...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)  (อ่าน 91943 ครั้ง)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คนที่นอนร้องคร่ำครวญยังมีชีวี๊ตตต
มันเป็นใคร๊ยยย
น่ากลัวแทนร่มเลยอะ
เหนืออื่นใด ความรู้สึกของ
น้องครองก็ช่างพัฒนาได้รวดเร็ว
และรุนแรงนัก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มันต้องมีอะไรซ่อนเงื่อนกว่านี้แน่ มันชัดไป ต้องมีอะไรผิดแปลก

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
มันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากพรหมลิขิตชักนำ สนุกมาก รักเรื่องนี้จัง

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยยย น้องครองปักมุดเเล้วเรียบโร้ยย จะเอาพี่ร่ม! จะเอาคนนี้ จะไม่ปล่อยให้หลุดมือ พี่ร่มต้องเป็นของครอง!!! เด็กมันร้ายอ่ะหัวหน้า  :laugh:

พี่รองรู้อะไรที่มากกว่าแค่ขู่หรือเปล่า? แล้วทำไมต้องใช้วิธีหลีกเลี่ยงด้วยการให้น้องออกจากวงการ แทนที่จะจัดการกับต้นตอ ทั้งที่ก็เป็นตำรวจ ว้อท!? :katai1:

ถ้าเดาแบบไม่ซับซ้อน ก็รักต้องห้าม
คุณหลวงกับไอ้แผน
ที่มีใจให้กัน แล้วผีโจงแดงที่จงรักภักดีเกินหน้าที่ สร้างเรื่องให้เข้าใจผิด จนผิดใจกันแล้วใส่ร้ายป้ายสี จนอาฆาตแค้น แต่ผีโจงมันคิดว่าแค้นคุณหลวง จริงๆแค้นมันนี่ล่ะ คุณหลวงถึงแค้นก็รัก


แต่ผีกับน้องครอง ใครจะน่ากลัวกว่ากันนี่สิ :hao7:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2020 15:42:36 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
งู้ยยน้องครองจะรุกแน้วว :laugh:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
น้องครองเป็นคนรู้จักและรู้ใจตัวเองจริงๆ :mew1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mr_longza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
 ไม่เรียกพี่ ไม่เห็นเป็นพี่  :katai2-1:  :-[
  :L2: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขนาดไม่สนใจนะ  ครองภพ  :mew5:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สนิทกันแล้ว พี่โรจน์ต้องเป็นตัวแปรอะไรสักอย่างแน่เลย หรือไม่ก็ต้องรับรู้การมีอยู่ของโจง

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนุุุกและน่่่าติิิดตามมากครับ

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เห็นชื่อคนแต่งก็รีบเข้ามาอ่านอย่างไว บอกเลยไม่ผิดหวังค่าาาาาาา :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 6


สายลมเอื่อยพัดผ่านซุ้มใต้ต้นไม้ใหญ่ หลวงสุนทรวิจักษ์ใช้วันว่างเพื่อพักผ่อนด้วยการอ่านหนังสือ ข้างกายมีนายช่วงผู้เป็นบ่าวคนสนิทคอยอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะต้องการสิ่งใด เพียงแค่เปรยเล็กน้อย ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ก็พร้อมจะหามาให้โดยทันที


ดังนั้นเมื่อชายสูงวัยปรายสายตาไปยังนายช่วง ร่างฉกรรจ์จึงรีบค้อมกายต่ำพร้อมรับใช้


   “วันนี้ไอ้แผนมันไปเรียนไหม”


ทว่าคำถามของผู้เป็นเจ้าของบ้านกลับทำให้นายช่วงนิ่งงันเงยหน้ามอง


   “ไอ้แผนหรือขอรับ”


หลวงสุนทรวิจักษ์หันมามองคนย้อนถามเต็มสองตา นายช่วงจึงก้มตัวต่ำมากกว่าเดิม


   “ไม่ทราบขอรับ อาจจะไปเที่ยวเล่น หมู่นี้มันมีเพื่อนใหม่ คงจะเตร็ดเตร่ไปทั่ว”


   “ไว้กลับมา แล้วให้มาพบฉัน”


   “คุณหลวงจะพบมันหรือขอรับ เอ่อ...ถ้าหากคุณหลวงต้องการอะไร กระผมจะ...” นายช่วงคิดจะเสนอ แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าไปมา


   “แค่จะถามมันเรื่องเรียนหนังสือก็เท่านั้น ไว้มันกลับมาก็ให้มันขึ้นไปพบบนตึกแล้วกัน”


   เพราะไม่พอใจที่หลวงสุนทรวิจักษ์เอื้ออาทรต่อไอ้แผนผู้ไม่มีหัวนอนปลายเท้า หนำซ้ำยังเคยกระทำผิดขโมยหนังสือของคุณเทพไปเมื่อคราวก่อน นายช่วงจึงคิดจะทำเป็นลืมเลือน แต่เมื่อท่านทวงถามถึงมันอีกหน เขาก็จำต้องให้คนไปตามมา


   เด็กชายวัยสิบสองเศษนั่งคุกเข่าอยู่แทบเท้าผู้เป็นเจ้าของบ้าน หลวงสุนทรวิจักษ์ไม่กล่าวสิ่งใด นอกจากส่งสมุดให้หนึ่งเล่ม


   “เอ็งลองเขียนกลอนขึ้นมาสักบท”


   “เขียนกลอนหรือขอรับ” ไอ้แผนเงยหน้าถามอย่างตื่นๆ แต่ก็ยอมรับสมุดไปเขียน หลวงสุนทรวิจักษ์ไม่ได้เร่งเร้า เพียงนั่งอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ เป็นฝ่ายนายช่วงที่เอาแต่ชะเง้อคอมองเด็กชายผู้กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือ ทว่าสายตานั้นหาได้ปรารถนาดีสักนิด


   พักหนึ่ง สมุดก็ถูกส่งคืน หลวงสุนทรวิจักษ์รับไปดู ก่อนจะลดสายตาลงมอง


   “ลายมือแปลก”


นายช่วงยกยิ้มมุมปาก อยากเย้ยหยันว่าคนอย่างไอ้แผนนั้นไร้สกุลรุนชาติ จะมีลายมืออย่างผู้ดีได้อย่างไรกัน ทว่าหลวงสุนทรวิจักษ์กลับเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


   “แต่เขียนกลอนได้ดี”


รอยยิ้มของนายช่วงหายวับ ทว่าบนใบหน้าของไอ้แผนกลับปรากฏรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจ


   “เอ็งต้องฝึกเขียนให้มาก จะรับราชการ จะเป็นเสมียน ลายมือเอ็งต้องไม่พิลึก”


   “ขอรับ! กระผมจะตั้งใจฝึกให้มากกว่านี้”


   หลวงสุนทรวิจักษ์พยักหน้ารับ ส่งสมุดคืน


“จากนี้ เอ็งต้องหัดเขียนกลอนมาส่งทุกวัน เขียนลงสมุด จะได้เก็บไว้ดูว่าเขียนดีขึ้นเพียงไร”


“ขอรับ!” เด็กชายรับคำอย่างแข็งขัน คุณหลวงจึงหันไปหยิบขนมห่อกระดาษสามาส่งให้ ไอ้แผนทำตาโตอย่างคาดไม่ถึง ทว่าไม่กล้ารับ จึงยักแย่ยักยันไม่รู้จะเอื้อมมือไปหาหรือไม่


   “รับไปสิ รางวัลที่เอ็งเขียนกลอนได้ดี”


   “ขอบพระคุณคุณหลวงขอรับ” เด็กชายเอื้อมมือไปรับขนมในห่อกระดาษสีสด ดวงตาใสบริสุทธิ์มองขนมในมือตนด้วยความดีใจ


ทว่า...นายช่วงกลับไม่หลงเหลือความดีใจใดๆอีกแล้ว


เขาจับจ้องมันด้วยความเกลียดชัง ทว่าเมื่อเคลื่อนสายตากลับมาที่หลวงสุนทรวิจักษ์ผู้เมตตา ดวงตาของนายช่วงกลับเต็มไปด้วยความเทิดทูน


   เทิดทูนคนผู้หนึ่ง แต่คนผู้นั้นกลับอาทรเด็กไร้สกุล


   ไม่มีสิ่งใดในจิตใจ นอกเสียจากความอิจฉาริษยาเท่านั้น!


   ...............


   ........


   ...


แม้จะอยากใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น แต่ครองภพรู้ตัวว่าเขามีงานต่อในตอนเช้า และร่มธรรมก็ไม่ใช่คนเสียคำพูด เมื่อรับปากกับวิษณุแล้วว่าจะไม่พาเถลไถล หลังออกจากร้านอาหารก็ขับรถพาคนข้างกายไปส่งถึงคอนโด


คอนโดสูงสามชั้นในซอยใจกลางเมือง อยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟ ร.รอ ร่มธรรมเลิกคิ้วคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้ ตอนที่รถยนต์จอดที่หน้าทางเข้าอาณาเขตคอนโดซึ่งมีไม้กั้น เป็นฝ่ายครองภพที่ต้องเปิดกระจกลงให้รปภ.เห็นหน้า เพียงเท่านั้นก็ได้รับการเชื้อเชิญเข้าไปจอดที่ใต้อาคารอย่างดี


   “โอ้โฮ ระบบรักษาความปลอดภัยเยี่ยมไปเลย”


   “ถ้าป้ายทะเบียนรถไม่ใช่เลขที่ลงทะเบียนไว้ ต้องให้เจ้าของห้องที่นี่แจ้ง แต่ผมจะเพิ่มรถคุณเอาไว้ด้วย คราวต่อไปก็เข้ามาได้เลย”


คนฟังรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ดีใจอย่างประหลาดที่ได้รับความสำคัญจากอีกฝ่าย


   รถจอดสนิท เจ้าของคอนโดก็หันมาถาม


“จะขึ้นไปห้องผมก่อนไหม”


ร่มธรรมส่ายหน้า “พรุ่งนี้ต้องเดินทางไม่ใช่หรือ ครองขึ้นไปพักเถอะ”


ครองภพไม่ดื้อดึง พยักหน้ารับแต่ไม่วายเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง


   “งั้นพรุ่งนี้เช้าผมจะเข้าไปซื้อกาแฟ ไปทำงานแล้วก็คงเลยไปสนามบินเลย”


   “อเมริกาโน่เย็นแก้วใหญ่นะ แก้วเก็บความเย็นของครองยังอยู่ที่ร้าน พี่จะทำเตรียมไว้ให้ พรุ่งนี้แวะมาเอาจะได้ไม่ต้องรอ เอาขนมด้วยไหม”


   “ไม่เอา คงกินไม่ทัน”


   “คุ้กกี้ล่ะ ถือติดไปเผื่อหิว”


   “เหมือนแม่จริงๆ...”


   “เฮ้ๆ ใครเหมือนแม่”


   “เอาเป็นว่าเตรียมอะไรให้ ก็เอาแล้วกัน” นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องตอบ สีหน้ามีแววเอ็นดูคนช่างดูแล ก่อนจะแบมือออกมา


   “ผมขอมือถือคุณได้ไหม”


ร่มธรรมงุนงง แต่ก็ส่งโทรศัพท์ให้แต่โดยดี ครองภพรับไปกดไม่กี่อึดใจก็ส่งกลับ


   “ไอดีกับเบอร์ติดต่อของผม ถึงสนามบินแล้วจะบอก แล้วถ้าถึงญี่ปุ่นก็จะบอกอีกที”


   เจ้าของโทรศัพท์กะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง รับของตนเองกลับมาก็ยังงุนงง แต่พออีกฝ่ายลงจากรถ ครองภพก็ยังหันมาทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังถูกโจมตีด้วยความรู้สึกหวานละมุน


   “คุณถึงบ้านแล้วบอกผมด้วยนะ ขับรถดีๆ”


   “อ...อื้อ...พรุ่งนี้...เดินทางปลอดภัย”


   “ขอบคุณครับ”


   เช้าวันต่อมา รถแวนของครองภพก็มาจอดที่หน้าร้านกาแฟ ร.รอ แต่เช้า เวลานี้ลูกค้าเริ่มเยอะแต่ไม่เป็นอุปสรรคเลยสักนิด เพราะทันทีที่รถมาจอด เจ้าของร้านที่รออยู่แล้วก็ถือแก้วเก็บความเย็นและถุงขนมออกไปส่งให้ถึงที่ ได้ยินเสียงบ่นแว่วๆจากคนข้างในรถว่าให้ขนมมามากเกินไป ลงบัญชีไว้ด้วย


   แล้วพอค่ำวันนั้น ก็มีข้อความเข้าโทรศัพท์ของร่มธรรมเป็นประโยคสั้นๆ


   ‘ถึงสนามบินแล้วครับ’


   แล้วอีกพักหนึ่งก็ส่งมาอีก


   ‘รอในเล้าจน์แล้ว’


   ไม่นานนักก็ส่งมาอีกข้อความ


   ‘บอร์ดดิ้งแล้ว’


   การรายงานดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดลงง่ายๆถ้าร่มธรรมไม่ตอบกลับไปว่า ‘เดินทางปลอดภัย’ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่ออยู่บนเครื่องบิน คนเดินทางก็ยังสู้อุตส่าห์ส่งรูปตอนดวงอาทิตย์ขึ้นที่เส้นขอบฟ้ามาให้ดู


   แล้วเริ่มต้นเช้าวันใหม่ของร่มธรรมด้วยข้อความที่ส่งมาเพิ่มเติม


   ‘ถึงโตเกียวแล้วครับ’


   คนที่กรุงเทพฯตื่นมาเปิดข้อความนี้อ่านเป็นข้อความแรกรับเช้าตรู่ ก่อนจะซุกหน้ายิ้มกับหมอน


   ไม่น่าเชื่อว่าประโยคสั้นๆจากคนไม่ขยันพูดกลับสื่อความรู้สึกบางอย่างจนอุ่นซ่านไปทั้งอก


   ทั้งๆที่ต้องทำงานเร่งด่วนภายใต้เวลาอันจำกัด แต่คนที่ไปทำงานถึงโตเกียวไม่เพียงแค่มาเป็นประโยคสั้นๆที่มาถี่ๆ


สิ่งที่ปรากฏในห้องแชทคือรูปถ่ายวิวทิวทัศน์สวยๆที่แปลกตา ร่มธรรมได้รู้ว่าคนที่ไม่ถนัดพูดอย่างครองภพกลับมีความถนัดในการสื่อสารด้านอื่นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึง...สามารถถ่ายรูปเพื่อบอกเล่าบรรยากาศในขณะนั้นให้คนอยู่ไกลรู้สึกราวกับตนเองอยู่ที่นั่นด้วย


   โตเกียว ฤดูใบไม้ร่วง


   อากาศเย็นสบาย ใบไม้หลากสี บ้างคาต้น บ้างร่วงหล่น


   น่าไป


   ‘น่าไปเนอะ ไว้พี่มีเวลา ไปญี่ปุ่นช่วงใบไม้ร่วงบ้างดีกว่า’


   ร่มธรรมส่งข้อความไปแบบนั้น และสิ่งที่ได้กลับมา เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ


   ‘ปีหน้า มาด้วยกัน’


   ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร แต่การที่คนหนึ่งเอ่ยปากว่าอยากจะไป อีกคนตอบกลับมาเป็นคำชวน ให้ความรู้สึกน่ายินดีเหลือเกินที่มีใครสักคนอยากจะไปไหนสักที่ด้วยกัน


   ภาพวิวสวยๆ สิ้นสุดลงเมื่อครองภพส่งรูปอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ บอกให้รู้ว่าเขากำลังจะเดินทางกลับแล้ว


ร่มธรรมอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความไปหยอกเย้าคนที่มีโอกาสไปทำงานที่ญี่ปุ่นในช่วงอากาศกำลังดีแถมทิวทัศน์สวยงาม แต่กลับไม่มีรูปนายแบบหล่อๆกับวิวสวยๆส่งมาอวดกันบ้างเลย


   ‘ใจคอจะไม่ส่งรูปนายแบบมาจริงๆเหรอ’


   ตอนที่กดส่งข้อความ ร่มธรรมคาดว่าคนที่น่าจะทำเรื่องเช็คอินเสร็จแล้ว คงถลึงตาดุเขามาทางโทรศัพท์ แต่ในเมื่อไม่มาถลึงตรงหน้าก็ไม่เห็นจะน่ากลัวสักหน่อย


   ครองภพอ่านข้อความนั้น แล้วหายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะส่งรูปกลับมา


   รูปของชายหนุ่มรูปหล่อวัย 22 ในชุดเสื้อสเวตเตอร์สีดำ กางเกงยีนส์สีอ่อน และรองเท้าผ้าใบสีดำหุ้มข้อ สวมแว่นตากันแดดและหมวกแก็ปสีดำใบเก่งยืนอยู่หน้าอาคารผู้โดยสารขาออก


   ร่มธรรมตาโตกับรูปนั้น รีบขยายรูปออกกว้างแทบไม่ทัน ในรูปยังมีหญิงสาวอีก 2-3 คนทำตาโตตกใจ คาดว่าน่าจะจำนายแบบได้


   นี่หมายความว่าครองภพถ่ายรูปนี้เดี๋ยวนี้แล้วส่งมาให้เขาดูอย่างนั้นหรือ


   บ้ารึเปล่า?! คนที่เคยทำสุวรรณภูมิแตกมาแล้ว ไปยืนบ้าบิ่นหน้าประตูอาคารผู้โดยสารเพื่อถ่ายรูปสักใบมาเขาดูเนี่ยนะ!!


   แล้ว...นี่ชุดขึ้นเครื่องหรือ?


   การเดินทางจากญี่ปุ่นมาไทย จำเป็นต้องแต่งตัวหล่อขนาดนี้มั้ย หล่อน้อยกว่านี้ จะถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องรึไงกัน


   พระเอกเก่าเมื่อ 6 ปีถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อก เพิ่งรู้ว่าวงการบันเทิงยุคนี้ การแข่งขันสูงขนาดนี้ แม้แต่ลุคขึ้นเครื่องของนักแสดงสักคนยังต้องพร้อมเป๊ะ หล่อทุกองศา


   ‘ผมถ่ายได้รูปเดียว พี่ณุบ่น’


   ข้อความถูกส่งมาเพิ่ม ร่มธรรมถึงกับเม้มปากด้วยความเอ็นดูปนขัน วิษณุไม่บ่นสิแปลก อยู่ดีๆออกไปยืนถ่ายรูปแบบนั้น ผู้จัดการส่วนตัวที่ไหนก็ปวดหัวทั้งนั้น


   ‘หล่อแล้วครับ หล่อมากๆเลย’


   ร่มธรรมไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่ชื่นชมความหล่อกลับไป และชื่นชมความบ้าบิ่นในใจ แล้วหลังจากนั้น ก็ยังมีการรายงานจากครองภพเป็นระยะ


‘เข้าเลาจน์แล้ว’


‘บอร์ดดิ้งแล้ว’


‘เครื่องจะเทคออฟแล้ว เจอกันที่เมืองไทยครับ’


แล้วจากนั้นก็หายเงียบไปหลายชั่วโมง ก่อนที่หน้าจอโทรศัพท์ของร่มธรรมจะสว่างวาบขึ้นครั้งหนึ่งพร้อมกับข้อความใหม่ล่าสุด...ภาพถ่ายจากงวงช้างยามค่ำคืน


   และสายเรียกเข้าจากคนที่เคยให้เบอร์ติดต่อเอาไว้ก่อนไปทำงานที่ญี่ปุ่น


   ร่มธรรมไม่รู้ว่าความรู้สึกดีใจในอกมันมาจากไหน ถึงได้ไหลมารวมกันไวขนาดนี้เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มๆจากปลายสาย


   ‘ถึงแล้วนะครับ’


   “อืม...” ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเขินวาบจนได้แต่เม้มปาก ร่มธรรมคิดว่าเขาควรจะพูดมากกว่านี้หน่อย


   “...อ่า...เหนื่อยมั้ย” บางคนบอกว่าเป็นคำถามสิ้นคิดสำหรับการถามคนที่เพิ่งไปทำงานกลับมา แต่ร่มธรรมคิดว่าจะมันเป็นคำถามที่อบอุ่นมากต่างหาก


   ‘ไม่เท่าไร...แต่...ผมหิว’


   หนุ่มรุ่นพี่กะพริบตาปริบๆ


   ‘ผม...ยังไม่ได้กินอะไร ร้านที่คุณเคยพาไป ปิดกี่โมง’


   ร่มธรรมเบิกตาเล็กน้อยที่ประโยคตอบกลับมาเป็นเรื่องปากท้อง รีบหันมองนาฬิกาที่ข้างฝาผนังทันที


   “น่าจะใกล้ปิดแล้ว ครองอยากกินหรือ”


   ‘ครับ’


คำตอบของครองภพทำเอาคนฟังเม้มปาก


...ทำงานหนักแต่ก็ยังท้องกิ่ว น่าสงสาร...


   “อ่า...แถวคอนโดพี่มีร้านข้าวต้มเป็ด อร่อยนะ ครองทานมั้ย”


   ‘อยู่แถวไหนครับ’


   “แถวคอนโดพี่ เดี๋ยวพี่ซื้อแล้วแวะเอาไปให้ ครองกลับคอนโดเลยใช่ไหม”


   ‘ครับ แต่...ลำบากคุณรึเปล่า’


   “ไม่เลย”


   ‘ถ้าอย่างนั้น...ก็ได้ครับ’


   “โอเค ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่คอนโดครองนะ”


ภารกิจออกไปซื้อข้าวให้คนเพิ่งกลับมาถึงตอนเกือบห้าทุ่ม ต่อให้จะเป็นร่มธรรมที่ใส่ใจคนรอบข้างมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลเลยสักนิด


   ...แต่...ครองภพยังไม่ได้ทานอะไร…


   พอคิดแบบนั้น ก็ไม่อาจอยู่เฉย คว้ากระเป๋าสตางค์ มือถือและกล่องอาหารได้ก็ออกจากคอนโดของตนเองอย่างเร่งรีบ เป้าหมายคือร้านข้าวต้มเป็ดเจ้าอร่อย และการได้ไปพบหน้าคนที่...อยากเจอ


........................      


   ตอนที่ครองภพกลับมาถึงคอนโดตนเอง ร่มธรรมก็มารอที่ล็อบบี้แล้ว พร้อมด้วยกล่องอาหารและแก้วเก็บความเย็น ในขณะที่พระเอกหนุ่มลงจากรถด้วยกระเป๋าเป้หนึ่งใบและถุงของฝากเต็มสองมือ ไม่ใช่แค่สองมือของเจ้าตัว แต่มีกระเป๋าลากอีกใบในมือวิษณุที่เดินตามขึ้นไปส่งบนห้อง


   ร่มธรรมไม่ทันได้ตกใจกับความเรียบง่ายภายในห้องพัก เพราะมัวแต่มึนงงกับของฝากจำนวนมากที่ถูกวางกองบนพื้นห้อง


   “ดีนะ ที่ตัดใจไม่ซื้อกันดั้มเพิ่มอีกสองตัว ไม่งั้นได้งอกกระเป๋าใหม่” วิษณุหันมานินทา ร่มธรรมได้แต่กลั้นยิ้มไม่กล้าหัวเราะ เพราะคนตัดใจคนนั้นตวัดสายตามาจ้องแล้ว


   “พี่ไปก่อนล่ะ แล้วพรุ่งนี้เจ็ดโมงครึ่งพี่มารับนะครอง”


   “ครับ”


   “ขอตัวก่อนนะครับคุณร่ม” ร่มธรรมยิ้มแล้วยกมือไหว้


วิษณุออกจากห้องไปแล้ว ภายในคอนโดกว้างขวางจึงเหลือเพียงเจ้าของห้องกับแขกผู้ได้มาเหยียบห้องพักของครองภพเป็นครั้งแรก


   “ครองกินข้าวเลยมั้ย พี่เอากล่องแก้วที่บ้านไปให้ที่ร้านใส่มาให้ มีข้าวต้มเป็ด แล้วก็มีเป็ดพะโล้แยกมาด้วย เผื่ออยากเติม เอ...แต่น่าจะต้องอุ่นสักหน่อย ที่นี่มีไมโครเวฟใช่ไหม”


สิ่งที่ร่มธรรมนึกถึงเป็นอย่างแรกคือความหิวของคนที่เพิ่งกลับมาถึงเมืองไทย ครองภพยิ้มจางกับความช่างเอาใจใส่ของอีกฝ่าย ร่มธรรมคงเห็นหลายครั้ง ที่เขาทานอาหารเฉพาะในจานหรือกล่องเซรามิก ถึงได้จัดแจงขนาดนี้


   เจ้าของห้องเดินมารับกล่องอาหาร ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นแก้วเก็บความเย็นในมือร่มธรรมด้วย


   “อเมริกาโน่ ไม่ใส่น้ำแข็ง เผื่อครองไว้ทานพรุ่งนี้ จะได้ไม่ต้องแวะ”


   “จะไม่ให้ผมไปหาเลยรึไง”


   “ไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่...คิดว่าเผื่ออยากกิน แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ครองต้องรีบออกรึเปล่า ก็เลยทำมาให้ก่อน”


   “คุณเข้าไปทำที่ร้านหรือ”


   “เปล่า กดจากที่คอนโดพี่ สั่งข้าวต้มเสร็จ เลยกลับไปกดกาแฟใส่แก้วมาให้ กาแฟเดียวกับที่ร้านนั่นแหละ รับรองรสชาติเหมือนเดิม ไม่ย้อมแมวขาย”


ครองภพยิ้มจาง ดวงตาที่แม้จะอิดโรยเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน แต่กลับมีแววเปล่งประกายด้วยความสุขจนคนถูกมองรู้สึกเขินซ่าน ได้แต่เม้มปาก


   “เอ่อ...พี่อุ่นให้ไหม ไมโครเวฟอยู่ในครัวใช่มั้ย”


   “ไม่ต้อง ผมจัดการเอง คุณนั่งตรงนี้” ครองภพดึงทุกอย่างมาถือเอง แล้วดันหลังหนุ่มรุ่นพี่ไปนั่งที่โซฟาซึ่งถูกรายล้อมด้วยถุงของฝาก จากนั้นจึงเดินส่องทีละถุง แล้วหยิบขึ้นมาถุงหนึ่ง


   “ของฝาก”


ร่มธรรมตาเหลือก ก้มลงมองของในถุงที่หนักอึ้งซึ่งถูกวางลงบนตักแล้วก็เงยหน้ามองคนวางอีกที


   “หมายถึง...ให้พี่เลือก?”


   “ไม่ต้องเลือก หมดนั่นของฝาก”


   “เฮ้ย”


   “ไม่ต้องเฮ้ย ก็คุณไม่บอกว่าอยากได้อะไร ก็เลยไม่รู้ว่าอะไรที่คุณกินได้บ้าง ก็เลยซื้อเท่าที่ซื้อได้ อ้อ...มีในกระเป๋าใหญ่อีก เดี๋ยวผมเอาให้”


   “ไม่ต้องๆ ไปอุ่นข้าวมากินก่อนเลย เรื่องของไว้ทีหลัง” ร่มธรรมรีบแย้ง ก้มลงมองของบนตักแล้วถอนหายใจเฮือก มองตามหลังคนที่ยอมหมุนตัวเดินเอากล่องอาหารไปอุ่นในครัวแล้วก็คิดว่าเขาคงต้องหาจังหวะอธิบายให้คนมีน้ำใจว่าถ้าไม่รู้จะซื้ออะไรก็ไม่ต้องซื้ออะไรมาทั้งนั้น


   ปกติก็ไม่เห็นใจใหญ่มือเติบ แล้วทำไมอยู่ดีๆจ่ายหนักซื้อของฝากมาให้เขาเยอะขนาดนี้เล่า?!


..........................   


   มันเป็นมื้อดึกสำหรับคนหนุ่มรุ่นๆที่หิวซก ร่มธรรมไม่คิดว่าสายการบินระดับห้าดาวจะไม่บริการอาหารหรือเครื่องดื่ม แต่อาจจะเพราะครองภพอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน ก็เลยหิวง่าย กินเก่ง หนำซ้ำยังกินแล้วดูเอร็ดอร่อยอีกต่างหาก


   “แล้วคุณไม่ทานเหรอ แบ่งกับผมก็ได้” ครองภพเสนอแเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ และคนซื้อมาให้ก็ปฏิเสธเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้เช่นกัน


   “จะเที่ยงคืนแล้ว ทานไม่ไหวแล้ว”


   “อาหารไม่ย่อย?”


   “มันจะเบิร์นออกไม่ทันด้วยน่ะสิ”


ครองภพชะงักไปอึดใจหนึ่งกับความคิดบางอย่าง แต่ก่อนที่ปากจะหลุดพูดอะไรออกมา ก็เป็นตัวเขาเองที่ยัดเนื้อเป็ดพะโล้เข้าปากเพื่อปิดปากตัวเอง


   “แล้วของฝากน่ะ ให้พี่หมดทั้งถุงนั่นจริงๆหรือ”


ถึงจะขอบคุณในความปรารถนาดีและคิดถึงกันจนหิ้วของฝากมาให้ถุงใหญ่ขนาดนั้น แต่ร่มธรรมคิดว่าจะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำไม่ได้อีก ครองภพไม่ควรเสียเงินซื้อของฝากมาให้เขามากมายขนาดนั้นเลย ไหนจะสิ้นเปลือง ไหนจะเสียเวลาหาซื้อ ไหนจะลำบากหิ้ว


   “อ้อ มีในกระเป๋าอีก” แล้วคนหนุ่มทำอะไรว่องไวก็ลุกพรึ่บไปเปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หยิบกล่องแบรนด์เนมขนาดไม่ใหญ่ออกมาหนึ่งกล่องแล้วเดินกลับมาส่งให้


   แม้ใจจะอยากดุที่อีกฝ่ายซื้อของมาให้เขามากมายขนาดนี้ แต่ร่มธรรมก็ยังมีมารยาทมากพอที่จะรับมาเปิดดูเสียก่อนเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ข้างในกล่องแบรนด์เนมนั้นเป็นผ้าพันคอเนื้อดีสีสุภาพ


   “อากาศช่วงใบไม้ร่วงมันเย็น ผมก็เลยซื้อมาฝาก”


   “แต่เมืองไทยไม่มีใบไม้ร่วงนะ” ร่มธรรมเงยหน้าหยอกพลางยิ้ม ทั้งๆที่อยากบ่นจะแย่ แต่ก็อดต่อล้อต่อเถียงไม่ไหว


   “ก็คุณบอกว่าอยากไปญี่ปุ่นช่วงใบไม้ร่วงปีหน้า”


   ‘ปีหน้า มาด้วยกัน’


   ประโยคนั้นที่ปรากฏในห้องแชทยังติดอยู่ในสมองของร่มธรรม และมันพาลเอาให้เหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ครองภพมองเขาอยู่ ราวกับจะบอกว่าเจ้าตัวจริงจังกับประโยคนั้นมากแค่ไหน


   ไม่ใช่แค่คำชวนผ่านๆ


   แต่ครองภพตั้งใจจะไปกับเขา ถึงขั้นซื้อผ้าพันคอมาเตรียมไว้ให้แล้ว


   คนร่วมวงการเดียวกัน จำเป็นต้องทำให้กันถึงเพียงนี้ไหม คนที่เป็นเพื่อนกัน ต้องใส่ใจกับคำสัญญาล่วงหน้าหนึ่งปีเช่นนี้เลยหรือ มันไม่ปกติเลย ไม่ใช่ความสัมพันธ์ทั่วๆไปสักนิด


   แม้กระทั่งตัวเขาเองก็เช่นกัน มันสมเหตุสมผลตรงไหนที่อยู่ดีๆก็ออกจากบ้านตอนเกือบห้าทุ่มเพื่อไปซื้อข้าวต้มมาให้ ‘เพื่อน’ สักคน แล้วยังมานั่งเป็นเพื่อน ‘เพื่อน’ อยู่แบบนี้ ทั้งๆที่ควรกลับบ้านไปนอนได้แล้ว


   “คุณ...เป็นอะไร ง่วงเหรอ” เสียงทุ้มดังเรียกสติ ทำเอาร่มธรรมตื่นจากภวังค์ เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ทั้งๆที่ในใจกำลังตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ร่มธรรมไม่ใช่คนใจร้อน เขาเชื่อในการตระหนักคิดอย่างถี่ถ้วน


   “พรุ่งนี้คุณเข้าร้านตอนเช้ารึเปล่า”


   “เข้า ทำไมเหรอ”


“ผมแวะไปนะ”


   “หือ? แต่พี่เอากาแฟมาให้แล้วนะ”


   “เอามาแต่กาแฟ ไม่ได้เอาน้ำแข็งมา”


ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ แต่คนพูดกลับยักคิ้ว ดวงตาเรียวดุที่เคยตวัดมองอย่างไม่ชอบใจ มาบัดนี้กลับส่อประกายแพรวพราวยามจับจ้องร่มธรรม


   “แล้วที่นี่ไม่มีรึไง”


   “ผมไม่กินน้ำเย็น ปกติก็แทบไม่แช่น้ำในตู้เย็นด้วยซ้ำ”


   “อ้าว แต่พี่เห็นกินอเมริกาโน่เย็น...”


   “เวลาอยากกินก็ซื้อเอาสิ แล้วตอนก่อนผมไปญี่ปุ่น คุณให้ขนมมาตั้งเยอะ ผมจะเข้าไปเคลียร์บัญชีด้วย”


   “หักลบกับของฝาก”


   “นั่นของฝาก ไม่ได้ฝากซื้อ ไม่เกี่ยวกัน”


   “ไหนใครบอก ครองภพพูดนับคำได้”


   “ผมพูดมากกับคนที่ผมอยากพูดด้วย”


ร่มธรรมอ้าปากค้าง ไม่กล้าย้อนว่าเขาคือคนที่ครองภพอยากพูดด้วยหรือ เพราะเกิดอีกฝ่ายตอบว่าใช่ขึ้นมา คงยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปกันใหญ่ สุดท้ายเลยได้แต่ตอบรับเบาๆ


   “เออ จะแวะมาก็แวะ เอาขนมมั้ย จะได้อุ่นไว้ให้ด้วย”


   “เอาครับ แบบเดิม”


   ร่มธรรมไม่ได้เถียงอะไรอีก นั่งเป็นเพื่อนคนทานข้าวต้มจนหมดถ้วย เจ้าของคอนโดถึงได้ยอมปล่อยให้กลับ โดยเป็นคนลงมาส่งที่รถด้วยตนเอง


   “ถึงบ้านแล้วบอกด้วย”


   “ครับๆ” คนอายุมากกว่ารับคำประหลกๆ เปิดประตูก้าวขึ้นรถ แต่พอจะหันไปพยักหน้าลา คนลงมาส่งกลับดึงประตูไว้แล้วก้มลงมาหา ใบหน้าห่างกันแค่คืบ


   “ร่ม...วันนี้ขอบคุณนะครับที่มา”


เพราะคิดอยู่เสมอว่าครองภพเป็นรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่า 6 ปี สายตาที่เขามองจึงเป็นพี่ชายที่มองน้องชาย และมันทำให้ไม่ทันระวังตัวเมื่ออีกฝ่ายเข้าใกล้ พูดจาด้วยน้ำเสียงทุ้มหู และทอดมองด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกลุ่มลึก


   “อ...อือ”


เป็นฝ่ายร่มธรรมเสียเองที่เผลอตกบ่วงเข้าไปในห้วงความลึกล้ำของดวงตาเรียวคู่นั้นจนหัวใจเต้นถี่


   “ขับรถดีๆ”


   “อืม เจอกันพรุ่งนี้”


   “ครับ เจอกันพรุ่งนี้”


   แม้จะเป็นประโยคสุดท้ายที่พูดกันต่อหน้าในค่ำคืนนี้ แต่อีกสิบนาทีต่อมา ข้อความจากร่มธรรมก็มาถึงครองภพ


   ‘ถึงแล้ว’


   แล้วหลังจากนั้นอีกห้านาที ก็เป็นฝ่ายครองภพที่โทรศัพท์ไปหา และการพูดคุยในค่ำคืนนี้ของพวกเขาก็สิ้นสุดลงเมื่อคนที่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง หลับไปทั้งที่ยังมีโทรศัพท์วางอยู่ข้างหมอน และเสียงร่มธรรมที่ลอดออกมา


   “กู้ดไนท์นะ...ครอง”


…………………………….

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

ซีรี่ส์เกี่ยวกับครอบครัวประกอบด้วยสี่เรื่องจากสี่ผู้จัด สี่ผู้กำกับ


แต่ละเรื่องล้วนได้นักแสดงวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงทั้งชายหญิงพลิกบทพระเอกนางเอกมารับบทตัวเอกผู้ต้องเผชิญโศกนาฏกรรมของชีวิต อย่างเช่นครองภพที่พลิกมารับบทน้องชายผู้เหลวแหลกและติดยา


   พล๊อตแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ก็เป็นกระแสที่กล่าวถึงในวงกว้าง


ครองภพลบภาพนักแสดงหนุ่มรูปหล่อมาสวมบทเด็กหนุ่มผู้ติดยาจนทรุดโทรมที่สุดท้ายเลือกจบชีวิตเพื่อหนีไปพบกับภาพฝันที่เขาคิดถึง แน่นอนว่าฝีมือของเขากลายเป็นที่พูดถึงมากขึ้น แถมชื่อเสียงของเขาก่อนหน้าก็ทำให้ซีรี่ส์ติดกระแส ในขณะที่กระแสอีกส่วนเริ่มมีคนกล่าวถึงชายหนุ่มที่รับบทเป็นพี่ชายผู้เจ้าระเบียบและเคร่งครัด


   ชื่อของร่มธรรมเริ่มถูกค้นในอินเตอร์เน็ต ก่อนจะตามมาด้วยการประกาศเปิดกล้องภาพยนตร์ของผู้กำกับฉายอย่างเป็นทางการ


   ครองภพและร่มธรรมได้ร่วมงานอีกครั้ง ท่ามกลางการจับตามองของคนในอุตสาหกรรมบันเทิงและเหล่าแฟนๆ พร้อมๆกับกระแสข่าวลืออีกเรื่องที่มาตามอินเตอร์เน็ต


   …ครองภพและร่มธรรมสนิทกันมากกว่าเพื่อน...


แม้จะกลับเข้ามาในวงการแล้ว แต่ร่มธรรมก็ยังไม่มีพื้นที่มากพอที่จะได้พบปะสื่อ ในขณะที่นักข่าวมีโอกาสพบครองภพได้มากกว่าและถี่กว่า ไมค์และกล้องจึงจ่อไปที่เขาแทน


   “ขอถามเรื่องที่มีกระแสอยู่ตอนนี้หน่อยค่ะ สนิทกับนักแสดงคนนั้นจริงรึเปล่าคะ มีรูปถ่ายในร้านกาแฟด้วยกันด้วย”


   “จริงครับ”


   “สนิทกันขนาดไหนคะ”


   “สนิทก็คือสนิท ไม่มีขนาดครับ”


   “แล้วเรื่องขึ้นคอนโดล่ะครับ”


   “จริงครับ”


   “ขึ้นไปทำอะไรครับ”


   “เวลาเพื่อนมาหาคุณที่บ้าน เพื่อนคุณมาทำอะไร” ครองภพย้อนถาม หน้าตาเรียบเฉยเหมือนที่เขาเป็นมาตลอด นักข่าวคนอื่นๆหัวเราะครืน และเมื่อคลิปสัมภาษณ์นี้ของเขาเผยแพร่ออกไป แฟนคลับส่วนหนึ่งพากันหัวเราะกับคำตอบที่ไม่ให้ความชัดเจนอะไรเพิ่มเติม ในขณะที่บางส่วนเริ่มค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘นักแสดงคนนั้น’ ที่ครองภพยอมรับว่าสนิทจริง และขึ้นคอนโดของเขาจริง


   แต่ไม่ว่าจะมีข่าวอย่างไร ครองภพก็ยังเป็นครองภพ


เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านั้นและยังคงทำงานหนักในทุกๆวัน เป็นฝ่ายร่มธรรมเสียเองที่รู้สึกว่าข่าวเช่นนี้เป็นสัญญานที่ไม่ดีเลย


   “ครอง...ทางผู้ใหญ่ว่ายังไงบ้าง”


เพราะเป็นนักแสดงนำสำหรับซีรี่ส์ใหม่ของผู้กำกับฉายทั้งคู่ พวกเขามีคิวที่ต้องถ่ายด้วยกันบ่อย จนการพบกันของครองภพและร่มธรรมไม่ใช่เรื่องแปลก


   ชายหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังนั่งอ่านบทอยู่ในห้องหันมอง


   “ผู้ใหญ่ไหน”


   “ก็...ต้นสังกัด...คุณแม่...แล้วก็พี่ชาย...”


เพราะรู้จักไปถึงครอบครัวของครองภพ ร่มธรรมจึงยิ่งเป็นกังวล ข่าวเช่นนั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและครองภพถูกตีความไปในทิศทางอื่นที่ไม่ใช่ ‘เพื่อน’ 


   “ไม่เห็นมีใครว่าอะไร”


แม้คำตอบของครองภพจะเป็นเช่นนั้น แต่สีหน้าของร่มธรรมก็ไม่ได้ดูดีขึ้นเลย


   “คุณเป็นห่วงผมเหรอ” ทว่าคำถามต่อมาของครองภพกลับทำเอาคนกำลังคิดไม่ตกและเป็นกังวลถึงกับชะงัก เงยหน้ามองทันที สีหน้าเหรอหรา กะพริบตาปริบๆ ปากพะงาบเหมือนจะพูดแล้วหุบลงราวกับไม่รู้จะพูดคำว่าอะไร ทำเอาครองภพหัวเราะเบาๆ


   ทั้งๆที่อายุมากกว่าเขาตั้ง 6 ปีแท้ๆ...แต่...น่าเอ็นดูขนาดนี้ได้ยังไงกัน...


   “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข่าวแรงกว่านี้ผมก็เจอมาแล้ว”


   “ไม่ว่าจะแรงมากกว่านี้ หรือแรงน้อยกว่าที่เคยเจอ ครองก็ไม่สมควรจะเจอข่าวแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ร่มธรรมย้อนถามด้วยสีหน้าจริงจัง


ความเป็นห่วงของเขาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นกับครองภพส่วนหนึ่งก็เพราะร่มธรรมไม่ระมัดระวังตนเอง ทั้งๆที่เขาควรจะตระหนักถึงความเป็นสาธารณชนของอีกฝ่าย อย่างน้อยก็คงป้องกันไม่ให้เกิดข่าวลือแบบนั้นได้บ้าง


   พอคนหนึ่งจริงจัง อีกคนก็พลอยจริงจังไปด้วย


เสียงหัวเราะจางหาย แววเอ็นดูที่ปรากฏในดวงตาเรียวเปลี่ยนเป็นเรียบสงบจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย


   “แล้วคุณจะทำยังไงไม่ให้มันเกิดข่าวแบบนี้ ในเมื่อเราสนิทกันจริง”


   คำว่า ‘สนิทกันจริง’ ของครองภพไม่ใช่เรื่องโกหก 


พวกเขาไปมาหาสู่ ครองภพแวะไปที่ร้านกาแฟแทบทุกวันที่ร่มธรรมอยู่ร้าน ร่มธรรมแวะมาที่คอนโดของครองภพบ่อยๆ เวลาเขากลับมาถึงคอนโดแล้ว นอกจากนั้นชีวิตประจำวันในกองถ่าย เมื่อพบคนหนึ่งก็เป็นต้องพบอีกคนอยู่แถวๆนั้นเสมอ


พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหลายๆเรื่อง ทุ่มเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างสนุกสนาน ปรึกษาหารือเรื่องงานอย่างจริงจัง ห่วงใยกับเรื่องส่วนตัวอย่างสุขภาพ อาหาร หรือเวลาพักผ่อน


...ใช่...สนิทกันขนาดนี้ จะให้ทำยังไงกับข่าวที่เกิดขึ้น?...


   ร่มธรรมพูดไม่ออก พวกเขาต่างรู้ดีว่าวิธีที่จะทำให้ความสัมพันธ์นี้ไม่เป็นกระแสก็มีแค่หนทางเดียวเท่านั้นคือห่างหายกันไป


   คนอายุน้อยกว่ามองคนที่เอาแต่นิ่งงัน สีหน้าลำบากใจของร่มธรรมบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไร


“หรือจะไม่ให้ผมไปที่ร้านกาแฟของคุณ และคุณจะไม่มาหาผมที่คอนโด?”


ร่มธรรมเม้มปาก ถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ย


“ถ้ามันจำเป็น...”


“อ้อ! เราจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชีวิตของเราเพียงเพราะให้ถูกใจคนอื่นๆรึไง?!” ครองภพแทรก นึกเกลียดการตัดสินของคนอื่นขึ้นมาทั้งๆที่เป็นชีวิตของพวกเขาแท้ๆ


   “เพราะเราต้องอยู่ในสังคมไงครอง เรามีสถานะแบบไหน สังคมจ้องมองเราอยู่ ถึงจะทำให้ถูกใจทุกคนไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนเพราะความไม่ถูกใจของคนอื่น”


   “หมายความว่าถ้าคนอื่นไม่ถูกใจกับความสัมพันธ์ของเรา เราก็ต้องเปลี่ยนเพื่อให้ถูกใจสังคมใช่มั้ย”


   “พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น เพียงแต่เราต้องไม่ทำตัวให้เป็นประเด็น...”


   “คุณกำลังบอกให้เราหลบๆซ่อนๆ”


   “ก็แค่ไม่ทำให้คนอื่นเห็น ถ้าครองอยากกินกาแฟร้านพี่ พี่จะเอามาให้ที่กองก็ได้ แล้ว...แล้วเรื่องไปคอนโดครอง พี่ก็แค่ไม่ไป...”


   “แล้วยังไงต่อ?! ผมไม่ไปร้านกาแฟของคุณ คุณไม่มาหาผม เราเจอกันที่กอง แล้วยังไงอีก?!”


   “จะแล้วยังไง เราก็แค่เจอกันที่นี่ เรา...เราก็ยังทำงานด้วยกัน...”


   เสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันดังขึ้นขัด ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับคนพูดกำลังสะกดอารมณ์โกรธ


   ...แค่เจอกันที่นี่...


   ...ยังทำงานด้วยกัน...


   ...ทิ้งทุกความรู้สึกเอาไว้ แล้วหยุดความสัมพันธ์ให้อยู่แค่ในกองถ่ายนี้...


   “อ้อ! ไม่ใช่แค่หลบซ่อน แต่คุณคิดจะหยุดอยู่กับที่ด้วยซ้ำ!”


   ร่มธรรมขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายตีความ ทว่าเป็นฝ่ายครองภพที่ย้ำชัด


   “ผมทำไม่ได้!”


ยิ่งกว่าคำปฏิเสธ คือสายตาเย็นเยียบที่ทำเอาร่มธรรมชะงัก


   ครองภพมีสายตาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ไม่ใช่สายตาดุดัน ไม่ใช่สายตาอาฆาตมาดร้าย แต่เป็นสายตาจริงจังแน่วแน่


   “ถ้าคุณทำได้คุณทำเลย แต่ผมทำไม่ได้!” สุ้มเสียงของเขาก็เข้มงวดจริงจังเสียจนร่มธรรมยิ่งงุนงง ครองภพหมุนตัวจะเดินหนีแต่เป็นฝ่ายคนอายุมากกว่าที่ร้องถามตามหลัง


   “อะไรน่ะครอง นี่โกรธพี่เหรอ”


   ...โกรธ?…


   จะไม่ให้โกรธได้อย่างไร ในเมื่อร่มธรรมไม่เพียงต้องการซุกซ่อนเรื่องของ ‘เรา’ แต่ยังไม่คิดจะพัฒนามันด้วยซ้ำ หรือสิ่งที่เขาแสดงออกไม่มากพอให้รับรู้หรือ ครองภพไม่เคยใกล้ชิดใครขนาดนี้ คนรอบข้างของเขารู้ดี ร่มธรรมเองก็ไม่ได้อายุน้อยๆแล้ว ดูไม่ออกเลยสักนิดหรือว่าตัวเขาก่อนหน้านี้ กับเขาในวันนี้ ปฏิบัติต่อร่มธรรมแตกต่างกันเพียงใด


   ไม่รับรู้ไม่พอ ยังไม่เห็นค่าสักนิด ถึงได้คิดจะหยุดทุกอย่างเอาไว้แล้วทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย!


   ครองภพรู้ว่าเขาใจเย็นไม่มากพอที่จะหันกลับไปตอบคำถาม เขารู้ว่าอารมณ์ของตนเองไม่มั่นคงเพียงพอที่จะพูดคุยอย่างคนมีวัยวุฒิ เวลานี้เขาเป็นเพียงชายหนุ่มเลือดร้อนที่มีความโกรธสุมเต็มอกเพราะคนที่เขามอบความรู้สึกบางอย่างให้ ไม่เห็นค่าความรู้สึกของเขา


   คนอายุน้อยกว่าไม่หันกลับไปตอบ ไม่แม้แต่จะเหลือบสายตากลับไปมอง เขาสูดลมหายใจลึก แล้วก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเอาไว้เพียงร่มธรรมที่ยืนตะลึงงัน


หลายนาที...กว่าจะรู้ตัวว่าถูกโกรธเข้าจริงๆแล้ว ก็ทำได้เพียงกุมขมับ หลับตาแล้วทอดถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี


...........................      


   ข่าวที่เกิดขึ้นไม่เพียงก่อปัญหาให้กับร่มธรรม แต่คนที่พยายามนิ่งสงบมาตั้งแต่ตอนที่พี่สาวเอาเรื่องจดหมายขู่มาบอก ก็เริ่มร้อนรนเช่นกัน


   รุ่งโรจน์มองกระดาษในมือที่ไร้ที่มาที่ไป


เขาพบมันที่ตู้รับจดหมายที่หน้าบ้าน พอเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ ก็พบว่านอกจากบุรุษไปรษณีย์แล้ว ก็ไม่มีใครมายุ่มย่ามกับตู้อีกเลย ยกเว้น...ช่วงหนึ่งของภาพที่ดำมืด


   เหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ เหมือนเรื่องที่รินฤดีเอามาเล่าให้เขาฟัง


   จดหมายจากที่ไหนไม่รู้ แม้แต่กล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์จะตามหาตัวคนทำ


   นายตำรวจหนุ่มได้แต่กุมขมับ ต่อให้ไม่ต้องส่งจดหมายฉบับนี้ไปฝ่ายพิสูจน์อักษร เขาก็จำได้ติดตาว่าลายมือบนจดหมายเป็นลายมือของคนคนเดียวกับจดหมายที่พี่สาวของเขาได้รับ และ...เป็นลายมือเดียวกับจดหมายที่เขาเคยเห็นเมื่อ 6 ปีก่อน


   ถึง ร่มธรรม


   6 ปีแล้วที่คุณอยู่ในพื้นที่อันสงบสุข ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงกลับเข้าไปหาความวุ่นวายอีก


   วันนี้ คุณก็เห็นแล้วว่าไม่มีที่ไหนจะสบายเท่ากับการที่คุณอยู่ในพื้นที่ของคุณมาตลอด 6 ปี


   ออกมา


   ไม่อย่างนั้นจะลงมือทำให้คุณออกเอง


   จาก คนที่รักคุณมาก


   ทั้งๆที่เนื้อความในจดหมายพูดถึงน้องชายของเขา แต่รุ่งโรจน์รู้ดีว่าการที่จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาที่บ้านของเขา หรือจดหมายขู่ที่รินฤดีได้รับ คือการขู่ทางอ้อมให้พวกเขาพาร่มธรรมออกมาจากวงการบันเทิง เพราะคนทำ ‘รักมาก’ จนไม่ต้องการให้ร่มธรรมรับรู้ด้วยซ้ำว่าถูกขู่


   เหมือนอย่างเมื่อ 6 ปีก่อน


   ‘โรจน์ พ่อมีเรื่องจะขอร้อง...’


   ‘พาร่มออกจากวงการได้ไหม’


   ในช่วงท้ายๆของชีวิตของบิดา รุ่งโรจน์เคยถูกเรียกไปคุยเกี่ยวกับอาชีพในวงการบันเทิงของน้องชาย ยามนั้นเขาไม่เข้าใจ และปฏิเสธที่จะขัดใจน้องชายคนเล็ก แต่คล้อยหลังการพูดคุยครั้งนั้นไม่นาน บิดาของพวกเขาก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต


   รถชน


ทุกอย่างดูเป็นอุบัติเหตุ 


   คู่กรณีก็เสียชีวิต


   แต่...มีเรื่องหนึ่งที่คาใจ


   รุ่งโรจน์ในฐานะตำรวจ เข้าถึงพยานหลักฐานบางอย่างที่ขัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น


   ในรถยนต์ของบิดามีจดหมายขู่ ทว่าเนื้อหาในจดหมายไม่เพียงจะเกี่ยวพันกับบิดา แต่ยังเกี่ยวกับร่มธรรม


   ‘ฉันไม่ต้องการให้ร่มธรรมอยู่ในวงการ พาเขาออกมา ไม่อย่างนั้นฉันจะถือว่าคุณไม่มีความสามารถที่จะดูแลเขาอีกต่อไป’   


   วินาทีนั้น รุ่งโรจน์เบี่ยงความคิดจากอุบัติเหตุไปสู่การฆาตกรรม


คู่กรณีของบิดามีแอลกอฮอลในเลือดในระดับที่มากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถพุ่งชนรถของบิดาของเขาที่ขับสวนเลนมา ทั้งสองคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ


นายตำรวจหนุ่มลองตามสืบ แต่คู่กรณีที่เสียชีวิตเป็นเพียงพนักงานธรรมดา มีครอบครัวที่มีลูกเล็กด้วยซ้ำ และวันเกิดเหตุก็เพียงไปดื่มกินกับเพื่อน ดูแล้วฝ่ายนั้นก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะถึงจุดจบเช่นนี้


   ยิ่งตามสืบ ก็ยิ่งพบทางตัน แต่จดหมายที่พบในรถยนต์ของบิดาไม่ใช่เรื่องโกหก และมันกลายเป็นสาเหตุให้เขาขอร้องให้น้องชายออกจากวงการ


   แล้วนับจากนั้นตลอด 6 ปี ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก


   จนกระทั่งวันที่ร่มธรรมกลับเข้าวงการบันเทิงอีกครั้ง และกำลังตกเป็นข่าวกับนักแสดงหนุ่มวัย 22 ปีอย่างครองภพ


   รุ่งโรจน์ถอนหายใจ พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้...ไม่รู้จะทำเช่นไรดี



ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสหน้าค่ะ)


   ได้โปรดอย่าตีน้องครองงงงงง...น้องใจร้อน เพราะน้องอายุยังน้อย (สปอยสุด ฮ่าฮ่า)


   และได้โปรดอย่าโกรธพี่ร่ม พี่ร่มเป็นห่วงสถานะนักแสดงของน้อง(และของตัวเองด้วย) ก็เลยไม่ทันระวังความรู้สึกของน้องครองไป


   ที่สำคัญ เป็นกำลังใจให้พี่โรจน์ด้วยนะคะ พี่แบกความลับมาตลอด 6 ปีเต็มๆคนเดียวเลยค่ะ (ฮ่าฮ่า)


   จะบอกเหมือนเดิม ว่ามีหลายคนทายถูกจริงๆค่ะ แต่ต้องเอาส่วนที่ทายถูกของทุกคนมารวมกัน ก็จะถูกแทบทั้งเรื่องเลยค่ะ (บอกแล้วว่าไม่ซับซ้อน)


   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ กำลังใจเช่นเคยค่ะ


   เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2020 19:58:26 โดย Dezair »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โอ้ว น้องครองหัวร้อนแล้วนะ 

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนนี้ยาวมากกกกก
เอาจนขยับสถานะเบาๆ จากตอนแรกดูไม่อะไรเลย
ยิ่งชัดเจนว่าครองน่าจะเป็นแผนกลับมาเกิด
ส่วนคนที่ทำก็พอจะเดาออกแล้ว
แต่เล่นแรงมาก เล่นจนพ่อร่มตาย
อันนี้เราว่าเกินไป
แถมทิ้งท้ายจดหมายว่าจากคนที่รักคุณมาก
อ่านแล้วขนลุกเลยอ่ะฮือออ
ให้ฟีฃเดียวกะสตอล์กเกอร์เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอนนี้อ่านเพลินเลยจ๊ะ มีกุ๊กกิ๊ก ครองแบบแสดงออกไม่กั๊ก แต่ร่มกลับคิดมาก
แต่อยากรู้ว่าเจ้าของจดหมายเป็นใครกันนะ
 :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อภัยให้ทู้กๆ คน เพราะเหตุผลของทู้กๆ คน ถูกต้อลลล และลงตัวที่สู้ดดด

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ข้ามไปพฤหัสหน้าเลยได้มั้ย

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
น้องครองจู่โจมแรงมาก
พี่นี่ก็บื้อเหลือเกิน ไม่รู้ใจน้องบ้างเลย  :jul1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
นายช่วงรึเปล่าเนี่ยย :ling1:

น้องครองรุกหนักมาก มากจนเหมือนพี่ร่มของฉันเหลือตัวนิดเดียว 555
ตอนแรกคิดว่าพี่ร่มเป็นพระเอก แต่พอมาถึงตอนนี้เริ่มลังเลแน้วว 555  จากที่คิดว่าพี่ร่มเคยเป็นคุณหลวงในชาติที่แล้ว ก็ลังเลเช่นกัน 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2020 00:39:43 โดย rockiidixon666 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คิดว่าพี่ร่มคือพ่อเทพ..แต่เหมือนหลายคนจะเดาว่าเป็นคุณหลวง ชอบๆๆๆๆๆ ตอนนี้เขินจิกหมอนตอนต้น ตอนท้ายมีมาม่าซะงั้น จนกว่าจะถึงพฤหัสหน้าจ้า  :hao5:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ชอบมากกกก เลิฟเลยค่ะเรื่องนี้  ฟินกับพัฒนาการกระดืบๆของพี่ร่มและน้องครองมาก คนพี่เป็นคนช่างห่วงช่างใส่ใจ คนน้องก็เปิดใจเดินหน้าเรียนรู้

เราก็ว่าคุณหลวงนะ ตอนแรกนึกว่านายโชติ แต่พอเห็นคำขู่ ดูมีพาวเว่อร์คงไม่ใช่แค่ทาสแล้วหล่ะ แต่ก็ยังสงสัย คุณหลวงก็ดูเอ็นดูเจ้าแผน(พี่ร่ม) ทำไมถึงมาตามกีดกันในชาตินี้ หรือในชาติที่แล้วมีเหตุการณ์ต่อที่เรายังไม่รู้ ที่คุณหลวงต้องตามมาลุยต่อชาตินี้

สนุกค่าาา รอพฤหัสฯหน้าไม่ไหวแล้ววววว

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อิผี ตายไท่ได้ผุดได้เกิดแล้วยังไม่สำนึก


ส่วนคนเลวที่ได้ผุดได้เกิดแล้ว


ก็ยังไม่ปล่อยวาง


ร่มธรรมเป็นคนดีแสนดี


ะวกแกทั้งผีทั่งคนยังไม่หยุด


ความเลวร้ายลงไปอีก


เลวข้ามภะข้ามชาติจริงๆ


ฉันสงสัย


ผจก.ของครองภพ กับอิผู้กับฉาย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด