนที่เกาะกุมไม่สามารถกลบรัศมีความขาวได้เลย ผมพยายามลูบบริเวณนี้ให้ดีที่สุด เพราะเนื้อครีมมันเกี่ยวขนติดเป็นก้อนขาวๆไปทั่ว

“เบาๆสิ เนื้อคนนะ” นั่นไง โดนจนได้

             แล้วเจ้านายก็พลิกตัว อื้อหือ ผมนั่งผิดระนาบจริงๆด้วย ที่อื่นมีตั้งเยอะ หัวท้าย แต่ทำไมต้องมานั่งตรงกลางลำตัวด้วยวะไอ้เอก ทีนี้ล่ะ อะไรไม่รู้นูนๆใต้ร่มผ้าก็ชี้หน้าอยู่น่ะสิ แม่ง...คนอะไรจะมีดีได้ขนาดนี้ คิดแล้วเจ็บใจตัวเองชะมัด แพ้เด็ก!

             กว่าจะทาครีมกันแดดเสร็จก็เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วครับ ทั้งที่เจ้านายผมก็มีพื้นที่ไม่มากกว่าคนอื่นเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มากกว่า เลยเก้ๆกังๆ แถมตอนที่ทาช่วงขาหนีบใกล้กับช่วงนั้นผมนี่แทบจะหลับตาทาด้วยซ้ำ ไอ้เจ้านายหนุ่มมันจงใจแกล้งผมแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะใช้ผมทาให้ทำไม เรียกสาวๆในออฟฟิศสักคนสองคนมาทาให้ยังได้เลย

             ผมไปล้างมือและกลับมานั่ง ความร้อนทำให้ผมยกเครื่องดื่มรสชาติถูกลิ้นมาดื่มอึกใหญ่ ลอบมองเจ้านายที่นอนนิ่งเป็นระยะก่อนลงไปแช่ตัวในสระตื้นที่น่าจะเป็นสระเด็ก แค่นี้ก็ดีแล้ว ผมยืดขาจนสุด หลังชิดสระ พักแขนตรงขอบเงยหน้ามองฟ้า ยังดีที่ต้นไม้ยังพอบังแดดได้บ้างเลยไม่ต้องกลัวร้อน แล้วเครื่องดื่มแก้วที่สามก็ตามมา

             นี่ผมเลิกนับแล้วว่าดื่มไปเป็นแก้วที่เท่าไหร่ รู้แต่ว่าโลกมันไม่เหมือนเดิมแล้วครับ ยิ่งแช่น้ำก็ยิ่งร้อนกว่าเดิม เจ้านายหนุ่มของผมยังนอนนิ่ง เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ แต่แก้วในมือหมดอีกแล้ว

             ผมยกมือส่งสัญญาณว่าพอแล้ว ขืนดื่มมากกว่านี้คงได้เมาเละแน่ ใช้หัวพิงขอบสระมองผืนฟ้าสำน้ำเงินกว้างใหญ่ เมฆขาวก้อนกลมเป็นรูปร่างแตกต่างกันลอยเอื่อย เปลือกตาหนักย่นจนไม่อาจขัดขืน ตัวค่อยๆลอยออกไปอย่างใจต้องการ

“อื้อ” ผมดิ้นขลุกขลิก รู้สึกแปลบปลาบทั่วตัวเหมือนมีไฟฟ้าช้อต แต่เปลือกตาที่หนักอึ้งกลับทรยศไม่อาจลืมตาตื่นมาได้ ความหวานวาบหวามจู่โจมในช่องปากก่อนจะเลื้อยไล้ไปที่ทรวงอก นี่ผมกำลังฝันใช่มั้ย เพราะร่างผมมันแอ่นตามแรงดูดเฟ้นอย่างว่าง่าย ช่วงล่างเย็นวาบเหมือนไม่ได้สวมใส่อะไรเลยกลับอุ่นและเสียวซ่านจนต้องบิดร่าง

“อื้ออออ อื้อออ” ในฝันผมหอบหายใจหนักหน่วง แรงดูดกลืนเร่งจังหวะหนักหน่วงขึ้น บั้นท้ายผมบิดร่อนอย่างห้ามไม่ได้ ทำไมฝันมันเหมือนจริงขนาดนี้วะ เหมือนจริงจนเสียวไปหมด

“อื้อ จะออกแล้ว อื้อ” ผมว่าเสียงครางผมดังมากเลยนะ แต่เพราะเป็นแค่ความฝันผมจึงไม่สนใจอะไร



             ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว ด้านนอกนั้นมืดสนิทบอกเวลากลางคืน ผมตบขมับเบาๆเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว มองเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วสะดุ้งเฮือก!

ใครพาผมกลับมา

ใครแต่งตัวให้ผม (กางเกงในก็ไม่ใส่)

ผมพยายามควานหาสวิตช์ไฟ แต่กลับสะดุ้งโหยงเมื่อชนกับอะไรบางอย่างที่คร่อมตัวผมอยู่ ผมจำได้ว่าตัวเองเมา แล้วฝัน

พรึ่บ!

พลันสายตาก็เหลือบไปมองที่กางเกงในที่ใส่ลงว่ายน้ำตรงมุมห้อง...คราบขาวเกาะแห้งกรัง เชี่ยยยยยยยย ไม่ได้ฝัน

 “คุณต่อ” ผมร้องเสียงหลง

“อื้อ” น้ำเสียงงัวเงียนั้นขานรับ “ตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวมั้ย”

“ครับ วะ ว่าแต่ ทำไมคุณต่อถึงมาอยู่ในห้องผมได้ล่ะครับ” ทำงานกับเจ้านายหนุ่มมาสามเดือนยังมีเรื่องให้ประหลาดใจได้ทุกวันสิน่า

“ดูดีๆ นี่ห้องผม”

“ห๊ะ” นี่ห้องใหญ่กว่าห้องนอนผมอย่างเห็นได้ชัด ห้องเจ้านายจริงๆด้วย... ผมผุดลุก แต่ร่างใหญ่กระชากลงมาในอ้อมกอด

“อย่าเพิ่งไปสิ กำลังอุ่นเลย” เอาหน้ามาเบียดทำไม ออกป๊ายยยยยยยยย

“คุณต่อ ทำอะไร ปล่อยผมมมมม”

“ผมไม่ปล่อย”

“ผมเป็นผู้ชายนะครับคุณต่อ เนื้อตัวก็แข็งปั๋ง กอดไม่ฟินเท่าเนื้อสาวๆหรอกครับ”

“หุบปาก” นั่นไง เสียงดุมาอีกแล้ว ผมล่ะต้องนิ่ง “แล้วอยู่ให้ผมกอดซะดีๆ”

“อื้อออ ไม่เอาครับ ปล่อยผมเถอะนะ”

“จะให้ปล่อยงั้นเหรอ”

“ครับ”

“งั้นจูบผมก่อนสิ เหมือนวันนั้นน่ะ”

“ห๊ะ” ผมถึงขั้นพลิกตัวไปสบตาคู่นั้นเลยครับ นี่เจ้านายผมรู้ตัวมาตลอดเลยเหรอเนี่ย ที่ผ่านมานี่คืออะไร ไอ้เอกงงไปหมดแล้ว

             ดวงตาคู่คมจับจ้องมาทางผมจนรู้สึกประหม่า ภาพและเสียงของวันนั้นกลับมาฉายซ้ำโดยอัตโนมัติ ผมต้องหายใจหอบถี่เลยครับเพื่อพยายามสลัดมันทิ้ง แต่ไอ้คนที่นอนจ้องตาผมอยู่ กลับส่งยิ้มให้จนใจอ่อนยวบ ความหวิวไหวนี่มันมาจากไหนวะ ผู้ชายอกสามศอกอย่างผมรู้สึกแปลกๆกับแววตาคู่นี้จนต้องหลบ

             มันต้องมาตั้งแต่วันนั้น วันที่เจ้านายไปงานแต่งงานเพื่อนในชุดสูทสีน้ำเงิน วันที่ผมทำกาแฟหกใส่เสื้อเชิ้ตราคาแพงแต่เขากลับไม่ด่าสักคำ วันที่เจ้านายหนุ่มเมาปลิ้นจนผมต้องลากเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล วันที่ผมถูกคนเมาดึงตัวเข้าไปจูบอย่างเร่าร้อน สัมผัสอ่อนหวานดุดันยังวนเวียนในหัว ราวกับมันเพิ่งเกิดมาเมื่อวาน

             หรือเป็นเพราะตอนที่เจ้านายหนุ่มเป็นคนขับรถพาผมบึ่งไปหาแม่ที่โรงพยาบาลเมื่ออาทิตย์แรกของการทำงาน วันนั้นผมสติหลุดจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ก็ได้เขานี่แหละคอยช่วย หรือตอนที่ผมมืดแปดด้านเรื่องค่ารักษาของแม่ คุณต่อพงษ์ก็ยื่นมือมาช่วย แถมยังโดนพี่เขยโทรมาบ่นอีกต่างหาก

             มันเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่นะ...ความหวั่นไหวแบบนี้


(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1231698305-member.jpg)
#ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้วฝากเม้นต์ด้วยนะครับ ไรต์จะได้รู้ว่ามีคนติดตามหรือเปล่า
อย่าลืมกดติดตามเพจไรต์นะครับ >>> https://web.facebook.com/Begintillanend
หรือเสิร์ชหาจากใน FB ว่า Begintillanend หรือ จากต้นจนอวสาน นะครับ จะได้ไม่พลาดเรื่องอื่นๆของไรต์ (อ้อนๆ)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 8 P.2 @26/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-01-2020 00:22:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถ.....นายเอกถูกเจ้านายกินแบบเบาะ ๆ ไปซะแระ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 8 P.2 @26/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 26-01-2020 00:29:18
เจอคุณต่อแอบชิมแล้วซิ ลุงเอก  :z1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 8 P.2 @26/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 26-01-2020 10:27:40
เหย้ดดดดดดดดดด เจ้าแผนการ!! เจ้าแผนการมากๆ  แต่ละอย่างคือคิดมาหมดแล้วนะ อื้อหือออออ คุณต่อร้ายกาจมาก!! จริงๆแล้วที่สระไม่มีคนเลยเพราะเเอบไปเหมามาป่าวเนี่ย ไม่งั้นก็ต้องมีคนมาเห็นตอนจูบ+ตอนชักแตงให้พี่เอกแล้ววววววว กรี้ดดดด เอามานอนที่ห้องงี้ คำพูดที่รู้ตัวว่าตอนเมา(?)แล้วจูบพี่เอกงี้ ค่อนข้างเปิดเปลือยเจตนาแล้วนะ พี่เอกจะทำไงล่ะทีนี้ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 8 P.2 @26/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-01-2020 12:28:50
ตอนนี้สงสารพี่เอกแล้วเนี่ย :m20: ไม่รอดมือคุณต่อแล้วแหละครับ ยอมเขาเถอะ :oo1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 8 P.2 @26/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-01-2020 17:02:44
นึกถึงตามรูปแล้วฟิน ..
(กระทิง)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 8 P.2 @26/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 26-01-2020 19:47:44
จิกหมอน    จิกที่นอน    จิกผ้าห่ม
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 8 P.2 @26/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-01-2020 23:12:23
อ้ายๆๆ โดนน้องต่อเขมือบ นุ้งเอก ซะแล้นนน
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 8 P.2 @26/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 27-01-2020 11:36:58


เข้ามาอ่านคอมเม้นต์นะครับ ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบครับ
ไรต์มีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย อิอิ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 28-01-2020 09:38:25
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 9 เจ้านายครับ อย่าแกล้งผมแบบนี้เลย ขอร้องงงงงง
             อื้อ ผมขยับไปไหนไม่ได้แล้วครับ เรี่ยวแรงที่เคยมีก็หายไปหมด สงสัยเพราะความเมาจากบลูฮาวายนับสิบแก้วนั่นแน่ๆ ปกติกินเหล้าขาวเป็นกลมๆยังไม่เมาปลิ้นขนาดนี้ แถมยังฝันว่ามีคนช่วยให้ผมผ่อนคลายอีก ตอนนี้ก็ถูกเจ้านายหนุ่มหน้าหล่อ กล้ามแน่นตัวสูงโย่งเท่ายักษ์กอดแนบแน่นแถมส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้อีก

“คุณต่อ จะ จะ ทำอะไรน่ะครับ” ตอนนี้ผมหวาดผวาสุดๆ

“ชู่” นอกจากไม่ตอบ ใบหน้าหล่อเหลาก็ค่อยๆขยับมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นลมหายใจหอมกรุ่นคืบคลานอย่างเชื่องช้าแต่ผมกลับไม่มีทีท่าจะหลบเลี่ยง เบือนหน้าหนีสิวะ เร็วๆ ไอ้เอก เร้ว!

“อื้อออออ” สุดท้ายแล้วริมฝีปากคู่งานก็ประทับที่กลีบปากของผมอย่างแผ่วเบา มือใหญ่ไล้ลูบใต้เสื้อผมไปมาพลางเขี่ยที่จุดแข็งสีเข้มบนหน้าอกจนตื่นตัวเผลออ้าปาก ลิ้นใหญ่กระหวัดชอนไชในโพรงอุ่น ลิ้นเจ้ากรรมของผมก็ดันไปตอบสนองเกี่ยวรัดปล่อยให้เขาดูดเฟ้น ลมหายใจขาดห้วงคล้ายกับอากาศในห้องหายไปหมด

“แฮ่กๆ” เมื่อริมฝีปากได้รูปนั้นผละออก ลมหายใจของพวกเราก็ประสานกันเป็นจังหวะถี่ๆ ผมเกลียดสายตาเจ้าชู้ที่เจ้านายหนุ่มส่งมาให้เสียจัง มันทำให้ผมสับสน ยิ่งรสจูบที่หวานหยดเมื่อครู่ก็ยิ่งทำให้ใจสั่น ผมเป็นผู้ชายนะเว้ย...ผู้ชายแท้ๆ ชอบผู้หญิง แต่ตอนนี้กลับถูกร่างใหญ่ยักษ์ตระกองกอดราวกับหญิงสาว มือแกร่งไล้ที่ราวนมปลุกระดมความต้องการให้ตื่นขยาย

             ใบหน้าของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายซุกไซร้ที่ใบหูจนผมสะดุ้งวาบ ลิ้นลื่นฉกวาบเข้าไปโพรงด้านในจนเสียวสะท้าน ริมฝีปากที่เคยบดเบียดกับดูดเฟ้นที่ซอกคอแน่นของผมอย่างชำนาญ เล่นเอาตัวอ่อนระทวย ลิ้นยาวเลียโลมตั้งแต่ไหปลาร้าลงไปที่ทรวงอกก่อนที่จะดูดเฟ้นที่หัวนมสีช็อกโกแล็ตที่ถูกยั่วยุมาก่อนหน้านี้อย่างบ้าคลั่ง

             ผมปล่อยใจให้หลงระเริงไปกับการเล้าโลม แต่จิตใต้สำนึกของผมยังทำงานอย่างดีเยี่ยม สติของผมกลับเข้าที่ก่อนที่อะไรๆมันจะเลยเถิดไปกว่านี้ ผมมั่นใจเลยว่าครั้งนี้เจ้านายหนุ่มของผมไม่ได้ล้อเล่น เพราะบางอย่างที่แข็งราวหินผาเสียดสีหน้าแข้งผมอยู่

“คุณต่อ อื้อ ไม่เอาครับ” ผมดันตัวของเจ้านายหนุ่มสุดแรงจนหยุดการกระทำทั้งหมด เมื่อเผลอ ผมก็รีบขยับตัวออกจากเตียง

“ทำไมล่ะ แฮ่กๆ” ถามมาได้ว่าทำไม

“คือ ผมไม่ชอบแบบนี้”

“แต่ผมชอบ” โว้ยยยยยยย นี่ผมคุยกับผนังอยู่รึไง

“แล้วผมจะไม่หยุดแค่นี้แน่ พี่เอกเป็นของผม”

เช็ด! อยู่ๆก็ถูกตีตราจอง โดยเจ้านายของตัวเอง

“คุณต่ออย่าล้อเล่นสิครับ”

“ผมไม่ได้ล้อเล่น” อื้อออออออ พูดยากจังวะ นี่ก็ใกล้เทอมใหม่ของน้องชายแล้ว ยังไม่อยากลาออกโว้ย งานสบาย โดนด่านิดหน่อยแต่เงินดีแบบนี้ใครจะอยากลาออก แต่ถ้าจะต้องมาเจอเจ้านายลวนลามแบบนี้...คิดหนักจริงๆ

“โธ่ คุณต่อ ผมเป็นผู้ชายนะครับ แถมยังเตี้ย ตัวตัน แก่อีกต่างหาก”

“ผมไม่ถือ” แสยะยิ้มทำไมวะ

“...” หมดคำสิเว่า

“คืนนี้นอนห้องนี้นะ”

“มะ ไม่ดีกว่าครับ ผมไปนอนห้องผมดีกว่า”

“อื้ม ตามใจ อย่าลืมเอากางเกงในไปซักด้วยนะ” ผมลนลานตะปบกางเกงในตัวจิ๋ว คราบที่เห็นลางๆแจ่มชัด นี่ผมถึงจุดสุดยอดรดกางเกงในหรือเนี่ย...ที่ไหน ใช่ความฝันมั้ย ถ้าไม่ใช่แล้วกับใคร...

ภาพเจ้านายหนุ่มที่เลียริมฝีปากทำให้ผมได้คำตอบ....

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง

             เสียงกริ่งหน้าห้องเหมือนสัญญาณช่วยชีวิต ผมแทบจะพุ่งตัวไปเปิด แต่สำรวจสภาพแล้วคงไม่เหมาะเป็นแน่จึงได้แต่มองหน้าเจ้านายหนุ่มอีกครั้งเพื่อหาคำตอบ

“อยู่ในนี้ ไม่ต้องออกไปไหน เข้าใจปะ”

“ครับ” เห้อ...จะมีใครมาอีกเนี่ย ผมล่ะเพลียใจจริงๆ แต่ก็นั่งลงบนเตียงนุ่มอย่างปวดหัวเมื่อร่างสูงจัดแจงเสื้อคลุมที่หลุดรุ่ยให้เรียบร้อยและเดินออกไปหาห้อง

“ทำอะไรอยู่วะ กว่าจะเปิด” ร่างสูงหน้าประตูถาม ทำท่าจะเดินเข้าห้องแต่ถูกดันไว้ เสียงคุ้นเคยนั้นเป็นของคุณพัน พี่เขยเจ้านายแน่ๆ

“พี่จะทำอะไร” คุณต่อถามเสียงเรียบ

“อ้าว ก็เข้าห้องพักไง อุตส่าห์หนีเมียมาได้ทั้งที”

“พี่ก็ไปห้องพี่สิ”

“อะไรของเอ็งเนี่ยไอ้ต่อ ตามแผนพี่ต้องพักกับเอ็งไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รู้ แต่ห้องไม่ว่าง”

“นี่มันห้องสวีตนะเว้ย มี 2 ห้องนอนจะไม่ว่างได้ไงวะ” พี่เขยถามอย่างงุนงง

“ใช่ แต่ตอนนี้ไม่ว่างแล้ว พี่ไปเปิดห้องใหม่นะ”

“ไอ้ต่อ..”

โครม!

             อื้อหือ ผมได้ยินชัดเลยครับ แม้ว่านั่นคือคุณพันธุ พี่เขยของเจ้านาย แต่ความอินดี้ของเจ้านายหนุ่มชนะขาดลอยเมื่อเป็นฝ่ายต้อนพี่เขยให้ออกไปได้

...นี่กูจะยิ้มทำไมวะไอ้เอก

“ยังไม่ไปอีกเหรอ” เสียงเข้มถาม ผมสะดุ้งยืดตัวเต็มที่

“จะไปแล้วครับๆๆๆ” ใครจะกล้าอยู่ต่อล่ะ

“ไปแต่งตัว เดี๋ยวมีงานเลี้ยงบริษัท”

“ห๊ะ”

“อะไรอีก” เจ้านายถามเสียงดุ นี่คนหรือทะเล ปรวนแปรเกินคาดเดา เมื่อกี้ยังกับจะจับเรากิน ตอนนี้ทำเสียงดุใส่

“คือ...ผมไม่มีชุดใส่แล้วอะครับ” สารภาพไปก็ได้วะ ไม่รู้นี่หว่าว่าจะต้องค้างร่วมห้องกับเจ้านาย แถมยังไปว่ายน้ำด้วยกางเกงในสำรองตัวเดียว และ...ต้องไปงานเลี้ยงของบริษัทอีก

ประหม่าไปหมด....

“งั้นไปแต่งตัวเท่าที่มี” ร่างสูงไล่ “แล้วไปเจอที่รถภายใน 10 นาที” อื้อหือ ผมต้องใส่ตัวเดิมแล้วล่ะ ลุย!

             ตอนนี้ผมกำลังเดินตามเจ้านายหนุ่มต้อยๆกลางห้างเซ็นทรัล ร่างสูงเดินไปมาด้วยออร่าของความหล่อ สายตาของสาวๆจับจ้องอย่างออกนอกหน้า นี่ยังไม่นับรวมเพศชายใจหญิงที่มองแล้วยิ้มให้อย่างยั่วยวนอีกนะ ช่างผิดกับผมที่เกิดมาตัวดำเป็นถ่าน แต่งตัวปอนๆเดินตามหลังอย่างกับเป็นทาสในเรือนเบี้ยอย่างงั้นแหละ

“เอ้านี่ ลองใส่ซิ” เจ้านายหนุ่มยื่นเสื้อโปโลสีแดงเลือดนกมาให้ ผมดูป้ายราคาแล้วแทบเป็นลม

“ทำไมครับ”

“บอกให้ไปลอง ไม่ใช่ให้มาถาม” อื้ออออ ดุเก่ง ดุจัง แม่ง! ถือว่าเป็นเจ้านายเหรอวะถึงได้ใช้กำลังข่มขู่กันอยู่เรื่อย

“พอดีมั้ย” ผมเดินออกมาจากห้องลองชุดของร้านเสื้อผ้ายี่ห้อดัง ไซส์แอล (L) มันพอดีตัวไปหมด ปกติผมจะใส่เสื้อผ้าหลวมๆหน่อย มันคล่องตัวกว่า นี่อีกนิดจะรัดนมผมแล้ว

“มันแน่นไปหน่อยครับ”

“งั้นเอาตัวนี้แหละ” อ้าว...แล้วจะถามทำไมเนี่ย

“เอานี่ไปลอง” อะไรอี๊ก...ผมไม่ได้ถามหรอก แต่ก็รับกางเกงยีนส์สีดำมาลองสวมอย่างว่าง่าย นี่ละนึกแปลกใจว่าทำไมเจ้านายถึงได้รู้ขนาดผมดีจังวะ

แล้วภาพความฝันตอนที่อยู่สระน้ำก็ผุดมาในหัว....

แม่ง! ทำไมหน้าร้อนผ่าวขนาดนี้นะ

“อืม เอาชุดนี้แหละ นี่เข็มขัด” โอ๊ย โยนมาขนาดนี้ไม่ฟาดหน้าผมเลยล่ะ

“ยืนบื้อทำไม ไปถอดออก จะได้จ่ายเงิน”

“แต่คุณต่อครับ คือผม....” ไม่มีเงิน ทั้งหมดนี่ก็ห้าพันได้มั้ง

“ไป ถอด ออก” เน้นเสียงทีละคำแบบนี้ ผมจะเถียงอะไรได้ เอาวะ จะซื้ออะไรให้ก็ตามใจละกัน

(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1289512678-member.jpg)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-01-2020 10:04:27
 :z1:อูยยย  อ่านแล้วปลื้มปริ่ม....อิอิ



 :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4: :กอด1:





หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-01-2020 14:50:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไงหล่ะ  เจอป๋าต่อเปย์แล้ว  อิอิ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 28-01-2020 15:25:22
หวุดหวิดหลายรอบแล้วนะพี่เอก อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-01-2020 17:03:51
พี่เอกโดนคุณต่อตั้มแน่ๆ

คุณพี่เขยนี่ยังไงมีแผนอะไร
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-01-2020 20:09:08
หวังว่าพี่เขยจะไม่มาสร้างปัญหานะครับ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 29-01-2020 19:59:18
รุกหนักๆ เข้า red zone ละเด้อ555555555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 29-01-2020 20:42:33
ลุงโดนแน่ :z1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-01-2020 21:05:47
พี่เอกขาาาาา มีเสี่ยเปย์ เต็มกำลังศึก นุ้งต่อลวนลามเก่งยิ่งกว่าไวรัส โคโรน่า อี๊ก
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-01-2020 15:30:50
เต็มที่เพื่อลุง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-01-2020 21:26:28
พี่เขยจะเคลม?
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 9 P.2 @28/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-02-2020 10:23:13
คุณเจ้านายรุกเร็ว รุกแรง สายเปย์อีกต่างหาก.  :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 10 P.2 @01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 01-02-2020 14:58:27
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 10 เหตุผลแค่นี้เหรอที่ต้องรับผมเข้าทำงาน
             งานเลี้ยงของบริษัทเริ่มประมาณทุ่ม ภายในสนามหญ้าด้านหลังของโรงแรมที่ผมไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าเคยมี เวทีขนาดย่อมที่ยกสูงจากพื้นประมาณ 20 เซ็นติเมตรประดับด้วยป้ายชื่อบริษัทและสโลแกนที่เชยเฉิ่ม พนักงานจับกลุ่มคุยกันจอแจ แสงไฟสวยประดับประดาวิบวับ ดนตรีบรรเลงในงานชวนผ่อนคลาย ผมปวดหัวตุบจากอาการแฮ้งได้แต่มองภาพที่น่าสนุกนั้นอย่างเจียมตัว

             ถ้าโชคชะตาไม่พลิกผัน หนึ่งในนั้นคงมีผมเป็นแน่แท้ ผมคงได้เรียนเศรษฐศาสตร์ การตลาด บัญชีหรือแม้กระทั่งวิศวะก็ได้ใครจะรู้ โอกาสของผมคงมากกว่านี้ มีการงานที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องทนนั่งหลังแข็งขับรถให้เจ้านายอายุน้อยกว่ากรนด่าทุกวี่วันหรอก

             เอาวะ มันเปลี่ยนไม่ได้แล้วนี่หว่า ตอนนี้ก็ทำงานมาครึ่งปีแล้ว มีแต่คนแปลกใจว่าทำไมผมถึงอยู่ทนอยู่นานขนาดนี้ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ตัวเองยังแปลกใจว่าทำไมยังยอมทนให้เขาโขกสับ เมื่อหาคำตอบไม่ได้ เอกสุดหล่อเย่เย่ก็ได้แต่ยักไหล่ ตักอาหารที่เป็นบุฟเฟ่ต์เรียงรายน่ากินใส่จาน หยิบแก้วน้ำก่อนเดินเลาะไปนั่งกินในมุมมืด...

             งานเลี้ยงของบริษัทดำเนินไปด้วยดี ผมยังไม่รู้เลยว่านี่มันเกี่ยวข้องกับการสัมนาอย่างไร เมื่อมาถึงก็ปล่อยให้พนักงานแยกย้ายไปเล่นน้ำหรือพักผ่อนตามอัธยาศัย ตกเย็นก็มีงานเลี้ยงและการแสดง มีการพูดเปิดงานโดยเจ้านายหนุ่มของผมที่แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้ารูปและกางเกงสแล็กสีดำดูสง่า ยิ่งแสงไฟกระทบก็ยิ่งมีออร่า สาวๆไม่ว่าสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็พากันจับจ้องด้วยสายตาอ่อนหวาน แต่ผมกลับเสียววาบเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น ... ดีนะที่ยังรักษาเนื้อรักษาตัวไว้ได้ไอ้เอก



             บรรยากาศในงานเลี้ยงยังครึกครื้น แอลกอฮอล์ถูกขนมาไม่ขาดสายทั้งที่มีประกาศว่าห้ามดื่ม แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรต่อความต้องการของพนักงานมากนัก เมื่อเจ้านายหนุ่มถูกรายล้อมไปด้วยหญิงสาวหน้าตาสละสวยเต็มไปหมด มีการพูดคุยยิ้มร่าผิดจากมาดขรึมตอนอยู่ออฟฟิศลิบลับ แก้วไวน์ในมือถูกขอชนนับครั้งไม่ถ้วน ผมวางจานข้าวที่กินเสร็จแล้วตัดสินใจเลี่ยงออกมาจากกลุ่มคน คงเป็นเพราะความไม่คุ้น หรืออาจเป็นเพราะมันไม่ใช่ที่ของเราทำให้รู้สึกแปลกแยกได้ถึงเพียงนี้

             เสียงคลื่นกระทบฝั่งและลมทะเลชวนให้ผ่อนคลาย อาการปวดหัวดีขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกมึนไม่น้อย ยังดีที่หลบเลี่ยงจากงานเลี้ยงได้ ถ้ายังดื่มอีก พรุ่งนี้เจ้านายต้องมาเป็นสารถีแทนผมแล้วล่ะ

             ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดถึงตอนที่มาทะเลครั้งสุดท้ายกับที่บ้านเมื่อสองสามปีที่แล้ว เราพากันขับแท็กซี่มาจากกรุงเทพ พักที่รีสอร์ตธรรมดาแถวบางแสน นั่งบนเก้าอี้ชายหาดใต้ร่มใหญ่ที่หาด เท้าเปล่าเหยียบบนทรายหยาบ สั่งอาหารทะเลมากินด้วยกันจนหนำใจ

             ทะเลยามนี้คลื่นลมแรง ผมเดินเลาะเรื่อยมาเรื่อยเปื่อย กลิ่นชุดใหม่ที่เจ้านายหนุ่มเพิ่งซื้อมาให้แตะจมูก เสื้อวัยรุ่นสีแดง กางเกงยีนส์สีดำมีราคา สวมกับรองเท้าผ้าใบคู่เก่าของผมดูปนเปไม่เข้ากัน ทุกอย่างมันคับแน่นไปหมด แต่คนซื้อให้ยืนยันว่า “ดีแล้ว สมัยนี้เค้านิยมเสื้อผ้ารัดรูปทั้งนั้นแหละ” ... ผมไม่แน่ใจเลยว่ายุคของพวกเรานี่ใช่ยุคเดียวกันหรือเปล่า

             ยังไม่ดึกมาก แต่ก็มืดจนมองไม่เห็นทะเลแล้ว มีเพียงแสงไฟจากเรือประมง หรือไม่ก็เรือตกหมึกลอยแล่นไกลลิบตา ผมหยิบมือถือราคาแพงขึ้นมาจะถ่ายความมืดนี้เก็บไว้..

แบตหมด... สวรรค์กลั่นแกล้งจริงๆ

“ลุง” เสียงคุ้นๆตะโกนแว่วมาตามสายลม ผมคิดว่าตัวเองคงหูฝาด

“โว้ย ลุงเอก” ชิชะ ใครบังอาจมาเรียกเอกสุดหล่อเย้เย้ว่าลุงวะ ถ้าไม่ใช่...

“คุณต่อ วิ่งมาทำไมครับ” ควรใช้คำว่าวิ่งหน้าตั้ง หรือไม่ก็ วิ่งหน้าตื่น ดูจะบรรยายสภาพได้ดีกว่าตอนนี้ซะอีก

“ผม แฮ่กๆ นึกว่าลุงหนีกลับกรุง แฮ่กๆ ไปแล้ว โทรหาก็ปิดเครื่อง” เจ้านายหนุ่มตัวงอเพราะความเหนื่อย ผมปล่อยให้สูดหายใจจนเต็มปอดเสียก่อน

“ทำไมถึงปิดมือถือ รู้มั้ยเนี่ยว่าผมต้องวุ่นวายตามหาแค่ไหน” อ้าว ก็ไม่ได้ขอปะเนี่ย

“ตกใจหมดเลย” น้ำเสียงเข้มแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเสียอย่างงั้น “นึกว่าลุงหนีผมไปแล้วซะอีก”

“ผะ...” ไม่ทันพูดครับ ร่างสูงรั้งตัวผมเข้าไปในอ้อมกอดอย่างไม่ทันตั้งตัว เอางี้...ถ้ามันฉายภาพสโลโมชั่นได้ จะเห็นว่าผมทำหน้าตกใจอ้าปากเหวอตอนที่ตัวโดนกระชาก คนแบบนี้จะมีเรี่ยวแรงขนาดไหนถึงฉุดผู้ชายสูง 176 เซ็นติเมตร น้ำหนักเกือบ 80 กิโลกรัมไปกอดได้โดยง่าย

“อย่าหนีผมไปนะ ผมขอโทษ ผมจะไม่แกล้งลุงแล้ว” มาไม้ไหนวะเนี่ย ผมดันตัวออก กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาเลย...นี่ไงต้นเหตุ คนสติดีที่ไหนจะมาทำแบบนี้

“คุณต่อเมาเหรอครับ”

“ม่ายๆๆ” เหอะ อย่าให้กูลำบากเหมือนครั้งที่แล้วก็พอนะ ... ว่าแล้วก็หมุนตัวหลุดจากอ้อมแขน ร้อนเนอะ ลมทะเลไม่ช่วยอะไรเลย

“ทีหลังอย่าปิดมือถืออีกนะ”

“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ แบตหมด”

“ห้ามหมด ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนแบตต้องเต็มตลอด” โอยยยย เด็กหนอเด็ก ลมทะเลพัดแรงจนทรงผมของเราสองคนปัดเป๋ไปหมด

“ครับ” นี่ไง ตอบได้แค่นี้

“อย่าหายไปไหนนะ กว่าผมจะตามหาพี่เอกเจอก็ตั้งหลายปี”

“หืม” ทำไมพูดเหมือนเคยเจอมาก่อนล่ะ

“แปลกใจเหรอ”

“กะ ก็ นิดหน่อยครับ” ตอบไปงั้นแหละ เอาเข้าจริงคือแปลกใจมาก

“เรื่องมันเกิดตอนผมอายุ 20 ตอนนั้นรถยนต์ที่ผมขับไปเกิดเสียกลางทาง ผมจำไม่ได้ว่าอยู่ส่วนไหน แต่มันก็เปลี่ยว โทรหาใครก็ไม่ติด ได้แต่หาข้อมูลรถลากแต่เพราะมันดึกมากร้านซ่อมปิดไปจนหมด”

“แล้วตอนนั้น แม่ของผมเกิดชักเพราะไอ้โรคลมบ้าหมู ผมสั่นลนลานไปหมด...”

             เรื่องที่เจ้านายหนุ่มกำลังเล่ามันแล่นเข้ามาในสมองผมยกใหญ่ แถวนั้นน่าจะรามอินทราหรือไรนี่แหละ ผมเพิ่งกลับไปส่งลูกค้า ด้วยความที่ไม่คุ้นเลยขอให้ลูกค้าช่วยบอกทางกลับให้ที พอถึงแยกใกล้ถนนใหญ่ผมเลี้ยวผิดรถเลยสวนไปเจอ...

“แล้วพี่เอกก็จอดรถ แล้วลงมาช่วยผม มาช่วยแม่ พาแม่ไปส่งโรงพยาบาล” นั่นแหละคือภาพที่ผมเห็น ไม่น่าเชื่อว่าคุณต่อพงษ์ยังจำมันได้ ผมเสียอีกที่จำใบหน้านี้ยังไม่ได้เลย

“จนวันนั้นที่ผมไปแถวมหาชัย รถผมก็เสียอีก แล้วก็เป็นพี่เอกอีกแล้วที่จอดรถรับผม”

“พอเจอพี่ครั้งนี้ ผมก็ตกลงใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้พี่หายไปไหนอีก”

“ผมชอบพี่ ผมชอบพี่จริงๆนะ” อึ้งสิครับ อึ้งรับประทาน เอาล่ะ สมองประมวลผลไม่ทันหรอกตอนนี้ คือ ... เจอผู้โดยสารเก่าที่เคยช่วยเหลือโดยบังเอิญเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนสถานะภาพเป็นเจ้านายที่ขี้บ่น จู้จี้ ปากร้าย

แต่ตอนนี้...เจ้านายผมกำลังบอกว่าชอบผมอยู่...

ตัวแข็งเลยครับ ไม่รู้จะตอบอะไร

เกิดมาไม่เคยถูกใครสารภาพความในใจเลย แฟนเก่าๆก็แค่จีบๆแล้วก็เป็นแฟนกัน...จบ

“เอ่อ...”

หมับ!

“อื้อ” โว้ยยยยยยยยยย เอะอะจูบ เอะอะจูบ ... ไอ้คุณต่อพงษ์ครับ ช่วยเห็นผมเป็นผู้ชายแท้ๆหน่อยเถอะคร้าบบบบบบ






(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/635582163-member.jpg)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 10 P.2 @01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-02-2020 16:27:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

ี่ี่ี่อ่อ....ที่มาที่ไปมันเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 10 P.2 @01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-02-2020 17:00:52
มีคนเดาถูกโด้ย ว่าคุณน้องต่อ รู้จักลุงเอกมาก่อน เอะอะจูบ เอะอะจูบ อ๊ายๆ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 10 P.2 @01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 01-02-2020 17:44:11
สารภาพความในใจ :-[ 
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 10 P.2 @01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-02-2020 19:18:28
งู้ยยยยย ดีต่อใจจริง ๆ เลย พี่เอกต้องยอมน้องต่อแล้วแหละครับ อย่าหนีเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 10 P.2 @01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 01-02-2020 19:59:43
ลุงเอก........ :ling1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 10 P.2 @01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 03-02-2020 21:50:06


ตามมาอ่านคอมเม้นต์ครับ ขอบคุณทุกกำลังใจครับ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 10 P.2 @01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-02-2020 22:36:18
คุณต่อประทับใจลุงเอกจนกลายดป็นรักแรกพบสินะ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 10 P.2 @01/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-02-2020 12:34:33
หากันจนเจอ ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-02-2020 17:11:51
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 04-02-2020 17:20:53
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 11 เจ้านายครับ ไปทำงานเถอะ ผมจะพักผ่อน

               หลายคนอาจจะขัดใจ ว่าทำไม ผู้ชายอย่างผมถึงยอมให้เจ้านายกดขี่ เอะอะจูบ ... บอกตามตรงว่าผมไม่ได้สมยอมนะครับ แต่ละครั้งมันมาแบบไม่ทันตั้งตัว พอพายุสงบ ผมก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ จะให้เหวี่ยงหมัดก็ไม่ใช่ อายุปูนนี้แล้วงดใช้อารมณ์ไปก่อน ตกงานมามันไม่คุ้ม

               ถ้าให้ย้อนไปสมัยที่จบชั้นม.ปลายแล้วเข้าไปใช้แรงงานในโรงงานเงินเดือน 8,500 บาท เริ่มงานเจ็ดโมงเช้า บังคับโอทีถึงทุ่ม ค่าแรงก็แสนถูก ทำงานหกวันแทบไม่ได้พัก เงินเดินออกก็โดนหักค่าประกันสังคม ค่าโน่นนี่เหลือใช้ยังไม่ถึงหมื่น...ต้องกระมิดกระเมี้ยนอยู่ให้ได้ถึงสิ้นเดือน ... แต่เทียบกับตอนนี้ เงินเดือนสามหมื่น ไปไหนมาไหนเจ้านายเลี้ยง อดทนแค่เสียงบ่นกร่นด่าให้ได้ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง

....จะห่วงก็แค่การถึงเนื้อถึงตัวของเจ้านายหนุ่มนี่แหละ

“อื้อ” ตาพร่าแล้ว ไม่ไหวแล้ว ลิ้นจะดันมาทำไม นั่นไงจะดูดทำไม

“อื้อ” จะขาดใจแล้วครับ ไปฝึกจูบกับใครมาวะ ทำไมเก่งได้ขนาดนี้

“ติดใจเหรอ ตาเยิ้มเชียว” พอผละออกก็ถามโต้งๆเลย

“โว้ย” ผมไม่รู้จะตอบยังไงแล้วอะ หวังว่าความมืดในยามนี้จะช่วยกลบอะไรต่อมิอะไรไว้ได้

“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะระเบิดลั่น ผมรีบจ้ำกลับมาที่โรงแรมด้วยความอายที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

               ผมตื่นมาอีกทีตอนสาย...เจ้านายหนุ่มไม่อยู่ในห้องแล้ว อย่าคิดนะครับว่าผมจะหลวมตัวไปนอนห้องใหญ่ กลับมาถึงผมก็รีบอาบน้ำและเข้าห้องตัวเองล็อกประตูแน่นหนา พอหัวถึงหมอนก็หลับไปเลยด้วยความอ่อนเพลียและอาการปวดหัวจากฤทธิ์ของบลูฮาวายเมื่อวาน

[ตื่นแล้วก็ลงไปกินข้าวชั้น G] ข้อความจากเจ้านายผมเองครับ เป็นครั้งแรกเลยที่ผมตื่นสายขนาดนี้ เลยรีบล้างหน้าแปรงฟันแบบลวกๆก่อนลงไปที่ห้องอาหาร

               เวลานี้เกือบเก้าโมงเช้าแล้ว ห้องอาหารไม่มีพนักงานของบริษัทนั่งอยู่เหมือนที่คิดไว้ จะเห็นก็แค่เจ้านายหนุ่มที่นั่งหลังตรงเปล่งออร่าอยู่มุมหนึ่งเท่านั้น บนโต๊ะมีแค่กาแฟแก้วเดียว

“มานั่งตรงนี้” นั่นไง นึกว่าไม่เห็น ผมถูกสั่งให้ไปนั่งกับเจ้านายหนุ่มตอนที่ถือจานข้าวเดินหาที่นั่ง

“ครับ” ทำไมจะต้องให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยเนี่ย พนักงานคนอื่นล่ะไม่เห็นเรียกแบบนี้

“หลับสบายมั้ย” ผมพยักหน้าเพราะกำลังตักอาหารคำแรกเข้าปาก

“ไม่ต้องรีบ ผมยังไม่กลับหรอก”

“แล้ว...”

“อีกครึ่งชั่วโมงผมต้องไปร่วมสัมนา น่าจะเสร็จบ่ายสอง ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน”

“ครับ”

“ตอนเที่ยงผมให้โรงแรมจัดกับข้าวไว้ให้นะ เจอชั้นชั้นบนสุด”

“หะ ห๊า”

“ลุงจะสั่งบลูฮาวายมารอก็ได้นะ ระหว่างนี้ก็ไปพักผ่อนต่อเถอะ” เจ้านายผมสั่ง พอคิดถึงบลูฮาวาย ผมก็หน้าร้อนวูบ นึกถึงเรื่องวาบหวิวที่เกิดขึ้นเมื่อวานซ้ำไปซ้ำมา

“อ้อ แล้วทีหลังไม่ต้องรีบนะ อย่างน้อยก็หวีผมก่อนก็ดี”

“คะ ครับ” ผมรีบใช้มือลูบผมที่ฟูไม่เป็นทรงอยู่ในตอนนี้ นี่เจ้านายหรือแม่วะเนี่ย บ่นจัง

ผมจัดการมื้อเช้าจนเกลี้ยงก่อนจะกลับไปนอนด้วยความอ่อนล้า...

               รู้สึกตัวอีกทีก็เพราะเหมือนมีอะไรสักอย่างมาถูไถตัวผมไปมาจนสะดุ้งตื่นเพราะรำคาญ สิ่งแรกที่เห็นตอนลืมตาขึ้นมาคือเจ้านายหนุ่มของผมนอนตะแคงในท่าเท้าแขนที่ท้ายทอย ดวงตาคู่คมส่งยิ้มหล่อกระชากใจที่สุดมาให้ ผมได้แต่กระพริบตาไปมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา พอตื่นเต็มที่ก็สะดุ้งวาบเพราะมือข้างซ้ายของเจ้านายหนุ่มกำลังเกาะกุมอะไรบางอย่างอยู่ในกางเกงบ็อกเซอร์ของผม

“คะ คุณต่อ ทะ ทำอะไรครับ” ผมนี่จะขัดขืน แต่บอกตรงๆเถอะ อย่าว่าผมบ้ากามเลยนะ ผมเสียวแทบคลั่งเลย

“ก็ทำแบบที่ทำเมื่อวานไง”

“งื้อ” ผมคราง ถ้ามันแข็งขืนขนาดนี้ เขาคงเล่นกับมันมาสักพักแล้ว แถมตอนนี้จังหวะรูดขึ้นลงเร็วจนต้องจิกนิ้วเท้า

“ชอบมั้ย”

“มะ ไม่ครับ” ผมปฏิเสธ แต่ร่างกายเจ้ากรรมมันไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด

“จริงดิ”

“จะ จริงครับ อื้ออออออออออออออ” ผมแทบขาดใจตายเมื่อใบหน้าหล่อโน้มไปดูดเฟ้นตรงส่วนนั้นแทนมือใหญ่ ผมชะโงกหน้าไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างอธิบายความรู้สึกไม่ได้ สองมือจับที่ใบหน้าหวังจะผลักออก แต่ความเสียวซ่านเป็นฝ่ายชนะเมื่อมันสั่งให้กลายเป็นการเกาะกุมหน้าหล่อเหลาให้เร่งทำจังหวะมากขึ้น

“อื้อ อื้อ อ๊า อ๊า” สุดท้ายแล้วก็เป็นผมเองที่ทนไม่ไหว นอนหายใจแผ่วเบาบนเตียงปลดปล่อยความสุขสมจนหมดสิ้น แรงดูดกลืนยังไม่จบจนรู้สึกเสียววาบแทบขาดใจ

“พอเถอะครับคุณต่อ...ผมจะไม่ไหวแล้ว อื้อ”

“จริงเหรอ แล้วชอบมั้ยล่ะ” ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนมาประชิด คราบขุ่นติดริมฝีปาก กลิ่นสาปบางอย่างลอยอบอวล

“มะ ไม่ชอบครับ”

“ปากแข็ง” เจ้านายหนุ่มยิ้ม ผมคิดอะไรไม่ออก สมองมันตื้อไปหมด ได้แต่มองตาคู่นั้นราวกับถูกดูดกลืน แล้วเขาก็...

“อื้อ” ลิ้นใหญ่เวียนว่ายเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่มของผม แรงบดเบียดถ่ายทอดความหอมหวานปนเปกับความโหยหาจนผมหมดแรงต้าน จูบที่อ้อยอิ่งเนิ่นนานส่งผ่านความอบอุ่นไหลอาบ ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงพลีกายให้เจ้านายหนุ่มแล้วตอนนี้....

“พี่เอกเป็นของผม” เจ้านายหนุ่มพูดขึ้น “คนเดียวเท่านั้น”

“หะ ห๊ะ” ผมอุทาน

“จำไว้นะครับ ผมจองแล้ว” เจ้านายหนุ่มขยิบตาก่อนหอมแก้มผมฟอดใหญ่และกระเด้งตัวลุก ถ้ามองไม่ผิด อะไรตุงๆที่เป้านั้นเด้งดึ๋งเป็นจังหวะ

“...” ผมควรตอบยังไงดีล่ะเนี่ย จองแล้ว จองยังไง ...

จองเป็นลูกน้อง...ตอนนี้ก็เป็นอยู่นะ เรียกว่าเบ๊ส่วนตัวเลยเถอะ

จองเป็นแฟน...ไม่น่ามั้ง แต่เมื่อกี้เขาก็ทำให้จนเสร็จนะ แถมจูบด้วย หลายครั้งแล้ว

จอง...จะจองทำไม ผมชายแท้ครับ ชายแท้... หนักแน่น มั่นคง ไม่หวั่นไหว

“ใจลอย”

“หะ”

“แต่งตัวเร็ว ไปกินมื้อเที่ยงกัน” นี่ผมนอนไปสามชั่วโมงเลยเหรอเนี่ย

“ครับ” ผมหยิบเสื้อและกางเกงบ็อกเซอร์ที่ถูกดึงออกมาใส่

“บอกให้แต่งตัว” ก็แต่งอยู่นี่ไง ผมทำหน้างง เจ้านายหนุ่มหันไปค้นอะไรบางอย่างในถุงพลาสติกที่ซื้อมาจากห้างเมื่อวานและโยนมาให้ผม

“นี่ กางเกงว่ายน้ำ ใส่แค่นี้พอ” เจ้านายครับ ใจคอจะให้ผมนุ่งห่มน้อยชิ้นตลอดเวลาเลยรึไง(วะ) ครับ

(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1659004346-member.jpg)
#ทีมลุง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-02-2020 18:09:35
เสร็จแน่ลุง :oo1: :m20:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-02-2020 18:50:45
 :pig4: :pig4: :pig4:


ชอบก็บอกไปเถอะลุง  ทำเป็นอ้ำอึ้งเหนียมอายไปได้
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 04-02-2020 19:43:30
แบบว่า..........ลุงไม่ชอบ นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 04-02-2020 23:54:42
อะหูยยย ก็หุ่นพี่เอกเค้าน่าฟัดอ่ะเนาะ คนบางคนเลยอดไม่ได้ ต้อง sexual harassment เลยย หนูจะแจ้งๆๆๆๆ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ไปซื้อเกงว่ายน้ำมาให้เลยเว้ยยยยยย ติดใจแน่ๆ55555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-02-2020 00:15:49
อุ๊ย!!!!  เดี๋ยวนี้เจ้านายขยันรุกเหลือเกินนะพี่เอก น่าจะไม่รอดในเร็ววัน   :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-02-2020 02:17:53
เจ้านายบริการถึงใจ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-02-2020 10:13:42
ลุงโดนอีกแล้ว ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-02-2020 11:56:14
ลุงโดนแน่
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 05-02-2020 18:27:45
ลุงงงง ตาย แห้งตาย โดนรีด 5555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 11 P.3 @04/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 05-02-2020 20:20:51
ลุงไม่รอดแน่
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 07-02-2020 11:46:39
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 12 มีงานที่บ้านใหญ่ ไม่ไปไม่ได้หรอกนะ

             ผมทำงานกับเจ้านายหนุ่มชื่อ คุณต่อพงษ์ เป็นเดือนที่ 7 แล้วครับ คุณเชื่อไหม ผมไม่เคยเห็นคุณต่อพงษ์ไปสุงสิงกับบ้านใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามเลยสักครั้ง แปลกที่สุด แปลกมาก เพราะบ้านใหญ่ก็คือบ้านของท่านประธานและคุณนาย คุณต่อกลับปลีกตัวมาอยู่คนเดียวไม่ยอมสุงสิงกับใคร จะว่ามีเรื่องผิดใจกันหรือก็เปล่า หรือว่าแค่อยากใช้ชีวิต...แล้วทำไมถึงมาสร้างบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกันแบบนี้ล่ะ

             ผมหอบหิ้วกล่องของขวัญสามชิ้นที่ไปรับมาจากห้างสรรพสินค้าละแวกออฟฟิศใส่ท้ายรถก่อนจะรอเวลาเลิกงาน ระหว่างนี้ก็ทำการเช็ดถูรถหรูคันงามนี้ให้ขึ้นเงาเสียก่อน เอาจริงๆอย่าถามเลยนะครับว่าผมขับรถอะไร เพราะเจ้านายหนุ่มแกไม่ชอบใช้รถซ้ำ เมื่อวานพอร์เช วันก่อนออดี้ วันนี้เบนซ์ พรุ่งนี้อาจจะบีเอ็ม ... ถ้ายังจำได้ เจ้านายบอกว่าเข็ด ไม่อยากใช้คนคันเดิม กลัวมันจะเสียกระทันหัน ไม่อยากเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจากที่คุณนายเป็นลมชักอยู่ข้างแล้วไปไหนไม่ได้เพราะรถเสีย เหตุการณ์นี้แหละ คุณต่อเลยไม่ยอมขับรถเอง ต้องหาคนขับรถประจำตำแหน่งไว้ข้างกาย

             แต่ก็ไม่มีใครที่อยู่ทนอยู่นานแบบผมนะ แถมระยะหลังๆเจ้านายหนุ่มผมเลิกงานดึกมากทำให้ผมต้องนอนค้างที่บ้านแกเป็นประจำ จะได้กลับบ้านทีก็วันอาทิตย์ เพราะวันเสาร์ก็ต้องอยู่เผื่อเจ้านายหนุ่มมีนัดสังสรรกับลูกค้าหรือไปตีกอล์ฟ ผมก็ต้องทำหน้าที่ตามคำสั่ง

             ส่วนทางบ้านผมคงชินแล้ว แม่ผมก็อาการดีขึ้น ถึงแม้ผมจะใช้ชีวิตกับเจ้านายมากกว่าแม่ก็ตาม แต่แกก็เข้าใจว่าผมทำงาน ตอนนี้ผมพอจะมีเงินจ้างป้าแท้ๆของตัวเองที่อายุร่วม 80 มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ เงินไม่ได้มากมายหรอกครับเพราะยังไงก็ญาติกัน แกชื่อป้าบังอร เป็นพี่สาวพ่อ บ้านเราก็ติดกัน แต่เพราะความแก่ แกเลยไม่ได้ไปไหน ผมเห็นว่าแกว่างๆอาจจะเบื่อเลยให้เงินเดือนละ 1,000 บาทมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ ตอนนี้แทบจะไม่กลับบ้านแล้วครับ นอนห้องแม่ผมนั่นเลย

             ผมลืมเล่าประวัติผมสินะครับ จริงๆมันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ผมมันคนญาติเยอะ เพราะพี่น้องฝั่งพ่อมีหลายคน แต่ที่สนิทที่สุดก็ครอบครัวป้าอรนี่แหละ ที่เหลือแยกย้ายกันไปอยู่ที่ต่างๆ เพชรบุรีบ้าง ประจวบฯบ้าง ไกลสุดก็นครพนม ป้าอรแกมีลูกสองคน ชายหญิงอย่างละหนึ่ง ลูกชายแต่งงานแล้วไปอยู่บ้านเมียแถวรังสิต นานๆถึงจะมาหากันที มีลูกแล้วสามคนวัยกำลังโต ส่วนลูกสาวป้า ก็รุ่นก่อนหน้าผมไม่กี่ปีชื่ออรอนงค์ เพราะความจนเลยต้องแต่งงานไว ตอนนี้เพิ่ง 38 แต่ลูกชายคนโตอายุ 18 เท่ากับไอ้โทน้องชายผม

“ใจลอยอะไรเนี่ย” เจ้านายมาตอนไหนไม่รู้ครับ ผมสะดุ้งเฮือกเลยครับ

“คุณต่อจะกลับแล้วเหรอครับ”

“อื้อ โทรหาหลายรอบแล้วลุงไม่ยอมรับสาย” ชิบ...หาย...แล้ว ผมลืมมือถือไว้ในรถ มัวแต่ออกมาขัดเงา

“ผมลืมไว้ในรถครับ มัวแต่ขัดรถเลย...”

“ช่างเถอะ ไปเอาของขวัญมารึยัง”

“เอามาแล้วครับ” ทำไมพูดง่ายจังวะ ปกติจะต้องด่าแล้ว

“แล้วจะยืนบื้ออีกนานมั้ย ไปสตาร์ทรถสิ”

“ครับๆๆๆ” ผมรีบวิ่งไปสตาร์ทรถทันทีที่สิ้นเสียงสั่ง เจ้านายหนุ่มเป็นคนขี้ร้อน ไม่ค่อยชอบอยู่กลางแจ้ง...แต่มันก็ช่างขัดกับตอนที่ไปนอนอาบแดดที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเดือนที่แล้วอยู่นะ

“วันนี้คุณต่อจะแวะที่ไหนก่อนมั้ยครับ”

“ไม่อะ ไปบ้านใหญ่” หะ...ผมหูฝาดเหรอ

“ครับ” ไม่กล้าจะถามอะไรแล้วครับ อยู่ด้วยกันมานานแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง หกวันต่อสัปดาห์ เรียนรู้ได้แล้วว่า อย่าถามเยอะ

             ที่บ้านใหญ่นั้นขอไม่บรรยายนะครับ เอาแค่ว่ามันใหญ่สมชื่อก็แล้วกัน แต่ตอนนี้กลับมีรถรามาจอดเรียงรายล้นออกมาที่ถนนหน้าบ้านแล้ว ผมส่งเจ้านายได้แค่หน้าประตูเพราะไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้

“เอารถไปเก็บที่บ้านนะ แล้วเดี๋ยวเอาของขวัญมาที่นี่”

“ครับ” ผมรับคำ อยากถามมากเลยว่าทำไมเจ้านายไม่เอาของขวัญไปเองล่ะ แต่ก็เงียบไว้เถอะ...

             ผมเดินต๊อกต๋อยหอบหิ้วกล่องของขวัญขนาดต่างกันสามกล่องไปที่บ้านใหญ่ที่คลาคล่ำไปด้วยกลุ่มวัยรุ่นหน้าตาดีทั้งชายหญิงตรงสนามหน้าที่ประดับซุ้มดอกไม้และโต๊ะค็อกเทลเรียงราย แต่ละคนแต่งตัวในชุดเรียบหรู บ้างก็ยังอยู่ในชุดนักศึกษา ผมอ่านป้ายที่บอกว่า สุขสันต์วันเกิด ตงฉิน และลูกหมูทั้งสอง ก็พอรู้ว่าเป็นงานอะไร

             สายตาที่กวาดมองหาเจ้านายหนุ่มน่ะไม่ลำบากเลย เพราะออร่าความหล่อเด่นกว่าใครในรัศมี แถมความสูงยังเป็นที่หนึ่ง ผมเดินไปทางนั้นเพื่อจะเอาของขวัญไปให้ มีผู้ชายสองสามคนยืนคุยกันอยู่ ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ข้างๆพอจะเดาได้ว่าเป็นน้องชายของคุณต่อแน่ๆ ถึงแม้จะไม่สูงเท่า แต่ราศีจับ อีกสองคนที่ยืนหันหลังก็คุ้นๆแต่ก็ไม่รู้ว่าใคร

“คุณต่อครับ นี่ของขวัญครับ”

“ขอบใจมากลุง”

“พี่เอก”

“หะ” ผมมองนักศึกษาชายสองคนที่ว่าคุ้นๆเมื่อกี้

“ไอ้โท ไอ้หนึ่ง” ครับ น้องชายผมกับลูกพี่อรอนงค์ลูกพี่ลูกน้องผมเอง “มาได้ไงเนี่ย”

“ผมเป็นเพื่อนกับตงฉินน่ะพี่” น้องชายผมตอบ

“สวัสดีครับ ผมตงฉินนะครับ น้องชายพี่ต่อ เพื่อนไอ้โทกับไอ้หนึ่ง” โลกจะกลมไปไหน

“อย่าไหว้เลยครับ เหาจะกินหัว ผมเอกครับ คนขับรถของคุณต่อพงษ์” เจ้าโทและเจ้าหนึ่งไม่ต้องบรรยายมาก เพราะเลือดเนื้อเชื้อไขเนาะ ผิวคล้ำๆ หล่อแบบครึ่งๆกลางๆ จะบอกว่าครึ่งบกครึ่งน้ำก็กลัวกระทบตัวเอง

“โลกกลมมาก ไม่น่าเชื่อว่าพี่จะทำงานที่นี่” กูก็ไม่อยากจะเชื่อ ผมคิดในใจ

“ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“อย่าเพิ่งสิครับ ไหนๆก็เลิกงานแล้ว แถมพี่เอกยังเป็นพี่ชายเพื่อนผมอีก อยู่ร่วมงานวันเกิดผมก่อนนะครับ” ถูกเชิญซึ่งๆหน้าแบบนี้ไปไม่เป็นเลย ผมมองหน้าเจ้านายหนุ่มที่นิ่งเงียบ เมื่อไม่ว่าอะไรผมก็ตอบตกลง

“แต่ผมไม่มีของขวัญอะไรเลยนะครับ”

“ฮ่าๆ พี่เอกอย่าคิดมากเลย ไอ้สองคนนี้ผมก็บอกว่าไม่ต้องซื้ออะไรหรอก” คุณตงฉินหัวเราะตาหยี

“ใช่พี่ แค่นี้มันก็ได้ของขวัญจากสาวๆเยอะแล้ว” ไอ้หนึ่งหลานชายผมเสริมด้วยน้ำเสียงดุดัน

“เดือนมหาลัยนี่นา ใครๆก็อยากเอาใจ ว่ามะ” ไอ้โทแซว

“พวกมึงนี่” น้องชายของเจ้านายหนุ่มหัวเราะ ความหล่อนี่ไม่แพ้กันเลยนะครับ แต่ใบหน้าของคุณตงฉินจะคมกว่า ตาจะโตกว่า ผิวจะออกแทนๆไม่เหมือนพี่ชายที่ขาวจัด รูปร่างใกล้กันแต่ความสูงแพ้ผู้พี่หลุดรุ่ย

“เออ พี่ไม่รู้เหรอว่าผมเป็นเพื่อนกับไอ้ตงฉินน่ะ”

“ไม่รู้ว่ะ นี่ก็เพิ่งเคยเจอนี่แหละ” พวกเราสนทนากันตอนที่ไอ้โทลากผมมาหาเครื่องดื่ม

“โหพี่ ทำงานมาขนาดนี้เนี่ยนะ” ก็เออน่ะสิ วันๆก็อยู่แต่บ้านโน้นโว้ย ไม่ได้มาวอแวที่นี่

“กูอยู่กับเจ้านาย” ผมตอบเลี่ยงๆ

“พี่เอาไร นี่มั้ย” น้องชายยื่นแก้วสีน้ำเงินมาให้

“อะไรวะ”

“บลูฮาวายพี่ อร่อยดีนะ”

อร่อยพ่อง....

             ช่วงตัดเค้กก็มาถึง ผมมองบนเวทีที่ตอนนี้มีผู้ชายสามคน สองวัยยืนเรียงกันหลังเค้กสามก้อน ภาพนั้นดูแปลกๆ คนรวยนี่ช่างสรรหาวิธีใช้เงินนะ แทนที่จะใช้เค้กแค่ก้อนเดียวให้มันจบๆไป

“เอาล่ะครับ ถึงเวลาแล้ว เรามาร้องเพลงอวยพรวันเกิดกันดีกว่า” เสียงพิธีกรที่ชื่อพันธุกล่าวเปิด

“เด็กสองคนนั่นใครวะ” ผมกระซิบถามน้องๆ

“อ๋อ สองหมูฝาแฝดน่ะเหรอ ลูกไอ้ตงฉินมันน่ะ” เจ้าหนึ่งเป็นคนตอบ ผมนี่ตาลุกวาว

“เดี๋ยวๆ น้องชายเจ้านายพี่มีลูกแล้วเหรอเพิ่ง 18 เองนะ”

“อื้อ มันบอกว่ามีสาวมอมเหล้ามันเลยมีอะไรกันจนมีลูก”

“อื้อหือ แล้วแม่ของเด็กๆไปไหน”

“ไม่อยู่แล้ว ครอบครัวไม่ปลื้ม วันๆไม่ทำอะไร” ไอ้หนึ่งเล่า มีแต่ผมกับไอ้โทยืนฟัง

“แต่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นะ เพราะไอ้ตงฉินมันยกลูกให้พี่สาวที่ยืนกำกับเด็กๆบนเวทีน่ะ”

“แบบนี้ก็ได้เหรอ” ไอ้โทถาม

“อ้าว มึงไม่รู้เรื่องนี้เหรอ”

“ไม่อะพี่ ไอ้ตงฉินมันมีอะไรก็เล่าให้ไอ้หนึ่งฟังมากกว่า” เสียงเพลงอวยพรวันเกิดจบลงพร้อมเสียงปรบมือ ทั้งสามคนพากันอธิษฐานและเป่าเทียน เค้กวันเกิดถูกตัดแบ่ง ผมไม่ค่อยชอบของหวานเลยชิมของน้องชายแค่ดำเดียว

“เออ แล้วมึงต้องไปเฝ้าไอ้ตงฉินถ่ายแบบอีกมั้ย” น้องชายผมถามเจ้าหลานชายผม (งงในงงกับลำดับญาติ)

“ไม่ว่ะ กูขี้เกียจ ให้สาวๆมันพาไปเถอะ” น้ำเสียงแค่นประชดตอบเรียบๆ

“หืม คุณตงฉินเป็นนายแบบเหรอ”

“อ้าว พี่ไม่รู้เหรอ” ผมส่ายหน้า

“พี่ทำงานที่นี่จริงเปล่าเนี่ย บ้านนี้หน้าตาดีทั้งบ้าน จริงๆพี่ต่อก็เคยจับงานแสดงละครมาก่อน แต่เห็นว่าที่บ้านให้มาช่วยงานเลยไม่รับงาน แต่ไอ้ตงเนี่ยมันยังเรียนอยู่ เวลาว่างๆก็มีคนโทรให้ไปเดินแบบถ่ายแบบไรงี้” น้องชายผมบรรยาย

“ไม่รู้มาก่อนแฮะ”

“นี่ไง” มันโชว์รูปที่ค้นหาในมือถือมาให้ผมดู “เนี่ยไอ้ตงถ่ายแบบ”

“เชี่ย มึงไม่ต้องเปิดให้ดูก็ได้มั้ย” ผมบ่น เพราะรูปที่มันเอามาคือรูปถ่ายแบบชุดว่ายน้ำที่ใส่แค่กางเกงในตัวเดียว ผมน่ะไม่อะไรกับตงฉินหรอกครับ แต่ความละม้ายของสองพี่น้องทำเอาผมใจคอไม่ดี

“ต้องใจกล้าเบอร์ไหนเนาะมึงถึงจะถ่ายแบบนี้ได้” ไอ้โทพูดไม่หยุด แต่ไอ้หนึ่งนิ่งไปครับ เหมือนไม่ชอบรูปที่ได้เห็นเหมือนกับผม


(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1815923123-member.jpg)


“กี่แก้วแล้วล่ะ” เสียงที่คุ้นเคยทัก ผมรีบเอาแก้วในมือซ่อนไว้ข้างหลัง

“ไม่กี่แก้วหรอกครับ” ผมปด

“หึหึ” หัวเราะแบบนี้ทำไมวะเนี่ย “กินไปเถอะพรุ่งนี้ไม่ได้ไปไหน” เจ้านายหนุ่มตอบ พลางจิบแชมเปญในมือ

“ว่าแต่ ดื่มอะไรเหรอ”

“เอ่อ น้ำส้มครับ” นางเอกมาเลยกู

“น้ำส้ม” เจ้านายหนุ่มขมวดคิ้ว “น้ำส้มเดี๋ยวนี้สีฟ้าเหรอ”

เชี่ย...รู้หมดว่ากินบลูฮาวาย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-02-2020 12:14:02
ตงฉินหนึ่ง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-02-2020 16:17:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

โลกกลมมากมาย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 07-02-2020 18:25:46
พี่ไม่เคยเข็ดเลยกับบลูฮาวาย กินเมื่อไหร่เสียน้ำไม่รู้ตัวตลอด55555555
คู่รองโผล่แล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 07-02-2020 19:20:41
หนึ่งตงฉิน คาดว่าคงได้เกี่ยวดองกันอีกทาง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-02-2020 19:48:46
มีสองคู่ใช่ไหมเนี่ย? อิอิ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 07-02-2020 19:51:27
“บลูฮาวายพี่ อร่อยดีนะ”

อร่อยพ่อง....

อิอิ.........ลุงเอก
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-02-2020 21:31:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-02-2020 22:41:49
น่ารักดีอ่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 12 P.3 @07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-02-2020 03:26:08
หนึ่งหึง ตงฉิน
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 11-02-2020 16:17:33
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 13 มาเหนือเมฆขนาดนี้เลยเหรอครับ

             โดนจับได้ขนาดนี้ผมก็ได้แต่อึ้งเงียบล่ะสิ แหม่...เหมือนกับอยู่ในสายตาตลอดเลยแฮะ เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะมาหลบๆซ่อนๆก็ใช่ที ดื่มให้เห็นตรงหน้านี่แหละ ทางเจ้าภาพเขาจัดมาแล้ว ไม่หยิบมาจะเสียของ เจ้านายหนุ่มได้แต่ยิ้ม เป็นยิ้มที่มีเลศนัยมากจนผมไม่กล้าสบตา ยืนเงียบเป็นสากอยู่นานสองนานกว่าจะมีคนมาดึงตัวคุณต่อพงษ์ไปร่วมวงสนทนา

“แหม ไม่เบาเลยเนาะเจ้านายพี่เนี่ย หล่อสุดๆ” น้องชายตัวดีของผมเองครับ ไม่รู้มาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่

“ใช่ หล่อมาก” ผมได้แต่เออออ

“แล้วเมื่อไหร่พี่จะใจอ่อน”

“ใจอ่อนอะไรของมึงวะ” ผมเกาหัว

“โธ่พี่ เค้ารู้กันหมดละ มีแต่พี่แหละไปอยู่ไหนมา”

“รู้อะไรวะ”

“อืม พี่นี่ท่าจะขาดสติ ก็รู้เรื่องที่พี่ต่อชอบพี่ไง”

“เดี๋ยวๆๆๆ ไปรู้มาจากไหน” ผมถามด้วยความสงสัย ผมไม่เคยเล่าเรื่องงานให้ฟังแล้วไอ้โทมันจะไปรู้ได้ยังไง

“อ้าวพี่ลืมไปแล้วเหรอว่าผมกับไอ้ตงเป็นเพื่อนซี้กัน”

“เออ ก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละ”

“นั่นแหละ ตอนพี่มาทำงานแรกๆ ไอ้ตงมันมาถามเรื่องพี่ถี่ยิบเลยนะ ถามละเอียดจนผมยังแปลกใจ”

“หืม”

“จริง มันมีอะไรมันก็มาเล่าให้ฟังด้วย พี่อย่าลืมสิ ไอ้ตงมันก็ทายาทบริษัทคนนึง มีอะไรภายในมันก็รู้ ทั้งเรื่องอยู่ๆพี่ก็ได้งานทั้งที่ไม่มีการสัมภาษณ์ ไม่มีการคัดกรอง เงินเดือนมากกว่าชาวบ้านชาวช่อง ไหนจะมือถือราคาแพงนั่นอีก” ผมเผลอไปลูบมือถือที่นอนแอ้งแม้งในกระเป๋ากางเกงเลยครับ

“ปกติพี่ต่อเค้าเนี้ยบจะตาย คนขับรถทำอะไรไม่พอใจนิดหน่อยก็ไล่ออก แต่คนอย่างพี่กลับทำงานมาได้ตั้งหลายเดือน เป็นใครบ้างไม่แปลกใจ” ผมนี่เริ่มคล้อยตามละ ... ว่าแต่ คนอย่างกูนี่แบบไหนวะ

“ไม่เชื่อพี่ลองดูดิ เราคุยกันตอนนี้พี่ต่อยังมองพี่แบบไม่ละสายตาเลย” ผมหันไปมองเจ้านายหนุ่มที่ยืนเด่นทางกลางฝูงชน เช็ดเข้...มองมาทางนี้จริงด้วย

“มึงก็พูดไปเรื่อย” ผมเถียง นึกถึงเรื่องที่พัทยาขึ้นมาทันที

“พี่นั่นแหละเอ๋อ ไม่รู้เรื่องว่าพี่ต่อเค้าชอบ”

“อ้าว กูเป็นผู้ชาย จะไปสนใจเรื่องแบบนี้ทำไมวะ”

“เหอะ พี่” น้องชายผมจิบเครื่องดื่มในมือ คงเพราะพูดมากคอเลยแห้ง

“กูไม่สนใจเรื่องนี้ด้วยโว้ย ภาระกูเยอะ”

“พี่อย่าเอาภาระมาอ้างเลย เพื่อนสมัยเรียนพี่ที่ไม่เรียนต่อแถวบ้านเราน่ะ ฐานะก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลยนะ ตอนนี้ลูกสามหลานสี่กันหมดละ” ไอ้โทมันพล่ามหนักเลยทีนี้

“อีกอย่างไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนมาจีบพี่ อย่างนังแววลูกเจ๊าสอนเจ้าของตลาดน่ะ หน้าตามันก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ ดีกรีเป็นถึงนางสงกรานต์ เทียวไล้เทียวขื่อมาหยอดพี่ทุกวี่วัน พี่ก็ไม่สน สุดท้ายมันก็โดนสอยจนท้องป่องไปแล้ว” ผมนึกถึงผู้หญิงที่เคยมาจีบอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนั้นผมสนใจแค่หาเงินมาเลี้ยงที่บ้านจนไม่ได้ตอบรับอะไร

“พี่รู้มั้ย นังแววน่ะ พออกหักจากพี่ มันก็ไปป่าวประกาศใหญ่โตเลยว่าพี่น่ะไม่ชอบผู้หญิง”

“เห้ย ตอนไหนวะ ทำไมกูไม่รู้เรื่อง”

“เหอะ ใครมันจะกล้ามาเล่าให้พี่ฟังล่ะ อีกอย่างพี่ไปขับรถ กลับบ้านก็ดึกดื่นแล้ว” ผมล่ะต้องยอมจำนน

“กูไม่ได้ชอบผู้ชายโว้ย กูชอบผู้หญิง” ผมเถียงเสียงแข็ง

“พี่ ผมไม่ได้รังเกียจหรืออะไรหรอกนะถ้าพี่จะชอบใครน่ะ แต่พี่คิดดูสิ ปีนี้พี่ก็จะสามสิบแล้ว หน้าตาก็ไม่ได้แย่ หุ่นก็ดี แต่ดันไม่มีลูกเมีย แถวบ้านเราเค้าปั๊มลูกกันจนวิ่งเตะบอลเต็มสนามแล้ว”

“แล้วไงวะ” ผมยังคิดตามไม่ทัน

“เห้อ ผมละเบื่อพี่จริงโว้ย”

“คุณต่อจ้างมึงมาเป่าหูกูรึไงเนี่ย เดี๋ยวกูจ้างสองเท่าให้มึงหยุดพูด”

“หึหึ พี่ต่อเค้าไม่ต้องจ้างหรอก ก่อนหน้าที่พี่จะมา พ่อแม่ไอ้ตงมาถามผมใหญ่เลยเรื่องพี่ ว่าเป็นใครมาจากไหน ไม่มีใครจะเกลียดพี่สักคนนะ โดยเฉพาะแม่พี่ต่อเค้าน่ะ บอกว่ายังจำที่พี่คอยช่วยเหลือตอนนั้นได้เลย”

“หืม”

“พี่เอกอย่าลืมสิ พี่ต่อน่ะเป็นใคร คิดเหรอว่าพ่อแม่เค้าจะปล่อยให้ไปไหนมาไหนโดยไม่ดูแล แต่แกเป็นเด็กนอกไง ไม่ชินกับการอยู่กับคนเยอะๆเลยย้ายไปอยู่อีกบ้าน”

“นี่มึงรู้เรื่องเจ้านายกูมากกว่ากูอีกนะเนี่ย”

“ก็บอกแล้วว่ามีอะไรไอ้ตงก็มาเล่าให้ฟัง” ผมมองมันยักคิ้วอย่างหมั่นไส้ “อีกอย่าง พี่ต่อเค้าก็บอกพ่อแม่เค้าแล้วนะว่าคิดยังไงกับพี่”

“...” ผมอ้าปากค้างสิงานนี้

“ตอนที่ท่านมาถาม ผมก็ตอบตามความจริงแหละ ยังถามอีกนะว่าพี่มีทีท่าจะสนใจลูกชายเค้ามั้ยด้วย”

“แล้วมึงตอบไปว่าไงวะ”

“ผมก็บอกไม่รู้ ก็ผมไม่รู้ว่าพี่คิดยังไงนี่นา แต่ถ้าถามแม่เรานะ รายนั้นน่ะปลื้มพี่ต่อสุดๆ ถึงขั้นบอกว่าเสียดายไม่มีลูกสาว ไม่งั้นจะมาสู่ขอไปเป็นเขย”

“เดี๋ยวๆๆๆ แม่เนี่ยนะ”

“แม่เรานี่แหละ พี่ไม่รู้เหรอว่าพี่ต่อทำคะแนนกับแม่เยอะเลยนะ ตอนที่แม่ป่วยก็ส่งกระเช้ามาเยี่ยมแทบทุกวัน วันเกิดแม่ที่พี่ไม่ได้กลับ พี่ต่อก็ซื้อกระเป๋าใหม่ให้ นี่ยังจ้างแม่บ้านไปทำความสะอาดให้อาทิตย์ละครั้งอีกด้วย”

“ทำไมกูไม่รู้เรื่องเลยวะ”

“ก็พี่ซื่อบื้อไง ถามจริงเถอะพี่ พี่ต่อเขาเก็บอาการมิดชิดเลยเหรอ พี่ถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยเนี่ย” ผมส่ายหัวแทนคำตอบ ไม่อยากคิดถึงเรื่องจูบกันหลายครั้งที่ผ่านมา

“เอาจริง ถ้าพี่ต่อกล้าจีบพี่นะ ผมว่าพี่ไม่รอดหรอก ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างแหละน่า หน้าตาก็อย่างกับเทพบุตร ไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มาชอบเบ้าหน้าเถื่อนๆแบบพี่เนี่ย”

“อ้าวไอ้โท นี่กูพี่มึงนา”

“นี่ผมมาคุยกับพี่ ก็แค่อยากบอกให้รู้ เพราะพี่เป็นแบบนี้ไง ถึงไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้า”

“นี่มึงจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ พี่มึงเป็นผู้ชายนะโว้ย จะให้ไปชอบป่าเดียวกันดื้อๆได้ไง”

“ย้อนกลับไปเรื่องนังแววเลยพี่ สวยขนาดนั้นพี่ยังไม่เอา เป็นใครก็คิดปะ... เอาจริงๆนะ แม่เรานี่แหละตัวดี พี่เคยเห็นแกคาดคั้นให้พี่แต่งงานมีลูกมั้ยล่ะ มีแต่มาบ่นกับผมว่าอยากอุ้มหลาน นี่ผมเพิ่งเรียนปีหนึ่งเองนะ ไม่รู้จะรีบไปไหน” ผมฉุกคิด...อายุปูนนี้แล้วแม่ไม่เคยถามเรื่องนี้สักคำ

“แม่บอกว่า พี่จะเป็นอะไร รักใครชอบใครแม่ไม่ว่าหรอก เป็นห่วงแค่ตอนแก่จะไม่มีคนดูแล”

“มึงนี่แสนรู้เรื่องนี้จังเนาะ”

“พี่ ผมไม่ใช่หมานะ โฮ่ง” มีล้อเลียนอีก “เอาตรงๆดิพี่ พี่ไม่หวั่นไหวเลยเหรอตอนอยู่กับพี่ต่อ” ผมได้แต่นิ่ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับกลายเป็นว่าตัวเองไม่รู้อะไรอยู่คนเดียว คิดว่าการทำดีของเจ้านายหนุ่มมาจากความเป็นเจ้านายลูกน้องเท่านั้น

“คุยอะไรกันครับพี่น้อง” เจ้านายหนุ่มส่งเสียงถาม แถมยังยิ้มกรุ้มกริ่มมาอีกด้วย

“ไม่มีอะไรครับคุณต่อ”

“ไม่มีอะไรได้ไง” นั่นไงไอ้โท ใจคอมันจะปูดเรื่องที่คุยกันไปเหรอวะ

“หือ เรื่องอะไรเหรอ เห็นคุยกันจริงจัง” เจ้านายหนุ่มถามด้วยน้พเสียงอ้อแอ้ แถมยังเอาไหล่มาชนผมอีก

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณต่อ เมาแล้วใช่มั้ยครับเนี่ย” ผมถาม

“พี่ต่ออย่าไปฟังพี่เอก เราคุยกันเรื่องหัวใจกันนิดหน่อยน่ะครับ”

“หัวใจ” เจ้านายหนุ่มทำหน้างง แก้วในมือชะงักไปเลย

“ครับ พอดีว่าคนแถวนี้มีคนมาชอบแล้วยังไม่รู้ตัว” เจ้านายหันขวับมาทางผมเลยทีนี้ สีหน้าบึ้งตึงเป็นคนละคน

“ใครมาชอบนาย” อ้าว สรรพนามเดิมกลับมาทันที แถมน้ำเสียงนี่หาเรื่องสุดๆ

“ไอ้โทโว้ย ถ่ายรูป” เสียงเจ้าของงานวันเกิดตะโกนมา ไอ้น้องชายตัวดีก็ขอตัวไปทันที แถมทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ด้วย...

“สรุปว่าใคร” เจ้านายท่าทางจะไม่ลดละเรื่องนี้เลย

“ไม่มีอะไรหรอกคุณพ่อ ไอ้โทมันล้อเล่นน่ะครับ”

“พี่เอกเป็นของผม” เสียงเข้มกระซิบข้างหู “จำไว้นะครับ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่ามาแหยม” งานเข้าแล้วมั้ยกู...

             แล้วเจ้านายผมก็หมุนตัวกลับไปในวงสนทนาต่อ ผมยืนหัวเดียวกระเทียมลีบแล้วตอนนี้ มือใหญ่ยกแก้วเครื่องดื่มกรอกปากไม่หยุด ท่าทางกรึ่มๆเมื่อครู่ก็ดูเหมือนจะเริ่มเมาแล้ว ใบหน้าแดงก่ำไม่รู้ว่าเมาหรืออะไรยังคงจับจ้องมาทางผมอย่างไม่เป็นมิตรจนรู้สึกอึดอัด

“พี่เอก พวกผมกลับก่อนนะ” ไอ้หนึ่ง หลานชายผมตะโกนบอกด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“อ้าวทำไมรีบกลับวะ”

“เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังนะพี่” น้องชายผมรีบวิ่งตามญาติในคราบเพื่อนขึ้นรถที่มารออยู่แล้ว ผมได้แต่ยืนงงในดงผู้ดีแล้วครับ...




(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1638732669-member.jpg)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 11-02-2020 16:43:57


ฝากนิยายอีกเรื่องด้วยนะครับ เป็นเรื่องของน้องชายพี่ต่อพงษ์เอง

ชื่อเรื่องว่า เตี้ยนักจะรักปะล่ะ? - My Dearest 20 cm.



https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71558.0
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-02-2020 17:29:53
เหนื่อยใจจัง  ความรู้สึกช้ามาก555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-02-2020 19:10:11
รักซึมๆ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 11-02-2020 19:48:01
ลุงเมาแล้ว......

ต้องติดตาม ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-02-2020 19:54:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถ ๆๆๆๆๆๆ  คนอื่นเขารู้กันหมด

มีอิพี่ต่อคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลย  ซึนลูกเดียว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-02-2020 20:00:22
พี่เอกเอ๊ย ... จะเรียกว่า ซึน ได้ไหม? //ไม่อยากใช้คำว่าซื่อบื้อ สงสารคุณเอก :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-02-2020 20:30:52
 :มีความหึงแรง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-02-2020 13:41:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-02-2020 20:03:47
 :z1:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-02-2020 23:21:20
พี่เอกยอมๆ คุณต่อไปเถอะ เค้าลงทุนไปเยอะแล้วนั่น  :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-02-2020 23:46:21
ลุงงงงง ซื่อบื้อ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 13-02-2020 12:10:06
พี่เอกคนซื่อ(บื้อ)จะรอดไหมคืนนี้ คุณต่อหึงเมา ตีเนียนชัวร์ๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 13 P.4 @11/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 13-02-2020 23:06:57
ผ่านด่านพ่อแม่แบบง่ายๆเลยเว้ย :hao7: :hao7:  :hao7:   หนึ่งหนีกลับก่อนนี่ ทะเลาะอะไรกันป่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 14-02-2020 16:52:19
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 14 ทำไมปล่อยตัวให้เมาขนาดนี้ล่ะครับ

             กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบสี่ทุ่ม สองหมูเจ้าของวันเกิดไปนอนตั้งนานแล้ว เหลือแต่บรรดาเพื่อนฝูงของตงฉินน้องชายของเจ้านายที่กำลังดวลแอลกอฮอล์กันอย่างครื้นเครง หนึ่งในนั้นก็รวมถึงคุณต่อพงษ์ด้วยนั่นแหละ ดื่มอึกๆเหมือนตายอดตายอยาก ท่านประธานกับคุณนายก็หายไปในตัวเรือนแล้ว เสียงดนตรีก็เงียบเชียบ บรรยากาศก็ร้อนได้ใจจริงๆ ยังดีที่มีพัดลมไอน้ำปัดเป่า ไม่อย่างนั้นคงเหนียวเหนอะไปทั้งตัว

RRRRRRRRRRR

[ถึงบ้านแล้วนะพี่]

“เออ ดีละ แม่นอนยัง”

[เรียบร้อย]

“แล้วทำไมรีบกลับวะ งานวันเกิดเพื่อนสนิทไม่ใช่เรอะ” ผมถามเรื่องที่สงสัย

[ก็ไอ้หนึ่งน่ะสิ มันงอนไอ้ตง]

“งอนเชี่ยอะไรอีก”

[อ้าว พี่ไม่รู้เรื่องนี้เหรอ]

“เรื่องอะไรอี๊ก” ผมถามเสียงสูง

[อ้อ ไม่แปลก คือไอ้หนึ่งกับไอ้ตงน่ะมันกิ๊กกัน] ผมอ้าปากค้างเลยตอนนี้

[ไอ้หนึ่งมันเพิ่งเห็นรูปที่ไอ้ตงไปถ่ายแบบมาไง มันไม่ชอบที่ไอ้ตงถ่ายชุดว่ายน้ำ นี่ก็ทะเลาะกันหลายยกแล้วในงาน]

ชิบหาย

“ละ แล้วมันไปกิ๊กกับเค้าได้ไงวะ คุณตงก็มีลูกแล้วเนี่ยนะ”

[ผมจะรู้มันมั้ยล่ะ แล้วอีกอย่าง ไอ้ตงมันก็ได้หมดมั้งเห็นมันบอก] ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“นี่กูตกข่าวเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”

[ฮ่าๆๆๆ ไม่แปลกหรอกซื่อบื้อขนาดนี้ ถ้าพี่รู้เรื่องนี่สิแปลก] กัดกูอีกละ ไอ้น้องเวร

[เออ ผมโทรมาบอกแค่นี้แหละ ยังไงพี่ก็ดูไอ้ตงหน่อย ไอ้หนึ่งมันเป็นห่วงกลัวเมา ถึงมันจะงอนแต่มันก็แคร์อยู่ดี]

“เออ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า นี่บ้านเค้า ใครจะกล้าทำอะไร”

[ก็ไม่รู้สิพี่ ไอ้ตงมันหล่อระดับนั้น คนของเราก็หน้าตาระดับรากหญ้าขนาดนี้] มึงกล้าว่าคนในตระกูลเราขนาดนี้เลยเหรอวะ

[ฝากพี่ดูผู้หญิงสวยๆที่มัดผมจุกหน่อยนะ คนนั้นน่ะแฟนผม]

“เดี๋ยว...”

[เอาน่า พี่ไม่ต้องงง ไม่ต้องอิจฉาด้วยที่ผมมีแฟนเป็นดาวคณะ นี่ถ้าไม่ติดว่าค่าแท็กซี่แพง ผมคงอยู่ต่อแล้วล่ะ แฟนผมชื่อขวัญนะ ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะตกใจ เค้ารู้จักพี่ดี ผมส่งข้อความไปหาแล้วว่าให้พี่ส่งขึ้นแกรป]

ถ้ามึงจัดแจงขนาดนี้ ก็ไม่บอกกูพรุ่งนี้เลยล่ะ...

             ผมวางสายและเดินเข้าไปในงานที่คนเริ่มร่อยหรอ ผู้หญิงหน้าตาสละสวย สวยจนตะลึงเดินมาทางผมและยกมือไหว้ ผมที่มัดจุกไว้ทำให้รู้ว่าเป็นแฟนน้องชาย

“สวัสดีค่ะพี่เอก หนูชื่อขวัญนะคะเป็นแฟนโท”

“สวัสดีครับ” ผมรับไหว้ น้องชายผมแม่ง...โคตรเจ๋งได้แฟนสวยมาก อื้อออออ

“เดี๋ยวหนูจะกลับแล้ว แต่โทกำชับว่าให้พี่เอกช่วยส่งขึ้นรถน่ะค่ะ”

“ดะ ได้สิ ไม่มีปัญหา” ผมยิ้ม แค่เห็นก็ใจละลายแล้ว อื้ออออออ อย่ายิ้มให้พี่ พี่ใจคอไม่ดี..

“รบกวนพี่เอกแย่เลย หนูต้องขอโทษด้วยนะคะ”

“รบกงรบกวนอะไรกัน แฟนน้องชายก็เหมือนเป็นน้องสาวพี่อีกคนนั่นแหละ”

“พี่เอกใจดีจัง เหมือนที่โทเล่าให้ฟังเลย” ไอ้โทมันเล่าอะไรไปบ้างวะเนี่ย

“งั้นหนูไปก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะพี่เอก”

“จ้า ถึงแล้วก็บอกไอ้โทมันด้วยนะ”

“ค่ะ สวัสดีนะคะพี่เอก” หญิงสาวที่เข้าไปอยู่ในรถยนต์ส่วนบุคคลที่จองผ่านแกรปยกมือไหว้และปิดประตู ผมมองรถยนต์คันนั้นแล่นหายไปจนลับตา

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ ชอบเหรอ” เอาแล้วไงเสียงนี้

“คุณต่อจะกลับแล้วเหรอครับ”

“สนใจด้วยเหรอว่าจะอยู่ไหนจะทำรายยย” เมา งานนี้เมา

“พี่เอกๆ ผมฝากพาพี่ต่อกลับบ้านหน่อยนะครับ เมาหนักมากแล้วเนี่ย” น้องชายแท้ๆของเจ้านายไหว้วาน ยิ่งยืนคู่กันยิ่งดูดี คนบ้านนี้หน้าตาดีทั้งบ้านจริงๆนะ

“ได้ครับ คุณตงไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”

“ไม่เอาสิพี่เอก เรียกผมน้องตงหรือไอ้ตงก็ได้ครับ เรียกแบบนี้มันดูห่างเหิน” รอยยิ้มเจ้ากรรมถอดแบบมาจากพี่ชายไม่ผิดเพี้ยน

“มึงไปเลยไอ้ตง อย่ามายุ่งกับคนของกู” เห้อ...เมาหนักใช้ได้เลยนะเนี่ย ผมส่งยิ้มแหยๆให้เจ้าของบ้าน ก่อนจะยกแขนล่ำพาดไหล่และพาเดินข้ามถนนในซอยไปฝั่งตรงข้าม

“ไหนบอกมา นายไปชอบใคร ผู้หญิงคนเมื่อกี้เหรอ” เอาแล้วไง เมาแล้วโวยวายอีก ปกติเมาแล้วหลับเป็นตายไม่ใช่เรอะ

“ถึงบ้านแล้วครับ คุณต่อค่อยๆเดิน” ผมกำกับการเดินซัดเซของเจ้านายหนุ่ม ร่างใหญ่หนักเหมือนอุ้มหินขนาดสี่ตันก็ว่าได้

“ไม่ต้องมายุ่ง หึ นายมัน นายมัน...ฮืออออ” เอาแล้วไง อารมณ์ไหนอีกเนี่ย อยู่ดีๆก็ร้องไห้

“อย่าให้รู้นะว่านายชอบใคร พ่อจะจัดการให้ยับเลย” เอ๊า...ดูหน้ากูด้วยครับเจ้านาย หน้าตาแบบนี้ใครจะมาชอบ

...คำพูดไอ้โทดังมาในหัว...

ก็มีแต่เจ้านายแหละที่ชอบผม...

“ฮือออ นายมันไอ้คนใจดำ เราอุตส่าห์รัก อุตส่าห์ดูแล” ถึงขั้นใช้คำว่าอุตส่าห์เลยเหรอ แหม่... แล้วที่กร่นด่า บ่นใส่ทุกวันเนี่ยเรียกว่ารักเหรอห๊ะ

             ผมไม่สนใจอาการเมาแล้วโวยวายนี่แล้วครับ ได้แต่จัดแจงให้คนเมานอนบนเตียง เปิดแอร์ให้เพื่อคลายร้อน ยังดีหน่อยที่วันนี้พอจะมีสติ ไม่ทิ้งดิ่งเหมือนครั้งก่อนโน้น ไม่งั้นปล่อยนอนโซฟาอีกทีแน่ๆ

“ฮืออออ” ยัง ยังไม่หยุด ... ผมถอนหายใจแล้วนั่งลงข้างๆ ใบหน้าหล่อเหลานั้นหลับตาพริ้ม น้ำตาไหลเป็นสายเลย สงสัยจะเศร้าจริงๆ

“เด็กน้อเด็ก ตอนเมายังออกฤทธิ์ได้ขนาดนี้เลยนะ” ผมพูดแล้วก็ยิ้ม มองใบหน้าที่นอนนิ่งอย่างเนิ่นนาน

เดี๋ยวนะ...ผมยิ้ม

ยิ้มทำไม

ยิ้มให้เจ้านายที่นอนอยู่เนี่ยนะ

ไอ้โท...ไอ้น้องไม่รักดี มาพูดอะไรใส่หัวกูเนี่ย สลัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออก

“เอกกกกก ลุงเอกกกก ฮืออออ พี่เอก” เอาแล้วไง นึกว่าหลับไปแล้ว

“ครับคุณต่อ”

“อย่าไปไหนนะ ผมชอบพี่เอกจริงๆนะ” นี่ละเมอปะ พูดไหลลื่นเชียว จะต้องตอบว่าไงล่ะเนี่ย

“คุณต่อเมาแล้ว นอนนะครับ” เหมือนกำลังเลี้ยงลูกเลยครับ

“ต่อไปผมจะไม่แกล้งพี่แล้ว แต่พี่ห้ามไปชอบใครนะ” ผมถอนหายใจอีกรอบ น้ำเมานี่มีฤทธิ์รุนแรงได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอเนี่ย

             เขาว่าคนเมามักจะพูดความจริง ที่ผ่านมาผมก็แค่คิดว่าเจ้านายหนุ่มล้อผมเล่น ทั้งเรื่องกอด จูบและ...ผมส่ายหน้า พยายามไม่นึกถึงภาพตอนที่คุณต่อใช้ปากกับไอ้หนูของผมที่พัทยา ...

“ผมชอบพี่เอกนะ” เสียงพึมพำนั้นยังมีมาต่อเนื่องทำเอาผมใจหวิวไปเลยครับ ไม่คิดมาก่อนจริงๆว่าจะมีคนชอบผมจริงจังขนาดนี้

“อย่าชอบใครเลยนะ” ผมเป๋เลยครับ เพราะท่าทางคนที่นอนอยู่ไม่ได้แกล้ง น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลอาบแก้มอีกครั้ง

...ไม่รู้โว้ย จะชอบก็ชอบ ไม่ห้ามละกัน แต่อย่ามาคาดหวังนะว่าจะต้องชอบกลับน่ะ

ผมย้ำกับตัวเอง นั่งมองใบหน้าหล่อเหลาที่นอนสงบนิ่งอยู่อย่างนั้นจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

“อื้อ” ผมครางในลำคอ รู้สึกร้อนวูบวาบในช่องปาก

จ๊วบ

“อื้อ อื้อ” สะดุ้งสิครับงานนี้ ไม่ผิดจากที่คิดไว้ เจ้านายหนุ่มกำลังขโมยจูบผมอยู่ แถมอยู่บนเตียงด้วย นี่ไปลากตัวผมขึ้นมาตอนไหนวะ

“อ่อยอ่อนอุนอ่อ (ปล่อยก่อนคุณต่อ)” พอได้สติผมก็รีบขัดขืนจนร่างใหญ่ละริมฝีปากออกไป น้ำลายเหนียวหนืดย้อยเยิ้มเลยครับ เห้อ

“ตื่นแล้วเหรอ” ทักมาได้หน้าตาเฉยมาก

“คุณต่อตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ผมจะพลิกตัวหนี แต่ถูกดึงไปกอดทันควัน

“ก็นานแล้ว เห็นพี่เอกฟุบข้างเตียงเลยอุ้มมา”

“อุ้ม” ผมตัวไม่ใช่น้อยๆนะครับ

“ช่ายยย เห็นหลับสนิทเลยไม่อยากปลุก” แม่ง...ไม่อยากปลุกแต่บดปากขนาดนั้นเนี่ยนะครับ

“คุณต่อ ปล่อยผมก่อน อึดอัด”

“ไม่ จนกว่าพี่เอกจะบอกว่าพี่เอกชอบใคร” นั่นไง ตื่นมาก็หาเรื่องเลย

“โอยคุณต่อ ผมบอกแล้วไงไอ้โทมันล้อเล่น”

“ผมไม่เชื่อ” สร้างงานสร้างอาชีพให้กูจังเลยนะไอ้น้องเวร

“จริงๆ ผมทำงานตัวติดคุณต่อขนาดนี้จะมีเวลาไปจีบใครล่ะครับ” คนที่กอดอยู่คลายอ้อมแขน ผมก็ไม่ดิ้นหนีไปไหนเพราะเดี๋ยวก็ถูกดึงมากอดอยู่ดี

“ก็จริง แต่ว่าเมื่อคืน...” เจ้านายทำท่าครุ่นคิด

“ไม่มีอะไรจริงๆครับคุณต่อ” ผมตอบเสียงอ่อน หวังว่าเขาจะเชื่อ

“แล้วทำไมน้องพี่ถึงพูดแบบนั้น” เอาแล้วไงล่ะ จะโกหกว่าไงดี แล้วมันจะเนียนมั้ย หรือต้องพูดความจริง ผมล่ะสับสนสุดๆ ใบหน้าหล่อๆก็แนบแก้มจนดิ้นหนีไปไหนไม่ได้ มือใหญ่ก็ล้วงไปในเสื้อเขี่ยหัวนมที่ชูชันอย่างไม่เคอะเขิน

“มะ ไม่มีอะไรจริงๆ”

“ถ้าไม่พูด ผมจะสานต่อเรื่องที่ทำค้างไว้ที่พัทยานะ ผมพยายามหักห้ามใจมาทั้งเดือนละ แต่ถ้าพี่อมพะนำ ผมจะไม่ทนแล้ว” ผมงี้เสียววาบเลยครับ เรื่องที่พัทยาคือผมโดนโม้กจนพ่ายแพ้ ถ้าสานต่อ... สานต่อ

...ภาพเรือนร่างเจ้านายหนุ่มที่ไม่ใส่อะไรเลยก็พุ่งมาในหัว

“พะ พูดก็ได้ครับ” หมดปัญญาที่จะหลบเลี่ยงแล้วล่ะ

....

“ฮ่าๆๆๆๆ เรื่องนี้เองเหรอ เดี๋ยวผมจะตบรางวัลน้องชายพี่อย่างงามเลย”

“หยุดเลยครับ คุณต่ออย่าให้ท้ายมันสิ” ยิ่งเล่าก็เหมือนคนร่างใหญ่จะได้ใจ คนใจแข็งอย่างผมก็เริ่มเป๋ ไม่เคยโดนผู้ชายหน้าไหนกอดนานขนาดนี้มาก่อนด้วย แรกๆก็ไม่ชิน ตอนนี้กลับรู้สึกว่าอุ่นดีจัง

...กูคิดอะไรอยู่เนี่ย...

“แล้ว พี่เอกชอบผมบ้างมั้ยล่ะ” นั่นไง งานเข้า ถามแบบนี้จะต้องตอบยังไง

“พี่เอกไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นก็ได้นะ ผมไม่ทำอะไรพี่หรอกน่า” สงสัยว่าหน้าตาของผมจะดูไม่ได้จริงๆแหละครับ

“ผมไม่เร่งรัดพี่เอกหรอกนะครับ ผมรู้ว่าพี่เอกเป็นผู้ชาย แล้วผมก็เป็นผู้ชาย”

คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วไอ้น้อง...

“แต่ถ้าลองตัดเรื่องเพศออกไป มันก็แค่ความรู้สึกของคนๆหนึ่งที่มีให้ใครอีกคนนะครับ” จุกสิงานนี้ อยากเอามือปิดหู

“ผมอยากขอให้พี่เอกปล่อยวางเรื่องที่เราต่างก็เป็นผู้ชายไปก่อน แล้วมองผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังบอกความในใจกับพี่นะครับ” ทำไมใจกูสั่นขนาดนี้วะเนี่ย

“ถ้าพี่เอกคิดว่า ผมไม่ใช่คนที่พี่ชอบ ผมก็จะพร้อมหยุดทุกอย่าง ขอแค่อย่างเดียว...”

“ครับ”

“พี่เอกอย่าลาออกนะครับ อย่างน้อย ขอให้ผมได้ช่วยพี่เอกแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ” อึ้งสิครับ จุกด้วยงานนี้...ผมเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาเจ้านายพยายามช่วยเหลือและตอบแทนเรื่องที่ผมเคยช่วยไว้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเก็บมาเป็นบุญคุณปะ อาชีพของผมคือคนขับแท็กซี่ มีผู้โดยสายเรียกก็ต้องไป

“คุณต่ออย่าคิดเรื่องนั้นเป็นบุญคุณเลยนะครับ ผมแค่ทำตามหน้าที่”

“ผมทำไม่ได้ ตอนนั้นผมเรียนอยู่ที่อเมริกา กลับมางานแต่งงานพี่สาว ผมยังเด็กยังคึกคะนอง อยากขับรถกลับเอง ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่แม่ก็เป็นห่วงเลยนั่งมาด้วย ใครจะคิดว่าจะขับหลง แถมแม่ดันป่วยอีก ถ้าวันนั้นไม่เจอพี่ ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะให้อภัยตัวเองได้ไหม”

“...”

“ทีแรกผมก็แค่อยากจะตอบแทน แต่ผมก็ไม่เคยเจอพี่อีกเลย ผมจำเลขทะเบียนรถพี่ขึ้นใจเลยนะ เอาไปถามที่อู่ก็พอจะรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน แต่ก็ไม่กล้าติดต่อเพราะมัวแต่กลัวอะไรก็ไม่รู้” เจ้านายหนุ่มสารภาพ

“แต่พอวันนั้นที่เราบังเอิญเจอกันอีก ผมจำพี่ได้ทันที ผมสัญญากับตัวเองเลยว่าจะไม่ปล่อยพี่ไปอีกเลยหาทางดึงพี่มาอยู่ใกล้ๆให้ได้”

“โดยการไล่คนขับรถคนเก่าออก” ผมพูดสวน เจ้านายหนุ่มค้อนขวับเลยครับ

“โอย คนกำลังอิน พี่มันตัวทำลายมู้ด” ผมได้แต่ยิ้ม

“แต่พออยู่ใกล้ชิดพี่ พี่รู้มั้ยว่าผมสบายใจ ผมกล้าที่จะแสดงตัวตนให้พี่เห็น ไม่ต้องเก๊กมาดขรึมเหมือนอยู่ในออฟฟิศหรือต่อหน้าลูกค้า” ผมนี่อยากจะบอกว่าตอนแรกมึงน่ะเก๊กหน้าดุใส่กูครับ...แต่กลัวโดนด่า

“จนผมรู้สึกดีกับพี่ ไม่รู้มันเริ่มตอนไหน แต่มันก็มากขึ้นทุกวัน” เชี่ยยยยยย ขนลุกซู่เลยครับ เหมือนกำลังโดนสารภาพรัก

“พี่เอก อย่ารังเกียจผมเลยนะ ถ้าพี่ไม่ชอบผม หรือถ้าพี่ไม่ได้ชอบผู้ชาย อย่ารังเกียจผมนะครับ”

...กำแพงผมพังครืนเลยครับงานนี้



(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1839070481-member.jpg)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-02-2020 17:26:35
ใจสั่นเลยงานนี้
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-02-2020 18:36:52
พี่เอกครับ อย่าใจร้ายกับคุณต่อเลยนะครับ :o8:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 14-02-2020 19:57:34
ลุงเอก......................

เค้าสารภาพแล้ว ................
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 14-02-2020 20:16:43
อยากอ่านต่อ คืนนั้นที่พัทยา
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-02-2020 21:19:05
 :-[


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-02-2020 22:04:36
วั้ยๆๆ คุณต่อสารภาพรักลุงเอกแร้ววว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 14-02-2020 22:33:57
เรื่องสนุกนะ แต่จะให้ดีไม่ต้องมีภาพอิมเมจประกอบก็ได้
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-02-2020 02:53:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 15-02-2020 13:13:00
สารภาพกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 15-02-2020 14:47:00
อุ๊ยยยยยยย พูดออกมาตรงๆเลย น่ารักอ่ะ เห็นความพยายามๆ :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 15-02-2020 22:18:43
ใจละลายเลยงานนี้
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 14 P.4 @14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 18-02-2020 12:44:10
กำแพงใจลุงเอกพังแล้วจ้าาาา  :laugh:

จะซึังก็ซึ้งไม่สุดมัวแต่น้งขำลุง ฟิลตัดมู๊ดที่คิดโต้ตอบในใจ จะพูดก็ไม่กล้ากลัวโดนด่า ถถถถ ลุงเอกกกกกก
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 19-02-2020 13:34:02
Personal Driver - คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 15 เกิดมาไม่เคยนอนซม ก็ต้องเคย

             ผมได้แต่นอนนิ่งๆ ไม่ขัดขืนอะไรอีก ปล่อยให้คนร่างใหญ่ก่ายกอดอยู่นานเนิ่น ลมหายใจอุ่นร้อนปะทะที่ลำคอไปมาจนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนข้างๆนอนหลับไปอีกครั้ง ผมดูเวลาก็พบว่ามันผ่านมาแค่สองชั่วโมงเองจากที่พาร่างสูงนี้เข้านอน นี่หมายความว่าเขายังไม่สร่างเมา คำพูดที่เปล่งออกมาคือความจริงใจล้วนๆงั้นเหรอ

             คนที่พูดกรอกหูผมหลับไปนานแล้ว แต่ผมกลับนอนไม่หลับ ความรู้สึกสับสนตีวนไปมาจนต้องลืมตามองเพดานในความมืด ถ้าเป็นคุณจะทำยังไง ในเมื่อเราเกิดมาภูมิใจกับการเป็นผู้ชายที่ดี ดูแลครอบครัว ทำตัวอยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น และที่สำคัญไม่เคยมีจิตใจพิศวาสเพศเดียวกันเลยสักครั้ง

...แต่ดันถูกผู้ชายหน้าตาหล่อระดับนี้มาสารภาพรัก

ใช่ ผมสับสน

คิดไม่ตก

นับแกะตัวที่ล้านแล้วก็ยังนอนไม่หลับ

นั่งคิดหัวแทบระเบิดก็ยังไม่ได้คำตอบ

ถามว่า...ผมรังเกียจเขาไหม ... คำตอบคือ ก็ไม่

ถามว่า...ผมชอบเขาหรือเปล่า ... คำตอบคือ ก็ไม่

ผมไม่เคยคิดกับเขาในแง่นั้นมาก่อน มาสะกิดใจก็ตอนที่น้องชายผมพูด และมาได้ยินที่เขาพูดคืนนี้อีกรอบ

แต่ผมใจสั่น... รู้สึกดีที่ได้ยิน รู้สึกขอบคุณที่เขากล้าบอก

...รสจูบหอมหวานก็ผุดขึ้นมาในหัว

...อ้อมกอดอุ่นตอนนี้ก็เป็นกำลังเสริมให้หวั่นไหว

แม่งเอ๊ย... ทำไมโจทย์มันยากขนาดนี้วะ



             กลายเป็นว่าผมนอนตาค้างทั้งคืน แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาในห้องเนื่องจากไม่ได้ปิดผ้าม่านไว้ เจ้านายหนุ่มนอนเปลี่ยนท่าหลายสิบรอบ สุดท้ายก็มากอดร่างผมไว้แบบเดิม ในเมื่อห้ามไม่ได้ ก็ปล่อยให้กอดไปแหละครับ ตอนนี้ผมปวดหัวหนักมาก และเหนื่อยจนแทบลุกไม่ไหวอีกต่างหาก กลืนน้ำลายแล้วขมคอสุดๆ ... แถมยังเจ็บคอแปลกๆ

“นายเป็นไข้” เสียงเข้มนั้นช่างแตกต่างจากตอนเมายิ่งนัก

“วันนี้ก็นอนพักที่นี่ละกัน เดี๋ยวโทรไปบอกที่บ้านให้” หึ ทำขรึม ทำมาเป็นไม่สนใจ รู้มั้ยเนี่ยว่าป่วยเพราะใคร

“ทำไมปล่อยตัวให้ป่วยได้เนี่ย” พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอีก ถ้าไม่สนใจก็ไม่ต้องมาเช็ดตัวให้สิโว้ย

“โอ๊ย” ผมร้องเบาๆเพราะความมือหนักของคนที่เช็ดตัวให้ ท่าทางไม่เคยดูแลคนป่วยมาก่อน

“สมน้ำหน้า เจ็บซะบ้างก็ดี ป่วยแบบนี้ทำไมไม่โทรหาคนที่ชอบมาดูแลล่ะ” เอ๊า...ประชดอี๊ก นี่ลืมเรื่องที่พูดเมื่อคืนไปหมดแล้วใช่มั้ยเนี่ย

“คุณต่อไม่ต้องทำก็ได้นะครับ ผมไหว”

“ก็ไม่ได้อยากทำหรอก แต่กลัวมีคนเสียใจถ้านายมาป่วยตายแถวนี้” โอยยยย เด็กน้อเด็ก

“คุณต่ออออออออออออ” ผมพ้อสิ หมดแรงด้วย “เมื่อคืนผมก็เล่าแล้วไง”

“ตอนไหน” อ้าว ลืมจริงไปอี๊ก

“ช่างมันเถอะครับ” ผมเหนื่อยมากจริงๆ รู้สึกหนาวไปหมด

ก๊อกๆ

“คุณต่อคะ ป้าเอายากับข้าวต้มมาให้ค่ะ” ป้าสายหยุดเดินเข้ามาในห้องอย่างคุ้นเคย มองผมด้วยแววตาสงสาร คงเห็นสภาพนอนซมเป็นผักแบบนี้แน่

“ขอบคุณครับป้า เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง ป้าไปพักเถอะ”

“ค่ะ มีอะไรเรียกป้านะคะ” ป้าสายหยุดเดินออกไปหลังวางของ ตอนนี้ในห้องก็เหลือแค่ความเงียบของคนสองคน

“กินข้าว เดี๋ยวกินยา” เสียงเข้มสั่ง ผมขืนตัวเองลุก ไม่ไหวบอกไหว เกิดมาไม่เคยป่วยมาก่อน พอป่วยทีก็หนักเลย เพราะบลูฮาวาย คำพูดน้องชายตัวดี คำสารภาพรักของคนหน้าบูดที่นั่งเฝ้าตอนนี้ และการนอนไม่หลับทั้งคืน

ทรุดสิครับ...

“อยู่เฉยๆ พิงหมอนตรงนี้” เจ้านายหนุ่มสั่งเสียงดุตอนเอาหมอนมาหนุ่มท้ายทอยผมไว้ มือใหญ่จับจานรองชามข้าวต้มก่อนตักเป็นคำ

“ฟู่ๆ” เห้ย มีเป่าด้วย

“อะกินซะ จะได้กินยา” ผมอ้าปากงับช้อนข้าวต้ม ไม่รู้รสชาติของมันเลยสักนิด แถมยังกลืนยากกลืนเย็นอีก เจ็บคอไปหมด

“พอแล้วครับ” ตอนนี้คิดแค่อยากจะนอนเท่านั้น

“ใครให้พอ แค่คำเดียวจะไปอยู่ท้องอะไร” ไม่ชอบเสียงแบบนี้เลย ให้ตายสิ

             ไม่เคยป่วยขนาดนี้เลย มีแต่หัวร้างข้างแตก แต่จะมีไข้นอนซมตัวสั่นน่ะไม่มีมาก่อน ทำไมมันหนาวได้ขนาดนี้ ปวดหัวตุบๆเหมือนมีค้อนมาทุบอยู่ตลอดเวลา รู้สึกเพลียไม่สบายใจไปหมด ครั่นเนื้อครั่นตัวจนระบม คิดถึงแม่ใจจะขาด ... คนป่วยนี่อ่อนไหวได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ เพิ่งเคยเป็นกับเค้าครั้งแรกนี่แหละ

“ผมอิ่มแล้ว” ตาจะปิดแล้วด้วย รู้สึกเปลือกตาหนักหลายกิโลกรัม อยากกอดแม่ คิดถึงแม่...

“อีกคำนะ เดี๋ยวกินยา”

“ไม่” ผมปัดเสียงแข็ง รู้สึกแปลกไปหมด อยากกลับบ้าน คิดถึงบ้าน

“ตามใจ นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอา ใช่สิ ใครมันจะไปสู้คนที่นายชอบได้ล่ะ”

“โว้ย” ผมโวยวาย “ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่มีใคร จะอะไรนักหนา” เส้นความอดทนขาดผึงแล้วครับ ทั้งป่วย ทั้งอ่อนแออ่อนไหวคิดถึงแม่

“จะให้เชื่องั้นเหรอ”

“ไม่เชื่อก็ตามใจสิ ไม่ได้ขอให้เชื่อ” ผมหลับตา อยากจะลุกแล้วเดินออกไปแต่ก็ฝืนสังขารไม่ได้

“ก๊อกๆ คุยอะไรกันเสียงดังไปถึงหน้าบ้าน”

“อ้าวไอ้ตง มาได้ไง” นั่นสิ มาได้ไง ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคนบ้านใหญ่มาที่นี่เลยยกเว้นป้าสายหยุด

“ก็ป้าหยุดบอกว่าพี่เอกไม่สบาย ผมเลยมาเยี่ยม”

“อื้อ ขอบคุณครับ” แล้วมือใหญ่หนาเย็นเฉียบก็มาแตะที่หน้าผาก

“โห ตัวร้อนมากเลยนะครับ กินยารึยัง พี่ต่อหลบ” ตงฉินผลักพี่ชายให้พ้นทางแล้วนั่งแทนที่ ไม่สนใจพี่ชายที่ถลึงตาใส่แม้แต่น้อย

“ดีนะที่ที่บ้านมีแผ่นเจลแปะลดไข้ ขืนให้พี่ต่อดูแลคงได้ชักตาตั้งเพราะพิษไข้แน่”

“ชิ” เสียงเหมือนเจ้านายผมเลยครับ

“พี่ต่อป้อนข้าวป้อนยารึยัง”

“อืม”

“ผมโทรบอกไอ้โทแล้วนะครับ มันบอกว่ารักษาตัวให้หายก่อนเข้าบ้านนะ” อ้าว ไอ้น้องเวร ไม่คิดจะมาดูแลกันเลย

“เสร็จแล้วใช่มั้ย เสร็จแล้วก็กลับไปได้ละ” โห จิตใจทำด้วยอะไรวะเนี่ย ไล่ได้แม้กระทั่งน้องชายตัวเอง

“ไรวะพี่ ผมตั้งใจมาเฝ้าไข้พี่เอกเลยนะ”

“ไม่ต้อง คนของกู กูดูแลได้” หะ...เมื่อกี้เจ้านายหนุ่มพูดว่าอะไรนะ

“จริงเร้อ” น้ำเสียงของผู้น้องเหมือนจะล้อเลียน อยากเห็นจังว่าตอนนี้ทำสีหน้าแบบไหน

“คนของพี่แล้วทำไมไม่ดูแลดีๆ ปล่อยให้ป่วยได้ไง”

“เสือก” นั่นไง เต็มๆ

“โหไรวะพี่...นึกว่าจะมาเห็นภาพพี่เฝ้าไข้ แต่ดันมาเห็นชวนคนป่วยทะเลาะ รู้งี้ไม่ให้ไอ้โทเป่าหูพี่เอกซะก็ดี” นั่นไง...กูจับได้ละว่าใครจ้างน้องกูมา

“เป่าหูอะไรวะ”

“อ้าว พี่จำไม่ได้เหรอ” ตงฉินถามแบบสงสัยจริงๆ “เมื่อคืนก็แอบได้ยินพี่เคลียร์กันแล้วนะ” เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว...เมื่อคืนแอบมาที่บ้านนี้ด้วยเหรอวะ ดึกขนาดนั้นเนี่ยนะ ... คนบ้านมีชอบทำให้แปลกใจได้ตลอด

“จำไม่ได้ เมา”

“โว้ย เมาแล้วภาพตัดทุกทีพี่ใครวะ” ตงฉินพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยันมากกว่าจะเบื่อหน่าย “ก็เมื่อคืนไอ้โทมันเชียร์พี่ต่อกับพี่ชายมัน”

“...”

“มันรู้แหละว่าพี่ชอบพี่เอก แต่พี่เอกน่ะไม่รู้ตัวแน่ๆ ไอ้โทมันชอบพี่นะ และเชียร์พี่ให้จีบพี่เอก” เสียงคุณตงฉินคุยกับเจ้านายทำผมนอนไม่หลับเลยครับ

“อ่า...” อึ้งสินะ

“แล้วเมื่อกี้ได้ยินพี่ประชดพี่เอกลั่นบ้านเลย ผมเลยอดพูดไม่ได้ สงสารคนไข้” ตงฉินได้ที

“ถ้าพี่ไม่ดูแลพี่เอกดีๆ ผมขอนะ...สเป้กผมเลย” อ้าว สลัดละ!

“ไม่มีทาง” เจ้านายหนุ่มตอบกลับเสียงแข็ง “พี่เอกเป็นของกู ไม่ว่าหน้าไหนก็แย่งไปไม่ได้”

“เหอะ ไม่ต้องแย่งหรอก ถ้าพี่ยังทำตัวแบบนี้คิดว่าพี่เอกจะเอาเหรอ ฮ่าๆๆๆ”

“กลับไปได้แล้ว” รีบไล่เลยนะ สงสัยคำพูดน้องชายจะแทงใจดำ

   เสียงขลุกขลักลากถูของผู้ชายร่างใหญ่สองคนดังลั่นก่อนความเงียบจะมาแทนที่ ไอ้เราก็ได้แต่นอนนิ่งๆครับ สองพี่น้องคงคิดว่าผมหลับไปแล้วจึงสนทนากันตรงนี้เลย แต่ขอโทษเถอะ...ได้ยินทุกคำครับ แค่ไม่มีแรงต่อต้าน

แล้วเตียงก็ยวบ...มือใหญ่ลูบไรผมตรงหน้าผากที่มีแผ่นเจลเย็นจับใจแปะอยู่

“ขอโทษนะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนเชียวนะ “ผมงี่เง่าไปเอง พี่เอกอย่าโกรธผมนะ”

“ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลพี่นะครับพี่เอก” ผมไม่ตอบครับ ยังไงก็จะขอนอนแกล้งตายไปก่อน ไม่อยากรับเรื่องอะไรมาให้คิดมากอีกแล้วตอนนี้

สวบ... ไม่ใช่แค่นั่งแล้ว ตอนนี้เจ้านายหนุ่มกำลังแทรกตัวมาในผ้าห่ม ช้อนร่างคนป่วยที่นอนนิ่งให้อยู่ในอ้อมอก เอ่อ...กูไม่ใช่หญิงสาวร่างบางนะเว้ย อีกสี่เซ็นต์ก็จะร้อยแปดสิบนะ ...

อุ่น...

แขนล่ำยังคงกอดผมเอาไว้

ความง่วงรุกรานอย่างหนัก

อาการคิดถึงบ้านก็ดีขึ้น จนเจือจางลงไป

แล้วผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย....

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 19-02-2020 17:50:50
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: ว้ายยยยย พี่เอกป่วยแล้วน่ารักจังเลย เหมือนอายุอ่อนลงหลายสิบปี5555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-02-2020 19:28:18
สงสารคุณต่อที่ภาพตัดจำอะไรไม่ได้ แต่พี่เอกก็ไม่รอดหรอก :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 19-02-2020 20:00:25
ลุงงงงงงงง เอก

จะรอดไหม.................
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-02-2020 21:29:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตงฉิน  เอาไปพันไลค์
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-02-2020 23:33:02
ดี ตงฉินกระตุ้น
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-02-2020 07:36:56
คุณต่อน่าจะเป็นไบโพล่านะ สงสารคนป่วย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 20-02-2020 12:32:47
ทำดีมากตงฉิน มาเอารางวัลน้องสามีดีเด่นไปเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 20-02-2020 13:43:36
สนุกค่ะ ติดตามต่อไป :mew2:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-02-2020 14:12:05
อ่อนแอ ตัวเล็ก ตัวน้อย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 15 P.5 @19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-02-2020 15:13:23

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 24-02-2020 09:42:23
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 16 คนป่วยไม่ได้อยากกินข้าวต้มเสมอไป

             พนักงานออฟฟิศมีอยู่หลายประเภท การที่มาเป็นคนขับรถส่วนตัวของรองประธานบริษัทก็พลอยทำให้พนักงานไม่กล้าจะใช้งานหรือโขกสับเหมือนตอนที่ขับรถแท็กซี่ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่คนส่วนใหญ่ของที่นี่นอกจากจะเกรงใจคุณต่อแล้ว ยังปฏิบัติตัวกับผมดีมากด้วย...มันเลยทำให้ผมน้ำหนักขึ้นพรวดๆ



คนแรก...น้องมะนาว พนักงานการตลาด ผิวขาวจั๊วะ นมแน่น แต่แต่งตัวมิดชิด ใส่แว่นเป็นสาวเนิร์ด แต่เอาขนมมาให้ประจำ

“พี่เอกขา นาวเอาเค้กช็อกโกแลตเจ้าอร่อยมาฝาก พี่เอกลองชิมนะคะ”

“พี่เอกขา วันนี้นาวซื้อกาแฟมาให้ค่า เห็นพี่เอกตาปรือๆ”

“พี่เอกขา....”

ฯลฯ



คนที่สอง...บังดำ หัวหน้าฝ่ายผลิตแต่ตอนนี้ย้ายมาเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนผลิต หนุ่มอิสลามแต่แต่งหน้าหนาเตอะ เป็นชายร่างยักษ์แต่จิตใจเป็นหญิงสาวร่างบาง รายนี้มาจีบผมโต้งๆเลย

“พี่เอกขา พี่เอกสนใจรับของดำไปทำพันธุ์มั้ยคะ” นั่นไง โดนอ่อยแบบนี้ประจำ ผมได้แต่ยิ้มแหย

“แล้วทำงานถึงไหนละ” วงแตกสิครับ เมื่อคุณต่อพงษ์เดินมาตอนไหนก็ไม่รู้

สุดท้าย...บังดำก็โดนย้ายไปคุมเครื่องจักรในโรงงานไม่กลับมานั่งในออฟฟิศอีกเลย



คนที่สาม...พี่บัวคำ เป็นรองผู้จัดการฝ่ายบัญชี ทำงานขึ้นตรงกับคุณพันธุพี่เขยคุณต่อพงษ์ คนนี้น่าจะแอบชอบเจ้านายหนุ่มผมอย่างแรง เพราะแต่ละอย่างนั้นจะฝากผ่านผม

“น้องเอก พี่ซื้อเอแคลร์เจ้าอร่อยมา เห็นคุณต่อชอบ ฝากน้องเอกเอาไปให้แกทีนะ อ้อ แล้วกล่องนี้ของน้องเอก” ลาภปาก

“น้องเอก พี่ฝากเอาเอกสารนี้ให้คุณต่อเซ็นด้วยนะ บอกแกว่าเดี๋ยวพี่ไปเอาเย็นนี้ น้องเอกรอพี่ด้วยจะได้ติดรถไป” วันนั้นเจ้านายหนุ่มมีงานข้างนอก แต่ให้ผมมาเอาเอกสารไปให้เซ็นอนุมัติแล้วกลับบ้านเลย

พอผมโทรหาว่าพี่บัวคำจะไปรับเอกสารเอง...คุณต่อพงษ์นั่งแท็กซี่เข้าออฟฟิศในตอนเย็นแทน

“ลุงเอก เดี๋ยวนี้อ้วนขึ้นนะ” เสียงเจ้านายหนุ่มเองครับ อยู่ๆก็ทักมาตอนที่ผมถอดเสื้อรดน้ำต้นไม้

“ฮ่าๆ วัยนี้แล้วครับคุณต่อ กินก็อ้วน ไม่กินก็อ้วน” ผมมองพุงตัวเอง มันก็ไม่ได้ย้วยนะ แค่กล้ามมันหายไปนิดหน่อยเอง

“ก็เห็นกินขนมนมเนยที่สาวๆขนมาฝากไม่ขาด” ชิบ ... แอบไปเห็นตอนไหนวะ ตอนกินก็นั่งในห้องครัวออฟฟิศ มองจากห้องทำงานเจ้านายไม่มีทางเห็นอย่างแน่นอน

“แหะๆ ก็เขาซื้อมาฝาก ไม่กินก็เกรงใจอะครับ”

“งั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฟิตเนสกับผมนะ”

“ห๊ะ” ผมหันขวับ พุงที่เคยแน่นมันย้วยอย่างตกใจเช่นกัน...นับตั้งแต่วันนั้น ผมก็โดนลากไปออกกำลังกายตอนเช้ากับเจ้านายหนุ่ม มีเทรนเนอร์ส่วนตัวให้เสร็จสรรพ ช่วงสองสามวันแรกร่างกายแทบแหลก ขับรถแทบไม่ไหวแต่ก็ต้องทน

...เรื่องนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่มาทำงานที่นี่เป็นเดือนที่สอง... หุ่นผมก็คืนสภาพแล้วเพราะเข้าคอร์สหนัก โดนคุมอาหาร จากน้ำหนัก 80 กิโลแบบอ้วนกลม กลายเป็นหนัก 79 กิโลแบบกล้ามแน่น ... ตัวผมคงกลับไปผอมไม่ได้แล้วครับ แต่การสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาแทนก็ทำให้ดูดีกว่าเดิมเยอะจนที่ออฟฟิศพากันทัก

“โห พี่เอกไปทำอะไรมา หล่อจนนาวจำแทบไม่ได้เลยค่ะ” น้องนาวทักตอนที่เจอผมในงานเลี้ยงที่พัทยา

“ต๊าย พี่เอก ทำไมหล่อล่ำได้ใจดำขนาดนี้” บังดำก็แอบย่องมาเป็นระยะ แม้แต่พี่บัวคำก็หันมาจีบผมแทนซะงั้น



กลับมาในปัจจุบัน...หลังจากงานวันเกิดคุณตงฉิน

“วันนี้ผมไม่ออกไปไหนนะ” เจ้านายหนุ่มที่กอดผมไว้ตั้งแต่ตอนสายยังไม่ปล่อยให้เป็นอิสระ กอดแนบแน่นขนาดนี้ไม่กลัวติดไข้เลยรึไง

“แล้วคุณต่อไม่ไปฟิตเนสเหรอครับ”

“ไม่ไปแล้ว พี่เอกป่วยอยู่ ผมอยู่บ้านดูแลพี่เอกดีกว่า” มาไม้ไหน เมื่อเช้ายังประชดประชันอยู่เลย

“พี่เอกหิวมั้ย เดี๋ยวผมไปหาอะไรมาให้กิน”

“ไม่ค่อยหิวครับ” ผมตอบตามตรง แม้ไข้จะลดแล้ว แต่อาการปวดหัวยังไม่บรรเทา

“แต่ยังไงก็กินหน่อยนะ จะได้กินยา จะได้หายไวๆไง” ทำไมน้ำเสียงดูเว้าวอนได้ขนาดนี้เนี่ย โดนลูกตุ้มเหล็กชนหัวมาเหรอครับ

....อ่อ คุณตงฉิน....ผมนึกได้

“อยากกินอะไรมั้ย”

“ส้มตำ ลาบ น้ำตก”

“หายป่วยแล้วจะพาไปกินนะ” หะ เจ้านายไม่ชอบอาหารแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ

“แต่ตอนนี้กินอาหารอ่อนๆไปก่อนดีกว่า” ร่างสูงผละออกไปก่อนกลับเข้ามาด้วยชามข้าวต้ม(อีกแล้ว)ในมือ ทำไมคนป่วยจะต้องกินแค่ข้าวต้มๆๆๆๆๆๆด้วยนะ ในเมื่อมันไม่อร่อย “กินหน่อยนะ”

“อื้อ เหม็นอะครับ” กลิ่นกุ้งในชามข้าวต้มชวนให้เวียนหัว เจ้านายหนุ่มเอาช้อนไปดมฟุดฟิด

“ก็ไม่เหม็นนะ”

“แต่ผมเหม็นนี่ครับ”

“....อืม งั้นเดี๋ยวผมไปเปลี่ยนให้ใหม่”

“ไม่เอาข้าวต้มได้ไหมอะครับ” โอกาสนี้แหละ ขอหน่อย ไหนๆก็ป่วยแล้ว เจ้านายหนุ่มก็เลิกบ่นแล้ว

“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไร” ไม่ได้อ้อนโว้ย แค่ขอร้องนิดหน่อย

“อยากกินไส้กรอกทอดหน้าออฟฟิศ” ปกติซื้อจากรถเข็นที่ขายข้างทางหน้าบริษัทตอนเลิกงาน ไม้ละ 10 บาท จิ้มน้ำจิ้มสูตรเด็ดพาเพลิน

“วันนี้วันอาทิตย์ ไม่มีใครมาขายหรอก”

“อยากกิน” ผมก็แค่ลองใจเฉยๆ จริงๆกินอย่างอื่นแทนก็ได้

“งั้นกินไส้กรอกผมมั้ย อร่อยกว่าเจ้านั้นอีกนะ” ทำไมต้องทำหน้าตากวนๆใส่ด้วยฟระ...งื้ออออออออออออออ

“คุณต่อ!” ผมนี่แทบสำลัก ทำไมอยู่ดีๆกลายเป็นเจ้านายเวอร์ชั่นหื่นไปซะได้

“ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่น ตกลงจะกินไส้กรอกใช่มั้ย”

“อึ๊” ผมส่ายหัว กลัวได้กินของเจ้านาย “เขาไม่มาขายไม่กินก็ได้ครับ เปลี่ยนเป็นส้มตำไก่ย่างแทนได้ไหมครับ”

“เอาจริงดิ”

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ....

   อีกไม่ถึงชั่วโมง ป้าหยุดก็หิ้วส้มตำ ไก่ย่าง ไส้ย่าง หมูน้ำตก ลาบอีสานมาครบครันเต็มไม้เต็มมือไปหมด ผมจ้วงทุกอย่างบนที่นอนนี่แหละ คุณต่อทำหน้ามุ่ยตอนที่กลิ่นปลาร้าโชยแตะจมูก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังไม่ปิดแอร์ที่ทำงานหนักมาทั้งคืนด้วย

“อิ่มจัง” ผมตบพุง นี่สิที่อยากได้

“กินขนาดนี้ได้ คงหายแล้วมั้ง” ป้าสายหยุดมาลำเลียงจานชามออกไปจากห้อง ผมล่ะนึกแปลกใจนะว่าทำไมป้าถึงไม่เคยเอ่ยปากถามว่าทำไมผมถึงได้มานอนที่ห้องคุณต่อ

“ผมก็อยากหายแล้ว นอนเฉยๆมันน่าเบื่อ”

“งั้นนอนแล้วทำเหมือนตอนไปพัทยามั้ย” ดูแววตาสิ หื่นแบบปิดไม่มิดจริงๆ

“ไม่!” ผมตอบเสียงแข็ง ยังไงก็ไม่ยอมพลาดท่าอีกหรอก

“จริงเหรอ”

“หยุดนะครับคุณต่อ ผมสู้นะ” แต่ตัวกำลังเขยิบหนี โถ...แน่มากพ่อคุณ

“พี่สู้แรงผมไม่ไหวหรอก หึหึหึ” อื้อออออ คนอะไรวะบทจะหื่นก็น่ากลัวชิบหาย

“ฮ่าๆๆๆๆ” เจ้านายหนุ่มหัวเราะเมื่อผมขยับตัวจนติดผนังหมดทางหนี แถมสองมือยกปิดหน้าหลับตาปี๋อีกต่างหาก

“เอามือลงเถอะ ผมไม่ทำอะไรพี่หรอก”

“จริงนะ”

“จริง” แล้วจะแกล้งให้กลัวทำไมเนี่ย

“พักผ่อนนะครับ ยังไม่หายดีเลย” น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงทำให้ผมสงบ

“ครับ” ผมนอนลงบนเตียงนุ่น

จุ๊บ

...เดี๋ยว ใครอนุญาตให้มาหอมแก้ม?

“พี่เอกน่ารักอะ อยากแกล้งทุกวันเลย”

“...”

“ฝันดีนะครับ ผมออกไปข้างนอกก่อนจะได้ไม่กวนพี่”

...ไม่กวน หรือทนกลิ่นปลาร้าไม่ได้กันแน่ครับเจ้านาย

หึหึหึ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 24-02-2020 12:37:54
สงสารน้องต่อ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 24-02-2020 12:55:03
ลุงอย่าเพิ่งวางใจ คุณน้องต่อแค่รอลุงหายเท่านั้นแหล่ะ!  :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-02-2020 20:01:56
พี่เอกเล่นตัวอ่ะ ยอมคุณต่อไปเถอะ มาขนาดนี้แล้ว :oo1: :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 24-02-2020 20:02:51
ไส้กรอกของคุณต่อ........อุอุ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 24-02-2020 22:08:15
พี่เอกกกก กินแล้วนอนระวังเป็นกรดไหลย้อน

คือพี่บัวคำนี่ก็มาจีบตั้งแต่เเรกแล้วนะ แต่พี่เอกไม่รู้ตัว :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-02-2020 22:44:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

คุณต่อคงเหม็นกลิ่นปลาร้าชัวร์  555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 25-02-2020 09:25:57
ลุงอย่าเพิ่งวางใจ คุณน้องต่อแค่รอลุงหายเท่านั้นแหล่ะ!  :laugh:


คนน้องมันร้าย....
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 25-02-2020 09:26:46
:pig4: :pig4: :pig4:

คุณต่อคงเหม็นกลิ่นปลาร้าชัวร์  555

หรืออาจจะเหม็นไส้กรอก....อุ๊ปส์  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 25-02-2020 09:27:19
พี่เอกกกก กินแล้วนอนระวังเป็นกรดไหลย้อน

คือพี่บัวคำนี่ก็มาจีบตั้งแต่เเรกแล้วนะ แต่พี่เอกไม่รู้ตัว :laugh:


ผู้ชายเรื่องนี้เสน่ห์แรงทุกคน >___<
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 16 P.5 @24/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-02-2020 01:50:44
ลุงน่ารัด (ก) มากขึ้นทุกวัน
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 03-03-2020 09:39:41
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 17 ต่อพงษ์...มาเล่า

             ลุงแหวงนะลุงแหวง เอาอีกแล้ว อาทิตย์ก่อนก็เอารถไปเหยียบตะปู ครั้งโน้นก็ทำที่ปัดน้ำฝนเสีย คราวนี้ก็ลืมเช็ครถก่อนเอาออกมาอีก รถคันนี้มันก็ตั้งแต่สมัยผมเรียนม.ปลายแล้วมั้ง แกยังกล้าเอามาขับอีก... ผมน่ะอยากรู้มากว่าประเทศไทยทำมุมตั้งฉากกับดวงอาทิตย์รึไงถึงได้ร้อนขนาดนี้ ชุดสูทที่ใส่มาก็เปียกโชกไปหมดแล้ว ถ้าไม่ติดว่าต้องไปหาลูกค้าจะแก้ผ้าละ

“ผมว่าคงอีกสักพักเลยล่ะครับคุณต่อกว่ารถลากจะมา” น้ำเสียงแผ่วเบาของคนขับรถรุ่นพ่อทำลายความเงียบ ผมยืนกลางแดดใกล้กับรถที่จอดข้างทางตรงส่วนไหนก็ไม่รู้ของถนนพระราม 2 อย่างอารมณ์ไม่ดี

“กี่รอบแล้วเนี่ยลุงแหวงที่ไม่ชอบเช็กสภาพรถก่อนเอามาขับ” ผมดุ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่พัน พี่เขยผมฝากลุงแกให้มาทำงานด้วยผมคงไล่ออกไปเหมือนคนอื่นๆแล้ว

“ผมขอโทษครับคุณต่อ ผมลืม” ผมได้แต่ถอนหายใจ หยิบมือถือมากดเรียกแกรป...จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครรับงาน นี่กรุงเทพนะโว้ย ไม่ได้ชายทุ่งขนาดนั้น รถราที่วิ่งขวักไขว่เหมือนจะมุ่งหน้าลงใต้กันหมด มันใกล้ช่วงเทศกาลหยุดยาวด้วยแหละ ...

เรียกแท็กซี่เอาก็ได้วะ...ผมหยิบข้าวของมาริมถนน ชะเง้อมองหารถแท็กซี่สักคัน สภาพยังไงก็ช่าง ขอให้รับผมไปซะที ร้อนจนเหนียวเหนอะไปทั้งตัวแล้ว

“ไปสุขุมวิทครับ” ผมบอกคนขับที่หันหน้ามาพอดี ใจผมเต้นแรงจนนึกว่าตัวเองจะหัวใจวาย ใบหน้าที่คุ้นเคยที่ตามหามานานนั่งอยู่ข้างหลังพวงมาลัย ใช่เลยครับ คนนี้แหละ คนที่เคยช่วยผมไว้ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ ... แถมยังขับรถแท็กซี่อยู่เหมือนเดิมด้วย...

ขับรถ...

อืม... สมองผมประมวลผลด้วยความรวดเร็ว

“ลุงแหวง พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานให้ผมแล้วนะ ไปหาพี่พันเลย”

“หะ คุณต่อ...”

ปัง!

             ผมไม่สนใจแล้ว รีบปิดประตูและบอกให้พี่เขาออกตัวให้ไวก่อนที่ผมจะใจอ่อนกับลุงแหวง ไม่นานพี่พันก็โทรมาบ่น แต่สุดท้ายก็รับลุงแกกลับไปทำงานที่บริษัทเช่นเคย

“พี่ขับแท็กซี่มานานรึยังครับ” กลายเป็นตัวเองที่ชวนคุย

“ผมเหรอ เกือบสิบปีแล้วล่ะครับ” น้ำเสียงพี่เค้า ชื่ออะไรนะ...ผมอ่านที่ป้ายฝั่งผู้โดยสาย เอกภพ ใบบุญ ... โอเคชื่อเอกภพ เสียงพี่เค้าเซ็กซี่ชิบหาย ผมตีเนียนชวนคุยไปเรื่อยแหละครับ

“ผมถามหน่อยสิครับ”

“ครับ ถามได้เลย”

“พี่ขับแท็กซี่แบบนี้ รายได้ดีมั้ย”

“โอ๊ยคุณ สมัยนี้แท็กซี่เยอะจะตาย ไหนจะมีแกรปมาแย่งลูกค้าอีก ขับรถงกๆไปวันๆให้คุ้มค่าแก๊สยังลำบากเลย” คนขับรถตอบอย่างอัดอั้น

“แต่พี่ก็ยังขับมาเป็นสิบปีเลยนะครับ”

“อย่างที่บอกแหละครับ คนเรียนมาน้อย ไปทำอะไรก็ไม่รอด ไหนจะภาระโน่นนี่นั่นอีก”

“อ๋อ ต้องดูแลลูกเมียด้วยใช่มั้ยครับ”

“ฮ่าๆ เปล่าเลยคู๊ณ ลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย จะกล้าพาใครมาลำบาก ผมหมายถึงภาระเลี้ยงดูแม่ ส่งน้องเรียนก็แทบไม่พอใช้แล้วครับ” ฮ่าๆๆ นี่แหละคำตอบที่รอคอย...พี่เอกภพยังโสดด้วย

“แล้ว พี่สนใจเปลี่ยนงานปะ”

“หืม”

“ผมหมายถึง สนใจมาเป็นคนขับรถประจำตัวให้ผมมั้ย” อย่างน้อยผมก็ไม่ได้รีบร้อน คนที่เคยช่วยผมไว้คงไม่ใช่คนเลวมาจากไหนหรอก....อย่างน้อยผมก็มีสายสืบ



ก่อนหน้านี้...

             ผมเบื่อการนั่งประชุมที่สุด แต่ด้วยหน้าที่การงานไม่ทำก็ต้องทำ แต่ก่อนเป็นดาราอยู่ดีๆ พ่อผมก็ป่วยไม่มีคนดูแลกิจการ พี่สาวคนโตก็โดนถือว่าเป็นคนนอกทั้งๆที่ยังอยู่ในบ้านกับท่าน แถมยังเลี้ยงหลานฝาแฝดทั้งสองคนที่เกิดมาจากน้องชายของผมอีกด้วย ภาระเลยตกมาที่ผม... นั่นคือประชุมงาน แต่วันนี้มันน่าเบื่อด้วยเดิมสามเท่า... กวาดสายตามองผู้คนที่นั่งในห้องประชุมอย่างเบื่อหน่าย ในงานประชุมผู้ปกครองของนักศึกษาใหม่

“พี่ต่อ นี่เพื่อผม ไอ้โท ไอ้หนึ่ง ไอ้คิ้ว ไอ้สัด ขวัญ” ตงฉิน น้องชายผมที่อยู่ในชุดนักศึกษาใหม่เอี่ยมแนะนำเพื่อนในกลุ่มที่น่าจะเพิ่งเจอกันตอนที่เข้ามาอยู่หอใน

“ฉัตรครับเพื่อน ไม่ใช่สัด”

“สวัสดีครับพี่ต่อ” ผมยกมือไหว้กลับ นี่แก่จนต้องมารับไหว้น้องๆแล้วเหรอวะ

“เออ ไอ้หนึ่ง ไอ้โท แม่มึงล่ะ” ผมมองใบหน้าคุ้นเคยของคนชื่อโทอย่างติดใจ

“แม่กูไม่มา พี่ชายกูมา ทำไมเหรอ”

“เปล่า เห็นมีแต่มึงสองตัวนี่แหละที่ไม่พากูไปแนะนำให้ผู้ปกครอง คนอื่นลากไปจนครบแล้ว”

“พี่กูรีบมั้ง มาส่งแล้วคงไปทำงานเลย”

“เช็ด ขยันว่ะ พี่มึงทำงานอะไรวะ” ตอนนี้พวกเราเดินกลับกันแล้วครับ วันนี้ผมต้องพาน้องชายกลับบ้านก่อน

“ลุงสมชาย เดี๋ยววนรถมารับที่เดิมนะ” ผมโทรไปสั่งก่อนจะยืนรอ ... ลุงสมชายเป็นคนขับรถก่อนหน้าลุงแหวงครับ

“อ้าว ไอ้โท พี่เอกมา” ผมมองรถแท็กซี่สีชมพูซีดแล่นใกล้เข้ามา

“นึกว่าขับกลับแล้วซะอีก” น้องโทพูดและหันมาไหว้ลาผม

“อ้อ พี่เอก นี่เพื่อนผม และพี่ชายมัน” ผมยกมือไหว้ แต่เหมือนคนขับจะติดสายจนไม่ได้มองมาอย่างถ้วนถี่...

แต่ผมจำใบหน้านั้นได้...

 

“ผมหมายถึง สนใจมาเป็นคนขับรถประจำตัวให้ผมมั้ย”

“ห๊ะ” คนขับงงกว่าเดิมสิครับ ผมเห็นใบหน้าที่ดูตกใจจนโอเวอร์นั้นอย่างนึกขำ

“ถ้าพี่สนใจ นี่นามบัตรผม หน้าที่ก็แค่ขับรถพาผมไปนั่นมานี่ เวลาไม่มีอะไรก็กลับบ้านไปดูแลแม่พี่ได้”

“คุณล้อผมเล่นรึเปล่าครับเนี่ย ฮ่าๆ”

“เปล่าครับ รับนามบัตรผมไปนะ ผมเพิ่งไล่คนขับรถออกเมื่อกี้นี้เอง” เพื่อพี่เลยนะ

“อ่า”

“ไม่ต้องห่วงนะ ผมให้เงินเดือนสามหมื่น ถ้าวันไหนดึกก็ค้างที่บ้านผมได้ ผมไม่รีบ ให้พี่คิดดู ถ้าพี่ตกลง พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าไปรับผมตามที่อยู่นี้” ผมรีบคาดคั้น เพราะไม่อยากให้คลาดกันอีก อย่างน้อยข้อมูลจากไอ้ตงฉินน้องชายผมที่ถามกับน้องโทก็ไม่ได้กุมาหรอก

             ผมเดินเข้าออฟฟิศของลูกค้าอย่างเร่งรีบ ยังดีที่รถไม่ติดหนักมาก แต่ก็เฉียดฉิว เมื่อจ่ายเงินค่าแท็กซี่แล้วก็พุ่งตัวทันที จนมาอยู่ในลิฟต์นี่แหละที่ผมต้องเจ็บใจจนต้องสบถออกมา “แม่งเอ๊ย ลืมขอเบอร์”

             ผมนอนไม่หลับแทบทั้งคืน เพราะรอสายที่อยากให้โทร แต่ก็เงียบสนิท หรือว่าจะต้องคลาดกันอีกแล้ววะเนี่ย พี่เอกภพนั่นคงไม่อยากมาทำงานกับผมเป็นแน่ โธ่โว้ย ชวนคุยตั้งเยอะ ยื่นข้อเสนอดีๆไปแล้ว นึกว่าจะรีบตอบรับ ถ้าพี่เขาไม่อยากมาทำงานกับเรา จะทำยังไงดีล่ะ... หรือต้องปลงว่าไม่มีวาสนาต่อกัน

...ทำไมไม่ขอเบอร์พี่เอกภพมาวะ... ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดใจ

             แล้วผมก็ตาค้างจนถึงตีห้า... อีก 2 ชั่วโมงจะเป็นเวลาที่นัดกับพี่เอกภพไว้ ถ้าเขาไม่มา ก็ต้องทำใจแล้วล่ะว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีก จะให้ผมนั่งรถยนต์ไปดักรอพี่เขาแถวพระราม 2 อีกก็คงไม่ไหว แค่นี้หน้าที่การงานก็รัดตัวจนไม่มีเวลาไปไหนแล้ว เมื่อสมองมันทำงานไม่หยุดหย่อน แถมร่างกายไม่เหนื่อยล้า ผมเลยลุกขึ้นเปลี่ยนชุดนอนเป็นชุดวิ่งและพาตัวเองไปที่สวนสาธารณะหน้าบ้าน

             ผมเริ่มต้นด้วยการวอร์มอัพร่างกายก่อน แสงแดดยามเช้าเริ่มสาดส่อง แต่อากาศยามนี้ยังไม่ร้อน สวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่ ประมาณสามไร่เศษ เล็กมาเมื่อเทียบกับสัดส่วนของผู้อาศัยและเม็ดเงินที่จ่ายไป ผมวิ่งเหยาะๆสองรอบก่อนวิ่งเต็มกำลังอีกสามรอบ มองเห็นรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาในหมู่บ้าน...ใครกันเข้ามาที่นี่เช้าขนาดนี้

             เสียงเพลงในหูฟังบลูทูธดังกระหึ่ม แต่ฝีเท้าผมเริ่มอ่อนยวบลง มองดูนาฬิกาบนข้อมือก็เกือบถึงเวลานัดกับพี่เอกภพแล้วเลยตัดสินใจวอร์มดาวน์และเดินเข้าไปบ้าน... แล้วสายตาผมก็เห็นใครก็ไม่รู้นั่งจุมปุ๊ก(นั่งกอดเข่าหลังพิงรั้วบ้านผม)สภาพน่าสงสารเชียว เหมือนคนไร้บ้านที่หลงเข้ามาแล้วหาทางออกไม่ได้อย่างนั้นแหละ พอเดินเข้าไปใกล้ ผมก็พบว่านั่นคือ...พี่เอกภพ

             เอาไงดีล่ะทีนี้ ... จะให้สัปหงกตรงนี้ต่อก็ไม่เข้าท่า จะแกล้งโทรปลุกก็ไม่มีเบอร์...เอาวะ สะกิดเอาก็ได้ มาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ถึงได้มานอนหลับตรงนี้ได้ แล้วทำไมไม่โทรมาล่ะ เบอร์โทรก็ให้ไปแล้ว ผมคิดสะระตะ พลางสะกิดตัวคนที่หลับตาอยู่จนสะดุ้งตื่น ตาปรือลืมขึ้นมาแล้วทักผม

“ท่าน มาตั้งแต่ตอนไหนครับ” หือ เรียกท่านเลยเหรอ แถมตอนถามยังเช็ดน้ำลายตัวเองป้อยๆ

“เพิ่งมานี่แหละ นายมานานแล้วเหรอ”

“ไม่นานครับ” จริงเหรอ...ถ้าจำไม่ผิด เช้านี้มีรถแท็กซี่เข้ามาแค่คันเดียวเมื่อเกือบชั่วโมงที่แล้วนะ

“ไม่นานแต่มานอนหน้าบ้านผมได้เนี่ยนะ” ผมเลิกคิ้วเพื่อข่มเพราะกำลังห้ามตัวเองไม่ให้แสดงอาการดีใจออกนอกหน้า พอเขายืนขึ้นผมก็ชวนเข้าบ้าน “เข้ามาก่อนสิ”

“ท่านจะออกกี่โมงครับ” ผมหยุดหน้าประตู ใช้กุญแจไขเข้าไป

“ผมชื่อต่อพงษ์ เรียกผมว่าต่อก็ได้” อย่าเรียกท่านเลย มันดูห่างเหิน

“ครับ คุณต่อ”

“ว่าแต่ นายชื่ออะไรนะ”

“ผมเหรอ เอกภพครับ เรียกเอกก็ได้”

“โอเคนายเอก เข้ามานั่งรอที่โซฟาก่อน ผมไปอาบน้ำแล้วก็จัดการมื้อเช้าแล้วค่อยไป”

“ดะ ได้ครับ”



จบตอน....

 


(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/1359552487-member.jpg)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-03-2020 10:32:51
น้องต่อ เอ็นดรู ลุงโด้ย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 03-03-2020 12:04:01
คู่แล้วไม่แคล้วกัน อยู่ๆลุงเอกก็มาตกถึงที่  :hao7:

/มีคำที่พิมพ์ตกนะคะ ท่าน ตก น.หนู กลายเป็น ท่า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-03-2020 19:43:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 03-03-2020 20:02:53
อ่านยังไม่อิ่มเลย

อือออ   ยังดีกว่าไม่มา
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-03-2020 21:23:32
มาฟังแผนคุณต่อ ว่าจะจัดการลุงเอกยังไง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-03-2020 21:33:58
ลุ้นให้พี่เอกยินยอมพร้อมใจให้คุณต่อ ^^
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-03-2020 12:27:03
น้องต่อ น่ารัก ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 05-03-2020 22:21:13
น้องต่ออออออออ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 17 P.5 @03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 07-03-2020 15:22:31
คู่แล้วไม่แคล้วกัน อยู่ๆลุงเอกก็มาตกถึงที่  :hao7:

/มีคำที่พิมพ์ตกนะคะ ท่าน ตก น.หนู กลายเป็น ท่า


ขอบคุณมากครับผม แก้ไขแล้วนะครับ ^_^
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 18 P.6 @07/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 07-03-2020 18:18:50
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 18 ปฏิบัติการแกล้งพี่เอก ผู้ที่เดินทางมาจากยุคหินเริ่มขึ้นแล้ว

             ไม่มีไลน์ ไม่มีเฟสบุ๊ก ไม่มีโปรแกรมอะไรเลยที่สามารถติดต่อได้สะดวก เพราะใช้มือถือแบบปุ่มกดรุ่นเก่า สภาพเหมือนเอาไปใช้ขุดเหมืองถ่านหินมาก็ไม่ผิด ผมไม่อยากจะทำท่าข่มหรือบ่นอะไรหรอก แต่ท่าทางของพี่เอกดูเหม่อลอยพิกล เหมือนคนมีเรื่องให้คิดตลอดเวลา ผมยังไม่ได้ถามเหตุผลเลยว่าทำไมถึงยอมมาทำงานด้วย แต่ตอนนี้แก้ปัญหาก่อน

“คุณอ้อย” ผมส่งเสียงเรียกเลขาส่วนตัว

“คะ คุณต่อ”

“ไปเอามือถือพนักงานที่บุคคลมาให้ผมเครื่องนึง” ปกติมือถือของพนักงานขายจะเป็นแบบทัชสกรีนรุ่นกลาง เอาไว้เพื่อใช้ติดต่องาน ตอบอีเมล์ลูกค้า เพราะผมถือว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าจะต้องทำงานผ่านคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กมันไม่ทันการหรอก จึงออกนโยบายให้เซลล์ใช้มือถือทุกคน พอเรื่องนี้เข้าท่า พี่เขยผมก็เลยขอมือถือไอโฟนสำหรับผู้บริหารด้วยซะเลย เป็นการใช้เงินกงสี แต่ตัวเองได้มือถือรุ่นท็อป...ดีจังนะพี่เขยผมเนี่ย

[คุณบรรจง เอาไอโฟนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาให้คุณอ้อยนะ] ผมส่งไลน์ไปหาหัวหน้าฝ่ายบุคคล ถ้าไม่กำชับก่อนคงได้แต่มือถือธรรมดามาอย่างแน่นอน

             พอมือถือเครื่องใหม่ถูกแกะออก พี่เอกภพก็ทำหน้าเหรอหราเลยครับ เหมือนไม่เคยใช้งานมาก่อน ซึ่งพอถามแล้วก็เป็นไปตามคาด...อายุแกก็ไม่มากนะ แต่ทำไมถึงทำตัวล้าสมัยได้เพียงนี้ หรือแกเพิ่งหลุดมาจากยุคหินกันแน่... ผมเลยตัดสินใจคว้ามือถือมาเอง จัดแจงเปลี่ยนซิมให้ด้วย ยังดีที่ซิมของพี่แกเป็นแบบที่ตัดไว้แล้ว แค่แกะออกมาก็สามารถใส่ในมือถือเครื่องใหม่ได้ ตั้งค่ามือถือไม่ยากหรอก แต่หน้าตาที่ดูตื่นเต้นจนปิดไม่มิดนี่ทำให้ผมนึกขำ... แต่ก็พยายามไม่แสดงออก

“มีอีเมล์มั้ย” ผมถาม เพราะมันต้องใช้ลงทะเบียนกับไอโฟน

“ต้องใช้ด้วยเหรอครับ” อ้าวพี่...หลุดมาจากยุคหินจริงๆใช่ไหม

“อืม” ผมเก๊กเสียง เพราะไม่อยากปล่อยเสียงหัวเราะออกไป ท่าทางของพี่แกมันเหรอหราจนน่าขำจริงๆ

“คือ...” เจ้าตัวเงอะงะ จะบอกแต่ก็ไม่บอก ทำหน้าตาคิดมากจนผมต้องกระตุ้นหน่อย

“เร็วๆ”

“ครับ ครับ อีเมล์ eakkonloryeahyeahอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com ครับ”

“หะ อีกทีซิ” ผมมองใบหน้าพี่เอกภพ ... เข้าใจไหมครับว่าพี่เขาห่างไกลจากคำว่าหล่อไปมากอยู่เหมือนกัน คือ อายุแกเพิ่งจะสามสิบ แต่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ตัวดำหมองเหมือนคนที่ทำงานตากแดดตลอดเวลา ริ้วรอยที่หน้าผากและตีนกาย่นยับไม่เข้ากับชื่ออีเมล์ที่ตั้งแต่แม้น้อย

“เอกคนหล่อเย่เย่แอทฮ็อตเมล์ด็อทคอมครับ” พี่เอกภพทวนอย่างแผ่วเบา ผมที่กลั้นหัวเราะมาตั้งนานก็หลุดสิครับ คือ...ไม่ไหวแล้วโว้ยยย โอ๊ย จะน่ารักไปไหนเนี่ยพี่เอก แบบนี้มันต้องแกล้ง...



             พี่เอกขับรถได้ดีเลยนะครับ แถมยังมาจากบ้านแต่เช้าเพื่อคอยเช็คสภาพรถก่อนออกไปอีกด้วย บ้านผมมีรถหลายคัน เพราะไม่อยากใช้คันเดิมเพราะกลัวว่ารถจะเสีย เลยใช้วนตามที่อยากนั่ง วันนี้พี่เอกเลือกบีเอ็มสีดำขลับตัวใหญ่ คงจะรู้ว่าผมต้องไปร่วมงานประชุมซัพพลายเออร์ เลยจัดชุดใหญ่...

             พี่เอกท่าทางไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทั้งวัน แม้ผมจะทักหรือดุไปแล้ว แต่แกก็ยังเหม่อเหมือนคนคิดมาก ใบหน้าดูหมองเหมือนคนไม่ได้นอน แถมแววตายังเศร้าแปลกๆ จนแกรับโทรศัพท์แค่นั้นแหละ น้ำตาไหลอาบแก้มแถมยังตัวสั่นเหมือนคุมสติไม่ได้อีก ผมเป็นห่วงจัง ห่วงทั้งตัวเองและคนขับ พลางขบคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้พี่เอกอ่อนไหวได้ถึงเพียงนี้ ในเมื่อแกก็ยังโสด ถ้ามีแฟนผมก็ต้องรู้สิ เพราะตัวกินกันมาตลอดช่วงสองสามวันนี้

“เห้ย นาย นายเอก เป็นไร” ผมชะโงกหน้ามาฝั่งคนขับเลยครับ นี่แกร้องไห้ตาแดงไปหมด

“แม่ แม่ผม...” พี่เอกกลั้นสะอื้น แต่ยังห้ามน้ำตาไม่ได้

“แม่เป็นไร นายเอก” ผมเขย่าตัวก่อน อีกนิดจะพ้นสะพานแล้ว ถ้าพี่เอกคุมสติไม่ได้รถกลิ้งตกไปแน่นอน

“แม่ผมผ่าตัด ไม่รู้ น้องผมโทรมาร้องไห้ ไม่รู้ว่า ไม่รู้เหมือนกัน”

“จอดรถ” ผมเข้าใจละ เลยบอกให้แกหยุด แต่เหมือนสติของพี่เอกไม่อยู่กับร่องกับรอยจนผมต้องขึ้นเสียง

“จอด!” ท่าทางคนขับสะดุ้งโหยง

“ลงมา” ผมเปิดประตูฝั่งแกที่ยังนั่งนิ่งเหมือนคนใจลอย ผมเลยต้องกระชากตัวออกมา เพราะคิดว่านาทีนี้ต้องรีบ ใบหน้าเงอะงะนั้นดูงุนงงแต่ก็เดินลงจากรถและทำท่าจะเดินไปริมถนน...คิดอะไรของเค้าวะเนี่ย อย่าบอกนะว่าจะเรียกแท็กซี่ไปน่ะ

“ไปนั่งฝั่งโน้น” ผมรีบเรียก ท่าทางพี่เอกยังเงอะเงิ่นจนน่าหงุดหงิดจนต้องย้ำ “เร็วๆสิชักช้าเดี๋ยวไม่ทันการหรอก” ผมนั่งหลังพวงมาลัยทำไมเก้าอี้มันแคบขนาดนี้วะเนี่ย

“ปรับเบาะสั้นจังวะ” ผมบ่น พลางจัดท่าใหม่ รวมไปถึงกระจกมองหลัง “ไปไหน”

“ครับ” ท่าทางสติของพี่แกยังไม่กลับ

“ผมถามว่าโรงบาลไหน” ผมทำหน้าดุมองไปทางคนที่ร้องไห้อยู่ ใจผมเป๋ไปเลยครับเพราะสงสาร พอพี่เขาบอกผมก็บึ่งรถไปทันที เมื่อถึงโรงพยาบาลก็เกิดอิดออดไม่กล้าไปที่ห้องคนไข้เสียอย่างนั้น ผมทั้งสงสารปนหงุดหงิดใจ เนื่องจากคนที่นั่งตัวสั่นเหมือนยังกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับแม่ของตน จนผมต้องฉุดตัวให้เดินมานี่แหละถึงจะยอมลงรถ แต่ร่างหนาของพี่เอกยังไม่ยอมให้ความร่วมมือ ทำท่าเหมือนจะล้มให้ได้จนผมต้องหิ้วปีก ทีแรกหิ้วแค่แขนซ้าย แต่ตัวพี่แกหนักครับ ถึงแม้จะเตี้ยกว่าผมน่าจะเกือบยี่สิบเซ็นติเมตร แต่หุ่นหนาใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่สามารถหิ้วแขนเดียวได้ ผมเลยช้อนสองแขนเข้าใต้รักแร้แกจากด้านหลังซะเลยตั้งแต่หน้าลิฟต์ จนเกือบถึงห้องคนไข้

“ผมโอเคครับคุณต่อ ปล่อยผมเถอะ” โอเคบ้าอะไรล่ะ

“แข้งขาเปลี้ยขนาดนี้ ปล่อยไปกองกับพื้นหน้าฟาดมาจะขี้เหร่กว่าเก่าอีกนะ”

“แต่คุณต่อแทบอุ้มผมแล้วนะ” จริงๆก็อยากอุ้มนะ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

“ก็เดินดีๆสิ ผมก็หนักนะ”

แกรก.... พอประตูเปิด ผมก็ยืนอยู่แค่นั้น มองไปในห้องแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรน่าห่วง คนไข้ที่เป็นคุณแม่พี่เอกก็นอนอยู่บนเตียง แล้วทำไมแกถึงร้องไห้ขนาดนี้...

....

 “อ๋อ นี่คุณต่อ เจ้านายพี่น่ะ” ผมสะดุ้งจากภวังค์ เพราะใช้สมาธิในการฟังบทสนทนาของพี่น้องคู่นี้

“ห๊ะ” สองแม่ลูกอุทานพร้อมกันอีก “พี่ไปได้งานที่ไหน ตอนไหน”

“นั่นสิ ทำไมไม่เคยบอกแม่”

“แล้วพี่ไม่ขับแท็กซี่ละเหรอ แล้วค่าห้องแม่จะเอาไงล่ะ”

“ใจเย็นๆก๊อนไอ้โท”

“เดี๋ยวผมไปหางานพิเศษทำนะพี่ จะได้ช่วยพี่อีกแรง”

“นี่ไอ้โท กูบอกว่ากูได้งานแล้ว มึงฟังบ้างมั้ยเนี่ย”

“พี่ไปทำงานอะไร วุฒิการศึกษาก็ไม่มี พี่อย่ามาอำ นี่เป็นคุณหมอใหม่แน่ๆเลยใช่มั้ย” คิดแล้วก็ภูมิใจมั้ย น้องชายพี่เอกคิดว่าผมเป็นหมอ... แต่นี่ใช่น้องโทที่เคยเจอกันตอนงานประชุมผู้ปกครองไหมนะ ทำไมน้องถึงจำพี่ไม่ได้ล่ะ พี่ยังสืบเรื่องะพี่เอกจากเราผ่านไอ้ตงอยู่เลย

“สวัสดีครับคุณแม่ ผมต่อพงษ์ครับ เจ้านายพี่เอก” เสียงหล่อๆต้องมา

“ไหว้พระเถอะลูก แล้วทำไมถึงมากับตาเอกได้ล่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีทางผ่านน่ะ เห็นพี่เอกรีบผมเลยถือโอกาสมาเยี่ยมคุณแม่ซะเลย” เรื่องตอบเอาใจเนี่ย ผมถนัดนะ

“โถ พ่อหนุ่ม ขอบใจมากนะ”

“ผมขอโทษด้วยนะครับที่มามือเปล่า เสียมารยาทจัง” ผมยังทำเสียงหลอ่ไม่หยุด

“โอ๊ย ไม่เป็นไรเลยพ่อคุณ” คุณแม่ตอบแบบนี้ แสดงว่าได้ใจผมไปแล้วสินะ

“งั้นเอางี้ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ให้ทางผมรับผิดชอบเองนะครับ” ผมรุกต่อ...อยากทำคะแนนเลย

“ห๊ะ” พี่เอกอุทานเสียงหลง

“ถือว่าเป็นสวัสดิการพนักงาน ไม่ต้องเกรงใจ” ผมตอบเรียบๆ

“คุณต่อ...” พี่เอก อย่าทำเสียงแบบนั้น ผมหวั่นไหว...

“ตั้งใจทำงานละกัน” ผมโน้มตัวมากระซิบคนที่ทำหน้างงสุดชีวิตอยู่ ปกติพี่เอกก็หน้าเอ๋ออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยิ่ง...น่ารัก 

“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ คุณแม่จะได้พักผ่อน” ผมขอตัวลากลับ ทั้งที่ใจจริงอยากอยู่ต่อ แต่ไม่อยากจะให้ใครจับอาการได้ว่ากำลังใจสั่นหูแดงอยู่เมื่ออยู่ใกล้พี่เอก “เจอกันพรุ่งนี้”

“แต่ คุณต่อจะกลับยังไง”

 “รถไง ผมมีรถ”

“แต่...”

“ผมกลับเองได้ นายดูแลแม่เถอะ พรุ่งนี้เจอกัน” ผมไหว้ลาคุณแม่แล้วเดินออกจากห้องอย่างรีบร้อน ถ้าขืนอยู่ใกล้อีกนิด ผมคงตบะแตกคว้าคอพี่เอกมาจูบต่อหน้าแม่แน่ๆ ขายาวผมก้าวฉับๆให้พ้นจากตรงนี้ แต่....

 “คุณต่อ”

“อะไรอีก” โอ๊ย พี่เอก ปล่อยผมไปเถอะนะ แค่วันนี้ผมก็ใจสั่นไปหมดแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นแบบนี้นะ แต่พอเห็นน้ำตา เห็นท่าทางของพี่เท่านั้นแหละ นายต่อพงษ์ถึงขั้น... เอ่อ เขิน

“คือ ผมจะโดนหักเงินวันนี้มั้ยอะครับ” แหมพี่ มีแต่อยากจะเพิ่มเงินเดือนให้

“คิดว่าไงล่ะ” ผมยิ้ม มองหน้าที่เหรอหรานั้น เริ่มรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว ลิฟต์ยังอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ผมรีบจ้ำลงบันไดอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้พี่เอกเห็นว่าตอนนี้ผมหุบยิ้มไม่ได้เลย...บ้าจริง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 18 P.6 @07/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 07-03-2020 18:35:07
อั้ยยยยยยยยยยย น้องต่อ เราอ่ะเป็นเอามากกว่าที่คิดอีกนะ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 18 P.6 @07/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-03-2020 18:39:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว...ทำไมเจ้าโทจำพี่ต่อพี่ของอาตงไม่ได้หล่ะ?
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 18 P.6 @07/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 07-03-2020 18:41:05
:pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว...ทำไมเจ้าโทจำพี่ต่อพี่ของอาตงไม่ได้หล่ะ?


พี่น้องคู่นี้ความจำไม่ค่อยดีครับ
ไอ้โทมันหื่น จำได้แต่สาวๆ 555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 18 P.6 @07/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-03-2020 19:08:03
พี่เอกหนีไม่ได้แล้วแหละ คุณต่อจัดการปูทางไว้แล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 18 P.6 @07/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 07-03-2020 20:43:16
ตัวอักษร สีฟ้า อ่านยากอ่ะ

ไม่รู้ว่าท่านอื่น อ่านยากไหม
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 18 P.6 @07/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-03-2020 23:33:12
บ้าจริง น้องต่อหื่น
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 18 P.6 @07/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 08-03-2020 00:38:27
คุณต่อขี้แกล้งอ่ะ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 18 P.6 @07/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 08-03-2020 12:29:33
มีเรียกมาลา ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 19 P.6 @12/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 12-03-2020 13:55:05
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 19 พี่เอกรู้ตัวไหมว่าตัวเองน่าแกล้งแค่ไหน

   ผมรู้สึกตัวตลอดเวลานะครับตอนที่กลับจากงานแต่งงานของเพื่อน แต่อยากลองทำตัวเมาไม่ได้สติแล้วดูว่าพี่เอกจะอดทนได้มากแค่ไหน และมันก็ผิดคาดครับ ถึงแม้จะบ่นออดๆแอดๆมาตลอดทาง แต่ก็ยังสามารถลากร่างใหญ่ยักษ์ของผมมาจนถึงโซฟาจนได้ ผมเลยได้ใจแกล้งนอนนิ่งๆ ดูซิว่าจะเป็นอย่างไรต่อ ... เมื่อคนตัวโต(แต่ก็ยังเตี้ยกว่าผม)จัดแจงท่านอนแล้วก็นั่งนิ่ง สงสัยจะเหนื่อย เพราะตัวผมก็ไม่ใช่น้อยๆ

“อื้อ น้ำ หิวน้ำ” ผมแกล้งละเมอ ได้ยินเสียงฝีเท้าคนที่นั่งอยู่ไปที่ครัวก่อนจะเอาแก้วมาจ่อปากที่ปิดสนิท ลองดูซิว่าพี่เอกจะทำอย่างไรต่อ

“เปิดปากหน่อยสิครับ” เสียงฝีเท้าวิ่งไปทางห้องครัวเช่นเคย คราวนี้หายไปพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาโดยมีหลอดให้ผมดูด

...จะน่ารักเกินไปแล้ว... พี่เอกรู้มั้ยว่าทำผมหวั่นไหวมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นความเงอะงะ ท่าทางซื่อ(บื้อ)และไม่เคยเกี่ยงงาน แถมไม่เคยเถียงเวลาผมหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียอีก แล้วผมก็แกล้งไอ จนน้ำหกทั่วเลยครับ เสียงคนตื่นอยู่ลนลานอาจจะเพราะกลัวผมดุ ก่อนจะมาถอดเสื้อผมอย่างทุลักทุเล ในท่านั่งคร่อม...

แม่งเอ๊ยยยยยย นี่กะจะยั่วกันใช่ไหมพี่เอก ถ้าหย่อนบั้นท้ายลงมาอีกนิดจะแนบชิดต่อน้อยศิษย์ตื่นตูมใต้กางเกงแล้วนะ...

อื้อออออ สองแขนที่ดึงเสื้อออก ได้กลิ่นบุหรี่อ่อนๆจากลมหายใจพี่เอกในระยะประชิดเลยครับ

มือเย็นเฉียบที่จับเอวผมให้นอนท่าเดิมทำให้ขนลุกซู่เลยครับ

ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

ผมลืมตาขึ้น พี่เอกทำหน้างงเลยครับเมื่อโดนกระพริบตาใส่ ... ทำไมถึงน่ารักได้ขนาดนี้

กระชากตัวลงมาเลยครับ

ตุบ! ตัวพี่เอกล้มทับอย่างจังพร้อมเสียงโวยวายลั่น ผมใช้จมูกโด่งๆของผมไซร้นัวเนียที่ซอกคอเลยครับ สูดกลิ่นหอมหวานเต็มกำลังที่จะทำได้

“ปล่อยก๊อน”

“ม่าย ห้าย ปาย” ผมแกล้งทำเสียงอู้อี้ กลิ่นตัวพี่เอกเหมือนกลิ่นหญ้าแห้งที่ได้รับแสงแดดจนหอมกรุ่น

“ครับๆ” เสียงพี่เอกเบาลงแล้ว

“พ่ออย่าทิ้งต่อนะ แม่อย่าให้ต่อนอนคนเดียวนะ อือ” จริงผมไม่มีดราม่าอะไรในครอบครัวหรอกนะครับ แค่อยากแกล้ง

“ไม่ไปไหนครับ ผมอยู่นี่ นอนนะครับ”

“อื้อ”

จะไปแล้วเหรอ ไม่ยอมนะ ไม่ยอม ต่อพงษ์ยังไม่หนำใจเลย คนโดนแกล้งพยายามลุก... ผมรีบดึงตัวมากอดเลยครับ

“อุ๊บ” คราวนี้จังหวะมันได้ครับ ปากของเราชนกัน ถึงจะเจ็บแต่ก็คุ้ม แกล้งครางในลำคอบดกับริมฝีปากของพี่เอกหน่อย

“อื้อ”

“ย่ะ...อื้อ” แกเหมือนจะร้องห้าม แต่กลายเป็นว่าเปิดช่องให้ผมบุก ลิ้นของผมเลยฉกเข้าไปภายในทันที พี่เอกร้องอู้อี้เลยครับ แต่ขอโทษเถอะ ต่อพงษ์มีเหรอจะยอมพ่ายแพ้ แกจะดันออก ผมก็พันม้วนกวาดความหอมหวานเต็มรัก กลิ่นบุหรี่เจือจางกับลมหายใจหอมกรุ่นฉุดให้ผมดำดิ่งไปกับรสสัมผัส จนกระทั่งร่างที่เคยขัดขืนอ่อนระทวย...ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ พี่เอกขยับริมฝีปากหวานตอบรับแรงฉกทึ้ง ลิ้นของแกเกาะก่ายกับของผมอย่างเงอะเงิ่นราวกับว่ายังไม่ประสาในเรื่องนี้ ยิ่งแกตอบสนองผมก็ยิ่งได้ใจสิครับ กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์จนแข็งขืนจนปวดไปหมด ร่างที่นอนทาบทับผมก็คงไม่ต่างกัน มีเทคนิคอะไรผมอัดลงไปทุกเม็ดจนกลายเป็นว่ารสจูบนี้ได้เติมเต็มความสุขของเราทั้งคู่...

...แล้วผมก็ถูกปล่อยให้ป่วย

เหมือนแกล้งนะ...ผมรู้ว่าพี่เอกแกล้ง...พอแกจะเช็ดตัวให้ ผมก็แกล้งงทำเป็นถอดเสื้อรอ

พอแกเช็ดท่อนบนเสร็จ ทำท่าจะเก็บอุปกรณ์ ผมก็สั่งให้แกเช็ดท่อนล่าง

แกดูตกใจมาก แต่ก็ไม่ขัด ผมยิ้มร่าเลยครับ รีบถอดกางเกงสีน้ำเงินทิ้งไปเลยและวิ่งไปหาบ็อกเซอร์มาใส่ก่อนเอาผ้ามาห่ม...

กางเกงน้ำเงินตัวนั้น ผมตั้งใจถอดกองไว้เพื่อดูอาการพี่เอก...

แกอาจจะเข้าใจว่า ตอนเช็ดท่อนบน ผมเปลือยอก เพราะถอดเสื้อรอก่อน

ได้เวลาเช็ดท่อนล่าง...ผมต้องเปลือยหมดรอแกแน่ๆ

แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะแกมือไม้สั่นเลยครับ สั่นมากด้วย แถมยังหลับตาอีกด้วย

โอ๊ย พี่เอก...พี่จะทำตัวให้น่าแกล้งไหนเนี่ย!!!



             เดิมที่บริษัทผมก็จัดงานสัมนาที่ออฟฟิศนั่นแหละครับ เพราะพื้นที่โรงงานของเรากว้างขวาง จัดทีละมุมก็ได้หลายรอบ แต่เพราะว่าผมอยากเปลี่ยนบรรยากาศ อยากพาพี่เอกที่น่ารักน่าแกล้งของผมไปที่อื่นบ้าง ผมจัดแจงเหมาสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเพื่อสร้างความประทับใจ แต่ก่อนอื่นก็ต้องเริ่มจากการแกล้งให้มาทาครีมกันแดดให้ผมก่อน

             ปกติแล้วผมไม่ชอบความร้อน ไม่ใช่เพราะกลัวผิวคล้ำหรืออะไร แต่ผมเป็นคนเหงื่อออกง่าย และมันเหนียวคันตัวจนน่ารำคาญ แต่งานนี้เมื่อบังคับให้พี่เอกใส่กางเกงในตัวเดียวได้ มีเหรอที่ผมจะไม่ยอมลงทุนเหม็นเหงื่อตัวเองที่ไหลอาบ ปล่อยเวลาผ่านไปสักพัก พี่เอกที่ยกแก้วบลูฮาวายดื่มแทบสิบแก้วก็นิ่ง นอนพิงที่ขอบสระ ท่าทางจะเมามาก เพราะผมขอให้ทางบาร์เทนเดอร์จัดแอลกอฮอล์เป็นสองเท่าของแก้วปกติ...

             ผมเดินไปดูร่างใหญ่ที่หลับตานอนแช่ในสระเด็ก ศีรษะพี่เอกร่นลงจนเกือบจะหลุดลงไปใต้น้ำ ผมรีบคว้าร่างนั้นไว้ แต่ตัวเองดันตกลงไปอยู่หว่างขาพี่เอกจนเปียกไปหมด

“อื้ออออ” ทำไมจังหวะมันดีจังวะ ผมมองอกแกร่งที่กระชับแน่นจากการพาไปออกกำลังกายแล้วใจหวิว ใจที่อยากแกล้งชนะแน่นอน แต่กลับอยากทำมากกว่าแค่แกล้งแล้ว ผมลองปลุกก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ท่าทางจะเมาจริงๆ

             ในหัวผมน่ะคิดอกุศลกับพี่เอกมาสักพักแล้วครับ ตั้งแต่วันที่ผมแกล้งเมาแล้วจูบแกก็ครั้งหนึ่งละ ครั้งนี้ผมก็หักห้ามใจตัวเองไม่ได้เช่นเคย มือใหญ่ของผมลูบไล้ไปตามตัวที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ร่างใหญ่สั่นสะท้านเพราะตอบสนองกับสัมผัสแผ่วเบานี้จนผมยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าทางสะดวก...แน่สิ ผมเหมาชั้นนี้แล้วนี่นา...ผมก็ดึงกางเกงในตัวจิ๋วพี่เอกลงมา ขนดกดำที่ปกคลุมเอกน้อยที่นอนนิ่งนั้นช่างเย้ายวน นิ้วยาวเรียวไล้ลูบก่อนจะปั่นป่วนให้มันชูชันจนเต็มกำลัง...

...ผมไม่เคยใช้ปากกับใครมาก่อน แต่เรื่องอย่างว่าผมก็ผ่านมาไม่น้อย มีเหรอผมจะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

             กลิ่นสาปเจือจางโชยแตะจมูก ผมดอมดมอย่างไม่รังเกียจ ดูดเฟ้นที่ส่วนปลายอย่างรักใคร่จนคนนอนนิ่งสั่นตัวตามด้วยความเสียว เสียงครางอื้ออึงอย่างพึงพอใจทำให้ผมย่ามใจ ครอบครองดุ้นแข็งนั้นจนสุดลำ รูดคลึงเข้าออกเป็นจังหวะจนกระทั่งพี่เอกกระตุกตัวผมรีบถอนริมฝีปากออก ให้ของเหลวพุ่งตกที่กางเกงในสีเข้มนั้น...

แล้วผมก็ช้อนร่างแกอุ้มลงมาที่ห้อง ในสภาพเมามาย...กาเกงในเปียกโชกที่เลอะคราบยังอยู่ อยากแกล้งแกมากขึ้นไปอีก...

แล้วพวกเราก็นอนหลับโดยที่มีผมกอดร่างใหญ่นั้นไว้อย่างอ่อนเพลีย...



             ผมใจจะขาด หวาดหวั่นใจจนแทบคลั่งเมื่อเห็นใบหน้าไร้ความสุขของพี่เอกเดินหายไปจากงานเลี้ยง ปกติผมไม่เคยปล่อยให้แกคลาดสายตาไปได้ แต่ครั้งนี้เหมือนกับว่าแกตั้งใจจะหลบเลี่ยงจากตรงนี้ คล้ายกับว่าจะหนีไปตลอดกาล...คิดไปได้นะผมน่ะ แต่ผมกลัวจริงๆนะครับ ว่าพี่เอกจะโกรธที่ผมคอยแกล้ง จนยอมลาออกจากงานและเราจะไม่ได้เจอกันอีก

             นายต่อพงษ์ผู้ไม่เคยวิ่งตามใครก็ลนลานตามหา ยังโชคดีที่พี่เอกตัวสูงใหญ่และเดินไม่เร็วนัก ผมเลยเห็นหลังไวๆที่ชายหาด งานนี้พอเคลียร์ได้ผมก็จับแกจูบอีกครั้ง...ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแกสมยอมหรือเพราะไม่ทันตั้งตัว แต่รสจูบมันก็หวานวาบหวามสุดๆไปเลย...





#ขออภัยที่หายไปหลายวัน...พอดีไรต์ป่วยนะครับ เลยไม่ได้เข้ามาเลย

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 19 P.6 @12/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-03-2020 15:11:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

Take care นะครับ 

ยิ่งมาป่วยในสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้แล้วด้วย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 19 P.6 @12/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 12-03-2020 19:42:24
กรี้ดดดดดด ชั้นว่าแล้วอินังน้องต่อพงษ์ต้องเจ้าแผนการ เหมาชั้นสระว่ายน้ำว่าเล่นใหญ่แล้ว นี่สั่งแอลฯสองเท่าเลยจ้าาาา  ก็คือวันนั้นมันต้องได้มากกว่าจูบอ่ะ :hao7:

คุณนักเขียนพักพ่อนเยอะๆนะ ดูแลสุขภาพด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 19 P.6 @12/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 12-03-2020 20:09:25
ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะ

สุขภาพของพี่เอก อีกคนด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 19 P.6 @12/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-03-2020 20:12:41
ลุ้นจะแย่
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 19 P.6 @12/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-03-2020 11:38:02
โดนแกล้งอีกละ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 19 P.6 @12/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-03-2020 11:52:50
ลุงเอก ไร้เดียงสามั๊กๆ รู้อีกด้านของน้องต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 19 P.6 @12/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 13-03-2020 13:12:13
น้องต่อร้ายยยย แกล้งได้แกล้งดี พอลุงหงอยๆนี่ลนลานเลย โอ้ยยย หลงลุงหัวปักหัวปำขนาดนั้นก็จับลุงกินๆไปเลยเถอะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 19 P.6 @12/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-03-2020 00:42:59
  :L2: ขอให้หายป่วยและมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคร้ายทั้งปวงนะครับ :L2:

...............................

 o13 :pig4: :pig4: :pig4: o13
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-03-2020 16:00:28
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 20 ข่าวลือของเจ้านายไม่เคยพ้นสองหูของลูกน้องหรอกครับ

             ผมนั่งตัวลีบที่ห้องครัวออฟฟิศเพราะบรรยากาศการพูดคุยอย่างออกรสของสาวๆเกี่ยวกับผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนใหม่นั้นไม่มีที่ให้ผมแทรกได้เลย จังหวะนี้ผมนั่งด้านในสุด และทุกคนต่างก็พากันมาออปิดทางออกจนผมหนีไปไหนไม่ได้ ได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆฟังเรื่องเม้ามอยของพวกเธอ

“นี่ๆๆๆๆ รู้มัยว่าผจก.การตลาดคนใหม่น่ะเรียนจบจากอเมริกาที่เดียวกับคุณต่อ”

“จริงดิ” คนที่เหลือส่งเสียงฮือฮา

“ได้ข่าวว่าสนิทกันมากด้วยนะ ไม่งั้นคุณต่อไม่รับมาทำงานหรอก เห็นว่าเพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ”

“เห็นว่าคุณต่อกับคุณกรซี้ปึ๊กเลย แกดูในเฟสบุ๊กคุณกรสิ ลงรูปคู่ไว้ด้วย” เสียงกรี๊ดกร๊าดดังกระหึ่มเมื่อใครสักคนเปิดโปรแกรมดังมา

“โห หล่อทั้งคู่เลย กินกันไม่ลงจริงๆ”

“แล้วผู้หญิงสองคนนี่ใครเนี่ย”

“ไม่รู้ว่ะแก หรือจะเป็นแฟนคนต่อกับคุณกร ไม่มีแท็กชื่อด้วย” ผมหันขวับเมื่อได้ยินคำว่าแฟน...นั่นสินะ คุณต่อออกจะดีเลิศขนาดนี้ มีแฟนแล้วก็ไม่เห็นจะแปลก

“ว้า อดเผือกเลยสินะ”

“ว่าแต่ทำไมเราไม่เคยเห็นแฟนคุณต่อนะ”

“นั่นสิ”

“พวกแกคิดว่าคนไหนคือแฟนคุณต่อ”

“ฮึ ฮึ่ม” เสียงกระแอมไอดังมาจากประตูห้องครัว วงสนทนาแตกฮือสิครับ เมื่อคุณกรเดช ผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนใหม่เข้ามาในห้องเพื่อเติมกาแฟ... บริษัทนี้ถ้าไม่ใช่ตำแหน่ง ผอ.ขึ้นไปก็ไม่มีเลขาส่วนตัวครับ ผมลอบมองคุณกรอย่างเงียบเชียบ หน้าตาหล่อคมคายนั้นผิดแผกจากคุณต่อมาก เพราะอีกฝ่ายคือหล่อขาวใสสไตล์คนจีนไปเลย

“มองผมขนาดนี้ ผมก็เขินนะครับ”

“อุ่ย ขอโทษครับ” น้ำเสียงเป็นมิตรแซวจนผมสะดุ้ง

“นี่ใช่คนขับรถส่วนตัวไอ้ต่อรึเปล่าครับ”

“ใช่ครับ” สายตาที่เขามองมานั้นแปลกๆ เหมือนจะประเมินผมหรือไม่ก็ออกแนวสนใจ มันแยกไม่ออก แต่คงไม่น่าจะใช่อย่างหลัง เนื่องจากคุณกรนั้นดูมาดแมนเกินกว่าจะมาตกหลุมพลางผม(ที่ผมยังไม่รู้เลยว่าไปขุดไว้ตอนไหน)

“บอกไอ้ต่อนะครับว่า....รักษาไว้ดีๆ” หนุ่มหล่อยิ้ม ยิ้มมีเลศนัย “ไม่อย่างนั้นจะโดนแย่งนะครับ”

ผมขนลุกวาบ...แย่ง แย่งอะไร แย่งใคร...



“ฮ่าๆๆๆๆๆ” คุณต่อหัวเราะร่วนเลยครับเมื่อผมเล่าให้ฟัง... ตอนนี้เจ้านายหนุ่มเลื่อนมานั่งข้างๆผมแล้วครับตอนขับรถไปไหนมาไหน มันเกิดขึ้นมาหลังจากวันเกิดคุณตงฉิน เหมือนกับว่าพอบอกความในใจปุ๊บก็รุกหนักขึ้นอีกขั้น... “อย่างไอ้กรน่ะนะจะทำอะไรได้”

“คุณต่อ มันไม่ตลกนะครับ”

“พี่เอกครับ ไม่ต้องห่วง ระดับนี้แล้ว ผมไม่กลับไปแน่ๆ”

“ห๊ะ คุณต่อหมายความว่ายังไงครับ”

“ก็หมายความว่า...ตอนนี้ผมเดินหน้าจีบพี่เอกอยู่ ไม่คิดจะรีเทิร์นกับไอ้กรมันหรอกครับ”

... ชิบหาย...หน้าแตกสิครับ เข้าใจผิดคิดว่าคุณกรจะชิงตัวผม แต่ประโยคกำกวมนั้นคือคำเตือนที่ส่งมาให้ผม

ระวังจะโดนแย่งคุณต่อกลับไป... เอาไปเลย รีบมาเอาไปเลย ผมยกให้

“พี่เอก พี่เอก!” ผมสะดุ้งเฮือกเลยครับ “ใจลอยไปไหนครับเนี่ย จะเลยทางเข้าหมู่บ้านแล้ว”

“โอ๊ะ ผมคิดไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ ขอโทษครับ”

“คิดเรื่องผมรึเปล่าครับ” นั่นไงสายตาเจ้าชู้... ไม่เบื่อรึไงครับที่มาอ่อยผมเนี่ย

“อะ เอ่อ”

“เข้าบ้านเถอะ ผมหิวแล้ว” ประตูหน้าบ้านเปิดให้ผมเคลื่อนรถเข้าไป ก่อนที่ความเงียบสนิทจะเข้ามาแทนที่จนผมอึดอัด

“พี่เอก”

“คะ ครับ”

“กอดหน่อยสิ”

“อ๊ะ” นั่นไง ยังไม่ทันตอบ ร่างใหญ่คว้าไปกอดหมับเลยจ้า...กว่าจะปล่อยก็รัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

             สถานะของผมกับเจ้านายหนุ่มตอนนี้ไม่ได้คืบหน้าไปไหน เพราะตั้งแต่งานวันเกิดของน้องชายแก ผมก็ยังไม่ได้มีทีท่าว่าจะตอบรับและก็ไม่ได้ปฏิเสธ ... ผมไม่โกหกหรอกว่าไม่หวั่นไหว ... ผมหวั่นไหวมาก แต่ก็ผสมผสานกับความไม่มั่นใจที่คอยกดทับ ประเด็นเรื่องเพศเดียวกันนี่ยังติดใจอยู่ไม่น้อย แต่อีกคนนี่บอกชัดเจนแล้วว่าชอบเอกภพ...แถมยังรับแฟนเก่าเข้ามาทำงานที่บริษัทอีกด้วย ประเด็นต่อมาคือฐานะและพ่วงด้วยการศึกษา... ใครบ้างล่ะจะมองข้าม เมื่อเอามาเทียบกันนี่ผมสุดแสนต่ำต้อย ในขณะที่อีกคนนั้นเหมือนเดือนสุกสว่างบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ... เลี่ยนว่ะ

“พี่เอก คิดอะไรเนี่ย” ผมคงใจลอยเพลินไปหน่อย

“เปล่าครับ”

“เรื่องที่ผมให้พี่เอกคิด ได้คำตอบรึยังครับ”

“เอ่อ” ตายละหว่า ผมลืมเสียสนิทเลย

“พี่เอก อย่าทำเหมือนมันเป็นเรื่องล้อเล่นสิครับ” เสียงตำหนินั้นบอกชัดว่าไม่พอใจ

“ผมขอโทษ” ตอนโดนดุนี่ใจแป้วไปเลยครับ

“นี่คืออนาคตของพี่เองนะครับ”

“ตะ แต่...”

“ไม่มีแต่ เรื่องอายุไม่ต้องห่วง ไม่เป็นปัญหา มันอยู่ที่ใจพี่ล้วนๆเลย”

ผมกลืนน้ำลาย สบตาคู่แกร่งนั้นอย่างเว้าวอน “คุณต่อครับ...”

“พี่เอก ผมไม่ต่อเวลาให้พี่แล้วนะ”

“โธ่...” ผมประท้วง

“เลือกมาว่าจะเรียนคณะอะไร จะได้รีบไปลงทะเบียน” ผมกุมขมับ...นับตั้งแต่จบชั้นม.6 มาจนถึงตอนนี้ก็ 12 ปีแล้วครับ เจ้านายหนุ่มดันเกิดปิ๊งไอเดียจะให้ผมเรียนต่อระดับปริญญาตรีจากมหาลัยเปิดที่ยังพอเปิดรับคนอายุระดับนี้ แถมยังไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนที่มหาลัยด้วย...แค่อ่านหนังสือแล้วไปสอบ ... ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเจ้านายหนุ่มทุ่มไม่อั้น

...แต่ติดที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรนี่สิ....

เครียดจนต้องหนีออกมาสูบบุหรี่ที่หลังบ้าน ยุงชุกชุมไม่เปลี่ยนแปลง

“พี่เอก จะตากยุงอีกนานมั้ย” เสียงเจ้านายหนุ่มเรียก ผมรีบดับก้นบุหรี่และเดินกลับเข้าไปในบ้าน

             บ้านคุณต่อมีห้องทั้งหมดสามห้อง เป็นห้องพระแล้วหนึ่ง อีกห้องเป็นห้องเก็บของที่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา โมเดลของเล่นและของสะสมอื่นๆจนไม่มีที่นอน ช่วงแรกผมนอนที่โซฟาด้านล่าง แต่ก็ถูกบังคับให้มานอนร่วมห้องกับเจ้านายหนุ่มตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

จากที่นอนข้างล่าง...ก็ถูกอุ้มมานอนบนเตียง

จากที่นอนคนละฝั่ง...ก็ถูกฉุดไปอยู่ในอ้อมกอด

เป็นอย่างนี้ร่วมเดือนแล้วครับ จนผมชินไปเอง...

“รีบไปอาบน้ำ หรือจะให้ผมอาบให้”

“ผมอาบเองดีกว่าครับ” ตอบเสร็จก็พุ่งเข้าห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นเจ้านายหนุ่มตามมาแน่ๆ ถึงแม้เขาจะเห็นอะไรต่อมิอะไรผมหมดแล้ว แถมยังเลยเถิดไปแทบกู่ไม่กลับตั้งแต่พัทยา แต่ผมก็ยังคอยระวังตัวอยู่นะ...ไม่ยอมเผลอง่ายๆหรอก

“ผมเปียกน่ะ ทำไมไม่รู้จักเช็ดให้แห้ง” นั่นไง บ่นอีกละ

“มานี่” เจ้านายหนุ่มตบที่นอนแปะๆให้ย้ายไปนั่งข้างๆ ไดร์เป่าผมสีดำขนาดใหญ่ที่เสียบสายไฟทิ้งไว้ยาวระเกะระกะถูกเปิดให้ลมเย็นปะทะเส้นผมที่ยังหมาด มือใหญ่ยีไปมาให้ไอเย็นไปได้ทั่งถึง คุณต่อเป่าผมให้แทบทุกคืนก็ว่าได้ คืนไหนถ้าทำเองก็จะงอนจนผมต้องกลายเป็นฝ่ายง้อแบบงงตัวเองเช่นกัน

“หอมจัง” นั่นไง จุ๊บหัวอีกละ เชื่อมั้ยว่า “อุ๊บ” ประกบปากอีกแล้วจ้า

“อื้อ” บดเข้าไป บดเข้าไป จูบผมทุกวันไม่เบื่อเหรอครับคุณต่อ แถมยังควานลิ้นจนหายใจขัดไปหมด จากที่เคยขัดขืนก็ปล่อยให้แกทำตามใจต้องการไปเลย ร่างกายของผมอ่อนระทวยอย่างน่าประหลาด มือใหญ่ผลักให้นอนลงอย่างเชื่องช้า แววตาหวานเยิ้มกับรสจูบที่เร่าร้อนทำให้ใจไอ้เอกภพเตลิดเปิดเปิง ลมหายใจหอบถี่รุนแรงขึ้นเมื่อใบหน้าหล่อเปลี่ยนเป็นโลมเลียเรือนร่างผมอย่างคุ้นเคย ความซ่านเสียวนี่ทำให้หมดทางต่อต้าน ลิ้นใหญ่เลียวนที่หัวนมก่อนขบทึ้งแผ่วเบา

“อ๊า” ผมร้องลั่นสิครับ มันเสียวจนแทบคลั่ง...

“พี่เอก”

“ครับ” ผมยังหอบตัวโยน

“เป็นของผมนะครับ” คุณต่อเว้าวอน...

“มะ ไม่ อา” ผมยังใจแข็ง แต่ยิ่งนานวันหินผาที่กล้าแกร่งเริ่มผุกร่อนไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ใช่วันนี้ ปากกว้างครอบท่อนเนื้อผมจนดิ้นพล่าน ความกระสันถูปปลุกปั่นจนต้องทึ้งผมหนานุ่มของเขาอย่างลืมตัว ทอดกายทอดใจให้ล่องลอยไปกับรสรักที่แสนเย้ายวนดุจขี้ผึ้งที่โดนไฟร้อนเร่าเผาไหม้ให้หลอมละลาย...





ไม่ได้หายไปไหนนะครับ ช่วงนี้ยุ่งๆเพราะเตรียมรับมือกับ COVID-19 อยู่

ไรต์ยังปลอดภัยไม่ติดเชื้อเด้อ จะทะยอยมาอัพเดตนิยายบ่อยๆน้าาาาา

ปล.วันนี้วันเกิดไรต์นะครับฝากอวยพรโดยการแชร์นิยายไรต์ไปเยอะๆนะครับ

ขอบคุณครับ ^_^
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 21-03-2020 16:24:28
เล้าโลมสร้างความคุ้นชินแบบสุดๆไปเลยจ้าแม่ รอเวลาเขมือบ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

สุขสันต์วันเกิดจ้า ขอให้คุณนักเขียนสุขภาพแข็งแรง ห่างไกลโควิท นิยายปังๆๆจ้า :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 21-03-2020 16:32:14
เล้าเป็ดรณรงค์ให้ใช้เรียก นักเขียน นักอ่าน แทน ไรท์เตอร์ รีดเตอร์

เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเวบ

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-03-2020 17:02:47
เรียนบริหารเลยพี่เอก จะได้ช่วยคุณต่อทำงาน

สุขสันต์วันคลายวันเกิดนักเขียนด้วยนะครับ มีความสุขมากมาย สุขภาพกายแข็งแรง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-03-2020 18:47:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

และ

Happy Birthday นะครับ
มีความสุข ร่างกายแข็งแรง ปลอดภัยจากโคขวิดสิบเก้า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 21-03-2020 20:01:32
H B D และสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจาก COVID-19 นะ



หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-03-2020 21:46:46
ขอให้ไรต์สุขภาพแข็งแรง ปลอดจากเชื้อ Covid 19
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-03-2020 22:13:02
สุขสันต์วันเกิดคุณนักเขียนค่ะ. ขอให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดโควิด19 มีความสุขมากๆ นะคะ.  :L2:

ส่วนพี่เอกน้านนน ให้คุณต่อตะล่อม รอจับกินต่อไปจ๊ะ.
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 22-03-2020 16:03:58
เช็ดผมก่อน
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-03-2020 10:47:24
น้องต่อ รัก และหลง พร้อม ทนุถนอม ลุงเอกมากๆๆ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 20 P.6 @21/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 25-03-2020 12:59:52
โอ้ยย ลุงเอกเสียผีทุกคืนเด่วก็เสียตัว  :laugh:

HBD ขอให้คุณนักเขียนมีความสุขมากๆ สุขภาพเเข็งแรง ปลอดภัยจากโควิดค่าาาา  :L2:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 25-03-2020 14:56:44
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 21 เจ้าของเก่าจะมาเอาคืนไป...

             หลังๆผมจับสังเกตได้ ว่าคุณกร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนใหม่ติดรถกลับบ้านพร้อมเจ้านายหนุ่มเป็นประจำ และหลายครั้งที่ผมจะต้องขับรถวนไปรับที่บ้านแถวบางนาด้วย เพราะเจ้านายหนุ่มบอกว่าเป็นทางผ่าน... ท่าทางของทั้งคู่เวลาอยู่ด้วยกันมันช่างผ่อนคลายและดูเหมาะสมกันอย่างที่สุด ใบหน้าคนหนึ่งหล่อคม อีกคนหนึ่งก็หล่อใส อยู่ด้วยกันแล้วเหมือนพลังหยินหยางแผ่ออกมาให้คนนอกเข้าไม่ถึง ... คนนอกก็หมายถึงตัวผมเอง

             ถึงจะรู้มาแล้วว่าทั้งคู่เคยคบกันตอนที่อยู่อเมริกา แถมเจ้านายหนุ่มก็ยืนยันว่าไม่คิดจะกลับไป แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าจะไม่มีใครหวั่นไหว ... ผมคิดมากถึงขั้นทึ้งหัวตัวเองเลยครับ แต่เป็นเรื่องที่ว่า...ทำไมในหัวผมต้องคิดเรื่องของเจ้านายหนุ่มกับคุณกรด้วย...ไม่ใช่เรื่องที่ว่าคุณกรจะกลับมาคืนดีกับคุณต่อนะครับ

“พี่หึง” ไอ้โทให้คำตอบตอนที่เจอกันครั้งล่าสุด รายนั้นเชียร์คุณต่อขาดใจเลยครับ แถมแม่ยังเห็นดีเห็นงามอีกต่างหาก...ช่วยเห็นว่าผมเป็นผู้ชายหน่อยเถอะ

“เปล่า”

“ปากแข็ง” นั่นไง โดนละ “พี่เอกคิดว่าการที่พี่ไปค้างที่บ้านพี่ต่อทุกคืนๆเนี่ย จะไม่หวั่นไหว”

“ไม่โว้ย”

“พี่แน่ใจเหรอว่าพี่ต่อไม่ได้ทำอะไรพี่ไปแล้ว”

“ส้นตีนสิ” ผมแจกคำด่าให้เป็นชุด ไอ้น้องชายตัวดีมันพูดเหมือนเกาะใต้เตียงบ้านคุณต่อพงษ์อย่างงั้นแหละ

“ถ้าไม่หึง ถ้าไม่หวั่นไหว ไม่มีอะไรจริงๆ พี่หน้าแดงทำไม”

“ก็กู...”

“ถ้าไม่รู้สึกดีกับพี่ต่อไปแล้ว พี่จะคิดมากเรื่องนี้ทำไม” ผ่าม ผ่าม ผ่าม

“ถ้ากูรู้กูจะปรึกษามึงมั้ย ไอ้น้องเวร”

“ง่ายๆเลยพี่เอก” มันทำหน้ายียวน

“อะไร”

“พี่ชอบพี่ต่ออย่างจังแล้วล่ะ แค่ยังไม่ยอมรับเฉยๆ” แล้วมันก็ยิ้มแป้นจนอยากจะถีบ

ชอบเหรอ....อื้อออออ ก็ไม่ได้รังเกียจที่โดนกอด หอม จูบแล้วนะ

....โอ๊ยยยยยยยยยยยยย ทำไมต้องคิดมากเรื่องนี้ด้วยวะ

คุณต่อพงษ์มีดีอะไรให้ไอ้เอกภพต้องหวั่นไหว เปลี่ยนรสนิยมทางเพศไปชอบได้

หนึ่ง...หล่อ

สอง...หุ่นดี

สาม...รวย

สี่...หน้าที่การงานดี

ห้า...มีการศึกษา

หก...มีอนาคต

เจ็ด...จูบเก่ง

โว้ยยยยยยยยยยย ข้อ 7 ไม่ต้องโผล่มาก็ได้นะ

“เป็นอะไรพี่เอก ทำไมหน้าแดงๆ ไม่สบายรึเปล่าครับ” ตัดภาพมาในรถ... เสียงนุ่มทักมาจนผมยิ้มแหย เมื่อไหร่ที่คุณกรมาด้วย เจ้านายหนุ่มก็จะกลับไปนั่งด้านหลังแทน

“ไม่เป็นไรครับคุณกร มันร้อนๆน่ะครับ” ผมมองเลขอุณหภูมิ 21 องศา... มึงหาข้อแก้ตัวที่ดีกว่านี้ไม่ได้รึไง

“ครับ ร้อนก็ร้อน” น้ำเสียงนั้นดูเหมือนจะแซว ก่อนหันไปคุยกับเจ้านายหนุ่มต่อ

“เออต่อ...พรุ่งนี้วีณาจะเปิดร้านใหม่ นายสนใจไปประเดิมมั้ย”

“เห้ย จริงดิ ทำไมเปิดแล้วไม่ยอมบอกกล่าวกันเลยวะ”

“บอกแล้วนี่ไง บอกผ่านเรานี่แหละ เห็นว่าทำงานด้วยกันเลยโทรมาชวนทั้งคู่”

“อืม พรุ่งนี้เย็นยังว่างนะ” เจ้านายผมดูตารางการทำงานในมือถือ

“ดีเลย งั้นพรุ่งนี้เราติดรถนายไปนะ”

“ได้สิ” คุณต่อตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน...ถ่านไฟเก่าสินะ

ทำไมหูผมร้อนได้ขนาดนี้...

“พี่มั่นใจแค่ไหนว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณต่อ”

“ร้อยเปอร์เซ็นต์” ผมนึกเรื่องที่คุยกับน้องชายวันนั้นต่อ

“แน่จั๊ย” เสียงจะสูงไปมั้ย

“มึงถามแบบนี้ จะทำลายความมั่นใจกูรึไง”

“ก็เสียงพี่ไม่หนักแน่นอะ” ไอ้น้องเวร สรุปใครเป็นพี่ใครเป็นน้องวะเนี่ย “เอางี้ พี่ต้องพิสูจน์สิ ว่าไม่ได้ชอบพี่ต่อ”

“ยังไงวะ”

“ก็...ซุบซิบๆๆๆ” มันมากระซิบข้างหู

“เชี่ย เปลืองตัง”

“โหยพี่ รับรองเด็ด ขาวๆหมวยๆสไตล์ที่ชอบเลย ไม่เกินสามพันรวมค่าห้อง เดี๋ยวผมส่งโลเคชั่นให้ในไลน์”

“แล้วนี่มึง...” กลายเป็นว่าผมเอ็ดตะโรมันเรื่องที่แอบไปตีหม้อแทนซะแล้ว

             วันนี้เรามีประชุมกับลูกค้าแถวพญาไท ผมเลยส่งเจ้านายหนุ่มก่อน และเช่นเคย ต้องไปส่งแฟนเก่าของเขาด้วย...ทุกทีขับรถมาเองได้ แต่ตอนนี้ง่อยเปลี้ยเสียขารึไง ถึงต้องการให้มีคนขับรถไปส่ง...ต้องลงทางด่วนที่นานา ส่งเจ้านายเข้าบ้านและขับวนไปส่งคุณกรที่บางนาต่ออีก....ใกล้กันจริงๆ ... ผมไม่ได้ไม่พอใจนะครับ แต่อารมณ์เสียเพราะรถติดเฉยๆ

ติ๊ง!

เสียงไลน์ดังขึ้น ได้จังหวะพอดีที่รถติด เลยมีโอกาสเอามาอ่าน ... ข้อความจากน้องชายผมครับ

‘รวมน้องหนูเด็ดๆ ใต้ทางด่วน xxx’ โอ้โห กับการเรียนมึงขยันแบบนี้มั้ยเนี่ย เอาไงดีวะ ส่งคุณกรแล้วทางสะดวก จะลองไปหน่อยดีมั้ย จะได้รู้ไปเลยว่าหมู่หรือจ่า ... กลับช้าหน่อย เจ้านายหนุ่มไม่ว่าอะไรหรอก อ้างรถติดไปก็ได้

...ผมพารถหรูไปตามแผนที่นำทาง โดยมีปลายทางเป็นหมุดที่น้องชายผมปักไว้ให้

             ต่อพงษ์อาบน้ำเสร็จทันทีหลังจากกลับถึงบ้าน ชั่วอึดใจก็ได้รับข้อความจากเพื่อนร่วมงานว่าถึงบ้านแล้ว... แต่ข้อมูลในจีพีเอสติดรถยนต์บอกว่าคนขับไม่ได้มุ่งตรงกลับบ้าน....

“ไปไหน” เจ้าตัวคิดก่อนจะเปิดแม็คบุ๊กเพื่อเทียบแผนที่บนหน้าจอ
“หืม...”




             ห้องนอนที่โรงแรมแถวนี้ถือว่าดีกว่าที่คิดแถมราคาไม่แพง ผมเลือกน้องหนูคนที่ตรงสเป๊กที่สุดมาเลยครับ ขาว นมใหญ่ หุ่นดี เสียดายที่ไม่ค่อยสวย แต่ก็พอทดแทนสิ่งที่จะได้มาได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่จะทำอะไรแบบนี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีความคิดที่จะมาปลดปล่อยกับคนแปลกหน้า เหตุผลหลักคือ ไม่มีเงิน...

             น้องหนูเข้าไปอาบน้ำก่อน ผมลูบกล่องถุงยางอนามัยในกระเป๋ากางเกงอย่างตื่นเต้น เอาวะ...เพื่อความมั่นใจ ไม่ลองไม่รู้ หลังจากน้องหนูออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพผ้าขนหนูพันตัวผืนเดียว อกใหญ่กระเพื่อมแทบปิดไม่มิด ผมลิงโลดเลยครับที่พลังงานบางอย่างของผมมันยังใช้งานได้ดี

“เสี่ยไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยมาสนุกกัน” อื้อ เสียงน้องยั่วใจพี่มากบอกเลย ผมทำตามอย่างว่าง่าย ขัดทุกซอกทุกมุมอย่างหมดจด... ทั้งหมดทั้งมวลใช้เวลาไม่นานครับ แต่ก็คิดว่าสะอาดปราศจากกลิ่น

ไฟดับ?

“ทำไมมืดจังเลยในนี้” ผ้าม่านของโรงแรมเป็นแบบหนาพิเศษ เมื่อปิดไฟแล้วเลยมืดไปหมดเลยครับ สายตายังปรับสภาพไม่ได้

“ก็หนูอยากทำให้ป๋าตื่นเต้น ฮิฮิ” แหมมม เสียงหัวเราะยังเซ็กซี่เลย มึงเอ๊ยยยยย... ผมเดินไปตามเสียงของน้องหนู ล้มตัวลงบนเตียงนัวเนียเรือนร่างเนียนแน่นอย่างหื่นกาม

“อื้อ” ครางสิครับ เมื่อโดนน้องหนูสอนเชิง น้องชายผมนี่โดนงับจนสุดโคนเลย คอลึกนะเรา...

“อ๊า” ผมนี่เสียวไปหมดเลยครับ เมื่อน้องลูบแผ่นหลังผมไปด้วย แต่เอ๊ะ...ทำไมมือน้องมันสากๆ

“อื้ออออ” ริมฝีปากน้องดูดที่ซอกคอจนผมตัวสั่น แถมยังเลียหลังหู ส่วนที่ผมอ่อนไหวที่สุดอีกด้วย น้องหนูนี่รู้งานจริงๆ

....
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 25-03-2020 15:04:26
คะ คะ ค้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-03-2020 18:37:54
จะตัดจบตอนแบบนี้ไม่ได้นะครับ ... ได้โปรด :call:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 25-03-2020 20:08:16
จบตอนแบบนี้

ยอมติดเครดิตบูโร ดีกว่า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 25-03-2020 21:18:21
มาต่อด่วนค่าาาาา เลือดเดินไม่สะดวกเลย :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 25-03-2020 22:34:29
สงสัยโดนดัดหลังแล้วแหละ ขนาดมีจีพีเอสติดรถขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-03-2020 22:45:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

สงสัยมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเกิดขึ้นนะ

ใช่ป่ะ คุณต่อพงษ์  อิอิ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-03-2020 07:28:22
อ้าว....พี่เอก ท่าจะโดนเล่นซะแล้ว.  :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-03-2020 19:02:20
น้องต่อ ได้อารมณ์ ม่านรูด เนอะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 21 P.7 @25/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-03-2020 09:46:14
มือน้องสากๆ ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-03-2020 18:53:14
หนี COVID-19 มาอ่านนิยายฟินๆกันดีกว่าจ้า...

มาบอกใบ้ว่า ตอนที่ 25-29 จะเป็นตอนพิเศษสำหรับแฟนๆนะครับ

รออ่านกันด้วยน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อิอิอิ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 22 พิสูจน์ไปเลยว่าเอกภพไม่ได้ชอบผู้ชาย



ไฟดับ?

“ทำไมมืดจังเลยในนี้” ผ้าม่านของโรงแรมเป็นแบบหนาพิเศษ เมื่อปิดไฟแล้วเลยมืดไปหมดเลยครับ สายตายังปรับสภาพไม่ได้

“ก็หนูอยากทำให้ป๋าตื่นเต้น ฮิฮิ” แหมมม เสียงหัวเราะยังเซ็กซี่เลย มึงเอ๊ยยยยย... ผมเดินไปตามเสียงของน้องหนู ล้มตัวลงบนเตียงนัวเนียเรือนร่างเนียนแน่นอย่างหื่นกาม

“อื้อ” ครางสิครับ เมื่อโดนน้องหนูสอนเชิง น้องชายผมนี่โดนงับจนสุดโคนเลย คอลึกนะเรา...

“อ๊า” ผมนี่เสียวไปหมดเลยครับ เมื่อน้องลูบแผ่นหลังผมไปด้วย

แต่เอ๊ะ...ทำไมมือน้องมันสากๆ

“อื้ออออ” ริมฝีปากน้องดูดที่ซอกคอจนผมตัวสั่น แถมยังเลียหลังหู ส่วนที่ผมอ่อนไหวที่สุดอีกด้วย น้องหนูนี่รู้งานจริงๆ

แต่.... ทำไมน้องหนูมาไซร้ซอกคอผมได้

ทั้งๆที่...ปากก็ยังจัดการกับไอ้นั่นของผมอยู่

เช็ด!

พรึบ! ผมเปิดไฟสิครับ

“คะ คุณต่อ” ผมตะลึงสิครับ ทำไมเจ้านายหนุ่มถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังเปลือยอกเสียด้วย ใบหน้าบูดบึ้งดูน่ากลัวแถมยังโบกมือไล่น้องหนูผมให้ออกจากห้องไปอีกด้วย “มะ มา ได้ไงครับ”

“...” เงียบกริบ น้องหนูกวาดเสื้อผ้าตัวเองพุ่งตัวออกไปในสภาพคลุมผ้าขนหนูผืนเดียว แล้วเจ้านายหนุ่มก็ระดมงับซอกคอผมไม่ยั้ง

“อื้อ อย่าครับ อ๊า คุณต่อ ไม่เอา” เห็นว่าตัวโตกว่าจะมาทำรุ่มร่ามได้ง่ายๆรึไง ... ผมได้แต่คิดแหละครับ เพราะแรงเจ้านายหนุ่มเยอะจริงๆ

“ทีแบบนี้ทำเป็นบอกไม่เอา จะเอาน้องหนูนมใหญ่นั่นใช่มั้ย” นี่ถามจริง หรือถามประชดเพราะโกรธครับ ผมงง

“อื้อ ไม่เอาครับ อ๊า” มือใหญ่รูดคลึงน้องชายผมถี่ยิบเลยครับ แถมยังดูดนมผมยังกะเป็นแม่วัวงั้นแหละ

 “คุณต่อ พอก่อน” ผมขืนตัวสุดแรงจนคนที่ทับอยู่เซออกไป

“ชอบความรุนแรงเหรอ” ใบหน้านั้นแดงจัดเลยครับ ส่วนผมก็โมโหแล้วเช่นกัน ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ไม่ให้เกียรติกันเลยให้ตายสิ เป็นเจ้านายนะโว้ย ไม่ใช่เป็นแฟนหรือญาติกัน

“ไม่ชอบ ไม่ชอบอะไรทั้งนั้น คุณต่อทำแบบนี้ทำไม” ผมขึ้นเสียง

“ผมต้องถามพี่มากกว่า พี่ทำแบบนี้ทำไม” น้ำเสียงนั้นดุชิบ ไม่เคยเห็นเจ้านายหนุ่มเวอร์ชั่นนี้มาก่อนเลย พวกเรานี่ต่างอารมณ์ปะทุกันดุเดือด

“ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผมปะ” ตอบเพราะโกรธมากนะครับ ปกติไม่เคยต่อล้อต่อเถียง

“งั้นเหรอ พี่เอกรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่ แต่ก็ไม่เคยสนใจ กลับมาหา...อะไรแบบนี้เนี่ยนะ” น้ำเสียงนั้นดังลั่นเชิงตัดพ้อ

“...”

“ถ้าพี่ไม่ชอบผม โอเคได้ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งกับพี่อีก” อ้าว งอนเหรอ เมื่องี้โกรธ ตอนนี้งอน หรือว่าทั้งโกรธและงอนในคราวเดียวกันวะ แล้วทำไมต้องทำหน้าจ๋อยแบบนั้นด้วย แถมทำท่าเหมือนจะลุกจากเตียงอีก จะด่าก็ด่ามาดิ ไอ้เอกไม่กลัวหรอกโว้ย

“คุณต่อ” ไอ้มือเจ้ากรรม มึงจะไปจับแขนเขาไว้ทำไม

“พี่มันแม่ง” น้ำเสียงแบบนี้....เชี่ย น้อยใจต้องมา แต่ทำไมกูต้องรู้สึกผิดด้วยวะ แล้วทำไมพอจับแขนไว้แล้วต้องกลับมานั่งที่เดิมด้วยวะเห้ย...

“ถ้าพี่ไม่คิดอะไรกับผม ผมก็จะปล่อยพี่ไป ผมจะไม่ยุ่งกับพี่อีก” ผมนี่เจ็บจี๊ดที่ใจเลยครับ พูดไม่ออกแล้วเมื่อเจอประโยคนี้สองรอบในเวลาไม่ถึงนาที

“...ไปหาคุณกรน่ะเหรอ” กรรม สุดท้ายผมก็เผลอพูดชื่อนี้ออกไป นึกอยากตบปากตัวเอง

“ผมจะไปหาใคร พี่เกี่ยวอะไรด้วย” โดนย้อนสิครับงานนี้ หน้าชาไปเลย เหมือนโดนเยาะเย้ย

“ใช่สิครับ ผมมันไม่เกี่ยวอะไรอยู่แล้ว คุณต่อจะไปมีใคร หรือจะกลับไปหาคุณกร...” ผมสติหลุด

“...”

“คุณทั้งคู่เหมาะสมกันออก เวลาอยู่ด้วยกันยังกับเกิดมาเป็นของกันและกัน...” นั่นคือภาพที่ผมเห็นเวลาทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน

“....”

“ผมซะอีก ที่ไม่มีอะไรเหมาะกับคุณต่อเลย...เชี่ย ทำไมผมต้องคิดมากเรื่องนี้ด้วยวะ” สองมือยีผมจนหัวฟู อยากลบเรื่องที่กวนใจตอนนี้ออกให้หมด

“....”

“ไอ้โท ไอ้เวร ทำไมมึงต้องแนะนำอะไรแบบนี้กับกูด้วยวะ” ผมพล่ามไปเรื่อยละครับ

“พี่เอก...” เจ้านายหนุ่มเสียงอ่อน เตียงไหวยวบยาบเมื่อขยับร่างมาใกล้จนประชิดและรวบตัวผมไปกอด

“ผมขอโทษ” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยครับ เจ้านายพูดขอโษผมเนี่ยนะ

“คุณต่อ...” ผมยอมให้กอด มันเหนื่อยจนไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืน

“ผมขอโทษ ผมไม่น่าแกล้งพี่เอกเลย ผมแค่อยากรู้ว่าถ้าพี่เอกเห็นผมกับคนอื่น พี่เอกจะหึงผมมั้ย” เจ้านายผมสารภาพออกมา “ไม่คิดเลยว่าพี่เอกจะทำแบบนี้”

“แล้วคุณต่อมาที่นี่ได้ไงครับ”

“จีพีเอสติดรถยนต์ไงครับ แล้วก็อ่านไลน์ของพี่ที่คุยกับน้องโท”

“หืม อ่านได้ไง มือถืออยู่ที่ผม” ยังกอดแน่นไม่ปล่อยเลยครับ

“พี่เอกไม่รู้เหรอ ว่ามันล็อกอินผ่านคอมได้” ผมเงียบ...มันทำแบบนี้ได้ด้วยเรอะ

“ผมเลยโทรไปถามน้องโท คาดคั้นให้เล่าทุกเรื่อง”

“มันไม่บอกคุณต่อหรอก” ผมมั่นใจในตัวน้องชายมากว่าจะเข้าข้างพี่ชาย

“ตรงข้ามครับ น้องพี่เล่าทุกอย่าง แม้กระทั่งที่พี่ไปปรึกษาเรื่องผมกับกร” ไอ้น้องเลว!

“แล้วคุณต่อรู้ได้ไงว่าผมอยู่ห้องนี้” น้ำเสียงสบายอกสบายใจจนน่าหมั่นไส้มากครับ

“พี่ลืมแล้วเหรอว่าผมมีเงิน” นั่นไงกู ไม่น่าถามเลย

“...”

“พี่เอก พี่อย่าทำแบบนี้อีกนะ ผมโกรธมากนะเวลาที่เห็นคนอื่นมายุ่งกับตัวพี่ ไม่ว่าใครหน้าไหนผมก็ไม่ชอบให้มายุ่งกับพี่ทั้งนั้น”

“...”

“ผมหึง หึงมาก” เจ้านายพูดอะไรอีกเนี่ย

“หึงทำไมล่ะครับ ในเมื่อคุณต่อมีคุณกรอยู่แล้ว” หลุดชุดใหญ่ละกู แกล้งเหรอ ได้...ไอ้เอกกวนกลับ

“พี่เอก...” เจ้านายหนุ่มถอนหายใจ จับไหล่ผมให้ผละจากออกกอดและสบตาอย่างมีความหมาย “ผมกับไอ้กรน่ะไม่เคยมีอะไรกัน ไม่เคยเป็นแฟนกัน เรื่องทั้งหมดผมสร้างกระแสขึ้นมาเพื่ออยากให้พี่หึงผมแค่นั้น...”

“หืมมม” แสดงว่าข่าวลือในออฟฟิศก็....

“ตอนอยู่เมกาน่ะ ผมสนิทกับไอ้กร แต่ไม่ใช่เชิงชู้สาว ผมไม่ได้ชอบมัน และมันก็มีแฟนแล้วชื่อวีณา ที่จะไปงานเปิดร้านกันวันพรุ่งนี้” น้ำเสียงเจ้านายดูน่าเชื่อถือ

“คุณต่อแกล้งผม”

“ผมขอโทษ...”

...กูหนอกู ติดกับจนได้

“พี่เอกหึงผมใช่มั้ย” มันใช่เวลาถามอะไรแบบนี้มั้ยคุณต่อ

“ผม เอ่อ...” ถ้าจะจ้องกันขนาดนี้ ผมจะหาคิดคำพูดยังไงดีเนี่ย หน้าร้อนผ่าวอีกต่างหาก หมดกัน...ที่ว่าจะกวนเจ้านายคืน

“พี่เอกกกกกกก” จะลากเสียงเพื่อ แถมทำหน้ายิ้มระรื่นอีก

“....”

“ไม่พูดก็ไม่พูด” น่ะ ทำใจดี “ผมถือว่าการที่พี่ไม่ตอบ คือพี่ยอมรับสิ่งที่ผมพูดนะ”

“...”

“พี่เอกชอบผมบ้างมั้ยครับ” อ้าวกรรม เดี๋ยวๆๆๆๆ โผล่มาเรื่องนี้ได้ไง

...เจ้านายครับ อย่าสบตาสิ

อื้ออออออออออออออ “....”

ปากผมโดนปิดแน่นเลยครับ จากอะไรน่ะเหรอ ก็จากปากของเจ้านายหนุ่มไงล่ะ

เรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวนะ ไม่ตอบเพราะโดนปากประกบไว้ ...ผมล่ะไม่ได้ชอบเขาเลยสักนิด

“อื้อออออออออออออออออออ” แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรซะหน่อย

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 29-03-2020 19:52:23
ในที่สุด.........................

ลุงเอก ก็.......................
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 29-03-2020 19:59:22
เห้ย ต่อมันร้ายอ่ะ ยังให้ผู้หญิงอยู่ในห้องด้วย โคตรอำมะหิตเจ้าแผนการ o22 กะจับแบบคาหนังคาเขาเลย นุกลัวเเล้วววว

ละแบบ พี่เอกจับเเขนไว้เฉยๆก็นั่งแหม่ะเลย ก็คือรอให้เค้าง้ออ่ะ อารมณ์แฟนเด็กสาว โกรธ น้อยใจ งอน ในเวลาเดียว 555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 29-03-2020 21:23:13
ตามติดทุกช่องทาง ทั้งจีพีเอส ทั้งแอบอ่านไลน์
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-03-2020 22:51:22
คุณต่อนี่ร้ายใช้ได้เลย พี่เอกไปไหนไม่รอดแล้วจริง ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-03-2020 23:22:36
ผมล่ะไม่ได้ชอบเขาเลยสักนิด......... แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรซะหน่อย!!!

อ่ะจ้า แล้วแต่พี่เอกเลยจ้า.  :hao3:

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-03-2020 00:31:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชอบไม่ชอบไม่รู้  แต่แอบหึงเวลาเขาจู๋จี๋กับคนอื่น

ชอบไม่ชอบไม่รู้  แต่ไม่ขัดขืนไรเลย  555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 30-03-2020 00:51:22
ยัง ยัง ยังไม่เข้าด้าย เข้าเข็มอี๊ก
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-03-2020 13:36:59
โดนค่าปิดปาก ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-03-2020 18:51:17
 :z1: o13 :z1:

 :กอด1: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 22 P.7 @29/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 01-04-2020 16:51:31
โอ้ยยย ปิดปากด้วยซะเเน่น เเล้วพี่เอกจะบอกว่าชอบได้ไงล่ะคุณต่อ พี่เอกไม่ผิด! :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 03-04-2020 14:30:08
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 23 วันเกิดคุณต่อพงษ์ที่นายเอกภพไม่รู้เรื่อง

             วันนี้วันที่ 15 กันยายน ผมทำงานที่นี่ก็เกือบ 9 เดือนแล้ว... แถมสนิทกับเจ้านายหนุ่มตัวแทบจะติดกัน หลังๆมาไม่ได้กลับบ้านวันอาทิตย์แล้วครับเพราะโดนคุณต่อกักตัวไว้... อย่าคิดนะครับว่าผมจะพลาดท่าเสียทีไปแล้ว ไอ้เอกภพไม่ง่ายหรอก แค่โดนกอด โดนจูบรายวันก็พอแล้ว...ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันได้ ยังนึกภาพไม่ออกจริงๆ

             ตั้งแต่วันที่ผมไปหาน้องหนูเมื่อคราวก่อน เจ้านายหนุ่มออกมาตรการพิเศษเลยครับ ว่าห้ามผมขับรถไปไหนมาไหนคนเดียวอีก...แม้กระทั่งตอนกลับไปบ้าน ก่อนหน้านี้คุณต่อพงษ์อนุญาตให้ขับรถกลับบ้านได้เพราะเชื่อใจ ตอนนี้ก็เช่นเคย แต่ต้องพาเขาไปด้วย

...แม่ผมล่ะปลื้มเจ้านายหนุ่มออกนอกหน้ามาก

“ถ้าชอบมัน แม่ก็ไม่ขัดหรอก”

“อ้าวแม่ คุณต่อ พูดอะไรครับ” ผมหน้าเหวอ เมื่อคนที่มาด้วยนั่งบนเตียงไม้หน้าบ้านขออนุญาตจีบผมกับแม่

“คนเค้าคุยกัน อย่าขัดสิไอ้เอก” อ้าว แม่ นี่ลูกไง “ว่าแต่คุณต่อคิดดีแล้วเหรอลูก”

“คุณแม่อย่าเรียกผมว่าคุณเลยนะครับ เรียกต่อ ไอ้ต่อ หรือลูกก็ได้นะครับ แบบนั้นมันดูห่างเหิน”

“โถ พ่อคุณ ดีพร้อมขนาดนี้ ทำไมถึงกรรมหนักมาชอบไอ้เอกมันได้นะ”

“แม่ นี่ผมลูกแม่นะ” ผมแหว ... ถึงขั้นใช้คำว่ากรรมหนักเลยเรอะ

“ถ้าคุณแม่ไม่ขัด ผมก็ขออนุญาตเลยนะครับ”

“ตามใจเลยลูกเอ๊ย แม่เลิกหวังว่าไอ้เอกมันจะมีลูกมีเมียมานานแล้ว ถ้าจะมีผู้ชายมาจีบแทนแล้วดีพร้อมแบบนี้ แม่ก็ไม่ขัด”

“แม่...จะย้ำทำไมสองสามรอบ”

“กูกลัวเค้าเปลี่ยนใจไง” นั่นไง ขึ้นกูกะลูกในไส้ซะละ

“ขอบคุณครับแม่อ่อน” นั่น นั่น...เรียกชื่อแม่กูอี๊ก เข้ากันดีชิบหาย

“ไหว้พระเถอะลูก ดูแลมันแทนแม่หน่อยนะ ไอ้นี่มันดื้อด้าน ซื่อบื้อ ไม่ทันคน แต่มันก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร” นี่แม่ชมหรือด่า ทำไมลูกเจ็บ

“นี่ไอ้เอก แล้วเอ็งจะเอาไง”

“ไม่รู้แม่” ผมตอบเสียงเรียบ ถ้าจะเห็นดีเห็นงามขนาดนี้จะมาถามทำไมห๊ะ...

“บ๊ะ ไอ้ลูกคนนี้ มีคนหล่อยังกะดารามาจีบ แถมยังมาขออนุญาตผู้ใหญ่ซึ่งๆหน้าแบบนี้ จะเล่นตัวอีกเหรอ” แม่.... ก็ไม่ต้องรีบยกผมให้เค้าก็ได้มั้ย ช่วยแบบ...ลูกชั้นเป็นผู้ชาย ชั้นรับไม่ได้ที่จะมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน ... อะไรแบบนี้หน่อยได้มั้ย



             วันนี้บรรยากาศในออฟฟิศมันดูแปลกไป พนักงานทุกคนต่างมีกล่องของขวัญบนโต๊ะทำงาน จะมีงานแลกของขวัญรึก็ไม่ใช่ ยังไม่สิ้นปีซะหน่อย จะมีงานเลี้ยงแผนกก็ไม่เห็นในตารางงานของเจ้านาย วันศุกร์แบบนี้มีแต่คนอยากรีบกลับบ้าน คงไม่อยากไปฉลองกันหรอก กลางเดือนด้วย แต่ละคนกินแกลบกันหมดละ

             ผมจากวางเอกสารของเจ้านายหนุ่มไว้ที่โต๊ะทำงาน พักหลังมานี้คนขับรถแบบเอกภพเข้าๆออกๆที่ห้องนี้จนคนในออฟฟิศชินเสียแล้ว ยิ่งตอนไหนที่เจ้านายหนุ่มว่าง ก็ลากให้ผมมาช่วยตรวจเอกสาร หรือไม่ก็อ่านหนังสือเตรียมสอบในห้องทำงานด้วยเหตุผลที่ว่า ห้องนี้เงียบกว่าห้องครัวออฟฟิศ แถมมีแอร์ด้วย ... จะได้ไม่ร้อน ... ที่มาเพราะเหตุผลเข้าท่าหรอกนะ

...แต่ผมคิดว่าเหตุผลจริงๆคือไม่อยากให้ผมคลาดสายตาไปไหนมากกว่า แต่ถามว่าอึดอัดมั้ย ก็ไม่นะครับ เพราะตอนนี้ตัวติดกัน 24 ชั่วโมงแล้ว...ถ้าจะอึดอัด ก็ควรเป็นตั้งแต่โดนกอดเป็นหมอนข้างแล้วล่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูก่อนพนักงานเปิดและกรูกันเข้ามา

“สุขสันต์วันเกิดค่ะคุณต่อ” เสียงอวยพรดังขึ้นพร้อมกัน โดยมีคุณกรที่ถือขนมเค้กเดินเข้ามาเป็นแกนนำ ต่างคนต่างร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้เจ้านายหนุ่มที่เพิ่งลุกและทำหน้ายิ้ม ผมทำตัวไม่ถูก ไม่ใช่เพราะคนเข้ามาเยอะหรอก แต่เพราะไม่รู้ต่างหากว่าวันนี้เป็นวันเกิดเจ้านาย

“อธิษฐานเลยต่อ แล้วเป่าเทียนด้วย” คุณกรเป็นคนเอ่ยปาก ก่อนที่เจ้านายจะทำตาม พนักงานที่เข้ามาในห้องต่างพากันหยิบยื่นของขวัญในมือให้กับเจ้านายหนุ่ม ถึงแม้คุณต่อจะบอกว่าไม่น่าลำบากเลย แต่ก็ยังรับไว้

“ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่ไม่ลืมวันเกิดผม” แต่กูลืม...ไม่สิ กูไม่รู้ๆๆๆๆ...คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดนะ

“และขอบคุณมากนะครับสำหรับของขวัญวันเกิด เอามาให้ขนาดนี้ผมไม่ใจอ่อนเพิ่มโบนัสให้หรอกนะ” คำพูดของเจ้านายหนุ่มทำให้หลายคนหัวเราะขบขัน

“เอางี้ เพื่อเป็นการขอบคุณทุกคนที่ยังจำวันเกิดผมได้ คืนนี้เราจะไปคาราโอเกะกัน ผมเลี้ยงเอง”

“เย้”.... เสียงตะโกนดีใจดังลั่น เมื่อแบ่งเค้กและอวยพรกันแล้วทุกคนก็กลับออกไปจนห้องกลับมาเงียบกริบเช่นเคย

...โดยมีผมยืนงงตาปริบๆอยู่อย่างนั้น

“พี่เอก”

“ครับ”

“เอาของขวัญพวกนี้ไปแกะที อันไหนเป็นของใช้ก็แยกไว้ต่างหาก อันไหนเป็นขนมก็เอาไปใส่ตู้เย็นไว้ อย่าลืมเขียนแปะว่าทุกคนกินได้ด้วยล่ะ”

“ครับ” ผมหยิบกล่องของขวัญเรียงรายมาที่โซฟาที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องทำงานคุณต่อ ก่อนจะแกะของขวัญทีละชิ้นตามคำสั่ง

“คุณต่อ”

“หืม” เจ้านายหนุ่มเงยหน้ามาจากกองเอกสารตามเสียงเรียกของผม

“ผมไม่รู้ว่าวันนี้...เอิ่ม” รู้สึกผิดจังเลยวะ วันเกิดแม่ผม เจ้านายหนุ่มก็ซื้อของขวัญให้ แถมตอนกลับไปเยี่ยมบ้านก็ซื้อของนั่นนี่ติดมือไปฝากไม่ขาด

“ไม่เป็นไรหรอกพี่เอก อย่าคิดมาก” รอยยิ้มหล่อๆนั้นส่งมาปลอบใจ หน้าผมแดงไปหมดจนต้องก้มหน้างุดแกะกล่องของขวัญต่อ

“แต่ผมก็ซื่อบื้ออยู่ดีแหละ ไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลย”

“พี่เอก”

“ครับ”

“พี่รู้สิแปลก อย่าคิดมากเลยครับ” เดี๋ยวนะ เดี๋ยว...ประโยคเดียวกับไอ้โทเปี๊ยบ อย่างกะลอกกันมา

...รู้สึกดีขึ้นะ แถมด้วยความรู้สึกชาทั่วหน้าเหมือนโดนด่าเพิ่มอีก...



             วันนี้พนักงานต่างสนุกสนานกับคาราโอเกะกันเป็นอย่างมาก คุณต่อแทบจะเหมาทั้งร้านเพื่องานนี้เลยก็ว่าได้ ยังดีที่เป็นร้านของคุณวีณาแฟนสาวคุณกร เลยทำให้หาสถานที่ได้ในเวลากระชั้นชิด แถมยังเป็นวันรถติดแห่งชาติด้วย

             ร้านอาหารของคุณวีณานั้นถือว่าหรูและค่อนข้างใหญ่ เดิมทีไม่ได้มีคาราโอเกะ แต่เพราะความร่วมมือของคุณกรที่เสกทีวีจอใหญ่แทบจะเท่าผนังด้านหนึ่งของร้านและโปรแกรมร้องเพลงที่มีเพลงทุกแนว อัพเดตใหม่ล่าสุด เลยทำให้บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความสนุก อาหารถูกลำเลียงมาเสิร์ฟไม่ขาดสาย และเครื่องดื่มต่างๆไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ และไวน์ต่างก็มีพร้อม

...แต่เจ้านายหนุ่มกลับไม่ดื่ม แค่จิบๆ แต่พนักงานน่ะเหรอ...เมากันถ้วนหน้า

“คุณต่อเมามั้ยครับ” ผมถามตอนที่เจ้านายหนุ่มเข้ามานั่งในรถข้างผมแล้ว

“นิดหน่อย” แน่ะ ปกติจะตอบว่าไม่เมา “พี่เอกล่ะ”

“ผมไม่ดื่มครับ”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“นี่ไง” ผมจับพวงมาลัยโชว์ “ผมต้องขับรถ” เจ้านายหนุ่มไม่ตอบอะไร พวกเราต่างปล่อยให้ความเงียบปกคลุมตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงบ้าน...ไฟในบ้านมืดสนิท มีแค่แสงสว่างจากไฟประดับที่ประตูบ้านเท่านั้น รถเลื่อนไปจอดในโรงรถเช่นเคยก่อนจะดับเครื่องและพากันออกจากตรงนี้

“เดี๋ยวพี่เอกขนของที่ท้ายรถมาด้วยนะ”

“ครับ” ผมแปลกใจ ของอะไรหว่า เพราะของขวัญที่ได้รับมาคุณต่อเอาไว้ที่ออฟฟิศหมด ส่วนใหญ่เป็นของที่มีราคา แต่เพราะที่บ้านมีหมดแล้ว จึงไม่ได้เก็บกลับมา... ผมเดินไปเปิดฝากระโปรงรถ พวงลูกโป่งหลากสีพุ่งออกมาจนผงะ ภายในที่สว่างด้วยแสงไฟก็เผยให้เห็นป้ายที่เขียนไว้ว่า

...พี่เอก เป็นแฟนผมนะ...

“อะ อะไรครับคุณต่อ” เจ้านายหนุ่มยืนในท่าเขินอาย มือหนึ่งซุกที่กระเป๋ากางเกง อีกข้างที่เหลือลูบท้ายทอยไปมา

“ก็วันนี้วันเกิดผม แล้วพี่เอกก็ไม่มีของขวัญอะไรให้” เจ้านายหนุ่มพูดอายๆ ในโรงรถเนี่ยนะ....

“งั้นก็ให้สถานะแฟน เป็นของขวัญวันเกิดผมได้มั้ยครับ”

...ไอ้เอกจะเป็นลม ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้....

“นะครับ” น้ำเสียงที่ออดอ้อน ยังไม่เท่าแววตาที่เว้าวอน ตั้งแต่เดือนที่แรกที่เข้ามาทำงาน คุณต่อก็พยายามเข้าหาไอ้เอกมาตลอด แถมยังออกตัวแรงกับที่บ้านผมเสร็จสรรพว่าอยากจะจีบ ไหนจะเรื่องถึงเนื้อถึงตัวทั้งกอด ทั้งจูบ...อื้อออออ

“คะ คุณต่อ คุกเข่าทำไมครับ” ผมละตกใจที่เห็นร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงช้าๆ โว้ยยยย นี่เห็นผมเป็นเจ้าหญิงรึไงวะ

“พี่เอก” อย่าคว้ามือไปแบบนี้สิ ตกใจนะเนี่ย “ผมชอบพี่ เอ่อ ไม่สิ..” โอย อย่าจูบมือกันแบบนี้สิ

“ผมรักพี่เอกนะครับ รักมาก ผมไม่รู้หรอกว่ารักตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าผมรักพี่มากจริงๆ”

....ตายครับตาย ช็อตนี้ผมตายไปเลย....

“เป็นแฟนกับผมนะ เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในโลกของผมนะครับ”

...หน้าร้อนวูบวาบ

...ใจหวิวคล้ายจะเป็นลม

...ไม่กล้าสบตาแล้วโว้ย ทำไมอานุภาพทำลายล้างของหน้าหล่อๆแบบนี้รุนแรงจังวะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 03-04-2020 15:04:06
 :katai1: :katai1:
รอตอนต่อไปคร่าาาาา
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-04-2020 16:04:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุ้ย ๆ 

ตอบตกลงไปเลยพี่เอก   อิอิ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 03-04-2020 20:05:52
แม่อ่อน

ลูกต่อ....................
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-04-2020 21:25:39
ของขวัญวันเกิดเลยเหรอ อย่างนี้พี่เอกจะกล้าปฏิเสธเหรอ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-04-2020 22:18:04
เขิลมาก ขอผัวแบบน้องต่อ 1 อัตรา
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-04-2020 22:39:43
ว้ายยยยย พี่เอกจะรออะไรล่ะ ตกลงไปเลย ไหนๆ ก็ไม่รอดมือคุณต่อแล้ว แม่ก็ยกให้แล้ว ได้แฟนหล่อแถมรวยด้วยนะพี่   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-04-2020 10:02:40
Happy Birthday To .. แกะของขวัญ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 05-04-2020 22:05:40
ขอของขวัญวันเกิดแบบมัดมือชกมาก ต่อสไตล์ :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-04-2020 19:46:46
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 23 P.7 @03/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 06-04-2020 22:14:59
โอ้ยยย พี่เอกยอมเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณน้องต่อไปเถอะ พี่ใจละลายแล้ววว  ดูออก :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.7 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-04-2020 11:27:18
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


บทนำ

             เอกภพ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีกำลังถูกพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เมื่อแม่ดันมาป่วยต้องใช้ค่ารักษามากโข แต่รายได้จากการขับแท็กซี่นั้นไม่พอยาไส้แน่ๆ เหมือนดาวพระเคราะห์ยังปราณีเมื่อมีเศรษฐีหนุ่มหล่อรุ่นน้องชื่อต่อพงษ์ ที่ปากเสียและอารมณ์ร้อนมาชวนให้ไปเป็นคนขับรถยนต์ส่วนตัวด้วยข้อเสนอที่สุดแสนเย้ายวน

             ทุกอย่างมันไปได้สวยเลยแหละ ถึงแม้เจ้านายหนุ่มใบหน้าหล่อกว่าพระเอกละครจะกร่นด่าทุกวี่วันแต่เอกภพก็ยึดตำแหน่งหลังพวงมาลัยไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ถูกไล่ออกเหมือนคนก่อนๆ แต่เรื่องมันจะไม่วุ่นเลย ถ้าเจ้านายหนุ่มของเขาไม่ทั้งอ่อย ทั้งยั่ว และใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าขู่ ชายแท้อย่างเอกภพมีเหรอจะยอมง่ายๆ ถึงแม้จะหวั่นไหวกับประโยคที่แสนมั่นใจของเจ้านายหนุ่มประโยคหนึ่งเสียเหลือเกินก็ตาม

“....พี่เอกเป็นของผม”

             แล้วคนขับรถจนๆอย่างเอกภพจะต้องทำยังไง ถ้าเลือกจะลาออก ที่บ้านจะต้องเดือดร้อน แต่ถ้าอยู่ต่อ ตัวเองนั้นแหละที่จะเดือดร้อนเป็นแน่แท้...






(https://scontent.fbkk8-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/s960x960/82276715_2681685328545810_4293239997592502272_o.jpg?_nc_cat=111&_nc_eui2=AeGn7aneghhGhhfPhx3XOuXUaJ2vRt_WCcLUFwMmct22rGyMfZRwHj7NeAPt4QbqJD5dbErC9qgXdI3p6tw4urZeV-fmH2yIFA-BMww5GUQ3RQ&_nc_ohc=vWvXxQKLnQoAX8SFizy&_nc_ht=scontent.fbkk8-3.fna&_nc_tp=1002&oh=7d9e89a9445aabf949f4625b4613c9fc&oe=5E97060A)

*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น มิได้ลอกเลียนหรือดัดแปลงมาจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ
ภาพประกอบ ชื่อ และสถานที่อ้างอิงเป็นเพียงการสมมุติ
มิได้มีเจตนาอื่นใดนอกจากแต่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ***

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-04-2020 11:28:28
       
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 24 เอกภพตอบแบบนี้ เจ้านายจะโอเคไหมครับ



              ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย ไม่เคยมีความคิดว่าจะชอบมาก่อน ที่ผ่านมาเกือบ 31 ปี ผมได้แต่มองนมมองก้นสาวๆ จนกระทั่งพลาดมาสมัครเป็นคนขับรถส่วนตัวให้กับเจ้านายหนุ่มคนที่นั่งคุกเข่าตรงหน้าเมื่อเกือบ 9 เดือนที่แล้ว ชีวิตก็เปลี่ยนไปหมด... ไหนจะโดนคว้าไปจูบตอนแกล้งเมา...ไหนจะตอนที่มอมตัวเองด้วยบลูฮาวายที่พัทยา...ไหนจะเรื่องการถูกกอดตอนนอนทุกคืน....ไหนจะเรื่องคุณกรที่เคยเข้ามากวนใจอีก

...ถ้าบอกว่าไม่คิดอะไรกับเขา ผมคงไม่ใช่คนแล้วล่ะ น่าจะเป็นหุ่นยนต์มากกว่า

   คนอย่างเอกภพไม่ยอมรับหรอกว่าตัวเองเป็นเกย์ และก็จะไม่พูดด้วยว่ารู้สึกดีเฉพาะกับคุณต่อ ...เพราะไม่เคยมีผู้ชายหน้าไหนกล้าเข้ามาใกล้ผมในระยะนี้มาก่อน และคิดว่าชาตินี้คงไม่มีใครกล้าด้วย เพราะเจ้านายหนุ่มนี่ขี้หวงมาก...แม้แต่คุณกรที่เป็นชายแท้แกยังห้ามเข้าใกล้รัศมีเลย ...

   แต่การที่ได้อยู่ด้วยกันมา ได้เห็นความเป็นคุณต่อ ได้เห็นจิตใจและความจริงใจที่ให้ กำแพงเรื่องเพศที่สร้างไว้พังครืนไปนานแล้ว มีแค่คนๆหนึ่งชื่อต่อพงษ์ กับอีกคนชื่อเอกภพเท่านั้นที่พัฒนาความรู้สึกจนมาถึงตอนนี้

...ผมสบสายตาที่เว้าวอน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรนั้นทำให้หัวใจหวั่นไหวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ความตื้นตันมันจุกอก

“ผมรักพี่เอกนะครับ รักมาก ผมไม่รู้หรอกว่ารักตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าผมรักพี่มากจริงๆ” ถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาจากปาก ทำให้ผมหน้าแดงไปหมด ดีนะที่สาพภาพในโรงรถ ถ้าทำกลางถนนหรือหน้าบ้านคงได้อายกว่านี้เท่าตัวแน่

“เป็นแฟนกับผมนะ เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในโลกของผมนะครับ”....

ผมสบตาเขา....เนิ่นนานจนรู้สึกเหมือนชั่วกัลปวสาน... คิดแค่ว่าจะต้องเป็นแฟนและอยู่กับเขาไปตลอด กับคนตรงหน้าจริงๆเหรอ... มันชวนให้คิดและกังวล ทั้งความแตกต่างที่มีมากเกินไปจนมันชวนให้น้อยเนื้อต่ำใจ

“ผมสัญญา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะดูแลพี่ จะไม่ให้พี่ต้องรู้สึกว่าต่ำต้อย ผมจะเป็นคนที่ให้เกียรติพี่ จะไม่ทำให้พี่ต้องเสียใจ”

“....”

“ผมรู้ว่าพี่กังวลใจเรื่องอะไร” เจ้าชายกำลังจุมพิตมือผมอีกครั้ง

“แต่ผมอยากขอให้พี่เชื่อใจผมนะครับ ต่อพงษ์คนนี้จะทำให้พี่เป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกอย่างแน่นอน”

...โห กล้ารับประกันขนาดนี้เชียวรึคุณต่อ...

... ลมหายใจผมนี่สิ ติดขัดไปหมด สมองมันตื้อมากระทันหัน คิดอะไรไม่ออกเลย เพราะในใจมันมีแค่คำตอบเดียวที่ผุดมา

“ครับ”

“หืม” เจ้านายหนุ่มครางในลำคอ

“ตกลงเป็นแฟนกับคุณต่อครับ” แค่นั้นแหละครับ คุณเคยเห็นคนดีใจจนหลุดมั้ย... เจ้านายผมกระโดดตัวลอยร้องแหกปากดีใจลั่นดังไปทั้งซอย วิ่งไปวิ่งมาจากโรงรถไปหน้าบ้าน ตอนวิ่งกลับก็ร้องแหกปากไม่หยุดแถมยังจับมือทั้งสองของผมไว้เขย่าไปมาอย่างลิงโลด โผกอด หอมแก้ม อุ้มไอ้คนที่เพิ่งตอบตกลงไปหยกๆทั้งยืนซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งมาอยู่หน้าประตูบ้าน

“ไอ้ต่อ โวยวายอะไรวะ แหกปากลั่นไปหมด” นั่นไงครับ มากันครบเลย ทั้งท่าประธาน คุณนาย คุณตงฉิน คุณแก้วกานดา คุณพันธุ และป้าสายหยุด

“พี่พัน ดีใจกับผมหน่อย วู้! ผมมีแฟนแล้วโว้ยยยย”

“อะไรของพี่เนี่ยพี่ต่อ” คุณตงฉินถาม ท่าแคะหูยังหล่อเลย

“นั่นสิลูกต่อ เป็นอะไร ใครเป็นแฟนใคร” คุณนายถามด้วยน้ำเสียงสงสัย คนถูกถามไม่ตอบพลางอุ้มผมที่ยืนอยู่ในท่านี้แหละ ยกให้ลอยอย่างกับเป็นนุ่น

“นี่ไงครับแม่ ทุกคนครับ พี่เอกตกลงเป็นแฟนผมแล้ว”

ห๊ะ ... เห้ย คุณต่อ นี่มันต่อหน้าทุกคนเลยนะครับ ผมตกใจจนอึ้ง ทำหน้าไม่ถูกเลย เล่นมากันครบทั้งครอบครัวแบบนี้

“โอย นึกว่าเรื่องอะไร โวยวายลั่นบ้าน” อ้าว ผมล่ะงงเลย

“ใช่ แค่นี้ต้องตะโกนด้วย นี่นึกว่าเป็นแฟนกันมาตั้งนานแล้วนะ” เสียงคุณนายครับ

“นั่นสิ ช้าว่ะพี่ต่อ เป็นผมรวบหัวรวบหางไปตั้งนานละ” คุณต๊งงงงงงงง

“เสียเวลาหมด” ท่านประธานพูดครับ ... ช่วยด้วยสิครับ ทำไมตัดบทขนาดนี้

“ไปกันเถอะค่ะคุณ ปล่อยลูกชายเราบ้าไปเถอะ” อ้าว เดี๋ยวๆๆๆ ทำไมไม่มีใครห้ามหรือคัดค้านอะไรเลยล่ะ

“ดูแลมันดีๆนะเอก เอาไปแล้วห้ามส่งคืน” พี่สาวคนโตพูดกับผม

“คะ ครับ”

“ไปเถอะคุณพัน” นั่นไงจูงกันไปดื้อๆ

“ยินดีด้วยนะคะ” ป้าหยุด ป๊า....ทำไมทำหน้ากรุ้มกริ่ม

....ผมล่ะงงไปเลย



“ทำไมไม่มีใครแปลกใจเรื่องของเราเลยล่ะครับคุณต่อ” ผมถามตอนที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงแล้วล่ะครับ

“ใครจะแปลกใจล่ะพี่เอก เค้าเห็นพี่มาค้างบ้านผมทุกวันขนาดนี้ทั้งๆที่คนขับรถคนก่อนๆต้องระเห็จกลับบ้านหรือไม่ก็ต้องไปนอนห้องแม่บ้านที่บ้านใหญ่”

“แต่ท่านประธานกับคุณนายก็เห็นดีเห็นงามง่ายๆแบบนี้เลยเหรอครับ”

“ไม่ดีรึไง แม่ผมน่ะชอบพี่เอกอยู่แล้วตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนพ่อผมน่ะแกไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของลูกหรอก แกไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น ถ้าคิดว่าจะไม่มีใครสืบทอดตระกูล...โน่นไง สองหมูลูกพี่แก้ว” ลูกคุณตงฉินต่างหากล่ะ

“ยังไงผมก็ไม่ชินอยู่ดีแหละ ทำไมทุกอย่างมันดูง่ายดายไปหมด”

“พี่คิดว่าง่ายงั้นเหรอ” อ้าว พูดอะไรผิดอีกล่ะกู “กว่าผมจะเจอพี่ กว่าผมจะใช้มารยาหนุ่มหลอกล่อพี่ได้ ตั้งเก้าเดือนเชียวนะกว่าพี่จะใจอ่อนยอมเป็นแฟนผมเนี่ย”

“....” ไม่เถียงจะดีกว่า

“ตอนนี้พี่เป็นแฟนผมอย่างเป็นทางการแล้วนะ” ไม่ว่าเปล่า เจ้านายก็โน้มมาไล้เลียที่หลังหูผมอีก ขนกายลุกชูชันเลยครับ

“คุณต่อ อื้อ” ผมขัดไม่ได้ครับ สองแขนถูกตรึงไว้พร้อมร่างใหญ่ที่นอนคร่อมจนบังแสงไฟมิด ใบหน้าหล่อได้รูปส่งสายตาเย้ายวนมาให้จนเขินไปหมด

“ขอบคุณนะครับ” แล้วก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่

“ขอบคุณอะไรครับ”

“ก็ขอบคุณพี่เอก ที่ยอมเป็นแฟนผมไง” ทำไมต้องยิ้มเจ้าเล่ห์ขนาดนั้นด้วยครับ

“ผมถามจริงๆเถอะครับคุณต่อ ทำไมถึงชอบผมล่ะครับ” อันนี้ยังข้องใจอยู่ แต่ที่ข้องใจกว่า คือทำไมกอดซะแน่นขนาดนี้เลยครับ!

“ผมก็บอกพี่ไปแล้วนี่นา” อื้ออออ...ไม่เอา อย่าไซร้ซอกคอสิ ... ผมดันหน้าหล่อให้ออกจากใบหู

“...” ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีแหละ คนหล่อระดับดารา ฐานะทางบ้านก็ดี หน้าที่การงานคือใหญ่โต การศึกษาก็เยี่ยม...มันไม่มีอะไรที่เข้ากันได้เลย เหมือนเครื่องบินตกมาทับหัวหมาตอนที่เห่าใส่งั้นแหละ

“พี่เอกอย่าคิดมากนะครับ” นั่นไง แค่เงียบแป๊บเดียวเอง เหมือนรู้ “รู้แค่ว่าผมรักพี่ ก็พอแล้ว”

“ห๊ะ” ผมหันขวับ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ ... แล้วยิ้มแบบนี้คืออะไรครับ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มแล้วหล่อขนาดนี้ แถมบอกรักกันง่ายๆแบบนี้

...เอกภพหน้าร้อนวูบวาบแล้วครับ

“วันนี้วันเกิดผม... ผมยังไม่ได้ของขวัญจากพี่เลยนะ”

“ก็เป็นแฟนแล้วไงครับ” ผมจะตอบยังไงล่ะเนี่ย คือ... ไม่รู้มาก่อนว่าวันนี้วันเกิดเค้าเลยไม่ได้เตรียมอะไรเลย

“งั้น เริ่มจาก ขอจูบทีนึง” แหมมมมมมมม พอตกลงเป็นแฟนล่ะเอาใหญ่เชียวนะ

“อื้อออออออออ” ครางสิครับ ยังไม่ทันตอบอะไรเลยก็ส่งปากมาบดเลยจ้า กลิ่นของคุณต่อมันกระตุ้นความรู้สึกผมจนหวีดหวิวไปหมดแล้ว หมดแรงต้านทานจริงๆ

“แล้ว...ขอกินพี่เอกแทนเค้กนะครับ” แววตาหื่นกามแบบปิดไม่มิดเชียวครับ ผมเสียววาบเลยล่ะ ... กิน กินยังไง...กินท่าไหน เห้ย ไม่ใช่สิ คุณต่อจะกินผม ... เดี๋ยวๆๆๆๆ ยังไม่ได้เตรียมใจ เกิดมายังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนเลยนะครับ แล้วมันจะต้องทำยังไง ทำแบบไหน ...

“ฮ่าๆๆๆๆๆ พี่เอก อย่าทำหน้าแบบนี้สิ ผมล้อเล่น” อ้าว ... งงดิ หน้าตาผมคงเหรอหราจนเห็นได้ชัด

“คุณต่อ ชอบแกล้งผม”

“ก็พี่เอกของผมน่ารักน่าแกล้งนี่นา” เอาอีกล่ะ ซื้อขาดได้มั้ยคำว่าน่ารักเนี่ย ปกติมีแต่คนชมว่าผมหล่อ ... อ้วกก่อน

“ดีจัง” อยู่ๆก็พูดลอยๆมาแบบนี้ ผมจะรู้มั้ยครับ

“ดีอะไรครับ”

“ก็ตอนนี้ไง ดีจัง ผมได้นอนกอดพี่เอกในฐานะแฟน” จะย้ำทำไมเนี่ยยยยยย ไม่เคยมีแฟนเหรอครับ

“คุณต่อ...”

“พี่เอกหยุดเรียกผมว่าคุณได้แล้วนะ” นั่นไง คำสั่งมาละ

“แล้วจะให้ผมเรียกอะไรล่ะครับ มันชินปากแล้ว” เรียกมาตั้ง 9 เดือนแล้วนะ

“ก็เรียก น้องต่อ หรือไม่ก็ที่รักจ๋า แฟนครับ หรือเบบี๋ก็ได้” หืมมมม แต่ละคำ ... ใสเกินวัยและหน้าตาผมไปมั้ย

“เอิ่ม” ผมหมดคำสิเว่า... “ผมเรียกคุณต่อเหมือนเดิมดีกว่าครับมันชินปาก ผมยังต้องทำงานให้อีก”

“งั้นพี่เอกต้องแทนตัวเองว่าพี่...ไม่ใช่ ผม...” นี่บังคับหรือไร “นะครับ” เสียงอ้อนมาแล้วววววว

“คุณต่ออออออ” ผมลากเสียง คือมันไม่ชินไง ...

“ไม่งั้นผมจะให้พี่เรียกผมว่า คุณแฟน” หึ...เพิ่งเริ่มเป็นแฟนก็เอาแต่ใจละเหรอ

“ก็ได้ครับคุณต่อ...ผม เอ๊ย พี่จะแทนตัวเองแบบนี้ก็ได้” แต่ผมก็ยอมแพ้ผู้ชายคนนี้อยู่ดี ... เป็นแฟนเค้าไปแล้วนี่
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-04-2020 11:32:56
ปุกาด ปุกาด

หลังจากฟินกันมาสักพักแล้ว ไรต์จะขอแจ้งว่า

ตั้งแต่ตอนที่ 25-29 จะเป็นตอนพิเศษนะครับ

แต่เนื้อหาไม่ได้หลุดจากเนื้อเรื่องหลักเท่าไหร่

แต่จะเป็นส่วนเสริมที่จะเพิ่มความน่ารักให้คู่นี้จ้า

อย่าลืมติดตามอ่านกันด้วยนะครับ



ปล. ฝากแชร์นิยายเค้าด้วยน้าๆๆๆๆๆ
[/b]
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 08-04-2020 12:19:06
สมหวังแล้วนะเจ้าต่อ ได้พี่เอกแสนซื่อไปครอบครอง  :3123:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-04-2020 13:14:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-04-2020 16:26:58
แฟนกันแล้วอ้อนแฟนใหญ่เลยน้าา คุณน้องต่อออ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: gotcha ที่ 08-04-2020 16:33:52
กว่าจะได้พี่เอกเป็นแฟนรอตั้ง 9 เดือน แล้วถ้าจะได้ยิ้มกันนี่ น้องต่อตั้งรออีกกี่ปีกันนั่น 555555555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-04-2020 18:51:47
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
คุณต่อดีใจจนเป็นบ้าไปแล้ว อิอิอิ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 08-04-2020 20:09:52
เบบี๋...ต่อ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 08-04-2020 22:45:14
ในที่สุดคุณต่อก็หลอกล่อพี่เอกเป็นแฟนได้แบบพี่เอกยังงงอยู่เลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-04-2020 01:35:05
ในที่สุดก็ถึงวันที่รอคอย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 24 P.8 @08/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 09-04-2020 13:19:52
ห๊า ยังมีน่ารักกว่านี้อีกเหรอ เท่านี้ หัวใจ เหลวเป๋ว หมดแย้วววว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 13-04-2020 10:19:25
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 25 การปรับตัวของเอกภพ [ตอนพิเศษ #1]

             โดยปกติแล้ว คุณต่อพงษ์จะออกงานสังสรรค์ค่อนข้างบ่อย เนื่องจากเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม โดยงานอีเว้นต์ต่างๆจะส่งการ์ดเชิญมาสม่ำเสมอ หลายๆงานก็ไปเอง บางครั้งก็พ่วงพนักงานคนอื่นไปบ้างถ้ามันเกี่ยวข้องกัน หลังๆก็จะมีคุณกรไปด้วย เพราะว่าดูแลเรื่องการตลาด รวมไปถึงภาพลักษณ์องค์กร งานที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับบริษัทเช่น งานเดินแบบ งานเปิดตัวสินค้าต่างๆ ก็ไปบ้าง คำว่าบ้างนี่คือ 85% เลยนะครับ เพราะส่วนใหญ่คนที่เชิญมาก็คือเพื่อนคุณต่อเองบ้าง เพื่อนท่านประธานและคุณนายบ้าง หรือไม่ก็งานที่คุณตงฉินไปเดินแบบบ้าง...มีส่วนน้อยถึงน้อยมากที่เจ้านายหนุ่มจะไม่ไป

             วันนี้ก็เช่นกัน เป็นงานเปิดตัวสินค้าของเครื่องประดับยี่ห้อดังที่โรงแรมแถวสาทร บัตรเชิญส่งตรงถึงคุณต่อพงษ์โดยมีการต่อสายมากำชับอีกครั้งว่าอยากให้ไปร่วมงานเป็นอย่างมาก คงเพราะว่าปีที่แล้วทางบริษัทได้เหมาเครื่องประดับมาเป็นของขวัญปีใหม่กับลูกค้ากระมัง ชื่อของคุณต่อพงษ์เลยกลายเป็นลูกค้าวีไอพีโดยปริยาย...ทุกอย่างมันก็คงดำเนินไปตามที่มันควรเป็นหรอก หากไม่ใช่...

“พี่เอก ไทเบี้ยวแล้วครับ” โอย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ครับ ทั้งสูทสีเข้มเข้ารูปติดกระดุมล่างหนึ่งเม็ดและเชิ้ตแบบพอดีตัวสีครีมไข่ผูกเน็คไทสีน้ำเงินที่เป็นตีมของงาน แถมยังโดนลากไปตัดผมจนสั้น ใส่เจลจัดทรงซะแข็งโป๊ก ยังไม่รวมกับรองพื้นที่โปะจนหน้าเรียบเหมือนไม่ใช่หน้าตัวเองอีกนะ

“ไม่ใส่ชุดนี้ได้มั้ยอะครับ พี่ไม่ชินอะ” ผมประท้วง

“ไม่ได้ครับ งานนี้เป็นงานแรกที่ผมควงพี่ไปด้วย จะต้องเปิดตัวพี่เอกให้ทุกคนตะลึง” ถามหรือยังว่าอยากเปิดตัวไหม...ตะลึงเนี่ย เพราะตกใจของแปลกหรือเปล่าครับ

“พี่เอกไม่ชอบเหรอครับ” เสียงน้อยใจเริ่มมา ดราม่าเก่ง เอะอะทำเสียงอ่อย...หน้าจ๋อย แพ้ ... แพ้ทางทุกรูปแบบ

“ปะ เปล่าครับ พี่แค่ไม่ชินน่ะ เกิดมายังไม่เคยแต่งตัวไปงานอะไรแบบนี้เลย” ผมสารภาพตามตรง

“พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ งานนี้ไม่มีอะไร แค่มีสินค้าจัดแสดง ชอบชิ้นไหนก็สั่งซื้อ ไม่ชอบก็เดินดูไปเรื่อยๆ ในงานก็มีของกินเล่นมีการพบปะพูดคุยกับคนรู้จัก มีดาราไปเดินโชว์ มีนักข่าวไปทำข่าว ไม่มีอะไรมากหรอกครับ”

“นี่เรียกว่าไม่มีอะไรมากเหรอ” ผมกลืนน้ำลาย โว้ยยยยย นี่มันงานระดับชาติชัดๆ ไอ้คนพูดก็บรรยายซะไม่กล้าไปเลย

“งั้น เอางี้ ไม่ผูกไทก็ได้ แล้วก็จัดเชิ้ตให้ดูหลวมๆนิดนึง” แล้วกระดุมเม็ดบนสุดก็ถูกปลดออก ผมหายใจโล่งขึ้นเยอะเลย

“พี่กลัวไปแล้วทำตัวไม่ถูกน่ะสิครับ”

“ไม่ต้องห่วงครับ พี่แค่เดินไปกับผม ยิ้มให้กับคนที่มาทักทาย ใครถามอะไรมาเดี๋ยวผมตอบให้เอง”

“มันก็ยัง...”

“พี่เอกครับ อย่าคิดมาก ผมอยู่ข้างๆพี่ตลอดงานนะครับ” แฟนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดคล้ายกันกุมสองมือผมไว้แล้วเอาไปจูบแผ่วเบา ... หวานตลอดจริงๆ “งานแรกมันก็ตื่นเต้นแบบนี้แหละ แต่งานต่อไปพี่จะชินเอง”

“ห๊ะ งานต่อไป”

“ใช่ครับ พี่เป็นแฟนผมแล้วนะ จะให้ผมออกงานคนเดียวเหรอ” เสียงน่ะจะกระเง้ากระงอดไปไหน ช่วยดูรูปร่างตัวเองด้วย ยังกับยักษ์วัดพระแก้ว

“...” กรรมหรือเวรของไอ้เอกกันวะเนี่ย ผมได้แต่รับสภาพแหละ

บีบ...

“คุณต่อ” ผมสะดุ้งโหยง เมื่อมือใหญ่บีบแก้มก้นอย่างแรงตอนที่หันหลังให้

“เลิกเครียดได้แล้ว ไปออกงานนะครับ ไม่ใช่ไปรบ”

....ผมอยากขอกลับเข้ากรมและย้ายตัวเองไปชายแดนจังเลยตอนนี้ ฮื้ออออ อยากย้อนกลับไปตอนอายุ 21

             เมื่อจอดรถที่หน้าโรงแรมหรูแล้ว คุณต่อให้พนักงานมารับรถไปไว้ในที่จอดเพราะอยากให้เดินไปด้วยกัน ล็อบบี้ของโรงแรมกว้างขวางและน่าอยู่ มีโซฟาหลากสีท่าทางน่านั่งประดับด้วยหมอนขนาดย่อมมีตัดกันวางไว้อย่างลงตัวมั่วบริเวณ มีแขกของโรงแรมบางตาเนื่องจากเป็นช่วงค่ำ มีผู้หญิงสวยหลายคนแต่งตัวในชุดราตรีหรูหราเดินไปมา บ้างก็คุยโทรศัพท์ บ้างก็มองหาใครบางคน หรือไม่ก็นั่งที่โซฟารับแขกของโรงแรมคุยกันอย่างออกรส

             เจ้านายหนุ่มพาเดินไปขึ้นลิฟต์และไปที่ชั้นสามตามข้อมูลที่ติดป้ายไว้ที่ทางเดิน ผมประหม่าไปหมด แข้งขาสั่นเหมือนเดินเข้าป่าช้าตอนตีสามก็ไม่ผิด ในลิฟต์มีแต่เราแค่สองคน ...

“ไม่ต้องกังวลนะพี่เอก” เหมือนจะรู้ใจนะ แต่ถ้ารู้ใจจริงๆก็ไม่ต้องพามาไหม  “ผมอยู่ตรงนี้แล้วไง” มือใหญ่ที่แนบกันมีความเคลื่อนไหว นิ้วก้อยของคุณต่อเขี่ยมาที่นิ้วก้อยของผมจนรู้สึกเบาใจอย่างบอกไม่ถูก ... เป็นไงเป็นกันล่ะวะไอ้เอกเอ๊ย...

   ตึ๊ง!  เสียงลิฟต์บ่งบอกว่ามาถึงที่หมายแล้ว ผมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่คิดในใจว่ามันคงเป็นงานธรรมดาเท่านั้น พอประตูลิฟต์เปิด พรมสีแดงก็มารอรับแล้ว พวกเราต่างเดินไปตามทางที่ปูไว้ จากลิฟต์ไปที่งานก็ประมาณ 40 เมตร มีคนเดินไปมาประปรายเพื่อเข้าห้องน้ำ พอเดินผ่านไปก็จะเจอจุดลงทะเบียนที่งานนี้มีพนักงานสาวสวยของบริษัทเครื่องประดับชั้นนำมาไหว้ทักทายและส่งยิ้มหวาน เจ้านายหนุ่มไม่ต้องแสดงบัตรเชิญ เพราะทุกคนจำหน้าได้ เมื่อลงชื่อเสร็จ ผมก็ถูกคุณแฟนดันตัวให้เดินตามเข้าไปข้างใน

             ตอนนั้นตาผมแทบจะปรับสภาพไม่ได้ นอกจากแสงไฟที่สาดส่องแล้ว แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปโผล่มาจากมุมไหนก็ไม่รู้กรูเข้ามาถ่ายรูปคุณต่ออย่างเนืองแน่น นี่ถ้าไม่รู้จักคิดว่าเป็นดารามาเอง...แต่ เอ๊ะ ... ก่อนหน้านี้คุณต่อก็เคยเป็นดารานี่นา ผมพยายามทำตัวลีบเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต แต่กลับถูกมือใหญ่ของเจ้านายจับที่เอวด้านหลังไว้ให้ต้องเขยิบมาอยู่หน้ากล้อง มีนักข่าวสายบันเทิงที่ทำรายการสัมภาษณ์พวกไฮโซออกทางทีวีก็ยื่นไมโครโฟนมาสัมภาษณ์เจ้านายหนุ่มที่คุยกันอย่างออกรส ผมเคยเห็นพิธีกรคนนี้แต่ในทีวี ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาเจอตัวเป็นๆ

“พี่ๆนักข่าวคะ เดี๋ยวงานจะเริ่มแล้ว ขอตัวคุณต่อไปประจำที่ก่อนนะคะ” แล้วพนักงานสาวสวยคนเดิมก็แหวกทางให้พวกเราไปประจำที่นั่งของวีไอพี ซึ่งเป็นเก้าอี้ออกแบบแปลกตาอยู่มุมหนึ่งของงาน มีแขกวีไอพีหลายคนจับจองที่นั่งกันอยู่แล้ว ในมือก็ถือเครื่องดื่มหลากสีสัน

“ผมขอบลูฮาวายกับบลัดดี้แมรี่อย่างละแก้วนะครับ” คุณต่อแจ้งกับพนักงานต้อนรับที่สอบถามเรื่องเครื่องดื่ม ... ใจคอจะไม่ให้ผมชิมอย่างอื่นเลยใช่มั้ย นอกจากไอ้บลูฮาวายเนี่ย

   ตั้งแต่ออกจากลิฟต์จนมานั่งตรงนี้ พวกเราทั้งคู่ยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว คงเพราะเสียงเพลงและเสียงพูดคุยกันอื้ออึงทำให้ไม่สะดวกที่จะสนทนา บวกกับภายในงานยังมีเครื่องประดับหลากหลายชิ้นวางเรียงรายในตู้กระจกใสบนโพเดี้ยมปูทับด้วยผ้าสีขาว เมื่อเครื่องดื่มมาบริการ เจ้านายก็ชวนไปเดินดูสินค้า ซึ่งเอาตรงๆว่า...ไม่รู้จัก

   ภายในงานคนเริ่มทะยอยมาจนเรียกว่าเกือบจะแน่น แต่ยังดีที่พวกเรามีโต๊ะวีไอพีให้นั่ง ไม่ต้องยืนหรือเดินไปมาเหมือนคนส่วนมากของงาน ของว่างหลากหลายก็มีคนคอยบริการ ผมที่ไม่สันทัดเรื่องสินค้าก็จ้วงของกินจนพุงกางเลยตอนนี้ รู้สึกแน่นท้องเพราะสูทมันรัด

“เอาล่ะค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญพบกับการเดินแบบแสดง....” พิธีกรในงานที่ทำหน้าที่บนเวทีมาสักพักก็แจ้งเรื่องการเดินแบบ ส่วนหนึ่งที่คุณต่ออยากให้มาก็เพราะคุณตงฉินมาเดินแบบในงานด้วย นางแบบหน้าตาสวยหุ่นดีเดินวนไปมาหลายคนสลับกับนายแบบหนุ่มกล้ามแน่นที่หล่อตะลึงต่างนำเสนอเครื่องประดับหลากชิ้นอย่างมืออาชีพ จนกระทั่งคนที่เรามาเชียร์เดินออกมา

             คุณตงฉิน น้องชายคุณต่อพงษ์ เจ้าของใบหน้าหล่อตี๋ ผิวสีแทนมาในชุดกึ่งลำลอง กางเกงขายาวพริ้วสีขาว เปลือยท่อนบนเผยแผงกล้ามลีนแน่นขนัด ที่คอมีสร้อยคอประดับไว้ มันเหมาะกับคุณตงฉินจนเรียกได้ว่าคนอื่นใส่อาจจะหมอง ผมจับจ้องน้องชายของแฟนตัวเองตาเป็นมัน ในหัวแอบคิดแว้บหนึ่งว่าถ้าคุณตงเป็นคนมาจีบ ผมจะตกหลุมแบบพี่ชายเขาไหม

“คิดอะไร ฮึ ... มองขนาดนี้ห่อกลับบ้านด้วยเลยมั้ย” นั่นไง จะเสียงใครล่ะ แค่มองนิดเดียวเองตาขวางค้อน

“เปล่าซะหน่อย ผมก็แค่ให้กำลังใจคุณตงเฉยๆ”

“ไม่ต้องหรอก แฟนคลับมันเยอะแยะ พี่เอกอยู่กับผมก็พอ” อะหะ...นี่คือหึงแม้กระทั่งน้องตัวเองเลยเรอะ ... แต่ที่คุณต่อพูดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ในงานนี้มีแฟนคลับคุณตงฉินมาหลายคนเลย ทั้งที่เป็นงานแบบปิด ไม่ได้เชิญแขกทั่วไป ต้องเป็นลูกค้าของยี่ห้อนี้เท่านั้นจะได้บัตรเชิญมา และนั่นหมายความว่าแฟนคลับคุณตงฉินจะต้องทุ่มเงินไม่น้อยเพื่อให้มาในงานได้

“พูดยังกะผมหล่อน่าแย่งงั้นแหละ”

“หึหึ พี่ไม่รู้ตัวไง ดูโน่นสิ ค่อยๆหันนะ โต๊ะซ้ายมือสิบสี่นาฬิกา ... เกย์สองสามคนมองพี่ตาเป็นมันเชียว” ผมค่อยๆหมุนใบหน้าไปทางซ้ายตามเข็มนาฬิกาที่คุณต่อบอก ผู้ชายแต่งตัวฉูดฉาดจับจ้องมาทางพวกเราจริงๆ แถมตอนที่ผมหันไป มียิ้มและพยักหน้าให้ด้วย

“คะ เค้าอาจจะมองคุณต่อก็ได้มั้ง”

“ไม่ใช่แน่นอน เพราะผมนั่งจ้องสามคนนั้นนานละ ไม่มีทีท่าจะสนใจ แต่แค่พี่หันไปกลับยิ้มให้เฉ้ย เสน่ห์แรงนักนะ” โอย คุณต่อ ผมอยู่เฉยๆเองงงงง

“เอ่อ ขอโทษนะครับ พอดีว่า เพิ่งเคยเห็นหน้าคุณครั้งแรก ไม่แน่ใจว่าเพิ่งเคยมางานแนวนี้หรือเปล่าครับ” เอาไงล่ะกู หนึ่งในสามเก้งเดินมาประชิดแบบไม่ทันตั้งตัวก็พุ่งคำถามใส่ ผมมองหน้านั้นอย่างเหรอหรา ถึงแม้จะไม่ใช่คนหล่อจัด แต่ก็ดูดี สะอาดสะอ้าน การแต่งกายนั้นเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกปะทะมาอย่างจัง ควรจะตอบยังไงไม่ให้เค้ารู้ว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุงกันวะเนี่ย

“ครับ คระ ครั้งแรก” ผมตอบไป

“ผมเทพบดินทร์ หรือเทพนะครับ นี่นามบัตรผม” ผมหยิบมาอย่างเกรงใจ (เกรงใจแฟน ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำหน้ายังไง ไม่กล้ามอง) อ่านชื่อในนามบัตร อื้อหือ มันเขียนว่าซีอีโอบริษัทนำเข้าแห่งหนึ่ง

“ผะ ผม เอกภพครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเอกภพ ขออนุญาตชนแก้วหน่อยนะครับ” คุณเทพบดินทร์ยิ้มหวานจนผมขนลุกยื่นแก้วเครื่องดื่มมาเพื่อขอชน ผมจำเป็นต้องทำตามมารยาท “คุณต่อด้วยนะครับ พี่ขออนุญาต”

“ได้ครับ ขอบคุณมากครับคุณเทพที่ให้เกียรติ”

“แหม พูดเว่อไป คนกันเองทั้งนั้น” จีบปากจีบคอจนลืมเก๊กไปซะละ “ว่าแต่ คนนี้ใครเหรอ ถึงได้มากับน้องต่อได้ ..”

“...”

“หน้าตาหล่อเชียว แถมหุ่นแน่น สเป๊กมาก เพื่อนคุณต่อเหรอ พี่ขอจีบได้ปะ” หมดกัน ความแมนที่คุณเทพบดินทร์เก๊กไว้ สายตากรุ้มกริ่มทำผมอึดอัด นี่แสดงว่าหน้าตาเราดึงดูดเพศเดียวกันแล้วจริงๆใช่มั้ย

“พี่สนใจพี่เอกจริงๆเหรอครับ” นั่นไง ถามเสียงเข้ม

“ใช่จ้ะ ชอบมาก ชายในฝัน” อื้ออออ อย่าเอามือมาลูบแขนสิครับ ไอ้เอกทำตัวไม่ถูก

“คุณเอกภพว่าไงครับ” โห จู่โจมรุนแรงมาก ต่อหน้าแฟนกูอี๊ก... คุณต่อช่วยด้วย ... ไปไม่ถูก

...ทำหน้ากร้าวแบบนี้ ไม่พอใจแหงๆ...

“คือ เอ่อ...ผะ ผม...” จะบอกไงดี จะบอกว่าไม่ชอบผู้ชายก็ไม่ได้ ตอนนี้มีแฟนแล้ว แฟนหล่อมากด้วย แถมเป็นผู้ชายตัวใหญ่เท่ายักษ์อีกต่างหาก แต่จะบอกปัดยังไงดีล่ะ ไอ้คุณต่อก็ไม่ช่วยอะไรเลย นั่งกอดอกหน้ามุ่ยไปซะงั้น ไอ้คุณเทพบดินทร์ก็ทำหน้าตาแพรวพราวอย่างมีความหวัง ...

“ผมขอไลน์คุณเอกภพได้มั้ยครับ จะได้เอาไว้ติดต่อ...” นั่นไง จู่โจมเข้าไป ทำไมวะ หน้ากูเนี่ยเหมือนเกย์ขนาดนั้นเลยเรอะ

“คือผม...” เอาวะ เป็นไงเป็นกัน “ผมขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมมีแฟนแล้ว”

“อ๊ะ” เสียงอุทานของคุณเทพบดินทร์ดังขึ้น หน้าเสียเลยงานนี้

“ใช่ครับ ผมนี่แหละแฟนพี่เอก” เจ้านายหนุ่มหน้ายิ้มร่าเลยจ้า แถมอยู่ๆเอื้อมมือมาโอบไหล่จนตัวเซเกือบไปซบอีกต่างหาก

“คุณต่อ” ผมประท้วง พยายามดันตัวออก ผิดกับคุณเทพบดินทร์ที่ตกใจตาเบิกโพลงไปแล้วนั่น

“อะ อ่อ อุ่ย” คุณเทพบดินทร์ไปไม่ถูกเลย “พอดีนึกได้ว่าเพื่อนอยากคุยงาน พี่ขอตัวก่อนนะครับ”

...แล้วเจ้าของร่างสูงใหญ่กล้ามแน่นก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองแทบทันทีโดยที่พวกเราไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ร้ายนักนะ”

“ร้ายอะไรคุณต่อ” ผมปรับท่านั่งหลังจากหลุดจากแขนใหญ่ที่คว้าไปโอบ

“ก็ที่บอกว่ามีแฟนแล้วไง” นั่นยิ้ม แหม...ทีเมื่อกี้หน้าบูดเป็นตูดไก่ต้มอยู่เลย

“แล้วจะให้ผมบอกว่าไงล่ะครับ” ออกงานครั้งแรกก็แทบจะบ้าตายเลยเห้ย

“ผมไม่รู้” ไอ้เจ้านายตอบหน้าตาเฉย “ผมก็ลุ้นอยู่ว่าพี่เอกจะตอบยังไงเหมือนกัน”

...ลองคิดดูสิ ถ้าตอบอย่างอื่นไป กลับบ้านมีงอนยาวแน่ๆ... ดีนะ งานยังไม่กร่อย ... เราหันไปโฟกัสกับแฟชั่นโชว์จนจบ นางแบบนายแบบก็เดินกลับมาวนโชว์ตัวอีกครั้งก่อนเดินไปหลังเวที ผมจิบบลูฮาวายแก้วแรกอย่างช้าๆ เพราะคืนนี้ต้องขับรถอีก ในงานก็ไม่มีอะไรอีก ดีเจกลับมาเปิดเพลงครึกครื้น แขกเหรื่อในงานก็คุยกันราวกับเป็นเพื่อนสนิทกันนมนาน นักข่าวต่างกรูไปสัมภาษณ์คนโน้นคนนี้ก่อนจะไปรุมสัมภาษณ์พระเอกนางเอกชื่อดังที่มาร่วมเดินแบบคืนนี้ด้วยอย่างคับคั่ง

“คุณต่อพงษ์คะ ขอเชิญที่แบ็กดรอปด้วยได้ไหมคะ” เสียงเจ้าของงานมาเชื้อเชิญเจ้านายหนุ่มถึงที่ “เดี๋ยวจะมีถ่ายรูปรวม ขอเชิญเป็นเกียรติกับเราด้วยนะคะ”

“ยินดีครับ” เจ้านายหนุ่มลุก ร่างสูงสง่าน่าดึงดูด คนในงานต่างจับจ้องมาทางนี้เพราะว่าสปอร์ตไลต์สาดแสงมา ผมนั่งมองอย่างบรรยายอารมณ์ตัวเองไม่ถูก มันช่างต่างกับชีวิตจริงของเราเหลือเกิน

“พี่เอก พี่เอก” ผมสะดุ้งเมื่อโดนเขย่าตัว

“ไปเร็ว จะเหม่ออีกนานมั้ย”

“ปะ ไปไหนครับ” ผมถามเจ้านายหนุ่มที่ยืนประจัญหน้า

“อ้าว ก็ไปถ่ายรูปไง เจ้าภาพเค้ามาเชิญแล้ว”

“ห๊ะ พี่ต้องไปด้วยเหรอ” ผมชี้มาที่ตัวเอง

“ไม่ถ่ายได้ไง พี่มาในฐานะอะไร อย่าลืมสิ” หึ ย้ำจัง

“ตะ แต่...”

“ไปเร้ว อย่าช้า คนอื่นรออยู่” ชิบ..หาย...แล้ว

             ผมค่อยๆลุกยืนจนสุดสองขาที่กำลังสั่น มือเย็นเฉียบอย่างตื่นเต้น อยู่ๆก็โดนลากไปกลางงานเพื่อถ่ายรูปร่วมกับแขกคนอื่นๆและดาราชื่อดังที่เคยเห็นแต่ผลงานละครที่กำลังออกอากาศ ไม่คิดว่าจะมาอยู่ใกล้ระยะประชิดขนาดนี้ เจ้าภาพแหวกที่ให้เจ้านายหนุ่มยืนชิดกับนางเอกสาวคนสวย ผมมองอย่างตะลึงเลยครับ ไม่คิดเลยว่าจะมีวาสนาขนาดนี้

“อ้าว พี่เอก มาด้วยเหรอ” คุณตงฉินนั่นเอง ตอนนี้เปลี่ยนชุดแล้ว ดูหล่อจนกลบออร่าผมมิดเลย ซ้ายก็คุณต่อ ขวาก็คุณตง ...

...กูนี่หลุมดำชัดๆ... ผมยืนเกร็งเลยครับตอนที่รอทางเจ้าภาพจัดแจงท่าก่อนถ่ายรูป สัมผัสอุ่นๆของมือใหญ่โอบเอวมาทำให้อุ่นใจขึ้นเยอะ แต่...มันไม่ได้มีแค่มือเดียวน่ะสิ

“ไอ้ตง เอามือมึงออกไป” คุณต่อพยายามโน้มตัวไปกระซิบไล่น้องชายตัวเอง

“โห พี่ต่อแค่นี้ทำหวง” กวนประสาทกันเองอีกละ

“คุณต่อนะ นิ่งๆค่ะ เดี๋ยวจะถ่ายรูปแล้วนะคะ” ทางเจ้าภาพขอร้อง แต่เจ้านายหนุ่มยังไม่พอใจที่น้องชายตัวเองยังโอบเอวผมอยู่

“มานี่”

“อ๊ะ” ผมตกใจสิครับ เมื่อคุณต่อสลับตัวผมให้มาชิดกับนางเอกสาวแทน วินาทีนี้ไอ้เอกไม่คิดอะไรแล้วครับ เพราะมายืนข้างคนสวยระดับนี้ทำให้หน้ามือตามัวไปหมดแล้ว กลิ่นก็ห๊อมหอม หน้าก็ส๊วยสวย ขอลืมไอ้ผู้ชายตัวใหญ่สองคนที่กำลังตีกันอยู่ข้างๆแป๊บ...
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-04-2020 11:00:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 13-04-2020 11:19:07
พลาดแล้วคุณต่อ ที่เอาพี่เอกไปไว้ใกล้สาวสวย :mew1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-04-2020 11:53:20
พี่ต่อ ก็ขี้หึง น้องตง ก็ขี้แหย่ ลุงเอก นอกใจ ไปกับนางเอกสาวสวย คงเฮฮา
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-04-2020 12:07:41
คุณต่อหารู้ไม่ว่าพี่เอกชอบสาวๆ นะ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-04-2020 12:23:22
ชุลมุนกันไปหมด ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 13-04-2020 20:45:44
น้องต่อพลาดละนะ 5555555  เดี๋ยวพี่เอกหลงสาวสวย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว โดนลงโทษอีก :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 13-04-2020 22:35:13
บลูฮาวาย.........???
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-04-2020 22:56:10
เดี๋ยวก็โดนหึงอีกหรอกครับ :-[
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-04-2020 23:09:29
เหมือนเอาปลาย่างไปฝากแมว พี่เอกใจสั่นไปหมดแล้วนั่น  555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 25 P.8 @13/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 14-04-2020 09:44:05
ตีกันจนไม่มองว่าพี่เอกแฟนสุดหวงกำลังฟินได้ยืนข้างสาวสวย  :m20:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-04-2020 11:12:09
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 26 ความลับไม่มีในโลกหรอกนะเอกภพเอ๋ย

             ความตั้งใจแรกของผมคือ ไม่อยากให้คุณต่อเปิดเผยเรื่องที่เราคบกันกับที่ทำงาน เพราะยังไงคุณต่อก็มีหน้าตาในสังคม อีกทั้งยังต้องรักษาความน่าเชื่อถือของตัวเองกับลูกน้อง การที่มาคว้าผู้ชายเป็นแฟนก็ว่าเกินความคาดหมายแล้ว แต่ยังพ่วงด้วยอาชีพพนักงานขับรถของเจ้านายอีก ... สมภารกินไก่วัดขนาดนี้ ... ทั้งออฟฟิศจะต้องลุกเป็นไฟแน่ๆ

             แต่ความลับไม่มีในโลกหรอกครับ เพราะนิตยสารที่ทางบริษัทซื้อมาติดออฟฟิศประจำนั้นก็มีข่าวเกี่ยวกับงานเปิดตัวสินค้าที่พวกเราไปร่วมงานเป็นสกู๊ปใหญ่สามหน้า รูปในงานก็เป็นหลักฐานอย่างดีว่าผมกับคุณต่อไปด้วยกัน นั่งติดกัน ถ่ายรูปร่วมเฟรมไม่แยกกันสักรูป ถ้าจะบอกว่าไปในฐานะคนขับรถก็คงอ้างไม่ขึ้น เพราะว่ากระผมนั้นแต่งตัวในชุดสูทแบบจัดเต็ม ทำทรงผมที่ไม่เคยทำมาก่อนอีกด้วย หนำซ้ำใบหน้ายังเรียบเนียนราวกับว่าหลุดมาจากโรงเรียนสอนแต่งหน้าอีกด้วย...ดูดีๆก็หล่ออยู่นะ

“หืมมม พวกแกร๊ ชั้นตกข่าวอะไรไปรึเปล่าเนี่ย” กลุ่มแม่บ้านทหารบกจับตัวกันแล้วจ้า นี่ตั้งวงกันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าไอ้เอกภพที่แต่งตัวมอซอยืนในซอกชงกาแฟอยู่ คงเพราะสภาพผิดกับในนิตยาสารลิบลับคนเลยไม่สังเกต ... เว่อร์ไป จริงๆมันเป็นซอกคล้ายๆระเบียงยื่นออกไปครับ ถ้ามาหลบมุมนี้จะไม่มีคนเห็นถ้าไม่สังเกต

“นี่ไงแก ชั้นว่าแล้วว่ามันตะหงิดๆ ปกติคุณต่อน่ะนะเปลี่ยนคนขับรถบ่อยจะตาย”

“ใช่ๆ แต่กับพี่เอกเนี่ย ยืนหนึ่งมาตั้งแต่ต้นปีจนจะปลายปีแล้ว”

“ทีแรกก็นึกว่าแค่เจ้านายลูกน้องที่สนิทกัน เห็นหยอกล้อกันนึกว่าคุณต่อเป็นกันเองกับลูกน้องซะอีก”

“ใช่แก ที่ไหนได้ ... หืมมม ไม่อยากจะคิด อิจฉาพี่เอกอยู่นะ” สาวๆครับ ผมอยู่ตรงนี้

“ชั้นว่าชัวร์ ยังไงคู่นี้ก็ต้องมีซัมติง”

“โอ๊ย เพื่อนขา พากันออกงานขนาดนี้ คงแค่คนขับรถหรอกค่ะ แต่ อื้อหือ พี่เอกแต่งเต็มนี่ก็หล่อมากนะเว้ย”

“ใช่ๆ หล่อมาก ผิดกับตอนมาทำงานยังกะคนละคน” หึหึหึ ไอ้ภูมิใจก็ภูมิใจหรอกนะ แต่มันก็ยังไงๆอยู่

“ดาร์ก ทอลล์ แอนด์ แฮนด์ซั่ม...ไม่น่าเสร็จคุณต่อเลยอะแกร๊”

“นี่ เบาๆสิ เก็บความเสียดายไว้ค่ะ คนเค้ารักกันพวกเราต้องตัดใจนะคะ...”

“ชั้นรู้สึกอกหักดังเป๊าะเลยแก อุตส่าห์อ่อยคุณต่อมาตั้งสองปี” หนึ่งในกลุ่มสาวโสดบ่น

“อิจฉา....”

“อิจฉาใคร”

“ชั้นอิจฉาทั้งคู่แหละ อิจฉาพี่เอกที่ได้คุณต่อเป็นแฟน แล้วก็อิจฉาคุณต่อด้วย...ดูดิ พี่เอกน่ากิ๊น น่ากิน”

“ย่ะ นังหื่น ไปเร้ว เลิกเม้าก่อน ไปทำงานๆๆๆ” ผมที่ยืนหันหลังนั่งฟังเหงื่อแตกพลั่ก...อานุภาพของสาวๆในออฟฟิศนี่มันรุนแรงเหลือเกิน



             ทุกอย่างมันควรเป็นไปตามปกติ ยกเว้นระยะหลังมานี้ที่คนในออฟฟิสดูจะเกรงใจผมมากขึ้นจนน่าแปลกใจ แถมยังมีขนมนมเนยมาฝากมากกว่าแต่ก่อนจนเกรงใจสุดๆ ไอ้เราน่ะพอจะเข้าใจนะว่าเป็นเพราะอะไร ถึงแม้คุณต่อกับผมไม่ได้ออกมาประกาศตัวว่าคบกัน แต่ภาพที่ออกมาและการที่เราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงขนาดนี้ก็ย่อมเป็นที่จับสังเกตได้ไม่ยาก

“พี่เอก วันนี้นาวซื้อขนมหม้อแกงจากเพชรบุรีมาฝาก” น้องมะนาวคนสวยนมใหญ่

“คุณเอกครับ พอดีผมไปเที่ยวตลาดน้ำมา เลยซื้อน้ำตาลโตนดเจ้าดังมาฝาก...” คนนี้ใครหว่า ปกติไม่เคยเห็นหน้า

“คุณเอกขา บังซื้อไข่เค็มไชยยามาฝาก...” บังดำเอ๊ย สุภาพขึ้นเยอะเลย แถมไม่กล้าแซวผมด้วย

“สวัสดีครับพี่บัวคำ”

“อุ๊ย น้องเอก สวัสดีค่ะ ไม่ต้องยกมือไหว้พี่ก็ได้” พี่บัวคำหน้าเจื่อนตอนที่ผมยกมือไหว้

“แหมพี่ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมน่ะอายุน้อยกว่าพี่นะ ไม่ไหว้พี่ก็เหมือนคนไม่มีสัมมาคาราวะน่ะสิ”

ฯลฯ

....

“ฮ่าๆๆๆๆ ขนาดนั้นเลยเรอะ” นี่ไง ปฏิกิริยาแรกของเจ้านายหนุ่มหลังจากได้ฟังที่ผมเล่า

“ไม่ตลกนะคุณต่อ ผมล่ะอึดอัด ไม่ชินเลยที่มีแต่คนนอบน้อมใส่”

“พี่เอกอย่าคิดมากน่า” ไม่พูดเปล่า สองแขนใหญ่ก็ลากตัวมานอนในอ้อมกอดอย่างคุ้นเคย “ดีแล้วไง ที่เป็นแบบนี้ แฟนของรองประธานบริษัทเชียวนะ”

“อย่าลืมสิคุณต่อ ผมเป็นแค่คนขับรถเองนะ”

“แล้วคนขับรถเป็นแฟนต่อพงษ์ไม่ได้เหรอ” สะอึกสิครับงานนี้

“ผมไม่สนใจหรอกว่าพี่เอกเป็นใคร พี่เอกคือพี่เอกคนที่ผมเลือกแล้ว” หวานนนน

“ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะมอง จะคิดยังไง ผมสนใจแค่ตอนนี้ผมได้อยู่กับพี่ แค่นี้ก็พอแล้ว”

ใจละลายเลยไอ้เอก...จากที่ไม่ชิน กลับกลายเป็นว่าเคลิ้มไปหมด

             ที่ไม่ให้คิดมากน่ะ ผมเข้าใจนะ แต่ถ้าไม่ให้คิดเลยมันก็เป็นไปไม่ได้ปะ คนเรามันมีที่มาต่างกัน มันยากที่จะระบุได้ว่าคนไหนชื่นชมความสัมพันธ์ของเราแบบจริงใจ หรือคนไหนแค่แสดงออกเพื่อเอาหน้า ผมมาจากระดับรากหญ้า ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะโดนฉุดให้โผล่หัวชูคออยู่ตรงนี้ก็ย่อมปรับตัวได้ลำบากหน่อย...ไม่หน่อยละ ลำบากมาก ... แต่พอเห็นท่าทางหนักแน่นของแฟนหนุ่มตัวเองก็ยอมแต่โดยดี นิสัยของเรามันไม่ต้องปรับตัวเข้าหากันแล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ว่าเป็นคนยังไง ทำงานด้วยกันมาขนาดนี้ เห็นไส้เห็นพุงกันหมดแล้ว ก็เหลือแค่ฐานะทางสังคมเท่านั้นที่ต้องปรับกันอีกขนานใหญ่

“คิดอะไรอยู่เนี่ย ป้อนคำหวานไปตั้งเยอะ ดันมาเงียบใส่” นั่นไง แค่คิดอะไรเพลินๆนิดเดียวเอง

“เปล่าครับ คิดเรื่อยเปื่อยน่ะครับ ... เรื่องสอบด้วย”

“เออ จริงสิ พี่เอกใกล้สอบแล้วนี่นา อ่านหนังสือรึยัง”

“อ่านบ้างแล้วครับ เมื่อกี้ก็อ่านอยู่ แต่ใครก็ไม่รู้ลากมานอนตรงนี้” ผมผละจากอ้อมอกแกร่ง เนื้อตัวร้อนผ่าวของคุณต่อชวนให้น่านอนเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องลุกมาให้ได้ ไม่งั้นคงไม่ได้อ่านหนังสือ ผมลงทะเบียนเรียนต่อแล้ว แต่ไม่ได้ไปเข้าเรียนที่มหา’ลัยเลย แค่ทำงานตามที่อาจารย์สั่งทางอีเมล์ และไปสอบตามตารางที่คณะจัดมาเท่านั้น

“พูดซะผมรู้สึกผิดเลย พี่เอกเอาหนังสือมาอ่านตรงนี้ได้มั้ย” คุณต่อตบที่นอนข้างๆตัว ผมล่ะระอาใจจริงๆ

“ไม่ครับ ขืนมาอ่านตรงนี้ก็ไม่มีสมาธิอ่านหรอก”

“ทำไมล่ะครับ” ถามแล้วยิ้มแบบนี้ ยิ้มแบบกวนๆจนผมหน้าแดง นึกถึงครั้งก่อนที่เชื่อคำ เอาหนังสือมานอนอ่านข้างๆ ผลปรากฎว่าไอ้คุณแฟนเนี่ยทั้งมากอด ออเซาะ นัวเนีย จับจูบจนผมสติกระเจิดกระเจิงไปเลย...

“ยังจะถามอีก ผมไปอ่านหนังสือดีกว่า...” ผมรีบพุ่งตัวไปที่ห้องทำงานของคุณต่อที่เพิ่งเปลี่ยนสภาพห้องเก็บของเมื่อไม่นานมานี้ เดิมทีคุณต่อไม่ต้องหอบงานมาทำที่บ้าน แต่พอผมเรียนต่อตามที่เค้าอยากให้ทำ ก็เลยลงทุนทำห้องให้ใหม่สำหรับทำรายงานและอ่านหนังสือ ... โดยให้เหตุผลคือ ไม่อยากให้พี่เอกไปที่อื่น กลัวมีคนมาจีบ

...เห็นรึยัง ว่าไอ้เอกคนนี้ก็มีเสน่ห์นะเว้ยยยยยย



ก๊อกๆ

             ผมหันไปมองที่ประตูห้องทำงานตามเสียงเคาะ พลันตกใจที่คนที่เปิดเข้ามาไม่ใช่คุณต่อเหมือนที่คิดไว้ แต่กลับเป็นน้องชายสุดหล่อของคุณแฟนที่เดินหน้ามุ่ยมา

“พี่เอก พี่บล็อกเบอร์ผมเหรอ” หืม มาถึงก็จัดชุดใหญ่เลย

“ปะ เปล่านี่ครับ ผมจะบล็อกเบอร์คุณตงได้ไง ผมยังไม่มีเบอร์คุณตงเลยนะ” ผู้มาเยือนนิ่ง ท่าทางครุ่นคิด

“ก็จริง แต่ผมมีเบอร์พี่เอกไง พยายามโทรหาหลายรอบแล้วก็เหมือนสายไม่ว่างตลอด เมื่อกี้ก่อนเข้ามาก็ลองโทรอยู่ ก็เหมือนเดิมทั้งๆที่มือถือพี่ก็วางข้างๆ”

“หืม” ผมหยิบมือถือตัวเองมา ไม่มีเบอร์ใครโทรเข้าสักคน “ไม่เห็นมีสายเข้าเลยครับ”

“แปลก แปลกมาก ผมขอดูมือถือพี่เอกหน่อยสิครับ” ผมปลดล็อกและยื่นมือถือให้

“นี่ไง ว่าละ มีคนบล็อกเบอร์ผมจริงๆด้วย” อืม ผมรู้เลยว่าฝีมือใคร เพราะตอนที่คุณตงเอื้อมมือมาโอบเอวผมในงานวันก่อน คุณต่อก็ดูเคืองน้องชายตัวเองไม่น้อย

“ว่าแต่ คุณตงโทรหาผมทำไมเหรอครับ ให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า” ผมตัดบท ตอนนี้สมองกำลังแล่น

“คือ มะรืนนี้ผมกับไอ้หนึ่งไอ้โทจะไปเที่ยวทะเลกันน่ะครับ เลยว่าจะชวนพี่เอกไปด้วย ทริปนี้คิดว่าจะเมากันเลยไม่อยากขับรถไปเอง”

“อ่า คือ...”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมขอพี่ต่อให้ รับรองว่าไม่มีปัญหา...”

“มี” ผมชะงัก หันไปมองคนตัวสูงที่ยืนพิงประตูด้วยใบหน้ายู่ยับ

“มีปัญหาอะไรพี่ต่อ”

“มีสิ พี่เอกเป็นคนขับรถส่วนตัวของพี่ และเป็นแฟนพี่ด้วย อยู่ๆจะมาขอให้ไปขับรถให้เราไปเมาน่ะเหรอ ไม่มีทาง”

“แต่ทริปนี้พวกน้องๆพี่เอกไปด้วยนะ ผมเลยอยากจะมาชวนแกไปด้วย”

“แล้วไงล่ะ คนขับรถที่บ้านก็มี ก็ให้พาไปสิ”

“พี่ต่อขี้หวง ใจคอพี่จะไม่ถามพี่เอกสักคำเลยเหรอว่าอยากไปหรือเปล่า” อ้าว โยนภาระมาทางนี้ซะงั้น

“เอาสิ พี่เอก ว่าไงครับ พี่อยากไปหรือเปล่า” น้ำเสียงที่ถามน่ะ จะเข้มไปไหน แถมท่าทางแบบนั้น ไม่เป็นมิตรต่อคำตอบอีกด้วย

“คือ จริงๆพี่ก็อยากไปนะคุณตง...”

“นั่นไง เห็นปะ ผมบอกแล้วว่าให้ถามพี่เอกก่อน” คนน้องได้ทีก็แทรกเลยครับ

“แต่ผมคงไปไม่ได้อะครับ ขอโทษด้วยนะครับคุณตง”

“อ้าว ทำไมล่ะ” เสียงเปลี่ยนเลยจ้า จากที่ร่าเริงร้อยแรงม้าเหลือแค่ระดับเพิ่งสตาร์ทเครื่อง

“กูตอบให้ก็ได้ พี่เอกมีสอบวันมะรืน ตอนนี้กำลังอ่านหนังสืออยู่ ไม่มีเวลาพาไอ้เด็กขี้เมาไปเที่ยวหรอก” พอได้ที คนพี่ก็ใส่ยับเลย

“แล้วตอนนี้ เอ็งมารบกวนเวลาอ่านหนังสือพี่เอกอยู่ ดังนั้น ออกไปได้แล้ว”

“อะ...อ้าว” คุณตงที่ตัวเล็กกว่าถูกพี่ชายร่างสูงใหญ่ฉุดแขนให้ลุกขึ้นพลางดันตัวให้ออกไปจากห้องทำงานนี้ ผมมองภาพนั้นอย่างขบขันกับท่าทีของสองพี่น้องที่ตีกันตลอด ประตูห้องปิดสนิท แต่ยังพอได้ยินเสียงโวยวายของคุณตงอยู่บ้าง จับใจความได้ว่ากำลังต่อว่าคนพี่ที่หวงแฟน...

...ลองคุณต่อไม่หวงดูสิ ไอ้เอกก็คนหล่อคนหนึ่งนะครับ อย่าลืมนะ

...อ่านหนังสือต่อดีกว่า ต้องรวบรวมสมาธิอีกรอบแล้ว เห้อ!

RRRRRR

“ว่าไงวะ โทรมาทำไมดึกดื่น”

[โหพี่ นี่สมควรเป็นคำทักทายน้องตัวเองมั้ย] เสียงไอ้โทบ่นออกมาจากปลายสาย

“ก็ปกติมึงเคยโทรมามั้ยล่ะ แถมนี่โทรมาดึกดื่นอีกต่างหาก มีอะไร”

[ไม่มีอะไรพี่ เห็นไอ้ตงบอกว่าพี่ต่อไม่ยอมให้พี่ไปทะเลกับพวกผมเหรอ]

“อื้อ”

[โหย ไรวะ หวงแฟนชิบหาย รู้งี้ไม่เชียร์ให้คบกันหรอก]

“เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย” ผมตอบความกวนบาทาของน้องชายไป “สรุปว่าโทรมาบ่นแค่นี้เรอะ”

[แค่นี้แหละ จะแค่ไหน คอยดูนะเจอพี่ต่อคราวหน้าผมจะจัดให้หนัก]

“ตัวยังกะชิวาว่าจะไปทำอะไรคุณต่อเค้าได้ห๊ะ แล้วคุณตงบอกเหตุผลมั้ยว่าทำไมคุณต่อถึงไม่ให้กูไป”

[ไม่อะ มันบอกแค่ว่าพี่ต่อไม่ให้พี่ไป แล้วก็บ่นๆๆๆๆ]

“เออ สมแล้วที่เป็นคุณตง กูน่ะไปไม่ได้อยู่แล้ว วันมะรืนมีสอบ เนี่ยกำลังอ่านหนังสืออยู่”

[อ้าว เหรอ... ไรวะ ไอ้ตงแม่ง ฤาษีแปลงสาร]

“ไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ กูรีบอ่านหนังสือก่อน ง่วง”

[ง่วงหรืออยากไปกอดแฟนกันแน่] มันแซวมาครับ ผมนี่อยากจะฟาดก้านคอมันจัง ไอ้น้องเวร!
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 16-04-2020 11:31:02
รักต่างชนชั้นนี่มันยากจัง เป็นกังวลเรื่องสังคมเค้า สังคมเรา ดีนะไม่มีดราม่า ไม่งั้นพี่เอกเครียดแน่
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-04-2020 12:22:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-04-2020 12:30:37
ชอบสาวๆ ในออฟฟิศเม้ามอยกันมาก อย่างว่านะต่างคนต่างหล่อแล้วมากินกันเองใครๆ ก็ กรี๊ดดดดดด
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-04-2020 14:04:51
ลุงเอก น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 16-04-2020 20:10:54
ลุงเอก   มาแล้ว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-04-2020 20:25:57
อ่านหนังสือไปสอบก่อนนะครับพี่เอก เดี๋ยวคุณต่อพาไปเที่ยวเองแหละ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-04-2020 21:31:39
รออ่าน
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-04-2020 22:50:50
ออฟฟิตนี้ใครเป็นสาววายบ้าง ยกมือขึ้นจ๊ะ.
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 26 P.9 @16/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-04-2020 10:57:29
แค่ 2 คน ที่เข้าใจ ก็ OK แล้ว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 27 P.9 @20/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 20-04-2020 09:44:02
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 27 การปรับตัวของต่อพงษ์ [ตอนพิเศษ #2]
             หลังการสอบที่เหนื่อยแสนเหนื่อยไอ้เอกภพก็ไม่มีเวลาพักเลยล่ะครับ ยิ่งเป็นช่วงใกล้สิ้นปีจะต้องมีการเร่งทำยอด เจ้านายหนุ่มในคราบแฟนก็ต้องเทียวไปเทียวมาประชุมกับลูกค้าหลายต่อหลายที่ ไอ้เหนื่อยมันก็เหนื่อยอยู่หรอก แต่ในความเหนื่อยนั้นยังมีข้อดีอยู่บ้าง นั่นก็คือผมไม่ต้องเข้าออฟฟิศต้องนั่งที่นั่นนานๆให้เป็นเป้าสายตาคนอื่น ถึงแม้จะผ่านมาสักพักแล้วก็ตาม พนักงานหลายคนยังมีการพูดถึงเรื่องนี้ไม่ขาดปาก บางคนที่อาวุโสหน่อยยังอดไม่ได้ที่จะออกปากถามกันซึ่งๆหน้า ช่วงแรกก็อึกอักครับ ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี จนแฟนผมสอนให้ตอบไปว่า “เรื่องนี้คุณต่อบอกให้ไปถามเจ้าตัวเองครับ”...แค่นี้แหละ คนตั้งคำถามก็ไม่กล้าซัก

             เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเดือนสุดท้ายของปี หลายจังหวัดในประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวกันแล้ว ผิดกับเมืองบางกอกที่มีแค่ฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก ฤดูร้อนมากที่สุด... แค่นี้ ไอ้ครั้นลมหนาวมาเยือนก็เหมือนซองในถุงขนมแหละครับ วูบเดียวก็จางไปจนแทบไม่รู้สึกระคายเนื้อหนัง วันนี้ผมตื่นนอนตามปกติ รู้สึกเมื่อยคอเพราะโดนแขนล่ำสอดมาที่ท้ายทอยเพื่อนกอดแทบทั้งคืน

“พี่เอก อาทิตย์นี้หยุด 3 วันนะ” แฟนสุดหล่อนั่งจิบกาแฟในตอนเช้าก่อนออกจากบ้านพูดขึ้นมา

“คุณต่อต้องไปตีกอล์ฟหรือไปงานเลี้ยงที่ไหนรึเปล่าครับ พี่จะได้พาไป”

“อืม ไม่มี ผมยกเลิกหมดละ ว่าจะทำอย่างอื่นแทน” พอถึงคำว่าอย่างอื่นเนี่ย เจ้านายหนุ่มก็ส่งยิ้มแบบเจ้าเล่ห์มาให้พลางเลียขอบปากแบบกามๆ

“อย่างอื่นอะไรคุณต่อ..” จะเขยิบหนีก็ไม่ใช่ทีเพราะนั่งเก้าอี้คนละฝั่งกัน

“ฮ่าๆ พี่เอกทำไมต้องทำท่าทางกลัวกันแบบนั้นล่ะ ผมหมายถึงจะไปทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานน่ะ”

“อ๋ออออ” หึ...จงใจแกล้งกันชัดๆ “แล้วคุณต่อจะไปไหนครับ”

“เชียงใหม่”

“หืมมมม”

“ผมถามแม่อ่อนว่าพี่ชอบอะไร แกก็บอกว่าแต่ก่อนพี่ชอบไปกางเต็นท์ต่างจังหวัด ผมไม่เคยไปเลยอยากลองดูบ้าง” นี่แอบไปสืบกับแม่ผมมาเชียวรึ

“คุณต่อแน่ใจเหรอครับ มันไม่ได้สะดวกสบายเลยนะครับ แถมไปเชียงใหม่ กว่าจะขับรถไปถึง ต้องเลยไปโน่น เชียงดาว ฝางหรือไม่ก็ไชยปราการเลยนะครับ แค่ 3 วันไม่พอหรอก”

“อืมมมม งั้นที่ไหนดีล่ะ” นี่จริงจังแล้วใช่ปะ ต้องไปจริงๆใช่มะ

“คุณต่ออยากไปจริงๆเหรอครับ” ผมถามย้ำ ไอ้อยากก็อยากแหละ เพราะตั้งแต่มาทำงานกับเจ้านายหนุ่มยังไม่เคยไปสักครั้ง ผิดกับตอนที่ขับแท็กซี่ ถึงแม้รายได้จะน้อย แต่เราสามารถกะเกณฑ์ได้ว่าวันไหนเราจะขับ วันไหนเราจะหยุด ยิ่งช่วงไหนที่ขี้เกียจมากๆก็ขับแท็กซี่นี่แหละขึ้นเหนือเลย ไกลสุดก็ถึงเชียงรายเพื่อหาที่กางเต็นท์เอาตามที่สะดวก

“จริงสิ ผมยังไม่เคยไปทำอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง” ไม่แปลกใจหรอกครับ คุณหนูซะขนาดนี้ ว่าแต่ว่า ... จะไหวจริงๆเหรอเนี่ย

“งั้นไปกาญฯกันมั้ยครับ มันมีน้ำตกสวยๆเยอะ ใกล้ และไปง่าย” สุดท้ายแล้ว ผมเลยกะจะพาแฟนหนุ่มมาเที่ยวแบบใกล้และง่ายก่อน ขืนพาไปปีนเขาคงจะไม่ไหว ถึงแม้จะออกกำลังกายกันตลอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าร่างกายจะพร้อมสำหรับการเดินขึ้นลงแบบชันๆ

“หืม แค่กาญเองเหรอ” นั่นไง น้ำเสียงแบบนั้น

“คุณต่อ” ผมถอนหายใจ เบื่อกับการไม่ขัด แต่ก็ไม่ตกลงแบบนี้จัง



             ตอนนี้เราเดินมาจากทางขึ้นที่ตั้งอยู่ด้านข้างของที่ทำการอุทยานมาได้ประมาณ 400 เมตร แต่มันเป็นระยะที่โคตรเหนื่อย จากที่ใส่กางเกงขายาว เสื้อแขนยาวเพราะอากาศในยามเช้าหนาวเหน็บและมีหมอกปกคลุมไปทั่ว แต่เหงื่อกาฬที่ไหลหยดจนตัวเปียกทำให้ต้องถอดกางเกงก่อนตั้งแต่ 200 เมตรแรก จนระยะถัดมาก็แทบจะปาเสื้อกันหนาวทิ้งเข้าป่า เจ้านายหนุ่มนั่งเหงื่อผุดเต็มตัว ใบหน้าแดงก่ำเพราะความร้อน หมวกแบบปีกรอบสีเขียวหม่นแบบชุดทหารมีสายคล้องคอคล้ายจะไม่ช่วยอะไรในยามนี้ สองขายาวที่เต็มไปด้วยขนหยุบหยับเหยียดเต็มที่ ขวดน้ำในมือถูกกระดกจนเกลี้ยง

“เบาๆสิครับคุณต่อ เดี๋ยวจุก” ผมก็ไม่ค่อยต่าง แต่เพราะทำงานหนักมาตลอด และคุ้นเคยกับการมาเที่ยวแบบนี้เลยยังไหว มองภาพแฟนหนุ่มที่หอบแฮ่กจนต้องแลบลิ้นแล้วก็ขำ คนปากดีที่บอกว่าจะขนของทั้งหมดขึ้นไปเองไม่ต้องจ้างลูกหาบตอนนี้ต้องใช้ไม้ที่หาได้ข้างทางค้ำยันเวลาเดินไปทีละก้าวอย่างน่าสงสาร

“ม่ายหวาย ไหนบอกว่าไม่ไกลไง นี่แค่ 400 เมตรเอง” โถๆๆๆๆ คุณต่อผู้น่าสงสาร

“มันไม่ไกลจริงๆนะครับ จากข้างล่างจนถึงข้างบนก็แค่ 2 กิโลเมตรเอง” ผมโกหกไป จริงๆแล้วมันเกือบ 4 กิโลเมตรเลยครับ

“หึ แค่นี้ผมแทบจะทรุดแล้ว” เจ้านายหนุ่มวางเป้ขนาดย่อมวางกับแคร่ไม้ไผ่และหันไปเติมน้ำที่ทางอุทยานจัดไว้เป็นจุดๆ กล้องถ่ายรูปแบบ DSLR ตัวใหญ่แขวนที่คอซึ่งตอนแรกบอกว่าไม่หนักก็เหมือนจะรั้งจนคอแทบหัก ยังดีที่ข้าวของผมมีไม่เยอะเลยยัดใส่เป้เดียวกันได้ จะมีก็แต่เต็นท์ใบใหญ่ที่คุณต่อลงทุนไปซื้อมาเพื่อทริปนี้โดยเฉพาะที่ผมแบกอยู่ตอนนี้ รวมไปถึงถุงนอน 2 ถุง อุปกรณ์ทำครัวเช่น เตาแก๊สปิกนิก กระทะ ทัพพี ช้อน ส้อม จาน ชาม และเครื่องปรุงพร้อมของสดที่ไปหาซื้อมาก่อนจะออกตัว

“มา พี่ช่วย” พอออกปากก็รีบคว้าเป้ของแฟนหนุ่มมาโดยไว ไม่อย่างนั้นคนแถวนี้จะไม่ยอม ผมน่ะเหนื่อย แต่ไหว ถึงแม้อายุจะเลข 3 แล้วก็ตาม ผิดกับคนที่อายุน้อยกว่าที่นั่งเหมือนคนใกล้เป็นลมที่ปากดีแต่ร่างกายไม่อำนวย

“พะ พี่เอก” คุณต่อเรียกและรีบจ้ำฝีเท้าตามมาตอนที่ผมออกตัวเดินนำไปก่อน เสียงฝีเท้าหนักๆและไม้ค้ำกระทบพื้นบ่งบอกว่ามีคนเดินตามมาเป็นระยะ ทั้งตัวมีแค่กล้องถ่ายรูปและขวดน้ำขนาด 600 มิลลิลิตรเท่านั้น ที่เหลือผมแบกมาจนหมด

             วันหยุดแค่ 3 วันกับโจทย์ที่บอกว่าอยากไปกางเต็นท์บนเขาทำให้ผมต้องจำกัดระยะขับรถและระยะทางขึ้นลงให้น้อยที่สุด ตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้คือ เขาหลวง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เพราะการเดินทางไม่ใกล้ไม่ไกล การเดินขึ้นลงไม่อันตราย(?) และไม่ต้องใช้เวลามากนัก แค่ 2 วัน 1 คืนก็เที่ยวได้ครบ ยังเหลือเวลาพักขาอีก 1 วันเต็มๆอีกด้วย

“อีกไกลมั้ยพี่เอก” เจ้านายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี

“ไม่ไกลแล้วครับ คุณต่อไหวมั้ย” ถามไปงั้นแหละครับ เพราะรู้ว่าไม่ไหวแน่ๆ

“ขอพักแป๊บ” ร่างใหญ่นั่งบนแคร่ไม้อย่างหมดแรง แขนขาเต็มไปด้วยผื่นแดงและรอยเกา

“คุณต่อโดนยุงกัดเหรอครับ” ผมจับแขนใหญ่มาดู จ้ำใหญ่ผุดขึ้นทั่วไปหมด

“อื้อ ยุงเยอะชิบ”

“แล้วทำไมไม่บอก พี่เอายากันยุงมาด้วย” ผมรีบวาง 2 เป้ลงบ้าง ความเบาโหวงกลับมาทันที จะว่าไม่หนักเลยก็คงเกินไป คนนะ ไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่คนที่มาด้วยดันทำตัวน่าสงสารจนไอ้เราก็ทนไม่ไหวเช่นกัน สองแขนถูกผมยกให้ยืดออกมาเพื่อทาครีมกันยุงให้ทั่ว เจ้านายหนุ่มไม่ตอบอะไร เราสบตากันไปมาก่อนจะพบกับรอยยิ้มหล่อละลายที่ส่งให้จนหลบสายตาแทบไม่ทัน ผิวพรรณของเจ้านายหนุ่มโคตรขาวและเนียนละเอียด ผิดกับมือสากๆที่ถูไถไปมาของผมลิบลับ

“ยิ้มอะไรคุณต่อ” ผมถามตอนที่เดินวนด้านหลังและทาครีมที่คอขาวและหลังใบหูที่เป็นผื่นเช่นกัน

“ก็ยิ้มให้พี่เอกไง”

“นั่นแหละ ยิ้มทำไม” ผมถามนะ แต่ก็แอบอมยิ้มตามไม่หยุด ยังดีที่ตอนนี้เป็นท่านั่งยองๆเพื่อทาครีมที่ขาใหญ่ล่ำ เนื้อตัวคุณต่อเหนียวเหนอะ ทั้งจากเหงื่อไคลและครีมกันยุงกลิ่นฉุน(ที่โฆษณาว่าหอม) กล้ามเนื้อแน่นขนัด จับตรงไหนก็กล้ามราวกับรูปปั้น

“ก็ยิ้มให้แฟน ไม่ได้รึไง”

“คุณต่อ” ผมรีบห้าม ถึงแม้จะอยู่กลางป่ากลางเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนเดินผ่านไปมานะครับ นักท่องเที่ยวก็มีประปราย คงเพราะวันนี้เป็นวันพฤหัสฯ คนเลยน้อย พวกเราขยับวันเดินทางให้เร็วขึ้น 1 วันเพื่อเลี่ยงมวลมหาชน จะได้ไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ กระนั้นก็ไม่ควรพูดเสียงดังแบบนี้ ลูกหาบเอย หรือคนทั่วไปเอยก็ผ่านมาเรื่อยๆ หลายคนที่ออกตัวทีหลัง ตอนนี้ก็แซงพวกเราไปไกลแล้ว

“ขอโทษ” ใบหน้านั้นไม่ได้สำนึกหรอก แต่เอาเถอะ ... จะพยายามชิน

“เอายาดมมั้ยครับ”

“หืม พกมาด้วยเหรอ”

“ผมเอามาหมดแหละ ยาดม ยาแก้แพ้ ยาพารา ยาแก้ท้องเสีย ยา...”

“พอๆๆๆ รู้แล้วว่าพี่รอบคอบ” คุณต่อส่งเสียงห้าม เหยียดสองแขนไปด้านหลังเพื่อค้ำตัวไว้

“แล้วจะเอายาดมมั้ยครับ”

“เอาก็ได้” แหม่! ตอบยังกะว่าเราบังคับ

             ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3,700 เมตร นั้นเป็นทางธรรมชาติเต็มไปด้วยโขดหิน แมลงต่างๆ รวมไปถึงยุง และต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด ระยะ 100 เมตรแรกที่ออกตัวนั้น คุณชายตื่นตาตื่นใจไปหมด ถ่ายรูปไม่หยุด แต่พอผ่านไป กล้องถ่ายรูปกลายเป็นหินที่หน่วงต้นคอเฉยๆไม่มีการหยิบยกมาถ่ายอีก

แชะ!

“หืม ถ่ายอะไรคุณต่อ”

“ก็ถ่ายพี่เอกไง”

“หึ คนไม่หล่อแบบพี่ไม่ต้องถ่ายเยอะหรอกครับ เปลืองเมมเปล่าๆ” ผมตอบและนั่งลงข้างๆคนอ่อนแรง

“หล่อไม่หล่อ แต่ผมก็รักของผมนี่นา” โว้ยยยยย อารมณ์ไหน จู่ๆมาบอกรักกันในป่า “พี่เอกเขินเหรอ หน้าแดงเชียว”

“ขะ เขินอะไร ร้อนต่างหาก” ผมใช้มือใหญ่พัดใบหน้าเพื่อกลบเกลื่อน เป็นใครก็หวั่นไหวแหละครับ

“ฮ่าๆๆๆ” แน่ะ พูดแล้วหัวเราะ น่าหักคอหมกป่าชิบ พอหายเหนื่อยไปบ้าง มือใหญ่ก็เตาะแตะๆมาจนนิ้วเราชนกัน ผมรีบลุกขึ้นก่อนที่อีกคนจะมาทำรุ่มร่าม มองใบหน้าจ๋อยที่แสดงออกมาเพื่อให้สงสารอย่างเหม็นเบื่อ

             ช่วงใกล้ถึงยอดเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ทางก็ชันกว่าเก่า ต้องใช้ไม้ค้ำยันและเดินให้ระมัดระวังที่สุด ผมชะลอฝีเท้าเพื่อรออีกคนที่หอบตัวโยน ตามทางจะมีเชือกหรือไม่ก็เป็นไม้กั้นก็เอาไว้จับเพื่อประคองตัวให้เดินไปได้เรื่อยๆ ไหล่ชาไปหมดเพราะความหนักของสิ่งที่หอบหิ้วมา แต่ก็ไม่พูดอะไรเพราะรู้ว่าอีกคนก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน ระยะนี้ผมเลยต้องมาระวังหลังให้ กลัวจะลื่นหรือล้มก้นจำเบ้า มองแผ่นหลังกว้างเดินอย่างมั่นคง สองขาล่ำก้าวช้าๆ บางครั้งก็แทบจะยกไม่ไหวผมก็ต้องใช้ไหล่ตัวเองดันบั้นท้ายกลมกลึงเป็นแรงส่งให้ขึ้นไปได้

             ระยะสุดท้าย...ไม่มีที่เติมน้ำ เท่ากับว่าเราต้องทนคอแห้งและรีบจ้ำให้ไวที่สุด เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายหมดไปตั้งแต่ 100 เมตรที่แล้ว ตอนนี้เดินไปแบบซังกะตายกันทั้งคู่ จนถึงยอดเขาก็บ่ายสองโมงครึ่ง... “ถึงซะที”

“อื้อออออ” เจ้านายหนุ่มเดินแข้งขาอ่อนโดยไม่สนใจบรรยากาศไปที่ศาลาไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลและปล่อยตัวให้นั่งแผ่ ผมเดินสำรวจเพื่อหาสถานที่กางเต็นท์ซึ่งยังว่าง มีเต็นท์แค่ 2-3 หลังเท่านั้นที่จับจองที่ราบตรงกลางติดกับลานกองไฟที่มอดไปแล้ว คงจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาด้วยกันหลายสิบคนแน่ๆ เพราะใช้เต็นท์หลังใหญ่มาก ถัดไปก็มีเต็นท์กางแล้วประปราย น่าจะมาเที่ยวกันไม่กี่คน สายตาผมจับจ้องไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ยังว่างไร้คนจับจองและเดินไปสำรวจตรงนั้น พื้นดินราบเรียบมีหญ้าเขียวปกคลุมไม่แข็งจนเกินไป เหมาะกับการกางเต็นท์

“ผมช่วยมั้ยพี่เอก” คุณต่อเดินมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้อาสาจะช่วย ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบเต็นท์ออกมากาง หนุ่มหล่อร่างสูงเหมือนจะไม่เคยทำมาก่อนก็ได้แต่เก้ๆกังๆเสียบเสาเต็นท์ผิดบ้าง หรือไม่ก็หาสมอบกไม่เจอบ้าง เรียกได้ว่าเป็นภาระมากกว่าจะมาช่วย

“เสร็จแล้ว” ผมพูดเมื่อกางเต็นท์แบบทุลักทุเลได้สำเร็จ เจ้านายหนุ่มยืนท้าวสะเอวแบบนายแบบและยักคิ้วให้ราวกับภาคภูมิใจในผลงานชิ้นเอก ฟลายชีทกางคลุมหลังคาเพื่อกันน้ำค้างสวยงามไร้ที่ติ ยังดีที่ผมไม่ลืมเอาผ้าใบรองเต็นท์มาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้นอนหนาวเพราะไอดินพุ่งขึ้นมาในยามดึกได้

“เก็บของกันก่อนครับคุณต่อ เดี๋ยวผมจะเตรียมมื้อเที่ยงให้” คนที่ถูกเรียกชื่อพยักหน้าและช่วยลำเลียงข้าวของใส่ด้านใน เสียงรูดปิดเต็นท์ดังมาจากด้านหลังเหมือนสำรวจความปลอดภัยทำให้ผมหันไปหา “ปิดเต็นท์ทำไมครับ”

“ลองดูเฉยๆ” เจ้านายหนุ่มเขยิบตัวมาใกล้ ผมวางเป้และรื้อเอาของจำเป็นออกมา ... หมับ...

“คุณต่อออออ ทำไรครับ”

“ก็กอดไง”

“โอย ร้อนนนน” ผมบ่น ตั้งแต่มายังไม่ได้พักขาเลย แถมโดนแฟนหนุ่มคว้าไปกอดจนแน่นไปหมด

“ขอกอดหน่อย นะนะนะ” อ้อนเอาไรฟระ

“ไม่ได้ อึดอัด” ผมดิ้นขลุกขลักจนหลุดออกมาจากอ้อมอก หันหน้าไปเผชิญ ส่งตาดุไปให้

จุ๊บ... ไม่ได้ผลครับ คุณต่อส่งริมฝีปากมาขโมยจูบเป็นที่เรียบร้อย โว้ยยยยยยยยยยยย!

             ผมพุ่งตัวออกมาข้างนอก ปล่อยให้อีกคนปูถุงนอนเองเพราะไม่อยากจะโดนทำรุ่มร่าม ข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ซื้อมาจากตลาดแถววัดในตอนเช้าเย็นชืด แต่กลับอร่อยเหาะในยามหิวโซเช่นนี้ สองหนุ่มนั่งพื้นหญ้าและละเลียดมื้อเที่ยงง่ายๆกันอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศที่เคยร้อนอบอ้าวแปรเปลี่ยนไปเมื่อเม็ดเหงื่อแห้งสนิท ไอเย็นบนเขาปะทะผิวเนื้อชวนให้สดชื่น พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ผมคลานไปนอนข้างในเต็นท์โดยมีอีกคนตามมาติดๆ ไม่สนใจเลยว่าจะปิดเต็นท์หรือยัง ลืมไปด้วยว่าหลับไปตอนไหน ไม่รับรู้ว่าโดนกอดไปตั้งแต่เมื่อไหร่...รู้แต่ว่า เหนื่อย เมื่อยขา และอยากนอนสักงีบ...

แต่เป็นงีบที่อุ่นมาก...เหมือนเช่นทุกวัน
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 27 P.9 @20/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 20-04-2020 12:11:15
เดี่ยวตื่นมาต้องคันและเหนียวตัวมากแน่ๆ 5555
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 27 P.9 @20/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-04-2020 15:35:15
บรรยากาศ น่าจะดี
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 27 P.9 @20/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-04-2020 22:00:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

น่าสงสารนะ  คนออกกำลังกายมีกล้ามสวยงามแต่ไม่ได้คุ้นชินกับความอึดถึกทนในสถานการณ์จริงตอนอากาศเบาบางขณะขึ้นเขาที่มีความสูง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 27 P.9 @20/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-04-2020 23:00:20
นี่มาเดทหรือมาทดสอบความอึดกันน่ะ  :laugh:

ขนาดฟิตเนตทุกวัน กล้ามแน่นขนาดนี้ คุณต่อยังหมดแรงเลย แต่พี่เอกน่าจะรอดเสียตัวจากทริปนี้อีกเช่นเคยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 27 P.9 @20/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-04-2020 23:16:43
คุณต่อคงหมดแรง ไม่มีแรงทำอะไรแล้ว หลับยาว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 27 P.9 @20/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-04-2020 07:18:33
ลุงเอก ทำให้น้องต่อ หลงมากขึ้นอี๊ก
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 23-04-2020 13:43:10
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 28 กลางป่ากลางเขายังไม่เว้นเลยนะเจ้านาย [ตอนพิเศษ #3]


             ผมตื่นขึ้นมาเพราะไอเย็นจนหนาว ประตูและหน้าต่างของเต็นท์ไม่ได้ปิดเลยรับความเย็นเต็มที่ มิน่าล่ะถึงไม่มีใครมากางเต็นท์ตรงนี้ มันเป็นทางลมนี่เอง มองร่างใหญ่ที่นอนแผ่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็ต้องอมยิ้ม ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีแฟนเป็นผู้ชายเลยสักครั้ง ไม่เคยแลผู้ชายหน้าไหนมาก่อนเช่นกัน แต่กลับถูกเจ้านายหนุ่มรุ่นน้องก่อกวนจนตกหลุมพรางกลายเป็นแฟนเสียได้ ... ชีวิตของเอกภพคงไม่มีอะไรพลิกผันไปจากนี้อีกแล้วล่ะ ... คุณต่อนอนหงายโชว์กล้ามท้องเนื่องจากชายเสื้อเลิกขึ้น ผิวขาวเนียนเคลื่อนไหวราบเรียบสม่ำเสมอ ยิ่งมองก็ยิ่งแปลกใจว่าทำไมรสนิยมของคนๆนี้พิสดารยิ่งนัก มาตกหลุมรักไอ้คนอย่างกระผมได้

หงึก หงึก... หืมมมมมมมมมมมมมม ไอ้คุณต่อ ไม่ต้องผงกต่อน้อยอันเบ้อเริ่มให้ขนาดนี้ก็ได้มั้ย!!!

“คุณต่อ คุณต่อ” ผมเขย่าร่างใหญ่เบาๆให้ตื่น คนโดนปลุกลืมตางัวเงีย

“มีอะไรพี่เอก ผมง่วงอ่า”

“สี่โมงเย็นแล้วคุณต่อ ไปดูพระอาทิตย์ตกกัน”

“จำเป็นด้วยเหรอ ขอนอนก่อนได้ปะ” น้ำเสียงของคนขี้เซาอ้อน แถมยังเลื้อยมากอดเอวผมไว้แน่น

“ไม่ได้ รีบลุดเลยครับ ไหนบอกอยากมาเที่ยวไง” สิ่งที่ยากกว่าการชวนคือการพยายามสลัดแขนไอ้คนขี้เซาออกจากตัวต่างหาก

“ฮื้ออออ พี่เอกแกล้งผม พาผมเดินจนขาลากไปหมดแล้วเนี่ย” นอกจากจะไม่รีบแล้วยังอ้อนเป็นเด็กน้อยไปได้

“สม รีบออกมาครับ เราต้องเดินไปอีกนะครับ”

“ห๊ะ ต้องเดินอีกเหรอ” เจ้านายหนุ่มทำหน้ามุ่ยตอนที่ลุกมานั่งแล้ว ท่าทางโยเยไม่น้อย

“ใช่ครับ เปลี่ยนชุดด้วยนะครับ ใส่ขายาวไป” ผมแอบเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วครับ ขืนรอเปลี่ยนพร้อมกันคงโดนทำรุ่มร่ามอีก

             พวกเราเดินตามทางที่มีป้ายบอกไปเรื่อยๆ คุณต่อที่อิดออดในตอนแรกกลับเป็นฝ่ายตื่นเต้นยิ่งกว่าผมเสียอีก เพราะหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายไม่ยั้ง แม้กระทั่งใบไม้สีเหลืองที่ตกพื้นก็ไม่เว้น เนื่องจากผมวางแผนว่าจะลงเขาพรุ่งนี้ เลยต้องจัดคิวดูพระอาทิตย์ตกดินตั้งแต่วันนี้เสียเลย ถึงแม้สองขาจะล้าจนสั่นไปหมดแต่ใจสู้ไม่ถอย ผมเคยมาที่นี่ตั้งแต่ปี 2551 ตอนนั้นยังไม่เจริญเท่าตอนนี้ ระบบอะไรก็ยังไม่ดีเท่า พอมาถึงมันก็คุ้ม เพราะเจอธรรมชาติเต็มๆไม่มีอะไรเจือปน ...แม้เวลาจะผ่านไป แม้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่อากาศบนนี้ยังดีอยู่เสมอ พวกเราเดินลัดเลาะตามทางมาเรื่อยๆจนมาถึงจุดที่สวยที่สุด

             ยอดเขาภูกา คือจุดหมายปลายทางในวันนี้ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและเป็นสถานที่ที่ต้องมา ไม่อย่างนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงเขาหลวง เจ้านายหนุ่มเพลิดเพลินกับวิวและการถ่ายรูปเดินตามมาอย่างไม่บ่นสักคำ ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรนั้นดูสั้นและใช้เวลาไม่นานเท่าตอนที่เดินขึ้นเขามา

             ยอดเขาจะมีโขดหินอยู่ ผมปล่อยให้คนกรุงที่กำลังตื่นเต้นใช้เวลาถ่ายรูปให้ทั่ว หลายครั้งที่โดนเรียกไปถ่าย หรือไม่ก็ไหว้วานคนแถวนั้นให้ช่วยถ่ายรูปคู่ไปหลายรูป แต่คุณต่อก็ยังไม่เลิกเห่อบรรยากาศของยอดเขา ลมโชยเย็นจับใจ มองไปด้านล่างเห็นแต่ยอดเขาที่ปกคุลมไปด้วยสีเขียวครึ้มลดหลั่นเป็นขั้นบันไดที่ไร้ระเบียบ แต่กลับดูสวยงามและมีมนต์สะกดให้ตกอยู่ในภวังค์ หมอกหนาและก้อนเมฆที่ลอยเอื่อยนั้นเกือบจะหลอมรวมตัวเข้าหากัน รูปร่างของมันหลากหลายตามจินตนาการ ยิ่งลอยมาใกล้ก็ยิ่งคล้ายกับว่าตอนนี้เราอยู่บนสวรรค์บนดิน “คนเยอะจัง”

“นั่นสิ” ผมรับคำ นึกว่าคนจะไม่เยอะ ที่ไหนได้ กลุ่มคนที่คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของเต็นท์ใหญ่หลายหลังมาออกันตรงนี้เสียหมด “งั้นย้ายไปดูวิวที่เขาแม่ย่ากันมั้ยครับ ตรงนั้นก็สวย”

             ที่ยอดเขาหลวง จะมีจุดให้ชมวิวที่ยอดเขาอีก 3-4 ที่ ได้แก่ ผานารายณ์ ที่อยู่ใกล้กับลานกางเต็นท์ที่สุด ตามแผนที่คือเดินไปทางขวามือ เป็นจุดสำหรับชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ถัดไปเป็นเขาพระแม่ย่า จบที่เขาภูกาไล่กันไป ตอนนี้เราเดินมาจุดที่ไกลที่สุดแล้ว แต่อีกจุดที่ผมจะไม่ไปวันนี้คือเขาพระเจดีย์ เพราะคงไปไม่ทัน สองขาพาเดินมาจนถึงที่หมาย วิวสวยสุดลูกตาทำให้ความเหนื่อยที่สะสมมาหายไปจนเกลี้ยง เมฆหมอกยังบดบังท้องฟ้าสีใสที่กำลังจะเปลี่ยนโทนเป็นสีเข้มระบายขอบฟ้าในยามเย็นย่ำ แฟนผมถ่ายรูปจนเบื่อก็มานั่งชิดบนโขดหินข้างกัน มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเดินมาสมทบอีกหลายคน

“หมอกเยอะจัง จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินมั้ยเนี่ย”

“โหพี่เอก ทำเป็นไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกดินไปได้” สุดหล่อแซว ผมได้แต่ถลึงตาใส่ อีกฝ่ายก็กระแซะเข้ามาใกล้แทนคำตอบ

“ยังปวดขาอยู่มั้ยครับ” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เปลี่ยนเรื่องเอาละกัน ท่าทางโอดโอยของคนที่นั่งข้างๆเมื่อตอนบ่ายน่าสงสารไม่น้อย

“ตอนนี้ไม่รู้สึกแล้วครับ” สองมือใหญ่เอื้อมไปบีบนวดปลีน่องตัวเองยกใหญ่

“ดีแล้วล่ะ”

“ไม่ได้หมายความว่าหายปวด มันปวดจนไม่รู้สึกแล้วต่างหาก เนี่ยจิ้มไปยังไม่สะท้าน” กำปั้นใหญ่ทุบไปที่หน้าขาแกร่ง ผมได้แต่อมยิ้มแหละ คิดแต่จะสมน้ำหน้าคนปากดีที่อยากมาเปลี่ยนบรรยากาศ

“สม”

“โหย พี่เอก แทนที่จะสงสารกัน ชิ” นั่นไง ยังกะเด็กมัธยม

“เดี๋ยวคืนนี้นวดให้”

“หืม จริงนะ” เบื่อสายตาแบบนี้จังเลย มองมาทีไรใจสั่น แถมยิ้มแบบนี้อีก ยิ้มแบบโลกสว่างสดใส...งื้อ ไม่ไหวแล้ว

“นั่นๆ เมฆหายไปละ” ผมชี้ไปที่สุดขอบฟ้า พระอาทิตย์ยามอัศดงเผยโฉม ดวงกลมเด่นลิบๆไกลสุดตาฉายแสงส้มทอฟ้าหม่นลดระดับลงไปตามกาลเวลา เราทั้งคู่ยืนขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ ต่างกอดอกเพื่อหวังให้คลายหนาว เสื้อแขนยาวที่สวมมาเหมือนจะต้านแรงลมไม่ได้ แสงสุดท้ายลับขอบฟ้า เหลือเพียงสีส้มแดงระบายไปทั่ว รอบทิศราวกับสงบนิ่งเมื่อความมืดเคลื่อนตัวมาอย่างฉับพลัน

“สวยจัง” เสียงคนตัวสูงพึมพำ ทำเอาคนมาพาอมยิ้มไม่หยุด “ขอบคุณนะครับที่พามา”

“ไว้จะพามาอีก” ผมตอบแบบนี้

“สัญญานะ”

“อื้ม เอานิ้วก้อยมาทำไรเนี่ย” แม้จะมืด แต่ก็พอเห็นภาพคนข้างหน้ายื่นแขนออกมา

“เกี่ยวก้อยสัญญาไง”

“ตลก อย่าบอกใครนะครับว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทน่ะ”

“ทำไมอะ ผู้บริหารเกี่ยวก้อยสัญญากับแฟน ผิดตรงไหน” คำก็แฟน สองคำก็แฟน หน้าผมชาไปหมดละเพราะคนที่นั่งชมวิวพื้นที่ใกล้เคียงส่งเสียงคิกคัก

“เกี่ยวก้อยเค้าหน่อยค่า เดี๋ยวเค้าน้อยใจนะ” เหมือนภาพของผู้ชายตัวใหญ่สองคนทำท่าเขินใส่กันจะมีคนเห็นจนได้

“นั่นสิ ไม่ต้องอายหรอก สมัยนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว” เสียงคนแซวทำให้ผมยิ่งเขิน นอกจากจะปัดมือทิ้งแล้วยังพุ่งตัวลงไปเดินตามทางโดยมีเสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งตามมาไม่ห่าง แสงจากไฟฉายแล้วกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ล่วงหน้าไปก่อนทำให้พวกเราไม่หลง

“พี่เอก เขินเหรอ”

“ชิ” ผมได้แต่เดิน แต่ถูกร่างใหญ่ล็อกคอและลากกลับทางเดิม “คุณต่อ ปล๊อย จะรีบกลับไปทำกับข้าว”

“ผมยังไม่หิว อย่าดิ้นสิ” เรี่ยวแรงจะเยอะไปไหนฟระ

“หวัดดีค่ะ / ครับ” เสียงนักท่องเที่ยวเดินสวนมาทักทาย พวกเราก็ทักกลับตามมารยาท พอรู้ตัวอีกทีก็กลับมายืนบนโขดหินเดิมซะงั้น

“พาผมกลับมาทำไมเนี่ยคุณต่อ” ถึงแม้จะถามคนที่ยืนประจัญหน้า แต่สายตาผมเฉไปมองวิวมืดมิดแก้เขิน สายลมหนาวพัดหวีดหวิวทำให้ปากแห้งไปหมด

“ก็อยากอยู่ด้วยกันอีกสักหน่อย”

“ก็อยู่ด้วยทุกวันแล้วนี่ครับ” ผมย้อน

“ไม่เหมือนกันสิ อยากอยู่สองต่อสองตรงนี้ ไม่มีคนอื่นมาทำให้พี่เอกเกร็ง”

“แต่มันมืดแล้วนะ”

“ยิ่งดีสิ ผมจะได้กอดพี่ถนัดๆหน่อย”

“อื้อ คุณต่อ ปล่อยก่อน รัดแน่นไป๊” ผมห้ามและดิ้นไปมา ไม่ได้ผลหรอก รายนี้แรงเยอะยังกะช้างสาร

“อุ่นจัง” ใจคอไม่ฟังกันเลยใช่มั้ยเนี่ย “พี่เอกอุ่นไหม”

“...” เรื่องอะไรจะตอบ ขืนตอบก็เข้าทางน่ะสิ แต่ความอบอุ่นนี้มันก็ดีต่อใจจริงๆนะ เหมือนลมหนาวถูกภูเขาลูกใหญ่บดบังจนตัวหายสั่น

“อยากจูบอะ”

“หืม” ก่อนจะประท้วงอะไรออกมาได้ มือใหญ่ก็เชยคางผมขึ้น ริมฝีปากเย็บเยียบของคนร่างสูงกดทาบลงมาแผ่วเบา เสียงลมหวีดหวิวผ่านช่องว่างระหว่างหน้าอกเราไปอย่างหนาวเหน็บ แต่ภายในโพรงปากผมกลับอบอุ่นและหอมหวานจนแข้งขาสั่น ลิ้นสากวนเวียนคอยบดเบียดให้เกิดน้ำลายหวานหยดส่งผ่านกันไปมาระหว่างเราทั้งคู่ แขนแกร่งของคนตัวสูงกระชับเอวของผมให้แน่นและรั้งไปแนบชิดกัน จังหวะหัวใจเต้นตึกตักของคุณต่อเหมือนจะตีกระทบอกข้างขวาของผมให้รับรู้ถึงความรุนแรงของมัน มือที่เคยปล่อยลงอย่างไร้เรี่ยวแรงกลับมากอดคนตัวสูงอีกครั้ง คราวนี้ไม่ต้องสนใจแล้วว่าจะมีใครหันมามองไหม ในความมืดเช่นนี้ ผมกำลังดื่มด่ำกับความรักที่ส่งผ่านเข้ามาราวกับร่างกายกำลังล่องลอยไปตรงขอบฟ้าที่ครั้งหนึ่งมีดวงอาทิตย์ทอแสงอยู่ตรงนั้น

             สิ่งหนึ่งที่คุณควรเรียนรู้ในการมาทริปกางเต็นท์บนดอยที่มีหมอกหนาและอากาศหนาวคือ ‘ควรอาบน้ำก่อนพระอาทิตย์ตกดิน’ ถึงแม้ว่าเราจะใช้แรงมากแค่ไหน เหงื่อจะออกมากเพียงใดในช่วงกลางวัน แต่พอหมดแสงอาทิตย์ ความหนาวก็ทำให้รูขุมขนหด ร่างกายที่เคยแฉะไปด้วยเม็ดเหงื่อแห้งสนิทและพ่วงความขี้เกียจอาบน้ำมาอีกด้วย

“ไม่เอา ไม่อาบ”

“อย่าดื้อสิคุณต่อ เดี๋ยวสิวขึ้นนะครับ”

“ช่างมันสิ หนาวอะ” หลังจากหุงหาอาหารแบบง่ายๆโดยมีคุณต่อช่วยอยู่เฉยๆตามที่ผมขอร้องได้สักครึ่งชั่วโมง พวกเราก็ต้องมาอาบน้ำตรงห้องน้ำที่ตั้งอยู่มุมตรงข้ามกับเต็นท์พวกเรา แสงไฟติดๆดับๆเหมือนบ้านผีสิงทำให้คนตัวใหญ่โอดครวญไม่กล้าอาบ แต่อุปสรรคใหญ่หลวงกว่านั้นกลับเป็นความหนาวเหน็บที่ทำให้คุณต่อกำลังงอแงอยู่เช่นตอนนี้

“ไม่ได้ วันนี้เหงื่อออกมาทั้งวันแล้วนะครับ”

“เปลี่ยนชุดเอาก็ได้ ไม่อยากอาบอะ นะนะนะ พรุ่งนี้เช้าค่อยอาบ”

“คุณต่อคิดว่าน้ำมันจะอุ่นขึ้นชั่วข้ามคืนเหรอครับ ดีไม่ดีน้ำเย็นกว่าตอนนี้อีก”

“งั้นค่อยกลับไปอาบที่กรุงเทพนะ”

“ไม่ได้” ผมเสียงแข็ง มองคนร่างสูงที่โดนฉุดแขนงอแงเป็นเด็ก

“แม่ๆ ลุงคนนั้นไม่อาบน้ำ ไม่เก่งเลย” เสียงเด็กน้อยที่คิดว่าอายุไม่น่าจะเกิน 10 มากับครอบครัว เป็นหนึ่งในสมาชิกของเต็นท์กลุ่มใหญ่ที่ลานกองไฟพูดดังมา เจ้านายหนุ่มจ้องไปที่ต้นเสียง ภาพเด็กน้อยที่ตัวเปียกเดินออกมาจากห้องน้ำผู้หญิงโดยมีผ้าขนหนูผืนใหญ่คลุมทั่วตัวทำให้ต้องเงียบ

“ใครไม่อาบ ลุงอาบแน่นอน” นั่นไง เกิดอายเด็กขึ้นมาซะอีก

“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีหลอกแกไปว่าใครไม่อาบน้ำเป็นคนไม่เก่ง” ผู้เป็นแม่เอ่ยคำขอโทษที่ลูกชายตัวเองโพล่งออกมา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีซะอีกคนแถวนี้จะได้หมดข้ออ้าง” ผมตอบรับ คนเป็นแม่หัวเราะรับและขอตัวพาลูกไปแต่งตัวในเต็นท์ ความเงียบสงบเลยเข้ามาแทนที่ ห้องน้ำชายต้องเดินไปอีกหน่อย บรรยากาศเงียบสงัดคงเพราะว่าเราเป็นคู่สุดท้ายที่มาอาบน้ำ

“รีบอาบนะครับ ไม่งั้นอายเด็กเอา”

“ไม่ต้องแซวเลย ไหนอะสบู่” อ้าว...เอามาก้อนเดียวด้วย

“ไม่ได้เตรียมมาเผื่อผมเหรอ”

“คุณต่อเอาไปใช้ก่อนก็ได้ อาบเสร็จแล้วผมค่อยใช้”

“ไม่ต้องหรอก” พรืดดดดดดดดด “อาบด้วยกันนี่แหละ”

“ห๊ะ ไม่เอาคุณต่อ อย่าสิ” ไม่ทันละครับ เมื่อตัวใหญ่ดันร่างผมเข้ามาในห้องน้ำขนาดย่อมที่ยังพอมีที่ว่างสำหรับยักษ์สองตัวนี้ พอจะเปิดประตูก็โดนร่างใหญ่ขวางทางซะงั้น

“ถอดเสื้อผ้าสิ”

“ไม่เอา” ผมกลายเป็นงอแง

“จะถอดเองหรือให้ผมถอดให้” โว้ยยยยยยยยยยย ตูล่ะเบื่อ ได้แต่มองภาพคนตัวใหญ่ถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อน หืมมมมม...ไม่เคยเห็นภาพอะไรแบบนี้มาก่อนเลย หัวใจจะวายไปหมดแล้ว คนอะไรใหญ่ไปซะทุกส่วน กล้ามก็สวยชิบ

“มองแบบนี้จะกินผมรึไง”

“ปะ เปล่าครับ” น่าอายชะมัด ดันไปใช้สายตาชื่นชมเรือนร่างคุณต่อซะได้ ต้องแก้เก้อโดยการหันหลังถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อนเหมือนกัน หวังว่าจะกลบเกลื่อนหน้าแดงๆได้นะ

             แต่ผิดคาด พอหันมาแค่นั้นแหละ ร่างใหญ่ประชิดพร้อมจู่โจมเต็มที่ ผมจะผงะก็ไม่ทันเพราะห้องน้ำมันค่อนข้างแคบ แถมช่วงท้องโดนของแข็งขนาดมหึมาจี้มาอีก จนมุมเลยครับ ...

“คะ คุณต่อ” ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ถึงแม้จะเป็นแฟนกันแล้ว แต่พวกเรายังไม่ถึงขั้น xxx กันเลยสักครั้ง ถ้าจะมีอารมณ์ก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้มั้ย กลางป่ากลางเขา แถมในห้องน้ำรวมอีกต่างหาก

“อื้อ พี่เอกโคตรเซ็กซี่”

“อุ๊บ อื้อ” ไม่ทันสิครับ คุณแฟนตัวโย่งกดปากมาจูบกระทันหัน ดูดคว้านจนตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้ง มือใหญ่ไล้ไปทั่วตัวก่อนจะผละริมฝีปากโลมเลียที่ติ่งหูและไล้ราวนมจนเม็ดสีน้ำตาลแข็งขึ้นเป็นไต ลิ้นเย็นฉกเลียวาบหวาม แก่นกายชูชันอย่างห้ามไม่ได้เมื่อแรงดูดเฟ้นของปากใหญ่ส่งความสำราญจนต้องพิงหลังไปกับผนังไม้ ปล่อยให้หัวของคนที่อยู่เบื้องล่างเคลื่อนไหวเข้าออกเป็นจังหวะจนขาเปลี้ยไปหมด

“อื้อ เจ็บ” นิ้วมือใหญ่ควานเข้ามาในตัวจนสะดุ้ง มันฝืดคับไปหมด

“ผมรักพี่เอกนะ” น้ำเสียงหอบโยนและแววตาฉ่ำเยิ้มของคุณต่อเผาสติผมจนแหลกไปหมดแล้ว ปล่อยให้เขาพลิกร่างผมให้หันหลังโดยมีสองแขนค้ำยันติดผนัง สองขาถูกแหกกว้าง ความกลัวเกาะกินใจแต่กลับไม่กล้าจะส่งเสียงห้าม นี่กูจะเสียตัวจริงๆเหรอวะ.... เอาจริงดิ ... จะไหวเหรอวะ ... ยิ่งคิดก็ยิ่งใจสั่น จากที่คิดจะสมยอมกลับกลัวจนแทบเป็นลม

“ให้ผมเข้าไปนะครับ” คุณต่อส่งผ่านของแข็งขนาดใหญ่จ่อที่บั้นท้าย ความคับตึงแทรกมาทีละน้อย

“โอ๊ย” ผมร้องลั่นเมื่อมีความคับแข็งผ่านเข้ามา แม้จะน้อยนิดแต่เจ็บจนทรุดตัวลงไปนั่งจนดาบทู่ที่เพิ่งเข้ามาไม่ถึงนิ้วหลุดออก

“เจ็บเหรอพี่เอก ผะ ผม ขอโทษ”

“อื้อ เจ็บมาก” ต้องตอบความจริงไปละครับ แค่จะมีอะไรกัน มันเจ็บได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย “ไม่ทำแล้วได้มั้ยอะ” ผมอ้อน

“ครับ ไม่ทำแล้ว ผมขอโทษ”

“ไม่เป็นไรครับ” ใจหนึ่งก็กลัว อีกใจหนึ่งก็อยาก แต่ตอนนี้พักก่อน แค่ส่วนแรกก็น้ำตาจะไหลละ ดีที่คุณแฟนยังรับฟัง

“อาบน้ำกันเถอะเนาะ”

“อื้อ อื้อ อื้อ” ปากพูดว่าอาบน้ำ แต่กลับมาจูบกันเฉยเลย หมายความว่าไงเนี่ย....

สุดท้ายแล้ว พวกเราต่างก็ผลัดกันส่งอีกคนถึงฝั่งอย่างชุ่มโชก พอสบายตัวแล้วก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ทำให้การอาบน้ำในค่ำคืนนี้ไม่ได้หนาวอย่างที่คิดไว้เท่าใดนัก...
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-04-2020 14:25:12
อ้ายๆๆ จะระบะฮึ่มๆๆ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 23-04-2020 14:34:33
น้องต่อน่ารักมาก พอบอกเจ็บก็ยอมที่จะไม่ใส่เข้าไป
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-04-2020 17:19:17
หูยยยยย พอหายหนาวอยู่เนอะ ^^
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-04-2020 19:10:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิคุณต่อ  ไม่เกรงกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน มาเห็น กิจกรรมเข้าจังหวะบ้างเหรอนั่น?
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 23-04-2020 19:54:27
หืออออ   กลางป่า กลางเขา
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-04-2020 07:54:20
บรรยากาศอุตส่าห์เป็นใจ แต่คุณต่อใจร้อนไปหน่อย พี่เอกเลยรอดไปอีกครั้ง  :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-04-2020 12:16:20
อ้าว ลุงเอกจะโดนจิ้มซะแล้ว ต่อไปไม่รอดแน่  :hao6:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 24-04-2020 13:52:27
ทำไมไม่เห็นมีใครสงสารลุงเอกบ้างเลยอะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 25-04-2020 14:43:36
เกือบไปแล้วพี่เอก ดีนะที่ยอมหยุด
น้องต่อ หื่นดูสถานที่ด้วยเซ่! ครั้งแรกต้องเตรียมความพร้อมให้ลุงเขาหน่อย คนมันไม่เคย มันกลัว จะจับลุงทำเมีย เลือกที่ดีๆหน่อย :ling1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-04-2020 11:26:14
ว๊าย ไม่เก่ง .. หมายถึง อาบน้ำนะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 28 P.9 @23/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 02-05-2020 22:56:59
คุณต่อหื่นได้ทุกที่ทุกเวลาเลย :z1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 29 P.9 @15/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-05-2020 13:10:44
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 29. ภาพของเรา [ตอนพิเศษ #4]
             ผมสะดุ้งตื่นแต่เช้า สำรวจตัวเองว่ามีอาการบาดเจ็บตรงไหนก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อรู้ว่ายังสบายดีก็รีบลุกไปข้างนอกเพื่อชมบรรยากาศของยอดเขา ไอหนาวลอยเอื่อยกระทบผิวจนขนตามตัวลุกชันไปหมด ดีนะที่เตรียมหมวกไหมพรมมาด้วย ไม่งั้นน้ำค้างคงตกจนหัวเปียก ทรงผมที่เพิ่งตัดให้เลี่ยนเตียนมาเหมือนเด็กมัธยมคงไม่มีอะไรช่วยป้องกันน้ำค้างเอาไว้ได้ เสียงหยดน้ำจากยอดไม้ตกเปาะแปะที่ผ้าใบเต็นท์เหมือนเป็นเสียงขับกล่อมให้หลับสนิททั้งคืนยังคงไหลเอื่อย หยดน้ำเกาะไปทั่วยอดหญ้าสีเขียวราวกับหยาดฝนเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความหนาวในยามนี้ พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่บรรยากาศในยามนี้ก็ไม่มืดมิด เป็นสัญญาณว่าต้องรีบไปที่ผานารายณ์ได้แล้ว

“คุณต่อ เร้ว” ผมเร่งคนที่นอนอุตุ พยายามปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น สงสัยจะเพลียจากการเดินขึ้นเขาเมื่อวาน สองขาคงเปลี้ยไปแล้วแน่นอน

“อื้อ ม่ายอาว” ยังกะเด็กน้อย

“เร้ว ถ้าช้าจะไม่ได้เห็นวิวสวยๆนะ”

“ไม่ไป” พลิกตัวกลับไปนอนขดอีกละ ผมล่ะเซ็ง

“โห อุตส่าห์จะกอดแฟนดูพระอาทิตย์ขึ้นซะหน่อย เสียดายจัง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเบา ก่อนแกล้งเดินห่างออกตามทางที่ลูกศรชี้ว่าไปผานารายณ์ ไม่นานเสียงวิ่งตุบๆไล่หลังมาอย่างกับวัวกระทิงไล่ขวิด ไม่ต้องเดานะครับว่าเสียงใคร

“พี่เอก รอด้วย”

“ไม่” ผมรีบจ้ำ ไม่อยากให้อีกคนได้ใจ

“คิดว่าจะหนีรอดเหรอ” แหม...ถ้าคิดจะหนีคงไม่แค่เดินหรอก คงวิ่งไปจนถึงยอดผาโน่นแล้วป่านนี้

“...”

“นี่แน่ะ” หืมมมมมมมมมมมมม....วิ่งมาถึงแล้วจับมือไว้ แถมรั้งให้ยืนนิ่งอีกต่างหาก “แฮ่กๆ แป๊บ วิ่งแล้วเหนื่อย”

“เห้อ นี่ยังไม่ 30 เลยนะ” ผมแซว แฟนหนุ่มที่ห่างกัน 5 ปี...แต่ทำไมตูเหมือนพ่อเลยวะ

“ก็ผมวิ่งมานี่ แถม...โอย หายใจลำบาก” เจ้านายหนุ่มบ่น คงเพราะอากาศที่นี่ล่ะมั้ง ทำให้ต้องออกแรงหายใจหนักหน่วงกว่าเก่า

“ปล่อยมือก่อน ค่อยๆเดินไปด้วยกันก็ได้ พี่ไม่ได้หนีซะหน่อย”

“ไม่หนี แต่ออกมาก่อนโดยไม่รอแบบนี้น่ะเหรอ” ท่าทางจะไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆซะละ

“ก็เพราะใครล่ะครับ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น พอบอกว่าจะให้กอดเนี่ยรีบพุ่งมาเลยนะ” ผมมองสภาพแฟนหนุ่มที่ตอนนี้ปล่อยให้หัวฟูฟ่องไปหมด ยังดีที่ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงผ้าขาวยาวสีเทาแบบสมัยนิยมพอกันหนาวได้ แต่...ไอ้ที่ตุงๆน่ะ คืออะไร

“จ้องอะไรขนาดนั้นพี่เอก”

“ห๊ะ เอ่อ” จะตอบไงดีวะเนี่ย เผลอจ้องเป้าหมายจนเจ้าตัวจับได้ซะละ จะไม่ให้มองได้ไง เพราะมันตุงเด่ขนาดนั้น พอนึกถึงของจริงที่พยายามยัดเข้ามาเมื่อคืนก็ยิ่งหน้าแดงไปอีก “ทะ ทำไมไม่ใส่กางเกงในมา”

“ก็ผมรีบอะ พี่เอกบอกว่าถ้าไม่มาด้วยจะไม่ให้กอด” อ้าว...โดนย้อน

“ไปใส่กางเกงในก่อนมั้ยอ่า” ถึงแม้คนไม่เยอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดคนไปเลยนะ

“ทำไม พี่เอกหวงเหรอ” น้ำเสียงล้อเลียนส่งมาถาม ผมรีบเบือนหน้าหนี

“เปล๊า แล้วแต่ ไม่เปลี่ยนก็ไปเลยละกัน” ผมสะบัดมือให้หลุดออกและเดินนำหน้าไปตามทางโดยมีจอมกวนประสาทตามมาไม่ห่าง เบื่อกับข้ออ้างและคำถามล้อเลียนมากๆ ณ จุดนี้ ... ปากบอกว่ารีบ แต่ดันไม่ลืมกล้องถ่ายรูป หมายความว่าไงฟระ!!

             วันนี้เหมือนบรรยากาศจะไม่เป็นใจเท่าไหร่ เพราะอากาศหนาว หมอกลงหนาจัดแถมบดบังก้อนเมฆจนแทบไม่เห็นเส้นขอบฟ้า นักท่องเที่ยวคณะใหญ่มาทีหลังและจับจองหาที่นั่งไม่ใกล้ไม่ไกล ตรงนี้เรียกว่าผานารายณ์ อย่าถามที่มาที่ไปกับผมเลยนะครับ อันนี้ไม่ได้อ่านรายละเอียดอะไรเลย รู้แต่ว่ารูปทรงของชะง่อนผาเหมือนกบกำลังยืนนิ่ง ปลายปากยื่นออกไปยอดเหว น่ากลัวแต่วิวดันสวยมาก แสงแดดยังไม่มา สองหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ก็ได้แต่กอดอกตัวสั่นด้วยความหนาว ยิ่งคนหัวกระเซิงสวมกางเกงวอร์มบางๆไร้กางเกงในนี่สิ นอกจากจะไม่มีหมวกไหมพรมแล้ว เวลานั่งลงโขดหินเย็นเฉียบก็สะดุ้งตัวจนน่าขำ

“หัวเราะอะไรพี่เอก” หะ เห็นด้วยเรอะ

“เปล๊า”

“หึ เสียงสูง” คนตัวใหญ่มองซ้ายมองขวา หวังจะหาอะไรมารองนั่ง แต่ก็ไม่เป็นผล หยดน้ำเกาะหน้าผากไม่รู้ว่าเป็นเหงื่อจากการเดินมาหรือเพราะน้ำค้างตกใส่กันแน่ คิ้วยาวหนาเรียงตัวสวยขับใบหน้าขาวๆโดดเด่น ดวงตาเล็กแต่เปี่ยมด้วยประกายของความหล่อเหลาสว่างจ้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์ที่เผยตัวช้าๆหลังม่านหมอกเมฆ แสงสีส้มแดงฉาบทั่วอาณา บรรยากาศรายรอบไม่ได้อุ่นขึ้น หมอกหนายังไหลเอื่อยอย่างไม่รีบร้อนคล้ายจะโอบกอดหุบเขานี้ไว้ตลอดกาล

“พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการชี้ไปทางทิศตะวันออก แฟนหนุ่มจับจ้องแสงแรกอย่างไม่วางตาราวกับว่าไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน ริมฝีปากเจ้ากรรมคลี่ยิ้มน้อยๆอย่างห้ามไม่ได้...บ้าจริง

“สวยจัง ขอบคุณนะครับพี่เอกที่พาผมมา” ถึงแม้หมอกจะหนาบดบังไปเสียเยอะ แต่ผมเชื่อครับว่าที่คุณต่อพูดนั้นมาจากใจจริงๆ

“พี่ก็ดีใจที่คุณต่อชอบ”

“บอกให้เรียกน้องต่อ” อ่าว...นึกว่าเรื่องนี้จบไปแล้วนะ ผมหน้ามุ่ยเพราะขี้เกียจเถียง เลยดึงหมวกของตัวเองไปสวมปิดหน้าคนที่นั่งข้างๆจนหมด

“มองไม่เห็น” คุณต่อบ่นอู้อี้ ก่อนปรับหมวกให้พอดี “พี่เอกไม่หนาวเหรอครับ”

ผมส่ายหัว อาจเป็นเพราะอยู่ข้างๆคุณต่อด้วยแหละมั้งเลยทำให้หน้าร้อนแปลกๆ “ไม่หนาวครับ คุณต่อใส่เถอะ”

แชะ

“อื้อ ถ่ายอะไรคุณต่อ”

“ก็ถ่ายรูปแฟนผมไง แฟนผมน่ารัก”

“โอย ถ่ายวิวไปเถอะครับ อย่ามาถ่ายพี่เลย สู้วิวสวยๆไม่ได้หรอก” ผมหลุบตามองไปเบื้องล่างแทน ลมหนาวกรูพัดยังไม่ทำให้หน้าหายร้อน นึกอยากกระโดดลงไปข้างล่างให้รู้แล้วรู้รอดจะได้ไม่ต้องสบตาคนๆนี้

“มากับแฟน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปแฟน จะมาทำไมล่ะครับ” ย้อนอีก

“พี่น่ะถ่ายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่วิวแบบนี้อะ เราไม่ได้มาเห็นกันบ่อยๆนะ”

“รูปที่มีแต่วิวเขา หมอกขาว มันสวย แต่มันไม่สวยเท่ากับถ่ายคนที่เรารักหรอกครับ”

งื้ออออออออออออออออ..... “งั้น เอามานี่” ผมคว้ากล้องที่คล้องคอและถ่ายเขากลับ

“ไม่เอาพี่เอก ถ่ายทำไมเนี่ย” รายนี้ชอบถ่ายแต่ไม่ชอบโดนถ่ายครับ

“ก็...ถ้าไม่ได้ถ่ายแฟนเรา รูปมันก็ไม่สวยไง”

“...” หืมมมมมมมมมมมมมม เขินหน้าแดงเป็นด้วย คุณต่อเกาหัวแกรกๆ หน้าแดงก่ำนั้นมองมาอย่างมีความหมาย เราสบตากันเนิ่นนานอย่างไม่พูดอะไร ปล่อยให้แสงแดดยามเช้าทอถักทั่วท้องฟ้า

“ขอโทษนะครับ รบกวนถ่ายรูปหมู่ให้หน่อยได้ไหมครับ” เสียงจากหนึ่งในนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่หันมาขอความช่วยเหลือกับผมที่กำลังควงกล้องคุณต่ออยู่

“อะ เอ่อ ได้ครับ” ผมตอบและหันไปสบตาแฟนหนุ่ม “คุณต่อถ่ายให้เค้าหน่อยสิ คุณต่อถ่ายรูปสวยกว่าผม”

“ได้สิ” เจ้านายหนุ่มยิ้มก่อนก้าวฉับไปที่คนร้องขอ แผ่นหลังกว้างนั้นดูบึกบึนยามที่ถ่ายรูปคนกลุ่มนั้น ผมมองอย่างชื่นใจ ... นี่กูหลงผู้ชายคนนี้หัวปักหัวปำเลยเหรอวะเนี่ย

“ขอบคุณมากครับ” ชายหนุ่มหัวหน้าทัวร์พูด “ให้ผมถ่ายรูปคู่คุณสองคนไหม” เขาเสนอ

“มะ..”

“ยินดีครับ” แฟนผมชิงตอบตัดหน้า ก่อนจะก้าวขากลับมายืนข้างๆแถมยังโอบไหล่จนตัวติดกัน

“ขอโทษนะครับ พวกคุณเป็นแฟนกันเหรอครับ” หืมมมมมมมม ถะ ถาม ทำไมวะ

“ใช่ครับ” ไอ้คุณต่อ ตอบเสร็จก็ยิ้มแป้นหน้าไม่อาย

“แอร๊ยยยย พวกแก ใช่จริงด้วย” หญิงสาวในกลุ่มกรี๊ดกร๊าด เห็นเล็งๆมานึกว่าสนใจไอ้เอก โถ่...

“รักกันไปนานๆนะคะ สาววายอย่างพวกเราหนับหนุน”

“หะ”

“ครับ” ยิ้มทำไมฟระ โอยยยยยยยยยย ไอ้เอกปวดหัว

“พี่ๆชิดๆกันหน่อยสิคะ กรี๊ดๆ” โอย ไอ้คุณต่อ ทำไมต้องทำตามสาวๆด้วยฟระ

“น่ารักอะแก”

“อื้อๆ คนนึงก็หล่อขาวตี๋ อีกคนก็เข้มๆ ฟินง่ะ”

“อยากถ่ายรูปคู่ด้วยจัง”

“ไม่เอาสิแก ถ้าเค้าไม่เปิดเผยล่ะ”

“หืมมมม นั่นสิ แต่แอบเสียดายนะ หล่อทั้งคู่เลย” สาวๆกลุ่มเดิมพูดถึงพวกเราตอนเดินลงจากโขดหินไปตามทางกลับลานกางเต็ฯท์ พอได้ยินคำว่าหล่อ กระผมก็ยิ้มย่องสิครับ ให้รู้ซะบ้างว่าเบ้าหน้าเราดี แต่ขอเถอะ คุยกันเบาหน๊อยยยย ผมเขินนนนนนนนนน

ตึ๊ง...ห๊ะ เสียงมือถือ ผมนึกว่าไม่มีสัญญาณนะเนี่ยบนนี้

             ผมหยิบมือถือเครื่องหรูที่คุณต่อให้ในตอนแรกที่เข้ามาทำงาน ได้เขานี่แหละสอนผมใช้โปรแกรมไลน์ ดาวโหลดเฟสบุ๊ค อินสตาแกรมเอาไว้ แถมยังแอบแชร์โลเคชั่นบนมือถือผมไว้ที่เครื่องตัวเองอีก...คิดแล้วเจ็บใจไม่หายที่โดนตามไปเจอตอนไปหาน้องๆ

“คุณต่อ อะไรเนี่ยยยยยยยยยย” ผมโวยวายเมื่อเปิดรูปใน Facebook ขึ้นมา ด้านหลังเป็นวิวหมอกหนา พวกเรายืนทำมุมเฉียงให้หน้ารับแสงอาทิตย์ เพราะถ้าหันหลังให้ รูปจะออกมามืดเพราะเป็นการถ่ายย้อนแสง ในรูปคือผมมองออกไปที่วิวด้านนอกเพราะกำลังเขินที่โดนสาวๆแซว แต่ไอ้คนตัวสูงที่ยืนกอดคอผมอยู่นั้นสิ จ้องหน้าอย่างหวานซึ้ง...

แค่รูปน่ะ ธรรมดา แต่แคปชั่นน่ะสิ...

‘ไม่อยากเป็นคนรักพี่เอกข้างเดียว แต่อยากเป็นคนรักเดียวข้างๆคุณ’ เสี่ยวชิบ แถมไม่ได้ซาบซึ้งกินใจอะไรเล้ยยยยยยยยย

ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง...อ้าวเห้ย เสียงเตือนดังรัวๆเลยวะ

วี๊ดวิ้วววว หวานจัง คอมเม้นต์จากคุณพัน

พี่กูขายออกแล้วโว้ย ไอ้โท น้องชายตัวแสบ

พี่เอกแม่งเจ๋งว่ะ ไอ้หนึ่ง หลานชายตัวแสบไม่แพ้น้องชายผม

เยี่ยม เดี๋ยวๆๆๆ พี่สาวคุณต่อก็เอาด้วยเหรอวะ

Congrats!!! คุณตงมาสั้นๆ

เปิดตัวแรงเลยเหรอวะ คุณกร...โอยยยยยยยยยย จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนวะกู

และอื่นๆอีกมากมาย พร้อมยอดไลค์ 300 ภายในเวลาไม่กี่นาที

ซีด....

“คุณต่อ” ผมตะโกนอย่างร้อนหน้า “ลบเดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่ลบ ลบทำไมล่ะ”

“ผมอายนี่ครับ เอามือถือมานี่” ส่งรูปจากกล้องไปที่มือถือไวปานนี้ แถมลงรูปไม่ปรึกษากันซักคำ น่าเตะจัง

“อายทำไมพี่เอก”

“โว้ยยยยยยยยยย เอามานี่” มือไล่คว้า แต่เขาไวกว่า รีบพุ่งลงจากเนินหินลงไปข้างล่าง

“ไม่ให้”

“คุณต่อ โวะ ...” ผมวิ่งกวด แต่ไม่ทันเขาหรอกครับ ขายาวกว่า แถมยังหนุ่มกว่าอีก ไล่ไปก็ไม่ทันหรอก เหนื่อยเสียเปล่าๆ สู้เดินเงียบๆดีกว่า

หมับ... หืม... แขนหนักๆทาบลงที่ไหล่ คงเพราะเดินมองพื้นหญ้าเพลินจนไม่ทันสังเกตว่าใครบางคนวิ่งกลับมา

“พี่เอกรู้ตัวมั้ยว่าพี่เอกน่ารักที่สุดเลย” มาไม้ไหน

“หะ...”

จุ๊บ .... เร็วปานสายฟ้า ริมฝีปากเย็นๆก็แตะที่แก้มสากๆของผม เห้ย...มาขโมยหอมแก้มกันง่ายๆแบบนี้ได้เหรอวะ โอยยย ร้อนหน้าไปหมดแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 29 P.10 @15/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-05-2020 14:48:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 29 P.10 @15/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 15-05-2020 19:59:12
งานนี้ น้ำตาลยอมแพ้
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 29 P.10 @15/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-05-2020 20:14:46
 :o8: :o8: :o8:
เขินแทนพี่เอกเลยงานนี้
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 29 P.10 @15/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 15-05-2020 23:40:40
หวานกันมากกก อิจฉา
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 29 P.10 @15/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-05-2020 23:52:21
หวานกันจังน้อ   o18
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 29 P.10 @15/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-05-2020 00:18:58
สักขีพยานเยอะเลยนะครับพี่เอก :m20:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 29 P.10 @15/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 24-05-2020 13:11:07
..ชี้ฟ้า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 30 P.10 @25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 25-05-2020 15:05:03
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 30. งานเข้า

             หลังจากรูปถ่ายบนยอดเขาพร้อมแคปชั่นเปิดตัวแบบอลังการงานสร้างแพร่ออกไป ตอนนี้คนทั้งบริษัทเลยรับรู้สถานะของคุณต่อพงษ์ รองประธานบริษัทกับนายเอกภพ คนขับรถส่วนตัวกันหมดแล้วว่าหัวหรือก้อย จากที่มีคนเริ่มเกรงใจอยู่แล้วก็กลายเป็นว่าไม่มีใครกล้าใช้งานหรือไหว้วานให้ช่วยงานอะไรอีก ร้อนถึงตัวเองนี่แหละครับเพราะเอาแต่นั่งๆนอนๆรอเวลาที่แฟนตัวเองเลิกงานก็ค่อนข้างน่าเบื่อ อ่านหนังสือ ทำรายงานส่งอาจารย์เสร็จไปหลายรอบแล้วก็ยังไม่หาย

“คุณต่อ” ผมถือวิสาสะเข้าไปประชิดตอนที่แฟนหนุ่มนั่งทำงานหน้าจอโน้ตบุ๊คขนาดเล็กที่ผมเคยเอามาใช้งานแล้วต้องเพ่งสายตาเนื่องจากตัวอักษรและรูปภาพต่างๆมันกระจิริดไปหมด สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ เก็บเงินซื้อโน้ตบุ๊คตัวใหม่ที่หน้าจอใหญ่บึ้มมาใช้งานเอง แม้จะต้องทนกับน้ำหนักที่มากกว่าก็ตาม

“หืม ว่าไงครับพี่เอก”

“คือ...” คืออะไรดีล่ะ มันเบื่ออะ มันเหมือนคนว่างงานนั่งเฉยๆจนจะกลายเป็นง่อยอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ไม่มีใครกล้าไหว้วานอะไรก็ยิ่งว่างเปล่าไปกันใหญ่ แต่จะพูดยังไงดีให้คนที่นั่งหน้าเคร่งขรึมเข้าใจและไม่งอนนี่สิ ยากกว่า

“ครับ” แฟนหนุ่มละสายตาและมองมาทางนี้ยิ่งทำให้หายใจติดขัด คนอะไรวะจะหล่อได้ทุกซอกมุมขนาดนี้ จากที่ไม่เคยคิดอะไรก็หวิวๆในใจไม่น้อย ตอนที่นอนก่ายกอดยังไม่รู้สึกเคอะเขินเพราะโดนกระทำมาจนชิน แต่หลังกลับมาจากกางเต็นท์ สุดหล่อคนนี้ก็ลากผมไปอาบน้ำด้วยทุกวัน แถมยังลงทุนซื้ออ่างอาบน้ำมาอีก วันไหนว่างๆก็จะพากันนั่งแช่อ้อยอิ่งอยู่ไม่ไปไหน ไอ้แค่อาบน้ำด้วยกันคงไม่อึดอัดหรอก สายตาก็เริ่มชินกับหอไอเฟลที่แกว่งไกวไปมาแล้ว ถึงแม้จะอายนิดหน่อยที่สู้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นสู้หน้าไม่ติด แต่เรื่องที่สุดแสนจะอึดอัดก็คือการที่ต้องนั่งแช่น้ำในอ้อมกอดคุณแฟนนี่แหละ ที่ยังไม่ชินซะที

             ลองคิดภาพผู้ชายสองคนที่รูปร่างใหญ่ ความสูงไม่ได้ต่างกัน คนหนึ่งแตะร้อยแปดสิบ กล้ามแน่น หุ่นดี ผิวขาวเนียนทุกรูขุมขน ร่องกล้ามหน้าอกและซิกแพ็กที่ชวนวาบหวาม กับอีกคนที่สูงร้อยเจ็ดสิบปลายๆ น้ำหนักแปดสิบกิโลกรัม ผิวสีเข้ม กล้ามเนื้อหนา หน้าท้องไม่ได้มีกล้ามแต่ก็แน่นไร้ไขมัน เวลานั่งแช่น้ำก็เหมือนยักษ์สองตนเข้าไปแล้ว แต่ผมยังต้องโดนอีกฝ่ายนั่งคร่อมอีก สองขาแหกกว้างให้ผมแนบก้นชิดกับหอไอเฟลขนาดเบ้อเริ่ม จะออกห่างก็ไม่ได้ โดนลากไปชิด ดิ้นเยอะก็ไม่เป็นผลดี เพราะมันเกิดขยายใหญ่งานจะงอกอีก... นึกถึงตอนที่อาบน้ำด้วยกันครั้งแรกบนเขาหลวงแล้วยังเจ็บไม่หาย

             มันจะดีกว่านี้ และผมคงปรับตัวได้ง่ายกว่านี้อีกเยอะ ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาที่อาบน้ำด้วยกันหรือตอนเข้านอน เจ้านายในคราบแฟนจะพยายามสานต่อเรื่องวันนั้นอย่างไม่ลดละความพยายาม

“...ไม่สบายเหรอพี่เอก ทำไมหน้าแดง”

“ปะ เปล่าครับ” โอ้ยยยย เชี่ย อยากเขกกบาลตัวเองชิบหาย ดันไปนึกถึงตอนที่ต่อพงษ์น้อยพยายามดึงดันเข้ามาในตัวเองซะได้ กว่าจะหาข้ออ้างเพื่อรักษาพรหมจรรย์ตัวเองได้แต่ละครั้งก็แทบจะตกเป็นเมืองขึ้นคุณต่อหลายต่อหลายรอบ

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา” แฟนหนุ่มเอื้อมมือมาแตะหน้าผาก ไอ้เราก็ได้แต่นิ่ง ไม่กล้าหนีไปไหนเพราะแพ้ทางใบหน้าและแววตาที่ห่วงใยจนออกนอกหน้าเช่นนี้ แล้วก็ต้องหายใจแรงขึ้นเมื่อหลังมือใหญ่นั้นไล้เรื่อยมาที่โหนกแก้ม แตะแผ่วเบาลงมาจนใกล้ริมฝีปากที่ขมิบยกใหญ่เพราะอยากกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดในคอ

ก๊อก ๆๆๆ

“ไอ้ต่อ มีประ... เอิ่ม เดี๋ยวกูมาใหม่ก็ได้” แฟนหนุ่มไม่ได้มีท่าทางตกใจ ผิดกับผมที่รับสะบัดหน้าออกทันทีที่เสียงเปิดประตูพร้อมร่างใหญ่ของคุณกรที่ส่งเสียงมาพูดเรื่องงาน

“มีอะไร พูดมาเลย” น้ำเสียงทุ้มตอบกลับพลางขยิบตาอย่างมีความนัย ผมรีบลุกไปนั่งที่เดิมด้วยความอายจนร้อนหน้าไปหมด

“มึงจัดการตรงนี้ให้เสร็จก่อนก็ได้ กูไม่รีบ หรือจะให้เปิดห้อง”

“พอๆไอ้กร สงสารพี่เอกอายหน้าแดงหมดแล้วนั่น” คุณต่อปกป้อง แต่กลับไม่ได้รู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย “มีอะไรวะ”

“ก็เรื่องออกบูธงานมหกรรมอาหารเดือนหน้าไง มึงไม่ได้อ่านเมล์กูรึ”

“โทษทีว่ะ แป๊บ”

“มัวแต่หลงแฟนจนลืมงานเลยนะ” ไอ้คุณกรแม่งก็แซวไม่หยุด ผมแทบจะเอาหน้ามุดโซฟาเหมือนนกกระจอกเทศแล้วนะ คุณต่อก็เพ่งอ่านเนื้อหาในอีเมล์ที่ได้รับ ใบหน้าหล่อใสเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว

“ได้ไงวะ แม่ง”

“เออสิวะ กูจองพื้นที่ไว้หมดแล้ว ทุกอย่างคอนเฟิร์ม แต่ตอนนี้ดันกลายเป็นว่าเจ้าอื่นเอาของเราไป”

“ใครดูแลงานนี้วะ” ผมหูผึ่ง อยากรู้เรื่องกับเขาด้วย

“แป๊บ” คุณกรกดมือถือถามลูกน้องในทีม ก่อนจะตอบออกมา “บริษัทลูกของคุณเทพบดินทร์ว่ะ”

             ผมละขนลุกซู่ นึกถึงเหตุการณ์ในคืนวันนั้นขึ้นมาเลยครับ ผู้ชายหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง แต่งตัวมีระดับที่ชื่อเทพบดินทร์มาทักและขอชนแก้วในงานเปิดตัวสินค้ายี่ห้อหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากจะพูดจากรุ้มกริ่ม ยังมือไวเป็นปลาหมึกอีกต่างหาก ถ้าผมจำไม่ผิด รายนั้นเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าส่งออกนี่นา แต่ทำไมถึงมาเกี่ยวข้องกับงานนี้ด้วย

             งานมหกรรมอาหารนั้นจัดมาต่อเนื่องและยาวนาน โดยจะมีตัวแทนของภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันในการชวนผู้ประกอบการด้านอาหารนำสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆของตนเองมาจัดแสดง พร้อมทั้งหาลูกค้าใหม่ที่เดินทางมาจากทั่วโลก ซึ่งทุกปีจะมีการจ้างออแกไนซ์เซอร์ชื่อดังมาเป็นแม่งานในการรังสรรค์งานให้ออกมายิ่งใหญ่และดูดีที่สุดเพื่อดึงดูดความสนใจ มีการยิงโฆษณาทางสื่อต่างๆพร้อมกับจดหมายเชิญชวนลูกค้าของแต่ละบริษัทที่ไปออกงานโดยพร้อมเพรียง

             ปกติแล้ว บริษัทของคุณต่อไปออกงานปีเว้นปี เนื่องจากสินค้าเป็นที่รู้จักอยู่แล้วและขายได้อย่างดี แต่จะไปร่วมงานนี้เพราะอยากนำเสนอสินค้าใหม่ๆหรือเพื่อสร้างการรับรู้เรื่องแบรนด์ (Brand awareness) กับลูกค้า เนื่องจากสเกลการจัดงานมันใหญ่ ทำให้โอกาสที่จะได้ลูกค้านั้นมีไม่มาก แค่เดินชมงานอย่างเดียวก็ใช้เวลาครึ่งค่อนวัน จึงเป็นไปได้ยากที่ผู้ร่วมงานจะสามารถเดินชมงานและพูดคุยเรื่องธุรกิจกันจบภายในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นพื้นที่จัดแสดงงานนั้นสำคัญมาก ถ้าอยู่ซอกหลืบลึกๆ โอกาสที่ลูกค้าจะย่างกรายมาหายิ่งยากมากขึ้น ทางคุณต่อจึงให้ทีมการตลาดจองพื้นที่ล่วงหน้าเป็นปีก่อนจะถ่ายโอนมาอยู่ใต้ความรับผิดชอบของคุณกรในตอนนี้

“เชี่ย” คำสบถหลุดมาจากปากแฟนผมเองครับ คงจะรู้ตัวว่าเป็นเพราะอะไรแล้วล่ะ ผมอ่านจากสายตาที่พวกเราสบกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ท่าทางคุณเทพบดินทร์จะไม่ค่อยพอใจที่โดนคุณต่อหักหน้าเรื่องคืนนั้นเท่าไร แต่คนที่รู้สึกแย่ยิ่งกว่าก็คือผมนี่แหละ เห้อ!

“จะเอาไงดี โทรไปคุยก็บอกไม่สะดวก” คุณกรเล่า

“เออ เดี๋ยวจัดการเอง ขอเวลาหน่อย” คุณต่อรับปากก่อนปล่อยให้เพื่อนสนิทที่มีฐานะเป็นลูกน้องเดินออกจากห้องไป

“คุณต่อ คือผม...” หน้าจ๋อยเลยครับ เพราะอยู่ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แถมเราเป็นต้นเรื่องอีก ตอนนี้ไม่ว่าใครที่มาหาคุณต่อชินกับการที่มีผมนั่งฟังอยู่ไม่ห่างแล้วครับ ถึงแม้จะมีตะขิดตะขวงใจกันบ้างก่อนหน้านี้ แต่พอรู้สถานะที่เปิดออกไปแถมพ่อตัวดียังอนุญาตให้ผมรับฟังเรื่องงานอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ไอ้เอกภพเลยเหมือนได้อภิสิทธิ์รู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น

“นั่งก่อนพี่เอก” คุณต่อใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบที่หว่างคิ้ว สันจมูกโด่งรับใบหน้าเกิดรอยแดง แววตาเหนื่อยล้าเผยให้เห็นอย่างไม่ปิดบัง ผมหย่อนตูดลงบนเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“ไม่เอา มานั่งตรงนี้” ชิชะ! คิดว่าเป็นใคร มากล้าสั่งไอ้เอกไปนั่งตรงนั้น ... ตรงที่ฝ่ามือใหญ่กำลังตบตุบๆที่หน้าขา ... คิดเหรอว่าจะไป

“ครับ” อ้าวกู รับคำง่ายๆแล้วไปนั่งบนตัก ทำอย่างกับเป็นหญิงสาววัยแรกแย้ม

             คือ บอกตรงๆว่าไม่ชินครับ แต่พอจะรู้ว่าถ้าตอนไหนคุณต่อเครียดหรือไม่สบายใจมากๆ แกจะชอบให้ผมมานั่งตักและใช้สองแขนกอดรัดจนแน่น ใบหน้าหล่อจะซุกที่อกผมพักใหญ่จนกว่าลมหายใจจะราบเรียบเป็นการยืนยันว่าสงบสติอารมณ์ได้แล้วถึงจะปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ ... อย่าคิดว่าไอ้เอกภพจะชินนะครับ ไม่มีทางหรอก ไม่ได้อยากนั่งด้วย กลัวแฟนขาหัก ตอนแรกๆก็โวยวายแหละ แต่พอเห็นอาการของอีกฝ่ายก็ได้แต่ใจอ่อน ปล่อยให้เขาซึมซับอะไรก็แล้วแต่ที่ต้องการจนหนำใจได้อย่างเต็มที่

“ขอบคุณนะ” น้ำเสียงอ้อนแบบเด็กน้อยพูดขึ้น ผมก็ได้แต่อมยิ้มปล่อยให้แขนล่ำกอดอยู่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ

             คุณต่อใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายในการพยายามติดต่อคุณเทพบดินทร์ที่ยุ่งเสียเต็มประดา ผมได้แต่มองตาปริบๆอย่างไร้ประโยชน์เพราะไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้บ้าง เลยทำได้แต่ตรวจเอกสารที่ทางเลขาคนสวยมาวางไว้ให้เพื่ออนุมัติ พลันก็นึกได้ว่าเอกสารที่อนุมัติแล้วจะถูกสแกนและเก็บในไดรฟ์กลางของบริษัท เลยถือวิสาสะเปิดเข้าไปไล่หาเอกสารที่ต้องการอย่างเร่งรีบ ให้รู้ซะบ้างว่าผมเป็นใคร ตั้งแต่ซื้อโน้ตบุ๊คใหม่มา เจ้านายก็สั่งให้ฝ่ายไอทีลงโปรแกรมให้ แถมยังอนุญาตให้เข้าถึงไฟล์งานที่แชร์ในไดรฟ์กลางได้ทุกแผนก (ไดรฟ์กลางของบริษัทก็คล้ายๆพวกที่เก็บข้อมูลแบบคลาวด์เลยครับ เพียงแต่ว่าเราจะออนไลน์แค่ภายใน ไม่ได้ฝากไว้กับผู้ให้ผู้บริการภายนอกอย่าง ไอคลาวด์ อะไรเทือกนั้น)

“โป๊ะเชะ!” ขนาดดีใจยังต้องร้องเบาๆเลย ไม่ได้กลัวนะ แค่ไม่อยากให้แฟนรู้ว่าจะทำอะไร ผมเคาะเม้าส์เปิดไฟล์ขึ้นมาอ่าน เป็นรายละเอียดของงานที่มีปัญหาตอนนี้ ในนั้นบอกที่มาที่ไป วัตถุประสงค์ของงาน งบประมาณและข้อมูลต่างๆครบครัน ไหนๆก็ว่างจัดขนาดนี้แล้ว ลองอ่านและทำความเข้าใจตัวโครงการนี้ก่อนละกัน

“คุณอ้อย เรียกการตลาดประชุมด่วน” น้ำเสียงคุณต่อไม่สู้ดีนัก สงสัยจะหัวเสียที่โดนแกล้งจากฝั่งโน้นที่ย้ายพื้นที่จัดบูธของบริษัทไปซะไกลลิบ ทำเลตรงนั้นคือถูกปิดจากบูธอื่นแน่นหนา ถ้าจะจัดแสงสียิ่งใหญ่คงจะเพิ่มงบอีกเกือบเท่าตัว

“คุณต่อ” ผมทัก แต่ท่าทางจะโมโหจนสงบอารมณ์ไม่ทัน

“เดี๋ยวผมมา” ว่าแล้วร่างใหญ่ก็ก้าวออกจากห้องไปปล่อยให้ประตูปิดกระแทกดังโครมลั่น

             ร้อนใจถึงไอ้เอกภพที่ต้องมานั่งเครียดแทนว่าจะช่วยหาทางออกได้ยังไงมากกว่า ในเมื่อรู้กันดีว่าคุณเทพบดินทร์น่ะแค้นฝังหุ่น แถมรายละเอียดงานบอกว่าไม่ได้จ่ายเงินจองพื้นที่หรือทำสัญญาก่อนเพราะถือว่าเป็นคอนเน็กชั่นเก่าแก่ ตอนนี้เลยกลายเป็นช่องว่างให้อีกฝ่ายโจมตีจนแทบดิ้น เพราะบริษัทออแกไนซ์เซอร์เจ้าเดิมขาดสภาพคล่องจนคุณเทพบดินทร์ต้องมาอุ้มแทน จากที่ไม่ต้องกังวลอะไร กลับเกิดเป็นปัญหาใหญ่ ... เบื่อหน้าตาหล่อๆของตัวเองชะมัด [เอกภพคิดเองเออเอง]

             ผมสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดไร้สาระเมื่อกี้ ในมือถือบุหรี่ที่เหลือแค่ก้นกรองไว้อย่างนั้น พื้นที่สูบบุหรี่ของบริษัทว่างเปล่า ทั้งๆที่เมื่อกี้คนยังอยู่กันเต็มก็ตาม แต่พอไอ้เอกภพมาแค่นั้นแหละ พากันแตกฮือไปหมด นี่คนนะ ไม่ใช่ขี้ ทำท่าหวาดกลัวอะไรปานนั้น ผมไม่ใช่คนขี้ฟ้องนะ จะได้เอาไปเล่าให้แฟนตัวเองฟังว่าเจอใครมาแอบอู้งานสูบบุหรี่บ้าง ... ในเมื่อครอบครองพื้นที่ด้านนอกอาคารคนเดียวแบบนี้ ใจผมก็สงบร่มเย็นลงไปบ้าง แต่อากาศก็ร้อนจนแทบไหม้ เหงื่อไหลอาบแผ่นหลังจนเปียกโชก ตั้งแต่มานั่งออฟฟิศ นิสัยรักสบายก็เริ่มถามหา จากแต่ก่อนไม่ต้องอยู่ในห้องแอร์ก็รู้สึกสบายๆ ตอนนี้กลับเหนียวเหนอะตัวไปหมด ... อะไรจะคุณชายได้ขนาดนี้วะไอ้เอก

             กลับมาที่โต๊ะร่วม 15 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคุณแฟนจะประชุมเสร็จ ท่าทางจะเคร่งเครียดพอดู คิดแล้วสงสารเด็กๆทีมการตลาด เพราะน่าจะโดนเอ็ดตะโรชุดใหญ่ที่ประมาทเลินเล่อไม่ทำสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษร ผมสั่งปรินท์เอกสารออกมาอ่านอีกครั้งก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ

         คุณเทพบดินทร์ ... นึกชื่อนั้นย้ำๆในใจไปมา คนเราจะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออกจากกันไม่ได้เลยเรอะ คิดแล้วหัวเสีย ผมเปิดปิดโต๊ะทำงานดังโครมก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ได้นามบัตรเขามานี่หว่า จากนั้นก็ลงมือรื้อค้นลิ้นชักเป็นการใหญ่ ถ้าจำไม่ผิดผมเก็บเอาไว้นะ แต่ไม่รู้ว่าไว้ตรงไหน เพราะตอนนั้นคุณต่อหึงโหดจนไม่กล้าเก็บให้เห็นคาตา

“เชี่ย” ผมเจอแล้วล่ะ แต่นามบัตรมันยับเยิน หมายเลขโทรศัพท์สิบหลักหายไปสอง แถมอยู่คนละตำแหน่งอีกด้วย ถ้าจะลองจับคู่หมายเลข 0-9 ก็ต้องลองโทรออกไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งแน่นอน ... ไม่ใช่เซียนหวยซะด้วยสิ เอาไงดีวะ

ปวดกบาลโว้ยยยยยยยยยยยยยย!!! ผมฟุบหน้าลงบนโต๊ะ

ติ๊ง!

   เสียงอีเมล์ดังมาจากคอมพิวเตอร์แลปท็อปขนาดจิ๋วของเจ้านายที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะทำงาน ผมถึงขั้นบรรลุโสดาบันรีบพุ่งไปเปิดหน้าจอทันที ลากนิ้วบนหน้าจอแทนการพิมพ์รหัสเข้าเครื่องอย่างคล่องแคล่ว จากการใช้งานก่อนหน้านี้มานานเดือน

“เฮือก” สะดุ้งสิครับ ไอ้เจ้านายตัวดีแอบมาเปลี่ยนรูปพื้นหลังหน้าจอเป็นตอนที่เราไปเที่ยวกันที่เขาหลวง ไม่รู้มาติดใจอะไรกันนักหนา แต่ที่ไม่เข้าใจมากกว่าคือ ทำไมกูต้องยิ้ม!

             ผมเปิดอีเมล์ส่วนตัวของคุณต่อพงษ์ ทุกอย่างที่สำคัญอยู่ในนี้หมด ถ้าแอบเอาไปขายให้คู่แข่งคงรวยเละ ... เอ่อ ไม่ได้ๆๆๆ สติเอก สติ ... ผมกดปุ่มแว่นขยายเพื่อหาชื่อคุณเทพบดินทร์และรอ โชคดีที่ระบบประมวลผลมันค่อนข้างเร็วเลยทำให้มีข้อมูลและอีเมล์เก่าที่เคยติดต่องานกันโผล่ขึ้นมา สุ่มเคาะอีเมล์หนึ่งฉบับออกมาอ่าน ไล่เรื่อยลงไปจนถึงข้อความสุดท้ายก่อนมาจบที่ลายเซ็นที่บ่งบอกชื่อ ตำแหน่ง และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่ออย่างละเอียด

             ผมกดหมายเลขทั้ง 10 นั้นอย่างหวั่นๆ หวังว่าเขาจะรับโทรศัพท์ และหวังว่าคุณต่อจะไม่รู้ หรือถ้ารู้ก็หวังว่าจะเข้าใจความหวังดีของไอ้เอกภพคนนี้บ้างนะครับ เอาวะ กูหน้าด้าน เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลย หน้าตาหื่นๆของคุณต่อตอนที่พยายามจับกดยังน่ากลัวกว่าอีก เสียงรอสายดังตู๊ดๆเป็นจังหวะช้าๆ ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัว นึกในใจอย่างห้าวหาญว่า

อย่ารับนะ อย่าเพิ่งรับ ขอตั้งสติก่อน ...

[ฮัลโหล เทพบดินทร์ครับ]

เย็กเคร็ก! มึงจะรับสายทำม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย

เอกภพจะบ้าตาย....

##### #####

             ตอนนี้ผมนั่งแกร่วที่ร้านกาแฟหรูในห้างแถวบางนา มองไอร้อนที่แผ่ออกจากแก้วลอยอ้อยอิ่งและจางหายไปจนกระทั่งมันเย็นเยียบ คนที่นัดก็ยังไม่มา ความจริงผมดื่มกาแฟมาแล้วสองแก้ว ครั้นจะมานั่งในร้านเฉยๆก็ดูไม่ดี แต่จะให้สั่งอะไรสักอย่างนอกเหนือจากกาแฟร้อนผมก็ทำไม่เป็น ทำไมจะต้องนัดที่หรูๆแบบนี้ด้วยวะ

             เวลาผ่านไปร่วม 15 นาทีหลังจากนั่งรอ ร่างสูงมาพร้อมกับรอยยิ้มหล่อเหลา ผมลุกยืนและยกมือไหว้ก่อนที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่แต่งตัวเหมือนจะไปเดินแบบที่ไหนสักงานรับไหว้และนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม นับหนึ่งถึงสามสิบแล้วยังไม่มีใครเอ่ยปากพูด สายตาเล้าโลมที่ส่งมาชวนขนลุก ถึงจะมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ผมก็ไม่ได้พิศวาสตัวผู้ทุกตัวนะเออ

“คือ...” มันอึดอัดจนเกินไป ต้องรีบทำลายความเงียบ เพราะแอบหนีคุณต่อออกมาโดยไม่ได้บอก อาศัยจังหวะประชุมเครียดนั่นแหละ

“รอแป๊บนึงนะ” คุณเทพบดินทร์ยกโทรศัพท์มือถือกดรับสายก่อนที่จะมีผู้ชายร่างสูงอีกคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะของเรา

“นี่คุณยิ่งเทพ” ผมยกมือไหว้คนที่ดูเหมือนจะเด็กกว่า คุณยิ่งเทพนั้นหน้าตาถือว่าหล่อเหลาแบบไทยแท้ ผิวสีแทนรับกับใบหน้าคมราวกับพระเอกหนังสมัยก่อน แม้แต่การแต่งตัวที่ไม่ค่อยเป็นทางการเช่นวันนี้ยังไม่อาจกลบรัศมีได้เลยสักนิด ผมมองเสื้อโปโลสีน้ำเงินเข้มคู่กับกางเกงยีนส์รัดรูปสีดำและรองเท้าหนังราคาแพงอย่างนึกอิจฉา ทั้งๆที่พวกเราก็มีหน้าตาออกโทนเดียวกันแท้ๆ (หมายถึงดำๆล่ำๆนะครับ) แต่ความหล่อต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ครับ ผมขอเข้าเรื่องเลยละกัน จะได้ไม่เสียเวลา” น้ำเสียงคนมาใหม่นุ่ม ทุ้ม แต่ออกแนวดุดัน ผมนั่งนิ่งหลังตรงอย่างลืมตัว เพราะมักจะได้ยินเสียงโทนนี้ตอนที่ออกฝึกกลางแจ้งในค่ายทหารมากกว่า ไม่ค่อยจะมีใครเปล่งน้ำเสียงแบบนี้เลยตั้งแต่ตอนนั้น

“คุณเอกภพใช่มั้ยครับ”

“เอ่อ ครับ” เรียกซะเต็มยศเลยโว้ย

“คุณเทพบดินทร์คงแจ้งเหตุผลที่นัดคุณมาแล้วใช่ไหม” ผมพยักหน้ารับ ตอนที่คุยโทรศัพท์กัน ผมพยายามขอร้องให้ทางคุณเทพบดินทร์ช่วยเหลือเรื่องพื้นที่จัดแสดงสินค้าของบริษัทคุณต่อ แต่ทางนั้นยืนยันว่าช่วยอะไรไม่ได้ เพราะว่ามีบริษัทอื่นจ่ายเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว พอผมตื๊อนานๆเข้า ก็เลยได้มานั่งตรงนี้กันทั้งสามคน

             ยิ่งเทพ เป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงในบริษัทคู่แข่งของคุณต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปตกลงกันท่าไหน บริษัทของคุณยิ่งเทพเลยปาดหน้าชิงพื้นที่จัดแสดงสินค้าจากแฟนผมเสียได้

“ถ้าพี่เอกยอม ผมจะช่วย” ข้อเสนอของคุณเทพบดินทร์ยังก้องอยู่ในหัว เดิมทีผมคิดว่าจะไม่รับ แต่เพราะงานนี้ค่อนข้างสำคัญต่อแผนขายของบริษัท ทำให้การตัดสินใจแค่เสี้ยวนาทีหลุดจากปากผมเสียอย่างนั้น

“ดีครับ ผมยินดีจะคืนพื้นที่จัดแสดงสินค้าให้ ถ้าพี่เอกยอมช่วย” หืมมมม ทำไมเรียกซะสนิทเลยล่ะ ทีแรกยังทำเป็นเช้มอยู่เลยมั้ย

“จะให้ผมช่วยยังไงเหรอครับ” นี่แหละเป็นสาเหตุที่ต้องมา เมื่อไม่มีใครบอกข้อเสนอทางโทรศัพท์ เอกภพจึงต้องออกโรงเอง ถึงแม้ตอนนี้ในใจจะตุ๊มๆต่อมๆ ก็ตาม คงจะไม่ใช่แบบที่คิดไว้หรอกนะ ที่จะให้ผมใช้เรือนร่างเพื่อแลกเปลี่ยน ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ คิดในแง่ดีมันก็ไม่มีอะไรบุบสลายไม่ใช่เหรอ ก็แค่ร่างกาย แถมเป็นผู้ชายด้วยกันอีก แต่คิดอีกที ในใจก็ยังหวั่นๆ ถ้าเกิดทั้งสองคนเกิดซาดิตส์หรือชื่นชอบกิจกรรมหมู่ขึ้นมาล่ะ ผมจะต้องเจอกับอะไรบ้างเนี่ย คนเรานี่มองแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆแฮะ คุณยิ่งเทพอะไรนี่ก็ดูจะมีรสนิยมและมาดแมนอยู่ไม่น้อย จะยอมลดตัวมา xxx กับเรือนร่างผมเหรอ

...คิดแล้วก็รู้สึกใจคอไม่ดีเลย คอแห้งชิบ!

“พี่เทพยังไม่ได้บอกเหรอ” คุณยิ่งเทพไม่ค่อยมีหางเสียง ครับ เวลาพูด เหมือนเป็นเด็กที่ถูกตามใจจนเคยตัวเอามากๆ

“ยังครับ พี่รอให้คุณยิ่งเทพพูดต่อหน้าเองดีกว่า” สายตาโลมเลียหายไปจากแววตาคนที่เพิ่งตอบคำถาม ผมใจเต้นตึกๆตักๆไม่เป็นจังหวะรออยู่แล้ว ร้านกาแฟที่เปิดแอร์จนเย็นเฉียบยังไม่ช่วยให้เหงื่อผมหยุดไหลได้เลย

“โอเค งั้นผมจะบอกเอง” คุณยิ่งเทพยื่นซองเอกสารในมือมาให้ ผมหยิบและเปิดอ่านคร่าวๆ มันเป็นสัญญาการเช่าพื้นที่ฉบับจริงและเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ “นี่เอกสารตัวจริง ผมเอามาแล้ว มีเอกสารยกเลิกสัญญาและใบโอนสิทธิ์มาด้วย แค่พี่เอกช่วยเหลือผมแค่อย่างเดียว”

“อะ อะไรครับ” โอยยยยยยยยยยย ลุ้น จะต้องเสียตัวในเร็ววันนี้แล้วแน่ๆกู ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย เอาไงดีวะ จะหนีกลับตอนนี้จะทันไหม หันไปอีกทางก็เจอกับแววตาหวานเยิ้มจากคุณเทพบดินทร์ส่งมาจนสยองยิ่งไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น

“ข้อเสนอของผมไม่ยาก” คุณยิ่งเทพเซ็นลงเอกสารที่เตรียมมาทุกแผ่นต่อหน้า ก่อนยิ่นให้คนที่นั่งใกล้กันลงนามและรวบเก็บเข้าในซองเดิม “ถ้าพี่เอกรับปาก เอกสารทั้งหมดนี้ผมยกให้”

..เอา เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ... พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยนะ ขอให้ทั้งสองคนเป็นรับด้วยเถอะ ลูกจะได้ไม่เจ็บมาก

“ครับ” ผมกลั้นหายใจ จะลีลาอีกนานมั้ย

“ดีครับ สิ่งที่ผมจะขอ ไม่ยากจริงๆ” ยิ่งเทพมองมาด้วยแววตาไร้อารมณ์ แต่น้ำเสียงนั้นกลับหนักแน่นจนขนลุก

“พี่เอกต้องลาออกจากบริษัทของต่อพงษ์” หืม.... ผมหน้าซีด

“และ...” ยังไม่หมดอีกเรอะ แค่บอกให้ลาออกก็อึ้งละนะ ทำไมต้องลาออกด้วยวะ ไม่เข้าใจ

“พี่เอกกับต่อพงษ์เป็นแฟนกันใช่ไหม”

“ครับ” โอยยยยยยย จะยื้อเวลาอะไรกันนักหนา

“ดี” ใบหน้าหล่อยกยิ้มแบบผู้ร้ายในละครหลังข่าว ผมตัวลีบอย่างลุ้นระทึก ก่อนจะได้ยินประโยคที่อีกคนเปล่งออกมาอย่างหนักแน่นว่า

“ผมเคยเรียนที่เดียวกับต่อพงษ์ ผมรักเขามานานแล้ว ถ้าพี่เอกเลิกกับต่อพงษ์และไม่ติดต่อกันอีก หลีกทางให้พวกเราได้สานสัมพันธ์กัน... ผมยอมยกเลิกสัญญาทั้งหมด” เจ้าตัววางซองเอกสารลงบนโต๊ะอย่างแรงจนลมกระพือ ผมอ้าปากค้างมองทั้งสองคนที่นั่งตรงข้ามในท่าไขว่ห้าง

เฮือก......... นี่ไม่ได้เกี่ยวกับเรือนร่างกูเลยสักนิด!
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 30 P.10 @25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-05-2020 19:10:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไงหล่ะ

เจ้ายิ่งเทพกะเคลมต่อพงษ์  ส่วนอิตาเทพบดินทร์ก็คงกะเคลมตาเอกสินะ

สองคนร่วมมือกันเพื่อวินวินซิทูเอชั่น  หุหุ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 30 P.10 @25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 25-05-2020 19:54:47
ลุงเอก......สู้โว้ยยยย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 30 P.10 @25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 25-05-2020 22:12:14
แล้วพี่เอกจะทำอย่างไรต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 30 P.10 @25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2020 22:26:02
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 30 P.10 @25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-05-2020 23:43:29
ท่าจะเรื่องใหญ่นะพี่เอก เจอดับเบิ้ลเทพเข้าไปเนี่ย ห้ามทิ้งคุณต่อนะ.   :katai1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 30 P.10 @25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-05-2020 15:28:41
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 30 P.10 @25/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-05-2020 22:46:07
พี่เอกอย่าทำให้ปัญหามันใหญ่โตไปกว่านี้นะครับ ปรึกษาคุณต่อก่อนดีกว่า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 31 P.10 @29/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-05-2020 15:08:45
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 31. ธีมงานแต่งสีเขียว ใครเป็นคนคิดฟะ!!!

             อีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสแบบใกล้ชิด นั่นคือพิธีแต่งงานริมชายหาด ... พวกเราสวมชุดสูทเข้าธีมงานและต้องยืนสะเทิ้นแดดสะเทิ้นลมอย่างไม่รู้ร้อนตั้งแต่เช้าจนสาย หากใครคิดอยากจะมีภาพสวยๆในวันแต่งงานริมชายหาดของตัวเองอยู่ละก็ ไอ้เอกภพคนนี้ขอร้องล่ะครับว่าคิดใหม่เถอะ เบื้องหน้าอาจจะดูดี แต่เบื้องหลังนี่เหงื่อหยดยันง่ามตูด ยิ่งช่วงไหนที่ลมละเทพัดกรูล่ะอย่าได้หวังพึ่งไอเย็นจากพัดลมไอน้ำเชียว นอกจากจะพัดไอทะเลเหนียวเหนอะหนะ ยังมีทรายเม็ดเล็กๆพ่วงมาเป็นของแถมอีกด้วย ใครดวงไม่ดีก็เจอฝุ่นทรายเข้าตาร้องจ๊ากตามๆกัน

             ก่อนจะถึงวันงานสามวัน เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลานรกของคุณแฟนสุดหล่อเป็นที่สุด ปกติรายนั้นจะทำตัวชิคๆคูลๆชิลๆไปมา ทำเหมือนว่าไม่มีงานอะไร แต่เปล่าเลย ถ้าไม่ได้มานั่งห้องทำงานเดียวกัน ผมคงได้เห็นหน้าอีกทีคือตอนนั่งรถกลับบ้านด้วยกันนั่นแหละ ด้วยตำแหน่งและหน้าที่ คุณต่อพงษ์จะประชุมเยอะมาก ทั้งบอร์ดบริหาร ผู้ถือหุ้น ประชุมฝ่ายโน่นนี่นั่น (ทั้งการตลาด การขาย บัญชี ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้าง และอีกสารพัด) ทำให้เวลาที่ควรนั่งเท่ห์ทำงานจรดปากกาเซ็นเอกสารที่โต๊ะแทบจะเป็นศูนย์ ทางคุณอ้อย(เลขาคุณต่อ) ก็ยุ่งวุ่นวายจนแทบจะเอาตัวเองไม่รอด ทำให้ผมต้องคอยทำงานแทนมาสักระยะ ทั้งรับสายเข้า จัดตารางนัดหมาย และที่สำคัญ ขับรถพาคุณแฟนในคราบเจ้านายไปประชุมนอกสถานที่

“คุณต่อครับ ทางร้านโทรมาถามว่าชุดที่คุณต่อให้แก้เสร็จแล้วนะครับ จะเข้าไปเอาเลยไหม” คนที่ผมคุยด้วยนั่งพิงหลังแนบเบาะรถ ท่าทางจะเหนื่อยจนไม่มีแรงจริงๆ เป็นเราก็คงไม่ไหววิ่งไปประชุมมาตั้งสามที่

“รีบมั้ย ถ้าไม่รีบค่อยไปเอาวันหลัง”

“แต่อีก 2 วันจะถึงวันงานแล้วนะครับ” ผมท้วง งานแต่งงานทั้งที จะทำแบบขอไปทีคงไม่ได้ คุณต่อพงษ์จะต้องหล่อที่สุด รองลงมาก็หนีไม่พ้นผมนี่แหละ (ยอมหล่อน้อยกว่าแล้วนะ)

“อีก 2 วันเองเรอะ” เจ้านายหนุ่มทำเสียงตกใจ ท่าทางจะมุงานหนักจนลืมวันลืมคืน

“ครับ”

“แล้วเตรียมงานถึงไหนแล้วอะครับ” ถึงแม้พวกเราจะไม่ค่อยหวานกันในช่วงนี้ แต่เขาก็ยังสุภาพกับผมตลอด เสมอต้นเสมอปลายที่สุด

“คุณกรบอกว่าสถานที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปค้างที่โรงแรมล่วงหน้าตั้งแต่พรุ่งนี้เลยก็ได้ แล้ว...” ผมร่ายรายละเอียดที่ได้รับฟังมาอย่างถี่ถ้วน

“ต้องไปพรุ่งนี้ แสดงว่าเราต้องไปเอาชุดวันนี้สินะ”

“ใช่ครับ” หมดทางเลือกแล้วล่ะครับคุณแฟน

“เฮ้อ” เสียงนุ่มถอนหายใจ การประชุมคงสูบพลังชีวิตไปเยอะ แม้ตอนนี้จะเพิ่งหกโมงเย็น แต่ท่าทางพ่องานก็อ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด “งั้นไปลองชุดกันเถอะพี่เอก”

             ห้องเสื้อที่พวกเราสั่งตัดชุดสำหรับงานแต่งงานนั้นมีเจ้าของชื่อว่าคุณชูชีพ ดีไซเนอร์และสไตลิสต์ชื่อดังของเมืองไทย และเป็นหนึ่งในแฟชั่นไอคอลของคนยุคใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นคือ คุณชูชีพเนี่ยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของคุณต่อพงษ์ เลยทำให้พวกเราเป็นแขกวีวีไอพี ไม่ต้องคอย ไม่ต้องเกรงใจ มาตอนไหนก็ได้ไม่มีเวลาปิดร้าน(สำหรับเรา) เพราะหลังจากฝ่ารถติดราวๆสามชั่วโมงก็มาถึงร้านหรูกลางใจเมือง แค่คิดว่าขับรถบนถนนสุขุมวิทช่วงหลังเลิกงานจากปลายบางนามาที่นี่ขาผมก็ชาเพราะต้องคอยเหยียบเบรก กว่าจะมาถึงร้านก็เกือบจะสามทุ่ม ยังดีที่เป็นแขกวีวีไอพี ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มานั่งหน้าสลอนที่ห้องลองชุดหรอก

             ตีมของงานคือสีเขียว ดังนั้นชุดของพวกเราจึงต้องออกแบบให้ไม่หลุดจากนี้ คุณต่อพงษ์น่ะไม่เท่าไหร่หรอก เพราะเป็นคนผิวขาว ใส่สีอะไรก็ขึ้น แต่สำหรับผมนี่สิ ตัวดำขนาดนี้จะต้องใส่สีเขียวอีก นึกสภาพตัวเองไม่ออกเลยจริงๆ ดังนั้นการหาสีเขียวที่เหมาะกับพวกเราสองคนจึงคำนึงถึงผมเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นเวลาใส่ในวันจริงคงไม่ต่างกับอีกาแน่ๆ เดิมทีผมนึกออกแค่ สีเขียวเข้ม สีเขียวอ่อน สีเขียวขี้ม้า สีเขียวทหาร แต่พอมากางแคตาล็อกสีในครั้งแรกก็ตาลายไปเลยครับ เพราะมันมีตั้งแต่สีเขียวธรรมดา สีเขียวสด สีเขียวแตงดอง สีเขียวลูกแพร์ สีเขียวต้นสน สีเขียวมรกต สีเขียวสาหร่าย และ บลา บลา บลา

“ตกลงเอาเขียวไหนดีจ๊ะ” น้ำเสียงของคำถามไม่ได้กดดันนะครับ แต่ไอ้เอกภพโคตรกดดันตัวเองเลย อยากใช้สิทธิ์เปลี่ยนคำถาม หรือไม่ก็ขอจอบกับเสียมเอาไปขุดดินถางหญ้ายังจะดีเสียกว่า

“คุณต่อว่าเขียวไหนดีอะครับ” ผมหันไปขอความช่วยเหลือ ใบหน้ายิ้มแย้มของคุณชูชีพทำให้ผมยิ่งลนลาน เกรงใจอะครับ คนมันเลือกไม่เป็นนี่นา

“สีผิวแบบพี่เอกควรเลือกเฉดสีที่ไม่สว่างและไม่เข้มจนเกินไปนะครับ จากผ้าตัวอย่างนี้ผมคิดว่า...” ตอนที่คุณชูชีพพูดและหยิบตัวอย่างสีผ้ามาทาบเนี่ย ผมมีอาการเหมือนคนหูดับ คือฟัง แต่เหมือนไม่ได้ยิน ได้ยิน แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาอธิบายมาหมายความว่าอะไร จนสุดท้ายก็เหลือสองเฉดสีให้เลือก

“สองเฉดนี้ใกล้กันมาก แต่ตัดออกมาแล้วจะสวย มันไม่หม่นหมองจนเกินไป แต่ก็ไม่ฉูดฉาดจนเกินงาม” คุณชูชีพพรีเซ้นต์แบบมืออาชีพ ผมมองผ้าตัวอย่างสีเขียวมรกตกับสีเขียวใบเตยในมือของคุณต่อแล้วเลือกไม่ถูก รายนั้นอยากได้สีเขียวมิ้นต์ แต่มันช่างสว่างจ้าจนขับความเข้มผมให้โดดเด่นเลยต้องพับโครงการไปก่อน หากจะเลือกคนละเฉดสีก็ไม่ได้อีก

“ก็งานแต่งงานทั้งทีจะแต่งให้ต่างกันทำไม” คำพูดของคุณแฟนตอนที่ผมบอกให้เราต่างคนต่างเลือกสี พอไม่ได้รับการอนุมัติ ความหนักใจก็เลยต้องมาอยู่ที่นี่ จะชี้ซ้ายก็เสียดายขวา นึกกร่นด่าว่าทำไมจะต้องเลือกธีมสีเขียวด้วยนะ ปวดกบาลชิบหาย

จ้ำ จี้ มะ เขือ เปราะ ... ผมชี้สลับไปมาโดยในหัวคิดถึงจ้ำจี้มะเขือเปราะที่เล่นกับหลาน วิธีนี้จะทำให้ได้เฉดสีที่เหมาะกับเรา (คิดเอาเอง)

วู้ ... ในหัวผมหยุดและมันก็ชี้ที่ เขียวใบเตย

“สีนี้ครับ” ผมทำท่าเหมือนคนมีภูมิ ทั้งที่จริงสุ่มเอาจากจ้ำจี้ นี่ถ้าคุณต่อรู้ผมคงโดนเอ็ดตะโรแน่ๆ

“ต๊ายยยย เลือกได้ดี สีนี้สว่างกว่า แมชต์ได้ทั้งผิวพี่เอกและไอ้ต่อ” คุณชูชีพดูเหมือนจะโล่งใจที่ผมเลือกสีได้ในที่สุด หลังจากนั้นก็ต้องวัดตัวเพื่อทำการตัดเย็บ ระหว่างนี้ห้ามใครกินเยอะหรือน้ำหนักขึ้น ไม่อย่างนั้นจะทำให้ชุดที่ได้ไม่พอดีตัว

แต่คุณต่อน้ำหนักลด เพราะโหมงานหนักก่อนงานแต่ง... มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องแก้ไขชุดและมานั่งอยู่ที่นี่

             ผมไม่เข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง ว่าทำไมเราต้องคิดธีมงานแต่ง ไอ้กระผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่ได้เป็นตัวต้นเรื่อง งานแต่งงานมันไม่ใช่จุดจบของชีวิตเสียหน่อย มันเป็นแค่จุดเล็กๆของคนสองคนที่รักกันและพร้อมที่จะบอกกับสังคมแล้วว่านี่คือคนที่เราเลือกจะฝากชีวิตไว้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ... หันมามองประเทศไทยแป๊บ กฎหมายสำหรับคู่แต่งงานเพศเดียวกันก็ไม่มี ดังนั้นเรื่องที่ใหญ่กว่าธีมงานแต่งควรจะเป็นเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ ... อะ บ่นเป็นคนแก่อีกละตู

             ที่ต้องบ่นก็เพราะว่า ไอ้สีเขียวเนี่ยมันไม่ถูกโฉลกกับผมสักเท่าไหร่ แค่สูทกับกางเกงสแล็กสีเขียวก็ว่าเกินพอแล้ว แต่เสื้อเชิ้ตด้านในก็ยังต้องเป็นสีเดียวกันด้วย นี่ถ้าเอาหงอนนกแก้วมาสวม ติดปีกเสียหน่อย คงบินเพลินล่ะงานนี้

“พี่เอก เสร็จยังครับ” เสียงแฟนหนุ่มเรียกหาแล้วครับ ผมเปลี่ยนชุดช้าเพราะมัวแต่ทำใจอยู่

“เสร็จแล้วครับ” เอาวะ เป็นไงเป็นกัน งานนี้เขียวทั้งตัวไปเลย

ครืดดดด

             ผมเปิดผ้าม่านและเดินออกมายืนเบื้องหน้าหนุ่มหล่อในชุดสีเขียวเข้ารูป ทรงผมที่ถูกหวีเสยขึ้นเปิดหน้าผากยิ่งขับให้ความหล่อนั้นโดดเด่น ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจก็ตามว่าแฟนผมหล่อ แต่ยิ่งมาเห็นสวมชุดนี้ก็ยิ่งตอกย้ำ นึกว่าเห็นเทพบุตรชุดเขียว ผมยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น ดื่มด่ำใบหน้าที่คุ้นเคยในชุดที่เหมือนกับออกแบบมาให้เจ้าตัวโดยเฉพาะ ร่างสูงนั้นยืนนิ่งราวกับรูปสลัก หัวใจผมเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอก รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนที่โดนขอเป็นแฟนครั้งแรกก็ไม่ผิด

“จ้องกันขนาดนี้ ผมว่าไปเปิดห้องกันเถอะ” คนแซวไม่ใช่คุณต่อนะครับ แต่เป็นคุณชูชีพ เพราะตั้งแต่ที่ผมก้าวขาออกมาจากห้องลองเสื้อ และคุณต่อลุกขึ้นยืนมามอง เราสองคนก็ต่างเงียบกับไปพักใหญ่ ผมกำลังดำดิ่งชื่นชมความหล่อเหลาของแฟนตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าอีกคนจะคิดยังไงกันแน่ นึกสงสารเขาเหมือนกันที่มาคว้าชายไทยผิวเข้มร่างบึกเหมือนหมีเป็นแฟน

“ขอจ้องหน่อยไม่ได้เหรอวะ แฟนกูหล่อซะขนาดนี้” หืมมมมม คุณต่อพูดว่าผมหล่อเหรอ นี่ตูหูฝาดไปรึเปล่าวะ

“เออ รู้แล้วว่าหล่อ แต่ก็ไม่ต้องจ้องขนาดนี้มั้ง ช่วยกันดูก่อนว่าต้องแก้ตรงไหนอีกรึเปล่า” คุณชูชีพเตือนสติ คุณต่อยิ้มหวานจนต้องหลบตา ใบหน้าที่เคยเหนื่อยล้าดูสดใสขึ้น

“ผมว่าของผมโอเคแล้วนะครับ” ไอ้เอกภพ หรือตัวผมเองเป็นคนตอบ ไม่อยากจะคิดดอะไรมาก เพราะตอนนี้เขียวไปทั้งตัวแล้ว

“แล้วมึงล่ะไอ้ต่อ”

“อืม ก็โอเคแล้วนะ ไม่ต้องแก้อะไรแล้ว”

“เห้อ ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะต้องแบกจักร แบกเข็มกะด้ายไปงานแต่งด้วยซะแล้ว” หึหึหึ ประชดได้น่าหมั่นไส้มากครับ

“พูดมากเดี๋ยวสั่งแก้อีกหรอก”

“โอ๊ย พอเลยนะ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่” คุณชูชีพตอบ ก่อนบอกให้เราไปเปลี่ยนชุด กว่าจะจบจากตรงนี้ก็สี่ทุ่มแล้ว กลับไปถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืนพอดี

##### #####

             คุณแฟนตัวดีถลาตัวพุ่งขึ้นเตียงทันทีที่ถึงห้องนอน ถ้าพุ่งคนเดียวจะไม่ว่าเลย แต่นี่คว้าแขนผมที่กำลังเอาชุดที่เพิ่งไปลองมาแขวนใส่ตู้เสื้อผ้าลงไปนอนด้วย จังหวะนี้เสียสูญไปเลยสิครับ แอร์ในห้องก็เพิ่งเปิด แต่ผู้ชายร่างใหญ่สองคนที่เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะกำลังก่ายกอดกันอยู่

“ไม่เอาคุณต่อ ร้อนนนนนน”

“บอกให้เรียกน้องต่อไง”

“อย่า โว้ยยย” ผมโวยวายเพราะโดนหนวดเคราที่ขึ้นครึ้มถูไถไปมาที่ซอกคอ รู้สึกเกลียดแฟนตัวเองมากๆที่รู้จุดอ่อนกันจนหมด เวลาที่โดนไรหนวดตรงนี้ทีไรร่างกายผมอ่อนปวกเปียกไร้แรงต่อสู้ แถมช่วงทีเผลอแบบนี้อีก อย่าได้หวังเลยว่าจะหาทางออกจากอ้อมกอดอุ่นจนร้อนนี้ไปได้โดยง่าย

“ยังไม่ชินอีกเหรอพี่เอก”

“ใครจะชินได้ล่ะ ดูที่คุณ เอ๊ย น้องต่อทำแต่ละอย่างสิ”

“เรียกแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ฟอดดดด” แล้วจมูกโด่งๆก็ชนแก้มผมสุดแรงเพื่อสูดกลิ่น(เหม็นบน)ใบหน้า ในระหว่างเวลาทำงาน พวกเราจะไม่ค่อยแสดงอาการแบบนี้กันเท่าไหร่ มีแต่น้อยมาก แต่พออยู่กันสองคนทีไร ผมเนี่ยขาดทุนทุกที อยากให้แม่มาเห็นจังเลยว่าไอ้การสนับสนุนลูกต่อสุดที่รักออกนอกหน้าเนี่ย จะทำให้ลูกชายแท้ๆของตัวเองเปลืองตัวขนาดไหน คุณต่ออายุเพิ่งจะ 26 ปีเอง ถึงแม้จะต้องทำงานและมีตำแหน่งใหญ่โต แต่พออยู่กันสองต่อสองก็จะกลายเป็นเด็กหนุ่มอายุ 16 ไปเสียทุกที คุณต่อที่ชอบแกล้ง ชอบกอด ชอบจูบ ก็ยังเป็นแบบนั้นเสมอ อาการติดแฟนมีเยอะขึ้นตั้งแต่ผมตกลงยอมคบด้วย เวลาที่อยู่ในห้องแบบนี้ก็เลยเป็นช่วงเวลาโปรดปรานของคนหนุ่มเขาล่ะ

“หอมอีกแล้ว แก้มพี่ช้ำหมดแล้วมั้ง” ผมหยอก แต่ไม่ได้ออกอาการขวยเขินหวงเนื้อหวงตัวหรอกนะครับ ไอ้ผมก็ผู้ชาย มองภายนอกก็แมนๆน่ะนะ การที่มีแฟนเป็นผู้ชายก็ไม่จำเป็นจะต้องสะดิ้งหรือต้องอ่อนยวบยาบในอ้อมอกไหมล่ะ (ถึงแม้จะตัวอ่อนตอนที่โดนไรหนวดก็เถอะ)

“ช้ำๆสิดี คนอื่นจะได้รู้ว่าพี่มีเจ้าของแล้ว”

“หน้าอย่างพี่ใครจะมาจีบ อย่างน้องต่อก็ว่าไปอย่าง” ผมทำเสียงเข้ม ตาขวาง แต่อีกคนมองไม่เห็นหรอกเนื่องจากเขากอดผมจากด้านหลัง เอาไรหนวดมาถูไถจนเป็นที่น่าพอใจก็สอดแขนขวาเข้ามาใต้คอผมที่นอนตะแคงอย่างรู้งาน และมือซ้ายของคุณต่อนั้นจับอยู่ที่....

“ใครจะมาจีบผมก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ ผมสนแค่พี่เอกคนเดียว”

“หรา” ผมล้อเลียน “แล้วคุณยิ่งเทพอะไรนั่นล่ะ” มือซ้ายของคุณต่อชะงัก ไอ้เอกเอ๊ย ดันไปสะกิดเรื่องเก่าๆอีกจนได้นะ

“พี่ขอโทษ โกรธเหรอ”

“เปล่าครับ”

“เปล่าแล้วทำไมเงียบอะ มือก็ไม่จับ”

“เปล่า” หึ! ปากบอกว่าเปล่า แต่มือซ้ายออกอาการนะ ... ใครที่ไม่เคยมีแฟน ผมจะขออธิบายภาพการนอนกอดของพวกเราให้ฟังอีกรอบนะครับ ถ้าหันหน้าเข้าเตียงเนี่ย คุณต่อจะนอนฝั่งขวา และผมจะนอนฝั่งซ้าย ส่วนใหญ่ผมจะชอบนอนคะแคงทับแขนขวา (นอนหันหลังให้คุณต่อนั่นแหละ) แรกๆก็พยายามให้ผมนอนหงายหรือไม่ก็หันหน้าเข้าหา แต่มันทำให้นอนไม่หลับ คุณต่อก็เลยต้องปรับตัวให้ชินโดยการสอดแขนขวาใต้คอและเหลือแขนซ้ายมาก่ายกอด หลังผมก็จะชนกับอกแข็งๆ และส่วนล่างของผมก็... นั่นแหละ มันชนกัน แล้วพวกเราก็ผู้ชายทั้งคู่ใช่ไหม ยิ่งคุณต่อด้วยแล้ว อายุเท่านี้ สะกิดนิดก็ ตะลึง!

             เห็นภาพแล้วสินะครับ พออีกคนมันออกอาการ คนที่ไหนจะทนไหว แต่ด้วยความที่ผมยังขยาดเรื่องที่เกิดขึ้นบนดอยครั้งกระโน้น เลยยังถือครองพรหมจรรย์เรื่อยมา เวลากอดกันและอะไรต่อมิอะไรมันผงาดขึ้นมาก็เป็นที่น่าสนใจ(มั้ง) มือซ้ายคุณต่อเลยหันมารูดซิปและจับ....เอาไว้ ตอนแรกผมไม่ได้ยินยอมหรอกนะครับ มันไม่ชิน เขินด้วย เกิดมาไม่เคยโดนใครแตะต้อง...ระยะประชิดเพียงนี้ ที่จำใจยอมเพราะสู้แรงไม่ได้ ไอ้ไรหนวดนั่นแหละทำเอาตัวอ่อน สุดท้ายพอเวลาผ่านไป การโดนคุณต่อกอดและจับ...ไว้มันก็ชินไปเอง

...แต่การที่ผละมือออกไปเนี่ย ต้องโกรธ หรือไม่ก็งอนแน่ๆ ปกติถึงจะเหม็นปลาเค็มขนาดไหนก็ไม่เคยจะปล่อยมือ

“พี่ขอโทษ พี่จะไม่พูดชื่อนี้อีกแล้วนะ” ว่าแล้วก็ส่ายหัวไปมาให้เส้นผมมันเสียดสีคางของอีกฝ่ายไปก่อน เวลาอ้อนแบบนี้ ได้ผลทุกครั้งแหละน่า

...หมับ... นั่นไง มือกลับมาที่เดิมละ

             หลายคนคงอยากจะรู้แล้วสินะครับว่า เรื่องของคุณยิ่งเทพกับไอ้เอกภพเนี่ย มันเป็นยังไงต่อ อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้อยากจะรื้อฟื้นอะไรหรอกนะครับ แต่จะไม่พูดถึงเลยก็คงจะค้างคาใจกันไปอีกนานแน่นอน ผมยังจำวันนั้นได้ดี ที่อยู่ๆฝ่ายเด็กกว่าก็ยื่นข้อเสนอให้ผมเลิกยุ่งกับคุณต่อ ผมล่ะอึ้งไปเล็กน้อย (อึ้งกับข้อเสนอนะครับ เพราะคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายอยากได้เรา) พอสบสายตาที่หนักแน่นของเด็กน้อยนั้นแล้วผมก็ยกยิ้ม งานนี้ผมเป็นต่อเห็นๆ เพราะ

(หนึ่ง) ผมไม่ใช่คนที่คิดไปเองแบบผู้หญิงหรือนางเอกละคร ที่พอได้ยินอะไรมาก็เอาไปคิดมาก คิดแทนพระเอกว่าจะต้องยอมตกลงตามที่เขาขอมา ไม่อย่างนั้นคนรักจะเสียหาย ดังนั้น ตัดประเด็นเรื่องนี้ออกไปเลย ผมไม่เก็บเอามาคิดเยอะแน่นอน

(สอง) ฝ่ายคุณยิ่งเทพ หรือน้องยิ่ง น้องเทพอะไรก็แล้วแต่ อายุเพิ่งจะ 25 ปี ถ้าจะวัดเรื่องประสบการณ์ชีวิต จริงอยู่ที่ผมไม่ได้เรียนต่างประเทศ ที่ไทยก็เรียนมาน้อย แต่ผมก็ไม่ได้โง่ ที่ไม่ได้เรียนเพราะขาดโอกาส แต่มั่นใจได้เลยว่าเรื่องเล่ห์เหลี่ยมไม่เป็นรองใครหรอก ประสบการณ์ขับรถแท็กซี่หลายปีดีดักมันก็สอนอะไรต่อมิอะไรให้กับผมเยอะแยะ อย่างน้อยก็เรื่องการมองคน

(สาม) อันนี้สำคัญ ถึงแม้ฝ่ายที่ยื่นข้อเสนอจะหล่อ จะรวย และมีสิ่งที่แฟนผมอยากได้ แต่...อย่าลืมนะครับว่าผมก็มีสิ่งที่เขาอยากได้ และสิ่งนั้นเองก็นอนกอดผมทุกคืน จูบกันทุกวัน เจอกันตัวติดกันแทบจะ 24 ชั่วโมง บอกรักผมเกือบทุกวัน แล้วอย่างนี้ทำไมจะต้องคิดว่าตัวเองตกเป็นรอง

“แล้วผมจะมั่นใจได้ยังไงว่า เอกสารพวกนี้เป็นของจริง” เริ่มจากสิ่งที่เห็นก่อน ผมไม่เคยเห็นเอกสารสัญญาระหว่างผู้จัดงานกับตัวแทนมาก่อน แค่กระดาษไม่กี่แผ่นพิมพ์ไม่นานก็สมอ้างได้แล้ว หยิบตราประทับบริษัทมาปั๊มเสียหน่อยก็ดูเหมือนจริงละ

“พี่เอกอ่านดูก่อนก็ได้” ผมเหลือบมอง แล้วทำท่านิ่งเฉย ทั้งที่ใจจริงอยากจะหยิบมาอ่านใจจะขาด

“ไม่ล่ะครับ ทำไมผมจะต้องแลกแฟนตัวเองกับกระดาษแค่ไม่กี่แผ่นด้วยล่ะ”

“เดี๋ยว” ได้ผลสินะ ยิ่งเทพร้องลั่นเมื่อผมทำท่าจะลุกหนี

“คุณเอกฟังข้อเสนอแล้วคิดดีๆก่อนไหมครับ” คุณเทพบดินทร์ที่เงียบมาสักพักเสริมทัพ ผมยังไม่เข้าใจเจตนาว่าทำไมเขาต้องออกหน้าช่วยเพื่อนรุ่นน้องขนาดนี้ เทพเดียวก็ว่าเหนื่อยแล้ว เจอสองเทพเข้าไปยิ่งหนัก คิดเอาเองว่าเทพแรกอยากได้ตัวผม อีกเทพอยากได้คุณต่อ สองเทพประสานเล่นงานคนที่คิดว่าอ่อนที่สุดในเกม นั่นก็คือผม

“ข้อเสนออะไรอีกล่ะครับ” ผมถามย้อน คิดจริงๆเหรอว่าเกมนี้ไอ้เอกจะเป็นจุดอ่อน มองผิดมองใหม่ได้นะครับ

“ก็เรื่องที่จัดแสดงสินค้าไงครับ ถ้าคุณเอกยอมตกลง บริษัทคุณต่อพงษ์ก็จะได้จัดบูธในพื้นที่ที่ต้องการได้” ผมมองแปลนงานจัดแสดงสินค้าแบบงงๆ ดูไม่ออกว่าทำเลไหนมันเป็นทำเลทองคำถึงขั้นจะต้องยอมเอาแฟนตัวเองไปแลก

“ถ้าบริษัทคุณต่อได้ที่ตรงนี้ คุณเทพบดินทร์คิดว่าคุณต่อจะได้อะไรกลับไปบ้างครับ”

“อะไรกันคุณเอก ก็ได้ยอดขายไง” น้ำเสียงไม่ได้น่าเชื่อถือเลยสักนิด

“คุณจะบอกว่า คุณต่อจะได้ยอดขายเพื่อแลกกับการเสียแฟนงั้นสินะครับ” ทั้งสองคนเงียบกริบ ยิ่งได้เห็นท่าทางเมิยเฉยของผมก็ยิ่งทำหน้าเจื่อน “ผมถามคุณยิ่งเทพหน่อยนะครับว่า คุณรักคุณต่อจริงๆเหรอ”

“ระ รักสิครับ”

“อื้อ ครับ ถ้างั้นผมถามต่อนะครับ ถ้ามีคนมายื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ เป็นคุณจะตกลงไหม”

“เอ่อ...”

“ยังไม่ต้องตอบผมก็ได้นะครับ ขอผมขยายความอีกหน่อย ข้อเสนอที่ได้คือ ยอมเสียคนรัก เพื่อให้เขาได้งานที่คิดว่ายอดขายจะเข้ามา”

“...”

“คุณคิดว่างานนี้จะขายได้เท่าไหร่ครับ กี่แสน กี่ล้าน สิบล้าน หรือมากกว่านั้น...” ผมหันไปมองและสบตาทั้งสองคนที่นั่งเลิกลักอยู่ฝั่งตรงข้าม

“คุณคิดว่าจะขายได้เท่าไหร่เหรอครับจากงานนี้” ผมไม่รู้หรอกว่ามันขายได้เท่าไหร่ มันคงไม่มียอดเข้ามาทีละร้อยล้านหรอก เพราะเป้าขายทั้งปีของบริษัทยังอยู่ในระดับไม่กี่ร้อยล้าน แค่ออกงานครั้งเดียวคงไม่ทำให้เป้าแตกหรอกมั้ง

“คือ...” คุณเทพบดินทร์อ้ำอึ้ง นิ้วชี้สวมแหวนเพชรเม็ดเท่าฝาขวดน้ำดูไร้รสนิยมเอาการเลยนะ

“ขนาดคุณเป็นผู้จัดงานยังตอบผมไม่ได้เลย” ผมตอกหน้า “แล้วแบบนี้ข้อเสนอนี้มันน่าสนใจจริงๆงั้นเหรอ”

“น่าสนสิ...” ยิ่งเทพเป็นคนตอบ

“ถ้าน่าสน แล้วทำไมคุณยิ่งเทพไม่เปิดบูธตรงนี้เองล่ะครับ เอามันมาแลกกับแฟนผมทำไม” ผมเน้นคำว่าแฟนหนักๆ

“ก็ผมรัก...”

“คุณจะอ้างว่าคุณรักคุณต่อ เลยต้องจำใจเอาที่มาแลกเหรอ ตลกนะครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าระดับคุณจะคิดได้แค่นี้”

“คุณ...”

“ผมพูดไม่ผิดสินะครับ” ผมเลื่อนซองเอกสารกลับไปฝั่งเดิม “ถึงไม่ได้ออกบูธตรงนี้ บริษัทคุณต่อก็ไม่เจ๊งหรอกนะครับ ถึงต่อให้เจ๊ง คุณต่อเขาก็ไม่เลือกคุณหรอก เขาเลือกผม” ผมยืนเต็มความสูง มองสองคนนั้นอย่างเย็นชา

“คนที่เอาความรักมาเที่ยวแลกเปลี่ยนกับสิ่งของน่ะ เขาไม่ได้เรียกว่ารักหรอก” ผมหยุดพูด สายตาคงจะดุมากเพราะไม่มีใครกล้าสบตาผมเลยสักคน 

“เขาเรียกว่าเห็นแก่ตัว” จบแค่นั้น ไอ้เอกภพก็เดินตัวปลิวกับมาที่รถ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนจะตั้งสติลดความโกรธตอนที่นั่งระจำที่ฝั่งคนขับ แอร์ที่เย็นฉ่ำเปิดไว้ตั้งแต่มาที่นี่ทำให้คลายความเครียดไปได้บ้าง

“พูดได้ดีนี่ครับ” ผมกดวางสาย ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อๆที่กำลังยิ้มให้อย่างคนอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ ก่อนจะกดวางสายเช่นกัน
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 31 P.10 @29/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-05-2020 15:30:41
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 31 P.10 @29/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-05-2020 17:39:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าว....มีคนบอกบททางโทรจิต เอ้ยโทรศัพท์นี่เอง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 31 P.10 @29/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-05-2020 18:59:33
โหยยยยย พี่เอกเล่นละครเนียนมากเลยนะครับเนี่ย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 31 P.10 @29/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 29-05-2020 19:46:57
 :katai2-1:    :katai2-1:    :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 31 P.10 @29/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-05-2020 21:37:24
แหม..พี่เอกมีเทรนเนอร์ดีอย่างนี้นี่เอง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 31 P.10 @29/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 29-05-2020 22:46:37
คิดว่าพี่เอกใจกล้าขนาดนี้ ที่ไหนได้ มีคนกำกับบท
แต่ไหนว่ามาคนเดียวไง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 31 P.10 @29/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-06-2020 12:14:54
อ้่าว มีบทด้วย ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 32 P.10 @23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 23-06-2020 11:04:31
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 32. เหมือนมาพรีฮันนีมูนกันเลย

             ผมเปิดประตูห้องพักของรีสอร์ทหรูอย่างเชื่องช้าด้วยความเมา งานเลี้ยงหลังงานแต่งเต็มไปด้วยเครื่องดื่มหลากชนิด ที่สำคัญขาดไม่ได้คือบลูฮาวายที่ผมโปรดปราน(จนเกือบจะเสียตัวให้กับแฟนตัวเองหลายหน) ได้แต่คิดในใจเอาเองว่างานแต่งงานของพวกคนรวยนี่ดีจริงๆ เสิร์ฟพวกค็อกเทลอะไรแบบนี้ด้วย มีหลายครั้งที่ผมติดสอยห้อยตามคุณแฟนไปงานเลี้ยงที่เป็นผับหรือบาร์ คุณต่อจะสั่งให้ผมจิบๆแก้วหนึ่งพอให้ดับกระหาย ราคามันก็ตกแก้วละ 250 บาทหรือแพงกว่านั้น เพราะมันต้องมีภาษีอีก 7% บวกค่าบริการอีก 10% แค่ไอ้กระผมซดไป 10 แก้ว (สมมุตินะครับ ไม่ได้ดื่มจริง จริง จรี๊งงงงงงงงง...เอิ๊กกกกก) ก็ตก 2,500 บาท บวกๆเข้าไปละ ใส่ซอง 500 ก็คุ้มแล้ว

   ทางเดินจากห้องจัดเลี้ยงมาที่ห้องพักค่อนข้างมืด แม้จะมีโคมไฟประดับประดาอยู่แทบจะทุก 50 เมตรก็ตาม หรืออาจเป็นเพราะว่าผมกำลังเมาได้ที่ก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้แฟนหนุ่มสุดหล่อก็อาการร่อแร่ไม่ต่างกัน หลังจากโหมงานหนักมาสักระยะแล้วมาที่นี่ก็เรียกได้ว่าแทบจะหมดสิ้นพลังงานชีวิต ดีหน่อยที่ไม่ต้องขับรถเอง ตอนที่นั่งมาจากกรุงเทพก็ฟุบหลับตลอดทาง ยังดีนะที่สมัยนี้มีกูเกิ้ลแมพ ไม่อย่างนั้นคงจะหลงอยู่แถวๆหัวหินนานพอดู

             รีสอร์ทหรูนี้อยู่แถวปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นรีสอร์ทระดับสี่ดาวที่ตกแต่งหรูหราสมกับใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งแบบกลางแจ้ง ช่วงเช้าเราเหงื่อไหลไคลย้อยก็มาฉลองพิธีสมรสกันต่อช่วงเย็นในห้องจัดเลี้ยง ดื่มเต็มที่ไม่มีอั้น ใครจะฟุบหลับก็ไม่มีใครว่า ... ว่าได้ไงล่ะ แฟนเราก็หนึ่งในนั้น ผมเลยต้องมาตามดูอาการหน่อยว่าสภาพเละเทะแค่ไหน

“ห้อง 9 ห้อง 9” ผมต้องพึมพำกับตัวเองเพื่อไม่ให้ลืมหมายเลขห้อง คราวที่แล้วก็หลงไปห้องหมายเลข 6 ทีนึงละเพราะตัวเลขมันหลุดกลับหัว พยายามเอากุญแจมาไขก็เปิดไม่ออก สุดท้ายเจ้าของห้องเปิดมาด้วยสีหน้างวยงง

แกร็ก.... ไฟมืดสนิท

พรึ่บ...

“พี่เอก” ผมตาเบิกโพลง มองร่างใหญ่ที่เปลือยช่วงอกโดยมีร่างสูงใหญ่ของผู้ชายอีกคนคร่อมอยู่ เสียงนั้นบ่งบอกว่าตกใจมากที่ผมมาเห็นเข้าจนได้

“คุณยิ่งเทพ” ผมสูดลมหายใจลึกๆ มองเรือนร่างเปลือยเปล่าของคนที่ถูกเอ่ยชื่ออย่างไม่ชอบใจ



ก่อนหน้านี้ 1 วัน

             ผมจัดข้าวของออกจากกระเป๋าเดินทางให้เรียบร้อยก่อนจะลงไปนั่งพ่นลมหายใจที่โซฟาสีขุ่นในห้องพักของรีสอร์ทที่ทางคุณกรจองไว้ให้ งานแต่งงานจะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าตามฤกษ์ของพระอาจารย์โดยจะจัดงานแบบเรียบง่ายที่ชายหาดด้านหลังรีสอร์ทนี่เอง พวกเราทั้งสองคนยังไม่มีเวลาไปเดินสำรวจเลยตั้งแต่มาถึง เพราะคุณต่อที่ดูง่วงงุนเอาแต่นอนตลอดทางและก็ยังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างหมดสภาพ เมื่อมนุษย์แฟนนอนไร้สติ เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ผมเป็นคนชอบเที่ยว แต่ไม่เคยพักโรงแรมหรือรีสอร์ทหรูระดับนี้มาก่อน เพราะสไตล์การท่องเที่ยวของผมคือเรียบง่ายติดดิน แต่เหตุผลหลักคือ ค่าเช่ามันแพง เลยทำให้ต้องประหยัดงบประมาณ ไม่อย่างนั้นคงชักหน้าไม่ถึงหลัง

             วันนี้เป็นวันธรรมดา เลยทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาพัก คงจะมีแต่ญาติๆและคนสนิทที่มาร่วมงานวันนี้เท่านั้นที่ทะยอยกันเช็คอิน พนักงานบริษัทระดับผู้จัดการต่างก็มากันถ้วนหน้า ทุกคนต่างก็คุ้นหน้ากันอยู่แล้วเลยไม่เกร็งเท่าไหร่

“อ้าวคุณเอก มาเดินเล่นเหรอคะ” น้ำเสียงสดใสทักทาย ผมหันไปตามต้นเสียงก่อนจะปรี่ไปใกล้ๆ

“ใช่ครับ คุณแก้วเพิ่งมาถึงเหรอครับ” ผมตอบรับและถามกลับ คุณแก้วกานดา พี่สาวคนโตของตระกูลเพิ่งลงจากรถก่อนที่สมาชิกคนที่เหลือตามลงมาด้วย เธอเรียกผมว่าคุณเอกจนติดปาก ฟังแล้วเขินๆนะแต่ก็รู้สึกดีเพราะเป็นการให้เกียรติจากพี่สาวของแฟน

“สวัสดีครับลุงเอกรึยัง” เธอบอกสองหมูที่แต่งตัวในชุดเบนเทนสีสดใส

“สวัสดีครับลุงเอก” เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าฝาแฝดทักทายมา

“สวัสดีครับ แหมน่ารักจริงๆ” ผมยีหัวเจ้าสองหมู พวกเราก็ถือว่าสนิทกันไม่น้อยแล้วนะครับ เนื่องจากคุณต่อได้มีการพาผมไปนั่งเล่นที่บ้านใหญ่ในช่วงวันหยุดเพื่อทำความคุ้นเคยกับทุกคน เริ่มแรกก็เกร็งจนตัวแข็งแหละครับ ไหนจะท่านประธานและคุณนาย คุณพันธุน่ะไม่เท่าไหร่เพราะเจอกันทุกวันที่บริษัท คุณแก้วกานดาที่ดูจะหยิ่งในตอนแรกจนไม่กล้าทัก แต่ยังดีที่มีคุณตงฉินคอยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายโดยการทะเลาะกับคุณต่อ นานวันเข้าผมก็สนิทกับครอบครัวนี้ไปโดยปริยาย

“แล้วนี่เจ้าต่อไปไหนซะล่ะ” คุณพันธุ สามีคุณแก้วกานดาเป็นคนถาม ผมปราดไปช่วยยกของจากท้ายรถอย่างรู้งาน

“คุณต่อหลับน่ะครับ”

“อะไรกัน มาเที่ยวทั้งทีเอาแต่นอน” คุณแก้วต่อว่า แต่เจ้าตัวคงไม่รับรู้หรอก น่าจะกำลังกรนได้ที่

“เอาน่าคุณ ไอ้ต่อมันเร่งเคลียร์งานเพื่องานแต่งโดยเฉพาะเลยนะ ไม่เหนื่อยสิแปลก”

“คุณก็เข้าข้างแต่เจ้าต่อ” น้ำเสียงตัดพ้อเล็กๆน่ารักไปอีกแบบ “คุณชายตงฉินคะ จะไม่ลงจากรถเหรอคะ”

“อ้าว คุณตงมาด้วยเหรอเนี่ย” ผมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ผ่านรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูคันหรูที่คุณพันธุขับมาในเวลาเดียวกับร่างสูงของดาราหนุ่มน้องชายคนสุดท้องอย่างตงฉินเปิดประตูรถมาพอดี

“พี่เอกไม่อยากให้ผมมาเหรอ งั้นผมกลับก็ได้”

“เปล่าครับ ผมนึกว่าคุณตงต้องยุ่งทั้งเรียนทั้งถ่ายละครซะอีก”

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมฝากน้องชายและหลานชายพี่เอกเก็บชีทไว้ให้แล้ว” เออดีเนาะ เหมือนเป็นพรหมลิขิตเลยนะที่บ้านพวกเราจะสนิทชิดเชื้อกันแบบนี้ เราเดินจากรถมาถึงเค้าเตอร์เช็คอินผมก็ขอตัวออกไปเดินเล่น โดยมีคุณตงเดินตามมาติดๆ

“พี่ต่อนี่ไม่ไหวเลยนะครับ ปล่อยแฟนมาเดินคนเดียวแบบนี้” แสงแดดยามบ่ายมันร้อน ยิ่งเดินเลาะเลียบหาดทรายยิ่งชวนให้เหนียวตัว ผมตั้งใจจะมาเดินดูซุ้มดอกไม้สำหรับงานแต่งงานวันพรุ่งนี้

“ปล่อยคุณต่อพักผ่อนเถอะครับ ทำงานหนักมาทั้งเดือน”

“แก้ตัวแทนกันด้วยอ่า ถามจริงเถอะพี่ต่อมีอะไรดี พี่เอกถึงไปตกลงปลงใจด้วย” คุณตงครับ ถามผิดคนหรือเปล่าครับ คำถามนี้ควรไปถามเอากับพี่ชายตัวเองจะดีกว่านะครับว่าไอ้เอกภพมีอะไรดีถึงได้มาขอเป็นแฟนด้วยได้

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า” ผมตอบแก้เก้อ พี่น้องสองคนนี้หน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันนะครับ คุณต่อน่ะออกแนวขาวตี๋สไตล์หนุ่มจีนแผ่นดินใหญ่ แต่คุณตงฉินผิวสีแทน(ที่น่าจะมาจากการอาบแดด) ใบหน้าตี๋ๆออกแนวคนจีนไต้หวันมากกว่า

“น่าอิจฉาจัง ผมล่ะอยากแต่งงานบ้าง” คุณตงบอกความในใจที่เหมือนจะอยากให้ผมมีส่วนร่วมกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเอ่ยปาก ผมไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่หรอก ที่ผ่านมาคุณตงทำตัวเป็นหมาหยอกไก่แซวผมประปรายคล้ายจะกระตุ้นให้พี่ชายออกอาการหึงหวงมากกว่าจะคิดมาจีบจริงจัง อีกอย่างคุณตงฉินก็เป็นเพื่อนสนิทไอ้โทน้องชายแท้ๆของผม รวมไปถึงยังมีสถานะคลุมเครือกับไอ้หนึ่ง หลานชายผมอีกด้วย

             ซุ้มดอกไม้ยังไม่ได้ประดับเหมือนที่คิดไว้ คงเป็นเพราะอากาศที่ร้อนจัดทำให้ทางรีสอร์ทต้องชลอการตกแต่งออกไปก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา เลยมีแต่โครงเหล็กดัดโค้งวางบนทรายโดยมีสมอบกที่ทำจากเหล็กขนาดใหญ่ช่วยยึดไม่ให้ล้ม ที่ว่างจากซุ้มเหล็กดัดยาวเรื่อยไปจรดเวทีเตี้ยๆน่าจะเอาไว้วางเก้าอี้ของแขกผู้มาร่วมงาน แผ่นไม้กระดานประดับด้วยริ้วผ้าสีเขียวเริ่มเป็นรูปร่าง ตรงกลางมีการตกแต่งด้วยชื่อบ่าวสาวและรูปหัวใจสีแดงสองดวง(แบบโบร๊าน โบราณ)

“อยากเปลี่ยนชื่อบนนั้นเป็น ตงฉิน กับ เอกภพจัง” นี่ก็หยอดเก่ง

“เปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ คุณต่อหวง” ได้ผลครับ อีกคนหน้ามุ่ยไปเลย ไอ้ตัวทำลายบรรยากาศน่ะ เบอร์หนึ่งต้องยกให้ผม

“พี่เอกก็ชอบขัด” คุณตงฉินไหวไหล่ ก่อนจะลากแขนผมเดินไปทางรีสอร์ท “ตรงนี้ร้อนมากครับพี่ ระวังเป็นลมแดด”

“ห่วงผมเหรอครับ” ขอแซวเสียหน่อย

“ก็อยากห่วงอะ ได้มั้ยครับ” มีหยอดกลับ ใจคอจะไม่บริโภคคนนอกตระกูลไอ้เอกเลยเหรอครับผู้ชายบ้านนี้น่ะ เราเดินกลับมาทางรีสอร์ทแล้วครับ เหงื่อซึมจนรักแร้เปียก ถึงแม้ต้นไม้จะปลูกเรียงรายเต็มสองข้างทาง แต่ความร้อนก็ยังร้อนแรงเช่นเคย

“โหหหหห คนเราน้อ ใจคอจะกินทั้งพี่ จะกลืนทั้งน้อง” นั่นไง มลพิษทางเสียง เมื่อชายหนุ่มร่างสูงที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนจะจงใจเดินมาหา

“สวัสดีครับพี่เทพ มาร่วมงานเหมือนกันเหรอครับ” คุณตงฉินไหว้คุณยิ่งเทพที่เพิ่งมาถึง สรุปแล้วเขาชื่อยิ่ง หรือ เทพกันแน่วะ

“ใช่ครับ แต่นอกจากจะได้มาร่วมงานแต่งแล้วเนี่ย ยังได้มาเห็นอะไรดีๆอีกนะครับ” ผมอุตส่าห์ไม่ต่อความยาวสาวความยืดอะไรแล้วนะ แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะยังไม่ยอมลดราวาศอก ท่าทางจีบปากจีบคอจนผมหมั่นไส้นี่อีก ได้แต่มองคู่อริเก่าที่ผมตอกหน้าหงายเมื่ออาทิตย์ก่อนอย่างแกนๆ วันนั้นถ้าไม่ได้ปรึกษากับคุณต่อพงษ์ไว้ก่อน ผมคงไม่มีปัญญาจะไปต่อกรพวกสองเทพได้หรอกครับ รู้สึกดีที่ตัวเองเป็นคนขวานผ่าซาก มีอะไรคาใจก็เปิดปากคุยกับคุณแฟนให้เสร็จสรรพ ไอ้แผนที่ไปคุยที่ร้านกาแฟและให้เปิดสายคุยกันใส่กระเป๋าก็ไอเดียคนที่กำลังนอนนั่นแหละ

“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมพูดให้ทุกคนได้ยิน ไม่สนใจท่าทางไม่เป็นมิตรนั้นสักนิด คุณตงที่สวมเสื้อเชิ้ตลายดอกแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นสีขาวเลยหัวเข่ามาดูหล่อจนกลบรัศมีของคนปากไม่ดีจนผมไม่ได้สังเกตเลยว่าอีกคนแต่งตัวยังไง

“พี่เอกจะไปไหน ผมไปด้วย” ไอ้คุณตงเหมือนจะไม่สนใจบรรยากาศตึงๆเลยสักนิด เดินตามผมต้อยๆ

“ถ้าจะกินรวบขนาดนี้ ระวังตู๊ดจะพังเอานะครับ” น้ำเสียงนั้นพูดดังๆเหมือนจงใจให้ได้ยิน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเกลียดตุ๊ดเลย แต่กับคนชื่อยิ่งเทพเนี่ย ขอเว้นไว้คนนึงละกัน

   ไอ้เราก็ศึกษามาบ้างล่ะเรื่องเพศภาพของผู้ชายที่รักเพศเดียวกันเนี่ย อย่างผมที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ไม่เคยจีบสาว บทจะได้ก็เกรดพรีเมี่ยมนั้นให้อนุมานว่าเป็นเกย์ ซึ่งมันก็จะแบ่งได้อีกว่าเป็นฝ่ายรุก รับ หรือว่าได้ทั้งสองทาง คุณต่อพงษ์ก็ถือว่าเป็นเกย์ เพราะไม่ได้แสดงออกว่าอยากเป็นผู้หญิงหรือมีอาการตุ้งติ้งให้เห็น เกย์กับตุ๊ดจะต่างกันตรงที่ ตุ๊ดนั้นจะก้ำกึ่งระหว่างกะเทยกับเกย์ จะออกสาวก็ไม่สุด จะแต่งหน้าก็ประปราย แต่องค์รวมแล้วดูออกว่าไม่แมน แต่ก็ไม่ได้ไว้ผมยาว สวมวิก ผ่านม ผ่าจิ๊มิ บางทีก็อาจจะมาในรูปแบบของเกย์รับ แต่ตุ้งติ้งเกินเกย์ทั่วไป ส่วนกะเทยนั้น ก็คือผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิง อยากมีมดลูก อยากมีนมมีทุกอย่างเหมือนผู้หญิงทุกประการ ซึ่งเกย์ ตุ๊ดนั้นไม่ได้ถึงขั้นนั้น พวกนี้ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง แค่มีใจชอบหรือรักเพศเดียวกันเท่านั้น ... พูดมาซะเยอะเพื่อจะบอกว่า ผมจัดประเภทไอ้คุณยิ่งเทพอยู่กลุ่มตุ๊ดแล้วครับ

“เกิดอะไรขึ้นอะพี่เอก ทำไมพี่เทพต้องคอยพูดจาแบบนั้นกับพี่ด้วย” เอาแล้วไง จากเรื่องที่มันไม่ควรแพร่งพราย กลับกลายว่ามีคนที่ห้ามาพัวพัน (ไม่ใช่คนที่สามล่ะนะ เพราะมีผม คุณต่อ คุณเทพบดินทร์ และนังยิ่งเทพรู้เรื่องอยู่แล้ว)

“เอ่อ คือ..”

“ไม่ต้องเล่าหรอกพี่เอก ผมพอจะเดาได้” เดาได้แล้วจะถามให้ลำบากใจทำไมฟระ “พี่เอกโอเคมั้ยครับ”

“ทำไมพี่ต้องไม่โอเคด้วยล่ะครับ”

“อ้าว ก็พี่เทพน่ะ ชอบพี่ต่อมาก สมัยเรียนที่อเมริกาก็เทียวไปเทียวมาจีบแต่พี่ต่อไม่เล่นด้วย”

“แปลกจัง หน้าตาคุณเทพก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนี่ครับ” ผมลองตั้งข้อสังเกต เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรดีๆ

“พี่เทพน่ะหล่อระดับนายแบบเลยพี่ แต่นิสัยไม่ค่อยดี อย่างที่พี่เห็นแหละ เอาแต่ใจ ปากร้าย ไม่ค่อยทำการทำงาน พี่ต่อไม่ชอบ”

“แค่นี้เองเหรอ” คนเราจะรู้นิสัยกันขนาดนี้ มันต้องรู้จักกันเชิงลึกมาก่อนสิ

“ก็ไม่เชิงหรอก แต่ถ้าผมเล่าแล้วพี่เอกห้ามบอกพี่ต่อนะว่าได้ยินมาจากผม”

“ถ้าเรื่องที่เล่ามันฟังขึ้น ผมรับปากก็ได้”

“คืองี้ พี่ต่อกับพี่เทพน่ะเคย xxx กันมาก่อน”

“ห๊ะ” เนื้อแนบเนื้อเลยเรอะ

“ใจเย็นๆนะครับพี่เอก คือพี่ต่อเนี่ยเมา แล้วเผลอไปมีวันไนต์สแตนด์ (one night stand) กับพี่เทพตอนสมัยเรียนที่โน่นน่ะ แต่พี่ต่อไม่ได้รักหรือชอบนะครับ มีอะไรกันแล้วก็จบๆไป แต่อีกฝ่ายไม่ยอมไง พี่เทพติดใจหรือไม่ก็หลงอะไรในตัวพี่ต่อนี่แหละ ตามติดแจเลย”

“แล้วคุณตงรู้เรื่องนี้ได้ไงอะครับ”

“พี่ต่อเล่าให้ฟังครับ ที่จริงไม่เชิงเล่าหรอก เรียกว่าปรึกษาดีกว่าว่าอยากสลัดใครสักคนออกไปต้องทำยังไง ผมเลยคาดคั้นให้เล่าเรื่องราวมาอย่างละเอียด” อืมมม ปรึกษาไม่ผิดคนจริงๆด้วยสินะ

“แล้วคุณตงแนะนำไปยังไงอะครับ”

“ผมก็ไม่ได้แนะนำอะไรหรอกครับ เพราะหลังจากนั้นพี่ต่อก็กลับมางานแต่งงานพี่แก้วแล้วเจอพี่เอก แกก็พร่ำเพ้อถึงแต่พี่เลยไม่ได้สนใจพี่เทพอะไรนั่นอีก รายนั้นคงจะเห็นว่าพี่เอกไม่สนใจใยดีมั้งครับ เลยต้องยอมออกห่าง ไม่อย่างนั้นจะเสียหน้าคนคูลๆ” ผมฟังแล้วก็พอจะเข้าใจเรื่องราวบ้างแล้วล่ะ แต่ทำไม...

“ทำไมคุณเทพถึงจะกลับมาทวงคุณต่อคืนล่ะ”

“ก็...” คุณตงมองหน้าผม ท่าทางอึกอัก

“ก็เพราะเห็นว่าผมไม่หล่อ เลยคิดว่าจะแย่งไปได้ง่ายๆ” ผมเป็นคนตอบ

“ไม่ใช่หรอกพี่เอก อย่าคิดมากสิ” ท่าทางกับน้ำเสียงไม่ได้ปลอบใจกูเลยสักนิดนะไอ้คุณตง

             มาถึงตอนนี้ ผมก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ครบถ้วนแล้วล่ะ คุณต่อเคยมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับคุณยิ่งเทพจนอีกฝ่ายติดใจอยากได้ แต่คุณต่อไม่เล่นด้วย เพราะดันมาเจอผมที่ช่วยคุณนายครั้งกระโน้นเลยตกหลุมรักไอ้เอกภพมาตลอด พอได้คบเป็นแฟนก็พาออกงาน แล้วไปเจอคุณเทพบดินทร์ที่ทำท่าจะมาจีบผมแต่โดนคุณต่อกันซีน ทั้งสองเทพเลยร่วมมือกันเพื่อพยายามแยกพวกเราออกจากกัน

             ผมสงสัยนะ ใครก็ได้ช่วยตอบที...ถ้าพวกเราเลิกกันจริงๆ หมายถึงคุณต่อกับผมน่ะนะ คิดเหรอว่าคุณต่อจะไปคบกับคุณยิ่งเทพ แล้วผมจะไปสนใจคุณเทพบดินทร์? ... ผมคิดว่าสองเทพไม่ได้คิดเรื่องนี้กันแน่ๆ

“พี่เอกโอเคมั้ยอะครับ” คิดในใจเพลินจนลืมไปเลยว่าผู้ให้ข้อมูลสุดหล่อยืนเด่นอยู่ตรงนี้

“ทำไมพี่ต้องไม่โอเคด้วยล่ะครับ” ผมถามอย่างสงสัย

“อ้าว... ผมก็นึกว่าพี่จะคิดมากเรื่องที่พี่ต่อไปมีอะไรกับพี่เทพ ... หึง อะไรแบบนี้อะครับ” หน้าตาคุณตงไม่ได้บ่งบอกเลยนะครับว่าเป็นห่วง เห็นมีแต่รอยยิ้มชวนให้คิดว่ากำลังแช่งให้พวกเราเลิกกันอยู่

“หึหึ พี่ไม่ใช่คนคิดมากหรอก เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้คุณต่อเป็นแฟนพี่แล้ว สำหรับคนโน้นก็คืออดีต”

“โหพี่เอกโคตรใจกว้าง” คุณตงเหมือนจะชมนะ แต่ผมว่าเป็นคำประชดมากกว่า แต่สำหรับเรื่องนี้ผมไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ ทุกคนมันก็ต้องมีอดีต ผมคงไม่นั่งว่างไปตามหึงย้อนหลังหรอก ขนาดเขาตามมาทวงคืนยิกๆ คนของผมยังช่วยวางแผนแหกหน้าเลย แบบนี้แล้วผมยังจะต้องมานั่งห่วงนั่งหึงไปทำไมกัน

##### #####

   พอตะวันคล้อยต่ำ คุณต่อก็ตื่นนอนด้วยสีหน้ามึนงง ท่าทางจะเพลียหนักเอาการ ตื่นมาแล้วยังมึนๆอยู่ เส้นผมชี้ฟูไปมาไม่เป็นทรง ใบหน้ายับยู่จากรอยหมอนที่นอนทับ ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยกล้ามแน่นขนัดนั่งบนที่นอนโดยมีมือข้างขวาขยี้ตาไปมาก่อนจะหาวยาวเหยียดหมดสภาพคนหล่อที่ทุกคนหลงใหล อยากให้คุณยิ่งเทพมาเจอสภาพนี้จังเลย อยากรู้นักว่ายังจะชอบอยู่มั้ย โทรมขนาดนี้

“ดื่มน้ำหน่อยนะครับ” ผมเทน้ำดื่มแช่เย็นใส่แก้วและยื่นให้ มือหนาหยิบไปกระดกจนหมดแก้วและวางไว้ที่โคมไฟข้างเตียง

             ห้องพักของพวกเราเป็นแบบบ้านเดี่ยว มีพื้นที่ใช้สอยครบครัน เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเป็นส่วนของโซฟารับแขกสีขุ่นวางชิดกันสามตัว มีโต๊ะกระจกวางอยู่เป็นศูนย์กลาง ถัดไปเป็นทีวีจอแบนขนาดไม่ต่ำกว่า 40 นิ้วแขวนติดผนัง ห้องรับแขกและห้องนอนไม่มีที่กั้น เราจึงเห็นเตียงนอนขนาดใหญ่วางเด่นอยู่ในห้อง ถัดไปอีกมุมเป็นห้องครัวที่มีที่กั้นเพียงอก ดีหน่อยที่มันอยู่มุมเกือบจะอีกฝั่งกับที่นอน ตรงนั้นจะพร้อมสรรพไปด้วยตู้เย็น ไมโครเวฟและอุปกรณ์สำหรับทำอาหาร ส่วนห้องน้ำจะติดกับห้องนอน มีแค่กำแพงอิฐสีครีมขนาดประมาณ 1x3 เมตรกั้นไว้ พอเดินไปสำรวจก็จะมีอ่างอาบน้ำวางเด่นอยู่ ไม่มีประตูกระจกหรือประตูใดๆกั้นอีกแล้ว หากใครกำลังอาบน้ำอยู่ก็สามารถเดินไปทักทายได้โดยง่าย

“กี่โมงแล้วอะครับ” น้ำเสียงทุ้มถามอย่างงัวเงีย

“หกโมงครึ่งแล้วครับ”

“นี่ผมหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอครับ” ใช่สิครับ เกือบหกชั่วโมงได้มั้ง

“เหวออออ” ผมร้องลั่นเมื่อโดนมือใหญ่ฉุดให้ลงไปนั่งในอ้อมอก ท่าทางงัวเงียเมื่อกี้คือการแสดงหรือไงครับ ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเนี่ย คุณต่อชอบทำเหมือนผมเป็นคนตัวเล็กครับ นึกอยากดึงไปกอดก็ทำเลยแบบตอนนี้ แถมยังชอบเอาคางมาเกยไหล่เสียอีก ลมหายใจอุ่นร้อนก็ราดรดมาจนขนลุกเกรียวกราวเลย

“ขอโทษนะครับ อุตส่าห์ได้มาเที่ยวทั้งทีผมก็มาเอาแต่นอนซะอีก”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ แค่นี้สบายมากอย่าคิดเยอะ” ผมตอบความจริง ไม่ได้ตอบเพื่อทำให้อีกฝ่ายสบายใจ

“แต่ผมคิดอะ อุตส่าห์วางแผนจะไปโน่นไปนี่ จะถ่ายรูปกับพี่เอกเยอะๆ”

“พรุ่งนี้ไงครับ เรายังมีเวลา”

“พรุ่งนี้งานแต่งแต่เช้า ไม่รู้เสร็จกี่โมง” เออ จริงด้วย ลืมคิดไปเลย

“คุณต่อหิวยังครับ ออกไปหาอะไรรองท้องมั้ย”

“บอกให้เรียกน้องต่อ” งื้อออออ ไม่เอาไรหนวดมาถูไถกันสิ

“นะ น้องต่อ...” ก็ได้ฟระ เลิกเอาหนวดมาเบียดซะทีสิ

“กินพี่เอกได้มั้ย” นั่นไง

“ไม่ได้” ผมห้าม

“จริงอะ” ฮื้ออออออออ เกลียดน้ำเสียงแบบนี้จังเลยโว้ย เกลียดมือใหญ่ที่เชยคางผมให้ไปสบตาหวานๆ เกลียดตัวเองที่ยอมให้เขากดริมฝีปากลงประกบ เกลียดความร้อนวูบวาบที่แล่นพล่านไปมาทั่วตัวตอนที่ลิ้นสากเยิ้มฉ่ำเกี่ยวกระหวัดกวาดคว้านในโพรงปากอย่างช่ำชอง เกลียดที่ยอมให้มือใหญ่ทั้งสองข้างไล้เลื้อยเข้ามาใต้ชายเสื้อ ปลายนิ้วเขี่ยเลาะไปมาอย่างวาบหวามและมาหยุดที่เม็ดแข็งที่ทรวงอก

“อา...” ผมครางอย่างลืมตัว มันรู้สึกดีเกินไปแล้ว ทำไมจะต้องกดน้ำหนักลงมาด้วย ไอ้เราต้องถอยใช่มั้ย ถอยแล้วหลังก็แนบกับที่นอน เอาล่ะสิหมดทางหนีแล้ว แถมคนที่คร่อมตัวอยู่ก็เปลี่ยนมาไซร้ที่ซอกคออีก ไอ้ลิ้นเย็นๆนั่นจะเลี่ยที่ติ่งหูทำไมฟะ มันเสียวนะเว้ย แล้วกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ผมใส่มามันหลัดออกไปหมดตั้งแต่ตอนไหนวะ อื้ออออ ทำไมจะต้องขบที่หัวนมผมด้วยวะ

“พี่เอกน่ากินขนาดนี้ จะไม่ให้ผมกินเลยเหรอ”

“บะ บ้า น่ากินที่ น่ะ ไหน พูดไปเรื่อย ฮ้า...” ร่างกายไม่มีแรงขัดขืนเลยครับตอนที่ลิ้นยาวๆเลียตั้งแต่ใต้ฐานนมไปจรดสะดือ มือใหญ่ก็พยายามปลดเข็มขัดอย่างแข็งขัน

แกร็ก

“ลุงต่อ ลุงเอก ไปกินข้าวกัน” เสียงสองหมูดังขึ้น พวกเราสองคนค้างสิครับ ผมนอนใต้ร่างเสื้อหลุดรุ่ย มีคุณต่อที่ไม่สวมเสื้ออยู่แล้วตอนนอนคร่อมอยู่ในท่าโน้มมาซุกที่หน้าท้อง สองมือกำลังปลดเข็มขัดออกมาได้

ชะงักงัน

ค้าง...

“ต๊ายยยย จะฮันนีมูนกันก็ไม่ล็อกห้องนะ เด็กๆออกไปก่อนไป” เสียงคุณแก้วกานดาครับ หมดกัน ภาพพจน์ที่สร้างมา

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ” คุณพันธุยื่นหน้ามาพูดและปิดประตูให้

มะ ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง....

เอกภพอยากร้องไห้....

“ไหน พี่ต่อห้ามทำอะไรพี่เอกนะ” ไอ้คุณตงเปิดประตูพรวดเข้ามาอีก พวกเรายังอยู่ท่าเดิมเลยครับ ยังค้างอยู่

TT___TT

             อย่าให้ผมเล่าถึงสภาพตัวเองตอนนั่งกินมื้อเย็นกับพี่น้องคุณต่อเลยนะครับ เจ้าสองหมูน่ะไม่รู้เรื่องอะไรหรอก แต่คนพ่อกับแม่น่ะสิ ทำสายตากรุ้มกริ่มเหมือนพร้อมจะเอ่ยปากแซวได้ตลอดเวลา คิดดูนะครับว่าผมจะต้องสนิทกับคนบ้านนี้ถึงขั้นไหน คุณแก้วกับคุณพันธุถึงได้แซวกันอย่างไม่อายปาก ไอ้ตัวการน่ะไม่สะทกสะท้านหรอก มีแต่ยิ้มรับแถมเอาแขนมาโอบไหล่คว้าผมไปซบอีก เสียงโห่ของทุกคนดังจนพนักงานบริษัทที่นั่งโต๊ะอื่นต้องชะเง้อมาทางนี้ ผมหน้าแดงจนร้อน นึกอยากจะมุดคอลงแก้วน้ำหลบหน้าทุกคนให้รู้แล้วรู้รอดไป

“หวานกันขนาดนี้ แต่งแทนเลยมั้ยคะ” เอิ่ม ... ว่าที่เจ้าสาวส่งเสียงมาแซว

“มะ ไม่ดีมั้งครับคุณวีณา คุณกรไม่ใช่สเป๊ก” ในเมื่อคนตัวใหญ่ไม่ตอบ ผมก็เลยต้องออกโรงเอง แซวมาแซวกลับไม่โกง

“โหพี่เอก พูดแบบนี้ผมก็อกหักสิ โอ๊ย” นั่นไง โดนคุณวีณาว่าที่เจ้าสาวกระทุ้งชายโครงจนได้ พวกเราหัวเราะร่วน การได้มาที่นี่ก็เหมือนเป็นการพักผ่อนหลังจากผ่านการทำงานอย่างหนัก มื้ออาหารค่ำที่เจ้าภาพเหมารีสอร์ทไว้ก็ช่างถูกปาก แถมนั่งข้างคนถูกใจ ผมมองไปทางว่าที่คู่บ่าวสาวที่เหมาะสมกันอย่างรู้สึกดีใจด้วยไม่น้อย นึกอายตัวเองที่ตอนนั้นแอบคิดเอาเองว่าคุณกรเป็นเกย์และจะมาแย่งคุณต่อไปจากผม วันนี้ต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับเขาในฐานะแขกของงานแต่งงานที่จะจัดริมชายหาดในวันพรุ่งนี้เสียอย่างนั้น

“พี่เอกตาถึงไง เลยเลือกกู” จะปล่อยให้เงียบไปก็ไม่ได้นะคุณต่อพงษ์ครับ (-___-)’’

“พอเลยพี่ต่อ เบื่อจะฟัง” คุณตงฉินกวนโอ๊ยกลับ ผมนั่งตรงกลางระหว่างสองพี่น้องนี้บนโต๊ะกลมขนาด 10 ที่นั่ง ถัดไปทางซ้ายมือของคนที่เพิ่งพูดก็คือครอบครัวคุณแก้วรวม 4 ชีวิต คุณกรนั่งติดกับคุณพันธุในฝั่งตรงข้ามกับผมโดยมีคุณวีณาคนสวยนั่งอยู่ไม่ห่าง เหลือที่นั่งว่างไว้ข้างคุณต่อซึ่งเดิมทีจัดให้เป็นของคุณยิ่งเทพ แต่พอทางเจ้าภาพรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยย้ายเพื่อนสนิทของเจ้าสาวไปนั่งร่วมโต๊ะกับพ่อแม่ของบ่าวสาวแทน

“พอเลยสองคนนี้นี่ จะทะเลาะอะไรกันตั้งแต่เด็กจนโต” นั่นไง ร้อนถึงพี่สาวต้องออกโรงห้ามทัพซะแล้ว ผมมองซ้ายทีขวาทีอย่างนึกขัน คนหนึ่งก็หล่อ ยิ้มทีชวนใจละลาย อีกคนก็มีเสน่ห์น่าดึงดูดใจจนนึกอยากอวตารให้ตัวเองมีฝาแฝด จะได้ครบคู่

“หยุดความคิดไว้ตรงนั้นเลยนะพี่เอก”

ชิบ! นี่เราคิดดังหรือว่าคุณต่อมีพลังพิเศษเลยอ่านใจได้วะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 32 P.10 @23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-06-2020 11:13:36
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 32 P.10 @23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-06-2020 16:54:57
 :pig4: :pig4: :pig4:


ถ้าพี่เอกฟิเจอริ่งกับน้องตง  ใครจะตกเป็นเบี้ยล่างกันหล่ะนั่น?
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 32 P.10 @23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-06-2020 20:08:54
น้องตงฉินควรมีคู่แบบจริงจังได้แล้วนะครับ :-[
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 32 P.10 @23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 23-06-2020 20:24:25
ลุงเอก กับน้องต่อ    หายไปเกือบเดือน
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 32 P.10 @23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-06-2020 23:24:10
ล่อแหลมกันอีกแระ  แถมมารมาพจญอีก  :laugh:

น้องตงฉินน่าจะเหงาเนอะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 32 P.10 @23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 25-06-2020 19:57:01
แหมหวาน :hao3:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 33 P.11 @29/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-06-2020 13:31:33
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 33. เอกภพเหลืออดแล้วนะ

             เช้าวันแต่ง ผมรู้สึกดีมากๆที่คุณต่อเป็นเพื่อนฝั่งเจ้าบ่าว เพราะธีมงานมันมี 2 แบบแยกกันระหว่างญาติและเพื่อนฝูงฝั่งเจ้าบ่าวที่ขอความร่วมมือใส่ชุดสีเขียว และฝั่งเจ้าสาวนั้นคือชุดสีโอโรส (ที่ออกไปทางเกือบส้ม) ซึ่งถ้าเอกภพ ใบบุญคนนี้ใส่สีนั้นแล้วล่ะก็ หึหึหึ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะอนาถขนาดไหน

             ซุ้มดอกไม้ที่มีแต่เหล็กเมื่อวานกลับถูกประดับประดาเต็มไปหมด มีดอกหลากหลายชนิดปักลงโอเอซิสและมัดประกบไว้จนเต็มพื้นที่ ไอ้กระผมมันคนบ้านๆ รู้จักแค่ ดอกกุหลาบ กล้วยไม้ แค่นั้น ที่เหลืออย่ามาถามเชียวนะว่ามีดอกอะไรบ้าง นี่ถ้าทางโรงแรมจัดซุ้มด้วย ดอกเข็ม ดาวเรือง เฟื่องฟ้า หน้าวัว เชยชม ดอกรัก ดอกโสน ค่อยจะพอรู้หน่อย

“พี่เอกหิวเหรอ”

“คระ ครับ” ผมสะดุ้งตอนที่โดนกระทุ้งเบาๆ สงสัยจะเหม่ออ้าปากหวอจนคุณต่อจับอาการได้

“เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว รอพระฉันเสร็จ” จะบอกดีไหมว่าไม่ได้หิว แค่เหม่อมองซุ้มดอกไม้เพลินไปหน่อยเท่านั้นเองแหละ

             พิธีแต่งงานนั้นเรียบง่าย แขกเหรื่อมีไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ แบ่งเป็น ญาติสนิท เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงานของคุณกรแค่นั้น ไม่ได้เชิญพี่สาวของอาเขยของพี่ชายน้าสะใภ้ลูกของลุงของปู่มาให้มากความ (ว่าแต่ลำดับญาติที่พูดไปเนี่ยใครอ่านแล้วไม่งง กระผมขอกราบสามที) เมื่อหน้าผากถูกเจิมแล้วก็มีการคล้องพวงมาลัย และเริ่มรดน้ำสังข์ ผมเป็นคนท้ายๆเพราะต้องรอคุณต่อที่ยืนหล่อกลบรัศมีอยู่ข้างหลังในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวส่งสัญญาณเรียกก่อน พอจบงานรดน้ำก็มีการทำบุญเลี้ยงพระ ทุกอย่างดูเรียบง่ายแต่กินใจ

...ที่ผมไม่บ่นเรื่องอากาศเพราะบ่นไปแล้วนะครับ ขออนุญาตข้าม

             พอส่งตัวเข้าหอเสร็จก็จะเป็นเวลาว่าง ถ้าถามว่าผมอยากทำอะไร บอกได้เลยครับว่าอยากนอน เนื่องจากเมื่อคืนมีการดื่มไปเล็กน้อย เมื่อเช้าก็ตื่นกันแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อไปเตรียมตัว จริงๆแล้วคุณต่อต่างหากที่จะต้องตื่นและออกไป แต่จะให้ไปคนเดียวก็ไม่สมเป็นต่อพงษ์ผู้ติดแฟนหรอก ต้องหนีบผมไปด้วยทุกที่ ตอนเช้าเลยได้ง่วง เหม่อลอยไร้สติ

“ไปนะพี่เอก ผมอยากไป” นั่งไง ไอ้เด็กโข่งออกอาการอีกละ

“ไม่เอา ผมขี้เกียจขับรถ ง่วงด้วย” ผมงอแง นึกกร่นด่าเจ้าบ่าว(ผู้เป็นคนในพื้นที่)ที่เล่าเรื่องหาดคุ้งทรายตรงแถวเขากะโหลกจนไอ้คุณแฟนนึกอยากไป ถ้ามันเป็นแค่ชายหาดสวยๆผมก็ไม่ขัดหรอก แต่มันเป็นชายหาดที่ต้องเดินลัดเลาะขึ้นเขาอีกเกือบกิโล นึกถึงตอนที่เขาหลวงแล้วก็ไม่อยากคิดอคติไปก่อนว่าภาระจะตกที่ไอ้เอกภพคนนี้เป็นแน่ เมื่อบวกกับความเหนื่อยล้าและง่วงงัน งานนี้ต้องเซย์โนอย่างเดียว

“ชิ ผมไปเองก็ได้” ไปเถอะ พ่อคุณ มันไม่ได้ไกลจากที่พักหรอกนะครับ แต่มันร้อน มันเหนื่อย ยอมรับแบบแมนๆเลยว่าขี้เกียจ พอเสียงประตูเปิดออกยังไม่ทันปิด บทสนทนาก็แว่วเข้ามากระทบโสตประสาททันที

“พี่ต่อจะไปไหนเหรอ” เสียงคุ้นๆ เรียกพี่ด้วย คุณตงก็ไม่ใช่ คู่นี้ไม่ได้คุยกันด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานมารยาเยอะแบบนี้หรอก

“ไปเดินเล่นน่ะ”

“อุ๊ย ดีจัง เนี่ยผมก็เบื่อๆ ให้ผมไปด้วยนะ”

“อืม ตามใจสิ” ไอ้คนของผมไม่ได้คิดจะปฏิเสธเลยว่างั้น ชิชะ

“ปะ พร้อมแล้ว ไปกัน” นี่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพุ่งตัวออกมาตอนไหน รู้ตัวอีกทีคือออกมาคว้าแขนล่ำๆของแฟนเดินจ้ำไปที่รถอย่างไม่สนใจนังยิ่งเทพที่คอยตามติดพ่อเจ้าประคุณไม่ห่าง ไม่ได้หึงนะครับ แค่ไม่ชอบใจที่คนของเรายังพัวพันกับคนเก่าในอดีตชาติ

“อ้าวไหนพี่เอกบอกว่าเหนื่อย” ผมล่ะเกลียดน้ำเสียงของผู้ชนะจากไอ้แฟนตัวดีมากๆ

“พูดมาก” ผมส่งเสียงดุ เวลานี้ไม่ควรถามมั้ย ให้เกียรติกันบ้าง นึกแล้วยังอายตัวเองอยู่เลยที่พุ่งมาขวางลำแบบนี้

             สุดท้ายเราก็เลยจบกันที่ไปเดินเล่นเลียบชายหาดแถวบ้านเขากะโหลก หลังจากนั้นก็หาซื้อของฝากอันได้แก่ ปลาหมึกตากแห้ง ปลาแห้งและอาหารทะเลอื่นๆ คุณต่อซื้อมาเกือบเต็มกระโปรงรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันเก่งที่ผมลงทุนขับมาไกลถึงนี่



[ต่อพงษ์]

             ใบหน้าเคร่งเครียดของพี่เอกตอนที่มาปรึกษาเรื่องเทพบดินทร์นั้นชวนให้ขำมากกว่าจะต้องเครียดตามแก แต่เพราะเป็นพี่เอกนี่แหละผมเลยต้องวางท่าขรึม ไม่อย่างนั้นก็จะมีการงอนเกิดขึ้น อาการมันก็ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่เอกแกงอนแล้วจะบอกตรงๆว่าไม่ชอบ โกรธ หรือแสดงออกโจ่งแจ้งว่าไม่พอใจนั่นแหละ การที่แกเป็นคนแบบนี้ดันกลายเป็นเสน่ห์ส่วนตัวที่ทำให้ผมไปไหนไม่รอดอยู่ร่ำไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องของพวกเรา พี่เอกจะมาคุยเพื่อหาทางออกเสมอ

“เอาแบบนี้นะครับ” หลังจากซักซ้อมเรื่องวิธีการรับมือเทพบดินทร์ ผมก็ปล่อยให้พี่เอกออกโรงไปก่อน เนื่องจากผมแว้บออกจากห้องประชุมมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้ละ เรื่องที่เคร่งเครียดไม่ใช่เพราะเราไม่ได้พื้นที่จัดแสดงตามที่จองไว้ แต่มันมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่านั้น แต่พี่เอกกลับเข้าใจว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ ผมก็ต้องตามน้ำ ท่าทางขึงขังของคนที่นั่งจดจ่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ทำให้ไมกล้าขัด

             แล้วพี่เอกก็ทำแบบที่ซักซ้อมกันมาเป๊ะๆ หลังจากประชุมผมก็รีบตามไปที่ร้านกาแฟแทบจะทันที มันก็จริงดังว่า บริษัทไม่มีผลกระทบอะไรหากไม่ได้จัดงานนี้ เพราะสินค้าของเราติดลมบนไปแล้ว การส่งออกยังไปได้สวย ลูกค้าแต่ละประเทศนั้นมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การเปิดตัวสินค้าใหม่สามารถทำได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพางานออกร้านอีกต่อไป

             ผมไม่เคยเห็นอาการหึงหวงจากพี่เอกเลยสักครั้ง จนมาวันนี้นี่แหละ ช่วงพักของงานแต่งไอ้กรกับวีณาที่ปราณบุรีทำให้พวกเราสามารถหาที่เที่ยวได้ตามอัธยาศัยเกือบครึ่งวัน เดิมพี่เอกไม่อยากไปไหนเพราะความเหนื่อย แต่พอเจอยิ่งเทพ รุ่นน้องสมัยที่ผมเรียนอเมริกา ท่าทางฟึดฟัดของแกนั้นแสดงออกชัดเจนมากจนผมรู้สึกดีและอยากจะแกล้ง ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับยิ่งเทพเลย ไม่ว่าจะเป็นตอนนั้น ตอนนี้ หรือในอนาคต

“เทพชิมนี่สิ” ผมตักยำใบชะครามกุ้งสดบนจานข้าวของรุ่นน้อง พลางลอบสังเกตอาการพี่เอกที่กำลังหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด

“อร่อยดีครับ ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าใบชะครามจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้” พออีกคนตอบมา ปากพี่เอกเบ้อย่างคนโดนขัดใจ ผมนึกขำแต่ก็ต้องพยายามเก็บอาการไว้ คนที่ปากแข็งไม่ยอมบอกรัก ไม่เคยจะบอกว่าหวงหรือห่วงแบบพี่เอกมันต้องเจอแบบนี้

“งั้นเทพกินเยอะๆเลยนะ นี่ด้วย” ผมตักแกงส้มของโปรดพี่เอกใส่จาน รายนั้นวางช้อนกับส้อมกระแทกจานตัวเองโครมใหญ่อย่างไม่พอใจ แต่ก็พยายามอวดเบ่งไม่บอกว่ากำลังหึง

“พี่ต่อก็ด้วยนะครับ” ยิ่งเทพเกือบจะป้อนอาหารเข้าปาก แต่คนอยู่ตรงหน้าลุกหนีออกไปนอกร้านแล้ว ผมยกมือบอกว่าไม่ให้กับคนที่ตั้งใจจะป้อนก่อนเดินตามคนตัวโตไป

             ร้านอาหารที่มากันวันนี้เป็นร้านท้องถิ่น แต่รสมือเยี่ยมจนลูกค้าเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย ต้องขอบคุณเจ้าถิ่นอย่างไอ้กรที่แนะนำมา หลังจากไหว้พระที่วัดหุบตาโคตรแล้วก็ขับมาในทางตรงกันข้ามกับวัดเกือบสองกิโลเมตรก็จะเจอร้านนี้ที่ด้านหน้าเป็นเพิงและครัว มีทางเข้าพอให้รถขับเข้าไปจอดด้านในร้านได้โล่งโปร่ง รอบร้านคือคลองน้ำกร่อยที่เต็มไปด้วยต้นโกงกางใบใหญ่ที่รากงอกเงยเกาะเกี่ยวเป็นพุ่มรอบคลองน้ำสีเขียวขุ่น พี่เอกมองด้วยสายตาไม่พอใจปนขัดใจจนอดสงสารไม่ได้ แต่ให้ตายเถอะ ผมกลับมองว่าน่ารักจนอยากแกล้งให้แก้มป่องมากกว่านี้

             แล้วความสุขก็หมดไปเมื่อไอ้น้องชายตัวดีดันตามมาที่ร้านอย่างไม่ได้นัดหมาย ตงฉินเป็นน้องคนสุดท้องที่ชอบคิดว่าพ่อไม่รัก รายนั้นโดนตามใจหนักมาตั้งแต่เด็ก พ่อไม่ยอมให้ไปเรียนต่างประเทศเพราะห่วงและอยากให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ใกล้ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนหัวโบราณหน่อยๆ วิธีการพูดกับลูกเลยห้วนสั้นจนเจ้าตัวดีไม่รู้เลยว่าที่พ่อทำน่ะ เพราะรัก

“มาแล้วครับ รอนานมั้ย”

“ไม่นานครับ” พี่เอกแสยะยิ้ม ผมมั่นใจมากว่าเป็นอย่างนั้นเนื่องจากรอยยิ้มนั้นเจาะจงให้ผมเห็นเต็มตา น้องชายตัวดีนั่งข้างๆแฟนผมที่ยิ้มร่าผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ “หายากมั้ย”

“ไม่ยากเลย ดีที่พี่เอกแชร์โลเคชั่นให้” นั่นไง ว่าละ อยากจะตบกบาลตัวเองที่สุดที่ไปสอนให้พี่เอกใช้งานพวกโซเชี่ยลจนคล่อง

“ร้านนี้อาหารอร่อยๆทั้งนั้นเลยนะ คุณกรแนะนำมา โดยเฉพาะนี่” แล้วพี่เอกก็ตักหอยนางรมทรงเครื่องให้พร้อมยิ้มหวาน มันเป็นรอยยิ้มที่พี่เอกจะส่งให้ผมตอนที่เรากอดกัน จูบกันหรือไม่ก็กำลังออดอ้อนกัน

เพล้ง!

“อุ๊ย พี่ต่อเป็นอะไรครับ” ผมสะดุ้งเมื่อเผลอปัดจานข้าวจนตกแตก พี่เอกไม่มองมาทางผมด้วยซ้ำตอนที่ยิ่งเทพใช้ทิชชู่เช็ดคราบตามเสื้อและกางเกงให้

“ซุ่มซ่ามจังเลยพี่ต่อ” ไอ้ตงได้ทีเยาะเย้ยแต่ก็ไม่มีทีท่าจะเข้ามาช่วย มันยักคิ้วให้และตักหอยนางรมเข้าปากเคี้ยวเหมือนอร่อยมากจนน้ำตาจะไหล ผมได้แต่หน้าตึงๆด้วยความไม่พอใจซึ่งผิดกับใบหน้าของพี่เอกที่ทำท่าสะใจที่เอาคืนผมได้

ไม่ชอบเลย...ไม่แกล้งแล้วก็ได้...



[เอกภพ]

             สุดท้ายพวกเราก็กลับมานอนพักที่โรงแรมตามที่ผมต้องการ หลังจากจบมื้ออาหารแสนอร่อยด้วยใบหน้าหม่นหมองของคุณต่อ แผนการท่องเที่ยวปราณบุรี-สามร้อยยอดก็ต้องจบลง ผมโดนพ่อตัวดีฉุดแขนขึ้นรถและขับปาดซ้ายปาดขวาจนมาถึงโรงแรม เราไม่พูดอะไรกันเลยตลอดทางจนกลับมาทิ้งตัวที่ห้องแบบนี้

             ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงจะเป็นฝ่ายเข้าไปงอนง้อ พออยู่กันนานเข้าก็เริ่มซึมซับนิสัยไม่ดีของคุณต่อเข้ามาเรื่อยๆ นั่นคือการชอบแกล้งและเอาคืน มันเป็นนิสัยเหมือนเด็กน้อย แต่ผมน่ะโดนแกล้งไม่รู้กี่ครั้ง ทุกครั้งผมก็ต้องเป็นคนงอนเองหายเอง วันนี้ล่ะไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะจะเอาคืนบ้าง ไม่อย่างนั้นไม่หลาบจำหรอก คิดจะมาเงียบใส่เล่นสงครามประสาทเหรอ ยิ่งเข้าทางเลย เพราะตอนนี้ผมง่วงจนตาปิดแล้ว

             ผมสะดุ้งตื่นก็มืดแล้ว บรรยากาศเงียบสงบ ในห้องนอนมืดมิด แอร์เย็นฉ่ำทำงานอย่างดีเยี่ยมแต่ผมกลับอุ่นไปทั่วตัว พอสลัดความง่วงงุนออกไปหมดก็พบว่ามีคนร่างใหญ่นอนกอดไว้ ลมหายใจราบเรียบบอกว่าอยู่ในห้วงนิทราเช่นกัน กล้ามอกแน่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงลมเข้าออก เสียงหัวใจเต้นตึกตักที่คุ้นเคยทำให้ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ความงอนที่เคยมีมันก็อันตรธานไปหมดสิ้น กลิ่นกายหอมที่คุ้นเคยส่งผ่านมาให้ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ คนเราจะแพ้ทางคนอื่นได้สักกี่คนในชีวิตนี้ นอกจากผู้ชายชื่อต่อพงษ์ ผมก็ไม่เคยใจเต้นระส่ำแบบนี้เลยสักครั้ง มันฟังดูบ้าบอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าผมตกหลุมรักแฟนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ... แล้วแบบนี้จะโกรธต่อไปทำไม

“ถ้าจะจ้องกันขนาดนี้ มาจูบกันเลยดีกว่า” ห๊ะ...มืดขนาดนี้ยังจะมองเห็นอีกเหรอว่าผมทำอะไร

“คิดเองตลอด” ผมแก้เก้อ

“ผมไม่ได้หลับนะพี่เอก แล้วสายตาผมก็ชินกับความมืดแล้วด้วย” อ้าว นึกว่าหลับอยู่ ที่แท้นอนเฝ้าเรานี่เอง ผมพลิกตัวแก้เขิน แต่ก็ถูกแขนใหญ่โอบกระชับไม่ให้ดิ้นไปไหนได้

“ปล่อย” ทำไมเสียงมันค่อยจนแทบไม่ได้ยินเลยวะ

“ไม่ปล่อย ผมจะกอดแฟนผม”

“ไปกอดคุณยิ่งเทพสิ” ได้ที ขอยั่วก่อน

“ไม่เอา ผมอยากกอดพี่เอกคนเดียว นะนะนะ” เอาแล้วไง น้ำเสียงออดอ้อน เป็นโทนเสียงที่ผมพ่ายแพ้ราบคาบมาตลอดเวลา

“หึ”

“พี่เอกงอนผมเหรอ ผมขอโทษษษษษษษ” แน่ะ มีลากเสียง ตอนทำล่ะไม่คิด

“เปล๊า” เสียงสูงซะหน่อย ดูซิ จะง้อยังไง

“พี่เอกอะ” น้ำเสียงน้อยใจต้องมา “ผมไม่ได้คิดอะไรกับยิ่งเทพจริงๆนะ”

“...”

“พี่เอกกกกกกก”

“เหวอออออ” เมื่อเห็นผมไม่ตอบ คนตัวใหญ่ก็คลุกวงในคร่อมตัวผมไว้แล้วใช้ริมฝีปากประกบลงมาอย่างหนักหน่วง ไอ้เราไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยต้องเล่นตามน้ำ ลิ้นสากสอดเลื้อยกระหวัดเข้ามาจนผมตัวอ่อนไปหมด ลมหายใจหอบพร่าสอดรับกับแรงกอดรัดของพวกเราทำให้อุณหภูมิในห้องร้อนแรงมากขึ้น ปากเยิ้มฉ่ำไหลเลื้อยไปที่ลำคอและดูดเม้มจนผมสะดุ้งตัวโยน แม้จะโดนยั่วยวนแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแต่ก็ไม่ชินเสียที

ก๊อกๆๆๆๆ

“พี่ต่อ พี่เอก แต่งตัวเสร็จยัง งานจะเริ่มแล้วนะ” เสียงคุณตงเคาะประตูและตะโกนเข้ามาทำให้จังหวะดีๆต้องหยุดชะงัก เมื่อวานก็โดนเปิดประตูเข้ามาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ก็ไม่อยากให้ใครมาเป็นสักขีพยานอีกครั้ง

“เออ เดี๋ยวตามไป” คุณต่อตะโกนตอบและเปิดไฟที่หัวเตียง ใบหน้าแดงก่ำและแววตาหวานเยิ้มบ่งบอกอารมณ์ที่ครุกรุ่น ยิ่งมองไปที่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวบางที่ตุงจนล้นแล้วก็ยิ่งรู้เลยว่ามันพร้อมรบแค่ไหน

“ออกไปก่อน” ผมผลักคนที่ทับตัวให้พ้น

“ไม่ออกจนกว่าพี่เอกจะหายงอน” รู้ด้วยสินะว่างอน

“สมควรงอนมั้ยล่ะ” ผมขอสั่งสอนอีกหน่อย

“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่แกล้งพี่เอกแบบนี้อีก”

“คุณต่อรู้ว่าผมไม่ชอบ แต่คุณต่อก็ยังทำ” ทำเสียงน้อยใจหน่อย แต่ทำไมเสียงมันสั่นวะ

“ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ” ใบหน้าหล่อเจื่อนลงเรื่อยๆ ยิ่งเห็นว่าผมเริ่มน้ำตาเอ่อก็ยิ่งลนลาน .. บ้าจริง ไม่เคยคิดเลยนะว่าจะเป็นมากได้ขนาดนี้ จากที่ไม่เคยจะต้องมาหวั่นไหวก็ต้องเป็น ความรักมันทำให้คนถึกเถื่อนอย่างผมมีด้านอ่อนแอตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ความอัดอั้นที่เห็นแฟนตัวเองไปอ้อร้อกับผู้ชายคนอื่นมันเสียดแทงในอกแต่ก็ไม่สามารถพูดหรือด่าอะไรได้ มองภาพของคนสองคนที่หน้าตาดี มีการศึกษาและฐานะเหมาะสมกันจนเราเอื้อมไม่ถึงแล้วก็ได้แต่ต้องยอมจำนน จากที่เคยหลงระเริงว่าได้ความรักจากเขาก็ต้องกลับมาคิดใหม่ ดึงความหลงระเริงให้กลับมาขบคิดเงียบๆจนกลายเป็นมีดกรีดในใจอย่างเจ็บปวดเมื่อคิดว่าเราไม่ได้เหมาะสมกับเขาเลยสักนิด

...น้ำตามันไหลออกมาเอง ผมไม่ได้ร้องไห้

“พี่เอก...” ร่างใหญ่ดึงผมไปกอด ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ ผมไม่เคยอ่อนแอ ไม่อยากร้องไห้ ไอ้คนแมนๆอย่างเอกภพจะต้องไม่อ่อนแอ แต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้ “ผมขอโทษ ผมขอโทษ” คุณต่อพูดคำเดิมซ้ำๆโดยมีผมปล่อยความเสียใจอย่างเงียบเชียบในอ้อมอกที่แสนอบอุ่น

##### #####

             พวกเราเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของคุณกรกับคุณวีณาพร้อมกับบรรดาแขกเหรื่อที่ร่วมงานเช้า เนื่องจากด้านนอกฝนตกและลมแรง งานเลี้ยงเลยถูกเนรมิตให้จัดในห้องประชุมขนาดใหญ่แทน เสียงเพลงในงานหวานโรแมนติกเหมาะสมกับคู่แต่งงานใหม่ อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ที่เต็มไปด้วยของคาวหวานหลากหลายชนิด บรรยากาศเป็นกันเอง มีโต๊ะนั่งสำหรับผู้ร่วมงานครบครัย ในงานไม่มีเวที ไม่มีพิธีกร มีแต่เสียงคุยแสดงความยินดี แสงแฟลชจากการถ่ายรูป

“พี่เอกเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมไม่ร่าเริงเลย” คุณตงฉินปรี่เข้ามาทัก ผมเลยส่งยิ้มหวานๆให้หนึ่งที

“ยุ่ง” คุณต่อกันท่า

“พี่ต่อรังแกอะไรพี่เอกอีก อย่าให้รู้นะ ผมแย่งมาจริงๆด้วย” นั่นไง เริ่มตีกันอีกละ

“พี่ต่อครับ ได้เครื่องดื่มหรือยัง เดี๋ยวผมไปเอาให้นะครับ” นังยิ่งเทพก็โผล่มาราวกับสัมภเวสี

“ไม่เป็นไรครับ พี่มีแล้ว” คุณต่อบอกปัดจนคนถามหน้าเสีย

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผม...”

“พี่ไม่ได้เกรงใจเรา พี่เกรงใจแฟนพี่” แขนล่ำโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ ผมมองใบหน้าหล่อที่ทำตามคำพูดของตัวเองตอนที่ง้อแฟนอย่างตั้งใจ

“พี่ต่อ...” ยิ่งเทพหน้าเจื่อน เป็นใครได้ยินก็ต้องสำนึกได้บ้างแหละ

“พี่ขอโทษนะที่ทำให้เราคิดเลยเถิดหรืออะไรก็แล้วแต่กับพี่ แต่พี่มีแฟนแล้ว และรักแฟนพี่มาก พี่คงไม่มองใครอีกแล้ว” ยิ้มทำไมครับ เอกภพจะยิ้มทำไม

“...” อึ้งเลยสินะ นังยิ่งเทพ

“พี่เอกเป็นแฟนพี่ เป็นคนที่พี่รัก ไม่ว่ายังไงพี่ก็ไม่ยอมเสียพี่เอกไปหรอก ขอโทษด้วยนะครับที่พี่ต้องพูดตรงๆ และพี่ขอร้องว่าเราอย่าเข้ามาในชีวิตพี่หรือพี่เอกอีกเลยนะครับ” หงายเงิบไปเลยจ้า ... พ่อตัวดีไม่ได้สนใจใบหน้าเจื่อนของยิ่งเทพ และหน้าตาตกใจของคุณตงฉิน ได้แต่พาตัวผมไปอยู่อีกมุมหนึ่งแทน

“พูดได้ดีนี่”

“ผมไม่ได้มีดีแค่พูดหรอก”

“จะรอดู” ผมตอบกวนๆ นี่ถ้าไม่ร้องไห้ก่อนจะไม่สำนึกใช่มั้ยพ่อคุณ แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้พวกเราต่างก็เรียนรู้แล้วว่าอย่าแกล้งกันแบบนั้นอีก เพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรๆดีขึ้น บางครั้งการทะเลาะกันก็ทำให้รู้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากทะเลาะกันอีกแล้ว มันบั่นทอนจิตใจ และริดรอนเวลาแห่งความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันเสียเปล่าๆ

             ตัดภาพมากลางดึก ต่อพงษ์ ตงฉินเมาปลิ้นทั้งคู่ พี่น้องสองคนนี้ไม่รู้ทำไมจะต้องเล่นเป็นเด็กกันตลอด นี่ก็พากันดวลเหล้าเพื่อหาคนที่คอแข็งกว่า ใครชนะจะได้ผมไปครอบครอง ไอ้เราก็รู้อยู่ว่าไม่ไหนไม่ได้หรอก แต่คุณตงฉินนี่ก็บ้าจี้เล่นด้วยนะ ผมได้แต่เอือมระอา มองสองคนชนแก้วกันไปมา จะโกรธก็ทำไม่ลงนอกจากปลงและขำเสียมากกว่า คุณตงฉินน่ะผมไม่ห่วงหรอก รายนั้นน่าจะคอแข็ง แต่ไอ้คุณแฟนนี่สิ แค่สามแก้วก็เมาปลิ้นแล้ว นี่ชนเอาชนเอาจนคิดว่ากำลังดื่มน้ำเปล่า

             สุดท้ายก็ต้องพาทั้งสองคนไปนอนที่ห้องอย่างรีบๆ คุณตงห้อง 6 และผมห้อง 9 หลังจากลากสังขารทั้งสองคนไปเก็บแล้วผมก็กลับมาละเลียดบลูฮาวายของโปรดต่อ เพราะงานเลี้ยงยังไม่มีวี่แววจะเลิก ถึงแม้คู่บ่าวสาวจะกลับไปแล้วเนื่องจากเจ้าบ่าวเมาเละไม่ได้สติ พนักงานบริษัทที่รู้จักผมต่างเข้ามาชนแก้วไม่ขาดสาย เพลงก็กำลังมันได้ที่เลยครับ มีเหรอว่าไอ้เอกจะยอมทิ้งงานแบบนี้ไปง่ายๆ

“ชนหน่อยมั้ย” ผมมองไปตามเสียง ยิ่งเทพยืนโงนเงนเมาปลิ้น

“อืม” ผมยื่นแก้วออกไปชนก่อนยกมาจิบ

“พี่เอกรู้ตัวมั้ย เอิ๊ก ว่าพี่เอกโชคดีมาก” อาการท่าจะหนัก

“ครับ”

“ดูแลให้ดีนะ อย่าเผลอแล้วกัน” เมาขนาดนี้ยังไม่วายจะร้ายนะ ผมไม่ได้ต่อความอะไร ไม่อยากถือสาคนเมา อีกอย่างคนของเราก็ชัดเจนแล้วว่าไม่เอาเขา จะทำท่าทางสมน้ำหน้าหรือว่าพูดจาตอกกลับไปก็ใช่เรื่อง ผมไม่อยากทำตัวเป็นผู้ชายปากจัด จีบปากจีบคอลงไปเล่นเกมอะไรแบบนี้ แค่การร้องไห้ตอนเย็นก็น่าอายพอแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งกระดาก จู่ๆก็น้ำตาก็ไหลเพราะความหึง ผมต้องกอบกู้ภาพลักษณ์มาดแมน เถื่อนถึกของตัวเองกลับมาให้ได้

             นังยิ่งเทพเดินนวยนาดหายไปกับฝูงชน ผมได้แต่สนุกกับงานเลี้ยงจนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง สายตาผมก็กวาดไปทั่วงาน แปลก...ยิ่งเทพไม่อยู่ ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังจะมาระรานผมอยู่เลย

หรือว่า....บ้าเอ๊ย ทำไมความคิดอกุศลต้องเข้ามาในหัวตอนนี้ด้วยวะ

อย่าให้อะไรๆเป็นอย่างที่คิดเลย... ผมวางแก้วและรีบปรี่ออกไป

   ทางเดินจากห้องจัดเลี้ยงมาที่ห้องพักค่อนข้างมืด แม้จะมีโคมไฟประดับประดาอยู่แทบจะทุก 50 เมตรก็ตาม หรืออาจเป็นเพราะว่าผมกำลังเมาได้ที่ก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้แฟนหนุ่มสุดหล่อก็อาการร่อแร่ไม่ต่างกัน หลังจากโหมงานหนักมาสักระยะแล้วมาที่นี่ก็เรียกได้ว่าแทบจะหมดสิ้นพลังงานชีวิต ดีหน่อยที่ไม่ต้องขับรถเอง ตอนที่นั่งมาจากกรุงเทพก็ฟุบหลับตลอดทาง ยังดีนะที่สมัยนี้มีกูเกิ้ลแมพ ไม่อย่างนั้นคงจะหลงอยู่แถวๆหัวหินนานพอดู

             รีสอร์ทหรูนี้อยู่แถวปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นรีสอร์ทระดับสี่ดาวที่ตกแต่งหรูหราสมกับใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งแบบกลางแจ้ง ช่วงเช้าเราเหงื่อไหลไคลย้อยก็มาฉลองพิธีสมรสกันต่อช่วงเย็นในห้องจัดเลี้ยง ดื่มเต็มที่ไม่มีอั้น ใครจะฟุบหลับก็ไม่มีใครว่า ... ว่าได้ไงล่ะ แฟนเราก็หนึ่งในนั้น ผมเลยต้องมาตามดูอาการหน่อยว่าสภาพเละเทะแค่ไหน

“ห้อง 9 ห้อง 9” ผมต้องพึมพำกับตัวเองเพื่อไม่ให้ลืมหมายเลขห้อง คราวที่แล้วก็หลงไปห้องหมายเลข 6 ทีนึงละเพราะตัวเลขมันหลุดกลับหัว พยายามเอากุญแจมาไขก็เปิดไม่ออก สุดท้ายเจ้าของห้องเปิดมาด้วยสีหน้างวยงง

แกร็ก.... ไฟมืดสนิท

พรึ่บ...

“พี่เอก” ผมตาเบิกโพลง มองร่างใหญ่ที่เปลือยช่วงอกโดยมีร่างสูงใหญ่ของผู้ชายอีกคนคร่อมอยู่ เสียงนั้นบ่งบอกว่าตกใจมากที่ผมมาเห็นเข้าจนได้

“คุณยิ่งเทพ” ผมสูดลมหายใจลึกๆ มองเรือนร่างเปลือยเปล่าของคนที่ถูกเอ่ยชื่ออย่างไม่ชอบใจ

“พี่เอกมาได้ไง” น้ำเสียงที่สุดแสนตอแหลนั้นขัดกับท่าที่เห็นตอนนี้ลิบลับ

“เดินมา” ผมก็ยังเล่นด้วยนะ พอสายตาปรับสภาพแสงจ้าในห้องได้ผมก็มองร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองคน นึกว่าเปลือยแค่อก

“พี่เอก คือว่า...” นังยิ่งเทพทำน้ำเสียงแบบรู้สึกผิด ผมได้แต่ระอา ทำไมจะต้องมาเจอคนแบบนี้ก็ไม่รู้นะ หน้าตารึก็ใช่ว่าจะขี้เหร่ แต่นิสัยอัปลักษณ์มากๆ ห้องพักของนังยิ่งเทพไม่ใช่ห้องนี้แน่นอน การเข้ามาก่ายกอดคนเมาและถอดเสื้อผ้าออกหมดเนี่ยไม่ใช่นิสัยที่คนเจริญแล้วพึงกระทำกันหรอกนะ ยิ่งกับคนที่ไม่ใช่แฟนตัวเองด้วยแล้ว

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกครับ”

“แต่ผม...” ยังจะพยายามอีกเนาะ ผมได้แต่กลอกตาบนกอดอกโดยไม่เข้าไปข้างใน

“แต่งตัวก่อนเถอะครับคุณยิ่งเทพ ใครมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี”

“เอ่อ ...” คงจะเห็นว่าผมสงบผิดคาดเลยหาคำพูดมาตอบไม่ได้ สีหน้างุนงงนั้นมีคำถามแปะหน้าผากนับร้อย แต่ก็ต้องแต่งตัวแบบเงียบๆ

             ร่างใหญ่บนเตียงขยับ ยิ่งเทพมองใบหน้าหล่อเหลานั้น ตาเบิกโพลง และเสื้อที่ถือในมือก็หลุดไปกองกับพื้น ผมกอดอกและมองภาพที่น่าสมเพชอย่างไม่เห็นใจ ถ้าคนเรามันจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ก็ต้องปล่อยให้มันรับผลกรรมแบบนี้แหละครับ ผมถอยออกมามองเลขห้องที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนที่ปรอยปราย ลมแรงเมื่อตอนเย็นคงทำให้เลขห้องมันหลุดร่วง ... ห้องนี้คือห้อง 9 เป็นห้องผมแน่นอนครับ แต่คนที่นอนอยู่ไม่ใช่คุณต่อพงษ์ แต่ดันเป็นคุณตงฉิน !!!

             ผมได้แต่นึกขำ เพราะตอนที่พาสองหนุ่มมาส่งนั้นสติก็ไม่ได้เต็มร้อย พอเห็นห้อง 6 ที่ป้ายเลขห้องกลับหัว ผมก็ยัดร่างแฟนหนุ่มตัวเองเข้าไปก่อน แล้วค่อยลากคุณตงฉินมาไว้ห้องตัวเองแทน ไม่คิดเลยว่าความผิดพลาดของตัวเองจะส่งผลดีขนาดนี้ ยิ่งเทพได้แต่อึ้งเข่าอ่อนที่เข้ามานัวเนียกับคุณตงฉินคนน้องแทน ดีนะที่เมาและไม่ได้เปิดไฟ ผมไม่รู้เหมือนกันว่านังตัวดีจะทำอะไรลงไปบ้าง แต่จากสภาพที่เห็นก็พอจะเดาได้ ผมไม่ได้อยากทะลึ่งหรอกนะ แต่ไอ้ที่กำลังโด่ไม่รู้ล้มของคุณตงก็ทำให้รู้ล่ะว่ามันไม่ธรรมดา

แชะ!

   ผมถ่ายรูปไว้ (พยายามเลี่ยงความใหญ่โตของน้องชายแฟนไปแล้วนะ) ตอนที่ยิ่งเทพเผลอ ก่อนจะเดินผิวปากออกไปจากตรงนี้

“ถ้าไม่อยากให้ภาพนี้หลุดออกไป อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก” อย่าให้เอกภพต้องร้ายนะ ผมจะเอาคืนให้จนไม่กล้าสู้หน้าใครได้อีก

ภาพคนนอนเปลือยบนเตียงเห็นแค่แว้บๆ แต่คนที่ยืนเข่าอ่อนใส่แต่กางเกงในด้วยหน้าตาผิดหวังและตกใจสุดชีวิตนั้นชัดเจนว่าเป็นผู้ชายที่มีหน้าตาทางสังคมที่ชื่อ ยิ่งเทพ

...วันนี้เอกภพเหลืออดแล้ว อย่าให้ผมต้องร้ายบ้างนะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 33 P.11 @29/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-06-2020 20:36:58
 :katai2-1:
 o13
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 33 P.11 @29/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 29-06-2020 20:50:49
อยากเห็น ลุงเอกร้ายอ่ะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 33 P.11 @29/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: gotcha ที่ 29-06-2020 22:26:16
โธ่ธ่ธ่ธ่ ไอ้เราก็นึกว่าจะดราม่า น้ำตาเล็ด ที่ไหนได้โดนคนแต่งสับขาหลอกจนหงายเงิบไปเลย ร้ายนะเราหนะ  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 33 P.11 @29/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-06-2020 01:28:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

ความผิดพลาดเล็ก ๆ  กลับส่งผลดีอันยิ่งใหญ่

ป.ล. โรงแรมหรูหรา แต่ทำไมป้ายเลขห้องไม่ยอมซ่อมแซม?
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 33 P.11 @29/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-06-2020 21:10:29
บางครั้งความเมาก็มีผลดีกับบางเรื่องเหมือนกันนะครับ :oo1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 34 P.11 @08/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-07-2020 17:20:16
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล
[/size]

ตอนที่ 34. บรรยากาศมันพาไป

             เรื่องเมื่อคืนถึงหูคุณต่อในช่วงเที่ยงของอีกวันโดยการเล่าขานจากคุณตง น้องชายผู้เสียหายจากการถูกผู้ชายบุกเข้าหาถึงห้องนอนนั่นเอง แฟนตัวดีของผมดูเหมือนจะสาแก่ใจมากกว่าจะสงสารที่น้องชายเมาไม่ได้สติถึงขั้นโดนคนอื่นประชิดตัวได้อย่างง่ายดาย

“ไม่ขำนะพี่เอก แม่ม ผมล่ะอยากจะเอาหน้ามุดทรายให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าเพื่อนๆผมรู้เข้ามันคงจะเอาไปแซวยันเรียนจบ” คุณตงฉินผู้หัวเสียเล่าอย่างออกรส ปล่อยให้ทั้งคุณต่อและผู้อยูในเหตุการณ์อย่างผมกลั้นหัวเราะกันแทบไม่อยู่ ในขณะที่ผู้เสียหายกำลังเล่าเรื่องเมื่อคืนอย่างถึงพริกถึงขิง ผู้ก่อเหตุก็ได้ชิงขับรถออกจากที่พักตั้งแต่เช้ามืด ใจผมล่ะไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องที่ผ่านไปแล้วเท่าไรหรอก แต่เจ้าทุกข์ดันไม่ยอม โทษทุกอย่างตั้งแต่แอลกอฮอล์ที่ตัวเองท้าดวลกับพี่ชายจนเมาไม่ได้สติ โทษที่ผมลากเข้าผิดห้อง โทษทางรีสอร์ตว่าไม่ยอมซ่อมเลขห้องพักจนเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา โทษนังยิ่งเทพที่หน้ามืดตามัวขาดสติ ... โทษทุกอย่าง ยกเว้นตัวเอง ... นี่แหละคุณตงตัวจริงล่ะ

“ก็อย่าไปเล่าให้ใครฟังสิ” คุณต่อแหย่

“ผมน่ะไม่เล่าหรอก ขายหน้าชิบ อยู่ดีๆโดนคนพรรค์นั้นลักหลับ แค่คิดก็สยอง” ผมพอจะเดาได้จากการพูดจาของคุณตงฉิน แรกเริ่มเดิมทีผมก็คิดว่าจะเป็นเต้าเสียบ แต่ไหงคุณตงกลายเป็นเต้ารับไปได้วะเนี่ย ... อยากรู้จังว่าผลิตสองหมูท่าไหน เพราะคนคลอดคงจะทำหน้าที่เป็นเต้าเสียบไม่ได้แน่ๆ (เต้ารับ เต้าเสียบ = คิดถึงปลั๊กไฟเอานะครับทุกคน)

“สมน้ำหน้า” รอบที่ห้าร้อยแล้วมั้งครับที่คุณต่อพูดคำนี้

“พี่ต้องขอบคุณผมน่ะที่เป็นไม้กันหมา ไม่งั้นพี่นั่นแหละจะเป็นคนเสียตัว” คุณตงยังคงทวงบุญคุณ แต่ฝั่งผมนั้นได้แต่ยักไหล่ทำท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมทำสีหน้ากวนโอ๊ยเข้าไปอีก “พี่เอกก็ด้วย ผมช่วยปกป้องครอบครัวพี่นะ”

“ครับ” ผมได้แต่อ้อมแอ้มตอบรับ นาทีนี้คงไม่อยากเอาน้ำมันไปราดกองไฟหรอก ได้แต่เออออให้จบๆ

“แล้วนี่ทางนั้นเอาไง”

“เอาไงเหรอ แจ้นกลับกรุงเทพตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยมั้ง ส่งข้อความมาว่า ‘ขอโทษนะครับ ช่วยลืมเรื่องนี้ไปได้ไหม’ คนแบบนี้ก็มีด้วยเหรอวะ” น้องชายที่หน้าตายับย่นชูหน้าจอมือถือให้คนพี่อ่าน ผมชะเง้อมองอย่างตั้งใจและอดขำไม่ได้

“ก็ดีแล้วไง ไม่ผูกมัด” ผมได้แต่แอบหยิกคุณต่อที่ไปสุมไฟ

“ดีอะไรล่ะ อี๋ เสียสถาบันดาราดังอย่างผมหมด” ไม่รู้ว่าทำไมรายนี้ต้องรังเกียจคุณยิ่งเทพนักหนา ทั้งที่รูปร่างหน้าตาของคนนั้นเข้าขั้นหล่อเหลาไม่น้อย

“แล้วทำไมคุณตงถึงทำท่าแขยงคุณยิ่งเทพจังเลยครับ” ผมเลยถามด้วยน้ำเสียงเบาบาง ใจหนึ่งก็ไม่กล้า แต่อีกใจก็อยากรู้ สุดท้าย ความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ “เขาก็ออกจะดูดี”

“ตรงไหนครับพี่เอก” แววตาไม่เป็นมิตรส่งมาแล้วครับ ผมต้องปรับท่านั่งให้แนบโซฟาในห้องนอนตัวเองจนแทบจะฝังร่างลงไปแล้ว

“เออ นั่นสิ ทำไมวะ” คุณต่อช่วยชีวิตผมเอาไว้

“พี่ต่อ ถามจริงว่าพี่ไม่แหยงเหรอตอนที่...”

“เดี๋ยวๆๆๆ อย่าวกไปตอนนั้นดิวะ” คุณต่อรีบปรามเมื่อน้องชายกำลังจะฟื้นความทรงจำในอดีตขึ้นมา ท่าทางร้อนตัวเนี่ยยิ่งทำให้น่าสงสัย แต่เอาเถอะ เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว แม้ตอนนี้รู้สึกฉุนเล็กๆก็ตาม

“อ้าว” คุณตงค้างอย่างสงสัยแต่ก็ไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่า “เอาตรงๆนะพี่ ผมไม่ชอบนิสัยไอ้คุณยิ่งเทพอะไรนี่เท่าไหร่ เหมือนไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกอะ ตอนที่พี่ต่อไม่ติดต่อไป เขาก็พยายามมาสืบข้อมูลเรื่องพี่จากผม ทำตัวน่ารำคาญจนไม่อยากสุงสิงด้วย”

“แค่นี้น่ะเหรอ” คุณต่อถาม

“แค่นี้แหละ ไม่ถูกชะตา” เป็นอันจบบทสนทนาของพวกเรา

             พอคุณตงฉินออกไปผมก็เลยลุกไปจัดกระเป๋าเพื่อกลับกรุงเทพด้วย คู่บ่าวสาวคงจะถึงสนามบินแล้ว เห็นว่าจะไปฮันนีมูนที่อเมริกาเพื่อรำลึกความหลังครั้งยังอยู่ที่โน่น คุณต่อถอดเสื้อออกปล่อยให้ความขาวของท่อนบนมายั่วสายตาก่อนจะพุ่งมากอดผมแน่นและลากไปจบที่เตียง นอกจากจะจับตัวผมกดลงกับที่นอนแล้วยังเอาใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครามาถูไถทั่วคางและใบหน้า

“อื้อ ไม่เอาคุณต่อ เก็บของก่อน”

“พี่เอกจะรีบเก็บไปทำไมครับ” พ่อตัวดีเอาหน้าซุกที่ซอกคอจนขนแขนสแตนด์อัพไปหมด

“กะ ก็ ตะ ต้อง ชะ เช็ก อะ เอ๊าท์ งะ ไง คระ ครับ” ใครไม่โดนไซร้ซอกคอไม่รู้หรอกว่ามันจี๊ดแค่ไหน ยิ่งหน้าหล่อๆของแฟนตัวเองด้วยแล้ว งานนี้มีแต่ละลายในอ้อมแขน

“ไม่ต้องรีบหรอกพี่เอก เรายังไม่ได้เที่ยวกันเลยนะ”

“หืม อ๊า” ผมได้แต่สงสัย แต่ก็ต้องครางเพราะริมฝีปากสวยขบที่เม็ดกลมที่หน้าอกจนเสียวไปหมด

“ผมลางานไว้แล้ว”

“อื๊อ...” ตอบอะไรไม่ได้เลยเมื่อกางเกงตัวบางถูกถอดออกพร้อมกางเกงในตัวเก่ง ใบหน้าหล่อส่งสายตาหวานเยิ้มชวนให้เคลิ้มระทวยมาให้อย่างมีความหมาย เวลาเช่นนี้ผมมักจะถูกคุณต่อจัดการจนไร้เรี่ยวแรง มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลวนเวียนไปทั่วตัว และเกิดอาการช็อตหนักตรงจุดที่ลิ้นสากลากผ่าน วีเชฟของผมถูกเม้มขบก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะดอมดมเข้ากับตรงกลางลำตัวที่ขยายตัวใหญ่โต

“ซี้ดดดด คุณต่อ...” ผมได้แต่ร้องในลำคอเมื่อถูกความเย็นเยียบของโพรงปากโอบอุ้มของสงวน แรงรูดเฟ้นของผู้เชี่ยวชาญทำให้ต้องแอ่นบั้นท้ายและร่อนไปมาเหมือนจะขาดใจเสียให้ได้ ความเย็นแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นและร้อนเร่าในที่สุด ลิ้นฉกฉวยโลมเลียส่วนอ่อนไหวอย่างชำนาญจนเผลอไปจิกเส้นผมของคุณต่ออย่างแรง ทึ้งไปมาเพื่อหวังจะให้ความรู้สึกคล้ายคนใจหวิวจะขาดใจตายผ่อนคลายลงบ้าง

“อื๊อ คะ คุณ ตะ ต่อ อ๊า...” ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน แต่แรงรูดเฟ้นไปมาแผ่วเบาสลับเร็วแรงก็ส่งผมให้ถึงฝั่งฝัน บั้นท้ายที่แอ่นโยกกระตุกโดยที่ริมฝีปากยังคงครอบงำน้องชายสุดที่รักของผมไว้ แรงดูดเฟ้นทำเอาปริ่มจะขาดใจเสียให้ได้ ก่อนที่จะผละออกและปล่อยให้แข้งขาของผมอ่อนยวบวางเกะกะไร้ทิศทาง

“ชอบมั้ย” ใบหน้าหล่อเลื่อนมาประชิด ลมหายใจหอบพร่าของพวกเราประสานกันอยู่อย่างนั้น ร่างใหญ่ที่อยู่ด้านบนส่งยิ้มหวานชวนละลายมาให้ กลิ่นคาวคลุ้งที่ถูกดูดกลืนไปไม่ทำให้ผมรังเกียจ จังหวะหัวใจเต้นรัวยิ่งกว่าจังหวะตีกลองเสียอีก จมูกโด่งเป็นสันชวนให้ลูบไล้อย่างลืมตัว ที่ผ่านมาเราผลัดเปลี่ยนช่วยเหลือกันเท่านั้น ไม่เคยจะมากเกินไปกว่านี้ อาจะเป็นเพราะตัวผมเองที่ยังหวาดหวั่นกับเรื่องบนดอยตอนนั้นเลยพยายามบ่ายเบี่ยง แต่มาวันนี้ หลังเหตุการณ์ที่มีคนพยายามแย่งคนรักของผมแล้ว ก็ยิ่งทำให้รู้ว่า ลึกๆแล้วผมทั้งโคตรหึงและโคตรหวง ยิ่งตอนที่รับรู้ว่าพวกเขาเคยมีอะไรกันมาก่อน อาการหึงย้อนหลังก็กำเริบ อยากจะใช้แม่ไม้มวยไทยที่เรียนมาประเคนเข่าเข้ากับใบหน้าเย่อหยิ่งของนังยิ่งเทพให้ยับเยินจนหายหล่อไปเลย

“ไม่ชอบ”

“จริงอะ” ถ้าตอบแล้วไม่เชื่อจะถามทำไมฟะ... แต่เอาเถอะ รายนั้นน่ะรู้ว่าผมปากแข็ง ปากว่าไม่ แต่ใจก็โอนอ่อนไปให้จนหมดแล้วนี่นาให้ทำไงได้ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลย้อยชวนอึดอัด แต่กลับรู้สึกซาบซ่านที่ได้มานอนก่ายกอดกันเช่นนี้ ยิ่งสบตาก็ยิ่งพบความหมายที่แฝงไว้ แววตาหวานฉ่ำส่งผ่านความรู้สึกที่ครุกรุ่นแต่ถูกสะกดกลั้นมาตลอด ผมจับจ้องลึกลงไปจนตกในห้วงของความหลงระเริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ริมฝีปากสวยได้รูปนั้นคลี่ยิ้มเมื่อสองแขนของผมก่ายกอดที่คอหนาและโน้มใบหน้าให้ประชิด

             รสจูบที่แสนหวาบหวามชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด สมองขาวโพลนไม่มีความหวาดหวั่นใดๆมากั้นขวาง มีเพียงความอบอุ่นที่พัวพันกันไปมาอยู่อย่างนั้น ส่งผ่านความอบอุ่นที่โหยหา เรือนร่างของเราประชิดกันแนบแน่น กล้ามเนื้อแน่นขนัดเสียดสีไปมายิ่งทำให้อารมณ์ปะทุจนไม่อาจย้อนกลับไปได้อีก

“พี่เอกพร้อมแล้วเหรอ” น้ำเสียงหวานหอบพร่าถามแผ่วเบาเมื่อผละริมฝีปากออก ผมเขินจนอยากจะมุดหน้าเข้ากับทรวงอกหนาและหายตัวไปจากตรงนี้ แต่ก็ถูกตรึงให้ต้องสบตาที่เว้าวอนอย่างน่าสงสาร ...

“คระ ครับ” ผมไม่รู้หรอกว่าจะต้องห้ามใจตัวเองอย่างไรไม่ให้ลุ่มหลงในตัวผู้ชายคนนี้ ยิ่งอยู่ด้วยกันนานขึ้นก็ยิ่งรับรู้ถึงความรักและความจริงใจที่มีให้ แฟนที่แสนดี ให้เกียรติและดูแลกันอย่างไม่ขาดตกบกพร่องทั้งๆที่ผมมาจากต่างชนชั้น หากวันหนึ่งผมจะต้องเสียใจที่เขาไปเจอคนใหม่ก็ตาม ผมก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก คนเราถ้าหมดรักมันก็คือหมดรัก แต่ในวันนี้เราเป็นแฟนกัน เขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เป็นคนเดียวที่ให้ความรักและสอนให้ผมเรียนรู้ที่จะรักคนอื่นนอกเหนือคนในครอบครัว แค่วันนี้เรารักกัน ทำไมผมจะต้องคิดถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึงล่ะ

             ใบหน้าหล่อโลมเลียทุกสัดส่วนร่างกาย ไม่มีจุดไหนที่เขาไม่สัมผัส แม้แต่ฝ่าเท้าหรือจุดซ่อนเร้น มันอาจจะดูน้ำเน่าที่ต้องมาพรรณาถึงบทรักอันแสนหวานราวกับตัวเองแปรสภาพเป็นเจ้าหญิงร่างเล็ก แต่จังหวะที่ไม่รีบร้อนปลุกอารมณ์ให้ผมอัดอั้นอยากเร่งเร้าทุกอย่างให้รวดเร็วกว่านี้ อยากให้คุณต่อครอบครองร่างกายนี้ ถึงแม้มันจะต้องแลกมากับความเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

             ผมหลับตาแน่นเมื่อสองขาถูกยกพาดกับลำคอแกร่ง บั้นท้ายที่ปวดระบมเพราะถูกนิ้วแหวกว่ายก่อนหน้านี้เกือบชั่วโมงทำให้ชาและน่าอายไปพร้อมๆกัน

“พี่เอก ลืมตาก่อน มองผม มองหน้าผม”

“ไม่เอา พี่อาย”

“ไม่อายสิ มองหน้าผม ผมอยากเห็นแววตาพี่เอก”

“อื้อออออ” ผมจุกจนสะดุ้ง จากความโรแมนติกที่ได้รับมาก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความโหดร้ายอย่างที่สุด ไม่อยากลืมตาก็ต้องเบิ่งค้างเมื่อส่วนแรกทะยานเข้ามาในร่าง ถ้าเห็นใบหน้าตัวเองตอนนี้คงไม่พ้นจะอ้าปากค้างและน้ำลายไหลยืด คุณต่อก็ยังจับจ้องผมอยู่อย่างนั้น วินาทีนี้คงจะต้องเลิกอายไปก่อน เพราะมันเจ็บมากจนร้องไม่ออก

“พี่เอก อย่าเพิ่งขมิบสิครับ มันแน่น”

“อื้อออออ” ผมพูดไม่ออก อยากจะตะโกนบอกว่าลองมาโดนเองไหมแต่ก็ทำไม่ได้ ตอนที่โดนนิ้วสอดเข้ามาว่าเจ็บแล้ว แต่มันไม่เจ็บเท่าตอนนี้ รู้สึกเหมือนมีอะไรฉีกขาดไปหมดด้วยแรงไหลครูดเข้ามา แข้งขาอ่อนแรงสั่นไปหมด หน้าร้อนและหายใจถี่คล้ายจะเป็นลม เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลจากหน้าผากลงไปที่ติ่งหู ผมหุบขาแต่ก็ถูกแยกด้วยอะไรก็ไม่รู้ นึกอยากให้ไอ้แข็งๆที่กำลังแทงมาเนี่ยออกไปพ้นๆ

“อึ๊ก” เจ็บบบบบบบ... ทำไมมันเจ็บขนาดนี้วะ ทีในหนังที่เคยดู ฝ่ายรับมันยังชิลๆไม่ว่าจะเจอขนาดไหน ผมก็คิดเองเออเองว่าคงไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก (ถึงแม้จะรู้ว่ามันเจ็บมากตอนที่อยู่บนเขาหลวงก็ตาม) คิดว่าถ้าค่อยๆทำ ค่อยๆเล้าโลมก็คงพอทนได้ แต่นี่

“อ๊าาาาาาา คุณต่อ โอว๊” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ว่าส่วนแรกที่รูปร่างเหมือนหัวเห็ดบานทะโร่มุดเข้ามาจนสำเร็จ น้ำตาไหลพรากเลยสิทีนี้ แถมไอ้ข้างในมันก็ขมิบยิบๆๆๆๆๆจนแสบไปหมด อึดอัดและแน่นคับจนดิ้นไม่ได้

“พี่เอก ผมรักพี่เอกนะครับ อื้อ”

“ย่ะ อย่าเพิ่งขยับ อ๊า” แน่นโว้ย จุกโว้ย เจ็บโว้ย “อะ เอาออกก่อนได้ไหม พะ พี่ จุก”

“พี่เอกไหวมั้ยครับ” ยังมีหน้ามาถามอีก ถ้าไหวจะขอให้เอาออกเหรอวะ

...ผมทำได้แค่ส่ายหัว รู้สึกว่าตรงนั้นมันบวมระบมไปแล้ว

“ผมขอโทษ ผมจะเอาออกให้” น้ำเสียงร้อนรนชวนให้สงสาร แต่ผมก็เจ็บจนแทบทนไม่ได้ ไอ้เจลหล่อลื่นที่เทแทบจะหมดขวดเหมือนไม่ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย แข้งขาที่แหกจนแทบจะแยกเป็นนักกายกรรมก็ตึงไปหมด ไม่รู้ว่ากล้ามเนื้อจะอักเสบด้วยอีกไหม

“อ๊าๆๆๆๆๆ” ผมสะดุ้งและร้องเสียงหลงเมื่อคุณต่อถอนตัวออก แต่...มันไม่ออก มันเหมือนโดนวงแหวนล็อกไว้ คุณต่อก็คงตกใจไม่แพ้กันเพราะเล่นดันตัวพรวดมาจนแน่นหนึบไปหมด

“ครึ่งนึงแล้ว” พ่อง... จะบรรยายทำไมไม่ได้อยากรู้มั้ย จะขาดใจตายแล้ว ยิ่งไอ้หัวเห็ดมันครูดๆเข้ามายิ่งหน่วงๆ ตึงไปหมดที่ปากทางเข้า ผมพยายามผงกหัวมองไปทางตรงข้าม

“เจ็บมากมั้ยครับ” จะให้ตอบไงดี สนุกมากเลย พี่ช๊อบชอบ งี้ปะ... ตอนนี้อยากจะให้มันจบๆไปเลย ลองสูดลมหายใจลึกๆแล้วพูดออกไปว่า

“ใส่เข้ามาเลยครับ”

“หะ”

“เร็วๆสิ เอามาให้หมด” ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอตายในหน้าทีก็แล้วกัน

             ผมเคยบรรยายรูปร่างคุณต่อแล้วใช่ไหม ว่าเป็นคนร่างสูงใหญ่ส่วนสูงน่าจะใกล้แตะ 190 อีกไม่กี่เซ็น แต่โชคดีที่หยุดสูงไปก่อน ด้วยความที่เป็นคนมีเงิน เลยสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างไม่ลำบาก กิจกรรมที่โปรดปราณอย่างหนึ่งคือการว่ายน้ำ ทำให้ช่วงบนของคุณแฟนแผ่กว้างอกสามศอก ด้วยสรีระที่สูงชะลูด บวกกับการดูแลตัวเองเสมอ ทำให้กล้ามเนื้อเรียงตัวสวยงาม ยิ่งกล้ามหน้าท้องไม่ต้องพูดถึง ซิกซ์แพ็กแน่นๆทั้งนั้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่ได้มีแต่ร่างกายที่กำยำใหญ่โตเท่านั้น ทุกอย่างของเขาดันมหึมาไปด้วยนี่สิ ผมเลยต้องทนนอนหายใจรวยรินอยู่อย่างนี้ ... ถ้ามัวแต่ปล่อยให้อะไรๆมันค้างคาครึ่งๆกลางๆต่อไป ผมนี่แหละคงจะชำรุดเข้าเสียก่อน

“พี่เอก” คุณต่อดูลังเล มองสลับไปมาระหว่างหน้าผมและหว่างขา

“จะเข้าไม่เข้า” มันจุกจนเหลืออดแล้วครับ เจ็บเกินทนแล้ว ขืนปล่อยนานไปคงหุบขาไม่ลงแน่ๆ ไอ้เอกภพเลยใช้แรงฮึดส่งสองแขนไปจับบั้นท้ายแน่นๆ ท่านี้มันพอจะให้ผมลุกขึ้นคล้ายจะนั่ง ยังดีที่พ่อเจ้าประคุณเอาหมอนมารองไว้เป็นตัวช่วย พอชันตัวมาแค่นั้นแหละลมแทบจับ ไอ้ที่เห็นมาตลอดว่าใหญ่โตมันดูน่ากลัวและเหมือนจะขยายใหญ่กว่าที่ผ่านมาเสียอีก ภาพน่าหวาดเสียวที่มันคาในตัวเราไว้ก็กลายเป็นภาพติดตาไปหลายวัน เมื่อทนมองไม่ไหวก็ต้องหลับตาและกระชับร่างคุณแฟนไว้ก่อนจะดึงให้ส่วนที่เหลืออัดเข้ามา

“อ๊อก....” ตาเหลือกเลยครับ ทั้งน้ำตาเอย น้ำลายเอยไหลเป็นสาย หน้าคงบิดเบี้ยวไร้จนขี้เหร่ไปหมด แต่มองใบหน้าที่เสียวซ่านและแดงก่ำของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นผัว(กระดากปากชิบ)แล้ว ผมก็ต้องใจอ่อนและยอมทน

...ถ้าไม่รักเนี่ย ไม่ยอมเจ็บตัวขนาดนี้นะ พูดไว้เลย....

“พี่เอก อ๊า ผมขยับนะครับ”

“จะทำอะไรก็ทำเถอะ” จุกแน่นไส้จะขาดแล้วโว้ย มันจะยาวไปไหน ทะลุไส้ติ่งแล้วมั้งป่านนี้

“ครับ” น้ำเสียงดีใจปิดไม่มิดรับคำก่อนจะโน้มตัวมาจูบ จังหวะนี้ทำให้สองขาผมโดนกดโน้มมาชิดลำตัวอีกพอสมควร บั้นท้ายเลยเหมือนเปิดทางมากขึ้น ไอ้ที่ปักทิ้งไว้ก็เหมือนจะเคลื่อนตัวเข้ามาอีกนิด

“อื้อ อื้อ อื้อ” ไอ้คุณต่อไม่รู้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน พอผมเคลิ้มจากรสจูบก็เร่งจังหวะพุ่งกระสวยไม่ยั้งจนตาพร่า ร่างกายผมเหมือนโดนตรึงจนขยับไม่ได้ ทั้งแขนล่ำที่ช้อนมาใต้รักแร้และสองขาที่โดนจับพาดที่ไหล่ ตัวหนาที่เคลื่อนมาประชิดขโมยจูบก็เหมือนเป็นเชือกมัดให้ผมต้องอยู่ท่านี้โดยมีเสียงเนื้อกระทบกันเข้าออกหนักหน่วง จะร้องห้ามก็ไม่ได้เพราะปากถูกปิดไว้ ได้แต่หลับตาแน่นปล่อยให้ร่างกายโยกไปมาตามจังหวะของท่านผู้นำ

“อื๊อ อื๊อออออออออออออ” ผมสะดุ้ง รู้สึกไหววูบเมื่อถูกความใหญ่โตทะยานเข้ามาสำรวจโลกลึกลับจนทะลุปรุโปร่ง เสียงครวญครางของพวกเราถูกกดไว้ในลำคอก่อนที่จะผละริมฝีปากจากกันโดยมีน้ำลายไหลเยิ้มหนืดคอยประท้วงไม่ให้จากไปไหน

“พี่เอก ผมเสียว พี่เอกแม่งโคตรดี”

“ดะ ดี พะ...” จะพูดว่า พ่อง ก็เกรงจะไม่เหมาะ ผมเลยต้องเงียบ แต่จังหวะเร่งเร้ามันทำให้อยู่นิ่งไม่ได้จริงๆ

“อ๊า คุณต่อ อ๊า พี่ อ๊า...”

“เสียวเหรอครับ” เกลียด...เกลียดน้ำเสียงและหน้าตาที่ดีใจจนเกินเหตุ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผู้ชายก็สามารถเสียวได้จากการถูกทำประตูแบบนี้ ยิ่งจังหวะที่คุณต่อจิ้มเข้าตรงจุดนั้นผมใจหวิวแทบจะร้องหวีด มันเหมือนใจจะขาดพ่วงด้วยอาการปวดฉี่ ยิ่งโดนย้ำๆก็ทำให้หน้ามืดไปหมด สติหล่นวูบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แถมเจ้าตัวก็เหมือนรู้ เน้นที่เดิมหนักๆจนบั้นท้ายอยู่เฉยไม่ได้ ต้องร่อนไปมาอย่างไม่กลัวจะตายในสนามรบ

“คุณต่อ อ๊า พี่ อ๊า...” ผมเสียวจี๊ด ความแน่นหนึบยังมีอยู่ แต่ความเจ็บมันลดลงเพราะความรู้สึกดีเข้ามาแทนที่ จะว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่น่าเชื่อถือ ให้ตายเถอะโรบิ้น... นี่คุณต่อจะเก่งไปซะทุกอย่างไม่ได้นะ เหลือพื้นที่ให้คนอื่นได้แจ้งเกิดบ้างเถอะ ผมล่ะเกลียดตัวเองที่รู้สึกดีจนต้องขยับบั้นท้ายไปไปมาตามจังหวะของคนรัก ยิ่งตอกย้ำ ยิ่งหนักหน่วง ยิ่งวาบหวามวูบวาบ

             แล้วทุกอย่างมันก็รัดทึ้ง แนบแน่น ซ่านสยิวจนสะกดกลั้นไม่ไหว คุณต่อลดเหลือจังหวะถี่ยิบก่อนจะดันแก่นกายที่แข็งขืนไว้ข้างในจนสุด ผมได้แต่ครางอย่างตกใจเมื่อไอร้อนพวยพุ่งฉีดพ่นความสุขสมเข้ามาในตัวอย่างกะเปิดก๊อกน้ำ บั้นท้ายหน่วงหนึบเหมือนมันดิ้นได้ พอทุกอย่างสงบคุณต่อก็ค่อยๆถอนกายออก

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา” ผมร้องครางยาวด้วยความเสียวปนเจ็บ ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเสียหายมากแค่ไหน ถ้ารู้ว่าจะเจ็บขนาดนี้นะ ผมคงห้ามทัพไว้แล้วล่ะ

พึ่บ...

“โอว๊ๆๆๆๆ” ผมร้องลั่นเพราะมันโล่งที่บั้นท้าย สองขาถูกวางชันไว้ เรี่ยวแรงจะหายใจแทบจะไม่มี ได้แต่มองคนร่างสูงเช็ดคราบที่ไอ้หัวเห็ดอย่างน่าตัดทิ้ง นอกจากจะไม่ก่อประโยชน์แล้วยังมาทำร้ายกันจนยับเยินไปหมด บั้นเอวผมปวดหนึบจากแรงอัดมหาศาลเมื่อกี้ ใจคอคุณต่อจะไม่ออมแรงเลยรึไง ผมน่ะสามสิบจะสามสิบเอ็ดแล้วนะ ตัวเองน่ะเพิ่ง 26 เรี่ยวแรงก็เลยยังมีเยอะ มีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้ง นึกว่าทหารกำลังซ้อมรบ จังหวะส่งแรงเข้ามาเหมือนกับดันพื้นจังหวะชะชะช่า... เป็นไงล่ะไอ้เอกเอ๊ย

“มองอะไร” ผมถามเมื่อสามีหมาดๆของตัวเองกำลังด้อมๆมองๆ

“สำรวจความเสียหาย”

“ไม่ต้อง” ผมอายจนหน้าแดง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขว้างหมอนใส่ ซึ่งพ่อตัวดีก็รับได้และยัดมันเข้าที่ใต้ก้น

“อูยยยย”

“ขอโทษครับ เจ็บเหรอครับพี่เอก”

“อื้อ” ผมไม่วางท่าแล้ว มันเจ็บจริง จุกจริง มองใบหน้าหล่อๆที่กำลังก้มๆเงยๆสำรวจตรงนั้นอย่างปลงตก

“ยังไม่หุบเลย” พูดแล้วทำหน้าทะเล้น

“คุณต่อ!” ผมเสียงดัง มันใช่เรื่องมั้ยเนี่ย คนยิ่งอายๆอยู่

“สวยดีด้วย”

“ไอ้คุณต่อ พี่จะโมโหแล้วนะ” เกลียดจริงๆนิสัยชอบแกล้งเราเนี่ย

“โอ๋ๆๆๆ ผมขอโทษ งั้นผมขอไถ่โทษละกัน”

“ห๊ะ ไถ่โทษ อะไร ยะ....อ๊า” ผมน้ำตาเล็ด เพราะการไถ่โทษของไอ้คุณต่อคือการจับผมแยกขาและใส่ความหนุ่มแน่นของตัวเองกลับไปที่เดิม

...จุกจนไม่รู้จะจุกยังไงแล้ว

ช่วยเอกภพด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

T____T

### ###

             ผมสะดุ้งตื่นอีกทีทุกอย่างก็มืดมิดไปหมดแล้ว ความปวดปร่าเล่นงานทั่วตัวตั้งแต่ซอกคอที่โดนเม้มดูดจนไปถึงก้นกบที่แทบจะไม่รู้สึกถึงมันอีกแล้ว ร่างใหญ่นอนกอดผมไว้อย่างทะนุถนอมราวกับว่ากลัวผมจะหนีไปอย่างงั้นแหละ ไออุ่นส่งผ่านมาพอให้ใจชื้นว่าไม่โดนฟันแล้วทิ้ง ผมขยับตัวเพราะอึดอัดแต่ก็ต้องหยุดเพราะตรงซอกน้อยมันฟ้องว่าบาดเจ็บสาหัส

“ตื่นแล้วเหรอครับพี่เอก จุ๊บ” ริมฝีปากเย็นๆขโมยจูบผมอย่างไม่ให้ได้ตั้งตัว

“ยัง หลับอยู่ หลับลึกด้วย”

“จริงเหรอ ลึกแค่ไหนครับ ลึกเท่าผมรึเปล่า”

“อะ ไอ้คุณต่อ” ผมได้แต่เขิน นึกถึงตอนที่มันลึกแล้วใจคอไม่ดีเลยครับ “อูยยยยยยย”

“พี่เอกเป็นอะไร”

“เจ็บสิถามมาได้ ใครใช้ให้ไถ่โทษมาตั้งสามยก” หมดกันตัวเรา โดนครั้งแรกผัวก็จัดหนักจนคุ้ม (ใช้คำว่าผัวทีไรก็กระดากปากทุกครั้ง)

“ก็พี่เอกน่ารักเอง ช่วยไม่ได้”

“ตรงไหน อูยยย”

“ทุกตรงแหละ แถมยัง...”

“พอ” ผมเอามือปิดปาก ไม่อย่างนั้นไอ้คุณแฟนคงสาธยายมาหมดเปลือกแน่ๆ

“เจ็บมากมั้ยครับ ผมขอโทษน้าาาาาาาา” ทีนี้ล่ะมาออดอ้อน ตอนทำล่ะไม่คิด ... คิดในใจครับ ไม่กล้าด่าหรอก

“ทนได้ โอ๊ย” นั่นไง ปากดี แค่ขยับก็เท่ากับเจ็บเจียนตายละ

“นอนเฉยๆก่อนครับ เดี๋ยวผมดูให้ว่าเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวพี่โดนอีก” ดูจากหน้าตาแล้วเหมือนจะไม่ได้ห่วงเราจริงๆ

“เบื่อคนรู้ทันจัง ใครใช้ให้พี่เอกเล่นตัวอยู่ได้ตั้งนานกันล่ะ ผมต้องจัดให้คุ้มสิ” แหม...ใช้คำว่าเล่นตัวเหมือนเราเป็นสาวน้อย

“ชิ” ไม่รู้จะต่อปากต่อคำยังไงครับ มันตึงๆไปหมด แถมเมื่อยขบไปทั้งตัวอีก

“หิวมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปสั่งอะไรมาให้กินเอามั้ย”

“ไม่ต้องหรอก” ผมรีบห้ามและผุดมานั่ง ไม่ใช่เจ้าหญิงนะที่มีผัวแล้วจะกลายเป็นง่อยให้ผัวช่วยเหลือ

“โอ๊ยยยยย” เชี่ย...เจ็บ ทำไมมันเจ็บขนาดนี้

“พี่เอก” น้ำเสียงร้อนรนทำให้ผมตกใจไม่แพ้กัน ท่าทางคุณต่อที่บอกว่าเป็นห่วงและห้ามดื้อทำให้ผมต้องนอนลงไปช้าๆ สองแขนล่ำคอยประคอง ... เออ ยอมเป็นเจ้าหญิงก็ได้วะถ้ามันจะเจ็บปวดเบอร์นี้ “นอนลงก่อนนะครับ อย่าเพิ่งขยับ เดี๋ยวผมไปหาข้าวและยามาให้”

“ยา” ผมงง “เอามาทำไมครับ”

“พี่เอกไม่รู้จริงดิ” ผมส่ายหัว ไม่มีใครป่วยซะหน่อย จะเอายามาทำไม “ก็ @#$%^&*(I*&^^%”

“อะ ไอ้คุณต่อ!” ผมได้แต่หน้าแดงตอนที่เจ้าตัวดึงใบหน้าที่โน้มมากระซิบกลับไปนั่งตัวตรงข้างเตียง หูแดงจนร้อนไปหมดแล้ว ไอ้การที่เขารู้มันก็ไม่แปลกหรอก แต่ทำใจไม่ได้จริงๆที่จะต้องโดนป้ายยาหรือกินยาไม่ให้มันระบมไปมากกว่านี้ อย่าว่าผมสำออยเลย พอคุณต่อออกห้องไปปุ๊บ ผมได้แต่ครางในลำคอเอาใบหน้าซุกหมอนด้วยความอาย แต่นั่นยังไม่ใช่เหตุผลหลัก ที่ต้องร้องเพราะมันเจ็บปวดมากจริงๆ ตอนนี้นอนคว่ำเป็นชีเปลือยให้ไอเย็นของแอร์เป่าหวังบรรเทาความเจ็บ มันไม่ได้ผลหรอก แต่ก็ยังรู้สึกเย็นๆมากกว่าจะร้อนวูบวาบเหมือนคุณต่อยังไม่ได้ดึงออก

....คิดแค่นี้ทำไมจะต้องหน้าแดงด้วยวะ!

             รูมเซอร์วิสนำอาหารมาส่งโดยมีมนุษย์แฟนจัดแจงทุกอย่าง ผมได้แต่นอนนิ่งเป็นผักให้เขาจับใส่เสื้อผ้า ป้อนข้าวป้อนยาก่อนจะเอามากอดราวกับตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล ใบหน้าผมร้อนผ่าวซึ่งมันไม่ได้เกิดจากความเขินอายเป็นแน่ เพราะตอนนี้ปวดหัวหนึบแถมยังเพลียกว่าที่ควรจะเป็นเสียอีก ท่าทางจะจับไข้ซะแล้วไอ้เอกภพเอ๋ย คุ้มมั้ยเนี่ย ทั้งเสียตัว ทั้งเจ็บแถมยังต้องมาป่วยอีก

“ผมขอโทษนะครับพี่เอก” คุณต่อเช็ดตัวให้ปากก็พร่ำไม่หยุด ได้ยินเสียงสำนึกผิดแล้วก็โกรธไม่ลง ก็เพราะรักไปแล้วนี่

“พี่ไม่เป็นไร” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง รู้สึกหนาวจนตัวสั่นเทาจนคุณแฟนต้องกลับมากอด ไออุ่นทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่อาการยังถือว่าหนัก

“นอนนะครับคนดี ผมอยู่กับพี่ตรงนี้นะครับ”

“อื้อ” ผมตอบรับด้วยสติที่เริ่มเลือนลาง “คุณต่อ ผมขออะไรอย่างหนึ่งสิครับ”

“ขออะไรครับคนดี” รู้แหละว่าแพ้ความอ้อนของเรา

“ผมอยาก” หนาวจัง ง่วงสุดๆด้วย เปลือกตาหนักจนลืมไม่ขึ้นแล้ว “ผมอยากเป็นผัวคุณต่อบ้าง...” แล้วสติผมก็หลุดลอยไป
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 34 P.11 @08/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-07-2020 07:57:01
โถๆๆๆ พี่เอกโดนครั้งแรกคุณต่อก็จัดหนักเลย คงอดกลั้นมานาน

แต่เรื่องอยากเสียบคุณต่อบ้าง น่าจะกดไม่ลงนะบอกเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 34 P.11 @08/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 09-07-2020 16:44:47
โถๆๆๆ พี่เอกโดนครั้งแรกคุณต่อก็จัดหนักเลย คงอดกลั้นมานาน

แต่เรื่องอยากเสียบคุณต่อบ้าง น่าจะกดไม่ลงนะบอกเลย  :laugh:


คุณต่อเก็บกด ฮ่าๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 34 P.11 @08/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 09-07-2020 19:22:28
คิดไปเองว่า

ลุงเอก จะเทเล้าเป็ดเสียแล้ว หายไปนาน

พอกลับมา ลุงยอมตายในหน้าที่(ที่ชอบ)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 34 P.11 @08/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 10-07-2020 15:14:32
คิดไปเองว่า

ลุงเอก จะเทเล้าเป็ดเสียแล้ว หายไปนาน

พอกลับมา ลุงยอมตายในหน้าที่(ที่ชอบ)


ลุงแกไม่ได้หายไปไหนครับ อาจจะยุ่งๆกับการดูแลสามีอยู่  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 34 P.11 @08/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-07-2020 19:47:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 35 P.11 @15/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-07-2020 14:59:46
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 35. คนขี้หึง

[ต่อพงษ์]

             บรรลัยแล้ว บรรลัยแล้ว ก็พี่เอกน่ะสิครับทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ก่อนจะหลับ ผมมองใบหน้าที่ใสซื่อไร้พิษสงที่นอนในอ้อมกอดอย่างใจคอไม่ดี เป็นใครจะยังใจเย็นอยู่ได้บ้างล่ะเมื่อภรรยาหมาดๆของเราดันขอทำหน้าที่ของเราด้วย บุรุษอย่างต่อพงษ์เป็นรุกอย่างเดียว เกิดมาไม่เคยต้องตกเป็นเมืองขึ้นของใคร แล้วจู่ๆพี่เอกผู้แสนดีดันเอ่ยปากออกมา

...แย่แล้ว ทำไงดี ---->>> (-____-)’’

   พี่เอกอาจจะแค่ง่วง เลยพูดไปอย่างนั้น แต่...ถ้าพี่เอกจริงจังล่ะ...แค่คิดก็สยองแล้ว...เอาไงดี ไอ้กรก็ไม่อยู่ น่าจะกำลังบินเข้าน่านฟ้าประเทศญี่ปุ่นอยู่ หรือไม่ก็กำลังสวีตกับวีณา โอย...ทำไมจะต้องมาไม่ว่างตอนที่ต้องการความช่วยเหลือกันด้วยครับ ผมพยายามสลัดความกังวลเพราะเนื้อตัวของภรรยาสุดที่รักร้อนเหมือนจะเป็นไข้ เลยต้องยุติการคิดสะระตะมาดูแลคนที่ไม่สบายทั้งคืน พี่เอกตื่นมาก็เพ้อว่าหนาวหรือไม่ก็หิวน้ำก่อนจะหลับไปอย่างไม่ได้สติ ตื่นมาอีกวันหนึ่งก็ไม่สนใจจะกินอะไรเพราะโอดโอยว่าเจ็บและก็เอาแต่นอนจนผมเป็นกังวล

   สุดท้ายผมก็ต้องยกเลิกทริปที่เหลือรีบขับรถพาคนป่วยเข้ากรุงเทพในอีกวันต่อมา อาการปวดเมื่อยของพี่เอกไม่ได้ลดลงเหมือนอุณหภูมิของร่างกาย เมื่อถึงมือหมอผมก็โดนเอ็ดตะโรไปหนึ่งชุด ยังดีว่าเป็นโรงพยาบาลของคนรู้จัก ไม่อย่างนั้นคงจะอายกว่านี้เป็นเท่าตัว ถูกอาหมอดุไม่มีการสะทกสะท้านเท่ากับเห็นอาการหน้าซีดปากสั่นของคนรัก

“จะบ้าเหรอต่อ ทำรุนแรงอะไรขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ ถุงยางก็ไม่ใช้อีก ไม่คิดจะเกรงกลัวโรคติดต่อบ้างเลยเรอะ” ผมได้ซึมเนื่องจากเถียงไม่ออก ทุกอย่างที่อาหมอพูดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ผิดเองก็ปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้พี่เอกแล้ว ยังไม่รู้จักป้องกันตัวทั้งคู่อีกต่างหาก

“ทำตัวเป็นเด็กน้อยไม่ประสาไปได้ห๊ะเราน่ะ เกิดติดโรคขึ้นมาไม่ใช่แค่แกนะที่เดือดร้อน” อาหมอดุอีกยกใหญ่ ที่ผ่านมาผมอาจจะไม่ได้แนะนำญาติให้รู้จักมากนัก เพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของผมกับพี่เอก แต่ตอนนี้แกเข้ามามีเอี่ยวด้วย ถ้าไม่พูดถึงก็คงจะดูไม่ดีเท่าไร

             อาหมอมีชื่อเต็มๆว่า พรรณราย มีศักดิ์เป็นน้องสาวแท้ๆของคุณพ่อ อย่าคิดว่าแกเป็นผู้ชายห่ามๆนะครับ อาหมอเป็นผู้หญิงสวยตามแบบฉบับคนจีน ผิวขาวเนียน ใบหน้ารูปไข่และรูปร่างผอมบาง ริ้วรอยบนใบหน้าบ่งบอกว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย แกแต่งงานแล้วก็เลิกกับบรรดาสามีทั้ง 3 และแว่วๆมาว่าจะมีคนที่ 4 เร็วๆนี้ ถ้าบรรดาลูกๆทั้ง 5 คนของคุณอาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผมไม่ขัดขวาง ลูกชายคนโตของอาหมออายุมากกว่าผมเสียอีก เพราะอาหมอแต่งงานไวเนื่องจากอากงอาม่าอยากให้รีบๆออกเรือนตามประสาคนจีนโบราณ ไม่ได้สนใจว่าลูกสาวมีวิชาความรู้เป็นถึงแพทย์หญิง

             หลังจากหย่ากับบรรดาสามี อาหมอก็ได้ค่าเลี้ยงดูมาไม่น้อย แต่ด้วยนิสัยลูกคนจีนที่อยู่ไม่สุข แกก็เลยยังมาทำงานที่โรงพยาบาลอยู่จนถึงทุกวันนี้ เลยกลายเป็นเรื่องโชคดีที่ผมไม่ต้องไปตอบคำถามของหมอท่านอื่น ถ้าพี่เอกรู้เรื่องว่าพาแกมาให้หมอตรวจบั้นท้ายคงจะโวยวายลั่นเป็นแน่

“อาการไข้เดี๋ยวก็หาย ตอนนี้ให้ยาปฏิชีวนะทางสายน้ำเกลือไปก่อน ถ้ารู้สึกตัวค่อยเปลี่ยนเป็นยาเม็ด” ผมได้แต่ครับ

“ทีหลังก็ระวังด้วยนะต่อ ทวารหนักมันไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นที่ทำอะไรกันแบบนี้ ยิ่งคนที่ไม่เคยด้วยแล้ว อายังว่าโชคดีนะที่ไม่ติดเชื้อ เดี๋ยวผลเลือดออกแล้วอาจะมาคุยด้วยอีกที” อาหมอพูดซะผมสำนึกผิดแทบไม่ทัน

“อีกนานมั้ยครับที่พี่เอกจะหาย...”

“หายน่ะหายแน่ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าอีกกี่วัน ทางที่ดีระยะนี้งดกิจกรรมหนักๆไว้ก่อนจนกว่าแผลจะแห้งสนิท ช่วงนี้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด คนไข้อาจจะมีอาการเลือดออกตอนขับถ่ายและอาจจะเจ็บมาก ต้องงดอาหารหนักๆด้วย”

“ครับอา”

“นี่แฟนเหรอ” อยู่ๆก็เปลี่ยนอารมณ์ซะงั้น

“ครับ”

“รักเค้ามากมั้ย”

“ครับ”

“รักมาก ก็ดูแลดีๆสิ รักเค้าแต่ทำไมทำเค้าเจ็บขนาดนี้ล่ะ” จ๋อยสิครับต่อพงษ์เอ๋ย ไม่เคยสำนึกผิดอะไรมากเท่านี้มาก่อนจริงๆ

             พี่เอกตื่นขึ้นมาในอีกวัน รวมแล้วแกหลับไป 3 วันเต็มๆจากอาการป่วย พอตื่นขึ้นมาก็บ่นปวดระบมไปทั่ว แถมตอนเข้าห้องน้ำยิ่งน่าสงสาร เพราะมันยังบวมและมีเลือดไหลออกมา กว่าจะดีขึ้นก็ปาเข้าไปในวันที่ 5

“พี่เอก กินข้าวต้มหน่อยนะครับ”

“ไม่กิน พี่เบื่อ” ท่าทางแกคงจะเบื่อจริงๆ วันๆมีแต่ข้าวต้ม โจ๊ก วนไปแทบทุกมื้อ

“กินก่อนนะครับ จะได้กินยา”

“...” ท่าทางคนป่วยจะเหม็นเบื่อเอาเสียจริง พลิกตัวนอนตะแคงงอเข่าหันหลังให้บ่งบอกว่าอย่าเซ้าซี้

“นะครับ” ผมใช้ลูกอ้อน แต่เหมือนจะไม่เป็นผล รายนั้นโวยวายผมตั้งแต่รู้ว่าพามาหาหมอ แถมยังมีพยาบาลคอยมาล้างแผลที่บั้นท้ายให้อีก ช่วงที่นอนหลับยังไม่มีอะไร แต่ช่วงที่ตื่นมาแล้วนี่สิ พี่เอกอายถึงขั้นหน้าแดงลามไปถึงใบหู ร่ำร้องขอพยาบาลผู้ชายมาทำแทน แต่ผมสกัดไว้ ไม่ไว้ใจให้ผู้ชายหน้าไหนมาเห็นก้นเมียผมทั้งนั้นแหละ

“ไม่กิน” แกคงงอนที่ผมไม่ยอมให้เปลี่ยนพยาบาล

“ไม่กินก็ไม่กิน ถ้าไม่หายก็ต้องเปิดตูดให้พยาบาลสาวๆมาเช็ดแผลไปอีกนานเลยนะครับ”

ครืดดดด ... เสียงล้อเลื่อนของรถรองจานขยับไปใกล้ตัวคนที่บอกว่าไม่เมื่อครู่ก่อนจะใช้มือตักกินด้วยใบหน้าเบื่อสุดขีด

“อยากกินส้มตำ อยากไปเตะบอล อยากออกจากโรงพยาบาล” บ่นอุบแบบนี้มาหลายวันจนผมชินซะแล้ว

“พี่เอกต้องรักษาตัวให้หายก่อน หายแล้วค่อยว่ากัน”

ควับ!...นั่นไง ใบหน้าอาฆาตแววตามาดร้ายพร้อมตัวหนังสือที่เขียนเต็มสีหน้าว่า ... ที่เป็นแบบนี้เพราะใครล่ะ

...อย่างอนนานนะครับ ผัวกลัวแล้ววววว...

### ###

[เอกภพ]

             อาการบาดเจ็บใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ ผมร่ำร้องออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่อาทิตย์แรกและมารักษาตัวเองที่บ้านโดยมีไอ้คุณต่อดูแลอยู่ไม่ห่าง ความจริงแล้วผมไม่ได้โกรธที่เขาทำผมจนนอนซมหรอกครับ แต่ที่เคืองเพราะว่าดันพาไปนอนโรงพยาบาลที่อาหมอเป็นรองผู้อำนวยการ แถมยังมีพยาบาลสาวๆสวยๆคอยมาดูแลทำแผลให้ไม่ขาดสาย ไม่เหลือแล้วภาพพจน์ผู้ชายแมนๆที่สั่งสมมา ใครเห็นก็คงรู้ว่าอะไรคือสาเหตุของอาการบาดเจ็บนี้ แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือ ผมจะต้องทำหน้าอย่างไรถ้าถึงเทศกาลรวมญาติของคุณต่อช่วงตรุษจีน ไหว้บรรพบุรุษ พี่ๆน้องๆต้องแห่แหนมากันเนืองแน่น รวมไปถึงอาหมอพรรณรายด้วย ผมมองหน้าแกไม่ติดแล้ว

TT___TT  ----->>> อยากจะร้องไห้

“วันนี้ผมอาจจะกลับดึกนะครับ ที่บริษัทมีงานเลี้ยง” งานเลี้ยงอีกละ เลี้ยงอะไรกันนักหนา

“ครับ” ตอนนี้ร่างกายผมเริ่มเข้าที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย ตอนเดินก็ยังขาเบียดหน่อยๆ มันเหมือนมีอะไรติดตูด

“พี่เอกไม่ต้องไปส่งก็ได้ พักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมขับรถไปเอง”

“...” ให้กระผมตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวทำไมฟะ!

“อย่าลืมกินยาให้ตรงเวลาด้วยนะครับ” ว่าแล้วพ่อตัวดีก็มาหอมแก้มก่อนไปทำงาน ผมนั่งเบื่อหน่ายที่บ้านสุดแสนวังเวงอย่างไร้อารมณ์ พอไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองก็เหมือนชีวิตมันขาดอะไรบางอย่างไป รู้สึกหวิวโหวงจนอยากจะหาอะไรมาทำคั่นเวลา

### ###

             กว่าผมจะกลับมาเป็นปกติก็ใช้เวลาพอสมควร แต่ความจำปลาทองแบบเอกภพนั้นก็ลืมนับไปเลยว่าใช้เวลากี่วันกันแน่ คุณต่อก็คอยดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องงดกิจกรรมอย่างว่าเอาไว้ก่อน มากที่สุดก็แค่กอดจูบและผลัดกันตามประสาคู่รัก ถามว่าเข็ดไหม ตอบเลยว่าเข็ดและกลัว แต่จะทำยังไงได้ล่ะ รักเขาไปแล้วนี่

             กิจกรรมที่ผมชื่นชอบอย่างหนึ่งก็คือการออกไปเตะฟุตบอล หลังจากที่มาทำงานกับคุณต่อก็ไม่มีโอกาสได้ไปวิ่งไล่ลูกกลมๆที่สนามใหญ่ใกล้บ้านอีกเลย มากที่สุดก็แค่ไปจองสนามฟุตซอลแถวออฟฟิศและนัดกับขาประจำที่เป็นพนักงานในบริษัทนั่นแหละ ระยะหลังมานี่ผมห่างหายไปจากวงการลูกหนัง 5 คนหลายเดือน จากภาระกิจหลายๆอย่าง(รวมไปถึงนอนซมที่โรงพยาบาลด้วย) วันนี้เลยนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากจะกลับไปใช้กำลังขา

             โดยปกติแล้วคุณต่อจะร่วมวงด้วย แต่อย่าคิดนะครับว่าพวกพนักงานออฟฟิศจะอ่อนข้อให้ มีแต่จะพยายามรุมสกรัมเสียมากกว่าคล้ายกับว่าเก็บกดกับการสั่งงานของเจ้านายอย่างนั้นแหละ ที่คุณต่อต้องไปด้วยก็เพราะผมเป็นคนขับรถให้ วันไหนที่ผมอยากออกกำลังกายแต่ขี้เกียจเข้ายิมก็ต้องเปลี่ยนมาเล่นฟุตซอลแทน แรกๆคุณต่อก็เก้ๆกังๆเนื่องจากอ่อนซ้อม พอนานวันเข้าก็พัฒนาฝีเท้าจนเข้าขั้นเก่งเลยทีเดียว

“คุณต่อครับ เย็นนี้พี่จะไปเล่นฟุตซอลนะครับ” เป็นปกติของมนุษย์แฟนที่ตัวติดกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ตอนเช้าที่ยังนอนในอ้อมแขน ผมก็เอ่ยปากออกมาก่อน คุณชายหาวอ้าปากกว้างก่อนจะเอาปากมาซุกที่ซอกคอ ดอมดมจนขนลุกไปหมด

“แต่เย็นนี้ผมไม่ว่างอ่า” เสียงงัวเงียด้วยอาการงอแง คุณต่อไปออกงานอีกแล้วครับ ซึ่งตอนนี้แกกันผมไม่ให้ไปด้วยแล้วเพราะกลัวจะโดนผู้ชายแทะโลมอีก ไม่รู้จะขี้หวงไปไหน (จริงๆผมก็ขอเองแหละว่าไม่อยากไป)

“ไม่เป็นไร พี่ไปส่งคุณต่อแล้วก็ไปเองได้”

“แต่ผมก็อยากไปกับพี่เอกนี่นา” พ่อคนขี้อ้อนกระชับอ้อมกอดจนแน่นไปหมด ผมนอนหันหลังให้เป็นประจำเพราะเป็นท่าที่คนกอดจะถนัด พวกเราต่างก็ตัวโตกันทั้งคู่ ต้องคอยจัดท่าทางให้เหมาะเจาะกัน

“แต่คุณต่อติดงานนี่ครับ”

“ใครไปบ้างอะ” เสียงยังงัวเงีย เพราะตอนนี้เพิ่งจะ 06.30 น.

“ก็เจ้าเดิมๆ ผมยังไม่ได้เช็กในเฟซบุ๊กเลย”

“เดี๋ยวนี้ทันสมัยนะเนี่ย” ผมได้แต่ยิ้ม ต้องขอบคุณคุณต่อนี่แหละที่สอนวิธีใช้งานพวกโซเชี่ยลมีเดียต่างๆจนผมใช้งานจนคล่อง โดยส่วนใหญ่พวกเราจะนัดกันทางกลุ่มไลน์ แต่ถ้าคนไม่ครบผมหรือสมาชิกก็จะโพสต์หาสมาชิกทางเฟซบุ๊ก นัดแนะเวลาและสถานที่ จากนั้นก็ไปเจอกันที่สนามในตอนเย็นเลย

“แน่นอน อย่าลืมสิ นี่เอกภพนะครับ”

“หรา”

“ไม่เอาคุณต่อ” รายนี้ชอบเล่นที่เผลอ พอผมปล่อยช่องก็เอาหน้ามาซุกไซร้ที่ซอกคอและจับเอกน้อยที่มันชอบผงาดในตอนเช้าจนตัวอ่อนระทวยไปหมด แถมด้านหลังยังมีของแข็งๆทิ่มที่บั้นท้ายอีกด้วย อะไรจะพร้อมรบขนาดนี้

“ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ทำตัวน่าหมั่นไส้เหรอ นี่แน่ะ” ผมได้แต่ร้องขอชีวิตเพราะไอ้คุณแฟนเล่นรุกมาประชิดตัวพรมจูบไปทั่วจนสั่นสะท้านไปหมดแล้ว ผู้ชายจะรู้กันดีว่าเราจะเคารพธงชาติกันทุกวันเป็นเวลา ยิ่งเป็นเวลาที่เราอยู่กับคนที่เรารักด้วยแล้ว แค่ได้กลิ่นเราก็มีอารมณ์ร่วม ไม่ต้องถามหรอกว่าเช้านี้จะจบยังไง ผมน่ะมีแต่เสียกับเสีย

“ไปอาบน้ำเลย” ผมผลักคนตัวใหญ่ที่นอนทับออกไป เหงื่อเต็มตัวเลยจากการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อครู่ กลิ่นตัวของพวกเราโชยปะปนกันในอากาศผสมกับกลิ่นความสุขสมของผมที่โดนคุณต่อจัดให้แต่เช้า

“ไปอาบด้วยกันนะ” ไม่ต้องคิดจะใช้น้ำเสียงออดอ้อนเลยนะ ไม่หลงกลหรอก แล้วไม่ต้องทำตาหวานซึ้งด้วย ไม่มีทางที่คนอย่างเอกภพจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับคำเชื้อเชิญแน่นอน

“ก็ได้” ... ดีแต่ปากจริงๆ

### ###

             สนามฟุตซอลอยู่ไม่ห่างจากออฟฟิศและบ้านคุณต่อเท่าไรนัก คะเนคร่าวๆก็อยู่กึ่งกลางระหว่างสองจุดนี้พอดี วันนี้คุณต่อมีงานเลี้ยงต้องออกจากบริษัทตั้งแต่บ่ายสามเพื่อไปแต่งตัวทำผมอะไรไม่รู้สารพัด เดิมทีคุณต่อจะแต่งตัวมาจากบ้านเพื่อร่วมงานตอนเย็นเลย แต่ระยะหลังๆอากาศมันร้อนจนเจ้าตัวอยากจะกลับไปอาบน้ำอาบท่าที่บ้านแล้วค่อยออกมาอีกที

             งานเลี้ยงคืนนี้เป็นงานเปิดตัวอะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่คุณต่อเห็นชอบคำขอของผมที่บอกว่าไม่อยากออกงาน บวกกับความขี้หวงของเขาเอง ผมเลยรอดตัวไม่ต้องโดนควงไปด้วย ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าแต่ละงานที่ไปคืองานอะไร หลังจากจอดรถไว้ที่โรงแรมที่จัดงานผมก็คว้าเป้และพุ่งตัวไปขึ้นรถไฟฟ้า ถึงที่สนามก็ทันเวลาพอดี

“ไงพี่เอก มาไวเป็นด้วยโว้ย” เสียงผองเพื่อนทักทายมาครับ พวกนี้เรียกผมว่าพี่กันหมดเพราะเกรงใจสถานะแฟนเจ้านาย ตอนแรกๆเรียกคุณเอกจนผมเกร็งทำตัวไม่ถูก หลังๆมาก็ปรับเปลี่ยนเลยทำให้สบายใจและสนิทกันมากขึ้น

             ใช่แล้วครับ คนที่ออฟฟิศรู้กันทั่วแล้วว่าผมกับคุณต่อเป็นอะไรกัน แต่ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าพวกเขาจะพูดถึงผมในแง่ไหนบ้าง เนื่องจากเราไม่ใช่คนที่อยากรู้ไปเสียทุกเรื่อง ใครจะเอ่ยถึง นินทา ชื่นชมหรืออะไรก็ตามสบายเลยครับ เพราะทุกวันนี้เอกภพสบายดี แฟนก็หล่อดูแลดี แถมยังรักและหลงจนโงหัวไม่ขึ้นอีกต่างหาก

....มั่นใจมาก #ยืดอก #ชูคอ....

“ต้องรีบมาดิ เดี๋ยวไม่ทันได้เล่น ได้สนามยัง” ผมตอบและถามคนในทีม

“เรียบร้อยพี่ วันนี้เรามาแค่ 5 นะ รวมพี่ด้วยก็ 6 คนที่เหลือว่าจะตามมา ตอนนี้ต้องจอยทีมอื่นไปก่อน” ปกติจะมากันเป็นสิบ

“ไม่มีปัญหา” ผมถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนชุดกลางสนามนี่แหละ ตอนที่คุณต่อมาด้วยไม่มีทางได้ถอดตรงนี้หรอกต้องไปเข้าห้องน้ำลับตาคนทั้งๆที่คนที่มาก็ผู้ชายทั้งนั้น ไม่มีใครสนใจจะมาส่องก้นผมเหมือนไอ้คุณแฟนเลยสักคน

             หลายคนคงจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับฟุตซอลแล้วนะครับ ผมขอข้ามเนื้อหาไปละกัน หลังจากที่ไม่ได้ซ้อมมาเป็นเดือนทำให้รู้ว่าสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงจริงๆ เล่นไปแค่ 10 นาทีก็เหนื่อยจนก้าวขาแทบไม่ไหว เราจะเล่น 2 ครึ่ง เวลาครึ่งละ 20 นาที แต่ตอนนี้ผมอยากจะขอเปลี่ยนตัวซะแล้ว...บัดซบสิ้นดี

“พี่เอก วิ่งหน่อยพี่” ผมโดนกระตุ้นจากเพื่อนร่วมทีม ระยะสนามมันก็ไม่ได้กว้างเหมือนสนามใหญ่ แต่การที่วิ่งไปวิ่งมาเหงื่อท่วมตัวก็ทำให้หายใจติดขัดเลยทีเดียว

“พี่เอก จ่ายมาทางนี้” ผมส่งบอลไปตามเสียง จะเลี้ยงต่อก็ไม่ไหวเนื่องจากฝั่งตรงข้ามตามประกบเบียดไปมาแทบจะล้มหลายรอบ พอส่งบอลไปก็โดนเสียบ

โครม! .... ล้มเลยเรา

“เจ็บมั้ยครับ” เสียงหนึ่งถามและยื่นมือมาให้จับเพื่อฉุดขึ้น ด้วยสปิริตผมก็ยื่นมือไปจับและลุกขึ้นมา

“ไหว” ต้องกลั้นใจตอบ ดีที่จังหวะสกัดไม่แรง แข้งขาเลยไม่พลิกหรือพิการ (อันนี้ก็ว่าเกินไป)

“โทษด้วยนะครับ”

“สบายๆ” ผมชูนิ้วโป้งให้เพื่อบอกว่าโอเค ก่อนจะกลับไปวิ่งเตะจุดโทษ และผมก็ตีเสมอให้ทีมได้!

             ช่วงเวลาพักครึ่ง ผมขอเปลี่ยนตัวแทบจะทันที พี่ๆน้องๆในทีมต่างก็เห็นด้วย เพราะท่าทางของผมเหมือนคนจะขาดใจตายเสียให้ได้ ช่วงครึ่งหลังเลยมีเวลาพักนั่งชมการแข่งขันข้างสนาม ก่อนจะมีใครคนหนึ่งมานั่งข้างๆ

“นั่งด้วยคนนะครับ” ผมมองไปตามเสียง คนเดิมที่เสียบผมจนล้ม

“เอาสิครับ”

“พี่เพิ่งมาเหรอครับ ผมเพิ่งเคยเห็น” ผมไม่ได้หันไปมองเขาแบบเต็มที่ เพราะมัวแต่ยกขวดน้ำมาซดและใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดตามใบหน้าและลำคอ

“จะว่างั้นก็ได้ ก่อนหน้านี้พี่มาบ่อย แต่เดือนที่แล้วยุ่งๆเลยไม่ได้มาเลย”

“อ่อ มิน่าล่ะถึงไม่เคยเจอกัน”

“น้องมาเล่นบ่อยเหรอ” ในเมื่อเขาชวนคุย ผมก็เลยต้องรักษามารยาท

“ผมเพิ่งมาเองครับ”

“อ้าว นึกว่าขาประจำ”

“จริงๆผมเล่นอีกสนามนึง แต่ช่วงหลังเพื่อนย้ายมาที่นี่น่ะครับ” ผมร้องอ๋อและพยักหน้ารับคำ

“เออ ผมชื่อจีโอ้นะครับ พี่ล่ะ”

“เอก พี่ชื่อเอกครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่เอก” เป็นครั้งแรกที่ผมมองหน้าจีโอ้ตรงๆชัดๆจากการที่ยื่นมือมาเพื่อจับ จีโอ้เป็นผู้ชายผิวขาวระดับคุณต่อพงษ์เลยก็ว่าได้ ใบหน้าหล่อรูปหน้าเรียวคิ้วหนาและดวงตาชั้นเดียวที่ดูโตรับกับโครงหน้า จมูกโด่งเป็นสันจนน่าอิจฉา รูปร่างผอมและสูงใกล้เคียงกับผม ลักษณะท่าทางดูเจ้าชู้แพรวพราว แต่ก็เหมือนคนถ่อมตัวไปในที มองจากใบหน้าก็รู้ว่ายังเด็กมากน่าจะเพิ่งเรียนจบหมาดๆ

“ยินดีเช่นกันครับน้องจีโอ้”

“พี่มาเล่นที่นี่บ่อยมั้ยครับ” เหมือนจะเคยถามแล้วนะ แต่ผมก็ยังตอบ

“ปกติก็อาทิตย์ละ 2-3 วัน แล้วแต่วันไหนว่าง ถ้าเจ้านายไม่ว่างพี่ก็ไม่ได้มา”

“ต้องรอเจ้านายว่างด้วยเหรอครับถึงจะมาได้” น้องเขาตั้งข้อสังเกต

“อ๋อพอดีพี่ต้องขับรถพาเจ้านายไปโน่นมานี่น่ะ ถ้าวันไหนเค้าไปไกลๆพี่ก็ไม่ได้มา”

“อ๋อ เท่ห์จัง”

“เท่ห์ตรงไหน คนขับรถเนี่ยนะ” ผมขมวดคิ้ว

“อื้อ พี่เอกน่ะเท่ห์ ทำอะไรก็เท่ห์ไปหมดแหละ” หืม พูดจากำกวม อยู่ๆก็มาชมเรา คงจะไม่คิดจะจีบเราหรอกนะ น้องเอ๋ย ดูเบ้าหน้าพี่ด้วยไม่ได้หล่อพิมพ์นิยมนะครับ พี่น่ะหล่อแบบหายาก (หมายความว่าความหล่อของพี่น่ะหายาก)

“พี่เอกครับ”

“ครับ”

“ขอไลน์ได้มั้ยครับพี่ เผื่อวันไหนจะมาก็ไลน์บอกกัน” โอ้โห นี่ถ้าไม่ใช้ผู้ชายแมนๆมาขอเนี่ย ผมคงคิดแล้วว่าน้องจะมาจีบ

“ดะ ได้ดิ” ผมหยิบมือถือขึ้นมา พวกเราแอดไลน์กัน

ตึ๊ง! เสียงไลน์ของผมดังขึ้นเพราะจีโอ้ส่งข้อความมา

“เห้ยไอ้โอ้ มาแทนทีซิ” เสียงเพื่อนของน้องตะโกนเรียก จีโอ้เลยขอตัวและวิ่งกลับเข้าไปในสนาม จังหวะการเล่นของน้องดูดีและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งวัยหนุ่มที่เอกภพวัยใกล้ 31 เห็นแล้วอิจฉา พอจบครึ่งหลัง พวกเราก็แพ้ไปแค่ประตูเดียว

             หลังจากพักผมก็ลงเล่นต่อในเกมที่ 2 และก็เช่นเคย ลงได้แค่ครึ่งแรกก็หมดแรงอ่อนเปลี้ย ยังดีที่น้องๆที่ออฟฟิศตามมาจนตัวเล่นก่อนหน้านี้ได้พักบ้าง ใครบอกว่าเล่นฟุตซอลแค่ 40 นาทีไม่เหนื่อย ผมล่ะขอเถียงใจขาด ยังนึกนับถือกลุ่มน้องจีโอ้ที่ลงวิ่งได้สองเกมติด แถมเอาชนะไปได้อีก





หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 35 P.11 @15/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-07-2020 15:00:18
RRRRRRRRRRRRRRR

“ครับคุณต่อ” ผมรีบรับสายที่โทรมา เวลาผ่านไปจนเกือบสามทุ่มแล้ว

[เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ย]

“สุดๆ”

[เหนื่อยก็พักบ้างนะครับ อย่าหักโหม หมอห้ามทำกิจกรรมหนักๆ เพิ่งจะหายเอง] น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ขั้นสุด

“อะไรคุณต่อ ห้ามแซวนะครับ” ใจคอจะทำให้ผมหน้าแดงคาสนามรึไง “คุณต่อจะกลับหรือยังครับ”

[ใกล้ละ เดี๋ยวผมวนไปรับที่สนามนะ]

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกลับเองดีกว่า”

[ไม่ได้หรอก]

“ทำไมไม่ได้ล่ะครับ”

[ก็เพราะตอนนี้ผมอยู่ข้างหลังพี่แล้วไง]

   ผมหันขวับ เห็นคุณแฟนตัวสูงใหญ่ใส่สูทเต็มยศ แต่งทรงผมอย่างดีขับใบหน้าหล่อให้ยิ่งเด่น ไม่แปลกหรอกที่หลายๆคนในสนามต่างพากันมองมาทางนี้ เพราะคุณต่อดูเหมือนดาราที่หลุดมาจากทีวีเสียจริง อ้อ ... ผมลืมบอกไปนะครับว่าที่นี่มีหลายสนามครับ แยกโซนกันไปคนเลยเยอะ ....

“ทำไมเลิกไวจังเลยครับ” ผมถามแก้เก้อ ถ้าจะยิ้มให้ขนาดนี้อุ้มผมกลับบ้านเลยเถอะ

“ก็คิดถึงแฟนอะครับ เลยรีบมาหา”

“หืมมมมมมม” โอ้ มาย ก้อด ... เอกภพตายคาที่เลยครับ

“คุณต่อมารับพี่เอกเหรอครับ” พี่ๆน้องๆในทีมที่นั่งอยู่รอบๆต่างหันมาทักทายเจ้านายอย่างเป็นกันเอง คงเป็นเพราะสนิทกันระดับหนึ่งแล้ว

“โห พี่เอกคือยอดคนจริงๆ ถึงขั้นให้คุณต่อมารับถึงที่”

“มึงน่ะแซวมากๆ ระวังโดนตัดโบนัสนะ”

“เออ ตัดมันเลยนะครับคุณต่อ” เสียงแซวและเสียงหัวเราะของกลุ่มเราค่อนข้างดัง คุณต่อไม่ได้ถือสาหาความอะไรจากคำพูดหยอกเล็กน้อย แกเคยบอกว่าดีเสียอีกที่ทุกคนเข้าใจและไม่รังเกียจผม ตอนนั้นผมยังถามเลยว่าเขาจะรังเกียจผมทำไม ผมไม่ได้เป็นฆาตกรโรคจิตนี่นา ... แล้วคุณต่อก็หัวเราะ

“คุณต่อมาก็ดี เมื่อกี้นะผมเห็นมีคนมาขอไลน์พี่เอกด้วย” อ้าว เช็ดเคร็ก!

“ใคร” นั่นไง น้ำเสียงที่เฮฮากลายมาเป็นดุดันซะแล้ว ปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

“ไม่มีอะไรหรอก น้องเค้ามาเสียบพี่จนล้มเลยมาขอโทษน่ะ”

“ขอโทษอะไรมีขอไลน์ด้วย” น้องๆในทีมต่างแยกย้ายเพราะรู้ดีว่าเจ้านายคนนี้น่ะขี้หวงมาก ทิ้งระเบิดไว้แล้วให้กูเก็บกวาดสินะ

“น้องเค้าบอกว่าจะได้นัดกันมาเตะบอล”

“คนไหน” นั่นไง ไม่ยอมจบจริงๆ อยากตบกบาลไอ้คนฟ้องจังเลย ไอ้เราน่ะไม่ได้คิดเกินเลยหรอก แต่คนของเราน่ะขี้หวง

“คนโน้น” ผมชี้ไปทางจีโอ้ที่ถอดเสื้อโชว์กล้ามแน่นๆวิ่งไล่บอลในสนาม แววตาคุณต่อมองอย่างไม่สบอารมณ์

“....”

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณต่อ กลับกันเถอะ” คนตัวสูงยังยืนนิ่ง แววตาเคร่งขรึมไม่หยุดจ้อง จีโอ้ที่ส่งบอลให้เพื่อนก็ชลอฝีเท้าและวิ่งเหยาะๆในสนาม คนเราน่ะเหมือนมีสัญชาติญาณกันนะครับว่ามั้ย ถ้ามีใครมาจับจ้องเรานานๆเราก็จะรู้สึกอึดอัดและรับรู้ได้ เช่นเดียวกับคนที่โดนมอง เขาสบสายตากับคุณต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะยิ้มและโบกมือให้ผมที่ยืนข้างๆ...โอย เหมือนโดนสุมไฟยังไงก็ไม่รู้

“กลับกันเถอะครับ” คุณต่อมองอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะคว้าข้อแขนผมให้เดินตามไปอย่างเงียบเชียบ

             พอถึงในรถ บรรยากาศก็ยังดูอึมครึมจนสัมผัสได้ จากที่ไม่คิดอะไรก็เริ่มจะคิดละว่าแฟนของเราเนี่ยขี้หึงขี้หวงเกินไปไหม ผมไม่ได้คิดแล้วนอยด์หรือว่าจะหงุดหงิดอะไรนะครับ แค่ไม่อยากให้คุณต่อไม่สบายใจมากกว่า เพราะผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับน้องที่ชื่อว่าจีโอ้เลยแม้แต่น้อย หรือจะพูดให้ตรงประเด็นก็คือ ผมไม่ได้รู้สึกว่าผู้ชายคนอื่นจะมีอะไรที่น่าดึงดูดเท่าแฟนเด็กที่นั่งหน้าบูดคนนี้เลยสักคน ยิ่งคุณต่อคิดมาก ก็จะเครียดมาก ผมไม่อยากให้เรื่องของผมมาเป็นประเด็นหลักทำให้ในหัวต้องคิดโน่นคิดนี่ แค่เรื่องงานทุกวันนี้คุณต่อก็เหมือนลงไปต่อสู่ในสงครามแล้วครับ จะให้มาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องแฟนตัวเองอีกก็ใช่ที่

             ผมเร่งแอร์เพื่อหวังให้อากาศเย็นๆช่วยดับความงุ่นง่านของคุณต่อไปได้บ้าง สภาพผมตอนนี้คือเหงื่อท่วมตัวเนื่องจากไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนทุกครั้ง พ่อตัวดีน่ะสิครับคว้าแขนลากมาขึ้นรถโดยไม่สนใจว่าจะเหม็นเปรี้ยวแค่ไหน พอมานั่งในรถแล้วก็นิ่งเงียบไปซะดื้อๆ

“คุณต่อ ไม่ออกรถเหรอครับ” ผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“พี่เอก รำคาญผมมั้ยอะครับ” หืมมมม อยู่ๆทำไมถามแบบนี้

“พี่จะรำคาญคุณต่อเรื่องอะไรล่ะครับ”

“พี่ไม่รำคาญผมจริงนะ ทั้งๆที่ผมงี่เง่าขี้หึงไม่เข้าเรื่อง” ออ ที่เงียบไปเพราะกำลังคิดเรื่องนี้เองหรอกเหรอ

“คุณต่อหึงได้” ผมอ้อมแอ้ม

“พี่เอกว่าอะไรนะครับ” เจ้าตัวหันมาสบตาเป็นครั้งแรก ลานจอดรถมืดแสงไฟสลัวอยู่ไกลลิบๆ ชวนบรรยากาศเป็นใจอีกละ

“พี่บอกว่า คุณต่อมีสิทธิ์หึงพี่ได้ครับ ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่รึไง”

“ใช่ครับ ใช่” ทีงี้ล่ะหน้าบานเชียวครับก่อนจะคว้าคอผมไปฟัดหอมๆจูบๆพัลวัน

“ไม่เอาคุณต่อ พี่ตัวเหม็น”

“ไม่เห็นเหม็นเลย หอมออก ได้กลิ่นแล้วคึกคัก ฟอดดดดดดดดดดดด” หอมจะแก้มจะช้ำไปหมดแล้วโว้ยยยยยย

“โอยยยย คุณต่อ ไม่เอ๊า” ผมพยายามดันแต่อีกฝ่ายก็ยื้อ แถมยังจับมือผมไปจับอะไรบางอย่างที่พาดตัก

“เห็นมั้ย ว่ามันคึก” ผมหน้าแดง ไม่คิดว่าแฟนเด็กจะหื่นได้ขนาดนี้

“คุณต่อ! หยุดเลยนะ” ผมชักมือออกแต่ก็โดนตะปบไว้แน่น

“ห้ามปล่อย ไม่งั้นผมจะไม่หายงอนเรื่องไอ้เด็กนั่น” เอาแล้วไง จะให้งอนต่อถึงบ้านแล้วค่อยเคลียร์ หรือว่าแค่จับเกียร์พ่อคุณไปเรื่อยๆตามคำสั่งดีหว่า....

....แล้วผมก็กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย....

             คุณๆที่อ่านมาตลอดคงจะนึกในใจว่า ทำไมอีตาเอกเนี่ยมันยอมคุณต่อตลอดเลย แน่ล่ะว่าผมเป็นคนใจอ่อน แต่ที่มากไปกว่านั้นคือผมดันไปตกหลุ่มรักเขาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จากที่คิดมาตลอดว่าตัวเองน่ะเป็นชายแท้ แมนทั้งแท่ง แต่การโดนคุณต่อตามหยอดตามตื๊อและคอยดูแลมาตลอดเลยทำให้หลวมตัวไปจนได้ พอรักไปแล้ว ผมก็อยากดูแลรักษาไว้ให้ดี อะไรที่ยอมได้ก็ยอม อันไหนที่ไม่ยอมก็ต้องคุย

             การที่ผมเป็นคนห่ามๆประมาณหนึ่ง เลยทำให้ไม่มีบทรักออดอ้อนออเซาะให้ฟินมากนัก มันค่อนข้างเขินนะที่จะต้องมาเขียนอธิบายเวลาที่คุณต่อมาอ้อน ออเซาะหรือเอาคางมาถูไถที่ลำคอ หรือแม้กระทั่งตอนที่ผมนอนหงายและคุณต่อก็พลิกมานอนคะแตงเอาหน้าซุกที่หน้าอกผมแล้วถูไถใบหน้าไปมาจนจั๊กจี้ เวลาที่นอนกอดกัน หรือนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ มันเป็นมุมที่ผมรู้สึกสบายใจ แต่ก็เขินอายทุกครั้งที่จะเขียนมันลงไป

“พี่เอก พี่เอก”

“ครับ” ผมสะดุ้ง คิดอะไรไม่รู้เรื่อยเปื่อย

“เหม่ออีกแล้วนะ” นั่นไง ทำท่าเหมือนจะดุเลย “เรียกตั้งนานไม่ตอบ”

“พี่คิดอะไรไปเรื่อยน่ะ”

“รู้แล้วล่ะ ไปครับ ไปอาบน้ำ” ผมก้มมองสภาพตัวเองในชุดกีฬาเหม็นอับก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกโดยง่าย ตอนนี้ไม่มีใครอายใครแล้วครับ แก้ผ้าเดินโทงเทงจนชินตา

“คุณต่ออาบให้หน่อยสิ” วันนี้ขี้เกียจถูตัว

“อะไรนะครับ” น้ำเสียงนั้นบอกว่าไม่เชื่อหูตัวเอง

“ไม่มีอะไรครับ” ผมยียวนกลับ ไม่อยากพูดเยอะ เดี๋ยวได้ใจ ปกติยอมที่ไหนล่ะที่จะให้อีกคนอาบน้ำให้หรืออาบน้ำพร้อมกัน มันค่อนข้างน่าอายนะที่มีคนตัวเท่ายักษ์แออัดกันในห้องอาบน้ำและถูหลังไปมา ส่วนใหญ่ที่อาบด้วยกันก็เพราะถูกบังคับตลอดแหละ ไม่เคยเอ่ยปากชวนก่อนแบบนี้เลย...จริง จรี๊งงงงงงงงงงงงงงง #โทนเสียงต่ำ

“เดี๋ยวสิพี่เอก รอผมด้วย” ท่าทางถอดเสื้อผ้าแบบเร่งรีบของมนุษย์ตัวโตนั้นชวนให้ขบขัน ผมเร่งฝีเท้าเพื่อจะรีบไปในห้องน้ำ แต่เสียงกระแทกฝีเท้าของอีกคนก็ไล่ตามมาติดๆ ไอ้อะไรๆที่แกว่งไปมาชวนตกใจไม่ได้ทำให้คุณต่อละอายแก่ใจหรอก รายนั้นเขาหน้าหนา

“มาทำไม ใครชวน”

“ไม่ต้องชวนก็จะมา” สุดท้าย มือใหญ่ก็จับขอบประตูห้องน้ำไว้ได้ก่อนที่ผมจะปิดมันลง สายตาไอ้เอกภพดันก้มไปมองไอ้ที่เคยแกว่งเปลี่ยนสถานะจากของอ่อนเป็นของแข็งอย่างระอาใจ

“ไม่ต้องมาชี้หน้าเลย คนหื่น”

“ถึงผมจะหื่น แต่ผมก็หื่นแต่กับพี่นะ” ไอ้คำพูดน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่การที่คุณต่อผู้หล่อเหลามาดดีใช้ไอ้ท่อนแข็งๆมาดันต้นขาให้ผมขยับเข้าไปในห้องน้ำน่ะมันคืออะไรฟระ! คุณจะคิดไหมว่าผู้ชายแบบคุณต่อพงษ์ผู้เคร่งขรึมมีหน้ามีตาในสังคมจะเป็นได้ถึงขั้นนี้

“ไม่ต้องเลยคุณต่อ ไม่ต้องดันมา โอ๊ย จะบ้าตาย”
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 35 P.11 @15/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-07-2020 21:10:17
แหมๆๆๆ สเน่ห์แรงจริงนะพี่เอก  ตั้งแต่ได้กันแล้วรู้สึกบรรยากาศมันมุ้งๆมิ้งๆ เน๊อะ.  :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 35 P.11 @15/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 15-07-2020 22:47:42
ลุงเอก โดนไปกี่ดอกหว่า

ถึงต้องใช้เวลารักษา เกือบครึ่งเดือน ...อุอุ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 35 P.11 @15/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 16-07-2020 10:19:39
คุณต่อนี่หื่นตลอดๆเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 35 P.11 @15/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-07-2020 19:45:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอฉากพี่เอกรุกนุ้งต่อ  อิอิ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 35 P.11 @15/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-07-2020 20:07:31
มีแววจะมีศึกเข้าบ้านนะครับเนี่ย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 35 P.11 @15/07/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-07-2020 16:42:35
โดนทำศึก ในห้องน้ำแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 36 P.11 @07/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 07-08-2020 12:07:43
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 36. คนติดแฟน

             ช่วงก่อนหน้านี้ผมขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่ออ่านหนังสือสอบปลายภาค ซึ่งทุกวิชาพร้อมใจกันสอบครั้งเดียวทั้งเล่ม หายนะอาจมาเยือนได้หากไม่ตั้งใจอ่านให้ดี คุณต่อเลยอนุญาตให้หยุดงานอยู่ที่บ้านได้โดยที่คุณแฟนขับรถไปทำงานเองไม่ต้องพึ่งพาคนขับรถแบบเอกภพคนนี้ กิจวัตรประจำวันของพวกเราก็เลยเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะ เนื่องจากผมเป็นคนที่มีสมาธิอ่านหนังสือช่วงดึกและนอนตอนเช้า คุณต่อต้องตื่นแต่เช้าเข้ายิมและไปทำงาน เวลาของเราเลยสวนทางกันไปมา

             แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณต่อพงษ์หรอกนะครับ เพราะก่อนไปทำงานผมก็จะเดินสะโหลสะเหลจากห้องทำงานมาที่เตียงปลุกแฟนตัวยักษ์ให้ตื่นเพื่อเริ่มวันใหม่แล้วก็ล้มตัวลงนอน รู้ตัวอีกทีก็มีคนสะกิดแล้วก็ก้มหน้ามาหอมแก้มซ้ายขวาไปมาและแนบริมฝีปากแตะปากผมเบาๆเป็นการบอกลาก่อนไปทำงาน...และทำแบบนี้ทุกเช้าจนกลายเป็นความเคยชิน

“ผมไปทำงานก่อนนะครับ” แล้วก็หอมฟอดใหญ่เหมือนเช่นเคย

“อื้อ ขับรถดีๆนะ” ผมตอบกลับแบบงัวเงีย พยายามลืมตาแต่ก็ไม่เป็นผล ความง่วงมันครอบงำจนภาพตัด เตียงไหวยวบเพราะน้ำหนักที่นั่งทับลุกออกไป แล้วผมซุกหน้าเข้ากับที่นอนฝั่งคุณต่อ กลิ่นไอของร่างกายเขาติดไปทั่วทำให้เคลิ้ม สุดท้ายผมก็จมในภวังค์จนถึงบ่าย

             หลังสอบเสร็จผมก็กลับมาทำหน้าที่เดิมคือขับรถพาเข้านายในคราบแฟนไปทำงาน ตอนเย็นก็กลับบ้าน ทุกอย่างมันกลับเข้าที่เข้าทางเกือบทั้งหมด ยกเว้น...

“พี่เอกอย่าดื้อสิ ให้ผมหอมก่อน”

“ไม่เอาแล้วคุณต่อ จะหอมทำไมทุกวัน นี่พี่ก็ไปด้วยแล้วนะครับ” เป็นเอกภพคนหล่อเองแหละที่โวยวาย คุณชายเขาติดนิสัยจะต้องมาจุ๊บแก้มจุ๊บปากก่อนไปทำงานตอนเช้าทั้งที่ผมก็ไปกับเขานี่แหละ

“ไม่ได้ อยากได้กำลังใจก่อน”

“เอาไปทำอะไรนักหนาครับไอ้กำลังใจเนี่ย เอาไปซื้อที่ดินก็ไม่ได้”

“หรือพี่เอกจะให้ผมจุ๊บพี่ที่หน้าออฟฟิศ” เอาแล้วไง มาไม้นี้ก็ต้องยอมถอยหนึ่งก้าว แล้วร่างสูงก็โน้นหน้ามาประชิด กลิ่นหอมจากตัวคุณต่อทำให้สมองผมปั่นป่วนไปหมด แถมแววตาแพรวพราวที่ส่งมาราวกับยั่วยุกันยิ่งทำให้ใจสั่น

“คะ คุณต่อ”

“ครับพี่เอก” โอยยยยยย น้ำเสียงนุ่มทุ้มแบบนี้ ใจคอจะให้ผมละลายคาที่หรือไงนะ ก่อนจะเป็นลมล้มพับ รสจูบหวานละมุนก็ส่งผ่านมา ครั้งนี้ไม่ได้แค่จุมพิตเบาๆแล้วผละออกจากกัน แต่มันกลายเป็นความหวามวาบที่คุณแฟนตัวดีจงใจมอบให้ แข้งขาผมอ่อนแรงไปหมดเพราะแพ้ทางผู้ชายคนนี้เข้าขั้นหนัก เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมตอนไหนยังไม่รู้เลย แถมมือใหญ่หนาก็เลื้อยสัมผัสทุกอณูผิวที่เข้าถึง ขนกายนี่ลุกตั้งไปทั้งตัว ร่างผมถูกดันมาประชิดกับโต๊ะเครื่องแป้งจนต้องวางก้นลงไปนั่งบนนั้นปล่อยให้มนุษย์แฟนถ่ายโอนความวาบหวิวใจจนน้ำลายไหลยืด คุณต่อน่ะแต่งตัวเสร็จแล้ว ผมเพิ่งใส่แค่เชิ้ตและกางเกงใน มันเลยไม่ใช่เรื่องยากที่จะถูกดึงทึ้งทุกอย่างออกจากตัวจนผมเปลือยเปล่า แล้วใบหน้าหล่อก็ลดระดับลงไปจดจ่อกับความแข็งขึ้งเบื้องล่าง

“อื้อ คุณต่อ....”

             สุดท้ายวันนี้พวกเราทั้งคู่ก็ไปทำงานสายจนได้ โชคดีที่ตำแหน่งของคุณต่อนั้นไม่ใช่ระดับพนักงานทั่วไปที่กำหนดเวลาเข้าออก เลยไม่มีใครมาคอยจับผิดว่าวันนี้เข้ามากี่โมง มีแต่จะคอยสอบถามมากกว่าว่าจะมาไหม ใกล้ถึงหรือยัง เพราะต้องการลายเซ็นอนุมัติงานเสียมากกว่า

[คุณต่อคะ ประชุมสิบเอ็ดโมงที่ห้องประชุม 5 พร้อมแล้วนะคะ จะให้อ้อยเลื่อนไปก่อนมั้ยคะ]

“ไม่ต้องครับ ผมใกล้ถึงแล้ว” พ่อเจ้าประคุณวางสายก่อนจะหันมายิ้มให้ ผมยังไม่หายเขินจากเรื่องก่อนหน้านี้ ใครจะไปคาดคิดว่าจะโดนจัดหนักที่โต๊ะเครื่องแป้ง แถมไม่แน่ใจว่าเช็ดคราบอะไรต่อมิอะไรสะอาดไหม ถ้าป้าหยุดเข้าไปเจอหลักฐานล่ะ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“พี่เอก พี่เอก ใจลอยไปไหนอีกแล้วครับ”

“ปละ เปล่าครับ” ผมสะดุ้งเมื่อโดนเรียก

“เปล่าอะไร ผมเรียกหลายรอบก็ไม่ตอบ คิดเรื่องเมื่อเช้าอยู่เหรอครับ”

เอี๊ยด...ผมหักพวงมาลัยจนรถเซ ดีนะที่สายมากแล้วถนนเลยค่อนข้างโล่ง “คุณต่อ!”

“ขึ้นเสียงใส่ผมทำไมอะครับ หรือว่าพี่เอกคิดเรื่องเมื่อเช้าจริงๆ” ผมล่ะอยากหมุนพวงมาลัยให้รถไปชนฟุตบาทเสียจริง คนยิ่งเขินๆอยู่ยังจะแซวไม่เลิก

“...”

“นานๆเปลี่ยนที่ทีก็โอเคเหมือนกันนะ รอบหน้าระเบียงบ้างนะครับ”

“โว้ยยยย ไอ้คุณต่อ” ผมโวยวายลั่น หน้าร้อนไปหมดเพราะความกระดาก คุณแฟนตัวดีก็หัวเราะร่วน ดีใจมากสินะที่ยั่วเราได้สำเร็จ

             มานั่งคิดเรื่องเมื่อเช้าแล้วก็ยังเขินไม่หาย ใครจะคิดว่าคนเถื่อนอย่างเอกภพจะยอมพลิกตัวให้ไปมองหน้าตัวเองในกระจกอย่างว่าง่าย ภาพใบหน้าตัวเองที่บิดเบี้ยวช่วงที่ต่อน้อยตัวใหญ่ๆดิ้นเข้ามาข้างในนั้นยังกับหนังสยองขวัญ นี่เราทำหน้าตาแบบนั้นทุกครั้งเลยหรือเปล่าวะ แล้วช่วงไหนที่คุณต่อขอให้นอนหงายแล้วบอกว่าอยากเห็นหน้าพี่เอกชัดๆล่ะ...โอ๊ยยยยย ไม่กระดากอายก็คงหน้าหนามากแล้วล่ะ

             ระยะหลังคุณต่อใช้เวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์อยู่แต่ในบ้าน หรือไม่ก็ให้ผมพาขับรถไปเที่ยวใกล้ๆกรุงเทพจนผมแปลกใจว่าทำไมไม่ไปออกรอบตีกอล์ฟกับลูกค้า หรือไม่ไปออกงานสังคมบ้าง แต่ก็นั่นแหละ...นิสัยเอกภพ...คืออยากรู้แต่ไม่อยากถาม ก็ดีเสียอีก คุณต่อจะได้พักผ่อนเต็มที่ แถมการไปเที่ยวต่างจังหวัดก็เป็นการดีสำหรับผมด้วย เนื่องจากนิสัยชอบเที่ยวมันฝังรากลึกในสันดานจริงๆ

             สิ่งหนึ่งที่คุณต่อเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือ จะไม่มีการหอบแฟ้มงานกลับมาทำต่อที่บ้าน จะใช้เวลาทำงานที่ออฟฟิศให้จบ ถ้าศุกร์ไหนงานยุ่งก็จะอยู่เคลียร์จนดึกดื่นเอาให้เสร็จ พอวันหยุดก็ไม่ได้หยิบงานอะไรมาดูเป็นชิ้นเป็นอัน คนใกล้ตัวอย่างผมก็ได้แต่มองตาปริบๆแต่ก็ไม่พูดหรือถามอะไร เพราะต้องอ่านหนังสือหรือไม่ก็ทำรายงานไปด้วยโดยมีมนุษย์ตัวเท่ายักษ์วนเวียนอยู่ไม่ห่าง

“พี่เอก กอดหน่อยยยยย” ว่าแล้วก็มีหมีขาวพุ่งตัวเข้ามากอดตอนที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องทำงาน ผมเป็นคนเรื่องมาก ถ้าอ่านในห้องนอนจะไม่มีสมาธิ อ่านโดยมีคนอยู่ด้วยก็ไม่ได้ คุณต่อเลยถูกไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น พอเวลาผ่านไปสักพัก ไม่รู้หรอกว่านานแค่ไหน ก็จะมีคนติดแฟนตามมาตอแยเรื่อยๆ

“เพิ่งกอดไปเมื่อกี้เองไม่ใช่เหรอครับคุณต่อ” สมาธิผมแตกกระจายแล้วครับ แต่พอเห็นใบหน้าและท่าทางออดอ้อนก็โกรธไม่ลง ใครจะคิดว่าอนาคตผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะทำตัวแบบนี้ได้ พอผมไม่บ่นอะไรก็กอดซะแน่นแถมเอาหน้าถูที่หลังซ้ายขวาไปมาเหมือนแมวอีก

“ก็อยากกอดอีกอ่า พี่เอกหิวหรือยังครับเที่ยงแล้ว” อา...นี่อ่านหนังสือจนลืมเวลาไปเลยนะเนี่ย

“นิดหน่อยครับ คุณต่อหิวแล้วเหรอให้พี่ไปซื้ออะไรมาให้มั้ย”

“ไม่ต้องออกไปหรอกพี่เอก ป้าหยุดเตรียมกับข้าวไว้แล้วเหลือแค่เราลงไปกิน” แล้วจะยักคิ้วทำไมครับ...

“ไปครับ” ผมวางหนังสือ พยายามแกะแขนล่ำๆที่มีแต่กล้ามเนื้อออก ยิ่งแกะยิ่งรัดมากขึ้น ต้องจำยอมให้กอดต่อไป

“พี่เอกไม่สนใจผมอ่า” เอาอีกละ จะเรียกร้องความสนใจอะไรอีกเนี่ย

“ไม่สนใจตรงไหน พี่ก็อยู่นี่ไง”

“ก็พี่เอกปล่อยให้ผมอยู่ในห้องนอนคนเดียว ผมอะเหง๊าเหงา” โอยยยยยย ระยะหลังมาเนี่ยอาการหนักขึ้นทุกวันครับคุณต่อ

“ก็ให้กอดอยู่นี่ไง”

“ให้แค่กอดเองเหรอครับ” อยากจะเขกหัวจริงๆ ใครเอาวิญญาณเด็ก 6 ขวบมาใส่ร่างหมีควายตัวนี้วะเนี่ย

“ไปกินข้าวกันครับ ไปๆๆๆ” ผมเปลี่ยนเรื่อง ผุดลุกอย่างทุลักทุเลเพราะมีคนมากอดจากด้านหลังไม่ยอมปล่อย แล้วก็เดินไปกันท่านี้แหละ ขี้เกียจจะบ่นอะไรละ

             พอเบื่อกับการดูหนัง คุณต่อก็จะมาก่อกวนผมจนตั้งสติอ่านหนังสือต่อไม่ได้ ความจริงแล้วผมอ่านตุนไว้ตั้งแต่ที่ทำงานแล้วล่ะครับ แต่เพราะช่วงนี้สมองมันช้าๆตามวัยชายไทยหน้าตาดีอายุนำหน้าด้วยเลข 3 เลยต้องอ่านบ่อยๆให้มันซึมเข้าหัว การสอบปลายภาคที่ผ่านมาไม่ได้คะแนนแบบยอดเยี่ยมลุ้นเกียรตินิยมสักวิชา มีแต่ผ่าน...แค่นั้น

“พี่เอกเบื่อมั้ยครับที่ไมได้ออกไปไหนวันหยุด” อยู่ๆคุณแฟนก็ถามมา

“ไม่เบื่อหรอกครับ พี่อยู่ไหนก็ได้” ผมก็ตอบความจริง ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปโน่นมานี่หรอกครับ แค่วันทำงานก็เหมือนเดินทางไปกลับหัวหินทุกวันอยู่แล้ว รถติดจนท้อแท้

“งั้นอยู่ห้องนอนกับผมนะบ่ายนี้” คือถ้าไม่ทำสีหน้าแบบกรุ้มกริ่มผมคงจะตอบตกลงหรอก นึกว่าไอ้เราเป็นเด็กสามขวบรึไงที่จะหลอกล่อให้ไปอยู่สองต่อสอง เจตนาของคุณต่อเนี่ยเห็นได้ชัดเจนมากเลยนะครับว่าจะชวนไปทำอะไร ไม่ได้ว่าหรอกนะว่าหมกมุ่น แต่ก็ให้เอกภพได้พักบ้างเถอะครับ... แววตาออดอ้อนส่งมาปริบๆ ไม่มีทางหรอกที่เราจะใจอ่อน ถ้าสงสารและยอมตามใจนะมีแต่เสียกับเสีย จากการเก็บข้อมูลแล้วพบว่า 100% ที่ยอมตกลง คือเสียตัวแน่ๆ

“งั้นคุณต่อไปรอที่ห้องนะครับ ผมล้างจานก่อน” แววตาลิงโลดของมนุษย์แฟนนี่ชวนเอือมระอาจริงๆนะครับ คุณต่อพงษ์เวอร์ชั่นอยู่บ้านจะสวมแค่เสื้อกล้ามที่โชว์ความล่ำและความขาวเนียนของท่อนบนแล้ว ท่อนล่างก็จะสวมแค่บ็อกเซอร์ตัวบางที่ไม่มีอย่างอื่นกั้น พอได้ยินคำตอบก็เดินแกว่งตุ้มที่พร้อมรบขึ้นไปรอที่ห้องนอนทันที

....เอ๊ะ สรุปว่าผมตอบตกลงไปเหรอ จำไม่ได้เลย

             ชีวิตคู่ของเราก็เหมือนจะวนเวียนกันอยู่แค่นี้แหละครับ เราไม่ค่อยทะเลาะกันหนักๆเลยสักครั้ง คุณต่อที่อายุน้อยกว่าผม 5 ปีก็กลายเป็นมนุษย์สามีขี้อ้อนและติดแฟนขนาดหนักจนไอ้เราต้องปลงให้ได้ เพราะการที่มีเขาอยู่มันอุ่นใจมากกว่านอนคนเดียวแล้วนี่นา ยังมีวีระกรรมออดอ้อนแฟนของรายนั้นอีกเยอะ แต่ขอยกมาแค่นี้แล้วกันครับ เพราะกลัวคนโสดอิจฉา ตอนนี้ขอตัวไปล้างจานก่อนนะครับ

...ไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอก

...ไม่มีอะไรจริงจี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

กลัวผัวรอนานน่ะครับ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 36 P.11 @07/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 07-08-2020 19:59:20
...ไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอก

...ไม่มีอะไรจริงจี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

กลัวผัวรอนานน่ะครับ....


สมาคมคนอวดผัว มาแล้ว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 36 P.11 @07/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 07-08-2020 20:23:22
พี่เอกเปลี่ยนไป.  รายการคนอวดผัวก็มา ชริ!   :hao3:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 36 P.11 @07/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-08-2020 01:39:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 36 P.11 @07/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-08-2020 19:10:31
ติดพี่เอกแปลก ๆ นะคุณต่อ //จะมีอะไรหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 36 P.11 @07/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: Austin ที่ 09-08-2020 22:15:27
อีคำว่า กลัวผัวรอนาน นี่มันอะไรกัน
ติดผัวเหมือนกันก็บอกก
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 36 P.11 @07/08/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-08-2020 08:57:54
ผัวรอนาน ..
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37 P.11 @17/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-12-2020 15:34:45
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 37. ก็อยากทำตัวให้เกิดประโยชน์บ้างแหละนะ



             ช่วงหลังมานี้ผมติดการออกกำลังกายหนักกว่าเก่า คงเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายลดลงแทบจะติดลบ จากแต่ก่อนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนตอนนี้แค่หายใจก็อ้วนเอาๆจนแทบจะรับตัวเองไม่ได้ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะไม่กี่เดือนที่ผ่านมาคุณต่อเลิกงานดึกดื่นเนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ผมเลยต้องอยู่เฝ้าแฟนหนุ่มที่ทำหน้ายุ่งทั้งวันอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ตลอดเวลาที่อยู่ออฟฟิศก็แทบจะไม่ได้สวีทอะไรเลยเพราะมีแต่คนเข้ามาล่าลายเซ็นคุณต่อไม่ขาดสาย แถมยังมีโทรศัพท์เข้ามาปรึกษางานจนสายแทบไหม้ หนำซ้ำยังมีการประชุมถี่ยิบจนผมแทบจะเป็นไมเกรนแทน พอเห็นว่าผมเฉา เจ้านายหนุ่มก็เลยบอกให้ใช้เวลาช่วงเย็นไปหาอะไรทำ เมื่อบวกลบคูณหารดูแล้ว การมาเตะฟุตซอลที่สนามใกล้ที่ทำงานเลยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

             แต่ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับว่าที่ออฟฟิศวุ่นวายอยู่กับงานเปิดตัวสินค้าใหม่ เลยทำให้สมาชิกที่มาร่วมวงด้วยร่อยหรอ เดิมคนเป็นสิบ แย่งกันลงสนามกลายเป็นหดหายเหลือแค่ 4-5 คน บางวันก็เหลือแค่ 2 คน เลยทำให้ผมต้องเนียนไปตีสนิทกับกลุ่มอื่นๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน กลุ่มของน้องจีโอ้นั่นเอง

             หลังจากที่มาจอยกันหลายครั้ง พวกเราก็เลยกลายเป็นพี่น้องที่สนิทกันโดยปริยาย จีโอ้ทำให้ผมไม่รู้สึกเคอะเขินเวลาอยู่กับกลุ่มของน้องเขาที่มีแต่หนุ่มๆ อายุไม่เกิน 24 ปี เด็กจบใหม่จากมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอมแพงหูฉี่ไม่มีทีท่าจะแสดงออกว่ารังเกียจคนขับรถของผู้บริหารอย่างผมสักคน ตรงกันข้าม นิสัยห่ามๆแบบผู้ชายและความติดดิน แต่ละคนมาชวนคุยกันอย่างออกรส ผมก็เลยมีกำลังใจผูกมิตรกับน้องๆเพิ่มขึ้น รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปอายุ 20 อีกครั้ง

“พรุ่งนี้ผมจะต้องไปทำงานแล้วนะครับพี่เอก ไม่รู้ว่าจะได้มาเตะบอลหรือเปล่า” จีโอ้ชวนผมคุยหลังจากจบเกม ทีมเราแพ้เลยต้องออกมานั่งพักข้างสนาม เหงื่อพราวไหลเยิ้มจนชุดกีฬาสีขาวลู่แนบเนื้อโชว์สัดส่วนที่น่ามอง ปกติผมไม่ได้สังเกตรูปร่างผู้ชายหรอก ตั้งแต่ชอบมองเรือนร่างสุดแสนสมบูรณ์แบบของแฟนหนุ่มนั่นแหละ ทำให้ผมติดนิสัยมองคนอื่นแล้วเอามาเปรียบเทียบกับหุ่นของเขา แล้วแอบภูมิใจกับตัวเองว่าหุ่นคุณต่อดีที่สุดในโลกแล้ว...อันนี้ไม่ได้เรียกว่าหลงแฟนใช่ไหมครับ

“อ้าว ได้งานที่ไหนครับ พี่ยินดีด้วยนะ”

“ไม่บอกครับ ความลับ บอกก่อนก็ไม่ตื่นเต้นน่ะสิ” น้องชายตัวขาวยิ้มโชว์ฟันขาว พวกเรานั่งพักท่าเดียวกัน คือเหยียดขาสองข้างไปข้างหน้า เอนตัวไปข้างหลังใช้สองแขนดันพื้นไว้ปล่อยให้เหงื่อไคลไหลตกเป็นหยดน้ำลงกระทบพื้นหญ้าเทียม ลมร้อนพัดกรูไม่ช่วยให้เย็นลงเท่าไร แต่ก็พอให้ของเหลวร้อนระอุเหือดแห้ง สักพักตัวเริ่มเย็นเพราะลมที่โชยมาต่อเนื่องทำให้เนื้อตัวเริ่มแห้ง

“อายุแค่นี้ ความลับเยอะนะ” ผมแซว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะโทรหาคุยจ๊ะจ๋า ไม่มีการโทรหรือไลน์ชวนไปเดินห้างแบบเพื่อนวัยรุ่นเขาทำกัน บทสนทนาในแช็ตมีแค่การนัดมาเตะบอลเท่านั้น

“ต้องมีบ้าง จะได้ดูเป็นคนลึกลับ” ผมหัวเราะหึหึกับคำตอบ พอร่างกายเริ่มแห้งก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย จีโอ้ทำแบบเดียวกัน ความสูงของเราต่างกันไม่มาก โดยที่ผมเป็นฝ่ายเตี้ยกว่า นึกสงสัยว่าทำไมเด็กสมัยนี้มันตัวโตกันจังเลยวะ มองพุงตัวเองที่เริ่มย้วยแล้วอ่อนใจ นอกจะแก่ ดำ เตี้ยแล้วยังลงพุงอีก

“พี่เอกจะกลับเลยหรือเปล่าครับ” คนถามกำลังดัดตัวเพื่อยืดเส้น ผมก็กำลังวอร์มดาวน์เช่นกันเลยไม่ได้ตอบทันที

“เดี๋ยวผมกับเพื่อนจะไปฉลองกันที่ xxx พี่สนใจไปด้วยกันปะ”

“หืม ไปฉลองคืนนี้ พรุ่งนี้จะไปทำงานไหวเหรอ” ผมถามอย่างข้องใจมากกว่าจะเป็นห่วง แต่แววตาของจีโอ้เป็นประกายแปลกๆแบบที่เคยเจอมาก่อน ผมเลยเลือกที่จะเงียบดีกว่า น้องเขาไม่ใช่ขี้เหร่นะครับ หน้าตาอย่างกับนายแบบ ผิวขาวสะท้อนแสงระดับเดียวกับคุณแฟนของผม ใบหน้าเรียวได้รูปประดับด้วยคิ้วหนาเรียงเป็นแพ ดวงตาชั้นเดียวคมกริบบ่งบอกชาติพันธุ์แถมยังหุ่นดีอย่างน่าอิจฉา พระเจ้าคงตั้งใจปั้นน้องเค้าจนลืมตั้งใจปั้นผมแน่ๆ

“พี่เป็นห่วงผมเหรอครับ”

“...” นั่นไง เอาแล้ว หลังจากมีแฟนเป็นผู้ชายผมก็เริ่มจับจุดได้ว่าใครชอบผมแนวไหน อย่างจีโอ้เนี่ยมาเนียนๆนะ แต่พอเข้าใกล้มากขึ้นก็พอจะรู้ว่าสายตาที่ส่งให้ไม่ธรรมดา ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะครับ ผมก็ฉลาดพอที่จะลองสังเกตเองเงียบๆได้ ทุกครั้งที่ผมมองก็เห็นสายตาละมุนส่งมาให้ทุกครั้ง มันเหมือนสายตาของคุณต่อไม่ผิดเพี้ยน เขารู้ว่าผมมีแฟนแล้ว เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นเจ้านายที่มาที่สนามบ่อยๆ สองคนนี้เคยเจอกันแต่ไม่ค่อยคุยกัน เหมือนจะไม่ถูกชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมสนใจแค่การได้เตะบอลแล้วก็กลับบ้าน

“พี่เอกครับ”

“หืม”

“คือ...” แววตานั้นดูมุ่งมั่น ผมล่ะอยากหลบหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องรักษามิตรภาพไว้ก่อน ไม่อยากจะเอาเรื่องที่ตัวเองคิดว่ามันใช่หรือคิดเองว่ารู้มาบั่นทอนบรรยากาศ

 “ครับ” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงขึงขัง เมื่อจริงจังมาผมก็จริงจังกลับ ใบหน้าหล่อเหลาที่เหงื่อยังซึมไหลอาบไรผมฉายแววไม่มั่นใจ ท่าทางดูเคอะเขินเหมือนคนมีเรื่องอึดอัดใจปนเปกับความกังวลที่พยายามปกปิดแต่ไม่มิด มือไม้กำลังขยุ้มเสื้อบอลนั้นบ่งบอกว่าเครียด ริมฝีปากหยักสวยนั้นทำท่าจะเอ่ยบางอย่างออกมาแต่ก็ชะงักซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ

“คือ...เจอกันครั้งหน้านะครับ เดี๋ยวผมไลน์ไป” ฟู่... ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายแจ่มชัดแต่ก็ไม่ได้ทักอะไร มีแต่การพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่ร่างสูงนั้นจะเดินไปทางกลุ่มเพื่อนที่ดูเหมือนจะลุ้นกับเหตุการณ์เมื่อครู่ หลายคนลูบหัว บางคนกอดคอเหมือนให้กำลังใจในขณะที่ผมเกาหัวแกรกๆอยู่ที่เดิม เสียงหัวใจผมเต้นแรง มันไม่ได้รู้สึกดีหรือเต้นในจังหวะเดียวกับเวลาอยู่กับแฟนนะครับ แต่มันตื่นเต้น เพราะกลัวว่ามนุษย์แฟนจะแอบมาเห็นแล้วจะโดนลงโทษอีก...ผมไม่ได้กลัวแฟนนะ บอกไว้ก่อน

             เช้าวันต่อมาผมกับคุณต่อก็นั่งอยู่ในรถกันอย่างเงียบเชียบ ช่วงเวลาที่รถติดเช่นนี้ทำให้มีเวลาลอบสังเกตคนที่นั่งข้างกัน ใบหน้าหล่อนั้นฉายแววเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ผมได้แต่เป็นห่วงแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรให้หายเครียด ในเมื่องานที่คุณต่อดูแลมันเกินความสามารถผมไปเยอะ จริงอยู่ที่ผมเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นแล้ว แต่จะให้มาอ่านเนื้อหางานแล้วเข้าใจและพร้อมแบ่งเบาภาระเลยมันก็ดูจะเป็นยอดมนุษย์มากเกินไป จะให้ผมทำใจให้สบายเป็นแฟนที่ทำได้แต่ขับรถพาคนรักในคราบเจ้านายไปไหนมาไหนก็ใช่ที คนเรามันต้องมีอนาคต ถึงแม้คุณต่อไม่ได้เอ่ยปาก แต่ผมก็ไม่เคยไม่คิดถึงเรื่องนี้ มันกวนใจมาสักระยะแล้วที่ต้องเห็นคนที่ได้ชื่อว่าแฟนยุ่งง่วนกับงานทั้งวันโดยที่เราได้แต่มองตาปริบๆ

“พี่เอก ... พี่เอก” เสียงเรียกและแรงเขย่าทำให้ผมสะดุ้ง

“อ๊ะ ครับ”

“เหม่ออะไรอีกครับ ผมเรียกตั้งนานไม่ตอบ”

“ปละ เปล่าครับ”

“โกหก” ฟอด.... นั่นไง ร่างสูงมาซบแล้วกดจมูกโด่งเข้าที่แก้มจนได้

“อื้อ คุณต่อไม่เอา พี่ขับรถอยู่นะ” ผมหอบหายใจถี่เพราะไรหนวดของคนที่ขยับมาแนบชิดไซร้ไปที่ซอกคอจนขนแขนลุกเกรียว ถ้ารถไม่ติดผมคงหักพวงมาลัยไปชนขอบถนนแล้ว

“ผมคิดถึงพี่นี่นา” เสียงนั้นกระเง้ากระงอด ผมเลยถ่างตาอย่างแปลกใจ

“คิดถึงผม? เราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงเลยนะครับ”

“อื้อ คิดถึงสิ อยู่ด้วยกันแต่เหมือนไม่อยู่ด้วยกันแบบนี้ผมโคตรทรมาน”

“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไรครับ”

“เอาพี่เอก” ใบหน้าหล่อนั้นยิ้ม ฉายแววหื่นแต่ยังเจือไปด้วยความอ่อนเพลีย

“อะ ไอ้คุณต่อ” ผมหน้าแดง ร้อนวูบไปถึงใบหูลามไปทั่วคอ คิดถึงเซ็กซ์ที่รุนแรงครั้งล่าสุดก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ปกติคุณแฟนหนุ่มจะไม่ปล่อยให้ตัวเองของขาดนานขนาดนี้ แต่เพราะหน้าที่การงานทำให้เรี่ยวแรงที่เคยคึกคักลดน้อยถอยลงจนเหลือแค่นอนจับมือกันใสๆ (คิดดูว่าเรี่ยวแรงจะกอดยังไม่มีเลย) “หื่น”

“ผมอยากหื่นกับแฟน ผิดตรงไหน” คุณต่อส่งสายตาประกายวิบวับมายั่ว ผมได้แต่เสมองถนนคอยแต่จะดูสัญญาณไฟว่าเมื่อไหร่จะเขียว แยกนี้ติดหนึบเพราะโครงการสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย เลยทำให้รถแทบไม่ขยับ

“...” คุณต่อเอามือมากุมผมไว้ แววตาเปลี่ยนเป็นละห้อยเหมือนคนสำนึกผิดทำผมตามอารมณ์ไม่ทัน พอเห็นสายตาก็รู้สึกใจหายแปลกๆ มันคงเป็นเพราะพวกเราอยู่ใกล้กันมาก เวลาคนหนึ่งรู้สึกอย่างไรมันเลยสื่อมาให้อีกคนอย่างน่าอัศจรรย์

“ผมขอโทษนะครับที่ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ดูแลพี่เอกเลย”

“เอ่อ มะ ไม่เป็นไรครับคุณต่อ พี่โอเค” อยู่ๆก็ขอโทษกัน เป็นใครบ้างจะไม่ตกใจ ไอ้ผมน่ะเป็นคนที่แสดงออกก็ไม่เก่ง พูดก็ไม่เก่ง เวลามีคนมาทำอะไรหวานๆซึ้งๆยิ่งทำตัวไม่ถูก

“พี่เอกไม่โกรธผมใช่ไหมครับ” น้ำเสียงดูเศร้าๆจนผมต้องละพวงมาลัยไปจับมือคนข้างๆ

“พี่จะโกรธทำไมครับ คุณต่อทำงานหนักขนาดนี้ พี่ไม่ใช่คนงี่เง่าเรียกร้องเวลาจากแฟนนะ พี่แก่ปูนนี้แล้ว” ผมลดการ์ดตัวเอง ลองเปิดใจและพูดให้มากขึ้น มันก็เป็นการปรับตัวเข้าหากันที่ไม่เลวเท่าไหร่นะ “จริงๆพี่นี่แหละควรจะต้องขอโทษคุณต่อ เป็นแฟนกันแท้ๆ แต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย” น้ำเสียงผมกลายเป็นน้อยใจได้ยังไงไม่รู้ แต่มันก็สะท้อนความรู้สึกส่วนลึกที่เก็บงำมาตลอดของผมได้เช่นกัน

“พี่เอกอย่าคิดมากสิครับ สิ่งที่พี่เอกทำก็ถือว่าช่วยผมได้มากแล้ว”

“หืม” ผมรับคำอย่างงุนงง “ช่วยยังไงครับ”

“ก็ช่วยอยู่ข้างๆในเวลาที่ผมเครียด คอยนวดไหล่เวลาที่ผมเหนื่อยล้า ช่วยอยู่เป็นแฟนให้ผมรู้สึกอุ่นใจว่าอย่างน้อยยังมีใครอีกคนที่เป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา” อึ้ง.... ไม่คิดว่าจะมาไม้นี้เลยครับ อารมณ์ปนเปไปหมดแล้ว ไอ้ความร้อนวูบวาบทั่วใบหน้าผมตอนนี้หมายถึงอะไรนะ คงจะร้อนแหละเพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ผมได้แต่นิ่ง มองไฟแดงที่ยังคงเจิดจ้าหลายนาทีแล้ว ก่อนที่มือใหญ่นุ่มจะเขยื้อนมาจับใบหน้าที่แดงก่ำให้หันไปสบตาหวานฉ่ำของคนหล่อที่สุดในโลกของผม ริมฝีปากเย็นเฉียบประกบอย่างแผ่วเบาแรงบดน้อยๆส่งผ่านมาเพื่อให้ผมเผยอปากปล่อยให้ลิ้นใหญ่ฉกฉวยเข้าไปในโพรงอุ่นระอุอย่างเนิบนาบ เวลามันเหมือนจะหยุดอยู่ตรงนี้ ความรุนแรงแผ่ขยายไปทั่วจากน้ำหนักที่บดเบียด ใจผมเต้นโครมครามเหมือนครั้งแรกที่ถูกฉกชิงจูบแรกก็ไม่ปาน น้ำลายเหนียวเหนอะส่งผ่านไปมาระหว่างเราเมื่อลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดไร้จังหวะ ลมหายใจหอบพร่าเรี่ยวแรงหายวับเพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลแล่นทั่วร่างเป็นต้นเหตุ กลิ่นหอมในโพรงปากที่เป็นเอกลักษณ์ของแฟนหนุ่มกระทบมายิ่งยั่วยุให้อารมณ์เตลิด ผมแพ้ทางคนๆนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว

ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนน

             เสียงแตรรถคันหลังบีบเร่งไล่ทำให้ผมรู้สึกตัวก่อนจะผละออกจากร่างใหญ่ที่ฉายแววตาเสียดายอย่างไม่ปกปิด ผมหน้าร้อนฉ่ามองตัวเองในกระจกอย่างเขินอาย ใบหน้าแดงไปหมดแถมลมหายใจก็เหมือนจะหอบโยนราวกับเพิ่งไปออกกำลังกายหนักหน่วงมาก่อนจะจับเกียร์และพารถหรูทะยานออกไปจากตรงนี้

“พี่เอก” น้ำเสียงนั้นหอบพร่า เซ็กซี่จนผมแทบจะถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแทบทันที

“คระ ครับ” ผมไม่กล้าสบตาเลยตอนนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองอายุ 14 ก็ไม่ผิด

“คืนนี้รีบกลับเนอะ” ไม่พูดเปล่า แฟนหนุ่มก็คว้ามือซ้ายผมที่กุมเกียร์รถไปจับที่เกียร์ส่วนตัวที่แข็งและขยับตัวไปมาในร่มผ้า ตอนนี้ผมได้แต่อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว จะด่ายังไม่มีแรงเลย แถมมือใหญ่ก็กระชับมือผมแน่นให้จับเกียร์ใหญ่ตลอดทาง



             ผมเห็นโต๊ะทำงานใหม่ข้างคุณอ้อยก็แปลกใจไม่น้อย สงสัยจะได้ผู้ช่วยคนใหม่มาแล้วแน่ๆหลังจากที่งานยุ่งจนคุณอ้อยเลขาส่วนตัวคุณต่อพงษ์หน้าเครียดแถมทำงานดึกดื่น เนื่องจากผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องทำงานคุณต่อ อ่านหนังสือเตรียมสอบหรือไม่ก็ทำรายงานจึงไม่ได้สนใจความเป็นไปของส่วนงานในบริษัทเท่าไรนัก เวลามีพนักงานมาทำงานใหม่ผมก็ได้รู้ตอนที่หัวหน้าฝ่ายบุคคลเอามาแนะนำตัวในห้องทำงานของคุณต่อเท่านั้น

             ช่วงเช้าเป็นช่วงที่ตึงเครียด เพราะแต่ละคนมีงานที่ค้างจากเมื่อวานต้องสะสาง หลังจากนั้นก็มีการประชุม ตัวอย่างสินค้าใหม่ที่ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ลำเลียงเข้าไปห้องประชุมใหญ่มีหลากหลาย โดยส่วนใหญ่เป็นขนมขบเคี้ยว เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างที่ทำการสำรวจมาต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในการทำงานนั่นคือ อร่อย ให้พลังงาน แคลอรี่ต่ำ แต่ก็ไม่ใช่พวกธัญพืชอัดเม็ด ที่ผมรู้เรื่องนี้เพราะตอนนั้นได้ช่วยทางทีมการตลาดไปสำรวจข้อมูลและเอามาสรุปง่ายๆก่อนจะส่งให้ทางทีมคุณกรวิเคราะห์ออกมาจนเป็นต้นแบบของแผนธุรกิจนี้

RRRRRRRRRR

“ครับคุณต่อ” ผมละมือออกจากการบ้านที่กำลังทำอยู่เพื่อมารับสาย

[พี่เอกว่างมั้ยครับ] ปลายสายถามอย่างเกรงใจ

“ว่างครับ คุณต่อจะออกไปไหนหรือเปล่า...” ผมควานหากุญแจรถเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก

[งั้นดีเลย พี่เอกช่วยมาที่ห้องประชุมใหญ่หน่อยนะครับ] ... แล้วเขาก็วางสายโดยที่ผมไม่ทันจะถามอะไรเลยสักอย่าง อะไรล่ะทีนี้ คุณต่อประชุมอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องเรียกผมเข้าไปด้วยล่ะ คิดแค่นี้คิ้วก็ขมวดแล้ว แต่ก็ได้แต่ทำใจดีสู้เสือเดินไปที่ห้องนั้น เอาวะ เป็นไงเป็นกัน...ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะไม่รู้จักผมซะที่ไหนล่ะ พนักงานออกจะเกรงใจผมด้วยซ้ำ

“อ้าวมาพอดี พี่เอกนั่งตรงนี้ก่อนครับ” เก้าอี้ทำงานหนานุ่มของคุณต่อถูกเลื่อนมาให้ผมนั่งลงอย่างเคอะเขิน โต๊ะสีขาวขนาดใหญ่วางตรงกลางเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์มากมายที่วางเรียงกันเป็นหมวดหมู่ ด้านหน้าผมมีขนมขบเคี้ยวที่วางเรียงเป็นแนวบนจานกระดาษสีขาว 6 จาน แต่ละอันไม่บอกว่าคืออะไร แต่เดาจากรูปร่างก็พอจะรู้ว่าเป็นขนมยี่ห้อดังที่วางขายทั่วไปตามเซเว่น

“เอาล่ะ ก่อนพี่เอกจะงงมากกว่านี้ ผมขออธิบายเลยแล้วกัน” คุณต่อจับสีหน้าผมได้ ว่าพลางนั่งลงเก้าอี้พนักงานที่เป็นแบบธรรมดาข้างกัน พนักงานมองตามกันเป็นพรวน คงไม่มีใครคาดคิดว่ารองประธานจะเสียสละเอ้ากี้ผู้บริหารให้คนขับรถนั่ง แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แค่อ่านจากสายตาก็พอจะเดาได้ว่าในใจคิดอะไรกันบ้าง...อิจฉาล่ะสิที่แฟนผมหล่อ

“ครับ” ผมรับคำสั้นๆ

“ที่วางทั้งหมดนี้คือขนมของเราและของคู่แข่งที่วางขายอยู่แล้ว ผมอยากให้พี่เอกลองชิมทีละจานแล้ววิเคราะห์ให้หน่อยครับว่าจานไหนเป็นอย่างไร”

“หะ พี่ เอ๊ย ผมเนี่ยนะ” นอกจากน้ำเสียงจะตกใจแล้ว ท่าทางผมคงลนลานไม่น้อย

“ใช่ครับ” คุณต่อตอบชัดเจน

“ทำไมล่ะครับ” เสียงเกือบเปลี่ยนเป็นกระซิบ เพราะในห้องนี้มีพนักงานหลายสิบ ทั้งฝ่ายพัฒนาฯ การตลาด และขาย แต่ละคนมีความเชียวชาญในงานมากกว่าผมหลายเท่าตัว แต่กลับต้องมานั่งมองเอกภพคนนี้นั่งหน้าเจื่อนเพื่อชิมและติชมขนม

“คืออย่างงี้ครับพี่เอก” คุณกรเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ “พวกเราเป็นคนทำขนมพวกนี้ออกมา ชิมแล้วชิมอีก ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เวลาเราจะเปรียบเทียบความอร่อยมันเลยเกิดไบแอส(Bias) น่ะครับ แต่ละคนก็ต้องเชียร์ว่าขนมของตัวเองอร่อยสุดอยู่แล้ว”

“ใช่ครับ” คุณต่อเสริม “มันเลยจะดีกว่าถ้าให้คนที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการทั้งหมดลองชิมดูก่อนว่าเป็นอย่างไรเพื่อหาจุดที่ต้องนำมาปรับปรุงน่ะครับ” ผมเกาหัวแกรกๆ จะว่าเข้าใจมันก็เข้าใจแหละ แต่ทำไมไม่เอาพนักงานจากฝ่ายอื่นๆมาล่ะครับ ฝ่ายบัญชีงี้ ฝ่ายจัดส่ง ฝ่ายส่งออกหรือไม่ก็ฝ่ายบุคคลก็ได้ ทำไมต้องผมครับ

“ตอนนี้ทุกคนงานยุ่งมาก เลยต้องขอแรงพี่เอกก่อนน่ะครับ” คุณกรเหมือนจะเข้าใจแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามเลยออกปากมาแบบนี้

“อะ เอางั้นก็ได้ครับ” ผมตัวลีบ เพราะสายตาแห่งความหวังเพ่งมาที่ตัวเองจนขาสั่น นี่มันเหมือนดารากำลังแถลงข่าวต่อหน้ากองทัพสื่อเลยนะครับเนี่ย คุณต่อพยักหน้าเป็นเชิงให้ผมเริ่มได้เลยไม่ต้องรอเวลา กระผมจึงเอื้อมมือไปหยิบขนมจากจานที่เขียนหมายเลข 1 กำกับขึ้นมา

“ก่อนอื่น พี่เอกต้องดูว่าขนาดมันเป็นอย่างไร ความแน่นของแต่ละชิ้น กลิ่นดีไหมและที่สำคัญ รสชาติเป็นอย่างไรแล้วสรุปออกมานะครับ” ผมสูดหายใจ ทำไมการชิมครั้งนี้ดูเป็นทางการจังเลยวะ พิจารณาขนมชิ้นเล็กในมือ และเขี่ยชิ้นอื่นๆในจานก่อนหยิบมาดมฟุดฟิดๆและยัดเข้าในโพรงปาก ดื่มด่ำรสชาติที่รับรู้ ... ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงจานสุดท้าย

“ขนมชิ้นนี้กลิ่นไม่แรงเหมือนจานที่สองกับสี่ แต่ความพองของมันมีมากกว่าเลยทำให้รู้สึกว่ามันเบาๆเวลากิน คือยังไงดีล่ะ เอาใส่ปากปุ๊บมันเหมือนละลายไปเลยทั้งๆที่ยังไม่ได้เคี้ยว เวลากินเลยต้องจับใส่ทีละ 3-4 ชิ้นถึงจะได้รสชาติ”

“แล้วมันอร่อยมั้ยครับ” เสียงพนักงานคนอื่นถาม หลังจากที่ผมสาธยายรสชาติขนมจานที่ผ่านมาอย่างออกรส ทุกคนเลยตั้งหน้าตั้งตาจดและฟังอย่างดีเยี่ยม

“ก็อร่อยนะ แต่...” ผมหยิบขนมใส่ปากอีก 3 ชิ้น “มันเบาบางไปจนไม่รู้รสอื่นเลยนอกจากความหวาน ถ้าบอกว่าเป็นสินค้าที่ไม่ทำให้อ้วน อันนี้คงสอบตกแหละครับ เพราะมันหวานที่สุดเลย” ผมยกแก้วน้ำมาจิบ ก่อนจะกวาดสายตาไปมองรอบๆ ทุกคนตาค้าง หลายคนทำหน้าผิดหวัง บางคนก็อึ้งไปแล้ว

“คะ คุณต่อ อย่าบอกนะว่าจานนี้น่ะ...” ผมเอนไปกระซิบถามคนข้างๆที่ทำสีหน้าเดาไม่ออก รายนั้นไม่ตอบแต่ส่งมือใหญ่มาจับต้นขาผมที่สั่นอยู่ใต้โต๊ะ มือเย็นเฉียบของผมเผลอไปกุมโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำพลาดครั้งใหญ่ก็วันนี้แหละ

“แต่ๆๆๆๆ มันก็ดีนะครับ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมได้แต่หัวเราะแก้เก้อ แต่ก็นะ อานุภาพของคำพูดผมทำลายล้างความมั่นใจทุกคนไปแล้ว...



             พอชิมครบทุกอย่างผมก็เดินคอตกออกมาจากห้องประชุม ในหัวคิดแต่เรื่องที่เผลอไปติขนมของบริษัทว่าหวานไปจนทุกคนอึ้ง ผมน่ะไม่รู้หรอกว่าการออกสินค้าใหม่แต่ละอันนั้นมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง แต่การทุ่มเททำงานหนักของคุณต่อและคนอื่นๆในทีมก็พอจะเดาได้ว่ามันไม่ง่ายเหมือนเราแกะซองแล้วจับยัดเข้าปากเคี้ยวๆแล้วก็กลืน

             เมื่อได้นั่งเก้าอี้ของตัวเองก็เลยเหม่อลอยไร้สติ สมาธิที่เอามากองไว้ตอนเช้าหายเกลี้ยงไปกับสายลม มีเพียงเสียงถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้นแหละที่บ่งบอกว่าผมกำลังคิดมากอยู่ ไม่ทันรับรู้ด้วยซ้ำว่าประตูห้องทำงานถูกเปิดดังแกร็กและมีคนเดินมานั่งข้างๆ

จุ๊บ

“หะ คุณต่อ” ผมหันขวับ มองหน้าหล่อที่ยิ้มกรุ้มกริ่มหลังขโมยหอมแก้มผมได้

“ใจลอยอีกแล้ว” ตั้งแต่เริ่มทำงานกันมาได้ปีกว่า เป็นแฟนกันได้เข้าไตรมาสที่สอง ผมโดนเจ้านายหนุ่มบ่นเรื่องใจลอยไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นครั้ง

“คือ...” เห้ออออ หนักใจ รู้สึกผิดจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง

“อย่าคิดมากครับ” พูดเหมือนรู้ แขนล่ำฉวยมาคว้าไหล่ผมไปแนบกับอกแน่น ชุดสูทสีดำเรียบนั้นลงตัวกับเรือนร่างนี้เป็นอย่างมาก มีชุดไหนบ้างนะที่จะทำให้ความหล่อของต่อพงษ์ลดลงไปได้...คำตอบคือไม่มี

“แต่ว่าพี่...” ไม่น่าพูดออกไปเลย ฮือออออ สงสารทีมงาน

“ถ้าไม่เลิกคิด ผมจะปล้ำแล้วนะ”

“อื้อ ก็ได้” หะ...อะไรนะ ไม่ๆๆๆๆ ผมหันไปสบตา ใบหน้ายียวนนั้นเต็มไปด้วยความร่าเริงที่เจิดจ้า

“แกล้งกันนี่”
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37 P.11 @17/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 17-12-2020 19:21:35
จากเดือน สิงหาคม มาจนถึงเดือนธันวาคม

จนคิดว่าลุงเอก เทเล้าเป็ดเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37 P.11 @17/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-12-2020 01:34:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37-38 P.11-12 @18/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 18-12-2020 15:08:24
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


ตอนที่ 38. ตีตราจอง



              หลังจบประชุมที่แสนกระอักกระอ่วนก็ไม่มีใครแวะเวียนเข้ามาหาคุณต่อ ภายในห้องทำงานจึงเงียบเชียบ มีเพียงเสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังเป็นระยะเท่านั้นที่บอกว่ายังมีสิ่งมีชีวิตหายใจอยู่ตรงนี้ หลังจากจบการชิมขนมและสินค้าอื่นๆผมก็นั่งจมปลักอยู่กับความรู้สึกผิดที่พลั้งปากพูดไปแบบไม่คิดในตอนนั้น แม้ว่าคุณต่อจะปลอบใจว่าไม่เป็นไรก็ตาม มันก็ยังรู้สึกแย่ที่เราไปทำร้ายความรู้สึกของทีมงานที่คอยทุ่มเททำงานมาตลอด เมื่อจมจ่ออยู่กับหน้าจอโน้ตบุ๊กเพื่อจัดการการบ้านและรายงานจนเสร็จ ผมก็เงยหน้าไปมองฝั่งตรงข้ามที่กำลังจ้องมาทางนี้เช่นกัน ใบหน้าหล่อเหลานั้นส่งสายตาที่ชวนหลอมละลายมาให้ ไม่รู้ว่ามองมาทางนี้นานเท่าไหร่แล้ว

“มะ มองอะไรครับคุณต่อ” ถามพลางก้มหน้า รู้สึกเขินทุกครั้งที่โดนมอง

“ผมบอกให้เรียกน้องต่อ หรือไม่ก็ที่รัก”

“อื้อ อย่าแกล้งกันสิครับ” คนมันชินนี่นา ไหนจะเกรงใจตำแหน่งของสุดหล่อที่นั่งจ้องอยู่อีก

“กลับบ้านกันไหมครับ” ผมหันไปมองเวลาที่มือถือ

“ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนี่ครับ” น้ำเสียงดูแปลกใจจนอีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“อย่าบอกนะว่าพี่เอกลืม”

“ลืม ลืมอะไรเหรอครับ” ผมขมวดคิ้วบ้าง

“ก็เมื่อเช้า...บนรถ”

ฉ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ... เสียงหน้าผมเองครับ มันแดงจนร้อนไปหมดแล้ว “คุณต่อ” ผมตัดพ้อ

“กลับบ้านกันครับ” รายนั้นไม่ได้สนใจว่าผมกำลังเขินจนตัวแทบระเบิดเพราะความร้อนที่ก่อตัวเหมือนลาวาภูเขาไฟ “เร็วสิครับเดี๋ยวรถติด”

“อะ ครับๆ” ผมจะประท้วงอะไรได้บ้างไหม เมื่อเขาเป็นเจ้านายนี่นา บอกอะไรก็ต้องทำ สองขายาวเดินฉับๆไปที่ลานจอดรถ เมื่อเดินผ่านแต่ละแผนก เสียงเซ็งแซ่ที่ดังเมื่อครู่พากันเงียบกริบ ออร่าเย็นยะเยือกของคุณต่อทำให้แต่ละคนดูอึดอัดจนน่าขนลุก ผมมองด้วยความทึ่ง เพราะตอนที่อยู่ด้วยกัน คนตึงๆคนนี้ไม่มีอยู่จริง มีแต่คนหื่นหน้าหล่อที่พยายามหลอกล่อและแกล้งผมไม่เว้นวันต่างหาก

             ผมเคยได้ยินมาว่า ถ้าเขาบอกจะออกไปข้างนอก...ก่อนหน้านี้คุณต่อจะยังไม่รีบออกจากห้องทำงาน ถึงแม้จะบอกคนขับรถว่าจะไปโน่นไปนี่ร่วมชั่วโมงก็ตาม รถคันหรูจะต้องมาจอดรอหน้าออฟฟิศ ติดเครื่องและเปิดแอร์เย็นฉ่ำไว้เนื่องจากเจ้านายเป็นคนขี้ร้อน จนกระทั่งเคลียร์งานเสร็จหรือไม่ก็รู้สึกตัวเนื่องจากคุณอ้อยโทรเตือน คุณต่อถึงจะเดินไปขึ้นรถ ... แต่ตอนนี้ดันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะเจ้านายหนุ่มชอบที่จะเดินไปที่ลานจอดรถพร้อมกัน มีหลายครั้งที่พยายามแย่งกุญแจไปขับเอง แต่ก็ถูกผมเอ็ดจนต้องยอมรามือ ถ้าปล่อยให้เขาขับรถเอง ผมก็ตกงานพอดี

“คุณต่อไปรอที่หน้าตึกก็ได้นะครับ เดินมาตรงนี้มันร้อน” ผมพูดประโยคนี้รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แล้วคำตอบที่ได้กลับมาก็คงเหมือนเดิมว่า

“ผมอยากเดินมากับพี่เอก” แค่นั้นแหละ ร่างสูงใหญ่ก็เข้าไปนั่งข้างคนขับทันที “หิวมั้ยครับ”

“นิดหน่อยครับ” ปกติเวลานี้คือเวลาของว่าง แต่เพราะได้ชิมขนมไปก่อนหน้า ท้องผมยังเต็มอยู่ “คุณต่อล่ะครับ”

“ไม่หิวครับ กลับบ้านกันเถอะ”

“ทำไมรีบกลับ... เอิ่ม” ผมหุบปาก เพราะนึกถึงเหตุผลแล้วหน้าแดงอีกรอบ ไอ้คนข้างๆเหมือนจะชอบใจเพราะส่งเสียงหัวเราะหึหึจนต้องมองค้อน มือหนามาจับแก้มซ้ายผมแล้วดึงเล่นราวกับเด็กห้าขวบ

“เขินเหรอครับ” นั่นไง แซวมาอีกแล้ว

“...” ไม่ตอบแม่ง

“พี่เอกเขินแล้วน่ารัก” เสียงชมไม่ได้มีความจริงใจเลยสักนิด ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ผมไม่เคยมองว่าตัวเองน่ารักเลยแม้แต่น้อย ไอ้ว่าหล่อน่ะก็พอรู้มาบ้าง แต่หล่อในระดับที่ดึงดูดเพศเดียวกันมาชอบนะ แต่ความใสแบ๊วหรือน่ารักแบบที่โดนแฟนชมอยู่ตอนนี้ ดูไกลตัวเหลือเกิน

“ตรงไหนเนี่ย” ผมยู่ปาก คาดเข็มขัดและกดปุ่มสตาร์ท เครื่องยนต์ทำงานแต่เสียงเงียบกริบสมราคา

“ทุกตรงแหละ ยิ่งตอนคราง..”

“โว้ย พอแล้ว” คิดแล้วก็อาย ผมน่ะครางตอนไหนบ้างน่ะเหรอ ไม่บอกหรอก แต่ไม่ใช่ตอนล้างรถแน่ๆ

“ขอบคุณนะครับ”

“หะ ขอบคุณอะไรครับ” ผมหันไปมองหน้าหล่ออย่างแปลกใจ ตอนนี้รถเคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนใหญ่แล้ว

“ก็ที่ไปช่วยชิมและติดชมขนมไง”

“ผมไม่เห็นได้ช่วยอะไรเลย มีแต่ไปทำพังล่ะไม่ว่า”

“ไม่หรอกครับ พี่เอกช่วยได้มากเลย” น้ำเสียงนั้นไม่มีสำเนียงล้อเล่นแต่อย่างใดจนน่าแปลกใจ

“ช่วยยังไงอะครับ” ถนนสุขุมวิทขาเข้าช่วงบ่ายรถเยอะเป็นปกติ ผมตั้งใจขับรถพลางรอฟังคำตอบ

“เอาจริงๆบริษัทเราส่งออกพวกอาหารสำเร็จรูปแบบผลิตให้ลูกค้า ใส่แบรนด์ลูกค้ามากกว่าใช่ไหม” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ “แต่ทีนี้ทางทีมการตลาดอยากลองเพิ่มสินค้าเข้ามาเพื่อเพิ่มยอดขาย เลยลองฉีกไปทำขนมขบเคี้ยวแบบที่ให้พี่ชิมนั่นแหละ”

“อ่อ”

“แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราถนัดไง” คุณต่อพูดมาขนาดนี้ ผมเลยพอจะเข้าใจภาพรวมแล้ว “พอทำสิ่งที่ไม่ถนัด มันเลยต้องลงทุนเยอะมาก ทั้งเรื่องวัตถุดิบ เรื่องเครื่องจักร ไหนจะเรื่องอาร์ดีอีก (R&D)” ผมพยักหน้าเชิงเข้าใจ

“พอต้นทุนมันเยอะ เลยทำให้สินค้าเราแพง ผมก็ค้านมาสักพักแล้ว แต่ไอ้กรมันขอให้ผมตัดสินใจอีกที”

“คุณต่อเลยให้ผมไปชิม เพื่อพูดความจริง”

“ครับ” ผมไม่ได้มองไปทางต้นเสียง แต่พอจะเดาได้ว่ากำลังรู้สึกผิด “ผมขอโทษนะครับที่ไม่ปรึกษาพี่ก่อน เหมือนผมยืมมือพี่...”

             ผมหงุดหงิดใจในตอนแรก แต่ก็ใจอ่อนให้ภายในเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที มือข้างที่ว่างเลยไปจับมือใหญ่ที่กำหมัดแน่นแทนคำปลอบใจ ไม่รู้ว่าถ้าพูดอะไรไปตอนนี้มันจะดีไหม บางครั้งผมก็เลือกที่จะเงียบเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจมากกว่า

“พี่อย่าโกรธผมนะครับ” น้ำเสียงอ้อนวอน ใจหนึ่งก็อยากจะแกล้งงอนหรอก แต่พอคิดไปคิดมาการที่เราได้ไปชิมขนมและติติงไปนั้นก็เท่ากับว่าเราทำประโยชน์ให้บริษัททางอ้อมอยู่ไม่น้อย เพราะไม่ต้องลงทุนอีกหลายสิบล้านบาท

“...” ผมได้แต่ถอนหายใจ จะดึงมือกลับแต่ถูกจับไว้แน่น สองมือเย็นมากุมไว้อย่างหวงแหน ผมแอบยิ้มที่ได้เห็นท่าทางซึมๆนั้น ก่อนจะตั้งใจขับรถต่อไป

“ไม่ยกโทษให้จริงๆเหรอครับ” น้ำเสียงเว้าวอน ผมใจอ่อนยวบไปตั้งนานแล้ว แต่ที่เงียบเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่างหาก ตอนนี้กำลังดีใจอยู่ที่เป็นส่วนหนึ่ง(แม้จะเป็นส่วนทำลายก็เถอะ)ของงานที่แฟนตัวเองทำอยู่ นึกย้อนไปไม่ใช่แค่ขนมที่ได้ชิม ยังมีอาหารไทยพร้อมทานซีลในถุงพลาสติกและอาหารกระป๋องอีกหลายอย่างที่ได้ชิมแล้วอร่อยจนบรรยากาศในห้องประชุมผ่อนคลายท้ายที่สุด

“คุณต่อชอบแกล้งพี่” ผมไม่ตอบตรงๆ แกล้งมาแกล้งกลับไม่โกง

“ขอโทษษษษษษษษษษษษษ” ลากเสียงยาวอย่างอ้อนวอน ให้มันได้อย่างนี้สิ ผมน่ะแพ้ทุกอย่างที่เป็นต่อพงษ์จริงๆ

“พี่ไม่ได้โกรธหรอกครับ” ผมพูดไปตามตรง “ที่เงียบก็แค่อยากแกล้งแฟนบ้าง”

“ร้ายนักนะ” น้ำเสียงร่าเริงนั้นบ่นอย่างไม่จริงจัง ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มทำเอาผมใจเต้น “คอยดูเถอะ คืนนี้ผมจะจัดให้หนักเลย”

“จะ จัดอะไร อ๊ะ” ยังไม่ทันถามจบ มือก็ถูกเลื่อนไปตะปบกับของแข็งบางอย่างที่ร้อนระอุใต้ร่มผ้า ผมแทบเป็นลมเพราะความเขิน มนุษย์คนนี้ร้ายเกินไปจริงๆ การต่อกรกับคนที่ชื่อว่าต่อพงษ์คือหายนะของเอกภพชัดๆ

“เวลาพี่เขินเนี่ย น่ารักจัง”

“...” ผมไม่มองหน้า ไม่ตอบโต้อะไรแล้ว โฟกัสกับทางข้างหน้าอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นหัวใจที่เต้นอยู่คงทะลุออกมานอกทรางอกเป็นแน่



###### #####

ไลน์!!

             ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ข้างตัวหลังจากถอยรถเข้าที่จอด คุณต่อไม่ได้ถามว่าเป็นใครส่งข้อความมาเพราะรายนั้นรู้ว่าผมคุยกับใคร ที่ไหน อย่างไรอยู่แล้ว แถมยังมีการล็อกอินโปรแกรมไลน์ของผมไว้ที่คอมพิวเตอร์ส่วนตัวอีกต่างหาก ถ้าเป็นคนอื่นทำขนาดนี้ผมคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่คิดแบบนี้กับผู้ชายคนนี้นะ อันนี้ก็แปลกใจเหมือนกัน

GeO : พี่เอก เย็นนี้เตะบอลกันนะครับ เวลาเดิม

ผมอ่านข้อความที่ได้รับแล้วไปสบสายตาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แววตานิ่งๆแบบนี้ส่งมาอีกแล้ว

เอก : วันนี้ขอผ่านครับ

ข้อความถูกอ่านทันทีราวกับว่าคนส่งมาตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบ ผมทำท่าจะพิมพ์อธิบายเหตุผล แต่....

“พอแล้วครับ” มือใหญ่ชิงมือถือและล็อกหน้าจอก่อนจะเดินลงจากรถ เปิดประตูและเข้าบ้าน ผมได้แต่ชะงักมองภาพนั้นจนประตูโรงรถปิดถึงได้สติรีบคว้าข้าวของที่เหลือวิ่งตามไป

             ภายในบ้านเงียบเชียบ ถึงแม้จะหลังไม่ใหญ่แต่ก็อบอุ่นและเป็นระเบียบ โซฟาที่คุณต่อโดนผมแกล้งให้นอนจนป่วยถูกเปลี่ยนเป็นโซฟาขนาด 6 ฟุตที่สามารถดึงส่วนที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ออกมาทำเป็นเตียงนอนได้แถมมีหมอนและผ้าห่มสำรองเผื่อฉุกเฉินอีกต่างหาก เสียงเดินของคุณต่อดังโครมครามมาจากห้องนอน ท่าทางจะร้อนเพราะป้าหยุดไม่ได้เปิดแอร์รอไว้ คงเพราะเรากลับก่อนเวลา คุณต่อดูเหมือนจะหงุดหงิดเพราะเสียงดังเล็ดลอดออกจากห้องชั้นสอง คงเพราะเปิดประตูระบายอากาศไว้ด้วยล่ะมั้ง ผมเดินขึ้นตามบันไดปูนสีขาวที่เพิ่งใส่ราวจับไปเมื่อเดือนก่อนเพราะก่อนหน้านี้มันเป็นบันไดเหมือนบันไดลอย ไร้ราวให้จับ ผมเลยถลาพุ่งก้นจ้ำเบ้าตอนที่เมาจนแข้งขาบวมไปหลายวัน คุณต่อเลยสั่งให้รื้อ แต่ผมแค่บอกว่าให้เพิ่มราวจับก็พอแล้ว

             หลังจากวางหนังสือและสัมภาระตัวเองที่ห้องทำงานก็เดินมาที่ห้องนอนใหญ่ ประตูเปิดอ้ากว้าง ภายในอบอ้าวเพราะข้างนอกร้อนเหมือนซ้อมลงนรก คนตัวใหญ่ไม่ได้อยู่ในห้อง แต่เสียงน้ำดังมาจากห้องเล็กก็พอรู้ว่ากำลังอาบน้ำอยู่ ผมล่ะใจแป้ว คงเพราะท่าทางที่เหมือนจะงอนของคุณต่อนั่นแหละที่ทำให้ใจร้อนรุ่ม คุณต่อขี้หึงมาก ซึ่งผิดกับผมที่ไม่เคยจะหึงเขาเลยสักครั้ง ... อย่ากลับไปอ่านตอนที่ไปงานแต่งคุณกรนะครับ อันนั้นไม่เกี่ยว

             ปกติแล้ว คุณต่อก็ไม่ได้หัวเสียกับน้องจีโอ้เท่าไหร่นักหรอก เพราะเคยเจอแบบผ่านๆที่สนามฟุตซอลมาแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ออกอาการว่าจะหึงหวงกับเด็กคนนี้ พวกเราก็ไลน์ชวนไปเตะบอลกันเป็นประจำ แต่ไม่รู้ว่าทำไมต้องออกอาการไม่พอใจในวันนี้ด้วย ผมเหลือบมองมือถือที่นอนแอ้งเม้งบนเตียง หยิบมันออกมาเพื่อดูข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน

GeO : อ่า ไม่เป็นไรครับ เจอกันครั้งหน้า

GeO : เสียดายที่พี่เอกไม่ได้มา เนี่ยผมซื้อขนมมาฝากพี่ด้วยนะ [รูป]


อื้อหือ ... อ่านแล้วทุกข้อความ

GeO : พี่เอกคงยุ่งอยู่ ผมไม่กวนละครับ แต่พี่เอกจะว่าอะไรมั้ยถ้าผมจะขอแอด Facebook พี่

เอก : ว่า


เฮือก! ผมไม่ได้พิมพ์แน่ๆ และมีอยู่คนเดียวแหละที่ทำ

ชะตาจะขาดมั้ยกรู (>_____________<) ... ไม่อยากจะคิดเลย



             เสียงประตูห้องน้ำดังแกร็กทำผมรู้สึกตัว ใบหน้าหล่อเดินตัวเปียกชื้นมาโดยไม่สวมอะไรสักอย่าง พวกเราเหมือนจะชินกับเรื่องนี้ไปเสียแล้ว แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่เขินนะครับ นอกจากนั้นก็พ่วงด้วยความอิจฉานี่แหละ มองเรือนร่างสูงโปร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างจดจ่อ เส้นผมเปียกไหลลู่ไม่เป็นทรงขับใบหน้าให้ดูคล้ายแบดบอย ไหล่หนาที่ไร้ไขมันรับกับกล้ามแขนแกร่งที่กอดผมทุกคืนช่างชวนฝัน ร่องอกใหญ่ขึ้นพร้อมกล้ามเนื้อประดับที่สวยงามมีเม็ดน้ำเกาะพราวคล้ายกากเพชรที่สะท้อนแสงจากออร่าความหล่อของเจ้าตัวเอง กล้ามหน้าท้องเป็นลอนแปดลูกเรียงตัวสวยราวกับรูปปั้นพร้อมแนวโค้งของเอวแกร่งเคลื่อนรับกับวีเชฟตรงลำตัวทำให้ผมละสายตาไม่ได้เลยจริงๆ

“จ้องขนาดนี้ ไม่จับผมทำผัวเลยล่ะ”

“อ๊ะ” ผมหน้าร้อนวูบ ปกติคุณต่อจะไม่ใช้คำว่าผัวนอกจากอารมณ์ไม่ค่อยดี และแน่ล่ะ ถึงไอ้เอกภพไม่ฉลาด ก็พอจะรู้นะว่าคนที่ยืนอ่อยผมหน้าห้องน้ำไม่พอใจเรื่องอะไรอยู่

“...” สายตาคมกริบยังมองมา ผมเด้งตัวจากที่นอนก่อนจะถอดเสื้อและโยนไปที่ตะกร้าใส่ผ้า คุณต่อมองตามอย่างเงียบเชียบ ผมเดินไปทางห้องน้ำ ดันร่างสูงให้หลบจากประตูแล้วถอดกางเกงและพาดที่ไหล่คนที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นยนต์

“ร้อนจังเลยครับ อยากอาบน้ำ แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครอยากอาบให้มั้ยนะ” บางครั้งผมก็ไม่ต้องอธิบายหรือเอ่ยคำขอโทษหรอก เพราะผมรู้ว่าทำอย่างไรแฟนหนุ่มจะใจอ่อน

“ไม่มีสินะ” ผมตัดพ้อ ค่อยๆถอดกางเกงในสีซีดช้าๆ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าคนตัวสูงจับจ้องแผ่นหลังและบั้นท้ายผมอย่างร้อนรุ่ม คุณต่อเป็นคนที่ติดง่าย ยั่วนิดหน่อยก็พร้อมรบแล้ว ที่ผ่านมาเอกภพเลยต้องสงวนท่าทีหน่อย ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับที่จะมีอะไรกับแฟน แต่...สารภาพเลยว่ามันเจ็บ แม้จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อบรรเทาแล้วก็ตาม

             ผมทำท่าปิดประตูแต่ถูกมือใหญ่จับไว้ แววตาหื่นกระหายส่งผ่านมาอย่างเร่าร้อน แก่นกายใหญ่โตผงาดรออยู่แล้วราวกับจะลงโทษผมให้สาสมกับที่ไปยั่วยุผู้เป็นนาย กลิ่นสบู่อ่อนๆจากร่างใหญ่ประชิดมาเรื่อยๆ ไร้คำพูด ไม่มีคำเตือนล่วงหน้า มีแต่แววตาที่ไม่ปกปิดความต้องการราวกับสัตว์ป่าที่หิวโหย ใบหน้าหล่อโน้มใกล้ แขนล่ำคว้าท้ายทอยผมให้เชิดเพื่อรองรับกลีบปากกระจับบดเบียดอย่างรุนแรง ผมเผยอรับเพื่อลดแรงกด ฟันขาวขบเนื้อปากล่างผมแผ่วเบาจนเผลอร้องครางอย่างหลงละเมอ มือข้างที่จับประตูหันมากระชับเอวคนที่ยั่วยุ ก่อนจะดันกายให้เข้าไปในห้องน้ำกว้าง แผ่นหลังผมชนเข้ากับผนังเย็นเฉียบก่อนกระแสน้ำจากฝักบัวไหลกระทบจนหนาวเหน็บ ริมฝีปากที่ร่ายงับไปมาส่งผ่านของเหลวที่ไม่อาจแยกได้ว่ามันคือน้ำหรือน้ำลาย มีเพียงความอบอุ่นในโพรงปากพุ่งทะยานไปเรื่อยๆ เวลาจูบกันทีไรผมก็รู้สึกราวกับถูกดึงให้ลอยขึ้นฟ้าจากพลังงานที่มองไม่เห็น ลมหายใจกระชั้นถี่ทำให้คนรุกรานลดจังหวะเปลี่ยนเป็นดูดเฟ้นแผ่วเบาก่อนละริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งเพราะไม่อยากจะยุติการกระทำที่แสนเซ็กซี่นี้ไปได้

             ใบหน้าขาวใสนั้นยิ้มกริ่ม มันเป็นยิ้มที่แสนยั่วยวนจนผมไร้แรงต้าน ความเป็นจริงคือผมไม่เคยต้านทานเขาได้เลยสักครั้ง จมูกโด่งซุกไซร้ที่ซอกคอเปียกอย่างบ้าคลั่ง แรงดูดเม้มที่ร่องรอยต่อคอและไหล่เสียดสีจนผมร้องอื้ออึง จบจากนี้คงเป็นรอยแดงเป็นแน่ แต่เหมือนแฟนหนุ่มจะไม่สนใจ เพราะริมฝีปากเปียกชื้นเลื้อยมาขบติ่งหูแถมใช้ไรหนวดถูไถที่ซอกคอจนผมเผลอแหวกขาสองข้างปล่อยให้ร่างใหญ่แทรกกลางจนได้ แรงดูดดึงไหลเลื่อยจงไปจรดที่แผงอก เสียงจ๊วบจ๊าบดูดดุนรุนแรงกว่าเก่าหลายต่อหลายจุด ร่างสูงโน้มต่ำลงจนกลายเป็นนั่ง ผมก้มมองใบหน้าหล่อเหลาที่เงยมาบรรจบ แววตาหื่นดูเร่าร้อนทำให้สติขาดผึง ปากสวยอ้าครอบความแข็งแกร่งอย่างไม่รอช้า

“ย่ะ อย่า อ๊า พ่ะ พี่ยังไม่ได้ล้าง มัน อื้อ เหม็น” ผมพยายามประท้วง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับนอกจากแรงดูดกลืนที่แรงขึ้น ลิ้นอุ่นร้อนโลมเลียที่ส่วนปลายจนเสียวซ่านเนื้อตัวกระตุก สายน้ำไหลถูกปิดอย่างไม่ตั้งใจด้วยแรงบิดของร่างกาย สองมือผมเคลื่อนไหวสะเปะสะปะ แผ่นหลังเสียดสีไปมากับผนังห้องน้ำ แรงรูดคลึงดูดเฟ้นเข้าออกเป็นจังหวะรุนแรงมากขึ้น นิ้วยาวใหญ่ที่ไหลลื่นจิ้มที่ปากทางด้านหลังจนผมสะดุ้งวาบก่อนจะปล่อยให้ความแน่นไหลคืบไปด้านในช้าๆ ริมฝีปากคุณต่อทำงานอย่างแข็งขัน ผมปล่อยกายและใจอย่างหลงลืมความเขินอาย มีเพียงเสียงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวอย่างลามก ใบหน้าผมร้อนระอุ หน้าท้องบิดมวนเพราะใกล้ถึงจุดสุดยอด สองมือเปลี่ยนไปจับผมดกดำกระชากอย่างไม่เกรงว่าจะร่วงหล่น คล้ายจะรู้ว่าผมจะถึงที่หมาย คุณต่อดูดดุนรูดเฟ้นหนักหน่วงกว่าเก่า เนื้อตัวผมบิดเร่าลมหายใจหอบหนักคล้ายคนจะเป็นลมก่อนที่แรงกระตุกจากท่อนเนื้อคาคับในปากจะปลดปล่อยความสุขสมล้นทะลัก แฟนหนุ่มไม่ถอยปากออกในทันทีแต่กลับคาไว้ก่อนจะดูดกลืนของเหลวนั้นจนเกลี้ยง ปากสวยรูดออกช้าๆแต่กลับรุกรานไม่ลดละ ลิ้นสากเลียกระหวัดตรงส่วนปลายเปิด

“อ๊า ไม่เอา เสียว อ๊า มันเสียว อ๊า” ผมบิดตัวแทบจะทรุด เวลาที่ผู้ชายปลดปล่อยออกมาแล้ว ส่วนปลายหัวของแท่งเนื้อจะอ่อนไหวเป็นพิเศษ ยิ่งถูกจับหรือดูดเฟ้นจะเสียวมากจนแทบล้มทั้งยืน และเวลานี้ผมก็กำลังโดนมนุษย์แฟนแกล้งอย่างหนัก

“บทลงโทษของคนเสน่ห์แรง” คุณต่อลุกมาสบตาก่อนจะพูดความในใจ ผมรู้แหละว่าหึง แต่ตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้หรืออธิบายอะไรได้ ปล่อยให้เขาพลิกร่างให้อกแนบกับผนังห้องน้ำแทน

“คะ คุณต่อ อื้อ” ร่างของผมถูกจัดท่าให้ยืนโก้งโค้ง บั้นท้ายลอยเด่นโดยมีสองแขนดันกำแพง นิ้วยาวใหญ่ที่หลุดออกกลับมาควานคว้านภายในอีกครั้ง

“พี่เอก ให้ผมเข้าไปหน่อยสิครับ” นิ้วที่สองพยายามเข้ามา แต่ความแน่นมันมีมากกว่า ปากทางเลยขมิบไม่ให้เข้ามาโดยง่าย

“อ๊ะ อื้อ” ผมร้อง

“เจ็บเหรอครับ”

“อื้อ” ไม่มีคำปฏิเสธ ผมไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ถูกกระทำเช่นนี้ ช่องทางแคบมันขยายได้แต่ไม่ใช่ว่าจะขยายในทันทีที่ต้องการ คุณต่อใจเย็นเช่นเคยพยายามโลมเล้าแผ่นหลังจนผมเสียววูบ มือหนึ่งกระชับบั้นท้ายเริ่มออกแรงแหวก รอยจีบที่ถูกนิ้วขยี้อยู่เจ็บเกร็งปนเปกับความจุกแน่น เจลหล่อลื่นที่อยู่ประจำในห้องน้ำถูกชะโลมมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจช่วยให้นิ้วอื่นเข้ามาได้

“อื้อๆๆๆๆๆๆๆๆ” คุณต่อขยับนิ้วที่คาข้างในขึ้นลงไปมาเป็นจังหวะเขย่า ผมครางลั่นเพราะมันจุก แรงดูดเฟ้นที่บั้นท้ายหนักหน่วงเพื่อประท้วงให้อีกฝ่ายหยุด

“ผมไม่ไหวแล้วพี่เอก พี่เอกเซ็กซี่เกินไป”

“พะ พี่ อื้อ....” ริมฝีปากคนข้างหลังหันมาบดเบียดจนเรี่ยวแรงผมเหือดหาย

“ให้ผมเข้าไปนะ” ผมไม่ตอบ มีแค่การพยักหน้าเชื่องช้าเป็นคำตอบ รู้สึกหวิวโหวงเมื่อบั้นท้ายถูกจัดท่าให้อยู่ในระดับพอดีกับแกนกลางของคนซ้อนหลัง ในใจหวาดหวั่นเพราะความใหญ่โตที่จดจ่อปากทางพร้อมจะเข้ามาบดขยี้ มันมีไม่กี่ครั้งที่คุณต่อจะใช้นิ้วเบิกทางมาก่อนได้เกิน 1 นิ้ว เพราะรูเล็กของผมมันแคบและแน่นจนเกินไป เวลาโดนนิ้วที่สองตามมาก็เหมือนมีตะขอมาเกี่ยวให้เจ็บจนตัวงอ ระยะหลังมานี้เลยต้องอาศัยความใจกล้า ใช้แค่นิ้วเดียวให้ภายในผมพอจะรับรู้ก่อนว่าหลังจากนี้จะมีอะไรที่ใหญ่กว่าตามมาเหมือนเช่นตอนนี้

“ผมจะค่อยๆนะครับ” เสียงกระเส่าเอื้อนเอ่ย ผมหลับตาแน่นเมื่อความเย็นเยือกของส่วนบานกดมา บั้นท้ายผมขยับหนีแต่ถูกรั้งไว้ด้วยมือหนาแถมถูกดึงร่นให้ประชิดกับความใหญ่โตนั้นอย่างช้าๆ

“อื้อพี่เอก ปล่อยให้ผมเข้าไปนะ” ผมกัดปากแน่น แค่ส่วนหัวยังไม่เข้ายังแน่นจุก สองขาผมสั่นแต่ก็ใจสู้มากพอที่จะแยกมันให้กว้างขึ้นอีกหน่อย

“อุ๊ก!!” ผมจุกจนสะดุ้ง ความใหญ่ส่วนแรกแทรกกายแน่นหนึบมาภายใน หูรูดน้อยร้อนฉ่าเหมือนถูกไฟลวก ความเจ็บแล่นจี๊ดถึงสมอง ขาที่สั่นเทาเริ่มอ่อนแรง ยังดีที่คนข้างหลังเรี่ยวแรงเหลือช่วยประคอง

“ผมรักพี่เอกนะ พี่เอกเป็นของผม ของผมคนเดียว” เสียงอ่อนหวานปนกับหอบพร่าของแฟนหนุ่มทำให้ผมปล่อยตัวแรงดันมหาศาลไหลผ่านร่องแคบจนหน้ามืด ความเจ็บยังมีอยู่ แถมพ่วงความจุกหน่วงแถวท้องน้อยจนแทบหมดลม

“จะหมดแล้ว อดทนนะครับคนดี”

“อื้อ อ๊า” ผมไม่ตอบ ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงหายไปไหนหมด มันจุกหอบจนเจ็บทั่วทรวงอก ความใหญ่โตที่ไม่เคยชินคาคับในตัวจนแนบแน่น เนื้อในร้อนระอุโอบรัดสิ่งแปลกปลอมแน่นขนัดจนใบหน้าหล่อบิดเบ้ ความเสียวกระสันเล่นงานอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง คุณต่อซี๊ดปาก

“ให้ผมขยับนะครับ คนดี ซี๊ด พะ พี่เอกตอดแน่นเกินไป” ร่างสูงประท้วง ผมได้แต่อ้ำอึ้งเพราะยังปรับสภาพไม่ได้ จะเปล่งเสียงก็มีแต่ลมและความจุกเสียด แท่งเนื้อที่ไหลครูดเคลื่อนตัวออกช้าๆก่อนจะกลับมาที่เดิมเป็นจังหวะพอให้ผ่อนคลาย ใครบอกว่าโดนบ่อยๆจะชิน ผมล่ะเถียงขาดใจ ความเจ็บ ความจุกมันยาวนานจนแทบกลั้นใจตายตรงนั้น กว่าจะเจอความเสียวซ่านก็เล่นเอาหน้ามืด

“อื้อ อื้อ” ผมพยายามประท้วงให้เขาแช่ไว้ก่อน แต่กลายเป็นเหมือนร้องครางเชื้อชวนมากกว่า คนตัวใหญ่จึงสาวกายสุดจังหวะความยาวก่อนจ้วงสุดโคน

ป๊าบ!!!

“อื้ออออออออออออออออออออออ” ผมหลับตาแน่น มันจุกๆเสียวๆแปลกๆ เห็นดาววูบวาบที่หางตาจนแข้งขาไร้เรี่ยวแรงทรุดลงจนคนก่อเรื่องต้องหิ้วปีกไว้

             ร่างของพวกเราเคลื่อนที่อย่างทุลักทุเล คงเพราะเรี่ยวปแรงผมหายไปหมดแล้ว คุณต่อจึงซ้อนหลังจะดันให้ไปจบที่อ่างอาบน้ำที่แห้งสนิท ผมถูกเร่งให้ยกขาก้าวไปทั้งๆที่พลังงานแข็งขืนยังบดเบียดในร่างอยู่ พอนั่งลงก็กลายเป็นว่าผมหันหลังและนั่งทับหน้าตักแฟนหนุ่มที่กำลังออกแรงสอยผมให้ร่วงเหมือนเร่งทำคะแนน

“ที่รัก หันมาทางผมนะ” เสียงชวนฝันพูดผมยังไม่ทันตอบก็ถูกหมุนตัวทั้งๆที่ของแข็งยังไม่หลุด

“อ๊าๆๆๆๆ เจ๊บ” ในที่สุดผมก็แหกปากออกมาได้ หน้าตาคงแดงก่ำไปหมดแน่ คุณต่อเหมือนไม่ทะนุถนอมผมเท่าไหร่เลยวันนี้

“มะ ไม่เอาแล้ว ฮือ พี่เจ็บ” มันเจ็บจริงๆนะครับ ไอ้ที่เคยอ่านในนิยายเกย์ว่าฝ่ายรุกเอี้ยวมาขยับฝ่ายรับโดยที่ยังสอดแทรกกายทำให้เสียวมากน่ะ นิยายหลอกเด็กชัดๆ เพราะความใหญ่แน่นมันคาอยู่ แถมร่องแคบของผมก็ยังปรับสภาพไม่ค่อยได้ ตอนนี้เลยได้แต่ทรุดตัวแนบหน้ากับอกแดงช้ำของคนที่ทำร้าย

“คุณต่อโกรธ แต่อย่าทำแบบนี้กับพี่สิ อือ...” แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา คงเพราะทั้งเจ็บและเสียใจแหละที่แฟนทำรุนแรงเหมือนเราเป็นสิ่งของ ผมพยายามนิ่งแต่คนข้างล่างน่าจะรู้เพราะน้ำตาอุ่นหยดกระทบยอดอก

“พี่เอก ผมขอโทษ ผมขอโทษ” เหมือนเขาจะได้สติกลับมาดึงร่างผมไปกอด ผมไม่ได้สะอื้นเหมือนหญิงสาวแรกแย้ม พยายามกัดฟันไว้เพราะไม่อยากเผยมุมอ่อนแอ โดนกระทำไม่ว่า แต่รุนแรงแบบนี้เอกภพก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ

“คุณต่อ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร มันเจ็บจุกไปหมดทั้งร่างกายและจิตใจ

“ผมไม่ดีเอง ผมหึงมากไปหน่อย ผม...ขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนสำนึกผิดได้จริงๆ

“พี่ไม่เคยมีใคร ไม่เคยคิดจะมีใคร นอกจากคุณต่อนะครับ” ผมย้ายซบที่ไหล่

“ผม...อื้อออออออ...ผมแม่งเชี่ย” จริงๆคุณต่อสบถออกมาเป็นตัว ห นะครับ ไม่ใช่ ช (แต่กลัวโดนแบน)

“ผมขอโทษ ขอโทษนะครับ” ใบหน้าผมถูกจับไปอยู่ในระดับเดียวกัน แววตาสำนึกผิดทำผมใจอ่อนอีกจนได้ ความตึงหน่วงที่บั้นท้ายกลับมาแน่นหนึบอีกครั้ง

“จูบพี่หน่อย” ผมร้องขอ “ช่วยให้พี่หายเจ็บหน่อยได้ไหม” ใบหน้าหล่อไม่ตอบ มีเพียงรอยยิ้มและแรงประทับของสองเราส่งผ่านความรักไปมาจนเรือนร่างผมซ่านกระสัน ขนกายลุกชูชันตามแรงขับเคลื่อนที่แสนวาบหวาม ความใหญ่โตโอ่อาเบื้องล่างขยับไปมาโดยมีสองมือบังคับบั้นเอวผมให้ขึ้นลงเป็นจังหวะ แรงเสียดสีจี้จุดภายในเริ่มปรับสภาพได้ ความหน่วงผ่อนปรนไปเยอะ ความจริงมันไม่หายเจ็บหรอก แต่เพราะรสจูบที่อ่อนโยนซาบซ่านนี่ต่างหากที่กระตุ้นให้ร่างกายผมรับรู้ถึงความสุขสมล้นปรี่ที่ขับเคลื่อนเข้าออก แรงปะทะหนักหน่วงและรุนแรง ผมเหลียวมองภาพในกระจกอย่างกระดากอายเมื่อความใหญ่โตสอดผ่านล้วงเอาเนื้อสดภายในไหลรูดเผยมาด้วย ยิ่งดูสติก็ยิ่งกระเจิดกระเจิง แรงบดขยี้รุนแรงและป่าเถื่อนกว่าเก่า แต่ผมกลับรู้สึกดีที่ถูกกระทำ ยินยอมให้ความใหญ่โตสอดทะยานล้วงลึกจนด้านในชาดิก แรงเคลื่อนไหวกระทุ้งกระแทกเข้าไปจนผมหวีดหวิว ปากร้อนดูดเฟ้นที่เนินอกผมอย่างหิวหื่นแรงขบหัวนมแข็งกระตุ้นความต้องการที่หยาบโลนให้โพยพุ่ง ผมขยับบั้นท้ายขึ้นลงด้วยตัวเองอย่างโหยหาท่อนเนื้อแข็งแกร่งที่สอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน แรงกดทับดังปึงปังทั่วห้องน้ำ เหงื่อไหลย้อยหยดปนเปกับเรือนร่างแฟนหนุ่มก่อนไหลตกไปที่อ่างอาบน้ำเป็นทาง

             แรงกระตุ้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆจนผมลืมเลือนความเจ็บปวด แรงดูดดึงที่แผ่นอกจนเป็นรอยแดงทำให้ลอยละล่อง ร่างกายที่เคยขัดขืนแปรเปลี่ยนเป็นโรมรันอย่างไม่รู้จักพอ เสียงลมหายใจเหนื่อยหอบผสานกันไปมา บั้นท้ายที่หย่อนขึ้นลงเป็นฟองมีหยาดหยดของเหลวข้นไหลเยิ้ม บั้นท้ายของคนที่อยู่เบื้องล่างเคลื่อนไหวรุนแรง หัวบานครูดชนเนื้อภายในจนหวิวไหว ผมกรีดร้องอย่างหนักเมื่อจังหวะสอดแช่กระทบกับความสุขล้นที่ซุกซ่อนอยู่ แรงบดขยี้จุดเดิมซ้ำไปมาทำให้แก่นกายที่อ่อนยวบกลับมาผงาดอีกครั้ง จังหวะกระแทกเข้าออกสุดความยาวทำให้ผมจิกนิ้วกับแผ่นหลังขาวเนียนอย่างหนัก ของคุณต่อใหญ่โตเกินไป มันยิ่งทำให้สองขาต้องแหวกกว้างไปอีก แรงเร่งเร้าจุดหรรษาทำให้ผมหน้ามืด ความเสียวหน่วงท้องน้อยบิดมวนรุนแรงจนต้องสูดลมหายใจยาว คุณต่อส่งแก่นกายมิดสอดประสานความต้องการที่ห่างหายไปร่วมเดือนอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าเหยเหเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและร่องรอยความต้องการชวนให้ผมเคลิบเคลิ้ม แรงกดแนบชิดจนถึงส่วนที่ลึกที่สุด ผมผวาตัวสั่นเทิ้มเมื่อความสุขสมขยับมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ....
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37-38 P.11-12 @18/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 18-12-2020 19:42:17
ลุงงงงงงเอก  ยั่วแล้วเป้นไงล่ะ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37-38 P.11-12 @18/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-12-2020 23:52:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37-38 P.11-12 @18/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-12-2020 08:54:04
แรงหึงของคุณต่อทำเอาพี่เอกร้องไห้เลยนะจ๊ะ  คนง้อก็ยั่วจนได้เรื่อง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37-38 P.11-12 @18/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-12-2020 11:39:37
เรื่องของคนรักกันอ่ะเนอะ ^^
(แต่ดูท่าน้องจีโอก็คงอยากได้พี่เอกแหละ)
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37-38 P.11-12 @18/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 20-12-2020 16:47:29


เข้ามาแจ้งข่าวว่า  อีก 2 จะจบแล้วนะครับ
ใครยังไม่เคยอ่าน อ่านรอได้เลยครับ

อิอิ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 39 P.12 @21/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-12-2020 14:45:42
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************

Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล


บทนำ

             เอกภพ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีกำลังถูกพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เมื่อแม่ดันมาป่วยต้องใช้ค่ารักษามากโข แต่รายได้จากการขับแท็กซี่นั้นไม่พอยาไส้แน่ๆ เหมือนดาวพระเคราะห์ยังปราณีเมื่อมีเศรษฐีหนุ่มหล่อรุ่นน้องชื่อต่อพงษ์ ที่ปากเสียและอารมณ์ร้อนมาชวนให้ไปเป็นคนขับรถยนต์ส่วนตัวด้วยข้อเสนอที่สุดแสนเย้ายวน

             ทุกอย่างมันไปได้สวยเลยแหละ ถึงแม้เจ้านายหนุ่มใบหน้าหล่อกว่าพระเอกละครจะกร่นด่าทุกวี่วันแต่เอกภพก็ยึดตำแหน่งหลังพวงมาลัยไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ถูกไล่ออกเหมือนคนก่อนๆ แต่เรื่องมันจะไม่วุ่นเลย ถ้าเจ้านายหนุ่มของเขาไม่ทั้งอ่อย ทั้งยั่ว และใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าขู่ ชายแท้อย่างเอกภพมีเหรอจะยอมง่ายๆ ถึงแม้จะหวั่นไหวกับประโยคที่แสนมั่นใจของเจ้านายหนุ่มประโยคหนึ่งเสียเหลือเกินก็ตาม

“....พี่เอกเป็นของผม”

             แล้วคนขับรถจนๆอย่างเอกภพจะต้องทำยังไง ถ้าเลือกจะลาออก ที่บ้านจะต้องเดือดร้อน แต่ถ้าอยู่ต่อ ตัวเองนั้นแหละที่จะเดือดร้อนเป็นแน่แท้...






(https://scontent.fbkk8-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/s960x960/82276715_2681685328545810_4293239997592502272_o.jpg?_nc_cat=111&_nc_eui2=AeGn7aneghhGhhfPhx3XOuXUaJ2vRt_WCcLUFwMmct22rGyMfZRwHj7NeAPt4QbqJD5dbErC9qgXdI3p6tw4urZeV-fmH2yIFA-BMww5GUQ3RQ&_nc_ohc=vWvXxQKLnQoAX8SFizy&_nc_ht=scontent.fbkk8-3.fna&_nc_tp=1002&oh=7d9e89a9445aabf949f4625b4613c9fc&oe=5E97060A)

*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น มิได้ลอกเลียนหรือดัดแปลงมาจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ
ภาพประกอบ ชื่อ และสถานที่อ้างอิงเป็นเพียงการสมมุติ
มิได้มีเจตนาอื่นใดนอกจากแต่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ***

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 37-38 P.11-12 @18/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-12-2020 14:48:43
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 39. จอมวางแผน (ตอนหน้าจบแล้วนะครับ)

             งานนี้บอกได้เลยว่าเอกภพแพ้ราบคาบ หลังจากจบศึกหนักก็นอนพะงาบๆให้พ่อตัวดีจัดแจงล้วงควักอาบน้ำให้ สมองเบลอขาสั่นใจหวิวไปหมดเพราะโดนจัดแบบหนักแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่สนใจเลยว่าจะใช้นิ้วกี่นิ้วกวาดล้างเศษซากที่หลงเหลือ ได้แต่ส่งเสียงอื้ออึงตอนที่นิ้วยาวแข็งครูดไปมาในกายเท่านั้น รู้สึกตัวอีกทีก็โดนจับไปแต่งตัวในชุดสูทสีแดงเลือดหมู มือใหญ่จัดแต่งทรงผมให้อย่างปราณีต ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินออกมาขึ้นรถลีมูซีนคันใหญ่สีดำเมื่อมตอนไหน ร่างกายเหมือนจะไม่ตอบสนองสิ่งรอบข้างเลยตั้งแต่โดนแฟนหนุ่มประเคนความดื่มด่ำในห้องน้ำ บั้นท้ายเจ็บแปลบตอนที่นั่งเบาะกว้าง มือถูกเกาะกุมไว้อย่างนั้น

“พี่เอกครับ ถึงแล้ว” ผมจำไม่ได้ว่าออกจากบ้านมาตั้งแต่ตอนไหน มาได้อย่างไร ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำไปว่ารถเคลื่อนตัวไปทางไหนเจอกับอะไรบ้าง จนเสียงทุ้มเรียกพร้อมกับสะกิดนี่แหละถึงได้รูสึกตัว

“อ๊ะ ถึงไหนครับ” ผมขมวดคิ้วถาม ไม่แน่ใจว่าตัวเองสำลักความสุขหรือเหม่ออะไร รู้แค่ว่าได้บทเรียนบทใหญ่เลยว่า อย่าอ่อยหรือยั่วคนที่ชื่อต่อพงษ์

“เดี๋ยวก็รู้” ผมไม่ได้ถามอะไรอีกเมื่อคนที่นั่งข้างเดินลงจากรถ ประตูฝั่งผมเปิดอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมือใหญ่ของแฟนหนุ่มเอื้อมรอให้สัมผัส เมื่อแตะแผ่วเบาก็ถูกรวบยื้อให้ลุกขึ้น สองขาเหมือนจะหมดแรงเกือบล้ม ยังดีที่ร่างสูงรวบไว้ได้ พวกเราเลยแนบชิดกันโดยแผ่นหลังผมทายทับกับความหรูหราของรถคันโต

“อะ เอ่อ” มีแต่ผมสินะที่เขิน แววตาที่จับจ้องเหมือนจะเขมือบไปทั้งตัวทำเอาเสียววาบที่สันหลัง ปากสวยยกยิ้มราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ สองตาจับจองอย่างยั่วยุ เข่าใหญ่ยกมาบดเบียดที่เป้ากางเกงจนผมร้องครางในลำคอ พอได้สติก็รีบดันร่างใหญ่ออก ใบหน้าแดงจัด

“กลับไปผมจะจัดให้หนักเลย” เสียงนุ่มกระซิบ หูผมร้อนวูบเหมือนมีไอน้ำพวยพุ่งจนแทบจะบินได้ นึกคำจะตอบโต้ก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนออกมา ปล่อยให้ร่างสูงจับมือผมไปแนบที่แขนซ้ายล่ำ มือขวาของคนในสูทสีเดียวกันถือกล่องของขวัญห่อด้วยกระดาษสีแดงสด สองเท้าย่างไปตามทางของบ้านหรูทรงโมเดิร์น ระยะจากประตูรั้วเข้ามาไม่ไกลแต่เพราะมีรถจอดเรียงรายจับจองหมดแล้วทำให้ต้องเดินเข้ามา แสงไฟในตัวบ้านส่องสว่างพอให้เห็นโครงสร้างที่สวยงาม ทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อนสลับช่องว่างกับพื้นดินอยู่ทางขวามือ ตัวบ้านทรงสวยน่าจะก่ออิฐฉาบปูนทั้งหลังแถมทาสีอิฐใกล้เคียงกับสีชุดที่พวกเราสวมตอนนี้ บ้านดูโล่งด้วยกระจกเรียงรายเผยให้เห็นการตกแต่งภายในทั้งที่มองจากตรงนี้ ผู้คนเดินขวักไขว่เมื่อมองเข้าไป ประตูกระจกหรูรับกรอบไม้สีดำขลับตัดกับสีของตัวบ้านอย่างน่าดึงดูด คุณต่อเปิดเข้าไปอย่างวิสาสะ เสียงเพลงที่ดังแผ่วเบาด้านนอกเพิ่มเดซิเบลขึ้นเมื่อเคลื่อนกายมาด้านใน ผู้คนที่แต่งตัวอย่างสวยงามต่างทักทายมาทางเรา พูดให้ถูกคือทักทายคุณต่อ ผมได้แต่ทำหน้าเหรอหรา เพราะไม่รู้ว่าถูกมาที่ไหนและทำไม

             หากคุณเคยดูซีรี่ย์ฝรั่งที่วัยรุ่นกำลังจัดงานเลี้ยงที่บ้านตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่จะเห็นภาพเหมือนที่ผมกำลังมองอยู่ ผิดแผกตรงที่แต่ละคนเป็นคนไทย แต่งตัวในเดรสและสูทอย่างลงตัวบ่งบอกว่ามาจากครอบครัวผู้มีอันจะกิน แต่ละคนอายุไม่เกิน 25 เห็นจะมีแต่ผมเท่านั้นแหละที่หน้าแก่ล้ำทุกคนในนี้ แก้วเครื่องดื่มหลากสีสันอยู่ในมือแต่ละคนถูกหยิบยกมาชนกับคนใกล้ตัวเป็นการทักทาย บ้างก็พูดคุยกันออกรส คุณต่อบอกให้ผมคว้าแก้วแชมเปญจากพนักงานเสิร์ฟมาถือก่อนจะวางของขวัญไว้ที่กองหน้าทางเข้า แค่นี้พอจะเดาออกว่าเป็นงานวันเกิด แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่างานของใคร

“อ้าวต่อ มาแล้วเหรอ นึกว่าไม่มาซะแล้ว” ผู้หญิงใบหน้าคุ้นเคยส่งเสียงทัก ผมยกมือไหว้ก่อนจะพยายามหลบหน้าด้วยอาการเขินอาย คุณหมอพรรณรายเจ้าของไข้ตอนที่ผมโดน xxx ครั้งนั้น

“สวัสดีจ้ะ หายดีแล้วใช่ไหมจ๊ะ” สายตาจับจ้องเป็นกันเองจนเงอะงะไปหมด

“อาหมออย่าแซวพี่เอกสิครับ” เป็นคุณต่อที่แย้งให้ ส่วนผมน่ะเหรอ อายจนแทบม้วน ถ้าไม่ติดว่าเป็นอาแท้ๆของแฟนนะ ผมคงจะ ... คงจะ ... เอ่อ ก็คงอายเหมือนเดิมนั่นแหละ

“ไอ้ตัวแสบไปไหนละ เจ้าของงานไม่ยอมมารับแขก” คุณต่อถาม ผมกระซิบขอตัวไปห้องน้ำ เจ้าของบ้านชี้ไปทางบันไดขึ้นชั้นสองบอกทางเสร็จสรรพ

             เสียงดนตรีดังกลบบทสนทนาเลยไม่รู้ว่าเจ้าของงานที่คุณต่อพูดหมายถึงใคร ในงานมีคนหน้าตาคุ้นๆหลายคนแต่ผมก็เหมือนสติยังมาไม่ครบเลยไม่ได้ตั้งใจนึกว่าเป็นใครบ้าง แต่เห็นเงาไอ้หนึ่ง ลูกพี่ลูกน้องผมแว้บๆ แต่เพราะมวนท้องและรู้สึกแสบๆตรงนั้นเลยขอตัวมาสงบจิตสงบใจก่อน พอได้ปลดปล่อยก็ผ่อนคลายขึ้นเยอะ ถึงแม้คุณต่อจะช่วยล้วงแต่ก็ใช่ว่าจะสะอาดหมดจด ยังมีหลงเหลืออยู่เพราะรายนั้นฝากอะไรต่อมิอะไรไว้ในกายค่อนข้างลึก ความเจ็บหนึบๆพอมีบ้างแต่จะแสบเสียมากกว่า ไอ้เราก็ไม่น่าเลย ไม่ควรไปยั่วยุอะไรแบบนั้น พอสติหลุดทั้งคู่ถุงยางเอยก็ลืมไปหมด ยังดีที่เจลหล่อลื่นมีติดไว้เกือบทั่วบ้าน ผมเลยตั้งใจว่าอีกสองสามวันจะชวนพ่อตัวดีไปตรวจเลือด ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้มั่ว แต่ก็ควรจะป้องกันไว้ก่อน

“อ้าว พี่เอก มาได้ไงครับ” ผมเดินสำรวจชั้นสองไปพลางหลังจากออกจากห้องน้ำ ด้วยความที่ไม่ชินกับงานสังคมเช่นนี้จึงหาความสงบเพื่อฆ่าเวลา

“อะ อ้าว น้องจีโอ้ มาเหมือนกันเหรอ” ผมตกใจนิดหน่อยที่ได้เจอกันอีก ไม่คิดว่าโลกจะกลมได้ขนาดนี้ คิดแล้วก็เสียววาบเพราะต้นเหตุที่โดนจัดหนักเมื่อช่วงบ่ายมางานนี้เช่นกัน

“ต้องมาสิครับ พี่เอกมานานรึยัง” แววตาแพรวพราวจับจ้องจนเขิน หางตาของเด็กหนุ่มมองที่คอหนาอย่างไม่ละจนผมสงสัย

“มะ มีอะไรติดเหรอครับ”

“ไม่แน่ใจครับ” มือใหญ่ขาวเนียนเอื้อมมาแตะ ผมขนลุกซู่ ไม่ได้เสียวหรือเขินนะครับ แต่กลัวแฟนมาเห็น ความเย็นแตะที่ลำคอไปมาจบที่ปกเชิ้ต ก่อนจะละมือ “รอยยังใหม่อยู่เลย”

“อ๊ะ ห๊ะ” ผมตกใจลนลาน รีบพุ่งไปห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลเพื่อหากระจก

รอยคิสมาร์ก !!! เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย .... คุณต่อทำรอยไว้ขนาดนี้เชียวรึ

“พี่เอก โอเคมั้ยครับ” เสียงจีโอ้เรียกจากด้านนอก ผมได้แต่หลับตาสงบจิตใจ

“อะ โอเคครับ น้องจีโอ้ไปที่งานก่อนเลยนะครับเดี๋ยวพี่ตามไป” ผมได้แต่นับหนึ่งถึงร้อยใจใน ไม่ใช่แค่ด้านเดียวนะที่มีรอย คุณต่อจัดทั้งซ้ายขวาแถมรอยใหญ่เหมือนปานแดงอีกด้วย

ฮืออออออออออออออ.... ไอ้แฟน #@$%&@())@@ ไม่รู้จะด่าว่าอะไรดี

             สุดท้ายผมก็ต้องเดินอ้อยอิ่งลงมาจากชั้นสองเพราะโดนมนุษย์แฟนตัวดีส่งข้อความไปตามหลังจากที่เห็นว่าหายไปนาน ผมเดินดุ่มพยายามทำตัวลีบไม่ให้เป็นที่สังเกต กระนั้นก็ตาม น้องจีโอ้ก็ยังมองมาและชูแก้วไวน์ในมือเป็นเชิงทักทาย แถมในกลุ่มของน้องเขาคือเพื่อนๆที่เคยเจอที่สนามฟุตซอลทั้งหมดด้วย แต่ละคนคุยกันไปมาแล้วมองมาทางนี้ ผมล่ะหวั่นใจจริงๆว่าอาจจะพูดเรื่องรอยที่คออยู่ก็เป็นได้ ... อยากหายตัวไปจัง ให้ตายสิ... มิน่า คุณหมอพรรณรายถึงได้แซว

คิดแล้วอยากกลั้นใจตายตรงนี้.... T_T

“หายไปนานเชียว ผมนึกว่าหลง” เสียงคุ้นเคยทักมา ผมมองอย่างเคียดแค้นด้วยสายตาพิฆาต

“ไม่ตลก”

“อ้าวพี่เอก งอนอะไรผมอีกแล้วครับ” ผมล่ะไม่อยากจะยอมรับเลยว่างอน เพราะงอนจริงนั่นแหละ ทำรอยขนาดนี้แถมพาออกงานกับคนหลายสิบ ถึงแม้จะเป็นโนวัน (No one) ก็อายเป็นนะเว้ย

“ชิ” ผมจิ๊ปาก พูดไม่ออกจริงๆ ส่วนหนึ่งเพราะอายมากกว่า แต่อีกคนดูจะไม่คิดอย่างนั้นก่อนจะรวบไหล่และลากผมไปทางกลุ่มน้องจีโอ้ที่ยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนออกรส ผมจำหน้าทุกคนได้ดี ยิ่งเข้าใกล้ก็ต้องอึกอัก ไม่รู้จะต้องทำหน้ายังไงดี

“ไง” คุณต่อทักทาย

“มาได้ด้วยเหรอเฮีย” น้องจีโอ้ทัก ผมได้แต่อึ้งที่ได้ยินคำว่าเฮียหลุดมา

“เออดิ งานน้องกูทั้งทีไม่มาได้ไง สุขสันต์วันเกิดนะ ของขวัญวางกองไว้โน่นละ” น้องจีโอ้กล่าวขอบคุณ ส่วนเอกภพน่ะเหรอ..

“ห๊ะ” ผมงงเป็นไก่ตาแตก นะ น้อง....

“เออไอ้โอ้ นี่พี่เอก แฟนกูน่าจะเคยเจอที่สนามแล้วเนอะ” คุณต่อหันมาทางผมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มที่ไม่เหมือนเมื่อครู่ “พี่เอกครับ นี่จีโอ้ ลูกอาหมอ ลูกพี่ลูกน้องผมเองครับ”

..โลกกลม...

“สวัสดีครับพี่เอก” หน้าน้องจีโอ้เหมือนจะเจื่อนที่ได้ยินว่าเป็นแฟนกับเฮียตัวเอง

“ครับ” ทำไงดีล่ะ นี่หมายความว่าไงวะ คือทั้งหมดนี่แฟนผมจงใจงั้นเหรอ พามาเปิดตัวแถมทำรอยขนาดนี้เพื่อ...ผมมองหน้าจีโอ้ที่เหมือนถูกแย่งของรัก

“ตามสบายนะครับพี่ เฮียด้วยนะ” รู้ว่าฝืน แต่รอยยิ้มนั้นก็ปิดไม่มิดหรอกว่าเสียใจ ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่ผมก็พอรู้ว่าน้องอกหัก ... ไม่รู้ว่าไปทำบุญมาแต่ชาติปางไหน ถึงได้หักอกหนุ่มๆตระกูลนี้เป็นว่าเล่น

“เออ มีความสุขมากๆละกัน กูมาร่วมงานแล้วนะ อย่าบ่นผ่านอาหมออีกล่ะว่ากูไม่สนใจมึง”

“อื้อ” ฝ่ายผู้น้องตอบสั้นๆ เป็นผมเองที่จับชายสูทและพยายามลากตัวแฟนหนุ่มให้ออกมาจากตรงนั้น

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ แล้วเจอกันที่สนามนะ” พูดได้แค่นี้ แขนล่ำก็จับผมให้เดินออกมา ภายในงานคนมากหน้าหลายตา เสียงเพลงครึกครื้น แต่เหมือนเจ้าของงานจะหน้าจ๋อยจนน่าสงสาร ผิดกลับคุณต่อที่ยิ้มหน้าบานเหมือนสาแก่ใจกับอะไรบางอย่าง

“อ้าวพี่เอก มาด้วยเหรอครับ” เสียงคุ้นเคยทักและรั้งสูทจากด้านหลังจนต้องหันไป

“คุณตง” ผมทัก เหมือนกับมีรังสีอำมหิตไหลผ่านระหว่างพี่น้องที่ยืนตรงข้ามกัน คุณตงฉินทักแต่ผม ทั้งที่พี่ชายตัวเองยืนหัวโด่อยู่ไม่ไกล

“พี่เจอเฮียโอ้ยังเจ้าของงาน” คุณตงถาม ผมหยักหน้า “อ้อ ไอ้หนึ่งก็มานะครับ” คุณตงเอ่ยประโยคบอกเล่า

“หืม เหมือนเห็นแว้บๆ” ผมตอบ ... แล้วมันมาทำไมวะ รู้จักน้องจีโอ้ด้วยเหรอ...เดี๋ยวต้องถาม

“ไปเถอะ” ผมไม่ทันจะได้คุยถามอะไรต่อ แฟนหนุ่มก็ตัดบทและพาผมออกมาจากบ้านหลังสวยนี้ ไอ้เราก็เดินตามมาแบบงงๆ ได้เห็นคุณต่อในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแบบนี้ก็ชวนให้คิดหนัก คนขี้หึง ...จอมวางแผน

“โห ด่าผมทางใบหน้าแบบนี้ ด่าเป็นเสียงดีกว่าครับ”

“อ๊ะ เปล่า” ผมสะดุ้ง คนๆนี้น่ากลัวเกินไป ที่ว่าแบบนี้ เพราะสายตาเขามองและโฟกัสแต่ผมไงล่ะ เวลาทำอะไร นึกคิดอะไรแล้วมันแสดงออกทางสีหน้า คุณต่อจะรับรู้หมด ทิ้งระยะไม่พูดกันครู่สั้นๆ รถหรูคันเดิมก็เคลื่อนมารับ ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกละครเปิดประตูให้ ผมมั่นใจว่ารถมันมีระบบเปิดอัตโนมัตินะ แต่เหมือนคุณแฟนจะชอบที่ได้ดูแล

“โกรธผมเหรอ” คนตัวสูงซบไหล่ทันที่ที่เข้ามานั่งในรถ บรรยากาศเงียบเชียบกับแอร์เย็นสบายชวนให้เคลิ้ม แก้วไวน์ทรงสูงสีใสสองใบตั้งไว้เบื้องหน้า ขวดไวน์แดงสีเข้มอยู่ในถังน้ำแข็ง หยดน้ำเกาะและหยดลงเบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงชวนให้จับจ้อง

“ไม่รู้สิ พี่...” ไม่ได้โกรธหรอกครับ แต่ไม่รู้จะต้องคิดหรือรู้สึกอย่างไรดี มันปนเปไปหมด มองแขนยาวๆที่เอื้อมไปรินของเหลวเพื่อหันเหความสนใจ

“ผมขอโทษนะครับ” ปากสวยจูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา ใบหน้าที่นิ่งเฉยของผมเหลือบมองสบตาแวววับ รู้ตัวแล้วว่าติดกับ นี่ไม่ได้สำนึกจริงๆสักหน่อย

“คุณต่อแกล้งพี่”

“ก็พี่เอกน่ารักน่าแกล้งนี่นา” ขนลุกกับคำว่าน่ารักอีกละ

“จะพามาเปิดตัวก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยนี่” ผมชี้ไปที่รอยแดงตรงคอ รายนั้นหัวเราะหึ

“ผมไม่ได้ทำรอยให้พี่เขิน ผมทำเพราะอารมณ์พาไปล้วนๆ” อื้อ อารมณ์รุนแรงจังนะ คิดแล้วร้อนท้องน้อยวูบวาบ

             การจราจรในค่ำคืนติดขัดเล็กน้อย ผมเลยเสมองวิวด้านนอกที่ประดับไปด้วยแสงสีส้มเรียงรายสลับกับไฟหน้ารถบนท้องถนนที่ขับสวนไปมาอย่างเพลินใจ ไวน์แดงในแก้วพร่องไปเล็กน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าฉลองเนื่องในโอกาสอะไร แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขของแฟนหนุ่มก็ชวนให้หายโกรธไปหมดแล้ว

“ผมไม่อยากมีปัญหากับไอ้โอ้ทีหลัง เลยต้องทำแบบนี้” คุณต่อพูดอธิบาย ผมเข้าใจตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ที่นิ่งไว้เพราะไม่อยากให้ได้ใจมากไปกว่านี้ “ไอ้โอ้ก็ญาติ พี่เอกก็เมีย ผมต้องตัดไฟแต่ต้นลม”

“ใครเมีย” สมองผมจับคำพูดได้แค่นี้

“ใครไม่รู้ที่ครางในห้องน้ำน่ะ”

“ไอ้คุณต่อ” ผมเม้มปาก พลาดมากๆที่ต่อล้อต่อเถียง มือหนาคว้าตัวผมไปแนบอกแทน เสียงใจเต้นโครมครามทำให้อมยิ้ม คุณต่อหัวใจยังเต้นแรงเวลาอยู่กับผมอีกเหรอเนี่ย...จะว่าไปของผมก็ไม่ต่างนะ แล้วรถก็จอดที่โรงแรมแสนหรูหราแห่งหนึ่งย่านบางรัก เลยถือโอกาสผละจากอกแกร่งแสนอบอุ่น หน้าจอที่รถบอกเวลา 19.35 น.เท่านั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าวันนี้ใช้ชีวิตคุ้มมากๆ ต้องนึกชมคุณต่อที่ลากตัวออกมาจากออฟฟิศตั้งแต่บ่ายโมง กว่าจะ...นั่นแหละ ... แล้วก็ไปงานวันเกิดน้องจีโอ้และมาที่นี่อีก เหมือนจะผ่านมาแล้วเกือบสิบชั่วโมงงั้นแหละ (แต่เอ๊ะ ก็ใกล้เคียงนี่นา)

“มาครับพี่เอก” คุณต่อในเรือนร่างสุดเซ็กซี่เอื้อมมือให้จับ ผมรู้สึกว่าความมาดแมนจะหายไปหมดในอีกไม่ช้านี้ เพราะโดนมนุษย์แฟนเอาใจซะเหมือนเจ้าหญิง พวกเราเดินคู่กันเข้าไปที่ล็อบบี้ก่อนจะมีพนักงานในชุดสูททะยานมาต้อนรับและจัดแจงพาไปที่ลิฟต์

“หากมีอะไรเรียกผมได้ตลอดเวลานะครับ” พนักงานผละออกไปเมื่อเรานั่งโต๊ะชั้นบนสุดของโรงแรม ลมพัดเอื่อยเฉื่อยพอให้คลายร้อนปะทะใบหน้า โต๊ะอาหารจัดที่นั่งในมุมที่สวยที่สุดของที่นี่ บนโต๊ะปูผ้าสีขาวนวล เชิงเทียนส่องสว่างด้วยเทียนไขสีขาวพัดไปมาตามแรงลมอ่อนคล้ายจะดับ แต่ก็สว่างไหวอย่างต่อเนื่อง คุณต่อเดินนำก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่งแล้วเดินไปฝั่งตรงข้าม จับจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเงอะเงิ่น ที่ไม่ออกอาการประหม่าก็เพราะเคยไปทานอาหารแบบนี้มาก่อน ใครจะทำตัวเป็นตาเอกหลังเขาได้ทั้งปีกันล่ะ ในฐานะแฟนของว่าที่ซีอีโอบริษัทต้องออกงานบ้าง

“วิวสวยจังนะครับ” เป็นผมเองที่เริ่มต้นประโยค สายตาจับจ้องไปยังความมืดตัดสลับแสงไฟของพื้นที่ด้านล่าง มันดูกว้างใหญ่และเวิ้งว่าง แฝงไปด้วยเสน่ห์ของแสงสี รู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งขึ้นเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาเกาะกุม แสงเทียนวาบไหวเป็นเงายามสบตา เสียงบรรเลงเปียนโนคลอเคล้าบรรยากาศยามเย็นที่ครึ้มด้วยเมฆทะมึน ก่อนจะกวาดสายตามองไปโดยรอบ

“ทำไมไม่มีโต๊ะอื่นเลยล่ะครับ” คุณต่อไม่ตอบ มีเพียงรอยยิ้มที่แสนหวานส่งกลับมา ผมนี่ตะลึงจนพูดไม่ออก คนเบื้องหน้ามีอิทธิพลต่อหัวใจมากเกินไจริงๆ

“ผมเหมาชั้นน่ะครับ”

“หา” ตกใจจนตาแทบถนนหลุดจากเบ้า คุณต่อหัวเราะร่วนก่อนจะโบกมือไปมา

“ตกใจอะไรขนาดนั้น” ไม่ให้ตกใจได้ไงล่ะ ร้านหรูของโรงแรมระดับหกดาวเช่นนี้ ไม่รู้ต้องใช้อิทธิพลเบอร์ไหนถึงจะเหมาชั้นได้นะ ใครเขาจะยอม เพราะลูกค้ามากหน้าหลายตาที่จับจ้องจะมาสัมผัสบรรยากาศของที่นี่สักครั้งจับจองกันข้ามปี

 “...” คิดสะระตะไปหมด นี่มันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุชัดๆ

“ผมไม่แกล้งแล้วครับ” แล้วเสียงเดินก็ทำให้ผมหันไปมอง คุณกรและแฟนสาว ไหนจะคุณแก้วกานดาที่ไม่ได้เจอที่บ้านคุณหมอพรรณราย แถมยังมีกลุ่มเพื่อนของใครอีกไม่รู้พากันเดินมาจับจองที่นั่งจนเกือบเต็ม แต่ละคนก็คุ้นหน้าคุ้นตาไม่น้อย

“ผมไม่ได้เหมาหรอกครับ แค่จองโต๊ะให้เยอะที่สุดแล้วนัดแนะให้พวกเขามาทีหลังแค่นั้นเอง”

“แล้วคุณต่อจะทำแบบนี้ทำไมล่ะครับ”

“คือ...” เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นท่าทางอึกอักของอีกฝ่าย ใบหน้าหล่อเหลาขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อคล้ายกำลังเขินอาย แล้วป้ายผ้าที่ลอยอยู่โดยลูกโป่งที่รั้งไว้ด้วยพนักงานของร้านหรูก็เคลื่อนมาใกล้ ผมอ่านประโยคนั้นช้าๆก่อนจะเข้าใจความหมาย

สุขสันต์วันเกิด เอกภพ ประโยคสั้นๆง่ายๆทำให้ผมถึงบางอ้อ นี่เราทำงานหนักจนลืมวันเกิดตัวเองเลยเหรอเนี่ย ใครจะไปคิดว่าจะมีเซอร์ไพรส์กันล่ะ ไม่นานไอ้โทน้องชายตัวแสบก็พอร่างหนึ่งเดินเตาะแตะมาหา

“แม่” ผมร้องเรียก หันไปมองรอยยิ้มของคุณต่อที่เป็นพ่องาน

“มาครับ ผมช่วย” กลายเป็นคุณแฟนที่เข้าไปประคองแม่ผมอย่างดี มองภาพแล้วก็ชวนให้ยิ้มตามไม่ได้

“โอย ใครใช้ให้จัดงานที่สูงขนาดนี้เนี่ย แม่จะเป็นลม” พอได้นั่งก็บ่นทันที แม่แก่ลงไปเยอะ แถมสุขภาพร่างกายก็ยังไม่แข็งแรงเต็มร้อย ... ไม่มีใครตอบคำถามของผู้หญิงที่นั่งอยู่ ผมยืนสบตากับคนข้างๆ ยิ้มกว้างขยับปากบอกว่าขอบคุณครับ ร่างสูงไม่ตอบ มีแต่รอยยิ้มตอบรับและนิ้วยาวที่เคลื่อนมาเขี่ยกันอยู่ด้านหลัง นึกแล้วอยากจับมืออวดแม่จัง...แม่จะด่าไหมนะ

...ไว้ไปจับในห้องคืนนี้ละกัน จับมือใสๆพอนะ

“เอก ทำไมคอแดงๆ” อ้าวชิบหาย...ทำไมสายตาดีจังแม่!
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 39 P.12 @21/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-12-2020 20:48:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 39 P.12 @21/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-12-2020 22:44:04
อื้อหือ....ดีใจแทนพี่เอก มีแฟนสายเปย์ (หนัก) มาก  จัดมาให้ขนาดนี้ แต่งงานเลยเถอะ.  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 39 P.12 @21/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-12-2020 11:43:40
โดนจัดหนัก จัดเต็ม
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 39 P.12 @21/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 25-12-2020 18:40:30
นึกว่าแอบจัดงานแต่ง
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 39 P.12 @21/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-12-2020 14:58:49
พึ่งได้เข้ามาอ่านสนุกมากเลยค่ะ ชอบความน่ารักของพี่เอก ความขี้อ้อนเมียของคุณต่อ :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 39 P.12 @21/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 31-12-2020 14:02:25
พึ่งได้เข้ามาอ่านสนุกมากเลยค่ะ ชอบความน่ารักของพี่เอก ความขี้อ้อนเมียของคุณต่อ :pig4:

ขอบคุณมากครับ
ฝากติดตามผลงานเก่าๆของผมด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 39 P.12 @21/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-01-2021 09:13:28
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 39 P.12 @21/12/63
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-01-2021 13:21:09
พี่เอก ตัวเล็ก ตัวน้อย
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 11-01-2021 14:47:12
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 40. ความในใจ (ตอนจบ)

[ต่อพงษ์]

             ตอนที่เจอ ตอนที่จีบ ไม่คิดเลยว่าจะตกหลุมรักได้ขนาดนี้ ความซื่อๆเซ่อๆ รอยยิ้มที่ชอบส่งให้ ไม่เคยขัดใจ อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดนี่แหละทำให้รักคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเครียดเรื่องงาน ปวดหัวเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็มีแต่เขานี่แหละที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ไม่เคยเรียกร้องให้ผมรัก ไม่เคยร้องขอสิ่งของราคาแพง มีแต่ความจริงใจล้วนๆที่ให้กันมาตั้งแต่แรกเริ่ม ผมรู้ว่าเนื้อแท้เขาเป็นเช่นนี้ และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

“เป่าเทียนเลยครับพี่เอก อย่าลืมอธิษฐานก่อนด้วยนะ” ใบหน้าทรงเสน่ห์ในชุดสูทพอดีตัวสีเลือดหมูสบตาผมครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาขอพรแล้วเป่าลมออกมาครั้งเดียวจนเทียนดับ เสียงเฮดังลั่นจากคนที่มาร่วมงานวันนี้ พ่อแม่ผมเข้ากันได้ดีกับคุณแม่ของเขาที่ตอนนี้ตบมือเปาะแปะอย่างอารมณ์ดี รู้สึกเหมือนเราเพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้เอง

             ยังจำได้ดีกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ผมยืนใจเต้นระส่ำหน้าห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พยายามผ่อนลมหายใจและจัดแจงเสื้อผ้าซ้ำไปมาราวกับเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ กว่าจะหลอกล่อให้พี่เอกไปส่งงานให้ลูกค้าแล้วปลีกตัวมาได้ก็แทบแย่ รายนั้นยืนกรานจะให้ส่งทางช่องทางอื่นๆมากกว่า เลยต้องเล่นบทโหดว่าเป็นคำสั่งถึงต้องไป ผมอยากมาเยี่ยมคุณป้าเอง อยากมาทำความรู้จัก ไม่อยากให้พี่เอกต้องมาคอยดูแลหรืออะไรเลยตัดสินใจมาในวันนี้

“จะเข้ามาไหมล่ะ” ผมสะดุ้งเฮือก หันไปมองรอบๆก็ไม่เห็นพยาบาลสักคน หรือคนข้างในมีตาทิพย์กันนะ พอได้ยินก็เลยลนลาน เคาะประตูและเดินเข้าไปช้าๆ

             หญิงแก่ที่ยืนอยู่กลางห้องโดยมือหนึ่งลากสายน้ำเกลือไปด้วยจับจ้องมา ใบหน้าย่นนั้นบ่งบอกว่าผ่านร้อนหนาวมาเกินครึ่งชีวิต ผมสีเทาปะปนกับสีขาวสลับไปมาดัดลอนตามความนิยมของคนรุ่นนี้ฟูฟ่อง ผมยกมือไหว้ก่อนจะขออนุญาตช่วยประคองกลับไปที่เตียง นี่คงเป็นช่วงที่หมอถอดท่อปัสสาวะออกไปแล้ว คนไข้เลยต้องค่อยๆเดินไปเข้าห้องน้ำเอง

“มาทำไมล่ะคุณท่าน” น้ำเสียงไม่ได้ห้วนสั้น ติดแหบแห้งและอ่อนล้า ห้องพักผู้ป่วยเงียบเชียบ แอร์ส่งเสียงดังพ่นไอเย็น ผมสูดกลิ่นยาเหม็นฉุนอย่างไม่รังเกียจ มือผอมบางที่เกาะกุมขยับไปจับที่กั้นเตียงเพื่อยกตัวเองขึ้นไปบนนั้น

“เอ่อ ครับ” ผมสะดุ้ง ใจเต้นไม่หาย “มะ มาเยี่ยมครับ”

“อื้อ แล้วเจ้าเอกเป็นไงบ้างล่ะคุณท่าน มันทำให้หนักใจบ้างมั้ย” ร่างบางนอนแนบ ผมปรับระดับเตียงให้พอเหมาะคล้ายจะนั่ง

“พี่เอกขยันทำงานมากเลยครับ” ตอบตามจริง รู้สึกโล่งใจที่คนที่นอนอยู่ยังจำได้ว่าผมเป็นใคร

“ยังไงก็ฝากมันด้วยนะคุณท่าน”

“เรียกผมว่าต่อดีกว่านะครับ เรียกคุณท่านแล้วมันดูแปลกๆ” เพราะไม่อยากให้รู้สึกว่าห่างเหิน ทั้งที่ควรเรียกว่าลูกเขยนะครับ

“ฮ่าๆๆๆ ก็ชั้นไม่ชินไงคุณเอ๋ย เจ้านายของลูกชายมาเยี่ยมถึงนี่” แววตาเป็นประกายฉายแววอ่อนโยนเมื่อมองมาทางนี้ “หาน้ำหาท่าเอาเองนะในตู้เย็นน่ะ อย่าว่าชั้นเลยนะที่ดูแลไม่ได้ แค่เดินไปมาก็ลำบากจะแย่”

“ขอบคุณครับ ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ แค่นี้ผมก็มารบกวนเวลาพักผ่อนแล้ว” ผมควรจะเรียกป้าหรือแม่ดีครับ ช่วยคิดหน่อย

“โอย รบกวนอะไรกัน ชั้นสิไม่ว่า ที่เป็นภาระคนโน้นคนนี้ไปหมด” น้ำเสียงเหมือนตัดพ้อเล็กๆ

“ไม่หรอกครับ พี่เอกตั้งใจทำงานมากเพื่อคุณป้านะครับ” ผมอมยิ้มไปด้วยเมื่อพูดถึงใครอีกคน หน้าตาซื่อๆพร้อมท่าทางเงอะงะและใจลอยแทบตลอดเวลา ไม่ทันสังเกตเลยว่าคนที่นอนอยู่รับรู้ความในใจผมได้ง่ายดาย

“ชอบมันเหรอ” ออร่าที่แผ่ออกมาเป็นความรักที่ชัดเจน รายล้อมบุรุษหนุ่มหน้าตาดีจนอบอวลไปทั่ว

“ห๊ะ” ผมตกใจตาค้าง นี่ถ้าตาโตกว่านี้คงเหมือนไข่เป็ดแล้วล่ะ

“ชอบไอ้เอกหรือไงคุณน่ะ”

“ขะ คุณป้า” ผมเกาหัวแก้เก้อ หลอกใครต่อใครได้ แต่หลอกผู้ใหญ่ยากจริงๆ เลยต้องพยักหน้ายอมรับโดยปริยาย

“ชั้นไม่ว่าอะไรหรอกนนะถ้าคุณจะชอบมัน”

“หะ” ผมได้แต่อึ้งเป็นรอบที่สอง ในใจคิดแต่ว่าคนอายุปูนนี้แล้วคงจะไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้หรอก มันไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่จะยอมรับเรื่องการรักเพศเดียวกันอย่างง่ายดาย

“ชั้นก็แก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ไม่รู้ เจ้าเอกมันก็ได้แต่ออกไปทำงานงกๆไม่สนใจมีลูกมีเมียจนชั้นถอดใจเรื่องนี้ไปละ” แล้วสายตาคมกริบที่เหมือนพี่เอกก็จับจ้องมาทางนี้ “ถ้าคุณชอบมันจริง ชั้นก็ไม่ขัดหรอก ถึงแม้เพิ่งจะเจอกันชั้นก็พอรู้ว่าคุณเป็นคนดี แถมหล่อด้วย” ใบหน้าย่นยกยิ้มอย่างคนเข้าใจโลก หากประสบการณ์ที่สั่งสมมาไม่มีอะไรผิดพลาด เธอคิดว่าดูคนไม่ผิดเป็นแน่ เรื่องแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนตรงหน้า ถ้าลูกชายไม่เล่นด้วยมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก อย่างน้อยก็จะได้ดูเป็นคนใจกว้าง

“อ่า ขอบคุณครับ” โดนชมว่าหล่อแบบนี้ เขินจนเสียอาการเลย

“แต่เจ้าเอกมันซื่อบื้อ คุณต้องพยายามหน่อยนะ มันไม่ได้โง่หรอก แค่ไม่ค่อยทันคนอื่นเฉยๆ..” แล้วคุณแม่ของพี่เอกก็เริ่มเล่าเรื่องลูกชาย ตลอดทั้งบ่ายที่นั่งฟังนั่นเอง ทำให้ผมตีสนิทและเข้าไปอยู่ในใจคนป่วยจนได้

“ผมกลับก่อนนะครับคุณป้า มารบกวนตั้งนาน”

“เรียกป้าทำไม เรียกแม่ได้แล้ว” แค่นี้แหละ หัวใจก็พองโตจนแทบจะบินกลับบางนาเลยล่ะ

#### ####

             เค้กวันเกิดถูกตัดและลำเลียงใส่จาน พี่เอกยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะผู้อาวุโสก่อน หลังจากนั้นก็ตัดแบ่งแขกเหรื่อโดยมีผมช่วยจับมีดตัดเค้กอย่างตั้งใจ เสียงเพลงไพเราะล่องลอยมาตามสายลม เทียนดับไปแล้ว แสงส้มประดับรายรอบถูกเปิดมาแทนที่ ผู้คนต่างยิ้มแย้มจนอิ่มเอม ผมหุบยิ้มไม่ได้เพราะดีใจที่แผนวันนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

“ถ่ายรูปหน่อยเว้ยไอ้ต่อ ท่านี้เหมือนตัดเค้กงานแต่งเลยว่ะ” ไอ้กรส่งเสียงและยกโทรศัพท์หรูมาถ่าย พี่เอกตกใจอ้าปากจนรูปออกมาดูตลก ถึงแม้จะเหวอไปบ้าง แต่แฟนผมก็น่ารักที่สุดแหละ

“ไม่เอาคุณต่อ ลบก่อน อายเค้า” พี่เอกบ่นอุบ พยายามแย่งมือถือในมือเพื่อลบรูปที่ไอ้กรส่งมา แต่ผิดคาดที่รูปนั้นเป็นแท็กจากเฟซบุ๊กของคนถ่าย พี่เอกเลยลบไม่ได้ เลยได้แต่งอนตุ๊บอยู่อย่างนั้น แต่ไม่นานก็หายเพราะมีบลูฮาวายมาแจก

             ของขวัญน้อยใหญ่วางตรงหน้า พี่เอกถูกคะยั้นคะยอให้เปิดแต่ละกล่องตรงนี้เลย เจ้าของวันเกิดเลยเหวอนิดหน่อยเนื่องจากไม่ชิน ผมคิดว่าน่าจะไม่เคยมากกว่า ที่ผ่านมาก็มัวแต่ทำงานหนักจนลืมวันเกิดตัวเองทุกปี แม้แต่ปีนี้ก็ตาม

“โอ้โห สวยจัง” ผมมองนาฬิกาเรือนหรูยี่ห้อดังที่พ่อแม่ผม พี่แก้วและพี่พันร่วมกันซื้อให้ พี่เอกบ่นเกรงใจและพยายามไม่รับ แต่ก็ถูกต้อนด้วยเหตุผลที่ว่าของขวัญมันมาจากคน 4 คน หารเฉลี่ยแล้วก็ไม่แพงเท่าไหร่หรอก (ถ้าแกไม่ไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตเอานะว่าเรือนนี้มันเกือบสองล้านน่ะ)

             น้องชายพี่เอกให้เสื้อเชิ้ตใหม่เป็นของขวัญ พี่ชายดูเหมือนจะชอบมากเพราะมันเป็นสีเข้มแบบที่ใส่ประจำ รายนั้นชอบคิดไปเองว่าตัวเองอ้วนดำแก่ ทั้งที่หน้าตาไม่ใกล้เคียงคำว่าขี้เหร่แม้แต่น้อย ใบหน้าคมคายสันกรามชัดถูกจัดวางด้วยคิ้วหนา จมูกเป็นสันรับกับใบหน้า ดวงตาสองชั้นคมกริบชวนมอง ริมฝีปากที่หนาแต่สวยได้รูปน่าจูบตลอดเวลาทำให้ไปไหนไม่รอดนั่นอีก ...ถ้าไม่เรียกว่าหล่อ ทำไมไอ้ตงฉิน เทพบดินทร์และจีโอ้ถึงได้เข้ามาวนเวียนล่ะ ผมก็หวงของผมนะ ไม่อยากยกให้ใครหรอก กว่าจะได้เจอ กว่าจะอ่อยและคว้ามาเป็นแฟนได้ไม่ใช่ง่ายๆ ไม่มีทางจะปล่อยไปไหนหรอก จะแก่อ้วนดำ ต่อพงษ์คนนี้ก็รัก

“มองขนาดนี้ลากลงน้ำเลยมั้ย” เสียงไอ้น้องชายผมเอง ไอ้นี่ปากหมาชอบแซว มันคงไม่พอใจที่เต๊าะแย่งพี่เอกไม่ได้ ของขวัญจากไอ้ตงคือกีต้าร์ที่เจ้าตัวบ่นอยากได้มานานนั่นเอง ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไง ถ้าไม่ใช่จากเอกภาพก็คงมาจากเอกราชน้องชายทั้งสองนั่นแหละ ดีหน่อยที่ไอ้ตงมันมาที่งานช้าน่าจะอ้อยอิ่งจากงานเลี้ยงที่บ้านอาหมอ เลยไม่ทันได้เห็นตอนที่พี่เอกเป่าเทียน ผมมองใบหน้านั้นและซึมซับมันลงที่โสตประสาท ทุกการเคลื่อนไหว ทุกๆอย่างของเอกภพ เป็นของผมคนเดียว

             หลังงานเลี้ยงเลิกราก็พากันแยกย้าย ผมจองห้องให้คุณแม่พี่เอกพักที่นี่แทนที่จะนั่งรถไกลไปถึงบางบอน ดีหน่อยที่แฟนของน้องโทมีคนขับรถที่บ้านมารับ เลยเบาใจและค้างเป็นเพื่อนคุณแม่ ส่วนครอบครัวผมน่ะเหรอพากันกลับหมดแล้ว ดีหน่อยที่สองหมูไปค้างบ้านยาย งานนี้เลยไม่วุ่นวายเท่าไหร่ ผมเดินนำเจ้าของวันเกิดมาลิ่วๆ เสียงส้นรองเท้าคัทชูกระทบเป็นจังหวะบ่งบอกว่าเดินตามไม่ห่าง พอแตะบัตรเข้าห้องพักก็ถอดชุดออกอย่างรวดเร็ว

“อื้ออออ” ร่างเล็กกว่าถูกผมรวบและจรดกลีบปากทาบทับอย่างไม่ทันตั้งตัว แววตาแตกตื่นที่แสนคุ้นเคยไม่ได้ทำให้ผมหยุดการกระทำนี้ โพรงปากอุ่นเปิดออกอย่างเงอะงะ พี่เอกตอบกลับอย่างเชื่องช้า เราจูบกันมานับครั้งไม่ถ้วนจนกลายเป็นเรื่องปกติ

   เครื่องปรับอากาศในห้องยังทำงานไม่เต็มที่ เหงื่อไคลไหลย้อยจนเปียกชื้น เชิ้ตด้านในถูกถอดทิ้งอย่างไม่ใยดี พี่เอกหน้าแดงก่ำลมหายใจหอบพร่า ทรวงอกแกร่งกระเพื่อมอยากหนักราวกับพยายามตักตวงออกซิเจนให้เต็มปอด เม็ดน้อยสีน้ำตาลชูชันบ่งบอกอารมณ์ร่วมที่ถูกปลุกขึ้น เข็มขัดถอดแบะออกคาไว้ที่บั้นเอวสวย หน้าท้องสวยได้รูปแม้จะไร้ลอนกล้ามแต่กลับแข็งน่าลูบ ผมซุกใบหน้าเข้าซอกคอก่อนดันร่างที่อยู่ใต้อาณัติไปนอนแผ่ที่เตียงนุ่ม เสียงครางอื้อในลำคอบ่งบอกว่าพึงพอใจกับรสสัมผัส

             เลียวนกลีบปากจูบซับที่ทรวงอกก่อนกัดแผ่วเบาตรงส่วนปลายอ่อนไหว ร่างใหญ่ที่เงอะงะสั่นเทิ้มบิดไปมา ใบหน้าบูดเบ้เหยเกพยายามสะกดเสียงหยาบโลนแต่กลับถูกจูบจ้วงดูดเฟ้นแรงขึ้น ผมใช้มือข้างหนึ่งเขี่ยเม็ดไตแข็งนั้นรัวเร็วจนพี่เอกตัวกระเพื่อม สองขาดิ้นไปมาทำให้สามารถดึงขอบกางเกงร่นลงได้อีกหน่อย

“อา คุณต่อ พี่ อ๊า...” ไม่ต้องบรรยายก็พอรู้ว่าพี่เอกตื่นเต็มที่แล้ว แก่นกายที่เคยหลับแปรสภาพเป็นของแข็งนูนเด่น ผมเลียที่สะดือก่อนใช้สองมือถอดกางเกงหลุดรุ่ย กางเกงในสีขาวฉ่ำเยิ้มเป็นวงตรงส่วนหัว ส่งปากเข้างับจนคนนอนราบซี้ดปากอย่างเขินอาย

“อย่าหนีสิครับ” ผมเกาะกุมส่วนแข็งขืนนั้นไว้ ท่อนลำในมือสวยงามมีเส้นเลือดปูดโปนรับกับร่างกายใหญ่โต กลิ่นสาปชายคละคลุ้งจากแรงกระตุ้น ของเหลวใสสดหยดเยิ้มชวนหลงใหล ผมแตะลิ้นอุ่นตรงส่วนปลายเย้ายวนอย่างรักใคร่

“อ๊า ไม่เอาครับ มัน ม่ะ เหม็น” เสียงห้ามดังมาพร้อมสองมือที่คอยรั้งศีรษะผมให้ออกห่าง แต่สู้แรงกดที่สวนทางลงไม่ได้ ปากกว้างห่อหุ้มความเข้มแข็งไว้สุดลำ ดูดดื่มความหอบหวนอย่างกระหาย กลิ่นกายผู้ชายที่ผมรักมันไม่เคยเหม็น ยิ่งเข้าใกล้ก็เหมือนจะถูกดึงดูดลงไปในห้วงแห่งความปรารถนาที่ไร้ทางออก แม้รู้ว่ามันอันตรายแต่ผมกลับเต็มใจจะถูกดูดกลืนเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดในห้วงความรู้สึกที่มีให้คนๆนี้

“อา ไม่ อา...” จังหวะรูดเฟ้นใช้เวลาค่อนข้างนานจนปวดกรามไปหมด แต่ผมไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะปรนเปรอความวาบหวามให้เต็มที่ ขุดกับดักที่สุดแสนหื่นกระหายเพื่อล่อลวงผู้ชายธรรมดาที่แสนพิเศษให้ลุ่มหลงในตัวผมจนถอนตัวไม่ขึ้น พี่เอกจะต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น ...

             ร่างใหญ่บิดเร่าสั่นกระตุก แก่นกายแข็งกว่าเดิมจับเกร็งก่อนจะปลดปล่อยความหอมหวานในโพรงปาก ผมดูดกลืนอย่างดูดดื่มให้หมดทุกหยาดหยดที่รินทะลัก เสียงหอบหายใจดังเฮือกใหญ่เข้าจังหวะกลืนกิน ก่อนจะผละจากเบื้องล่างไล่สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าที่เปลี่ยนสี เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลรินตามกรอบหน้าเหลี่ยม สันกรามขบเคี้ยวไปมาราวกับหิวโหย ผมเอื้อมมือใหญ่ลูบไล้จมูกโด่งอย่างรักใคร่ แววตาวิงวอนอย่างไม่ปกปิด พี่เอกหลบตาเขินอายแต่กลับยกแยกสองขาตั้งขึ้นเผยให้เห็นร่องกลีบสีคล้ำที่บวมช้ำจากเมื่อตอนบ่าย ผมยิ้มและกดใบหน้าลงประชิด

             บั้นท้ายกลมกลึงแน่นขนัดยั่วยวนจนน้องชายผมปวดปร่าเพราะแข็งจัด กลิ่นอับเฉพาะจุดแตะจมูกแต่ผมกลับฉกลิ้นสากอย่างไม่รังเกียจ ร่างที่นอนอยู่บิดสั่นสะท้านไปมาอย่างหนัก เสียงครางเย้ายั่วทำให้ผมพึงพอใจที่เห็นอารมณ์ร่วมอย่างแจ่มชัด รอยจีบขมิบไปมาตามแรงฉกเลีย ผมละเลงวนที่ขอบเล็กและลากผ่านจดจ่อกับช่องน้อยอย่างหวงแหน มันยังบวมอย่างเห็นได้ชัด แม้จะนึกสงสารแต่ความต้องการมันพุ่งสูงเกินสะกดกลั้น ภาพพี่เอกบิดเรือนร่างไปมาเซ็กซี่เกินกว่าจะละสายตาออกได้ ผมจับข้อพับยกสูงจนบั้นท้ายกลมลอยหมุนวนตามแรงฉกจ้วง มือใหญ่ไล่มาจับที่เนื้อแน่นซ้ายขวาดันขึ้นจนแทบเห็นกระดูกสันหลัง พี่เอกส่งเสียงครางอย่างโหยไห้ สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนยับย่น ผมใช้มือหนึ่งยัดหมอนรองเอวแกร่งนั้นไว้ ก่อนจัดท่าและควานหาของสำคัญช่วยบรรเทาความฝืดเคือง นิ้วยาวผลุบหายไปอย่างช้าๆ

“อ๊ะ อื้อ...” พี่เอกหน้าแดงกว่าเก่า บั้นท้ายบิดโยกอย่างไม่อาจรู้ได้ว่าเจ็บหรือเสียว แต่การอยู่กับที่ไม่ขยับหนีเหมือนทุกครั้งก็พอจะบอกให้รู้ได้ว่าครั้งนี้เขาเต็มใจเป็นของผมมากเพียงไหน ภายในแน่นขนัดตอดตุบจนขยับนิ้วแทบไม่ได้ ผมกวาดมันไปมาซ้ายขวาขึ้นลงเพื่อหวังให้ความยืดหยุ่นช่วยปรับสถาพ พี่เอกครางลั่นจากแรงดีดดิ้นผ้าปูเตียงโดนทึ้งจนหลุดรุ่ย สองขาส่ายสะเปะสะปะไปมาและเสียดสีที่ลำคอผมอยู่อย่างนั้น เจลใสถูกราดลงไปเพิ่มเมื่อลองใส่นิ้วที่สองเข้าไป

             รอยย่นเปิดอ้ากลืนกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปได้อย่างไม่ยากนัก คงเป็นเพราะการร่วมรักเมื่อตอนบ่ายช่วยให้รอยแยกนี้ขยายตัวจากเดิม ผมหมุนสองนิ้วช้าๆจนพี่เอกกระตุกตัวผุดลุกและนอนทรุดลงไป

“อ๊า คุณต่อ อย่าแกล้งพี่ อ๊า” ใบหน้าเหยเก ริมฝีปากเม้มชิดจนห้อเลือด สองแขนเกร็งจนเส้นเลือดปูดโปนน่ามอง

“ผมแกล้งยังไงเหรอครับ” ยั่วยิ้มและบรรเลงนิ้วครูดเนื้อในอบอุ่นไปมา ความยืดหยุ่นด้านในอ่อนยวบตามแรงไหลเข้าออก ข้อนิ้วทั้งสองงองุ้มครูดสัมผัสแนบแน่นหยอกล้อ

“อ๊า พี่เจ็บ อ๊า อ๊า อ๊า” พี่เอกร้องเจ็บทุกครั้ง แต่กลับกระตุ้นความหื่นกระหายส่วนลึกผมอย่างน่าประหลาด หรืออาจเป็นเพราะรสนิยมชื่นชอบให้อีกฝ่ายร้องขออย่างหมดทางสู้ของตัวเองก็ไม่รู้ที่ทำให้รู้สึกดีเช่นนี้ ผมเคยคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เนื่องจากที่ผ่านมาผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับใคร แค่กับพี่เอก ที่ยิ่งอ่อนแอในอ้อมกอดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกระตุ้นให้ผมเตลิดมากเท่านั้น

“เป็นของผมนะครับ” ผมเลื่อนกายแนบใบหน้าที่ข้างหูขวา น้ำตาไหลรินชวนให้วูบโหวงถูกเลียหายหลงเหลือแต่ความเค็มในปาก พี่เอกสะกดกลั้นเสียงร้องก่อนพยักหน้าและยกสองขาให้สูงขึ้น ผมทาบร่างหนาตรงกลางตัวทอดถอนนิ้วยาวออกมา มือที่เคยขยุ้มผ้าเกาะกุมแก้มก้นตัวเองอย่างยั่วเย้า รูแคบเปิดทางรอรับความยิ่งใหญ่ที่พร้อมรบมานานเนิ่น ผมควานหาของสำคัญ ก่อนฉีกถุงยางอนามัยสวมทับราดด้วยของเหลวเย็น จับจ่อปลายบานใหญ่ขยี้รูน้อยช้าๆ ส่งแรงกดจนมันเข้าไปด้านในอย่างแรง

ผลุบ!

“ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” พี่เอกตัวกระตุกวูบ เนื้อในตอดรัดแน่นราวกับปกป้องเส้นประสาทตรงรอยแยกนั้น แต่มันกลับเร่งให้ผมกระสันเสียวมากกว่าเก่า ความแน่นที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนยิ่งทำให้แทบสุดกลั้น ปากหนาอ้าพะงาบอย่างหาตัวช่วย ผมกดริมฝีปากทาบทับส่งลิ้นฉกกวาดโพรงอุ่นอย่างดุดัน ลมหายใจของเราขาดห้วง น้ำลายไหลหนืดเหนียวปนเปถูกดูดกลืนอย่างเอร็ดอร่อย บั้นท้ายตึงแน่นขมิบไม่ปล่อยแต่ก็อนุญาตให้ความเป็นชายของผมไหลรูดเข้าไปช้าๆ ความร้อนในตัวพี่เอกทำให้ตบะแทบแตก สองมือหนาขยุ้มอกจนเปลี่ยนสีก่อนเปลี่ยนไปจับต้นขาแกร่งดันโน้มเข้าหาคนนอนราบมากขึ้นเพื่อเปิดช่องทางให้แหวกอ้า แรงส่งเริ่มเพิ่มระดับพี่เอกร้องอื้ออึงแต่ถูกดูดกลืนด้วยปากใหญ่ของผมจนหมดสิ้น

สวบ!!

“อื้อออออออออออออออออออออออออออ” ผมออกแรงกดส่วนที่เหลือเข้าไปจนสุด พี่เอกร้องเฮือกตาเหลือกอย่างน่าสงสารแต่ทำอะไรไม่ได้ ร่างกายเราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวโดยมีความร้อนระอุและหนึบแน่นในกายพี่เอกเป็นสักขีพยาน ผมไม่ละโพรงปากเร่าร้อนนั้น ไม่มีคำพูดใดๆจะปลอบโยน มีแต่ความต้องการที่โหยหาและป่าเถื่อน อยากบดบี้คนๆนี้ให้แหลกสลาย แต่ใจหนึ่งก็อยากทะนุถนอมอย่างรักใคร่ ความสับสนตีวนปนเปพร้อมเสียงกระแทกไหลรูดเข้าออกเป็นจังหวะ

             ผมผละใบหน้าออก น้ำเหนียวหนืดไหลเยิ้มล้นเอ่อ พี่เอกใบหน้าเหยเกเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ผมยกตัวจับกุมที่ข้อเท้าแกร่งให้ชูสูงขนานไปกับเรือนร่างผม ขบฟันที่ปลีน่องแน่นอย่างเมามันจนเกิดรอยฟันลึก พี่เอกร้องเสียงกระเส่าสองมือพยายามไขว่คว้ามาทางนี้ แต่ผมแค่ส่งสายตายั่วยวนไปให้จนอีกฝ่ายขวนเขินวางสองแขนข้างลำตัวจิกผ้าปูสีขาวยับยู่อีกครั้ง สายตากวาดมองทางถ้ำเล็กที่ส่งผ่านแรงกระแทกเข้าออกหนักหน่วงอย่างเสียวซ่าน แก่นกายใหญ่โตถูกดูดกลืนเข้าไปข้างในเคลื่อนไหวไปมาเร็วรี่พาความเสียวซ่านและความสดใสของเนื้อในพี่เอกปูดปลิ้นช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ผมเร่งแรงส่งไปไม่ยั้ง เสียงกล้ามเนื้อกระทบกันดังสนั่นผสานเสียงร้องครางของเราทั้งคู่ รูแคบขมิบตอดจนทนไม่ได้ แรงสอดทะยานคว้านเข้าออกไหลลึกสุดที่จะเป็นไปได้ ผมแช่ความใหญ่โตคาคับตรงนั้นก่อนที่ความแปลบปลาบจะแล่นพล่านส่งผ่านความสุขสมเหนียวข้นเข้าไปกระทบสิ่งเร้นลับภายในอย่างล้นทะลัก

“อา พี่เอกครับ”

“อื้อ” คนถูกเรียกชื่อร้องรับ “อะ เอาออกก่อน พี่จุก” แต่มีหรือที่ผมจะยอม เมื่อภาพเบื้องหน้ามันคือสิ่งล้ำค่าที่สุด

“อ๊า คุณต่อ” ผมสวนกายกระแทกเน้นๆ จนร่างล่ำสั่นกระตุก “เจ็บ อื้อ”

“อ๊าๆๆๆๆ” แล้วผมก็สอดกายเข้าไปถี่ยิบ คว้าสองมือสอดประสานกันแน่น เสียงหยาบโลนของรสสัมผัสชวนให้ลุ่มหลง พี่เอกตอดรัดอย่างหนักหน่วงทุกจังหวะที่ผมกระแทกกายเข้าหา นานเนิ่นกว่าครึ่งชั่วโมงถึงจะเต็มอิ่ม ผมทอดถอนแก่นกายอย่างเสียดาย ของเหลวข้นไหลเปรอะเป็นคราบ สีแดงสดปะปนจนน่าตกใจ นี่ทำแรงไปอีกแล้ว ไอ้ต่อเอ๊ย...

“อ๊ะ อะไรกันครับ” พี่เอกดูเหมือนจะประหลาดใจมากกว่าจะสนใจความเจ็บ มือซ้ายถูกยกขึ้นระดับสายตา เพ่งพินิจสักพักกว่าจะรู้ว่าเป็นคืออะไร

“ของขวัญวันเกิดไงครับ แหวนหมั้น หรือจะเป็นแหวนแต่งงานก็ได้” วิธีให้ของขวัญวันเกิดแบบต่อพงษ์ล่ะครับ

“คุณต่อ” พี่เอกเหมือนจะซึ้ง แต่กลับซี้ดปาก “แสบ” ... อ้าว กรรม แทนที่จะสนใจแหวน แต่กลับรู้สึกตัวแล้วว่าเจ็บบั้นท้าย หมดกันความซึ้ง ก่อนที่พี่เอกจะพูดอะไรต่อ ผมกดปากไปจูบอีกครั้ง ก่อนที่จะยกสองขาให้ลอยขึ้น ... น่ารักแบบนี้ต้องทำโทษ!
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-01-2021 16:33:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-01-2021 19:51:24
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-01-2021 00:13:28
คุณต่อซาดิสม์นะเนี่ย อุตสาห์เนียนสวมแหวนแต่หมดมู๊ดเพราะพี่เอกเจ็บซะงั้น.  :laugh:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-01-2021 20:16:21
OMG!
จัดหนักมาก ฉลองวันเกิด
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 21-01-2021 00:43:29
นี่คือจบแล้วใช่ไหม เรียกเลือดเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 24-01-2021 09:03:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณสำหรับนิยายที่น่ารัก ๆ แบบนี้จ้า
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-03-2021 15:34:07


เรื่องนี้สนุกมากน้า ใครยังไม่ได้อ่าน ห้ามพลาดครับ อิอิ

หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-03-2021 23:43:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 18-04-2021 22:12:18
คุณต่อพงษ์เป็นคนคลั่งรักมากจ้า นางน่ารักนะ รักเมียหลงเมียมากกกก
พี่เอกคือน่ารักตลอด เป็นคนจริงใจ ซื่อๆ คนมาหลงเสน่ห์เยอะเลยนะ
พ่อแม่ของสองบ้านก็น่ารักมากเลย
ขอบคุณค่ั
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/21
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 01-05-2021 14:35:52
คุณต่อพงษ์เป็นคนคลั่งรักมากจ้า นางน่ารักนะ รักเมียหลงเมียมากกกก
พี่เอกคือน่ารักตลอด เป็นคนจริงใจ ซื่อๆ คนมาหลงเสน่ห์เยอะเลยนะ
พ่อแม่ของสองบ้านก็น่ารักมากเลย
ขอบคุณค่ั

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
อ่านแล้วดีใจจังเลยที่มีคนชอบ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 01-07-2021 16:37:51
คุณต่อคลั่งรักสุดพี่เอกช้ำหมดแล้ว. ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ :hao6: :pig4:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 11-07-2021 22:14:28
 :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-07-2021 20:08:01
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 15-07-2021 20:18:53
 o13