พิมพ์หน้านี้ - ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Dezair ที่ 29-12-2019 22:33:13

หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 29-12-2019 22:33:13
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 29-12-2019 22:34:04
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………

บทนำ


   โถงบันไดมีเพียงแสงสลัวราวกับเป็นยามเย็น ฝ่าเท้าก้าวลงบันไดทีละขั้นอย่างมั่นคง ก่อนจะหยุดยืนบนบันไดขั้นสุดท้าย ภาพเบื้องหน้าคือเด็กหนุ่มร่างผอมมอมแมมและสกปรก เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลและนุ่งโจงกระเบนซอมซ่อนั่งคุกเข่าบนพื้นเบื้องล่าง เอาแต่ก้มหน้าต่ำ ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นผู้ร้ายกระทำความผิด


   “เอาตัวมันไป!! อย่าให้กูเห็นหน้ามันอีก!!” เสียงคำรามดังก้อง หนุ่มน้อยที่นั่งคุกเข่าถูกกระชากพาตัวออกไป แต่ก่อนที่ร่างผอมกะหร็องจะลับตา ใบหน้าของเด็กหนุ่มเหลียวกลับมา ดวงตาบวมปูดข้างหนึ่งห้อเลือดจนม่วงช้ำ ทว่านัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นแรงกล้า


   “คุณหลวงขอรับ ระวังตัวให้มาก” เสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อหันกลับมามองที่พื้นเบื้องหน้า กลับกลายเป็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งนั่งคุกเข่าพนมมือ


   ประโยคนั้นชวนให้สงสัย แต่ไม่ทันได้ถามอะไร ชายคนเดิมก็ย้ำเป็นคำรบสอง


   “ระวังตัวด้วยขอรับ มันหาท่านเจอแล้ว”


   ........


...   


   ร่มธรรมสะดุ้งลืมตาโพลง ภายในห้องนอนที่มีเครื่องปรับอากาศทำความเย็นจนต้องห่มผ้าเนื้อหนา ทว่าบนใบหน้าและลำคอของเขากลับชื้นเหงื่อ ทั้งห้องยังคงมืดสลัวจนต้องเอื้อมไปกดเปิดสวิสซ์ไฟที่โต๊ะข้างเตียง นาฬิกาแบบเข็มทรงกลมขนาดเล็กที่วางอยู่ใกล้กันบอกเวลาสามนาฬิกาพอดิบพอดี


   เลขสวยช่วงผีออกพอดีด้วย


   แม้หัวใจจะหนักอึ้งแต่เห็นเวลาแล้วก็รีบกระเสือกกระสนลุกจากเตียงมุ่งตรงไปยังสวิสซ์ไฟที่ข้างประตู พอไฟในห้องนอนสว่างโร่ขึ้นในพริบตาก็ชวนให้ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


   เขาเดินลากเท้ากลับมาที่เตียงกว้าง ทว่ายังไม่ทันจะทิ้งตัวลงก็เผลอเหลือบไปทางกระจกบานสูงบนประตูเสื้อผ้าที่อยู่อีกฝั่งของห้องแล้วก็พบว่ารูปร่างหน้าตาของเขายังคงเป็นเช่นเดิม


   ภาพที่สะท้อนบนกระจกคืออดีตนักแสดงหนุ่มในวัย 28 ปี หน้าตาหล่อเหลาที่มาพร้อมกับรูปร่างสูงเพรียว อายุเท่านี้แต่มีสถานะเป็น ‘อดีต’ มาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อนแล้ว เพราะการตัดสินใจลาออกจากวงการบันเทิงของเขาเอง


   ก่อนหน้านี้ร่มธรรมเป็นหนึ่งในพระเอกแถวหน้า แต่พอชื่อเสียงเริ่มติดลมบน บิดากลับจากไปอย่างกะทันหัน ทิ้งธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟเอาไว้ให้ดูต่างหน้า พี่ชายคนรองของเขาจึงขอให้มาช่วยสานต่อ ชายหนุ่มไม่ได้ยึดติดชื่อเสียง เมื่อพี่น้องขอร้อง เขาก็ถอนตัวออกมาใช้ชีวิตสงบอย่างคนธรรมดา


   ดวงตากลมจับจ้องภาพสะท้อนบนกระจก ทุกอย่างยังเป็นเขา แต่อะไรบางอย่างทำให้นึกถึงฝันเมื่อครู่


   ฝันเห็นเด็กผู้ชาย...ไม่สิ ไม่ใช่เด็ก น่าจะอายุสัก 15 หรือ 16 แล้ว ร่างผอมแกร็น มอมแมมเต็มไปด้วยแผลแตก ใบหน้าบวมปูดและดวงตา...อาฆาต


   พอคิดถึงสายตาคู่นั้น ร่างกายก็พลันหนาววูบอย่างประหลาดจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาจำหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้แม่นยำนัก แต่ที่ชัดเจนคือความโกรธเคือง


และที่สำคัญ...เขารู้...รู้ว่าตนเองไม่ใช่เด็กหนุ่มคนนั้น


   ‘คุณหลวงขอรับ ระวังตัวให้มาก’ เสียงของชายฉกรรจ์ที่นั่งคุกเข่าพนมมือยังติดสมอง


นี่ก็อีก...ร่มธรรมรับรู้ด้วยความรู้สึกว่าเขาไม่ใช่เจ้าของเสียงนั้น


ในฝัน...เขารู้ว่าตนเองคือคนที่ชายคนนั้นเรียกต่างหาก


   ...คุณหลวง...


   คุณหลวงที่เด็กหนุ่มอาฆาต คุณหลวงที่ชายอีกคนห่วงใยจนออกปากเตือนให้ระวังตัว


   ‘คุณหลวง’


   พอคิดถึงคำนี้ ชายหนุ่มก็ถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ลูบหน้าลูบตาเพื่อตั้งสติ


   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับความฝันประเภทนี้ สมัยก่อน เขามักฝันเห็นชายนุ่งโจงบ่อยๆ จำรายละเอียดในฝันไม่ได้แม่นยำนัก แต่ก็รับรู้ว่าชายผู้นั้นปรารถนาดีต่อเขา บิดามารดาก็เคยเล่าว่าสมัยเด็กๆ เขาเคยพูดว่าคุณอาผู้ชายไม่ใส่เสื้อชอบมาเล่นด้วย ทั้งๆที่เขานั่งเล่นอยู่คนเดียว ครอบครัวเป็นกังวลกับคำพูดของเด็กชายร่มธรรมจนต้องพาไปหาหมอ แต่ผลตรวจร่างกายเป็นปกติทุกอย่าง คราวนี้เลยเบนเข็มจากวิทยาศาสตร์สุขภาพไปยังไสยศาสตร์ พาไปรดน้ำมนต์ทำบุญสะเดาะเคราะห์แทน แต่...คุณอาผู้ชายก็ยังไม่ไปไหน


   ทว่านั่นก็นานมาแล้ว ยิ่งเติบโต ยิ่งมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในชีวิต มีเรื่องต้องรับผิดชอบและเอาใจใส่ เขาก็ยุ่งจนลืมเรื่องชวนพิศวงพวกนี้อีก


   จนกระทั่ง...วันนี้ สิ่งที่คิดว่าห่างหายก็กลับมา


   ความฝัน


   อาผู้ชายไม่ใส่เสื้อ


   และ ‘ตัวละครใหม่’


เด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาอาฆาตคู่นั้น


   ...โกรธเกลียดอะไรกัน...


   ร่มธรรมถอนหายใจยาว พยายามปล่อยวาง แล้วเอนตัวลงนอนบนเตียงตามเดิม


   แน่นอน...ตีสามเวลาดีผีออกแบบนี้ อีกทั้งยังฝันแปลกๆแบบนั้น ต่อให้จะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบแปดที่เติบโตมาในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ แต่ก็ใช่จะไม่กลัวผี


   คืนนี้ ห้องนอนภายในคอนโดของเขาจึงเปิดไฟทิ้งไว้เช่นนั้นจนสว่างคาตา


………………………..


   “เนื้อเรื่องโบราณ ไม่น่าสนใจ”


ไม่เพียงแค่เปรยออกมาอย่างตรงไปตรงมา แต่มือใหญ่ยังโยนแท็บเล็ตในมือลงกับโต๊ะอย่างไม่สนจะรักษาของสักนิด ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตพระเอกดังวัย 45 ซึ่งผันตัวมาเป็นผู้จัดละครติดจะไม่สบอารมณ์กับงานที่ถูกบังคับยัดใส่มือ


   “เอาหน่า ผู้ใหญ่ขอมา รู้นี่...คนเราชอบเห็นโศกนาฏกรรมในชีวิตคนอื่น”


   อดีตพระเอกทำเสียงขึ้นจมูก


   “แล้วยังไง? คุยกับต้นสังกัดไอ้ครองมาแล้วทางนั้นปฏิเสธล่ะสิ บทยังงี้ต้นสังกัดที่ไหนจะให้ตัวท็อปลุคพระเอกไอดอลมาเล่น ประสาทรึเปล่า” หงุดหงิดแล้วยังด่ากราด ไม่รู้ด่าใคร แต่ชายสูงวัยคู่สนทนาทำหูทวนลม ประสบการณ์ชีวิตนับ 70 ปี บอกให้รู้ว่าอย่าถือสาวาจาใดๆ ถ้าอยากใช้งานเจ้าของวาจานั้น


   คนอายุมากกว่ายังคงใช้น้ำเสียงลื่นหู อธิบายอย่างใจเย็น “ทางนั้นบอกเด็กขึ้นหม้อ คิวเต็ม”


คนฟังทำเสียงในคออย่างเย้ยหยัน


   “ก็เลยมาเข้าทางผม คิดว่าผมเป็นเทวดาทำให้คิวไอ้ครองหายเต็มได้รึไง”


   “แกเป็นผู้จัด ครองภพจะไม่รับเล่นได้ไง”


“ผมบอกตอนไหนว่าจะเอาเรื่องนี้มาทำ” นอกจากสีหน้าไม่สบอารมณ์แล้ว ยังบ่นไม่หยุด ทว่าคู่สนทนากลับยิ้มจางอย่างปลอบประโลม


   “บอกตอนนี้แหละ ช่วยพ่อหน่อยหน่า เรื่องนี้ผู้ใหญ่ขอ...” พอชายผู้มีผมแซมด้วยสีขาวอ้างสถานะบุพการีบังเกิดเกล้า รามิลก็ยิ่งทำหน้าเหม็นเบื่อ


   นอกจากความเป็นบิดาที่อีกฝ่ายถือครอง คนตรงหน้ายังเป็นผู้กำกับชื่อดังของวงการ ทว่าความสัมพันธ์พ่อลูกนั้นไม่สนิทชิดเชื้อ รามิลไม่ใช่ลูกคนเดียว เรื่องนั้นไม่ถือเป็นประเด็น แต่มารดาของเขาก็ไม่ใช่ภรรยาเพียงคนเดียวของบิดาเช่นกัน และแน่นอน...เรื่องนี้เป็นประเด็น เขาไม่ใช้นามสกุลของผู้กำกับคนนี้ด้วยซ้ำ


   แต่โลกเราแคบนิดเดียว คนพ่อเป็นผู้กำกับผู้คร่ำหวอดในวงการ คนลูกหน้าตาหล่อเหลาขึ้นแท่นพระเอกอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะถอยมาอยู่เบื้องหลังในฐานะผู้จัด ทั้งๆที่รามิลพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ข้องแวะกับบิดา สมัยเป็นนักแสดง เขาไม่เคยรับละครหรือภาพยนตร์เรื่องใดที่มีผู้กำกับชื่ออนันต์ พอขยับมาเป็นผู้จัดยิ่งแล้วใหญ่ คือไม่เรียกใช้ผู้กำกับที่ชื่ออนันต์เด็ดขาด ถึงอย่างนั้น ผู้กำกับอนันต์คนที่เขาพยายามหลีกเลี่ยง ก็หาเรื่องมาข้องแวะเขาจนได้


   สาเหตุหนึ่งเพราะนับตั้งแต่รามิลผันตัวมาเป็นผู้จัด งานของเขาทุกชิ้นล้วนเป็นที่กล่าวถึง บางเรื่องเรตติ้งดี บางเรื่องมีรางวัลการันตี บางเรื่องมีทั้งเรตติ้งมีทั้งรางวัล และละครพีเรียดเรื่องล่าสุดของเขา มีทั้งเรตติ้ง มีทั้งรางวัล มีทั้งราคา ละครโด่งดัง นักแสดงนำอย่าง ‘ครองภพ’ ติดลมบน จับมือกันโกยรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ


   ‘ผู้ใหญ่’ ที่ชื่ออะไรก็ไม่รู้ เลยติดต่อผ่านผู้กำกับอนันต์ ให้เรียกลูกชายมารับเป็นผู้จัดละคร และเรียกนักแสดงคู่บุญอย่างครองภพมารับบทนักแสดงนำ


   “ถ้าแกติดต่อครองภพ เขาต้องยอมรับงานนี้แน่ๆ แกทำให้พ่อหน่อย โปรเจ็คนี้เป็นของผู้ใหญ่...” ผู้กำกับอนันต์ย้ำ


เป็นอีกครั้งที่คนฟังยกมุมปากอย่างเย้ยหยัน แม้จะไม่ได้ใกล้ชิดเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่รามิลรู้จักบิดาของตนดี นอกจากจะกำกับละครได้ดีแล้ว อีกอย่างที่ ‘ดี’ ไม่แพ้กันคือชอบเล่นกับคำว่า ‘ผู้ใหญ่’


ใครรู้จักผู้กำกับอนันต์ หรือผู้กำกับอนันต์รู้จักใคร เป็นต้องได้เรียกใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเสมอ 


   “ถ้างั้นผมขอบ้างได้ไหม”


   “อยากจะขออะไรล่ะ ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงจะไปพูดให้”


รามิลชูขึ้นมาสองนิ้ว


   “ข้อแรก งานต่อไปของผู้กำกับฉาย ต้องให้ไอ้ครองเล่นบทนำ”


คนฟังเลิกคิ้ว ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เอนหลังพิงพนัก ดวงตาจับจ้องบุตรชาย


“ไอ้ครองมีความสามารถ” รามิลย้ำ เรื่องนี้ใครก็รู้ ไม่อย่างนั้นละครพีเรียดที่ครองภพแสดงนำเมื่อปีที่แล้วคงไม่ดังเปรี้ยงปร้างขนาดนี้


คู่สนทนาพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แต่ไม่วายเอ่ยแทรก “และคนในวงการอีกมากก็มีความสามารถ”


“ใช่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องได้คือโอกาส”


คราวนี้คู่สนทนาของรามิลเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วเอ่ยอย่างแบ่งรับแบ่งสู้


“เอาเป็นว่า ถ้าบทเหมาะ จะให้ครองภพแล้วกัน”


“ภายในสามปี ต้องหาบทที่เหมาะให้กับเขา” อดีตพระเอกดังสำทับ ทำเอาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยักไหล่


“ก็ได้ เคี่ยวจริงๆ แล้วข้อสองล่ะ”


“ข้อสอง...นอกจากไอ้ครองแล้ว คนอื่น...ผมต้องเป็นคนเลือก”


คู่สนทนานิ่งไปเล็กน้อย กะพริบตาปริบๆ เพราะเงื่อนไขของรามิลระหว่างข้อแรกกับข้อสองนั้นระดับความยากง่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


   “หมายถึง...บทพี่ชายน่ะหรือ”


   “ใช่ ผมขอเป็นคนเลือกเอง” ในเมื่อถูกบังคับตั้งแต่โยนบทละครที่ ‘โบราณและไม่น่าสนใจ’ แถมยังเจาะจงระบุตัวนักแสดงนำให้ผู้จัดอย่างเขาใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวดึง ‘ครองภพ’ มาเล่นทั้งๆที่ต้นสังกัดปฎิเสธไปแล้ว รามิลก็คิดว่าตนเองควรเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอบ้าง


   “จะเลือกใคร” คำถามมาพร้อมดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับไม่วางใจ


   “นักแสดงเก่า ผมเพิ่งได้ดูละครที่เขาเล่นเอาไว้ อยากดึงเขากลับมาเล่นละครอีกรอบ” อันที่จริงก็อยากให้เล่นบทที่โดดเด่นและ ‘ไม่โบราณคร่ำครึ’ แต่คิดอีกที การได้ประกบกับนักแสดงดังในฐานะนักแสดงนำ ก็นับว่าเป็นก้าวแรกที่ไม่เลวเลย สำหรับการดึงใครสักคนกลับเข้าวงการ


   “ชื่ออะไร”


   ผู้จัดหนุ่มชื่อดังมองคนถามด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะเอ่ยเรียบ


   “ร่มธรรม”


………………………….


   ร่มธรรมเป็นลูกชายคนเล็กในบรรดาสามพี่น้อง เขามีพี่สาวคนโตชื่อรินฤดี และพี่ชายคนรองชื่อรุ่งโรจน์ พวกเขาเสียมารดาไปตั้งแต่เล็ก และเสียบิดาไปเมื่อ 6 ปีก่อน เมื่อเหลือกันแค่สามคนพี่น้อง อีกทั้งยังไม่มีใครแต่งงานหรือสร้างครอบครัวใหม่ การร่วมหัวจมท้ายจึงเกิดขึ้นอยู่เสมอ


   หนึ่งในความร่วมไม้ร่วมมือคือการพยายามรักษาธุรกิจกาแฟและร้านกาแฟที่บิดาเปิดเอาไว้


   ‘ร้านกาแฟ ร.รอ’


   ร้านกาแฟขนาดสองชั้นที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง พื้นที่กว้างขวางขนาดนี้หากขายต่อคงมีเงินกินใช้ทั้งชาติ แต่กระนั้น สามพี่น้องตัว ร. ก็จับมือกันมั่นจะรักษาของดูต่างหน้าบุพการีเอาไว้


   รินฤดีทำงานเป็นสไตลลิสต์ในวงการบันเทิง เวลาไม่แน่ไม่นอนนัก แต่ก็โผล่หน้ามาดูกิจการอยู่เนืองๆ ในขณะที่รุ่งโรจน์รับราชการตำรวจ ทำงานเป็นเวลาแน่นอน นั่นคือแน่นอนว่าไม่มีเวลามาดูแลกิจการเต็มตัว แต่ก็แวะเวียนมาสอดส่องอยู่บ่อยๆ ส่วนร่มธรรม ดูแลกิจการของบิดาเลยควบรวมมาดูแลร้านกาแฟไปด้วยอีกทอดหนึ่ง หากไม่พบเขาที่ออฟฟิศ ก็มักจะพบเขาที่ร้าน


   พี่น้องย่อมรู้ใจกันดี เลยเป็นการเปิดโอกาสให้พี่สาวคนโตได้พบหน้าน้องชายคนเล็กโดยไม่ต้องนัดแนะเป็นกิจจะลักษณะ


   “ร่มช่วยพี่หน่อยนะ รุ่นพี่ของพี่อยากให้ไปเล่นซีรี่ส์ด้วยจริงๆ”


   “เล่นซีรี่ส์? ทำไมเป็นผมล่ะ...”


   ร่มธรรมย้อนถามอย่างงุนงง ตอนแรกที่เห็นรินฤดีปรากฏตัวที่ร้านกาแฟ เขายังคิดว่าหล่อนคงแวะมานั่งเล่นระหว่างรอเวลาไปทำงาน ทว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่


รินฤดีมาชวนเขากลับเข้าวงการบันเทิง


ทั้งๆที่ออกมาตั้ง 6 ปีแล้วแท้ๆ


“ก็รุ่นพี่ของพี่น่ะสิ บังเอิญได้ดูละครที่ร่มแสดงไว้ ก็เลยอยากได้ร่มไปเล่นด้วย”


“แต่ผมไม่รับงานมาตั้งหลายปีแล้วนะ สนิมกินหมดแล้ว” ร่มธรรมไม่ได้พูดเกินจริงเลย เวลานี้คลื่นลูกใหม่ในวงการบันเทิงมีเป็นร้อยลูกพันลูก นับประสาอะไรกับคลื่นลูกเก่าอย่างเขาที่ปลดระวางตัวเองไปนานนม แม้จะยังแอบภาคภูมิใจอยู่นิดๆก็เถอะว่าถึงจะเป็นคลื่นลูกเก่าแต่เขาก็ยังมีแฟนคลับคอยแวะเวียนมาซื้อกาแฟที่ร้านก็แล้วกัน


   “อ่ะ! อย่างน้อยร่มไปลองก็ยังดี ถ้าสนิมกินหมดแล้วจริงๆ ค่อยว่ากันอีกที ดีมั้ย” รินฤดียื่นข้อเสนอ แต่ร่มธรรมกลับส่ายหน้า


   “เกิดเป็นแบบนั้นผมก็อายเขาเปล่าๆน่ะสิ”


   “โอย จะอายเอยอะไรกัน! ร่มหล่อขนาดนี้ ถึงจะโก๊ะก็มีแต่คนให้อภัย!” รินฤดียังตื้อไม่เลิก แต่พอเห็นสีหน้าลำบากใจของน้องชายคนเล็กแล้วก็พลอยนึกไปถึงน้องชายอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้


   แน่สิ...ขืนรุ่งโรจน์อยู่ การเจรจานี้ก็มีอันล้มเหลว!


   “กลัวไอ้โรจน์ว่าเหรอ”


รุ่งโรจน์คือคนที่ขอให้ร่มธรรมมาดูแลกิจการของทางบ้านภายหลังเสียบิดาไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งนั่นหมายความว่าคนที่ทำให้ร่มธรรมต้องออกจากวงการบันเทิง เพื่อมาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับธุรกิจ ก็คือพี่ชายคนรองคนนั้น ทั้งๆที่พี่สาวคนโตอย่างหล่อนไม่เห็นด้วยเลยสักนิด!


...มีน้องชายเป็นพระเอกยอดนิยม เป็นสามีแห่งชาติ เป็นนักแสดงมือกวาดรางวัล เก๋จะตายไป!!...


   “ถ้าเรื่องไอ้โรจน์ พี่คุยให้ก็ได้ พี่อยากให้ร่มไปลองจริงๆนะ พี่อ่านบทแล้วมันดีมากเลย ใช้อารมณ์สุดๆ ดราม่าสุดๆ รับรองว่าทวงคืนตำแหน่งพระเอกร้องไห้สวยได้สบาย” ประโยคหลังๆนั้นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของร่มธรรมถึงกับเหยเก แต่พอหวนคิดตามที่รินฤดีพูด ก็พาลให้คิดถึงการแสดงขึ้นมาตะหงิด


   ...ใช้อารมณ์สุดๆ ดราม่าสุดๆ…


   นานเท่าไรแล้ว ที่ไม่ได้แตะต้องการแสดงเลย นานเท่าไรแล้ว ที่ไม่ได้แม้แต่จะหาบทประพันธ์มาอ่านอย่างถ้วนถี่เพราะกลัวจะคิดถึง


   “เอาล่ะ ตัดสินใจแล้ว ร่มตกลงนะ” รินฤดีตัดบทด้วยการตัดสินใจเองเสร็จสรรพทำเอาน้องชายคนเล็กถึงกับทำตาโต


   “เดี๋ยวสิพี่ริน ผมยัง...”


   “ไม่ต้องมายังแล้ว สีหน้าอยากทำขนาดนี้ จะปฏิเสธทำไม ส่วนเรื่องโรจน์ พี่จะคุยให้เอง กิจการของพ่อก็ใช่ว่าจะทิ้งซะที่ไหน ก็ยังทำตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตอยู่นี่ แล้วอีกอย่าง...แกไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ ทั้งๆที่แกเองก็ไปได้ดีในวงการ แล้วกิจการของพ่อก็ไม่ได้จำเป็นต้องสืบทอดอะไรขนาดนั้น แต่ไอ้โรจน์ก็ยังบังคับให้แกออกมาทำธุรกิจต่อ ตอนนี้แกก็จะสามสิบแล้ว ปล่อยให้แกทำในสิ่งที่อยากทำบ้างมันก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”


อย่าว่าแต่รินฤดีจะไม่เข้าใจ เพราะแม้แต่ร่มธรรมเองก็ไม่เข้าใจเว่าเหตุใด วันนั้น...คำขอร้องของพี่ชายคนรองถึงเกิดขึ้น


   ‘ออกจากวงการได้ไหมร่ม แล้วไปดูแลธุรกิจของพ่อ’


   ‘แต่พ่อเองก็เคยบอกว่าไม่ต้องมีคนทำต่อก็ได้’


   รุ่งโรจน์เงียบ เงียบจนกระทั่งฝั่งน้องชายเป็นคนถาม


   ‘พี่โรจน์อยากให้ผมไปทำธุรกิจของพ่อ หรือแค่อยากให้ผมออกจากวงการบันเทิง’


   เป็นอีกครั้งที่คำตอบคือความเงียบ ทว่าร่มธรรมกลับเข้าใจความเงียบนี้เป็นอย่างดี


   รุ่งโรจน์ต้องการให้เขาออกจากวงการบันเทิง


   ไร้เหตุผล ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีใครให้คำตอบว่าเพราะอะไรพี่ชายของเขาจึงต้องการให้หลีกหนีจากเส้นทางสายนี้


ทว่า 6 ปีผ่านมาแล้ว


6 ปีแล้วที่เขาไม่ได้เข้าไปข้องแวะกับวงการนี้อีก จนกระทั่งวันนี้


   ร่มธรรมคิดว่าถ้าจะไม่อธิบายถึงเหตุผลในครั้งนั้น เวลา 6 ปีที่ผ่านมาก็น่าจะนานเพียงพอแล้วที่เหตุผลใดๆจะไม่เป็นเหตุผลอีก


ถ้ามันเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ในวันนั้น วันนี้...มันก็ควรจะเจือจางลงเสียที

.....................................
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 29-12-2019 22:34:55
ทว่า...ในความเป็นจริง เวลาอาจเยียวยาบางอย่าง แต่กับบางอย่างก็ไม่อาจเจือจางได้เลย


   “อะไรนะ?!! เล่นละคร! แกจะกลับไปรับงานเหรอ?!!”


ครอบครัวไม่ได้ห่างเหิน แม้จะไร้ร่มโพธิ์ร่มไทรแล้ว แต่สามคนพี่น้องก็ยังไปมาหาสู่เป็นประจำ ร่มธรรมจึงสบโอกาสบอกเล่างานชิ้นใหม่ล่าสุดของเขาให้พี่ชายคนรองรับทราบ


   แสดงละคร


   “รุ่นพี่ของพี่รินติดต่อมา ไม่ใช่บทใหญ่อะไรหรอก ไม่ใช่พระเอกด้วย เป็นพี่พระเอกอีกที” ชายหนุ่มวัย 28 ให้อย่างไรก็เป็นพระเอกยาก ในยุคที่ดารานักแสดงเด็กๆเกิดขึ้นเป็นรายวันอย่างนี้


   รุ่งโรจน์ตวัดสายตาไปมองพี่สาวคนโต ต่อให้จะอายุน้อยกว่า แต่ด้วยอาชีพตำรวจส่งผลให้สายตาของเขานั้นทั้งดุทั้งกร้าวชนิดที่คนเป็นพี่ที่อายุมากกว่าสองปียังขยาด ได้แต่ยิ้มแหย


   รินฤดีเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายเสียงแห้ง


   “เอ่อ...พอดี พี่...รู้จักกับพี่มิล...รามิล พระเอกเก่าไง ตอนนี้เขามาเป็นผู้จัด แล้วพี่มิลบังเอิญได้ดูการแสดงของร่มเรื่องก่อนๆ พอรู้ว่าร่มเป็นน้องของพี่ ก็เลยมาขอให้ร่มไปเล่นละครให้...”


   “แต่ไอ้ร่มออกจากวงการมาตั้งนานแล้ว!” รุ่งโรจน์พูดเสียงแข็ง หน้าตาดูจะเป็นกังวลมากกว่าจะไม่สบายใจ


   “ออกมาตั้งนานก็กลับเข้าไปได้ ไม่เห็นยากเลย” รินฤดีแย้ง ในฐานะคนอยู่ในวงการ แม้จะเป็นเบื้องหลัง แต่เรื่องกลับเข้าวงการก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ


“แต่ไอ้ร่มต้องทำงาน! ไหนจะงานบริษัท ไหนจะร้านกาแฟ!”


“ก็แบ่งเวลาไง น้องชายของเราเก่งจะตาย ทำได้อยู่แล้ว”


“แล้วมันก็ไม่ได้แสดงมาตั้งนานแล้ว!”


“พี่จัดการสมัครคอร์สการแสดงแล้ว รับรองชื่อเสียงครอบครัวเราไม่ป่นปี้แน่ๆ” รินฤดีแย้งด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน แน่นอนว่าน้ำเสียงอย่างนี้แต่เนื้อหาขัดแย้งทุกประโยคไม่ได้ช่วยให้สีหน้าถมึงทึงของน้องชายคนรองดีขึ้นเลย ทว่าดูเหมือนนายตำรวจหนุ่มจะรู้ดีว่าเขาต่อล้อต่อเถียงกับหล่อนต่อไปก็ไม่ช่วยอะไร จึงไปทางน้องชายคนเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ


   “แกจะไหวได้ยังไง ทั้งทำงานประจำ ทั้งร้านกาแฟ ไหนจะต้องไปเรียนการแสดง แล้วมาถ่ายละครอีก!” รุ่งโรจน์ถามเสียงกระด้างดูก็รู้ว่าเขาไม่พอใจและเป็นกังวล แต่ไม่แน่ใจนักว่ากังวลกับเรื่องการแบ่งเวลาของน้องชาย หรือกังวลเรื่องที่ร่มธรรมจะกลับเข้าวงการบันเทิงกันแน่


   “ผมไหว ซีรี่ส์สั้นๆ ใช้เวลาไม่มาก อีกอย่าง ผมคุยกับทีมงานแล้ว คิวผมกับเขาลงตัวกันพอดีเลย”


อะไรๆก็ลงตัว อะไรๆก็เหมาะเจาะ ทว่ารุ่งโรจน์กลับไม่คิดว่าสวรรค์สรรสร้างโอกาสทองให้น้องชายของตนเลย


   “เรื่องธุรกิจของพ่อ พี่เองก็จะช่วยร่มดูแลด้วย แล้วก็จะเป็นผู้จัดการให้ร่ม ดูแลคิวงานให้ จะไม่ให้ร่มลำบากมากเกินไป พี่สัญญา” ในเมื่อมีถึงสองเสียงที่เห็นด้วยกับการกลับเข้าวงการในครั้งนี้ แล้วรุ่งโรจน์ที่หัวเดียวกระเทียมลีบจะคัดค้านได้อย่างไร เมื่อรู้ว่าคงห้ามไม่ได้แล้ว จึงได้แต่ถอนฉุนอย่างหงุดหงิด


   “ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษากันสักคำ!”


   “ถ้าปรึกษา ร่มก็ไม่ได้เล่นน่ะสิ” คนต่อปากต่อคำยังคงเป็นรินฤดี ในขณะที่ร่มธรรมซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กที่แสนตามใจคนเป็นพี่ ยังเอาแต่มองรุ่งโรจน์ราวกับขอร้อง สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาจะกลับเข้าวงการ ผสานมากับความกังวลว่าจะไม่ได้รับโอกาส


   ร่มธรรมไม่อยากขัดใจพี่ รุ่งโรจน์ก็ไม่อยากเมินเฉยต่อเรื่องของน้องเช่นกัน


   “เอาเถอะ! ในเมื่อรับปากเขาไปแล้วจะพูดอะไรได้อีก!”


แต่ก็แค่ตัดบท หาใช่ตัดใจยอมปล่อยน้องชายกลับเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างว่าง่าย


   “แต่พี่ขอให้เป็นเรื่องสุดท้ายได้ไหม อย่ารับงานอื่นอีก”


ร่มธรรมและรินฤดีมองหน้ากันอย่างงุนงง สำหรับน้องชายคนเล็กผู้ตามใจพี่ชายคนรองมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 6 ปีก่อนย่อมคิดจะรับปากเพื่อตัดปัญหา แต่เป็นฝ่ายพี่สาวคนโตที่แทรกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มเบี่ยงประเด็น


   “โธ่! ใครจะจ้างไอ้ร่มมันเล่นบ่อยๆ แก่ปูนนี้แล้ว สมัยนี้ดารามีแต่เด็กๆทั้งนั้น อายุ 15 ก็เป็นพระเอกนางเอกกันแล้ว ตอนพวกแกอายุ 15 น่ะยังเห็นนั่งเล่นเกมกันอยู่เลย!” สมกับเป็นพี่สาวผู้อ่านสถานการณ์เฉียบขาด เพราะจูงใจน้องชายทั้งสองคนออกไปเรื่องอื่นได้อย่างว่องไว


   “อายุ 15 เป็นพระเอกนางเอก?!” รุ่งโรจน์ย้อนถามเสียงสูง


   “ไม่ใช่พระเอกนางเอกวัยเด็กนะจ๊ะ พระเอกนางเอกแบบที่เป็นพระเอกนางเอกจริงๆ ด้วย!” โต๊ะอาหารเริ่มครื้นเครงเมื่อรินฤดีชวนคุย แม้ร่มธรรมจะติดใจกับการที่รุ่งโรจน์ไม่ต้องการให้เขากลับเข้าสู่วงการบันเทิง แต่เมื่อถูกชักชวนเข้าสู่บทสนทนา ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดก็ทิ้งเรื่องคาใจเอาไว้เบื้องหลัง


   อย่างที่รินฤดีว่า อายุเยอะ อีกทั้งยังไม่ใช่ดาราแม่เหล็ก จะได้รับโอกาสสักกี่ครั้งกัน ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับอาชีพนี้แล้วก็ได้


………………………….


   รามิลเป่ากาแฟร้อนอย่างเชื่องช้า ไม่มากนักที่เขาจะมีเวลาละเลียดกาแฟรสชาติดีในร้านที่บรรยากาศสบายๆแบบนี้ ส่วนหนึ่งเพราะสบายใจที่แม้จะถูกบังคับให้รับงานมาทำ แต่เขาได้เลือกคนร่วมงานเกือบทั้งหมด ส่วนคนที่ทาง ‘ผู้ใหญ่’ ขอมา ก็ตอบตกลงรับงานนี้ตั้งแต่เจ้าตัวยังถ่ายแบบอยู่ต่างประเทศเมื่อวันก่อน


   ‘พี่มิลอยู่ไหน’ ข้อความจากห้องแชทปรากฏขึ้น รามิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป


   ‘ร้านกาแฟ แกถึงแล้วขึ้นมาชั้นสองเลย บอกเขาว่าโต๊ะคุณรามิล’


   ร้านกาแฟใจกลางเมืองไม่ใช่สถานที่สงบ ยิ่งเป็นย่านทำเลทอง ยิ่งมีผู้คนขวักไขว่หมุนเวียนเข้าออกจากร้านเป็นว่าเล่น สถานที่เช่นนี้ไม่ควรเป็นที่นัดพบของเหล่าคนดังเลย โดยเฉพาะเป็นการนัดพบของอดีตพระเอกเก่าอย่างรามิลและนักแสดงหนุ่มที่กำลังดังเป็นพลุแตกในปัจจุบันอย่าง ‘ครองภพ’


   ครองภพเป็นนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งที่สุดในเวลานี้ 


เมื่อเดือนที่แล้ว ป้ายโฆษณาใจกลางเมืองทั้งหมดมีแต่หน้าของเขา จะซื้อสินค้าประเภทใดก็ล้วนต้องมีชื่อครองภพติดหราว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ หน้าตาหล่อเหลาตามสมัยนิยมทำให้แฟนคลับของเขามีทั้งเด็กสาวแรกรุ่นอายุน้อย ไปจนถึงหญิงสาววัยทำงาน ละครพีเรียดเรื่องก่อนที่รับบทเป็นราชนิกูลก็ช่วยกวาดคะแนนนิยมล้นหลามจากสาวๆให้อุปทานเป็น ‘แม่’ ไปอีกครึ่งประเทศ ภาพลักษณ์ไม่อินังขังขอบกับเรื่องใดรวมไปถึงการถูกเปิดเผยว่าในเพื่อนสนิทจำนวนน้อยเท่าหยิบมือกลับมีเพศสภาพที่หลากหลาย ก็ยิ่งทำให้เขาได้คะแนนนิยมจากเหล่าเพศทางเลือก ในขณะที่งานอดิเรกได้แก่กีฬาเอ็กตรีม อีสปอร์ต และหุ่นยนต์กันดั้ม ก็ถูกอกถูกใจแฟนบอยอีกจำนวนหนึ่ง เรียกได้ว่าเก็บฐานแฟนได้แทบทุกเพศและช่วงวัย


   แต่ความโด่งดังและการรักษาระดับชื่อเสียงเอาไว้ ไม่ได้แลกมาด้วยการอยู่เฉย ครองภพทำงานติดต่อกันทุกวัน ตารางงานเป็นรายชั่วโมง เมื่อเสร็จจากงานหนึ่งแล้ว ก็ไปอีกงานต่อทันที


   อย่างเช่นวันนี้ ทันทีที่เหยียบแผ่นดินมาตุภูมิ เขาก็ติดต่อหารามิลเพื่อมาคุยงานชิ้นต่อไป


   พักใหญ่ คนที่รามิลนั่งรอก็มาถึง


   ชายหนุ่มร่างสูงสวมหมวกแก็ปและคาดผ้าปิดจมูกปิดปากกับเสื้อผ้าสบายๆอย่างเสื้อยืดและกางเกงขายาว ก้าวเท้าตามบริกรของร้านขึ้นมายังชั้นสอง   รามิลส่งยิ้มจาง เมื่อนักแสดงหนุ่มวัย 22 เดินมาถึงโต๊ะแล้วยกมือไหว้


   “สั่งกาแฟรึยัง” คนนั่งรอเอ่ยปากถามเมื่อนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องนั่งลงแล้วถอดหมวกแก็ปออก


   “ฝากพี่ณุสั่งแล้วครับ” ครองภพมีผู้จัดการส่วนตัวหนึ่งคนชื่อวิษณุ ซึ่งคอยดูแลจัดการงานมาตั้งแต่เข้าวงการ มีคนติดตามบ้างเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ยิ่งชื่อเสียงโด่งดังก็ยิ่งต้องระมัดระวัง เพราะไม่ใช่แค่แฟนคลับที่รักใคร่แต่ยังมีคนไม่ประสงค์ดีด้วย


   “ครองอ่านบทแล้วใช่มั้ย”


   “อ่านแล้วครับ ผมโอเค น่าสนใจดี”


   “แล้วทางต้นสังกัดโอเค?”


อีกฝ่ายพยักหน้ารับแทนคำตอบ


“ขอบใจมาก” รามิลรู้ว่างานนี้ต้นสังกัดของครองภพไม่อยากให้รับ แต่ที่เจ้าตัวรับก็เพราะเขาเป็นขอร้อง


ครองภพเพียงยิ้มจางแล้วส่ายศีรษะเป็นเชิงไม่เป็นไร


“พี่ว่าพล็อตมันโบราณไปหน่อย แต่ถ้านับว่าครองไม่เคยเล่นบทแบบนี้ ก็ถือว่าได้ลอง” คราวนี้นักแสดงหนุ่มพยักหน้ารับรู้


ดูท่าทางเจ้าตัวไม่หือไม่อือไม่มีข้อคัดค้าน แต่ไม่ใช่ว่าครองภพไม่ตั้งใจทำงาน รามิลพิสูจน์มาแล้วกับงานละครพีเรียดเรื่องก่อนที่เขาเป็นผู้จัดและยืนกรานที่จะให้ครองภพรับบทราชนิกูลหนุ่ม ตอนปล่อยภาพฟิตติ้ง กระแสลบถล่มทลาย บ้างว่าครองภพหล่อเหลาตามสมัยนิยม ผิวขาวผ่อง ตาเรียวดุ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ไม่เหมาะกับบทราชนิกูลที่ควรจะหน้าตาคมเข้มอย่างไทยแท้ บ้างก็ว่าเขาเข้าวงการด้วยหน้าตาและฐานะทางบ้านที่ร่ำรวยช่วยกรุยทาง แต่ความสามารถไม่เป็นที่ปรากฎ บ้างก็ว่าเขาเส้นใหญ่มีคนหนุนหลัง ถึงได้รับงานดีๆอยู่เสมอ


   แต่หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน และสิ่งที่พิสูจน์ความเหมาะสมก็คือความตั้งใจและความสามารถของคน


   ครองภพแสดงให้เห็นว่าต่อให้เขาจะเข้าวงการด้วยหน้าตา ยืนหยัดในวงการเพราะสายป่านยาว หรือได้รับงานดีๆเพราะผู้ใหญ่หนุน แต่ความสามารถของเขาไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้าม


บทราชนิกูลสร้างความนิยมล้นหลามให้กับเขา เรตติ้งละครกลายเป็นปรากฏการณ์ในยุคที่มีทางเลือกหลากหลายให้ผู้คนใช้ปรนเปรอเวลาว่าง กระแสของละครและการแสดงของเขากลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึง เขากวาดรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากแทบทุกเวที ชื่อเสียงของเขาพุ่งไม่หยุด ยิ่งละครถูกซื้อไปฉายในต่างประเทศ ก็ยิ่งทำให้ชื่อของครองภพไต่ระดับขึ้นเป็นพระเอกแนวหน้าของอุตสาหกรรมบันเทิง


   “อีกอย่าง...พี่ว่าครองเหมาะ”


   “เหมาะ? บทติดยาน่ะเหรอ” คราวนี้คนไม่หือไม่อือกลายเป็นย้อนถามตาเหลือก รามิลหัวเราะร่วนก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ


   “ไม่ได้บอกว่าครองเหมาะกับบทติดยา แต่เหมาะกับคนที่มารับบทเป็นพี่ชายของครอง” ครองภพขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ รามิลเลยเสริม


“พี่ว่าเขาหน้าเหมือนครอง”


   เพียงเท่านั้น คิ้วที่อยู่เหนือดวงตาเรียวก็พลันคลายลง ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจอีก แต่ถึงอย่างนั้นรามิลก็ยังคะยั้นคะยอ


   “อยากเห็นไหม”


   “ไม่ล่ะครับ เอาไว้เจอกันวันฟิตติ้งเลยก็ได้” นักแสดงหนุ่มว่าอย่างนั้น พอดีกับที่ผู้จัดการส่วนตัวของครองภพขึ้นมาชั้นสองพร้อมด้วยเครื่องดื่ม พวกเขาจึงเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับงานชิ้นใหม่ ก่อนที่ฝ่ายครองภพจะขอตัวก่อนเพราะมีงานตอนค่ำ ในขณะที่รามิลไม่รีบร้อนอะไร กำลังจะหันไปยกแก้วกาแฟมาละเลียด สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นบันไดมา สวนกับครองภพที่เพิ่งลงบันไดไป


รามิลชะงักเล็กน้อย ยิ่งตะลึงหนักเข้าไปอีกเมื่ออึดใจต่อมา เห็นหญิงสาวอีกคนตามขึ้นมาด้วย


“ริน?” เขาออกปาก เจ้าของชื่อหันมาเห็นก็ส่งยิ้มก่อนจะดึงแขนชายหนุ่มคนนั้นตรงมาที่โต๊ะของรามิล


“พอดีร่มประชุมเสร็จเร็ว เห็นพี่มิลบอกว่าจะแวะมาที่ร้าน รินก็เลยรีบพาร่มมาเจอ” รินฤดีเอ่ย


หล่อนเป็นรุ่นน้องและเป็นใบเบิกทางให้เขาคว้าตัวอดีตพระเอกยอดนิยมเมื่อ 6 ปีก่อนกลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง และชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างรุ่นน้องของเขาจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คนที่จะมารับบทเป็นพี่ชายของครองภพ


...ร่มธรรม…


ครองภพและร่มธรรมสวนกันที่บันได ทว่าต่างคนต่างไม่รับรู้การมีอยู่ของกันและกันเลย


รามิลผู้เห็นเหตุการณ์ ได้แต่หัวเราะเบาๆในลำคอ โชคชะตาคนเรานี่ประหลาดจริงๆ


ถ้าไม่ถึงเวลา ต่อให้ได้เจอ...ก็เหมือนไม่ได้เจอ

.................................
   


   เสียงกรีดร้องดังขึ้นในความมืด ร่างที่ซุกตัวอยู่ที่มุมหนึ่งสั่นเทา สองมือหงิกงอเกร็งแข็ง สองขาถีบพื้นทุรนทุรายราวกับจะขาดอากาศหายใจ


   “ทำไม!!! ทำไม!!!!!”


“ไหนบอกว่าเขาจะไม่กลับไป!!!”


“เอาเขาออกมา!!! เอาเขาออกมา!!!”


เสียงนั้นดังไปตลอดค่อนคืน ไร้คนรับฟัง ไร้คนเห็นใจ ไร้คนปลอบโยน


ทางเดียวทื่ทำได้ก็มีแต่จะต้องลงมือทำเองเท่านั้น!!!


ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสค่ะ)

สวัสดีค่ะ

หายไปครึ่งปี กลับมาอีกทีก็คืออีกนิดนึงจะพ้นปีแล้วค่ะ ฮ่าฮ่า

สำหรับเรื่องนี้ ถ้าใครกลัวผี ขอบอกว่าไม่น่ากลัวค่ะ ที่น่ากลัวคือตัวละครเยอะอ่ะ ฮ่าฮ่า

   เรื่องนี้น่าจะยาวหน่อย ถ้ายังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

   สำหรับปีนี้ ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกความคิดถึง ทุกกำลังใจ ไม่ว่าจะทางคอมเม้นท์ใบอร์ด ในบล็อก ในเพจ ในทวิต หรือที่ DM Inbox มา ทั้งหมดนั้นบัวได้อ่าน และมันเป็นแหล่งพลังงานของบัวสำหรับปีที่หนักมากๆอย่างปีนี้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

   ปีหน้า ก็ขอฝากงานเช่นเคย ทั้งเรื่องใหม่ เรื่องเก่า ตอนพิเศษต่างๆ ตัวละครทุกๆตัว คิดถึงเรื่องไหน ตัวละครไหน แวะมาบอกกันได้นะคะ เผื่อบัวคิดถึงเหมือนกัน ฮ่าฮ่า

   สวัสดีปีใหม่ 2563 ล่วงหน้า ขอให้เป็นปีที่ดี สมปรารถนาทุกความตั้งใจ กายใจสุขสบาย เงินทองไหลมาเทมานะคะ แล้วเจอกันปีหน้าค่ะ

ป.ล.เนื่องจากชื่อเรื่องย้าวยาว แท็กในทวิตเอาเป็นอันนี้ละกันนะคะ #เวรกรรมฯ

แก้ไข: เพิ่มผังความสัมพันธ์
(https://blog-imgs-131.fc2.com/d/e/z/dezair/202001041359449a4.jpg) 
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: CattyMeawMeaw ที่ 29-12-2019 22:46:29
โอยยย น่าติดตามมากๆค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะ ปล.สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ :)

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 29-12-2019 23:18:04
ยินดีต้อนรับกลับค่าาาาาาาา
เปิดเรื่องได้น่าสนใจมากๆ พี่รองต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ ถึงไม่อยากให้ร่มกลับไปทำงานวงการ
ส่วนครองภพ กับร่มมีซัมติงอะไรกันชาติที่แล้วหรือเปล่า
แถมเสียงตอนสุดท้ายนั่นอีกกก
ติดตามค่าาาา  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 30-12-2019 06:15:33
น่าติดตามค่ะร่มธรรมไปทำอะไรไว้กับใครนะแล้วเสียงที่ว่าพี่โรจน์รู้ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 30-12-2019 08:33:00
อู้ววว


ปมอดีต


ข้ามภพข้ามชาติ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-12-2019 08:50:29
ลึกลับซ่อนเงื่อน  o8 o8
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 30-12-2019 09:04:36
 :pig2: :pig2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 30-12-2019 10:46:18
น่าสนมากค่าาาาา ติดตามๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 30-12-2019 11:35:24
แค่ตอนแรกก็น่าติดตามมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 30-12-2019 19:55:52
น่าสนใจมากค่ะ สงสัยจังทำไมรุ่งโรจน์ถึงอยากให้น้องออกจากวงการขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-12-2019 21:32:51
แค่ชื่อเรื่องก็กินขาดแล้ว...รอติดตามจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sulumu ที่ 30-12-2019 22:20:47
 :mew1: รอติดตามครับ เปิดเรื่องน่าสนใจดี มีปมหลายอย่างชวนให้ติดตาม เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 30-12-2019 22:41:48
ชื่อเรื่อง บทนำ ดูน่าสนใจไปหมดเลยจ้า โอย ลุ้นๆๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พี่ชายคนกลางรู้อะไรบางอย่างแน่นอน

ปล1. Happy new year เช่นกันค่ะ
ปล2. อยากอ่านเรื่องน้องข้าวบ้าง เพราะหายคิดถึงขนมจากจอมร้ายบ้างแล้ว อยากรู้ว่าอย่างข้าว ต้องเจอแบบไหน...
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 31-12-2019 01:04:38
น่าติดตามมมมมมม :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 31-12-2019 11:46:24
รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 31-12-2019 13:14:20
น่าติดตามสุดๆไปเลยค่ะ จะอดใจรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 31-12-2019 22:25:10
กลับมาที่เล้าเพราะคุณบัวเลยค่ะ คิดถึงมาก ๆ เลย แค่ตอนแรกก็ทิ้งปมเต็มไปหมด จะรอลุ้นว่าใครเป็นใครในชาติเดิมชาติใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 31-12-2019 23:31:14
ถ้าพี่ชายเป็นคนได้ยินทำไมถึงเลือกที่จะทำตาม :undecided:
หรือใครมีความสามารถพิเศษ
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-01-2020 21:17:47
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………

ตอนที่ 1


   บ้านทรงโคโลเนียล มีหอมุกแปดเหลี่ยมอยู่ฝั่งซ้ายตั้งตระหง่านอยู่ใต้ท้องฟ้าครึ้มขมุกขมัวด้วยเมฆก้อนใหญ่ เมฆฝนลอยเหนือหัวแต่ลมกลับสงบจนใบไม้ใบหญ้าไม่แม้จะไหวเอนสักน้อย 


   “ระวัง...” เสียงแหบแห้งดังขึ้นเบื้องหลัง ทำเอาคนกำลังจับจ้องบ้านหลังใหญ่ที่ทึบทึมต้องหันมอง ทว่าภาพที่เห็นกลับกลายเป็นความดำมืด พอหมุนตัวดูโดยรอบอีกที บ้านหลังนั้นหายไปแล้ว รอบกายเหลือเพียงความมืดมิดมองไม่เห็นแม้แต่มือตนเองด้วยซ้ำ


   “ระวัง...” เสียงแหบนั้นดังใกล้เข้ามาอีก กวาดตามองรอบตัวซ้ำสอง แต่ก็ราวกับถูกขังอยู่ในที่ไร้แสง


   ฝันหรือ


   ร่มธรรมร้องถามตนเองในใจ สมองในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนจะเริ่มทำงาน เขารู้ว่าเขากำลังหลับ และเขารู้ว่าตอนนี้กำลังฝัน ภาวะเช่นนี้ทรมาน อยากตื่นแต่ไม่ตื่น อยากหลับสนิทแต่ก็ไม่สนิท พยายามขยับตัวแต่กลับรู้สึกเหมือนแขนขาถูกแช่แข็งจนได้แต่อยู่กับที่


   ชายหนุ่มกวาดตามองความมืดมิดในฝัน ได้ยินเสียงแว่วมาอีก


   “บอกให้ระวัง...” เสียงแหบดังขึ้นอีกครั้ง ร่มธรรมหงุดหงิด ขมวดคิ้วมุ่น


   “ระวังอะไร” เขาร้องถาม พลันนั้นใบหน้าของชายฉกรรจ์คนหนึ่งพุ่งออกจากความมืด หน้าตาถมึงทึง ถลึงตาจนปูดโปนเห็นเส้นเลือดแดงก่ำ อ้าปากกว้างตวาดก้อง


   “กูบอกให้ระวัง! ทำไมไม่ระวัง!!”


   ร่มธรรมสะดุ้งโหยง ตาเหลือกด้วยความตกใจ ทว่าวินาทีต่อมา ดวงตาของชายคนนั้นหดลงตามเดิม สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นนอบน้อม เรือนร่างสันทัดก้าวออกจากความมืดมาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ายกมือประนมตรงหน้า


   “คุณหลวงต้องระวัง” ชายคนนั้นกล่าวน้ำเสียงแหบแห้ง ดวงตาที่ทอดมองเต็มไปด้วยความห่วงใยชัดแจ้ง


   “ระวังอะไร” ร่มธรรมรู้ว่าตนเองชื่อร่มธรรม อายุเพิ่งจะ 28 และไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์ แต่...เขากลับไม่คิดจะแก้ไขคำพูดของชายผู้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเขาเลย ความอยากรู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายบอกให้ระวังต่างหาก น่าสนใจกว่าอะไรทั้งหมด


   “ระวัง...ไอ้แผนขอรับ”


สิ้นประโยคนั้น ร่างที่นั่งคุกเข่าก็จางหายไป


   ........


...


ร่มธรรมสะดุ้งตื่น หัวใจเต้นถี่ เหงื่อไหลซึมราวกับเพิ่งวิ่งระยะไกล


เขากวาดตามองรอบตัว ก็พบว่าตนเองอยู่ในรถที่กำลังเลี้ยวเข้าสู่อาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง ข้างกายคือรินฤดีที่วันนี้ติดตามมาในฐานะผู้จัดการส่วนตัว หล่อนกำลังวุ่นวายอยู่กับการพิมพ์ข้อความโต้ตอบในโทรศัพท์มือถือ พอรถจอดสนิทถึงได้หันมามองน้องชายที่เมื่อครู่เห็นว่าหลับ


“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ เหนื่อยล่ะสิ นั่งรถแปบเดียวยังหลับ” ร่มธรรมไม่ทันได้พูดอะไร ผู้เป็นพี่ก็เหลือบเห็นเหงื่อซึมตามไรผม หล่อนยิ้มอย่างเอ็นดู


“ตื่นเต้นรึไง เหงื่อออกเชียว เอ้า! ทิชชู่ เช็ดหน้าเช็ดตาซะหน่อย ลงไปทั้งหน้ายับๆแบบนี้ เดี๋ยวก็แพ้น้องครองพอดี”


“น้องครอง?” ร่มธรรมไม่อยากคิดเรื่องความฝันเมื่อครู่ เลยพยายามดึงความสนใจของตนเองไปยังเรื่องที่รินฤดีพูดแทน


“ครองภพไง เขาจะมาเล่นเป็นน้องของร่ม” รินฤดีพูดแค่นั้นก็เปิดประตูลงจากรถ เป็นฝ่ายน้องชายที่ต้องรีบก้าวตาม


สองพี่น้องกำลังจะก้าวเท้าเข้าอาคาร ก็พอดีกับที่รถยนต์อีกคันแล่นมาจอดต่อหลัง ชายหนุ่มร่างท้วมก้าวเท้าลงจากรถ จากนั้นจึงตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงที่คาดผ้าปิดปากปิดจมูก แม้จะเห็นแค่ใบหน้าครึ่งท่อนบน แต่เสียงระทดระทวยก็ดังขึ้นจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายร่มธรรม    


   “น้องครอง...” พี่สาวดีเด่นผู้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวเห็นนักแสดงหนุ่มรูปหล่อก็ถึงกับตาเยิ้มตัวบิดแทบจะเป็นเกลียว


   “อู้ยยยยย...หล่อขึ้นทุกครั้งที่เจอหน้า ใส่แมสก์ก็ยังหล่อ หล่อทะลุแมสก์ ทะลุใจ!” รินฤดีออกปาก แต่ดูเหมือนนักแสดงหนุ่มรูปหล่อคนนั้นจะไม่ได้สนใจสายตาของหล่อนสักนิด ลงจากรถได้ก็ก้าวเท้าไวเข้าไปในอาคารทันที เป็นฝ่ายร่มธรรมที่ต้องหันไปบอกผู้เป็นพี่


   “เข้าไปข้างในกันเถอะครับ ทางนั้นจะรอ”


วันนี้เป็นวันฟิตติ้ง ร่มธรรมไม่อยากสาย เขาเดินนำพี่สาว แต่รินฤดียังไม่วายพูดอย่างเคลิบเคลิ้ม


   “แต่หล่อจริงๆนะ เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากปั้นหุ่นขี้ผึ้งเลย!”


   ร่มธรรมอยากจะบอกให้พี่สาวใจเย็นๆ แต่พอจะหันไปปรามไม่ให้หล่อนพูดจาเสียงดัง สายตาก็ดันเหลือบไปสบเข้ากับสายตาของชายหนุ่มร่างสูง


   ครองภพ


   ดวงตาเรียวจ้องเขม็ง ขนาดไม่เห็นสีหน้า อีกทั้งยังเป็นแค่อึดใจเดียวที่สบตากัน ยังพอจะคาดเดาได้เลยว่าใต้ผ้าปิดปากปิดจมูกนั้น ริมฝีปากไม่ยิ้มและน่าจะโค้งลงด้วยซ้ำ


พระเอกหนุ่มชื่อดังหมุนตัวเดินตามทีมงานหายไปทางหนึ่งแล้ว ทิ้งเอาไว้เพียงความรู้สึกเย็นเฉียบจนสันหลังหนาววาบ


   “ผมว่าพ่อหุ่นขี้ผึ้งของพี่รินได้ยินซะแล้วล่ะ” ร่มธรรมเปรยเสียงเบา รินฤดีถึงกับหน้าแหย มองตามหลังนักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่หล่อจนหล่อนอยากปั้นหุ่นขี้ผึ้ง แล้วหันมามองน้องชายคนเล็กที่ยืนอยู่ข้างกาย


   “เขาคงไม่ติดใจอะไรมั้งเนอะ ใครๆก็บอกว่าเขาหล่อนี่นา” แล้วหล่อนก็หัวเราะแห้งๆ ทีมงานคนหนึ่งเข้ามาทักทายพอดีเป็นจังหวะให้รินฤดีทิ้งความปากไวของหล่อนเอาไว้เบื้องหลัง ทว่ากลับเป็นร่มธรรมเสียเองที่ไม่อาจปล่อยวางสายตาจ้องเขม็งของอีกฝ่ายลงได้เลย


   .........................


   การฟิตติ้งเริ่มขึ้นทันทีที่ทีมงานทุกฝ่ายพร้อม ร่มธรรมถูกจัดให้นั่งแต่งหน้าทำผมข้างชายหนุ่มรูปหล่อที่ไม่มีรอยยิ้มสักนิดให้เขา มีเพียงแค่การปรายสายตามามองแล้วค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงทำความรู้จัก แต่ถึงอย่างนั้น ร่มธรรมก็ทำการบ้านมาอย่างดี


เขารู้มาว่าครองภพรับบทเป็น ‘ภูมิ’ น้องชายวัยรุ่นที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด เก็บสะสมปัญหาและเรื่องราวจนกลายเป็นแรงขับให้เข้าสู่เส้นทางของยาเสพติด ในขณะที่เขารับบทเป็น ‘ภาค’ พี่ชายผู้เจ้าระเบียบและแข็งกระด้างซึ่งนับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันน้องชายเข้าสู่เส้นทางนรก


แม้จะออกจากวงการไปถึง 6 ปี แต่ร่มธรรมก็พอจะรู้ว่าเวลานี้ครองภพดังขนาดไหน หากรับงานโดยคัดเฉพาะบทพระเอกที่เรียกกระแสและความหลงใหลคลั่งไคล้ รับรองว่าจะต้องขึ้นแท่นพระเอกค้างฟ้า สามีแห่งชาติ หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะทำให้มูลค่าของเขาสูงขึ้น ทว่า...เขากลับมารับบท ‘ติดยา’


ร่มธรรมอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจจนต้องเหลือบมองนักแสดงหนุ่มชื่อดังที่นั่งอยู่ข้างกาย


   ครองภพเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา เสี้ยวหน้าด้านข้างตั้งแต่หน้าผาก จมูก ลงมาที่ริมฝีปากและคาง ไม่มีส่วนใดที่ขัดสายตาเลยสักนิด ยิ่งลากเส้นจากคอลงมายังลาดไหล่ก็ยิ่งรู้สึกถึงความสมบูรณ์แบบ ขนาดไม่ได้ยืนให้เห็นสัดส่วนของร่างกายทั้งหมด ร่มธรรมยังนึกชื่นชมไปถึงบุพการีของนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องว่าช่างปั้นช่างแต่งราวกับลูกชายเป็นเส้นที่สมบูรณ์แบบจากปลายพู่กันของนักวาดมือฉมังอย่างไรอย่างนั้น


   ...ถ้ารับบทพระเอกละครโรแมนติกดราม่าก็เหมาะ หรือจะรับบทพระเอกละครบู๊ก็น่าจะดี...


   “มองอะไร” คนจ้องเพลินถูกขัดด้วยน้ำเสียงทุ้มที่แสนเย็นชา ทำเอาสะดุ้งจนช่างแต่งหน้ายังสะดุ้งไปด้วย


   “ข...ขอโทษครับ” ทีมงานแถวนั้นพากันหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู


   สองนักแสดงนำแต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้วถึงได้ถูกเรียกออกไปถ่ายรูป พวกเขาถูกจับถ่ายรูปเดี่ยว ถ่ายคู่ ถ่ายรวมกับนักแสดงอาวุโสผู้มารับบทเป็นบิดามารดา ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนมุม เปลี่ยนท่า อยู่ค่อนวัน ตลอดกระบวนการ รามิลซึ่งเป็นผู้จัดยืนกอดอกดูคนทั้งคู่อย่างเงียบๆ


จนกระทั่งเสร็จสิ้น


   ร่มธรรมเห็นว่างานลุล่วงไปด้วยดี พอจะมีเวลาเล็กน้อยเลยคิดจะทำความรู้จักคุ้นเคยกับคนที่ต้องมารับบทเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกัน ทว่าพอหันไปสานสัมพันธ์ ก็พบว่าร่างสูงๆของรุ่นน้องก้าวเท้าไวๆออกไปพร้อมผู้จัดการส่วนตัวแล้ว


   “ไอ้ครองต้องไปสนามบินต่อน่ะ” รามิลหันมาเห็นสายตาของอดีตพระเอกเมื่อ 6 ปีก่อน เลยเปรยขึ้นมาเพื่อไม่ให้นักแสดงหนุ่มรู้สึกไม่ดีต่อคนที่รีบชิ่งออกไป


   แต่ร่มธรรมอย่างไรก็เป็นร่มธรรม เขายิ้มสุภาพ


   “เหนื่อยแย่เลยนะครับ ทำงานหนักขนาดนี้” ผู้จัดเลิ่กคิ้วเล็กน้อย เขาอยู่ในวงการบันเทิงมานานนม ใครมีมารยาท ใครเถรตรงเขาดูออก ใครเลียแข้งใคร ใครจริงใจ เขาดูออก ใครใส่หน้ากาก ใครมีมารยา ใครมีวุฒิภาวะ เขาก็ดูออก ร่มธรรมอายุเกือบจะ 30 แล้ว หลังจากพูดคุยกัน 2-3 ครั้ง รามิลก็จัดให้อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่มีมารยาทดี เป็นสุภาพบุรุษ และวันนี้...เขาให้อีกคำหนึ่งเพิ่มเข้าไป


...จริงใจ...


เป็นคนจริงใจโดยเนื้อแท้


“หนุ่มๆวัยรุ่นก็แบบนี้แหละ ร่มก็อย่าแพ้มันล่ะ” ร่มธรรมยิ้ม พยักหน้าอย่างมุ่งมั่น ดวงตาเป็นประกาย เห็นความตั้งอกตั้งใจนั้นแล้ว รามิลก็พลอยสบายใจอย่างประหลาด


สบายใจ...เพราะรู้สึกว่าตนเองได้คนหนุ่มที่มีทั้งความสามารถและความมุ่งมั่นมาร่วมงาน


สบายใจ...เพราะเขาเคยปั้นครองภพจนดังพลุแตกมาแล้ว หากคราวนี้ส่งร่มธรรมกลับเข้าวงการได้ แน่นอนว่าจะมีคนหนุ่มอนาคตไกลที่พร้อมจะร่วมงานกับเขาเพิ่มขึ้น


ที่สำคัญ...สบายใจเพราะคนหนุ่มสองคนที่ว่า...ดูเหมาะสมกันทุกประการ


พอรู้ตัวว่าคิดเช่นนั้น รามิลก็เลิกคิ้วกับตนเอง พลางชื่นชมในใจ


...ตาดีจริงๆ รามิล...

....................................
   

ความโด่งดังของอาชีพนักแสดงแลกมาด้วยการต้องใช้จ่ายเวลาอย่างคุ้มค่า ยิ่งอายุยังน้อย ก็ยิ่งมีโอกาสที่งานหลากหลายจะเข้ามาในมือ หากไม่เหนือบ่ากว่าแรงและน่าสนใจ ครองภพแทบไม่ปฏิเสธ


วันนี้ ทันทีฟิตติ้งเรียบร้อย เขาก็รีบตรงดิ่งไปขึ้นรถส่วนตัวมุ่งหน้าสู่สนามบินทันที แต่คราวนี้ออกจะแปลกกว่าทุกครั้งอยู่บ้าง ตรงที่ครองภพพกคำถามขึ้นรถด้วย 


   “พี่ณุ...คนที่เล่นเป็นพี่ผมน่ะ ชื่ออะไร”


เขาไม่เพียงตั้งคำถาม แต่ยังหันมองวิษณุผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อรอคำตอบ


   ผู้จัดการหนุ่มร่างท้วมกะพริบตาปริบๆ


   “หมายถึงคุณร่มน่ะหรือ”


   “ร่ม?”


   “อื้อ ร่มธรรม”


   “ชื่อแปลกดี”


คนฟังยิ้ม หน้าตาดูกระตือรือร้นที่จะได้พูดถึง “ตอนคุยกัน เขาก็แนะนำตัว”


   “ไม่ได้ยิน” คราวนี้ผู้จัดการส่วนตัวเลิกคิ้วเล็กน้อย ถึงครองภพจะโลกส่วนตัวสูง แต่เวลางานก็คือเวลางาน ต่อให้จะต้องร่วมงานกับคนที่นิสัยไม่ถูกจริต แต่ความมุ่งมั่นจริงจังของเขาก็ไม่ต่างจากเกราะแข็งแกร่งที่พาตัวตนและความสามารถให้เปล่งประกาย


   แต่...คราวนี้กลับบอกว่าไม่ได้ยินชื่อคนที่จะร่วมงานด้วย?


   หากจะกล่าวว่าร่มธรรมไม่ถูกจริตของครองภพก็ไม่น่าใช่ เพราะแม้จะเพิ่งร่วมงานด้วยกันครั้งแรกและพบหน้ากันวันแรก แต่ฝ่ายนั้นก็แสดงออกว่าเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็นและตั้งใจทำงาน ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวที่ดูแลงานของครองภพมาตั้งแต่เข้าวงการ เขามองว่าคนอย่างร่มธรรมจะร่วมงานกับครองภพไปได้ตลอดรอดฝั่งด้วยซ้ำ


   “ครองไม่ชอบคุณร่มหรือ”


   “เปล่า”


ครองภพเองก็บอกไม่ถูก เขาไม่ได้ไม่ชอบ เพียงแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า ความรู้สึกบางอย่างกลับไหลทะลักเข้ามาในร่างกายอย่างรวดเร็ว ตอนแรกเขาคิดว่าเพราะอากาศร้อน แต่เมื่อเข้าไปในอาคารที่อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศทำให้อยู่สบาย พอจับจ้องอีกฝ่ายอีกครั้งและอีกหลายครั้ง หัวใจก็ยิ่งบีบรัดหนักหน่วง


   มันเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย ทั้งเจ็บปวด โหยหา รอคอย โกรธแค้น เหมือนถูกดึงดูดแต่ก็อยากผลักไสไปพร้อมๆกัน


   อาการนิ่งเงียบของครองภพไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่การที่คนตรงเผงอย่างเขาบอกว่าเปล่าก็คือเปล่า วิษณุเลยพอจะเบาใจว่าอย่างน้อยซีรีส์เรื่องนี้จะผ่านพ้นไปด้วยดี


   “คุณร่มเคยเป็นดารา แต่ออกจากวงการไปนานแล้ว...ครองน่าจะเข้ามาไม่ทันช่วงคุณร่มกำลังดังมั้ง”


ครองภพเลิกคิ้ว ปากไวตั้งคำถาม


   “ทำไมออก”


   “เห็นว่าพ่อเสีย เลยออกไปทำธุรกิจแทนพ่อ แต่ก็มีข่าวลือว่าทำผู้หญิงท้องเลยต้องออกไปแต่งงาน บางคนก็ลือว่าออกไปเรียนต่อ แต่นี่ก็ 6-7 ปีแล้ว ไม่เห็นจะแต่งงาน ไม่เห็นจะเรียนต่อด้วย สงสัยคงออกไปทำธุรกิจที่บ้านจริงๆ”


   “ธุรกิจอะไร”


   “เกี่ยวกับกาแฟนี่ล่ะ ก็ร้านที่เราเคยไปคุยกับคุณรามิลคราวก่อน ที่อยู่ใกล้ๆคอนโดของครองน่ะ เวลามีงานเช้า พี่ซื้อกาแฟร้านนั้นให้ครองทุกที ครองยังบอกว่ากินได้” 


สำหรับครองภพผู้เถรตรงแต่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งรอบข้าง การที่จำกัดความรสชาติกาแฟว่า ‘กินได้’ ถือว่าดีมากแล้ว เพราะถ้า ‘กินไม่ได้’ เขาจะคายแล้วเททิ้งทั้งแก้วในวินาทีต่อมา และหลังจากนั้น กาแฟร้านนั้นๆจะถูกขึ้นบัญชีดำ ‘อาหารกินไม่ได้ของครองภพ’


นักแสดงหนุ่มไม่หือไม่อือ เอนกายพิงพนักอีกครั้ง คราวนี้เขาหันออกไปมองนอกหน้าต่างรถ


   “ครองอยากรู้เรื่องคุณร่มธรรมหรือ”


ทว่าคำตอบคือความเงียบ ครองภพไม่ใช่คนโกหก หากเขาไม่อยากรู้ เขาย่อมตอบว่าเปล่า แต่ถ้าเขาเงียบ แสดงว่าเขาไม่รู้สึกอะไร หรือไม่...เขาก็อยากรู้


   ...อยากรู้เรื่องของร่มธรรม...


   วิษณุยิ้มจาง


   “พี่จะหาข้อมูลเขามาให้แล้วกัน”


   ไม่มีคำตอบอะไรอีก ครองภพขยับตัวนั่งสบายแล้วหลับตาลง แม้สนามบินจะอยู่อีกไม่ไกล แต่ความรู้สึกนึกคิดของเขากลับเริ่มล่องลอยไปถึงใครบางคนที่เพิ่งพบหน้ากันวันแรก


   ร่มธรรม


……………………


   การกลับเข้าสู่วงการบันเทิงของชายหนุ่มวัย 28 ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้โชคดีที่ได้รับโอกาส แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าโอกาสเช่นนี้เมื่อมีครั้งนี้แล้วอาจจะไม่มีมาอีกเลย ดังนั้นจึงต้องทำอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มเข้าคอร์สเรียนการแสดงอย่างเข้มข้น ศึกษาการแสดงของคนอื่นอย่างเข้มงวด ไหนจะต้องดูแลงานบริษัทและร้านกาแฟ แม้จะยังหนุ่มแน่น แต่ก็ชวนให้ล้าได้ไม่ยาก


   “พี่ร่ม...พี่ร่ม” เสียงเรียกทำให้ร่มธรรมรู้สึกตัว เขาสะดุ้งหันมองแล้วก็ถึงได้เห็นหญิงสาวยืนอยู่ข้างโต๊ะ ร่มธรรมกวาดตามองรอบตัวก่อนจะหมุนคอตนเองไปมาไล่ความเมื่อยล้า นับตั้งแต่ทรุดตัวลงนั่งพร้อมกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว เขาก็ไม่แม้แต่จะยกกาแฟขึ้นจิบสักคำ จิตใจลอยละล่อง จนน้ำสีดำเย็นชืด


   “พี่ร่มไม่สบายรึเปล่าคะ” เบญญาเป็นหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ นอกจากจะเป็นลูกค้าประจำของร้านแล้ว หล่อนยังติดตามร่มธรรมมาตั้งแต่เขายังอยู่ในวงการเมื่อ 6 ปีก่อน แม้ตอนหลังเขาออกจากวงการ หล่อนก็ยังตามมาเป็นลูกค้าในร้านกาแฟของเขา กลายเป็นความสนิทสนมชิดเชื้อไม่ใช่ในฐานะดาราหนุ่มกับแฟนคลับ แต่เป็นพี่น้องที่รู้จักมักจี่


    “เปล่าครับ ผมเหนื่อยๆน่ะ แล้วนี่...คุณเบญทานอะไรรึยัง ผมสั่งให้ไหม” แม้อีกฝ่ายจะเรียกเขาว่าพี่ทุกคำ แต่ร่มธรรมเป็นคนสุภาพและรู้จักการวางตัว กับหญิงสาวตรงหน้า ต่อให้รู้จักกันมานาน อย่างไรก็เรียกคุณนำหน้า


“สั่งลาเต้ไปแล้วค่ะ แต่เห็นพี่ร่มนั่งเหม่อ ก็เลยเข้ามาดู”


“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ” เจ้าของร้านยิ้มจางให้อีกฝ่ายสบายใจ


   “จริงด้วย เบญได้ยินมาว่าพี่ร่มกลับมารับงานละครแล้ว...”


ร่มธรรมหัวเราะเบาๆ “คุณเบญได้ยินจากไหนครับ อย่าบอกนะว่าวงใน”


   “แน่สิคะ คุณพ่อของเบญก็อยู่ในวงการ เรื่องในวงการเรื่องไหนบ้างที่เบญไม่รู้” หญิงสาวโอ่อย่างน่ารักด้วยสีหน้าซุกซนก่อนจะเอ่ยต่อ “...ได้ยินว่า...คนที่จะมาเล่นละครกับพี่ร่มน่ะ...”


   ทว่าหล่อนไม่ทันจะพูดจบ เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งก็ดังมาจากหน้าประตู ร่มธรรมในฐานะเจ้าของร้านให้อย่างไรก็ต้องเบนสายตาไปมอง แล้วก็ได้แต่นิ่งงัน


ลูกค้าคนใหม่ของร้านที่สวมหมวกแก็ปและแว่นตาสีดำสนิทก้าวเท้าตรงไปยังเคาท์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม ลูกจ้างสาวประจำหน้าที่แคชเชียร์ยังคงทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นประกายระยิบในดวงตาของหล่อนมากกว่าเคย ก็จะไม่ให้ระยิบได้อย่างไร ในเมื่อลูกค้าในยามบ่ายวันนี้คือนักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่ชื่อครองภพ


   “นั่นครองภพ...คนที่จะเล่นซีรี่ส์กับพี่ร่มนี่คะ” เบญญารีบหันไปกระซิบคนที่ยังนั่งนิ่งตาค้าง ร่มธรรมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง หันมองหญิงสาวอย่างตื่นๆ


   “ใช่...อ่า...”


   “พี่ร่มไปทักไหม”


   ...ควรทักไหม...


   คำถามนี้ดังขึ้นในใจ ครองภพเป็นคนรักสันโดษ แม้จะเป็นดาราดัง เดินอยู่ใจกลางเมืองสวมแค่หมวกแก็ปกับแว่นตากันแดด ร้อยทั้งร้อยของทุกคนที่เดินผ่านล้วนต้องจำเขาได้ แต่จะมีสักกี่คนที่กล้าทัก


   แต่...เรากำลังจะร่วมงานกัน ไม่ใช่การร่วมงานผิวเผินอย่างพระเอกกับตัวประกอบเอ็กตร้า แต่เป็นพระเอกกับพี่พระเอก


   ร่างสูงสง่าของนักแสดงหนุ่มชื่อดังรับเครื่องดื่มเย็นแล้วก็หมุนตัวออกจากร้าน ร่มธรรมไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นเขา แต่คนอย่างครองภพไม่คิดจะทักเขาสักนิดด้วยซ้ำ


   หากเป็นคนอื่น คงรู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้า และกลายเป็นหมายหัวให้กับความหยิ่งทะนง แต่สำหรับร่มธรรมที่ใจดี อ่อนน้อมและเอาใจใส่คนรอบข้าง ย่อมไม่ถือเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ หนำซ้ำยังลุกจากโต๊ะรีบก้าวเท้าไปสั่งให้พนักงานหยิบเบเกอร์รี่ในตู้กระจกมาใส่ถุง แล้ววิ่งตามออกไป


   “รอก่อน” เสียงเรียกนั้นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหยุด ร่มธรรมตัดสินใจเรียกชื่อแทน


   “น้องครอง!”


คราวนี้ได้ผล ครองภพที่กำลังจะขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าร้านถึงกับชะงัก เจ้าของร้านจึงก้าวไปถึงตัวได้ทันเวลา


   นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องหันกลับมามอง ใบหน้ายังคงเรียบเฉย แว่นกันแดดบดบังสายตาทำให้ไม่อาจเห็นว่าเขารู้สึกเช่นไร


   “เอาไปทานในรถ เผื่อหิว”


ทว่าอีกฝ่ายยืนนิ่ง


   “เอาไปเถอะ จะได้กินระหว่างทาง” ร่มธรรมต้องย้ำอีกครั้งแล้วยัดถุงใส่มือ


   “เท่าไร”


   “ไม่เอาเงิน นี่ร้านพี่เอง ถ้าอร่อยไว้ค่อยแวะมาอีก”


   ครองภพพยักหน้า ยอมรับถุงกระดาษแล้วหมุนตัวขึ้นรถ ทว่าก่อนจะปิดประตู เขาหันกลับไปมองเจ้าของร้านที่ยืนส่ง


   “ขอบคุณ”


   ร่มธรรมชะงัก ไม่ใช่คาดไม่ถึงที่ได้ยินคำพูดนี้ แต่เป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าตนเองจะรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวของอีกฝ่าย


   ...ผ่อนคลาย...


   ประตูรถแวนเลื่อนปิด กระจกที่ติดฟิล์มทึบทำให้เขามองไม่เห็นคนข้างในอีก รถหรูเคลื่อนตัวกลับสู่ท้องถนนและหายไปกับการจราจรอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นร่มธรรมก็ยังยืนอยู่กับที่ ไตร่ตรองความรู้สึกที่ตนเองสัมผัสได้เมื่อครู่นี้


   บรรยากาศเย็นชาและท่าทีไม่น่าเข้าใกล้ของครองภพ แท้จริงอาจเป็นเพียงกำแพงขวางความยุ่งยากวุ่นวายที่จะเข้ามาในชีวิต ครองภพอายุยังน้อย แม้จะรักสันโดษ แต่มนุษย์ล้วนเป็นสัตว์สังคม มีหรือจะไม่อยากคบหากับใคร


   เอาล่ะ! ช่วงเวลาที่ถ่ายละครด้วยกัน เขาจะก้าวข้ามกำแพงของครองภพไปเป็นเพื่อนให้ได้เอง!


   ร่มธรรมตัดสินใจอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าร้าน ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่งจับจ้องตามหลังรถแวนคันนั้นด้วยความอาฆาต


 
……………………………..


   เพราะเวลาอันจำกัดและตารางงานแน่นเอี้ยด ครองภพจึงไม่ได้เข้าร่วมแม้กระทั่งวันอ่านบท นักแสดงนำทั้งสองคนไม่ได้พบกันอีก จนกระทั่งวันเปิดกล้อง


   ตอนแรก ร่มธรรมคิดว่าน้ำใจที่เขาเคยหยิบยื่นให้ น่าจะพอทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปด้วยดีและทำให้การทำงานราบรื่นขึ้นบ้าง ทว่าเขาคิดผิด


   ตอนที่พบหน้ากันวันแรกในกองถ่าย ร่มธรรมส่งยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร แต่อีกฝ่ายมองเมินแล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องแต่งตัว ตอนนั้นยังพอมองโลกในแง่ดีว่าครองภพคงไม่เห็น แต่พอต้องนั่งแต่งหน้าทำผมใกล้กัน เขาก็พบว่าฉายา ‘หล่อพิกุลจะร่วง’ ไม่ได้ได้มาด้วยโชคช่วย


   “เมื่อวานพี่เปิดเจอรายการที่ครองไปออกด้วย” ร่มธรรมเกริ่นหาเรื่องคุย ปฏิกริยาที่ได้รับกลับมาจากคนที่นั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ข้างๆคือการเหลือบสายตามามองเล็กน้อย...แล้วเงียบ


ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่ แต่คนอายุมากกว่ารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกางเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นออกมาขวางอีกต่างหาก


   “รายการสนุกดีนะ” แต่ร่มธรรมก็ยังพยายามสร้างความคุ้นเคยด้วยการชวนคุย ทว่าแม้จะอยากสนิทสนมมากขึ้นเพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยดี แต่ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ ดังนั้น พอชวนคุยแล้วถูกเงียบใส่ก็พาเอาไปต่อไม่เป็น ตอนที่ถอดใจได้แต่เกาคางตนเองอย่างเขินๆ จู่ๆคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างกายก็ดันพูดขึ้นมา


   “ท่องบทมารึยัง”


   “อ่า...หมายถึงที่จะถ่ายวันนี้หรือ”


   “อือ”


   “ท่องแล้ว ถ่ายวันแรกพี่ก็ต้องตวาดครองเลย...” กำลังตัดสินใจว่าควรจะพูดขอโทษไว้ก่อนดีไหม หากเป็นคนอื่น ร่มธรรมคงไม่คิดว่าฉากอาละวาดใส่กันที่ต้องใช้อารมณ์ น้ำเสียง และหน้าตาถมึงทึง จะเป็นเรื่องให้ต้องมานั่งคิดกังวลหาคำขอโทษ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นครองภพผู้ซึ่งเขาเองก็อ่านความรู้สึกนึกคิดไม่ออก เลยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรหรือไม่พูดอะไร ทว่า...ไม่ทันพูดอะไรมากไปกว่านั้น คนที่ต้องเข้าฉากแล้วถูกเขาตวาดในวันนี้ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


   “ถ้าคุณทำให้เทคบ่อย คุณต้องรับผิดชอบ”


   “หะ?”


   “ตั้งใจทำงานแล้วกัน”


   ร่มธรรมอ้าปากค้าง เข้าฉากวันแรกก็โดนนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องข่มเหงด้วยสายตาและวาจา


   สงสัยบทพี่ชายผู้เคร่งครัดกับน้องชายผู้เลือกทางผิด จะกลายเป็นพี่ชายอาภัพกับน้องชายจอมข่มจริงๆเสียแล้ว


……………………..

   
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-01-2020 21:18:45
   

บทของร่มธรรมและครองภพเต็มไปด้วยการใช้อารมณ์และความรู้สึก ฉากแรกที่ถ่ายกับครองภพเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่อง เมื่อผู้เป็นพี่พบผงยาที่ไม่มีที่มาที่ไปในห้องส่วนตัวของน้องชาย และมันนำไปสู่การจุดระเบิดครั้งใหญ่ในครอบครัว


   “มึงเล่นยาเหรอ ไอ้ภูมิ!”


   “ผ...ผมเปล่า โอ๊ย!” น้องชายถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับตู้ดังปัง ก่อนที่ร่างจะไหลกรูดลงกับพื้น สีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด


   “มึงยังโกหกกูอีกเหรอ! ไอ้ผงเหี้ยนี่อะไร! มันอยู่ในห้องมึง!”


“ข...ของเพื่อน...”


“เพื่อนสารเลวตัวไหน! มึงบอกกูมา!! มึงเอายามาจากเพื่อนตัวไหน!!” ทั้งๆที่ตะโกนถาม แต่คนเป็นพี่กลับไม่รอคำตอบสักนิด เหวี่ยงขากระแทกอั่กเข้าที่กลางลำตัว ร่างที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนพื้นงอกายหลบเลี่ยงทว่าไม่อาจพ้น


“โอ๊ย! พี่! อย่า!...”


“มึงบอกกู! เพื่อนตัวไหนพามึงเล่นยา! บอกกู! บอกกู!!” เลือดขึ้นหน้า ไม่สนใจแม้แต่เสียงร้องขอจากน้องชาย ท่อนขาของคนเป็นพี่เตะอัดเข้าชายโครง หน้าตาถมึงทึงดวงตาวาวโรจน์บอกให้รู้ถึงอารมณ์ที่โหมกระพือราวกับจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย


“ม...ไม่ใช่ของผม...โอ๊ย! พี่ภาค...ผมไม่ได้เล่นยา...” ร่างของคนน้องพลิกตัวหลบท่อนขาพัลวันพลางร้องห้าม ทว่าไม่อาจหยุดอะไรได้เลย


“เพื่อนมึงเล่น มึงจะไม่เล่นได้ยังไง! มึงคิดว่ากูโง่เหรอ! ไอ้เหี้ย! ไอ้น้องสารเลว!! สอบตก!! ติด F!! ยังเสือกเล่นยาคบแต่เพื่อนชั่วๆ! มึงคิดบ้างมั้ยว่าทั้งกู ทั้งพ่อทั้งแม่จะมองหน้าคนอื่นๆยังไงที่มีคนแบบมึงอยู่ในบ้าน!!”


แรงกระแทกยังไม่สู้คำพูดเฉือดเชือนหัวใจ ร่างที่พลิกหนีกลายเป็นนิ่งขึง ท่อนขากระแทกปั่กเข้าที่ชายโครง เจ็บร้าว...แต่ไม่เท่าที่ใจ


เขาเงยหน้ามอง ดวงตาว่างเปล่าคล้ายทำนบของความเจ็บปวดพังทลายจนไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกใด


“ถ้าผมมันเลวขนาดนั้น ก็ตัดพี่ตัดน้องกันไปเลย”


“นี่มึงท้ากูเหรอไอ้ภูมิ!”


“ผมไม่ได้ท้า ในเมื่อผมมันเลว ก็ไม่ควรจะเป็นน้องของพี่ ไม่ควรเป็นลูกของพ่อแม่” สุ้มเสียงต่ำ ใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีแม้แต่จะตะคอกกลับไป นี่คือความสงบ...ก่อนพายุจะมา


“ปีกกล้าขาแข็งเหรอมึง!!”


“ก็ในเมื่อผมอยู่ที่นี่ ทำให้พี่เสียหน้า ทำพ่อแม่อับอาย ผมก็จะไป!!!” ทว่าเมื่อน้องชายกลายเป็นพายุ พี่ชายกลับโหมกระพือเป็นพายุลูกใหญ่กว่า


“ไปใช้ชีวิตเหี้ยๆของมึงให้มันเหี้ยลงกว่าเดิมน่ะสิ!! อย่าหวังเลยว่ากูจะปล่อยให้มึงได้กลับไปเจอเพื่อนสารเลวของมึงแล้วพากันล่มจมอีก!! ไอ้บัดซบ!! ไอ้น้องจัญไร!!”


อารมณ์ร้ายกาจบดบังความเมตตาอาทร ไร้ความเห็นอกเห็นใจ ถ้อยคำมีแต่ด่าทอ มือฉุดเอาร่างปวกเปียกของคนเป็นน้องขึ้นมาแล้วกระแทกหมัดเข้าที่ใบหน้าดังผลั่วะ ร่างโซซัดโซเซไปกระแทกกับตู้ด้านหลังแล้วร่วงกรูดลงกับพื้นอีกครั้งราวกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต


   ไร้เยื่อใยของความเป็นพี่น้อง ความโกรธเคืองทำให้ไร้ความปรานี คอเสื้อถูกกระชากให้ร่างผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะถูกหมัดอัดซ้ำอีกครั้งและอีกครั้ง พร้อมกับเสียงด่าดังก้องราวกับน้องไม่ใช่น้อง ราวกับร่างในเงื้อมมือไม่ใช่คน


   ครองภพมองภาพที่ปรากฏบนจอมอนิเตอร์ อดเลิกคิ้วกับตนเองไม่ได้เมื่อพบว่าคนที่ดูสุภาพอ่อนโยนอย่างร่มธรรมกลับแสดงเป็นพี่ชายเจ้าระเบียบและโหดร้ายได้ดีขนาดนี้


   “เอ่อ...ผมขอเล่นใหม่อีกเทคได้มั้ยครับ” แต่เสียงของคนที่เขาชื่นชมในใจกลับดังขึ้น


   “คือ...ตอนที่น้องบอกว่าจะให้ตัดพี่ตัดน้อง ผมน่าจะต้องแสดงออกว่าตกใจมากกว่านี้อีกหน่อย...” พอเสนอกับผู้กำกับไปแล้ว คราวนี้ดวงตาของชายหนุ่มรุ่นพี่ก็เหลือบมามองคนที่ต้องเข้าฉากกับเขาอย่างเกรงใจ


   “เอ่อ...น้องครองเล่นอีกรอบได้มั้ย”


   นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องมองคนขอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินกลับเข้าไปในฉากอีกครั้ง เป็นฝ่ายร่มธรรมที่ต้องรีบลุกขึ้นวิ่งตามไปอย่างกระตือรือร้น


   วงการบันเทิงก็คือวงการมายา


   ตัวตนอย่างหนึ่ง รับบทอีกอย่างหนึ่ง


   ดูร่มธรรมผู้รับบทพี่ชายเจ้าระเบียบและโหดร้ายอย่าง ‘ภาค’ กับครองภพผู้รับบทน้องชายผู้เป็นเหยื่อของชะตาชีวิตอย่าง ‘ภูมิ’ เป็นตัวอย่าง


   แตกต่างราวฟ้ากับเหวจริงๆ


………………………..


   ‘ถ้าคุณทำให้เทคบ่อย คุณต้องรับผิดชอบ’


   ทั้งที่คนพูดก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องรับผิดชอบอย่างไร แต่ร่มธรรมกลับยึดคำพูดประโยคนั้นเป็นสรณะ เมื่อไรก็ตามที่เข้าฉากกับครองภพ ต้องพยายามให้ ‘เทคเดียวผ่าน’ หรือในระดับมาตรฐานคือ เทค 2 ต้องผ่าน ทั้งๆที่ครองภพก็ไม่ได้มีทีท่าจะตวาดเฆี่ยนตีหากจะมีเทค 3 หรือ 4 แต่อย่างใด


แต่...ไม่ต้องเฆี่ยนตี แค่ปรายสายตามอง ร่มธรรมก็รู้สึกยะเยือกแล้ว


   อายุแค่ 22 แต่จะรีบดุไปไหน


   นักแสดงหนุ่มรุ่นพี่ได้แต่คิดไม่กล้าถาม มุ่งมั่นก้มหน้าก้มตาท่องบท ทำความเข้าใจบท แล้วอย่าเทคบ่อยเป็นพอ


ทว่า...ชีวิตคนทำงานที่นอนน้อย คิดเยอะ จู่ๆก็มีงานเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกอย่าง ต่อให้จัดสรรเวลาได้ดีแค่ไหนก็ยังเบียดบังเวลาพักผ่อน อีกทั้งไม่ใช่หนุ่มน้อยวัยรุ่นที่พลังงานเหลือเฟืออีกแล้ว ต่อให้จิตใจจะแข็งแกร่ง แต่ร่างกายที่ไม่ไหวก็เริ่มส่งเสียงประท้วง


   “ไอ้ร่ม!” เสียงตะโกนของผู้กำกับทำเอาร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เขายืนนิ่งอยู่กลางฉากที่ประกอบไปด้วยชายหญิงสูงวัยและครองภพ


บทของ ‘ภาค’ ที่ต้องพูดแทรกยุแยงให้บิดาลงโทษน้องชายที่สอบตก กลับกลายเป็นบทเงียบ


   ใช่...ร่มธรรมลืมบท


   ลืมว่าต้องพูด


   “อ่า...ขอโทษครับ” ชายหนุ่มวัย 28 รีบออกปากหน้าตาตื่น ยกมือไหว้ประหลกๆ ทว่าชายหญิงผู้รับบทบิดามารดาจอมเข้มงวด นอกบทกลับเป็นนักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการที่มีเมตตาอารี ในขณะที่คนรับบทน้องชายผู้ล้มเหลวกลับตวัดสายตามาจ้องจนร่มธรรมกลืนน้ำลายเอื้อก ได้แต่ยิ้มแหยแล้วผงกศีรษะ


   “ขอโทษนะน้องครอง พี่ขออีกเทค”


   ไม่มีคำตอบจากหนุ่มรุ่นน้อง นอกจากการเดินกลับเข้าไปยืนในจุดเดิมเพื่อเริ่มแสดงใหม่ ร่มธรรมสูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมสติและสมาธิทั้งหมดอย่างรวดเร็ว การถ่ายทำเริ่มต้นใหม่อีกหน


   โชคดีที่ฉากนี้ ร่มธรรมไม่ต้องใช้อารมณ์มากนัก แต่ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหลายอย่างและไม่ได้พักผ่อนก็ทำให้ต้องใช้พลังงานมากกว่าที่ควรอยู่ดี ตอนที่ผู้กำกับสั่งคัท ชายหนุ่มก็ถึงกับถอนหายใจเฮือก


   “เหนื่อยหรือ ร่ม” พรรณรสผู้รับบทมารดาของ ‘ภาค’ และ ‘ภูมิ’ หันมาถามอย่างเอ็นดู หล่อนเคยร่วมงานกับเขามาแล้วก่อนที่เขาจะออกจากวงการเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนนั้นยังเสียดายฝีไม้ลายมือ คราวนี้เขากลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง พอได้ร่วมงานกัน ก็พบว่าร่มธรรมยังเป็นชายหนุ่มผู้สุภาพและน่าคบหาเช่นเดิม ฝีมือของเขาจัดว่าอยู่ในระดับดีที่เดียว สำหรับคนที่ไม่ได้จับต้องงานด้านนี้มาถึง 6 ปีเต็ม


   “นิดหน่อยครับ แต่นี่คิวสุดท้ายของวันนี้แล้ว แล้วป้าพรรณมีถ่ายต่อรึเปล่า”


   “มีอีกคิวนึง กับครอง” พรรณรสตอบพลางหันไปมองชายหนุ่มวัย 22 ที่ยืนอยู่กับผู้จัดการส่วนตัว


   “คนหนุ่มๆสมัยนี้ทำงานกันหนักจริงๆ เมื่อวานป้าเจอครอง ขึ้นเวทีถ่ายรูปเสร็จ เห็นเผ่นแน่บไปอีกงานต่อ” พรรณรสพูดพลางยิ้ม แต่ชายสูงวัยผู้รับบทสามีของหล่อนและเป็นบิดาของสองพี่น้อง ‘ภาค’ และ ‘ภูมิ’ กลับเหลือบไปมองครองภพแล้วทำหน้ายู่


   “หน้าตึงแถมไม่พูดอะไรทั้งวันแบบนั้น ยังจะถูกจ้างขึ้นเวทีอีกเรอะ” พรรณรสฟังแล้วก็ถึงกับหัวเราะ


   “ใครจะพูดเก่งเป็นต่อยหอยอย่างพี่อู๊ดล่ะ” องอาจทำหน้าตาขึงขัง


   “ไม่ได้พูดเก่งเป็นต่อยหอย เขาเรียกว่ามีมนุษยสัมพันธ์! ทั้งตระกูลก็ไม่เห็นจะมีใครเป็นแบบนี้สักคน มีมันคนเดียวผ่าเหล่าผ่ากอ”


   “ก็ลุงอู๊ดไม่สอนหลาน นี่ผิดที่ลุงนะ ไม่ใช่ผิดที่หลาน” หญิงสูงวัยหันไปหยอก


   พรรณรสและองอาจเป็นนักแสดงที่โลดแล่นในวงการมาพร้อมๆกัน ดังนั้นเรื่องครอบครัวหรือชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่ายก็ย่อมผ่านหูผ่านตามาบ้าง การที่ครองภพเป็นหลานชายขององอาจซึ่งเป็นนักแสดงมากฝีมือไม่ใช่เรื่องที่รู้กันโดยทั่วนัก แม้กระทั่งร่มธรรมเองก็ยังถึงกับเลิกคิ้ว


   “ลุงอู๊ดเป็นลุงของน้องครองเหรอครับ”


   องอาจทำหน้าเหม็นยามถูกถามถึงสถานะของตนเองกับครองภพ เป็นฝ่ายพรรณรสที่ต้องตอบแทน


   “ลุงแท้ๆเลยล่ะ แม่ของครองเป็นน้องสาวของพี่อู๊ด”


   “ร่มอย่าคิดว่าลุงพามันเข้าวงการนะ มันเข้าของมันเอง แล้วถ้าลุงรู้แต่แรกว่ามันจะเข้า ลุงจะถีบมันออกด้วยซ้ำ ดูสิ! มีมนุษยสัมพันธ์กับมนุษย์โลกซะที่ไหน!”


   “พูดไป เขาไหว้พรรณทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ มีสัมมาคารวะ หล่อแล้วยังน่ารักด้วย” พรรณรสรีบแย้ง ต่อให้ครองภพจะไม่ค่อยพูด แต่ก็มีสัมมาคารวะไม่เป็นที่ขัดหูเคืองตาคนยึดอาวุโส เพียงแต่เขาไม่ใช่คนมีหัวข้อพูดคุยมากมายนัก พรรณรสมีลูกชายเช่นกัน หล่อนจึงพอจะรู้ว่าพวกเด็กผู้ชายนั้นมีเรื่องที่ยกมาเป็นหัวข้อชวนคุยกับผู้หญิงอาวุโสอย่างหล่อนไม่มาก


   องอาจพ่นลมหายใจอย่างฉุนๆ


   “เพราะพ่อมันนั่นแหละ เอาแต่ทำงาน ไม่รู้จักดูแลลูกไม่พอยังชิงตายตั้งแต่ไอ้ครองยังเด็ก นี่ถ้าไม่ได้พี่คอยจ้ำจี้จ้ำไชนะ ป่านนี้มันจะยกมือไหว้ใครเป็น!”


   “โอ้โห เรื่องเอาดีใส่ตัวนี่ต้องยกให้คุณองอาจจริงๆ” องอาจเหล่ตามองนักแสดงหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับตนอย่างหมั่นไส้ แต่คบหากันมาเป็นสิบๆปีเช่นนี้ ไม่มีอะไรต้องมาเคืองใจกับคำหยอกเย้าแล้ว เขาจึงหันมาทางนักแสดงหนุ่มผู้อายุมากกว่าหลานชายของตน


   “กับร่มล่ะ มันคุยด้วยบ้างไหม”


ร่มธรรมยิ้มจืด ไม่อยากจะพูดให้เป็นประเด็นว่านอกจากเขาต้องเป็นฝ่ายทักทายก่อนแล้ว รายนั้นยังไม่แม้แต่จะทักตอบด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าการปรายสายตามามองนับเป็นการทักทายที่ครองภพมีต่อเขาก็แล้วกัน
 

   “ยิ้มแบบนี้แสดงว่ามันไม่คุย เฮ้อ! จนใจกับไอ้ครองจริงๆ ขนาดคนรุ่นเดียวกับมัน มันยังไม่คุย แล้วชาตินี้มันจะไปคุยกับใคร”


   “ผมอายุมากกว่าตั้ง 6 ปี คงจะคุยกับน้องไม่รู้เรื่องเหมือนกันแหละครับ”


แล้วร่มธรรมก็หัวเราะแห้งๆ พอดีกับที่รินฤดีเข้ามาตามเขาไปเซ็นเอกสารที่มีคนเอามาส่ง ชายหนุ่มจึงขอตัว


   องอาจและพรรณรสมองตามก่อนจะเป็นฝ่ายชายที่ถอนหายใจออกมา


   “สงสัยพี่ต้องเรียกไอ้ครองมาคุยบ้างแล้ว ให้มันหัดพูดกับคนอื่น หรือถ้าจะไม่พูดก็ไม่ใช่ข่มเขาแบบนั้น”


องอาจไม่ใช่ไม่เห็น หลานชายของเขาไม่พูดอะไรก็จริง แต่ฝ่ายร่มธรรมปิดความรู้สึกไม่เก่ง ตอนที่ต้องถ่ายเทคที่ 2 3 หรือ 4 นักแสดงหนุ่มผู้หวนกลับเข้าวงการอีกครั้งมีท่าทีเกรงอกเกรงใจหลานชายของเขาชนิดที่ไม่เหลือคราบบทบาทพี่ชายจอมเฮี้ยบอารมณ์ร้ายที่แสดงเลยสักนิด


   พรรณรสพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่วายเหลือบมองเพื่อนร่วมวงการที่เห็นหน้ากันมานาน


“แต่จะพูดกับครองแบบนั้น ก็ต้องรอให้ครองพูดกับลุงอู๊ดด้วยนะ ทุกวันนี้ลุงหลานคุยกันนับได้กี่คำแล้ว”


   องอาจพูดไม่ออก อย่าว่าแต่ครองภพไม่คุยกับร่มธรรมเลย กระทั่งกับลุงแท้ๆที่เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ยังพูดด้วยนับประโยคได้!


   เออ! หรือจริงๆแล้วครองภพตัดขาดคนทั้งโลก ก่อนที่คนทั้งโลกจะตัดขาดครองภพเสียอีก!!


…………………………


   ร่มธรรมนั่งอยู่ที่ชุดเก้าอี้ม้าหินไม่ไกลจากฉากนัก คนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือพนักงานส่งเอกสารจากบริษัทของเขา แม้จะเป็นเรื่องด่วน แต่ชายหนุ่มก็รอบคอบ เขากวาดตาอ่านในขณะที่โทรศัพท์คุยกับเจ้าของเรื่องที่ต้องการลายเซ็นเร่งด่วน ก่อนจะจรดปากกาเซ็น แล้วปิดแฟ้มส่งเอกสารคืนให้พนักงานหนุ่มร่างเล็ก


   “ขอบใจมาก” เขาพูด ก่อนจะหันไปหยิบกล่องอาหารของตนเองที่ยังไม่ได้ทานมาส่งให้ หนุ่มเมสเซ็นเจอร์ขาประจำของออฟฟิศที่ถูกเรียกใช้บ่อยๆได้แต่กะพริบตาปริบๆ


   “พอดีผมมีอีกกล่องที่ทำมาจากบ้านแล้ว ช่วยเอากล่องนี้ไปทานแทนผมได้ไหม”


   “ได้ครับ” หนุ่มเมสเซ็นเจอร์ยกมือไหว้ก่อนจะรับกล่องข้าวไป แล้วหมุนตัวเดินจากไป ตอนนั้นเองที่ร่มธรรมถึงได้เห็นว่าไม่ใกล้ไม่ไกลจากโต๊ะม้าหิน มีชายหนุ่มร่างสูงยืนจ้องมาที่เขา


   “อ้าว น้องครอง...” 


ครองภพมองตรงมาที่เขาแต่ไม่พูดอะไร เป็นฝ่ายร่มธรรมเองที่กระดากให้คนอื่นเข้ามาในบริเวณกองถ่ายที่ควรจะมีแค่คนที่เกี่ยวข้อง เพราะเห็นว่าบริเวณนี้ค่อนข้างเงียบเหมาะแก่การคุยโทรศัพท์เพื่อประสานงานในขณะที่ต้องใช้สมาธิอ่านเอกสารด้วย


   “อ่า...พี่เห็นไม่มีใคร ก็เลยขอยืมพื้นที่ใช้เซ็นเอกสารหน่อย ขอโทษที”


   “งานเยอะหรือ” ทว่าประโยคถัดมาไม่ใช่คำกระแหนะกระแหนแดกดันหรือการกระทำราวกับร่มธรรมเป็นอากาศธาตุ


   ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็รู้ตัวในเวลาอันสั้นเพราะอีกฝ่ายจ้องไม่วางตาราวกับต้องได้คำตอบ


   “อ...เอ่อ...อื้อ งานด่วนด้วยน่ะ”


   “วันนี้ก็เลยไม่มีสมาธิ” ประโยคนี้ของครองภพแม้จะไม่มีอารมณ์ประชดประชัน แต่ก็ทำเอาคนไม่มีสมาธิถึงกับหน้าเจื่อน หากเป็นคนอื่นถูกพูดจาเช่นนี้ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบๆแบบนี้ คงหมายหัวครองภพไปแล้ว แต่...เพราะเป็นร่มธรรมที่ถูกเลี้ยงดูมาให้สุภาพ นอบน้อมและใจเย็น เจ้าตัวเลยไม่ถือโทษโกรธเคือง หนำซ้ำยังเกรงใจเพราะรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสมาธิจริง


   “ขอโทษนะ พี่นอนน้อยก็เลย...”


   “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็ควรรีบกลับไปนอน ไม่มีคิวแล้วไม่ใช่รึไง” เป็นอีกครั้งที่ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ


   “น้องครองรู้ได้ไงว่าพี่ไม่มีคิว”


   “ได้ยินที่คุยกับป้าพรรณ”    


   “อ้อ...เห็นว่าลุงอู๊ดเป็นลุงของน้องครองด้วยใช่ไหม”


ครองภพไม่ตอบคำถามนี้ พอดีกับที่รินฤดีสาวเท้าไวๆเข้ามาหา


   “ร่ม เสร็จรึยัง จะได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า...อ๊ะ...น้องครองก็อยู่ด้วย?” หญิงสาวเพิ่งเห็นว่าน้องชายของตนไม่ได้อยู่ที่โต๊ะม้าหินกับเมสเซ็นเจอร์แล้ว แต่เปลี่ยนเป็นนักแสดงหนุ่มรูปหล่อแทน   


   “จะรีบไปเปลี่ยนครับ”


คนไม่มีคิวถ่ายวันนี้แล้วรีบลุก ก่อนจะหันไปยิ้มจางขอตัวจากชายหนุ่มรุ่นน้องแล้วเดินกลับไปยังห้องแต่งตัว เป็นฝ่ายรินฤดีที่เข้ามาตรวจตราว่ามีของส่วนตัวของร่มธรรมตกหล่นหรือไม่ แน่นอนว่าต่อให้ทำงานในวงการมายาวนาน พบเจอดาราหนุ่มรูปหล่อมามากมาย ร่างกายมีภูมิคุ้มกันกับความหล่อเหลาของครองภพจนไม่กระโตกกระตากออกนอกหน้า แต่ถึงอย่างนั้น ในใจก็หวีดร้องกับทุกองศาบนเบ้าหน้าของเขาไม่เปลี่ยน


   แต่ครองภพไม่ใช่คนเปิดโอกาสให้คนอื่นใกล้ชิด เมื่อเห็นว่าร่มธรรมจากไปแล้ว และบริเวณนี้เหลือเพียงเขาและหญิงสาวซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดงรุ่นพี่ ชายหนุ่มจึงหมุนตัวจะเดินหนีทันที


   “เอ๊ย! น้องครองคะ” รินฤดีรีบร้องเรียก ทำเอาเจ้าของชื่อหันกลับมามอง


   ครองภพไม่ขานรับ แค่เพียงมองหน้าคนเรียกด้วยสายตาเรียบเฉย


   “อ...เอ่อ...น้องครองเห็น...เห็นกล่องข้าวตรงนี้มั้ยคะ ของร่มน่ะ พี่เห็นร่มถือมาด้วยตอนจะมาเซ็นเอกสาร” รินฤดีจำได้ว่าหล่อนเห็นร่มธรรมหยิบเอากล่องข้าวติดมือมาด้วย ตอนแรกคิดเอาเองว่าคงจะเซ็นเอกสารไปทานไปด้วย แต่ตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่กล่องด้วยซ้ำ


   ครองภพเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเหมือนสีหน้า


   “เห็นเขาให้แมสเซ็นเจอร์ไป”


   รินฤดีทำตาโต ก่อนจะกลายเป็นถอนหายใจห่อไหล่แล้วส่ายศีรษะ


   “เอาอีกแล้ว พี่อุตส่าห์ซื้อมาเพราะจะให้ร่มกินรองท้อง ดันให้คนอื่นแล้วตัวเองจะกินอะไร”


   ครองภพนิ่งไป เห็นเขาไม่หมุนตัวทำท่าจะเดินออก รินฤดีเลยรีบสร้างความน่าเอ็นดูให้น้องชาย


   “เป็นแบบนี้ประจำเลย แล้วเดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหา” หล่อนทำเป็นเปรยกับตัวเอง แต่หวังให้อีกฝ่ายที่ยืนอยู่ได้ยิน อย่างน้อยหากครองภพนึกเอ็นดูร่มธรรมสักนิด จะได้ไม่จิกตาเขียวเหมือนทุกวันนี้


   “เขาบอกว่าเขามีอาหารมาจากบ้าน”


แล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่ออย่างที่สองก็เกิดขึ้น นอกจากครองภพจะไม่มีทีท่าเดินหนีแล้ว ยังเอ่ยปากในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองแต่อย่างใด รินฤดีทำตาโตก่อนจะรีบสำรวมท่าที


   “เพราะกลัวว่าพี่หนุ่ยแกจะไม่รับน่ะสิคะ เมสเซ็นเจอร์น่ะ รายนี้เป็นเจ้าประจำรับงานของออฟฟิศ แกมีลูกเล็กที่ไม่สบาย เมียก็ตาย ร่มสงสารก็เลยจ้างรายเดือนแต่ให้วิ่งเอกสารอย่างเดียว ถ้าไม่มีงานก็ไม่ต้องเข้ามารอที่บริษัท จะได้มีเวลาไปรับงานที่อื่นด้วย นี่ยังไม่นับที่ช่วยหาโรงพยา...” ยังไม่ทันจะแจกแจงความดีของร่มธรรมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คนที่ถูกพูดถึงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก้าวเท้าตรงดิ่งกลับมาหาผู้จัดการส่วนตัวของตนเองแล้ว


   ร่มธรรมอยู่ในชุดสูทเป็นทางการ ดูแล้วไม่ต่างจากคอสตูมจากในเรื่องเท่าไร แต่สีหน้าของเขาไม่ได้เคร่งเครียดถมึงทึง แต่กลับมีรอยยิ้มจางที่ดูสุภาพและใจดี


   “เสร็จแล้ว พี่ริน ไปเถอะ พี่ไปก่อนนะน้องครอง” นักแสดงหนุ่มรุ่นพี่หันมาพูดกับครองภพก่อนที่ทั้งเขาและผู้จัดการสาวจะออกจากกองถ่ายไป โดยไม่ทันรู้ตัวว่ามีสายตาของคนที่ยืนนิ่งอยู่กับที่มองตาม


   ทั้งๆที่อยากถอยห่าง แต่ทำไม...


ครองภพไม่เข้าใจตนเองเลย


   ...สุดท้าย กลับกลายเป็นเขาที่เดินเข้าหาร่มธรรมเสียเอง...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

   คอนเซ็ปต์ของเรื่องคือปัจจุบันสำคัญค่ะ จริงๆเรื่องนี้ไม่ได้มีทริคอะไรเลย ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรด้วย แค่ตัวละครเยอะอย่างเดียวค่ะ สายสุขนิยมอย่างเราๆ จะมีทริคอะไรได้ยังไง ฮ่าฮ่า
   
เดี๋ยวบัวทำผังความเกี่ยวพัน แล้วจะเอามาแปะอีกทีนะคะ จะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
   
ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่ค่ะ
   
เจอกันพฤหัสหน้า

แก้ไข: เพิ่มผังความสัมพันธ์ของตัวละคร (สำหรับตัวละครหลักจะคงไว้ ส่วนตัวละครที่หลักน้อยลงมาหน่อยจะปรากฏในผังบ้างหรือถูกลบออกไปบ้างนะคะ)
(https://blog-imgs-131.fc2.com/d/e/z/dezair/20200104140008271.jpg)
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 02-01-2020 21:37:10
อ๋อออ ที่แท้ร่มกับครอง
ไอ้เราตอนแรกก็นึกไปว่ารามิล แต่เนื้อเรื่องตอนนี้ดูไม่หนักเหมือนตอนแรก
ไอ้แผนคือตาแดงๆ ที่แอบมองใช่มั้ยน้า
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-01-2020 22:40:05
2คนนี้ต่างกันสุดขั้วเลย บุคลิกของน้องครองเนี่ย ถ้าเป็นชีวิตจริงจะมีใครกล้าคบมั้ยนะ ตึงมาก ดูไม่เป็นมิตรเลย ไม่น่าจะมีใครกล้าคุยกับเขานะ
ดีนะที่มาเจอคนอย่างร่มธรรม แบบร่มเนี่ยเป็นที่รักของทุกคนได้ง่ายๆเลยนะ น่าเอ็นดูไปหมด
ขำบทตัวละครที่ร่มได้รับมากๆ โคตรตรงกันข้ามกับตัวนักแสดง เราชอบนะคะพวกบทบาทท้าทาย ถ้าเล่นออกมาให้คนดูอินได้ มันยกระดับความสามารถของตัวนักแสดงไปได้อีก  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 02-01-2020 23:28:16
 :katai2-1: สนุกมากกกกน้องชอบบบบ จะเริ่มรักกันยังไง ปมก็น่าจะผูกมากอยู่น้าา รอลุ้นนะคะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-01-2020 01:00:42
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทนำ...=> หน้าที่ 1 (29/12/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 03-01-2020 10:47:28
ชอบชื่อเรื่องมาก
 ความหลังอะไรกันนะทำให้คนสองคนมาเจอกันในชาตินี้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-01-2020 13:10:46
สนุกกกกกกก :z2:
ชอบมากๆ เลย รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-01-2020 22:27:44
 :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-01-2020 22:35:48
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-01-2020 00:46:11
นี่มันป๋อจ้านนี่นา
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 04-01-2020 02:59:10
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 04-01-2020 12:28:24
ผีที่โผล่มาเตือนนี่มาดีหรือร้ายกันแน่อ่ะ เพราะตอนแรกดูโกรธๆ แต่ก็สงบอารมณ์เองได้ ดูไม่ออก :serius2: ใช่ตัวที่ตาแดงๆมองท้ายรถแวนมั้ย

ครองภพคือแผนป่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 04-01-2020 12:48:51
รออ่านนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-01-2020 14:18:51
พ่อพระเอกดังนี่...คือคุณความมืดมนดีๆนี่เอง  :ruready
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 04-01-2020 17:00:20
ไอ้แผนคือครองภพ

ไอ้ตาแดงคือไอ้คนมาเตือนใช่ใหม

และเดาว่า ไอ้คนนี้แหละ

ที่ใส่ร้ายไอ้แผน

จนไอ้แผนโดนฆ่าตายไปพร้อมความแค้น
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-01-2020 21:25:12
ไอ้แผน = ครอง ?
บ่าวตาโปนสีแดง = ?
พี่รุ่งโรจน์รู้อะไรมา ทำไมถึงอยากให้ร่มออกจากวงการ?

เนี่ยยย เรามันอ่านเฉยๆไม่ได้ไง ต้องคิดตาม เดาไปเรื่อยเลย ไม่เครียดมาก เน้นสุขนิยมจริงๆใช่ไหมคะ? 555 เราอยากถามเพื่อให้มั่นใจอีกที  o18
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-01-2020 23:13:15
ใช่คนเดียวกันกับในฝันร่มมั้ยนะ?
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 04-01-2020 23:42:55
ตอนอ่านก็ไม่ได้เอะใจอะไรพี่หนุ่ยแต่พอมาเห็นว่าอยู่ในผังตัวละครด้วยแล้วก็คิดว่าจะมองข้ามพนักงานส่งเอกสารคนนี้ไม่ได้แล้วสิ :m26:

น้องครองดุจริงแต่โชคดี(หรือฟ้าลิขิตมาแล้วกันนะ?)ถึงได้มาเจอพี่ร่ม จะมีวันที่น้องครองเปลี่ยนจากเสือดุๆมาเป็นโกลเด้นขี้อ้อนพี่ร่มไหมน้อ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-01-2020 12:26:18
ทำไมพี่รุ่งโรจน์ถึงไม่อยากให้ร่มเข้าวงการล่ะ มันต้องมีเหตุผลซิ แล้วไอ้พี่ตาแดงนั้นมันใครกัน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 05-01-2020 23:09:51
ขอบคุณนะคะคุณบัว จะรอติดตามทุกวันพฤหัสเลยค่ะ พี่ร่มใจเย็นมาก น้องครองอยากเข้าใกล้พี่แล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 06-01-2020 03:09:31
ชอบมากค่ะ รออ่าตอนต่อไป อยากรู้ว่าใครคือคนที่จะปองร้ายร่ม

ดูเหมือนรุ่งโรจน์จะรู้เรื่องอะไรจึงพยายามปกป้องร่มธรรมเลย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-01-2020 18:41:14
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-01-2020 02:01:57
ต้องตามมมม ต้องมีคนปั่นให้เขัาใจกันผิดแน่ในอดีต

ตามด้วยคนนนน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 08-01-2020 22:46:03
 พี่ร่ม ดีเหลือเกินพ่อเอ๊ย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 1...=> หน้าที่ 1 (02/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 08-01-2020 23:09:22
ปักหมุดรอจ้า
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 09-01-2020 21:11:17
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………
ตอนที่ 2


   บ้านทรงโคโลเนียลตั้งตระหง่านอยู่กลางอาณาเขตกว้างใหญ่


เจ้าของคือหลวงสุนทรวิจักษ์ผู้ปกครองคนหมู่มากด้วยพระเดชพระคุณ ภรรยาหลวงและน้อยแม้จะมากมายตามค่านิยม ต่อหน้ารักใคร่นับถืออาวุโสและฐานะกันอย่างใด ลับหลังก็เป็นเช่นนั้น บุตรธิดาไม่ว่าจะเกิดจากภรรยาคนใดก็ล้วนได้รับการเลี้ยงดูอย่างไม่น้อยหน้ากัน ไม่มีลูกไพร่ลูกบ่าว เพราะล้วนถือว่าร่วมเชื้อสาย เมื่อผู้เป็นใหญ่ในบ้านทำตัวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คนในบ้านก็ย่อมอยู่อย่างสงบ


   ทว่า...วันหนึ่งความสงบก็ถูกทำลายลงด้วยเรื่องโกลาหล


หนังสือฝรั่งของคุณเทพบุตรชายคนหนึ่งของหลวงสุนทรวิจักษ์ถูกขโมย


หลังจากไต่สวนกันไปมา ได้ความว่าวันที่คุณเทพทำการบ้านที่ศาลาริมน้ำ เผลอวางทิ้งเอาไว้ คนที่อยู่ละแวกนั้นในช่วงเวลาใกล้เคียงคือเด็กชายผู้ถูกพ่อแม่นำมาขายแทนค่าเช่าที่นา


   แม้จะเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน แต่เรื่องภายในล้วนเป็นกิจการของภรรยาหลวง หลวงสุนทรวิจักษ์จึงไม่อาจรู้จักบ่าวไพร่และข้าทาสในเรือนได้ทั้งหมด ทว่าเรื่องคราวนี้เกิดกับ ‘คุณเทพ’ บุตรชายคนโปรดของตน อีกทั้งมูลเหตุยังเป็น ‘การขโมยหนังสือฝรั่ง’ จึงฉุกใจเรียกมาสอบสวนด้วยตนเอง


   “คุณหลวงจะให้โบยมันสักกี่ทีขอรับ”


   “เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ นายช่วง” เอ่ยกับบ่าวคนสนิท แล้วจึงหันมองเด็กชายอายุคราวลูกร่างผอมแกร็นที่นั่งตัวสั่นเทาเพราะมีความผิด ส่วนหนังสือฝรั่งต้นเหตุนั้นวางอยู่บนโต๊ะข้างกายท่าน เพียงปรายสายตามองก็พบว่าหนังสือไม่ได้มีร่องรอยเสียหายแต่ประการใด อีกทั้งยังไม่ถูกนำไปขาย พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ได้กระทำโดยไม่รู้ความว่าเป็นหนังสือ และไม่ได้กระทำเพื่อเงินทอง


   “มึงขโมยหนังสือลูกกูทำไม” น้ำเสียงของหลวงสุนทรวิจักษ์ทั้งองอาจ และดุดัน ทว่าไม่ได้ข่มเหง เด็กชายประนมมือเงยหน้ามอง หน้าตาหวาดหวั่นและน้ำตาคลอ


   “ก...กระผม...กระผมเห็นมันวางอยู่ ไม่มีเจ้าของ เลยหยิบไปอ่าน”


   “มึงอย่าริโกหกต่อหน้าคุณหลวง! น้ำหน้าอย่างมึงจะอ่านออกได้อย่างไร!” ไม่ใช่เจ้าของบ้านที่ตวาดเสียงก้องจนเด็กชายตัวสั่นเทา ทว่ากลับเป็นนายช่วงผู้เป็นบ่าวใกล้ชิดคุณหลวงที่สุด


   “นายช่วง” ชายอาวุโสปราม ก่อนจะหันมาทางคนทำผิด


   “มึงอ่านออกหรือ”


   เด็กชายส่ายหน้า


   “คุณหลวงถาม! มึงต้องตอบ!” นายช่วงตวาดก้อง ทำตัวเป็นผู้อารักขาได้อย่างดี แต่หลายครั้งก็พลอยให้ผู้เป็นนายอิดหนาระอาใจ ทว่าก็ไม่อยากขัดให้เสียปกครอง จึงได้แต่ทอดสายตามองเด็กชายที่นั่งประนมมือตัวสั่น สายตาของท่านเอื้ออาทรจนคนกระทำผิดยังรู้สึกละอายจนไม่อาจปิดบังความจริง


   “อ...อ่านไม่ออกขอรับ...” เด็กชายผู้ถูกขายมาใช้แรงงานทดแทนค่าเช่าที่นาได้แต่ก้มหน้าตอบเสียงแผ่ว สำนึกผิดที่หยิบหนังสือไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เพราะใฝ่รู้ใฝ่เรียน ทั้งๆที่ชาติกำเนิดไม่เกื้อหนุน


   “แล้วมึงอยากอ่านออกไหม” ทว่าคำถามประโยคถัดมาของคุณหลวงกลับทำให้เด็กชายนิ่งงัน เงยมองด้วยดวงตาตื่นตะลึง รีบร้องบอก


   “ย...อยากขอรับ!”


   “คุณหลวงจะให้มันเรียนหนังสือหรือขอรับ” อย่าว่าแต่เจ้าหัวขโมยจะตะลึงเลย กระทั่งนายช่วงผู้รอรับคำสั่งให้จัดการลงโทษคนกระทำผิดยังพลอยงุนงงไปด้วย


   สายตาของหลวงสุนทรวิจักษ์ยังมุ่งตรงไปยังเด็กชายที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น


   “ถ้ามึงอยากเรียน กูจะส่งไปเรียน แต่ภาษาฝรั่งคงต้องไว้ทีหลัง มึงต้องเรียนอ่านเขียนก่อน”


   “กระผม...กระผมอ่านเขียนได้ขอรับ” เด็กชายเอ่ยเสียงแผ่ว ทำเอาทั้งคุณหลวงและนายช่วงพากันชะงัก


   “มึงพูดอะไร! น้ำหน้าอย่างมึงจะอ่านเขียนได้อย่างไร!” นายช่วงตกตะลึงเป็นครั้งที่เท่าไรก็คร้านจะนับ


   “กระผม...ให้หลวงพี่ที่วัดสอนขอรับ...เอ่อ...แต่...แต่กระผมไปเรียนตอนที่ทำงานเสร็จแล้วนะขอรับ...” ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกผิด นอกจากจะขโมยหนังสือแล้ว ยังแอบไปเรียนเขียนอ่านอีกด้วย ทว่าเด็กชายผู้เอาแต่ก้มหน้าย่อมไม่เห็นสายตาอาทรของชายผู้เป็นใหญ่ในเรือนที่ทอดมองมา


   ลูกนกลูกกา ยังให้ข้าวให้น้ำ นับประสาอะไรกับลูกคน


   “เอาเถอะ กูจะให้มึงไปเรียนหนังสือ ถ้าเรียนได้ดี กูจะให้มึงเรียนภาษาฝรั่ง”



เด็กชายได้ยินก็ถึงกับทำตาโตด้วยความคาดไม่ถึง ดวงตาเป็นประกายพราว เห็นท่าทางกระตือรือร้นของมันแล้ว คุณหลวงก็นึกเอ็นดูอย่างประหลาด


   ทายาทใช่มีน้อย อีกทั้งยังไม่เคยรับลูกบ่าวลูกไพร่คนใดมาส่งเสีย แต่ครั้นจะปล่อยให้คนใฝ่สูงต้องติดในตมเพราะฐานันดรต่ำต้อย ก็อดยอกใจไม่ได้


   “แต่มึงต้องสาบานว่าจะตั้งใจเรียน แล้วไปเป็นเสมียนหรือข้าราชการ อย่าได้กลับมาเป็นลูกหนี้ใครอีก”


   “ขอรับ สาบานขอรับ!”


   หลวงสุนทรวิจักษ์พยักหน้ารับก่อนจะโบกมือไล่เด็กชายออกไป เมื่อเหลือเพียงท่านและนายช่วง บ่าววัยฉกรรจ์ผู้จงรักภักดีก็รีบทักท้วง


   “จะดีหรือขอรับ”


   “ทำไมจะไม่ดี คนอยากเรียนก็ให้มันเรียน”


   “แต่พ่อแม่มันเอามันมาขายก็เพื่อให้ใช้งาน...”


   “กูมีบ่าวไพร่แยะขนาดนี้ ปล่อยเด็กสักคนให้มันไปเติบใหญ่ก็คงไม่เป็นไรกระมัง” นายช่วงไม่เห็นด้วย แต่ความภักดีทำให้ไม่กล้าขัด ยิ่งเห็นคุณหลวงหันไปสนใจหนังสือในมือแทนแล้ว ก็พลอยเป็นต้องเลิกพูดไปโดยปริยาย ทว่าจู่ๆ ชายผู้เป็นใหญ่ในเรือนที่นั่งอยู่บนตั่งก็เอ่ยขึ้นมา


   “ว่าแต่...มันชื่ออะไร”


   มันที่ว่าคงจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เด็กชายที่เพิ่งพ้นโทษอีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนให้เรียนหนังสือ


   “ไอ้แผนขอรับ”


   หลวงสุนทรวิจักษ์พยักหน้ารับรู้ แล้วหันกลับไปจดจ่อกับหนังสือในมือตามเดิม


........................


   ครองภพเป็นลูกชายคนเล็กที่เกิดหลังพี่ชายคนโตถึง 10 ปี ความเป็นลูกหลงของเขาทำให้คนทั้งครอบครัวต่างพะเน้าพะนอเอาใจ แค่เพียงปรายสายตาโดยไม่ต้องพูดอะไร ทุกคนก็พร้อมจะหามาให้ ส่วนที่หนึ่งเพราะเขาเป็นลูกคนเล็ก หลานคนเล็ก ส่วนที่สองเพราะหน้าตาของเขาน่าเอ็นดูและน่าเอาอกเอาใจตั้งแต่เด็ก ส่วนที่สามเพราะเขาเสียบิดาไปตั้งแต่อายุยังไม่เต็มสิบขวบดี และส่วนสุดท้าย...คนในครอบครัวล้วนรับรู้ว่าเขาเกิดมาพร้อมกับบางอย่างติดตัว


   ครองภพมักฝันร้าย


   ตั้งแต่เล็ก เขามักละเมอราวกับหวาดกลัว พูดแต่ว่าไม่ได้ทำ หากแต่เมื่อตื่น เจ้าตัวก็กลับจำอะไรไม่ได้เลย


   เมื่อเริ่มโต เขาไม่ละเมออีก แต่แสดงออกให้รู้ว่าไม่ชอบอยู่ในที่แคบเพียงลำพัง กระทั่งใช้ลิฟต์ยังต้องมีคนอยู่ด้วย แต่น่าแปลกที่หากมีคนอยู่ด้วย เขากลับไม่มีท่าทีต่อที่แคบเลย หากคิดว่าครองภพต้องการเรียกร้องความสนใจก็ไม่ใช่ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว เขาชอบอยู่คนเดียวมากกว่าจะอยู่กับคนอื่น


   แต่พอชายหนุ่มเข้าวงการ งานมะรุมมะตุ้มจนแทบไม่มีเวลาว่าง ทุกอย่างก็เหมือนจะลืมเลือนราวกับไม่เคยเกิดขึ้น


   “น่าจะนอนอยู่คอนโด เมื่อคืนกลับดึกไม่ใช่หรือ” เสียงของมารดาดังขึ้น เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั่งเล่นของบ้านแล้วพบว่าลูกชายคนเล็กนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำ เขาผงกศีรษะขึ้นมามองด้วยดวงตาหรี่ปรือเหมือนเพิ่งตื่น


   “พี่ธานัดกินข้าว...”


ยามอยู่ต่อหน้าสาธารณชน ครองภพคือสิงโตหนุ่มที่ยืนผงาด ทั้งสง่างามและทรงพลัง ทว่ายามอยู่กับครอบครัวหรือคนสนิท เขากลับไม่ต่างจากแมวขี้เซา นอนได้ทั้งวี่ทั้งวันและไม่ออกไปไหนเลย เจ้าตัวรักความสงบเงียบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเลือกที่จะเข้าวงการ มีแฟนคลับมีคนติดตาม ไปไหนมาไหนถ้าไม่ระวังตัวปิดหน้าปิดตา ก็แทบจะต้องพบพานกับสายตาจับจ้องของคนรอบข้างเสมอ

   

ทว่า...แม้ครองภพจะประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดง มีแฟนคลับนับล้าน มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่สำหรับอัจฉรา อีกฝ่ายก็เป็นเพียงเด็กชายตัวน้อยๆที่แสนน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ดี
   

“ปากบอกว่ามาที่นี่เพราะพี่นัดกินข้าว แต่อะไรคือนอนเหยียดเป็นงูแบบนี้” ชายหนุ่มอีกคนโผล่หน้ามาเหนือศีรษะคนนอนด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส



ครองภพเอาแต่นอนเลยไม่ทันเห็นว่านอกจากมารดาแล้ว ธาดาผู้เป็นพี่ก็อยู่ในห้องด้วย คนกำลังนอนสบายทำเสียงจิ๊จ๊ะ แต่เมื่อมารดาหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวที่เขาเอกเขนกอยู่ ลูกชายคนเล็กผู้ไม่ค่อยสนใจโลกกลับชันขาขึ้นเพื่อให้หล่อนนั่งเอนได้สบาย


   การกระทำเล็กๆน้อยๆแต่ใส่ใจคนในครอบครัวแบบนี้ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้เป็นพี่ชายที่อายุมากกว่า 10 ปีได้อย่างดี


   “แม่ บอกไอ้ครองสิ ว่าที่ให้ธานัดมากินข้าววันนี้ เพราะแม่อยากได้อะไร” เขาหันไปกระเซ้ามารดาที่นั่งร่วมโซฟาตัวเดียวกับที่ครองภพนอนอยู่ ทั้งๆที่บ้านหลังใหญ่ ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง มีที่นั่งอีกมาก แต่พวกเขาสามแม่ลูกใกล้ชิดสนิทสนม


   เพราะเสียหนึ่งในสมาชิกครอบครัวไป แม้จะมีญาติอีกมายมายห้อมล้อม แต่ครอบครัวเล็กๆที่ขาดสามี ขาดบิดาก็มีแต่จะต้องใกล้ชิดกันให้มากที่สุด เพื่อเป็นความรักและกำลังใจให้กันทดแทนคนที่จากไป


   คนที่นอนหลับตายอมปรือตาขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อมองหญิงผู้เป็นแม่โดยเฉพาะ


   “แม่อยากได้อะไร” 


อัจฉราหันไปค้อนลูกชายคนโตจอมปากโป้งทีหนึ่ง ก่อนจะหันมามองลูกชายคนเล็ก


   “เห็นลุงอู๊ดบอกว่า ครองเล่นละครเรื่องเดียวกัน”


   “ถ้ารู้ว่าลุงอู๊ดเล่น จะไม่รับ” 


ธาดาหัวเราะร่วน ไม่รู้หัวเราะให้กับคำตอบแสนตรงเผงของน้องชายหรือคำถามอ้อมค้อมของมารดาดี แต่เอาเป็นว่าอัจฉราเลี้ยงลูกสองคนมานับจากอายุของเขาแล้วก็สามสิบสองปี คงรู้ว่ากับลูกคนไหนจะเข้าหาอย่างไร ชายหนุ่มจึงไม่ขัด แถมเป็นฝ่ายถามแทรก


   “แล้วเป็นไง เล่นกับลุงอู๊ด”


   “ก็ดี”


   อัจฉรายิ้ม ต่อให้คำตอบของลูกชายจะสั้นเรียบ แต่ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกของเขาจะเป็นเส้นตรง ครองภพไม่ใช่คนเปิดเผย แต่ความจริงใจของเขาไม่แพ้ใคร เมื่อออกปากว่า ‘ก็ดี’ ย่อมไม่ได้หมายความไปในทิศทางเลวร้ายแน่นอน


   “แล้วสรุปแม่อยากได้อะไร” ชายหนุ่มถามซ้ำ ดวงตาเรียวจดจ้อง ทั้งๆที่ไม่ใช่คนช่างพูด  ไม่ใช่คนช่างแสดงออก แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็นมารดา ความใส่ใจของเขาย่อมมาเป็นอันดับต้นๆ


   “ตอนแรกแม่ก็ว่าจะขอทางลุงอู๊ด แต่แม่เห็นว่าครองก็เล่นกับเขาเยอะ มาขอให้ครองช่วยน่าจะดีกว่า...”


   “ก็บอกไปสิแม่ ว่าอยากได้ลายเซ็นร่มธรรม” ธาดาแทรก คราวนี้คนนอนเหยียดตามสบายถึงกับชะงักกึก แล้วทวนถาม


   “ลายเซ็น?”


ไม่มีคำตอบเป็นคำ นอกจากการพยักหน้ารับของมารดา ธาดาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเป็นฝ่ายอธิบายเพิ่ม


   “แม่เป็นแฟนคลับของร่มธรรมน่ะ ชอบตั้งแต่ก่อนที่เขาจะออกจากวงการซะอีก”


   “ก็...ตอนนั้นเขาเป็นพระเอกแห่งชาติเลยนะ เรื่องสุดท้ายที่เล่นเป็นท่านชายน่ะ แล้วบริษัทเราก็เคยให้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย ทำงานเก่ง สุภาพอ่อนน้อม เสียดาย เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เราได้แค่แปบเดียวก็ออกจากวงการ”


   “ธาจำได้ ตอนเขาออกจากวงการ แม่บ่นเสียดายใหญ่เลย” ธาดาเสริม เพราะอายุมากกว่าน้องชายถึง 10 ปี ย่อมมีส่วนร่วมในชีวิตของมารดาเมื่อ 6 ปีก่อน มากกว่าครองภพที่เวลานั้นเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มและกำลังมุ่งมั่นจะเข้าวงการบันเทิง


   “เรื่องนี้ครองเล่นเป็นน้องของร่มธรรมใช่ไหม ขอลายเซ็นเขาให้แม่หน่อยสิ”


   “ทำไมแม่ไม่ติดต่อเขาให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทไปเลยล่ะ”


   “แกคิดว่าแม่ไม่ทำเหรอ ทำแล้วแต่ทางนั้นปฏิเสธ” คนเป็นพี่ขยายความ คราวนี้ครองภพเลิกคิ้วหันมอง


   “เห็นบอกว่ารับเล่นเรื่องนี้เรื่องเดียว ก็เลยขอไม่รับพรีเซ็นเตอร์ จะว่าไปก็แปลก กลับเข้าวงการทั้งที ทำไมจะเล่นแค่เรื่องเดียว แกถามเขาให้หน่อยสิ” ธาดาตั้งคำถามกับตนเองแต่ไม่วายสั่งน้องชาย อัจฉราเลยรีบพยักหน้าสนับสนุนอย่างเห็นดีเห็นงาม


   “ใช่ๆ ครองถามให้แม่หน่อยว่าทำไมไม่รับงานอื่นอีก แล้วขอลายเซ็นให้แม่เลยทีเดียวไง”


ครองภพไม่เคยปฏิเสธมารดา แต่คราวนี้เขากลับรู้สึกถึงความแปลกประหลาดของโชคชะตาตนเอง


   ระหว่างเขากับร่มธรรมดูราวกับไม่ควรจะได้พบเจอกัน



ตอนที่ร่มธรรมกำลังดัง ตอนนั้นเขากำลังหมกมุ่นกับการเรียนร้องเพลง เรียนเต้น เรียนการแสดงเพื่อเข้าสู่วงการ ตอนที่ร่มธรรมประกาศออกจากวงการ ครองภพก็เพิ่งเซ็นสัญญากับต้นสังกัดเพื่อเข้าวงการ ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เขาอยู่ในวงการบันเทิง ในขณะที่ร่มธรรมออกไปอยู่ในวงธุรกิจ นอกจากบริษัทแล้ว เจ้าตัวมีกิจการร้านกาแฟร่วมกับพี่สาวพี่ชาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของครองภพ เขาเคยแวะร้านนั้นหลายครั้ง แต่...เราไม่เคยเจอกัน



จนกระทั่ง...วันนี้ จู่ๆ โชคชะตาก็ดึงเขาและร่มธรรมให้ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ


   ทั้งๆที่คลาดกันมาตลอด แต่บทจะได้พบ...ก็ได้พบ


   “เงียบแบบนี้ แสดงว่ามันไม่กล้าแน่เลยแม่” เสียงของธาดาดังขึ้น ปลุกสติครองภพออกมาจากภวังค์ ทั้งๆที่เขาไม่เชื่อเรื่องความบังเอิญใดๆ แต่เรื่องของเขาและร่มธรรมกลับไม่อาจมองข้ามคำว่าโชคชะตาได้เลย


   “ไม่ใช่ไม่กล้า...” เพราะเป็นหนึ่งคนที่รักการแข่งขัน การที่ถูกพูดว่าไม่กล้า ย่อมทำให้ครองภพรู้สึกหึกเหิม


   “...แต่ไม่สนิท” ทว่าแม้จะรักการแข่งขัน แต่ชายหนุ่มวัย 22 ก็เป็นคนยอมรับความจริง ไม่สนิทก็คือไม่สนิท แล้วคนที่ไม่สนิทจะไปขอให้มาเป็นพรีซ็นเตอร์ให้ธุรกิจของที่บ้านแถมขอลายเซ็นด้วยอย่างนั้นหรือ


   “ไม่สนิท?! ไหนลุงอู๊ดว่าเขาเล่นเป็นพี่ของครอง?!” อัจฉราร้องเสียงหลง


   “ก็...ใช่...” คราวนี้คนยอมรับความจริงกลายเป็นพูดเสียงเบา แม้จะเข้าฉากด้วยกันหลายครั้งแล้ว แต่...ไม่สนิทก็คือไม่สนิท


   “ครอง...” มารดาถึงกับครางอย่างอ่อนใจเมื่อตระหนักได้ว่านิสัยของลูกชายคนเล็กนั้นไม่ช่างพูด แม้ว่าร่มธรรมที่หล่อนเคยรู้จักเมื่อ 6 ปีก่อน จะเป็นคนอัธยาศัยดี และเวลานี้ก็น่าจะยังเหมือนเดิม แต่ถ้ามาเจอคนกำแพงสูงอย่างครองภพ ต่อให้จะอัธยาศัยดีมากแค่ไหนก็คงไม่รอด


“เราต้องรู้จักคุยกับคนอื่นบ้างนะลูก”


“ผมก็คุยกับคนอื่น...” ครองภพแย้งเสียงเบา ทำเอาคนเป็นพี่ได้โอกาสทันที


“คนอื่นหมายถึง เพื่อนที่เล่นเวคบอร์ด สโนว์บอร์ด สเก็ตบอร์ด ปีนเขาไต่หน้าผา เพื่อนแข่งรถ แข่งมอ’ไซค์ แข่งเจ็ตสกี เพื่อนต่อกันดั้ม เพื่อนอะไรอีกนะ ที่แกคุยกับเขาเป็นวรรคเป็นเวรน่ะ อ้อ เพื่อนเล่นเดอะซิมส์” ครองภพเหลือบมองหน้าตาเอาเรื่อง แล้วเถียงเสียงเบา


“เล่นเดอะซิมส์ไม่ต้องมีเพื่อน”


“ไม่มีเพื่อนอะไร พี่เห็นมีแอคเค้าท์บอร์ดเดอะซิมส์คอมมูนิตี้”


อัจฉรามองลูกชายคนเล็กแล้วก็พลอยถอนหายใจอีกเฮือก สัตว์สังคมนั้นจะให้พูดคุยแต่เรื่องที่ชอบก็เห็นจะไม่ใช่ แต่ต้องรู้จักเปิดใจคบหาผู้คนที่แตกต่างจากตนเองบ้าง จึงจะไม่คับแคบ


“ลุงอู๊ดเองก็บอกว่าร่มธรรมนิสัยดี ถ้าครองเปิดใจให้เขาสักนิด แม่ว่าครองจะชอบเขานะ”



พูดไปก็เท่านั้น เพราะครองภพเบือนสายตาหนีไปทางอื่นราวกับไม่รับรู้ ธาดาเห็นท่าทางของน้องชายแล้ว หมั่นเขี้ยวชกไหล่ไปที


   “ช่างมันเถอะแม่ ไอ้ครองมันไม่อยากมีเพื่อน สงสัยจะได้ครองตัวโสดไปจนตาย สมชื่อจริงๆ”


   “พ่อกับแม่ตั้งชื่อครองภพจ้ะ ไม่ใช่ครองตัวโสด” อัจฉรารีบหันมาแจง


   “สม” ครองภพเยาะเย้ยซ้ำ เลยถูกผู้เป็นพี่ล็อคคอลากขึ้นจากโซฟามายีหัวอย่างมันเขี้ยว


   “โอ๊ย! แม่! พี่ธาแกล้งผม!”


   “ขี้ฟ้อง! ไอ้เด็กขี้ฟ้อง!”


   “ไม่ใช่เด็ก!”


   “แต่ไม่โต!”


แล้วสองพี่น้องก็ลุกขึ้นไล่เตะกันรอบห้อง อัจฉรามองแล้วแม้จะอ่อนใจแต่ก็อดยิ้มจางไม่ได้ ลูกชายคนเล็กของหล่อนที่ใครต่อใครพากันบอกว่าเขาช่างไร้อารมณ์ ไร้มนุษยสัมพันธ์ และคงจะไร้แม้กระทั่งคู่ครอง แต่อย่างน้อยการที่เขายังเล่นกับพี่ชายราวกับเด็กๆแบบนี้ ก็พอจะทำให้สบายใจได้บ้างว่าเขาไม่ได้ไร้อารมณ์หรือมนุษยสัมพันธ์เสียทีเดียว แต่เป็นเพราะกำแพงสูงจนมีคนน้อยนักที่จะปีนข้ามเข้าไปเรียนรู้นิสัยใจคอที่แท้จริงของเขาได้ต่างหาก


   แล้วถ้ากำแพงสูงแบบนี้...จะไร้คู่ครองไหม?


   ประเด็นนี้คนเป็นแม่ชักไม่สบายใจ เห็นทีหล่อนอาจจะต้องช่วยเฟ้นหาคนที่จะสามารถก้าวข้ามกำแพงของครองภพเสียแล้ว


……………………….


   แม้จะได้รับภารกิจจากมารดาให้ติดต่อร่มธรรมมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทของครอบครัว และขอลายเซ็น หนำซ้ำผู้เป็นพี่ชายก็แจกแจงแล้วว่าเคยติดต่อไปหน แต่ทางเจ้าตัวปฏิเสธ คนที่ควรจะถูกส่งมาเจรจารอบสอง ต้องเป็นคนที่มีชั้นเชิงในการโน้มน้าว หรืออย่างน้อยๆก็ไม่ใช่คนพูดไม่เก่ง แถมพูดแต่ละทียังตรงเผงเป็นที่สุด


   “ทำไมไม่รับงานอื่น”


   ไม่ต้องทักทาย ไม่ต้องส่งยิ้ม แค่เพียงเจอหน้ากันในห้องแต่งตัว พอทรุดตัวลงนั่งข้างกายนักแสดงหนุ่มรุ่นพี่ได้ ก็เอ่ยปากถามชนิดไม่มีเกริ่นสักนิด เป็นฝ่ายคนถูกถามที่ต้องมีหน้าที่ประมวลผลโดยไวแม้สีหน้าจะงุนงงและยุ่งเหยิงก็ตามที


   “ไม่รับงานอื่น? หมายถึง...ทำไมพี่ไม่รับงานในวงการงานอื่นงั้นหรือ”


   “อือ” เมื่อถามให้ตอบใช่หรือไม่ คนอย่างครองภพก็ไม่คิดจะอธิบายเสริมสักนิด ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ พยายามตั้งสติหาเหตุผลว่าทำไมจู่ๆวันนี้นักแสดงผู้พูดน้อยเน้นแต่ปฏิบัติถึงชวนคุยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


   แต่...คิดไปก็เท่านั้น หากเข้าใจความคิดความอ่านของครองภพด้วยการสื่อสารประโยคสั้นๆแบบนี้ โลกนี้คงไม่ต้องมีคำว่ายาวแล้ว


   “เอ่อ...ก็...ไหนจะงานบริษัท ไหนจะร้านกาแฟ มันก็ค่อนข้างยุ่ง ที่รับงานนี้เพราะผู้จัดเป็นรุ่นพี่ของพี่ริน...ผู้จัดการพี่น่ะ เอ่อ...จริงๆพี่รินก็ไม่ใช่ผู้จัดการจริงๆ เป็นพี่สาวของพี่เอง แต่พอพี่รับงานนี้ เขาก็มาช่วยดูแลคิวงานให้”


   แล้วคนถามก็เงียบ ร่มธรรมพลอยพูดต่อไม่ออก จะย้อนถามว่าอยากรู้ไปทำไม อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าจะอยากคุยกับเขาต่อเลยสักนิด เจ้าตัวก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือ ไม่ได้มีปฏิกริยากับคำตอบด้วยซ้ำ ร่มธรรมต้องเป็นฝ่ายหันกลับไปสนใจตนเองในกระจกอย่างเก้อๆ ราวกับเมื่อครู่นี้เขาพูดคนเดียว


   ...จู่ๆก็ถาม แล้วจู่ๆก็เงียบ…


   ...คนอะไรเอาใจยาก ทำความเข้าใจก็ยาก…


   เพราะไม่ได้มีนิสัยค่อนขอด ความคิดของเขาจึงเป็นเพียงการบ่นกับตนเองแล้วได้แต่เหม่อมองเพดาน ทว่าจู่ๆหูก็ได้ยินเสียงคนข้างกายหันไปถามหาของจากผู้จัดการส่วนตัว แล้วอึดใจต่อมา กระดาษและปากกาก็ถูกยื่นมาตรงหน้า


   พอไล่สายตามองไปยังคนยื่น ก็เห็นเป็นครองภพที่ยังนั่งนิ่ง แต่เอี้ยวมามองเขาเล็กน้อย


   “แม่ผมฝากมาขอลายเซ็น”


   ร่มธรรมอ้าปากค้าง กะพริบตาปริบๆ แน่นอนว่าครองภพเห็นท่าทางตะลึงงันของคนอายุมากกว่า แต่คนอย่างเขาไม่ได้มีเวลาให้ใครนานนัก หนุ่มรุ่นน้องกระดกข้อมือเป็นสัญญานให้อีกฝ่ายรับไปเสียที


   “ด...ได้...ได้...” ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ร่มธรรมรีบรับกระดาษฉีกขนาดเล็กและปากกาน้ำเงินไปเซ็น แต่เพราะออกจากวงการไปตั้ง 6 ปี พอจรดปากกาลงบนกระดาษ เขาก็ค้างอยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเขียนชื่อตนเองแทน ตอนที่ครองภพรับกลับไป นักแสดงหนุ่มชื่อดังถึงกับเลิกคิ้ว ตัวอักษรเป็นระเบียบบนกระดาษ อ่านง่าย ไม่ถึงกับคัดตัวบรรจง แต่ก็ไม่ฉวัดเฉวียน แค่ลายมือก็บอกให้รู้แล้วว่าคนอย่างร่มธรรมนั้นเป็นคนเข้าใจง่าย และไม่ซับซ้อน


   “เอ่อ...พี่ไม่รู้จะเซ็นยังไง เขียนชื่อเอาแล้วกันนะ”


   “แล้วเมื่อ 6 ปีก่อนเซ็นยังไง” จู่ๆก็ถูกยิงคำถามขึ้นมาอีก ทั้งๆที่ควรจะเข็ดกับเมื่อครู่ที่พอตอบไปแล้วอีกฝ่ายเอาแต่เงียบจนเหมือนพูดคนเดียว แต่พอเป็นคำถามที่ย้อนหลังไปเมื่อ 6 ปีที่แล้วซึ่งคนอย่างครองภพไม่น่าจะรู้ว่าเขาเคยอยู่ในวงการ ก็ทำเอาร่มธรรมหลากใจจนกลายเป็นย้อนถาม


   “รู้ด้วยหรือว่าพี่เคยเป็นนักแสดง”


   “เขาพูดกันทั้งนั้น”


   “อ้อ...”


   “สมัยก่อนไม่มีคนมาขอลายเซ็นเหรอ”


ไม่รู้จะชอกช้ำกับท่อนไหนดี ระหว่างคำว่า ‘สมัยก่อน’ กับ ‘ไม่มีคนมาขอลายเซ็นหรือ’ ฟังดูแล้วนอกจากจะแก่ ยังรู้สึกไม่โด่งดังพอด้วย ทั้งๆที่ร่มธรรมคิดมาตลอดว่าเขาประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงระดับหนึ่งเลยทีเดียว ก่อนจะออกไป


   แต่...เรื่องอายุที่มากกว่าอย่างไรก็เป็นความจริง ส่วนเรื่องความโด่งดัง ถ้าวัดระหว่างเขาในอดีต กับครองภพในปัจจุบัน ก็เป็นความจริงอีกนั่นล่ะว่าต่อให้สูสีกัน แต่ครองภพมีโอกาสจะดังได้มากกว่านี้อีก ในเมื่อเจ้าตัวอายุยังน้อยแต่ความสามารถรอบด้านขนาดนี้


   “ก็...ไม่ได้เซ็นนานแล้ว พอไปทำงานที่บริษัทก็ไม่ได้เซ็นแบบนั้นด้วย ก็เลย...ลืมไปเลย”


   “แล้วถ้าหลังจากนี้มีคนมาขอลายเซ็นจะทำยังไง ไม่ต้องนั่งเขียนชื่อจริงให้ทุกครั้งเหรอ”


   “แต่ชื่อจริงของพี่ก็ไม่ยาวเท่าไรนะ อ่านง่ายด้วย...”



ดวงตาของคนพูดนั้นใสซื่อราวกับจะย้อนถามว่าอ่านง่ายอย่างนี้ไม่ดีหรือ แน่นอนว่าไม่มีคำตอบจากครองภพ แต่ยังดีที่คราวนี้เขาไม่เงียบไปเฉยๆ ตอนลุกขึ้นจะหมุนตัวออกจากเก้าอี้ไป ประโยคหนึ่งของครองภพก็ดังขึ้น


“ขอบคุณ”



ทั้งๆที่เป็นประโยคสนทนาพื้นฐานที่สั้นง่ายและได้ยินเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ร่มธรรมก็อดรู้สึกบางอย่างกับคำนี้จากปากของอีกฝ่ายไม่ได้



อาจจะเพราะครองภพเป็นคนไม่ค่อยพูด ส่วนเขาเองก็ไม่ใช่คนคาดหวัง พอได้ยินคำพูดตามมารยาท แต่น้ำเสียงทุ้มและเจือด้วยอารมณ์บางอย่างที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยน กลับทำให้ร่มธรรมนิ่งงัน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เสียงของคนรอบกายดังขึ้นเบาๆอย่างเกรงอกเกรงใจ แล้วเรื่องที่ทำให้ต้องตะลึงมากกว่าเดิมก็คือช่างแต่งหน้า ช่างทำผมพากันขอลายเซ็นเขาบ้าง


ครองภพที่กำลังจะเดินพ้นออกจากห้องแต่งตัว หันมาเห็นคนเริ่มรุมล้อมขอลายเซ็นร่มธรรม คนถูกขอลายเซ็นทำหน้าตะลึงพรึงเพริศอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็รับกระดาษทุกใบมาเซ็นให้อย่างตั้งอกตั้งใจ


   คนอายุน้อยกว่าถอนหายใจเบาอย่างนึกฉุน เมื่อเห็นนักแสดงหนุ่มรุ่นพี่ก้มหน้าก้มตาเขียนชื่อทีละแผ่นอย่างใจเย็น


   ...อยากรู้นักว่าจะทนเขียนชื่อจริงที่ ‘ไม่ยาวเท่าไร และอ่านง่ายด้วย’ ไปได้สักกี่น้ำ...


   ทว่าแม้จะคิดเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มกลับเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเผลอถือกระดาษติดมาด้วย แค่ปรายสายตามองก็เห็นชื่อจริงที่อ่านง่ายเป็นระเบียบจึงส่งให้ผู้จัดการส่วนตัวที่เดินขนาบข้าง


   “ฝากเก็บที ผมต้องเอาไปให้แม่”


   กระดาษถูกส่งต่อไปแล้ว แต่ลายมือบนกระดาษซึ่งเขาเห็นครั้งหนึ่งตอนเจ้าตัวส่งให้ กับอีกครั้งที่ปรายสายตามองเมื่อครู่นี้ กลับเป็นภาพจำลงในใจอย่างรวดเร็วและชัดเจน


   ‘ร่มธรรม’


ครองภพไม่รู้ตัว เขาถูกความไม่ซับซ้อนของอีกฝ่ายรุกคืบอย่างช้าๆเสียแล้ว


   ……………………….
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 09-01-2020 21:12:01
ภารกิจที่อัจฉรามอบหมายลูกชายคนเล็กมีสองข้อ


ข้อแรกคือขอลายเซ็นร่มธรรม


ข้อสองคือตื้อให้ร่มธรรมรับงานพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทครอบครัว


แต่...ภารกิจที่สองนั้นอย่าคาดหวังความสำเร็จหรือต้องเรียกว่าไม่ได้พยายามจนสำเร็จ องอาจเลยถูกไหว้วานให้ต้องรับไม้ต่อ


อันที่จริง พอคนเป็นลุงรู้ว่าครองภพมาเจรจารอบสองให้ร่มธรรมรับงานพรีเซ็นเตอร์ เขาก็ถึงกับเบ้ปาก กล้าลงพนันว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน


   แล้วก็ไม่สำเร็จจริงๆ นอกจากจะได้ลายเซ็นร่มธรรมที่ไม่รู้ไปบีบคอบังคับขู่เข็ญมาอย่างไร ก็ไม่ได้อย่างอื่นอีก


   ‘โอ๊ย คนอย่างไอ้ครองมันจะไปเจรจาอะไรกับใครเขาได้ ให้มันยืนเฉยๆเถอะ’


   ‘พี่อู๊ดช่วยหน่อยสิ อัจอยากให้ร่มธรรมมารับงานของบริษัทเรา’


   ‘แล้วทำไมต้องเจาะจงเป็นร่ม ในวงการมีดาราอีกเพียบ หรือจะเอาไอ้ครองก็ได้’


   ‘ครองทำอาหารเป็นที่ไหน แค่หยิบตะหลิวยังผิดท่าเลย แล้วอัจก็ถูกชะตากับร่มธรรมด้วย อยากให้เขามาทำงานให้ ภาพลักษณ์เขาก็เหมาะกับสินค้า แล้วเขาก็เพิ่งกลับมารับงานในวงการอีกครั้ง คิดดูสิ เราจะได้เป็นเจ้าแรกที่เขาร่วมงานด้วย ถ้าเขากลับมาดัง บริษัทเราจะยิ่งได้กำไร’


   ‘เอาเรื่องบริษัทมาอ้างตามหลังเพียบ แต่ใจความสำคัญคือถูกสเป็คสินะ’


   ‘ถูกสเป็คอะไร เขาเรียกถูกชะตา’


   พอน้องสาวว่าอย่างนั้น องอาจก็ไม่อยากทักท้วงอะไรอีก บริษัทของครอบครัวที่แม้เขาจะไม่ได้เข้าไปมีส่วนในการบริหารแต่ก็เป็นผู้รับผลประโยชน์ผ่านทางการถือหุ้น หลังน้องเขยล่วงลับ น้องสาวกุมบังเหียน สายตาของหล่อนคมกริบในทุกเรื่องของธุรกิจ ไม่เว้นแม้กระทั่งการชี้เป้าว่าใครควรจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัท


   และคราวนี้หวยมาออกที่ร่มธรรม นักแสดงหนุ่มวัย 28 ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากวงการไป


   องอาจรับงานจากน้องสาวมาแล้วก็ลงมือทันทีในวันที่เขาและร่มธรรมมีฉากที่ต้องแสดงร่วมกัน คนรับบทเป็นพ่อนั่งลงข้างชายหนุ่มที่กำลังดื่มกาแฟและทานอาหารเช้าง่ายๆอยู่ในห้องแต่งตัว หน้าตาผมเผ้าของเขาถูกแต่งเติมเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น



“ร่ม ลุงมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย...ได้ยินว่าร่มจะไม่รับงานอื่นในวงการแล้วหรือ”


   “อ่า...ใช่ครับ งานผมเยอะ ก็เลยคิดว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้วก็คงไม่มีเวลารับงานอีกแล้ว” ร่มธรรมตอบเพียงเหตุผลเดียว อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาตัดสินใจจะไม่อยู่ในวงการต่อคือไม่อยากขัดใจพี่ชายอย่างรุ่งโรจน์


   “ลุงพูดตรงๆนะ ร่มมีทักษะด้านการแสดง ถ้าจะทิ้งไปอีก ลุงก็เสียดาย”


องอาจเป็นนักแสดงมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ต่อให้ไม่มีสคริปต์เขาก็สามารถพูดสดได้เลย ยิ่งเป็นเรื่องจริงที่เห็นได้ชัดอย่างทักษะการแสดงของร่มธรรม ต่อให้ต้องพูด 3 วัน 3 คืน ก็ไม่ใช่เรื่องยาก


   “ร่มจำผู้กำกับฉายได้ไหม เขาเป็นเพื่อนลุงเอง ตอนนี้ตาฉายมีโปรเจ็คใหม่ เห็นว่าจะหันมาทำซีรี่ส์ลงแพล็ตฟอร์มอื่น กำลังหาคนมารับบทนำ ลุงน่ะซี้ปึ้กตาฉาย รายนั้นเลยมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ ลุงว่าบทนั้นเหมาะกับร่มนะ จะลองไปแคสดูหน่อยมั้ย ลุงจะคุยให้” 


ผู้กำกับฉายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง สร้างชื่อจากภาพยนตร์ไทยที่กวาดทั้งเงินและรางวัล แน่นอนว่าในเมื่อเป็นผู้กำกับมือทอง นักแสดงทั้งวงการล้วนอยากปรากฏตัวในงานของเขา เพราะรับประกันได้ว่าจะถูกพูดถึงไปอีกนาน แต่...ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับโอกาส


   ร่มธรรมได้ยินชื่อผู้กำกับฉายมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเข้าวงการเมื่อตอนอายุ 20 ก็วาดฝันว่าสักวันหนึ่งจะประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดงด้วยการได้มีส่วนร่วมในงานของผู้กำกับคนนี้ แต่นึกไม่ถึง เพียง 2 ปีหลังจากเข้าวงการและเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง พี่ชายคนรองกลับขอให้เขาละทิ้งเส้นทางบันเทิงกลับไปสานต่อธุรกิจแทนบิดาผู้ล่วงลับ ความฝันที่วาดหวังไว้กลายเป็นอากาศ จนกระทั่ง...วันนี้ ที่ได้ยินจากปากขององอาจอีกครั้ง


   ผู้กำกับฉายกำลังจะสร้างซีรี่ส์


   ต่อให้ไม่ใช่งานภาพยนตร์อย่างที่เคยสร้างมาโดยตลอด แต่คนฟังก็เนื้อเต้นแล้ว


ขอแค่เป็นงานของผู้กำกับฉาย ขอแค่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับฉาย ถึงเป็นเพียงบทเดินผ่าน เห็นแค่ขา ก็ยินดี


   แต่...พอคิดถึงสีหน้าพี่ชายคนรองตอนที่ได้ยินเขาบอกว่าจะกลับมาแสดงละคร ก็พาลให้หนักใจ หากคราวนี้เขาดิ้นรนจะอยู่ในวงการต่อไป รุ่งโรจน์จะรู้สึกอย่างไร


   เรามีกันแค่ 3 คนพี่น้อง ไม่ใช่แค่สายเลือด ไม่ใช่แค่สายสัมพันธ์ แต่เราคือครอบครัวเดียวกัน ร่มธรรมทำใจไม่ได้หากจะตัดสินใจทำอะไรลงไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจความรู้สึกของคนในครอบครัว


   “ร่มเอากลับไปคิดให้ดีๆ ตั้งคำถามกับตัวเองว่าร่มอยากทำอะไร ร่มอยากเป็นอะไร ชีวิตร่มเป็นของร่ม บั้นปลายชีวิตของร่มจะมีความทรงจำแบบไหน มันขึ้นอยู่กับการเลือกของร่มในวันนี้” 


องอาจอยู่ในวงการมาค่อนชีวิต ทำมาหากินกับภาษาพูดและภาษากาย มีหรือจะไม่รู้ว่าคำพูดไม่ทรงอำนาจเท่าการกระทำ ดังนั้นเมื่อเขาพูดคำว่า ‘ชีวิตร่มเป็นของร่ม’ ชายอาวุโสจึงกดนิ้วลงกับอกของชายหนุ่มวัย 28 ราวกับต้องการให้อีกฝ่ายตระหนักถึงสิ่งที่อยู่ในใจ


   ตัวตน พรสวรรค์ ทักษะ ความปรารถนา และความใฝ่ฝัน



ทั้งหมดนี้ขมวดรวมเป็นสิ่งเดียวที่แจ่มชัด


   ...นักแสดง…


……………..


   แม้จะมีคิวถ่ายละคร แต่ร่มธรรมยังมีร้านกาแฟที่ต้องรับผิดชอบ



ทันทีที่เจ้าของร้านซึ่งพ่วงตำแหน่งนักแสดงนำของซีรี่ส์เลิกงาน เลยต้องตรงดิ่งมารับจ็อบที่ร้านกาแฟของตนเอง


   ร้านกาแฟ ร.รอ เปิดให้บริการตั้งแต่หกโมงเช้าและปิดตอนสองทุ่ม วันนี้ พนักงานค่อนข้างเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ เพราะพนักงานร้านคนหนึ่งขอลาและหาคนแทนไม่ได้ แถมกว่าที่ร่มธรรมจะกลับมาช่วย ก็เย็นเข้าไปแล้ว ก่อนปิดร้านหนึ่งชั่วโมง ลูกค้าบางตา ชายหนุ่มจึงอนุญาตให้ปิดบริการบางพื้นที่ของร้าน และเก็บอุปกรณ์ของใช้ได้เลย ก่อนจะปล่อยให้พนักงานกลับก่อนโดยไม่หักค่าจ้าง ส่วนเขาจะเป็นคนดูแลหลังจากนี้เอง


   เมื่อเหลือเพียงลำพัง และไม่มีลูกค้าสั่งเครื่องดื่มหรือของว่าง ร่มธรรมจึงมีโอกาสจมจ่อมกับสิ่งที่ถูกกระตุ้นมา


   ‘ชีวิตร่มเป็นของร่ม’


   ตอนที่องอาจกดลงมาตรงตำแหน่งหัวใจ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ภาพในสมองเวียนกลับไปยังวันที่เขาได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงครั้งแรก วันที่ได้อ่านบทประพันธ์ที่ตนเองต้องถ่ายทอดอารมณ์ผ่านตัวละครที่รับผิดชอบ วันที่ได้ลองเวิร์กช็อปงานแสดง วันที่มุ่งมั่นอยู่กับการเข้าฉากที่ท้าทายต่อสภาพร่างกายและจิตใจ วันที่งานแสดงออกอากาศ วันที่ได้รับรู้ว่ามีผู้คนมากมายจดจำเขาได้ วันที่ได้รับรางวัลในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมและยอดนิยม วันที่ผู้คนห้อมล้อมและเรียกชื่อเขา ทั้งหมดยังคงอยู่ในความทรงจำ


   และมัน...เป็นความทรงจำ...ที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต


   เสียงกระดิ่งจากประตูร้านทำเอาร่มธรรมรู้สึกตัว แต่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่ลูกค้าคนท้ายๆของวันนี้ก้าวมาถึงเคาท์เตอร์สั่งอาหารแล้ว


   เจ้าของร้านรีบเงยหน้าเพื่อรับออเดอร์ แต่แล้วก็กลายเป็นชะงักเมื่อพบว่าลูกค้าคนนี้ของร้านเป็นคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาที่สุดช่วงนี้


   ครองภพ


   “น้องครอง!”


ทั้งที่วันนี้ไม่พบกันที่กอง แต่ครองภพก็มาให้เจอหน้าถึงร้าน นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องไม่ได้มีท่าทีตกใจ แม้จะสวมผ้าปิดปากบดบังใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง แต่ดวงตาเรียวของเขาก็ยังคงไม่มีวี่แววจะแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์แต่อย่างใด


   “อเมริกาโน่เย็น” ชื่อเครื่องดื่มดังลอดออกมาจากผ้าปิดปากปิดจมูก ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตั้งสติได้


   “อ้อ ครับ อเมริกาโน่เย็น รับขนมเพิ่มไหม” เจ้าของร้านทวนแล้วหันไปทางตู้แช่เบเกอร์รี่ที่อยู่ด้านข้าง


   “ไม่” คำตอบของครองภพยังคงสั้นห้วนเสมอต้นเสมอปลาย ร่มธรรมรับคำ ก่อนจะกดรายการเครื่องดื่มแล้วหยิบแก้วพลาสติกขึ้นมาเขียนออเดอร์


   “วันนี้มีถ่ายไม่ใช่หรือ” เพราะต้องรับหน้าที่ทั้งกดแคชเชียร์และชงเครื่องดื่ม ร่มธรรมจึงใช้เวลามากกว่าเดิมเล็กน้อย กลายเป็นเปิดโอกาสให้ฝ่ายลูกค้าตั้งคำถาม


   “ใช่ แต่เลิกเร็วน่ะเลยกลับมาช่วยงานที่ร้าน”


   “แล้วพนักงานไปไหนหมด”



แม้จะจับจ้องแค่เพียงนักแสดงหนุ่มรุ่นพี่ที่วันนี้ผันตัวมาเป็นบาริสต้า แต่เขากลับมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในร้านที่ไม่เหลือพนักงานเลยสักคน นอกจากร่มธรรม


   ชายหนุ่มวัย 28 เงยหน้าจากเครื่องทำกาแฟขึ้นมาส่งยิ้มให้


   “พี่ให้กลับไปหมดแล้ว พอดีวันนี้น้องคนนึงลาแล้วหาคนแทนไม่ได้ แล้วลูกค้าเยอะด้วย พอคนซา พี่เลยปล่อยพวกเขากลับกันไปก่อน”



ร่มธรรมกดเครื่องทำกาแฟแล้วก็กลับมาที่แคชเชียร์เพื่อคิดเงิน เขารับธนบัตรจากครองภพ ทว่าตอนที่ยื่นเงินทอน เจ้าของร้านใจดีกลับแถมคุ้กกี้ชิ้นหนึ่งให้ด้วย


   “ผมไม่ได้สั่ง” นักแสดงหนุ่มหน้าเดียวปรายสายตาลงมองสิ่งที่อยู่ในมือที่ยื่นข้ามเคาน์เตอร์มา ทว่าร่มธรรมยังยิ้มแย้มมีไมตรี


   “พี่ให้”


   “ผมไม่รับ” น้ำเสียงทุ้มย้ำกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะรับเฉพาะเงินทอนแล้วเดินไปรอที่เคาน์เตอร์รับเครื่องดื่มทันที ทิ้งร่มธรรมให้นิ่งงันอยู่อย่างนั้นโดยที่ยังมีซองคุ้กกี้ค้างอยู่ในมือ


เพราะคิดเอาเองว่าการให้ด้วยใจ อย่างน้อยก็ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น แต่ร่มธรรมคาดไม่ถึงว่าใครบางคนจะปฏิเสธด้วยใจเช่นกัน


   น้ำใจที่ยื่นออกไป ยังค้างอยู่บนมือ ครองภพไม่แม้แต่จะแตะมันสักน้อย


   ร่มธรรมเอ๋ยร่มธรรม น้ำใจของเขาไม่ใช่ทุกคนจะต้องการ คิดว่าครั้งหนึ่งเคยให้แล้วอีกฝ่ายรับ แล้วครั้งนี้ครองภพจะรับอีกครั้งอย่างนั้นหรือ


   เสียงเครื่องทำกาแฟปลุกสติคนที่ชะงักค้างให้รีบก้าวเท้าไปทำหน้าที่บาริสต้า ทว่าสีหน้าของร่มธรรม...ไม่ได้ดีขึ้นเลย


หากวันนี้ มีเพียงเรื่องถูกปฏิเสธน้ำใจจากครองภพ ก็ยังพอจะอะลุ้มอะล่วยกับโชคชะตาประจำวันได้อยู่บ้าง แต่เพราะเมื่อกลางวันก็เพิ่งถูกตั้งคำถามให้ต้องคิดซ้ำๆจนกลายเป็นหมกมุ่น 


‘ชีวิตร่มเป็นของร่ม’


เสียงขององอาจยังดังวนอยู่ในใจจนอยากจะหาเพื่อนสักคนมาพูดคุยชวนหัวเราะให้บรรเทาความรู้สึกอื้ออึง แต่เพราะความขี้เกรงใจทำให้เขาไม่อยากรบกวนใคร ตอนที่เห็นครองภพปรากฏตัวขึ้นในร้าน จึงราวกับเห็นแสงสว่าง


แต่...แสงนั้นไม่ได้ทอดมาที่เขา


...คล้ายคนผิดหวัง ได้แต่ยืนเงียบในหลุมลึกที่ดำมืด ทั้งๆที่เห็นแสงแล้วแท้ๆ…


เจ้าของร้านหนุ่มเก็บก้อนสากระคายลงคอ สูดลมหายใจลึกเพื่อระงับความรู้สึกโดดเดี่ยวในอก ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นเพื่อส่งกาแฟให้ลูกค้าคนท้ายๆของวัน เขากลับพบว่าคนที่เดินหนีไปจากน้ำใจของเขาเมื่อครู่นี้ เดินกลับมาพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดใจ


   “ผมอยากได้ขนม”


   เจ้าของร้านหน้าสลดกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง


   “ขนม?”


   “ที่คุณให้คราวก่อน”


   “อ...อ้อ...ด...ได้...”



ร่มธรรมงุนงง เมื่อครู่เขายื่นคุ้กกี้ให้ แต่ไม่รับ ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายสั่งขนมเพิ่มเสียเอง


   “ได้ก็อุ่นให้ผมด้วย แล้วเอากาแฟมา”


   ร่มธรรมเหมือนถูกจับทุ่มลงพื้นซ้ำๆ เขางุนงงจนหยิบฝาปิดแก้วผิดๆถูกๆ พอส่งแก้วอเมริกาโน่เย็นให้ คราวนี้ครองภพก็ปล่อยหมัดฮุกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


   “แล้วก็เลิกทำหน้าเศร้าสักที ผมแค่ไม่ชอบของฟรี ไม่ได้...ไม่ได้รังเกียจอะไรคุณ”


   ร่มธรรมเอ๋ย ร่มธรรม ใจหวังแค่รอยยิ้มเล็กน้อยจากผู้ชายคนนี้ในเวลาที่กำลังจนตรอก แต่คาดไม่ถึง...สิ่งที่ได้กลับมาคือคำพูดที่ทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด


   ‘ไม่ได้รังเกียจอะไรคุณ’


   บางที...วันนี้ เราอาจจะเป็น ‘เพื่อน’ กันมากกว่าเมื่อวานก็ได้





ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)



แผนผังความสัมพันธ์สำหรับตอนที่ 2

(https://blog-imgs-131.fc2.com/d/e/z/dezair/202001092307125d9.jpg)


   น้องครองไม่ใช่คนไม่พูดนะคะ น้องพูด แต่กับพี่ร่ม...น้องไม่อยากพูด (เราจะไม่โทษน้องครอง ฮ่าฮ่า)


   มีหลายคนทักว่า พี่ร่มน้องครองเหมือนป๋อจ้าน ฮ่าฮ่า บัวติ่งจริงค่ะ แต่เวลาเขียนก็มักจะใช้แต่อินเนอร์มาสร้างเป็นตัวละคร แลยมักจะพูดเสมอว่าอยากให้คนอ่านมีอิมเมจตัวละครในแบบที่คนอ่านแต่ละคนอยากให้เป็น เพราะฉะนั้นอ่านแล้วคิดถึงใคร ตามสบายเลยค่ะ


ส่วนเรื่องอายุของพี่ร่มกับน้องครอง มันมีนัยอยู่หน่อยนึงค่ะ ลองนับนิ้วแล้วมันเป็นอายุนี้พอดีเลย ก็เลยเซ็ตให้เป็น 28 กับ 22 แต่บอกมากกว่านี้ไม่ได้ละ บอกมากกว่านี้ก็คือแผ่ทั้งเรื่องแล้ว ฮ่าฮ่า


   อ้อ...แล้วก็มีบางคนเดาเรื่องถูก และบางคนก็เดาเรื่องถูกค่ะ คือมีหลายคนเดาถูก แต่เดาถูกกันคนละเรื่อง ฮ่าฮ่า เวลาอ่านคอมเม้นท์ที่คาดเดากันมาแล้วบัวแฮปปี้มากเลยค่ะ ใครเดาถูกก็จะแอบตบมือให้ด้วย ดีใจมากเลยที่ตัวเองเขียนแล้วสื่อไปถึง เพราะฉะนั้น เดากันเข้ามาได้อีกค่ะ ฮ่าฮ่า


   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจและพื้นที่บอร์ดนะคะ


   เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 09-01-2020 21:59:01
น้องครองแอบน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย ตอนปฏิเสธคุกกี้นี่อ่านแล้วสงสารพี่ร่มเลย ดีนะยังกลับมาเอา  :pig4:
อยากให้ทุกวันเป็นวันพฤหัสจัง รู้สึกอ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ 5555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-01-2020 22:02:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 09-01-2020 22:07:55
ครอง  > แผน > ป๋อ
ร่ม  >  พ่อเทพ  >  จ้าน

ส่งการบ้านค่ะ เดาออกเท่านี้ 5555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 09-01-2020 22:11:23
เรื่มมีพาร์ทอดีตแล้ว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-01-2020 22:32:51
ดุกว่า..ก้อน้องครองนี่แหละ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 09-01-2020 22:56:58
 ยังไม่อิ่มเลยยยยย :ling3: :ling3:
น้องครองก็ชอบทำให้พี่เศร้าแล้วก็มาปลอบทีหลัง  :ruready
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-01-2020 22:59:13
ยังเดาอะไรไม่ออก แต่ขออยู่ทีมคุณแม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-01-2020 23:28:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 10-01-2020 00:04:36
เดาอะไรไม่ออกเลยค่ะ555555555555 :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 10-01-2020 00:36:49
หนุกจังเลยค่า อยากให้ลงทุกวัน :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-01-2020 10:59:45
รอเหตุผลของพี่รองว่าทำไมไม่อยากให้ร่มรับงานแสดงแต่คงอีกนาน ตอนนี้ก็เดาต่อไปว่าเพราะอะไรน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 10-01-2020 23:02:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-01-2020 14:11:01
 : 222222:
รอวันพฤหัส เมื่อไหร่จะมาถึงน้าาา
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-01-2020 14:17:28
เอ็นดู้ว คุณหลวง เอ้ย ร่มธรรม
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-01-2020 19:08:08
 :กอด1 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-01-2020 21:31:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-01-2020 22:49:05
สนุกมว๊าก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 14-01-2020 03:20:18
คุณบัวติ่งป๋อจ้าน อิมเมจป๋อคูลกายกระแทกเข้ามาเลยคับ 555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-01-2020 20:56:35
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-01-2020 23:28:28
ยิ่งตอนพี่ธาดาบอกว่าครองคุยเก่งกับคนที่เล่นเกม เล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมด้วยกันนี่มันป๋อชัดๆ 55555
น้องจะดุจะประหยัดคำพูดไปไหนครับ พี่ร่มเขาทำตัวไม่ถูกแล้ว เอ็นดูพี่ร่มเขาเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 2...=> หน้าที่ 2 (09/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-01-2020 02:11:13
โอ๊ยย น้องครองภพดุเกิ๊นน สงสารพี่ร่มธรรมบ้างสิ
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 16-01-2020 20:01:11
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………
ตอนที่ 3


ครองภพไม่ใช่คนใส่ใจคนอื่น แต่ความรู้สึกบางอย่างในใจทำให้เขาทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นร่มธรรมก้มหน้าก้มตาอยู่กับเครื่องทำกาแฟด้วยท่าทีเศร้าสร้อย


 เขาดูออกว่าอีกฝ่ายเหนื่อยล้ามาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่เข้าฉากกับเขาแล้วลืมบท แต่วันนี้เจ้าตัวก็ยังเลิกกองแล้วมาทำงานต่อ แสดงน้ำใจอย่างน่าชิงชังด้วยการให้ลูกจ้างกลับก่อนเวลาเลิกงาน ส่วนตนเองดูแลร้านเพียงลำพัง แล้วยัง...ขยันโปรยน้ำใจไม่หยุด แม้กระทั่งกับเขาที่ไม่น่าคบหาขนาดนี้   


คนอะไรแบบนี้


   แล้วคนอย่างร่มธรรม...ทำไมเขาต้องสนใจขนาดนี้


   ชายหนุ่มวัย 22 ถอนหายใจยาวอย่างหงุดหงิด


ไม่เพียงแค่หงุดหงิดความมีน้ำใจจนเกินพอดีของร่มธรรมแล้วแบกรับทุกอย่างมาเป็นภาระตนเอง แต่ยังหงุดหงิดหัวใจตนเองที่...เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาร่มธรรมเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ นับตั้งแต่รู้จักกันอย่างเป็นทางการ


   “แซนวิชได้แล้ว” 


เจ้าของร้านที่อยู่ดูแลร้านเพียงลำพังกลายร่างเป็นพนักงานเสิร์ฟยกจานแซนวิชมาให้ถึงโต๊ะ


ร้านจะปิดในอีกครึ่งชั่วโมง ลูกค้าเหลือเพียงแค่โต๊ะของหญิงสาวคนหนึ่งด้านในเท่านั้น ครองภพกวาดตามองเลยเอ่ยปาก


   “นั่งสิ”


เป็นอีกครั้งที่ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆกับคำชวน


   “ไม่มีลูกค้าแล้วไม่ใช่หรือ ร้านก็จะปิดแล้ว นั่งกับผมคงไม่เป็นไร” คนพูดปลดผ้าปิดปากปิดจมูกลงแล้ว เผยใบหน้าไร้เครื่องสำอาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหล่อเหลาสมกับเป็นนักแสดงหนุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่งของวงการในเวลานี้


   ครองภพโชคดี ไม่ว่าจะรูปลักษณ์หรือทุกอย่างในชีวิตของเขาล้วนผลักดันให้ยืนอยู่บนเส้นทางสายนี้ได้อย่างสง่าผ่าเผย


   เจ้าของร้านทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วเผลอถอนหายใจเบากับสิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจมาตลอดทั้งวัน


   ระหว่างพวกเขามีแต่ความเงียบ


คนหนึ่งนั่งนิ่งราวกับสติไม่อยู่กับตัว อีกคนนั่งดื่มกาแฟและทานแซนวิชอย่างเงียบๆ


ทั้งๆที่ความเงียบควรจะทำให้อึดอัด แต่สำหรับร่มธรรมในเวลานี้ มันกลับทำให้ผ่อนคลาย ไม่ต้องพูดไม่ต้องเล่า แต่พอหันมองรอบกายกลับพบว่ามีคนนั่งเคียงข้าง


   แม้คนที่นั่งเคียงข้างจะไม่ได้ตั้งคำถามหรือจ้องมองเขาอย่างสนอกสนใจเลยสักนิดก็ตามที

   “ถ้ามีอะไรจะเล่า ผมฟังได้”


...ไม่สิ เหมือนจะไม่สนใจแต่จริงๆก็สนใจ ไม่อย่างนั้นจะเรียกร่มธรรมให้นั่งด้วยทำไม …


ชายหนุ่มรุ่นพี่หัวเราะออกมาเบาๆ รู้สึกว่าครองภพน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นทุกที


   “หัวเราะอะไร” คนถูกมองว่าน่าเอ็นดู ทำหน้าเคร่งไม่สมกับความน่าเอ็นดูสักนิด ทว่าน่าประหลาดที่ร่มธรรมก็ยังมองว่าผู้ชายคนนี้น่ารักน่าเอ็นดูอยู่ดี


   “แล้วถ้าพี่ไม่มีอะไรจะเล่าล่ะ” จากคนหน้าสลดเมื่อครู่นี้ กลายเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส รอยยิ้มบางบนใบหน้าของชายหนุ่มวัย 28 ส่งให้เขาน่ามองขึ้นไปอีก


   “งั้นก็ไม่ต้องเล่า” คำตอบยังคงสั้นห้วนไม่สนใครทั้งสิ้นสมเป็นครองภพ ทว่าเพราะเป็นอย่างนั้น ร่มธรรมเลยรู้สึกสบายใจที่เขาเองก็ไม่ต้องให้ความสนใจกับคนข้างกายเหมือนที่มอบให้คนรอบข้างเสมอมา


   ร่มธรรมที่ใครต่อใครพูดกันว่าเป็นคนดี นึกถึงคนอื่นอยู่เสมอ จะมีใครรู้บ้างว่าเพราะเขายอมวางเรื่องของตนเองลงก่อนแล้วคิดถึงผู้อื่น ดังนั้นเมื่อหันมาคิดเรื่องของตนเองก็เมื่อตอนที่พลังชีวิตหมดไปกับเรื่องของผู้อื่นแล้ว แต่ยามอยู่กับครองภพ อาจจะเพราะอีกฝ่ายทำท่าราวกับไม่สนใจ และไม่ต้องให้ความสำคัญกับเจ้าตัว ร่มธรรมจึงผ่อนแรงที่ต้องมอบให้ลงไปด้วย


   พอไม่ต้องใช้พลังงานมากเท่าตอนที่อยู่กับคนอื่น ก็พลอยเป็นรู้สึกสบายใจขึ้นมา ส่วนเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนั้นที่ทำให้เขารู้สึกอยากคบหากับครองภพ ร่มธรรมเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน อาจจะเพราะต้องทำงานร่วมกัน อาจจะเพราะทั้งชีวิตไม่เคยมีเพื่อนลักษณะแบบนี้ หรืออาจจะเพราะ...ถูกชะตา


   “ทำไมน้องครองถึงมาเป็นนักแสดงหรือ”


   “เพราะชอบ” คำตอบสั้น ชวนให้ไม่น่าคุยต่อ


   “สมเป็นน้องครองเลยแหะ ชอบก็เลยทำ”


   “ถ้าไม่ชอบจะทำทำไม”


   “แล้วทำไมถึงชอบล่ะ”


 คราวนี้ครองภพนิ่งไปเล็กน้อย พลางเอนตัวพิงพนัก เขานิ่งคิดอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะตอบ


   “ผมไม่ชอบพูด แล้วก็พูดไม่เก่ง แต่เวลาได้แสดง ได้ร้องเพลง ได้เต้น ผมกลับรู้สึกว่ามันมีวิธีอีกมากที่จะเล่าเรื่องสักเรื่องให้คนรอบข้างเข้าใจ อีกอย่าง...ผมอยากเป็นคนถ่ายทอด อยากเป็นทางเลือกหนึ่งให้คนได้รู้ว่ามันมีนิยายเรื่องนี้ มีละครเรื่องนี้ มีเพลงเพลงนี้”


เป็นคำตอบยาวๆที่ร่มธรรมคาดไม่ถึง


หนึ่งคือเพราะไม่คิดว่าคนอย่างครองภพที่พูดกับเขานับคำได้จะตอบยาวขนาดนี้


และสองคือคิดไม่ถึงว่าครองภพจะชอบงานแสดงด้วยเหตุผลนี้


   ทั้งๆที่พูดไม่เก่ง ไม่ชอบพูด แต่ก็ยังขวนขวายหาวิธีอื่นในการแสดงออกและถ่ายทอดความรู้สึก เมื่อหาพบแล้วก็ทุ่มเทอยู่กับมันอย่างบ้าคลั่ง


   ครองภพเป็นนักพยายามตัวยง และมุ่งมั่นกับสิ่งที่ชอบสิ่งที่อยากอย่างไม่คิดจะรามือ


   “แล้วคุณล่ะ...” คราวนี้คนถามกลายเป็นฝ่ายชายหนุ่มรุ่นน้องบ้าง


   “…ทำไมออกจากวงการไปเมื่อ 6 ปีก่อน”


ร่มธรรมนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบ


   “อ่า...พี่ชายขอน่ะ”


   “แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลับมา”


   “ก็...พี่สาวชวน...”


   “ทำไมถึงมีแต่ชื่อคนอื่น นี่ชีวิตคุณหรือใคร” 


คนถูกถามได้แต่กะพริบตาปริบๆ รู้สึกเหมือนถูกกระทุ้งอีกรอบ องอาจและครองภพสมกับเชื้อสายเดียวกัน ต่อให้คำพูดจะไม่เหมือนกัน แต่ก็ถอดใจความมาอย่างเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน


   ‘ชีวิตร่มเป็นของร่ม’


   ‘นี่ชีวิตคุณหรือใคร’


   “ชีวิตคนเราไม่ได้มีทางเลือกที่จะทำทุกอย่างตามใจตัวเอง” อย่างน้อยก็ร่มธรรมคนหนึ่ง แม้จะรู้ว่าชอบอะไร อยากทำอะไร และมีความสามารถด้านไหน แต่ปัจจัยหลายอย่างนำพาให้เขาต้องออกจากเส้นทางสายนี้ หรือต่อให้เป็นปัจจัยเพียงข้อเดียวแต่สำคัญที่สุดประการหนึ่งอย่างคำขอร้องของพี่น้อง ร่มธรรมก็ไม่อาจยืนหยัดกับความต้องการของตนเองได้แล้ว


   “คุณชอบงานแสดงรึเปล่า”


   “ชอบ...”


   “อยากเป็นนักแสดงไหม”


   “อยาก...”


   คนอายุน้อยกว่าจ้องคนตรงหน้าราวกับจะบอกว่า ในเมื่อเป็นสิ่งที่ทั้งชอบทั้งอยาก แล้วทำไมร่มธรรมถึงจะละทิ้ง


   “แต่...” หนุ่มรุ่นพี่กำลังจะอธิบายความเป็นจริงในชีวิตของเขา แต่ครองภพไม่คิดว่าตนเองจำเป็นต้องฟังเหตุผลของใคร สิ่งที่เขาเห็นคือหน้าตาเศร้าหมองดูไม่ได้ อีกทั้งยังดูเหนื่อยล้าเกินกว่าที่ควรจะเป็น วิ่งรอกทั้งงานแสดง ทั้งดูแลร้านกาแฟ ยังไม่รวมที่ต้องเรียกให้เมสเซ็นเจอร์วิ่งเอกสารไปให้เซ็นถึงกองถ่าย


ทั้งๆที่ชอบงานแสดง อยากเป็นนักแสดง แต่กลับรับงานเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายและจะออกจากวงการอีกครั้ง


   คนประเภทไหนกัน เข้าๆออกๆจากสิ่งที่ตนเองต้องการ เอื้อมมือมาจับแล้วก็วาง ทั้งๆที่มีความสามารถที่จะไขว่คว้า


   “คนบางคนไม่รู้ว่าโอกาสเข้ามาในชีวิตก็เลยปล่อยโอกาสไป คนประเภทนี้เรียกว่าโง่ แต่คนบางคนรู้ว่าโอกาสเข้ามาในชีวิตแต่ก็ยังปล่อยให้มันออกไป คนประเภทหลังนี่…เรียกว่าขี้ขลาด” ครองภพพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะคว้าแก้วอเมริกาโน่เย็นแล้วลุกจากไป ทิ้งเอาไว้เพียงร่มธรรมที่ได้แต่นั่งตะลึงงัน


   ‘ขี้ขลาด’


   เจ้าของคำพูดจากไปแล้ว แต่คำสุดท้ายในประโยคนั้นยังดังก้องอยู่ในหัวของร่มธรรม


   ถูกด่า...ในวันที่ต้องถ่ายละครและต้องกลับมาดูแลร้านจนค่ำมืด


   วันนี้สวรรค์ไม่รักไม่พอ นรกยังสาปแช่งส่งคนด่าที่ชื่อครองภพมาให้อีกต่างหาก


   ...ใจร้ายทั้งสวรรค์ ทั้งนรก ทั้งครองภพเลยนะครับ...


………………….


ไม่มีใครอยากเป็นคนโง่ หรือคนขี้ขลาด ร่มธรรมเองก็เช่นกัน แต่ความรู้สึกของพี่ชายคนรองก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะมองข้าม ส่วนความรู้สึกของตนเอง...มองข้ามได้หรือ?


อาชีพในวงการ เส้นทางที่ต้องการ โอกาสที่อยากได้


   ชายหนุ่มวัย 28 ผู้ทำงานอย่างหนักถึงกับถอนหายใจเบา ไม่รู้ว่าเหนื่อยล้าหรือหนักใจ


วันนี้ไม่มีคิวถ่าย แต่ชีวิตไม่เคยได้พัก เขาเข้าออฟฟิศแต่เช้า ตอนเที่ยงออกมาทานข้าวก็ยังเลือกที่จะเข้าไปทานที่ร้านกาแฟของตนเอง เพราะอยากสอดส่องกิจการด้วย แต่ไม่รู้ว่าสอดส่องประเภทใด สุดท้ายก็เอาแต่นั่งเหม่อ มัฟฟินที่อุ่นร้อนกลายเป็นเย็นชืด ส่วนอเมริกาโน่เย็นก็กลายร่างเป็นกาแฟผสมน้ำแข็งละลายไปหมด


   “ร่ม” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำเอาร่มธรรมสะดุ้งเงยหน้ามอง รินฤดีมองหน้าน้องชายแล้วก็ขมวดคิ้วก่อนจะทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม


   “ไม่รู้ว่าวันนี้พี่รินจะเข้าร้าน” ร่มธรรมเอ่ยปากพลางยิ้ม


   “มีคนโทร.ไปบอกว่าแกอยู่นี่”


   “ใคร? ในร้านนี้มีสายสืบด้วยหรือ?” คนเป็นน้องหยอก ทว่ารินฤดีไม่แก้ต่าง หล่อนไม่ได้บอกว่ามีสายลับอยู่รอบตัวร่มธรรม ตั้งแต่เด็กในร้านไปจนถึงรปภ.ที่คอนโด


   “แล้วนี่แกเข้าออฟฟิศอีกไหม?”


   “คงไม่เข้าแล้วครับ ว่าจะดูร้านหน่อย หมู่นี้เห็นว่าลูกค้าเยอะ สวนกระแสเศรษฐกิจ”


ร่มธรรมไม่รู้ว่าในโลกอินเตอร์เน็ตกำลังเกิดกระแสตามรอยร้านกาแฟที่มีคนพบครองภพ และหนึ่งในร้านเป้าหมายที่ใครๆก็ว่าน่าจะใช่คือร้าน ร.รอ


   “เหนื่อยรึเปล่า”


คำถามนั้นทำเอาคนทำงานสองอย่างสามอย่างถึงกับนิ่งไป ก่อนจะหัวเราะเบา


“ทำงานก็ต้องเหนื่อยสิพี่ริน แต่ผมไหว”


“ร้านนี้จะเลิกทำก็ได้นะ พี่ไม่ซีเรียส แล้วไอ้โรจน์ก็ซีเรียสไม่ได้ด้วย มันเองก็แทบจะไม่เข้าร้านด้วยซ้ำ”


เห็นรินฤดีเอาแต่ใจอย่างนั้น แต่ถ้าต้องมาทนเห็นน้องชายนั่งเหม่อ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างนี้ หล่อนก็พร้อมจะตัดเรื่องบางเรื่องที่ไม่สำคัญทิ้ง


ส่วน...เรื่องสำคัญอย่างการเป็นนักแสดง แน่นอนว่าเพราะหล่อนดูออกว่าเป็นความฝันของเขา ให้อย่างไรก็จะสนับสนุนไปให้สุดทาง


   ร่มธรรมเม้มปากเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ แต่...ถ้ากับรินฤดี เขายังไม่กล้าพูด แล้วเขาจะกล้าพูดกับรุ่งโรจน์ได้อย่างไรกัน


   ว่าเขาอยาก...อยากเป็นนักแสดง


   หรืออย่างน้อยๆ ขอแค่ได้หยิบจับงานแสดงบ้างก็ยังดี


   “พี่ริน...ถ้าผม...จะ...” 


แต่...สีหน้าของรุ่งโรจน์ยังติดอยู่ในสมอง ทำเอาคำพูดของร่มธรรมติดอยู่กลางคอ เขาไม่รู้เหตุผลว่าทำไมรุ่งโรจน์ถึงไม่อยากให้เขาทำงานในวงการบันเทิง แต่สิ่งที่เขารู้คือรุ่งโรจน์ดูไม่สบายใจเลยกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่ ทั้งๆที่สีหน้าเช่นนั้นเขาไม่เคยเห็นมา 6 ปีแล้ว


   “จะ...เอ่อ...ไม่...ไม่มีอะไร ผมจะเอามัฟฟินไปอุ่น พี่รินเอาอะไรไหม”


รินฤดีส่ายหน้า ทว่าดวงตายังจับจ้องน้องชายที่กำลังลุกจากโต๊ะ


“ร่มจะทำอะไรก็ทำเถอะ” ร่มธรรมชะงัก


“พี่รินว่าอะไรนะ”


“บอกว่าถ้าร่มอยากจะทำอะไรก็ทำ ขอให้รู้ว่าพี่พร้อมสนับสนุนร่มทุกอย่าง”


“เอ่อ...อ่า...ผม...ผมแค่...จะเอามัฟฟินไปอุ่น”


“นอกจากเรื่องอุ่นมัฟฟินก็ได้ ร่มอยากทำอะไรก็ทำ เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องทำตามใจคนอื่นมากนักหรอก” ร่มธรรมเม้มปาก จากกำลังจะลุกขึ้นยืนกลายเป็นทรุดตัวลงนั่งที่เดิมแล้วถอนหายใจ


“แต่คนอื่นที่ว่า...คือพี่โรจน์...”


ครอบครัวที่เหลือกันเพียง 3 คนพี่น้องที่ไม่มีใครมีคนรักหรือคู่สมรส มองทางไหนก็มีแต่พี่มีแต่น้อง แล้วอย่างนี้จะให้ร่มธรรมใจร้ายกับพี่ชายคนรองที่โตมาด้วยกันได้อย่างไร


“แล้วยังไง ไอ้โรจน์บอกอะไรต้องทำตามตลอดเหรอ”


“ก็...ก็ไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่...พี่โรจน์...”


“ไอ้โรจน์บอกให้ร่มออกมาทำธุรกิจแทนพ่อ แต่มันไม่เคยบอกเลยว่าทำไมไม่อยากให้แสดงละคร คนเป็นล้านอยากให้ลูกหลานเข้าวงการ แต่โรจน์กลับอยากให้แกออกมา จะบอกว่าอยากรักษาธุรกิจของพ่อ พ่อก็ไม่เห็นเคยขอร้องให้พวกเราสานต่อนี่นา แต่พอพ่อตาย ไอ้โรจน์กลับเอามาอ้างให้แกออกจากวงการ แบบนี้มันแปลก”


ร่มธรรมเงียบ เม้มปากครุ่นคิดในสิ่งที่เขาเองก็สงสัยมาตลอด


“แล้วไอ้โรจน์ก็ไม่เคยบอกอะไรพี่เลยเหมือนกัน” รินฤดีนิ่วหน้า ในฐานะพี่สาวคนโตก็ควรได้รู้ความลับบ้าง แต่นี่อะไร เรื่องนี้เกี่ยวกับน้องชายคนเล็กแท้ๆ แต่หล่อนกลับไม่ได้รับอนุญาตให้รู้


“ก็พี่รินรู้แล้วเงียบที่ไหน พี่โรจน์คงไม่อยากบอก”


“หาว่าพี่ปากโป้งเรอะ? เออ ก็ใช่ ถ้าพี่รู้ ร่มก็ต้องรู้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับร่ม แล้วร่มก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ร่มควรมีสิทธิได้รู้ว่าทำไมถึงถูกขอให้ออกจากวงการทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่ร่มรัก”


รินฤดีเห็นสีหน้าลำบากใจของน้องชายแล้วก็ยิ่งสงสาร จริงอยู่ว่าหล่อนเองก็รู้เห็นความรู้สึกของรุ่งโรจน์ที่ไม่ต้องการให้น้องชายคนเล็กกลับเข้าวงการ แต่รุ่งโรจน์เคยสนใจใยดีสีหน้าลำบากใจของร่มธรรมยามที่ต้องทำในสิ่งที่รุ่งโรจน์ต้องการบ้างไหม


ออกจากวงการทั้งๆที่กำลังไปได้ดี


ทำธุรกิจของพ่อทั้งๆที่ไม่ใช่สิ่งที่ชอบ


ในขณะที่คนบังคับอย่างรุ่งโรจน์กลับลอยตัว รับราชการตำรวจอย่างที่อยากทำอย่างนั้นหรือ


พี่สาวคนโตรู้ดีว่าคำพูดของหล่อนจะกลายเป็นการสนับสนุนให้น้องคนเล็กดื้อแพ่ง แต่จะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของร่มธรรม หล่อนก็ทำไม่ลง


“ถ้าร่มอยากทำก็ทำเถอะ ชีวิตคนมันไม่แน่ไม่นอน วันนี้มีลมหายใจก็ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่ถ้าจะเป็นนักแสดงเต็มตัว ก็ต้องดูกระแส อายุไม่ใช่น้อยๆ นายทุนอาจจะไม่อยากสนับสนุนเพราะอายุการใช้งานสั้น ”


“เรื่องนั้นผมเข้าใจ”


“งานบริษัทส่วนหนึ่งก็แบ่งมาที่พี่ ส่วนร้านกาแฟนี่ ถ้าทำไม่ไหวก็จ้างคนเพิ่มเอา หรือถ้าดูแล้วจ้างคนเพิ่มแล้วไม่คุ้มก็ปิดไป ไม่งั้นก็ให้คนอื่นเซ้งต่อ”


ร่มธรรมพยักหน้ารับรู้ มองรินฤดีอย่างขอบคุณแล้วก็เพิ่งสังเกตว่าหล่อนไม่ได้มามือเปล่า แต่ถือซองเอกสารมาด้วย พอเห็นสายตาน้องชาย หญิงสาวก็วางซองลงตรงหน้า


“พี่รู้ว่าร่มรักไอ้โรจน์ แต่พี่ก็อยากให้ร่มรักตัวเองด้วย ร่มรู้จักผู้กำกับฉายใช่ไหม ทีมงานของผู้กำกับฉายบอกพี่ว่าเขาอยากให้ร่มเข้าไปแคสต์บท...นี่เป็นรายละเอียด”


ร่มธรรมตะลึงงัน พูดไม่ออก เขามองพี่สาวสลับกับเอกสารบนโต๊ะอย่างคาดไม่ถึง ทว่าพอจะยื่นมือออกไปจับ ใบหน้าของพี่ชายคนรองกลับผุดขึ้นมาในสมอง ทำเอามือหยุดค้างอยู่กลางอากาศ


ท่าทางเหมือนจะคว้าแต่ไม่อาจคว้าได้อย่างต้องการทำเอาหญิงสาวสะท้อนใจ


ร่มธรรมรักรุ่งโรจน์เพียงใด บอกได้จากที่เขาเอาความต้องการของรุ่งโรจน์เป็นฐานในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของชีวิต แต่มันไม่ยุติธรรมเลยที่รุ่งโรจน์กลับไม่เคยบอกเหตุผลว่าทำไมถึงต้องการให้ร่มธรรมถอยห่างออกจากวงการนี้


“ร่ม...ชีวิตเป็นของแก”


ราวกับร่มธรรมถูกกระทุ้งด้วยประโยคซ้ำๆกับที่องอาจและครองภพเคยพูด


“งานของผู้กำกับฉายอยู่ตรงหน้าแก จะปล่อยมันไปจริงๆหรือ”


ร่มธรรมสบตาพี่สาวแล้วได้แต่เม้มปาก คำตอบในใจของเขามีเพียงแค่อย่างเดียว


‘ชีวิตร่มเป็นของร่ม’


‘นี่ชีวิตคุณหรือชีวิตใคร’


‘ชีวิตเป็นของแก’


ร่มธรรมสูดลมหายใจลึก ชีวิตนี้เป็นของเขา ถ้ามีโอกาส เขาก็ไม่ควรทิ้งมันไป


ชายหนุ่มตัดสินใจแล้ว เขาเอื้อมมือไปจับซองเอกสารนั้น ดวงตาวาววับแน่วแน่


………………………

(มีต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 16-01-2020 20:03:20

ครองภพได้ยินเรื่องที่ร่มธรรมตอบรับการเข้าร่วมแคสต์บทในโปรเจ็คใหม่ของผู้กำกับฉาย แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ที่เขารู้เพราะลุงปากโป้งของเขามาเล่าสู่กันฟังตอนแวะเอาของมาให้


องอาจคุยโวว่าเพราะทักษะการแสดงตีบทแตกกระตุ้นให้ร่มธรรมยอมรับงานใหม่ จากที่ว่าจะรับงานแสดงซีรี่ส์เป็นเรื่องสุดท้ายเลยตัดสินใจขยายเวลาออกไป ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มเพิ่งรู้ว่านอกจากเขาแล้ว องอาจก็พูดเช่นเดียวกัน


แต่...ใครจะพูดซ้ำกับใครก็ช่าง หรือร่มธรรมจะตัดสินใจอยู่ในวงการต่อก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา


ทั้งๆที่คิดเช่นนั้น แต่พอเจอร่มธรรมในอีกไม่กี่วันถัดมาที่กองถ่าย รายนั้นก็ส่งยิ้มจางทักทาย ครองภพเพียงแค่มองแล้วเฉยเหมือนทุกที แต่อีกฝ่ายดูไม่จะหยุดแต่เพียงเท่านั้น พอสบโอกาสอยู่กันเพียงลำพังในห้องแต่งตัว เสียงทุ้มนุ่มก็ดังขึ้นอีก


“น้องครอง...ขอบคุณนะ”


ตอนนั้นครองภพกำลังนั่งเล่นเกมโทรศัพท์มือถือจึงเงยหน้ามองอย่างงุนงงปนหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ แต่เจ้าของเสียงกลับยังยิ้มแล้ววางแก้วเก็บความเย็นลงตรงหน้า


“ขอบคุณที่เตือนสติพี่ นี่อเมริกาโน่เย็น เห็นไปทีไรก็สั่ง ก็เลยเอามาให้ ส่วนแก้วนี่เป็นของสมนาคุณของทางร้าน ปกติต้องเป็นลูกค้าเจ้าประจำถึงจะให้นะ แต่นี่...พี่ให้เป็นกรณีพิเศษ”


“เตือนสติอะไร” รายละเอียดประโยคหลังๆนั่น ครองภพไม่ฟังสักนิด


“ก็...เรื่องที่บอกว่าพี่ขี้ขลาด”


คนอายุน้อยกว่าชะงักไปเล็กน้อย อันที่จริงก็ไม่ได้คิดจะพูดจารุนแรงขนาดนั้น เพียงแต่หลุดปากเพราะหงุดหงิดที่เห็นคนที่รักในการแสดง มีความสามารถและตั้งใจจริงอย่างร่มธรรมจะออกจากวงการบันเทิง


ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว นี่จะเดินตามทางซ้ำรอยเดิมเป็นครั้งที่สอง ต่อให้ไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดอย่างครองภพ เป็นใครก็ทนสงบปากสงบคำไม่ได้ทั้งนั้น


“พี่ขี้ขลาดจริงๆนั่นล่ะ แต่ไม่เคยมีใครพูดตรงๆก็เลยไม่เคยยอมรับกับตัวเองเลย”


ร่มธรรมยอมรับความจริง เขาไม่กล้าแม้แต่จะคว้าสิ่งที่ตนเองต้องการมาไว้ในมือ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงบอกให้รุ่งโรจน์รับรู้ว่าเขาต้องการอะไร ไม่กล้า...แม้แต่จะยืนหยัดในสิ่งที่ตนเองรัก


คำว่า ‘ขี้ขลาด’ อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ


“ทั้งๆที่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่พี่กลับไม่กล้าสู้เพื่อให้ได้มันมา”


“แล้วตอนนี้สู้รึยัง” คำถามดังขึ้นจากข้างกาย ทำเอาคนอายุมากกว่าหันมอง


“ก็...ไปแคสต์งานใหม่แล้วนะ เรียกว่าสู้ได้ไหม” ร่มธรรมพูดแล้วหัวเราะ หน้าตาดูสดใสกว่าก่อนหน้านี้มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแววไม่แน่ใจปรากฏ


ในยามที่ไม่ต้องสวมบทบาท ครองภพไม่ใช่คนแสดงอารมณ์เก่ง แต่เขากลับเก่งที่จะอ่านความรู้สึกคนอื่น ดังนั้นในหลายๆครั้งจึงทำตัวเฉยชาไปเสีย จะได้ไม่ต้องรับรู้ว่าใครรู้สึกต่อเขาเช่นไร แต่...สำหรับร่มธรรม ไม่เพียงครองภพจะยอมอ่านความรู้สึกที่ปรากฏร่องรอยเพียงเล็กน้อยในแววตาและสีหน้า แต่ยังตั้งคำถามจากสิ่งที่รับรู้ด้วย


“แล้วมีอะไรที่ยังไม่ได้สู้มั้ย”


ร่มธรรมนิ่งไปอึดใจหนึ่ง รอยยิ้มจางหาย แม้จะตัดสินใจแล้วที่จะเดินหน้าในเส้นทางสายนี้ แต่เรื่องรุ่งโรจน์ก็ยังเป็นประเด็นที่เขารีรอ ร่มธรรมยังสร้างความกล้าให้ตนเองเข้าไปพบพี่ชายคนรองเพื่อบอกความต้องการที่แท้จริงไม่ได้เลย


“อ่า...พี่ชายของพี่...เขาไม่อยากให้พี่เป็นนักแสดงน่ะ ก็เลย...”


“คุณรู้ไหม ว่าทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยห้ามผมเลย ไม่ว่าผมจะทำอะไร”


จู่ๆ คนไม่ค่อยพูดก็ตั้งคำถามขึ้นมาอีก ร่มธรรมหันไปมอง ก่อนจะส่ายหน้า


“เพราะพ่อผมเสียไปตั้งแต่ยังเด็กน่ะสิ”


คนฟังชะงักกึก กะพริบตาปริบๆ หากมีสติสักนิด เจ้าตัวคงเห็นแววขบขันของคนพูดหน้าตายที่ได้เห็นสีหน้าเด๋อด๋าของหนุ่มรุ่นพี่


“อ...เอ่อ...ขอโทษ...” ร่มธรรมมึนงงกับเหตุผลของคนตรงหน้า เลยพูดผิดพูดถูกบริบทไปหมด


“ขอโทษทำไม คุณไม่ได้ฆ่าพ่อผม”


ใครบอกว่าครองภพเป็นคนสงบปากสงบคำ ร่มธรรมขอเถียง เพราะเวลาคนพูดน้อยคิดจะพูดขึ้นมา เล่นเอาเก้อกันไปข้าง


“เอ่อ...อ่า...จริงด้วย...คือ...”


“แต่ต่อให้พ่อยังอยู่ ผมคิดว่าพ่อก็คงไม่ว่าอะไร ส่วนแม่...ถ้าผมอยากทำอะไร ไม่เคยห้าม”


“โชคดีจัง”


“เพราะผมแสดงให้เห็นเสมอว่าผมจริงจัง” ประโยคต่อมาของชายหนุ่มวัย 22 ทำเอาคนฟังหันมอง


“...ผมจริงจังกับทุกอย่างที่ผมทำ เพราะมันมาจากเรื่องที่ผมชอบ แม่ผมรู้เงื่อนไขนี้”


“...คุณเคยแสดงให้พี่ชายของคุณเห็นรึเปล่าว่าคุณจริงจังกับอาชีพนักแสดงมากแค่ไหน หรือพอเขาบอกว่าไม่ให้ทำ คุณก็เลิกทำ”



ร่มธรรมเป็นคนจริงจังกับงาน ทุกสิ่งที่ผ่านมือเขาล้วนถูกสรรสร้างขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่...เขากลับไม่มีแรงจริงจังในการงัดข้อกับรุ่งโรจน์เลย


ชายหนุ่มรุ่นพี่หันมองคนพูดอย่างคาดไม่ถึง ทั้งๆที่ครองภพอายุน้อยกว่าเขาถึง 6 ปี แต่อีกฝ่ายกลับเต็มไปด้วยความตั้งอกตั้งใจและพลังเต็มเปี่ยม ต่อให้เขาเป็นบุพการีของครองภพ หากเจ้าตัวออกปากว่าจะทำอะไร เขาก็คงไม่อยากขัดขวาง


เป็นคนที่ ‘ทำ’ ด้วยความตั้งใจ ‘ทำ’ อย่างจริงจัง และ ‘ทำ’ โดยมีความชอบเป็นฐานสำคัญ


พอคิดได้อย่างนั้น เขาก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว จนคนอายุน้อยกว่าขมวดคิ้ว


“ยิ้มอะไร”


“อ่า...รู้สึกว่าตัวเองโชคดี” ครองภพขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม


“ก็...น้องครองบอกเมื่อกี้ว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ชอบ แล้ว...น้องครองก็ไม่ค่อยชอบพูด แต่ก็ยังดุพี่คราวก่อน แล้วครั้งนี้ก็ยังเตือนสติพี่อีก”


ครองภพขมวดคิ้วคิดตาม


...ทำในสิ่งที่ชอบ...สิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ชอบ...


...แต่ทั้งๆที่ไม่ชอบพูด กลับเตือนสติร่มธรรมถึงสองครั้ง…


ดวงตาเรียวเบิกโพลง เลือดลมในตัววิ่งพล่าน คอหูแดงก่ำ เมื่อตีความได้ว่าเจ้าคนอายุมากกว่าเชื่อมโยงไปเรื่อยเปื่อยทั้งๆที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด


“ผมไม่ได้ชอบที่จะเตือนสติคุณ!” เขาลุกพรวดพูดเสียงแข็งหน้าตาถมึงทึง ทว่าร่มธรรมกลับไม่ถือสา มองใบหน้าหล่อเหลาที่ขึ้นสีราวกับจะลุกเป็นไฟในอีกไม่กี่วินาที ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือโกรธกันแน่


“พี่ก็ไม่ได้บอกว่าน้องครองชอบที่จะเตือนพี่ พี่แค่บอกว่ารู้สึกว่าตัวเองโชคดี” ร่มธรรมพลิกลิ้น ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาหยอกอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ แต่เห็นท่าทางขู่ฟ่อแล้วนึกเอ็นดู จะสงสารไม่ให้หน้าแดงหูแดงมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้


ครองภพมองอีกฝ่ายอย่างเข่นเขี้ยว แต่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าสะบัดหน้าหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง แต่ไม่วายถูกเรียกไว้อีก


“น้องครอง อเมริกาโน่ล่ะ”


“ผมไม่รับ!”


“แต่ยังไงก็ขอบคุณนะ” เสียงของร่มธรรมดังไล่หลัง แต่ครองภพไม่คิดหันกลับไปแล้ว


ทว่า...ตอนขึ้นรถกลับคอนโดในวันนั้น อเมริกาโน่จากร้าน ร.รอ ก็ถูกผู้จัดการส่วนตัวของครองภพหิ้วติดมือมาด้วย แถมยังบอกด้วยว่าคนฝากมาบอกว่ายกให้ทั้งแก้วเก็บความเย็นเลย


“พี่ณุเอาไปให้หมดนั่นล่ะ!” คนไม่ค่อยแสดงอารมณ์กลับทำหน้าหงุดหงิดเต็มประดาจนวิษณุยังงุนงง


“แก้วก็ไม่เอาเหรอ”


“ไม่เอา!”


“ร้าน ร.รอ นะ”


“ผมบอกว่าไม่เอา!”


“คุณร่มพูดไว้ไม่ผิดเลย”


คราวนี้คนหงุดหงิดหันกลับมามอง “เขาพูดว่าไง”


“เขาบอกว่ายังไงครองก็ไม่เอา แต่ถ้าครองไม่เอาก็ให้พี่บอกครองว่าแทนค่านายหน้าที่ทำให้คุณร่มรับงานใหม่ ว่าแต่...สรุปคุณร่มแกจะกลับเข้าวงการเต็มตัวแล้วเหรอ พี่ไม่รู้เลยนะเนี่ย”


“ผมก็ไม่รู้!” ครองภพกระแทกเสียงอย่างไม่อยากจะเสวนาเรื่องของคนที่ชื่อร่มธรรมอีก แต่เมื่อรถจอดที่หน้าคอนโดของเขา วิษณุยัดแก้วใส่มือพร้อมกำชับว่าพรุ่งนี้จะมารับตามเวลาที่นัดไว้ ชายหนุ่มไม่ได้เขวี้ยงแก้วทิ้งไป แต่ยอมเดินถือกลับขึ้นห้องของตนเองด้วยใบหน้าบูดบึ้ง


ไม่รู้ว่าบูดใคร แต่วิษณุคิดว่าไม่ได้บูดตนแน่ หรืออาจจะบูดร่มธรรม


บูดอะไรก็ตามเถอะ ขออย่าให้บูดตกค้างติดตัวไปทำงานวันพรุ่งนี้เลย พระเอกดังตกงานตอนอายุเพิ่งจะ 22 จะกลายเป็นข่าวดังยิ่งกว่าสมัยร่มธรรมลาออกจากวงการบันเทิงตอนอายุเท่ากันซะอีกนะ!


........................


ร่มธรรมรู้ว่าเวลาไม่เคยคอยใคร


หลังจากไปแคสต์บทในซีรี่ส์เรื่องใหม่ของผู้กำกับฉายแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่รอให้ทางนั้นตอบรับ เขารู้ตัวดีว่าต่อให้ผู้กำกับฉายจะปฏิเสธเขา แต่ความต้องการของเขาอยู่ที่เส้นทางสายนี้ เขาบอกรินฤดีแล้วว่าถ้ามีงานใดเสนอมา ให้รับทุกบท อย่างน้อยได้ลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อพาตนเองกลับเข้ามาในวงการที่อยากทำ ก็ดีกว่าปล่อยมันให้หลุดลอยออกจากมือ


แต่...เพราะรุ่งโรจน์เป็นคนสำคัญในชีวิต แม้จะรู้ดีว่าทางที่ตนเลือกย่อมทำให้พี่ชายผิดหวัง แต่เขาก็ไม่อาจปิดบังได้อีก ชายหนุ่มตัดสินใจนัดทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาพี่น้อง และเขาเป็นคนเริ่มพูดทุกอย่างเอง


“พี่โรจน์ ผมมีเรื่องจะขอ”


รุ่งโรจน์รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ เห็นสีหน้าท่าทางจริงจังของน้องชายคนเล็กแล้วก็ใจหายวาบ ทว่าพอจะอ้าปากแย้งไม่ให้พูดสิ่งใด ใบหน้าหล่อเหลาของร่มธรรมกลับเต็มไปด้วยความตั้งอกตั้งใจและจริงจัง


...จริงจังเสียจน...เสียงของคนเป็นพี่ไม่อาจเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก


   “ผมอยากเป็นนักแสดง”


   “เราคุยเรื่องนี้กันแล้ว!” นายตำรวจหนุ่มท้วงเสียงเข้ม


   “ใช่...พี่เคยขอผมมาแล้ว ตอนนั้นผมยอมออกจากวงการเพื่อมาดูธุรกิจของพ่อ จนตอนนี้ธุรกิจก็อยู่ตัวแล้ว มันผ่านมาแล้ว 6 ปี วันนี้ผมได้กลับไปเล่นละครอีกครั้ง ความรู้สึกของผมก็ยังเป็นเหมือนเดิม...ผมรักการแสดง ผมอยากเล่นละคร”


พี่ชายคนรองนิ่งงัน ด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินน้องชายพูดคำนี้


   “ให้ผมทำงานในวงการต่อไปได้ไหม”


แม้ปากจะอยากแย้ง แต่สีหน้าจริงจังและความรู้สึกที่ร่มธรรมแสดงออก บอกให้รู้ว่าไม่อาจทัดทานสิ่งใดได้อีกแล้ว


   ร่มธรรมโตแล้ว เขามีชีวิตของเขา และเวลานี้...เขาเลือกแล้ว


   เขาเลือกที่จะกลับเข้าไปสู่เส้นทางที่เขาต้องการ


   …การเป็นนักแสดง...


   รุ่งโรจน์หลับตาลง ถอนหายใจยาว


   วงล้อโชคชะตา...กำลังหมุน


   ทัดทานไม่ได้อีกแล้ว


………………….


นับจากนั้น ร่มธรรมกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัวอีกครั้งหลังจากห่างหายไป 6 ปี


นอกจากซีรี่ส์ที่แสดงร่วมกับครองภพแล้ว ทีมงานของผู้กำกับฉายเห็นพ้องให้เขารับบทนำ ในขณะเดียวกัน รินฤดีก็ตอบรับให้น้องชายเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทเครื่องครัวที่เคยปฏิเสธไป


   หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดเป็นเสียงฮือฮาไปทั่ววงการบันเทิง เมื่อมีกระแสข่าวเกี่ยวกับโปรเจ็คใหม่ของผู้กำกับฉายซึ่งผันตัวจากผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง มาจับงานซีรี่ส์ในแพล็ตฟอร์มใหม่


อดีตพระเอกแห่งชาติหวนกลับเข้าวงการในวัย 28 ปีมารับบทนักแสดงนำในงานของผู้กำกับมากฝีมือ


โปรเจ็คนี้มีนักแสดงนำร่วมอีกคนคือพระเอกหนุ่มยอดนิยมที่ชื่อ ‘ครองภพ’


   ...โชคชะตา...


ถูกขีดไว้แล้ว และไม่อาจมีใครขัดขวางได้อีก


ไม่มีวันถูกขัดขวางได้อีกแล้ว


...........


...


‘ไม่! ไม่! อย่าขอรับคุณหลวง!!! อย่ากลับไป!!! อย่ากลับไปเจอมัน!!!!’


เสียงตะโกนของชายฉกรรจ์ดังก้องในห้วงความมืด แต่ไม่อาจส่งไปถึงร่มธรรมได้เลย


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)
(https://blog-imgs-131.fc2.com/d/e/z/dezair/20200116220712519.jpg)

   เราควรจะบอกพี่โรจน์ดีมั้ยคะว่ามีเด็กบางคนเสี้ยมให้พี่ร่มดื้อแพ่ง ฮ่าฮ่า (นี่ขนาดออกตัวว่าไม่อยากจะพูดกับพี่ร่มมากนะ ก็ยังเสี้ยมจนเขาลุกขึ้นมาได้ขนาดนี้)


   ร่มธรรมเป็นคนประเภทที่มีปัจจัยในชีวิตหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่จริงจัง แต่เพราะเขาจริงจังกับทุกอย่าง ก็เลยพยายามที่จะให้ความสำคัญกับทุกอย่าง ถ้าเทียบกับครองภพแล้ว ร่มธรรมคือคนที่มองรอบๆ ส่วนครองภพคือม้าแข่งที่มองพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว การที่ครองภพดุว่าร่มขี้ขลาดก็เลยไม่จริงซะทีเดียวนะ แต่...จะว่าไงดี ผู้ชายปากร้ายอ่ะค่ะ ก็จะน่าตีในทุกๆตอน ฮ่าฮ่า


   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ


   เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-01-2020 21:01:15
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-01-2020 21:09:02
หูยยยย มีเขิน มีเขิน ตอนที่ “ผมไม่ได้ชอบที่จะเตือนสติคุณ!”
เป็นไงละ เข้าทางคนอายุมากกว่าเสียนี่ ระวังรอยยิ้มพี่ร่มไว้ละกัน
 :-[ :-[
ว่าแต่ ... คนที่คอยห้ามคุณหลวงเนี่ยคือพี่โรจน์ใช่ไหม
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-01-2020 21:15:19
เขิลมากมาย ทำไรไม่ได้ ขอโวยวายไว้ก่อน :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-01-2020 21:19:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-01-2020 21:45:49
อีเสียงตะโกนที่ไม่มีใครได้ยินนี่
มาทุกรอบเลย สงสารเขาจังนะคะ
หล่อนต้องการเก็บคุณหลวงไว้เองใช่ไหม
ขัดขวางตั้งกะชาติที่แล้วยันชาตินี้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-01-2020 22:14:27
พี่โรจน์แอบรู้อะไรมา...บอกกันบ้างสิ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 16-01-2020 23:26:07
เสียงชายฉกรรจ์ปริศนามาอีกแล้ว ชอบโผล่มาตอนที่ร่มธรรมไปเจอกับครองภพ  สงสัยแค้นครองภพมาตั้งแต่ชาติก่อนแน่ๆ ถึงไม่อยากให้ไปเจอขนาดนั้น คงเป็นผีบ่าวซักคนนึงที่ชอบร่มธรรมในตอนนั่นแต่ไม่ได้ครอบครองงี้ป่ะ อมก. จะเดาไปเรื่อยๆ :hao7: :hao7:

พี่รุ่งโรจน์นี่เป็นคนในชาติก่อนแล้วจำอดีตได้อ่ะป่าวหรือมีหมอดงหมอดูมาทักไม่ให้น้องเข้าวงการ เพราะเดี๋ยวจะไปเจอครองภพ

สนุกมากจ้า ลุ้นดี เดาสนุกเลย55555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-01-2020 23:59:12
พี่ร่ม ของน้องครอง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-01-2020 00:08:12
พี่โรจน์ต้องรู้อะไรแน่ๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-01-2020 01:18:04
พี่โรจน์ต้องรู้อะไรแน่ๆ
เสียงนั้นเป็นใครกันแน่  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-01-2020 07:57:42
พี่โรจน์รู้อะไรทำไมไม่บอกกัน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 17-01-2020 10:56:02
ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเอง
พี่ร่มน่าสงสาร ประนีประนอมกับทุกฝ่าย ก็จะเหนื่อยมากที่สุด
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 18-01-2020 09:21:17
น้องบอกว่าไม่ชอบพูดเตือนสติไงพี่ร่ม 555555555555555
แต่ทำบ่อยเกิ๊นนนนน คนพี่เข้าใจเองเออเองเรียบร้อยแล้ว
พาร์ทนี้ยาวสะใจมากเลยค่ะ
แต่ยังคงเส้นคงวาว่าเสียงปริศนาก็ยังมาแค่ท้ายตอน 5555  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-01-2020 09:22:36
พี่โรจน์ไปรู้เรื่องอะไรมา
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-01-2020 13:24:36
วงล้อชีวิตหมุนติดแล้ว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-01-2020 15:07:28
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-01-2020 19:42:29
ว้าววว ดีใจที่ได้กลับมาอ่านนิยายคุณบัวอีกค่ะ

ดูเนื้อเรื่องแล้วไม่ซับซ้อนนะ แต่ตอนนี้สับสนเบาๆ
คืออยากรู้ว่าผูกพันอะไรกันไว้ ทำไมถึงต้องมาแก้กันภพนี้
แล้วทำไมถึงไม่อยากให้เจอกัน มันร้ายแรงมากหรอ

โรจน์รู้อะไรมา ทำไมไม่บอกน้อง จะได้ระวังตัว
ร่มฝันก็จริง แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มีผลยังไง

แล้วใครที่คอยส่องตามครองด้วยความแค้น

ครองคือคนที่จะเปิดใจกับคนสนิทเท่านั้น
แต่น้องก็ไม่ใช่คนแข็งกระด้างอะไร
ดูจากในกอง ทุกคนก็ดูปลื้มด้วยซ้ำ

ร่มเอ้ย ตัวเราใจเรา มันก็จริงค่ะ ยอมลาวงการ
ตอนนี้ก็อยากกลับมาอีก เพราะใจมันร่ำร้อง

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-01-2020 13:45:45
หรือพี่โรจน์จะรู้อนาคตแต่ถ้ารู้ควรเตือนไม่ใช่หรือจะได้ระวัง ไม่ใช่มาห้ามกันแบบนี้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 3...=> หน้าที่ 3 (16/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 19-01-2020 16:30:23
มันจะไม่น่ากลัวใช่มั้ยคะ แงงง รอติดตามนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 23-01-2020 22:59:02
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………
ตอนที่ 4



สีหน้าของเด็กชายบูดบึ้ง


‘คุณเทพ’ ได้ยินมาจากบ่าวไพร่ว่าคุณพ่อไม่แม้แต่จะสั่งลงโทษหัวขโมยที่ริอ่านแตะต้องหนังสือเล่มสำคัญของเขา อากัปกิริยาที่แสดงออกบนโต๊ะอาหารจึงปั้นปึ่งต่อหลวงสุนทรวิจักษ์จนมารดายังต้องเรียกไปอบรม แต่มิวายสร้างความขุ่นตาเคืองใจให้กับบิดาอยู่ดี


   วันนี้กลับจากโรงเรียน คุณเทพเห็นบิดานั่งอ่านเอกสารราชการก็เพียงแค่ยกมือไหว้ แต่พอทำท่าจะหมุนตัวไปที่อื่นกลับถูกเรียกเอาไว้


   “พ่อเทพ นั่งคุยกับพ่อสักหน่อยเป็นไร”


   เด็กชายไม่อาจมีปากเสียง เมื่อผู้ใหญ่เปรยเช่นนั้น ก็มีแต่จะต้องก้าวเข้าไปหา


   “พ่อเทพมีอะไรคาใจ”


   “ลูกพูดได้หรือขอรับ”


   “ได้ซี”


   “ลูกได้ยินว่าคุณพ่อให้หัวขโมยไปเรียนหนังสือ”


   “ใช่ พ่อเทพคิดว่าไม่ดีหรือ”


   “แต่มันขโมยหนังสือของลูกนะขอรับ”


คุณเทพได้ยินมาจากนายช่วงว่าบิดาเอ็นดูเจ้าลูกไพร่คนนี้มาก ทั้งที่ไม่ได้มีเชื้อสายหลวงสุนทรวิจักษ์สักนิด เป็นเพียงลูกไพร่เช่าที่นาที่ไม่อาจส่งค่าเช่าเลยถูกขายใช้แรงงาน อีกทั้งยังเคยขโมยหนังสือของคุณเทพไป ไม่ถูกลงโทษไม่พอ ยังได้เรียนหนังสือด้วย


   “ไอ้แผนได้รับโทษแล้ว”


   “ก็แค่ถูกเฆี่ยน...” เด็กชายแย้ง หน้าตาบูดบึ้ง


   “แล้วพ่อเทพคิดว่าต้องถูกลงโทษอย่างไรจึงจะสมควร ตัดไม้ตัดมือของมันหรือ เห็นมันเจ็บปวดปางตายแล้วพ่อเทพยินดีเช่นนั้นหรือ”


เด็กชายพูดไม่ออก แม้จะโกรธเคือง แต่แค่คิดว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันจะต้องถูกตัดมือตัดแขนดิ้นพล่านทุรนทุรายก็สยดสยองแล้ว



   “พ่อเทพ...การลงโทษคนกระทำผิดต้องดูหลายส่วนประกอบกัน หากผิดร้ายแรง จะลงโทษร้ายแรงก็สมควร แต่หากความผิดไม่ร้ายแรง จะลงโทษอย่างร้ายแรง เช่นนั้นไม่สมควร ไอ้แผนมันได้รับโทษแล้วตามความผิดที่มันก่อ แต่มูลเหตุเพราะมันอยากเรียนหนังสือ คนอยากเรียนหนังสือไม่ใช่คนใฝ่ต่ำ หรือพ่อเทพอยากให้ผู้อื่นมองว่าพ่อของพ่อเทพช่างเลวทรามนัก ที่ขัดขวางความเจริญของเด็กในบ้าน”


   “ไม่อยากขอรับ”


   “ดี พ่อเทพเองก็ต้องเอาอย่างพ่อ อีกหน่อยเมื่อเติบใหญ่ อย่ากดใครไว้ใต้ฝ่าเท้า แต่จงให้ค่าแก่เขาเหมือนที่พ่อเทพให้ค่าตนเอง”


   “ขอรับคุณพ่อ”


…………………….
................
........

   ธาดารู้ว่าหน้าที่การงานของน้องชายไม่เป็นเวลา ถ้าอยากจะพบหน้าก็มีแต่ต้องเรียกไปกินข้าว แต่จะออกไปกินนอกบ้านใช้เวลาครอบครัวในวันหยุด สถานะนักแสดงหนุ่มรูปหล่อมีแฟนคลับเป็นล้านที่มาพร้อมกับนิสัยไม่ชอบถูกจับจ้องก็ไม่เอื้ออำนวยอีก คนเป็นพี่เลยต้องทำตัวอย่างคนเป็นพี่ ด้วยการเป็นฝ่ายบุกมาหาน้องชายที่คอนโดแทน


   อาคารสูงสามชั้น มีห้องพักไม่กี่ห้อง เรียกว่าคอนโดได้ไหมไม่รู้ แต่ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม มีความเป็นส่วนตัวสูงทั้งๆที่อยู่ใจกลางเมือง อีกทั้งยังมีบันไดสำหรับมนุษย์ที่ใช้ลิฟต์คนเดียวไม่ได้อย่างครองภพด้วย


   “สวัสดีครับ คุณธาดา” ความปลอดภัยดีเยี่ยมขนาดที่ว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยจำชื่อและหน้าตาคนที่เข้านอกออกในที่นี่ได้ทั้งหมด คอนเซ็ปต์ของที่นี่ไม่ใช่การสร้างอาคารให้สูงกว่าอาคารข้างๆเพื่อให้ได้เห็นเส้นขอบฟ้า แต่คือการให้ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว


   พี่ชายของนักแสดงหนุ่มชื่อดังหันไปยิ้มรับ ก่อนจะเดินไปที่ล็อบบี้ ฝ่ายนิติฯของที่นี่ไม่ได้เป็นเอ้าท์ซอร์จมาจากที่อื่น แต่เป็นคนของบริษัทที่ก่อสร้างคอนโดนี้เอง เพื่อให้ยังสามารถคงคอนเซ็ปต์ความเป็นส่วนตัวใจกลางเมืองเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น


   นอกจากจะทำหน้าที่ดูแลคอนโดขนาดสามชั้นให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ยังมีหน้าที่เป็นฟร้อนท์ด้วย เมื่อเห็นธาดา พนักงานจึงรีบเข้ามาทักทายทันที


   “สวัสดีค่ะ คุณธาดา”


   “สวัสดีครับ ครองภพยังไม่กลับใช่ไหม” พนักงานสาวเพียงยิ้ม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ก็ไม่นำข้อมูลเรื่องการเข้าออกของผู้พักอาศัยที่นี่ซึ่งล้วนมีแต่คนดังและร่ำรวยบอกต่อให้ใครอื่น แม้ใครอื่นที่ว่าจะเป็นพี่ชายแท้ๆก็ตามที


   ไม่ซอกแซก ไม่เปิดเผย ไม่แปลกใจเลยที่ครองภพเลือกซื้อที่นี่


   “จะให้ดิฉันแจ้งไปทางผู้จัดการของคุณครองภพไหมคะ ว่าคุณธาดามารอ”


   “ไม่ต้องครับ ขอผมนั่งตรงนี้แล้วกัน”


พนักงานสาวยิ้มรับ ก่อนจะถอยกลับไปที่เคาน์เตอร์ของหล่อน


ธาดานั่งเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลา แต่คิดอีกทีครองภพอาจจะไม่กลับก็ได้ เขาก็เลยเปลี่ยนแผนจากการนั่งอย่างไม่รู้หัวรู้ก้อย เป็นกดข้อความส่งไปหาน้องชาย


   ‘รีบกลับ มีข่าวดีจะบอก’


   ข้อความถูกอ่าน อึดใจเดียว น้องชายก็ส่งข้อความกลับมา


   ‘บอกสิ’


   ‘บอกในนี้ไม่ได้ ความลับบริษัท’


   ‘งั้นไม่ต้องบอก’


   ‘โฮ อยากรู้เถอะ พี่อยากบอกจะแย่แล้ว’


   นอกจากข้อความถูกอ่านแล้ว ทุกอย่างก็เงียบฉี่ ธาดานิ่วหน้า คิดหาหนทางว่าจะทำอย่างไรให้น้องชายอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ทำให้เขาถึงขั้นต้องบุกมาหาถึงนี่


   ‘ไม่อยากรู้จริงหรือ เรื่องคุณร่มธรรมนะ’


   จากที่เงียบฉี่ เกิดปฏิกิริยารีแอคชั่นทันที


   ‘เรื่องอะไร’


   ‘รีบกลับสิ รออยู่ที่คอนโด’


   ข้อความถูกอ่านแล้วก็เงียบไปอีก ธาดาเม้มปาก หรือเรื่องของร่มธรรมไม่จูงใจเพียงพอ?


ทว่าตอนที่คิดว่าอาจจะต้องใส่ความน่าสนใจเข้าไปดึงดูดมากกว่านี้ ข้อความจากครองภพก็ตอบกลับมา


   ‘กำลังกลับ’


เยี่ยม! มันต้องแบบนี้สิครองภพน้องพี่!!


………………………


   ‘ร่มธรรมรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทเราแล้ว!’


   ‘ใครบอก’ เพราะคาดไม่ถึง ครองภพจึงย้อนถามอย่างไร้สติที่สุด แต่เวลานี้ ธาดาเองก็ดีใจจนไม่ได้สนใจคำถามแปลกๆของน้องชาย อีกทั้งยังยังยอมตอบขยายความอีกต่างหาก


   ‘ก็ผู้จัดการเขาโทร.มาบอกว่าร่มธรรมจะรับงานพรีเซ็นเตอร์ของเรา เป็นเจ้าแรกด้วยนะ’


ครองภพต้องตั้งสติอยู่อีกอึดใจหนึ่ง ก่อนจะทำเป็นพยักหน้ารับรู้


ต่อให้จะเป็นคนไม่แสดงอารมณ์ แต่ตอนที่ได้ยินจากองอาจว่าฝ่ายนั้นไปแคสติ้งบทในโปรเจ็คใหม่ของผู้กำกับฉาย เขากลับรู้สึกโล่งใจที่ได้รู้ว่าร่มธรรมเลือกที่จะลงมือทำในสิ่งที่รัก ยิ่งพอรู้ว่าร่มธรรมได้รับเลือกให้เล่นบทนำคู่กับเขา ความรู้สึกโล่งใจก็กลายเป็นดีใจ และพอวันนี้ได้รู้ว่าร่มธรรมยอมรับงานพรีเซ็นเตอร์ให้ธุรกิจของครอบครัวของเขา นอกจากความรู้สึกโล่งใจและดีใจ คือความสุขใจ


ไม่รู้สุขใจอะไรที่ร่มธรรมยอมรับงานของบริษัทครอบครัวของเขา


แต่ก็สุขใจ...


...จนเผลอยิ้ม…


‘ยิ้มไรวะครอง’


เพราะถูกพี่ชายท้วง ถึงได้รู้ตัว ครองภพเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น อย่างเช่นเรื่องที่เขาได้รับบทในโปรเจ็คใหม่ของผู้กำกับฉาย ธาดาเป็นพี่ชายที่แสนจะเห่อน้อง พอรู้ข่าวนี้ก็ลืมเรื่องที่ตนเองท้วงเมื่อครู่ไปเสียสนิท แถมยังวุ่นวายโทร.บอกมารดาและหาวันจะจัดงานเลี้ยงให้ครองภพอีกต่างหาก


ทว่าแม้คนพี่จะลืม แต่ครองภพไม่ลืม


ชายหนุ่มวัย 22 นั่งมองตนเองในกระจกในห้องแต่งตัว มองอย่างไรก็ไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะเป็นคนชอบยิ้มเลยสักนิด ถ้าจะถามว่าชีวิตของเขามีความสุขไหม ก็ต้องกล่าวว่า ครองภพถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ หากเรื่องใดที่เขาอยากทำ มารดาไม่เคยห้ามหนำซ้ำยังสนับสนุน ยิ่งเมื่อบิดาจากไป ครอบครัวยิ่งประคบประหงมตามใจ กระทั่งองอาจผู้เป็นลุงแสนปากโป้งก็เรียกได้ว่าดูดำดูดีหลานอย่างเขาในระดับที่ดี ในขณะที่เพื่อนสนิทจำนวนน้อยก็ไปมาหาสู่พึ่งพากันได้แทบทุกเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้น...ครองภพก็ไม่ชอบยิ้ม


แต่...กลับยิ้มเพราะได้ยินเรื่องของร่มธรรม


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน


“ครอง มาได้แล้ว” วิษณุผู้จัดการส่วนตัวของเขาโผล่หน้าเข้ามาเรียก ชายหนุ่มหันไปมองแล้วเก็บความสงสัยลงลึกสุดใจก่อนจะลุกออกจากห้องไปเข้าฉาก


   แม้จะต้องการความต่อเนื่องของอารมณ์ในทุกๆฉาก แต่ตารางงานของนักแสดงก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บางฉากถูกยกขึ้นมาถ่ายก่อน อย่างวันนี้ เป็นฉากท้ายๆของซีรี่ส์ น้องชายติดยาอย่าง ‘ภูมิ’ มาถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว


   ยาเสพย์ติดทำลายสมอง มองเห็นภาพหลอน ทว่าหากจะเรียกว่าหลอนก็คงไม่ถูกนัก เพราะเป็นภาพจากความทรงจำอันสวยงาม ภาพของ ‘พี่ภาคและน้องภูมิ’ ในวัยเยาว์


   ใบหน้าซีดขาวแหงนเงยขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของชายหนุ่มเหม่อลอยขึ้นมองเบื้องบน สองแขนกางออกขนานไปกับไหล่ ก่อนจะก้าวเท้าออกไปในอากาศ


   แล้วร่างทั้งร่างก็ดิ่งวูบลงสู่พื้นเบื้องล่าง


   ตุ่บ


   “คัท”


   ครองภพลุกจากเบาะที่รองรับร่างของเขา สีหน้า ท่าทาง แม้แต่แววตาของเขาไม่เหมือนกับชายคนที่ปรากฏบนมอนิเตอร์ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เมื่อผู้กำกับสั่งคัท นักแสดงหนุ่มวัย 22 แต่ฝีมือดีเยี่ยมราวกับประสบการณ์ในวงการโชกโชน สามารถตัดบทออกจากตนเองได้อย่างรวดเร็ว


   “โห...” ร่มธรรมไม่ได้อยู่ในฉากนี้ แต่จะต้องถ่ายหลังจากนี้ เขาจึงนั่งดูอยู่ข้างหลังผู้กำกับ แล้วก็อดออกปากกับตนเองเบาๆไม่ได้


สมแล้วที่ครองภพโด่งดังขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เพราะหน้าตาดี รูปร่างดี หรือมีเสน่ห์ แต่เพราะการแสดง ’กินใจ’ นักแสดงที่สื่ออารมณ์ได้ดีขนาดนี้หาไม่ได้ง่ายๆ บางคนต้องอาศัยการเรียนรู้และประสบการณ์ บางคนอาศัยความพยายาม บางคนอาศัยพรสวรรค์ แต่บางคนอาศัยทั้งสามอย่างประกอบกัน ครองภพผสมทุกอย่างได้อย่างลงตัว การแสดงของเขาจึงทั้งเป็นธรรมชาติ มีรูปแบบที่หลากหลาย และเข้าถึงคนดู


   เพราะเอาแต่ชื่นชมอีกฝ่ายในใจ หนุ่มรุ่นพี่ไม่รู้ตัวว่าเขาจับจ้องคนที่รับบทน้องชายของตนเองอยู่นานสองนาน จนกระทั่งดวงตาเรียวดุคู่นั้นเหลือบมาสบ


   “อ...เอ่อ...เมื่อกี้เล่นดีมากเลย”


ไม่ได้คิดจะชมเอาหน้า แต่ร่มธรรมนึกออกแค่ประโยคนี้ ในขณะที่ครองภพได้ยินประโยคนี้จนชินหู เขาไม่หือไม่อือ มองตอบแค่แวบเดียวแล้วก็หันไปขอน้ำดื่มจากทีมงาน


   ฉากหลังจากนี้ ร่มธรรมที่รับบท ‘พี่ภาค’ จะเป็นผู้เข้ามาพบศพของน้องชาย ครองภพต้องแต่งหน้าเพิ่มในขณะที่ผู้กำกับเข้ามาซักซ้อมบท


   “ภูมินอนท่าเดิม ส่วนภาควิ่งเข้ามา ตกใจเห็นน้องตาย แล้วเข้าไปประคองขึ้นมาบนตัก...”


คนกำลังถูกเติมคราบเลือดหันกลับมามองผู้กำกับในวินาทีนั้น แล้วทวนคำตะกุกตะกัก


   “ครับ? ประคอง...ขึ้นมาบนตัก?”


   “ใช่ ภูมิเป็นน้องที่ภาครักมาก พอเห็นเขาตาย ต้องรู้สึกว่าเสียของรักไปแล้ว ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ตอนเขาอยู่ เขาจับต้องได้ มีปากมีเสียง แต่ตอนนี้เขย่าตัวก็ไม่ตื่น”


ครองภพทำหน้าปั้นยากเล็กน้อยเมื่อคิดถึงท่าที่ผู้กำกับต้องการ แต่พอเหลือบไปมองชายหนุ่มรุ่นพี่ รายนั้นกลับรับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ


แล้วพอเห็นคนตั้งอกตั้งใจ มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกดีกับการได้ร่วมงานกับคนที่มีใจรักในสิ่งเดียวกัน


   การถ่ายทำเริ่มขึ้นต่อเมื่อเซ็ตทุกอย่างเรียบร้อย


   ร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นในขณะที่เลือดไหลนองออกจากศีรษะทำเอาคนที่วิ่งเข้ามาถึงกับตะลึงงันเบิกตาโพลง


   “ภูมิ! ภูมิ!!” เสียงร้องเรียกนั้นฟังดูตกใจ สองมือสั่นเทาแตะสัมผัสเนื้อตัวของน้องชาย ที่...ไร้ลมหายใจ


   “ภูมิ!! ภูมิตื่น! ภูมิได้ยินพี่ไหม ตื่นสิภูมิ ตื่น...” เสียงเรียกกลายเป็นโหยหวนผสานไปกับเสียงร้องไห้โฮ ร่างของน้องชายถูกประคองขึ้นมาบนตัก สองแขนโอบประคองจนใบหน้าหล่อเหลาที่มีคราบเลือดแทบจมเข้าไปกับแผ่นอกของผู้เป็นพี่


   “พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ...ภูมิ...ภูมิได้ยินพี่ไหม พี่ขอโทษ...พี่ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากให้ภูมิทำแบบนี้...พี่ไม่ได้ตั้งใจ...”


เสียงร้องคร่ำครวญยังดังไม่ขาด สองมือสั่นเทาลูบศีรษะคนเป็นน้องด้วยความรักและรู้สึกผิด ทว่าไม่มีการรับรู้แต่อย่างใด ร่างของคนในอ้อมแขนแน่นิ่ง ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ คนเป็นพี่กอดรัดแนบอก ร้องเรียกให้น้องชายกลับมา


...อนิจจา คนจากไปแล้ว ไม่เหลือลมหายใจ ไม่เหลือดวงวิญญาณ สายสัมพันธ์ใดๆก็เป็นเพียงละออง...


   “คัท”


   เสียงของผู้กำกับดังขึ้น คนที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดจนหน้าแทบจมเข้าไปในอกเสื้อของร่มธรรมขยับตัวผละออกห่างทันที ครองภพจึงทันเห็นน้ำตาของเจ้าของอ้อมแขนที่โอบร่างเขาเอาไว้เมื่อครู่นี้


   ทีมงานส่งกระดาษเช็ดหน้าเนื้อนุ่มมาให้ แต่หนุ่มรุ่นน้องส่งให้เจ้าของน้ำตาที่ยังทะลักทะลายไม่หยุด


   “ขอบคุณครับ” เจ้าตัวส่งยิ้มเปื้อนน้ำตามาพร้อมคำขอบคุณ ครองภพรู้สึกเหมือนหัวใจสั่นจนต้องกระแอมไอแล้วหันไปขอกระดาษเช็ดหน้าเพิ่ม ก่อนที่เสียงคนข้างกายจะดังขึ้น


   “อ่า...เสื้อเลอะไปด้วยเลย ขอโทษครับ”


ทั้งๆที่ไม่ใช่คนใส่ใจคนอื่น แต่เสียงของร่มธรรมทำให้อดไม่ได้ต้องหันมอง


น้ำเสียงติดจะสั่นเครือเล็กๆนั่นบอกให้รู้ว่าเมื่อครู่นี้เจ้าตัวเล่นบทดราม่าได้ดีขนาดไหน ดีจนถึงขนาดที่ว่า...ผู้กำกับให้ทำแค่ประคองเขาขึ้นไปบนตัก แต่ ‘พี่ภาค’ กลับโอบลงมาทั้งตัวจนหน้าเขาแทบซุกอก


   ไม่สิ...ซุกไปแล้ว เพราะคราบเลือดปลอมที่อยู่บนใบหน้าของครองภพติดอยู่บนเสื้อของร่มธรรมด้วย


   “เล่นสมจริงไปหน่อยสินะ” ผู้กำกับหยอกจนคนเล่นเกินบทได้แต่เกาศีรษะเขินๆ


   “โอเคไหมครับ หรือว่าจะต้องถ่ายใหม่...”


ครองภพแทบตาเหลือก แต่ผู้กำกับโบกมือว่อน


   “ไม่ต้องๆ มันดีมากเลย มีคนร้องไห้ตามด้วยแหน่ะ”


ฉากหลังจากนี้ไม่มีร่มธรรมและครองภพแล้ว สองหนุ่มจึงเดินเลี้ยวไปยังห้องแต่งตัวแทน รินฤดีรีบโผล่หน้าเข้ามาหาน้องชาย


   “ร่ม เลขาฯเราโทร.หาพี่ถามว่าวันนี้จะเข้าออฟฟิศไหม”


   “มีเรื่องด่วนรึเปล่า”


รินฤดีทำหน้าตาครุ่นคิด “เอ...เห็นว่ามีเอกสารให้เซ็น หรือร่มจะให้เมสเซ็นเจอร์วิ่ง?”


   “ไม่เป็นไร ผมเข้าออฟฟิศดีกว่า”


   “งั้นพี่จะโทร.แจ้งทางนั้นไว้ ถ้าร่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เราออกกันเลยนะ จะได้ถึงไม่ดึก”


ร่มธรรมพยักหน้ารับ รินฤดีก็ผลุบหายออกไปจากห้องแต่งตัวอีกครั้ง


 ภายในห้องแต่งตัวนอกจากร่มธรรมและครองภพแล้ว ยังมีช่างแต่งหน้าและทำผมอีกส่วนหนึ่ง เดิมทีครองภพไม่ใช่คนพูดเก่ง ยิ่งให้พูดต่อหน้าคนอื่นๆก็ยิ่งไม่ใช่นิสัย แต่เพราะเรื่องที่ได้ยินมาทำให้เขาอดไม่อยู่


   “ได้ยินว่าแคสต์ผ่าน”


ร่มธรรมหันมองคนถามที่กำลังให้ช่างแต่งหน้าช่วยลบคราบเลือดบนใบหน้าออกให้


   “อ่า...ใช่”


   “แต่ก็ยังทำงานบริษัท?”


   “ก็ระยะนี้ยังต้องทำตำแหน่งเดิมไปก่อน แล้วค่อยผ่อนลง พี่รินก็จะมารับงานในส่วนของพี่มากขึ้นด้วย”


   “จะอยู่ในวงการจริงจัง?”


   “ก็...อยากนะ ถ้าวงการต้องการพี่” ชายหนุ่มวัย 28 รู้ตัวดีว่าเขาอายุมากเกินกว่าจะเป็นนักแสดงดาวรุ่งหรือตีตื้นทำคะแนนขึ้นมาเป็นพระเอกยอดนิยมในขณะที่วงการบันเทิงมีพระเอกแถวหน้าอีกมากที่สร้างชื่อเสียงและฐานแฟนคลับมาอย่างยาวนาน ไหนจะพระเอกหน้าใหม่อายุยังน้อยที่ทำให้มีอายุการใช้งานนานกว่าผู้ชายอายุ 28 อย่างเขา


   ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับโอกาส ไม่ใช่ทุกคนจะมีวาสนา แต่ร่มธรรมจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมืออีกแล้ว หากจะต้องถอนตัวออกจากวงการอีกครั้ง เขาก็จะไปเมื่อตนเองหมดวาสนาในฐานะนักแสดงแล้ว ไม่ใช่เพราะถูกขอร้องจากคนอื่น


   “ดีแล้ว”


   “หือ?”


   “คุณเหมาะที่จะอยู่ในวงการ” ไม่แน่ใจว่าเป็นคำชมหรือไม่ แต่มันทำให้คนฟังนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา


รอยยิ้มนั้นสวยเสียจนครองภพที่หันมองยังต้องเบือนสายตากลับไปจับจ้องภาพสะท้อนของตนเองในกระจก เขาเกร็งจนลำคอขึ้นเป็นเส้นเลือดโปน ไม่รู้ว่าเกร็งทำไม แต่หัวใจมันไหวจน...ถ้าไม่เกร็งก็เกรงว่าทั้งร่างจะกลายเป็นน้ำไหลลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้น


   “พี่คุยกับพี่ชายของพี่แล้วนะ”


แต่ดูเหมือนคนข้างกายจะไม่รู้สักนิดว่าหนุ่มรุ่นน้องกำลังใข้ความพยายามมากเพียงใดที่จะทำให้ร่างกายไม่หลอมละลายไปกับรอยยิ้มนั่น


   “บ...บอกผมทำไม”


   “เพราะน้องครองน่ะสิ”


   “ม...ไม่เกี่ยวกับผม”


   “น้องครองช่วยพี่ตั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกก็ที่บอกว่าพี่ขี้ขลาด ครั้งที่สอง น้องครองทำให้พี่รู้ตัวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ไม่เคยกล้าพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังเลย  มันทำให้พี่อยากสู้ แล้วพอสู้ พี่...ก็คิดว่า พี่ไม่ได้เป็นคนขี้ขลาดหรอกนะ แล้วพี่ก็ตั้งใจจะเป็นนักแสดงจริงๆ” แม้จะพูดถึงเรื่องที่ตนเองถูกด่า แต่เจ้าตัวก็ยังหัวเราะออก หากไม่ได้เจอคำพูดแรงๆแบบนั้น เขาก็คงตัดสินใจออกจากวงการอีกรอบแน่แล้ว


   นักแสดงหนุ่มเจ้าของฝีปากร้ายไม่ได้พูดอะไรอีก อันที่จริงคือไม่รู้จะพูดอะไร วันนั้นเขาแค่รู้สึกว่าต้องพูดในสิ่งที่คิดเพราะไม่อยากให้ร่มธรรมถอยหลังกลับออกไป


   ไม่รู้ทำไม เขาถึงอยากให้ร่มธรรมอยู่ในเส้นทางสายนี้ เส้นทางที่เจ้าตัวมีชีวิตชีวา เส้นทางที่เจ้าตัวลงมือด้วยความเชื่อมั่น ความพยายามและมีความสุขกับมัน


   “ขอบคุณ”


รอยยิ้มสวยยังคงมอบให้ ครองภพเหลือบไปมองรอยยิ้มนั้นวูบหนึ่ง หากไม่ตอบอะไร ก็คงดูไร้มารยาท นักแสดงหนุ่มผู้ไม่เคยพูดเกินความจำเป็นจึงตอบกลับไปตามมารยาท


   “อือ”


   วินาทีนี้...ครองภพก็ยังไม่รู้ตัว 


เขาคิดถึงมารยาท


เขาคิดถึงความสุขของร่มธรรม


และเหนือสิ่งอื่นใด เขาคิด...


...คิดว่าอยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของร่มธรรมอีก...


……………………
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 23-01-2020 23:02:09

ทว่าไม่ใช่แค่ครองภพคนเดียวที่อยากเห็นรอยยิ้มของร่มธรรม คนรอบข้างที่เคยสนิทสนมกับเขาก็ล้วนอยากพบหน้า เพียงแต่ช่วงนี้ร่มธรรมวิ่งวุ่นทั้งงานธุรกิจและงานแสดง ไหนจะโปรเจ็คใหม่ของผู้กำกับฉายที่เขาต้องเริ่มเตรียมตัว ทำให้ห่างหายจากร้านกาแฟ ร.รอ ไปพักหนึ่งจนลูกค้าประจำอย่างเบญญายังออกปาก


“หมู่นี้ไม่ได้เจอพี่ร่มเลยนะคะ”


โอกาสดีของแฟนคลับสาวที่ตามมาเป็นลูกค้าร้านกาแฟคือวันที่ร่มธรรมแวะมานั่งดื่มกาแฟระหว่างรอรถมารับไปถ่ายงานต่อ ชายหนุ่มส่งยิ้มจางแล้วผงกศีรษะหนึ่งที


“ขอโทษจริงๆครับ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก”


“พี่ร่ม รับงานอื่นด้วยใช่ไหมคะ”


“ครับ แต่ยังบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ” เบญญาหัวเราะคิก ดวงตาเป็นประกายอย่างคนรู้ดี


“ถึงไม่รู้จากปากพี่ร่ม เบญก็รู้จากวงในของเบญอยู่ดีค่ะ”


“คุณพ่อของคุณเบญเป็นผู้กำกับสินะครับ”


“ใช่ค่ะ พี่ชายของเบญก็เป็นผู้จัด รามิลไงคะ คนนั้นเป็นพี่ชายของเบญ แต่คนละแม่”


ร่มธรรมอ้าปากหวอ คาดไม่ถึง ก่อนจะกลายเป็นหัวเราะกับความโลกกลม


“จุดใต้ตำตอนี่เอง แล้วคุณเบญก็ไม่บอกผมเลยว่าเป็นน้องสาวของพี่มิล”


เบญญากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะทำหน้ากระเง้ากระงอดอย่างน่ารัก


“พี่ร่มเรียกพี่มิลว่าพี่ด้วยเหรอคะ”


“ก็...พี่มิลอายุมากกว่าผมนี่ครับ” หญิงสาวเม้มปาก อยากบอกว่าหล่อนไม่ได้หมายถึงอาวุโส แต่หมายถึงการที่เขาเรียกรามิลอย่างสนิทสนม ทว่ากับหล่อน เขาเรียกคุณทุกคำ


ทว่าไม่ทันจะได้พูดอะไร รินฤดีก็ผลักประตูเข้ามาในร้านแล้วตรงเข้ามาหาร่มธรรม


“ร่ม ไปได้แล้ว” ชายหนุ่มหันมาทางลูกค้าสาวที่คุยกับเขาอยู่ ก่อนจะขอตัวแล้วออกจากร้านไปกับพี่สาว


งานวันนี้เป็นการถ่ายโฆษณาให้กับบริษัทเครื่องครัวที่เคยร่วมงานกันมาแล้วเมื่อคราวที่ร่มธรรมอยู่ในวงการเมื่อ 6 ปีก่อน พอเขากลับเข้าสู่วงการอีกครั้ง บริษัทนี้ก็ยังคงเป็นเจ้าแรกที่ติดต่อให้เขารับงาน


ร่มธรรมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงได้รับคัดเลือกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ทั้งๆที่ชื่อเสียงตอนนี้ไม่ได้โด่งดังอะไร และด้วยพื้นฐานเป็นคนตั้งใจทำงาน ยิ่งได้รับโอกาสจากคนที่เห็นคุณค่าในวันที่ไม่มีใครเห็นค่าก็ยิ่งอยากพิสูจน์ตัวเองให้มาก


การถ่ายโฆษณาผ่านไปอย่างเรียบร้อย ทีมงานคนหนึ่งจึงเข้ามาบอกเขาว่า ‘ท่านประธาน’ ก็มาดูการถ่ายทำด้วย ร่มธรรมขอให้พาไปพบเพราะอยากขอบคุณด้วยตนเอง


‘ท่านประธาน’ ของบริษัทเครื่องครัวเจ้าใหญ่ของประเทศเป็นหญิงร่างผอม หน้าตาท่าทางดูใจดี มาพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ร่มธรรมถึงกับต้องมองซ้ำเพราะคล้ายครองภพอย่างกับแกะ!


“คุณร่มธรรม ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอบคุณมากๆที่รับงานนี้” หญิงคนนั้นเข้ามาจับมือเขาแล้วเขย่าอย่างยินดี


“แล้วก็...ขอบคุณสำหรับลายเซ็นด้วย” นักแสดงหนุ่มวัย 28 ชะงักไปเล็กน้อยด้วยความงุนงง


“ครับ? ลายเซ็น?”


“ที่ฝากครองภพมาไงจ๊ะ”


ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ เขาจำได้ว่าครองภพเคยขอลายเซ็นเขาไปครั้งหนึ่ง ฝ่ายนั้นบอกว่า ‘แม่ฝากมา’


เห็นสีหน้าของคนอายุคราวลูก อัจฉราก็แย้มยิ้มมากกว่าเดิม ก่อนจะเสริม


“ป้าเป็นแม่ของครอง ส่วนนี่ธาดาพี่ชายของครอง...”


ร่มธรรมร้องอ้อในใจ หันไปมองคนเป็นพี่ชายของครองภพเต็มสองตา ฝ่ายนั้นยิ้มแย้มแจ่มใส จุดนี้ที่ต่างจากคนน้องอย่างเห็นได้ชัด


“เมื่อกี้ ป้าคุยกับคุณริน เห็นว่าเย็นนี้ไม่มีงานแล้ว ไปทานข้าวกับป้าได้ไหม ป้าอยากจะเลี้ยงขอบคุณหน่อย”


 แม้จะร่วมงานกับครองภพมาพักใหญ่แล้ว แต่จู่ๆจะให้ไปร่วมโต๊ะกับบุพการีของหนุ่มรุ่นน้อง เขาก็รู้สึกแปลกๆ ต่อให้จะเป็นการร่วมโต๊ะในฐานะเจ้าของบริษัทกับพรีเซ็นเตอร์ก็ตามที


เห็นสีหน้าชายหนุ่ม คนชวนก็หัวเราะเบาๆ


“ไม่ต้องเกรงใจ  ป้าแค่อยากขอบคุณน่ะ มีไม่กี่คนหรอกนะที่ร่วมงานกับครองได้ราบรื่น” แล้วอัจฉราก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีมนุษยสัมพันธ์กับคนที่เพิ่งพบเจอกันไม่กี่ครั้งจะเป็นมารดาของครองภพที่ทำหน้าตึงเรียบใส่คนที่ร่วมแสดงซีรี่ส์ด้วยกันมาจนจะจบเรื่องอยู่แล้ว


“ไปด้วยกันนะ ชวนคุณรินไปด้วย”


เมื่อ 6 ปีก่อนอาจจะเคยพบกันมาแล้ว แต่เวลายาวนานถึงเพียงนั้นย่อมทำให้ความทรงจำหลงลืม หากจะนับว่านี่เป็นการพบกันครั้งแรกๆก็ไม่ผิดนัก ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ร่มธรรมกลับรู้สึกคุ้นเคยและสบายใจ ยิ่งอีกฝ่ายให้ความเป็นกันเอง ผ่านทางสีหน้าและวาจา คำตอบของเขาจึงไม่ใช่การปฏิเสธ


เย็นนั้น หลังจากถ่ายโฆษณาแล้ว รินฤดีและร่มธรรมมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับอัจฉราและธาดาที่ร้านอาหารจีน สองแม่ลูกเจ้าของบริษัทเครื่องครัวมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ชายหนุ่มวัย 28 คิดไปถึงรุ่นน้องร่วมวงการที่มีครอบครัวอบอุ่นขนาดนี้


“ครองมีถ่ายละครหรือครับ”


พอคิดถึงแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามถึง แม้จะร่วมงานกัน แต่ก็แทบไม่ได้ติดต่อกันนอกรอบเลย


“ใช่ แต่เห็นว่าวันนี้เลิกไว พี่จะลองชวนมันดู” ธาดาไม่พูดอย่างเดียว แต่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความหาน้องชายอย่างรวดเร็ว พร้อมบอกร้านอาหารเสร็จสรรพ


‘มากินข้าวกับแม่ แวะมามั้ย’


ปกติครองภพไม่ใช่คนติดต่อง่าย แต่ธาดาเป็นพี่ชายมาตั้ง 22 ปี มีหรือจะไม่รู้ว่าการใส่คำว่า ‘แม่’ ลงไปด้วย ย่อมดึงดูดเจ้าน้องชายผู้รักแม่


‘เพิ่งเลิก ไปไม่ทัน’


เห็นไหม ตอบไวราวกับจับโทรศัพท์ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นการปฏิเสธอยู่ดี


‘พรุ่งนี้จะแวะไปกินข้าวกับแม่ที่บ้าน’


แม้จะปฏิเสธแต่ก็ยื่นข้อเสนอปลอบใจด้วยการจะเข้ามาทานข้าวเช้ากับมารดาในวันพรุ่งนี้แทน


ต่อให้จะเย็นชากับคนทั้งโลก แต่กับอัจฉรา ครองภพกลับทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน ธาดาส่งข้อความกลับเป็นการรับรู้ แต่พอเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาพบว่ามารดาของตนกำลังคุยกับร่มธรรมและรินฤดีอย่างออกรส ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะก็ชวนให้เกิดความรู้สึกไขว้เขว่ขึ้นมา


เย็นชากับคนทั้งโลก?


แล้วครองภพเย็นชากับร่มธรรมด้วยไหม?


ธาดาไม่ใช่คนขี้ลืม คราวก่อน เขาก็เคยเปรยเรื่องร่มธรรมแล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนั้นก็ได้รับการตอบรับจากน้องชายเป็นอย่างดีด้วยการรีบกลับคอนโด


ตั้งคำถามแล้วก็ต้องพิสูจน์ พี่ชายของครองภพรีบลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นพร้อมโทรศัพท์มือถือ


“ไอ้ครองบอกว่าเพิ่งเลิก คงมาไม่ทัน เรามาถ่ายรูปอวดมันกันดีกว่า”


“ผมถ่ายให้ครับ” ร่มธรรมเสนอตัว เพราะคิดว่าชายหนุ่มน่าจะอยากถ่ายกับมารดาสองคนเพื่อส่งรูปให้น้องชาย ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้ารัว


“ไม่ๆ คุณร่มต้องอยู่ในรูปด้วยสิ ถึงจะเรียกว่าอวด” แต่พอรินฤดีจะลุกไปเป็นมือกล้องแทน ธาดาก็ยังหันมาปรามหล่อน


สองพี่น้องกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง ไม่ทันทักท้วง ชายหนุ่มผู้มีหน้าตาคล้ายคลึงกับครองภพแต่อายุมากกว่า 10 ปีก็เข้ามายืนใกล้แล้วยืดแขนข้างที่ถือโทรศัพท์ให้ออกห่างเพื่อถ่ายรูปพวกเขา 4 คน มีร่มธรรมและรินฤดีอยู่ตรงกลางประกบข้างด้วยสองแม่ลูก


พอได้รูปแล้ว เขาก็กดส่งไปให้น้องชายทันทีพร้อมรอยยิ้มกริ่ม คาดว่าถ้าครองภพว่างเมื่อไร เขาคงได้เห็นอีกฝ่ายถามไถ่กลับมา


ทว่า...สิ่งที่คาดกลับไม่ได้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คืออึดใจต่อมา บนหน้าจอโทรศัพท์กลับปรากฏชื่อของครองภพเป็นสายเรียกเข้า


...ไอ้ครองโทรมา...


มนุษย์ผู้เย็นชากับคนทั้งโลก โทรมาทันทีที่ธาดาส่งรูปพวกเขาสี่คนเข้าไปในโปรแกรมแชท และโปรแกรมขึ้นว่ารูปถูกเปิดโดยคู่สนทนา


“ฮัลโล” ชายหนุ่มรับสายอย่างงุนงง


‘ทำไมไปกินด้วย’


“หะ?”


‘ร่มธรรมน่ะ ทำไม...’


“อ๋อ ก็...แม่ชวน...” ธาดาตอบแล้วก็เกาขมับตัวเอง การตอบสนองของครองภพถือว่าเกินคาดชนิดพลิกฝ่ามือ


ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะมีเสียงถอนหายใจและประโยคตามหลัง


‘เดี๋ยวไปหา แต่คงถึงดึกหน่อย’


“หะ? แกจะมา?”


‘อือ แค่นี้ก่อน ผมต้องขับรถ’


“อ้าว แล้วคนขับรถไปไหน”


‘จะให้เขากลับไปเลย ผมขับเองไวกว่า’


แล้วน้องชายก็ตัดสายไป ธาดามองโทรศัพท์ในมือตนราวกับเห็นสิ่งประหลาดที่สุดในโลก พอหันไปมองมารดาและแขกร่วมโต๊ะหนึ่งเดียวในวันนี้ที่กำลังมองเขาอยู่ ก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ทำหน้าตาเหยเกอย่างไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร


“ครองบอกว่าจะมาหรือ” อัจฉราถาม


“ครับ แต่...มันบอกว่าจะมาถึงดึกหน่อย”


ตอนแรกว่าไม่มา พอเห็นรูปปุ๊บ เปลี่ยนใจเป็นมาปั๊บ น้องชายสุดที่รักของเขากลายเป็นคนโลเลแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน


“ดึกหน่อยก็ไม่เป็นไร ร่มกับรินอย่าเพิ่งรีบอิ่ม รีบกลับนะ อยู่เจอครองด้วยกัน” หล่อนหันมาพูดกับสองพี่น้องที่นั่งอยู่ข้างกาย แต่น่าเสียดายที่รินฤดีขอตัวกลับก่อนเพราะติดธุระสำคัญ หล่อนจำต้องหิ้วกระเป๋าออกจากห้องไปตอนเกือบจะสามทุ่ม แต่ร่มธรรมเริ่มคุ้นเคยกับอัจฉราและธาดาแล้ว จึงสานบทสนทนาต่อไปอย่างไม่ติดขัด


ทว่าธาดา...ยังติดใจเรื่องความเย็นชาของครองภพ


ครองภพเย็นชากับคนทั้งโลกยกเว้นคนสนิท เรื่องนี้คำตอบคือแน่นอน


แต่ร่มธรรมเป็นคนสนิทของครองภพหรือไม่ เรื่องนี้ต่างหากที่น่าสนใจ


………………….


   ถนนในกรุงเทพฯยามค่ำไม่ใช่มิตรที่ดีของการขับรถเลยสักนิด กว่าครองภพจะมาถึงร้านอาหารตามที่พี่ชายส่งพิกัดมาให้ก็เกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว แน่นอนว่าคนที่ทำงานมาทั้งวัน ไม่มีอะไรตกถึงท้องทั้งๆที่เลิกงานมาตั้งเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อมาถึงร้านก็ย่อมหิวซกเป็นธรรมดา


   ชายหนุ่มก้าวเท้าไวตามพนักงานของร้านที่พาไปยังห้องส่วนตัว เขาบอกตนเองว่าเพราะหิวมากจึงเร่งฝีเท้า ทว่าพอพนักงานเปิดประตูออก ครองภพกลับลืมความหิวเป็นปลิดทิ้ง


   เขายกมือไหว้มารดา หันไปยักคิ้วให้พี่ชาย ก่อนจะจบสายตาที่ชายหนุ่มรุ่นพี่


   ร่มธรรม


   “ไอ้ครองมาแล้ว มาๆ นั่งข้างคุณร่มเลย” ธาดาทักทายพร้อมจัดแจง    


ห้องอาหารส่วนตัวของร้านอาหารจีนใช้โต๊ะทรงกลม เมื่ออัจฉรานั่งตรงกลางระหว่างสองหนุ่ม ที่นั่งว่างย่อมเหลือเพียงข้างธาดาและร่มธรรมเท่านั้น ทว่าพอร่มธรรมจะลุกให้คนเพิ่งมาถึงได้นั่งข้างมารดา ธาดากลับยื่นหน้ามาฝากให้ช่วยสั่งอาหารเพิ่ม ร่มธรรมเห็นว่าคนเพิ่งมาถึงน่าจะหิว เลยรีบเปิดเมนูสั่งอาหารเพิ่มอีก 2 อย่างที่น่าจะไวที่สุด พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าเขานั่งตรงกลางระหว่างอัจฉราและครองภพไปแล้ว


   ธาดาไม่แพร่งพรายในข้อสงสัยของเขา แต่จับจ้องปฏิกิริยาของคนที่นั่งข้างกันอย่างเงียบๆ ทว่าครองภพก็ยังเป็นครองภพ พอนั่งลงปุ๊บ ความหิวโซก็ทำให้สนใจจาน ชาม ตะเกียบ มากกว่าอย่างอื่น


   “หิวมากมั้ยครอง แม่สั่งอาหารเพิ่มไว้แล้ว เดี๋ยวพนักงานยกมาให้ เมื่อกี้นี้ร่มสั่งอะไรเพิ่มไปนะ”


   “ออเดิร์ฟเย็น แล้วก็ผัดผักครับ”


เสียงพูดคุยของอัจฉราและร่มธรรมทำเอาชายหนุ่มวัย 22 เงยหน้าจากหอยจ้อที่กำลังกัดเข้าปาก


   “ก็...ยัง...ไม่ได้ทานอะไรมา” ครองภพตอบ รู้สึกเก้อเล็กๆกับความหิวซกของตนเอง ทว่าคนข้างกายกลับยิ้มน้อยๆ แล้วตักปลานึ่งมาใส่จานเขา จากนั้นจึงหันไปตักมาใส่จานตนเองบ้าง


   “ทานเยอะๆ” นักแสดงหนุ่มรุ่นพี่เอ่ย คนเพิ่งมาถึงมองจานตนเองแล้วมองเลยไปยังร่มธรรมที่ตักเนื้อปลาเข้าปาก พอมองไปยังธาดาก็พบว่ารายนั้นกำลังคีบเนื้อผัดน้ำมันหอยมาใส่จาน


   “พวกเราทานช้าๆรอครอง” อัจฉราเห็นสายตาลูกชายคนเล็กจึงเป็นคนเฉลยพร้อมรอยยิ้ม พอดีกับที่พนักงานของร้านนำอาหารเข้ามาวางเพิ่ม มีทั้งเป็ดปักกิ่ง ต้มจืดสาหร่ายใส่หมูสับ และกุ้งอบวุ้นเส้น


   มื้อเย็นที่ค่อนไปเกือบจะดึกเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งพร้อมๆกับครองภพ


ธาดาชวนคุยชวนถาม อัจฉราก็เป็นลูกคู่ของลูกชายคนโตได้อย่างดี มีร่มธรรมแทรกเป็นระยะ โต๊ะอาหารจึงไม่เงียบเหงาแม้ว่าครองภพจะพูดไม่เก่งเอาเสียเลย และแม้จะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทาน แต่อาหารในจานของคนหิวก็แทบไม่พร่อง ร่มธรรมคอยถามไถ่ห่วงใย ดูแลตักอาหารให้ จะหมุนโต๊ะแต่ละครั้ง ล้วนต้องหันมามองชายหนุ่มรุ่นน้องก่อนเสมอว่าตักอะไรอยู่หรือไม่ หรือมีอาหารในจานรึเปล่า


   คนหิ้วท้องฝ่าดงจราจรกรุงเทพฯรู้สึกอุ่นซ่านกับความใส่ใจของทุกคนในโต๊ะอาหาร


   ครองภพยิ้มจางกับตนเอง ก่อนจะหันไปบอกคนที่ตักผัดผักมาใส่จานเขา


   “พอแล้ว คุณกินบ้างเถอะ”


   “พี่กินเยอะแล้ว น้องครองเอาอะไรอีกดี? เติมต้มจืดหน่อยไหม จะได้ทานร้อนๆ เอาถ้วยมา” ครองภพยกถ้วยส่งให้


   “ผมไม่เอาสาหร่าย เอาแต่น้ำกับผัก”


ร่มธรรมรับคำพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปตักต้มจืดให้ พอวางถ้วยลงแล้ว ก็ยังคีบผัดผักมาใส่จานเพิ่มให้อีก คำขอบคุณแผ่วเบาของครองภพนั้นดังไม่ขาด พอๆกับความใส่ใจของร่มธรรมที่มีให้ก็ไม่ลดน้อยลงเช่นกัน


   การดูแลเอาใจใส่และท่าทีของสองหนุ่มนั้นเป็นธรรมชาติ ไม่ขาดไม่เกิน ราวกับพวกเขาสนิทสนมกันเช่นนี้มานานหลายปี ธาดาจับจ้องคนทั้งคู่อย่างตั้งอกตั้งใจ และกล้าพูดเต็มปากว่าน้องชายของเขาไม่เหมือนเดิม


   โดยเฉพาะสิ่งที่ปฏิบัติต่อร่มธรรม...ไม่เหมือนกับที่ครองภพปฏิบัติต่อใคร

……………………



   หลังมื้ออาหารจบลง เดิมทีรินฤดีจะให้คนขับรถกลับมารับ แต่ร่มธรรมเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงคิดจะใช้บริการขนส่งสาธารณะแทน ทว่าทางเลือกของเขาดูจะไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับ ‘บางคน’


   “กลับแท็กซี่? แล้วรถไปไหน”


คนถามเรื่องวิธีกลับคืออัจฉรา แต่พอคำตอบของร่มธรรมคือแท็กซี่ ครองภพกลับเป็นฝ่ายย้อนถาม


   “ไปส่งพี่ริน ตอนแรกก็กะว่าจะให้มารับ แต่มันดึกมากแล้ว พี่กลับแท็กซี่น่าจะดีกว่า” คนพูดคิดว่าการเรียกแท็กซี่เป็นวิธีที่ดีกว่า แต่สำหรับคนฟังกลับส่ายศีรษะแล้วยื่นข้อเสนอที่ตนเองคิดว่าดีที่สุด


   “ผมไปส่ง”


   “ไม่เป็นไร พี่กลับเองได้”


   “ไปกับผม”


ทั้งๆที่อายุมากกว่าถึง 6 ปี แต่เมื่อคนอายุน้อยกว่าย้ำเป็นครั้งที่สอง ร่มธรรมกลับเกรงใจจนไม่กล้าแย้ง


พวกเขาหันไปลาธาดาและอัจฉราก่อนจะเดินไปขึ้นรถ ไม่ทันสังเกตสายตาของสองแม่ลูกที่มองตามหลัง เพราะมีคำถามคาใจ


‘ครองกับร่ม...ดูสนิทกันดีนะ’


แต่...เรื่องแบบนี้ ตั้งคำถามเร็วไปก็เกรงว่าจะหน้าแตก จะถามตรงๆกับก็เกรงว่าจะทำให้ไก่ตื่น แล้วพอไม่ถามก็คันปากยิบๆ ได้แต่มองหน้ากันเอง


แล้วคืนนี้จะหลับลงมั้ยล่ะทีนี้!


………………



   บ้านของพี่ชายคนรองคือจุดหมายปลายทาง


อันที่จริงร่มธรรมควรจะกลับไปนอนที่คอนโดเพื่อให้สะดวกสำหรับการไปทำงานในวันพรุ่งนี้ แต่เห็นว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว ไม่อยากให้คนที่ขันอาสาพามาส่งจะต้องเสียเวลาอยู่บนถนนมากนัก จึงติดต่อหาพี่ชายให้ช่วยเปิดบ้านไว้รอ


   “บ้านคุณเหรอ” 


   “ไม่ใช่หรอก นี่บ้านพี่ชายของพี่เอง”


คนพามาส่งเลิกคิ้วราวกับตั้งคำถามว่าร่มธรรมยังอาศัยอยู่กับพี่ชายหรือ? แต่ความมืดสลัวทำให้อีกฝ่ายไม่เห็น เรื่องที่ร่มธรรมพูดจึงเป็นอีกเรื่องแทน


   “พี่เห็นว่ามันดึกแล้ว แล้วบ้านพี่ชายของพี่ก็อยู่ใกล้ร้านที่เราไปทานกัน น้องครองจะได้ไม่ลำบาก”


ร่มธรรมเป็นเช่นนี้เสมอ เขามักคิดถึงคนอื่นก่อนตนเอง แม้พรุ่งนี้จะต้องตื่นเช้ามากกว่าเดิมเพื่อกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดแล้วออกไปทำงาน แต่ก็ยังดีกว่าให้ครองภพต้องตีรถไปๆมาๆทั้งที่วันนี้ทำงานมาทั้งวัน


   ดวงตาของชายหนุ่มรุ่นน้องมองคนที่ก้มหน้าปลดเข็มขัดนิรภัย


ครองภพไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เขาจดจำเรื่องต่างๆของคนคนนี้เอาไว้ในใจ จากแรกเริ่มที่ไม่อยากเข้าใกล้ ทรมาน อึดอัด กลายเป็นนานวันเข้า กลับสะสมเรื่องราวของชายที่ชื่อร่มธรรมจนมันกลายเป็นความรู้สึกอื่น


   “ขอบคุณมากนะ” ร่มธรรมเงยหน้าขึ้นมาบอกพร้อมรอยยิ้มจาง ทำเอาคนกำลังจับจ้องรู้สติ รีบเบี่ยงสายตาหนีออกไปทางอื่น


   “อือ”


   “น้องครองก็กลับบ้านดีๆล่ะ แล้วไว้เจอกันที่กอง”


   “ครับ” ครองภพได้แต่รับคำ แต่เมื่อร่มธรรมเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว เขาก็ยังนั่งอยู่เช่นนั้นเพื่อดูให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าบ้านเรียบร้อย พออีกฝ่ายหายลับเข้าไปในบ้าน รถของครองภพถึงได้เคลื่อนตัวออกจากหน้าประตูรั้ว


   แน่นอน พวกเขา...ไม่เห็นชายนุ่งโจงที่ยืนจังก้ากำหมัดแน่น มองตามรถยนต์ของครองภพจนลับสายตา!   

ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)
(https://blog-imgs-131.fc2.com/d/e/z/dezair/2020012400593064e.jpg)
   ถ้าพาร์ทไหนจะน่ากลัว เดี๋ยวบัวแปะคำเตือนไว้หัวแถว จะได้เอาไว้อ่านตอนกลางวัน ฮ่าฮ่า (แต่เท่าที่เขียนอยู่ตอนนี้  มีน่ากลัวแค่พาร์ทเดียวเองค่ะ เพราะคอนเซ็ปต์เรื่องคือ ปัจจุบัน ผีใดๆก็เป็นแค่ตัวประกอบค่ะ ฮ่าฮ่า)

   ชอบน้องครองเวลาอยู่กับแม่และพี่ชายมากกกก รู้สึกว่าเป็นเด็กน่ารัก เป็นเด็กรักแม่ แต่ซึนใส่พี่ อะไรแบบนี้เลยค่ะ

   แต่กับพี่ร่ม สองตอนมาแล้วที่น้องเขินพี่เขานะคะ แต่ถ้าถามว่าพี่ร่มรู้รึยังว่าน้องเขิน ก็บอกได้เลยว่า...พี่ไม่รู้ ฮ่าฮ่า

   ขอบคุณคนอ่าน คนคอมเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

   เจอกันใหม่พฤหัสหน้า

   สวัสดีตรุษจีนล่วงหน้าด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 23-01-2020 23:54:53
เหยยยย แอบอยากให้รุ่งโรจน์ได้เจอกับครองภพนะเนี่ย อยากรู้ว่าพี่ชายจะทำยังไง ตอนนี้เริ่มสงสัยว่าผีชายนุ่งกระโจมนี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรุ่งโรจน์ด้วยรึเปล่า เพราะมาโผล่ที่บ้านรุ่งโรจน์เฉย หรือจริงๆคือตามติดพี่ร่มอยู่ แต่จะโผล่ออกมาตอนพี่ร่มอยู่กับครองภพ?

พี่ธาดา มือชงสุดยอดดดดดดดดดด 5555555 ชงเก่งจนได้เห็นระดับความพิเศษแบบมากๆๆๆของพี่ร่มในใจครองภพเลย  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 24-01-2020 00:02:19
ครองภพเอ๋ย..
เอ็งนะโดนพี่ร่มเขาหว่านสเน่ห์จนไปไหนไม่รอดแล้วละ  :m20:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-01-2020 00:17:44
หลอนตอนสุดท้าย..นึกภาพตามแล้วแบบ..บรึ๋ยส์ เริ่มเห็นความน่ารักของน้องครอง ซึนๆอึนๆ แต่แอบเขินพี่ร่มอ่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 24-01-2020 00:29:52
เมื่อไหร่จะวันพฤหน้า แงฃฃฃฃฃฃ :katai1: สนุกมากๆค่ะ ลุ้นว่าชาติที่แล้วมีอะไรต่อกันหรอ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 24-01-2020 01:31:12
น้องครองง น่าเอ็นดูแหะหลงเขาแล้วไม่รู้ตัว พี่ร่มใจดีและอบอุ่นมากเลยใครจะไม่หลง แอบหวานเบาๆมาพีคตอนจบ ใครกันละเนี่ยย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-01-2020 07:42:50
เอาอีกแล้วว ผีมากอีกล้าว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-01-2020 08:02:28
รักพี่ธาดาค่ะ

เลิฟ เลิฟ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-01-2020 09:10:02
แม่-พี่ธาดา ครอบครัวครองภพน่ารักมาก และแน่ใจว่าครองภพชอบใครก็ไม่ขัดขวาง
แอบหลอนนิดๆ ตอนสุดท้าย
จะรออีกพฤหัสถัดไปนะ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-01-2020 11:39:35
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-01-2020 17:32:50
ถูกใจพี่ธาดามากๆ เนียน เป็นกามเทพให้น้องครอง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 24-01-2020 18:34:48
พี่โรจน์ต้องรู้อะไรแน่ๆเลยอะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 24-01-2020 20:49:13
ทำไมมันลุ้นขนาดนี้ ผีโจงกระเบนเป็นใคร น้องครองคือแผนใช่ไหมหว่า
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 24-01-2020 21:59:18
ตายแล้ววววว น้องครองเขินพี่ร่มธรรม ได้แต่ อือ กับ ครับ ถึงขั้นพี่ธาดากับคุณแม่ผิดสังเกตุ  คือเสียอาการมากลูกกก 5555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-01-2020 22:03:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-01-2020 03:06:45
อยากเจอพี่เขา ดูออก
แสดงว่าสิ่งนี้อยู่กับพี่คนรองเป็นหลัก? แล้วก็พยายามไม่ให้สองคนนี้เจอกัน?
แล้วตอนที่พี่คนรองขอให้ร่มออกจากวงการ ไปแสดงอิทธิฤทธิ์ยังไง  :ling2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-01-2020 13:25:44
ชายนุ่งโจง มาอีกแล้ว o22 เขาคือใครๆ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 25-01-2020 17:58:55
สนุกมากๆ น่าติดตามสุด อยากให้มีผีปริศนาอีกเยอะๆ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 25-01-2020 22:19:15
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องใหม่ของคุณบัวนะคะ สนุกมากกกก มีปมผูกกันแต่ชาติที่แล้ว ผีบ่าวก็ตามไม่ลดล่ะ นี่ห่วงหรืออาฆาตใครกันแน่?

พี่ร่มน่ารัก น่ากอดมากกก น้องครองน่าตี โนสนโนแคร์ ไม่ประเทศไม่เอาโลก จนพี่ร่มเงิบจนท้อ แต่พอหลุดเขินเท่านั้นล่ะ โวยวายเป็นเด็กน้อย พี่ร่มส่งยิ้มพิมพ์ใจถึงกับใจเหลวเป็นน้ำ โอ้ยย น่าเอ็นดูววตัวเท่าบ้าน อยากเจอพี่เขาจนรีบตามมาเชียว ออกอาการจนพี่ธาดาดูออกแล้วน้องครอง! :laugh:

ขำพี่ธาดาสงสัยแค่ไหนก็ต้องเก็บให้มิด!
คันปากยิบๆก็ต้องทนเด่วไก่ตื่น :hao7:

เราโดนญาติฝ่ายนายเอกตก
ตามญาติฝ่ายนางเอกอย่างป้ารี เข้าแล้วว :katai5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 26-01-2020 01:32:37
นิยมหลัวเด็กนะคะช่วงนี้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 4 (23/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-01-2020 03:47:57
 :katai2-1:
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-01-2020 20:35:40
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………
ตอนที่ 5


   รินฤดีเป็นสไตลิสต์


หล่อนรู้ดีว่าชีวิตในวงการบันเทิงไม่ต่างอะไรกับการยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟ ชีวิตของดารานักแสดงไม่ว่าจะใช่เรื่องส่วนตัวหรือไม่ก็กลับกลายเป็นเรื่องของสาธารณะ การกระทำของคนที่อยู่กลางสปอตไลท์นั้น จะให้มีแต่คนรักก็ไม่ได้ ต่อให้คนที่นิสัยดีที่สุด อย่างไรก็ต้องมีคนเกลียดชัง


   น้องชายของหล่อนเคยอยู่ในวงการมาแล้วเมื่อ 6 ปีก่อน


ตอนเริ่มโด่งดัง มีแฟนคลับติดตามก็มีคนตั้งป้อมเกลียดขี้หน้า พอเขาออกจากวงการ คนรักคนเกลียดก็สลายตัวไป เหลือแค่แฟนคลับกลุ่มเล็กๆที่แวะมาสั่งกาแฟที่ร้านบ้าง จนกระทั่ง 6 ปีผ่านไป เขากลับเข้าสู่วงการอีกครั้ง คนที่เคยรักใคร่บางส่วนก็กลับเข้ามาในชีวิต เช่นเดียวกับคนเกลียดชัง...ที่ดูเหมือนจะไม่ไปไหน


   แต่...หล่อนไม่คิดว่าคนเกลียดจะมาไวถึงเพียงนี้


   หญิงสาวมองกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกพับครึ่งซึ่งเจอในกระเป๋าตนเอง ในกระดาษนั้นมีข้อความสั้นๆ ได้ใจความว่า


   ‘ร่มธรรมต้องออกจากวงการ’


   เป็นประโยคคำสั่ง หรือประโยคขู่ไม่ทราบ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รินฤดีได้รับจดหมายประเภทนี้


   ตอนได้รับครั้งแรก มันถูกเสียบเอาไว้กับที่ปัดน้ำฝนหน้ารถตอนที่หล่อนพาน้องชายคนเล็กไปฟิตติ้งซีรี่ส์เรื่องแรกที่ร่มธรรมรับเล่น พอสอบถามกับคนขับรถ เขากลับบอกว่าไม่รู้มาจากไหน ทั้งๆที่นั่งรอในรถและอยู่ใกล้รถตลอด เพียงแต่มีช่วงหนึ่งที่ไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาอีกครั้งก็พบกระดาษเสียบอยู่


ตอนนั้นหล่อนคิดว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งจากคนในวงการด้วยกันเอง ต้องไม่ลืมว่าเมื่อร่มธรรมกลับเข้าวงการ ต่อให้จะเป็นบทพระรองหรือตัวประกอบ ก็หมายความว่าเขาแย่งงานของใครสักคนไปอยู่ดี วงการบันเทิงนั้นแข่งขันสูง ผลตอบแทนดีเยี่ยม หากจะมีคนรู้สึกว่าร่มธรรมขัดแข้งขัดขา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นหล่อนจึงไม่ถือสา ขยุ้มมันทิ้งไป


   ครั้งที่สอง หล่อนพบในตู้จดหมายที่คอนโดของตนเอง ใช้กระดาษแข็ง พับครึ่งแล้วปะปนอยู่ในกองจดหมาย ใจความสั้นง่าย ด้วยข้อความเดียวกัน


   ‘ร่มธรรมต้องออกจากวงการ’


   เจอครั้งแรกยังพอทำเนา แต่ครั้งที่สองแถมยังอยู่ในตู้จดหมายที่คอนโดของหล่อน รินฤดีก็ชักไม่สบายใจ หล่อนลองสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของคอนโดเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด แต่กลับพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากช่วงหนึ่งที่กล้องดับไป


   รินฤดีพยายามทำใจให้สงบ ไม่กระโตกกระตากเรื่องนี้ให้ใครทราบแม้แต่ตัวของร่มธรรมเอง จนกระทั่ง...เจอกระดาษใบที่สาม


   ครั้งที่สามนี้ หล่อนพบในกระเป๋าสพายของตนเองเมื่อวันก่อนตอนที่ร่มธรรมไปถ่ายซีรี่ส์ ทั้งๆที่คิดว่ากระเป๋าไม่ได้ห่างตัวเลย แต่เจ้าของจดหมายกลับมีโอกาสใส่มันลงในกระเป๋าของหล่อน


   ใคร...ใครที่ทำเรื่องแบบนี้...


   แล้วทำไปทำไม ทำไมต้องอยากให้ร่มธรรมออกจากวงการบันเทิง


   ที่สำคัญไปกว่านั้น


   คนทำ...เหมือนติดตามหล่อนไปทุกที่


   รินฤดีเก็บความไม่สบายใจไม่ไหวอีกแล้ว รีบนัดพบน้องชายคนรองโดยไม่ต้องพ่วงร่มธรรมมาด้วย รุ่งโรจน์ว่างวันนี้ พอดีกับที่อัจฉราชวนร่มธรรมไปทานอาหารเย็น แถมครองภพจะมาถึงร้านดึก แม้จะไม่อยากให้คลาดสายตา แต่หล่อนกลับรู้สึกว่าครองภพไว้ใจได้ อีกทั้งร้านอาหารก็พลุ่กพล่าน ไม่น่ามีใครกล้าทำอะไร พออ้างธุระด่วนขอตัวออกมาก่อน ก็รีบให้คนขับรถพามาหารุ่งโรจน์ที่บ้าน


แต่...พอหล่อนเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง น้องชายคนรองกลับนิ่งสงบ สีหน้าของเขาไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด ทั้งๆที่รินฤดีบอกว่าหล่อนได้รับจดหมายแบบนี้ถึง 3 ครั้ง และทุกครั้งเขียนข้อความเดิม


   “ทำไมแกดูไม่ตกใจเลย นี่จดหมายขู่นะโรจน์”


รินฤดีมองน้องชายคนรองที่นั่งอยู่ตรงหน้า รุ่งโรจน์เป็นตำรวจก็ใช่ อาจจะพบเจอการขู่อาฆาตมามากกว่านี้ แต่นี่เป็นเรื่องของคนในครอบครัว ทำไมยังนั่งนิ่ง มีเพียงคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน


   นายตำรวจหนุ่มเจ้าของบ้านเงยหน้ามอง แล้วถอนหายใจก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้


   “ก็แค่จดหมายขู่...” เขาเอ่ยเสียงพร่า


   “แต่นี่มัน 3 รอบแล้ว แล้วทุกรอบก็เหมือนมาจากคนที่อยู่ใกล้ไอ้ร่ม”


   “ผมจะหาคนมาเป็นบอดี้การ์ดให้แล้วกัน แต่พี่รินไม่ต้องบอกมันเรื่องจดหมายนี่”


รินฤดีมองน้องชายด้วยสายตาประหลาดใจ แต่รุ่งโรจน์นั้นเป็นประเภทบทจะโวยวายก็โวยวาย บทจะเงียบก็เงียบ ตอนที่บิดาเสียเพราะอุบัติเหตุ ทั้งๆที่หล่อนคิดว่าเขาน่าจะเอาเรื่องต้นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่เขากลับเงียบ


   แม้คู่กรณีของอุบัติเหตุในครั้งนั้นจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเช่นกัน แต่ผลชันสูตรพบว่ามีแอลกอฮอลในเลือดสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด รุ่งโรจน์น่าจะโกรธ แต่เขากลับเยือกเย็นแถมยังไปร่วมงานศพของทางนั้นด้วย


   รินฤดีไม่อยากคิดว่ารุ่งโรจน์กำลังปกปิดบางอย่าง แต่ท่าทีสงบของเขาชวนให้แปลกใจ


   “แกไม่ได้ปิดบังอะไรพี่ใช่ไหม”


   น้องชายคนรองไม่ได้พูดอะไร พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มเห็นว่าเป็นน้องชายคนเล็กโทร.มาจึงกดรับสายต่อหน้าพี่สาว คุยไม่กี่คำก็วางสายแล้วหันมาบอกรินฤดี


   “ไอ้ร่มจะมาค้างที่นี่ มันกำลังออกจากร้านแล้ว”


   “อ้าว แล้วมายังไง”


   “มันบอกว่าทางนั้นมาส่ง ผมจะขึ้นไปเปิดห้องให้ไอ้ร่มก่อน ถ้ามันมา พี่ก็เปิดประตูให้มันด้วยแล้วกัน”


รินฤดีรู้ดีว่านี่คือวิธีเลี่ยงที่จะตอบในสิ่งที่หล่อนถามในตอนแรก พอน้องชายคนรองหมุนตัวจะเดินขึ้นบันได หล่อนจึงรีบย้ำคำถามเดิม


   “โรจน์...เรื่องจดหมายขู่เกี่ยวกับเรื่องที่แกไม่อยากให้ร่มอยู่ในวงการรึเปล่า”


รุ่งโรจน์นิ่ง หันมามอง จดหมายฉบับนั้นยังอยู่ในมือเขา แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะขยำมันในอุ้งมือแทนที่จะส่งคืนพี่สาว


   “เอาเป็นว่า ถ้าผมมีอะไรคืบหน้าจะบอกแล้วกัน ถ้าพี่ได้จดหมายอีก ก็เอามาให้ผม ไม่ต้องบอกไอ้ร่ม” รุ่งโรจน์พูดเพียงเท่านั้น ก็หมุนตัวเดินขึ้นห้องทันที ทิ้งให้รินฤดีได้แต่มองตามด้วยความไม่สบายใจระคนสงสัย


   วินาทีนี้ รินฤดีเชื่อหมดใจว่ารุ่งโรจน์รู้เรื่องจดหมายขู่ก่อนที่หล่อนจะถือมันมาหาเขา


   เขารู้ได้ยังไง...


   หรือมันเคยเกิดขึ้น...ก่อนที่จะเกิดกับหล่อน?

.....................................
   


   เรื่องจดหมายขู่ไปไม่ถึงหูของน้องชายคนเล็ก ในขณะที่เรื่องประหลาดของร่มธรรมก็ไปไม่ถึงหูพี่สาวคนโตและพี่ชายคนรองเช่นกัน


   ร่มธรรมรู้ตัวดีว่าพักนี้เขามักนอนไม่ค่อยหลับ หรือถึงหลับไปแล้วก็มักจะสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะฝัน


   จะเรียกว่าฝันร้ายได้ไหมไม่รู้ แต่มักฝันซ้ำๆ ฝันเห็นชายฉกรรจ์นุ่งโจงเก่าๆพูดแต่เรื่องเดิมๆ เรียกเขาว่าคุณหลวง บอกให้เขาระมัดระวัง บอกว่ามีคนโกรธแค้นและจ้องจะทำร้าย


   แต่...ชายหนุ่มคิดไม่ถึงว่าแม้กระทั่งในคืนที่เปลี่ยนที่นอนมาค้างบ้านของรุ่งโรจน์ก็ยังฝันเหมือนเดิม


บ้านของรุ่งโรจน์เดิมทีบ้านนี้เป็นบ้านของพ่อแม่ ตอนเขายังเด็กก็อยู่ที่นี่ จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย บิดาซื้อคอนโดให้ห้องหนึ่งเพื่อให้สะดวกในการเดินทาง พอบิดาเสีย สามพี่น้องตกลงกันว่าบ้านเดี่ยวที่มีอาณาบริเวณเช่นนี้ไม่เหมาะกับพี่สาวที่ยังโสดและสวยอย่างรินฤดี และไม่เหมาะกับร่มธรรมที่ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต อีกทั้งบ้านหลังนี้เป็นความทรงจำของครอบครัว 5 พ่อแม่ลูก จึงตัดสินใจไม่ขายและยกให้อยู่ในความดูแลของรุ่งโรจน์


   ร่มธรรมและรินฤดีแวะมาค้างได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ห้องนอนเดิมของพวกเขายังได้รับการดูแลอย่างดีอยู่เสมอ ห้องนอนในคืนนี้ของร่มธรรมจึงควรจะสร้างความสบายใจเหมือนได้กลับมานอนในที่ที่คุ้นเคย ทว่า...ก็ยังฝัน


   ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเตียงนวดขมับตัวเองเพราะปวดศีรษะจากการพักผ่อนไม่พอ ขนาดหลับไปแล้วก็ยังสะดุ้งตื่นเพราะฝัน


ตัวละครในฝันคราวนี้ก็ยังเป็นตัวละครเดิม...ชายฉกรรจ์นุ่งโจง...


เพียงแต่คราวนี้มาพร้อมกับน้ำตา


   ‘กระผมเป็นห่วงคุณหลวง ห่วงเหลือเกิน’


   ‘มันจะต้องแก้แค้นคุณหลวง คุณหลวงทำให้มันโกรธ’


   ‘แต่ถ้ากระผมยังอยู่ มันจะไม่มีวันได้เข้าใกล้คุณหลวง กระผมจะไม่ยอมให้มันทำอะไรทั้งนั้น!’


ใบหน้าที่หม่นหมองกลายเป็นแข็งกร้าว ดวงตาแดงก่ำวาวโรจน์ ร่มธรรมไม่ทันได้ถามว่าใครที่คิดจะแก้แค้นเขา ก็พอดีสะดุ้งตื่นเสียก่อน แล้วพอตื่น...ก็ยากจะข่มตาหลับ


   ทั้งๆที่เป็นแค่ความฝัน แต่ความกังวลกลับลอยวนไปทั้งหัวใจ ถ้าชายคนนั้นไม่ใช่จิตใต้สำนึกของเขา แต่มีตัวตนจริงๆ คนที่ชายผู้นั้นพูดถึงก็คงมีตัวตนจริงเช่นกัน


   แล้วถ้าอย่างนั้นคือใคร?


   ร่มธรรมข่มตาหลับไม่ลงเพราะคำถามนี้ติดค้างอยู่ในใจ


   ใครกันที่โกรธเกลียดเขาถึงเพียงนั้น


……………………


   แต่คืนนี้ไม่ใช่แค่ร่มธรรมเพียงคนเดียวที่นอนไม่หลับ


อีกมุมหนึ่ง ในความมืดมิด ร่างที่ซุกอยู่มุมห้องกำลังกรีดร้องเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ เสียงโหยหวนนั้นหากใครได้ยินคงขวัญกระเจิง หากได้เห็นดวงตาเบิกโพลงจนแทบเห็นเส้นเลือดคงยิ่งสยดสยอง


   “กูจะฆ่ามึง!!! กูจะฆ่ามึง!!!!”


   “มึงเอาคนของกูไป!!! มึงเอาเขาไป!!!!!”


   “อ๊ากกกกกกก....”


   ทว่าเสียงนี้ไปไม่ถึงใครทั้งสิ้น มันดังอยู่ในมุมมืดเช่นนั้นไปตลอดคืน

.........................


   ครองภพเป็นคนสำรวจตนเองอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งเพราะอาชีพการงานมักมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย การเรียนรู้ว่าตนเองทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนมีประโยชน์ในการพัฒนา ซึ่งนั่นหมายถึงหากมีสิ่งใดที่ผิดปกติ หรือมีเรื่องใดกลายเป็นความสนใจของเขา ชายหนุ่มจึงมักรู้ตัวแต่เนิ่นๆ รวมไปถึง...การที่เขารู้ตัวว่ามีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจตนเอง


   คราวนี้ไม่ใช่ความรู้สึกที่มีต่อกิจกรรม หรือสิ่งของ


แต่เป็นคน


   ...ร่มธรรม…


   เขารู้ดีว่าความรู้สึกที่มีต่อร่มธรรม ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขามีต่อคนอื่นๆ อย่างน้อย การที่เขายอมฝ่าดงจราจรตอนเย็นเพื่อไปพบหน้าร่มธรรมที่ร้านอาหารก็บอกให้รู้แล้วว่าความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายไม่ธรรมดาเลย


   ครองภพเป็นคนทุ่มเท โดยเฉพาะกับเรื่องที่สนใจ ถูกใจ หรือชื่นชอบ ในเมื่อว่ารู้ตัวแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อร่มธรรมนั้นแตกต่างจากที่รู้สึกต่อคนอื่น ยามใดที่มีเวลาว่างแม้เพียงเล็กน้อย เขาจะจดจ่ออยู่กับการหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต


   ข่าวนักแสดงหนุ่มรูปหล่อรอยยิ้มสวยเมื่อ 6 ปีก่อน


   ละครที่มีรายชื่อร่มธรรมร่วมแสดงไม่ว่าจะในฐานะตัวประกอบ ตัวร้าย หรือแม้แต่พระเอก


   บริษัทของสามพี่น้อง รินฤดี รุ่งโรจน์ ร่มธรรม


   แม้กระทั่งงานสไตลิสต์ของพี่สาวคนโต และอาชีพตำรวจของพี่ชายคนรอง เขาก็เก็บข้อมูลเรียบ


   อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย กระทั่งรีวิวร้านกาแฟ ร.รอ เขาก็เข้าไปอ่าน


   “ครอง!” เสียงเรียกดังขึ้น ทำเอาครองภพได้สติ หันกลับไปมอง วิษณุรีบวิ่งเหยาะๆเข้ามาหา หน้าตางุนงง


   “ครองจะไปไหน”


วันนี้ครองภพมาถ่ายแบบที่สตูดิโอแห่งหนึ่งใจกลางเมือง หลังจากงานผ่านพ้นไปด้วยดี เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับแล้ว อยู่ดีๆ ครองภพก็เดินนำทุกคนออกมายังโถงลิฟต์


แต่...เขาไม่ได้หยุดรอลิฟต์ ชายหนุ่มเดินก้มหน้าก้มตาตรงไปยังบันไดหนีไฟแทน วิษณุที่รีบตามออกมาเลยต้องร้องเรียกเอาไว้


   ชายหนุ่มกะพริบตาปริบๆ กวาดตามองรอบตัวแล้วก็พบว่าเขาอยู่ห่างจากลิฟต์ที่ควรจะใช้ แต่กลับอยู่ใกล้ประตูบันไดหนีไฟ ต่อให้เมื่อครู่เขาจะเอาแต่สนใจโทรศัพท์มือถือของตนเอง แต่ครองภพคิดว่าเขาเงยหน้าขึ้นมาดูแล้วว่าต้องเดินไปทิศใดเพื่อไปหยุดที่หน้าลิฟต์ แต่...ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงประตูบันไดหนีไฟ?


อึดใจต่อมา พนักงานของสตูดิโอก็วิ่งหน้าตื่นมาหาพวกเขา


   “จะไปไหนกันครับ บันไดหนีไฟตรงนี้มันใช้ไม่ได้นะครับ มันพัง เอ? เมื่อเช้าเห็นคนเอากระดาษมาติดว่าห้ามใช้แล้วนี่นา”


   “พัง?” น้อยครั้งที่ครองภพจะพูดกับคนที่ไม่สนิท แต่คราวนี้เขากลับอดปากไม่อยู่


พนักงานคนนั้นเบิกตาเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินนักแสดงหนุ่มผู้สงบปากสงบคำออกปากถาม


   “ครับ บันไดมันไม่ค่อยดี เมื่อวานมีคนออกไปสูบบุหรี่แล้วตก...อ่า...เชิญที่ลิฟต์ดีกว่าครับ”


เพราะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ค่อยน่าพูดถึง พนักงานของสตูดิโอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะหลุดปากเล่าไปมากกว่านี้


แม้จะรู้สึกประหลาดใจ แต่ครองภพไม่พูดอะไรอีก หมุนตัวเดินกลับไปที่โถงลิฟต์ วิษณุก้าวตาม ตั้งคำถามด้วยความเป็นห่วง


   “เป็นอะไรรึเปล่า”


   “เปล่า”


“ไหวใช่มั้ย ยังพอมีเวลานะ ถ้าครองอยากจะไปตรวจหรืออะไรสักหน่อยก็ได้”


ไม่ใช่แค่อาการนิ่งงัน แต่สีหน้างุนงงของศิลปินในความดูแล ทำให้วิษณุไม่สบายใจ ช่วงนี้ตารางงานของครองภพแน่นเอี๊ยด นอกจากซีรี่ส์ที่ถ่ายอยู่และใกล้ปิดกล้องแล้ว ยังมีงานละครอีกเรื่องที่กำลังถ่ายทำ งานพิธีกร งานร้องเพลง งานพรีเซ็นเตอร์ ไหนจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ และมีซีรี่ส์ของผู้กำกับฉายที่รอเปิดกล้อง หากร่างกายคนหนุ่มจะอ่อนล้า ก็ควรได้รับการดูแลรักษาแต่เนิ่นๆ


   “ไม่เป็นไร ผมไหว” ครองภพรู้ว่าร่างกายของเขาเป็นปกติทุกอย่าง หนำซ้ำยังแข็งแรงสมกับเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆด้วยซ้ำ แต่...เมื่อครู่เขาไม่มีสติ


   ทำไม...


   เพราะมัวแต่สนใจเรื่องของร่มธรรมอย่างนั้นหรือ


   คำถามนี้ไม่มีคำตอบให้ตนเอง ครองภพจำได้แม่นว่าเขาเงยหน้าขึ้นมาดูแล้วว่าลิฟต์อยู่ตรงไหน แต่ทำไม...ยังเดินเลยลิฟต์ไปยังบันไดหนีไฟ?


   วิษณุไม่ได้ถามอะไรอีก เดินตามนักแสดงหนุ่มกลับไปที่ลิฟต์ แต่อะไรบางอย่างดลใจให้หันกลับไปมองยังประตูบันไดหนีไฟ ชั่วพริบตาเขาเห็นเงาดำทะมึนเป็นรูปร่างคนปรากฏบนประตู แต่พอกะพริบตาถี่ๆ มันกลับหายไปแล้ว


   “พี่ณุ ลิฟต์มาแล้ว” กลายเป็นครองภพต้องเรียกสติผู้จัดการส่วนตัวที่ยืนช็อกตาตั้ง


   “ไปๆ รีบไปกันเถอะ!”


ต่อให้เมื่อครู่จะเป็นเพียงแสงเงาตกกระทบหรือสายตาฟ่าฟางชั่วขณะ แต่วิษณุกลับรู้สึกเย็นสันหลังวาบจนไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว


เขารีบก้าวเท้าเข้าลิฟต์ ตั้งปณิธานว่าถ้านิตยสารรายนี้คิดจะจ้างครองภพมาถ่ายอีกล่ะก็ ขอเป็นงาน outdoor สถานเดียว!


....................   
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-01-2020 20:36:20


วันปิดกล้องสำหรับซีรี่ส์เดินทางมาถึง


คิวสุดท้ายเป็นฉากครอบครัวพร้อมหน้าที่แสนอบอุ่นของ ‘ภาค’ และ ‘ภูมิ’ แน่นอนว่านี่ย่อมไม่ใช่เส้นเรื่องในความเป็นจริงที่น้องชายฆ่าตัวตาย ในขณะที่คนเป็นพี่หมดสิ้นซึ่งความถือดีโอหัง แม้ไม่ได้กล่าวรวบรัดว่าสุดท้ายแล้วพี่ชายผู้เคร่งครัดเจ้าระเบียบใช้ชีวิตเช่นไรต่อไป แต่ครอบครัวสุขสันต์ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง


   แต่บทละครอย่างหนึ่ง ชีวิตจริงย่อมเป็นอีกอย่าง


   แม้ซีรี่ส์จะถูกถ่ายทำจนจบแล้ว ครองภพกับร่มธรรมควรแยกย้ายกันไปทำงานของตน ทว่ากลับมีข่าวลือในอินเตอร์เน็ตว่าพบนักแสดงหนุ่มรูปหล่อชื่อดังในร้านกาแฟแห่งหนึ่งบ่อยเป็นพิเศษ


   “อเมริกาโน่แก้วใหญ่”


ลูกค้าหนุ่มร่างสูงผู้สวมทั้งหมวกแก็ปและผ้าปิดปากปิดจมูกไม่ทันได้สั่งออเดอร์ ชายหนุ่มเจ้าของร้านที่วันนี้มาคุมตำแหน่งแคชเชียร์ด้วยตนเองก็เอ่ยขึ้นมาก่อน พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าและดวงตาพราวระยับ


   วันนี้เป็นอีกวันที่ร่มธรรมต้องทำงานทั้งที่บริษัทและมาดูแลร้านกาแฟ ขนาดยังไม่มีงานในวงการบันเทิง เพราะรอเปิดกล้องโปรเจ็คใหม่ของผู้กำกับฉาย เขายังเหนื่อยจนหน้าตาซีดเซียว ทว่าตอนใกล้จะปิดร้าน ลูกค้าคนท้ายๆของวันนี้กลับทำให้ดวงตาของร่มธรรมเต็มไปด้วยประกายอีกหน


   ดวงตาเรียวใต้ปีกของหมวกแก็ปเบิกขึ้นเล็กน้อย มันส่อประกายดุคนรู้ทันแต่ก็ไม่โต้เถียง เจ้าของร้านหนุ่มเลยยิ่งได้ใจ


   “เอาขนมมั้ย พี่คิดราคาเต็มนะ”


เพราะเคยถูกบอกปัดแถมด้วยสายตาดุๆ ร่มธรรมก็เริ่มทำความเข้าใจนิสัยของครองภพอย่างละเอียด เจ้าตัวไม่ใช่คนหยิ่งทะนงถือดี แต่ที่ไม่รับขนมจากเขาฟรีๆ เพราะไม่อยากให้เขา ‘ให้’ จนกลายเป็นความลำบากใจต่างหาก


   แต่เจ้าตัวจะรู้บ้างไหมว่าเขาไม่ได้ลำบากใจเลย หมู่นี้ครองภพทำงานหนัก นอกจากข่าวตามสื่อที่มักเห็นไปปรากฏตัวตามงานบ่อยๆแล้ว ก็เป็นฝ่ายครองภพเองที่เล่าให้เขาฟัง


   ใช่...ยามทุ่มกว่าๆก่อนปิดร้านเช่นนี้ ลูกค้าคนท้ายๆของวันในช่วงเวลาที่แทบไม่มีลูกค้าแล้วก็คือครองภพที่เข้ามาสั่งเครื่องดื่มอย่างเดิม และเดินไปนั่งพักที่โต๊ะเดิม โดยมีเจ้าของร้านอย่างร่มธรรมไปนั่งเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะด้วยทุกที ห้านาทีบ้าง สิบนาทีบ้าง หรือถ้าพอมีเวลา ครองภพก็จะนั่งจนกระทั่งร้านปิด ต่างคนถึงได้แยกย้าย หรือหากไม่มาด้วยตนเอง ก็มักจะส่งวิษณุมาซื้อเสมอ ยกเว้นก็แต่ติดงานต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ แต่ถึงอย่างนั้นร่มธรรมจะรู้ล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายไม่อยู่


   “เอาแบบเดิม 2 ชิ้น”


จำนวนชิ้นที่มากกว่าเดิมเท่าตัวทำเอาร่มธรรมเลิกคิ้วเล็กน้อย


   “ยังไม่ได้กินอะไรมาเหรอ”


   “อือ เพิ่งเสร็จงาน นึกว่าจะมาไม่ทัน...”


ประโยคหลังนั้นเบาหวิวอยู่ใต้ผ้าปิดปากปิดจมูก แน่นอนว่าร่มธรรมย่อมไม่ได้ยิน หรือถึงได้ยินก็คงไม่คิดว่า ‘มาไม่ทัน’ จะหมายถึงความกังวลว่าจะแวะมาร้านกาแฟ ร.รอ ไม่ทัน


   “งั้น...กินข้าวไหม”


   “มี?” 


แม้ร้านกาแฟแห่งนี้จะมีขนมปังและของว่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเมนูอาหารหลัก


   “ที่นี่ไม่มี แต่แถวนี้มีร้านอร่อยอยู่นะ น้องครองต้องไปไหนต่อรึเปล่า”


   “จะชวนผมไปกินข้าว?”


   “อ้าว ก็ยังไม่ได้กินอะไรมาไม่ใช่เหรอ ร้านนี้อร่อยจริงๆนะ ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือนี่อย่างงี้เลย แกงเลียงก็อร่อย ทอดมันปลากรายนี่สุดๆ แล้วมีผักออแกนิกให้ทุกโต๊ะด้วย สายกินผักต้องชอบ”


แม้ดาราหนุ่มรูปหล่อจะปิดหน้าปิดตา แต่ให้อย่างไรก็ปิดลูกกระเดือกที่วิ่งขึ้นลงไม่ได้ ร่มธรรมหัวเราะเสียงใส


   “พี่ถามอีกครั้ง ไปมั้ย ผักออแกนิกทุกโต๊ะจริงๆนะ”


ปิดท้ายด้วยโฆษณาชวนเชื่อสำหรับสายกินผักอย่างครองภพ


ข้อดีของการเป็นคนช่างสังเกต ทำให้ร่มธรรมจดจำลักษณะบางประการของคนที่เคยร่วมงานกัน ครองภพชอบกินผัก ยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีกเมื่อมีโอกาสได้ไปร่วมโต๊ะกับอัจฉราและธาดา ทั้งสองคนยืนยันว่ารายนี้เป็นหนุ่มยุคใหม่ที่รักสุขภาพเป็นชีวิตจิตใจ


   “อือ” เป็นคำตอบในคอที่ทำเอาคนชวนยิ่งหัวเราะ


น่ามันเขี้ยว...จนครองภพเผลอเม้มปากแน่น


ทั้งๆที่อีกฝ่ายอายุมากกว่าเขาถึง 6 ปีแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่าความแตกต่างของวัยไม่ได้ทำให้เอ็นดูหนุ่มรุ่นพี่น้อยลงเลย


   ทว่ามันกลับมากขึ้น...มากขึ้นเรื่อยๆ


   มากจน...ไม่เพียงแค่กลายเป็นความรู้สึกอื่น แต่ยังเป็นความรู้สึกอื่นที่อัดแน่นไปทั้งหัวใจ


   ร้านใกล้ปิดแล้วจึงเหลือลูกค้าอีกแค่ 2-3 คน ร่มธรรมหันไปสั่งพนักงานร้านให้ดูแลต่อ ก่อนจะหยิบกุญแจรถ แล้วพากันออกจากร้าน แวะไปบอกกับผู้จัดการส่วนตัวของครองภพที่อยู่ในรถซึ่งจอดรออยู่ ก่อนจะเดินเลยไปยังรถของร่มธรรม


   แม้จะเป็นช่วงหัวค่ำ แต่ย่านใจกลางเมืองไม่ได้มืดมิด ต่อให้ครองภพจะปิดบังใบหน้า แต่ในความเป็นจริงย่อมมีคนจดจำเขาได้ และหนึ่งในนั้นคือลูกค้าของร้านกาแฟ ร.รอ ที่มองตามรถยนต์ของร่มธรรมจนลับสายตา


……………….


    ร้านอาหารเล็กๆในซอยลึกย่านใจกลางเมืองไม่ใช่สถานที่เปลี่ยว แม้จะเป็นร้านเงียบๆ แต่ลูกค้าไม่ได้บางตา


ตอนที่ร่มธรรมและครองภพไปถึง โชคดีที่มีโต๊ะว่าง พอนั่งโต๊ะรับเมนูมาได้ คนหิวก็พลิกดูอย่างไว แต่พลิกไปพลิกมา สุดท้ายก็เงยหน้ามองหนุ่มรุ่นพี่ที่พามา ถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งมองเขายิ้มๆ ไม่ได้ดูเมนูสักนิด


   “ยิ้มอะไร” ครองภพถาม ตีหน้าขรึม


   “ยิ้มคนหิว น้องครองดูเมนูแบบทุกอย่างน่ากินไปหมด”


คนถูกหยอกว่าเป็นคนหิวชะงักกึก คราวนี้สายตาของครองภพมีประกายวาววับแบบเดียวกับที่จับจ้องเมนูอาหาร ร่มธรรมรู้สึกเก้อเขินอย่างประหลาด เหมือนตนเองเป็นหนึ่งในเมนูอาหารของคนหิว เลยต้องรีบเสสายตาลงมองเมนูในมือแทน


   “อ่า...สั่งอะไรดี”


   “ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ” เสียงทุ้มจากคนอายุน้อยกว่า ทำเอาคนโฆษณาชวนเชื่อด้วยเมนูนี้เบิกตาโตเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะ


   “ก็คุณบอกเองว่าอร่อย” คนหิว เดิมทีก็ควรจะโมโหหิวแล้วโวยวายตะพึดตะพือกลับทำเพียงสีหน้าหงุดหงิดหัวใจเล็กๆเท่านั้น เหตุผลจะเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่คนหัวเราะคือร่มธรรม


   “โอเคๆ งั้นข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ แล้วก็แกงเลียง ทอดมันปลากราย เอาอะไรอีกสักอย่างดี น้องครองอยากทานอะไร”


   “สั่งข้าวจานเดียวจะพอเหรอ”


   “พอ นี่ค่ำมากแล้ว พี่ทานเยอะไม่ได้ อาหารไม่ย่อย”


   “กินเสร็จก็เดินย่อยก่อน ทำไมจะไม่ย่อย”


   “คุณครองภพว่างหรือครับ พรุ่งนี้ไม่มีงานหรือ”


   “ก็...มี...”


เดิมทีครองภพให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานเป็นอันดับต้นๆ แต่เวลานี้เขารู้ดีว่ามีใครอีกคนขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆในชีวิตของเขาเพิ่มแล้ว งานก็อยากทำเหมือนเดิม แต่พอมีอย่างอื่นด้วย ครองภพคิดว่าเขาคงต้องหาวิธีจัดสรรเวลาใหม่


   “นั่นไง กินเสร็จก็กลับไปพักผ่อน พี่รับปากกับคุณณุไว้แล้วว่าจะไม่พาเถลไถล กินข้าวเสร็จแล้วจะพาไปส่งถึงคอนโด”


   “ทำตัวอย่างกับเป็นแม่...”


ร่มธรรมอ้าปากค้าง ย้อนถามเสียงดุ


   “พูดให้ดีๆ ใครเป็นแม่”


   “ผมอยากกินยำส้มโอด้วย” ครองภพไม่ตอบแต่พูดไปเรื่องอื่นแทน คนอายุมากกว่าเห็นอีกคนเปลี่ยนเรื่องเลยได้แต่ส่งสายตาคาดโทษ แต่คนตรงหน้าเป็นเด็กดื้อเงียบขนานแท้ ทำเป็นมองเมินไปทางอื่นไม่พูดไม่ย้ำเรื่องเดิมอีก คนคาดโทษย่อมทำอะไรไม่ได้นอกจากไล่เลียงรายการอาหารแล้วก็หันไปเรียกพนักงานมาสั่ง


พอมีเวลากันสองคนบนโต๊ะในช่วงที่รออาหาร ครองภพก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน


   “พรุ่งนี้เย็น ผมต้องบินไปถ่ายงานที่ญี่ปุ่นนะ”


   “โห ดีจัง ไปแถวไหน”


   “โตเกียว ไปพรุ่งนี้ มะรืนก็กลับ อยากได้อะไรรึเปล่า”


   “ไม่หรอก แต่บินอย่างกับนกเลยนะ เมื่อวานพี่เพิ่งเห็นข่าว คนแถวนี้ทำสนามบินแตก” ประโยคหลังนั้นส่อแววล้อเลียนทั้งคำพูดและแววตา


   “ดูข่าวอะไรแบบนั้นด้วย?”


   “ก็พี่อยากทำงานในวงการต่อ ก็ต้องอยากดูข่าวบันเทิงสิ”


   “แล้วงานคุณเป็นยังไงบ้าง”


   “งานบริษัทก็เรื่อยๆ พี่รินมาช่วยดูด้วย ส่วนร้านกาแฟก็...ช่วงนี้ลูกค้าเยอะ แปลกแต่ก็ดี แล้วก็...รอเปิดกล้องเรื่องนั้น น้องครองก็เล่นด้วยใช่มั้ย”


เพราะเรื่องของร่มธรรมยังไม่โดดเด่นเข้าตาใครมากนัก เวลานี้นอกจากเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทของครอบครัวของครองภพและซีรี่ส์ของผู้กำกับฉายที่รอเปิดกล้อง ก็เหลือแค่เรื่องที่ถ่ายทำไปแล้วซึ่งกำลังจะรอออนแอร์ ครองภพเชื่อว่าต่อให้ซีรี่ส์เรื่องนั้นจะไม่ดังเป็นพลุแตก แต่ร่มธรรมต้องกลับเข้ามามีพื้นที่สื่อในวงการได้แน่นอน


   “ผมได้ยินว่าซีรี่ส์จะออนล็อตหน้า”


   “จริงเหรอ ดีเลย อยากดูแล้ว”


   “เตรียมตัวไว้บ้างรึยัง” ร่มธรรมเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำถามนั้น


   “อย่างเรื่องข่าว...” คำว่าข่าวในความหมายของครองภพย่อมไม่ใช่ข่าวดี


ร่มธรรมพอจะรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายถูกคลื่นข่าวโจมตีอย่างไรบ้างตลอดเวลาที่อยู่ในวงการบันเทิง อุตสาหกรรมประเภทนี้ให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็ซัดเอาผลกระทบมาไม่น้อยเช่นกัน


   เขาเองก็เคยอยู่ในเส้นทางนี้มาก่อน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และเมื่อนานมาแล้ว ยุคสมัยอาจจะเปลี่ยนไป ความรุนแรงของอาวุธร้ายในวงการนี้ย่อมเพิ่มระดับและปรับเปลี่ยนรูปแบบ แต่ร่มธรรมก็ยังเชื่อว่าตัวตนของเขาจะรับมือกับมันได้


   “อะไรที่มันเป็นความจริง ก็คือความจริง อะไรที่มันไม่ใช่ความจริง ความจริงจะบอกเองว่ามันไม่ใช่”


   “คุณพูดเหมือนความจริงจะช่วยคุณทันเวลา”


“ไม่ใช่ความจริงที่ช่วยทันเวลา แต่ตัวพี่เองต่างหากที่ต้องช่วยตัวเองจากเรื่องไม่จริง”


ร่มธรรมเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมอ่อนข้อให้กับทุกคนในชีวิต อาชีพนักธุรกิจทำให้เขาอ่อนน้อม รู้จักเข้าหาทุกคน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับทุกข้อเสนอที่คนรอบข้างยื่นให้


 “ชีวิตเราทุกคนมีเรื่องให้ปกปิดทั้งนั้น พี่เข้าใจว่าเรื่องพวกนี้มันหอมหวานในวงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี ถ้ามันจั่วหัวว่าเรื่องลับ ยังไงก็ขายได้ ถ้ามันเป็นเรื่องดีที่พี่เก็บเอาไว้และไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ พี่จะไม่ยอมให้ใครหากินกับเรื่องที่ดีของพี่ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องไม่ดี...แล้ววันหนึ่งมันถูกเปิดเผยขึ้นมา พี่ก็ทำได้แค่ยอมรับมัน”


ร่มธรรมยิ้มจาง คิดถึงชีวิตของตนเองที่มีอีกเสี้ยวส่วนที่ไม่อาจบอกใครได้


ความฝันประหลาด ชายนุ่งโจง และเด็กหนุ่มที่ชื่อไอ้แผน


ครองภพมองคนตรงหน้า ชั่วขณะหนึ่งรู้สึกเหมือนความรู้สึกของตนเองนอกจากจะผลิดอกไปในทิศทางหนึ่งแล้ว อีกทิศทางที่มันแตกหน่อคือความศรัทธา


ร่มธรรมทำให้รู้สึกถึงคนที่เข้าใจชีวิต มีสติกับทุกสิ่งที่ทำ อาจจะค่อยเป็นค่อยไป แต่ไม่ได้หมายความว่ารีรอ เพียงแค่พิจารณาทุกอย่างด้วยความรอบคอบ เพราะชีวิตของเขามีปัจจัยมากมาย จะคิดจะทำสิ่งใด ย่อมไม่อาจมุ่งตรงเช่นครองภพ


เหมือนเห็นอีกคนที่พื้นเพความคิดคล้ายคลึงกัน เพียงแต่เติบโตกันคนละแบบ ครองภพรู้สึกเหมือนตนเองพบเจออีกครึ่งหนึ่งของเขาที่ไม่เคยคิดว่ามีอยู่ แต่เมื่อพบเจอก็ไม่อาจปล่อยไปได้แล้ว


   อาหารจานแรกมาถึงโต๊ะ แต่คนหิวไม่ได้สนใจอาหารอีกแล้ว


สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ความรู้สึกตกผลึกจนแน่ใจ


   ไม่ใช่แค่ความสนใจ ไม่ใช่แค่ความถูกใจ ไม่ใช่แค่ความชื่นชอบ แต่เป็นความรู้สึกอื่นที่ทรงพลังและมันทำให้เขาตัดสินใจแน่วแน่


เขาจะคว้าร่มธรรมเอาไว้ จะไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปอีกแล้ว


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

(https://blog-imgs-131.fc2.com/d/e/z/dezair/202001302237503f9.jpg)

   ถ้า โซ่ ไออาร์จากวาระซ่อนเร้นคือคนที่บัวรู้สึกว่าเขาคือคนที่ทำให้โลกสว่างสดใส ร่มธรรมคือคนที่ทำให้บัวรู้สึกสงบมากเลยค่ะ แล้วถ้าบัวรู้สึกแบบนั้น น้องครองก็คงรู้สึกใกล้ๆกันนะคะ ฮ่าฮ่า

   หลังจากตอนนี้คิดว่ามีบางคนเดาเรื่องถูกแล้วแน่ๆล่ะ เดาอะไรยังไง มาเล่าสู่กันฟังนะคะ

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและทุกกำลังใจค่ะ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วย   

   เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-01-2020 21:23:10
เดาว่าพี่โจงแดงแอบรักพี่ร่ม เลยเกลียดน้องครอง พี่โรจน์ก้อดูแปลกๆ ไม่น่าไว้ใจเลย แต่น้องครองเท่มากคิดว่าใช่แล้ว จะไม่ปล่อยพี่ร่มให้หลุดมือ แดดดี้สุดๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-01-2020 21:35:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 30-01-2020 22:21:18
พี่โรจน์ต้องรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของร่มธรรมแน่ๆ เลยไม่อยากให้น้องกลับเข้าสู่วงการอีก แต่เมื่อน้องยืนยันอยากจะทำ เลยต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรม... อ่าาาา ไม่สิ เห็นว่าจะหาบอดี้การ์ดให้นี่  จริงๆ แล้วให้ครองภพเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวไปเลยก็น่าจะดีนะ ผีคงกลัว :hao3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 30-01-2020 22:28:36
พี่คนรองต้องรู้อะไรแน่ๆ แถมย้อนไปตอนเสียคุณพ่อแล้วไม่เอาผิดด้วย แปลกกกกกก โอยอยากอ่านตอนหน้าแล้วจ้า  :katai1:
น้องครอง รู้สึกเร็วมากๆ ดูแปลกๆ เช่นกัน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 31-01-2020 00:10:18
เด็กกรุบๆ จร้า
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 31-01-2020 00:12:08
แอบน่ากลัวเบาๆ แงงงง รอตอนต่อไปนะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-01-2020 07:41:12
คนที่นอนร้องคร่ำครวญยังมีชีวี๊ตตต
มันเป็นใคร๊ยยย
น่ากลัวแทนร่มเลยอะ
เหนืออื่นใด ความรู้สึกของ
น้องครองก็ช่างพัฒนาได้รวดเร็ว
และรุนแรงนัก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-01-2020 08:36:41
มันต้องมีอะไรซ่อนเงื่อนกว่านี้แน่ มันชัดไป ต้องมีอะไรผิดแปลก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 31-01-2020 14:21:37
มันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากพรหมลิขิตชักนำ สนุกมาก รักเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 31-01-2020 15:33:36
โอ้ยยย น้องครองปักมุดเเล้วเรียบโร้ยย จะเอาพี่ร่ม! จะเอาคนนี้ จะไม่ปล่อยให้หลุดมือ พี่ร่มต้องเป็นของครอง!!! เด็กมันร้ายอ่ะหัวหน้า  :laugh:

พี่รองรู้อะไรที่มากกว่าแค่ขู่หรือเปล่า? แล้วทำไมต้องใช้วิธีหลีกเลี่ยงด้วยการให้น้องออกจากวงการ แทนที่จะจัดการกับต้นตอ ทั้งที่ก็เป็นตำรวจ ว้อท!? :katai1:

ถ้าเดาแบบไม่ซับซ้อน ก็รักต้องห้าม
คุณหลวงกับไอ้แผน
ที่มีใจให้กัน แล้วผีโจงแดงที่จงรักภักดีเกินหน้าที่ สร้างเรื่องให้เข้าใจผิด จนผิดใจกันแล้วใส่ร้ายป้ายสี จนอาฆาตแค้น แต่ผีโจงมันคิดว่าแค้นคุณหลวง จริงๆแค้นมันนี่ล่ะ คุณหลวงถึงแค้นก็รัก


แต่ผีกับน้องครอง ใครจะน่ากลัวกว่ากันนี่สิ :hao7:


หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 31-01-2020 20:23:52
งู้ยยน้องครองจะรุกแน้วว :laugh:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 01-02-2020 00:27:00
น้องครองเป็นคนรู้จักและรู้ใจตัวเองจริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-02-2020 00:57:01
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mr_longza ที่ 01-02-2020 02:21:55
 o13
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 01-02-2020 21:19:34
 ไม่เรียกพี่ ไม่เห็นเป็นพี่  :katai2-1:  :-[
  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-02-2020 22:48:24
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 02-02-2020 01:37:13
ขนาดไม่สนใจนะ  ครองภพ  :mew5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 02-02-2020 19:07:15
สนิทกันแล้ว พี่โรจน์ต้องเป็นตัวแปรอะไรสักอย่างแน่เลย หรือไม่ก็ต้องรับรู้การมีอยู่ของโจง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 03-02-2020 20:04:31
สนุุุกและน่่่าติิิดตามมากครับ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 04-02-2020 09:44:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 04-02-2020 22:25:56
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 4 (30/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 05-02-2020 19:57:02
เห็นชื่อคนแต่งก็รีบเข้ามาอ่านอย่างไว บอกเลยไม่ผิดหวังค่าาาาาาา :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 06-02-2020 19:53:08
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 6


สายลมเอื่อยพัดผ่านซุ้มใต้ต้นไม้ใหญ่ หลวงสุนทรวิจักษ์ใช้วันว่างเพื่อพักผ่อนด้วยการอ่านหนังสือ ข้างกายมีนายช่วงผู้เป็นบ่าวคนสนิทคอยอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะต้องการสิ่งใด เพียงแค่เปรยเล็กน้อย ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ก็พร้อมจะหามาให้โดยทันที


ดังนั้นเมื่อชายสูงวัยปรายสายตาไปยังนายช่วง ร่างฉกรรจ์จึงรีบค้อมกายต่ำพร้อมรับใช้


   “วันนี้ไอ้แผนมันไปเรียนไหม”


ทว่าคำถามของผู้เป็นเจ้าของบ้านกลับทำให้นายช่วงนิ่งงันเงยหน้ามอง


   “ไอ้แผนหรือขอรับ”


หลวงสุนทรวิจักษ์หันมามองคนย้อนถามเต็มสองตา นายช่วงจึงก้มตัวต่ำมากกว่าเดิม


   “ไม่ทราบขอรับ อาจจะไปเที่ยวเล่น หมู่นี้มันมีเพื่อนใหม่ คงจะเตร็ดเตร่ไปทั่ว”


   “ไว้กลับมา แล้วให้มาพบฉัน”


   “คุณหลวงจะพบมันหรือขอรับ เอ่อ...ถ้าหากคุณหลวงต้องการอะไร กระผมจะ...” นายช่วงคิดจะเสนอ แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าไปมา


   “แค่จะถามมันเรื่องเรียนหนังสือก็เท่านั้น ไว้มันกลับมาก็ให้มันขึ้นไปพบบนตึกแล้วกัน”


   เพราะไม่พอใจที่หลวงสุนทรวิจักษ์เอื้ออาทรต่อไอ้แผนผู้ไม่มีหัวนอนปลายเท้า หนำซ้ำยังเคยกระทำผิดขโมยหนังสือของคุณเทพไปเมื่อคราวก่อน นายช่วงจึงคิดจะทำเป็นลืมเลือน แต่เมื่อท่านทวงถามถึงมันอีกหน เขาก็จำต้องให้คนไปตามมา


   เด็กชายวัยสิบสองเศษนั่งคุกเข่าอยู่แทบเท้าผู้เป็นเจ้าของบ้าน หลวงสุนทรวิจักษ์ไม่กล่าวสิ่งใด นอกจากส่งสมุดให้หนึ่งเล่ม


   “เอ็งลองเขียนกลอนขึ้นมาสักบท”


   “เขียนกลอนหรือขอรับ” ไอ้แผนเงยหน้าถามอย่างตื่นๆ แต่ก็ยอมรับสมุดไปเขียน หลวงสุนทรวิจักษ์ไม่ได้เร่งเร้า เพียงนั่งอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ เป็นฝ่ายนายช่วงที่เอาแต่ชะเง้อคอมองเด็กชายผู้กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือ ทว่าสายตานั้นหาได้ปรารถนาดีสักนิด


   พักหนึ่ง สมุดก็ถูกส่งคืน หลวงสุนทรวิจักษ์รับไปดู ก่อนจะลดสายตาลงมอง


   “ลายมือแปลก”


นายช่วงยกยิ้มมุมปาก อยากเย้ยหยันว่าคนอย่างไอ้แผนนั้นไร้สกุลรุนชาติ จะมีลายมืออย่างผู้ดีได้อย่างไรกัน ทว่าหลวงสุนทรวิจักษ์กลับเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


   “แต่เขียนกลอนได้ดี”


รอยยิ้มของนายช่วงหายวับ ทว่าบนใบหน้าของไอ้แผนกลับปรากฏรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจ


   “เอ็งต้องฝึกเขียนให้มาก จะรับราชการ จะเป็นเสมียน ลายมือเอ็งต้องไม่พิลึก”


   “ขอรับ! กระผมจะตั้งใจฝึกให้มากกว่านี้”


   หลวงสุนทรวิจักษ์พยักหน้ารับ ส่งสมุดคืน


“จากนี้ เอ็งต้องหัดเขียนกลอนมาส่งทุกวัน เขียนลงสมุด จะได้เก็บไว้ดูว่าเขียนดีขึ้นเพียงไร”


“ขอรับ!” เด็กชายรับคำอย่างแข็งขัน คุณหลวงจึงหันไปหยิบขนมห่อกระดาษสามาส่งให้ ไอ้แผนทำตาโตอย่างคาดไม่ถึง ทว่าไม่กล้ารับ จึงยักแย่ยักยันไม่รู้จะเอื้อมมือไปหาหรือไม่


   “รับไปสิ รางวัลที่เอ็งเขียนกลอนได้ดี”


   “ขอบพระคุณคุณหลวงขอรับ” เด็กชายเอื้อมมือไปรับขนมในห่อกระดาษสีสด ดวงตาใสบริสุทธิ์มองขนมในมือตนด้วยความดีใจ


ทว่า...นายช่วงกลับไม่หลงเหลือความดีใจใดๆอีกแล้ว


เขาจับจ้องมันด้วยความเกลียดชัง ทว่าเมื่อเคลื่อนสายตากลับมาที่หลวงสุนทรวิจักษ์ผู้เมตตา ดวงตาของนายช่วงกลับเต็มไปด้วยความเทิดทูน


   เทิดทูนคนผู้หนึ่ง แต่คนผู้นั้นกลับอาทรเด็กไร้สกุล


   ไม่มีสิ่งใดในจิตใจ นอกเสียจากความอิจฉาริษยาเท่านั้น!


   ...............


   ........


   ...


แม้จะอยากใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น แต่ครองภพรู้ตัวว่าเขามีงานต่อในตอนเช้า และร่มธรรมก็ไม่ใช่คนเสียคำพูด เมื่อรับปากกับวิษณุแล้วว่าจะไม่พาเถลไถล หลังออกจากร้านอาหารก็ขับรถพาคนข้างกายไปส่งถึงคอนโด


คอนโดสูงสามชั้นในซอยใจกลางเมือง อยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟ ร.รอ ร่มธรรมเลิกคิ้วคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้ ตอนที่รถยนต์จอดที่หน้าทางเข้าอาณาเขตคอนโดซึ่งมีไม้กั้น เป็นฝ่ายครองภพที่ต้องเปิดกระจกลงให้รปภ.เห็นหน้า เพียงเท่านั้นก็ได้รับการเชื้อเชิญเข้าไปจอดที่ใต้อาคารอย่างดี


   “โอ้โฮ ระบบรักษาความปลอดภัยเยี่ยมไปเลย”


   “ถ้าป้ายทะเบียนรถไม่ใช่เลขที่ลงทะเบียนไว้ ต้องให้เจ้าของห้องที่นี่แจ้ง แต่ผมจะเพิ่มรถคุณเอาไว้ด้วย คราวต่อไปก็เข้ามาได้เลย”


คนฟังรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ดีใจอย่างประหลาดที่ได้รับความสำคัญจากอีกฝ่าย


   รถจอดสนิท เจ้าของคอนโดก็หันมาถาม


“จะขึ้นไปห้องผมก่อนไหม”


ร่มธรรมส่ายหน้า “พรุ่งนี้ต้องเดินทางไม่ใช่หรือ ครองขึ้นไปพักเถอะ”


ครองภพไม่ดื้อดึง พยักหน้ารับแต่ไม่วายเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง


   “งั้นพรุ่งนี้เช้าผมจะเข้าไปซื้อกาแฟ ไปทำงานแล้วก็คงเลยไปสนามบินเลย”


   “อเมริกาโน่เย็นแก้วใหญ่นะ แก้วเก็บความเย็นของครองยังอยู่ที่ร้าน พี่จะทำเตรียมไว้ให้ พรุ่งนี้แวะมาเอาจะได้ไม่ต้องรอ เอาขนมด้วยไหม”


   “ไม่เอา คงกินไม่ทัน”


   “คุ้กกี้ล่ะ ถือติดไปเผื่อหิว”


   “เหมือนแม่จริงๆ...”


   “เฮ้ๆ ใครเหมือนแม่”


   “เอาเป็นว่าเตรียมอะไรให้ ก็เอาแล้วกัน” นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องตอบ สีหน้ามีแววเอ็นดูคนช่างดูแล ก่อนจะแบมือออกมา


   “ผมขอมือถือคุณได้ไหม”


ร่มธรรมงุนงง แต่ก็ส่งโทรศัพท์ให้แต่โดยดี ครองภพรับไปกดไม่กี่อึดใจก็ส่งกลับ


   “ไอดีกับเบอร์ติดต่อของผม ถึงสนามบินแล้วจะบอก แล้วถ้าถึงญี่ปุ่นก็จะบอกอีกที”


   เจ้าของโทรศัพท์กะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง รับของตนเองกลับมาก็ยังงุนงง แต่พออีกฝ่ายลงจากรถ ครองภพก็ยังหันมาทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังถูกโจมตีด้วยความรู้สึกหวานละมุน


   “คุณถึงบ้านแล้วบอกผมด้วยนะ ขับรถดีๆ”


   “อ...อื้อ...พรุ่งนี้...เดินทางปลอดภัย”


   “ขอบคุณครับ”


   เช้าวันต่อมา รถแวนของครองภพก็มาจอดที่หน้าร้านกาแฟ ร.รอ แต่เช้า เวลานี้ลูกค้าเริ่มเยอะแต่ไม่เป็นอุปสรรคเลยสักนิด เพราะทันทีที่รถมาจอด เจ้าของร้านที่รออยู่แล้วก็ถือแก้วเก็บความเย็นและถุงขนมออกไปส่งให้ถึงที่ ได้ยินเสียงบ่นแว่วๆจากคนข้างในรถว่าให้ขนมมามากเกินไป ลงบัญชีไว้ด้วย


   แล้วพอค่ำวันนั้น ก็มีข้อความเข้าโทรศัพท์ของร่มธรรมเป็นประโยคสั้นๆ


   ‘ถึงสนามบินแล้วครับ’


   แล้วอีกพักหนึ่งก็ส่งมาอีก


   ‘รอในเล้าจน์แล้ว’


   ไม่นานนักก็ส่งมาอีกข้อความ


   ‘บอร์ดดิ้งแล้ว’


   การรายงานดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดลงง่ายๆถ้าร่มธรรมไม่ตอบกลับไปว่า ‘เดินทางปลอดภัย’ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่ออยู่บนเครื่องบิน คนเดินทางก็ยังสู้อุตส่าห์ส่งรูปตอนดวงอาทิตย์ขึ้นที่เส้นขอบฟ้ามาให้ดู


   แล้วเริ่มต้นเช้าวันใหม่ของร่มธรรมด้วยข้อความที่ส่งมาเพิ่มเติม


   ‘ถึงโตเกียวแล้วครับ’


   คนที่กรุงเทพฯตื่นมาเปิดข้อความนี้อ่านเป็นข้อความแรกรับเช้าตรู่ ก่อนจะซุกหน้ายิ้มกับหมอน


   ไม่น่าเชื่อว่าประโยคสั้นๆจากคนไม่ขยันพูดกลับสื่อความรู้สึกบางอย่างจนอุ่นซ่านไปทั้งอก


   ทั้งๆที่ต้องทำงานเร่งด่วนภายใต้เวลาอันจำกัด แต่คนที่ไปทำงานถึงโตเกียวไม่เพียงแค่มาเป็นประโยคสั้นๆที่มาถี่ๆ


สิ่งที่ปรากฏในห้องแชทคือรูปถ่ายวิวทิวทัศน์สวยๆที่แปลกตา ร่มธรรมได้รู้ว่าคนที่ไม่ถนัดพูดอย่างครองภพกลับมีความถนัดในการสื่อสารด้านอื่นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึง...สามารถถ่ายรูปเพื่อบอกเล่าบรรยากาศในขณะนั้นให้คนอยู่ไกลรู้สึกราวกับตนเองอยู่ที่นั่นด้วย


   โตเกียว ฤดูใบไม้ร่วง


   อากาศเย็นสบาย ใบไม้หลากสี บ้างคาต้น บ้างร่วงหล่น


   น่าไป


   ‘น่าไปเนอะ ไว้พี่มีเวลา ไปญี่ปุ่นช่วงใบไม้ร่วงบ้างดีกว่า’


   ร่มธรรมส่งข้อความไปแบบนั้น และสิ่งที่ได้กลับมา เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ


   ‘ปีหน้า มาด้วยกัน’


   ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร แต่การที่คนหนึ่งเอ่ยปากว่าอยากจะไป อีกคนตอบกลับมาเป็นคำชวน ให้ความรู้สึกน่ายินดีเหลือเกินที่มีใครสักคนอยากจะไปไหนสักที่ด้วยกัน


   ภาพวิวสวยๆ สิ้นสุดลงเมื่อครองภพส่งรูปอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ บอกให้รู้ว่าเขากำลังจะเดินทางกลับแล้ว


ร่มธรรมอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความไปหยอกเย้าคนที่มีโอกาสไปทำงานที่ญี่ปุ่นในช่วงอากาศกำลังดีแถมทิวทัศน์สวยงาม แต่กลับไม่มีรูปนายแบบหล่อๆกับวิวสวยๆส่งมาอวดกันบ้างเลย


   ‘ใจคอจะไม่ส่งรูปนายแบบมาจริงๆเหรอ’


   ตอนที่กดส่งข้อความ ร่มธรรมคาดว่าคนที่น่าจะทำเรื่องเช็คอินเสร็จแล้ว คงถลึงตาดุเขามาทางโทรศัพท์ แต่ในเมื่อไม่มาถลึงตรงหน้าก็ไม่เห็นจะน่ากลัวสักหน่อย


   ครองภพอ่านข้อความนั้น แล้วหายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะส่งรูปกลับมา


   รูปของชายหนุ่มรูปหล่อวัย 22 ในชุดเสื้อสเวตเตอร์สีดำ กางเกงยีนส์สีอ่อน และรองเท้าผ้าใบสีดำหุ้มข้อ สวมแว่นตากันแดดและหมวกแก็ปสีดำใบเก่งยืนอยู่หน้าอาคารผู้โดยสารขาออก


   ร่มธรรมตาโตกับรูปนั้น รีบขยายรูปออกกว้างแทบไม่ทัน ในรูปยังมีหญิงสาวอีก 2-3 คนทำตาโตตกใจ คาดว่าน่าจะจำนายแบบได้


   นี่หมายความว่าครองภพถ่ายรูปนี้เดี๋ยวนี้แล้วส่งมาให้เขาดูอย่างนั้นหรือ


   บ้ารึเปล่า?! คนที่เคยทำสุวรรณภูมิแตกมาแล้ว ไปยืนบ้าบิ่นหน้าประตูอาคารผู้โดยสารเพื่อถ่ายรูปสักใบมาเขาดูเนี่ยนะ!!


   แล้ว...นี่ชุดขึ้นเครื่องหรือ?


   การเดินทางจากญี่ปุ่นมาไทย จำเป็นต้องแต่งตัวหล่อขนาดนี้มั้ย หล่อน้อยกว่านี้ จะถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องรึไงกัน


   พระเอกเก่าเมื่อ 6 ปีถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อก เพิ่งรู้ว่าวงการบันเทิงยุคนี้ การแข่งขันสูงขนาดนี้ แม้แต่ลุคขึ้นเครื่องของนักแสดงสักคนยังต้องพร้อมเป๊ะ หล่อทุกองศา


   ‘ผมถ่ายได้รูปเดียว พี่ณุบ่น’


   ข้อความถูกส่งมาเพิ่ม ร่มธรรมถึงกับเม้มปากด้วยความเอ็นดูปนขัน วิษณุไม่บ่นสิแปลก อยู่ดีๆออกไปยืนถ่ายรูปแบบนั้น ผู้จัดการส่วนตัวที่ไหนก็ปวดหัวทั้งนั้น


   ‘หล่อแล้วครับ หล่อมากๆเลย’


   ร่มธรรมไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่ชื่นชมความหล่อกลับไป และชื่นชมความบ้าบิ่นในใจ แล้วหลังจากนั้น ก็ยังมีการรายงานจากครองภพเป็นระยะ


‘เข้าเลาจน์แล้ว’


‘บอร์ดดิ้งแล้ว’


‘เครื่องจะเทคออฟแล้ว เจอกันที่เมืองไทยครับ’


แล้วจากนั้นก็หายเงียบไปหลายชั่วโมง ก่อนที่หน้าจอโทรศัพท์ของร่มธรรมจะสว่างวาบขึ้นครั้งหนึ่งพร้อมกับข้อความใหม่ล่าสุด...ภาพถ่ายจากงวงช้างยามค่ำคืน


   และสายเรียกเข้าจากคนที่เคยให้เบอร์ติดต่อเอาไว้ก่อนไปทำงานที่ญี่ปุ่น


   ร่มธรรมไม่รู้ว่าความรู้สึกดีใจในอกมันมาจากไหน ถึงได้ไหลมารวมกันไวขนาดนี้เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มๆจากปลายสาย


   ‘ถึงแล้วนะครับ’


   “อืม...” ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเขินวาบจนได้แต่เม้มปาก ร่มธรรมคิดว่าเขาควรจะพูดมากกว่านี้หน่อย


   “...อ่า...เหนื่อยมั้ย” บางคนบอกว่าเป็นคำถามสิ้นคิดสำหรับการถามคนที่เพิ่งไปทำงานกลับมา แต่ร่มธรรมคิดว่าจะมันเป็นคำถามที่อบอุ่นมากต่างหาก


   ‘ไม่เท่าไร...แต่...ผมหิว’


   หนุ่มรุ่นพี่กะพริบตาปริบๆ


   ‘ผม...ยังไม่ได้กินอะไร ร้านที่คุณเคยพาไป ปิดกี่โมง’


   ร่มธรรมเบิกตาเล็กน้อยที่ประโยคตอบกลับมาเป็นเรื่องปากท้อง รีบหันมองนาฬิกาที่ข้างฝาผนังทันที


   “น่าจะใกล้ปิดแล้ว ครองอยากกินหรือ”


   ‘ครับ’


คำตอบของครองภพทำเอาคนฟังเม้มปาก


...ทำงานหนักแต่ก็ยังท้องกิ่ว น่าสงสาร...


   “อ่า...แถวคอนโดพี่มีร้านข้าวต้มเป็ด อร่อยนะ ครองทานมั้ย”


   ‘อยู่แถวไหนครับ’


   “แถวคอนโดพี่ เดี๋ยวพี่ซื้อแล้วแวะเอาไปให้ ครองกลับคอนโดเลยใช่ไหม”


   ‘ครับ แต่...ลำบากคุณรึเปล่า’


   “ไม่เลย”


   ‘ถ้าอย่างนั้น...ก็ได้ครับ’


   “โอเค ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่คอนโดครองนะ”


ภารกิจออกไปซื้อข้าวให้คนเพิ่งกลับมาถึงตอนเกือบห้าทุ่ม ต่อให้จะเป็นร่มธรรมที่ใส่ใจคนรอบข้างมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลเลยสักนิด


   ...แต่...ครองภพยังไม่ได้ทานอะไร…


   พอคิดแบบนั้น ก็ไม่อาจอยู่เฉย คว้ากระเป๋าสตางค์ มือถือและกล่องอาหารได้ก็ออกจากคอนโดของตนเองอย่างเร่งรีบ เป้าหมายคือร้านข้าวต้มเป็ดเจ้าอร่อย และการได้ไปพบหน้าคนที่...อยากเจอ


........................      


   ตอนที่ครองภพกลับมาถึงคอนโดตนเอง ร่มธรรมก็มารอที่ล็อบบี้แล้ว พร้อมด้วยกล่องอาหารและแก้วเก็บความเย็น ในขณะที่พระเอกหนุ่มลงจากรถด้วยกระเป๋าเป้หนึ่งใบและถุงของฝากเต็มสองมือ ไม่ใช่แค่สองมือของเจ้าตัว แต่มีกระเป๋าลากอีกใบในมือวิษณุที่เดินตามขึ้นไปส่งบนห้อง


   ร่มธรรมไม่ทันได้ตกใจกับความเรียบง่ายภายในห้องพัก เพราะมัวแต่มึนงงกับของฝากจำนวนมากที่ถูกวางกองบนพื้นห้อง


   “ดีนะ ที่ตัดใจไม่ซื้อกันดั้มเพิ่มอีกสองตัว ไม่งั้นได้งอกกระเป๋าใหม่” วิษณุหันมานินทา ร่มธรรมได้แต่กลั้นยิ้มไม่กล้าหัวเราะ เพราะคนตัดใจคนนั้นตวัดสายตามาจ้องแล้ว


   “พี่ไปก่อนล่ะ แล้วพรุ่งนี้เจ็ดโมงครึ่งพี่มารับนะครอง”


   “ครับ”


   “ขอตัวก่อนนะครับคุณร่ม” ร่มธรรมยิ้มแล้วยกมือไหว้


วิษณุออกจากห้องไปแล้ว ภายในคอนโดกว้างขวางจึงเหลือเพียงเจ้าของห้องกับแขกผู้ได้มาเหยียบห้องพักของครองภพเป็นครั้งแรก


   “ครองกินข้าวเลยมั้ย พี่เอากล่องแก้วที่บ้านไปให้ที่ร้านใส่มาให้ มีข้าวต้มเป็ด แล้วก็มีเป็ดพะโล้แยกมาด้วย เผื่ออยากเติม เอ...แต่น่าจะต้องอุ่นสักหน่อย ที่นี่มีไมโครเวฟใช่ไหม”


สิ่งที่ร่มธรรมนึกถึงเป็นอย่างแรกคือความหิวของคนที่เพิ่งกลับมาถึงเมืองไทย ครองภพยิ้มจางกับความช่างเอาใจใส่ของอีกฝ่าย ร่มธรรมคงเห็นหลายครั้ง ที่เขาทานอาหารเฉพาะในจานหรือกล่องเซรามิก ถึงได้จัดแจงขนาดนี้


   เจ้าของห้องเดินมารับกล่องอาหาร ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นแก้วเก็บความเย็นในมือร่มธรรมด้วย


   “อเมริกาโน่ ไม่ใส่น้ำแข็ง เผื่อครองไว้ทานพรุ่งนี้ จะได้ไม่ต้องแวะ”


   “จะไม่ให้ผมไปหาเลยรึไง”


   “ไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่...คิดว่าเผื่ออยากกิน แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ครองต้องรีบออกรึเปล่า ก็เลยทำมาให้ก่อน”


   “คุณเข้าไปทำที่ร้านหรือ”


   “เปล่า กดจากที่คอนโดพี่ สั่งข้าวต้มเสร็จ เลยกลับไปกดกาแฟใส่แก้วมาให้ กาแฟเดียวกับที่ร้านนั่นแหละ รับรองรสชาติเหมือนเดิม ไม่ย้อมแมวขาย”


ครองภพยิ้มจาง ดวงตาที่แม้จะอิดโรยเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน แต่กลับมีแววเปล่งประกายด้วยความสุขจนคนถูกมองรู้สึกเขินซ่าน ได้แต่เม้มปาก


   “เอ่อ...พี่อุ่นให้ไหม ไมโครเวฟอยู่ในครัวใช่มั้ย”


   “ไม่ต้อง ผมจัดการเอง คุณนั่งตรงนี้” ครองภพดึงทุกอย่างมาถือเอง แล้วดันหลังหนุ่มรุ่นพี่ไปนั่งที่โซฟาซึ่งถูกรายล้อมด้วยถุงของฝาก จากนั้นจึงเดินส่องทีละถุง แล้วหยิบขึ้นมาถุงหนึ่ง


   “ของฝาก”


ร่มธรรมตาเหลือก ก้มลงมองของในถุงที่หนักอึ้งซึ่งถูกวางลงบนตักแล้วก็เงยหน้ามองคนวางอีกที


   “หมายถึง...ให้พี่เลือก?”


   “ไม่ต้องเลือก หมดนั่นของฝาก”


   “เฮ้ย”


   “ไม่ต้องเฮ้ย ก็คุณไม่บอกว่าอยากได้อะไร ก็เลยไม่รู้ว่าอะไรที่คุณกินได้บ้าง ก็เลยซื้อเท่าที่ซื้อได้ อ้อ...มีในกระเป๋าใหญ่อีก เดี๋ยวผมเอาให้”


   “ไม่ต้องๆ ไปอุ่นข้าวมากินก่อนเลย เรื่องของไว้ทีหลัง” ร่มธรรมรีบแย้ง ก้มลงมองของบนตักแล้วถอนหายใจเฮือก มองตามหลังคนที่ยอมหมุนตัวเดินเอากล่องอาหารไปอุ่นในครัวแล้วก็คิดว่าเขาคงต้องหาจังหวะอธิบายให้คนมีน้ำใจว่าถ้าไม่รู้จะซื้ออะไรก็ไม่ต้องซื้ออะไรมาทั้งนั้น


   ปกติก็ไม่เห็นใจใหญ่มือเติบ แล้วทำไมอยู่ดีๆจ่ายหนักซื้อของฝากมาให้เขาเยอะขนาดนี้เล่า?!


..........................   


   มันเป็นมื้อดึกสำหรับคนหนุ่มรุ่นๆที่หิวซก ร่มธรรมไม่คิดว่าสายการบินระดับห้าดาวจะไม่บริการอาหารหรือเครื่องดื่ม แต่อาจจะเพราะครองภพอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน ก็เลยหิวง่าย กินเก่ง หนำซ้ำยังกินแล้วดูเอร็ดอร่อยอีกต่างหาก


   “แล้วคุณไม่ทานเหรอ แบ่งกับผมก็ได้” ครองภพเสนอแเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ และคนซื้อมาให้ก็ปฏิเสธเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้เช่นกัน


   “จะเที่ยงคืนแล้ว ทานไม่ไหวแล้ว”


   “อาหารไม่ย่อย?”


   “มันจะเบิร์นออกไม่ทันด้วยน่ะสิ”


ครองภพชะงักไปอึดใจหนึ่งกับความคิดบางอย่าง แต่ก่อนที่ปากจะหลุดพูดอะไรออกมา ก็เป็นตัวเขาเองที่ยัดเนื้อเป็ดพะโล้เข้าปากเพื่อปิดปากตัวเอง


   “แล้วของฝากน่ะ ให้พี่หมดทั้งถุงนั่นจริงๆหรือ”


ถึงจะขอบคุณในความปรารถนาดีและคิดถึงกันจนหิ้วของฝากมาให้ถุงใหญ่ขนาดนั้น แต่ร่มธรรมคิดว่าจะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำไม่ได้อีก ครองภพไม่ควรเสียเงินซื้อของฝากมาให้เขามากมายขนาดนั้นเลย ไหนจะสิ้นเปลือง ไหนจะเสียเวลาหาซื้อ ไหนจะลำบากหิ้ว


   “อ้อ มีในกระเป๋าอีก” แล้วคนหนุ่มทำอะไรว่องไวก็ลุกพรึ่บไปเปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หยิบกล่องแบรนด์เนมขนาดไม่ใหญ่ออกมาหนึ่งกล่องแล้วเดินกลับมาส่งให้


   แม้ใจจะอยากดุที่อีกฝ่ายซื้อของมาให้เขามากมายขนาดนี้ แต่ร่มธรรมก็ยังมีมารยาทมากพอที่จะรับมาเปิดดูเสียก่อนเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ข้างในกล่องแบรนด์เนมนั้นเป็นผ้าพันคอเนื้อดีสีสุภาพ


   “อากาศช่วงใบไม้ร่วงมันเย็น ผมก็เลยซื้อมาฝาก”


   “แต่เมืองไทยไม่มีใบไม้ร่วงนะ” ร่มธรรมเงยหน้าหยอกพลางยิ้ม ทั้งๆที่อยากบ่นจะแย่ แต่ก็อดต่อล้อต่อเถียงไม่ไหว


   “ก็คุณบอกว่าอยากไปญี่ปุ่นช่วงใบไม้ร่วงปีหน้า”


   ‘ปีหน้า มาด้วยกัน’


   ประโยคนั้นที่ปรากฏในห้องแชทยังติดอยู่ในสมองของร่มธรรม และมันพาลเอาให้เหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ครองภพมองเขาอยู่ ราวกับจะบอกว่าเจ้าตัวจริงจังกับประโยคนั้นมากแค่ไหน


   ไม่ใช่แค่คำชวนผ่านๆ


   แต่ครองภพตั้งใจจะไปกับเขา ถึงขั้นซื้อผ้าพันคอมาเตรียมไว้ให้แล้ว


   คนร่วมวงการเดียวกัน จำเป็นต้องทำให้กันถึงเพียงนี้ไหม คนที่เป็นเพื่อนกัน ต้องใส่ใจกับคำสัญญาล่วงหน้าหนึ่งปีเช่นนี้เลยหรือ มันไม่ปกติเลย ไม่ใช่ความสัมพันธ์ทั่วๆไปสักนิด


   แม้กระทั่งตัวเขาเองก็เช่นกัน มันสมเหตุสมผลตรงไหนที่อยู่ดีๆก็ออกจากบ้านตอนเกือบห้าทุ่มเพื่อไปซื้อข้าวต้มมาให้ ‘เพื่อน’ สักคน แล้วยังมานั่งเป็นเพื่อน ‘เพื่อน’ อยู่แบบนี้ ทั้งๆที่ควรกลับบ้านไปนอนได้แล้ว


   “คุณ...เป็นอะไร ง่วงเหรอ” เสียงทุ้มดังเรียกสติ ทำเอาร่มธรรมตื่นจากภวังค์ เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ทั้งๆที่ในใจกำลังตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ร่มธรรมไม่ใช่คนใจร้อน เขาเชื่อในการตระหนักคิดอย่างถี่ถ้วน


   “พรุ่งนี้คุณเข้าร้านตอนเช้ารึเปล่า”


   “เข้า ทำไมเหรอ”


“ผมแวะไปนะ”


   “หือ? แต่พี่เอากาแฟมาให้แล้วนะ”


   “เอามาแต่กาแฟ ไม่ได้เอาน้ำแข็งมา”


ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ แต่คนพูดกลับยักคิ้ว ดวงตาเรียวดุที่เคยตวัดมองอย่างไม่ชอบใจ มาบัดนี้กลับส่อประกายแพรวพราวยามจับจ้องร่มธรรม


   “แล้วที่นี่ไม่มีรึไง”


   “ผมไม่กินน้ำเย็น ปกติก็แทบไม่แช่น้ำในตู้เย็นด้วยซ้ำ”


   “อ้าว แต่พี่เห็นกินอเมริกาโน่เย็น...”


   “เวลาอยากกินก็ซื้อเอาสิ แล้วตอนก่อนผมไปญี่ปุ่น คุณให้ขนมมาตั้งเยอะ ผมจะเข้าไปเคลียร์บัญชีด้วย”


   “หักลบกับของฝาก”


   “นั่นของฝาก ไม่ได้ฝากซื้อ ไม่เกี่ยวกัน”


   “ไหนใครบอก ครองภพพูดนับคำได้”


   “ผมพูดมากกับคนที่ผมอยากพูดด้วย”


ร่มธรรมอ้าปากค้าง ไม่กล้าย้อนว่าเขาคือคนที่ครองภพอยากพูดด้วยหรือ เพราะเกิดอีกฝ่ายตอบว่าใช่ขึ้นมา คงยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปกันใหญ่ สุดท้ายเลยได้แต่ตอบรับเบาๆ


   “เออ จะแวะมาก็แวะ เอาขนมมั้ย จะได้อุ่นไว้ให้ด้วย”


   “เอาครับ แบบเดิม”


   ร่มธรรมไม่ได้เถียงอะไรอีก นั่งเป็นเพื่อนคนทานข้าวต้มจนหมดถ้วย เจ้าของคอนโดถึงได้ยอมปล่อยให้กลับ โดยเป็นคนลงมาส่งที่รถด้วยตนเอง


   “ถึงบ้านแล้วบอกด้วย”


   “ครับๆ” คนอายุมากกว่ารับคำประหลกๆ เปิดประตูก้าวขึ้นรถ แต่พอจะหันไปพยักหน้าลา คนลงมาส่งกลับดึงประตูไว้แล้วก้มลงมาหา ใบหน้าห่างกันแค่คืบ


   “ร่ม...วันนี้ขอบคุณนะครับที่มา”


เพราะคิดอยู่เสมอว่าครองภพเป็นรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่า 6 ปี สายตาที่เขามองจึงเป็นพี่ชายที่มองน้องชาย และมันทำให้ไม่ทันระวังตัวเมื่ออีกฝ่ายเข้าใกล้ พูดจาด้วยน้ำเสียงทุ้มหู และทอดมองด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกลุ่มลึก


   “อ...อือ”


เป็นฝ่ายร่มธรรมเสียเองที่เผลอตกบ่วงเข้าไปในห้วงความลึกล้ำของดวงตาเรียวคู่นั้นจนหัวใจเต้นถี่


   “ขับรถดีๆ”


   “อืม เจอกันพรุ่งนี้”


   “ครับ เจอกันพรุ่งนี้”


   แม้จะเป็นประโยคสุดท้ายที่พูดกันต่อหน้าในค่ำคืนนี้ แต่อีกสิบนาทีต่อมา ข้อความจากร่มธรรมก็มาถึงครองภพ


   ‘ถึงแล้ว’


   แล้วหลังจากนั้นอีกห้านาที ก็เป็นฝ่ายครองภพที่โทรศัพท์ไปหา และการพูดคุยในค่ำคืนนี้ของพวกเขาก็สิ้นสุดลงเมื่อคนที่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง หลับไปทั้งที่ยังมีโทรศัพท์วางอยู่ข้างหมอน และเสียงร่มธรรมที่ลอดออกมา


   “กู้ดไนท์นะ...ครอง”


…………………………….
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 06-02-2020 19:54:40

ซีรี่ส์เกี่ยวกับครอบครัวประกอบด้วยสี่เรื่องจากสี่ผู้จัด สี่ผู้กำกับ


แต่ละเรื่องล้วนได้นักแสดงวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงทั้งชายหญิงพลิกบทพระเอกนางเอกมารับบทตัวเอกผู้ต้องเผชิญโศกนาฏกรรมของชีวิต อย่างเช่นครองภพที่พลิกมารับบทน้องชายผู้เหลวแหลกและติดยา


   พล๊อตแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ก็เป็นกระแสที่กล่าวถึงในวงกว้าง


ครองภพลบภาพนักแสดงหนุ่มรูปหล่อมาสวมบทเด็กหนุ่มผู้ติดยาจนทรุดโทรมที่สุดท้ายเลือกจบชีวิตเพื่อหนีไปพบกับภาพฝันที่เขาคิดถึง แน่นอนว่าฝีมือของเขากลายเป็นที่พูดถึงมากขึ้น แถมชื่อเสียงของเขาก่อนหน้าก็ทำให้ซีรี่ส์ติดกระแส ในขณะที่กระแสอีกส่วนเริ่มมีคนกล่าวถึงชายหนุ่มที่รับบทเป็นพี่ชายผู้เจ้าระเบียบและเคร่งครัด


   ชื่อของร่มธรรมเริ่มถูกค้นในอินเตอร์เน็ต ก่อนจะตามมาด้วยการประกาศเปิดกล้องภาพยนตร์ของผู้กำกับฉายอย่างเป็นทางการ


   ครองภพและร่มธรรมได้ร่วมงานอีกครั้ง ท่ามกลางการจับตามองของคนในอุตสาหกรรมบันเทิงและเหล่าแฟนๆ พร้อมๆกับกระแสข่าวลืออีกเรื่องที่มาตามอินเตอร์เน็ต


   …ครองภพและร่มธรรมสนิทกันมากกว่าเพื่อน...


แม้จะกลับเข้ามาในวงการแล้ว แต่ร่มธรรมก็ยังไม่มีพื้นที่มากพอที่จะได้พบปะสื่อ ในขณะที่นักข่าวมีโอกาสพบครองภพได้มากกว่าและถี่กว่า ไมค์และกล้องจึงจ่อไปที่เขาแทน


   “ขอถามเรื่องที่มีกระแสอยู่ตอนนี้หน่อยค่ะ สนิทกับนักแสดงคนนั้นจริงรึเปล่าคะ มีรูปถ่ายในร้านกาแฟด้วยกันด้วย”


   “จริงครับ”


   “สนิทกันขนาดไหนคะ”


   “สนิทก็คือสนิท ไม่มีขนาดครับ”


   “แล้วเรื่องขึ้นคอนโดล่ะครับ”


   “จริงครับ”


   “ขึ้นไปทำอะไรครับ”


   “เวลาเพื่อนมาหาคุณที่บ้าน เพื่อนคุณมาทำอะไร” ครองภพย้อนถาม หน้าตาเรียบเฉยเหมือนที่เขาเป็นมาตลอด นักข่าวคนอื่นๆหัวเราะครืน และเมื่อคลิปสัมภาษณ์นี้ของเขาเผยแพร่ออกไป แฟนคลับส่วนหนึ่งพากันหัวเราะกับคำตอบที่ไม่ให้ความชัดเจนอะไรเพิ่มเติม ในขณะที่บางส่วนเริ่มค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘นักแสดงคนนั้น’ ที่ครองภพยอมรับว่าสนิทจริง และขึ้นคอนโดของเขาจริง


   แต่ไม่ว่าจะมีข่าวอย่างไร ครองภพก็ยังเป็นครองภพ


เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านั้นและยังคงทำงานหนักในทุกๆวัน เป็นฝ่ายร่มธรรมเสียเองที่รู้สึกว่าข่าวเช่นนี้เป็นสัญญานที่ไม่ดีเลย


   “ครอง...ทางผู้ใหญ่ว่ายังไงบ้าง”


เพราะเป็นนักแสดงนำสำหรับซีรี่ส์ใหม่ของผู้กำกับฉายทั้งคู่ พวกเขามีคิวที่ต้องถ่ายด้วยกันบ่อย จนการพบกันของครองภพและร่มธรรมไม่ใช่เรื่องแปลก


   ชายหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังนั่งอ่านบทอยู่ในห้องหันมอง


   “ผู้ใหญ่ไหน”


   “ก็...ต้นสังกัด...คุณแม่...แล้วก็พี่ชาย...”


เพราะรู้จักไปถึงครอบครัวของครองภพ ร่มธรรมจึงยิ่งเป็นกังวล ข่าวเช่นนั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและครองภพถูกตีความไปในทิศทางอื่นที่ไม่ใช่ ‘เพื่อน’ 


   “ไม่เห็นมีใครว่าอะไร”


แม้คำตอบของครองภพจะเป็นเช่นนั้น แต่สีหน้าของร่มธรรมก็ไม่ได้ดูดีขึ้นเลย


   “คุณเป็นห่วงผมเหรอ” ทว่าคำถามต่อมาของครองภพกลับทำเอาคนกำลังคิดไม่ตกและเป็นกังวลถึงกับชะงัก เงยหน้ามองทันที สีหน้าเหรอหรา กะพริบตาปริบๆ ปากพะงาบเหมือนจะพูดแล้วหุบลงราวกับไม่รู้จะพูดคำว่าอะไร ทำเอาครองภพหัวเราะเบาๆ


   ทั้งๆที่อายุมากกว่าเขาตั้ง 6 ปีแท้ๆ...แต่...น่าเอ็นดูขนาดนี้ได้ยังไงกัน...


   “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข่าวแรงกว่านี้ผมก็เจอมาแล้ว”


   “ไม่ว่าจะแรงมากกว่านี้ หรือแรงน้อยกว่าที่เคยเจอ ครองก็ไม่สมควรจะเจอข่าวแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ร่มธรรมย้อนถามด้วยสีหน้าจริงจัง


ความเป็นห่วงของเขาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นกับครองภพส่วนหนึ่งก็เพราะร่มธรรมไม่ระมัดระวังตนเอง ทั้งๆที่เขาควรจะตระหนักถึงความเป็นสาธารณชนของอีกฝ่าย อย่างน้อยก็คงป้องกันไม่ให้เกิดข่าวลือแบบนั้นได้บ้าง


   พอคนหนึ่งจริงจัง อีกคนก็พลอยจริงจังไปด้วย


เสียงหัวเราะจางหาย แววเอ็นดูที่ปรากฏในดวงตาเรียวเปลี่ยนเป็นเรียบสงบจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย


   “แล้วคุณจะทำยังไงไม่ให้มันเกิดข่าวแบบนี้ ในเมื่อเราสนิทกันจริง”


   คำว่า ‘สนิทกันจริง’ ของครองภพไม่ใช่เรื่องโกหก 


พวกเขาไปมาหาสู่ ครองภพแวะไปที่ร้านกาแฟแทบทุกวันที่ร่มธรรมอยู่ร้าน ร่มธรรมแวะมาที่คอนโดของครองภพบ่อยๆ เวลาเขากลับมาถึงคอนโดแล้ว นอกจากนั้นชีวิตประจำวันในกองถ่าย เมื่อพบคนหนึ่งก็เป็นต้องพบอีกคนอยู่แถวๆนั้นเสมอ


พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหลายๆเรื่อง ทุ่มเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างสนุกสนาน ปรึกษาหารือเรื่องงานอย่างจริงจัง ห่วงใยกับเรื่องส่วนตัวอย่างสุขภาพ อาหาร หรือเวลาพักผ่อน


...ใช่...สนิทกันขนาดนี้ จะให้ทำยังไงกับข่าวที่เกิดขึ้น?...


   ร่มธรรมพูดไม่ออก พวกเขาต่างรู้ดีว่าวิธีที่จะทำให้ความสัมพันธ์นี้ไม่เป็นกระแสก็มีแค่หนทางเดียวเท่านั้นคือห่างหายกันไป


   คนอายุน้อยกว่ามองคนที่เอาแต่นิ่งงัน สีหน้าลำบากใจของร่มธรรมบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไร


“หรือจะไม่ให้ผมไปที่ร้านกาแฟของคุณ และคุณจะไม่มาหาผมที่คอนโด?”


ร่มธรรมเม้มปาก ถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ย


“ถ้ามันจำเป็น...”


“อ้อ! เราจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชีวิตของเราเพียงเพราะให้ถูกใจคนอื่นๆรึไง?!” ครองภพแทรก นึกเกลียดการตัดสินของคนอื่นขึ้นมาทั้งๆที่เป็นชีวิตของพวกเขาแท้ๆ


   “เพราะเราต้องอยู่ในสังคมไงครอง เรามีสถานะแบบไหน สังคมจ้องมองเราอยู่ ถึงจะทำให้ถูกใจทุกคนไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนเพราะความไม่ถูกใจของคนอื่น”


   “หมายความว่าถ้าคนอื่นไม่ถูกใจกับความสัมพันธ์ของเรา เราก็ต้องเปลี่ยนเพื่อให้ถูกใจสังคมใช่มั้ย”


   “พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น เพียงแต่เราต้องไม่ทำตัวให้เป็นประเด็น...”


   “คุณกำลังบอกให้เราหลบๆซ่อนๆ”


   “ก็แค่ไม่ทำให้คนอื่นเห็น ถ้าครองอยากกินกาแฟร้านพี่ พี่จะเอามาให้ที่กองก็ได้ แล้ว...แล้วเรื่องไปคอนโดครอง พี่ก็แค่ไม่ไป...”


   “แล้วยังไงต่อ?! ผมไม่ไปร้านกาแฟของคุณ คุณไม่มาหาผม เราเจอกันที่กอง แล้วยังไงอีก?!”


   “จะแล้วยังไง เราก็แค่เจอกันที่นี่ เรา...เราก็ยังทำงานด้วยกัน...”


   เสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันดังขึ้นขัด ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับคนพูดกำลังสะกดอารมณ์โกรธ


   ...แค่เจอกันที่นี่...


   ...ยังทำงานด้วยกัน...


   ...ทิ้งทุกความรู้สึกเอาไว้ แล้วหยุดความสัมพันธ์ให้อยู่แค่ในกองถ่ายนี้...


   “อ้อ! ไม่ใช่แค่หลบซ่อน แต่คุณคิดจะหยุดอยู่กับที่ด้วยซ้ำ!”


   ร่มธรรมขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายตีความ ทว่าเป็นฝ่ายครองภพที่ย้ำชัด


   “ผมทำไม่ได้!”


ยิ่งกว่าคำปฏิเสธ คือสายตาเย็นเยียบที่ทำเอาร่มธรรมชะงัก


   ครองภพมีสายตาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ไม่ใช่สายตาดุดัน ไม่ใช่สายตาอาฆาตมาดร้าย แต่เป็นสายตาจริงจังแน่วแน่


   “ถ้าคุณทำได้คุณทำเลย แต่ผมทำไม่ได้!” สุ้มเสียงของเขาก็เข้มงวดจริงจังเสียจนร่มธรรมยิ่งงุนงง ครองภพหมุนตัวจะเดินหนีแต่เป็นฝ่ายคนอายุมากกว่าที่ร้องถามตามหลัง


   “อะไรน่ะครอง นี่โกรธพี่เหรอ”


   ...โกรธ?…


   จะไม่ให้โกรธได้อย่างไร ในเมื่อร่มธรรมไม่เพียงต้องการซุกซ่อนเรื่องของ ‘เรา’ แต่ยังไม่คิดจะพัฒนามันด้วยซ้ำ หรือสิ่งที่เขาแสดงออกไม่มากพอให้รับรู้หรือ ครองภพไม่เคยใกล้ชิดใครขนาดนี้ คนรอบข้างของเขารู้ดี ร่มธรรมเองก็ไม่ได้อายุน้อยๆแล้ว ดูไม่ออกเลยสักนิดหรือว่าตัวเขาก่อนหน้านี้ กับเขาในวันนี้ ปฏิบัติต่อร่มธรรมแตกต่างกันเพียงใด


   ไม่รับรู้ไม่พอ ยังไม่เห็นค่าสักนิด ถึงได้คิดจะหยุดทุกอย่างเอาไว้แล้วทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย!


   ครองภพรู้ว่าเขาใจเย็นไม่มากพอที่จะหันกลับไปตอบคำถาม เขารู้ว่าอารมณ์ของตนเองไม่มั่นคงเพียงพอที่จะพูดคุยอย่างคนมีวัยวุฒิ เวลานี้เขาเป็นเพียงชายหนุ่มเลือดร้อนที่มีความโกรธสุมเต็มอกเพราะคนที่เขามอบความรู้สึกบางอย่างให้ ไม่เห็นค่าความรู้สึกของเขา


   คนอายุน้อยกว่าไม่หันกลับไปตอบ ไม่แม้แต่จะเหลือบสายตากลับไปมอง เขาสูดลมหายใจลึก แล้วก้าวเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเอาไว้เพียงร่มธรรมที่ยืนตะลึงงัน


หลายนาที...กว่าจะรู้ตัวว่าถูกโกรธเข้าจริงๆแล้ว ก็ทำได้เพียงกุมขมับ หลับตาแล้วทอดถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี


...........................      


   ข่าวที่เกิดขึ้นไม่เพียงก่อปัญหาให้กับร่มธรรม แต่คนที่พยายามนิ่งสงบมาตั้งแต่ตอนที่พี่สาวเอาเรื่องจดหมายขู่มาบอก ก็เริ่มร้อนรนเช่นกัน


   รุ่งโรจน์มองกระดาษในมือที่ไร้ที่มาที่ไป


เขาพบมันที่ตู้รับจดหมายที่หน้าบ้าน พอเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ ก็พบว่านอกจากบุรุษไปรษณีย์แล้ว ก็ไม่มีใครมายุ่มย่ามกับตู้อีกเลย ยกเว้น...ช่วงหนึ่งของภาพที่ดำมืด


   เหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ เหมือนเรื่องที่รินฤดีเอามาเล่าให้เขาฟัง


   จดหมายจากที่ไหนไม่รู้ แม้แต่กล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์จะตามหาตัวคนทำ


   นายตำรวจหนุ่มได้แต่กุมขมับ ต่อให้ไม่ต้องส่งจดหมายฉบับนี้ไปฝ่ายพิสูจน์อักษร เขาก็จำได้ติดตาว่าลายมือบนจดหมายเป็นลายมือของคนคนเดียวกับจดหมายที่พี่สาวของเขาได้รับ และ...เป็นลายมือเดียวกับจดหมายที่เขาเคยเห็นเมื่อ 6 ปีก่อน


   ถึง ร่มธรรม


   6 ปีแล้วที่คุณอยู่ในพื้นที่อันสงบสุข ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงกลับเข้าไปหาความวุ่นวายอีก


   วันนี้ คุณก็เห็นแล้วว่าไม่มีที่ไหนจะสบายเท่ากับการที่คุณอยู่ในพื้นที่ของคุณมาตลอด 6 ปี


   ออกมา


   ไม่อย่างนั้นจะลงมือทำให้คุณออกเอง


   จาก คนที่รักคุณมาก


   ทั้งๆที่เนื้อความในจดหมายพูดถึงน้องชายของเขา แต่รุ่งโรจน์รู้ดีว่าการที่จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาที่บ้านของเขา หรือจดหมายขู่ที่รินฤดีได้รับ คือการขู่ทางอ้อมให้พวกเขาพาร่มธรรมออกมาจากวงการบันเทิง เพราะคนทำ ‘รักมาก’ จนไม่ต้องการให้ร่มธรรมรับรู้ด้วยซ้ำว่าถูกขู่


   เหมือนอย่างเมื่อ 6 ปีก่อน


   ‘โรจน์ พ่อมีเรื่องจะขอร้อง...’


   ‘พาร่มออกจากวงการได้ไหม’


   ในช่วงท้ายๆของชีวิตของบิดา รุ่งโรจน์เคยถูกเรียกไปคุยเกี่ยวกับอาชีพในวงการบันเทิงของน้องชาย ยามนั้นเขาไม่เข้าใจ และปฏิเสธที่จะขัดใจน้องชายคนเล็ก แต่คล้อยหลังการพูดคุยครั้งนั้นไม่นาน บิดาของพวกเขาก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต


   รถชน


ทุกอย่างดูเป็นอุบัติเหตุ 


   คู่กรณีก็เสียชีวิต


   แต่...มีเรื่องหนึ่งที่คาใจ


   รุ่งโรจน์ในฐานะตำรวจ เข้าถึงพยานหลักฐานบางอย่างที่ขัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น


   ในรถยนต์ของบิดามีจดหมายขู่ ทว่าเนื้อหาในจดหมายไม่เพียงจะเกี่ยวพันกับบิดา แต่ยังเกี่ยวกับร่มธรรม


   ‘ฉันไม่ต้องการให้ร่มธรรมอยู่ในวงการ พาเขาออกมา ไม่อย่างนั้นฉันจะถือว่าคุณไม่มีความสามารถที่จะดูแลเขาอีกต่อไป’   


   วินาทีนั้น รุ่งโรจน์เบี่ยงความคิดจากอุบัติเหตุไปสู่การฆาตกรรม


คู่กรณีของบิดามีแอลกอฮอลในเลือดในระดับที่มากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถพุ่งชนรถของบิดาของเขาที่ขับสวนเลนมา ทั้งสองคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ


นายตำรวจหนุ่มลองตามสืบ แต่คู่กรณีที่เสียชีวิตเป็นเพียงพนักงานธรรมดา มีครอบครัวที่มีลูกเล็กด้วยซ้ำ และวันเกิดเหตุก็เพียงไปดื่มกินกับเพื่อน ดูแล้วฝ่ายนั้นก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะถึงจุดจบเช่นนี้


   ยิ่งตามสืบ ก็ยิ่งพบทางตัน แต่จดหมายที่พบในรถยนต์ของบิดาไม่ใช่เรื่องโกหก และมันกลายเป็นสาเหตุให้เขาขอร้องให้น้องชายออกจากวงการ


   แล้วนับจากนั้นตลอด 6 ปี ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก


   จนกระทั่งวันที่ร่มธรรมกลับเข้าวงการบันเทิงอีกครั้ง และกำลังตกเป็นข่าวกับนักแสดงหนุ่มวัย 22 ปีอย่างครองภพ


   รุ่งโรจน์ถอนหายใจ พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้...ไม่รู้จะทำเช่นไรดี



ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสหน้าค่ะ)


   ได้โปรดอย่าตีน้องครองงงงงง...น้องใจร้อน เพราะน้องอายุยังน้อย (สปอยสุด ฮ่าฮ่า)


   และได้โปรดอย่าโกรธพี่ร่ม พี่ร่มเป็นห่วงสถานะนักแสดงของน้อง(และของตัวเองด้วย) ก็เลยไม่ทันระวังความรู้สึกของน้องครองไป


   ที่สำคัญ เป็นกำลังใจให้พี่โรจน์ด้วยนะคะ พี่แบกความลับมาตลอด 6 ปีเต็มๆคนเดียวเลยค่ะ (ฮ่าฮ่า)


   จะบอกเหมือนเดิม ว่ามีหลายคนทายถูกจริงๆค่ะ แต่ต้องเอาส่วนที่ทายถูกของทุกคนมารวมกัน ก็จะถูกแทบทั้งเรื่องเลยค่ะ (บอกแล้วว่าไม่ซับซ้อน)


   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ กำลังใจเช่นเคยค่ะ


   เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-02-2020 21:29:03
โอ้ว น้องครองหัวร้อนแล้วนะ 
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 06-02-2020 21:44:29
ตอนนี้ยาวมากกกกก
เอาจนขยับสถานะเบาๆ จากตอนแรกดูไม่อะไรเลย
ยิ่งชัดเจนว่าครองน่าจะเป็นแผนกลับมาเกิด
ส่วนคนที่ทำก็พอจะเดาออกแล้ว
แต่เล่นแรงมาก เล่นจนพ่อร่มตาย
อันนี้เราว่าเกินไป
แถมทิ้งท้ายจดหมายว่าจากคนที่รักคุณมาก
อ่านแล้วขนลุกเลยอ่ะฮือออ
ให้ฟีฃเดียวกะสตอล์กเกอร์เลย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-02-2020 21:48:19
เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-02-2020 21:54:14
ตอนนี้อ่านเพลินเลยจ๊ะ มีกุ๊กกิ๊ก ครองแบบแสดงออกไม่กั๊ก แต่ร่มกลับคิดมาก
แต่อยากรู้ว่าเจ้าของจดหมายเป็นใครกันนะ
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 06-02-2020 22:07:29
อภัยให้ทู้กๆ คน เพราะเหตุผลของทู้กๆ คน ถูกต้อลลล และลงตัวที่สู้ดดด
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-02-2020 22:19:28
ข้ามไปพฤหัสหน้าเลยได้มั้ย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 06-02-2020 22:49:09
น้องครองจู่โจมแรงมาก
พี่นี่ก็บื้อเหลือเกิน ไม่รู้ใจน้องบ้างเลย  :jul1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-02-2020 23:15:30
 :serius2:



ลุงช่วง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 07-02-2020 00:01:49
นายช่วงรึเปล่าเนี่ยย :ling1:

น้องครองรุกหนักมาก มากจนเหมือนพี่ร่มของฉันเหลือตัวนิดเดียว 555
ตอนแรกคิดว่าพี่ร่มเป็นพระเอก แต่พอมาถึงตอนนี้เริ่มลังเลแน้วว 555  จากที่คิดว่าพี่ร่มเคยเป็นคุณหลวงในชาติที่แล้ว ก็ลังเลเช่นกัน 555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-02-2020 00:02:21
คิดว่าพี่ร่มคือพ่อเทพ..แต่เหมือนหลายคนจะเดาว่าเป็นคุณหลวง ชอบๆๆๆๆๆ ตอนนี้เขินจิกหมอนตอนต้น ตอนท้ายมีมาม่าซะงั้น จนกว่าจะถึงพฤหัสหน้าจ้า  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 07-02-2020 07:16:35
ชอบมากกกก เลิฟเลยค่ะเรื่องนี้  ฟินกับพัฒนาการกระดืบๆของพี่ร่มและน้องครองมาก คนพี่เป็นคนช่างห่วงช่างใส่ใจ คนน้องก็เปิดใจเดินหน้าเรียนรู้

เราก็ว่าคุณหลวงนะ ตอนแรกนึกว่านายโชติ แต่พอเห็นคำขู่ ดูมีพาวเว่อร์คงไม่ใช่แค่ทาสแล้วหล่ะ แต่ก็ยังสงสัย คุณหลวงก็ดูเอ็นดูเจ้าแผน(พี่ร่ม) ทำไมถึงมาตามกีดกันในชาตินี้ หรือในชาติที่แล้วมีเหตุการณ์ต่อที่เรายังไม่รู้ ที่คุณหลวงต้องตามมาลุยต่อชาตินี้

สนุกค่าาา รอพฤหัสฯหน้าไม่ไหวแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-02-2020 07:58:23
อิผี ตายไท่ได้ผุดได้เกิดแล้วยังไม่สำนึก


ส่วนคนเลวที่ได้ผุดได้เกิดแล้ว


ก็ยังไม่ปล่อยวาง


ร่มธรรมเป็นคนดีแสนดี


ะวกแกทั้งผีทั่งคนยังไม่หยุด


ความเลวร้ายลงไปอีก


เลวข้ามภะข้ามชาติจริงๆ


ฉันสงสัย


ผจก.ของครองภพ กับอิผู้กับฉาย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 07-02-2020 08:31:07
รอติดตามตอนต่อไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 07-02-2020 10:18:28
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-02-2020 11:01:15
ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-02-2020 11:03:37
รอตอนต่อไปแบบใจจจดจ่ออออ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-02-2020 16:31:58
เป็นกำลังใจให้พี่โรจน์นะคะ พี่คงเหนื่อยน่าดูไหนจะพ่อที่บอกให้ช่วยคุยกับร่มให้ออกจากวงการ ไหนจะร่มที่อยากจะทำต่อ ไหนจะยังจับคนร้ายไม่ได้อีก เหนื่อยใจแทนพี่โรจน์จริง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 07-02-2020 16:44:39
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 07-02-2020 22:38:55
น้องครองใจเยนนนนน พี่ร่มเลิ่กลั่กแล้วว ทำน้องโกดเก้ว  :ling2:

นี่ผีโจงไปเข้าสิงใครสะกดให้เขียนหนังสือขู่ป่าว?
จงใจเน้นว่า 'รักมาก' เบี่ยงเบนประเด็นให้เหมือนแฟนคลับคลั่งรัก เพราะไม่อยากให้พี่ร่มเจอครองภพใช่มั้ยย

หรือยังมีลาสบอสที่ยังไม่เปิดตัวซ่อนอยู่  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 08-02-2020 15:40:16
แง ไม่ได้เข้าเล้านาน เลยไม่ได้เม้นแบบเรียลไทม์ :katai4:

กรี้ด พี่รุ่งกับพ่อโดนข่มขู่มาก่อนจริงด้วย
จะเป็นไปได้ไหมว่าผีนุ่งโจงแดงมีร่างที่เป็นคนจริงๆ แล้วก็เป็นคนเขียนจดหมายข่มขู่มาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน เเล้วก็เป็นคนๆเดียวกับบุคคลปริศนาที่ชอบมากรีดร้องในห้องมืดๆให้คนสงสัยเล่น?

ตอนแรกนึกว่าชาติที่แล้วพี่ร่มคือคุณเทพที่โดนแผนขโมยหนังสือไปนะเนี่ย ที่ไหนได้เป็นหลวงสุนทรวิจักษ์นี่เอง :a5: ก็คือถ้าชาติก่อนรักกับแผนจริงก็จะอายุห่างกันแบบรุ่นพ่อลูกเลยอ่ะนะ? หูยยยยยยย ละในสมัยก่อนด้วย ผ่านคำครรหาและความรู้สึกผิดในจารีตประเพณีมาได้ยังไงอ่ะ :ling3: :ling3: แต่มีเค้าสุดๆ เพราะนายช่วงอิจฉาริษาแรง ดังนั้นผีนุ่งโจงน่าจะเป็นนายช่วงป่ะ โกรธแค้นข้ามชาติ แสดงว่าเรื่องที่เกิดในอดีตน่าจะรุนแรงพอสมควร เลยตามมาใส่ไฟว่ามีคนแค้นคุณหลวง มาเป่าหูพี่ร่มถึงในฝัน เอาเด้อ ละนางใช่เงาดำๆที่มายืนอยู่ตรงบันไดหนีไฟไหม? แบบมาล่อลวงให้ครองภพเดินตกบันไดไม่รู้ตัวงี้ :hao4: ที่จริงก็แอบอยากรู้สาเหตุที่เค้าแค้นนะ รู้สึกว่าตัวร้ายมักมีมุมมองที่น่าสงสารเห็นใจ5555

ส่วนพี่ร่ม พี่ร่มขาาาาา หนูก็ชอบพี่ :-[ :-[ :-[ อยากให้พี่เป็นส่วนหนึ่งที่หายไปเหมือนกัน ความรู้สึกหนูก็แตกหน่อเติบโตขยายพันธ์กันแน่นขนัดเป็นป่าดิบชื้นเเล้วค่ะ :monkeysad: :monkeysad: (พาร์ทบรรยายความรู้สึกครองภพในตอนนี้คุณนักเขียนเเต่งดีมากอ่าาาาาา ภาษาโคตรสวยยยยยยยยยย)

ส่วนครองภพ หุ้ยยยย  :hao3: :hao3: :hao3: มีความพรีเซนท์ตัวเอง รายงานตัวทุกฝีก้าวเอง มีความตัดพ้อ มีแววว่าจะเป็นแฟนเด็กที่ติดแฟนและงอแงสุดๆ5555 โกรธพี่อย่างนี้เเล้ว พี่จะง้อยังไง แต่ดูท่าไม่น่าจะโกรธนาน ถ้าพี่มาง้อด้วยการแสดงออกว่าใส่ใจความรู้สึกน้อง คนน้องเค้าก็น่าจะเข้าใจและหายเคืองนะ ตอนนี้เหมือนงอน เพราะรู้สึกว่าความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ถูกมองว่าสำคัญ ทั้งที่จริงๆคือพี่เค้าคิดเผื่อมึงเเล้วโว้ย555 ว่าที่ผัวเด็กนี่มันน่าหมั่นไส้ดีจริงๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 08-02-2020 16:24:18
น้องครองใจเย็นๆ ฟังพี่เค้าก่อนนนน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-02-2020 02:40:04
โอ้โห อิจฉาขนาดนั้น
แต่ทำไมอารมณ์ดูสวิงแบบเหมือนมีสอง อุแง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 09-02-2020 12:01:34
เด็กน้อยงอแงแล้วค่ะพี่รุ่ง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 09-02-2020 21:26:43
สนุกมาก เหมือนน้องป๋อ พี่จ้านมาก 55555
ติดตามๆ :katai4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 13-02-2020 20:13:17
วัน พฤหัสบดี​ แล้วมาปักรอออออออ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mr_longza ที่ 13-02-2020 22:45:55
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 5 (06/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-02-2020 22:50:39
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 13-02-2020 23:03:03
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 7


   ธาดาเป็นลูกชายคนโตของอัจฉรา


พอเรียนจบก็เข้ามาช่วยงานของมารดาหลังจากเห็นชัดแล้วว่าน้องชายที่อายุน้อยกว่าตน 10 ปีหันเหเข้าสู่วงการบันเทิงและคงไม่มีทางออกมาง่ายๆ


ครองภพเป็นคนจริงจังมาแต่เล็ก ต่อให้ไม่พูด แต่การกระทำชัดเจนเสมอ คนเป็นพี่ที่ทั้งรักและตามใจน้อง จึงตั้งมั่นว่าจะไม่ให้กิจการของที่บ้านเป็นภาระให้ครองภพต้องรับผิดชอบ


ดังนั้น การที่ครองภพไม่เคยมาสำนักงานของธุรกิจครอบครัวเลย ย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้


จนกระทั่งวันนี้


ชายหนุ่มวัย 32 เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานตนเองแล้วก็ได้แต่ตะลึงค้าง อ้าปากหวออยู่ที่ประตู มองชายหนุ่มที่หน้าตาคล้ายตนเองอยู่ครึ่งนาที ก่อนจะถอยหลังออกมาชะโงกหน้าถามเลขานุการสาวที่นั่งหน้าห้อง


“นี่ผมตาฝาดรึเปล่า”


“ไม่ฝาดค่ะ”


ธาดากะพริบตาถี่ๆ แล้วก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงานของตนอีกที ก่อนจะส่งเสียงเรียก


   “ครอง?!”


เจ้าของชื่อที่นั่งรออยู่ที่โซฟาหันมอง บอกให้รู้ว่าสิ่งที่ธาดาเห็นนั้นไม่ใช่เพราะภาพลวงตา


ครองภพมาที่นี่! ครองภพมา!!!


ใบหน้าหล่อเหลาของน้องชายผู้อายุน้อยกว่า 10 ปีให้อย่างไรก็ยังนิ่งเรียบเหมือนเคย ทว่า...ถึงจะเรียบยังไง ก็ยังมาปรากฏตัวต่อหน้าพี่ชายในวันและเวลาทำงาน!


   “มาได้ไงน่ะ?!!”


ครองภพไม่เพียงแค่เป็นนักแสดงดาวรุ่งแต่ยังงานชุกจนแทบจับตัวให้อยู่กับที่ไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นน้องชายผู้มุ่งมั่นอยู่กับงานในวงการบันเทิงซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการของทางบ้านเลย ยิ่งไปกว่านั้น...ยังเป็นน้องชายประเภทที่ถ้าพี่ชายยืนอยู่ทางไหน เขาจะไม่พุ่งเข้าหาเป็นอันขาด


แต่...ครองภพมา! มานั่งในห้องทำงานของธาดาด้วย!!


   “หรือว่า...ตกกระป๋อง?” เหตุผลเดียวที่ธาดาคิดได้ คือน้องชายผู้โด่งดังต้องตกอับเป็นแน่แท้ ถึงได้โผล่หน้ากลับมาที่ออฟฟิศของธุรกิจครอบครัวแบบนี้


   คนถูกหมายหัวว่าคงตกกระป๋องในวงการบันเทิงถึงกับถลึงตาใส่ เพียงเท่านั้นธาดาก็ร้องอ้าว


   “แล้ว...แล้วทำไมมานี่” คนเป็นพี่รีบปิดประตู แล้วก้าวเท้าไปทรุดตัวลงนั่งจับเข่าคุยด้วยความเป็นห่วง


   “ก็...พอดีมีเวลา เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว เลยแวะมา”


   คำว่า ‘ใกล้เที่ยง’ ตีความได้อย่างเดียวคือจะมากินข้าวด้วย


ธาดาตะลึงงัน นอกจากน้องชายจะมาแล้ว ยังมาในเวลาใกล้เที่ยงเพื่อกินข้าวด้วยอีกต่างหาก!


   “ครองจะมากินข้าวกับพี่เหรอ? จะมากินกับพี่ใช่มั้ย?” เพื่อไม่ให้ดีใจเก้อหรือหน้าแตกคิดไปเอง คนเป็นพี่เลยต้องถามย้ำเพื่อความแน่ใจ


   “...อือ...พี่...ต้องไปกินที่ไหนรึเปล่า” แม้จะอายุน้อยกว่าถึงสิบปี แต่ครองภพไม่ได้ติดพี่ชายนัก การจะแวะเวียนมาชวนทานข้าวนั้นแทบจะไม่เคยเกิดขึ้น หรือจะพูดให้ธาดาช้ำใจก็คือมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย


   คนเป็นพี่รู้ว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแน่นอน ในฐานะพี่ที่แสนจะติดน้อง ต่อให้มีธุระปะปังที่ไหน ก็มีอันต้องโละทิ้งให้หมด


   “ไม่ๆ งั้นไปกินข้าวกัน เดี๋ยวโทร.ชวนแม่...”


   “ไม่ชวนแม่ได้มั้ย”


ธาดาชะงักเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้นับตั้งแต่เจอครองภพนั่งรอในห้องทำงานของเขา ฝ่ายน้องชายที่จู่ๆก็โผล่หน้ามาที่ออฟฟิศของครอบครัวได้แต่เม้มปาก ก่อนจะเหลือบมองคนเป็นพี่


   “ผม...มีเรื่องอยากปรึกษา...”


   ให้ตายเถอะ ยิ่งกว่าบริษัทมีกำไร300%!!


   ครองภพบอกว่าอยากปรึกษาเขา!!!


   “ได้ๆ ไม่ชวนแม่ก็ได้! งั้น...งั้นไปเลย ไปกินข้าวกัน เอ่อ...เอาร้านแบบส่วนตัวหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวพี่ให้เลขาฯโทรจองห้องให้” ครองภพมองคนเป็นพี่ที่ผุดลุกจะไปสั่งการด่วน แล้วต้องรีบรั้งเอาไว้


   “ไม่ต้องทำอะไรเว่อขนาดนั้นหรอกหน่า”


   “ไม่ได้ๆ ต้องทำๆ”


โอกาสได้เป็นพี่ชายที่แสนดีเข้ามาแล้ววันนี้ ไม่คว้าเอาไว้ก็ไม่รู้จะมีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไร ธาดาต้องรีบตะครุบ แล้วจะได้เก็บเป็นความทรงจำเอาไว้ชื่นชมในอนาคต


   น้องมากินข้าวด้วย


   น้องบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษา


   ตายตาหลับแล้ว ชีวิตของธาดา!!

................................


   ร้านอาหารยามเที่ยงนั้นไม่ว่าจะที่ใดๆก็เนืองแน่น ยิ่งเป็นละแวกสำนักงานใจกลางเมืองยิ่งหาร้านเงียบสงบยาก แต่เลขานุการแสนเก่งของธาดาก็พอจะจัดหาร้านที่มีมุมสงบสำหรับสองพี่น้องได้ในอีกสิบห้านาทีต่อมา


   ธาดาและครองภพมาถึงร้านตอนเกือบเที่ยงครึ่งเข้าไปแล้ว นักแสดงหนุ่มรูปหล่อชื่อเสียงโด่งดัง ต่อให้สวมหมวกแก็ปปิดบังใบหน้า แต่การเดินอยู่ใจกลางเมืองย่อมเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีคนจำได้


   ทว่าครองภพมีภาพลักษณ์เงียบขรึม ยิ่งสวมหมวกแก็ปเดินก้มหน้าก้มตาก็ยิ่งไม่มีใครกล้าทักเขา ตรงข้ามกับธาดาผู้เป็นพี่ที่เห่อน้องชายอยู่ตลอดเวลา เดินยิ้มแก้มปริอกผายไหล่ผึ่งตั้งแต่ออกจากออฟฟิศ


ไม่ใช่หน้าใหญ่เพราะน้องชายมีชื่อเสียงโด่งดังเตะตาผู้คน แต่อยากจะอวดว่าวันนี้น้องมากินข้าวด้วย!


   เดี๋ยวต้องแอบเซลฟี่รูปคู่ จะได้ส่งไปให้แม่ดู!!


   “พี่ธา ได้ยินที่ผมถามรึเปล่า พี่มีแฟนมั้ย” ธาดามัวแต่ปลื้มปริ่มกับการร่วมมื้อเที่ยงกับน้องชาย ลืมตั้งสติรับฟังปัญหาที่ครองภพบอกว่าอยากปรึกษา


   “หะ? แฟน? แฟนใคร?”


ครองภพถอนหายใจ ไม่รู้คิดผิดหรือถูกที่มาปรึกษาธาดา แต่ไหนๆก็มาแล้ว ย่อมไม่มีทางเลือกอื่นมากไปกว่าถามซ้ำ


“พี่น่ะ มีแฟนมั้ย”


“หา?! หมายถึงแฟนพี่เหรอ? เฮ่ย! ถ้ามีก็แต่งงานไปแล้วสิ!” คนเป็นพี่ตอบพลางกลั้วหัวเราะอย่างเพราะไม่เห็นเป็นเรื่องจริงจังเสียเท่าไร


   “แล้วไม่มีคนที่คุยกันอยู่เลยรึไง”


   “ก็...ไอ้มีมันก็มีนั่นแหละ แต่ยังไม่แน่ใจ”


   “ใครไม่แน่ใจ พี่หรือเขา”


   “ทั้งคู่แหละมั้ง ต่างคนต่างก็สนุกกับงานด้วย ไม่เคยคุยกันด้วยว่าอยากสร้างครอบครัวมั้ย อยากมีลูกรึเปล่า มันก็เลย...ไม่ชัดเจนกันทั้งคู่” ธาดาตอบพลางมองน้องชายที่นั่งม้วนเส้นสปาเก็ตตี้อยู่ฝั่งตรงข้าม


   “แก...มีปัญหากับแฟนเหรอ”


จะไม่ถามว่าครองภพมีแฟนรึเปล่า คำถามแบบนั้นมันออกจะยอกใจตัวเองไปสักหน่อย เป็นพี่ประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าน้องมีแฟนหรือไม่ แม้ในความเป็นจริง ธาดาก็ไม่รู้จริงๆว่าน้องชายมีแฟนหรือยัง ก็ครองภพบอกอะไรเขาเสียที่ไหน ดีแค่ไหนแล้วที่วันนี้มันยังพกปัญหามาปรึกษาให้พี่คนนี้ได้ทำหน้าที่บ้าง


   “ไม่ใช่” คำตอบน้องแข็งกร้าวราวกับเจ้าตัวอึดอัด


   “ไม่ใช่เพราะไม่ตกลงกันตรงๆแบบพี่ หรือเพราะเขาไม่รู้ แกก็ไม่บอก”


ครองภพเงยหน้ามองคนถามทันควัน


   “ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันมากพอที่เขาจะดูออก”


สิ่งที่เขาทำนั้นมากกว่าคำพูดตั้งเท่าไร ร่มธรรมไม่ใช่คนโง่ ถึงจะดูไม่ออกว่าเขาปฏิบัติต่อเจ้าตัวพิเศษกว่าที่เขาทำกับใคร


   “แล้วปัญหามันเกิดมาจากอะไร ถ้าแกคิดว่าสิ่งที่แกทำมันมากกว่าคำพูด และคิดว่าเขาดูออก”


   ครองภพกลืนก้อนแข็งในคอ คิดย้อนกลับไปวันที่ทะเลาะกันและเขาเลือกที่จะเดินออกมา ผ่านมาหลายวัน เจอหน้ากันในกอง ก็เพียงแค่มองหน้าแล้วผ่านเลยไป ต่างคนต่างไม่พูดกัน เขาไม่รู้ว่าร่มธรรมยังอยากพูดกับเขาอยู่ไหม แต่ที่แน่ๆ เขาไม่อยากพูดอะไรกับอีกฝ่ายตอนนี้


   เขาเด็กเกินไป


   เด็กเหลือเกินกับความรู้สึกที่สำคัญขนาดนี้


   กังวลว่าเขาจะรักษามันเอาไว้ไม่ได้ กังวลว่าวันใดที่เผชิญหน้ากับร่มธรรมอย่างตรงไปตรงมา ความรู้สึกนี้จะถูกทำลายไม่เพราะตัวเขาเอง ก็เพราะความไม่เข้าใจระหว่างเรา


   สุดท้ายเลยเลือกที่จะหลบเลี่ยง


   เด็กจริงๆ


   เด็กจนยิ่งรู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะสมกับอีกฝ่ายเลย


   “เขาอยากหยุด...ผมเข้าใจว่าสถานะของผมกับเขาทำให้เรื่องของเราเปิดเผยไม่ได้ แต่การเปิดเผยมันก็มีลำดับขั้นของมัน ต่อให้เราจะบอกคนอื่นไม่ได้ว่าเรารู้สึกต่อกันยังไง แต่อย่างน้อยให้คนรอบข้างรู้ว่าเราเป็นเพื่อนกันก็ได้ไม่ใช่เหรอ แต่นี่!...เขาไม่อยากให้พวกเราไปต่อ...” ประโยคหลังของครองภพเบาแผ่ว แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่ต่างจากเข็มนับล้านที่ทิ่มแทงความรู้สึกของเขา


   ไม่ใช่แค่ปกปิด แต่หยุดทุกอย่างเอาไว้


   ความรู้สึกของเขาไร้ค่าอย่างนั้นหรือ ถึงไม่อยากให้มันสานต่อด้วยซ้ำ


   ธาดามองน้องชายด้วยความสงสาร ต่อให้ครองภพจะไม่ติดเขาแจเหมือนพี่น้องคู่อื่นๆ แต่เขาก็รู้เห็นชีวิตของน้องมาโดยตลอด แม้จะหน้าตาหล่อเหลา เข้าวงการตั้งแต่อายุยังน้อย มีคนรุมล้อมมากมาย แต่เจ้าตัวไม่เคยคบหามีความรักกับใครเลย ความปรารถนาสูงสุดคือการทำงานในวงการบันเทิง ดังนั้นจึงมุ่งมั่นและทุ่มเทอยู่แต่กับงาน จนมาวันนี้ที่มีความรู้สึกให้ใครสักคน เจ้าตัวจึงทำเหมือนอย่างที่เคยทำให้กับการทำงาน


   อนิจจัง งานกับความรักไม่เหมือนกัน


ครองภพทุ่มแรงกายแรงใจให้งาน ผลที่ได้รับกลับมาคือความสำเร็จในวันนี้


   แต่เมื่อทุ่มแรงกายแรงใจให้กับความรัก ผลที่ได้ดันต่างกับคำว่าสำเร็จราวฟ้ากับเหว


   
   ไม่สำเร็จไม่พอ ยังถูกขยี้ความรู้สึกให้เจ็บช้ำอีกต่างหาก


   แม้จะนึกโกรธคนที่ทำให้น้องชายของตนเจ็บ แต่ธาดามีวุฒิภาวะมากพอที่จะไม่โทษฟ้าโทษฝน น้องชายของเขาอายุยังน้อย หากสนับสนุนไปผิดทาง ย่อมเกิดผลลัพธ์ด้านลบกับครองภพเอง


   “ถ้าตัดเรื่องที่ทะเลาะกันออกไปก่อน ครองคิดว่าสิ่งที่เขาทำให้ มันมากพอที่จะดูออกไหม ว่าเขารู้สึกยังไงกับครอง”


   ครองภพนิ่งงัน ความโกรธและน้อยเนื้อต่ำใจที่ทับถมในใจมาหลายวันคล้ายเป็นเมฆดำที่ปิดตาเขา ทว่าคำถามนี้กลับเหมือนแสงบางอย่างที่ส่องผ่านเมฆลงมา


   ‘สิ่งที่เขาทำให้ มันมากพอที่จะดูออกไหม’


   ร่มธรรมเป็นคนใจดี มีมนุษยสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ช่วงแรกที่รู้จักกัน ก็เป็นร่มธรรมที่เข้าหาเขา มอบน้ำใจและความเป็นมิตร ครองภพไม่รู้ว่าอีกฝ่ายปฏิบัติเช่นนั้นกับคนอื่นด้วยไหม แต่พักหลัง...เขารู้สึกว่าสิ่งที่ร่มธรรมปฏิบัติต่อเขา พิเศษขึ้นกว่าเดิม


   ช่างสังเกต ช่างเอาใจใส่ และช่างดูแล


วันที่เขาทำงานหนักและเหนื่อยล้า ต่อให้จะดึกดื่นแค่ไหน ถ้าติดต่อไป ร่มธรรมก็พร้อมแวะมาหาที่คอนโดของเขาเสมอ ถ้าบอกว่าหิว เจ้าตัวก็ไม่เคยมามือเปล่า แต่จะหิ้วอาหารอร่อยถูกปากเขามาด้วย ถ้าเห็นเขาง่วงก็จะไล่เขาไปนอนบ้าง ไม่อย่างนั้นก็บ่นหน้างอด้วยความเป็นห่วงบ้าง


ไม่ใช่แค่รอยยิ้มและสายตาที่ร่มธรรมมีให้เขา แต่อากัปกิริยาหลายอย่างยามเจ้าตัวอยู่กับเขา มันแฝงความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ครองภพรู้สึกว่า ระหว่างเขาและร่มธรรม ทุกอย่างมัน ‘พิเศษ’ กว่าช่วงแรกที่รู้จักกัน


   “ความรู้สึกของตัวเองก็ต้องรักษา แต่ความรู้สึกของอีกฝ่ายก็ต้องดูแล วันนี้ทะเลาะกัน ครองยังเจ็บ แล้วคิดว่าอีกฝ่ายไม่เจ็บหรือ”


   ครองภพทอดถอนหายใจยาว วางช้อนส้อมลงกับจานแล้วเอนหลังพิงพนัก รู้สึกตื้อขึ้นมาจนไม่อยากทานอะไรอีกแล้ว


   “ผมยังเด็กเกินไป”


   พี่ชายผู้แสนชื่นชมยินดีกับน้องชายเสมอรีบสั่นหน้า ในชีวิตนี้ของธาดาไม่เคยเห็นข้อด้อยสักอย่างของครองภพอยู่แล้ว


   “ไม่หรอก ครองโตแล้วต่างหาก”


   ครองภพเงยหน้ามองพี่ชาย ธาดายิ้มให้เขา เหมือนที่ยิ้มเสมอยามชื่นชมเขา เหมือนตอนเขาวิ่งแข่งชนะ เหมือนตอนที่เขาประกวดร้องเพลงชนะ เหมือนตอนที่เขาเอาถ้วยรางวัลมาให้ดู


   ต่อให้ต่างคนจะมีชีวิต มีหน้าที่การงานเป็นของตนเอง แต่เมื่อไรที่หันมา ธาดาก็ยังมีรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจในตัวน้องชายคนนี้เสมอ


   “ครองโตพอที่จะอยากทะนุถนอมความรักแล้ว ไม่ใช่แค่อยากเอาชนะมัน จริงไหม”


ครองภพนิ่งเงียบ หัวใจตอนนี้ไม่ได้มีแต่ความโกรธเคืองที่มีต่อร่มธรรมอีกแล้ว คำพูดของธาดาทำให้เขารู้ว่าที่จริงแล้ว ความรู้สึกของตนเองเป็นเช่นไร


   เพราะรัก ถึงได้โกรธ


   แต่ถึงจะโกรธก็ยังอยากจะรัก อยากทะนุถนอม


   นี่เขา...เขาโตขึ้นแล้วจริงหรือ?


   แม้ธาดาจะยืนยันว่าเขาโตพอแล้ว แต่ครองภพก็ยังไม่มั่นใจ นักแสดงหนุ่มชื่อดังถอนหายใจ ไหล่ลู่ลงอย่างอ่อนล้า


   “แต่ผมก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าผมโตมากพอรึยัง”


   คนเป็นพี่มองน้องชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า ตั้งแต่เด็กจนโต อาจจะเพราะครองภพเกิดเป็นลูกคนเล็ก หลานคนเล็ก คนรอบข้างเอาอกเอาใจจนเจ้าตัวเชื่อมั่นในตนเองเสียจนไม่มองใคร แต่วันนี้สิ่งที่ไร้รูปแบบ จับต้องไม่ได้ กำลังมีอิทธิพลจนน้องชายผู้มีมาดอย่างกับราชสีห์หนุ่มของวงการ ไม่ต่างอะไรกับลูกแมวน้อยตัวเล็กๆที่วิ่งวนเล่นแต่หางของตนเอง


   ...น่ารัก…


   ...ครองมีความรักแล้วโคตรน่ารัก!...


   ...พี่ชายคนนี้โคตรแฮปปี้เลยครับ!...


   “ถ้าอย่างนั้น สงสัยต้องไปถามคุณร่มล่ะมั้ง”


   แม้จะจมอยู่กับความรู้สึกในใจ แต่ชื่อบุคคลที่สามที่โผล่เข้ามาในประโยคก็ทำเอานักแสดงหนุ่มชะงักกึก เงยหน้ามองทันควัน


   “พี่ธาว่าอะไรนะ”


   “ว่าอะไร ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ธาดาทำไขสือ ก้มลงตักข้าวเข้าปากตนเองเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่ได้พูดอะไรที่ชวนให้ชะงักสักนิด ทว่าเป็นฝ่ายครองภพที่อ้าปากค้าง จ้องมองคนเป็นพี่ตาไม่กะพริบ


   “ก็เมื่อกี้พี่พูดถึง!...”


   “พูดถึงอะไร”


หนุ่ม 22 อ้าปากแต่กลับไม่มีเสียงหลุดออกมา สุดท้ายก็ได้แต่หุบปากลง หน้าตาปั้นยาก ก่อนจะบ่น


   “รู้ได้ไงวะ...”


   ธาดายิ้ม มองน้องชายผู้มักทำสีหน้าเรียบเฉยแต่วันนี้กลับแสดงอารมณ์หลากหลายแล้วยิ่งเอ็นดู ความรักทำให้ครองภพเติบโต ความรักทำให้ครองภพเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่ขอบคุณร่มธรรมก็ไม่รู้จะขอบคุณใครแล้ว


   แต่...ขอบคุณก็ส่วนขอบคุณ ยังไงก็ตาม ร่มธรรมจะหักอกน้องชายสุดที่รักของเขาไม่ได้หรอกนะ


   ธาดามุ่งมั่นในใจอย่างเงียบๆ


   พี่ชายคนนี้ขอสาบานต่อข้าวกลางวันมื้อนี้...น้องพี่จะต้องสมหวังในความรัก!


.........................


   ร่มธรรมรู้ว่าถูกโกรธ แต่สถานการณ์กลับไม่เอื้ออำนวยให้เขามีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกับครองภพเลย


หากวันใดเจอกันที่กองถ่าย รอบตัวก็มีผู้คนมากมายเกินไป หรือในเวลาที่พอจะสบโอกาสได้อยู่กันสองคน ก็เป็นฝ่ายครองภพที่เดินหนี ส่วนวันที่ไม่พบกันที่กองยิ่งแล้วใหญ่ ครองภพทำงานหนัก แทบไม่มีเวลาพัก เขาเพิ่งรู้ก็ตอนนี้ ที่ครองภพเคยแวะมาที่ร้านกาแฟ ร.รอ แทบทุกวันก่อนที่ร้านจะปิด เป็นความพยายามในการจัดสรรเวลาอันจำกัดของเจ้าตัว


   แต่...เขาไม่เคยเห็นคุณค่ามันเลย เรียกร้องการขีดเส้นกำกับให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่เป็นที่ประเจิดประเจ้อ ไม่เป็นเป้าสายตาของใคร


   มัวแต่สนใจสังคมรอบข้าง สถานะหน้าที่การงาน ภาพลักษณ์ หรือแม้กระทั่งครอบครัวของครองภพ


แต่...มองข้ามความรู้สึกและความพยายาม


   ทำไมเขาเป็นคนใจร้ายแบบนี้


   “พี่ร่ม...” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ทำเอาร่มธรรมที่กำลังคิดไม่ตกว่าควรจะส่งข้อความไปหาครองภพดีหรือไม่ถึงกับสะดุ้ง รีบคว่ำโทรศัพท์ลงกับโต๊ะก่อนจะหันมอง เบญญาส่งยิ้มให้เขาอย่างสดใสเช่นเคย


   “พี่ร่มดูไม่ค่อยสบายเลย เหนื่อยเหรอคะ”


   “น...นิดหน่อยครับ...”


   “สู้ๆนะคะ เบญรอดูซีรี่ส์ของพี่ร่มอยู่นะ”


   “ขอบคุณนะครับ” เขายิ้มให้ กำลังใจจากคนรอบข้าง พอจะทำให้สบายใจอยู่บ้าง


   “เอ? แล้วนี่...วันนี้พี่ร่มได้พักเหรอคะ”


   “ครับ วันนี้ไม่มีคิว”


   “แล้ว...คุณครองภพล่ะคะ เบญเห็นเขามาที่ร้านตอนหัวค่ำบ่อยๆ วันนี้ไม่มาเหรอ”


ร่มธรรมชะงักไปเล็กน้อย เรื่องที่ครองภพมาร้านกาแฟของเขา หรือแม้แต่เรื่องที่เขาไปคอนโดของครองภพเป็นข่าวใหญ่โตที่ไม่ว่าสำนักไหนก็เล่น จะมีคนถามเรื่องครองภพจากเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก


   เพราะความสัมพันธ์ของเรา...ไม่ใช่แค่เรื่องของเรา


   “เขา...งานยุ่งน่ะครับ” ร่มธรรมไม่รู้จะตอบอะไรดีไปกว่านี้ เบญญาพยักหน้ารับรู้ แต่สายตาของหล่อนก็ยังทอดมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความหวานซึ้งและห่วงใย


   “พี่ร่มก็ต้องพักผ่อนบ้างนะคะ นอนให้หลับ กินให้เยอะๆ กินของมีประโยชน์ แล้วก็ออกกำลังกายด้วย เบญ...” หล่อนยังพูดไม่ทันจบ ประตูร้านก็ถูกเปิดเข้ามา ร่มธรรมละสายตาจากหญิงสาวไปยังลูกค้าคนใหม่ก่อนจะนิ่งชะงัก


   ลูกค้าหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็ก ดูเผินๆแล้วคล้ายพนักงานออฟฟิศที่พบเจอได้ทั่วไป เพียงแต่หน้าตาหล่อเหลาของเขานั้นไม่เพียงคล้ายใครบางคนที่ร่มธรรมรู้จัก แต่เจ้าของใบหน้านี้ยังเป็นคนที่เขาเคยร่วมโต๊ะมาแล้ว


   ธาดา...พี่ชายของครองภพ


   “เอ๊ะ...นั่น...” เสียงของเบญญาดังขึ้น ร่มธรรมหันมองหล่อนก่อนจะยิ้มจาง


   “ผม...ขอตัวก่อนนะครับ” เขาพูดก่อนจะรีบลุกจากโต๊ะเดินตรงเข้าไปหาคนที่เพิ่งเข้าร้าน เบญญาทำได้เพียงแค่มองตาม หล่อนไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน ก่อนที่จะพากันไปเดินออกจากร้านไปโดยที่คนที่เพิ่งเข้าร้านไม่ได้สั่งแม้แต่เครื่องดื่มสักแก้วด้วยซ้ำ


............................
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 13-02-2020 23:03:35
ละแวกร้านกาแฟ ร.รอ เป็นย่านใจกลางเมือง ช่วงกลางวันพลุกพล่านด้วยพนักงานออฟฟิศและผู้คน ตอนค่ำก็ยังจอแจด้วยรถราและผู้คนอยู่ดี ดังนั้นจึงมีร้านอาหารหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร


ธาดาตัดสินใจแบบไม่ได้ถามความสมัครใจจากคนที่เขาพามาด้วย ออกปากขอเลือกร้านอาหารที่เขาชอบ จากนั้นก็เลี้ยวรถเข้าร้านทันที


   ร่มธรรมผู้มีชนักปักหลังจากข่าวที่เกิดขึ้นกับน้องชายของธาดาย่อมไม่อยากสร้างปัญหาให้ตนเองเพิ่ม เหลือบตามองร้านอาหารที่อีกฝ่ายพามาแล้วดูสงบและเหมาะกับการพูดคุยก็เปิดประตูลงจากรถ ก้มหน้าก้มตาเดินตามพี่ชายของครองภพเข้าไปในร้าน


   ในเมื่อเป็นคนเลือกร้าน ธาดาก็ย่อมเป็นคนสั่งอาหาร เขาเลือกอาหารที่ทานง่ายและไม่หนักท้องมา 3-4 อย่างสำหรับผู้ชายสองคน ตบท้ายด้วยเบียร์สดของเขา ส่วนร่มธรรมขอน้ำเปล่า ไม่ต้องรออาหารอย่างแรกลงโต๊ะ ชายหนุ่มวัย 32 ก็เป็นคนเอ่ยปาก


   “เมื่อกลางวัน ไอ้ครองมาหาผม”


ร่มธรรมชะงัก ทั้งๆที่รู้ดีว่าการที่เขามาที่นี่เวลานี้ ไม่ใช่เพราะธาดาคิดจะอยากเลี้ยงข้าว แต่เพราะมีธุระจะพูดคุยต่างหาก


   “เขาดูไม่ค่อยดี คุณร่มอยู่กองเดียวกับเขาพอจะทราบมั้ยว่าเขามีปัญหาอะไร หรือว่า...น้องผมโดนใครในกองแกล้งเอารึเปล่า?”


ธาดาเป็นพี่ชายของนักแสดงหนุ่มชื่อดัง แต่เขากลับไร้ทักษะในการแสดงละครอย่างสิ้นเชิง หากครองภพได้ยินคำพูดปั้นแต่งอีกทั้งสีหน้าโอเว่อร์ของเขา คนเป็นน้องคงถอนหายใจไปหลายเฮือก แต่ร่มธรรมมัวแต่รู้สึกผิด จึงไม่ทันสังเกต


   “คุณธาดาคงเห็นข่าวแล้ว ผม...ทำให้ครองมีปัญหา...”


   “ข่าว? อย่าบอกนะว่าเรื่องข่าวที่คุณกับไอ้ครองสนิทกัน ขึ้นคอนโดอะไรนั่น”


สีหน้าเป็นกังวลของร่มธรรม ทำเอาธาดาหัวเราะ ก่อนจะส่ายหน้า


   “ไอ้ครองอยู่ในวงการมานาน ถึงมันจะอายุไม่มาก แต่อย่าดูถูกน้องผม ข่าวแค่นั้นทำอะไรมันไม่ได้หรอก ไอ้ครองน่ะเลือดนักสู้นะ”


ร่มธรรมนิ่งไป ก่อนจะถอนหายใจ


“แต่...ข่าวแบบนั้น...ยิ่งสู้ ยิ่งไปกันใหญ่...”


“มันขึ้นอยู่กับว่าจะสู้ทางไหน และคุณกล้าสู้มั้ย” ธาดาย้อนถาม ทำเอาอีกฝ่ายเงียบ คราวนี้เลยเปลี่ยนคำถามใหม่


“คุณไม่กล้าสู้? ทำไม? มีปัญหาอะไร หรือน้องผมดีไม่พอ?” คนถูกถามตาเหลือกโตด้วยความตกใจ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนี้ ทว่าธาดากลับยักไหล่


“ไอ้ครองไม่ค่อยพูดก็จริงแต่อ่านง่ายจะตาย คุณก็อ่านน้องผมออกใช่มั้ย ว่ามันรู้สึกยังไงกับคุณ”


ต่อให้ครองภพจะมั่นใจว่าการกระทำของเจ้าตัว ร่มธรรมรับรู้ แต่ธาดาก็ต้องย้ำให้ร่มธรรมเข้าใจตรงกันว่าสิ่งที่ครองภพปฏิบัติต่อร่มธรรมนั้นพิเศษกว่าที่ปฏิบัติต่อคนอื่น


“คิดว่า...รู้ครับ...”


เพราะคิดว่าตนเองรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย และเพราะคิดว่ารู้ความรู้สึกของตนเอง ร่มธรรมจึงไม่อาจปล่อยให้ทุกอย่างเคลื่อนตัวไปตามอำเภอใจ ทั้งเขาและครองภพมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ อย่างน้อยหน้าที่การงาน งานในวงการเป็นงานที่พวกเขารัก แต่มันจะถูกทำลายให้ย่อยยับด้วยความรู้สึกของพวกเขา


ทั้งๆที่ความรู้สึกนี้แสนมีค่า ทั้งๆที่ความรู้สึกนี้แสนสำคัญ มันจะกลายเป็นดาบทิ่มแทงพวกเขาไม่ได้


ร่มธรรมอยากรักษามันเอาไว้ เหมือนที่รักษาครองภพเอาไว้


ไม่อยากเสียทั้งความรู้สึกและครองภพไป


“แล้วคุณรู้มั้ยว่าครองเสียใจ” คำถามของธาดายิ่งทำเอาหัวใจของร่มธรรมอ่อนยวบลงจนอกเย็นวาบ


“รู้...ครับ”


“แล้วจะปล่อยไว้อย่างงี้เหรอ”


“ผม...ผม...อยาก...อยากทบทวนให้แน่ใจว่าจะมีทางไหนบ้างไหมที่จะไม่ทำให้ครองเสียหาย...”


“แต่ตอนนี้ครองเสียหายไปแล้วจากข่าวที่ออกมา แล้วก็เสียใจด้วยจากที่ทะเลาะกับคุณ ทั้งเสียหาย ทั้งเสียใจ เพราะคุณไม่ชัดเจน”


ร่มธรรมได้แต่ก้มหน้าเงียบ เถียงไม่ออกสักคำ ครองภพเสียหายก็เพราะเขาเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจแต่แรก ตอนนี้ครองภพยังเสียใจด้วยเพราะเขาไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง


คนผิดคือเขา...คือร่มธรรมคนนี้


ธาดาเห็นสีหน้าชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก็พลอยถอนหายใจด้วยความสงสาร ตอนแรกคิดจะเล่นบทโหดแบบพี่ชายที่หวงน้อง แต่พอมาเห็นร่มธรรมสำนึกผิดแบบนี้ ก็เกรงว่าหากยังดันทุรังสวมบทพี่ชายใจร้ายต่อไป คนตรงหน้าจะเตลิดถอยห่างออกจากครองภพ คราวนี้ล่ะน้องชายของเขาอกหักอย่างไม่ต้องสงสัย


“เอาเถอะ เรื่องคราวนี้ไม่ใช่คุณคนเดียวที่ผิด ไอ้ครองเองก็ใช่ย่อย มันอายุยังน้อย มุทะลุใจร้อนไปบ้าง แต่ถ้าคุยกับมันดีๆ มันไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากเลย คุณเป็นผู้ใหญ่กว่าไอ้ครอง ผมคาดหวังความเป็นผู้ใหญ่ของคุณพอสมควรเลยนะ”


ร่มธรรมถอนหายใจอย่างปลงตก


“ผมเองก็คาดหวังว่าตัวเองจะเป็นผู้ใหญ่...” เพราะคิดว่าตนเองอายุมากกว่าครองภพ ร่มธรรมถึงได้พยายามตัดสินใจอย่างถ้วนถี่ คิดกลับไปกลับมาหลายสิบรอบว่าควรจะทำเช่นไรดีกับความสัมพันธ์ที่แสนเปราะบางของพวกเขา


แต่...เรื่องบางเรื่อง ความซับซ้อนของ ‘ผู้ใหญ่’ กลับยิ่งดึงทึ้งลงเหว


“...แต่...เป็นผู้ใหญ่มันยากจริงๆนะครับ”


ธาดาหัวเราะ “ไม่เห็นยากเลย ยิ่งเป็นผู้ใหญ่สิ ยิ่งหาข้ออ้างง่ายจะตาย ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งรู้ว่าไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็มีผลกระทบทั้งนั้น แต่จะเลือกผลกระทบอะไรเท่านั้นเอง อะไรสำคัญก็เลือกอันนั้น ถ้าเลือกภาพลักษณ์ก็อ้างไปสิว่าเลือกด้วยสมอง ถ้าเลือกกำลังใจของครองก็บอกสิว่าเลือกด้วยหัวใจ ไม่ว่าทางไหนก็ฟังขึ้น จริงมั้ย”


แล้ววินาทีต่อมา สายตาของคนพูดก็กลายเป็นจริงจัง ประโยคถัดมาไม่มีวี่แววล้อเล่น


“...แต่จำไว้อย่าง ผู้ใหญ่มีเวลาจำกัด บางอย่าง...เลือกแล้วมันกลับมาเลือกใหม่ไม่ได้ คิดให้ดีว่าจะเลือกอะไร แต่ถ้าคิดนานไป ไม่ทันเลือกอะไรสักอย่าง คุณจะโทษอะไรไม่ได้เลยนอกจากโทษตัวเอง”


ร่มธรรมได้แต่เงียบ เขารู้ว่านี่คือคำเตือน


ถ้าเทียบระหว่างเขาและครองภพ แน่นอนว่าร่มธรรมเป็นผู้ใหญ่กว่า และทางเลือกในคราวนี้ เมื่อเลือกแล้ว ก็ไม่อาจกลับมาเลือกซ้ำด้วยเหตุผลว่าตอนเลือกคราวนั้นขาดซึ่งวุฒิภาวะหรือไร้วิจารณญาน อีกทั้งเมื่อเลือกทางใดแล้ว ผลกระทบย่อมตกแก่ครองภพ ไม่ว่าผลนั้นจะดีหรือร้าย ย่อมทำให้ครองภพเติบโตไปในทางใดทางหนึ่ง เมื่อครองภพเติบโต เมื่อครองภพเป็นผู้ใหญ่ ก็ย่อมทำให้ร่มธรรมไม่อาจกลับมาเลือกใหม่ได้ซ้ำอีกครั้งแน่นอน


จะเลือกอะไรเล่า


ภาพลักษณ์หรือความรู้สึก


จะเลือกด้วยอะไรเล่า


สมองหรือหัวใจ


คนที่ไตร่ตรองทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบ มาบัดนี้กลับพบว่านิสัยของตนเช่นนี้ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักที่กลางทาง


 ..........................


   หลายคืนก่อนหน้านี้ มักมีเสียงกรีดร้องจากมุมมืด เสียงนั้นทรมานและทุรนทุราย ทว่าวันนี้แตกต่างออกไป เสียงโหยหวนกลายเป็นเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บร้าว เสียงกรีดร้องกลายเป็นเสียงร้องไห้ปานใจจะขาด


   “ฮือ...ฮือ...”


   ดวงตาที่ฉ่ำชุ่มไปด้วยน้ำตาเหม่อลอย สองมือจิกเข่าแล้วโยกตัวไปมาราวกับปลอบประโลม ทว่าเมื่อเงาร่างทะมึนปรากฏเบื้องหน้า ดวงตาที่เหม่อลอยกลับเบิกโพลง น้ำตาหยุดไหล ริมฝีปากกลายเป็นแสยะยิ้ม


   “มาแล้ว...มาแล้ว...”


   “มาเอามันไป...มาเอามันไป...”


   “มาเอาไอ้ครองภพไป...เอามันไปจากคนของกู!!!!!”


   เสียงร้องไห้กลายเป็นเสียงหัวเราะ น้ำตาแห้งเหือด ริมฝีปากอ้ากว้างเปล่งเสียงแห่งความสุขดังก้องจากในมุมมืด ทว่าไม่ว่าจะเสียงกรีดร้อง ร้องไห้ หรือหัวเราะ ก็ล้วนไม่มีผู้ใดได้ยินทั้งนั้น


   พายุก่อตัวไร้คำเตือน


   เวลา...กำลังนับถอยหลังสู่หายนะ


   .............................


   ครองภพอยู่ในวงการมานาน ต่อให้อารมณ์จะเป็นเช่นไร แต่เมื่ออยู่ในงาน เขาก็ยังคงเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ ส่วนร่มธรรมแม้จะเพิ่งกลับเข้าวงการ แต่ช่วงเวลา 6 ปีที่ห่างหายไม่ได้ทำให้เลือดนักแสดงมืออาชีพลดน้อยลงเลย ดังนั้นถึงจะอยู่ในช่วงมึนตึง แต่การทำงานในกองถ่ายก็ยังเป็นไปอย่างราบรื่น


   แม้จะประดักประเดิดก็ตาม


   ซีรี่ส์ของผู้กำกับฉายซึ่งเดิมทีเป็นผู้กำกับภาพยนตร์มือล่ารางวัล เมื่อหันมาจับงานรูปแบบใหม่ลงในแพล็ตฟอร์มใหม่ ย่อมเป็นที่จับตา เนื้อเรื่องเกี่ยวกับโลกในยามที่มนุษย์มีทั้งพวกวิวัฒนาการแบบผ่าเหล่าและพวกดั้งเดิม ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความพวกพ้อง ความยากดีมีจน ก่อปัญหาข้ามเผ่าพันธุ์ ทั้งอาชญากรรม ฆาตกรรม และโศกนาฏกรรม กฎหมายจะถูกแขวนไว้บนหิ้ง หากไม่มีใครลุกขึ้นมาทวงคืนความเป็นธรรมและหมุนวงล้อกระบวนการยุติธรรม


ซีรี่ส์แนวแฟนตาซีสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ประกอบด้วยตัวละครนำ 2 ตัว ชายหนุ่มคนหนึ่งมาจากมนุษย์ผ่าเหล่าครึ่งคนครึ่งสิงโต ใช้ชีวิตอย่างอนุรักษนิยม เรียนรู้ธรรมชาติจนแตกหน่อเป็นพลังพิเศษ ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่มีนิสัยยืดหยุ่นและผสมผสาน รู้ศาสตร์หลากหลาย ต่างคนแตกต่าง ร่วมกันไขคดีประหลาดด้วยการใช้ทั้งพลังเหนือธรรมชาติ การผจญภัย การคิดวิเคราะห์ และเทคโนโลยีล้ำสมัย


   ครองภพรับบทเป็นชายหนุ่มผ่าเหล่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ ในขณะที่ร่มธรรมรับบทเป็นมนุษย์ธรรมดาแต่เก่งกาจเรียนรู้ไว เดิมทีบทบาทของพวกเขาในซีรี่ส์ก็มีลักษณะตรงข้ามกันอยู่แล้ว การเข้าบทโดยทำเป็นเมินจึงเป็นเรื่องที่ผู้กำกับต้องการพอดี


   แต่...เมื่อเสียงคัทดังขึ้น ต่างคนต่างก็เมินกันจริงๆ


   ครองภพเป็นฝ่ายเดินหนี เขายังไม่รู้ว่าตนเองจะมองหน้าร่มธรรมอย่างไรไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสเข้ามาพูดคุยเรื่องข่าวนั้นอีก แล้วทำให้หัวใจของเขาเจ็บมากกว่าที่เป็นอยู่


   เพราะไม่อยากเอาแต่คิดเรื่องของร่มธรรม พอมีเวลาพักจึงเอาแต่กดเกมในโทรศัพท์มือถือ อย่างน้อยก็เป็นการปิดโลกของตนเองไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวาย แต่...ใครบางคนก็อยู่นอกเหนือความคาดหมาย


   “ไอ้ครอง! มากองไม่เอาแต่เล่นเกมสิวะ!” เสียงตะโกนดังขึ้นที่ข้างหู ทำเอาครองภพสะดุ้งโหยงหันขวับไปมอง แล้วเบิกตาโต


   “พี่มิล!”


   รามิลยืนยิ้มกว้างอยู่ข้างหลังเขา


   “พี่มิล มาได้ไง”


   “ซื้อกาแฟมาเซ่นผู้กำกับฉาย”


รามิลอาศัยฐานะพระเอกเก่าที่เคยร่วมงาน หนำซ้ำบิดาของเขาก็เป็นเพื่อนของผู้กำกับ สมัยยังเด็กก็เคยวิ่งเล่นในกองของผู้กำกับฉายออกบ่อยไป วันนี้ต่อให้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ยังเข้ามาเดินในกองถ่ายได้อย่างสะดวก อาศัยแค่หน้าตาของความเป็น รามิล เท่านั้นเอง


   “แล้วแกเป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย”


   “ก็โอเค” 


รามิลพยักหน้กหน้ารับรู้ แม้จะนึกเคืองผู้กำกับฉายอยู่บ้างที่ทำตามสัญญาของเขาก็จริง แต่ดันให้ครองภพมาชิมลางโปรเจ็คใหม่ที่จะลงในแพล็ตฟอร์มใหม่ ซึ่งไม่รู้จะออกหัวออกก้อย ทำแบบนี้มันเหมือนทำตามสัญญาอย่างขอไปที


แต่...พอเห็นพล็อตซีรี่ส์และนักแสดงที่ประกบกับครองภพแล้ว ก็พอจะอะลุ้มอะล่วยได้อยู่


   ครองภพกับร่มธรรม


   การแสดงของสองคนนี้เข้ากันได้ดี ไม่นับเรื่องหน้าตาที่ต่างหล่อเหลากันไปคนละแบบ แต่บางส่วนของหน้าตากลับคล้ายคลึงกัน รามิลเองก็บอกไม่ได้ว่าส่วนไหนที่เหมือนหรือต่าง แต่รวมๆแล้ว ครองภพและร่มธรรมเหมาะสมกันทุกประการ


   ยิ่งสนิทกันด้วย ต่อให้มีข่าวไปในทิศทางนั้น ถ้ารู้จักควบคุมให้ข่าวไม่เกินเลยแต่เลี้ยงกระแสเอาไว้อย่างนี้ ก็คงไม่ตกขอบวงการแน่ คราวนี้ค่อยมาลุ้นว่าโปรเจ็คนี้ของผู้กำกับฉายจะทำให้ครองภพและร่มธรรมจับมือกันดังเปรี้ยงได้หรือไม่ เท่านั้นเอง


   ว่าแต่...ทั้งๆที่อยู่กองเดียวกัน เล่นประกบคู่กัน แล้วอีกคนไปไหน?


   “แล้วนี่...แกอยู่คนเดียว” อดีตพระเอกเก่าถามพลางกวาดตามองไปรอบตัว ครองภพนั่งพักเพียงลำพัง มีสต๊าฟเดินเข้าเดินออกจากห้อง แต่ไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายกับเขาเลยสักนิด


   “พี่ณุคงอยู่แถวนี้” ครองภพเข้าใจว่าอีกฝ่ายถามถึงผู้จัดการส่วนตัวของเขา แต่รามิลกลับพูดไปถึงอีกคน


   “แล้วร่มล่ะ”


นักแสดงหนุ่มวัย 22 นิ่งไปเล็กน้อย เบือนสายตาหนีไปทางอื่นแล้วตอบแผ่ว


   “ไม่รู้”


   “หะ?! สนิทกัน เข้าฉากด้วยกัน แต่พักกองดันไม่รู้ว่าเขาไปไหนเนี่ยนะ?”


   “ก็...ไม่รู้ อาจจะอยู่แถวนี้ล่ะมั้ง คิวต่อไปต้องถ่ายกับผม” 


ข่าวของครองภพและร่มธรรมค่อนข้างเป็นกระแส รามิลเองก็เคยอยู่ในฐานะคนใต้แสงสปอตไลท์มาก่อน เขารู้ดีว่าข่าวพรรค์นี้สร้างชื่อเสียงและชื่อเสียให้คนในวงการมานักต่อนัก ครองภพอาจจะกังวล ถึงไม่อยากพูดต่อหน้าเขา


   “งั้นฝากกาแฟให้ร่มหน่อยละกัน”


คนถูกวานอยากปฏิเสธ แต่อีกใจก็อยากรับหน้าที่ อย่างน้อย...หากมีเรื่องอื่นให้ได้ใช้เข้าไปพบหน้าอีกฝ่าย ก็คงจะดี


   แค่พบหน้า...ไม่ต้องคุยอะไรกันเลยก็ได้ เราจะได้ไม่ต้องพูดถึงปัญหานั้นอีก


   “หรือแกไม่สะดวก?” รามิลย้อนถาม หรี่ตามองเหมือนจับผิด


   “เปล่า”


   “ดีแล้ว อย่าให้ข่าวมันสร้างอิทธิพลกับเรามากเลย สนิทกับใครก็สนิทเถอะ สัตว์สังคมนะโว้ย ไม่ใช่ฤาษีอยู่ป่า จะได้ไม่มีเพื่อน”


   “ไปบอกเขาสิ ไม่ใช่มาบอกผม” ครองภพอัดอั้นจนอดปากไม่ไหว อีกทั้งกับรามิลก็สนิทสนมกันดี อีกฝ่ายเป็นทั้งรุ่นพี่ในวงการ เป็นทั้งครู ร่วมงานกันมาก็หลายครั้ง ตั้งแต่ตอนที่ครองภพเข้าวงการใหม่ๆและรามิลยังอยู่ในวงการในฐานะนักแสดงด้วยซ้ำ


   อดีตพระเอกแห่งชาติมองนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องพลางเลิกคิ้วพลาง ครองภพไม่ใช่คนแสดงความรู้สึก แม้จะแสดงละครได้ดีแค่ไหน แต่ชีวิตจริง หากไม่ใช่กับเรื่องที่เจ้าตัวให้ความสนใจหรือชื่นชอบ ก็น้อยนับครั้งได้ที่จะได้เห็นใบหน้าหลากอารมณ์


   แต่คราวนี้...กลับได้เห็น


   “ร่มไม่อยากให้มีข่าวหรือ”


ครองภพไม่ตอบ แต่อาการเงียบของเขาก็บอกชัดว่าคนที่มีปัญหากับข่าวที่เกิดขึ้นไม่ใช่เจ้าตัว


   รามิลพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ


   “เขาก็คงมีเหตุผลแหละ อาจจะมีแฟน เอ? แต่รินเคยบอกว่าสามพี่น้องโสดสนิท งั้นก็...ไม่อยากเสียหาย...”


   ครองภพพ่นลมหายใจแรงอย่างเย้ยหยัน


   “อ้อ! สนิทกับผมเป็นเรื่องเสียหาย”


รามิลมองหนุ่มรุ่นน้องที่หน้าบูดสนิทแล้วก็หัวเราะเอ็นดูจนดวงตาเรียวตวัดมองอย่างเอาเรื่อง


   “ถ้าจะเสียหายก็มีอยู่สองคน คนหนึ่งคือร่ม อีกคนคือแก แกคิดว่ารู้จักร่มดีมั้ย แกคิดว่าเขาจะกังวลว่าใครเสียหาย ระหว่างเขากับแก”


ครองภพนิ่งงัน สบตากับคนพูดแล้วก็เย็นวาบไปทั้งกาย


   “ต้องให้อธิบายมั้ย ว่าใครที่ควรคำนึงถึงภาพลักษณ์มากกว่ากัน ไม่ได้บอกว่าใครมีค่ามากกว่ากัน แต่มูลค่าของแกยังมีเวลาเพิ่มได้มากกว่านี้อีก แต่ร่มมีอุปสรรคที่อายุ และอุปสรรคนี้ของเขามันแก้ไม่ได้ อายุการใช้งานของเขาในวงการมันสั้นกว่าแก เอาจริงๆ มันน่าแปลกที่คนที่กังวลเรื่องภาพลักษณ์ดันเป็นร่มไม่ใช่แกนะไอ้ครอง”


รามิลมองตาหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะยกยิ้มจางแล้วตบบ่าราวกับคาดคะเนเรื่องบางเรื่องได้ในใจ


   “แกกับเขามีสิ่งที่อยากรักษาเอาไว้ อย่าทำมันพัง เมื่อถึงวันที่ต้องเลือก คิดให้ดีว่าจะเลือกอะไร...” รามิลพูดแล้วก้มหน้าลงหา กระซิบเบาข้างหู


   “แล้วอย่าโง่เลือกระหว่างงานกับความรัก เพราะมันมีวิธีเลือกอย่างอื่นด้วย เข้าใจใช่มั้ย” สายตาของรามิลนั้นแพรวพราว บอกได้อย่างดีว่าเขามีวิธีอื่นในการเลือก และเขาใช้วิธีแบบนั้นมานานแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เกษียณจากฐานะนักแสดงด้วยตำแหน่งพระเอกยอดนิยมออกไปเป็นผู้จัด โดยที่ไม่มีข่าวกระทบภาพลักษณ์ใดๆของเขาเลย


   รามิลยังคงเป็นโสดและมีภาพลักษณ์ของพระเอกแห่งชาติอยู่เสมอ


   ไม่ใช่เพราะความจริงแล้วเขาโสดจริง หรือเพราะนิสัยของเขาเป็นพระเอกที่แท้จริง แต่เพราะเขาบริหารเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานของตนเองได้อย่างลงตัว เขาปิดในเรื่องที่ไม่อยากเปิดเผย และเปิดเฉพาะเรื่องที่จำเป็น ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเขามีความสามารถในการปกปิดเก่งกว่าใครในวงการ แต่เพราะเขามีความสามารถในการเจรจากับคนที่ถือ ‘เรื่องลับ’ ของเขาให้ยังคงเป็น ‘เรื่องลับ’ ตลอดไปต่างหาก


   ..........................


   ร่มธรรมถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ นับตั้งแต่เกิดเรื่องทะเลาะระหว่างเขาและครองภพ ต่อให้เข้าฉากด้วยกัน ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเพราะงานอย่างเดียวเท่านั้น พอพ้นฉาก ก็ราวกับคนไม่รู้จักกัน ตอนพักยิ่งแล้วใหญ่ จากที่เคยนั่งเล่นนั่งคุย หรือไม่ก็ต่อบทกัน กลายเป็นว่าต่างคนต่างอยู่ ต่อให้ร่มธรรมจะอยากเข้าไปคุยด้วย แต่อีกฝ่ายกางเกราะ ทำตาขวางหน้าตาหงุดหงิดแบบนั้น ก็ชวนเอาฝ่อไปหมด


   ทั้งๆที่...ครองภพที่เป็นเช่นนั้น เขาก็เคยพบเจอมาแล้วตอนที่เจอกันครั้งแรกๆ แต่พอชินกับครองภพคนที่พูดเก่ง ต่อล้อต่อเถียงเขาได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก็ราวกับลืมไปแล้วว่าเคยเจอครองภพแบบไหน


   ผิดที่เขาเองแท้ๆ ผิดที่ตัวเอง


   ผิดที่บอกให้ต่างฝ่ายต่างหลบเลี่ยงกัน


   พอวันนี้ครองภพหลบเลี่ยงจริงๆ กลับเป็นเขาเองที่ทนไม่ได้


   แก้วกาแฟถูกวางลงตรงหน้า เรียกสติของคนที่เอาแต่จมอยู่กับความรู้สึกผิดในใจให้เงยหน้ามอง แล้วพอมองคนวางแก้ว เขาก็ถึงกับชะงัก


   ...ครองภพ…


   ทว่านักแสดงหนุ่มรุ่นน้องกลับยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย พูดด้วยน้ำเสียงเรียบกริบ


   “พี่มิลฝากไว้ให้”


ร่มธรรมกะพริบตาถี่ แล้วหันขวับมองซ้ายขวา


   “พี่มิลมาที่นี่หรือ” แต่กวาดตามองกลับไม่เห็นแม้แต่เงา ครองภพมองปฏิกริยาที่อีกฝ่ายมีต่อชื่อคนอื่นแล้วก็นึกหงุดหงิด ต่อให้ชื่อคนอื่นที่ว่าจะเป็นรามิลก็ตาม


   แต่...มันหงุดหงิด


   “อยากเจอนักรึไง” สุ้มเสียงของคนอายุน้อยกว่านั้นทุ้มต่ำกว่าเมื่อครู่จนเรียกได้ว่าเย็นเยียบ ร่มธรรมไม่ทันสังเกตน้ำเสียง กำลังจะหันมาตอบว่ารามิลมาทั้งที เขาก็ต้องอยากพบเป็นธรรมดา แต่พอหันมาเห็นสายตาจากดวงตาเรียว สิ่งที่อยากพูดก็กลืนลงคอไปหมด


…สายตาแบบนี้...เหมือนวันนั้น...


...วันที่เราทะเลาะกัน...


   “พี่มิลกลับไปแล้ว ถ้าอยากเจอก็ลองโทรไปหาแล้วกัน” ครองภพเอ่ยเสียงกระด้าง ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีทันที ทว่ามันเกินทนแล้วสำหรับร่มธรรม ถ้าจะต้องปล่อยให้อีกฝ่ายหนีหน้าจากเขาเป็นครั้งที่สอง


   “ครอง เดี๋ยวก่อน”


   ครองภพหยุดเดิน ทว่าไม่ยอมหันมอง


“เอ่อ...ครองพอจะมีเวลามั้ย พี่...อยากคุย...” ไม่ทันจะพูดจบ เสียงจากทีมงานก็ดังขึ้น


“คุณครอง คุณร่มครับ ทางนี้พร้อมแล้ว”


ร่มธรรมถอนหายใจ ทั้งๆที่เกือบจะมีโอกาสอยู่แล้ว แต่เวลากลับไม่รอคอยเขาแม้แต่วินาทีเดียว


“ต้องไปทำงานแล้ว” ครองภพเอ่ยเรียบๆ ทว่าก็ยังดีที่เขายอมหันกลับมาตอบ น่าจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทะเลาะกันที่พวกเขาได้สบตา


“ถ้า...ถ้างั้น...หลังเลิกกอง...”


“ผมมีงานต่อ”


“งั้น...เอ่อ...”


“ไม่อยู่เมืองไทยสามวัน”


ร่มธรรมอ้าปากค้าง ท่าทางเหมือนผิดหวังของคนอายุมากกว่าทำเอาหัวใจของครองภพกระตุก


“ไว้ผมกลับมาก่อนแล้วกัน แล้ว...ถ้าคุณกังวลเรื่องนัดเจอกันข้างนอก เรา...ก็ค่อยมาคุยกันในกอง” ครองภพพูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้อง ทิ้งไว้เพียงร่มธรรมที่ได้แต่มองตามอย่างอ่อนล้า


‘ผู้ใหญ่มีเวลาจำกัด’


คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลย


และเวลาสำหรับ ‘ผู้ใหญ่’ อย่างร่มธรรมก็ดูเหมือนใกล้จะหมดลงแล้ว


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ให้อภัยน้องครองด้วยนะคะ น้องยังเด็ก น้องยังจัดการความรู้สึกไม่ได้ น้องขอเดินหนีบ้าง ไม่คุยบ้าง หึงหน้ามืดไปบ้าง ขี้งอนไปหน่อยบ้าง ทั้งหมดก็เพราะน้องรู้สึกกับพี่ร่มมากค่ะ (สปอยสุดๆแล้วค่ะ ฮ่าฮ่า)

สำหรับตอนนี้ เฉลยออกมาแล้วหนึ่งอย่าง ขอตบมือให้กับคนที่เดาถูกค่ะ  สถานีไปต่อ ยังเหลือเรื่องชาติก่อน ความสัมพันธ์ต่างๆ แล้วยังต้องให้กำลังใจน้องครองในการพาพี่ร่มออกจากบราเธอร์โซนด้วยนะคะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนเดา คนทาย และทุกกำลังใจเช่นเคยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้า
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 13-02-2020 23:25:41
เดาอะไรแบบนี้ี้ี้้้ไม่เก่งเลย เดาไม่่่ออกเลย5555555555555 รอติิิดตามพฤหน้านะคะ :hao4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 13-02-2020 23:30:39
เบญญาป้ะะะะ ที่มากรีดร้องในที่มืดๆ ละเป็นคนเขียนจดหมายข่มขู่ เพราะเป็นแฟนพี่ร่มมาตั้งนาน แถมยังมีญาติเป็นคนในวงการจะฝากใครซักคนเอาจดหมายมาใส่กระเป๋าหรือรุ้ที่อยู่บ้านก็เป็นเรื่องง่ายๆ ใช่แน่ๆ ต้องเป็นเธอแน่ๆ ละตอนนี้ก็มาโดนผีบ่าวช่วงบงการ ตัวร้ายร่วมมือกัน :serius2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-02-2020 23:41:44
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 13-02-2020 23:44:13
สนุกมากคร้าบบบบ  ชอบเนื้อเรื่องมากๆ
เจอกันพฤหัส​หน้าาาาา

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 13-02-2020 23:45:55
กองเชียร์ทุกคนเหมือนจะให้กำลังใจกันดีละเกิน
ชอบตรงนี้ ดูไม่มีใครตกใจที่ครองกับร่มชอบกัน
แถมยังดีใจซะอีกที่ทำให้ครองดีขึ้น
แต่ทั้งนั้นทั้งนั้นชอบความขี้เห่อน้องของธาดามาก
น่าเอ็นดูเหลือเกิน

รามิลนี่จะมีเรื่องแยกมั้ยนะ เพราะเปิดมาขนาดนี้ดูมีที่มาที่ไป
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-02-2020 23:54:13
พี่ธาดาน่ารัก..กกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mr_longza ที่ 14-02-2020 01:32:27
 :call:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-02-2020 01:42:49
เอ็นดูวพี่ธาดา เป็นพี่ที่น่ารักจริงๆ
 :o8:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 14-02-2020 06:54:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-02-2020 09:07:31
คู่มีคนดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ขนาดแบบว่า ปกปิด อิอิอิ
พี่ธาดา ก็พูดกับครองและร่มตรงๆ จนปฏิเสธไม่ได้ มีความเป็นพี่สูง
พี่รามิล อะไร ยังไง อยากรู้เรื่องที่มาที่ไปแล้ว แถมเข้าใจในความรักคนอื่นอีก
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 14-02-2020 09:15:50
FC พี่ธาดา


พี่ธาดาเป็นของเรา


เราจอง


อิผีตาแดง กับ อิผีกอดเข่า


นี่ควรให้คู่กัน


เหมาะกันมาก


ปีเน่ากับโรงผุ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 14-02-2020 13:06:05
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-02-2020 14:13:44
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 14-02-2020 15:27:47
พี่ธาดาาาา!!!!!
โอ้ยยย ความเห่อน้องหลงน้องตามใจน้อง ได้น่ารักที่สุดในโลกกก ถึงกับสาบานต่อข้าวกลางวัน น้องครองของพี่ต้องสมหวัง!5555555555

/ยื่นใบจองพี่ธาดา เก็บตังค์ค่าสินสอดไปสู่ขอพี่ธาดาแป๊บ!! :hao7:

พ่อสิงโตหนุ่มริรัก งุ่นง่านซะเอ็นดู งอนนานแล้วนะ ทำไมพี่ร่มไม่ง้อสักที
ทำไมใครๆก็ดูออกล่ะเนี่ยย ครองเป็นงง  :laugh:

ลืมไปได้ไง ว่าคุณหลวงมีลูกมีเมียแล้ว  ถ้าแอบเผลอมีใจให้ไอ้แผน อิบ่าวช่วงขี้อิจฉาจะไปทำอะไร ยังไงคนเดียวได้ไง มันต้องฟ้องใส่ความบ้างล่ะ! ผีโจงแดงกับผีกอดเข่า แท็กทีมกันแน่ๆ แต่จะเมียหรือคุณเทพเนี่ยสิ?
เบญจาก็เริ่มน่าสงสัยขึ้นมาอีกล่ะ เป็นแฟนคลับพี่ร่ม 'รักมาก' อืมม..น่าคิด /โคนันต้องมาแล้วววมั้ยย :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 14-02-2020 19:17:54
เอ็นดูคุณพี้ธาดา  :mew4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 14-02-2020 19:27:59
ธาดา ธาด๊า ธาดา อยากเป็นเมีย ธาดา
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-02-2020 22:58:55
โหดจิงพ่อคุณณณณณณณณ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 14-02-2020 23:38:34
ไปง้อน้องเขาเดี๋ยวนี้เลยนะพี่ร่ม!!
สงสารน้องครองงะ น้องแค่งอนเอง
พี่ก็ง้อน้องหน่อยเหอะ :mew3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-02-2020 03:55:16
ครองภพมีพี่ที่ดี แม่ที่ดี และตอนนี้พี่ชายทำหน้าที่ได้ดี
บุกมาหาถึงร้านจ้า ปลื้มมากอะเนาะ น้องไปหา ไปกินข้าวด้วยกัน
แถมยังปรึกษาเรื่องความรักด้วย เป็นพี่ชายที่น่ารักมากเลยค่ะ
เอ็นดูความตัวลอยนี้ของธาดา  :mew2:

บางทีความคิดไม่เหมือนกันก็ทำให้เกิดปัญหาบ้าง
ร่มธรรมห่วงครองภพ และอนาคตของครอง
แต่ครองกลับเข้าใจไปอีกทาง ตอนนี้ก็เข้าใจละเนาะ
ว่าที่พี่ทำเพราะห่วง ไม่ได้อยากห่างหรอก
แถมยังดูออกด้วยว่า ไม่ปกติ คืบหน้ากว่าเพื่อนกัน
โธ่เอ้ยยย อยากจะคุยกับพี่ ก็ลีลาเยอะ
เค้าพูดถึงคนอื่นก็เป็นเคือง เป็นนอยด์ 5555

ร่มธรรมคนดี คิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ
มีแต่คนห่วงใยและหวงหนักมาก
ตามมาดูแลข้ามภพข้ามชาติกันเลย
แล้วในมุมมืดนั่น เป็นสิ่งที่ใครไม่ได้ยิน
แต่กำลังจะสร้างเรื่องให้คนรอบข้างนะ

เบญญานี่ยังไงคะ ชอบร่มธรรมแบบแค่เอฟซีจริงๆ ใช่ไหม

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 15-02-2020 16:47:44
เอ็นดูพี่ธาดา รักน้องหลงน้องสุดแล้วคนนี้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-02-2020 19:39:25
FC พี่ธาดากอดคนติดน้องแน่นๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 16-02-2020 02:56:00
ใครเป็นคนเห็น  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-02-2020 11:04:46
เฮ้ยยยยย ประโยคสุดท้ายทำใจหายวาบ เวลาผู้ใหญ่ของร่มจะหมดแล้วคืออะไรรรรรรร
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 6 (13/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-02-2020 16:33:37
ความบราค่อนสปอยน้องของพี่ธาดานี่เยี่ยมจริงๆ ชอบๆ 555555555 น้องครองก็ขี้น้อยใจมาก สงสารทั้งคู่เลย ขอให้ได้คุยกันไวๆนะ
ส่วนคนในความมืดนี่เป็นเบญญารึป่าว
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 20-02-2020 18:51:55
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 8


ยามวัยเยาว์ ศัตรูเมื่อวานย่อมไม่ใช่ศัตรูวันนี้ แม้ครั้งหนึ่งไอ้แผนจะเคยริอ่านขโมยหนังสือ แต่เมื่อมันขยันเรียนออกปานนั้น อีกทั้งยังหัวไว ฉลาดเฉลียว เมื่อใดที่คุณเทพทำการบ้านไม่ได้เป็นต้องได้มันมาช่วยเหลือ แต่เรื่องนี้เห็นจะโพทะนาไม่ได้ มิเช่นนั้นคุณเทพคงถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นถึงลูกคุณหลวง แต่ต้องให้ลูกไพร่สอนการบ้าน


   ทว่า วันหนึ่งก็มีอันให้คุณเทพต้องเลือกระหว่างศักดิ์ศรีลูกขุนนางกับความเอื้ออาทรที่มีต่อลูกไพร่


   วันนั้น การบ้านที่ครูให้ ยากเหลือทน คุณเทพจึงต้องวิ่งโร่มาขอความช่วยเหลืออย่างลับๆที่กระท่อมของไอ้แผน แม้เจ้าของกระท่อมจะต้อนรับอย่างนอบน้อมเช่นเคย แต่สีหน้าซีดเผือด แถมเนื้อตัวระอุด้วยไอร้อนจนแผ่มาถึง ก็ทำเอาคุณเทพขมวดคิ้วมุ่นตั้งคำถาม


   “เอ็งไม่สบายหรือ”


   ไอ้แผนยิ้มจางไม่ตอบ ก้มหน้าก้มตาสอนการบ้านต่อไป


   พอมีคนสอน คุณเทพซึ่งไม่ใช่พวกสมองเฉื่อยแฉะก็ย่อมทำได้โดยลุล่วง ทว่าพอถึงเวลาที่ต้องกลับ ลูกชายของหลวงสุนทรวิจักษ์กลับมองสภาพของคนป่วยอย่างไม่สบายใจ


   “รีบกลับเถอะครับคุณเทพ ฝนตั้งเค้าแล้ว” แม้จะป่วย แต่ไอ้แผนก็ยังห่วงใย คุณเทพพยักหน้าก่อนจะหอบหิ้วการบ้านแล้วก้าวเท้าไวๆจากมา


   ทว่า...ตลอดทาง กลับไม่มีความคิดเรื่องหลบฝนหลบฟ้าเลยสักนิด


   ...ไอ้แผนไม่สบาย...


   สภาพมันแย่ปานนั้น แต่ก็ยังตั้งอกตั้งใจสอนการบ้าน


   ...จะเรียนคุณพ่อดีไหม...


   แต่ถ้าคุณพ่อทราบว่าไอ้แผนป่วย ก็คงซักไซ้ว่าเหตุใดเขาถึงรู้ แล้วเรื่องที่ให้ไอ้แผนสอนการบ้านก็คงแตกด้วย


   ศักดิ์ศรีลูกคุณหลวงคงถูกหักโค่นเอาวันนี้แล้ว


   ...เอาอย่างไรดีหนอ เอาอย่างไรดี...


   เด็กชายก้าวเท้าถึงประตูบ้าน แต่ไม่วายหันกลับไปมองยังทิศที่ตนจากมา เมฆฝนดำทะมึนตั้งเค้า ดูท่าอีกไม่นานก็คงกลายเป็นฝนห่าใหญ่


ฝนเย็นทว่าสำหรับคนป่วยในกระท่อมก็คงไม่ต่างจากเข็มนับพันเล่มแห่งความหนาวเหน็บ


   คนป่วย


   หาใช่คนอื่น แต่เป็นคนในบ้าน


   หาใช่แค่คนในบ้าน เพราะเป็นคนสอนการบ้านมาหลายครา


   เรียกว่าเพื่อนได้ไหมไม่รู้ แต่...ก็ได้รับความช่วยเหลือจากมันมาหลายหน


   คุณเทพเม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าตรงไปยังห้องทำงานของบิดา


   “คุณพ่อขอรับ ลูกมีเรื่องจะขอ...ไอ้แผนป่วย ให้ใครไปตามหมอมาดูมันหน่อยได้ไหมขอรับ”


   ตอนที่หมอไปถึงกระท่อม คนป่วยนอนซมตัวสั่นระริก เนื้อตัวร้อนผ่าว ผิวซีดเผือด หลวงสุนทรวิจักษ์สั่งให้คนรับใช้คนหนึ่งคอยดูแลอาการมันอย่างดี แล้วมารายงานสามเวลา เพราะรู้ดีว่าหากให้นายช่วงซึ่งเป็นคนรับใช้ใกล้ชิดของตนรับหน้าที่นี้ คงไม่แคล้วไอ้แผนได้ป่วยตาย


   กว่าคนป่วยจะรู้เนื้อรู้ตัวก็ยามเช้าวันรุ่ง ถึงได้รู้ว่าหลวงสุนทรวิจักษ์ให้หมอมารักษาตั้งแต่เมื่อวาน เด็กชายผู้ไกลพ่อแม่ เมื่อได้รับความเมตตา ย่อมไม่ต่างจากกระแสน้ำอุ่นไหลชโลมใจ คุณหลวงให้มันเรียนหนังสือ อีกทั้งยังกรุณากับมันมากถึงเพียงนี้ ต่อให้ชีวิต มันก็มอบให้ท่านได้


   แม้หลวงสุนทรวิจักษ์จะเอ็นดูปานลูก คุณเทพจะรักใคร่ปานเพื่อน แต่ใครบางคนไม่ได้ยินดีปรีดากับความเมตตานี้เลยสักนิด


   ทั้งๆที่นายช่วงรับใช้ใกล้ชิดมานานนม แต่ญาติพี่น้องของเขากลับไม่เคยได้รับความเมตตาเท่ากับที่ไอ้แผนได้ มันผู้ซึ่งเพิ่งเข้ามาในบ้านหลังนี้ แต่กลับได้รับความอาทรจากสองพ่อลูกผู้เป็นเจ้าของบ้าน


   แล้วเขาเหล่า แล้วญาติพี่น้องของเขาเล่า


   วันใดมันหายไป ก็จงรู้เอาไว้ว่าเป็นเพราะมันได้รับมากเกินกว่าที่มันควรจะได้! หาใช่ความผิดเขา!!


   ..................


   ...


วิษณุเป็นผู้จัดการส่วนตัวของครองภพมาตั้งแต่เขาเข้าวงการ ช่วงปีแรกๆ เขาดูแลศิลปินหลายคนตามที่ต้นสังกัดจัดสรรให้ จนกระทั่งครองภพดังเป็นพลุแตก ศิลปินคนอื่นๆถูกโอนไปอยู่ในความดูแลของผู้จัดการหรือผู้ดูแลคนอื่น ส่วนเขาตามดูแลทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวของครองภพเพียงคนเดียว


เพราะทำงานด้วยกันมานาน วิษณุย่อมดูออกว่าเวลานี้ครองภพกำลังมีปัญหา แม้ปัญหาที่ว่าจะถูกความเป็นมืออาชีพของชายหนุ่มวัย 22 บังมิดก็ตามที


คนเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วยมายาคติของคำว่า ‘มืออาชีพ’ จนหลงลืมหัวใจไปหรือเปล่าหนอ


วิษณุเหลือบมองนักแสดงหนุ่มที่นั่งหลับอยู่ข้างกาย


ครองภพเป็นศิลปินระดับต้นๆของบริษัท นอกจากจะมูลค่าสูงแล้ว วงการบันเทิงยังพร้อมจะจ่ายเพื่อเรียกใช้งานชายหนุ่มรูปหล่อผู้มีความสามารถหลากหลาย มีนิสัยเอาจริงเอาจัง รักการแข่งขันและพร้อมทุ่มเท


แต่...นิสัยส่วนตัวเหล่านั้น กำลังก่อปัญหา


หลายครั้ง ความทุ่มเทของเขากลายเป็นหมกมุ่น จริงอยู่ว่าเพราะนิสัยเช่นนี้ ทำให้เขาประสบความสำเร็จ แต่ผลกระทบของมันคือบางครั้ง เขาก็ไม่อาจหลุดพ้นจากเรื่องที่กำลังทุ่มเทได้เลย


ดูอย่างตอนนี้ ทั้งๆที่ช่วงเวลาเดินทางควรจะเป็นช่วงพักผ่อน แต่การนั่งหลับตา โดยที่คิ้วยังขมวดเข้าหากัน และนิ้วที่เอาแต่เขี่ยโทรศัพท์มือถือไปมา ดูก็รู้ว่าครองภพมีเรื่องในใจ พอมีเวลาก็เอาแต่คิดเรื่องเดิมซ้ำๆไม่จบสิ้น


 วิษณุได้แต่มองด้วยความเป็นห่วง แต่พอจะเรียกอีกฝ่ายขึ้นมาถาม จู่ๆ รถก็เบรคกะทันหัน


   ...เอี๊ยด!!!...


   “เฮ้ย!!” สองเสียงจากผู้โดยสารดังลั่น เมื่อร่างของตนแทบจะกระโจนไปข้างหน้า


   “ขอโทษครับ!” คนขับรถรีบหันมาบอก หน้าตาตื่น กลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะละล่ำละลักอธิบาย


   “ย...อยู่ดีๆก็มีคนวิ่งตัดหน้า...”


   “ไม่ได้ชนใช่ไหม” วิษณุพลอยตกใจไปด้วย


   “ไม่ชน...คิดว่าไม่ชนครับ...”


ทั้งๆที่เป็นถนนใจกลางเมืองที่ค่อนข้างจอแจ และเป็นเวลากลางวันแสกๆ แต่เมื่อครู่นี้คนขับรถคิดว่าเขาเห็นคนวิ่งจากเกาะกลางถนนตัดผ่านหน้ารถเขาจริงๆ ดีแค่ไหนว่าเวลากลางวันแบบนี้รถราค่อนข้างเยอะ ทำให้ขับไม่เร็วและต่อแถวกันไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้เขาเบรกตัวโก่ง


   แต่พอเบรก แล้วกวาดตามองซ้ายขวากลับไม่เห็นใครสักคน


คนขับรถไม่กล้าพูดเรื่องนี้ พยายามตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถพาผู้โดยสารสองคนข้างหลังไปยังจุดหมายปลายทาง


   วิษณุเห็นว่าไม่มีใครเป็นอะไรก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เขาหันกลับมามองครองภพ


“ครองเป็นอะไรรึเปล่า”


ครองภพส่ายหน้า


“โอเคนะ?” ใจจริง วิษณุอยากถามว่าเรื่องอื่นๆของครองภพก็โอเคใช่ไหม แต่ไม่รู้จะเริ่มถามจากอะไรดี


“โอเคครับ” นักแสดงหนุ่มตอบเรียบ ก่อนจะหันไปเปิดม่านหน้าต่างออกกวาดตามองไปโดยรอบ


   รถวิ่งอยู่เลนชิดเกาะกลางถนน ถ้ามีคนวิ่งตัดหน้ารถเช่นนั้นจริง รถคันอื่นที่อยู่เลนอื่นก็น่าเบรกตามไปด้วย แต่...ไม่มีรถคันไหนเบรก และไม่มีใครคนไหนยืนอยู่กลางถนน


   นักแสดงหนุ่มวัย 22 ขยับตัวเพื่อมองคนขับรถที่ดูจะตื่นตัวมีสมาธิกับการขับรถจนเกร็งทื่อไปหมด


   คนขับคนนี้รับหน้าที่พาเขาไปสู่จุดหมายปลายทางอย่างสวัสดิภาพมาโดยตลอด ขับรถดี สุภาพ และไม่แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดกับการจราจรในกรุงเทพฯ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอีกฝ่ายดูเป็นกังวลกับการขับรถ


   “อเมริกาโน่ร้อนหรือเอสเปรสโซ่หน่อยมั้ย? เราพอมีเวลา ถ้าครองอยากจะแวะร้านกาแฟ” เสียงของผู้จัดการส่วนตัวดังขึ้นอีก ทำเอาครองภพหันมามอง เขาจำได้ว่าร้านกาแฟของร่มธรรมอยู่ไม่ไกลจากจุดนี้ แต่ต่อให้แวะก็คงไม่เจอ เพราะป่านนี้ร่มธรรมคงอยู่ที่กองแล้ว


แต่ไม่ว่าร่มธรรมจะอยู่ร้านหรือไม่ ก็ไม่มีผลให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นหรือแย่ลง


   ในเมื่อมันเป็นเส้นตรง...ที่ขนานกัน


   ไม่พัฒนา ไม่ดิ่งเหว เราแค่...กลายเป็นคนร่วมงาน ไม่สนิทกันมากกว่านั้น


   “ไม่...” ครองภพขยับตัวกลับมานั่งตรง


   “...รีบไปเถอะ จะได้ถ่ายให้มันเสร็จๆสักที” แล้วเขาก็หลับตาลง คล้ายจะไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก วิษณุได้แต่มองแล้วถอนหายใจเบา


   ถ้าถ่ายให้เสร็จแล้วครองภพสลัดความรู้สึกทั้งหมดได้ การไปทำงานต่างประเทศตั้งหลายวันก็คงเยียวยาได้บ้างแล้ว ไม่ใช่สภาพยังเป็นเหมือนเดิมไม่ว่าจะเข้ากองหรือไม่


   ...ไม่รู้หรือไงนะ ครองภพ การปิดกล้อง เลิกกอง หรือหันไปหยิบจับงานอื่นที่ไม่มีร่มธรรม มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในเมื่อลืมตาก็คิดถึง หลับตาก็คิดถึง การแยกจากและไม่พบหน้า นอกจากจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหายังเป็นการสร้างภาระให้หัวใจด้วย...

............................



แม้ครองภพไม่อยู่ แต่ร่มธรรมยังมีคิวถ่ายบางส่วน ทว่าท่าทีของเขาดูเหงาหงอยจนถูกหยอกว่าเพราะครองภพไม่มา ร่มธรรมได้แต่ยิ้มจางแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้าปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเพราะกลัวจะรู้ถึงหูอีกฝ่ายแล้วถูกโกรธ แต่ก็ไม่กล้าออกหน้ายอมรับตามคำหยอก เพราะเกรงว่าจะยิ่งสนับสนุนข่าวลือและทำให้ครองภพเสียหาย


แบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าลงมือทำอะไรสักอย่าง


สุดท้ายแล้วคนที่ไม่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดก็คือเขาเอง


ร่มธรรมสะท้อนใจตัวเอง นิสัยประนีประนอมไปหมดทุกอย่างทำให้บางครั้งก็ได้แต่หยุดยืนอยู่บนทางแพร่ง จะไปซ้ายก็ไม่กล้า จะไปขวาก็สองจิตสองใจ สุดท้ายเลยทำได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป


   จนกระทั่ง ครองภพกลับมาเข้ากอง


   “น้องครองมาแล้ว” ร่มธรรมนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ รินฤดีก็พุ่งตัวมารายงาน คนมีชนักปักหลังถึงกับวางช้อนลง อิ่มตื้อขึ้นมาทันที


   สามวันที่ครองภพไม่อยู่ ร่มธรรมเองก็ยังเวียนวนอยู่กับที่ คิดไม่ตกสักอย่าง


   จนวันนี้ครองภพกลับมา และพวกเขาต้องคุยกันแล้ว


   จะเอาอย่างไรดี


   “ร่มเอากาแฟมาให้น้องครองรึเปล่า เอาไปให้สิ” นักแสดงหนุ่มหันมองคนพูดหน้าตาตื่น รินฤดีกะพริบตาปริบๆ


   “อ้าว พี่เห็นร่มเอากาแฟใส่แก้วเก็บความเย็นมาด้วยทุกวันแต่ไม่เห็นกิน นึกว่าเอามาให้น้องครอง”


   ร่มธรรมพูดไม่ออก ในเมื่อความจริงแล้ว เขาก็ทำอย่างที่รินฤดีพูดจริงๆ


   ทั้งๆที่รู้ว่าครองภพไปทำงานต่างประเทศสามวัน แต่ก็ยังเอากาแฟมาเผื่อทุกวัน ตลอดสามวันที่ผ่านมา เขาได้แต่ถือมันกลับไปนั่งดื่มที่คอนโด


   รินฤดีขยับใกล้น้องชายแล้วพูดเสียงเบา


   “แต่จะให้ก็ต้องแอบๆหน่อยนะ นู่นน่ะ...ยัยคนนั้นสายข่าว” รินฤดีบุ้ยใบ้ไปที่นักแสดงประกอบคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าใครจะเป็นสายข่าวหรือไม่ ไม่ได้ทำให้ร่มธรรมชะงักเท่ากับคำว่า ‘แอบ’ เลย


   ความสัมพันธ์ของพวกเราต้องเป็นเช่นนี้จริงๆหรือ กระทั่งจะให้กาแฟสักแก้วก็ยังต้องแอบหรือ


   เพื่อจะได้ไม่เป็นเป้าสายตาของใคร จะได้ไม่เกิดกระแสลบกับภาพลักษณ์ จะได้ไม่กระทบกับงานที่รัก


   แค่กาแฟสักแก้วยังต้องทำถึงขนาดนั้น แล้วถ้าหาก...ตัดสินใจด้วย ‘หัวใจ’ ชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร


   หลบๆซ่อนๆ เก็บทุกอย่างเป็นความลับ ไม่รู้ว่าวันใดจะถูกเปิดเผย จะทำอะไรก็ต้องระแวดระวังเพราะไม่รู้ว่าใครจะเป็นสายข่าว


   ต้องเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ


   แล้วถ้าวันหนึ่ง...ถูกเปิดเผย วันนั้นจะเป็นอย่างไร


   ตัวเขาไม่เท่าไร ร่มธรรมเคยออกจากวงการมาแล้วครั้งหนึ่ง หากจะต้องออกอีกครั้ง ก็คงเพียงแค่เสียใจ แต่ครองภพ...ครองภพที่มุ่งมั่น ครองภพที่ทุ่มเท ครองภพที่วางทั้งชีวิตทั้งหัวใจลงบนอาชีพนี้ล่ะ


   “พี่รินว่า...ครองชอบการแสดงมั้ย”


   “เรียกชอบยังน้อยไป ขนาดไม่สบายยังลากสังขารมากอง ปฏิเสธงานอีเว้นท์ไปไม่รู้กี่งานเพราะไม่อยากให้กระทบกับถ่ายซีรี่ส์”


   ถึงรินฤดีไม่แจกแจง ร่มธรรมก็ยังจำได้ดีว่าครองภพเคยบอกเหตุผลที่ทำงานในวงการบันเทิง ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่ชอบสุงสิงกับใคร แถมยังโลกส่วนตัวสูงขนาดนี้


   เพราะชอบ


   ทำทุกอย่างด้วยความชอบ


   แล้วตัวเขาจะทำลายความชอบของครองภพลงได้อย่างไรกัน


   “นั่นสินะครับ”


   ร่มธรรมได้แต่รับคำเสียงแผ่ว ‘นักแสดง’ ไม่ใช่แค่อาชีพ แต่มันคือความฝัน คือตัวตน คือสิ่งที่ทั้งเขาและครองภพพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มา ฝึกซ้อมและรับผิดชอบก็เพื่อให้มีที่ยืนอยู่ในวงการบันเทิง วงการที่แข่งขันสูง มีปัจจัยเสี่ยงมากมายที่พร้อมจะทำลายชื่อเสียงและอาชีพการงาน และหนึ่งในนั้นคือเรื่องความสัมพันธ์


ความสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรม


ความสัมพันธ์ที่ผิดกฎหมาย


แม้กระทั่งความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นที่ถูกตาต้องใจผู้คนทั่วไป


ไม่ว่าจะแบบไหน ก็ล้วนทำลายอาชีพนักแสดงลงราบคาบได้ทั้งนั้น


น่าขำ...ครองภพเย้ยหยันเอาไว้ว่าต้องให้ความสัมพันธ์เป็นที่ถูกใจสังคมอย่างนั้นหรือ?


ถ้าอย่างนั้น...ร่มธรรมก็จะตอบว่าใช่


ใช่...ความสัมพันธ์ของเราต่อให้จะลอยตัวอยู่เหนือศีลธรรมและก้าวข้ามกฎหมายด้วยบริบทในสังคมปัจจุบัน แต่...บางส่วนของสังคมย่อมไม่พอใจ แล้วอาชีพที่ต้องอาศัยความพึงใจของสาธารณะเป็นที่ตั้งอย่างดารานักแสดง จะมองข้ามประเด็นนี้ได้อย่างไรกัน


ร่มธรรมหลับตาลงแล้วถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะหันไปหาพี่สาว


“พี่รินหยิบแก้วเก็บความเย็นให้ผมหน่อยได้มั้ย”


“แก้วที่ใส่กาแฟมาน่ะเหรอ จะเอาให้น้องครอง?”


“เปล่าครับ ผมจะดื่มเอง” รินฤดีไม่เข้าใจ แต่ก็หมุนตัวเดินไปหยิบมาให้ แต่ร่มธรรมเข้าใจ ตอนที่รับมาจึงต้องใช้ถึงสองมือประคอง


   บางที


   การเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องเลือกในสิ่งที่ไม่อยากเลือกเลยแม้แต่นิดเดียว


................................
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 20-02-2020 18:54:35
ร่มธรรมกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวหลังจากรับประทานอาหารแล้ว ตอนที่บังเอิญสบตากับครองภพที่นั่งตัวตรงอยู่หน้ากระจก เขาส่งยิ้มก้มศีรษะให้เล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย อีกฝ่ายเพียงมอบตอบแว่บเดียวแล้วหลุบตาลงมองโทรศัพท์มือถือต่อ


ทุกอย่างเป็นไปโดยไม่มีเสียงพูดคุยของสองนักแสดงนำเลยแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งเสียงไอโขลกดังขึ้น และพอดังแล้วก็ยากจะหยุด แม้จะตัดสินใจแล้ว แต่ร่มธรรมก็ไม่อาจเมินเฉยต่อเสียงไอที่บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่สบายนั่นได้เลย เขาเหลือบมอง พยายามใช้น้ำเสียงที่เป็นปกติเหมือนพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ แต่...สายตาเป็นห่วงนั้นปิดไม่มิด


   “น้องครอง เอาน้ำร้อนไหม”


   “ไม่เป็นไร”


น่าเสียดาย ครองภพยังคงมองตรงไปยังกระจกเบื้องหน้า จึงไม่ทันเห็นสายตาของคนถาม


   “ไอขนาดนั้นไม่เจ็บคอหรือ”


   “ผมกินยาแล้ว” หรืออีกนัยหนึ่งคือเดี๋ยวก็หาย


ทว่าร่มธรรมกลับเป็นฝ่ายทนไม่ไหว ลุกขึ้นหยิบกระติกน้ำของตนไปล้างแล้วเติมน้ำร้อน พอดีเจอวิษณุระหว่างทางกลับมา รายนั้นเองก็เพิ่งสั่งให้ร้านข้าวต้มเจ้าประจำของครองภพส่งข้าวต้มร้อนๆมาให้เช่นกัน


   “ทำไมอยู่ดีๆก็ไม่สบายขึ้นมาล่ะครับ”


ในเมื่อถามกับคนป่วยไม่ได้ความ เลยต้องถามเอากับผู้จัดการของคนป่วยแทน


   “อาการไม่ดีตั้งแต่ตอนอยู่ที่นู่นแล้ว แล้วตอนกลับมาถึงเมื่อคืนน่ะ รถเป็นอะไรก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็เสียระหว่างทาง แถมฝนก็ตกอีก ครองเลยลงไปช่วยดูกับคนขับ พี่ห้ามแล้วนะ แต่รายนั้นไม่ยอม เป็นไงล่ะทีนี้” วิษณุพูดพลางส่ายหัวด้วยความระอาใจ ใครบอกว่าครองภพเย่อหยิ่งกัน เขาอาจจะไม่สนใจคนนอก แต่ถ้าเป็นเรื่องคนในล่ะก็ กระทั่งคนขับรถที่ทำงานกันมานานแต่แทบจะไม่เคยพูดกันเกินความจำเป็น ยามมีปัญหา ครองภพกลับไม่นั่งเฉย แม้ฝนจะตกแดดจะออก ก็ยังลงไปช่วย


   “แล้ววันนี้มายังไงครับ” ร่มธรรมถามต่อด้วยความเป็นห่วง


   “บริษัทส่งรถมาให้ใหม่ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว จริงๆก็ส่งไปรับตรงจุดที่รถเสียนั่นล่ะ แต่กว่าจะไปถึง ไอ้ครองก็เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำไปแล้ว แต่เหมือนรถใหม่จะไม่ค่อยดี...” วิษณุหลุดปากในตอนท้ายเมื่อคิดถึงเรื่องตอนขามา แม้คนขับรถจะบอกว่าเห็นคนวิ่งตัดหน้าจึงเบรคกะทันหัน แต่เขาก็ยังไม่สบายใจเรื่องสมรรถนะของรถอยู่ดี


“รถไม่ดีหรือครับ” ร่มธรรมย้อนถามหน้าตาจริงจัง แต่ผู้จัดการส่วนตัวของครองภพกลับสั่นมือรัว


“ไม่ต้องห่วงๆ นี่ไง ศูนย์โทร.มาแล้ว ร่มจะกลับไปห้องแต่งตัวรึเปล่า ฝากข้าวต้มไปให้ครองหน่อยได้ไหม” วิษณุที่กำลังหัวหมุนทั้งเรื่องรถเรื่องคน ไหว้วานอย่างน่าเห็นใจ หรือต่อให้จะน่าเห็นใจน้อยกว่านี้ ร่มธรรมก็ไม่มีนิสัยปฏิเสธที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลืออันไม่เหนือบ่ากว่าแรงอยู่แล้ว


   นักแสดงหนุ่มรับถุงข้าวต้มถือกลับไปยังห้องแต่งตัว ตอนไปถึงไม่พบครองภพแล้ว สต๊าฟคนหนึ่งบอกว่าคนป่วยขอหลบไปพักสักครู่ น่าจะอยู่ในห้องเล็กข้างๆ เขาจึงตามไปดู


หลังจากเคาะประตูแล้วไม่มีเสียงตอบรับ ร่มธรรมจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป พบว่าครองภพนั่งเอนหลับตาอยู่บนโซฟา หน้าผมเครื่องแต่งตัวพร้อมเข้าฉากแล้ว แต่อาการไม่ดีจนต้องขอพัก แถมข้าวสักเม็ดยังไม่ถึงท้อง เพราะเอาแต่ใจจนแม้แต่อาหารกองถ่ายก็ยังไม่ตักเข้าปากสักคำ


“ครอง” เสียงของร่มธรรมทำเอาคนป่วยที่หลบมาพักในห้องเงียบสงบต้องลืมตาขึ้นมอง


   “คุณณุฝากข้าวต้มมาให้” ได้ยินอย่างนั้น ครองภพก็หลับตาลง คล้ายจะไม่อยากเสวนาด้วย แต่ก็ยังมีใจย้อนถามกลับไป


   “แล้วพี่ณุไปไหน” เสียงก๊อกแก็กรอบกายทำให้ครองภพต้องลืมตาขึ้นมองอีกหน เห็นอีกฝ่ายวางของที่ถือมาลงกับโต๊ะเล็กหน้าโซฟาที่เขานั่ง มีถ้วยชามช้อนและแก้วน้ำ


   “เห็นว่าศูนย์รถโทร.มา ครองทานข้าวก่อนนะ พี่จะแกะให้”


เดิมทีน้ำใจจากร่มธรรมเป็นสิ่งที่ทำให้ครองภพรู้สึกดี แต่เพราะอยู่ในช่วงมึนตึง การที่อีกฝ่ายยังแสดงน้ำใจเช่นนี้ย่อมทำให้หัวใจเจ็บปวด


เขาไม่พูดไม่ตอบ แต่ขยับตัวนั่งตรงดึงเอาถุงพลาสติกมาจัดการเอง ทว่าเพราะไม่ทันระวัง มือกลับไปแตะโดนถุงร้อนๆจนสะดุ้งโหยง


   “โอ๊ย! ร้อน!”


   คนอายุมากกว่าส่ายหน้าไปมาน้อยๆ แล้วดึงถุงข้าวต้มไว้เอง


   “พี่ทำให้ นั่งเฉยๆเถอะ เดี๋ยวมือก็พองจนได้” น้ำเสียงจริงจังทำให้ครองภพต้องอยู่นิ่งๆ เขายอมปล่อยให้อีกฝ่ายเทข้าวต้มให้ ควันโฉ่หอมฉุยลอยแตะจมูกจนคนป่วยกลืนน้ำลายดังเอื้อก ร่มธรรมอมยิ้มน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนถ้วยข้าวต้มไปตรงหน้าครองภพ แล้วหันไปเทน้ำร้อนจากกระติกของตนเองใส่แก้ว วางไว้ใกล้ๆกัน


การดูแลอย่างเงียบๆทว่าพร้อมสรรพนั้นทำเอาครองภพเหลือบตาขึ้นมอง


   “พี่ล้างกระติกแล้วนะ แล้วนี่ก็น้ำร้อน ดื่มน้ำร้อนๆจะได้ไม่คันคอ”


ดวงตาเรียวดุที่จับจ้องคนพูดไม่ได้มีประกายความดุหลงเหลือเลยสักนิด คนไม่สบาย นอกจากร่างกายจะอ่อนล้าแล้ว จิตใจก็พลอยอ่อนไหว ความอ่อนโยนที่ได้รับทั้งการกระทำ ทั้งน้ำเสียง ทั้งคำพูด ล้วนทำให้ครองภพรู้สึกเหมือนเขากำลังก้าวเท้าเข้าไปในโลกที่ตนเองพยายามหันหลังให้มาตลอดหลายวันนับตั้งแต่ทะเลาะกัน


   โลกที่เขาอยากให้ร่มธรรมอยู่ด้วยกัน โลกที่สงบและสบาย มีสายลมเย็น มีเสียงใบไม้ใบหญ้าเสียดสี มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้นานาพันธุ์


   “ขอโทษนะครับ” น้ำเสียงทุ้มของคนอายุมากกว่าดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่หลังมือเย็นๆจะแนบลงกับซอกคอของครองภพ ชั่วขณะที่ผิวเนื้อแตะสัมผัสกัน มันกลับทำให้เลือดกายในร่างของคนป่วยราวกับจะวิ่งพล่านในวินาทีนั้น


   “ตัวรุ่มๆ พี่จะหายาลดไข้มาให้ กินยาสักหน่อย ถ้าเลิกกองแล้วไม่ดีขึ้นต้องไปโรงพยาบาลนะ”


   ครองภพอยากรับคำอย่างว่าง่าย แต่ก็ทำได้เพียงเงียบ ได้แต่บอกตนเองในใจว่าอย่าหลงระเริงไปกับความใจดีของอีกฝ่ายนักเลย เพราะเมื่อถึงเวลาแล้ว ร่มธรรมจะเลือกอย่างอื่นที่ไม่ใช่เขา


   ร่มธรรมจะออกจากโลกของเขา แล้วทิ้งเขาเอาไว้ในโลกใบนั้น...เพียงลำพัง


   ถ้าต้องอยู่คนเดียว ต่อให้โลกใบนั้นจะสงบและสบายเพียงใด ก็ไม่น่าอยู่...


   “แล้วคราวหลังอย่าออกไปตากฝนอีก เข้าใจไหม ดูแลสุขภาพด้วย”


ทั้งๆที่บอกตนเองว่าอย่าไว้เนื้อเชื่อใจกับความใจดีของร่มธรรม แต่ประโยคต่อมาของอีกฝ่าย ก็ทำเอาอดปากไว้ไม่ไหวอีก


   “คุณพูดเหมือนเป็นห่วงผม”


   ร่มธรรมนิ่งไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดประโยคนี้ออกมา


แต่...ความเป็นผู้ใหญ่ ทำให้เขาเลือกที่จะไม่ตอบ


ใช่...เขาเลือกแล้วที่จะเป็นผู้ใหญ่...เป็นผู้ใหญ่ที่ตัดสินด้วยสมอง ไม่ใช่หัวใจ


   รักษาภาพลักษณ์ของครองภพ รักษาสถานะหน้าที่การงานของพวกเขา


   ทอดทิ้งหัวใจ ทอดทิ้งความรู้สึก ทอดทิ้งความสัมพันธ์


   ให้ความสวยงามของมัน อยู่ในความทรงจำเท่านั้นก็พอ


   “ทำไมไม่ตอบ” ดวงตาเรียวจ้องอย่างจริงจังและคาดคั้น ทว่าร่มธรรมเบือนสายตาหนีไปทางอื่นก่อนจะลุกขึ้นยืน


   “ไหนก่อนหน้านี้ว่าอยากคุยกับผม”


“คุย...ไม่ใช่การตอบคำถามเรื่องนี้...” เพราะเขารู้ว่าคำตอบนี้จะไม่ใช่เพียงเป็นบ่วงรัดเขา แต่จะทำให้ครองภพไม่อาจเป็นอิสระได้อีก และถ้ามันพัฒนาไปมากกว่านี้ จะกลายเป็นปัญหาในชีวิต โดยเฉพาะคนอายุน้อยกว่าที่ยังก้าวกระโดดในวงการไปได้อีกมาก


   “แสดงว่าเรื่องที่จะคุยกับผมไม่ใช่เรื่องนี้เหรอ แล้วคุณอยากคุยอะไร” ครองภพโพล่งออกมาอย่างเหลืออด แต่คนอายุมากกว่ากลับทำใจแข็งได้อย่างน่าเหลือเชื่อด้วยการพูดเรียบๆไปยังเรื่องอื่น


   “กินข้าวซะ พี่จะไปขอยาลดไข้มาให้” ท่าทีของเขานั้นอย่าว่าแต่ครองภพจะไม่เคยเห็นเลย หากรินฤดีหรือรุ่งโรจน์มาพบก็ต้องบอกว่าน้องชายคนเล็กของพวกเขาเปลี่ยนไปมาก แต่หากถามร่มธรรมสักคำว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องเปลี่ยนถึงเพียงนี้ เจ้าตัวก็คงได้แต่ก้มหน้าปิดปากสนิท เพราะพูดอะไรออกไปไม่ได้เลย


   พูดไม่ได้เลยว่าที่ทำก็เพราะเป็นห่วงครองภพ


   ที่ทำก็เพราะไม่อยากให้อนาคตของพวกเขาต้องมาหยุดชะงักลงเพราะความรู้สึกแสนพิเศษนี้


   ร่มธรรมบอกไม่ได้ว่าระหว่างอนาคตของพวกเขาหรือความรู้สึกของพวกเขามีค่ามากกว่ากัน แต่...อนาคตสร้างใหม่ไม่ได้ ในขณะที่ความรู้สึก...เกิดขึ้นใหม่...กับคนอื่นได้ กำลังใจของครองภพ มีหลายคนมอบให้ได้ แต่ภาพลักษณ์เมื่อมันเสียหายไปแล้วหนหนึ่ง สังคมวงการบันเทิงย่อมไม่มอบให้เป็นครั้งที่สอง


   นักแสดงรุ่นพี่จิกเล็บเข้าไปในฝ่ามือเพื่อเตือนสติตัวเองว่าอย่าทำอะไรที่จะทำให้ครองภพเสียหายไปมากกว่านี้ ทว่าตอนที่หมุนตัวจะเดินออกจากห้อง เสียงของคนป่วยกลับดังขัด


   “ผมถาม! ทำไมไม่ตอบในสิ่งที่ผมถาม!”


   “ครองไม่สบาย” ร่มธรรมพูดไปอีกเรื่องด้วยน้ำเสียงเรียบ


   “แล้วคุณห่วงผมบ้างมั้ย” แต่ครองภพก็ยังวกกลับไปยังเรื่องที่เขาอยากรู้


   “ครองพูดไม่รู้เรื่องแล้ว กินข้าว แล้วพักซะ ดีขึ้นจะได้ออกไปถ่ายต่อ” นักแสดงหนุ่มวัย 28 ยังคงสงบนิ่ง แต่พอจะก้าวเท้าจากไป เสียงจากคนป่วยกลับดังขึ้นอย่างอ่อนระโหย


   “คุณบอกผมได้มั้ย คุณไม่คิดอะไรกับผม หรือคุณแค่ไม่กล้าจะสู้ไปกับผม”


   ...ไม่คิดอะไร…


   ...ไม่กล้าสู้…


   อย่างนั้นหรือ


   ทำไมร่มธรรมจะไม่คิดอะไรเลย ทำไมจะไม่อยากสู้ แต่เพราะรู้ว่าสิ่งที่คิดอยู่ และสิ่งที่จะสู้เพื่อให้ได้มา ไม่ว่ายังไงก็ต้องก่อผลลัพธ์ทางลบให้กับครองภพทั้งนั้น


   คนอายุมากกว่าหันกลับมามอง ใบหน้าหล่อเหลาของนักแสดงหนุ่มวัย 28 เรียบเฉย ไร้ซึ่งความรู้สึกใด


 หัวใจครองภพเย็นวาบ เขาไม่เคยเห็นร่มธรรมที่เป็นแบบนี้มาก่อน หรืออาจจะเคยเห็นเวลาเจ้าตัวแสดงละคร แต่ย่อมไม่ใช่การแสดงออกต่อหน้าเขาในฐานะร่มธรรม


   “ครองเคยบอกว่าพี่ขี้ขลาด พี่ยอมรับว่าพี่ขี้ขลาด ส่วนเรื่องคิด...พวกเราเป็นผู้ชาย เราคิดอะไรไม่ได้เลยนอกจากความเป็นเพื่อนและพี่น้อง”


เป็นคำตอบที่ทำให้ลมหายใจของคนฟังขาดห้วง กลางท้องเย็นวาบทั้งๆที่มีไข้


   “เพราะเราเป็นผู้ชาย...นั่นคือเหตุผลของคุณเหรอ?” 


ร่มธรรมถอนหายใจราวกับระอากับคำถามตีรวน สีหน้าของเขาเหมือนผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก ซึ่งมันไม่ใช่อย่างที่ครองภพชอบเลย


   “ครองโตแล้วนะ โตมากพอที่จะรู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ครองมีคนรอบตัวที่ต้องห่วงใยความรู้สึก ครองมีตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ มีหน้าที่การงานที่ต้องรักษา อย่าเอาแต่ใจจนตัวเองต้องเดือดร้อน เพราะวันนึงเมื่อครองไม่ต้องการสิ่งที่ดิ้นรนแทบตายเพื่อให้ได้มา วันนั้นครองจะเสียใจที่สุดที่ทิ้งทุกอย่างเพื่อมาเอาสิ่งนี้ไปและมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับชีวิตของครองมากไปกว่าความสุขชั่วคราวเลย”


   “คุณคิดว่าคุณเป็นความสุขชั่วคราวของผม?” 


ร่มธรรมสะท้านไปทั้งใจ ใครจะอยากให้ตัวเองเป็นเพียงความสุขชั่วคราวของอีกฝ่าย เขาเองก็อยากดูแลความรู้สึกของครองภพ แต่หน้าที่การงานทั้งของตนเองและครองภพก็ต้องรักษา จะเอาแต่ใจจนทุกคนเดือดร้อนไม่ได้


   สิ่งที่พูดกับอีกฝ่ายไม่ต่างจากการย้ำเตือนสติของตนเอง เพียงแต่ผิดที่ว่าครองภพไม่ใช่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราวของเขา ครองภพคือความสุข...ความสุขที่อยากรักษาไว้ตลอดไป


   “เวลาจะบอกเอง”


   “ดี! ถ้าอย่างนั้นก็ให้เวลามันบอกคุณ! ว่าผมจะเป็นยังไงที่วันนี้คุณตัดสินใจแบบนี้!” ครองภพประกาศกร้าว ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ไม่เหลียวแลสิ่งใดไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มที่ยังร้อนหรือร่มธรรมที่ได้แต่ยืนนิ่ง


   น้ำตาหยดหนึ่ง...หล่นลงบนแก้ม ก่อนจะไหลลงสู่คางแล้วหยดลงสู่พื้น


   ครองภพไม่เห็นเพราะออกไปแล้ว ร่มธรรมก็ยิ่งไม่เห็น เพราะดวงตาของเขาพร่างพรายด้วยม่านน้ำ


   ทำนบน้ำตาแตกทลาย พอๆกับหัวใจที่แตกร้าว


   เก็บรักษาความสัมพันธ์ที่สวยงามเอาไว้ในความทรงจำอย่างนั้นหรือ นั่นก็แค่คำพูดสวยหรูปลอบใจตัวเองว่ามันจะเป็นความทรงจำที่สวยงามเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง มีแต่จำต้องทำให้ความสัมพันธ์พังทลายเท่านั้น จึงจะยุติความรู้สึกเหล่านี้ได้


   มีแต่ทำให้พังทลาย ถึงจะถอยออกมาได้


   วันนี้...ทุกอย่างพังหมดแล้ว แต่ถ้าถามว่าถอยออกมาได้หรือยัง ร่มธรรมก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับความจริง


...ไม่ได้...


   เขายังยืนอยู่ที่เดิม ยืนอยู่กับความรู้สึกและเศษซากความสัมพันธ์ที่เขาทำลายมันเอง แล้วได้แต่บอกตนเองว่าเขาโตแล้ว เขาโตมากพอที่จะต้องรักษาทุกสิ่งทุกอย่างของคนรอบข้างเอาไว้


แม้ว่าจะต้องเสียคนผู้นั้นไปจากชีวิต...ก็ตามที


………………….
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 20-02-2020 18:57:25


ความสัมพันธ์ของครองภพและร่มธรรมไม่ได้แย่


พวกเขายังคงทำงานด้วยกันได้ เพียงแต่นอกงาน ต่างคนต่างอยู่ ครองภพนั้นเมินอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ร่มธรรมหากไม่พูดคุยกับเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ ก็มักจะนั่งอ่านบทเพียงลำพัง แต่หากมีใครสังเกตสักนิด จะรู้ว่าความสนใจของร่มธรรมไม่ได้ไปไหนไกลจากครองภพเลย


   ช่วงนี้ครองภพยังคงป่วยจากไข้หวัด เพราะพักผ่อนน้อยโหมงานหนัก อาการจึงเพียงทุเลาแต่ไม่หายขาด เสียงไอ เสียงกระแอมยังคงดังให้ได้ยินอยู่เนืองๆ และทุกครั้งที่ได้ยิน ร่มธรรมก็มักจะหันมองด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ


   แต่...ก็ได้แค่มอง


   “คุณครองภพคะ เจ็บคอต้องกินน้ำอุ่นค่ะ” เสียงใสของดาราสาวที่ร่วมแสดงในซีรี่ส์เรื่องนี้ดังขึ้นอย่างเข้มงวด หรือเรียกอีกอย่างว่าทำทีเป็นเข้มงวดไปอย่างนั้น แท้จริงแล้วหล่อนร่วมงานกับครองภพมาตั้งแต่เขาเข้าวงการใหม่ๆ ดังนั้นจึงนับว่าเป็นหนึ่งในจำนวนน้อยของดาราสาวที่สนิทกับเขา


   “นี่น้ำไม่เย็น” สนิทหรือไม่วัดได้จากครองภพมีปฏิสัมพันธ์หรือไม่ ถ้าเขายอมต่อล้อต่อเถียงนั่นแปลว่าสนิท


   “น้ำไม่เย็นแต่ไม่ใช่น้ำอุ่นย่ะ! แล้วแบบนี้จะหายมั้ย เข้าฉากแต่ละทีเสียงเป็นเป็ดยังงี้ พี่ร่มเล่นด้วยได้ไงไม่ขำ”


พอมีชื่อของตนเอง ร่มธรรมก็รีบหันกลับมาทำทีเป็นสนใจบทในมือ ในขณะที่พอมีชื่อบุคคลที่สาม ครองภพก็ถึงกับวางแก้วน้ำลงทันที


   ณัฐฐามองอากัปกริยาของพระเอกหนุ่มรุ่นน้องแล้วก็เอะใจ ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าครองภพและร่มธรรมสนิทสนมกัน ช่วงเปิดกล้องใหม่ๆ สองคนนี้ก็ตัวติดกันอย่างกับอะไร แต่พักหลังนี่สิ...แยกกันอยู่คนละมุมด้วยซ้ำ


   หล่อนเหลือบไปมองร่มธรรมที่นั่งอ่านบทอยู่มุมหนึ่ง แล้วก็หันกลับมามองครองภพที่หยิบโทรศัพท์มาเล่น


   “นี่ ฉันเองก็เคยโดนข่าวขึ้นคอนโดกับเพื่อนสนิทนะ แต่มันก็แค่ข่าวมะ”


   “ทำไมถึงมีแต่คนพูดเรื่องนี้กับผม?” ครองภพหันมาดุหน้าตาเอาเรื่อง ณัฐฐาอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจู่ๆหล่อนจะโดนหางเลข


   “เออๆ ฉันไปพูดกับพี่ร่มก็ได้! จะได้เอาบราวนี่ไปฝากด้วย! ทำมาให้ก็ไม่กิน ชีวิตนี้รู้จักของหวานมั้ย” ดาราสาวบ่นตะพึดตะพือ ก่อนจะคว้ากล่องขนมที่ตนเองเตรียมมา เดินไปหาร่มธรรม แน่นอนว่าดวงตาเรียวเอาเรื่องของครองภพมองตาม


ชายหนุ่มได้แต่เม้มปากอยากรั้งไม่ให้อีกฝ่ายเอาขนมไปให้ร่มธรรม แต่ก็ไม่รู้จะรั้งด้วยเหตุผลอะไร


   ร่มธรรมชอบกินขนม เรื่องนี้เขารู้ดี


ณัฐฐาทำขนมอร่อย เรื่องนี้ใครในวงการไม่รู้บ้างว่าหล่อนจบหลักสูตรทำอาหารชื่อดัง


   ฝีมือหล่อนดีระดับเชฟ และถ้าร่มธรรมได้ทานก็คงชอบ แล้วก็คง...มีเรื่องได้คุยกันอีกมาก


   แต่เขาไม่อยาก...ไม่อยากให้ร่มธรรมทานขนมของณัฐฐา ไม่อยากให้ณัฐฐาใกล้ชิดกับร่มธรรม


   หึง


   หวง


   แต่ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น


   “อร่อยมากเลยครับ คุณแนทฝีมือดีจัง” เสียงชมดังมาจากร่มธรรมตามคาด คนเม้มปากเลยได้แต่สูดลมหายใจลึก พยายามหันกลับมาสนใจเกมในโทรศัพท์มือถือของตนเอง แม้ว่าจะทำได้ไม่ดีเลยก็ตาม เพราะประสาทหูยังจดจ่ออยู่กับบทสนทนาของสองหนุ่มสาวที่อยู่ไม่ไกล


   “แนทได้ยินว่าพี่ร่มมีร้านกาแฟ สนใจเอาขนมของแนทไปวางขายมั้ยคะ ถือว่าสร้างรายได้เสริมให้แนท”


   “โห คุณแนทต้องหารายได้เสริมด้วยหรือครับ ผมเห็นงานคุณแนทเยอะขนาดนี้”


   “แหม งานในวงการมันไม่แน่ไม่นอน แนทก็ต้องหาลู่ทางไว้ก่อน ไว้คราวหน้าจะทำเลมอนทาร์ตมาให้ชิม ครองเคยบอกว่ากินได้ค่ะ ถ้าตาคนนี้บอกว่ากินได้ แสดงว่าอันนั้นอร่อยมากกกกก จริงมั้ย...อ้าว ครองไปไหนซะแล้ว” ณัฐฐาหันกลับไปมองยังจุดที่ครองภพเคยนั่ง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า หล่อนเกาคอเก้อๆ ก่อนจะหันกลับมายังร่มธรรม และก็พบว่าชายหนุ่มรุ่นพี่นั่งนิ่ง สายตามองไปยังจุดที่ครองภพเคยนั่ง สีหน้าของเขาเศร้าซึมจนน่าสงสาร


   หญิงสาวมั่นใจทันที สองคนนี้เคยสนิทกัน แต่วันนี้ทะเลาะกันแน่นอน


   ..............................


   ถึงจะมั่นใจ แต่ณัฐฐาไม่กล้าถามกับชายหนุ่มทั้งสองคนอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งสนิทกับครองภพในระดับหนึ่งก็ยิ่งรู้ว่าครองภพไม่ใช่คนจะตอบเรื่องอย่างนี้โดยง่าย ดีไม่ดีเขาจะโกรธหล่อนไปด้วยอีกคน ส่วนกับร่มธรรม เพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่า อย่างไรหล่อนก็ไม่กล้าละลาบละล้วง


   แต่ถึงอย่างนั้น หล่อนก็มีเพื่อนฝูงมากมาย หนึ่งในนั้นคือเบญญา หญิงสาวผู้ตั้งตนเป็นแฟนคลับร่มธรรมมาแต่ไหนแต่ไร


   “ทะเลาะ? คนอย่างพี่ร่มน่ะหรือทะเลาะกับคนอื่น”


   “ฉันก็ไม่รู้ แกตามพี่ร่มมานาน เคยเห็นเขาทะเลาะกับใครมั้ย”


   เบญญาทำหน้านิ่งคิด ก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายศีรษะ พลางบ่น


   “ถึงว่าล่ะ ก่อนหน้านี้เคยเจอพี่ร่มที่ร้านก็ดูซึมๆ หรือจะเป็นเพราะข่าวนั่น”


   “ข่าว? ข่าวที่ว่าสนิทกับครองน่ะเหรอ โอ๊ย! ข่าวเรียกแขกแบบนั้นไปใส่ใจก็ประสาทเสียพอดี สมัยฉันเข้าวงการใหม่ๆก็เคยมีข่าวกับแก จำได้มะ ตลกจะตาย” เบญญาหัวเราะแล้วพยักหน้า


   “แต่มันก็ทำให้ฉันอยู่ในกระแสนะ มีข่าวนั้น ฉันก็ถูกจ้างออกอีเว้นท์ นักข่าวมารุม นักข่าวรุมหนักๆ ฉันก็ได้ออกอีเว้นท์บ่อย ของแบบนี้มันน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ฉันพึ่งข่าว ข่าวก็ขายได้เพราะฉัน”


   “แต่พี่ร่มจะไม่คิดอย่างนั้นน่ะสิ เขาคงเป็นห่วงคุณครองภพ”


ณัฐฐาดูดน้ำอึกใหญ่ ก่อนจะจีบปากจีบคอตอบ


   “รายนั้นจะน่าห่วงอะไร้! หน้าตาดี มีฝีมือ สังกัดเริ่ด ผู้ใหญ่สนับสนุน ถ้าไม่เผลอใช้ชีวิตซุ่มซ่ามล่ะก็ รับรองว่าดาวค้างฟ้า แม่หมอแนทคนนี้คอนเฟิร์ม” ฟันธงเรื่องคนหนึ่งแล้ว ไม่วายแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นห่วงไปยังอีกคน “...ฉันว่าคุณร่มน่าห่วงกว่าอีกนะ เห็นว่าทำงานหลายอย่างใช่มั้ย แล้วยังจะมีเรื่องทะเลาะกับไอ้ครองอีก ทะเลาะกับใครก็ไม่สู้ทะเลาะกับไอ้ครอง เวลามันเมินน่ะ โอ้โห อย่าให้พูด เรียกว่ามองผ่านอย่างกับเม็ดฝุ่น”


   “พี่ร่มน่าสงสาร...” เบญญาได้แต่ครวญ แต่ก็ไม่อาจหาวิธีแก้ปัญหาใดๆได้เลย ต่อให้หล่อนจะเป็นแฟนคลับของร่มธรรม เป็นน้องสาวของรามิล แต่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับกองถ่ายที่ร่มธรรมกำลังทำงานอยู่ในเวลานี้


   “ถ้ายังไง ฝากแกดูแลพี่ร่มหน่อยนะแนท”


      “ตอนถ่ายในสตูฯ ก็ดูแลได้อยู่หรอก แต่ช่วงไปถ่ายต่างจังหวัด ฉันจะตามไปก็ไม่ได้หรอกนะ ไม่มีคิวซะด้วย”


   “แล้วจะไปถ่ายที่ต่างจังหวัดเมื่อไหร่”


   “เอ? ไม่แน่ใจ ได้ยินว่าคงจะเดือนหน้า เห็นผู้จัดการของครองบอกว่าคิวเดือนนี้แน่นเอี้ยด”


   เบญญาพยักหน้ารับรู้ ทว่าสีหน้าของหล่อนไม่สู้ดีด้วยกังวลความรู้สึกของร่มธรรม


.......................................      


   ในขณะที่เบญญาห่วงใยความรู้สึก อีกฟากฝั่งหนึ่ง ครอบครัวของร่มธรรมกำลังห่วงใยความปลอดภัย


รุ่งโรจน์จัดหาบอดี้การ์ดมาดูแลน้องชาย ส่วนหน้าที่ให้เหตุผลในการมีบอร์ดี้การ์ดเป็นของรินฤดี


   ‘คือ...มันเป็นเทรนด์น่ะ ดาราสมัยนี้ ใครๆเขาก็มีกันทั้งนั้น’


แน่นอนว่าเหตุผลของหล่อนมันฟังไม่เข้าท่า แต่ก็ยังยืนกรานหนักแน่นว่าร่มธรรมจะต้องมีบอดี้การ์ดคอยดูแลและอำนวยความสะดวกนับตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากคอนโดจนกระทั่งกลับเข้าคอนโด


   น้องชายคนเล็กของครอบครัวอยากแย้งว่านักแสดงที่ร่วมงานกับเขา มีชื่อเสียงมาก่อนเขา ไม่เห็นมีใครต้องพกบอดี้การ์ดเลยสักคน แต่รินฤดีส่ายหน้าไม่รับฟัง


   ‘คนอื่นไม่มีก็เรื่องของเขา แต่ร่มต้องมี’ ยิ่งพูดก็ยิ่งย้อนแย้ง ตอนแรกบอกเป็นเทรนด์ ตอนหลังบอกคนอื่นไม่มีก็เรื่องของคนอื่น ร่มธรรมไม่รู้จะเถียงพี่สาวอย่างไร เพราะหล่อนเป็นคนไปเจรจากับทางกองถ่ายขอพาบอดี้การ์ดติดตามเข้ามาด้วยอีกสองคน


   การที่มีชายหนุ่มตัวใหญ่ยักษ์หน้าตาไม่รับแขกสองคนเข้ามาในกองถ่าย กลายเป็นเป้าสายตาไปในทันที พอครองภพก้าวเท้าเข้ามาในกอง ณัฐฐาก็รีบแจ้นมาไขข้อข้องใจก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามเสียอีก


   “บอดี้การ์ดของพี่ร่มจ้ะ” คนฟัง รับฟังอย่างเงียบๆ ทั้งๆที่ใจอยากถามว่าทำไมต้องมี แต่ในเมื่อเราต่างเป็นแค่คนร่วมงานก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้อะไรมากไปกว่านั้น ชายหนุ่มจึงเบนสายตาลงจดจ่อกับโทรศัพท์มือถือตนเองเพื่อไม่ให้ความอยากรู้อยากเห็นดึงความสนใจอีก


   “จะไม่ถามเหรอว่าทำไมพี่ร่มต้องมี”


นักแสดงหนุ่มเหลือบมอง


   “ถ้าอยากจะพูดก็พูด ไม่อยากพูดก็เงียบ” บอกแล้วว่าณัฐฐานั้นเป็นดาราสาวเพียงไม่กี่คนในวงการที่นับว่าสนิทกับครองภพ ดังนั้น แม้จะอารมณ์ไม่ดี แต่เขาก็พอจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วย


   ดาราสาวทำปากเบะ


   “พูดก็ได้! บอดี้การ์ดสองคนนั่นเป็นเพื่อนของพี่ชายพี่ร่ม ก็เลยสร้างงานสร้างอาชีพให้เพื่อนน่ะ” ครองภพไม่ได้มีสีหน้ารับรู้แต่อย่างใด ยังเอาแต่เล่นโทรศัพท์ในมืออย่างไรก็ทำแบบนั้น ณัฐฐาชักหมั่นไส้ หล่อนร่วมงานกับเขามาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่ก่อนเขาจะดังจากบทราชนิกูลคราวก่อนด้วยซ้ำ มีหรือจะดูไม่ออกว่าคนที่ทำหน้าตาไม่หือไม่อือกำลังตั้งใจฟังอยู่


   “เหตุผลนั่นพี่รินเป็นคนบอกหรอกนะ แต่ฉันได้ข่าวมาอีกอย่าง...”


แม้จะไม่โด่งดังเป็นนางเอก แต่ณัฐฐามีพวกพ้องมากมายจากการที่รับงานหลายเรื่องและมีมนุษยสัมพันธ์ดี ดังนั้น หล่อนจึงได้ยินข่าวลือจางๆมาเข้าหู


   “...มีคนบอกว่า...พี่รินได้จดหมายขู่”


   ครองภพหันขวับ ชนิดที่ณัฐฐาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกริยารุนแรงขนาดนี้


   “จดหมายขู่?”


   “ชู่! เบาๆสิ จะให้เขารู้กันทั้งกองรึไง” ดาราสาวรีบดุเสียงเบา กวาดตามองโดยรอบ แต่นอกจากทีมงานที่เดินขวักไขว่แล้ว ก็ไม่มีใครให้ความสนใจพวกหล่อนนัก


   “ได้ยินมาจากไหน” จากที่ทำท่าไม่สนใจ กลายเป็นว่าครองภพจ้องหญิงสาวตาไม่กะพริบ สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด


   “ข่าวลือจากแถวๆนี้แหละ เห็นบอกว่าได้รับหลายครั้งแล้ว จับตัวคนส่งไม่ได้ด้วย”


รินฤดีเป็นสไตลิสต์มานาน มีเพื่อนพ้องในวงการไม่น้อย การที่หล่อนได้รับจดหมายขู่มากกว่าหนึ่งครั้งย่อมรู้ถึงหูเพื่อนคนใดคนหนึ่ง และมันกลายเป็นข่าวลือมาจนถึงหูณัฐฐา แต่ถึงอย่างนั้นข่าวลือนี้ก็ค่อนข้างเงียบ หากณัฐฐาไม่รู้จักคนมากพอ หล่อนก็คงไม่มีโอกาสได้รู้เช่นกัน


“ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนนะ แต่ฉันได้ข่าวเรื่องจดหมายขู่ก่อนที่พี่ร่มจะพาบอดี้การ์ดมากองอีก...”


“ขู่ใคร? ขู่ผู้จัดการหรือขู่นักแสดง?”


“แกคิดว่าขู่ใครล่ะ พี่ร่มกลับเข้าวงการ เล่นซีรี่ส์เรื่องเดียวก็ได้มาเล่นของผู้กำกับฉาย...” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแรงกระเพื่อมของการก้าวเท้ากลับเข้ามาในวงการบันเทิงของร่มธรรมไม่ได้มีแค่เสียงปรบมือต้อนรับ


   ครองภพนิ่งงัน เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด เพราะเอาแต่หลบเลี่ยงไม่อยากรู้เห็นเรื่องใดๆที่เกี่ยวกับร่มธรรม ถึงได้พลาดแม้กระทั่งเรื่องสำคัญ


   จดหมายขู่


   ต่อให้เป็นแค่ข่าวลือ จะมีมูลมากน้อยแค่ไหน ก็น่ากังวลอยู่ดี


   “ครอง...” ณัฐฐาเห็นท่าทางเป็นกังวลของเพื่อนร่วมงานก็นึกโทษตัวเองที่เอาข่าวลือจำพวกนี้มาสร้างภาระ


   “...แกอย่าคิดมากเลย มันอาจจะเป็นแค่ข่าวลือก็ได้ พี่ร่มนิสัยดีจะตาย ไม่น่าจะมีศัตรูที่ไหนหรอก อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะ”


ทว่าครองภพไม่ได้มีสีหน้าสบายใจเลยสักนิด ดวงตาเรียวดุเหลือบมองหญิงสาว


   “ถ้ามีอะไรเพิ่ม มาบอกด้วย” นักแสดงหนุ่มเอ่ยปาก ก่อนจะลุกขึ้น


   “แล้ว...แกจะไปไหน”


   “ไปคุย” นักแสดงหนุ่มตอบ แน่นอนว่าไม่กระจ่างจนกระทั่งเขาเดินดุ่มๆตรงไปยังคนที่ตกเป็นข่าวลือว่าได้รับจดหมายขู่


   ร่มธรรมกำลังนั่งอ่านบทอยู่เพียงลำพัง เยื้องหลังไปเล็กน้อยมีชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ 2 คนยืนประกบ นักแสดงหลายคนที่คุ้นเคยกับเขามาก่อนหน้านี้ เคยแวะเวียนมาพูดเล่นคุยเล่นในช่วงพักกองก็มีอันแยกย้ายกันไปทางอื่น เพราะแค่เพียงจะเฉียดใกล้ร่มธรรมก็ถูกสายตาบอดี้การ์ดของร่มธรรมจ้องไม่กะพริบ


   แต่...การจ้องไม่กะพริบใช้ไม่ได้กับครองภพ


   นักแสดงเลือดร้อนวัย 22 เดินดุ่มๆเข้าไปหาคนที่นั่งอ่านบทเพียงลำพังแล้วพูดเสียงเรียบ


   “มากับผม มีเรื่องจะคุยด้วย”


   “คุย?” ร่มธรรมเงยหน้ามอง แล้วทวนคำหนุ่มรุ่นน้องอย่างงุนงง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆครองภพที่เคยเมินเขาแม้แต่หน้ายังไม่มองกลับเป็นฝ่ายเดินมาหาเอง


   “ลุก” คนอายุน้อยกว่าออกคำสั่ง ร่มธรรมเม้มปาก กวาดตามองรอบตัว ทีมงานเกือบทั้งหมดอยู่ที่นี่ ทุกคนรู้เห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ และครองภพอยู่อีกมุมหนึ่ง แต่มันจะกลายเป็นประเด็นทันทีถ้าหากมีใครสังเกตเห็นเขาและครองภพไม่อยู่ที่เดิม แต่หายไปทั้งคู่ไม่เห็นแม้แต่เงา


   เดี๋ยวก็เกิดข่าวแบบนั้นขึ้นจนได้


   “ถ้าจะคุย ก็คุยตรงนี้” ร่มธรรมพยายามคุมน้ำเสียงให้เรียบกริบเป็นผู้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้


   “คุณแน่ใจหรือว่าจะคุยกับผมตรงนี้?”


   “แน่ใจ”


   ครองภพสูดลมหายใจเข้าลึก


   “ทำไมต้องมีบอดี้การ์ด” คำถามนั้นชวนให้ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ อยากบอกว่าเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะเป็นความต้องการของรินฤดี


   “พี่จะมีหรือไม่มี มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้องครองนะ”


   “ผมถามว่าทำไม?!” ครองภพถามซ้ำ หน้าตาเอาเรื่องจริงจัง


   “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จะถามกลับว่าอยากรู้ไปทำไม”


   “ผมไม่มีสิทธิ์ห่วงคุณเลยรึไง?!” ประโยคนี้ของครองภพไม่เบา ทำเอาร่มธรรมชะงักกึก เขากวาดตามองรอบตัวในวินาทีถัดมา เห็นทีมงานบางคนเริ่มมองมาทางพวกเขาเพราะเสียงของครองภพเมื่อครู่นี้


   “ครอง อย่าสร้างปัญหา!” เขาหันกลับมาดุด้วยน้ำเสียงเบาที่แทบเป็นกระซิบ แต่ห้วนสั้นจริงจังไม่แพ้กัน


   “อ้อ! ผมเป็นตัวปัญหาสำหรับคุณด้วย?!”


   ร่มธรรมรู้สึกเหมือนวันนี้ปากเขาไม่เข้าที่เข้าทางชอบกล


   “พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น...”


   “หรือจ้างบอดี้การ์ดเพราะจะเอาไว้กันผม?!”


   “บ้าไปกันใหญ่แล้วครอง! พี่จะทำแบบนั้นทำไม?!”


   “แล้วคุณมีทำไม?!”


ร่มธรรมไม่รู้จะอธิบายยังไง ในเมื่อเขาเองก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่ชัดเจนเช่นกัน แต่อาการเหมือนคนพูดไม่ออกทำให้ครองภพเข้าใจว่าเป็นเพราะร่มธรรมไม่คิดจะให้เขารับรู้เรื่องใดๆของเจ้าตัวอีกแล้ว


   ปกปิดเรื่องที่เคยเกิดขึ้น


ยุติความสัมพันธ์


   ไม่มีโอกาสแม้แต่จะรับรู้ความเป็นไปในชีวิตด้วยซ้ำ!


   “ไม่บอกก็ไม่บอก! ผมขอโทษแล้วกันที่ก้าวก่ายชีวิตของคุณ!”


ครองภพหมดแรงใจจะห่วงใยอีกฝ่ายแล้ว ชายหนุ่มหมุนตัวเดินกลับไปยังจุดเดิมที่เขาเคยยืน


จุดที่ห่างไกล จุดที่เมินเฉย จุดที่ต่อให้ในฉากจะเป็นนักแสดงนำที่ร่วมไม้ร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่นอกฉากกลับเป็นอีกโยชน์หนึ่งที่ไกลแสนไกล


   ร่มธรรมได้แต่ถอนหายใจแรง เหม่อสายตาขึ้นมองเพดานแล้วสูดลมหายใจลึก เขารู้ว่าตนเองจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว แต่พอจะหันไปบอกบอดี้การ์ด สายตาของเขากลับไม่รักดี ยังมองเลยไปยังจุดที่ครองภพยืน


   และนั่นทำให้เขาชะงัก


   ครองภพไม่ได้ยืนเพียงลำพัง แต่มีคนยืนประกบหลังเขา


นั่นไม่ใช่ทีมงาน ไม่ได้นักแสดง


   คนที่ยืนประกบหลังครองภพ...

   ...ไม่ใช่คนในกอง และไม่ใช่ ‘คน’ !...


   ชายนุ่งโจง!!


   สันหลังของร่มธรรมเย็นวาบ เขาจำใบหน้าคร้ามคมของชายฉกรรจ์ผิวดำแดงคนนั้นได้เป็นอย่างดี หรือต่อให้ในฝันจะเห็นไม่ชัด เขาก็มั่นใจว่าชายที่ยืนอยู่ข้างหลังครองภพคือชายคนเดียวกับที่มาเข้าฝันเขา!


   ภาพฝันหมุนวนกลับมาในสมองอย่างรวดเร็ว ภาพของชายฉกรรจ์ผู้พร่ำพรรณาว่าห่วงใยเขา ภาพของชายฉกรรจ์ผู้ออกปากว่าจะขัดขวางไม่ให้ใครเข้ามาทำอะไรเขา ภาพของชายฉกรรจ์ผู้มีสีหน้าเคียดแค้น ‘ไอ้แผน’


   บัดนี้ไม่ใช่ฝัน ชายคนนั้นยืนอยู่ข้างหลังและกำลังจับจ้องครองภพด้วยสีหน้าและแววตาอาฆาตไม่ต่างจากที่ปรากฏในฝัน!!


   ...ไอ้แผน...


   ...ครองภพ...


   หรือคนที่ชายฉกรรจ์ผู้นั้นต้องการทำลาย...คือครองภพ!!


   “ครอง!!! ระวัง!!”


   เสียงตะโกนของร่มธรรมดังลั่น ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาครองภพ เสียงล้มดังขึ้น อึดใจเดียวอุปกรณ์ไฟก็หล่นจากเพดานสตูดิโอลงสู่พื้น


   ตึง!!!!


   แล้วรอบกายก็เงียบกริบ ก่อนที่วินาทีต่อมาเสียงกรีดร้องด้วยความตระหนกและเสียงเซ็งแซ่จะดังไปทั่วทั้งสตูดิโอ!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

วันนี้งานเยอะมาก เลยรีบมาลงก่อน

ได้โปรดให้อภัยผู้ใหญ่อย่างพี่ร่มด้วยนะคะ พี่ร่มก็เจ็บไม่แพ้น้องครองเลย

ไปทำงานต่อแล้ว ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ และทุกกำลังใจที่มีให้เสมอมา มันช่วยบัวมาตลอดเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 20-02-2020 19:43:58
แบบว่าลุ้นและค้างงง :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-02-2020 20:49:48
ผีหลอกกลางกองถ่าย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-02-2020 20:57:12
อ้าว เป็นไอ้แผนเหรอ น่าจะเป็นนายช่วงนะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 20-02-2020 21:56:58
ว๊ายย ฉันเดาผิด ฉันนึกว่า แผน = พี่ร่ม  55555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-02-2020 22:03:09
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-02-2020 22:34:53
พี่ร่ม...มมมมมม  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-02-2020 23:04:46
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 20-02-2020 23:12:36
กอดพี่ร่ม
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 20-02-2020 23:20:58
โอ้ยยยย อยากวาร์ปเวลาไปตอนหน้าเลยจ้า ลุ้นเกิ้นนนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 20-02-2020 23:23:59
คุณ​ผีขี้อิจฉา​เริ่มอาละวาด​แล้ว​ น้องร่มก็โดนขู่​ น้องครองก็โดนผีทำร้าย​ น้องสองคนจะต้องผ่่านเรื่องเหล่านี้ไปด้วยกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-02-2020 23:37:20
 :a5:.
รอ ๆ ๆ ๆ เมื่อไหร่จะมา กว่าจะได้อ่านก็เกือบเที่ยงคืน
อ่าน ๆ ๆ ๆ แล้วอะไรจะตัดฉับบบบ ปานนั้นนนนนน
คนเขียนใจร้ายยยยยยย
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 21-02-2020 00:10:11
ผีโจงคือไอ้แผน!! :a5:
ด่าผีผิดตัวมาตั้งนาน!!

เด่วนะ ไอ้แผนที่แค้นครองภพ อย่าบอกนะว่าครองภพคือ ไอ้ช่วง! :katai1:
 
พี่ร่มมมมมม พี่ร่มเจ็บปวดไม่ต่างจากน้องครองเลย บีบหัวใจ  :ling2:
 
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-02-2020 09:59:38
ผีคือนายช่วงสินะ แต่ตัดชับแบบนี้ค้างงงงงงงงง :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 21-02-2020 10:07:19
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-02-2020 11:45:11
อ้าว น้องแผน นุ่งโจง พี่ร่ม (คุณเทพ) ส่วนน้องครอง คือใคร ในอดีต
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-02-2020 13:40:58
ตอนแรกนึกว่าผีไอ้แผนคือไอ้ช่วงคนสนิทรับใช้คุณเทพซะอีก แบบนี้ ร่ม = คุณเทพ งั้นครอง = ไอ้ช่วงหรือ งั้นไอ้แผนมีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณเทพในอดีตกันแน่ ทำไมไม่ไปเกิดล่ะ แค้นอะไร ลุ้นและค้าง รอตอนต่อไปค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 21-02-2020 21:11:21
โอ้ย!!!ลุ้น
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-02-2020 22:39:48
เห้อออ ยากจัง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 22-02-2020 02:31:31
ผีเป็นไอ้แผนหรอเนี่ยย เกิดอะไรขึ้นน ทำไมแผนเป็นแบบนี้ล่ะ งงไปหมด
เอ็นดูน้องครอง หมั่นไส้พี่ร่มอ่ะ 55 ก็รู้ว่าพี่ร่มทำแบบนี้เพราะเซฟน้องครอง แต่พี่เคยถามครองบ้างมั้ยว่าเขาต้องการรึเปล่า มันทำให้น้องรู้สึกแย่ไปอีก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-02-2020 02:49:12
นึกว่านายช่วงซะอีก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-02-2020 09:38:13
อ้าว คิดว่าเป็นนายช่วงซะอีก ทำไมเป็นนายแผนล่ะ งงเลย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 22-02-2020 15:58:50
ต่อไปนี้พี่ร่มจากปกป้องน้องครองจากผีไอ้แผนเอง
เพราะฉะนั้น น้องครองต้องมาอยู่ที่คอนโดพี่นะ  o18
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 22-02-2020 20:32:20
ทั้งค้าง ทั้งอึดอัด คือเขายังไม่เข้าใจกันเลย
ผีก็มาแก้แค้นอีกจ้า
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 24-02-2020 22:42:42
กรี้ดดดดดดดดดดด จะมีใครเป็นอะไรมั้ย  :serius2: ผีนายช่วงตามมาถึงกองถ่ายเลย นึกว่าจะพยายามรักษากิริยาให้เป็นผีที่ดีต่อหน้าพี่ร่มใฟ้นานๆ ที่ไหนได้ออกลายแล้ว

พี่ร่มหัวแข็งมากเด้อเรื่องรักษาระยะห่าง คนน้องก็ดื้อเรื่องทำตามหัวใจ ได้เจ็บตัวคราวนี้คงมีฝ่ายใดฝ่ายนึงยอมใจอ่อน :hao3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 7 (20/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 26-02-2020 23:46:23
น้องครอง = แผน
พี่ร่ม = คุณหลวง
ช่วงเป็นข้ารับใช้คุณหลวง อิจฉาแผน
ชาตินี้พอแผนกับคุณหลวงมาเกิด ก็ตามมาแยกเค้าออกจากกัน พยายามจะฆ่าน้องครอง (แผน) ไม่ให้ได้ใกล้ชิดกับพี่ร่ม (คุณหลวง)

ประมาณนี้รึป่าวว ทำนองนี้รึป่าววว
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 27-02-2020 21:18:07
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………
ตอนที่ 9

………………………
…………….
……

   
ห้องทำงานของหลวงสุนทรวิจักษ์นั้นเป็นอาณาเขตของนายช่วงมานานหลายปี


ยามคุณหลวงมิได้ใช้งาน นายช่วงคอยดูแลความเรียบร้อย


หนังสือบนชั้นต้องเรียงเป็นระเบียบ ทุกกระเบียดต้องสะอาด เก้าอี้โต๊ะต้องพร้อมใช้งาน ยาสูบและเหยือกน้ำต้องพร้อมสรรพ


ยามคุณหลวงเข้ามาในห้อง ก็เป็นนายช่วงที่คอยตามติด ดูแลใกล้ชิด


ต้องการหนังสือเล่มใดบนชั้น เพียงแค่เปรยขึ้นมา นายช่วงก็จะรีบหยิบให้ ยามลุกยามนั่ง ก็มีนายช่วงคอยเลื่อนเก้าอี้ พอเอื้อมมือหยิบยาสูบ นายช่วงก็ถือไม้ขีดไฟเตรียมพร้อมแล้ว แม้กระทั่งน้ำในเหยือกพร่องลงเพียงเล็กน้อย ก็เป็นนายช่วงที่ขมีขมันรีบสั่งให้คนไปเติมให้เต็มอยู่เสมอ


   แม้กระทั่งอีเย็นซึ่งเป็นหัวหน้าบ่าวไพร่ก็ยังไม่กล้าล่วงล้ำมายังห้องนี้ เพราะรู้ดีว่านายช่วงหวงแหนพื้นที่ของหลวงสุนทรวิจักษ์เพียงใด


   ทว่า...พักหลังมานี่ ไม่เพียงแค่คุณหลวงและบุตรธิดาที่เหยียบย่างเข้ามายังห้องนี้ แต่ ‘ไอ้แผน’ ก็เช่นกัน


   บางวันไอ้แผนมาพร้อมคุณเทพ ซึ่งบัดนี้เป็นเพื่อนกันแล้ว


   บางวันไอ้แผนก็มาเพียงลำพัง เพื่อนำการบ้านที่คุณหลวงสั่ง มาให้ท่านตรวจ


   นายช่วงชิงชังยิ่งนัก นายที่ตนเทิดทูนกลับรักใคร่เอ็นดูไอ้แผนผู้ซึ่งเพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านได้เพียงสามปี


   ใช่...บัดนี้ไอ้แผนอายุย่าง 16 แล้ว และคุณหลวงเปรยว่าจะส่งมันให้เรียนสูงที่สุดเท่าที่มันจะเรียนได้


   บัดซบสิ้นดี! ทั้งลูกหลานทั้งพี่น้องของนายช่วงยังไม่ได้ความเมตตาอาทรถึงเพียงนี้ แต่ไอ้แผนกลับคว้าทุกสิ่งอย่างราวกับเป็นทายาทของคุณหลวง ทั้งที่แท้จริงไม่ใช่!


   บานประตูห้องทำงานของหลวงสุนทรวิจักษ์ถูกเปิดออก เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับคุณหลวงคือคุณเทพในวัย 16 ปีก้าวเท้าออกจากห้องด้วยท่าทางร่าเริง ในมือมีถุงกำมะหยีที่นายช่วงจำได้ดีว่าเห็นอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของผู้เป็นนาย


   “นายช่วง! คุณพ่อให้รางวัลที่ฉันสอบได้ล่ะ!”


   นายช่วงค้อมกายต่ำ ยินดีกับสิ่งที่คุณเทพได้รับตามฐานะ ทว่าประโยคถัดมาของบุตรชายคนโปรดของหลวงสุนทรวิจักษ์กลับทำให้เขานิ่งค้างอยู่ในท่านั้น


   “แต่จะให้รางวัลฉันคนเดียวก็ไม่ถูก คงจะสอบไม่ได้ถ้าไม่ได้ไอ้แผนช่วยสอน คุณพ่อก็เลยบอกว่าจะให้รางวัลไอ้แผนด้วย!”


   เด็กหนุ่มมิได้เข้าใจหัวอกคนอิจฉาริษยา เมื่อยินดีกับสิ่งที่ตนได้และสิ่งที่สหายอย่างไอ้แผนจะได้ เขาก็เดินฮัมเพลงอารมณ์ดีลงบันไดไป ทิ้งเอาไว้เพียงคำพูดประโยคสุดท้ายที่คล้ายกับมีดพร้าปักลึกเข้าที่กลางอกของนายช่วง


   ‘ให้รางวัลไอ้แผน’


   พลันนั้น ภาพห่อกำมะหยี่ที่เคยเห็นในลิ้นชักโต๊ะทำงานของหลวงสุนทรวิจักษ์ก็ปรากฏขึ้นในหัว


เขาจำได้ดีว่าเห็นห่อกำมะหยี่สองห่อ ภายในบรรจุสร้อยทองและพระเลี่ยมทองอย่างละองค์ ยามนั้นนายช่วงคิดเพียงว่าหลวงสุนทรวิจักษ์คงจะเตรียมเป็นของขวัญให้บุตรธิดา หากจะเป็นคุณเทพก็ไม่ผิดแปลกอันใด แต่...คาดไม่ถึงว่าอีกคนที่จะได้รับสร้อยพระจากมือคุณหลวงจะเป็นไอ้แผน!


   ...คนอย่างมึง!! อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากคุณหลวงอีกเลย!!!...



………
   .................



ณัฐฐายืนตะลึงงันตาเหลือก


หล่อนอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด ตอนที่ได้ยินเสียงตะโกน หล่อนรับรู้แค่ว่ามีใครบางคนพุ่งตัวเข้ามา ก่อนที่อะไรบางอย่างจะหล่นลงมาจากเพดานกระแทกพื้นเสียงดังตึงใหญ่ พอทุกอย่างสงบถึงได้เห็นเต็มสองตาว่าคนที่พุ่งเข้ามาคือร่มธรรม ส่วนสิ่งที่หล่นคืออุปกรณ์ไฟ


   เส้นยาแดงผ่าแปด อุปกรณ์หล่นกระแทกพื้นจนแตกหัก ในขณะที่ร่มธรรมล้มทับครองภพห่างจากจุดที่อุปกรณ์หล่นแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น!


   หากร่มธรรมไม่พรวดพราดเข้ามาผลัก ป่านนี้ครองภพคงนอนอยู่ใต้อุปกรณ์ไฟนั่นแล้ว!


   “ครอง! เจ็บตรงไหนรึเปล่า?! โอ๊ย!!” ร่มธรรมยันตัวลุกขึ้นมาถาม แต่พอยันแขนซ้ายเพื่อค้ำตัวเองขึ้นมา กลับร้องโอยหน้าตาเหยเก


   “คุณเป็นอะไร?” ครองภพร้องถามหน้าตื่น เขาหลุดจากห้วงภวังค์ตะลึงงันเพราะเสียงร้องของคนบนร่างตนเอง แต่พอเห็นสีหน้าของร่มธรรม เขาก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่


ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มรุ่นพี่บิดเบี้ยว แดงก่ำ ในขณะที่มือขวาแตะแขนซ้าย


ครองภพเอื้อมมือไปจับแขน แค่แตะเพียงนิดร่มธรรมก็ถึงกับข่มตากัดกรามแน่น


“...เจ็บ...” คนเจ็บพึมพำบอก แต่ไม่วายหันมองครองภพที่สีหน้าตื่นตระหนก


   “ครองไม่เป็นไรใช่ไหม”


   “ห่วงตัวเองก่อนเถอะ! นอกจากแขนแล้วเจ็บตรงไหนอีกบ้าง?!”


   “ไม่...ไม่มี...”


   “มีแค่แขนใช่มั้ย?!” สีหน้าเคร่งเครียดของคนถาม ทำเอาคนเจ็บยังไม่กล้าพูดมากเกินจำเป็นได้แต่พยักหน้า


ครองภพหันไปมองอุปกรณ์ไฟที่ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ใกล้พวกเขา ร่มธรรมผลักเขาออกมา แต่เจ้าตัวคงหลบไม่พ้น ตอนที่จวนตัวเลยรีบยกแขนซ้ายขึ้นบัง 


ชายหนุ่มกัดกรามด้วยความโมโหแล้วออกคำสั่งวินาทีนั้น


“ไปโรง’บาลเดี๋ยวนี้!”


คนที่มักนิ่งเฉยกับสิ่งรอบตัว มาวันนี้กลับเป็นฝ่ายสั่งการเสียงดังฟังชัด หน้าตาของเขาถมึงทึงเต็มไปด้วยอารมณ์ ยิ่งทำเอาทั้งกองถ่ายอลเวงไปหมด ร่มธรรมคนเจ็บไม่มีสิทธิ์พูดอะไรมากกว่านั้น ก็ถูกพาขึ้นรถของครองภพแล้วพาไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที


……………………


   ไม่มีแผลแตกภายนอก แต่กระดูกแขนร้าว ต้องใส่เฝือก อาการไม่น่าเป็นห่วง แต่ต้องพักฟื้น ตอนแรกรินฤดีจะให้ทำ CT สแกนด้วย แต่ร่มธรรมยืนยันว่าอุปกรณ์หล่นใส่แขนเขาอย่างเดียว ไม่โดนอวัยวะส่วนอื่นอีก เมื่อนั้นคนเจ็บถึงได้ถูกพานั่งรถเข็นออกมายังห้องรับรอง


คนที่นั่งรออยู่ในห้องที่จัดไว้เป็นส่วนตัวสำหรับคณะจากกองถ่าย มีทั้งผู้กำกับ ทีมงาน รินฤดีและ...ครองภพ


   ร่มธรรมมองชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนกอดอกอยู่มุมหนึ่งอย่างไม่เชื่อสายตา จริงๆก็เหลือเชื่อตั้งแต่ตอนถูกพาส่งโรงพยาบาลโดยรถของครองภพ โดยมีครองภพนั่งขนาบข้าง ในขณะที่รินฤดีผู้เป็นทั้งพี่สาวแท้ๆและผู้จัดการส่วนตัวของเขากลับถูกอัปเปหิให้นั่งรถตามมาพร้อมผู้กำกับด้วยซ้ำ


   “เป็นยังไงบ้างร่ม” คำถามของผู้กำกับฉายทำเอาร่มธรรมส่งยิ้มจาง


   “ไม่เป็นอะไรมากครับ ไกลหัวใจตั้งเยอะ จริงๆ ถ้าถ่ายแค่ช่วงอกขึ้นมาไม่เห็นแขน ก็น่าจะถ่าย...ต่อ...” พูดไม่ทันจบ เสียงดุก็ดังขัด


   “วันนี้ไม่ต้องถ่ายแล้ว!”


ไม่ใช่เสียงของผู้กำกับ ไม่ใช่เสียงของผู้จัดการส่วนตัว แต่เป็นเสียงของคนที่ยืนกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างครองภพ


   “แต่ว่า...น้องครองไม่ค่อยมีเวลาไม่ใช่หรือ” คนเจ็บกลับเป็นฝ่ายต่อรอง


   “ผมจะหาคิวให้ใหม่” ครองภพพูดเสียงเรียบ แต่หากจะจับอารมณ์ของเขาจากน้ำเสียงสักนิดคงพอจะรู้ว่าทั้งหงุดหงิดทั้งเคืองเป็นที่สุด


   ...มีอย่างที่ไหน เจ็บจนต้องมาโรงพยาบาล ยังจะมีหน้าขอกลับไปทำงานต่อ!...


   ร่มธรรมอยากค้าน นอกจากตารางงานแน่นเอี้ยดของครองภพแล้ว ยังมีทีมงานอีกมากที่ต้องเสียเวลาหากวันนี้ต้องยกกองเพราะอาการบาดเจ็บของเขา แต่พอคิดถึงทีมงานแล้ว ชายหนุ่มก็นึกไปถึงคนที่น่าจะได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุในครั้งนี้


   “แล้ว...แล้วทีมจัดไฟล่ะครับ...”


   “กลับไป จะเรียกคุย ถ้าเป็นเพราะประมาทจริง ก็ต้องเปลี่ยนคน” ผู้กำกับฉายกล่าวเสียงขรึม


ปกติเป็นคนมึงมาพาโวย แต่คราวนี้กลับโวยไม่ออกสักคำ เขามองนักแสดงหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิด ทว่าไม่ทันจะเอ่ยปากขอโทษแทนความเลินเล่อของทีมงาน อีกฝ่ายกลับร้องเสียงหลงขึ้นมาเสียก่อน


   “ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือครับ?!” ร่มธรรมร้องถามหน้าตาตกใจ


   “ถ้าร่มไม่ผลักครองออกมา ครองจะเจ็บหนักยิ่งกว่าที่ร่มเป็นตอนนี้ หรือต่อให้ไม่ใช่ครอง ถ้าต้องมีคนเลือดตกยางออกในกอง ก็ถือว่าร้ายแรง”


คนเจ็บฟังแล้วนิ่งงัน


อุบัติเหตุในคราวนี้ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความประมาทก็จริง แต่อีกส่วน...เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะ...ชายนุ่งโจงคนนั้น…


   ส่วนเป้าหมาย...ไม่ใช่ใครสักคนที่ดวงตกหรือถึงคราวเคราะห์ แต่เจาะจงที่ ‘ครองภพ’


   “ผมว่า...เขา...คงไม่ตั้งใจ” ร่มธรรมแย้งเสียงแผ่ว ไม่กล้าพูดว่าเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น


ผู้กำกับฉายถอนหายใจ เห็นความเอื้ออารีและความสงสารในแววตาของนักแสดงหนุ่มผู้บาดเจ็บแล้วก็ชวนให้หนักใจ


   “ต้องกลับไปคุยก่อน แล้วค่อยว่ากัน”


ร่มธรรมหันไปมองรินฤดีราวกับจะขอความช่วยเหลือ แต่รินฤดีได้แต่เบือนสายตาหนีไม่กล้าออกตัว


   “พี่ไปจัดการเรื่องยาก่อนแล้วกันนะ” หล่อนปลีกตัวเพราะไม่อาจทนเห็นสายตาเว้าวอนของน้องชาย ในขณะที่ทีมงานและผู้กำกับจะต้องกลับไปจัดการกองถ่ายต่อ เหลือเพียงครองภพซึ่งไม่มีคิววันนี้แล้ว เพราะคิวที่มีถูกทำลายด้วยการที่นักแสดงร่วมฉากบาดเจ็บนั่งอยู่บนรถเข็น


   “น้องครอง พี่ฝากดูร่มแปบนึงนะคะ”


ครองภพพยักหน้ารับ


พอหญิงสาวและคนอื่นๆแยกตัวไปแล้ว ก็เหลือเพียงแค่สองนักแสดงหนุ่ม กับมุมสงบของโรงพยาบาล


   “ขอบคุณ...ที่ช่วยผม” อาจจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ทะเลาะกัน ที่ครองภพไม่มีอารมณ์โกรธเคืองเจือปนมาในคำพูดเลยสักนิด เวลานี้สิ่งเดียวที่กระจ่างชัดคือห่วงคนเจ็บยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด


ร่มธรรมยิ้มจางแล้วส่ายหน้าไปมา


   “ไม่เป็นไร...”


   ครองภพมองคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น คำถามอื้ออึงอยู่ในใจมากมาย อยากถามว่าเจ็บมากไหม อยากถามว่าทำเช่นนั้นทำไม อยากต่อว่าที่อีกฝ่ายไม่ห่วงตัวเองสักนิด ทั้งเรื่องที่พุ่งเข้ามาช่วยเขาและเรื่องที่คิดจะกลับไปถ่ายต่อ หรือแม้แต่เรื่องที่ขอให้ยกโทษให้คนประมาทที่ทำให้บาดเจ็บ


   แต่...คำถามมากมายเหล่านั้นกลับไม่มีหลุดออกจากปาก ครองภพไม่รู้ว่าทำไมนิสัยของเขาถึงเป็นเช่นนี้ เรื่องที่คิด เรื่องที่อยากบอก กลับได้แต่เก็บไว้ในใจ สุดท้ายเลยได้แต่เดินไปเข็นรถคนเจ็บให้มาหยุดข้างเก้าอี้ว่าง ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้


   อาศัยความบาดเจ็บของอีกฝ่าย สร้างเหตุผลให้กับความเห็นแก่ตัวที่อยากทำตามอำเภอใจ รู้ทั้งรู้ว่าร่มธรรมต้องการขีดเส้นกั้นความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่...เวลานี้...ขอแค่เวลานี้ที่ได้ใกล้...


   ...ใกล้กัน...


   ...แค่ในยามที่ร่มธรรมบาดเจ็บ แค่ในยามที่รอบตัวไม่มีใคร...


   ครองภพหวังว่าความใกล้ชิดที่แสนเงียบนี้ จะบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขารู้สึกเช่นไร


   ...ห่วง...


   ...ห่วงมาก...


   ยิ่งเห็นแขนข้างที่บาดเจ็บของร่มธรรม หัวใจของเขาก็ยิ่งโหวงเหวงไปหมด


   “หิวรึเปล่า เอาน้ำไหม” ครองภพถาม ทั้งน้ำเสียงและสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างที่ทำเอาหัวใจคนเจ็บสั่นไหว


   ร่มธรรมเองก็อยากตัดใจจากอีกฝ่าย แต่อาการบาดเจ็บทำให้เห็นแก่ตัว หากช่วงเวลานี้...พอจะทำให้พวกเขาได้ใกล้กันบ้าง ก็คง...ดี


   “ขอน้ำหน่อยก็ดี ขอบคุณครับ” 


นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องลุกไปหยิบน้ำดื่มที่มีบริการมาเปิดขวดส่งให้ เขามองอีกฝ่ายที่ยกขวดน้ำกระดกจนน้ำเปล่าไหลเลอะเสื้อเลยต้องดึงข้อมือเอาไว้ ก่อนจะก้าวเท้าไวกลับไปหยิบหลอดกลับมาเสียบลงในขวด


   เพราะแขนข้างหนึ่งเจ็บ มืออีกข้างหนึ่งถือขวด ในขณะที่หลอดสั้นกว่าขวดทำให้ดูดลำบาก ครองภพเลยทรุดตัวลงนั่งยองตรงหน้า มือหนึ่งจับหลอดให้อยู่นิ่ง อีกมือจับขวดน้ำ เป็นฝ่ายร่มธรรมที่ต้องปล่อยมือจากขวดน้ำแล้วนั่งเฉยดูดน้ำอย่างเดียว พออิ่มน้ำถึงได้คายหลอดออก


   “พอแล้วหรือ”


   “อืม ขอบคุณ”


แม้จะเจ็บตัว แต่ร่มธรรมก็ยังยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มสวยที่ครองภพไม่ได้เห็นอีกนับตั้งแต่พวกเขาทะเลาะกัน หนุ่มรุ่นน้องมองรอยยิ้มนั้นนิ่งนานด้วยความคิดถึง จนกระทั่งเสียงของหญิงสาวดังขึ้น


   “เรียบร้อยแล้ว...” รินฤดีเดินกลับมาจากการรับยา ครองภพจึงลุกขึ้นแล้วขยับไปยืนอยู่ข้างๆรถเข็น แน่นอนว่าเขาไม่ได้เดินไปไหน แต่ยืนดูผู้จัดการสาวแจกแจงว่ายาใดบ้างที่ร่มธรรมได้รับ


   “...แล้วก็มีใบนัดด้วย”


   “วันไหนครับ” คนถามไม่ใช่ร่มธรรมแต่เป็นครองภพ รินฤดีกะพริบตาปริบๆ งุนงงจนยอมตอบความจริงแทนที่จะย้อนถามว่าเขาจะอยากรู้ไปทำไม


   “หมอนัดอีกทีสัปดาห์หน้าค่ะ”


   “แต่วันนี้ไม่ต้องกลับเข้าสตูดิโอแล้วนะ พี่คุยกับผู้กำกับแล้ว เขาจะถ่ายคนอื่นก่อน วันนี้ร่มต้องกลับไปพักเยอะๆจะได้หายไวๆ รถมารออยู่ข้างหน้าแล้ว ไม่รบกวนน้องครองแล้วค่ะ เดี๋ยวให้คุณบุรุษพยาบาลช่วยพาไปที่รถ ขอตัวก่อนนะคะ” รินฤดีก้มลงพูดกับคนเจ็บแล้วก็หันไปพูดกับนักแสดงหนุ่ม ครองภพไม่คัดค้าน ปล่อยให้บุรุษพยาบาลเข้ามาแทนที่


   ร่มธรรมกำลังจะหันไปลานักแสดงรุ่นน้อง แต่ก็พลันชะงักกึกเมื่อสายตาเหลือบไปเห็น ‘ใคร’ ยืนอยู่มุมห้องรับรอง


   ห้องรับรองพิเศษที่ไม่ควรมี ‘ใคร’ นอกจากพวกเขา


   แต่เป็น ‘ใคร’ ที่เข้ามาในห้องโดยที่ไม่มีคนเห็น...ยกเว้นร่มธรรม


   ...ชายนุ่งโจง!...


   คนเจ็บรู้สึกเหมือนลมหายใจขาดห้วง ความหวาดหวั่นไหลหลั่งเข้าสู่หัวใจ

 
การปรากฏตัวของชายผู้นี้ เกือบคร่าชีวิตของครองภพไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เขาที่ผลักครองภพให้พ้นทาง และคราวนี้...ชายผู้นี้ปรากฏตัวอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่าต้องการทำอะไรอีก


เขาหันไปมองครองภพด้วยความกังวล ห่วงความปลอดภัยของอีกฝ่าย มากกว่าจะทันสนใจว่าชายนุ่งโจงผู้นั้นไม่ได้ปรากฏตัวเพื่อจับจ้องครองภพด้วยความเคียดแค้นเหมือนเมื่อครู่แล้ว แต่เป้าสายตาของเขากลับเป็นร่มธรรมต่างหาก


สายตาที่ชายผู้นั้นมองร่มธรรมเต็มไปด้วยความเสียใจ และน้อยเนื้อต่ำใจ แต่...ร่มธรรมไม่เห็น


   สายตาของร่มธรรมมองเพียงครองภพ


   “ครอง...พี่ขออะไรสักอย่างได้มั้ย”


   ครองภพกะพริบตาปริบๆ ไม่ทันได้ถามอะไร อีกฝ่ายกลับถอดสร้อยพระที่สวมอยู่แล้วส่งให้


   “สวมสร้อยพระได้มั้ย”


ชายหนุ่มวัย 22 ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ แต่ร่มธรรมไม่อาจอธิบายอะไรทั้งๆที่ยังมีรินฤดีและบุรุษพยาบาลยืนมองอยู่แบบนี้ เขาดึงมือของครองภพมาแล้วบังคับวางสร้อยพระลงกลางฝ่ามือ


   “สวม...อย่าถอด รับปากพี่”


ครองภพไม่เข้าใจ แต่อีกฝ่ายกลับจ้องเขาอย่างเอาจริงเอาจังจนไม่อาจปฏิเสธ เขายอมพยักหน้ารับ เมื่อนั้นร่มธรรมจึงหันไปหารินฤดีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ


   “ไปกันครับ พี่ริน”


รินฤดีไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่เห็นคาตาว่าร่มธรรมถอดสร้อยพระให้ครองภพ ในฐานะพี่สาว หล่อนกล้าพูดว่าร่มธรรมมีสัญชาตญานประหลาด สมัยเด็กๆ เขารอดพ้นเภทภัยหลายครั้งอย่างปาฏิหาริย์ และครั้งนี้ เขาก็เป็นคนช่วยครองภพจากอุบัติเหตุ หากไม่ใช่ว่าเขารับรู้ถึงอะไรบางอย่าง มีหรือจะถอดสร้อยพระจากคอตนเองให้อีกฝ่าย


   หญิงสาวไม่กล้าพูดมาก ได้แต่เม้มปากแล้วหันไปส่งสัญญานให้บุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นพาร่มธรรมออกไปขึ้นรถ  หล่อนหันกลับไปมองครองภพอีกครั้ง เห็นชายหนุ่มก้มลงมองสร้อยพระในมือ แล้วได้แต่ภาวนาให้เขาทำตัวว่าง่ายกับร่มธรรมในเรื่องนี้


   ถ้าจะดื้อก็ดื้อเรื่องอื่นเถอะ เรื่องแบบนี้ของร่มธรรม ไม่เชื่ออย่าลบหลู่จริงๆ


................................
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 27-02-2020 21:19:32

คนประเภทคิดถึงคนอื่นก่อนตนเอง ย่อมไม่ใช่คนที่เอาร่างกายซึ่งบาดเจ็บกลับไปเป็นภาระให้พี่น้อง


แม้จะถูกรินฤดีคัดค้านว่าการที่เขาอยู่คอนโดเพียงลำพังในขณะที่แขนข้างหนึ่งบาดเจ็บเป็นเรื่องลำบากมากถึงมากที่สุด แต่ร่มธรรมยืนกรานหนักแน่นที่จะกลับไปพักที่คอนโด ไม่อย่างนั้นจะกลับไปถ่ายละครต่อ คนเป็นพี่เลยต้องยอมตามใจ แต่ไม่วายจัดแจงตระเตรียมทั้งอาหารและน้ำดื่มไว้ใกล้ตัวน้องชายเพื่อให้เขาสะดวกสบายที่สุดในการดำรงชีวิต


   “ถ้ามีอะไรต้องรีบบอกพี่นะ กดโทรออกปุ่มเดียว เครื่องพี่จะดังทันที”


หล่อนเตรียมกระทั่งทำให้เบอร์สุดท้ายในเครื่องของชายหนุ่มเป็นเบอร์ของหล่อน หากมีอะไรฉุกเฉิน ขอแค่เขาปลดล็อกหน้าจอแล้วกดโทร.ออก พี่สาวคนนี้จะรีบตรงดิ่งมาหาทันที


   ร่มธรรมหัวเราะเบา พยักหน้ารับไม่ขัดใจ


   “แล้วตอนเย็นพี่จะแวะมาดูอีกที”


“ไม่ต้องมาแล้ว พี่รินเข้าไปดูร้านกาแฟแทนผมดีกว่า”


“แต่ว่า...”


“พี่รินเตรียมข้าวต้มไว้ให้ผมแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้”


“แขนข้างเดียวเนี่ยนะ” หล่อนย้อน แต่น้องชายยังยิ้ม


“แขนข้างเดียวแต่แข็งแรง พี่รินไม่ต้องเป็นห่วง แค่เอาถ้วยข้าวต้มใส่ไมโครเวฟ ผมทำได้ พี่เข้าไปดูร้านให้หน่อย แล้วที่ออฟฟิศรู้สึกจะมีเอกสารที่ต้องเซ็นด้วย ไหนจะเรื่องคิวอีก” รินฤดีคิดตามแล้วก็ทำหน้าปั้นยาก ร่มธรรมงานเยอะเป็นเรื่องที่หล่อนรู้ดี แต่พอถึงเวลาที่เขาแจกแจงงานของเขาออกมาให้หล่อนช่วยจัดการแทน ก็ทำเอารู้สึกว่าร่มธรรมไม่ใช่แค่งานเยอะ แต่ต้องเรียกว่าเยอะมาก


“ก็ได้ๆ เดี๋ยวพี่เข้าไปดูเอกสารที่ออฟฟิศก่อนแล้วกัน ถ้ามีอะไรด่วนจะได้จัดการก่อน ตอนค่ำๆจะแวะไปดูร้านให้ แล้วพรุ่งนี้เช้าพี่จะเอาข้าวมาส่งให้แต่เช้า”


“ครับ ถ้ามีอะไรโทร.มาหาผมได้เลย ถ้าเอกสารด่วนต้องเซ็นก็ให้หนุ่ยวิ่งมา”


“เรื่องเถอะย่ะ! ใครจะให้คนป่วยทำงาน!” รินฤดีเถียง ร่มธรรมไม่ต่อรอง แต่ตั้งใจว่าพอพี่สาวพ้นประตูห้องเมื่อไร เขาจะเช็คอีเมลดูเรื่องงานเสียหน่อย


   “แล้วพี่จะบอกเลขาฯของร่มห้ามรบกวนช่วงนี้ เพราะต้องท่องบทยาวเป็นหน้า!”


ดูเหมือนผู้จัดการส่วนตัวที่มีอีกสถานะเป็นพี่สาวจะรู้นิสัยบ้างานของน้องชายดี เลยรีบดักคอ ผลคือใบหน้าหล่อเหลาเจื่อนสนิทในวินาทีนั้น


   “เอาล่ะ...พักผ่อนได้แล้ว ถ้าดูแลตัวเองดี หมอก็บอกว่า 6 สัปดาห์หาย แต่ถ้าดูแลไม่ดี เฝือกเคลื่อน กระดูกหัก คราวนี้พักยาว” ใครจะรู้จักนิสัยน้องชายบ้างานดีไปกว่าคนเป็นพี่ แต่ขู่แล้วก็ไม่วายสำทับ “...แล้วอย่าลืม...มีอะไรก็โทร.มา กดโทร.ออกอย่างเดียว พี่จะรีบเหาะมาหา” รินฤดีทิ้งท้าย ก่อนจะยอมออกจากคอนโดไป


   นอกจากอาหาร ยา น้ำดื่ม เสื้อกันหนาวและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่พี่สาวเตรียมการไว้ให้แล้ว หล่อนยังไม่ลืมเสียบปลั๊กชาร์จไฟไว้ให้ที่ข้างเตียงด้วย ร่มธรรมเอนตัวลงนอน แม้จะไม่ใช่เวลานอนปกติ แต่อาการบาดเจ็บและความเหนื่อยล้าสะสมทำให้เคลิ้มหลับอย่างง่ายดาย ทว่าก่อนจะหลับลึก เขากลับได้ยินเสียงเหมือนหูแว่ว


   ‘คุณหลวง คุณหลวงขอรับ’


   ‘กระผมขอโทษ...’


   แต่...อะไรบางอย่างกลับกั้นเสียงร้องเรียกนั้นให้เจือจาง ก่อนจะกลายเป็นความเงียบสงบ แล้วดึงสติของร่มธรรมให้เข้าสู่นินทาอย่างรวดเร็ว 


…………………….


   อัจฉรามองลูกชายคนเล็กที่กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแล้วก็พลอยถอนหายใจเบาอย่างโล่งอก


ตอนที่หล่อนกำลังคุยงานกับธาดาอยู่ที่บริษัท จู่ๆผู้จัดการส่วนตัวของครองภพก็โทรศัพท์มาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุในกองถ่าย คนบาดเจ็บคือร่มธรรมที่ช่วยครองภพเอาไว้ ตอนพวกหล่อนไปถึงโรงพยาบาล ร่มธรรมกลับไปพักผ่อนแล้ว หล่อนจึงสอบสวนเอากับวิษณุ


‘อุปกรณ์ไฟ อยู่ดีๆก็หล่นลงมา’


‘คุณร่มหันมาเห็น เลยรีบเข้าไปผลักครอง แต่...คุณร่มหลบไม่พ้น มันเลยกระแทกแขน กระดูกร้าวครับ’


หากร่มธรรมไม่เห็น แน่นอนว่าครองภพไม่มีทางได้นั่งอยู่ข้างมารดาในเวลานี้


ความปลอดภัยของลูกชายก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องคือความใจหายใจคว่ำเพราะตระหนักว่าลูกชายคนเล็กของหล่อนเพิ่งแคล้วคลาดมาหมาดๆ คำสั่งแรกที่อัจฉรามีต่อครองภพจึงเป็น ‘ไปทำบุญเดี๋ยวนี้!’


ตอนแรกคิดว่าคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ไม่หือไม่อือแม้แต่ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ จะคัดค้านความเชื่อโบราณของหล่อน ทว่าเขากลับยินยอมตามมาวัดแต่โดยดี แล้วพอรับศีลและพรแล้ว ถึงได้หันมาทางมารดา


“แม่...ถ้าผมทำบุญให้คนที่ยังไม่ตายจะได้ไหม”


“ได้สิ ครองจะทำบุญให้ใคร”


ครองภพนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบา


“ร่ม...”


เกิดเป็นความเงียบระหว่างสามแม่ลูก อัจฉรามองลูกชายคนเล็กที่มักแสดงออกอย่างเฉยเมยและเย็นชา แต่ใครจะรู้ว่าภายในใจของเขานั้นอบอุ่นและห่วงใยผู้อื่นมากแค่ไหน


หล่อนตั้งใจพาเขามาทำบุญก็เพื่อให้แคล้วคลาดภยันตรายจากสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ตัวเขากลับคิดถึงคนที่เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือมากกว่าจะคิดถึงคราวเคราะห์ของตนเองเสียอีก


ลูกชายของหล่อนช่างเป็นเด็กน่ารักและอ่อนโยนจริงๆ


“แม่เชื่อว่าถึง...” หญิงร่างผอมลูบแขนลูกชายอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยปากต่อ


“...แต่ผลบุญคือสิ่งที่มองไม่เห็น สิ่งที่เห็นคือการกระทำ คือความปรารถนาดี คือความตั้งใจ…ถ้าเป็นห่วง ก็ไปเยี่ยมเขา แม่ว่าเขาต้องดีใจที่เห็นครอง” อัจฉรายิ้มสนับสนุน


สามคนแม่ลูกและหนึ่งผู้จัดการส่วนตัวของครองภพมาด้วยรถยนต์สองคัน ดังนั้นเมื่อออกมาที่ลานจอดรถของวัด ครองภพและผู้จัดการจึงแยกไปขึ้นรถคันหนึ่ง จุดหมายปลายทางของรถคันนี้ไม่แน่ใจว่าจะไปทำงานต่อ หรือคอนโดของเจ้าตัว หรือ...อาจจะเป็นที่พักของใครบางคนที่ครองภพตั้งใจอุทิศผลบุญให้


“แม่ว่า...ไอ้ครองจะไปไหน” ธาดาตั้งคำถามกับมารดา สายตายังมองส่งตามหลังรถแวนที่เคลื่อนตัวออกจากบริเวณวัดไปแล้ว


อัจฉราหันมองลูกชายคนโต


“ถ้าไปทำงานก็แสดงว่าคงสบายใจแล้ว แต่ถ้ากลับคอนโด ก็แสดงว่าคงเหนื่อยมาก”


“แล้วถ้าไปเยี่ยม...”


“ก็แสดงว่า...เรามองข้ามร่มธรรมไม่ได้แล้ว...”


“...เขา...คือคนที่ก้าวข้ามกำแพงของครอง” หล่อนพูดแล้วหันมามองลูกชายที่ยืนข้างกาย


ความสัมพันธ์ในรูปแบบที่ครองภพกำลังจะก้าวเดิน ย่อมแตกต่างจากคนหมู่มากในสังคม แต่ถ้ามันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้ใครมากนัก หล่อนก็อยากเป็นแรงผลักให้ลูกชายก้าวเท้าไปในทิศทางที่เขาต้องการ ให้เขามุ่งมั่นไปกับหนทางของเขาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร จะประสบความสำเร็จหรือผิดหวัง ก็คงดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ


แต่ครอบครัวของครองภพไม่ใช่มีเพียงหล่อน ยังมีธาดาด้วย


แม้จะเป็นคู่พี่น้องที่อายุห่างกันถึงสิบปี แต่หล่อนเป็นแม่ ทำไมจะดูไม่ออกว่าพวกเขารักกันเพียงใด


“ธา...แม่...อยากสนับสนุนน้อง ไม่ว่าครองจะไปทางไหน ถ้ามันไม่ใช่ทางที่เลวร้าย ผิดกฎหมาย ทำร้ายทำลายคนอื่น แม่...ก็อยากให้ธาอยู่ข้างแม่...อยู่ข้างน้อง...”


ธาดายิ้มให้มารดา


“แม่ไม่ต้องห่วง ผมอยู่ข้างครองเสมอ” ชายหนุ่มรับปากอย่างมุ่งมั่น 


ไม่ว่าครองภพจะอยากทำอะไร เขาจะเป็นพี่ชายที่ประคองหลังน้องชายคนนี้เอง


อย่ากังวลว่าจะล้ม อย่ากังวลว่าจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน หรือต่อให้ผิดหวัง พี่คนนี้ก็จะยืนรออยู่ข้างหลังเสมอ

…………………………

แม้จะเคยไปร้านกาแฟของร่มธรรมหลายครั้ง แต่ครองภพเพิ่งนึกออกว่าเขาไม่เคยไปที่พักของร่มธรรมเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ชายหนุ่มไม่สิ้นไร้ไม้ตอก เขาให้วิษณุโทร.สอบถามกับผู้จัดการส่วนตัวของร่มธรรม


“จะลองโทรไปหาคุณร่มก่อนไหม เผื่อเขาอาจจะไม่ได้กลับคอนโด” ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ร่างท้วมหันมาถาม ทว่าครองภพกลับส่ายหน้า


“คนอย่างนั้นไม่มีทางไปอยู่ที่อื่นแล้วลำบากคนอื่นหรอก อีกอย่าง...เขาอาจจะหลับอยู่ ผมไม่อยากกวน”


แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาคนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล


‘หลับอยู่รึเปล่า’


เงียบ


ไร้วี่แววการอ่านหรือแม้แต่การตอบกลับ


เขารออยู่เกือบห้านาที ทั้งๆที่เป็นคนใจร้อน ก่อนจะหันไปบอกผู้จัดการส่วนตัว


“ก่อนถึงคอนโดเขา พอจะมีร้านกาแฟแถวนั้นมั้ยครับ”


“ร้านกาแฟ? อ้อ ร้าน ร.รอ ไง ร้านของคุณร่มเขาน่ะ”


นักแสดงหนุ่มถึงกับเลิกคิ้ว ก่อนจะย้อนถาม


“ร้านนั้นอยู่ใกล้คอนโดผมไม่ใช่หรือ”


“ใช่ คอนโดของครองกับคุณร่มอยู่ใกล้กันน่ะสิ พี่ก็เพิ่งรู้” วิษณุบอกพลางหันหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฏสถานที่ตั้งของคอนโดของร่มธรรมให้ดู


ไม่น่าเชื่อ...พวกเขาอยู่ใกล้กันมากกว่าที่คาด แต่กลับไม่เคยพบกันเลยสักครั้งตลอดชีวิตที่ผ่านมา ราวกับมีใครหรืออะไรคอยแต่จะพาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้พ้นจากอีกฝ่าย


“ถ้างั้นให้รถไปส่งที่ร้านกาแฟแล้วกัน ผมจะรอที่นั่น”


“รอ?” วิษณุย้อนถามอย่างงุนงง แต่ไม่ได้คำตอบ ครองภพไม่พูดอะไรอีก เบี่ยงสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถ ทั้งๆที่มือยังเปิดค้างหน้าจอห้องแชทของเขาและร่มธรรมเอาไว้อย่างนั้น


...รอ...


...ใช่...เขาจะรอจนกว่าร่มธรรมจะตอบกลับมา...


……………….


แม้จะสวมผ้าปิดจมูกปิดบังหน้าตาไปมากกว่าครึ่ง แต่ตอนที่ครองภพก้าวเท้าเข้ามาในร้านกาแฟใจกลางเมืองที่แม้จะมีคนประปรายในยามบ่าย แต่มากกว่าครึ่งของผู้คนเหล่านั้นก็ล้วนมองเขาเป็นตาเดียว


จำไม่ได้ก็แย่แล้ว ในเมื่อป้ายโฆษณาทั่วเมืองแทบจะมีแต่หน้าของเขาทั้งนั้น แต่นอกจากหน้าตาจะเป็นที่รู้จักแล้ว นิสัยพูดน้อยก็เป็นที่เลื่องลือเช่นกัน ดังนั้นแม้จะรู้จัก แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปทักถามหรือขอถ่ายรูป


ถึงอย่างนั้น เมื่อชายหนุ่มก้าวไปถึงเคาน์เตอร์สั่งอาหาร หางตาก็เหลือบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลยกโทรศัพท์ขึ้นมา เขาไม่ได้หืออือ ไม่หันไปมอง ไม่สนใจ ไม่เปิดผ้าปิดปาก แต่สั่งเครื่องดื่มด้วยน้ำเสียงทุ้มเรียบ


“อเมริกาโน่เย็นแก้วใหญ่”


“รับขนมทานเพิ่มด้วยไหมคะ”


ครองภพไม่ใช่คนชอบทานของหวาน เขากำลังจะบอกปัดตามนิสัย แต่จู่ๆก็คิดถึงช่วงที่ผ่านมา


ทั้งๆที่แรกเริ่มไม่อยากให้ร่มธรรมมีบุญคุณต่อเขา ไม่อยากเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน แต่...ร่มธรรมเข้าหาอย่างช้าๆ หลากหลายรูปแบบ


แซนวิชของร้าน ร.รอ ก็เคยเป็น ‘น้ำใจ’ ที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ หรือแม้แต่คุ้กกี้ของร้าน ก็เคยเป็นประเด็นให้เขาได้ดุอีกฝ่าย


จากความรู้สึกต่อต้านและหลบเลี่ยง ค่อยๆเปลี่ยนไป พัฒนาจนกลายเป็นความรู้สึกลึกซึ้งและความสัมพันธ์ที่ทำให้ตกเป็นข่าว


แล้ว...ทุกอย่างก็หยุดลง


ทว่า...ตอนที่คิดว่าพวกเขากำลังจะถอยห่างจากกันและกันแล้ว เหตุการณ์กลับตาลปัตรอีกครั้ง


ร่มธรรมช่วยชีวิตเขา ร่มธรรมบาดเจ็บเพราะเขา


แล้วแบบนี้...จะถอยห่างได้อย่างไร


ครองภพไม่ได้เชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ การเวียนว่ายตายเกิด หรือแม้แต่เวรกรรม เขาเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น และเชื่อในการกระทำ


และการกระทำทั้งหมด...ไม่ว่าจะของใครก็ตาม ได้เกี่ยวร้อยพวกเขาเอาไว้ด้วยกัน


“วันนี้เรามีมัฟฟิน ครัวซอง คุ้กกี้ธัญพืช...”


“แซนวิชครับ” ชายหนุ่มเอ่ย พนักงานสาวที่ยืนอยู่หลังแคชเชียร์ยิ้มรับก่อนจะทวนออเดอร์ของเขา


ครองภพรอรับทั้งเครื่องดื่มและแซนวิชทูน่าที่อุ่นร้อนแล้ว ก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมหนึ่งของร้าน ทันทีที่นั่งลง เครื่องดื่มและอาหารก็วางลงตรงหน้า แต่เขากลับเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อน


‘หลับอยู่รึเปล่า’


ข้อความที่แล้วยังไม่ถูกเปิดอ่าน เขาก็ยังพิมพ์ข้อความส่งเพิ่มไปอีก


‘ถ้าตื่นแล้ว โทรกลับด้วย’


ชายหนุ่มหันไปหยิบอเมริกาโน่มาดูด แล้วต่อด้วยแซนวิช ทั้งๆที่เป็นคนมีกิจกรรมให้ทำมากมาย อีกทั้งยังมีงานรัดตัว การใช้ชีวิตโดยการนั่งดื่มกาแฟ กินขนม รอการตอบกลับจากคู่สนทนาไม่เคยอยู่ในระบบความคิดของเขาเลย แต่...วันนี้เขาทำ อีกทั้งยังทำอย่างใจจดใจจ่อด้วย


เขาเอนหลังพิงพนักพลางถอนหายใจ ไม่รู้ว่าอะไรที่น่าประหลาดใจมากกว่ากันระหว่างความรู้สึกมากมายที่ปะทุอยู่ในอกขณะนี้ หรือการที่เขาทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะทำ


...รอ...


ทว่ายิ่งรอก็ยิ่งร้อนใจ ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่าอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้รับการรักษาแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง


...แต่ก็ยังห่วง...


หัวใจของเขาเต้นถี่จนได้แต่เอามือทาบลงบนตำแหน่งหัวใจราวกับจะช่วยปลอบให้มันเต้นช้าลงได้ แต่...ไม่เลย พอคิดถึงคนที่ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ ก็ยิ่งอดอยู่เฉยไม่ได้ ต้องหาอะไรทำ แล้วกลายเป็นเปิดหน้าจอห้องแชทขึ้นมาดูแทบจะทุกๆนาที


แต่...ทุกอย่างยังเงียบกริบ เป็นฝ่ายเขาเองที่พิมพ์ข้อความส่งไปเพิ่ม


‘ผมรออยู่ที่ร้านกาแฟ’


ครองภพนั่งรอการตอบกลับอย่างสงบ กิจกรรมของเขาก็ยังไม่พ้นไปจากเรื่องเดิมเท่าไร ดื่มอเมริกาโน่เย็น กินแซนวิช และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู


เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง หน้าจอห้องสนทนาของเขาและร่มธรรมก็เกิดการเปลี่ยนแปลง


สามข้อความของเขาถูกอ่าน ครองภพขยับตัวนั่งตรง ดวงตาเบิกโตขึ้นเล็กน้อย


‘ครองมีอะไรรึเปล่า’


ข้อความที่ส่งกลับมา ถูกครองภพอ่านอย่างรวดเร็ว และที่เร็วยิ่งกว่าคือประโยคถัดมาที่เขาส่งกลับไป


‘ผมจะไปเยี่ยม’


พอส่งข้อความกลับไปแล้ว ก็ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ เขาลุกจากโต๊ะ แต่พอจะพ้นประตูร้านออกไป ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปเยี่ยมคนบาดเจ็บเลย


ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปที่หน้าแคชเชียร์อีกครั้งแล้วเอ่ยปาก


“เจ้าของร้านชอบกินขนมอะไร เอาอย่างละชิ้นใส่กล่องกลับบ้าน”



ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสหน้าค่ะ)

มีคนทำตัวเป็นป๋า ซื้อขนมจากร้านคนเจ็บไปเยี่ยมคนเจ็บแหละค่ะ ฮ่าฮ่า (พี่ร่มยิ้มเลยค่ะ เงินทองไม่รั่วไหล)

ตอนที่แล้ว มีคนเดากันมาเยอะมากกกกก ว่าใครเป็นใคร ชาติที่แล้วคนนั้นเป็นคนนี้ คนนี้เป็นคนนั้น ซึ่ง...มีคนเดาถูกค่ะ และถ้าเอาของคนเดาถูกทั้งหมดมารวมกัน ก็คือพล็อตเรื่องถูกไปแล้วมากกว่าครึ่งแล้วนะ (นี่สปอยมากเลยนะเนี่ย ฮ่าฮ่า) เพราะฉะนั้น ลุยค่ะ เอาให้ถูก 100% สู้ๆ ^^

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนร่วมทาย และทุกกำลังใจเช่นเคย

เจอกันพฤหัสหน้า กับน้องครองขาลุยค่ะ (น้องจะลุยแล้วนะคะ ร่วมเป็นกำลังใจให้น้องด้วยค่ะ ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-02-2020 21:55:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-02-2020 22:23:45
โอ๋ๆๆๆ นะพี่ร่ม เจ็บตัวเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-02-2020 22:25:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-02-2020 22:32:14
พี่ร่ม จะใจร้ายกับน้องครองได้ลงคอเลยหรือ แต่ความเป็นห่วงคนอื่นทำให้ตัวเองลืมเจ็บ
น้องครอง ต่อไปคงไม่สนคำปฎิเสธของพี่ร่มแล้วละ บุกอย่างเดียว น้องครองสู้ๆ น้องครองสู้ๆ
 :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 27-02-2020 22:33:06
รอ ไม่เคยพอเลย อยากอ่านอีกกก

น้องครองสู้ๆ งานดูแลต้องมาแล้วนะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 27-02-2020 23:23:02
พี่ร่มจะสู้กับผีโจง ปกป้องน้องครองเอง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!

โอ้ยย พ่อคุ๊ณซื้อขนมร้านพี่ร่มไปให้ร่ม ให้มันได้อย่างนี้สิน้องครอง มันใช่เหรอออ :laugh:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-02-2020 23:42:08
ได้หลอ ซื้อของเค้าไปให้เค้า 5555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 28-02-2020 00:06:15
อยากรู้จังชาติก่อนเกิดอะไรขึ้นกับแผน :hao5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 28-02-2020 00:36:12
กลับตารปัตรจากที่คิดไว้เลยค่ะ5555555

อะไรคือการซื้อขนมร้านคนเจ็บไปให้คนเจ็บคะน้องครอง กลัวพี่เค้าไม่เชื่อว่ามานั่งรอที่ร้านรึไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-02-2020 11:17:56
เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าครองสายเปย์น่ะ 555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-02-2020 12:33:45
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 28-02-2020 13:20:28
หวีดดดน้องครองสายเปย์ไปแล้ว  :hao7:
ก็มาเดาเรื่องต่อ ผีโจง =ไอ้แผน
ผีชายฉกรรจ์โจง =บ่าวช่วง น่าจะสองผีนี้แหล่ะ ที่ยังไม่ไปเกิด ผีช่วงคอยตามปกป้องพี่ร่ม(คุณหลวง) ไม่อยากให้พี่ร่มได้เจอกับครองภพ

ส่วนไอ้แผนไม่น่าแค้นคุณหลวง พลาดทำพี่ร่มเจ็บ ยังเสียใจตาม มาขอโทษสำนึกผิดอยู่เลย

ที่นี้ครองภพชาติที่แล้วเป็นใครนี่ล่ะ?
ไอ้แผนถึงได้ตามจองเวรขนาดนี้ คุณเทพเหรอ? ชาติที่แล้วก็ดูเป็นเด็กหนุ่มมองโลกในแง่ดี ร่าเริง เป็นเพื่อนกับไอ้แผน หรือเหตุมันจะเกิดเพราะ สร้อยพระเหลี่ยมทองนั้น ไอ้ช่วงมันต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆ

ไหนไอ้ช่วงเล่ามาสิ เพราะความขี้อิจฉาริษยาของแกเนี่ย ทำสับสนไปหมดแล้ว แกไปทำอะไรไว้บอกมาสิ พูด!! :angry2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-02-2020 14:25:17
ชอบใจพี่ครอง ซื้อขนมร้านเขาไปฝากเจ้าของร้าน เงินทองไม่รั่วไหลอ่าาา เอาใจสุดๆ สู้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-02-2020 16:23:14
นี่สินะที่เรียกว่าผีผลัก จากร้ายกลายเป็นดี เพราะน้องครองจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสก็งานนี้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-02-2020 14:15:40
น้องครอง น่ารัก คึกคักคุคิ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-02-2020 19:53:40
เอ็นดูน้องครอง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: silkzeta ที่ 29-02-2020 23:33:25
เนี่ย ไม่รู้ว่าพอถอดพระให้เขาไปแล้วตัวเองจะเป็นอะไรหรือเปล่า
กลัวสุดท้ายแล้วนายช่วงจะหันมาเล่นงานพี่ร่มเสียเอง เพราะโกรธที่นายไม่ยุติธรรม (ซึ่งแน่นอนว่าคิดไปเองทั้งนั้น)
สุดท้ายนี้เอาใจช่วยน้องครองค่ะ อย่าปล่อยผู้ใหญ่คิดเยอะให้อยู่คนเดียว ได้เวลาสู้แล้ว
ถ้าอยากได้ก็ต้องสู้ค่ะ ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
วันพฤหัสของเรามีความหมายมากขึ้นเพราะนิยายคุณบัวเลย สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-03-2020 00:14:52
อยากให้น้องครองมาอยู่คอนโดพี่ร่ม
เพื่อความปลอดภัยค่ะ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-03-2020 02:58:08
ผีไหนคอยช่วยร่ม? แต่ร่มก็เหมือนมีเซนส์เรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 02-03-2020 20:45:28
หวังว่าผีนายช่วงจะไม่น้อยใจพี่ร่มจนพาลโกรธแค้น :sad4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-03-2020 21:14:51
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 8 (27/02/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 03-03-2020 13:15:28
งงงงง. สวสัยต้องไปตามอ่านใหม่55555 :mew5: :mew5:
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 05-03-2020 21:01:27
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 10


ร่มธรรมก้าวเท้าออกจากลิฟต์ทั้งๆที่ยังงุนงงไม่หาย


ครองภพบอกว่าจะมาเยี่ยมเขา ตอนแรกยังคิดว่าพูดเล่นจนกระทั่งสิบนาทีต่อมาเจ้าตัวส่งข้อความมาบอกว่าถึงคอนโดแล้ว ให้ลงมารับ เจ้าของห้องที่ยังบาดเจ็บจึงต้องลงลิฟต์มาด้วยหน้าตาเหรอหรา


ยิ่งเห็นนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางล็อบบี้ก็ยิ่งตะลึงตะลานจนหัวใจเต้นถี่


หัวใจ...เต้นถี่


มือข้างหนึ่งหมายจะยกขึ้นแตะที่กลางอกเพราะรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นจนแทบหลุด แต่ลืมไปว่ามือข้างนั้นเป็นข้างเดียวกับแขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บและยังใส่เฝือกกับผ้าคล้องคออยู่ พอยกมือขึ้นเลยพลอยให้อาการเจ็บจี๊ดวิ่งพล่านจนสะดุ้ง


“โอ๊ย” เสียงร้องนั้นไม่ดัง แต่สำหรับคนที่ก้าวเท้าเข้ามาหากลับได้ยินชัดเจน ดวงตาของครองภพขยายขึ้นเล็กน้อย ทว่าแค่เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก


“ยกแขนขึ้นมาทำไม” ปากดุ ตาก็ดุ แต่มือที่ยื่นมาแตะแขนของร่มธรรมกลับสัมผัสอย่างนุ่มนวล


“ไป...ขึ้นห้อง จะได้พัก”


แล้วคนอายุน้อยกว่าก็เริ่มก้าวเท้าโดยไม่ยอมละมือออกจากแขนของคนบาดเจ็บเลยสักนิด ร่มธรรมทำตัวไม่ถูก ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ในช่วงหมางเมิน ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาเองที่เลือกให้เป็นเช่นนั้น เวลานี้หากจะดื้อแพ่งให้เป็นอย่างที่เคยตัดสินใจก็...ยังเจ็บ...


...เจ็บทั้งใจ เจ็บทั้งแขน...จน...ไม่กล้าให้อีกฝ่ายปล่อยมือ


แต่...ถ้าไม่ปฏิเสธ...ความสัมพันธ์ของพวกเราก็อาจจะ...


เพราะมัวแต่สองจิตสองใจไม่รู้ว่าตนเองควรจะถอยห่างหรือปล่อยให้อีกฝ่ายใกล้ชิดเช่นนี้ต่อไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ครองภพขอคีย์การ์ดไปเปิดประตูแล้ว


ถูกพาเข้าห้อง ถูกพาไปนั่งที่โซฟา ก่อนที่แขกผู้มีเกียรติจะวางกล่องขนมลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้า


“ผมซื้อมาฝาก”


“หือ?” ร่มธรรมเงยมองคนพูด แล้วก้มลงมองกล่องขนมอีกครั้ง สัญลักษณ์ตัว ร.เรือ เด่นหรา คุ้นตาจนต้องตั้งสติ พออ่านชื่อร้านที่อยู่ข้างกล่องก็พบว่าร้านที่สัญลักษณ์คุ้นตานี้คือร้านกาแฟของเขาเอง


“นี่ขนมจากร้านพี่?” เจ้าของร้าน ร.รอ เงยหน้าถาม


“ใช่ ผมให้พนักงานเลือกขนมที่คุณชอบมาให้”


“แวะไปที่ร้านพี่มาหรือ”


“ผมไปรอที่นั่น”


...รอ...


คำว่ารอเหมือนค้อนปอนด์ทุบเข้าที่ศีรษะของคนเจ็บ คนอย่างครองภพที่งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน แต่กลับมีเวลา ‘รอ’ อย่างนั้นหรือ


คำตอบของคำถามไม่ใช่เรื่องที่ต้องหาอีกแล้ว ในเมื่อครองภพยืนอยู่ตรงหน้าเขาแบบนี้


“อ...อ้อ...ขอบคุณนะ”


ไม่รู้ว่าวันๆหนึ่งจะต้องงุนงงกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าตั้ง 6 ปี อีกสักกี่ครั้ง มาเยี่ยมก็ชวนงงแล้ว มาเยี่ยมพร้อมด้วยขนมจากร้านที่ร่มธรรมเป็นเจ้าของก็ยิ่งชวนให้เกาศีรษะ ยิ่งมาได้ยินคำว่าไปนั่งรอที้ร้านกาแฟ ก็ยิ่งงงจนมึนตึ้บไปหมด


คนมาเยี่ยมยังยืนประกบข้าง กวาดตามองสภาพของคนเจ็บที่ดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์อีกแล้ว ก็เอ่ยปากถาม


“แล้วคุณกินอะไรรึยัง”


“ย...ยัง เพิ่งตื่นน่ะ แต่นี่มันเพิ่งห้าโมงครึ่งเอง ยังไม่หิวหรอก”


“แล้วยังปวดอยู่รึเปล่า ผมเห็นหมอจ่ายยาแก้ปวดมาด้วย จะกินเลยมั้ย” เรื่องนี้เกือบจะชวนให้งงอีกรอบแล้ว แต่ดีว่าร่มธรรมนึกออกเสียก่อนว่าตอนที่รินฤดีอธิบายเรื่องยาและเรื่องพบหมอให้เขารับรู้ที่โรงพยาบาล ครองภพก็อยู่ที่นั่นด้วย


“อ่า...กินตอนกินข้าวก็ได้”


ครองภพพยักหน้ารับรู้ แต่ไม่วายเจ้ากี้เจ้าการถามต่อ


“แล้วยาอยู่ไหน”


ร่มธรรมรู้สึกเหมือนตัวเองตัวเล็กลีบเป็นเด็กๆที่ถูกผู้ใหญ่ซักไซ้


“อยู่...อยู่ในห้องนอน...” เพราะไม่รู้ว่าวันนี้เจอครองภพอาฟเตอร์ช็อกไปกี่ครั้ง ตอนที่บอกว่าอยู่ในห้องนอน ร่มธรรมเลยเผลอชี้นิ้วโป้งข้ามไหล่บอกทิศห้องนอนเสร็จสรรพ


“ขอผมเข้าไปหยิบยาหน่อย” แล้วคนมาเยี่ยมก็ไม่รอคำอนุญาต ออกปากขอแล้วก็เดินดุ่มๆไปยังห้องที่เจ้าของคอนโดชี้ทันที กว่าร่มธรรมจะรู้ตัวว่าครองภพบุกเข้าไปถึงห้องนอนเขาแล้ว ก็ตอนที่อีกฝ่ายออกมาพร้อมถุงยา นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องกลับมายืนที่เดิม อ่านรายละเอียดซองยาอีกรอบ นับเวลาจากนาฬิกาข้อมือ แล้วก้มลงมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา


“ผมว่าคุณกินข้าวเย็นเลยดีกว่า มีอะไรกินมั้ย หรือจะให้ผมโทร.บอกพี่ณุให้ซื้อมาให้”


“ไม่ต้องๆ พี่รินเตรียมไว้ให้แล้ว”


ครองภพกวาดตามองรอบตัวทันที ราวกับว่าถ้าไม่เห็นกับตาว่าร่มธรรมมีอาหารเย็น เขาจะไม่เลิกจี้ถามเรื่องนี้


“อยู่ในครัว” เป็นเจ้าของห้องที่ต้องอธิบายเพิ่ม


“ขอผมเข้าไปดูหน่อย” แล้วคนหนุ่มใจร้อนก็หมุนตัวเดินเข้าครัวทันที เขาหายไปอึดใจเดียวก็ออกมา


“คุณกินข้าวเลยแล้วกัน จะได้พักผ่อนต่อ ขอผมใช้ครัวหน่อย จะอุ่นข้าวต้มให้”


ร่มธรรมไม่กล้ามีปากเสียง หรือจะพูดให้ถูกคือเขาทั้งมึนทั้งเบลอเพราะเจอแต่เรื่องเหนือคาดหมายของครองภพ รู้ตัวอีกที ก็ตอนที่กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยลอยมาปะทะจมูกแล้ว ครองภพยกถ้วยข้าวต้มที่อุ่นร้อนจนควันโฉ ออกมาวางลงบนโต๊ะกินข้าว ก่อนจะกลับมาพยุงคนเจ็บพาไปนั่งที่เก้าอี้


“คุณใช้มือขวาได้ใช่มั้ย ต้องให้ผมป้อนมั้ย”


“ไม่ต้องๆ” คนเจ็บเข้าเฝือกแขนซ้ายรีบสั่นหน้าปฏิเสธ แต่ก็ต้องใช้มือขวาหยิบช้อนมาตักข้าวต้มเข้าปากให้ดูหนึ่งคำ คนมาเยี่ยมถึงได้ยอมถอยไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัวแต่โดยดี


แต่ร่มธรรม...อย่างไรก็เป็นร่มธรรม ความห่วงใยที่มีให้ครองภพตั้งแต่เรื่องใหญ่มาจนถึงเรื่องเล็กเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้


“แล้วครองล่ะ มีอะไรกินรึเปล่า โทร.สั่งร้านตามสั่งมั้ย พี่มีเบอร์...”


“ไม่ต้องห่วงผม คุณกินของคุณเถอะ” พอแขกว่าอย่างนั้น เจ้าบ้านก็ไม่พูดอะไรอีก ระหว่างมื้อเย็นของคนเจ็บมีแต่ความเงียบและการถูกจ้องตาไม่กะพริบ จนกระทั่งเป็นฝ่ายร่มธรรมทนถูกจ้องอย่างเงียบๆแบบนี้ไม่ไหว เอ่ยปากขึ้นมาก่อน


“เอ่อ...แล้ว...ครอง...ผ่านมาแถวนี้หรือ”


ภาวะสมองเบลอ อีกทั้งความสัมพันธ์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ก็เป็นปัญหา เลยยิ่งคิดบทสนทนาชวนคุยไม่ออก คำถามจึงทั้งเด๋อด๋าทั้งรู้คำตอบอยู่แล้ว


...ถ้าไม่ ‘ผ่านมาแถวนี้’ แล้วครองภพจะมาได้อย่างไรกัน?...


… ‘ตั้งใจมา’ อย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้...


...เพราะ ‘เรา’ ...ไม่ได้สนิทกันอีกแล้ว...


“ไม่ได้ผ่าน” ทว่าคำตอบของหนุ่มรุ่นน้องกลับไม่ใช่สิ่งที่คาด


เป็นอีกครั้งของวันนี้ที่ครองภพทำหรือพูดในสิ่งที่ทำให้ตกตะลึง


“หา...” ใบหน้าของคนเจ็บเงยจากถ้วยข้าวต้มมามองตาปริบๆ


ดวงตาเรียวเหลือบลงมองแขนข้างที่เข้าเฝือกและยังมีสายคล้องคอ เนื้อตัวของร่มธรรมไม่ได้มีคราบเลือด ไม่มีแผลแตก แต่ตอนเกิดเหตุ ใบหน้าแดงก่ำที่แสดงออกว่าเจ็บปวดยังคงติดอยู่ในใจของครองภพ



แต่ทั้งๆที่บาดเจ็บ ร่มธรรมกลับถามเขาก่อนจะพูดถึงตนเองด้วยซ้ำ


‘ครองเจ็บตรงไหนรึเปล่า’


‘ครองเป็นอะไรไหม’


ความห่วงใยที่ถ่ายทอดผ่านทางน้ำเสียงและสีหน้าตื่นตระหนกของคนตรงหน้าไม่ใช่เรื่องที่จะลืมได้เลย


“คุณเป็นแบบนี้เพราะผม” เขาเอ่ย แม้น้ำเสียงจะไม่แหบพร่า ไม่มีทีท่าสะเทือนอกสะเทือนใจ แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับไหววูบด้วยแววห่วงใย


แวว...ที่ทำให้หัวใจของร่มธรรมเต้นถี่


บรรยากาศกำลังพาไป บรรยากาศกำลังทำให้คนสองคนเปิดใจ แต่...ร่มธรรมบอกตัวเองว่าต้องมีสติ


เขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งรอบตัวทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเติบโตไปในทิศทางนั้นอีกแล้ว


“ไม่เป็นอะไรมากหรอกหน่า ไกลหัวใจตั้งเยอะนะ” ร่มธรรมพูดหยอกยิ้มแย้ม สีหน้ารื่นเริงแบบผู้ใหญ่นั้นช่างแห้งแล้งในความรู้สึก แต่...วงการบันเทิงไม่มีที่ยืนสำหรับความสัมพันธ์ฉันคนรักของเพศเดียวกัน


...เราเป็นได้เพียงพี่น้องและเพื่อนเท่านั้น...


 “น้องครองไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แล้วสร้อยที่พี่ให้ ใส่แล้วใช่ไหม”


ร่มธรรมตักข้าวต้มเข้าปากแล้วถามไปอีกเรื่องหนึ่ง เบี่ยงประเด็นออกจากความห่วงใยที่ทำให้หัวใจสะท้านนั่นไป


“ใส่แล้ว” ไม่พูดอย่างเดียวแต่ชายหนุ่มยังดึงสร้อยทองที่คอออกมาให้ดู เจ้าของสร้อยพยักหน้าช้าๆ ด้วยท่าทีผ่อนคลายลง


ไม่รู้ว่าผีกลัวพระหรือไม่ แต่ชายนุ่งโจงผู้นั้นเคยติดตามเขามาตั้งแต่เด็ก หากวันนี้สิ่งที่เคยติดตัวเขาไปอยู่ที่ตัวครองภพโดยความสมัครใจ อย่างน้อย ผีตนนั้นก็คงอาจจะฉุกคิดได้บ้าง ว่าครองภพไม่ใช่คนเลวร้ายสำหรับร่มธรรม ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มอบของมีค่าส่วนตัวที่สวมมาตลอดชีวิตให้กับคนที่เขาไม่ปรารถนาดี


“คุณเอามาให้ผม แล้วคุณใส่อะไร”


“ห้องพระที่บ้านพี่ชายพี่น่าจะมีองค์อื่น ค่อยกลับไปเอาก็ได้” ร่มธรรมบอกพลางยิ้ม ทว่าครองภพกลับส่ายหน้า


“ถ้าอย่างนั้นเอาคืนไป” มือกำลังจะแกะตะขอ แต่เสียงปรามดังขึ้นเสียก่อน


“อย่า”


พอครองภพเงยหน้ามองก็ถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาด้วยแววตาขอร้อง


“อย่าคืน ใส่เถอะ พี่ขอ”


“ทำไม”


ร่มธรรมไม่รู้ว่าเขาจะเริ่มเล่าอย่างไรดี ในโลกที่วิทยาศาสตร์ครอบคลุมไปทุกแขนงวิชาความรู้ การพูดในเรื่องที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ ย่อมเป็นเรื่อง...ไร้สาระ


แต่...ท่าทีรอฟังอย่างตั้งอกตั้งใจของครองภพทำให้คนสองจิตสองใจต้องถอนหายใจเบา


“พี่...เห็น...เห็นผู้ชายนุ่งโจงยืนอยู่ข้างหลังครอง ก่อน...ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ”


ครองภพนิ่งงัน คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้


ความเงียบของเขาทำเอาคนที่อุตส่าห์ตัดสินใจเอ่ยปากในสิ่งที่เห็นรู้สึกเก้อจนต้องหัวเราะแก้เขิน เป็นเสียงหัวเราะแห้งๆที่ไม่มีอารมณ์ขันเลยแม้แต่น้อย


“ไม่เชื่อล่ะสิ...พี่รู้ๆ มันฟังไม่น่าเชื่อ...”


“ผมเชื่อ” เสียงที่แทรกขึ้นมาทำเอาคนกำลังจะหาเรื่องแก้ตัวมาอ้างให้ฟังเป็นเรื่องขำขันพลันหยุดชะงักไปอีกรอบ


ยิ่งสบตา ก็ยิ่งรู้สึกว่าคำว่าเชื่อของครองภพนั้นหาใช่แค่คำพูดที่ลอยตามลมแล้วจางหายไป


ครองภพเชื่อในคำพูดที่ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด


เพราะเป็นคำพูดของร่มธรรม


และ...เพราะเขาเองก็เคยฝันเห็น...


“ผมก็เคยฝันเห็นผู้ชายนุ่งโจง...”


“...ตอนเด็กๆฝันเห็นบ่อยๆ...แต่พอโตก็ไม่ค่อยฝันอีก แต่...พักหลังมานี่...ฝันเห็นบ่อยขึ้น...”


พักหลังที่ว่า คือนับตั้งแต่ได้พบกับร่มธรรม


ครองภพจำความฝันไม่ได้ และแต่ละครั้งก็มักเป็นความฝันที่ไม่ปะติดปะต่อ แต่ก็รู้ว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน หรือเนื้อเรื่องของความฝันเกี่ยวเนื่องกัน


บางครั้งฝันเห็นชายนุ่งโจงร่างสันทัดที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท บางครั้งรับรู้แค่ความเจ็บปวดและสูญเสีย บางครั้งมีแต่ความมืดและความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ มันดำดิ่งจนกลายเป็นความโกรธแค้น แต่พอตื่น...ก็เหลือเพียงแค่ความรู้สึกที่ตกผลึก ไม่รู้จะกวนให้มันลอยขึ้นมาได้อย่างไร


แต่พอพบร่มธรรม สิ่งที่คิดว่าตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจก็ถูกตีรวนขึ้นมา


วินาทีแรกที่เห็นหน้า ความรู้สึกบางอย่างในใจบอกให้ก่อกำแพงกั้นระหว่างพวกเขา แต่หลายครั้งไม่อาจทำได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเพราะตัวเขาเองที่ไม่สามารถบอกตนเองได้ว่าทำไมถึงสนใจใคร่รู้อีกฝ่ายมากเกินกว่าในฐานะคนร่วมงาน หรือจะเพราะร่มธรรมที่วนเวียนอยู่รอบกาย สุดท้าย กำแพงไม่ทันเป็นรูปร่าง ความรู้สึกก็พัฒนาไปเป็นอย่างอื่น


แล้วพอพัฒนา ก็มีเหตุนำไปสู่ความหมางเมินจนแทบจะกลายเป็นคนอื่นสำหรับกันและกัน แต่...ก็ยังมีเหตุการณ์นำพาให้พวกเขาต้องกลับมานั่งด้วยกันเช่นนี้อีก


ราวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกกำหนดไว้แล้ว แต่ก็ถูกขัดขวาง ทว่าขวางอย่างไรก็ไม่สำเร็จ


“ฝันเห็นอะไร บอกพี่ได้ไหม”


“จำไม่ค่อยได้ แต่เคยฝันเห็นคนนุ่งโจง เป็นผู้ชาย...มาไม่ดี”


คำตอบของครองภพทำเอาคนฟังชะงัก


แม้ไม่มีอะไรบ่งชี้แน่ชัดว่าชายนุ่งโจงที่ครองภพพูดถึงและชายนุ่งโจงคนที่ร่มธรรมเคยฝันเห็นจะเป็นคนเดียวกัน แต่อุบัติเหตุในกองถ่ายเมื่อตอนบ่าย โดยมีชายนุ่งโจงยืนประกบหลังครองภพ และชายนุ่งโจงผู้นั้น...คือคนเดียวกับที่ร่มธรรมเคยฝันเห็น


หรือเขาและครองภพจะเคยเกี่ยวข้องกัน โดยมีชายคนนั้นเป็นคนกลาง?


ร่มธรรมจำได้ ชายคนนั้นเคยบอกให้เขาระวัง ‘ไอ้แผน’ ต่อให้ไม่มีหลักฐาน แต่ความอาฆาตของชายคนนั้นพุ่งเป้าไปที่ครองภพ ราวกับบอกเป็นนัยว่า ‘ครองภพ’ คือ ‘ไอ้แผน’


...ไอ้แผน...


...คนที่ต้องระวัง...


ระวังหรือ?


น่าขำ ป่านนี้จะให้ระวังอะไร ในเมื่อความรู้สึกในใจของร่มธรรมทำให้เขาบ้าบิ่นถึงขั้นเสี่ยงอันตรายแทนครองภพด้วยซ้ำ


หนุ่มรุ่นพี่ไม่รู้ว่าตนเองควรจะบอกเล่าเรื่องราวที่เขากำลังเชื่อมโยงกันในหัวออกมาเป็นถ้อยคำให้อีกฝ่ายเข้าใจดีหรือไม่ หากชายนุ่งโจงคนนั้นนับถือเรียกเขาเป็น ‘คุณหลวง’ แต่กลับอาฆาตมาดร้ายครองภพ แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและครองภพในชีวิตหนึ่งก็...คงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดี


พอคิดถึงช่วงเวลาดีๆที่พวกเขาสนิทสนมไปมาหาสู่ ไปจนถึงช่วงเวลาที่หมางเมินกัน และเวลานี้ที่อีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมเยียน ก็ทำเอาร่มธรรมใจหาย


ความสัมพันธ์ของพวกเขาหักเหไปมา มีขึ้นมีลง ช่วงขึ้นนั้นแสนสุข ช่วงลงก็แสนทุกข์ และนับจากนี้ มันก็คงไม่มีทางขึ้นไปสูงอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากให้มันดำดิ่งตกต่ำเหมือนช่วงที่หมางเมินเช่นกัน


“คิดอะไรอยู่” เพราะร่มธรรมเอาแต่ขมวดคิ้วราวกับตกอยู่ในห้วงความคิด เสียงทุ้มจึงดังเรียกสติ


“ป...ปวดแขนน่ะ...”


เพราะไม่ใช่คนโกหกเก่ง คำตอบจึงแสนเบาและเอาแต่ก้มหน้าต่ำ ทว่าคนมาเยี่ยมไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะโกหก ยิ่งเป็นการพูดเรื่องอาการเจ็บปวด จากการสงวนท่าทีเพราะความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นกุลีกุจอหาหมอนอิงมาเสริมท่าให้คนป่วยได้อยู่ในท่าสบายมากขึ้น


“กินข้าวเสร็จแล้วกินยาเลย แล้วถ้ายังไม่หายปวด ผมจะพาไปโรงพยาบาล” ครองภพมีท่าทีจริงจัง สีหน้าหงุดหงิดงุ่นง่านและคิ้วผูกกันเป็นโบว์ไม่ใช่สิ่งที่แสดงออกบนสีหน้าของผู้ชายนิ่งเฉยอย่างเขา หากไม่ใช่เพราะบทบาทที่ได้รับในฐานะนักแสดง ก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนในโลกใบนี้ที่ได้เห็นครองภพยิ้ม หัวเราะ หงุดหงิด หรือแม้แต่ร้องไห้


แต่...ร่มธรรมได้เห็น อย่างน้อยก็ได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดของครองภพที่ไม่ใช่ในฐานะนักแสดง


“มองอะไร” เพราะคนเจ็บเอาแต่จับจ้อง ครองภพผู้ยังเอาแต่ขมวดคิ้วไม่เลิกเลยย้อนถาม ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูเข้มขึ้นอีกหลายเท่าตัว


เวลาทำหน้าเฉยก็หล่อแทบแย่ พอมาทำหน้าตาหงุดหงิดแบบนี้ ดูหล่อหนักกว่าเดิมอีก


“อ่า...น้องครองไม่ต้องซีเรียส พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากนะ หมอก็บอกว่าแค่นิดเดียว”


“เจ็บตัวแบบนี้น่ะเหรอ นิดเดียว?” แรกเริ่มขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง แต่ตอนนี้ชักจะขมวดคิ้วเพราะความหงุดหงิดที่คนเจ็บยังมีหน้ามายิ้มและออกปากว่าไม่เป็นอะไรมากอีก


คนประเภทนี้นี่มันยังไง เจ็บตัวแทนคนอื่นแล้วยังยิ้มระรื่น แล้วที่เจ็บตัวก็ไม่ใช่เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยซ้ำ แต่เพราะเห็นเค้าลางว่าจะเกิดเรื่องร้ายถึงได้ยื่นมือมาช่วยเหลือจนเจ็บตัวแบบนี้


“แล้วเรื่องที่คุณบอกว่าเห็นคนนุ่งโจงน่ะ เห็นครั้งแรกหรือว่าเห็นหลายครั้งแล้ว”


คำถามของครองภพทำเอาร่มธรรมนิ่งงัน


“อ...เอ่อ...ก็...ก็สมัยเด็กๆ...ก็เคยเห็นหลายครั้ง”


“แต่ละครั้งเป็นยังไง”


“อ่า...จำไม่ได้หรอก สมัยเด็กๆน่ะ มันก็หลายสิบปีแล้วนะ...”


“แล้วเคยฝันเห็นไหม”


“ก็...เคย”


“ฝันว่าอะไร”


“...จ...จำไม่ได้เหมือนกัน มันเป็นฝัน...” ไม่กล้าเล่าเรื่องความฝัน ไม่กล้าพูดว่าคาดเดาความสัมพันธ์ของเขาและครองภพในชีวิตก่อนอาจถึงขั้นเลวร้าย ไม่รู้ใครร้ายต่อใคร แต่...ชีวิตนี้ เวลานี้ ร่มธรรมไม่อยากให้ความบาดหมางในอดีตชาติมาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาอีกแล้ว


เราอุตส่าห์ได้เริ่มชีวิตใหม่ ทำไมเรายังต้องผูกอยู่กับเรื่องในอดีต


แค่เรื่องที่ต้องเป็นห่วงอย่างปัจจุบัน และความกังวลเกี่ยวกับอนาคตยังไม่มากพออีกหรือ


ครองภพจะมีอันตรายอะไรอีกบ้างไหม ชายนุ่งโจงคนนั้นจะรามือไหม แล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาจะทำให้อนาคตเป็นเช่นไร


ความสัมพันธ์...ที่เวลานี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะไปในทิศทางใด ก่อนหน้านี้โกรธเคือง วันนี้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง แม้จะเป็นสองต่อสองที่เกิดจากการมาเยี่ยมคนบาดเจ็บก็ตามที


“แล้วเคยฝันเห็นผมไหม”


คำถามต่อมาทำเอาคนที่เอาแต่คิดกลับไปกลับมาถึงกับเงยหน้ามอง


“ฝันเห็นครอง? จะไปเคยได้ไงน่ะ”


ท่าทีและคำตอบของเขาคราวนี้เสียงดังฟังชัด ครองภพพยักหน้ารับรู้


“ผมก็ไม่เคยฝันเห็นคุณเหมือนกัน”


“มันก็ต้องแบบนั้นแหละ จะฝันเห็นกันได้ยังไง...” คนเจ็บเปรยเสียงเบาแล้วได้แต่เกาหน้าผากอย่างเก้อๆ คนมาเยี่ยมพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


“ผมจะไปเอาน้ำมาให้ กินข้าวเสร็จจะได้กินยา ส่วนขนม...ผมจะใส่ตู้เย็นเอาไว้ แล้วถ้าคุณหิวดึกๆก็หยิบมาทานแล้วกัน”


“ขอบคุณครับ”


นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องไม่ได้อยู่รอฟังคำพูดประโยคนั้นก็คว้าเอากล่องขนมของฝากหมุนตัวเดินหายเข้าไปในครัว ทำเอาคนถูกสอบสวนเมื่อครู่ถึงกับถอนหายใจพรูอย่างโล่งอก ทว่า...หากร่มธรรมติดตามอีกฝ่ายเข้าไปในครัวคงได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เข้มคมขึ้นอีกเพราะสีหน้าบึ้งตึงและขมวดคิ้วมุ่น


คราวนี้ไม่ใช่เพราะความห่วงใยที่มีต่อร่มธรรม หรือเพราะหงุดหงิดที่คนอายุมากกว่ายังยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งๆที่เจ็บตัว แต่คิ้วขมวด...เพราะจับโกหกได้


ตอนถามถึงคนนุ่งโจงกลับตอบงึมงำ แต่พอถามว่าฝันเห็นเขาบ้างไหมกลับตอบเสียงดังฟังชัดผิดเป็นคนละคน


เรื่องใดเรื่องหนึ่งในสองเรื่องนี้ ร่มธรรมโกหกเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับครองภพอย่างไม่ต้องสงสัย และร่มธรรมเลือกที่จะไม่บอกให้เขารู้


แล้วคนอย่างครองภพก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้เรื่องที่สงสัยกลายเป็นเพียงฝุ่นผง หากเขาอยากรู้ ก็ต้องได้รู้ แล้วยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพวกเขา ร่มธรรมก็อย่าหวังว่าจะได้เก็บเป็นความลับกับเขาอีกเลย!!


……………………..
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 05-03-2020 21:02:11

หลังจากทานข้าวต้ม ก็ไม่มีกิจกรรมอื่นใดสำหรับแขกผู้มาเยี่ยมและคนป่วยอีกแล้ว ร่มธรรมคิดแบบนั้น แต่ดูท่าคนมาเยี่ยมจะไม่คิดแบบเดียวกัน


“อาบน้ำแล้วใช่ไหม อยากเข้าห้องน้ำอีกรอบไหม แล้วจะได้ไปนอน”


“หา...เอ่อ...อ่า...เข้าก็ได้”


เจ้าของห้องแอบเหลือบมองนาฬิกา แล้วก็พบว่ายังไม่หนึ่งทุ่มด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายจะให้เขาเข้านอนแล้ว


นี่อาจจะเป็นวิธีขอตัวกลับของคนมาเยี่ยมก็ได้ ถ้าเขาหลับ คนมาเยี่ยมก็ไม่มีเหตุผลต้องอยู่ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะยอมนอนง่ายๆ ครองภพจะได้กลับได้อย่างไม่ต้องแสร้งมีมารยาทอยู่โยงเฝ้าไข้


คนเจ็บกำลังจะลุกขึ้น แต่กลายเป็นฝ่ายครองภพที่ปราดเข้ามาช่วยพยุง ส่งร่มธรรมเข้าห้องน้ำแล้วก็ปิดประตูยืนหน้านิ่งเป็นยักษ์ จนกระทั่งได้ยินเสียงหมุนลูกบิด ถึงได้หันไปเปิดประตูแล้วพยุงร่มธรรมออกมาพาไปยังเตียงนอน


ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ทว่าหน้าตาคนช่วยดูแลกลับทั้งเคร่งทั้งตึงจนร่มธรรมยังอดเอ็นดูไม่ได้ พอถูกพยุงลงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงแล้ว มือเจ้าของห้องก็คว้าหมับเข้าที่แขนของคนอายุน้อยกว่า


“เดี๋ยว...” ดวงตาคมเหลือบมองราวกับจะถามว่าอยากได้อะไรเพิ่ม แต่มือข้างที่จับแขนเขากลายเป็นตบปุๆลงบนพื้นที่บนเตียงที่ว่าง


“นั่งก่อน นั่งลง” คราวนี้ครองภพทำตาปริบๆอย่างงุนงง ร่มธรรมเลยตบมือลงกับเตียงอีกทีแล้วขยับขาเบี่ยงไปอีกด้านมากกว่าเดิมเพื่อให้มีพื้นที่เหลือว่างมากขึ้น


“นั่งสินั่ง”


คนอายุน้อยกว่ายอมนั่ง แต่สีหน้ายังสงสัย ทว่าเป็นคนเจ็บตัวต่างหากที่ยังมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้า


“เคยดูแลใครบ้างรึเปล่า ทำไมมันทั้งตึงทั้งเครียดขนาดนี้” แขนเจ็บข้างเดียว อีกข้างยังใช้การได้ดี ร่มธรรมจึงยื่นมือออกไปบีบไหล่กว้างอย่างมันเขี้ยวแล้วก็พบว่านอกจากหน้าแล้ว ยังตึงไปทั้งลาดไหล่ ดูท่าจะเครียดจริง


“โฮ ตึงจริงๆ เส้นจะยึดไหมเนี่ย”


ครองภพไม่ตอบ แต่เบี่ยงไหล่ออกจากมือที่บีบอยู่ พอทำท่าราวกับไม่อยากให้โดนตัว ร่มธรรมก็ยอมปล่อยแขนออกแต่โดยดี


เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา จะให้แตะเนื้อต้องตัวอย่างสนิทใจเหมือนเก่าก็คงยาก แต่...เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบที่ ‘ควรจะเป็น’ ร่มธรรมย่อมหาเรื่องชวนคุยที่ไม่เข้าตัว


 “เคยดูแลพี่ชายไหม”


“ไม่เคย โตแล้ว ดูแลตัวเองได้”


คราวนี้ร่มธรรมทำตาโต ชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเอง


“พี่ก็โตแล้ว”


“แต่ดูแลตัวเองไม่ได้” คนอายุน้อยกว่าเถียงขวับ ทำเอาคนเจ็บกะพริบตาปริบๆ ครองภพปรายตาไปมองแขนข้างที่ใส่เฝือกเอาไว้เป็นเชิงบอกว่า ถ้าดูแลตัวเองได้จริง ก็คงไม่เป็นเช่นนั้น


“อันนี้ไม่เกี่ยวกับดูแลตัวเองได้หรือไม่ได้ซะหน่อย” นักแสดงรุ่นพี่ออกตัว


“คนที่ดูแลตัวเองได้คือคนที่รู้จักประเมินสถานการณ์ สิ่งที่คุณทำ มันเรียกประเมินสถานการณ์ตรงไหน ของกำลังจะหล่น คุณวิ่งเข้าไปหาแบบนั้นยังไงก็ต้องเป็นแบบนี้”


ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ทำให้หมางเมิน พูดกันนับคำได้ เวลานี้...ปัญหาคาราคาซังก็ยังไม่หายไปไหน แต่ครองภพก็อดไม่ได้ที่จะไม่บ่น


ร่มธรรมได้แต่เม้มปากเถียงไม่ออก แต่ก็ยังไม่วายเอาสีข้างเข้าถู


“ตอนนั้นมันฉุกละหุก คิดไม่ทันนี่นา อีกอย่าง...ถ้าเห็นคนอื่นกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ต้องรีบช่วยไว้ก่อนทั้งนั้น”


เหตุการณ์แค่เสี้ยววินาที ความคิดเดียวที่แล่นคือจะปล่อยให้ครองภพได้รับอันตรายไม่ได้


แต่คำว่า ‘คนอื่น’ ในประโยคของคนบาดเจ็บ ทำเอาหัวใจคนฟังบีบหน่วง ย้อนด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน...ตนเอง


“อ้อ! ช่วยทุกคน?”


ร่มธรรมนิ่งไปเล็กน้อย อันที่จริงจะบอกว่าช่วยทุกคนก็ไม่ใช่ เขาไม่ได้เป็นคนดีถึงเพียงนั้น แต่เพราะเป็นครองภพต่างหาก เพราะครองภพกำลังจะได้รับอันตราย ถึงได้ช่วย แต่...ถ้าพูดเช่นนั้น จะเป็นการสร้างความหวังให้กับความสัมพันธ์นี้อีกครั้ง โดยเฉพาะความหวังของตัวเขาเอง


ทั้งๆที่เป็นฝ่ายทำลายทุกอย่างแท้ๆ แต่ร่มธรรมรู้ดีว่าหัวใจดื้อดึงของเขาก็ยังมีเสี้ยวความหวังเล็กๆว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะกลับมา...


พอคิดถึงความย้อนแย้งของตนเอง ตัวทำอย่าง หัวใจอีกอย่าง ร่มธรรมก็ได้แต่เอน็จอนาจ อย่างนี้จะเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไรกัน มุ่งมั่นสักทางก็ไม่ ตัดสินใจแล้วแต่กลับหวังไปในทางตรงกันข้าม


เพราะร่มธรรมเอาแต่เงียบ คนที่อัดอั้นย่อมเป็นครองภพที่เมื่อครู่ถูกบีบหัวใจด้วยคำว่า ‘คนอื่น’


เป็นใครก็ช่วย เป็นคนอื่นก็ช่วย ไม่ใช่ครองภพก็ช่วย หรืออีกแง่คือเพราะครองภพเองก็ถูกจัดรวมอยู่ใน ‘คนอื่น’ ไม่มีสถานะพิเศษในใจของร่มธรรมแต่ประการใด


ทั้งๆที่...สำหรับครองภพแล้ว ร่มธรรมพิเศษกว่าใคร


“ถึงไม่ใช่ผม คุณก็จะเอาตัวเข้าไปเจ็บแทนอย่างนั้นใช่มั้ย” เขาถามเสียงขื่น แต่คนตรงหน้ากลับเอาแต่ก้มหน้าเม้มปากเงียบ


“ตอบผมสิร่ม ถ้าไม่ใช่ผม คุณก็จะทำอย่างนี้เหรอ”


ร่มธรรมเหมือนถูกบีบคั้น บีบทั้งคำถามของครองภพ บีบทั้งหัวใจตนเอง ได้แต่เม้มปากแน่น รู้ทั้งรู้ว่าความรู้สึกของตนเองจะทำลายอนาคตของครองภพ แต่ตอนที่เห็นเค้าลางแห่งความหายนะ เขากลับพบว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอนาคตที่เขากังวล คือปัจจุบันที่ไม่รู้ว่าชีวิตของครองภพจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร


เขารู้แค่ว่าครองภพต้องปลอดภัย ครองภพต้องมีลมหายใจ ครองภพต้องไม่บาดเจ็บ


เพราะฉะนั้น...ถึงปล่อยไม่ได้


ปล่อยให้ครองภพเป็นอะไรไม่ได้


ร่มธรรมยังเงียบ เงียบจนคนถามทั้งหงุดหงิดทั้งใจเสีย


“ตอนผมป่วย ผมถามว่าคุณห่วงผมบ้างมั้ย คุณไม่ตอบ”


พอพูดไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่ทะเลาะกันจนหมางเมิน ร่มธรรมก็ได้แต่กลืนน้ำลายซ้ำๆ ลมหายใจขาดห้วง


“แต่ตอนเกิดเรื่อง คุณกลับวิ่งเข้าไปช่วยผม ตอนนี้คุณก็ยังย้ำว่าถ้าเป็นคนอื่น คุณก็จะช่วย”


“...ผมถามจริงๆ คุณห่วงผมบ้างมั้ย ห่วงที่เป็นผม ไม่ใช่ห่วงผมเหมือนที่ห่วงคนอื่น”


“ตอบแล้วมันได้อะไร” ร่มธรรมย้อนถาม ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคนตรงหน้า เขารู้ดีว่าเวลานี้ในดวงตาของตนเองคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจมากแค่ไหน


...ตอบแล้วมันได้อะไร เป็นห่วงครองภพมากกว่าคนอื่นแล้วความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ...


...ไม่เลย...


...มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย...


ความสัมพันธ์แบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นที่อยู่ในสถานะอื่นย่อมไม่ใช่เรื่องยากถึงเพียงนี้ แต่เพราะทั้งร่มธรรมและครองภพอยู่ในที่แจ้ง


ผู้คนเป็นล้านรับรู้ตัวตน การมีอยู่และวิถีชีวิตของพวกเขา ผู้คนเป็นล้านมีส่วนเกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตและอาชีพการงาน และผู้คนเป็นล้าน...จะรุมทึ้งความสัมพันธ์ของพวกเขาจนกว่าจะได้ในสิ่งที่คนเหล่านั้นพอใจ


ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะกลายเป็นเครื่องมือ คนกลุ่มหนึ่งจะใช้มันเป็นอาวุธ คนอีกกลุ่มจะใช้มันเป็นฐานในการตัดสินชีวิตคนอื่นอีกหลายคน และคนอีกหลายกลุ่มพร้อมจะใช้มันเพื่อความสนุกปาก ความบันเทิงเริงรมย์ ความเข้าข้างตัวเอง


“มันไม่มีที่ยืนให้ความสัมพันธ์แบบนั้นหรอก ครอง”


“ทั้งๆที่เรารักกันน่ะเหรอ”


ร่มธรรมตะลึงงันไม่คิดว่าจะได้ยิน


“พี่...” ปากอยากปฏิเสธ แต่ใจไม่อาจพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกได้เลย คำว่ารักมันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ในเวลาที่ร่างกายก็บาดเจ็บอยู่แล้ว เฝือกที่แขนเป็นหลักฐานอย่างดี


“อย่าปฏิเสธว่าคุณไม่ได้รักผม ถ้าคุณไม่รัก คุณไม่ช่วยผมจนเจ็บตัวแบบนี้”


“พี่...บอกแล้วว่าถ้าเป็น...คนอื่นก็ช่วย...”


"ช่วยจนเข้าเฝือก เข้าเฝือกแล้วก็ยังถอดพระมาให้ผมใส่ คนอื่นเขาช่วยกันขนาดนี้เหรอ”


ร่มธรรมพูดไม่ออก ได้แต่เม้มปาก เขาก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะช่วยเหลือกันเช่นนี้มั้ย แต่ถ้าคนที่ประสบเหตุไม่ใช่ครองภพ เขาก็คง...ไม่ช่วยขนาดนี้


อาจจะพุ่งตัวเข้าไปช่วย อาจจะบาดเจ็บแทน แต่ย่อมไม่ต่อเนื่องไปถึงขั้นถอดสร้อยที่สวมมาทั้งชีวิตให้อีกฝ่ายใส่


ครองภพเห็นอีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้าเงียบก็ยิ่งสะท้อนใจ อารมณ์ที่คิดจะไล่ต้อนให้ร่มธรรมยอมจำนน กลายเป็นอ้อนวอน


“ร่ม...ความรู้สึกของเรา...มันไร้ค่าขนาดที่คุณเลือกที่จะทิ้งมันเลยเหรอ”


ร่มธรรมส่ายหน้า ตอบเสียงแผ่วด้วยหัวใจเจ็บปวดไม่แพ้กัน


“ไม่ใช่...”


“...พี่ไม่เคยมองว่ามันไร้ค่า...”


“แต่คุณไม่เลือกมัน”


“พี่...อยากให้ครองมีอนาคตที่ดี...อยากให้พวกเรามีอนาคตที่ดี...”


“แล้วความรู้สึกนี้มันทำให้อนาคตไม่ดีตรงไหน”


“มัน...ทำให้ไม่แน่นอน...” ดวงตาของร่มธรรมเหลือบขึ้นทอดมองคนถาม ครองภพมองคนตรงหน้าด้วยหัวใจโหวงเหวง นัยน์ตาคู่นั้นเจ็บปวดไม่ต่างจากเขาเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเพื่ออนาคตที่เจ้าตัวคิดว่าจะมั่นคงที่สุด


“ครอง...พี่อยากเห็นครองมีอนาคตที่ดี อยากเห็นครองประสบความสำเร็จในอาชีพที่ครองรัก อยากเห็นครองได้ทำในสิ่งที่รักไปตลอดชีวิตของครอง...”


“คุณห่วงอนาคตผม แล้วความรู้สึกของผมล่ะ”


ร่มธรรมสูดหายใจอย่างยากลำบาก รวบรวมแรงใจทั้งหมดแล้วเอ่ยพร่า


“วันหนึ่ง...มันก็จะหายไป...”


“แล้วถ้าวันนั้นมันมาไม่ถึง?” คำถามของครองภพทำเอาลมหายใจของคนฟังสะดุด


“ชีวิตคนเรามันสั้นนะร่ม ดูอย่างวันนี้ก็ได้ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ช่วยผม ผมคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ และเรา...ก็คงไม่มีวันได้คุยกันอีก”


ร่มธรรมเงียบ


“เรา...เจ็บกันมาไม่พอหรือ ถึงจะต้องเจ็บต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่เลิกรัก...”


อนาคตเป็นสิ่งที่ต้องสร้าง แต่ปัจจุบันก็ทอดทิ้งไม่ได้ คำพูดของครองภพไม่ได้ผิดเลย อนาคตเกือบจะมาไม่ถึงแล้ว ถ้าร่มธรรมไม่ช่วยเขาเอาไว้


“ร่ม...ผมรู้ว่าอาชีพนักแสดงเป็นสิ่งที่คุณรัก ผมเองก็รัก อนาคตของเราสองคนจะยิ่งไม่แน่นอน ถ้าเลือกทางนี้ แต่...คุณสู้ไปกับผมได้มั้ย เดินไปกับผมได้รึเปล่า ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ทุกอย่างมันเป็นไปได้ ทั้งงานของเรา ทั้งความรู้สึกของเรา อย่าทิ้งผมเอาไว้ อย่าหยุดความสัมพันธ์ของเราได้มั้ย”


“ให้ผมพิสูจน์ได้มั้ยว่าผมทำได้ ผมขอ...”


คำว่าขอของครองภพ ราวกับมีดกรีดหัวใจร่มธรรม


ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปทุกด้าน แต่กลับออกปากด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าว่า ‘ขอ’


หัวใจคนฟังอ่อนยวบ กำแพงหนาที่เพียรสร้างเพื่อกีดกันพวกเขาออกจากกันพังทลาย กระบอกตาของร่มธรรมร้อนผ่าว ไม่ทันจะเงยหน้าเพื่อไล่หยาดน้ำกลับลงไป ก็กลั่นเป็นน้ำตาหยดลงกับแก้ม ร่มธรรมกลั้นความรู้สึกไม่ไหว จากน้ำตาหลั่งรินจึงกลายเป็นสะอื้นไห้


เพียงแค่เห็นหยาดน้ำใส ครองภพก็รีบรั้งศีรษะเจ้าของน้ำตาเข้ามาแนบอก ได้ยินเสียงครวญของอีกฝ่ายดังก้องสะท้อนอยู่กับหัวใจของเขา


   “ฮือ...ครอง...พี่ขอโทษ ขอโทษ...พี่ขอโทษที่ทำให้เจ็บ พี่ขอโทษ...”


   ทั้งๆที่คนเจ็บกายคือร่มธรรม แต่หัวใจของครองภพก็ไม่ต่างกับการถูกทุบทำร้ายซ้ำๆ มันกลัดหนองครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะความหมางเมินที่ปฏิบัติต่อกัน


   “...เจ็บมากมั้ย...พี่ขอโทษ...ฮือ...พี่ขอโทษ”


   “เจ็บ...เจ็บมาก”


ปากว่าเจ็บ แต่กลับไม่อยากปล่อยคนทำให้เจ็บออกห่างจากอกไปอีกแล้ว


   เราเจ็บกันมามากพอแล้ว มันควรถึงเวลาหยุดเสียที


   “ขอโทษ...พี่ขอโทษ...”


   ขอโทษที่ทำให้เจ็บปวด ขอโทษที่ทำให้ความสัมพันธ์พังทลาย ขอโทษ...ที่พยายามก้าวข้ามความรู้สึกของพวกเรา


   “ผมยกโทษให้ ยกโทษให้หมดทุกอย่าง”


ร่มธรรมเงยหน้ามองทั้งน้ำตา ปลายนิ้วไล้แก้มเขาแผ่วเบาและอ่อนโยน


   “ขอแค่คุณเดินไปกับผม มีปัจจุบันร่วมกับผม อย่าทิ้งผมไปไหนอีก...”


   “ไม่ทิ้งอีกแล้ว...พี่จะไม่ทิ้งครองอีก...”


จะไม่ทิ้งหัวใจ ไม่ทิ้งความรู้สึก ต่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่อาจชัดเจน แต่ก็จะไม่หยุดมันเอาไว้เช่นนั้นอีก


   อ้อมแขนของครองภพโอบร่างของคนเจ็บเอาไว้ ต่างคนต่างทุกข์ทรมานกับความหมางเมิน แต่เหตุการณ์ร้ายเมื่อตอนกลางวัน บอกให้พวกเขารู้แน่ชัด 


ร่มธรรมไม่อาจปล่อยให้ครองภพเป็นอันตราย ครองภพเองก็ไม่อาจทนเห็นความเจ็บปวดของร่มธรรมเช่นกัน


   ความรู้สึกของพวกเขาถูกทำให้ชัดเจนด้วยเหตุการณ์เพียงเสี้ยววินาที แต่มันกลับตราตรึงในหัวใจจนไม่อาจปฏิเสธได้อีกแล้ว


   อดีตไม่อาจแก้ไข อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่ปัจจุบัน...วันนี้ เวลานี้...ลมหายใจสำคัญ ความรู้สึกสำคัญ…


   ร่มธรรมจะรักษาปัจจุบันของพวกเขาเอาไว้ จะสู้ จะเดินเคียงข้างไปกับครองภพ...จนกว่าอนาคตจะมาถึง


……………………..


   หยาดน้ำตาแห้งเหือด ความรู้สึกที่มีต่อกันชัดเจน แม้ความสัมพันธ์จะไม่ถูกระบุ แต่ต่างคนต่างรับรู้ในหัวใจ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุให้ต้องหมางเมินหรือทำตัวไม่สนิทสนมกันอีกแล้ว


ครองภพนั่งลงข้างเตียง หลังจากประคองให้ร่มธรรมเอนตัวลงนอน   


   “นอนได้แล้ว คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อน”


   “หา?” คนดวงตาบวมเป่งร้องเบาๆ กะพริบตาปริบๆ หนุ่มรุ่นน้องเลยย้ำ


   “ผมไม่มีงานแล้ว”


   “ม...ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น เอ่อ...พี่...อยู่ได้...”


   “อยู่ได้? อยู่คนเดียวแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาตอนกลางคืนจะทำยังไง”


พอไม่หมางเมิน ครองภพเลยพลิกบทบาทมาเป็นคนดุหน้าตาเฉย ในขณะที่ร่มธรรมก็กลายเป็นดื้อตาใส


   “รู้ได้ไงว่าพี่อยู่คนเดียว”


ดวงตาเรียวจ้องจิก ริมฝีปากเอ่ยเรียบๆ ทว่าฟังแล้วดุ


   “คนนิสัยอย่างคุณ ไม่เรียกพี่ๆคุณมาเฝ้าไข้หรอก แล้วคุณก็ยังไม่มีแฟน”


ประโยคหลังนั่นน้ำเสียงเข้มกว่าประโยคอื่นๆมาก ไม่แน่ใจว่าเป็นการขู่ หรือการย้ำให้ร่มธรรมรู้ตัวว่าโสด...เพื่อครองภพ


“ก...ก็ใช่...”


“แล้วจะมีใครมาอยู่ด้วยได้ยังไง”


คนเจ็บได้แต่เม้มปากไม่รู้จะเถียงอย่างไร ในเมื่อความจริงเป็นตามนั้นทุกประการ


เขาไม่มีทางเรียกพี่สาวพี่ชายให้ต้องมาลำบากลำบนเฝ้าไข้ อีกทั้งก็ไม่มีคนรักเพราะเอาแต่ทำงาน พอกลับเข้าวงการ และสนิทกับครองภพยิ่งแล้วใหญ่...เพราะไม่มีหัวใจให้ใครอื่นอีกแล้ว


   “เอาเป็นว่าคืนนี้ผมจะอยู่ด้วย” คนอายุน้อยกว่าออกปากจริงจัง


   “เอาจริง?” ดวงตาเรียวดุเหลือบมองเป็นเชิงว่าเขาเคยพูดเรื่องไม่จริงด้วยหรือ


   “นอนได้แล้ว ผมจะไปลากเก้าอี้มานั่งเฝ้า”


   “ไม่ต้องเฝ้าก็...อ่า...ครับ เฝ้าก็ได้ครับ” ร่มธรรมไม่กล้าหือ ปล่อยให้อีกฝ่ายลุกไปยกเก้าอี้มานั่งตัวตรง สีหน้าไม่มีอารมณ์อย่างอื่นสักนิด คนถูกเฝ้าเลยชักจะนอนไม่หลับ


   “เอ่อ...มันแปลกๆนะ โดนจ้องตอนนอนแบบนี้...”


   “ผมไม่ได้จ้อง”


ร่มธรรมมอง ทำเอาคนพูดนิ่งไปเล็กน้อย รู้สึกว่าตนเองจ้องจริงนั่นล่ะ


   “ถ้าคุณหลับตาก็ไม่รู้หรอกว่าผมจ้องรึเปล่า”


   “แล้วสรุปจ้องไหม” หนุ่มรุ่นพี่ย้อนยิ้มๆ ทำเอาคนยั่งเฝ้าต้องเบือนสายตาหนีไปทางอื่น แต่ปากดุเสียงห้วน


   “หลับได้แล้ว”


แม้จะหันหน้าหนีแต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง ร่มธรรมไม่หยอกล้ออะไรอีก หลับตาแล้ววางมือลงข้างกาย และอาจจะเพราะความบังเอิญ ปลายนิ้วก้อยของเขาสัมผัสเข้ากับมือของคนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง


ไออุ่นแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าใครก็รับรู้ แต่ไม่มีใครหันไปให้ความสนใจ


คนบนเตียงยังนอนหลับตา วางมืออยู่เช่นนั้น ส่วนครองภพก็ยังนั่งอยู่อย่างนั้น และวางมืออยู่ที่เดิม


เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง มือที่แตะกันเริ่มคุ้นเคย มือของครองภพขยับเข้าหาช้าๆ ปลายนิ้วโป้งไล้หลังมือของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ราวกับจะปลอบประโลมเรื่องที่ต้องประสบมาตลอดทั้งวัน


   คนกำลังจะหลับไม่ทันรู้ตัว รับรู้เพียงแค่ความอ่อนโยนที่ไหลผ่านเข้ามาในหัวใจ


ไม่มีความเจ็บ ไม่มีความปวด มีเพียงความสบายใจและผ่อนคลาย ก่อนจะเข้าสู่นิทราอย่างสงบสุข


…………………….


   ภายในห้องนอนนั้นเงียบสงบ กล่อมให้ทั้งคนป่วยและคนเฝ้าไข้พากันหลับไหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากเหตุการณ์ขวัญเสียในวันนี้และตารางงานที่แน่นขนัดมานาน


   ‘คุณหลวงขอรับ เจ็บไหมขอรับ’


   เสียงสะอื้นดังแผ่วเข้ามาในโสตประสาท ทำเอาชายหนุ่มวัย 22 ต้องลืมตาขึ้น


ภายในห้องมีเพียงแสงสลัวจากนอกห้องที่ส่องลอดเข้ามา แต่ก็พอทำให้มองเห็นเงาตะคุ่มที่ปลายเตียง ครองภพหายใจสะดุด ไม่ว่าจะเพราะแสงสลัวหรือแสงตกกระทบ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือเงาคน!


   เงาคนบนพื้นปลายเตียงที่เอื้อมแขนมาจับเท้าของร่มธรรม!


   คิดได้เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มก็ลุกพรวดไปเปิดสวิชซ์ไฟทันที


   ทั้งห้องสว่างพรึ่บ ดวงตาเรียวดุกวาดมองไปที่ร่างของร่มธรรม แต่คนเจ็บยังนอนหลับสนิท ไม่มีเงาหรือใครอยู่ตรงนั้น


   แล้วเมื่อครู่นี้ที่เขาเห็นคือใคร?!


   “อื้อ...” เสียงครางละเมอดังมาจากคนบนเตียง ดึงสติครองภพให้หันกลับไปมอง ร่มธรรมเริ่มขยับตัวเล็กน้อย เปลือกตายังปิดสนิท แต่สีหน้าดูไม่ค่อยสบายนัก ท่าทางจะฝันร้าย


   เสียงครวญดังขึ้นอีก ใบหน้าหล่อเหลาของคนหลับเริ่มขมวดคิ้ว ครองภพไม่เคยดูแลใคร เขาไม่รู้ว่าการเฝ้าไข้ใครสักคนจะต้องทำอย่างไร จะปลุกขึ้นมาก็ไม่กล้า ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งที่เดิมแล้วบีบมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่นๆ ให้ร่มธรรมรับรู้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง


   “อือ...” ร่างบนเตียงเริ่มกระสับกระส่าย แม้จะยังหลับแต่สีหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวนอนไม่สบาย อาจจะเพราะฤทธิ์ยาเริ่มหมด อาการปวดที่แขนเริ่มปรากฏ แต่เพราะยังหลับสนิท อาการทางร่างกายจึงกลายเป็นฝันร้ายให้แม้แต่ตอนที่หลับก็ยังทรมาน


   ครองภพไม่รู้จะทำอย่างไร มองคนกระสับกระส่ายด้วยความเป็นกังวล แต่พอกวาดตามองไปรอบห้องที่สว่างโร่ก็ไม่เห็นเจ้าของเงาตะคุ่มที่เขาเห็นเมื่อครู่อีก นักแสดงหนุ่มหันกลับมามองคนที่ยังนอนหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วเรียกเบาๆ


   “ร่ม...”


   “ร่ม...ได้ยินไหม”


   “ร่มธรรม...”


   “อื้อ...” ภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ร่มธรรมรับรู้ถึงความห่วงใยที่ไหลผ่าน แต่ห้วงนิทรากลับไม่ปล่อยให้ตื่น ราวกับความมืดฉุดรั้งเอาไว้ให้ตกอยู่ในห้วงของฝัน ฝันที่มองไม่เห็นอะไรเลย เห็นแต่ความมืด รับรู้แต่ความปวดร้าว


   “ร่มธรรม...ร่ม...”


   ไออุ่นแผ่ซ่านเข้ามาทางกระหม่อม เสียงทุ้มดังใกล้ราวกับกระซิบริมหู ร่มธรรมเริ่มรู้สึกว่าความดำมืดที่ดึงรั้งเขาเอาไว้เจือจาง จนเปลือกตาเริ่มขยับเปิดทีละน้อย แสงสว่างจ้าทำให้ต้องหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นใหม่อีกหน


   “ร่ม...” เสียงเรียกดังขึ้นเบาๆ เจ้าของชื่อหันมองอย่างง่วงงุน คนเฝ้าไข้ยังเป็นคนเดียวกับตอนก่อนที่เขาจะหลับ เพียงแต่ไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงแล้ว แต่ขยับมานั่งบนเตียงแทน


   “เป็นไงบ้าง” สีหน้าของคนไม่ค่อยแสดงอารมณ์กลับแสดงออกชัดแจ้งถึงความกังวล ร่มธรรมหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะขยับกายแล้วก็พบว่าเริ่มปวดแขนข้างที่บาดเจ็บ


   “ปวด...”


   “กินยาแก้ปวดไหม” ไม่มีคำตอบ ครองภพจึงถือเอาว่าอีกฝ่ายยินดี เขากุลีกุจอไปหยิบถุงยาและน้ำ ก่อนจะกลับมาพยุงร่มธรรมขึ้นนั่งเพื่อทานยา


   ยาเม็ดและน้ำหนึ่งแก้วไหลลงคอไปแล้ว ชายหนุ่มจึงประคองคนเจ็บให้นอนลงกับเตียงตามเดิม ร่มธรรมหลับตาลงแล้ว แต่สีหน้ายังซีดเซียว ดูไม่ดีจนน่าเป็นห่วง คนไม่เคยดูแลใครได้แต่ละล้าละลังไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร ควรจะพาไปหาหมอไหม หรือจะรอให้ยาออกฤทธิ์ก่อน แต่กว่าจะรอให้ยาทำงาน ความเจ็บปวดจะยิ่งทวีมากแค่ไหนกัน 


   ในเมื่อไม่รู้จะทำเช่นไร ประสบการณ์ในวัยเยาว์ ยามเขาเจ็บป่วยแล้วมารดานอนกอดให้ความอบอุ่น ทำให้ครองภพตัดสินใจขยับตัวเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง ก่อนจะวาดแขนคร่อมศีรษะแล้วเอียงตัวเข้าหาคนเจ็บที่คล้ายจะสะลึมสะลือ


ร่มธรรมปรือตาขึ้นเล็กน้อยแม้อาการปวดที่แขนทำให้เขาหลับต่อไม่ลง ทว่าไออุ่นกลับโอบร่างเขาเอาไว้ ยิ่งพอได้ซุกหน้าเข้าหา ได้ขยับกายเข้าหา ก็ได้ยินเสียงทุ้มดังกลับมาเบาๆอย่างอ่อนโยน


“ระวังแขน...”


แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อหามุมได้เหมาะเจาะ ศีรษะของร่มธรรมก็ซุกเข้าหา ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกาย ชวนให้รู้สึกสบาย สัมผัสเบาลูบไล้ศีรษะของเขาอย่างปลอบประโลม


   น่าประหลาดที่ความเจ็บปวดเริ่มจางหาย


   ร่มธรรมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง และคราวนี้เขาหลับสนิทจนถึงเช้า


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

วันนี้มีหลายงานมาก ช่วงสอบด้วย ขอไปเตรียมตัวเรื่องสอบก่อนนะคะ

ป.ล.1 เป็นตอนที่อุดมไปด้วยพี่ร่มน้องครอง

ป.ล.2 น่าจะเป็นตอนที่ร่มกับครองคุยกันมากที่สุดแล้วนับตั้งแต่เขียนมา

ป.ล.3 แต่คุยกันมากขนาดนี้ น้องครองก็ไม่หลุดเรียกพี่ร่มว่าพี่เลยนะคะ ไม่มีคำว่าพี่สักคำเลยค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจ ขอบคุณมากๆที่ทำให้วันพฤหัสเป็นวันที่ดีสำหรับบัวที่ได้มาเจอกับคนอ่านค่ะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ (ผีเอาไงดีคะ พี่ร่มน้องครองเดินหน้าแล้วนะ ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 05-03-2020 21:06:53
 :katai2-1:สนุกมาก นี้ก็ลุ้นต่อไปจะเป็นไง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-03-2020 22:00:54
ผีเข้านอกออกในห้องพี่ร่มได้ขนาดนี้
ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเขารักกันจริงจังขึ้นมาละก็..
ผีจะเอาหน้าไปไว้ไหน 5555  :jul1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-03-2020 22:03:51
 :katai2-1:



น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 05-03-2020 22:07:38
ปรับความเข้าใจกันแล้ว :heaven :heaven
//สร้อยพระนี่ใช่อันที่คุณหลวงเคยให้แผนป่าวอ่ะ?
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-03-2020 22:44:48
ผีเอาไงดีหน่ะเหรอคะ? / สาดข้าวสารใ่ส่แม่มเลยค่ะ! วอแว!
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 05-03-2020 22:56:58
ใครเค้าเรียกแฟนว่าพี่คะ ไม่มี้!!
นายช่วงต้องรู้สึกผิดแหงๆ
แต่การที่สองคนนี่อยู่ด้วยกัน
มันมีผลต่อการปรากฎตัวนายช่วงมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-03-2020 23:28:51
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-03-2020 00:09:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 06-03-2020 00:12:24
ตบอีผีร้ายย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-03-2020 08:30:17
แหม กว่าจะเข้าใจ ยอมใจอ่อนได้ ต้องให้น้องครองพูดแซะหัวใจถึงยอมรับ
 :เฮ้อ:
พอเข้าใจกัน ก็ต้องมาลุ้นอีกแล้วว่าพ่อคุณที่นุ่งโจง จะมาไม้ไหนอีก ได้อ่านแล้ว
นอนหลับได้ละ แต่ก็ต้องรออีกอาทิตย์
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-03-2020 09:09:56
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-03-2020 09:12:29
กลับตัวก้อไม่ได้ ให้เดินต่อไปก้อไปไม่ถึงงี้หราพี่ร่ม 5555

สู้หน่อยยยย น้องยังสู้เลย

อยากให้ เซฟจี แสดงซีรี่ย์เรื่องนี้เลย 5555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-03-2020 10:37:21
ลุ้นต่อไปว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นตามมาอีก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 06-03-2020 13:20:57
อิผีโจง แกพลาดแล้ว!! เขาปรับความเข้าใจกันแล้วย่ะ เขาจะจับมือไปด้วยกัน เขารักกัน เขานอนกอดกลมเลยย  :hao5:

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 06-03-2020 18:11:36
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 06-03-2020 21:34:04
 :pig4:ขอบคุณ​น้าาารอๆ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-03-2020 23:42:12
 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-03-2020 09:44:20
คุณนุ่งโจง คุณไม่ได้ไปต่อ พี่ร่ม น้องครอง ได้รวมหัวใจ ไปด้วยกันแล้วจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-03-2020 10:23:45
ชายนุ่งโจนวอแวเก่งจิงๆ :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-03-2020 10:40:58
 ใครเขาเรียกแฟนว่าพี่กัน 5555555 ในที่สุดก็ได้ปรับความเข้าใจกันสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 07-03-2020 12:38:33
ปรับความเข้าใจกันแล้ว  :impress2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-03-2020 03:06:04
ชอบความแน่วแน่ที่ไม่หลุดเรียกพี่เลย
แต่ว่านะผีไม่เห็นครองเหรอ หรือไม่สนใจ?
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-03-2020 14:41:00
เอ็นดูร่มธรรมนะคะ เหมือนเด็กน้อยไปเลย
เจอครองภพโหมดเข้มไป และเขินเค้าเองด้วยนะ 5555
แม่กับพี่ชายครอง น่ารักมากเลยค่ะ

เบญญาคงไม่มีส่วนอะไรกับเรื่องแปลกพวกนี้เนาะ

กลับมาตกลงปลงใจกันแบบนี้ ผีโจงคงยิ่งแค้นน่ะ
เหมือนที่ผ่านมา จะปกป้องร่มธรรมมาตลอด
และก็ยังภักดีไม่เปลี่ยนแปลง ดูจากคำขอโทษ
หวังว่า เรื่องนี้ จะไม่ไปกระตุ้นความแค้นใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-03-2020 16:09:49
ใจชั้นก็หายเป็นพักๆ ลุ้นจัง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2020 23:39:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 9 (05/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 12-03-2020 02:14:11
จับมือสู้ไปด้วยกันนะ
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 12-03-2020 21:07:17
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 11


   รินฤดีและรุ่งโรจน์หิ้วข้าวต้มมาฝากร่มธรรม แต่ตอนที่ขึ้นมาถึงหน้าประตูห้อง กลับพบว่าคนที่เปิดประตูให้ คือนักแสดงหนุ่มชื่อดังวัย 22


   “น้องครอง?” รินฤดีร้องหน้าตาเหรอหรา


เมื่อวานวิษณุผู้จัดการส่วนตัวของครองภพติดต่อมาหาหล่อนเพื่อขอที่อยู่ของร่มธรรม ให้เหตุผลว่าครองภพต้องการไปเยี่ยม แต่รินฤดีไม่คิดว่าการมาเยี่ยมจะกินเวลายาวนานจนมาถึงเช้าของอีกวัน


   ...อ่า...แต่อาจจะเพิ่งมาก็ได้ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เพราะครองภพไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะมาตั้งแต่เมื่อวานและอยู่จนกระทั่งวันนี้...


   นักแสดงหนุ่มไม่พูดอะไร แต่ยกมือไหว้หญิงสาว


   “เอ่อ...พี่ไม่คิดว่าจะเจอน้องครองที่นี่ เพิ่งมาถึงหรือคะ อ่า...แล้วนี่ร่มไปไหนคะ”


   “ยังไม่ตื่นครับ”


   “หือ?” รินฤดีคิดว่าฟังผิด



...ร่มธรรมยังไม่ตื่นแล้วครองภพอยู่ในห้องได้อย่างไร หรือ...แท้จริงแล้วเขาอยู่มาตั้งแต่เมื่อคืน?...


   รินฤดีเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี แต่มาถึงคราวพูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ สีหน้างุนงงของหล่อนปิดไม่มิด แต่ครองภพไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่ม ดวงตาเรียวดุเหลือบไปมองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ตอนนั้นเองที่หญิงสาวเพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้แนะนำ


   “นี่โรจน์ น้องชายของพี่ แล้วก็เป็นพี่ชายของร่มด้วย โรจน์...นี่น้องครอง คนที่เล่นซีรี่ส์เรื่องเดียวกับร่ม”



นักแสดงหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยกมือไหว้ แล้วเบี่ยงกายออกจากหน้าประตูให้สองพี่น้องเข้ามาในคอนโดของร่มธรรมแต่โดยดี



รินฤดีรู้สึกแปลกๆ หล่อนหันไปมองจุดเดิมที่เคยยืนกับน้องชายซึ่งอยู่นอกห้อง


   เมื่อครู่นี้...หล่อนยืนตรงนั้น ส่วนครองภพยืนขวางประตูอยู่ในห้อง


   เขาไม่ได้แสดงออกว่าไม่ให้เข้า แต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะหลบ


   แต่...พอแนะนำรุ่งโรจน์แล้ว เขาก็ถอยออกจากประตูแต่โดยดี


   เขาทำเหมือนเฝ้าประตู...ทั้งๆที่ไม่ใช่ประตูห้องของเขาด้วยซ้ำ


   “เอ่อ...พี่...ไม่รู้ว่าน้องครองอยู่ เลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเผื่อเลย ถ้ายังไง เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปซื้อมา...” รินฤดีพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ถึงแม้การที่ครองภพอยู่ในห้องของร่มธรรมตั้งแต่เช้าเช่นนี้จะไม่ใช่เรื่องปกติเลยก็ตามที


   “ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะออกไปทำงานพอดี” ครองภพเอ่ยเรียบๆ ก่อนจะหันไปทางรุ่งโรจน์ที่เมื่อครู่เดินหายเข้าไปในห้องนอนของร่มธรรม


   “ไอ้ร่มยังหลับอยู่เลย แต่ไม่มีไข้” นายตำรวจหนุ่มเดินบ่นออกมาจากห้องนอน


   “เขากินยาแก้ปวดไปเมื่อตอนตีสามกว่า” ประโยคนี้ของพระเอกชื่อดังยิ่งทำเอารินฤดีหันมองแทบไม่ทัน แต่ท่าทีของคนพูดไม่ได้สนใจว่าตนเองพูดอะไรออกมา กลับยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วหันไปทางสองพี่น้อง


   “ผมต้องลงไปรอรถแล้ว แล้วไว้ตอนดึกๆ เลิกงานแล้วจะแวะมาใหม่นะครับ”


   “อ...เอ้อ...ค่ะ...” รินฤดีได้แต่ละล่ำละลัก หล่อนไม่รู้ว่าควรจะดึงสติกลับมาอย่างไรดี ในเมื่อคำพูดของครองภพบอกชัดว่าเขาอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืน


   จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้ทั้งร่มธรรมและครองภพสนิทสนมกันจนตกเป็นข่าว แต่พักหลังมานี้ ต่างคนกลับต่างอยู่ ทว่า...ตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ต่างอยู่แล้ว เพราะครองภพถึงขั้นมาอยู่โยงเฝ้าไข้


   “คุณ...โรจน์...ผมขอคุยด้วยหน่อย” ครองภพหันไปพูดกับคนที่รินฤดีแนะนำว่าเป็นพี่ชายของร่มธรรม ไม่ต้องรอให้ใครตอบรับหรือปฏิเสธ นักแสดงหนุ่มชื่อดังก็หมุนตัวเดินไปคว้ากระเป๋าเป้ก้าวเท้าออกจากห้องแล้ว


   สองพี่น้องมองหน้ากันด้วยความงุนงง ก่อนที่รินฤดีจะรีบลุนหลังให้น้องชายคนรองรีบตามออกไป


   ...ครองภพขอคุย...


   พระเอกพูดน้อยที่สุดของวงการบันเทิงไทย ‘ขอคุย’


   ใครไม่คุยด้วย รินฤดีจะตีให้! คอยดูสิ!!


.....................


   ภายในลิฟต์ที่กำลังเดินทางสู่ชั้นล่าง มีผู้โดยสารสองคน หนึ่งคือนักแสดงหนุ่มชื่อดัง อีกหนึ่งคือนายตำรวจพี่ชายของร่มธรรม



รุ่งโรจน์ ‘รู้จัก’ พระเอกรูปหล่ออย่างครองภพมาบ้างจากป้ายโฆษณาตามสถานที่ต่างๆทั่วกรุงเทพฯ และชื่อเสียงที่ลอยตามมาด้วยก็คือฉายา ‘หล่อพิกุลจะร่วง’ อันเนื่องมาจากพูดน้อยเป็นเหตุ


   “เขาเคยเล่าเรื่องฝันเห็นคนนุ่งโจงกระเบนไหมครับ”


แต่...คนที่พูดน้อยถึงขั้นนักข่าวยังตั้งฉายาให้ กลับเป็นคนยิงคำถามตั้งแต่เข้ามาในลิฟต์


   “คนนุ่งโจง? ถามทำไมหรือ”


   “เขาเล่าให้ผมฟังว่าเขาเห็น” 


ร่มธรรมไม่ใช่คนเอาเรื่องพวกนี้ไปพูดกับคนอื่น รุ่งโรจน์รู้ดี ดังนั้นการที่ครองภพบอกว่าน้องชายของเขาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ย่อมหมายความว่าต้องมีเรื่องสำคัญ


   นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยปาก “ใช่...จริงๆมันก็ไม่ได้เพิ่งมาเห็นหรอก เห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว”


   “ตั้งแต่เด็ก?”


   “ตอนเด็กๆร่มพูดบ่อยๆว่าอาผู้ชายไม่ใส่เสื้อชอบมาเล่นด้วย พวกเรา...คิดกันว่าเขาน่าจะเป็นเทวดาองครักษ์ประจำตัวอะไรแบบนี้”


ครองภพทำหน้าปั้นยาก ทั้งๆที่ฟังดูไม่น่าเชื่อสักนิด แต่...จะไม่เชื่อก็เห็นจะไม่ได้ ในเมื่อร่มธรรมบอกเขาเองว่าเห็นชายนุ่งโจงยืนอยู่ใกล้เขา ก่อนที่อุปกรณ์ไฟจะหล่นลงมา


   แล้ว...เมื่อคืน...เขาก็เห็นเงาตะคุ่มเอื้อมมือมาจับขาร่มธรรมที่นอนอยู่


   เทวดาองครักษ์?


   ถ้าใช่...ก็เพื่อปกป้องร่มธรรมจากอันตราย แต่ทำไม...กลับคิดจะทำร้ายครองภพด้วย ในเมื่อเขาไม่เคยคิดทำร้ายร่มธรรมเลยสักนิด


   หรือแท้จริงแล้วไม่ใช่เทวดาองครักษ์ อาจจะมีอยู่เพื่อปกปักรักษาร่มธรรม แต่ไม่ได้หวังดีต่อครองภพแน่นอน


   “จะบอกว่า...ผู้ชายนุ่งโจงคนนั้นมาเตือนให้ร่มระวังตัวหรือครับ” ครองภพย้อนถาม แต่ไม่ยอมพูดเรื่องที่เขาสงสัยว่าชายคนนั้นหมายหัวเขา


   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”


   รุ่งโรจน์ตอบแล้วถอนหายใจอีกที ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุดพอดี สองหนุ่มเดินออกมา แต่เป็นฝ่ายพี่ชายของร่มธรรมที่ไม่ปล่อยให้กลับไปแต่โดยดี


   “ผม...จะให้ไอ้ร่มออกจากวงการ”


ครองภพชะงัก หันมองทันควัน ร่มธรรมเคยบอกว่ารุ่งโรจน์ไม่ต้องการให้อยู่ในวงการ แต่ไม่มีใครรู้ว่าทำไม


   นายตำรวจหนุ่มกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ แต่ความปลอดภัยของร่มธรรมสำคัญที่สุด วันนี้พิสูจน์ชัดแล้วว่าถ้าน้องชายของเขายังอยู่ในเส้นทางสายนี้ สักวันหนึ่งจะไม่ใช่แค่เลือดตกยางออก แต่อาจหมายถึงหมดลมหายใจ


แต่ในระหว่างที่เขายังหาวิธีทำให้ร่มธรรมออกจากวงการไม่ได้ ครองภพย่อมเป็นตัวช่วยที่ดี แม้อายุจะยังน้อย แต่ก็อยู่กองเดียวกับร่มธรรม อีกทั้งยังอยู่ในวงการมานาน มีสังกัดใหญ่โต มีพลังมากพอที่จะช่วยน้องของเขาได้


   ชายหนุ่มเปิดโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา ก่อนให้ดูรูปในนั้น


   ครองภพเพ่งมองรูปภาพกระดาษที่มีข้อความสั้นๆซึ่งปรากฏในโทรศัพท์ แล้วเรื่องที่ณัฐฐาเคยเล่าให้ฟังก็กลับเข้ามาในสมอง


   ‘พี่รินได้จดหมายขู่’


   ใช่...ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ของนายตำรวจหนุ่มก็คือจดหมายขู่


ไม่ใช่จดหมายขู่เอาชีวิตรินฤดีหรือรุ่งโรจน์ แต่เป็นจดหมายขู่ให้ร่มธรรมออกจากวงการ!



ข่าวลือที่ณัฐฐาได้ยินมาก่อนที่ร่มธรรมจะมีบอดี้การ์ดไม่ใช่แค่ข่าวลือ แต่มันคือความจริง!



ร่มธรรมถูกขู่!


   รุ่งโรจน์มองท่าทางตกตะลึงของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก็เอ่ยเรียบๆ ทว่าใครจะรู้ว่าหัวใจของเขานั้นห่วงใยน้องชายมากเพียงใด


   “ผม...ไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ...มีคนจงใจ...จะให้ร่มออกจากวงการ...”



   ครองภพเงยหน้ามอง ดวงตาเรียววาวโรจน์ทั้งโกรธ ทั้งโมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้น


   “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกใช่มั้ยครับ”


รุ่งโรจน์สูดลมหายใจลึก ก่อนจะสารภาพตามตรง


   “ครั้งแรก...เมื่อ 6 ปีก่อน”


...........................


   ร่มธรรมตื่นหลังจากครองภพออกจากห้องไปแล้วพักหนึ่ง เขาจึงพบเพียงพี่สาว รินฤดีบอกว่ารุ่งโรจน์มีธุระด่วนจึงต้องไปก่อน แล้วตอนเย็นจะแวะมาใหม่ แน่นอนว่าคนเพิ่งตื่นย่อมไม่รู้ว่านอกจากรุ่งโรจน์มาเยี่ยมแล้วครั้งหนึ่ง ยังมีอีกคนที่มาเยี่ยมและอยู่โยงเฝ้าจนเช้าด้วย


ชายหนุ่มจัดการตัวเองในห้องน้ำเรียบร้อยก็ออกมากินข้าวต้มที่รินฤดีเตรียมให้


หญิงสาวมองน้องชายที่กำลังนั่งตักข้าวต้มเข้าปาก แม้จะไม่ได้ดูผุดผ่องเหมือนยามอยู่ต่อหน้ากล้อง แต่ก็ไม่ได้ดูซีดเซียวทรุดโทรมเหมือนคนเจ็บหนัก ทั้งๆที่เพิ่งบาดเจ็บแท้ๆ


   หรือจะเพราะ...มีคนดูแลทั้งคืน


   “เมื่อวาน...ผู้จัดการของน้องครองติดต่อมาหาพี่ บอกว่าเขาอยากมาเยี่ยมร่ม”



ร่มธรรมเงยหน้ามอง ก่อนจะยิ้มจาง


   “ครับ เมื่อวานครองมา”


   “แล้วกลับไปตอนไหน” คราวนี้ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มวัย 28 เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นการคิดไตร่ตรอง


   “อ่า...ไม่แน่ใจ แต่เมื่อวานเขาบอกจะอยู่เฝ้า แล้ว...ผมก็หลับไปเลย”


ร่มธรรมไม่ได้บอกว่าเขาสะลึมสะลือกลางดึกเพราะปวดแขน จำได้เลาๆว่ามีคนนั่งอยู่ข้างเตียง ถามเรื่องกินยา พยุงเขาลุกขึ้นนั่งแล้วแกะยาใส่มือ บังคับให้กินน้ำมากๆ จากนั้นก็ประคองให้นอนต่อ...ห้วงสติสุดท้ายก่อนจะหลับ เขารับรู้ถึงความอบอุ่น...เหมือนมีใครบางคนกอดเอาไว้ 


   ...หรือใครคนนั้น...จะเป็นครองภพ?...


   “น้องครองเพิ่งกลับไปเมื่อเช้า ตอนพี่มา” 


ร่มธรรมชะงักไปอึดใจหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าครองภพจะอยู่เฝ้าเขาทั้งคืนจริงอย่างที่ปากพูด


   “กลับมาสนิทกันแล้วเหรอ” รินฤดีถาม สีหน้ายิ้มๆ


   “ก็...” ร่มธรรมไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไรให้พี่สาวเข้าใจ ทว่าคนเป็นพี่กลับใจร้อนรีบชิงพูด


   “สนิทเถอะ พี่อยากให้สนิทนะ น้องครองเป็นคนดี แล้วก็หล่อด้วย” หล่อนพูดแล้วหัวเราะ แต่คนเป็นน้องทำหน้านิ่ว


   “ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องหล่อเลย”


   “อ้าว ไม่เกี่ยวได้ไง พี่จะได้ยืด นอกจากจะมีน้องชายหล่อแล้ว เพื่อนสนิทของน้องชายก็โคตรหล่อ”



ร่มธรรมส่ายศีรษะไปมาอย่างนึกระอา รินฤดีมองน้องชายแล้วยิ้มจาง แม้ร่มธรรมจะบาดเจ็บ แต่หล่อนดูออกว่าเขาแจ่มใสกว่าก่อนหน้านี้มากนัก เหตุผลคงไม่ใช่เรื่องอื่น นอกจากเรื่องของครองภพ


   และถ้าหากครองภพทำให้น้องชายของหล่อนมีความสุข ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขัดขวาง


   “ร่ม...น้องครองเป็นห่วงร่มมากนะ พี่ดูออก”



คนเป็นน้องนิ่งไปเล็กน้อย แม้จะตัดสินใจแล้วที่จะรักษาปัจจุบันมากกว่ากังวลเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้อย่างไรความสัมพันธ์ของเขาและครองภพก็ไม่ใช่เรื่องที่จะนำไปพูดอย่างตรงไปตรงมา


   “ร่มเองก็ห่วงน้องครองมากเหมือนกัน จริงไหม”



ร่มธรรมเงยหน้ามองพี่สาวทันที ทว่ารินฤดียังคงยิ้มน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจและยินดี



“พี่ดีใจนะ...ดีใจด้วย...เขาเป็นความสุขของร่ม ร่มก็เป็นความสุขของเขา รักษากันและกันเอาไว้นะ”


   หล่อนยินดีเสมอ ไม่ว่าน้องๆของหล่อนจะก้าวเดินไปยังทิศทางใด ขอเพียงพวกเขามีความสุข และภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำ หล่อนก็มีความสุขและภาคภูมิใจที่ได้เป็นพี่สาวของพวกเขาเช่นกัน



   หญิงสาวเอื้อมมือมาจับมือของน้องชายเอาไว้แล้วบีบเบาๆ รอยยิ้มยังติดอยู่บนใบหน้า ในดวงตายังเต็มไปด้วยความปรารถนาดี สองพี่น้องไม่ต้องมีคำพูดอื่นใด ต่างคนต่างก็เข้าใจ



   ยินดีและดีใจ...ที่ได้รู้ว่าน้องชายคนนี้มีคนที่รักและห่วงใย และใครคนนั้นก็ ‘รัก’ และ ‘ห่วงใย’ น้องของตนไม่แตกต่างกัน...



   
..................


   เพราะครองภพติดงานในตอนเช้า ดังนั้นเขาจึงนัดพบรุ่งโรจน์อีกครั้งหลังจากเลิกงาน นายตำรวจหนุ่มให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี


   ร้านอาหารที่ค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัวคือจุดนัดพบ ผู้จัดการส่วนตัวของครองภพเป็นคนจองโต๊ะมุมในสุด ตอนที่รุ่งโรจน์ไปถึง มีคนติดตามของครองภพยืนประกบทางเข้าออกที่ไปยังโต๊ะนั้น เห็นความพรั่งพร้อมของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าแล้ว นายตำรวจหนุ่มก็คิดว่าตนเองเลือกไม่ผิดที่จะให้ครองภพเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลร่มธรรม


   “จดหมายนี่...ได้ครั้งแรกเมื่อ 6 ปีก่อนหรือครับ” ครองภพถาม ก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือที่รุ่งโรจน์เปิดรูปคืนกลับไป



พี่ชายคนรองของร่มธรรมพยักหน้ารับ นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องจึงเอ่ยปากถามต่อ


   “6 ปีที่แล้ว...คุณพ่อของพวกคุณเสีย...”


รุ่งโรจน์นิ่งไปเล็กน้อย แต่เมื่อเหลือบตาไปสบกับดวงตาเรียวดุของคนถาม เขาก็ดูออกว่าอีกฝ่ายคงตามสืบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อนมาแล้ว


   หรือต่อให้ไม่สืบ ก็คงตามหาข่าวได้ไม่ยาก ในเมื่อตอนนั้นร่มธรรมเป็นพระเอกดัง ข่าวอุบัติเหตุของบิดาจึงกลายเป็นยิ่งกว่าโศกนาฏกรรม สำนักข่าวทุกแห่งออกข่าวเรื่องนี้กันครึกโครมอยู่เป็นเดือน ยิ่งหลังจากเสร็จพิธีศพ ร่มธรรมประกาศถอนตัวจากวงการ ก็ยิ่งกลายเป็นหัวข้อข่าวเด่นต่อจากนั้นไปอีกหลายเดือน


   “หลังจากคุณพ่อของพวกคุณเสีย ร่มออกจากวงการ มีจดหมายแบบนี้มาอีกมั้ยครับ”


   “ไม่มี”


   คำตอบของรุ่งโรจน์ทำให้หัวใจของคนฟังโหวงเหวง ลมหายใจขาดห้วง


   เมื่อ 6 ปีก่อน เคยมีจดหมายขู่ บิดาของสามพี่น้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และร่มธรรมออกจากวงการ


   ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ร่มธรรมอยู่นอกวงการ จดหมายขู่ก็หายเงียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


   จนกระทั่งปีนี้ ร่มธรรมกลับเข้าวงการอีกครั้ง จดหมายขู่ปรากฏ พร้อมกับอุบัติเหตุในกองถ่าย


   ครองภพไม่ใช่คนโง่ สามข้อนี้บอกให้รู้ว่ามีคนจงใจจะให้ร่มธรรมออกจากวงการจริง แต่เขาก็ไม่คิดว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะเพ่งเล็งไปที่ร่มธรรม


มันกลับหมายหัวคนรอบข้างต่างหาก


   “เมื่อ 6 ปีก่อน ร่มรู้มั้ยครับว่ามีจดหมายขู่”


   “ไม่รู้ ผมไม่กล้าบอก ไม่อยากให้เขาคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ...”


   ...เป็นการขู่และลงมือกับคนใกล้ตัว กดดันให้พาร่มธรรมออกจากวงการโดยที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง…


   ครองภพถอนหายใจเบาก่อนจะเอนหลังพิงพนัก แล้วตั้งคำถาม


   “ถ้าร่มออกจากวงการอีกครั้ง คุณแน่ใจใช่มั้ยว่าจะไม่มีจดหมายมาอีก”


   “ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาก็ไม่มี” รุ่งโรจน์ตอบ


   “แต่วันนี้มันก็พิสูจน์แล้วว่า 6 ปีที่ผ่านมาไม่มีจดหมายขู่ ไม่ใช่ว่าตัวคนทำจะเลิก” พี่ชายของร่มธรรมได้แต่เงียบ คำพูดนี้ของครองภพเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย


6 ปีจดหมายขู่หายเงียบ แต่ตัวคนทำพร้อมจะกลับมาเริ่มใหม่เสมอ


   “ผมรู้ว่าคุณกังวลเรื่องความปลอดภัยของร่ม แต่การออกจากวงการไม่ใช่วีธีแก้ปัญหา” ครองภพเอ่ยปาก


   “ไม่ใช่ผมไม่พยายามแก้ปัญหา แต่...แต่มันตันไปหมดทุกทาง” รุ่งโรจน์เข้าถึงข้อมูลของคดีในฐานะตำรวจ แต่ก็ไม่อาจได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลย สุดท้ายจึงเลือกที่จะให้น้องชายออกมาจากวงการ


   “ถ้าเราตามหาคนทำไม่เจอ เราก็ต้องดึงออกมาในที่แจ้ง”


   “หมายความว่าจะล่อเขาเหรอ ไม่มีทาง ผมเป็นห่วงไอ้ร่ม”


   “เขาไม่ทำอะไรร่มหรอกครับ ดูก็รู้ว่าเขากดดันคนรอบตัวของร่ม แต่ไม่เคยแตะร่มเลย เขารักร่มมากเกินไปด้วยซ้ำ” ครองภพพูดเรียบ ดวงตาเรียวของพระเอกหนุ่มเป็นประกายวาววับราวกับรู้ว่าตนเองกำลังจะทำอะไร ทว่ารุ่งโรจน์เองก็รู้เช่นกันว่าหนุ่มรุ่นน้องคิดจะทำอะไร


   “คุณ...คุณจะเป็นเหยื่อล่อหรือ...” เขาถามอย่างตกตะลึง คิดไม่ถึงอีกฝ่ายจะยอมทำถึงเพียงนี้


   “ในเมื่อเขาไม่อยากให้ร่มอยู่ในวงการ ผมก็จะแสดงตัวว่าเป็นคนที่ทำให้ร่มอยู่ในวงการต่อไปเอง”


   “แต่มันอันตราย...”


   “แต่การปล่อยให้มีคนอันตรายคอยจ้องร่มจากที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่อันตรายกว่าหรือครับ”


   “คุณนี่มัน...บ้ารึเปล่าน่ะ...”


   “ร่มรักอาชีพการแสดงมาก ผมไม่อยากให้เขาทิ้งมันไปอีก” คำพูดของครองภพทำเอารุ่งโรจน์ได้แต่ถอนหายใจ ทั้งคำพูดและท่าทีของนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องบอกให้รู้ว่าแน่วแน่และจริงจังมากเพียงใดกับวิธีการนี้


   “ถ้าอย่างนั้น ผมจะหาบอดี้การ์ดให้คุณเพิ่ม คอยดูแลห่างๆ ดูว่ามีใครน่าสงสัยบ้าง แล้วผมจะพยายามหาทางสืบเรื่องคนที่ลงมือให้ได้”


   “ขอบคุณครับ ส่วนช่วงที่ต้องไปออกกองต่างจังหวัด ผมจะช่วยดูแลร่มอีกแรง”


   หนึ่งตำรวจหนึ่งนักแสดงตกลงร่วมมือร่วมใจกันเรียบร้อยก็แลกเบอร์ติดต่อ ครองภพย้ำว่าถ้ามีอะไรสามารถติดต่อเขาได้ทุกเมื่อ หรือถ้าติดต่อเขาไม่ได้ให้ติดต่อผู้จัดการของเขาได้เลย



รุ่งโรจน์ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรนอกจากตบไหล่


   “ไอ้ร่มโชคดีจริงๆที่มีเพื่อนดีๆอย่างคุณ”


ครองภพชะงักไปเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พูดว่าเขาไม่ใช่เพื่อนที่ดีของใครทั้งนั้น ยิ่งกับร่มธรรมด้วยแล้ว เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสักนิด


..................
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 12-03-2020 21:09:37


หลังแยกจากรุ่งโรจน์แล้ว ครองภพให้รถมาส่งที่คอนโดของร่มธรรม เขาโทรศัพท์ตามเจ้าของห้องลงมารับที่ล็อบบี้ คนเจ็บมีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าตัวยิ้มแย้มกับผู้จัดการส่วนตัวของครองภพ แต่พอวิษณุขอตัวกลับ เหลือพวกเขาแค่สองคนในคอนโดของร่มธรรม คนเจ็บก็กลับมีสีหน้าห่วงใย


   “เลิกงานแทนที่จะกลับไปพักผ่อน ไม่เห็นต้องมาเยี่ยมพี่เลย”


   “ไม่ได้มาเยี่ยม” ครองภพออกปาก เปิดกระเป๋าเป้หยิบผ้าขนหนูและเสื้อผ้าของตนเองออกมา ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ มองคนอายุน้อยกว่าที่นอกจากจะพูดจาไม่เคลียร์แล้ว ยังทำเรื่องไม่เคลียร์ด้วย


   ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มรุ่นน้องเงยขึ้นมามองเจ้าของห้อง


   “ผมมาค้าง”


   “หะ?!”


   “เมื่อกี้ไม่ได้ยินที่ผมพูดกับพี่ณุเหรอ ว่าให้มารับที่นี่พรุ่งนี้”



ร่มธรรมงุนงงจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จะบอกว่าไม่ได้ยินก็ไม่ใช่ เขาได้ยิน แต่คิดตามไม่ทันต่างหาก


   “ผมต้องบอกมั้ยว่าผมมาค้างที่นี่ทำไม” ดวงตาเรียวของครองภพนั้นเป็นประกายแน่วแน่จนเจ้าของห้องไม่กล้าพูดอะไรอีก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำไมครองภพมาค้างที่นี่ ในเมื่อพวกเขา…


   ...ไม่ระบุความสัมพันธ์ แต่ต่างคนต่างรู้ว่าสถานะของพวกเขาไม่ใช่เพียงเพื่อนร่วมวงการหรือคนรู้จักอีกแล้ว...


   ...ทุกอย่างกำลังเดินไปข้างหน้า ทั้งความรู้สึกและความสัมพันธ์...


   “ขอผมใช้ห้องน้ำหน่อยได้ไหม”


   “อ...อื้อ...ต...ตามสบาย” ร่มธรรมไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไร ถึงจะเคยมีเพื่อนมาค้างที่คอนโด หรือพี่สาวพี่ชายแวะมานอนด้วย แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกว่าการเป็นเจ้าของห้องจะมือไม้เก้งก้างได้ขนาดนี้เลย


   “อ...เอ่อ...งั้น...งั้นพี่...พี่จะเตรียมที่นอน...” เขาพูดอย่างนั้น กำลังจะหมุนตัวกลับเข้าห้องนอน แต่ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน


   “ไม่ต้อง ผมนอนแบบเมื่อคืนได้”


   “นอนแบบเมื่อคืน?” ร่มธรรมทวน แล้วก็พลันรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้าทั้งคอ คนอายุน้อยกว่าเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นปฏิกริยาของคนตรงหน้า เสือยิ้มยากของวงการบันเทิงไทยยกยิ้มที่มุมปากอย่างเอ็นดู


   “แสดงว่าจำได้ว่าเมื่อคืนผมนอนยังไง”


   “ก...ก็...”


   “แต่เมื่อคืนไม่เห็นปฏิเสธ แสดงว่าคืนนี้ก็นอนแบบนั้นได้”



แล้วคนพูดก็ยักไหล่ตัดสินใจเสร็จสรรพ หมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งอย่างนั้น กว่าเจ้าของห้องจะรู้ตัวว่าถูกมัดมือชกเรื่องที่นอนคืนนี้ก็ทักท้วงอะไรไม่ทันแล้ว


..............................


   ครองภพออกจากห้องน้ำอีกครั้ง คนเจ็บย้ายเข้าไปนั่งห้อยขาอยู่ที่ปลายเตียงแล้ว แน่นอนว่าพอเขาเดินเข้าไป เจ้าของห้องเหลือบมามองวูบหนึ่ง ก่อนจะเบือนสายตาหนีไปทางอื่น ดูก็รู้ว่ารายนั้นเก้อเขินกับการที่มีใครอีกคนมาขอค้างด้วยในคืนนี้


   “คุณรินฝากมาบอกว่าพรุ่งนี้คุณยังไม่ต้องออกไปไหน ถ้าอยากกินอะไร คุณรินจะส่งเมสเซ็นเจอร์วิ่งมาให้”


   “หา? แล้วเมื่อไรจะได้กลับไปถ่ายล่ะ”


   “เอาไว้ดีขึ้นกว่านี้ก่อน”


   “แล้วมันจะไม่กระทบกับคิวคนอื่นเหรอ”


   “เรื่องนั้นให้เป็นหน้าที่ผู้จัดการคุณ คุณเป็นนักแสดงก็รักษาตัวเองให้ดี เข้าใจรึเปล่า”



คล้ายๆถูกดุกลายๆที่เอาตัวเองเข้าไปรับบาดเจ็บแทนครองภพ ร่มธรรมเลยไม่กล้าเถียงอะไร แต่ไม่วายยื่นข้อเสนอบ้าง


   “แล้วงานที่ออฟฟิศกับร้านกาแฟล่ะ งานนั้นพี่ต้องทำนะ”


   “คุณรินกับคุณโรจน์จะช่วยกันดูไปก่อน”


ร่มธรรมเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักพี่ชายของเขาด้วย แต่ไม่ใช่เวลามาสงสัยการสนิทสนมของใครกับใคร เขานอนแบ่บอยู่กับเตียงมาหนึ่งวันเต็มๆ สำหรับคนที่เคยมีเรื่องให้ทำแทบทุกชั่วโมง การที่จู่ๆก็ต้องมานอนเฉยๆ เลยรู้สึกเหมือนตนเองด้อยค่าลงไปกะทันหัน


   “แต่ยังไง...มันก็มีงานที่พี่ต้องดูเอง...”


   “เช็คเมลอย่างเดียวพอมั้ย” ครองภพถาม เพียงเท่านั้นดวงตาของคนเจ็บก็เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ


   “พอ! เช็คเมลอย่างเดียวก็ได้!”


“แต่มีข้อแม้...เลิกเรียกผมว่าน้อง” คนอายุน้อยกว่ายื่นข้อเสนอ


   “อ้าว แล้วให้เรียกอะไร”


   “ครอง”


   “เอ้อ...ได้ๆ” ร่มธรรมสงสัยนิดหน่อย แต่เวลานี้ที่อีกฝ่ายเป็นคนดูแลเขา และดูเหมือนจะตั้งตัวเป็นคนมีอภิสิทธิ์เด็ดขาดในการอนุญาตให้เขาเข้าถึงเทคโนโลยี การจะเลิกเรียกน้องครองไปเรียกครอง ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่


   ครองภพยอมเดินไปหยิบโน้ตบุ๊คเครื่องเล็กจากโต๊ะทำงานมาส่งให้ ก่อนจะเอนกายลงบนเตียงเดียวกันแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด ทว่าปากก็ยังพูด


   “ให้เวลาหนึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วต้องนอน”


   “นอนอีกแล้วเหรอ...”


   “แขนยังไม่หาย ต้องนอนให้มากๆ”


   “วันนี้นอนทั้งวันเลย...” คนเจ็บบ่นตาละห้อย


รินฤดีและรุ่งโรจน์วนเวียนมาเยี่ยมทั้งเช้าทั้งบ่าย มาทีไรก็บังคับให้เขานอนทุกทีจนร่มธรรมรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาวเอาแต่เอกเขนกบนเตียงจนเส้นยึดไปหมด


   ดวงตาเรียวเหลือบจากโทรศัพท์ในมือขึ้นมาจ้อง เพียงเท่านั้นร่มธรรมก็ได้แต่รับคำเสียงอ่อย


   “โอเค...เช็คเมลเสร็จแล้วจะนอนเลย...”


   ครองภพไม่ใช่คนช่างพูด ในขณะที่ร่มธรรมเองก็ใช้สมาธิอยู่กับการอ่านอีเมลงาน ในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ ครบหนึ่งชั่วโมงตามเงื่อนไข ร่มธรรมเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าคนที่เอนกายเหยียดยาวบนเตียงเดียวกับเขา หลับไปแล้ว


   ดวงตาของคนอายุมากกว่ามองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอทำให้แผ่นอกกว้างขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ



ต่อให้จะเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆที่พลังงานล้นเหลือ ยามทำงานทุ่มเทตั้งอกตั้งใจ แต่เมื่อถึงเวลาพักผ่อน ครองภพก็เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีหัวโขนให้สวม ไร้ภาพลักษณ์ที่ต้องรักษา เป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่อยากได้อะไรมากไปกว่าที่นอนสบาย ห้องเงียบสงบ และอากาศที่พอเหมาะ


   “อือ...” เสียงจากคนหลับดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ร่างสูงที่นอนเหยียดจะงอตัวเข้าหากันเล็กน้อย



ดูเหมือนอากาศในห้องจะเย็นไปหน่อยจนคนหลับเริ่มหนาวแล้ว ร่มธรรมหัวเราะเบาๆ แต่พอลุกไปห่มผ้าให้ ก็พบว่าครองภพดันนอนทับผ้าห่ม เขาจึงต้องเดินไปเปิดตู้หยิบเอาผ้าห่มผืนใหม่มาคลุมให้แทน แม้จะยากลำบากอยู่บ้างเพราะแขนข้างหนึ่งยังเจ็บ แต่พอเห็นคนหลับ หลับได้สบายมากขึ้น ก็อดยิ้มจางไม่ได้


ภายในห้องยังสว่างโร่ คนที่นอนมาแล้วทั้งวัน แม้จะไม่อยากนอนแล้ว แต่พอเห็นคนนอนแล้วก็ชักอยากจะนอนขึ้นมา จึงตัดสินใจเก็บโน้ตบุ๊ค ก่อนจะเดินไปปิดไฟ


ในห้องเหลือเพียงแสงจากโคมไฟ เจ้าของห้องสอดร่างเข้าใต้ผ้าห่มบนเตียงอีกฝั่ง แล้วโคมไฟก็ดับลง



ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืด



ชายหนุ่มสองคนนอนหลับเคียงข้างกันอย่างสงบในค่ำคืนนี้


............................


   ครองภพสะดุ้งตื่นตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์



พอหันไปเห็นอีกคนยังหลับสนิทเลยรีบกดปิดเสียง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอกับเวลาหกโมงเช้า ทำให้เขาลุกจากเตียงเดินออกจากห้องไปรับโทรศัพท์ข้างนอก



ไม่ทันจะกรอกเสียงลงไป ปลายสายก็ส่งเสียงแทรกมาก่อน


   ‘ครอง ตอนนี้อยู่ที่ไหน’ น้ำเสียงของวิษณุฟังแล้วคล้ายจะร้อนรนนิดหน่อย


   “คอนโดของร่ม”



ครองภพได้ยินเสียงถอนหายใจเบา


   ‘ค้างจริงเหรอเนี่ย’


“มีอะไรหรือครับ”


‘มีคนแอบถ่ายครอง แล้วก็ยังดักอยู่ด้วย เขาบอกว่าครองยังไม่ออกจากคอนโดของร่มธรรม’


   ครองภพรับฟังอย่างสงบ เขาเข้าวงการตั้งแต่อายุ 16 ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยหนามแหลมและพิษร้าย การเติบโตในอุตสาหกรรมบันเทิงที่เต็มไปด้วยการแข่งขันไม่ใช่เรื่องง่าย หากอยากอยู่รอดต้องรักษาตัว หากอยากเป็นที่หนึ่งต้องฝ่าฝัน ภาพแอบถ่ายแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยประเดประดังเข้ามาในชีวิตบุคคลสาธารณะ


   “พี่ปล่อยให้รูปออกมาเลย”


   ‘คอนโดของร่มนะ’


   “ยิ่งดี ผมจะได้ให้ข่าวว่าเขาช่วยผมเอาไว้”


   ‘คิดจะทำอะไรของแกวะ ไอ้ครอง’


   “เอาตามที่ผมบอกนี่ล่ะ”


   ครองภพย้ำ เขาคุยกับผู้จัดการส่วนตัวไม่กี่ประโยคก็วางสาย ก่อนจะต่อสายไปยังต้นสังกัดเขา ชายหนุ่มย้ำเจตนาที่จะให้ปล่อยภาพแอบถ่ายออกมา โดยอ้างว่าจะได้เป็นการเลี้ยงกระแสเรื่องเขาและร่มธรรมเอาไว้ อีกทั้งยังทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเป็นคนกตัญญูด้วย



ข่าวทำนองนี้แม้ขายไม่ได้ตูมตามแบบข่าวรักๆใคร่ๆ แต่ก็จะกลายเป็นชื่อเสียงติดตัวไปยาวนานสำหรับสังคมไทยที่ชื่นชอบเรื่องบุญคุณ


   แน่นอนว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มไม่ได้ต้องการผลลัพธ์เรื่องชื่อเสียงเลย เพียงแต่สิ่งที่เขาต้องการนั้น บอกใครไม่ได้


   เช้าวันนั้น รูปแอบถ่ายของครองภพก็ปรากฏหราบนสื่อทุกชนิด ครองภพออกงานอีเว้นท์เย็นวันนั้นพอดี และกลายเป็นบทสัมภาษณ์ไปทุกช่องทาง


   “คงทราบเรื่องอุบัติเหตุในกองกันแล้วใช่มั้ยครับ คุณร่มช่วยผมเอาไว้ ถ้าไม่ได้เขา ผมคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้”


   “ก็เลยแวะไปเยี่ยมหรือคะ”


   “ใช่ครับ”


   “เห็นว่าอยู่เป็นเพื่อนทั้งคืนด้วย?”


   “เขาช่วยชีวิตผมเอาไว้นะครับ ชีวิตผมมีค่ากว่าการไปเยี่ยมเขาแค่สิบนาทีแน่นอนครับ” เสียงหัวเราะของนักข่าวดังครืน


   “แล้วตอนนี้คุณร่มเป็นยังไงบ้างคะ”


   “เขาเป็นคนสู้ แขนเจ็บก็ยังคิดจะไปถ่ายต่อ แต่ผมบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรีบ มีเวลาอยู่ในวงการ ‘ตลอดชีวิต’ ไว้ให้ดีขึ้นแล้วค่อยกลับไปถ่าย ทางกองเองก็ยินดีให้เขาพักด้วย”


   “คิวจะไม่รวนหรือครับ ได้ข่าวว่าคุณครองภพคิวเต็มไปครึ่งปีแล้ว”


   “ผมจัดการได้ครับ เขาเป็นผู้มีพระคุณของผม”


ปิดท้ายด้วยรอยยิ้มจางของนักแสดงหนุ่มรูปหล่อ แล้วก็เกิดเป็นปรากฏการณ์โควทเด็ดประจำบทสัมภาษณ์ ‘ผู้มีพระคุณของผม’ เรียกเสียงเกรียวกราวจากแฟนๆส่วนหนึ่งได้เป็นอย่างดี



ทว่า...



ไม่ใช่สำหรับใครบางคนที่ซุกตัวอยู่ในมุมมืด


   เสียงกรีดร้องดังหวีดไปทั้งห้อง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องไห้ ทว่าเมื่อร่างทะมึนปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาก็เบิกโพลง นัยน์ตาหด เส้นเลือดฝอยในตาแตกจนตาขาวแดงก่ำ และมันเต็มไปด้วยความอาฆาต


   “เพราะมึง!! เพราะมึง!!!”



“...ฮือ ร่มเจ็บ...ร่มเจ็บ...ฮือ...”



เสียงอาละวาดสลับกับเสียงคร่ำครวญราวกับสติหมดสิ้นแล้ว


   “ไอ้ครองภพ! ไอ้ครองภพ!!...กูจะฆ่ามึง!! กูจะฆ่ามึง!!!”


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

   คนเป็นน้องออกตัวแรงมาก บอกกับพี่ว่าอย่าเรียกผมว่าน้อง บอกกับสังคมว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณของผม อะโห...ความชัดเจนเต็มสิบ

   ย้ำคำเดิมว่ามีคนทายถูกแล้วจริงๆนะคะ ถ้ามั่นใจก็เชื่อมั่นในการทายของตัวเอง แต่ถ้าสิ่งที่เชื่อเริ่มสั่นคลอน ก็เปลี่ยนใหม่ได้เสมอ ฮ่าฮ่า

   คีย์บอร์ดพังจนต้องมาใช้เครื่องเล็กลงตอนยาวๆ ไม่ค่อยถนัดเลย ถ้ามีอะไรตกหล่น เดี๋ยวบัวมาแก้เพิ่มพรุ่งนี้นะคะ ขอไปซื้อคีย์บอร์ดก่อน

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกๆกำลังใจ กำลังใจจากทุกคนมีค่ามากๆ ไม่ว่าจะช่องทางไหน มันช่วยบัวในเวลาที่แย่ได้ดีมากเลยค่ะ ทั้งคอมเม้นท์ ทั้งการอ่าน ทั้งการพูดคุยต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือเรื่องไหน ขอบคุณมากๆที่สละเวลาให้กับงานเขียนของบัวนะคะ

   ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

   เจอกันพฤหัสหน้า (กับน้องครองที่ไม่ยอมเป็นน้องอีกต่อไปปปปปป)
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 12-03-2020 22:02:57
บุคคลปริศนามาอีกแล้วจ่ะ!! ท่าทางโรคจิตเต็มขั้น

ตอนแรกนึกว่าที่ไฟตกลงมาเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ผีนะเนี่ย จริงๆแล้วเป็นฝีมือซาแซง :ling3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-03-2020 22:30:11
ครอง...งงงงงงงงงงงงงงงงง ที่ไม่ใช่น้องครอง มันกร้าวใจ   :hao6:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 12-03-2020 22:58:25
ชอบน้องครองที่มีนิสัยแบบนี้
คิดจะมาค้าง ก็ค้างเลย
ไม่ถามเจ้าของห้องก่อนเลยซักคำ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 12-03-2020 23:37:21
น้องครองไม่ยอมเป็นน้องแล้วววว
อยากค้างก็ค้าง พี่ร่มห้ามดื้อ เพราะครองจะดุ  :hao7:

เอาสิ!ครองภพประกาศสู้แล้ว! จะผีจะคนก็มาเถอะ ครองภพ พร้อม!!
 
/ผีโจงไม่ใช้คำเรียกว่า คุณหลวงแล้ว เรียกร่มแทน แหน่ะ! กลัวจะหลุดให้เรารู้ล่ะสิ ว่าครองภพคือใครในอดีต  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-03-2020 23:53:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-03-2020 01:04:58
ทั้งผีทั้งคน โอ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 13-03-2020 01:37:45
 :กอด1: :mew2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 13-03-2020 01:49:19
สนุกมากกกก เราเดาไม่เบญญาก็รามิลหล่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Windtofree ที่ 13-03-2020 01:49:53
เขาไปอีกขั้นกันเเล้ววววว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 13-03-2020 02:05:50
ดูแลกันและกันดีมากกก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 13-03-2020 05:58:18
น้องครองงงงงงง   ประกาศตัวแบบจัดเต็มเลยจ้าา แหมมมม
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 13-03-2020 07:28:52
ครองมองพี่โรจน์แรงแล้วนะ
บอกส่าเพื่อนได้ยังไง
พี่มองไม่ออกเรอะ!!
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-03-2020 08:48:14
ออกตัวแรงมากน้องครอง อุ๊บ..ไม่ใช่สิต้องเรียก ครองเฉยๆ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-03-2020 10:33:21
น้องครอง ผู้ไม่ยอมเป็นเป็นน้องอีกต่อไป เปิดการ์ด fighter แล้ว

แต่ยังสงสัย อิผีมันจะเขียนจดหมายได้ไงวะ งงใจ??
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-03-2020 14:42:18
น้องครองปกป้องพี่ร่มสุดชีวิต ว่าแต่มีแบบนี้เหลือๆ ไว้สักคนมั้ยน้าาา เราจองงง
ขอขำพี่รินหน่อย... ความชอบส่วนตัว เลยจะยกน้องให้คนอื่นโดยไม่ลังเลเลยนะ
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 13-03-2020 17:07:38
อยากเห็นไอคนที่มันอยู่ในมุมมืดสักที แบบนางดูคลั่งสุดๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-03-2020 17:08:41
ไม่เดาแล้ว จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-03-2020 22:16:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-03-2020 23:45:31
น้องครอง ของพี่ร่ม ต่อไปต้องเรียก ครอง ร่ม แล้วล่ะ ตัด น้อง พี่ ออกจร้า
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-03-2020 10:47:03
อย่ามาบอกว่าเป็นพี่น้อง เพราะเขาไม่อยากเป็นแค่พี่น้อง ออกตัวแรงมาก 55555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 14-03-2020 23:33:44
ไม่เดาอะไรทั้งนั้นแล้วค่ะ  จะหวีดความไม่อยากเป็นเพื่อนที่ดีและน้องของครองภพเท่านั้น :katai5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-03-2020 20:45:02
ผีเขียนจดหมายได้ด้วยเหรอ มีใครเป็นตัวแปรอีก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-03-2020 02:25:30
แกทำอะไรร่ม!!!!
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 19-03-2020 09:54:10
เพิ่งเห็นเรื่องนี้  o22 ติดตามมานานแล้ว
ดีใจมีนิยายสนุกๆมาอ่านเพิ่มอีกเรื่อง เจ้าผีอาฆาตแรงมากค่ะ ขี้อิจฉาจัง
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 19-03-2020 21:21:09
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
---------------------
ตอนที่ 12

   

   ร่มธรรมพักรักษาตัวไม่นาน ก็กลับมาเข้ากองต่อ มีปัญหาเรื่องคิวอยู่บ้าง แต่ในเมื่อนักแสดงนำคู่อย่างครองภพบอกว่าไม่มีปัญหา และสามารถจัดการหาเวลาสำหรับการถ่ายทำคู่กับร่มธรรมได้ ก็ไม่มีใครส่งเสียงเรื่องปัญหาความล่าช้าขึ้นมาอีก


ส่วนหนึ่งก็เพราะการที่ร่มธรรมบาดเจ็บ ใครๆก็เห็นว่าเป็นข้อบกพร่องของทีมงาน หากเจ้าตัวจะเอาเรื่องย่อมทำได้ แต่คนบาดเจ็บกลับไม่ถือโทษ ชื่อเสียงความดีงามของร่มธรรมจึงกลายเป็นเรื่องที่พูดกันปากต่อปาก ดังนั้นถึงการถ่ายทำจะล่าช้า จึงไม่กลายเป็นความผิดของเขาแต่อย่างใด


    “พี่ร่ม เป็นยังไงบ้าง แนทอยากจะไปเยี่ยมหลายทีแล้ว แต่ครองบอกว่าพี่ร่มยังไม่หายดี คนนอกไปเยี่ยมเยอะๆก็กลัวว่าจะติดเชื้อ แนทเลยฝากขนมไปแทน” ณัฐฐาร้องทักหน้าตาดีอกดีใจที่เห็นร่มธรรมในกองถ่ายเสียที หลังจากก่อนหน้านี้ หล่อนต้องถ่ายกับครองภพคนเดียว


ครองภพหล่อเหลาเป็นเทพบุตรหน้าหยกสมกับที่มีแฟนคลับเป็นล้าน แต่เข้าใจกันบ้างว่าหล่อแต่ไม่หือไม่อือ หันไปทีไรก็เอาแต่กดโทรศัพท์ แอบเห็นแว่บๆว่าเขาแชทคุยกับใครไม่รู้ รู้แต่ว่าห้องแชท ‘หนักขวา’ มากกก...เพราะข้อความของครองภพไหลเป็นผืด 


   คนบาดเจ็บเหลือบไปมองชายหนุ่มรุ่นน้องที่มากองพร้อมกัน แต่รายนั้นทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้


   ไม่รู้ไม่ชี้ทั้งเรื่องแผลติดเชื้อ และเรื่องขนมที่ณัฐฐาฝากไป


   จะติดเชื้อได้อย่างไรในเมื่อกระดูกร้าวแต่ไม่มีแผลแตก ส่วนขนม...เท่าที่ร่มธรรมจำได้ ตั้งแต่เขาบาดเจ็บ นอกจากขนมที่ครองภพซื้อจากร้านของเขามาให้ ก็ไม่มีขนมชนิดไหนมาถึงมืออีก


   “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวได้แล้ว มัวแต่คุยอยู่ได้” ครองภพดุ ก่อนจะลุนหลังร่มธรรมไปห้องแต่งตัว เห็นสายตาคนอายุมากกว่าเหล่มองอย่างคาดโทษแล้วก็พอรู้ว่าเลิกกองวันนี้ ต้องเคลียร์เรื่องที่ขนมเยี่ยมไข้ของณัฐฐำไปไม่ถึงมือด้วย


   แต่เรื่องหลังเลิกกองก็เป็นเรื่องของหลังเลิกกอง เวลาอยู่ในกอง ครองภพมีหน้าที่ดูแลไม่ให้ร่มธรรมมุ่งมั่นกับการถ่ายทำมากเกินไปจนเป็นอันตรายต่อร่างกายที่เพิ่งหายดี


   “เมื่อกี้ผมโดนแขนรึเปล่า”


   “คุณเปลี่ยนมายืนฝั่งนี้ดีกว่า จะได้ไม่มีใครโดนแขนคุณ”


   “เสื้อตัวนี้มันรัดต้นแขนมากเกินไป เปลี่ยนได้ไหมครับ”


   “แขนเป็นยังไงบ้าง เจ็บบ้างรึเปล่า”


   คำพูดของครองภพห่วงใยแค่ไหน สีหน้าของเขาก็ไม่ได้น้อยหน้ากัน หากใครเคยให้รางวัลพระเอกหน้าตายแก่ครองภพ คงมาขอคืนเอาก็วันนี้


   “ครองประสาทเสียไปแล้วตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องนั่นแหละค่ะ”


ณัฐฐาอดปากไม่อยู่ ตอนที่ครองภพกำลังถ่าย เลยขอนินทาสักหน่อยในฐานะที่เป็นพยานความเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ จนวันนี้ที่ร่มธรรมกลับมาเข้ากองอีกหน


   “ช่วงที่พี่ร่มไม่มา หน้าไอ้ครองหงิกอย่างกับอะไรดี แถมเร่งถ่ายอย่างกับจะให้ออนแอร์วันพรุ่งนี้ เลิกกองปุ๊บเผ่นแน่บ สงสัยวิ่งรอกรับงาน แต่ดูวันนี้สิ ผิดเป็นคนละคน ไม่เห็นเร่งสักนิด แถมถ่ายไปถามพี่ร่มไปอีก” นักแสดงสาวออกปาก ทำเอาร่มธรรมพูดไม่ออก ไม่กล้าบอกว่าครองภพไม่ได้วิ่งรอกรับงาน แต่เลิกกองเสร็จก็รีบกลับไปอยู่กับเขา งานต่างประเทศใดๆ ถ้าเลื่อนได้เจ้าตัวเลื่อนหมด อันไหนเลื่อนไม่ได้ก็รีบไปรีบกลับ จนผู้จัดการส่วนตัวอย่างวิษณุยังสะโหลสะเหลเพราะเหน็ดเหนื่อยกับความรีบร้อนของศิลปินในความดูแลของตนเอง


    “แต่นี่นะคะพี่ร่ม พวกทีมงานเขาคุยกันว่ากองเราอาจจะไหว้เจ้าที่ไม่ถูกวิธี หลังจากพี่ร่มเจ็บ ไอ้ครองก็โดนรายวันเลยค่ะ วันนึงถังสีตกใส่มันเฉียดไปนิดเดียว แต่รองเท้าผ้าใบสุดที่รักเลอะจนใส่ไม่ได้ แต่นั่นครองภพนะคะ ต่อให้รองเท้าลิมิเต็ดก็โทร.กริ๊งเดียวได้คู่ใหม่แล้ว อีกวันนึง จู่ๆเอฟเฟ็คก็ระเบิดคาเท้า แต่โชคดีว่าวันนั้นมันใส่บู้ทเสริมส้นหนาตั้งสามนิ้วเลยไม่เจ็บอะไร แต่ระดับครองภพ ไม่เป็นอะไรก็เหมือนเป็น พี่ณุโวยจนต้องยกกองเลยค่ะ แล้วส่งมันเอ็กซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย ส่วนอีกวัน รถของทีมงานไหลมาชนรถมัน ข้างหลังยุบไปหน่อยนึง ดีนะว่าไอ้ครองมันลงจากรถพอดี เลยไม่เป็นอะไร แล้วคนอย่างครองภพ เรื่องแค่นี้จิ๊บๆค่ะ สั่งเปลี่ยนรถซะก็สิ้นเรื่อง”


ร่มธรรมรับฟังเงียบๆ ไม่ได้รู้สึกยินดีไปกับคำว่า นั่นครองภพนะ ระดับครองภพนะ คนอย่างครองภพนะ เลยสักนิด


   เพราะเหตุการณ์ที่ครองภพเจอ ไม่ใช่เรื่องปกติ


   หรือชายคนนั้นจะตามจองล้างจองผลาญไม่หยุด?


   ร่มธรรมเก็บความไม่สบายใจเอาไว้ หลังเลิกกอง ครองภพยังคงตามติดเป็นเงาตามตัว และมันเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ซักถามข้อสงสัย


   เขารอจนวิษณุออกจากคอนโดไปแล้ว ค่อยเป็นฝ่ายเอ่ยปาก


“ช่วงที่พี่ไม่ได้เข้ากอง ครองเจอเรื่องไม่ดีหรือ”


นักแสดงหนุ่มรูปหล่อเพิ่งวางแก้วน้ำลงตรงหน้าคนพูด ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เบือนสายตาหนีไปทางอื่น ก่อนจะยอมตอบ


   “อืม”


   “เรื่องอะไรบ้าง”


   “ก็...กระป๋องสีหกใส่ มือถือตกหน้าจอแตก อุบัติเหตุพวกนี้มันเจอในกองอยู่แล้วน่ะ” ครองภพไม่อยากให้อีกฝ่ายกังวล จึงเล่าแค่เฉพาะเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่รู้ร่มธรรมไปได้ยินมาจากไหน ถึงรู้เรื่องร้ายแรงกว่านั้นด้วย


   “แล้วเรื่องเอฟเฟ็คระเบิดล่ะ”


   “แนทบอกคุณเหรอ”


   “เรื่องรถทีมงานไหลมาชนรถของครองอีก”


   “หรือพี่ณุบอก?”


   “ใครบอกไม่สำคัญ สำคัญว่าทำไมครองไม่บอกพี่” ร่มธรรมเป็นคนใจดี แต่เวลาดุ กระทั่งรินฤดีหรือรุ่งโรจน์ก็ไม่กล้าหือ


   “มานั่งนี่”



แค่ปรายสายตาไปยังที่นั่งว่างบนโซฟาตัวเดียวกันพร้อมน้ำเสียงเรียบ ครองภพเองก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่ไม่กล้าหือกับร่มธรรมเช่นกัน


   คนอายุน้อยกว่ายอมนั่งลงอย่างว่าง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปิดปากเงียบ


   “ทำไมไม่บอกพี่”


   “ผม...ไม่อยากให้คุณกังวล”


   “แต่พี่ไม่ชอบการมารู้ทีหลัง” น้ำเสียงของร่มธรรมจริงจังจนครองภพต้องหันมอง เขาจับมืออีกฝ่ายมาวางบนต้นขาตนเอง แล้วลูบแผ่วเบาอย่างปลอบประโลม


   “ผมขอโทษ ไม่คิดจะทำสิ่งที่คุณไม่ชอบ แต่แค่นี้คุณก็เจ็บตัวแล้ว ไม่อยากให้คิดมากอีก”


   แม้จะรู้สึกผิดที่ทำให้ร่มธรรมโกรธ แต่หัวใจของครองภพก็ชุ่มชื้นเพราะรับรู้ถึงความห่วงใยของคนข้างกายที่แสดงออกผ่านแววตา


   “แล้วเรื่องขนมที่คุณแนทฝากมาก็ด้วย...อยู่ที่ไหน”


   เคลียร์เรื่องใหญ่ แต่เรื่องเล็กอย่างขนมที่หายไป ร่มธรรมก็ไม่ปล่อยผ่าน แต่ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก ครองภพก็ไม่ได้หายใจคล่องขึ้นเลย


   “เอ่อ...ผม...เห็นว่ามันน่าจะหวาน คุณอยู่ในช่วงรักษาตัว ก็...น่าจะควบคุมอาหาร...”


   ร่มธรรมเงียบ จ้องนิ่ง สุดท้ายคนถูกจ้องเลยต้องยอมสารภาพ


   “ก็!...ก็ผมเห็นว่ามันน่ากิน ถ้าคุณเห็นคุณก็ต้องชอบ แต่!...แต่ผมทำขนมแบบนั้นไม่ได้ จะไปซื้อมาให้ก็...ก็แทบไม่มีเวลา...จะสั่งร้านให้วิ่งมาส่งก็อยากไปเลือกเองมากกว่า แต่ก็ไปไม่ได้ ก็!...ก็เลย...”


   ...ก็เลยยกให้วิษณุกินไปแล้ว...


   คนสารภาพเหลือบมองคนรักที่จ้องดุ แล้วก็รู้สึกเหมือนตัวหดลีบ เสียงอ่อนระโหยสำนึกผิด


   “ขอโทษครับ...”


   “คุณแนทเขาฝากขนมมาเยี่ยม เพราะเขามีน้ำใจ เขาปรารถนาดี ครองไม่ดีใจเหรอ ที่คนอื่นๆปรารถนาดีต่อพี่”


   “...ดีใจครับ...”


   การที่คนรอบข้างรักใคร่เอ็นดูประสงค์ดีปรารถนาดีต่อคนรักของตนย่อมเป็นเรื่องดี ครองภพเองก็เข้าใจในจุดนี้ เพียงแต่...พอนึกถึงหน้าตากระดี๊กระด๊า ตาเป็นประกายแวววาวยามพูดถึงคนรักของเขาอย่างชื่นชม ในขณะที่ตัวเขาเองทำแบบนั้นต่อหน้าธารกำนัลไม่ได้ มันก็...อิจฉาปนหวง...


   พอเห็นคนอายุน้อยกว่าทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมสำนึกผิด ร่มธรรมก็ได้แต่ถอนหายใจ


   “พี่กับคุณแนท เราเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี พี่อยากให้ครองไว้ใจพี่”


   “ผมไว้ใจคุณ แต่ผมแค่...แค่อิจฉา...ยัยคนนั้นชอบทำตาวิบวับๆเวลาพูดถึงคุณ ผม...ผมทำแบบนั้นไม่ได้...”



หรืออีกนัยคือครองภพทำไม่เป็น เหมือนขนมเค้กหน้าตาน่ากินพวกนั้นนั่นแหละ เขาทำไม่เป็น จะไปซื้อหามาให้ก็ไม่มีเวลา แค่นี้วิษณุยังแทบช็อกตายไปแล้วจากการเร่งงานของเขาตลอดเดือนครึ่งที่ผ่านมา เพื่อจะได้มีเวลากลับมาดูแลคนเจ็บให้มากที่สุด


   “ต่อจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วครับ...” หนุ่ม 22 สำนึกผิดเสียงอ่อน เหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย แล้วเอ่ยแผ่ว


   “อย่าโกรธผมเลย...”


   “คราวหลังมีอะไรต้องบอกพี่ ทั้งเรื่องขนมของคุณแนท ทั้งเรื่องอุบัติเหตุในกอง”


   “ครับ” ครองภพรู้ว่าตนเองผิดที่ปิดบัง จึงต้องสงวนท่าทีให้ดูเจี๋ยมเจี๊ยมที่สุดเท่าที่ทำได้ เพียงเท่านั้นความโกรธของร่มธรรมก็สลายตัว เห็นท่าทีผ่อนคลายของคนอายุมากกว่าแล้ว หนุ่มรุ่นน้องจึงขยับกายโอบร่างของอีกฝ่ายเข้ามาหา แล้วกระซิบเบา


   “หายโกรธผมนะ”


   “ไม่โกรธแล้ว”


   “แล้วแขนคุณเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม”


   “ไม่เจ็บแล้ว ครองต่างหาก...ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย ที่เจอเรื่องในกอง”


   “ไม่เลย”


   “พี่...เป็นห่วงนะ”


   “ผมก็ห่วงเหมือนกัน...”


   ความห่วงใยที่มีให้กันโอบล้อมคนทั้งคู่เอาไว้ พอเปิดใจ ต่อให้จะพูดคุยกันด้วยสุ่มเสียงที่เบาเพียงใด ก็รับรู้ความรู้สึกของกันและกันได้อย่างชัดเจน



   ...ทั้งรัก ทั้งห่วง...



   ...หากเลือกได้ก็อยากอยู่เคียงข้างกันเช่นนี้ โอบประคองกันและกันเช่นนี้...ตลอดไป...



   …ไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายใดๆเลย...


……………………….


   เบญญานั่งคนน้ำแข็งในลาเต้ไปมาอย่างช้าๆ


วันนี้หล่อนมีนัดกับเพื่อนสนิทในวงการบันเทิงคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่หล่อนติดตามเขามานาน ประตูร้านกาแฟถูกผลักเข้ามา ร่างสะโอดสะองของดาราสาวที่สวมแว่นกันแดดหันมองซ้ายทีขวาที เมื่อเห็นหล่อนนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งก็ส่งยิ้มหวาน รีบก้าวเท้าเข้ามาหา


   “นึกว่าแกจะนัดที่ร้านพี่ร่ม” ประโยคแรกที่ณัฐฐาทักทายย่อมสมกับเป็นเพื่อนรักที่รู้จักกันมาหลายปี


   เบญญาหัวเราะสดใส


   “ไปก็ไม่ได้เจอ พี่ร่มยังไม่หายดีเลย” นักแสดงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามนิ่งไปเล็กน้อย แต่พอดีบริกรเข้ามาวางเมนู หล่อนจึงสั่งกาแฟดำหนึ่งแก้ว รอจนกระทั่งพ้นหลังบุคคลที่สาม ถึงได้เอ่ยปาก


   “นี่แกไม่รู้เหรอ พี่ร่มกลับมาเข้ากองแล้วนะ”


เบญญากะพริบตาปริบๆ


   “จริงน่ะ? อ้าว ก็ไหนพนักงานที่ร้านบอกว่าพี่ร่มยังไม่หายดี”


   “ก็คงจะยังไม่หายสนิท เพราะเห็นไอ้ครองตามติดแจ” พูดแล้วณัฐฐาก็เว้นวรรคหายใจนิดนึง เหลือบสายตามองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครดูมีทีท่าจะแอบฟัง ก็ขยับหน้ายื่นข้ามโต๊ะมาหาเพื่อน ดวงตาของหล่อนเป็นประกายระยิบ


   “แล้วฉันก็รู้สึกว่าอิตาครองมันแปล๊กแปลกไปด้วยแหละ!”


   “แปลกยังไง”


   ดาราสาวขยับตัวนั่งตรง เมื่อบริกรนำเครื่องดื่มมาวาง หล่อนรอจนบุคคลที่สามออกจากโต๊ะไปอีกครั้ง คราวนี้ขยับเก้าอี้มาใกล้เก้าอี้ของเพื่อนเสียเลย


   “ก็ขนมที่แกฝากมา กับขนมที่ฉันฝากไอ้ครองเอาไปให้พี่ร่มน่ะ ฉันถามพี่ร่มว่าได้รับมั้ย อร่อยรึเปล่า พี่ร่มอึกอักแหละ เหมือนจะไม่ได้รับ...”


   “ครองภพอาจจะกินไปแล้ว”


   “รายนั้นกินขนมหวานที่ไหน! ฉันว่าบดทิ้งไปแล้วมากกว่า”


   “เขาจะทิ้งทำไม”


   “เอ้า! ก็หึงไงจ๊ะ หึง!”


   “หะ?!” เบญญาขมวดคิ้วด้วยความงุนงง


   “ฉันว่าครองกับพี่ร่มต้องกุ๊กกิ๊กกันอย่างที่เขาลือกันแน่ๆ”


“บ้าหน่า”


“ไม่บ้าหรอก ไอ้ครองดูแลพี่ร่มดีกว่าพี่รินที่เป็นผู้จัดการพี่ร่มซะอีก เดี๋ยวก็ถามเรื่องแขน เดี๋ยวก็ห่วงเรื่องข้าวปลาอาหาร ฉันเล่นละครกับไอ้ครองมากี่เรื่องแล้ว ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้กับใครเลย”


   “แต่...ครองภพเขาก็ให้สัมภาษณ์นี่นาว่าพี่ร่มเป็นผู้มีพระคุณ...”


   “บางทีแฟนก็มาในรูปแบบผู้มีพระคุณนะแก” พูดแล้วณัฐฐาก็หัวเราะ เบญญาพลอยหัวเราะไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังส่ายศีรษะอย่างระอาใจ


   “อะไร! ทำหน้าอย่างนั้นแสดงว่าไม่เชื่อฉันเหรอ” ดาราสาวย้อนเสียงหลง


   “สาววายอย่างแก คราวก่อนชิปใครนะ ที่เดือนต่อมาเปิดตัวแฟนสาวไฮโซน่ะ” ถูกย้อนเข้าแบบนี้ ณัฐฐาก็ห่อเหี่ยวไปหมด แถมงอนอีกต่างหาก


   “พูดจาไม่น่ารัก เรื่องพี่ร่มก็ไม่อยากรู้แล้วเนอะ”


   “โอเคๆ ไม่พูดแล้ว กลับมาที่เรื่องพี่ร่มดีกว่า สรุปตอนนี้พี่ร่มกลับไปถ่ายซีรี่ส์ต่อแล้วใช่มั้ย”


เบญญาเป็นแฟนคลับร่มธรรมมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้กระทั่งตอนเขาออกจากวงการไปแล้ว หล่อนก็ยังตามไปเป็นลูกค้าในร้านกาแฟของเขา ดังนั้น ย่อมไม่มีเรื่องอะไรที่อยากรู้มากไปกว่าเรื่องของร่มธรรม


“ใช่ค่า...”


   “แขนหายดีแล้วแน่เหรอ หลังจากนี้มีออกไปถ่ายต่างจังหวัดด้วย จะเป็นอะไรรึเปล่า”


   “ไอ้ครองไปด้วยจะห่วงอะไร้!” พอตอบออกไปแบบนั้น ก็พบว่าสายตาของเบญญาจ้องอย่างเอือมระอา ณัฐฐาพ่นลมหายใจ ทำปากยื่น “เออๆ ไม่ต้องห่วงหรอกหน่า คิวถ่ายต่างจังหวัดมันเดือนหน้า ตอนนั้นแขนพี่ร่มก็คงหายสนิทแล้วแหละ ถ้าไม่ได้แผลใหม่เพิ่มอ่ะนะ”


   “แผลใหม่?”


ณัฐฐาตาโต แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหล่อนยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนสนิทฟัง เลยขยับเข้าใกล้เบญญาอีกรอบ


   “นี่ฉันยังไม่ได้เล่าใช่มั้ย ทีมงานในกองพูดกันทั้งนั้นแหละว่าต้องมีอาถรรพ์แน่ๆ เพราะไอ้ครองก็โดนเหมือนกัน”



อย่างที่บอกว่าเบญญาเป็นแฟนคลับร่มธรรมเพียงคนเดียว หล่อนไม่ได้อยากรู้เรื่องคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ห้ามเพื่อนพูดมากอย่างณัฐฐาไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องต่างๆในกองถ่ายอย่างเมามัน แล้วตบท้ายตามประสา ’ชิปเปอร์’ ที่ดีว่า


   “พระเอกนางเอกกว่าจะรักกันได้ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปก่อนทั้งนั้นแหละ! คู่ไอ้ครองกับพี่ร่มก็เหมือนกัน!”


..............................   
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 19-03-2020 21:21:46


ร่มธรรมไม่ได้บอกใครว่าเขาเริ่มฝันร้ายถี่ขึ้นเรื่อยๆ ภาพในฝันนั้นวนลูปซ้ำๆ เขาถูกเรียกว่าคุณหลวง ยืนประกาศิตขับไล่เด็กหนุ่มผู้หนึ่งออกจากบ้าน เด็กหนุ่มผู้นั้นเงยหน้าจ้องเขาด้วยดวงตาวาววับอย่างแค้นเคือง ภาพสุดท้ายก่อนตื่นคือชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งคุกเข่าพนมมือพร่ำบอกแต่ให้ระวัง


   ในฝัน ร่มธรรมไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นใคร แต่เมื่อตื่น สมองของเขากลับชี้เป้าไปที่ครองภพคือเด็กหนุ่มผู้นั้น


   หากชาติที่แล้ว เขาสร้างความเจ็บแค้นให้แก่ครองภพ ชาตินี้เล่า...ชาตินี้เขาต้องชดใช้ให้ครองภพอย่างนั้นใช่ไหม


   ทว่า...พอเหลือบมองคนที่เดินไปเดินมา ช่วยเขาเก็บข้าวของในคอนโด ก็พบว่าคนที่เขากังวลว่าชาตินี้อาจจะตามจองเวรจองกรรมกับเขา กลับเป็นคนเอาใจใส่ยิ่งกว่าใคร กระทั่งเลิกกองก็ยังตามติดมาดูแล อ้างแต่ว่าแขนของเขายังไม่หายดี สมควรมีคนอยู่ด้วย แล้วเหมาเอาว่าตนเองคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะดูแลร่มธรรม


   ‘ถึงจะถอดเฝือกแล้วแต่ก็ยังไม่หาย ถึงหมอจะบอกว่าหายแล้ว แต่...ผมคิดว่ายัง’


‘ผมถ่ายซีนเดียวกับร่มแทบทุกวันที่เขาเข้ากอง พี่ณุมารับผมที่นี่ รับร่มไปด้วย คุณรินได้ไม่ต้องแวะมา ไปเจอกันที่กองเลย’


‘ที่สำคัญ...เขาเป็นแบบนี้เพราะผม ผมต้องรับผิดชอบ’


เหตผลใดๆล้วนแต่เข้าทางให้ครองภพหิ้วสัมภาระมาค้างเป็นเพื่อนแทบทุกวัน แต่...แม้จะนอนข้างกัน ครองภพกลับไม่รู้ว่าร่มธรรมฝันร้ายสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อยๆ


“ร่ม...เป็นอะไรรึเปล่า”



ครองภพเดินไปเดินมา เก็บบ้านช่องของร่มธรรมให้พอสะอาดดีแล้ว หันมาเห็นคนรักนั่งหน้าตาซีดเซียวก็ชักเป็นห่วง


“...หน้าตาคุณดูไม่ดีเลย เจ็บแขนรึเปล่า” เขาถาม แล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ


“อ่า...เปล่าๆ” นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องยังจับจ้องคาดคั้น


พรุ่งนี้พวกเขาต้องเดินทางไปถ่ายซีรี่ส์ที่ต่างจังหวัด แต่วันนี้ร่มธรรมดูไม่ค่อยมีสมาธิ ตอนถ่ายในสตูดิโอก็ดูเคร่งเครียด พอเลิกกองกลับมาถึงคอนโดก็แทบไม่กินอะไร พอนั่งพักก็เหม่อลอยจนเขาต้องทัก


สายตาของคนข้างกายห่วงใยเพียงใด ร่มธรรมรับรู้ได้ หัวใจของเขาพองโต แต่ก็คล้ายพองอยู่ในกล่องที่มีหนามแหลม ยิ่งพองก็ยิ่งถูกหนามทิ่มแทง เจ็บพิลึก


   “เอ่อ...ครอง...คิดยังไงเรื่องชาติที่แล้ว”


   “ชาติที่แล้ว?” ครองภพมองสีหน้าของคนตรงหน้าแล้วก็พลันนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา


   “คุณฝันเห็นผู้ชายคนนั้นเหรอ”


ร่มธรรมพูดไม่ออก อันที่จริงต้องบอกว่าเขาไม่ได้ฝันเห็นแค่ชายฉกรรจ์ผู้นั้น แต่เขายังฝันเห็นเด็กหนุ่มผู้มีแววตาอาฆาตด้วย


   “แล้วเขาทำอะไรคุณรึเปล่า ในฝันเขาว่ายังไง เขาต้องการอะไร” สีหน้าของครองภพบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวห่วงใยเขามากแค่ไหน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเด็กหนุ่มคนนั้น


   “พี่...จำไม่ได้...”


   “จำไม่ได้หรือไม่อยากเล่า” สีหน้าและน้ำเสียงของคนถามไม่เหมือนคนที่มีวัยวุฒิน้อยกว่าเลย ครองภพแสดงออกอย่างจริงจังนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุจนร่มธรรมเจ็บตัวว่าเขาพร้อมจะเป็นฝ่ายปกป้องดูแลเช่นกัน


   “เพราะผมอายุน้อยกว่าคุณเหรอ ถึงไม่อยากให้ผมรู้เรื่องของคุณ”


   “พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นนะครอง”


   นักแสดงหนุ่มรูปหล่อหัวเราะในคอราวกับเย้ยหยัน


   “ไม่ใช่น้อยธรรมดา แต่น้อยกว่าตั้ง 6 ปี คุณถึงไม่เชื่อใจว่าผมจะปกป้องคุณได้”


   “ครอง ไม่พูดแบบนั้นสิ”


   ครองภพหันหน้าหนีท่าทีเหมือนไม่อยากฟัง ทว่ากลับยังปักหลักนั่งอยู่ข้างกันอย่างนั้น ร่มธรรมมัวแต่กังวลความรู้สึกของอีกฝ่าย จึงไม่ได้สังเกตว่าคนที่ทำท่าเหมือนโกรธเขา กลับไม่เดินหนีแบบคราวก่อน



อันที่จริง ครองภพไม่ได้โกรธ เพียงแต่น้อยใจและอยากให้อีกฝ่ายยอมเล่าเท่านั้นเอง


   “ครอง อย่าโกรธพี่เลยนะ”


แต่ผลพลอยได้มากกว่าการได้รู้เรื่องที่ร่มธรรมเก็บเอาไว้ คือเสียงอ่อนโยนของคนที่หวั่นว่าเขาจะโกรธ หรือพูดง่ายๆก็คือร่มธรรมกำลัง ‘อ้อน’ เขา


   ชายหนุ่มวัย 22 ให้อย่างไรก็ไม่เก่งมากพอที่จะเก็บความรู้สึกวาบหวามในอก ยิ่งมีเสียงอ่อนโยนของคนที่เขารู้สึกลึกซึ้งมาดังอยู่ข้างหู ต่อให้ไม่หันมอง ได้ยินแค่เสียง แต่หูก็แดงเถือกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง


ทว่า...ร่มธรรมก็ยังคงไม่สังเกต


   “ครอง หันมามองพี่...อื้อ...”


   ไม่ทันพูดจบ คนที่จู่ๆก็หันกลับมา ดันจู่โจมปิดริมฝีปากของเขาด้วยริมฝีปากร้อนระอุนั่นแล้ว


ต่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่ระบุชัดเจน แต่การกระทำนั้นไปไกลเกินกว่าเพื่อน โดยเฉพาะการแตะเนื้อต้องตัว โดยเฉพาะครองภพผู้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมโลกต่ำเตี้ยเรี่ยดินเป็นฝ่ายเสพติดการอยู่ใกล้ชิด


   อยู่ในกองก็ตัวติดกัน เลิกงานก็แวะมาอยู่กับร่มธรรม บ้างก็ให้ร่มธรรมไปค้างที่คอนโดของตน หรือวันใดที่ต่างคนต่างติดงาน  ก็เป็นต้องหาทางติดต่อทุกช่องทางสื่อสาร 


เป็นอันว่าวันๆหนึ่งครองภพพบหน้าพูดคุยกับร่มธรรมมากกว่าเพื่อนคนไหน ร่มธรรมเองก็เช่นกัน ต่อให้เขาจะเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี แต่ก็มีเพียงครองภพที่เข้าถึงเขาทุกแง่มุมชีวิตขนาดนี้


   “อือ...ครอง...”


รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังแนบลงกับพนักโซฟา มีร่างของหนุ่มรุ่นน้องคร่อมทับอยู่เบื้องบน


ครองภพยอมถอนริมฝีปากออกเล็กน้อยราวกับจะเปิดโอกาสให้หายใจ ทว่า...อากาศหายใจดูจะเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะแท้จริงแล้ว เขากำลังเล็มไล้กลีบปากบนล่างทีละส่วน ดูดดึงราวกับเป็นของหวาน จนร่มธรรมแทบจะหลอมละลายไปกับสัมผัสรุกไล่ของผู้ชายที่อายุน้อยกว่าถึง 6 ปี


   พอคิดถึงช่องว่างระหว่างวัยที่ตนเองเกิดก่อนและควรจะมีประสบการณ์มากกว่าแล้ว ก็พลันรีบเรียกกำลังใจทั้งหมดให้กลับมากอบกู้ร่างกายไม่ให้ปวกเปียก


   พอครองภพดูดริมฝีปากหนักขึ้น ร่มธรรมเลยต้องหาทางแก้เกม เขาขยับใบหน้าเล็กน้อย เพียงเท่านั้นริมฝีปากก็เปลี่ยนมุม พอหลุดพ้นจากการครอบครองของหนุ่มรุ่นน้อง ก็เป็นฝ่ายตนเองที่บดเบียดริมฝีปากอีกฝ่ายแทน ก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่น


   ปลายลิ้นสัมผัสกัน ครองภพชะงักอึดใจหนึ่ง อารมณ์หวามโหมกระพือไปทั่วร่างจนต้องบดขยี้ริมฝีปากตนเองลงกับริมฝีปากอีกฝ่าย กดร่างของตนลงทาบทับร่างของร่มธรรมจนแทบไม่มีช่องว่าง ต่างคนต่างตอบรับสัมผัสกันและกันอย่างดุเดือด



คนหนึ่งอายุมากกว่าย่อมไม่อยากถูกหยอกเย้าว่าไร้ประสบการณ์ อีกคนอายุน้อยกว่าก็ยิ่งไม่อยากรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเด็กหนุ่มไม่รู้ประสา


   เลือดกายร้อนระอุ ริมฝีปากเบียดชิดบดขยี้ ปลายลิ้นเกี่ยวพันสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับหัวใจ ทว่าตอนที่ฝ่ามือของครองภพสอดเข้าไปใต้เสื้อ ร่มธรรมก็สะดุ้งโหยง


   “อื้อ!”


เพราะต่างแนบชิด อาการต่อต้านเพียงแค่เล็กน้อย ครองภพย่อมรู้สึก เขาถอนริมฝีปากออก สีหน้าของคนอายุมากกว่านั้นแดงก่ำและเขินอาย แต่เมื่อร่มธรรมหลบสายตา เขาก็พอจะเข้าใจ


   มือผละออกจากใต้เสื้อไป พร้อมกับเสียงพึมพำเบาๆ


   “ขอโทษ ผม...เอ่อ...”


   “อ่า...พ...พี่...”


ร่มธรรมเองก็พูดไม่ออก อารมณ์ซาบซ่านยังวิ่งไปทั่วกาย แต่พอคิดถึงเรื่องราวต่อจากนี้แล้ว น้ำลายในคอก็เหือดแห้งไปหมด


   “คุณ...ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้ออกมาเก็บของ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”


   เจ้าของห้องได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ลุกจากโซฟาเดินกลับเข้าห้องนอน ทว่าก่อนจะลับร่าง เจ้าตัวหันกลับมามองคนที่นั่งตัวตรงอยู่ที่โซฟาจุดเกิดเหตุ


   “ครอง”


   เจ้าของชื่อหันมอง


   “ขอบคุณนะ” ต่างคนต่างรู้ว่าคำขอบคุณนี้มีความหมายในด้านใด



ครองภพพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันกลับไปกดโทรศัพท์มือถือเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่พอพ้นร่างของร่มธรรมแล้ว คนที่ทำเป็นไม่สนใจอะไรกลับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แผ่นหลังตึงเขม็งคลายลงจนไหล่ลู่ ก่อนจะหงายศีรษะไปด้านหลัง ดวงตาเรียวเหม่อมองเพดาน


   “จะขัดใจลงได้ไง...”   


.........................   


   สถานที่ถ่ายทำที่ครองภพและร่มธรรมต้องมาคืออาคารร้างในพื้นที่รกร้างในจังหวัดใกล้กรุงเทพ



เวลากลางวันบรรยากาศยังอึมครึม รอบๆอาคารเป็นพื้นที่เปลี่ยว ด้านหลังของตึกเป็นป่าไม้รกทึบไปจนถึงเนินเขาใกล้ๆ ชาวบ้านแถวนี้พอได้ยินว่ามีกองถ่ายละครมาเซ็ตฉาก ก็แวะเวียนมาเยี่ยมชม แต่ไม่วายออกปากเตือนว่าให้กลับออกไปก่อนพลบค่ำ เพราะ ‘เจ้าที่ดุ’


‘กูสิจะดุ! ไอ้ห่า!! เสียวันเป็นแสนให้กูถ่ายแค่กลางวัน!!’ ผู้กำกับฉายว่าอย่างนั้นตอนที่คำเตือนของชาวบ้านไปถึงหู แล้วพอผู้กำกับฉายพูดจบ เครื่องปั่นไฟก็หยุดทำงาน


แม้จะเป็นเวลากลางวัน แต่เพราะในอาคารร้างทั้งมืดและทึบ เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ แสงจากภายนอกย่อมไม่พอ หากเครื่องปั่นไฟใช้งานไม่ได้ ย่อมทำให้การถ่ายทำวันนี้ไม่ลุล่วง สุดท้ายผู้กำกับฉายเลยต้องจุดธูปขอขมาแล้วประกาศใหม่


‘จะรีบถ่ายรีบออก จะออกก่อนพระอาทิตย์ตกด้วย!’


เพียงเท่านั้นก็เหมือนปาฏิหาริย์ เครื่องปั่นไฟกลับมาทำงานได้ราวกับไม่เคยมีปัญหามาก่อน ทีมงานที่เห็นเหตุการณ์พากันกลืนน้ำลายคนละอึกสองอึก


   ทั้งคำเตือนของชาวบ้าน ปาฏิหาริย์สมพรปากผู้กำกับและความวังเวงของสถานที่ ทำให้กองถ่ายเร่งงานมือเป็นระวิง ครองภพและร่มธรรมเป็นนักแสดงมืออาชีพ ความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเขาเต็มร้อยเสมอ คราวนี้มีเรื่องลี้ลับมาเป็นแรงขับด้วย ก็พลอยตั้งอกตั้งใจมากกว่าเดิม


   ตอนที่ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มอมแดง ทีมงานก็เก็บข้าวของกันแล้ว และเพราะงานลุล่วงไปด้วยดี ทุกคนจึงตกลงว่าจะออกไปทานข้าวที่ตลาดตัวเมือง ร่มธรรมไม่เคยมาที่นี่จึงขอติดตามไปด้วย แน่นอนว่าครองภพย่อมไม่ให้หนุ่มรุ่นพี่ไปเพียงลำพัง


   มื้อเย็นที่ตลาดโต้รุ่ง ทำเอาตลาดแทบแตกตั้งแต่นักแสดงหนุ่มๆก้าวเท้าลงจากรถตู้ สุดท้ายเลยต้องเลือกนั่งในร้านห้องแถวขนาดใหญ่ เพราะหากนั่งกลางตลาด คาดว่าอาจจะถูกรุมล้อมจนกินไม่ได้ โดยเฉพาะพระเอกหนุ่มรูปหล่ออย่างครองภพที่ใครๆก็อยากเห็นตัวจริงสักครั้ง อีกทั้งร่มธรรมเองก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากซีรี่ส์คราวก่อน ไหนจะนักแสดงประกอบที่มีชื่อเสียงอีกเป็นโขยง


ขึ้นชื่อว่าเป็นดาราแล้ว ก็มีแต่คนอยากเห็นหน้าทั้งนั้น


ดังนั้น ที่ประตูร้านจึงมีคนมายืนหนาแน่น บ้างก็แอบถามพนักงานเสิร์ฟว่าโต๊ะดาราสั่งอะไรทาน บ้างก็พากันจับจ้องว่าพวกดาราตักกับข้าวอะไรบ้าง คนที่โดนจ้องหนักที่สุดเห็นจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ครองภพ


   “กินผัดผักบุ้งเป็นด้วย”


เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันที ที่มือขาวของพระเอกหนุ่มเอื้อมไปตักผัดผักบุ้งไฟแดงมาใส่ในถ้วยข้าวต้มตัวเอง 


ร่มธรรมได้แต่เม้มปากกลั้นยิ้มด้วยความเอ็นดู ไม่รู้จะเอ็นดูใครมากกว่ากันระหว่างเอ็นดูคนที่มายืนมุงดูแล้วตื่นตาตื่นใจกับอาหารที่พระเอกกิน หรือเอ็นดูครองภพที่ไม่ว่าจะตักกับข้าวอะไรก็เป็นต้องเกิดกระแส


แต่ครองภพไม่ชอบการถูกจับจ้องเช่นนี้ ใบหน้าหล่อเหลาใต้ปีกหมวกแก็ปเริ่มบูดบึ้ง ร่มธรรมดูออกว่าคนข้างกายไม่พอใจกับการถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัว หากพรุ่งนี้มีกระแสครองภพกินผัดผักบุ้งไฟแดง ก็อาจจะมีกระแสตีคู่มาว่าครองภพไม่พอใจที่ถูกจ้องตอนกินผัดผักบุ้งไฟแดงก็ได้


“ครองว่าแฟนๆรู้มั้ยว่าครองทานเผ็ดได้” ร่มธรรมหันมาถาม ครองภพหันมอง ความหงุดหงิดเริ่มคลายตัวลง


“ลองตักต้มยำกุ้งทานดูดิ พี่ว่าฮือฮา”


“แต่ครองกินเผ็ดได้จริงๆนะพี่ร่ม กินเก่งด้วย” นักแสดงคนหนึ่งที่ร่วมถ่ายด้วยกันมานานหันมาย้ำ


“แต่หน้าครองไม่เหมือนคนกินเผ็ดเก่งนะ” ร่มธรรมแย้ง


“ทำไม หน้าผมเป็นยังไง” เสียงของคนถูกปรามาสว่าหน้าตาอย่างนี้ดูไม่ใช่คนกินเผ็ด คล้ายจะหาเรื่อง แต่พอร่มธรรมหันไปสบตากับดวงตาเรียวใต้ปีกสวมหมวกแก็ป กลับรู้สึกว่าภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาและท่าทีเรียบเฉยคือความร้อนแรง และพร้อมให้ร่มธรรมเรียนรู้และพิสูจน์ตัวตนที่ไม่ได้เหมือนเกราะภายนอกนั่นเลย


ใช่...ไม่เหมือนเลย...


...ใครจะคิดว่าหน้าตาแบบนี้...นิสัยแบบนี้ ไม่เข้าหาใครแบบนี้...


...จะจูบเก่งแบบนั้น...


“ก็หน้ามึงมันพระเอกไอดอล เขาก็คิดว่ากินเป็นแต่อาหารจืดน่ะสิ” สุรเชษฐ์ที่นั่งร่วมโต๊ะเอ่ยขึ้นมา เขาเป็นนักแสดงรุ่นพี่ผู้เป็นตัวประกอบมาแทบทุกเรื่องที่ครองภพเคยแสดง ดังนั้นความสนิทสนมจึงมากพอที่จะกล้าหยอกพระเอกรูปหล่อหน้าตาเฉยเมย


และเพราะการหยอกล้อของเขา ถึงทำให้ร่มธรรมได้สติรีบหันกลับไปสนใจถ้วยข้าวต้มตัวเอง


“พระเอกไอดอลแปลว่าอะไร” ครองภพหันไปถามคนพูด แน่นอนว่าสายตาร้อนแรงที่มองร่มธรรมเมื่อครู่ถูกกลบไปหมดแล้วยามหันไปมองคนอื่น


สุรเชษฐ์นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเกาศีรษะ


 “เออ แปลว่าอะไรวะ แต่กูคิดออกแค่มึงคนเดียวเลยนะไอ้ครอง พระเอกไอดอลเนี่ย”


“แล้วอย่างร่มล่ะ” ครองภพถามไม่จริงจัง หันไปตักไข่เจียวปูมาใส่จาน แน่นอนว่ามีเสียงฮือฮาดังขึ้นอีกว่า ‘กินไข่เจียวด้วย’ ได้ยินแว่วๆว่ามีคนถามว่า ‘ใส่ซอสพริกมั้ย’ อีกต่างหาก แต่ครองภพเลิกสนใจเสียงเหล่านั้นแล้ว เขากำลังตั้งใจรอฟังว่านักแสดงร่วมกองจะให้คำตอบว่าอย่างไร ถ้าเขาเป็นพระเอกไอดอล แล้วร่มธรรมเป็นพระเอกอะไร


“อืม...ร่มนี่หล่อ...หล่อจัดๆเลย แต่ไม่ได้หล่อแบบพระเอกไอดอล”


“อะไรของพี่วะ” นักแสดงอีกคนหันมาถามพลางกลั้วหัวเราะ


“อย่างไอ้ครองนี่พระเอกมังงะม.ปลาย แต่อย่างร่ม...พระเอกมังงะมหาลัยล่ะกัน โตขึ้นมาหน่อย”


ช้อนข้าวต้มในมือครองภพชะงักกึก เงยหน้ามองทันที


“หมายถึงผมเด็ก?”


   “เอ้า! ก็มึงเด็กสุดในกอง...เออ แล้วทำไมมึงไม่เรียกร่มว่าพี่ ร่มเป็นพี่มึงตั้งหลายปี”


ตอนแรกที่ว่าจะตอแยสุรเชษฐ์ที่หาว่าเขาเป็นเด็ก กลายเป็นต้องเงียบกริบไปโดยปริยาย เพราะไม่มีเหตุผลไหนเลยที่จะไม่เรียกตามหลักอาวุโส นอกจาก...


...ไม่ได้คิดกับคนที่อายุมากกว่าในฐานะพี่น้อง…


   ...ยิ่งกับคนอายุมากกว่าที่จูบกันแล้ว เรียกว่าแฟนยังได้ด้วยซ้ำ...


   “แต่กับแนท มันก็ไม่เรียกพี่นะ...” นักแสดงอีกคนที่ร่วมโต๊ะพูดขึ้นมา ก่อนจะเสริม “...มันไม่เรียกเลย เวลาจะเรียกก็ชี้นิ้วแล้วบอก...มานี่ดิ” ไม่พูดอย่างเดียว แต่ยังแสดงท่าด้วยการชูมือกระดิกนิ้วยิกๆแบบที่ครองภพเคยทำ ทั้งโต๊ะหัวเราะครืน และพลอยทำให้ไม่มีใครเพ่งเล็งความสัมพันธ์ของครองภพและร่มธรรมนัก


   มื้อเย็นที่อาหารรสชาติกลางๆ และค่อนข้างไม่ส่วนตัว ครองภพน่าจะหงุดหงิด แต่เจ้าตัวกลับถูกดึงดูดความสนใจด้วยสมาชิกร่วมโต๊ะ นอกจากร่มธรรมที่พยายามดึงเขาออกจากเสียงกระซิบกระซาบที่ไม่ว่าจะตักอะไรก็เป็นต้องฮือฮาขึ้นมาเสมอ ยังมีเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆที่คุ้นเคยกันดี ชวนคุยชวนหัวเราะสนุกสนาน มื้อนี้ ครองภพจึงค่อนข้างเจริญอาหารด้วยซ้ำ


    หลังจากอิ่มท้อง คณะนักแสดงและทีมงานก็ฝ่าดงไทยมุงกลับมาขึ้นรถตู้ ก่อนจะพากันกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้มีถ่ายทำต่อ ทว่า...ตอนที่ร่มธรรมก้าวเท้าเข้ามาในโรงแรม ชายหนุ่มร่างสันทัดที่เขาคุ้นตาก็รีบพุ่งตัวมาหา


   “คุณร่ม! นี่ผมว่าจะโทร.หาพอดีเลย!” หนุ่ยมีสีหน้าเคร่งเครียด มือยังถือโทรศัพท์ ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง


   “มีอะไรรึเปล่า”


   “คนที่ออฟฟิศให้ผมมารับเอกสารจากคุณร่มไงครับ”


ร่มธรรมงงหนักกว่าเดิม “หือ? ใครให้มารับเอกสารนะ?”


   “เอ? ผมก็ไม่ได้ถาม นี่ครับ เบอร์นี้ เขาโทร.มาบอกว่าให้ผมตีรถมาหาคุณร่มเดี๋ยวนี้เลย เพราะต้องเอาเอกสารไปทำอะไรสักอย่างวันพรุ่งนี้ครับ”


ร่มธรรมขมวดคิ้วมุ่น ตั้งแต่เขามาออกกอง นอกจากติดต่อพูดคุยกับทางออฟฟิศผ่านเครื่องมือสื่อสารหลากชนิดที่มีแล้ว ก็ไม่เห็นเลขานุการจะบอกเรื่องเอกสารแต่อย่างใด


   “ขอผมเช็คกับเลขาฯก่อนแล้วกัน”


ชายหนุ่มคิดว่าอาจเกิดการสื่อสารผิดพลาด เขาต่อสายหาเลขานุการสาวเดี๋ยวนั้น ทางปลายสายปฏิเสธเสียงหนักแน่นว่าไม่มีเอกสารอะไรให้ร่มธรรมถือไป หล่อนขอเวลาตรวจสอบเรื่องที่มีคนโทร.เรียกให้หนุ่ยวิ่งไปรับเอกสารถึงกองถ่ายจากนั้นจึงวางสายไป


   “มีอะไรรึเปล่า” ครองภพที่ยืนอยู่ข้างๆถาม เขามองพนักงานส่งเอกสารที่เคยเห็นหลายครั้ง เพราะร่มธรรมมักจะเรียกให้รับส่งเอกสารระหว่างกองถ่ายและออฟฟิศอยู่บ่อยๆ


   “สงสัยสื่อสารกันผิด มีคนเรียกให้หนุ่ยมารับเอกสารจากพี่ แต่พี่ไม่มีเอกสารอะไรที่ตัวเลย นอกจากบท” ร่มธรรมยังใจเย็น เขารออยู่พักหนึ่งเลขานุการก็ติดต่อกลับมาแจ้งว่าไม่มีใครโทร.เรียกให้หนุ่ยวิ่งไปรับเอกสารจากร่มธรรมทั้งนั้น คราวนี้ปัญหาเลยมาตกที่พนักงานรับส่งเอกสารที่ถึงกับเกาศีรษะหน้าตายุ่งยาก


   “เอ้า! แล้วใครให้ผมมารับล่ะเนี่ย”


   “ไม่เป็นไรๆ แล้วนี่ลูกของหนุ่ยอยู่ยังไง”


   “มันกลับไปบ้านยายครับ พอดีญาติทางแม่มันเสีย ทางนั้นจะให้มันบวชหน้าไฟ”


   “อ้อ งั้นคืนนี้หนุ่ยนอนที่นี่ล่ะ เดี๋ยวผมเปิดห้องให้พัก ขับรถกลับทั้งมืดๆแบบนี้อันตราย”


ร่มธรรมเป็นคนใจดีเช่นนี้เสมอ แต่พอเขาจะหมุนตัวเดินไปที่ฟร้อนท์ ครองภพกลับขวางเอาไว้ สายตาของชายหนุ่มรุ่นน้องบอกให้รู้ว่าไม่เห็นด้วยที่เขาจะออกค่าใช้จ่ายให้พนักงานส่งเอกสารที่รับงานผิดพลาด แต่ร่มธรรมตบไหล่เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร


“คุณใจดีเกินไป” ครองภพบ่นอุบ เดินตามมาที่ฟร้อนท์ด้วย


“น่าสงสารเขาออกนะ ดึกแล้วด้วย จะขับถึงกรุงเทพฯได้ยังไง”


“มันเป็นความผิดพลาดของเขา เขาควรจะโทร.เช็คก่อนว่าให้มาเอาเอกสารอะไรไปให้ใคร”


“แต่...”


“แล้วที่นี่ทีมงานก็น่าจะจองเต็มหมดแล้ว” ครองภพไม่ใช่คนตระหนี่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าการใช้เงินแบบร่มธรรมเป็นวิธีที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกับคนที่ทำงานผิดพลาดแบบนั้น ทว่าก็ไม่ได้แล้งน้ำใจเสียทีเดียว แม้จะคัดค้าน แต่ก็ยังเสนอทางเลือก


“...เมื่อกี้ตอนกลับเข้ามา ผมเห็นโรงแรมเล็กๆอยู่ใกล้ถนนใหญ่ ให้เขาไปนอนที่นั่นดีกว่ามั้ย พรุ่งนี้เขาจะได้กลับกรุงเทพฯสะดวก” ร่มธรรมฟังเหตุผลของอีกฝ่ายแล้วก็พอจะเข้าใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน


   ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือณัฐฐา ดาราสาวที่ร่วมเล่นในซีรี่ส์เรื่องนี้ แต่ฉากที่มาถ่ายทำที่นี่ไม่มีบทของหล่อน จึงไม่ได้มาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ฝากร่มธรรมซื้อขนมขึ้นชื่อกลับไปให้ด้วย


   “ครับ คุณแนท”


   ‘พี่ร่ม ยัยเบญถึงที่นั่นรึยังคะ’ เสียงจากปลายสายมีแววร้อนใจ แต่ความร้อนใจของณัฐฐาไม่เท่ากับคำถามของหล่อนสักนิด ร่มธรรมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง


   “คุณเบญ?”


   ‘ค่ะ ยัยเบญ...เบญญา แฟนคลับพี่ร่มน่ะ ไปถึงรึยังคะ’


   ร่มธรรมยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมจู่ๆณัฐฐาถึงโทรมาถามเรื่องเบญญากับเขา อีกทั้งยังพูดเรื่องการมาของเบญญาด้วย ทั้งๆที่เบญญาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองถ่ายนี้เลยสักนิด


   “คุณเบญจะมาที่นี่ทำไมครับ”


   ร่มธรรมได้ยินเสียงณัฐฐาสั่งใครสักคนให้โทร.ตามเบญญาจ้าละหวั่น ก่อนจะกลับมากรอกเสียงบอกเขาอย่างร้อนรน


   ‘ยัยเบญเพี้ยนอะไรไม่รู้ค่ะ อยู่ดีๆก็บอกว่าพี่ร่มยังไม่หายดี เป็นห่วง เสร็จงานแล้วก็เลยรีบออกจากกรุงเทพ แนทบ้าเองที่หลุดปากบอกเขาว่าถ่ายที่ไหน โอย...แล้ว...แล้วเมื่อกี้แนทโทร.ถาม ยัยเบญบอกว่าอยู่ใกล้ๆกองถ่ายแล้ว แต่แบทจะหมด แล้ว...แล้วอยู่ดีๆสายก็ตัดไปเลย...’


ร่มธรรมมึนตึ้บ หันรีหันขวางคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี แล้วก็พลันนึกออกว่าเบญญาเคยบอกเขาว่าหล่อนเป็นลูกสาวของผู้กำกับอนันต์ และนับเป็นน้องสาวต่างมารดาของรามิล ผู้จัดละครที่เขารู้จักคุ้นเคย


“เอาอย่างนี้นะครับ ผมจะติดต่อพี่มิล แล้วจะขอแรงทีมงานกลับไปที่กองถ่าย”


‘ได้ค่ะ แนทจะออกจากกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้เลย!’


ร่มธรรมวางสาย ก่อนจะรีบกดโทรศัพท์หารามิล โชคดีว่ารายนั้นอยู่กองถ่ายในจังหวัดใกล้เคียง และเขาจะรีบมาโดยเร็ว พร้อมทั้งรับหน้าที่ติดต่อกับทางผู้กำกับฉายเพื่อขอให้ส่งทีมงานออกไปตามหาน้องสาวต่างมารดา


ครองภพที่ยืนอยู่ข้างกายย่อมเห็นคนรักกระวนกระวายโทรศัพท์ พอร่มธรรมวางสายจากรามิลแล้ว จึงหันมาอธิบายให้ฟัง


“คุณแนทโทรมาบอกว่า คุณเบญ น้องสาวพี่มิลหายตัวไป”


คนฟังชะงัก


“เขาเป็นแฟนคลับพี่มาก่อน แล้วคงรู้จักคุณแนท คุณแนทบอกว่าหลุดปากบอกที่ถ่ายทำกับเขาไป เขาก็เลยตามมา แล้วตอนนี้ก็...ติดต่อไม่ได้ แต่จุดที่ใกล้ที่สุดตอนที่ติดต่อได้คือใกล้กับกองถ่ายของเรา นี่พี่มิลคงโทร.บอกผู้กำกับแล้ว”



ร่มธรรมร้อนใจ ส่วนหนึ่งเพราะแถวนี้เป็นต่างจังหวัด เมื่อไร้แสงอาทิตย์ก็กลายเป็นพื้นที่เปลี่ยว อีกทั้งบริเวณใกล้กองถ่ายยังเป็นที่รกร้าง เบญญาเป็นหญิงสาว อย่างไรก็ดูอันตรายสำหรับหล่อน


อึดใจต่อมา ผู้กำกับฉายก็ก้าวเท้าเข้ามาหาร่มธรรม หน้าตายุ่งยากกับเรื่องที่ได้รับสายทางโทรศัพท์ ออกปากว่าจะให้ทีมงานกลับไปที่อาคารร้างที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำเดี๋ยวนี้


“คุณอยู่ที่นี่ ผมจะออกไปหาเขากับทีมงานเอง” ครองภพรีบหันมาบอกร่มธรรม แม้เรื่องของแฟนคลับของร่มธรรมที่หายตัวไปจะน่าเป็นห่วง แต่เขาก็ไม่เคยลืมว่าสถานการณ์ของร่มธรรมก็น่าเป็นห่วงพอกัน


“ครองจะไปคนเดียวได้ยังไง” แต่สำหรับร่มธรรม เขาเองก็ห่วงครองภพไม่ต่างกัน อุบัติเหตุเพทภัยเกิดขึ้นกับครองภพไม่เว้นวันในยามที่ร่มธรรมไม่อยู่ด้วย แล้วคราวนี้เขาจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายออกไปเพียงลำพังได้อย่างไร


ต่างคนต่างห่วงใย ครองภพรู้ดีว่าร่มธรรมไม่มีวันปล่อยให้เขาออกไปคนเดียว เขาเองก็ไม่อยากทิ้งร่มธรรมให้คลาดสายตาเช่นกัน


“งั้นเราก็ไม่ต้องไป รออยู่ที่นี่ ให้คนอื่นออกไปหา”


“เอ้ย! ไม่ได้สิ!” ร่มธรรมร้อง ถลึงตาดุใส่คนหน้าตาหล่อเหลาเป็นพระเอก แต่นิสัยไม่มีความเป็นพระเอกสักนิด


“คุณเบญเป็นผู้หญิง กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ หลงทางอยู่ต่างจังหวัดน่าสงสารออกนะ ครอง”


“...อีกอย่าง คุณเบญเป็นน้องพี่มิลด้วย” ร่มธรรมนับถือรามิล ดังนั้นอะไรที่ช่วยอีกฝ่ายได้ เขาย่อมไม่ปฏิเสธ


ครองภพพ่นลมหายใจเฮือกกับนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่นของคนตรงหน้า


“ไปก็ไป แต่คุณต้องไปกับผม ห้ามไปไหนกับใครทั้งนั้น เข้าใจรึเปล่า”


“เข้าใจแล้วหน่า”



ตกลงกันเสร็จสรรพ ก็พากันตามทีมงานกลับไปยังอาคารร้างที่ใช้ถ่ายทำ ร่มธรรมขอแรงหนุ่ยให้ช่วยตามหาด้วย ก่อนที่เขาจะสั่งให้พี่สาวรอที่โรงแรมคอยประสานงานกับรามิล แล้วจึงออกจากโรงแรมไปพร้อมกับครองภพ


รินฤดีใจคอไม่ดี แม้จะมีบอดี้การ์ดของร่มธรรมตามไปด้วย แต่ใจยังกระวนกระวายอย่างประหลาด จึงตัดสินใจติดต่อหาน้องชายคนรองทันที




ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้า)

น้องครองก็สมเป็นดาราอยู่นะคะ มารยาตอนอ้อนพี่ร่มนี่ใช้ได้เลยล่ะ ฮ่าฮ่า (ถึงน้องจะบอกว่าให้เลิกเรียกน้อง แต่เราจะเรียกน้องต่อไปค่ะ ก็น้องครองน่ารักจะตายยย)


ส่วนพี่ร่มก็...ได้อยู่นะคะ เด็กไม่แซวหรอกค่ะ พี่ทำดีแล้วค่ะ พี่...(จูบ)...ใช้ได้ค่ะ ฮ่าฮ่า


ส่วนสถานการณ์โรคระบาดช่วงนี้ ยังไงก็รักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจกันด้วยนะคะ (ทางบัวเองก็ยุ่งมากๆเลย จะพยายามมาตามนัดวันพฤหัสให้ได้จนกว่าจะจบเรื่อง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ไม่ทันจริงๆ จะรีบแจ้งนะคะ)


ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ และทุกกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ


เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-03-2020 22:18:38
นู๋เบญทำอะไรเนี่ย ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปหมด
กลับไปที่ถ่ายทำ ตอนค่ำมืด น่ากลัวมากมาย
ระวังตัวด้วยนะ น้องครอง และพี่ร่ม
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-03-2020 22:37:14
โอ๊ยยย ลุ้นๆๆ ตื่นเต้นมากๆ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-03-2020 22:58:13
ทั้งหนุ่ย ทั้งเบญญา อะไรหล่ะนี่ แค่พี่ร่มกับครอง แกก็เล่นไม่พอเหรออิผี!  จะเล่นคนรอบตัวร่ม กดดันร่มให้ออกจากวงการสินะ สาดข้าวสารใส่สักกำเลยแม่ง!
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 19-03-2020 23:07:03
เค้าจูบกันแล้วววววววววววว   :hao5: :hao5:
ชอบความฟาดกันไปมาไม่ยอมแพ้ของแต่ละคน ทำเอาฮอตไปหมดเลยจ้าแม่
แต่ตอนนี้ช่วงหลังอิรุงตุงนังมาก
ทั้งเบญทั้งหนุ่ย ทำเอาป่วนไปหมด
ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลย  :serius2: :serius2:
ถึงจะบอกว่าต้องมีอุปสรรค แต่ก็ขออย่าให้ยากเกินไปเลยเถิ๊ดดดด  :a2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-03-2020 23:24:28
ลุ้น..นนนนน  เบญญาก้อน่าสงสัย หนุ่ยก้อน่าสงสัยไม่แพ้กัน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 20-03-2020 00:20:45
ตามอ่านจนทัน
ลึกลับมากตอนนี้
ติดเลยเรื่องนี้ชอบมาก ออกแนวลี้ลับ
อยากรู้ว่าตกลงเรื่องนี้มีผีกี่ตัว
ปล.แอบเศร้าเล็กน้อยที่ต้องรอแต่ละตอนทุกวันพฤหัส :sad4: ใจมันจะขาดรอนๆอยากอ่านทุกๆวันๆเลย 555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 20-03-2020 00:22:04
เบญ คือตัวเชื่อมอะไรรึป่าวนะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-03-2020 00:38:49
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 20-03-2020 00:45:00
นี้คือเริ่มสงสัยเบญละนะ :ling3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-03-2020 01:04:36
แล้วใครเป็นคนโทรตามหนุ่ย แล้วเบญญาอีกล่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 20-03-2020 01:17:48
เริ่มลามมาที่คนรอบตัวแล้วหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-03-2020 01:33:18
แล้วอีกคนเป็นใคร
นายนั่นไปทำอะไรมาถึงโดนไล่ออกจากบ้าน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 20-03-2020 12:53:32
ทำไมเบญญาถึงต้องตามติดพี่ร่มขนาดนั้นนะ
เป็นแฟนคลับที่ทุ่มเทจริงๆ
งี้น้องครองจะไม่หึงบ้างเหรอ  :mew2:

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 20-03-2020 13:19:15
รุ้นนนมาก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-03-2020 13:31:33
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 20-03-2020 16:18:24
สถานะไม่ระบุ แต่จูบกันแล้ววว พี่ร่มจูบมาจูบกลับไม่โกง เด็กมันร้อนแรงจะยอมแพ้ได้งัย แง้งงง  :m25:

ทั้งผีทั้งคนล่อกันให้วุ่น เบญแปลกๆไหม จะมาทำไม ปกติไม่ได้ตามคิดขนาดนี้มั้ย พี่หนุ่ยที่โดนหลอกให้มาอีก มันจงใจกดดัน ทำกับคนรอบข้างพี่ร่ม อย่าให้น้องครองจับได้นะพวกแก รู้เรื่อง! :m16:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-03-2020 18:26:27
เห้อออออ จะใช่มั้ยอะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 21-03-2020 16:49:51
เบญจ้างหนุ่ยมาแน่ๆอ่ะ ละที่ถ่ายละครก็เฮี้ยนด้วยไง ดึกๆแบบนี้จะมีตัวอะไรออกมาไหม :ling3:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-03-2020 21:43:17
ผู้ร้ายเผยหน้าออกมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 10 (19/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-03-2020 11:23:37
ลุ้นๆ
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 26-03-2020 20:48:31
*แอบคิดว่ามันน่ากลัวนิดหน่อย ถ้าใครไม่ถนัด เก็บไว้อ่านกลางวันนะคะ

เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………………
ตอนที่ 13


เพราะต้องช่วยกันตามหาหญิงสาวเพียงคนเดียวในยามค่ำคืนที่ทั้งมืดและเปลี่ยว ทีมงานจึงแบ่งกันเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเข้าไปหาในอาคาร อีกกลุ่มเดินหารอบอาคาร



ร่มธรรมและครองภพอยู่กลุ่มที่สอง


ตอนแรกก็เดินจับกลุ่มกันมาอย่างดี แต่พอเดินไปได้พักหนึ่ง เมื่อครองภพหันหลังกลับไปก็พบว่าเหลือเพียงพวกเขาสองคน รอบกายคือสถานที่รกร้าง เห็นไกลๆคืออาคารร้างซึ่งใช้เป็นที่ถ่ายทำเมื่อตอนกลางวัน


แต่...เมื่อครู่นี้พวกเขาเริ่มต้นจากหน้าอาคาร ในกลุ่มตกลงกันว่าจะเดินวนรอบตึก ไม่แตกกลุ่ม หากใครจะไปทางใดให้ส่งเสียงบอก ตลอดทางที่เดินครองภพไม่ได้ยินเสียงใครตะโกนบอกให้ไปทางไหนเลย สมาธิทำให้เขามุ่งมั่นตามหาเบญญา รู้ตัวอีกทีก็เหลือเพียงพวกเขาสองคนและจุดที่ยืนซึ่งห่างไกลจากอาคารซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น


บรรยากาศวังเวงผสมกับความไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงเหลือพวกเขาเพียงสองคนและเดินออกมาไกลถึงเพียงนี้ ทำให้ครองภพเริ่มหวั่นใจ เขาคว้าแขนคนข้างกายเอาไว้ทันที


ร่มธรรมเองก็กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน เขากระชับมือของครองภพ ต่างคนต่างห่วงคนข้างกายของตนเอง มือหนึ่งจับกันแน่น อีกมือจับไฟฉายสาดไปทั่ว


“คุณเบญ! คุณเบญอยู่แถวนี้รึเปล่าครับ!” ร่มธรรมส่งเสียงเรียก แต่ไร้เสียงตอบกลับ


“ผมว่าเรากลับไปที่ตึกนั่นดีกว่า เราออกมาไกลไปแล้ว” ครองภพเสนอ ซึ่งหนุ่มรุ่นพี่เองก็เห็นด้วย แต่ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับ เสียงโทรศัพท์ของครองภพก็ดังขึ้น เขาเอาไฟฉายใส่กระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย


“ครับ คุณโรจน์”



ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือรุ่งโรจน์ซึ่งรู้เรื่องจากพี่สาวแล้ว ดังนั้นเสียงแผดของนายตำรวจหนุ่มจึงดังเข้ามาในสายทันที


‘ทำไมไอ้ร่มไม่รับโทรศัพท์!’


“ร่มอยู่กับผม” ครองภพกำลังจะหันไปยังคนข้างกาย แต่จู่ๆก็รู้สึกว่ามือที่เขาจับอยู่กระตุกแล้วหลุดจากมือไป ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย นึกว่าร่มธรรมหกล้ม ทว่าพอก้มลงมองกลับมีเพียงพื้นรกร้าง พอเงยหน้ามองที่ที่ร่มธรรมเคยยืนก็ยิ่งว่างเปล่า...ไร้วี่แววใดๆ


ครองภพเบิกตาโตด้วยความตกใจ แค่เสี้ยววินาทีที่เขาให้ความสนใจกับเสียงของรุ่งโรจน์ ร่มธรรมกลับหายไป!


“ร่ม! ร่ม! คุณอยู่ไหน”


‘ทำไม?! เกิดอะไรขึ้น?!’ เสียงของรุ่งโรจน์ดังลอดมาทางโทรศัพท์ ครองภพหมุนตัวโดยรอบ หัวใจเต้นถี่ขึ้นในวินาทีนั้น เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนที่เขาเดินจับมือมาดีๆ จู่ๆก็รู้สึกว่ามือที่เขาจับกระตุก จากนั้นก็หายไป


หายไปทั้งมือ หายไปทั้งคน!


“ร่มหายไป!”


‘อะไรนะ?!!’


“ร่มหายไป! เขาหายไป!...” ครองภพพูดไม่ออก เขารีบสาวเท้าก้าวเดินกลับไปทางเก่า ตะโกนเรียกร่มธรรมไปตลอดทางแต่ไม่มีเสียงตอบกลับ


“ร่ม! ร่ม!! คุณอยู่ไหน!!”


‘ครอง! ครอง! ฟังก่อน!!’


ครองภพยังก้าวเดิน ใช้สติส่วนหนึ่งกับการกวาดตามองหาร่มธรรม อีกส่วนตั้งใจฟังจากปลายสาย หัวใจเต้นถี่ด้วยความตื่นตระหนก


‘คนที่ตายในอุบัติเหตุพร้อมพ่อของพวกพี่ เป็นน้องชายของพนักงานที่ออฟฟิศไอ้ร่ม!’



“อะไรนะ?! หมายความว่าแก้แค้น?!”


‘ไม่รู้ แต่ตอนนี้มีแค่นี้ เขาเข้ามาทำงานกับไอ้ร่มหลังจากเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น แล้วตั้งแต่ร่มกลับมาเข้าวงการ ทุกครั้งที่พี่รินได้จดหมายขู่ เขาอยู่ใกล้ๆแถวนั้น แล้วเขาก็รู้จักคอนโดของพี่รินด้วย’


ครองภพใจหายวาบ


...พนักงานที่ออฟฟิศของร่มธรรม…


…คนที่สามารถเข้าใกล้สถานที่ที่ร่มธรรมมาออกกอง...


…คนที่รู้จักคอนโดของรินฤดี…


“เมสเซ็นเจอร์...” เขาเอ่ยเสียงพร่า


‘ใช่! คนส่งเอกสาร...ชื่อหนุ่ย’


“เขามาที่นี่!”


ปลายสายเงียบกริบ ดูเหมือนจะตกตะลึงไปแล้ว


“ไอ้เวรตะไลนั่นบอกว่ามีคนให้มารับเอกสารที่นี่ แต่ร่มเช็คกับเลขาฯแล้วไม่มี!”


‘แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน!’


“ออกมาตามหา...” ครองภพรู้สึกเหมือนหัวใจที่หายไปเมื่อครู่นี้ หายซ้ำเป็นครั้งที่สอง



หากเรื่องนี้ไม่ได้มีคนลงมือแค่คนเดียว หากไม่ใช่แค่คนส่งเอกสารที่ต้องการแก้แค้นให้กับคนในครอบครัวในครั้งนั้น แต่ร่วมมือกับผู้หญิงสักคนที่รักร่มธรรมมากเล่า?


“เบญญา...”


‘แฟนคลับไอ้ร่ม?’


“ใช่! ผู้หญิงคนนั้นตามร่มมาที่นี่ แล้วเขาบอกว่าหลงทางให้พวกเรามาตามหา!”


‘จะเช็คเรื่องของเขาเดี๋ยวนี้!’


ครองภพรับคำ ก่อนจะตัดสายในวินาทีนั้น เขากวาดตามองความมืดสลัวรอบตัวด้วยสติสัมปัญชัญญะและความตั้งใจมั่น ไฟฉายในมือจู่ๆก็ดับสนิท อาศัยเพียงแสงจันทร์ให้ความสว่างและหน้าจอโทรศัพท์ แต่เวลานี้เครื่องมือสื่อสารคืออุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด เขาไม่อยากให้มันเสียพลังงานไปกับการให้แสงสว่างทั้งๆที่มันควรจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการติดต่อกับคนอื่น


ชายหนุ่มวัย 22 ไม่รู้ว่าเขากำลังพบเจอกับอะไร กับคนแค้นเคือง กับคนที่รักหลงมัวเมา หรือกับสิ่งที่ไม่ใช่คน แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ร่มธรรมอยู่ในมือพวกมัน!


เขาจะตามร่มธรรมกลับมา!!


…………………….


“ครอง? ครองอยู่ไหน ครอง”


ร่มธรรมไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกเหมือนร่างถูกกระตุกแรงๆ แล้วจู่ๆมือของเขาก็หลุดจากมือของครองภพ ร่มธรรมรู้สึกเวียนศีรษะเหมือนโลกหมุน รู้สึกเหมือนถูกคนจูง เขาพยายามตั้งสติยื้อร่างเอาไว้ แต่อ่อนเปลี้ยไปหมด รู้ตัวอีกที ถึงได้เห็นว่าตนเองยืนอยู่ในอาคารร้างที่มาใช้ถ่ายทำเมื่อตอนกลางวันแล้ว


ชายหนุ่มพยายามยืนอยู่กับที่ สาดไฟฉายไปมาในโถงที่มืดมิด อาคารร้างแห่งนี้สมกับที่ทางกองถ่ายเลือกมาถ่ายทำซีนสยองขวัญ แม้ชายหนุ่มจะไม่กลัวผีสางนางไม้ แต่บรรยากาศวังเวงก็ทำเอาใจฝ่อ ทว่า...เบญญาหายตัวไป ระหว่างหญิงสาวร่างเล็กกับผู้ชายวัยหนุ่มฉกรรจ์ร่างสูงอย่างเขา ย่อมควรจะห่วงเบญญามากกว่า


“คุณเบญ...คุณเบญอยู่แถวนี้รึเปล่าครับ”


“พี่ร่ม...” เสียงแว่วดังมาเข้าหู ร่มธรรมกำลังจะก้าวเท้าตามเสียง แต่ใจบอกให้เขาอยู่กับที่ เวลานี้เขาไม่รู้ว่าอยู่ส่วนใดของอาคารด้วยซ้ำ ไม่ควรก้าวสุ่มสี่สุ่มห้าไปทิศใดให้หลงมากกว่าเดิม


“คุณเบญ...ถ้าคุณได้ยินเสียงผม ให้คุณออกมาหาผมตรงนี้” ร่มธรรมสาดไฟฉายส่องไปมาแต่ไม่เห็นวี่แววของใครสักคน ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับด้วยซ้ำ ทว่าจู่ๆกลับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแหวกอากาศลงมาเหนือศีรษะของเขา


ขวับ!


พลั่ก!!


แม้จะเพิ่งกลับเข้าวงการ แต่เพราะต้องถ่ายทำซีรี่ส์ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ ย่อมต้องฝึกฝนร่างกาย ดังนั้นก่อนที่จะมีอะไรมาปะทะ จึงยกแขนขึ้นป้องกันตัวเสียก่อน


“โอ๊ย!!” แม้จะรู้วิธีการป้องกันตัว แต่อาการบาดเจ็บจากคราวก่อนย่อมส่งผลเมื่อถูกทำซ้ำ ร่มธรรมหน้าตาเหยเก ไฟฉายในมือสาดไปกระทบกับใบหน้าผู้ประทุษร้ายทันที


“หนุ่ย!”



พนักงานส่งเอกสารที่ร่มธรรมคุ้นเคยยังคงกำไม้หน้าสามไว้คามือ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งรู้สึกตัวผิดชอบชั่วดี ทั้งละล้าละลัง ร่มธรรมตกตะลึงไม่คิดว่าคนที่เขาให้ความเอื้ออาทรจะทำร้ายเขาเช่นนี้


“พี่ร่ม...” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นเบื้องหลังหนุ่ย ร่มธรรมหันไปมองแล้วก็เบิกตาโตที่เห็นเบญญายืนสะโหลสะเหล หน้าตาตื่นตระหนก เพราะสมาธิถูกดึงไปทางหญิงสาว ร่มธรรมจึงไม่ทันระวังหนุ่ย คราวนี้เขาไม่ได้หวดไม้ลงมาซ้ำ แต่จับล็อคคอแล้วโปะผ้าเข้าที่ครึ่งปากครึ่งจมูก


ร่มธรรมดิ้นอึกอัก ตาเหลือก มือเอื้อมไขว่คว้าอยากจะช่วยเบญญา แต่สติกลับลางเลือนลงอย่างรวดเร็ว


ร่างของเขาทรุดฮวบลงกับพื้น สติสุดท้าย เขาเห็นหนุ่ยเข้ามาประคอง ทว่าเหนือใบหน้าของหนุ่ยคือใบหน้าของเบญญา


หล่อนกำลังยิ้มจาง...สมใจ


..................


........


...


ร่มธรรมยืนอยู่หน้าบ้านทรงโคโลเนียลหลังใหญ่ที่คุ้นตา เขาก้าวเท้าเดินเข้าไปภายในอย่างเชื่องช้า บ่าวไพร่มากมายขวักไขว่ ดูราวกับกำลังมีงานเลี้ยงรื่นเริง หญิงร่างท้วมผู้หนึ่งเดินคุยกับเด็กหญิงผ่านหน้าเขาไป ได้ยินเสียงแว่วๆของหล่อนดังเข้าหู


“ไอ้แผนมันเรียนหนังสือเก่ง รู้ที่ต่ำที่สูง ถึงจะไม่ชอบใจที่มันมิใช่ลูกคุณพ่อ แต่ก็อย่าแสดงกิริยาไม่เหมาะสม อย่างไรเสีย คุณพ่อก็เอ็นดูมันมาก”


“ค่ะคุณแม่”


ร่มธรรมหันมองตาม แต่ร่างของหญิงผู้นั้นและเด็กสาวกลับหายออกไปนอกประตูแล้ว เขาหันกลับมากวาดมองไปรอบตัวอีกที คราวนี้เห็นเด็กหนุ่ม 2 คนเดินลงมาจากบันได เด็กหนุ่มผู้หนึ่งนั้นสดใสร่าเริงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อีกผู้หนึ่งเดินคล้อยตามหลังสงบเสงี่ยมเจียมตัว


“คุณพ่อบอกว่าจะจัดงานวันเกิดครบ 16 ให้พวกเรา!” เด็กหนุ่มผู้สดใสร้องอย่างดีอกดีใจ


“คุณหลวงจัดให้คุณเทพขอรับ”


“แต่เราเกิดปีเดียวกันนะไอ้แผน เมื่อตะกี้คุณพ่อก็บอกอยู่ว่าไหนๆก็อายุเท่ากันแล้ว ก็จะจัดงานให้เอ็งไปด้วย!”


“ถึงเกิดปีเดียวกัน ก็มิได้ขอรับ”


“ไฮ้! พูดแต่คำว่าไม่ได้ๆ คำสั่งคุณพ่อ เอ็งกล้าขัดรึ! อีกอย่าง เอ็งอยู่บ้านนี้มาก็ 3 ปีแล้ว ต้องมีงานเลี้ยงให้ซี! จึงจะถูกต้อง!”


ร่มธรรมเพ่งมองเด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘ไอ้แผน’ เขาเคยเห็นไอ้แผนมาแล้วหลายครั้งในความฝัน แต่ทุกครั้ง เด็กหนุ่มที่ชื่อแผนมักมาพร้อมกับร่างกายมอมแมม มีแผลแตก และดวงตาอาฆาต ทว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อแผนที่เขาเห็นในคราวนี้ กลับดูเป็นเด็กหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงดูอย่างดี แม้จะไม่ได้สวมเสื้อผ้าหรูหราอย่าง ‘คุณเทพ’ ก็ตาม


“เอาล่ะ! แต่ก่อนจะถึงงานเลี้ยง เอ็งต้องมาสอนการบ้านข้าก่อน เฮ้อ! ถ้าไม่ได้เอ็ง ข้าคงเลิกเรียนไปนานแล้วเชียว”


“กระผมเพียงแนะเล็กน้อยเท่านั้น แต่เพราะคุณเทพหัวไว จึงทำได้...” ผู้ถูกเรียกว่าคุณเทพโบกมือหย็อยๆราวกับไม่อยากฟัง


“ข้าหัวช้ามาแต่เด็ก จนกระทั่งได้เอ็งมาสอนการบ้านนี่แล”


“หามิได้ขอรับ กระผมเพียง...”


“ไฮ้ๆ ไม่ใช่เพราะเอ็งก็ได้ เพราะข้าหัวไวฉลาดเฉลียวก็ได้ ไป! ทำการบ้านเถิด! ข้าจะได้ไปเที่ยวเล่นเสียที!”


เด็กหนุ่มทั้งสองคนเดินหายออกไปทางประตูบ้าน ร่มธรรมมองส่งจนสองร่างนั้นหายไปกับแสงจ้า แต่กระนั้นเขาก็ไม่เข้าใจ


…‘ไอ้แผน’ ผู้นี้ดูแล้วไม่น่าจะถูกลงโทษจนอาฆาตมาดร้ายเลยไม่ใช่หรือ? …



ชายหนุ่มได้แต่ครุ่นคิด รู้ตัวอีกที รอบกายก็มืดมิด ก่อนจะกลายเป็นภาพในห้องหนึ่งที่มีโต๊ะไม้วางเรียงเป็นแถวตอน แต่ละโต๊ะมีหนังสือวางซ้อน บ้างเยอะบ้างน้อย คล้ายห้องพักครู


เด็กหนุ่มที่ชื่อแผนนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง อีกฝั่งของโต๊ะคือหญิงสาวที่กำลังพูดอะไรบางอย่าง เมื่อร่มธรรมเดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงของหล่อนที่แฝงด้วยความปลื้มปิติ


“คุณหลวงคงดีใจมากเทียว ถ้ารู้ว่าเธอได้เรียนต่อโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์”


เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง หน้าตาแช่มชื้นอย่างดีอกดีใจ


“ครูอย่าเพิ่งแจ้งคุณหลวงได้ไหมขอรับ กระผมอยากจะเรียนท่านด้วยตนเอง กระผมอยากจะขอบพระคุณที่เมตตาให้กระผมได้เรียนหนังสือ”


“ได้ซี” หญิงสาวผู้ถูกเรียกว่าครู มีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถาม


“ว่าแต่...ทำไมเธอถึงอยากเป็นครูล่ะ”


เด็กหนุ่มมีสีหน้าเก้อเขิน ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว ทว่าได้ยินชัดเจน


“กระผม...อยากให้ผู้คนชื่นชมคุณหลวงที่ท่านส่งเสียคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าจนเรียนจบเป็นครู กระผมมิใช่ลูกหลาน มิอาจตอบแทนพระคุณท่านได้อย่างที่ลูกหลานพึงกระทำ สิ่งที่พอทำได้คือทำให้ท่านเป็นที่ชื่นชมจากผู้อื่นขอรับ”


วาจาของเด็กหนุ่มผู้นี้เต็มไปด้วยความจริงใจ ร่มธรรมรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาจับใจ ทว่าจู่ๆ ภาพตรงหน้าก็หายไป เขาหันมองซ้ายขวาแล้วก็พลันเห็นโถงบันไดที่คุ้นตา


โถงบันได...ที่เขาเคยฝันเห็นมาแล้วหลายครั้ง


ร่างของ ‘ไอ้แผน’ ที่มอมแมมและเต็มไปด้วยรอยแผลแตกถูกเหวี่ยงลงกับพื้น ร่มธรรมมองภาพนั้นแล้วใจหายวาบ


   “มึงจะรับผิดรึยัง!”


“กระผม..กระผมไม่ได้ทำ” เสียงของเด็กหนุ่มอ่อนระโหย แทบจะทรงตัวนั่งไม่อยู่ด้วยซ้ำ ราวกับถูกทำร้ายทรมานมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนจะถูกพามาโยนอยู่แทบเท้าตรงนี้


...แทบเท้า?...


หัวใจของร่มธรรมกระตุกวูบ รีบก้มลงมองเท้าตัวเอง แล้วก็พบว่าไม่เหมือนฝันครั้งก่อนๆ ที่เขาเป็นผู้ชมเหตุการณ์



แต่คราวนี้...เขาคือคนพิพากษา


ใช่...คราวนี้ร่มธรรมอยู่ในร่างของ ‘คุณหลวง’


“ไม่ได้ทำแล้วสร้อยพระของกูไปอยู่ในกระท่อมของมึงได้อย่างไร!” เสียงพูดมาจากที่ไหนไม่ทราบ ร่มธรรมเหมือนถูกขังอยู่ในร่างที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม


“กระผมไม่รู้ กระผมไม่รู้จริงๆขอรับ”


“คราวก่อนก็หนังสือลูกกู คราวนี้ก็สร้อยพระของกู คราวหน้าไม่เป็นชีวิตกูหรือไร?! ไอ้จังไรเลี้ยงไม่เชื่อง หลักฐานคาตาอย่างนี้ ทำโทษหนักถึงเพียงนี้ก็ยังเอาแต่ปฏิเสธอีกรึ!”


เสียงยังดังขึ้นอีก ร่มธรรมดิ้นรนอยู่ในร่างที่เอาแต่ด่าทอ อยากบอกให้คนที่กำลังพิพากษานี้ใจเย็นและรับฟัง ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่แล้วค่อยตัดสินผู้อื่น


“กระผมไม่ได้ทำจริงๆ...คุณหลวงได้โปรดเชื่อกระผม...”


“เอามันออกไปจากบ้านกู!! เอาตัวมันไป อย่าให้กูเห็นหน้ามันอีก!”


ร่มธรรมตาเหลือก เขาพยายามร้องบอกว่าอย่าตัดสินเช่นนั้น แต่ไม่อาจทำอะไรได้เลย ร่างของเด็กหนุ่มถูกฉุดกระชากให้ลุกขึ้นยืน ภาพสุดท้ายที่ร่มธรรมฝันเห็นมาตลอดคือดวงตาของ ‘ไอ้แผน’ ที่หันมามองอย่างโกรธเคืองและอาฆาต


ทว่า...คราวนี้ในดวงตาคู่นั้น เมื่อมองจากร่างของ ‘คุณหลวง’ แล้ว ร่มธรรมไม่ได้เห็นเพียงความโกรธเคืองอาฆาต ทว่ามันยังแฝงด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ


และ...คราวนี้...ใบหน้าที่หันกลับมา ไม่ใช่ ‘ไอ้แผน’


แต่...เป็นครองภพ


แม้ไม่มีสิ่งใดยืนยัน แม้ร่มธรรมจะรู้ว่านี่คือความฝัน แต่...มันกลับเป็นฝันที่ทำให้หัวใจของเขาแทบสลาย


ครองภพคือ ‘ไอ้แผน’ คนที่ถูกคุณหลวงพิพากษาให้พาตัวออกไปแล้วอย่าได้เห็นหน้ากันอีก


และคุณหลวงผู้นั้น...คือร่มธรรม



...

..........

...................
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 26-03-2020 20:49:56


“ครอง...”


เขาทำได้เพียงร้องเรียก ความเสียใจล้นทะลักอยู่ในอกจนทรมาน รู้สึกถึงหยาดน้ำที่เอ่อคลออยู่ใต้เปลือกตาจนต้องค่อยๆลืมตาขึ้นมา


“...ครอง...” สติแรกที่รับรู้ ริมฝีปากของร่มธรรมก็ยังเรียกหาแต่ชายหนุ่มผู้นั้น ชายหนุ่มผู้ที่อดีตชาติเคยเกี่ยวพันไม่ว่าจะในฐานะอะไร แต่ชีวิตในชาติภพนั้น...ร่มธรรมกลับรู้สึกว่าเขาทำผิดต่อครองภพ


...เสียใจ...


เขาเสียใจ...ที่ชีวิตนั้นไม่แม้แต่จะฟังคนที่รักและเทิดทูนเขาถึงเพียงนั้น


“ยังจะเรียกหามันอีกเหรอคะ พี่ร่ม”


เสียงใสของหญิงสาวดังขึ้นข้างกาย ร่มธรรมรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ดวงตาพร่าเบลอ แต่ก็ยังมองเห็นร่างของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย


“พี่ร่มไม่ใจดีกับเบญเลย ทั้งๆที่เบญรักพี่ร่มขนาดนี้”


“ค...คุณเบญ...คุณทำ...” เขาพูดไม่เต็มประโยค รู้สึกวิงเวียนไปทั้งศีรษะ เหมือนอะไรบางอย่างกำลังฉุดเขากลับเข้าสู่นิทรา เขารู้ว่าถ้าเขาหลับลงตรงนี้ ร่างกายจะเบาสบายและเป็นสุข เขาจะไม่ต้องทรมานกับความรู้สึกใดๆในหัวใจอีกแล้ว


แต่...ร่มธรรมก็คิดถึงใครบางคนขึ้นมาจับใจ


คิดถึง...คนที่เขาอยากเห็นหน้าก่อนจะหลับตาลง


คิดถึง...คนที่เขาในชีวิตหนึ่งเคยประกาศิตว่าอย่าได้เห็นหน้ากันอีก


...คิดถึง...


“ครอง...ครอง...ช่วย...พี่ด้วย...”


สิ้นเสียงนั้น สติของร่มธรรมก็ดับลง เบญญามองร่างที่แน่นิ่งของชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองเข็มฉีดยาที่หล่อนถอนออกมาจากข้อพับแขนของชายหนุ่ม


“เอาแต่เรียกหาคนอื่น ทั้งๆเบญอยู่กับพี่ตรงนี้ มีแต่เบญเท่านั้นที่อยู่กับพี่ร่มนะ แล้วพี่ร่มก็ต้องอยู่กับเบญเหมือนกัน...”



เบญญาเอนกายลงวางศีรษะตนเองกับแผ่นอกของเขาที่ยังสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะตามการหายใจ แต่...ความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ภาพฝันที่เบญญาเคยคาดหวัง


แสงจันทร์นวลที่ส่องลอดเข้ามาทางช่องหน้าต่าง รอบกายระเกะระกะไปด้วยสิ่งของหักพังและฝุ่นผงหยากไย่ ที่นี่ไม่ใช่ปราสาทราชวังที่หล่อนเคยฝันว่าจะครองคู่กับร่มธรรมอย่างมีความสุข


ที่นี่เป็นเพียงอาคารร้าง


หล่อนเงยหน้าขึ้นมาจากอกเขา พลันนั้นก็ถึงได้เห็นชายนุ่งโจงผู้หนึ่งนั่งขนาบอีกข้างของร่างของร่มธรรม


ชายผู้นั้นถลึงตาใส่เบญญาอย่างดุร้าย ทว่าหญิงสาวไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด


“มึงทำร้ายคุณหลวง!” ชายฉกรรจ์ผู้นั้นไม่ได้ขยับปาก แต่เสียงของเขากลับประเดประดังมาจากรอบตัว เบญญาไม่สะทกสะท้าน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนพบเจอชายผู้นี้ จึงเพียงแค่เลิกคิ้ว


“พูดอะไรไม่เข้าใจ ถอยออกไป อย่ามายุ่งกับพี่ร่มของกู” หล่อนหวงเนื้อตัวของเขา แม้แต่ฝุ่นสักนิดของอาคารร้างแห่งนี้ หล่อนยังไม่อยากให้โดนตัวร่มธรรม กระทั่งอีกฝ่ายที่ไม่ใช่คน แตะเนื้อต้องตัวร่มธรรมไม่ได้ แค่นั่งเคียงข้าง หล่อนก็เอามือไม้ปัดราวกับไล่เสนียดจัญไร


“อีสารเลว! คืนคุณหลวงมาให้กู!”


“พี่ร่มไม่ใช่คุณหลวงของมึง!”


‘นายช่วง’ ตะลึงงัน ไม่คิดว่าจะเจอคนกลับกลอก เบญญาเหยียดยิ้ม หล่อนทิ้งใบหน้าสวยหวานและความสดใสไปหมดสิ้นแล้ว เวลานี้นอกจากจะมอมแมมเพราะฝุ่นผงในอาคารร้าง ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้อยากได้ในสิ่งที่หล่อนวาดหวังมาหลายปี


ร่มธรรม


พี่ร่มของหล่อน


“พี่ร่มเป็นของกู!” หล่อนตวาดก้อง


“อีคนคด! มึงบอกว่าจะให้คุณหลวงแก่กู!”


เบญญาหัวเราะหยัน ไม่ได้หวาดกลัวใบหน้าถมึงทึงของชายฉกรรจ์ที่นุ่งโจงตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว


“กูบอกแต่กูไม่ทำ! มึงจะทำไม!!!”



แล้วเสียงหัวเราะก็ดังลั่นไปทั่วห้อง ใบหน้าของนายช่วงบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ รังสีอาฆาตพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา แต่เบญญาไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด


 “อีจังไร!”


เบญญาไม่ได้เกรงกลัวความอาฆาตของ ‘ผี’


“กูจังไรแต่กูได้พี่ร่ม! ส่วนมึง! มึงมันก็เป็นแค่ผี! ทำได้แค่โผล่ไปตัดหน้ารถ! ทำได้แค่ทำให้ไอ้ครองภพเจ็บ! แต่มึงทำให้พี่ร่มอยู่กับมึงไม่ได้! เขาต้องอยู่กับกู!”


นายช่วงตวัดสายตาไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ต่อให้ร่างนี้จะไม่ใช่หลวงสุนทรวิจักษ์ที่เขาเคารพนบนอบ หากแต่...ดวงวิญญาณใช่


เขาติดตามมากี่ชาติภพ บางชาติคุณหลวงมองเห็นเขา บางชาติไม่แม้แต่จะรับรู้การมีอยู่ แต่ชาตินี้...คุณหลวงมองเห็นเขาตั้งแต่ยังเด็ก แม้เมื่อเติบใหญ่ เขาก็ยังเข้าไปปรากฏกายในฝันยามคุณหลวงหลับ


...ใช่...ยามหลับ...


ชายฉกรรจ์เหยียดยิ้ม หันกลับมามองเบญญา


“กูทำให้คุณหลวงตายไม่ได้ แต่กูทำให้ท่านไม่ฟื้นได้! ยามไม่ฟื้น คุณหลวงเป็นของกู หาใช่ของมึง! กูจะไม่ให้ท่านฟื้นมาอยู่กับมึง!!”


หญิงสาวตาเหลือก หันกลับไปมองร่มธรรมที่แน่นิ่งแล้วก็รีบถลาเข้าไปเขย่า


“พี่ร่ม! พี่ร่ม!! พี่ร่มตื่น!!”


“ท่านไม่ตื่น!! กูจะให้ท่านอยู่ในฝันตลอดไป! กูจะให้ท่านอยู่กับกู!!! มึงจักไม่มีวันได้อยู่กับท่าน!!!” เสียงของนายช่วงดังก้อง พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจ เบญญาหันขวับกลับไปยังจุดที่นายช่วงเคยปรากฏกาย แต่เวลานี้ตรงนั้นว่างเปล่า


“ไอ้ผีเหี้ย!!!!” เบญญากรีดร้อง จิตใจไร้ความหวาดกลัว ความโกรธเคืองทำให้หล่อนมุทะลุ ตะโกนด่าทอไปรอบตัว แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงเสียงหัวเราะ


“มึงมันก็เป็นแค่ผี! คืนเขาให้กู!!!”


“ไอ้ผีชั่ว!!! มึงไม่มีสิทธิ์ได้เขาไป!!”


เบญญากรีดร้องเสียสติ หล่อนด่าทอนายช่วงที่ไร้ตัวตน สลับกับหันไปเขย่าร่างที่ไม่มีสติของร่มธรรม แต่...ยานอนหลับที่หล่อนให้เขา ไม่อาจทำให้เขาตื่น หล่อนร้องไห้ แล้วก็พลันด่านายช่วงขึ้นมาอีก จากนั้นก็เซื่องซึมเรียกร้องให้ร่มธรรมตื่น จนกระทั่ง...ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามา


หนุ่ยวิ่งเข้ามาหาทั้งที่ยังหอบฮัก หลังจากเมื่อครู่นี้แสร้งทำเป็นออกไปสมทบกับอีกหลุ่มหนึ่งแล้วบอกว่าค้นหาจนทั่วแต่ไม่เจอทั้งเบญญาและร่มธรรม


“ผมบอกให้พวกมันไปทางอื่นกันแล้ว!” เขาว่าอย่างนั้น พลางมองเลยไปยังร่มธรรม ความรู้สึกผิดถูกชั่วดีตีกันในใจ เงินทองจากเบญญาก็อยากได้ ไหนจะเรื่องที่พี่ชายของเขาเสียชีวิตเพราะขับรถชนรถของบิดาของร่มธรรมอีก แต่...ความเมตตาอารีที่ร่มธรรมมี ก็ยังตระหนักในใจ


ร่างของร่มธรรมที่นอนราบบนพื้นมีผ้าสะอาดรองอย่างดี แต่ก็ดูจะไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด


เมสเซ็นเจอร์หนุ่มชักใจคอไม่ดี เขาไม่คิดว่าร่มธรรมจะสลบนานขนาดนี้


“คุณร่มเป็นยังไงบ้าง แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงต่อ” ชายหนุ่มชะโงกหน้าดู พลันเหลือบไปเห็นเข็มฉีดยาถูกใช้แล้ววางอยู่ใกล้หญิงสาวก็ทำเอาลมหายใจสะดุดขึ้นมา


เขาได้ยินเสียงหายใจแรงคล้ายคนหอบจากหญิงสาวที่ยังเอาแต่ก้มหน้านั่งอยู่ข้างร่มธรรม


 “เขาไม่เป็นอะไร อุ้มเขาไปขึ้นรถข้างหลังตึกที” น้ำเสียงของหล่อนก็เย็นเยียบ ฟังแล้วรู้สึกขนลุกขนพอง


“คุณ...จะพาคุณร่มไปไหน” หนุ่ยเริ่มใจคอไม่ดี นอกจากเข็มฉีดยาที่ไม่มีที่มาที่ไปแล้ว เบญญายังจะพาร่มธรรมไปไหนก็ไม่รู้


“กูบอกให้พาเขาไป!!! พี่ร่มต้องไปอยู่กับกู!!!!” หล่อนเงยหน้าขึ้นมาตวาดลั่น ใบหน้าสวยหวานที่หนุ่ยเคยเห็น มาบัดนี้เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ดวงตาเหลือกโปน เส้นเลือดฝอยในตาขาวแตกจนแดงก่ำทั้งสองข้าง ริมฝีปากบิดเบี้ยว ความอาฆาตดุร้ายแผ่กระจายออกมาทั่วตัวหล่อน หนุ่ยหงายหลังก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ตาเหลือก ใต้ความมืดสลัว ใบหน้าของหญิงสาวนั้นโหดเหี้ยมและไร้สติ


“ได้ยินมั้ย!! กูบอกว่าพี่ร่มต้องอยู่กับกู!!! เขาต้องอยู่กับกู!!!!” หล่อนแผดเสียง พุ่งตัวมาเขย่าหนุ่ยด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล หน้าตาบิดเบี้ยว ดวงตาโปน แม้จะเป็นชายหนุ่มอกสามศอก แต่หนุ่ยก็ถึงกับตาเหลือกด้วยความกลัว


แม้จะห่วงร่มธรรมในทีแรก แต่พอเห็นเบญญาเหมือนคนเสียสติและคุ้มคลั่ง หนุ่ยก็สลัดความคิดถึงผู้อื่นไปหมดสิ้น เขาผลักหญิงสาวออกจากตัว ตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งออกจากห้องทันที เบญญากรีดร้อง ทุกคนพากันทอดทิ้งหล่อน กระทั่งคนที่หล่อนจะใช้งาน เขาก็ยังไม่อยู่ แต่พอตวัดสายตากลับมามองร่มธรรม แม้เขาจะไม่มีสติ แต่เขาก็ยังนอนอยู่เช่นนั้น…


มีแต่เขา...ที่ไม่ทิ้งหล่อนไปไหน


ดวงตาของเบญญาอ่อนแสงลง มันเต็มไปด้วยความรักใคร่หลงใหล ไม่มีสิ่งใดเจือปน...แม้แต่สติ


“พี่ร่มต้องอยู่กับเบญ พี่ร่มต้องอยู่กับเบญ” หล่อนเพ้อ มือลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของนักแสดงหนุ่มที่แน่นิ่งไม่ได้สติ


แต่พอเห็นเขาไม่ได้สติ จากอาการสงบ ก็กลายเป็นโอดครวญน่าเวทนา


“ฮือ...พี่ร่มตื่นขึ้นมาเป็นของเบญนะ พี่ร่มตื่นขึ้นมา...ฮือ...ตื่นขึ้นมา...” 


“ท่านจักไม่มีวันตื่น!! กูจะไม่ให้คุณหลวงตื่น กูจะไม่ให้คุณหลวงตื่น!” เสียงของนายช่วงดังขึ้นมาอีก เบญญาตาเหลือก หล่อนหันรีหันขวาง กำลังจะอาละวาดอีกรอบก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ก่อนที่ไม่กี่อึดใจต่อมาแสงจากไฟฉายจะสาดเข้ามาในห้อง


ครองภพเป็นเจ้าของไฟฉายนั้น ทันทีที่ลำแสงจากไฟฉายตกกระทบไปที่ร่างของร่มธรรมที่นอนอยู่ใกล้ช่องหน้าต่าง ชายหนุ่มก็รีบวิ่งเข้าไปทันที


“ร่ม!”


ยังไม่ทันถึงตัวร่มธรรม ครองภพก็หันขวับกลับไปมองข้างหลังเมื่อรับรู้ถึงอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว เขาเบิกตาโพลงเมื่อไฟฉายในมือสาดให้เห็นร่างของเบญญาพุ่งเข้ามาหา เงื้อไม้หน้าสามขึ้นหมายจะฟาดเต็มแรง


“มีแต่คนจะแย่งพี่ร่มไปจากกู!!” หล่อนกรีดร้องอาละวาด แต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้แรงชายหนุ่ม ครองภพคล่องแคล่วและมีทักษะในกีฬาแทบทุกประเภท ประสาทสัมผัสว่องไว เมื่อเห็นอาวุธในมือของเบญญา เขาจึงจับข้อมือหล่อนแล้วบิด


“โอ๊ย!!!” เสียงร้องของหล่อนดังลั่น ไม้หน้าสามหล่นจากมือ ทว่าครองภพไม่ทันระวัง มือข้างขวาของหล่อนนั้นเขาจัดการได้ แต่มือข้างซ้าย เขาไม่เห็น


มีดวาววับในมือของเบญญาพุ่งเข้าแทงที่กลางท้องของชายหนุ่มทันที


ครองภพสะดุ้งเฮือก ตาเหลือกเมื่อความเจ็บแล่นริ้วในวินาทีต่อมา แสงสลัวทำให้มองเห็นด้ามสีดำปักคาอยู่ที่ท้องของเขา


ชายหนุ่มทรุดฮวบลงกับพื้น เบญญาหัวเราะลั่นอย่างสาแก่ใจ...หมดเสี้ยนหนามไปแล้วหนึ่ง...



หล่อนเดินหัวเราะคล้ายคนเสียสติไปหาร่างของชายหนุ่มที่หล่อนรักสุดหัวใจที่ยังนอนนิ่ง แต่เมื่อเห็นเขานิ่ง เบญญาก็ตาเหลือกคุ้มคลั่งขึ้นมาอีก


“พี่ร่ม! พี่ร่มตื่น! พี่ร่ม!! ไอ้ผีชั่ว คืนพี่ร่มให้กู!! คืนเขาให้กู!!!” เสียงอาละวาดของหล่อนดังไปทั่วห้อง เดี๋ยวโวยวายสลับกับร้องไห้ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หล่อนย่อมไม่รู้ว่าคนที่หล่อนคิดว่าไร้น้ำยาไปแล้ว กลับผุดลุกขึ้นแล้วกระโจนเข้าล็อกตัวหล่อนจากด้านหลัง จับสองมือไพล่หลังแล้วมัดด้วยเศษเชือกที่เขาคว้าเอาได้จากพื้นเมื่อครู่


เบญญากรีดร้องโหยหวน แต่แรงผู้หญิงร่างเล็กของหล่อนไม่อาจสู้แรงผู้ชายที่แม้จะบาดเจ็บแต่แรงใจแข็งแกร่งอย่างครองภพ เขาไม่แม้แต่จะสงสารเสียงร้องนั้น จับหล่อนมัดแขนได้แล้วก็ลากไปมัดกับเสากลางห้อง


   “ปล่อยกู!! ปล่อยกู!!!!” ครองภพไม่สนใจเสียงหล่อน จับมัดด้วยเงื่อนตาย แล้วก้มลงมองแผลที่ท้องของตนเอง กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้ง เสื้อเริ่มแฉะชื้น ชายหนุ่มถอดเสื้อของตนเองออกอย่างไว ใช้เสื้อตัวในกดแผล แล้วใช้เสื้อตัวนอกมัดรอบลำตัวอีกทีเพื่อปิดปากแผลไว้ ก่อนจะเดินกลับมายังร่างของร่มธรรม อาการเจ็บปวดที่แผลไม่อาจทำให้ชายหนุ่มหยุดคิดอะไรอีกแล้ว และร่มธรรมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว


   ชายหนุ่มตั้งสติ ฮึดแรงเดินไปดูที่หน้าต่าง มองลงไปเห็นว่าพวกเขาอยู่ชั้นสอง จึงกลับมาประคองร่างของร่มธรรมขึ้นจากพื้น มือหนึ่งกระชับร่างไร้สติ อีกมือคว้าเอาไฟฉายขึ้นมาถือ อาศัยความคุ้นเคยจากที่เข้ามาถ่ายทำเมื่อตอนกลางวัน พาคนในอ้อมแขนออกเดินอย่างรวดเร็ว



เสียงกรีดร้องของเบญญาที่ถูกมัดอยู่กับเสาดังไล่หลังทันทีที่เห็นครองภพพาร่มธรรมออกไป หล่อนอาละวาดคุ้มคลั่งแต่ไปไหนไม่ได้ ทำได้เพียงกรีดร้องโหยหวน


แต่...ไม่มีใครสนใจ แสงไฟฉายและร่างของร่มธรรมที่อยู่ในอ้อมแขนของครองภพถูกพาออกห่างไปทุกทีๆ ก่อนที่จะเหลือเพียงความมืดเมื่อร่มธรรมถูกพาลงบันไดไปแล้ว


เบญญาถูกทิ้งอยู่ท่ามกลางความสลัวที่มีเพียงแสงจันทร์นวล ในห้องรกร้าง เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย และไม่มีร่มธรรมอย่างที่หล่อนเคยฝัน


เสียงกรีดร้องอย่างสิ้นสติดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง แต่...ไร้สรรพสิ่งใดได้ยิน


…………………
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 26-03-2020 20:50:34


ครองภพกัดฟันพยุงร่างคนหมดสติลงบันได ต่อให้จะเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่ร่างกายแข็งแรง แต่บาดแผลทำให้หมดแรงลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ทรุดตัวลงเมื่อก้าวลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เขาหอบหายใจแรง รู้สึกเหนื่อยอ่อน แต่ความหวังในใจดังก้อง


   พวกเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ในชาติภพนี้ และพวกเขาต้องได้อยู่ด้วยกัน


ชายหนุ่มฮึดแรงเฮือกสุดท้ายลากร่างร่มธรรมไปยังริมช่องหน้าต่างที่มีแสงจันทร์ส่อง เขารู้ว่าทางรอดเดียวคือการติดต่อคนข้างนอกและบอกตำแหน่ง โทรศัพท์มือถือจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้


   มือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นและเลือดสดสั่นระริกตอนที่กดโทร.ออกหาเบอร์โทรสุดท้าย


   ‘ฮัลโล! ครอง!’


   “ผมกับร่ม...อยู่ริมหน้าต่าง...ชั้นหนึ่ง...นอกหน้าต่างไม่มีต้นไม้...”


   ‘โอเคๆ! จะรีบติดต่อคนที่นั่นเดี๋ยวนี้! ครอง! ครอง!’


   “รีบมา...ผม...ห่วงร่ม...”


สิ้นเสียงนั้น รุ่งโรจน์ที่อยู่ปลายสายก็ไม่ได้ยินเสียงใดอีกแล้ว


………………


………





   สติสุดท้ายของครองภพคือความห่วงใยที่มีต่อคนในอ้อมแขน และการพากันออกไปจากที่นี่ ดังนั้นจึงประคองร่างของร่มธรรมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย


ทว่า...จู่ๆร่างในอ้อมแขนก็หายไป


ครองภพตะลึงงัน เมื่อก้มลงพบว่าเขากำลังโอบกอดเพียงความว่างเปล่า หัวใจสั่นสะท้าน ดวงตากวาดมองไปรอบตัวแต่พบเพียงความมืดมิด


   “ร่ม! ร่ม!! คุณอยู่ไหน!!”


   ไม่มีเสียงตอบกลับ ครองภพมองเห็นแต่ความมืด เขาลืมเลือนความเจ็บปวดที่แผลแล้วรีบก้าวเท้าออกเดินไปในความมืดอย่างสะเปะสะปะ แต่...ไม่พบร่มธรรม


   ที่นี่มืดยิ่งกว่าในอาคารร้าง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน


   ทว่าจู่ๆ ก็มีใครบางคนก้าวเท้าออกมาจากความมืด


   นั่นไม่ใช่ร่มธรรม


   ชายฉกรรจ์ผู้นุ่งโจงกระเบงยืนจังก้า หน้าตาถมึงทึง



ชายผู้นี้คือคนที่ครองภพเคยฝันเห็น และบอกตนเองอยู่เสมอว่า ‘มาไม่ดี’ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทั้งสีหน้าและรังสีอำมหิตพวยพุ่งออกมาจากดวงตาแดงก่ำนั่นบอกได้เป็นอย่างดีว่าชายผู้นี้ไม่เคยปรารถนาให้ครองภพมีชีวิตอยู่


   “มึงมันดื้อด้าน!”


   “พูดอะไร”


   “ดื้อด้านเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด!”


   “พูดไม่รู้เรื่อง! ร่มธรรมอยู่ไหน!”


   “ที่นี่ไม่มีคนชื่อร่มธรรม!!!” ชายนุ่งโจงตวาดลั่น ดวงตาวาวโรจน์


   “คืนร่มธรรมมา!!!” แต่ครองภพไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายแต่อย่างใด เมื่อถูกตวาดมา เขาก็ตะคอกกลับ อานุภาพของความโกรธของชายหนุ่มไม่น้อยหน้าใคร พลันนั้น ระหว่างพวกเขาก็ปรากฏร่างของร่มธรรมที่นอนราบกับพื้นไม่ได้สติ


ครองภพรีบทรุดตัวลงประคองอีกฝ่ายเอาไว้ ไออุ่นของร่างที่เขาโอบกอดบอกให้รู้ว่าร่มธรรมยังมีชีวิต แต่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตไปได้อีกนานเพียงใด ครองภพไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สติเช่นนี้เพราะอะไรและนานเท่าไรแล้ว เขาต้องการส่งร่มธรรมไปให้ถึงมือหมอโดยเร็ว


   แต่...เขาไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน มันคล้ายจะเป็นอาคารร้างหลังนั้น แต่ก็ไม่ใช่ มันมืดมิดไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างจากดวงจันทร์ด้วยซ้ำ ที่นี่อาจจะเป็น ‘พื้นที่’ ของชายนุ่งโจงคนนี้


   ไม่รู้ว่าพวกเขาเข้ามาในพื้นที่ของมันได้อย่างไร แต่ครองภพต้องพาร่มธรรมออกจากที่นี่


   “ปล่อยพวกเราออกไป!”


   ชายฉกรรจ์ผู้นั้นหัวเราะลั่น แต่จู่ๆก็หยุดแล้วตวัดดวงตาที่ยังเต็มไปด้วยความโกรธมาจ้องครองภพแล้วแผดเสียงก้อง


   “ไม่มีวัน!”


   ยิ่งมองร่างที่ถูก ‘ไอ้แผน’ ประคอง ‘นายช่วง’ ก็ยิ่งรู้สึกถึงไฟโกรธ


ที่นี่คือ ‘โลก’ ของเขา โลกที่มืดมิด นายช่วงอาศัยอยู่ที่นี่คอยติดตามคุณหลวงผู้เป็นนายของตนมาไม่รู้กี่ชาติกี่ภพ แต่ทั้งๆที่คิดว่าที่นี่คือโลกของเขา กลับซุกซ่อนคุณหลวงของตนให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของไอ้แผนไม่ได้เลย!


   ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แค่มันเรียกหา คุณหลวงที่ไม่ได้สติกลับปรากฏกายขึ้นตรงหน้ามัน!!


   ยิ่งมอง ยิ่งเห็น ก็ยิ่งทั้งโกรธทั้งอิจฉา


   โกรธชะตาวาสนา


อิจฉาไอ้แผนผู้ได้รับความเอ็นดูจากคุณหลวง


   “กูตามดูแลคุณหลวงมากี่ชาติต่อกี่ชาติ ไม่ว่าท่านจะเกิดเป็นใคร หรือเป็นอะไร กูไม่เคยปล่อยให้ท่านต้องทุกข์ยาก แต่นับตั้งแต่ท่านมาเจอมึง ไอ้แผน! ตั้งแต่มึงกลับเข้ามาในชีวิตของท่าน คุณหลวงไม่เคยมีความสุขเลย!!”


“เพ้อเจ้อ!” ครองภพประคองร่างอ่อนปวกเปียกของชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ไม่ได้สติให้ลุกขึ้นจากพื้น แม้จะเป็นคนมือไม้หนัก แต่กับร่มธรรม การประคับประคองกลับเป็นไปอย่างทะนุถนอม เขาทุ่มสมาธิทั้งหมดกับร่างในอ้อมแขนมากกว่าจะสนใจชายฉกรรจ์ที่ยืนตวาดอยู่เบื้องหน้า


“ไอ้แผน!! มึงจะพาคุณหลวงไปไหนไม่ได้!!”


ครองภพไม่สนเสียงตวาดนั้น เขากระชับร่างปวกเปียกแล้วลุกขึ้นยืน ทว่าพอจะก้าวเท้าเดิน ร่างของชายฉกรรจ์กลับปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดวงตาของชายคนนั้นเบิกกว้างจนแทบเห็นแต่ตาขาว ในขณะที่ปากอ้ากว้างตวาดก้อง


“มึงไม่มีทางออกไปจากที่นี่!” 


แม้จะตกใจ แต่ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนบอกให้ครองภพรู้ว่าเขาจะต้องมีสติ


เขาต้องไปจากที่นี่ ออกไปพร้อมกับร่มธรรม


พวกเขาต้องรอด!!


“หลบ!!”


“คืนคุณหลวงให้กู!!”


ฝั่งหนึ่งตะเบ็งเสียงดังลั่น ลมพัดโกรกราวกับบอกอารมณ์โมโหและเกรี้ยวกราด ครองภพทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่ความโมโหของเขาก็ไม่ได้น้อยหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน


“อย่ายุ่งกับร่มธรรม!!”


“มึงต่างหาก! มึงต้องออกไปจากชีวิตคุณหลวง!!”


“ที่นี่ไม่มีคุณหลวง!”


ราวกับเป็นความจริงที่กระแทกความรู้สึกของนายช่วง



มิใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าผู้ที่ ‘ไอ้แผน’ ประคองเอาไว้ หาใช่มีรูปลักษณ์เป็นหลวงสุนทรวิจักษ์อย่างที่เขาคุ้นเคย แต่ไม่ว่าคุณหลวงจะเกิดกี่ชาติกี่ภพ เปลี่ยนรูปลักษณ์ ลักษณะไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาเห็นหลวงสุนทรวิจักษ์เป็นใครอื่น


ต่อให้ชาตินี้จะเป็นชายหนุ่มสามัญชน แตกต่างจากชาติที่นายช่วงผูกติดลิบลับ แต่ให้อย่างไรก็ยังเป็นหลวงสุนทรวิจักษ์ที่เขาเคารพและเทิดทูน หลวงสุนทรวิจักษ์ผู้ช่วยชีวิตเขา ผู้ชุบชีวิตเขา


นายช่วงผูกติดกับความรู้สึกของตนและชาติภพที่จากมา ไม่ยอมดับสลาย ไม่ยอมไปผุดไปเกิด เฝ้าแต่รอคอยการเวียนว่ายตายเกิดของหลวงสุนทรวิจักษ์เพราะรู้ว่าเป็นทางเดียวที่จะได้ตามรับใช้ดูแล มิใช่อย่างไอ้แผนที่ตายเกิดไม่รู้กี่ชาติ ก็ล้วนคลาดกับหลวงสุนทรวิจักษ์เสียทุกชาติไป ไม่ว่าจะด้วยฐานันดร สังคม ประเพณี หรือแม้แต่สถานะ


ชาติหนึ่ง หลวงสุนทรวิจักษ์เกิดเป็นชาย ส่วนไอ้แผนเกิดเป็นหญิงในต่างแดน พรมแดนในเวลานั้นกีดขวางการพบเจอ


ชาติหนึ่ง หลวงสุนทรวิจักษ์เกิดเป็นสุนัข ส่วนไอ้แผนเกิดเป็นนก เผ่าพันธุ์พลัดพรากทั้งสองออกจากกัน


เรื่องคลาดแคล้วเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับคนที่ผูกติดอยู่กับหลวงสุนทรวิจักษ์แต่เพียงผู้เดียว จนกระทั่งชาตินี้


แม้ต่างเป็นชาย แม้อายุห่างกันถึง 6 ปี แต่โชคชะตาคนเราพิลึกพิลั่น ทางเดียวที่จะทำให้ทั้งสองไม่พบเจอก็คือต้องกีดกัน เมื่อคนหนึ่งอยู่ที่หนึ่ง อีกคนต้องถูกพาออกไปยังอีกที่หนึ่ง ทั้งๆที่แทบไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว ทั้งๆที่โอกาสพลัดพรากสูงลิ่ว



ทว่า...อะไรบางอย่างกลับดึงทั้งคู่กลับเข้ามาสู่วงจรของกันและกัน


อะไรบางอย่าง ที่นายช่วงไม่อาจทัดทานได้เลย!


แต่ช่างประไร! หากสิ่งใดทำให้คุณหลวงของเขาเจอกับไอ้แผน เขาก็จะดึงคุณหลวงกลับมาเอง!


   “คืนคุณหลวงให้กู!!”


   “ไม่ใช่คุณหลวง!!”


   “ไอ้แผน!!”


   “ไม่ใช่!! ไม่รู้ตัวรึไง ว่าที่นี่ไม่มีคุณหลวง! ไม่มีไอ้แผน! ที่นี่มีแต่กูชื่อครองภพกับคนของกูที่ชื่อร่มธรรม! ที่นี่ไม่มีใครที่มาจากโลกของมึง! คนที่เคยอยู่ในโลกที่มึงอยู่เขาไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครผูกติดกับโลกของมึงอีกแล้ว!!”


   ร่างทะมึนของนายช่วงคล้ายมีไอผวดพุ่งด้วยความโกรธ แต่ครองภพไม่ได้สนใจ เขาตวาดก้อง


   “ที่นี่คือโลกของพวกกู! โลกของกูกับร่มธรรม ไม่ใช่โลกของมึง!!”


 ชายหนุ่มกระชับคนในอ้อมแขนแน่น กวาดตามองไปโดยรอบ ตอนแรกที่คิดว่าอยู่ในสถานที่อับทึบมองไม่เห็นทางออก แต่เมื่อตั้งสติแล้วประกาศิตว่าที่นี่คือโลกของเขาและร่มธรรม ก็คล้ายกับเห็นจุดหมาย


   แสงสว่างเพียงน้อยนิดลอดแยงเข้ามาในความมืดมิด สัญชาตญานบอกครองภพว่าที่นั่นคือทางออก


   ชายหนุ่มพาคนในอ้อมแขนที่ไม่มีแม้แต่สติก้าวเท้าเดินอย่างไว แม้ร่มธรรมจะเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างใกล้เคียงกับเขา แต่สัญชาตญานเอาตัวรอดทำให้รู้สึกว่าร่างของคนในอ้อมแขนไม่ต่างจากตุ๊กตายัดนุ่นที่เบาหวิว


   “มึงจะพาคุณหลวงไปไหนไม่ได้!! คุณหลวงต้องอยู่ที่นี่!! ต้องอยู่กับกู!!”


ครองภพไม่สนใจเสียงตวาดและร่างทะมึนที่พุ่งมาดักหน้าเขา ดวงตาเรียววาววับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้า



พวกเขาต้องรอด ที่นี่คือโลกของพวกเขาไม่ใช่โลกของผีไม่ไปผุดไปเกิด!!


   ยิ่งบอกตนเองว่าเขาต้องรอด ร่มธรรมต้องรอด และที่นี่คือโลกที่พวกเขามีชีวิต   แสงเรืองรองที่ส่องลอดเข้ามาตามทางแยกนั้นก็ค่อยๆขยายกว้างขึ้น ครองภพรู้แล้วว่าเขาไปถูกทางแน่ แต่ร่างทะมึนที่ดักหน้าทำให้เขาไม่อาจก้าวขาทะลุผ่าน


   เป็นผีแท้ๆ มีสิทธิ์อะไรมาขวางทางคน!!


   “หลบไป!!!” ชายหนุ่มวัย 22 ที่ไม่เหลือความกลัวในใจแม้สักเสี้ยวเดียวตวาดลั่น


นายช่วงตะลึงงัน ชาติภพที่จากมา ชายตรงหน้าเป็นเพียงเด็กหนุ่มนามว่าไอ้แผนผู้ไม่มีปากมีเสียง ไม่ว่าจะถูกกลั่นแกล้งจนเจ็บหนักเพียงใด ถูกใส่ความจนไม่มีคนเชื่อถือ แต่ก็ไม่เคยปรากฏอารมณ์เกรี้ยวกราดถึงเพียงนี้


โลกเดิมผูกติดนายช่วงเอาไว้ ไม่เพียงแต่หลวงสุนทรวิจักษ์ที่เขาจดจำ แต่ยังรวมถึงไอ้แผนด้วย


   ยิ่งเห็นแสงสว่างขยายรอยแยกออกกว้าง ครองภพก็ยิ่งไม่รีรอ คนในอ้อมแขนของเขาหมดสติมานานเพียงใดแล้วไม่รู้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการในเวลานี้คือกลับออกไปยังโลกที่พวกเขามีชีวิตจริงๆ แล้วส่งร่มธรรมให้ถึงโรงพยาบาลโดยไวที่สุด เขาก้าวเท้าตรงไปยังแสงสว่างนั้น เสียงโหยหวนของนายช่วงดังลั่น ทว่าครองภพไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว


   แสงสว่างเจิดจ้าจนตาพร่าเบลอ ครองภพหลับตาลงแต่มือยังโอบประคองร่างของร่มธรรมเอาไว้แน่น


   ชีวิตของเขาและร่มธรรมจะต้องดำเนินต่อไป


   และเรา...ต้องได้ใช้ชีวิตด้วยกัน


   ชาตินี้...เราจะไม่จากกันอีกแล้ว


   ...


   ........


   ................


   “ครอง! ร่ม!”


“ตรงนี้! ครองกับร่มอยู่ตรงนี้!!” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังลั่น ครองภพลืมตาขึ้นช้าๆ แสงจากไฟฉายเป็นลำตรงมายังใบหน้าของเขาจนต้องเอี้ยวหน้าหลบเพื่อปรับสายตา



แม้รอบกายจะมืด มีเพียงแสงจากกระบอกไฟฉายเพียงอันเดียว แต่เขายังรับรู้ว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงลำพัง อ้อมแขนของเขากระชับกอดร่างใครบางคนที่ทั้งอุ่นและยังรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจ


   อึดใจต่อมา ไฟฉายเกือบสิบอันก็ส่องเข้ามาในห้อง ภาพที่ผู้คนเห็นคือครองภพนั่งพิงผนังอยู่บนพื้น หน้าตาซีดเซียว ในอ้อมแขนของเขาประคองร่างของร่มธรรมที่ไม่ได้สติเอาไว้


   “ยังอยู่...ร่มยังอยู่...” ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของผู้คนที่มาช่วยเหลือ คือเสียงของครองภพที่บอกกับรามิล


   “รู้แล้ว ปล่อยเขาก่อน” รามิลไม่อยากบอกครองภพเลย ว่าร่มธรรมที่ไม่ได้สติยังมีสีหน้าดีกว่าครองภพที่พูดจารู้เรื่องเสียอีก


   “ตามรถพยาบาล...” ครองภพเอ่ยเสียงแผ่ว แต่มือไม่ยอมคลายคนหมดสติออกจากอ้อมแขน ราวกับต้องการแน่ใจว่าร่มธรรมจะถึงมือทีมแพทย์แล้วเท่านั้น เขาถึงจะยอมปล่อย


   “ตามแล้ว ใกล้มาถึงแล้ว ปล่อยร่มก่อน”


   ครองภพส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะก้มลงมองร่มธรรม น้ำหนึ่งหยดตกกระทบผิวแก้ม ก่อนที่ชายหนุ่มจะวางหน้าผากตนเองลงกับหน้าผากของคนที่เขารักสุดหัวใจ


   “ไม่...ไม่ปล่อยเขาไปไหนอีกแล้ว...”


   ไม่ว่าอดีตชาติจะเกิดเป็นใคร ไม่ว่าอดีตชาติจะเคยมีเวรกรรมใดต่อกัน แต่เราก็พลัดพรากจากกันมามากแล้ว จะไม่ยอม...ให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว


   จะไม่ปล่อยร่มธรรมไปไหนอีกแล้ว


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

   
พระเอกนี่มันพระเอกจริงๆนะคะ ตอนร้องไห้ก็ยังรู้สึกว่าเป็นพระเอก (จิณณะ แห่งระบบอุปถัมภ์ดูไว้นะลูกกกก ฮ่าฮ่า)

ตอนนี้ เป็นตอนที่เขียนยากมากเลยค่ะ เพราะมันตัดสลับไปๆมาๆ ระหว่างปัจจุบัน อดีต โลกจริงๆ และพื้นที่ที่นายช่วงอยู่ ถ้าหากอ่านแล้วเข้าใจในฉากต่างๆ ก็จะดีใจมากเลยค่ะ กลัวงงมากๆเลย

อีกอย่างที่ค่อนข้างกังวลคืออาการบาดเจ็บของครองภพและร่มธรรมค่ะ

เวลาเขียนซีนบาดเจ็บ มนุษย์สายวิทย์(ปลอมๆ)แบบบัวมีปัญหามากเลย จินตนาการของเราเหนือเหตุผลตลอด ฮ่าฮ่า เวลาเขียนก็เลยต้องปรึกษาน้องที่เป็นหมอ แล้วน้องก็เลยกลายมาเป็นคนดีไซน์อาการบาดเจ็บต่างๆให้ค่ะ

ตอนนี้น้องกำลังยุ่งอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ถือโอกาสขอบคุณน้องที่ช่วยคิดฉากในตอนนี้และตอนก่อนหน้านี้ และขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่พยายามอย่างหนักกับสถานการณ์นี้ ขอบคุณทุกคนที่พยายามดูแลตัวเอง (ซึ่งมันกลายเป็นการดูแลคนรอบข้างไปโดยปริยาย) และเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหา รอบนี้มันหนักมาก บัวเองก็เจอหลายอย่าง แต่บัวมีเป้าหมายว่าสิ้นปีนี้มีเรื่องมาเฉลย (หวังว่าจะความไม่แตกก่อน ฮ่าฮ่า) ก็เลย...ต้องลุยอย่างเดียว ขี้เกียจไม่ได้ ล้มเลิกไม่ได้ ผ่านวิกฤตทุกอย่างไปแล้วมารอเฉลยของบัวสิ้นปีนี้ด้วยกันนะคะ

ขอบคุณคนอ่าน คนคอมเม้นท์ กำลังใจ การติดตาม และพื้นที่บอร์ด

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 26-03-2020 21:45:57
ครองภพ นายแข็งแกร่ง ถึงโดนแทงยังคงสู้ได้ ปมเริ่มคลายแต่ยังไม่สุด รอพฤหน้าจ้า สนุกมากๆๆ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 26-03-2020 22:01:11
สรุปคือเบญโรคจิต
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-03-2020 22:14:12
เรื่องมันเป็นเช่นนี้นี่เอง    :a5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 26-03-2020 22:29:51
ทั้งผี ทั้งคนบ้า สงสารพี่ร่มมากบอกเลยยย :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 26-03-2020 22:47:06
ต้องรออีกตั้งสัปดาเเน่ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-03-2020 22:50:39
จร้าาาา
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-03-2020 22:52:22
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-03-2020 23:13:22
 :serius2:




แอร้ยยยยยยย หม้ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 26-03-2020 23:13:56
คุณบัวสิ้นปีนี้มีเรื่องอะไรมาเฉลยคะ
บอกมาเดี๋ยวนี้เลยน๊าาา...​เดาดีมั้ย :hao3:
....​

เรื่องตอนนี้เราอ่านละไม่กลัวเลยค่ะ
แต่หัวเราะลั่นเฉยเลย 5555
ชอบมากค่ะยาวจุใจดี
พระเอกปะทะฝีปากกับผี
และผีปะทะฝีปากกับนังโรคจิต
ทั้งขำ ทั้งสงสารผีกับนังโรคจิตอ่ะค่ะ :m20:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-03-2020 23:30:04
ตัวร้ายมีมากกว่าที่คาดไว้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-03-2020 23:47:25
เริ่มที่เราเดาไว้ในใจ ก็ถูกคือเบญญา แต่ไม่รู้ว่าหนุ่ยมาเกี่ยวข้องยังไงทั้งที่ร่มดูแลและเอาใจใส่มาก
แต่เรื่องก็มาเฉลยที่ว่าเห็นแก่เงินนั่นเอง

เบญญา นี่เข้าขั้นโรคจิต คือรักมากหลงมากจนลืมความเป็นจริงและสิ่งรอบข้าง ว่าสิ่งไหนถูกผิด ขอให้แค่ได้สิ่งที่ตนเองต้องการเท่านั้น / ว่าแต่ชาติที่แล้วเบญญาเป็นใครกันนะ

นายช่วง มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้านายอย่างมากยอมไม่ไปเกิดเพื่อจะได้ปกป้องเจ้านาย แต่ก็ปกป้องอย่างผิดๆ ว่าแต่เป็นคนเอาสร้อย หนังสือ ไปซ่อนไว้ที่ห้องไอ้แผนหรือเปล่า

ไอ้แผน ไม่เคยโกรธคุณหลวง แต่ก็แน่วแน่ว่าไม่ได้ทำผิดถึงแม้จะโดนซ้อมมาให้รับสารภาพ / ครองภพชาตินี้เลยปกป้องรุ่มธรรมสุดชีวิต

ร่มธรรม มองเห็นตัวเองไล่ไอ้แผนในชาติที่แล้ว ได้แต่เศร้าใจ / แต่ก็เข้าใจคุณหลวงชาติที่แล้วโดนวางแผนให้เกลียดไอ้แผน ก็เลยรู้สึกโกรธที่ว่าให้ความอุปการะอย่างดีแต่ยังมีขโมยของ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มาซึ้งกับพระเอก ที่ปกป้องคนที่รักไว้อย่างสุดชีวิต
ขอบคุณคนเขียนมาก รักษาสุขภาพด้วยนะ
 :L2: :L2: :L2:


หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 26-03-2020 23:55:47
ลุ้นไ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 27-03-2020 00:37:10
ทั้งผีบ้า ทั้งคนโรคจิต ใครหน้าไหนก็อย่ามาแตะพี่ร่มของครองภพ! พ่อจะหวดไม่เลี้ยง!!

ตบเข่าฉาด!ตอนแรกก็เดาถูกแล้วนี่นา ตรงเมนหลักๆ เรื่องเบญจาก็สงสัยตะหงิดๆอยู่
พี่หนุ่ย ความโลบนั้นแหล่ะ อย่าอ้างเรื่องแค้น
 
แต่มาสับสนอยู่ช่วงนึง เพราะคิดว่ามีผีสองตน เพราะผีกับคนมันดันร่วมมือกัน! นี่มันพวกผีเน่ากับโลงผุชัดๆ  ที่แท้ผีที่ร้องโหยหวนบ้าคลั่งคือคน..เบญจา

แล้วยิ่งตอนที่ครองจะถูกทำร้าย แล้วพี่ร่มเห็นผีเป็นไอ้แผน ตอนนั้นโคนันกุมขมับเลยจ้า 555555

ลุ้นสนุกมากๆเลยค่ะคุณบัว ไม่กลัวเลย มัวแต่นั่งขำพระเอกของเราแทน คนบ่งคนบ้า ผีเผอ อะไร ครองไม่สน ตวาดใส่ยับ ผีถึงกับหงายเงิบ
5555555 สะใจ!!  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-03-2020 02:00:04
เก่งมากครอง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 27-03-2020 03:59:11
อ่านไปทั้งขนลุกทั้งกลัว
สุดท้ายจบด้วยน้ำตาไหลเป็นทาง
ตอนนี้ไขความกระจ่างขึ้นมาแล้ว
แทบจะแก้ปมทั้งหมดเลย
รอพฤหัสหน้า
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 27-03-2020 08:31:08
(จิณณะ หล่อ สูง ขาว เป็นนายเอกที่น่ารัก มุ้งมิ้ง นะเออ) ไม่นึกว่า เบญญา จะมีอาการ ประสาทหลอน ยิ่งกว่าผีนายช่วง อี๊ก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 27-03-2020 08:35:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 27-03-2020 10:33:27
ไม่ต้องน้ำมนต์ ไม่ต้องข้าวสาร นี่ใคร น้องครองไง แค่ตวาด ผีก็สตั้นไปอี๊กก 5555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 27-03-2020 13:03:18
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-03-2020 17:23:41
ฉันละสงสารผีนายช่วงที่สุด สมเพชปนขำ เป็นผีที่คนไม่กลัวแถมตวาดให้หัวหด ถูกยัยเบญหลอกต่างหาก เสียชาติผี
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 27-03-2020 20:41:34
สรุปคือคนร้ายกว่าผีอีก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 27-03-2020 22:36:35
นายช่วงพอเข้าใจว่าทำไมร้าย
แต่เบญญานี่งงมากจ้า มายังไงฮึ  :katai4: :katai4:
แรงมาก มีการร่วมมือกันไปหมด เธอไม่ควรร้ายไปเบอร์นี้นะเบญญา
แต่นั่นแหละ สถานการณ์สร้างพระเอกชัดเจนค่ะ  :katai2-1:
ครองเอาไปสิบเต็มไม่หัก
ชอบมากตรงที่บอกว่า ที่นี่ไม่มีคุณหลวง
เออ เอาสิ ที่นี่ไม่มีคุณหลวงจริงๆ มีแต่ร่มธรรมของครองจ้า
ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ยังไงก็ขอให้รักกันราบรื่นเด้อ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะคุณบัว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-03-2020 22:49:35
 :hao7:

 o13 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-03-2020 11:51:25
เบญญาเป็นโรคจิตจริงๆด้วย ผีนายช่วงก็ดูแลคุณหลวงแบบผิดๆอ่ะ ส่วนเจ้าครองเก่งมากเลยที่ไปช่วยพี่ร่มมาได้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 11 (26/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 29-03-2020 21:06:46
เหยยยย ไม่คิดเลยว่าหนุ่ยจะร่วมมือด้วย คิดว่าโดนเบญญาหลอกมาเฉยๆ แต่พี่ชายหนุ่ยเป็นคนไปขับรถชนรถพ่อพี่ร่มเองไม่ใช่เหรอ ก็คือเป็นฝ่ายผิดป่ะ? ทำไมหนุ่ยถึงยังมาล้างเเค้นอ่ะ

ชอบฉากผีกับเบญญาทะเลาะกันมาก :laugh: :laugh: สมน้ำหน้า สรุปสุดท้ายตีกัน555555 แต่เบญญาเสียสติกรีดร้องขนาดนี้ยังไม่มีใครตามมาเจอนอกจากครอง เป็นเพราะผีบังไว้ป่ะ? ละเบญญาก็ติดอยู่ที่นั่นไปเลยมั้ย?

เราติดใจว่าทำไมแผนถึงขั้นอาฆาตคุณหลวงเลย แล้วรอบนี้คุณหลวงก็ดูไม่ฟังเหตุผลทั้งๆที่แต่ก่อนเค้าดูใจเย็น แล้วก็มีเหตุผลมากๆ อย่างตอนซักเรื่องที่แผนแอบเอาหนังสือคุณเทพไป ไม่ใช่ว่าทั้งคู่โดนนายช่วงเป่าหูมานะ :hao4:

น้องครองงงงงงงงงง เก่งมากลูก มาช่วยพี่ร่มจากผีนายช่วงได้ ปรบมือ :katai2-1: :katai2-1:

 
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-04-2020 20:03:34
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 14



   ร่มธรรมและครองภพถูกส่งตัวขึ้นรถพยาบาล



ตอนนั้นเองที่ทุกคนถึงได้เห็นว่าคนที่อาการหนักไม่ใช่คนหมดสติ แต่เป็นครองภพที่ยังมีเรี่ยวแรงโต้ตอบ เขาถูกแทงที่ท้อง และเสียเลือดมาก ตอนที่ถึงโรงพยาบาล เขาไม่มีสติแล้ว ส่วนคนก่อเหตุซึ่งเป็นน้องสาวต่างมารดาของรามิล ตอนที่คนไปพบ หล่อนเหม่อลอย ดูไร้สติ ถูกมัดอยู่กับเสา แต่พอช่วยแก้มัด หล่อนก็กลายเป็นอาละวาดคุ้มคลั่ง ด่าทอใครสักคนซึ่งฟังไม่ได้ศัพท์


   ร่มธรรมฟื้นที่โรงพยาบาล ตอนที่เขาลืมตา คำพูดแรกของเขาคือ ‘ครอง’


   เสียงของเขาแสนแผ่ว รุ่งโรจน์ที่นั่งเฝ้าได้ยินเพียงเสียงงึมงำ พอหันมาเห็นน้องชายฟื้นก็รีบเข้ามาหา


   “ร่ม เป็นไงมั่ง”


รินฤดีที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็ถลาเข้ามาเช่นกัน


   “ร่ม! ร่มฟื้นแล้ว” คนเป็นพี่สาวน้ำตานองเต็มหน้าด้วยความดีใจ ร่มธรรมยิ้มจาง


   “ผมไม่เป็นไร...ครองล่ะ...ครอง...”


ให้อย่างไร ร่มธรรมก็คือร่มธรรม เขาไม่เคยห่วงตัวเองเป็นลำดับแรก นอกจากจะทำให้พี่ๆสบายใจแล้ว คนที่เขาถามถึงคนแรกก็คือครองภพ


   ...คนที่เขาอยากพบที่สุด…


   “น้องครองปลอดภัย” รินฤดีตอบ แต่ไม่กล้าพูดมากกว่านั้น


   “ผมอยากไปหาเขา...”


   “แกยังไปไม่ได้ ครองภพ...พักอยู่...” อย่าว่าแต่รินฤดีไม่กล้าพูดเลย แม้กระทั่งรุ่งโรจน์ก็ได้แต่บอกเลี่ยง


   “เขาเป็นยังไง บอกผม...”


   “อ่า...ถูกแทง” พี่สาวพี่ชายมองหน้ากัน ก่อนที่เป็นฝ่ายชายจะยอมบอก


ร่มธรรมใจหาย ความรู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องของครองภพจนน้ำตารื้น


   “เขา...อยู่ที่ไหน”


   “ห้องข้างๆ เขาไม่เป็นไรจริงๆร่ม เขาปลอดภัยแล้ว ออกจากห้องไอซียูแล้ว”


   “ผมอยากเจอเขา” ร่มธรรมดูคล้ายจะร้องไห้ สายตาของเขาบอกชัดว่าอยากพบครองภพมากเพียงใด รินฤดีและรุ่งโรจน์มองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนที่คนเป็นพี่สาวจะตัดสินใจ


   “จะลองถามหมอให้”


   “ถามหมอที...บอกหมอว่าผมอยากเจอครอง ผมอยากเห็นเขา...”



ไม่เพียงแค่หน้าตาทรมานแต่เสียงของร่มธรรมนั้นสั่นเครือ ต่อให้เป็นพี่น้องกันมาเกือบ 30 ปี แต่ไม่เคยมีใครเคยเห็นร่มธรรมเรียกร้องเอาแต่ใจด้วยสีหน้าเช่นนี้


   รินฤดีผละออกจากห้องไป รุ่งโรจน์จึงหันมามองน้องชาย


   “เขา...ไม่อยากให้ผมออกไปตามหาคุณเบญ...แต่ผม...บอกเขาว่าไม่ได้...” ร่มธรรมพูดอย่างเจ็บปวด เพราะเขาแท้ๆ ครองภพถึงต้องเจ็บตัวแบบนั้น ทว่าเมื่อคิดถึงคนที่เคียงข้างเขาตลอดเวลา คนที่จับมือเขาเอาไว้ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มจาง แม้ดวงตาจะทอด้วยแววเสียใจก็ตาม


   “...ครองเลยตามใจ แต่เขาบอกว่าเราต้องไปด้วยกัน ห้ามแยกกัน แต่...สุดท้ายก็เป็นแบบนี้...ผมทำให้ครองเจ็บตัว”


   “ไม่ใช่ความผิดแกเลย ร่ม”


   “เขาโดนแทงได้ยังไง”


   “ยังไม่รู้ แต่...บนมีดที่เจอ มีลายนิ้วมือคุณเบญญา”


ชื่อของหญิงสาวทำเอาร่มธรรมนิ่งงัน เขายังจำได้ว่าหล่อนคือคนยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มจาง ในช่วงที่สติของเขากำลังลางเลือน


   “เขาทำร้ายผมกับครองทำไม”


   คนเป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้า ไร้คำตอบ


   “ผู้หญิงคนนั้น...เป็นยังไง”


   “เขา...พูดไม่รู้เรื่องแล้ว”


รุ่งโรจน์พูดแล้วถอนหายใจเบา รู้ว่าตนเองต้องอธิบายเรื่องทุกอย่างให้น้องชายฟัง แต่รินฤดีกลับเข้ามาในห้องเสียก่อน พร้อมกับบอกว่าหมออนุญาตให้ร่มธรรมไปเยี่ยมครองภพได้ นายตำรวจหนุ่มจึงตบไหล่น้องชาย


   “ไปเยี่ยมครองก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”


ร่มธรรมพยักหน้า เวลานี้เขาไม่ได้ห่วงใครมากไปกว่าครองภพอีกแล้ว


……………………


ครองภพนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องพักคนไข้ ใบหน้าของชายหนุ่มก็ยังหล่อเหลาสมกับเป็นพระเอกยอดนิยม แต่...ร่มธรรมไม่อยากเห็นอีกฝ่ายนอนไม่ได้สติเช่นนี้เลย



อัจฉราและธาดาอยู่ในห้องด้วย แน่นอนว่าสำหรับคนที่โทษตนเองว่าเป็นต้นเหตุ ย่อมพูดไม่ออกได้แต่ยกมือไหว้ขอโทษ


   “มาสิร่ม” อัจฉรายังคงยิ้มให้ ธาดาเองก็ช่วยขยับเปิดทางให้ร่มธรรมได้เข้ามาอยู่ข้างเตียงคนป่วย


   “ครอง...หลับอยู่หรือครับ” น้ำเสียงของคนมาเยี่ยมอ่อนระโหย คล้ายใจจะขาด อัจฉราได้ยินแล้วใจหาย เดิมทีก็รู้จักนิสัยลูกชายดีอยู่แล้วว่าเขาทุ่มเทให้กับความรักความชอบของเขามากเพียงใด แม้คราวนี้จะเจ็บตัวเพราะความรู้สึกเหล่านั้น แต่พอมาเห็นใบหน้าเป็นกังวลและเศร้าหมองของร่มธรรม หล่อนก็โกรธไม่ลง


   “เดี๋ยวก็คงตื่นแล้ว คุณรินพาร่มเข้ามาใกล้ๆครองเถอะ” อัจฉราชวน รินฤดีจึงเข็นรถน้องชายเข้าไปหยุดที่ข้างเตียง


เพราะเป็นคนใส่ใจกับความรู้สึกของผู้อื่น คราวนี้เรื่องทั้งหมด ร่มธรรมโทษว่าเป็นความผิดของตนเอง เขาย่อมไม่กล้าแม้แต่จะแตะตัวคนที่บาดเจ็บเพราะเขา ทำได้เพียงทอดสายตามอง แล้ววางมือลงบนขอบเตียง ราวกับนี่คือจุดที่ใกล้ที่สุดที่ร่มธรรมกล้าใกล้ชิดอีกฝ่าย


อัจฉรามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็น สายตาที่ร่มธรรมมองลูกชายของหล่อนนั้นเจ็บปวดและเสียใจ แต่เขากลับไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือไปแตะ ราวกับกลัวว่าครองภพจะแตกสลาย


หล่อนไม่ใช่คนใจแข็ง ยิ่งเห็นความเศร้าของร่มธรรม เห็นความทะนุถนอมที่เขาไม่กล้าจะแตะต้องลูกชายของหล่อน ก็ยิ่งสงสาร


“ครอง...จะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” เขาหันมาถามอัจฉรา แม้จะเห็นว่าสภาพของครองภพในเวลานี้ไม่ได้ดูย่ำแย่นัก แต่ก็อดกังวลไม่ได้


“ไม่เป็นอะไร หมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว นี่ก็เพิ่งหลับไปอีกรอบ”


“เขา...ไปเพื่อช่วยผม...” ร่มธรรมครวญ เสียงแผ่ว ความรู้สึกผิดทับถมอยู่ในใจจนหนักอึ้งไปหมด


“ถ้าอย่างนั้น ร่มก็อย่าทิ้งครองนะ” คำพูดของอัจฉราทำเอาคนที่คิดว่าตนเองคือต้นเหตุถึงกับนิ่งงัน เงยหน้ามอง


สายตาของอัจฉราที่มองเขาบอกให้รู้ว่านอกจากจะไม่กล่าวโทษในความผิดของเขาแล้ว ยังฝากฝังครองภพไว้กับเขาด้วย ทั้งๆที่คนที่ทำให้ครองภพเป็นเช่นนี้คือเขา


กระบอกตาของร่มธรรมร้อนผ่าว น้ำใสคลอหน่วย


“แต่ผมทำให้เขา...”


“ร่มมีค่าสำหรับเขา อย่าทิ้งเขาไปไหน ให้เขาตื่นมาได้เห็นร่ม ครองรอเจอร่มอยู่นะ...”


น้ำตาอาบแก้ม ดวงตาที่พร่ามัวด้วยทำนบน้ำหันมองคนที่ยังนอนบนเตียง


“ผมก็เหมือนกัน...ผมก็รอเจอเขาเหมือนกัน...”


ราวกับสลักที่กักขังความรู้สึกนึกคิดของร่มธรรมถูกคลายออก เขาเอื้อมมือไปจับมือของคนหลับ แล้วบีบแน่น ยิ่งมองใบหน้าของครองภพ อารมณ์ก็ล้นปรี่จนต้องฟุบหน้าลงกับมือนั้น น้ำตาอุ่นไหลริน


   “ครอง...พี่รออยู่นะ...พี่รอครอง...” เสียงอู้อี้ของร่มธรรมนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บปวด ทั้งสมหวัง รู้สึกเหมือนการรอคอยสิ้นสุด การพลัดพรากจบสิ้นที่วันนี้...ขอเพียงแค่ครองภพลืมตาขึ้นมา เขาจะเห็นว่ามีใครคนหนึ่งรอเจอเขาอยู่ตรงนี้


ชาตินี้เราจะไม่พลัดพราก


ชาตินี้เราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน


ชาตินี้...เราจะต้องได้รักกันเสียที


.………………..


..........





   ครองภพยืนอยู่ที่หน้าบ้านทรงโคโลเนียลหลังหนึ่ง จะว่าคุ้นก็คุ้น จะว่าไม่คุ้นก็ใช่ แต่ก็ยังก้าวเท้าตรงเข้าไปราวกับถูกดึงดูด


เขาไม่แน่ใจว่าตนเองเดินเข้ามาในบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อหันมองรอบกายก็พบชายสูงวัยผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่ เบื้องหลังมีชายร่างสันทัดยืนค้อมกายราวกับรอรับใช้ ที่พื้นข้างโต๊ะมีเด็กชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ เด็กผู้นั้นดูอย่างไรก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกชายผู้มั่งมี แต่กระนั้นความอิ่มเอิบเทิดทูนของเด็กชายก็แผ่ออกมายามเจ้าตัวเงยหน้ามองชายสูงวัยผู้นั้น


   ‘ลายมือแปลก’


   ‘แต่เขียนกลอนได้ดี’


   ‘รับไปสิ รางวัลที่เอ็งเขียนกลอนได้ดี’


   ครองภพยืนดูภาพเหตุการณ์นั้น แม้สติสัมปัญชัญญะจะบอกว่าตนเองคือครองภพ ชายหนุ่มวัย 22 แต่เขาก็บอกได้เช่นกันว่าเด็กชายที่นั่งอยู่บนพื้นคือเขา ความรู้สึกเทิดทูนที่เด็กชายผู้นั้นมีต่อชายสูงวัย เขารับรู้มันได้อย่างดี


   ทว่าในเสี้ยววินาทีต่อมา ภาพเหตุการณ์นั้นกลับหายไป ครองภพหันมองรอบกายด้วยความงุนงง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเป็นกระท่อมซอมซ่อ เด็กชายนอนขดตัวอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ ดูราวกับป่วย ทว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง


นอกจากชายชราที่คาดว่าน่าจะเป็นหมอก้มๆเงยๆดูอาการแล้ว ยังมีชายสูงวัยผู้นั้นยืนคล้อยหลัง ครองภพยืนอยู่วงนอกสุดของเหตุการณ์จึงย่อมมองเห็นว่าชายสูงวัยผู้นั้นห่วงใยเพียงใด


   ‘เอ็งหาข้าวหาน้ำ แล้วให้มันกินยาด้วยล่ะ อาการมันเป็นอย่างไรก็ไปรายงาน’


   แม้จะเป็นวาจาเพียงสั้นๆ แต่กระนั้นก็ถ่ายทอดความห่วงใยได้เป็นอย่างดี ชายสูงวัยผู้นั้นเดินออกจากกระท่อมไปแล้ว แต่ครองภพยังยืนอยู่ที่เดิม ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เขากลับมายืนอยู่ในห้องทำงานห้องเดิม เห็นชายสูงวัยผู้นั้นยืนกอดอกหน้าตาถมึงทึง รอบกายมีบ่าวไพร่รื้อค้นตามโต๊ะตู้จ้าละหวั่น


   ‘ต้องมีคนขโมยสร้อยพระของคุณหลวงไปแน่นอนขอรับ!’


   ‘ใครมันบังอาจ!!’


   ‘อีเย็นบอกว่าเมื่อวานเห็นไอ้แผนขึ้นมาบนนี้ คิดว่าคงเอาการบ้านมาส่งคุณหลวงอย่างทุกทีขอรับ บางที...อาจจะเป็นมัน’


   ‘มันจะรู้ได้อย่างไรว่ากูเอาสร้อยไว้ที่ไหน?!’


   ‘คุณเทพอาจจะบอกมันนะขอรับ คุณเทพได้รับสร้อยจากคุณหลวง มันคงรู้ว่าสร้อยเก็บไว้ที่ไหน สบโอกาสก็เลย...’


   ‘เอ่อ...ได้ยินคนพูดกันว่า พักหลังมานี้ มันมีข้าวของของคุณเทพอยู่ที่ตัว เสื้อผ้าของมันก็ของคุณเทพ แหวนทองที่คุณเทพหาไม่เจอ กระผม...ก็เกรงว่า...’


   ชายชราหายใจหอบด้วยอารมณ์โกรธล้นปรี่


   ‘…สันดานไอ้แผนมันขี้ขโมย คราวที่จับได้ก็ขโมยหนังสือคุณเทพ ไม่รู้มีอีกกี่ครั้งที่มันขโมยข้าวของในบ้าน ได้ยินคนพูดกันว่าพ่อแม่ของมันมีกินมีใช้ไม่เหมือนคนเป็นหนี้ ก็คงได้มันส่งเสีย คราวนี้มันคงหวังร่ำรวยทั้งโคตรเหง้า ถึงกล้าขโมยสร้อยพระนะขอรับ...’


   ‘ไอ้สารเลวเนรคุณ!! ให้คนไปค้นที่กระท่อมไอ้แผน!!’


   ความห่วงใยที่ชายสูงวัยผู้นั้นมีในเหตุการณ์เมื่อครู่ กลายเป็นพายุอารมณ์ร้ายกาจ ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าของครองภพดับไปอีกครั้ง แล้วเกิดเป็นภาพเหตุการณ์ใหม่ เด็กชายที่ครองภพจำได้ว่าเคยนอนซมบนแคร่ไม้ไผ่ กลายเป็นเด็กหนุ่มร่างผอมแกร็นสกปรกมอมแมม เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลแตกถูกเหวี่ยงลงไปกับพื้นหน้าบันได


   ‘มึงจะรับผิดรึยัง!’


‘กระผม...กระผมไม่ได้ทำ’ ร่างของเด็กหนุ่มอ่อนระโหย เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลน่าสยดสยองราวกับถูกเฆี่ยนตีมาแล้วก่อนจะถูกพาตัวมารับโทษอีกครั้ง


‘ไม่ได้ทำแล้วสร้อยพระของกูไปอยู่ในกระท่อมของมึงได้อย่างไร!’


‘กระผมไม่รู้ กระผมไม่รู้จริงๆขอรับ’


‘คราวก่อนก็หนังสือลูกกู คราวนี้ก็สร้อยพระของกู คราวหน้าไม่เป็นชีวิตกูหรือไร?! ไอ้จังไรเลี้ยงไม่เชื่อง หลักฐานคาตาอย่างนี้ ทำโทษหนักถึงเพียงนี้ก็ยังเอาแต่ปฏิเสธอีกรึ!’


 ‘กระผมไม่ได้ทำจริงๆ...คุณหลวงได้โปรดเชื่อกระผม...’


ราวกับคำว่าไม่ได้ทำนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด ชายสูงวัยกระแทกไม้เท้าลงกับพื้นดังตึง!


‘เอามันออกไปจากบ้านกู!! เอาตัวมันไป อย่าให้กูเห็นหน้ามันอีก!’


ร่างของเด็กหนุ่มถูกฉุดกระชากขึ้นมาจากพื้น ครองภพเห็นสายตาที่เด็กหนุ่มผู้นั้นมีต่อคุณหลวง มันเต็มไปด้วยแววอาฆาต โกรธเคือง เขาหันไปมองยังชายสูงวัย คุณหลวงเองก็โกรธแค้นไม่ต่างกัน มือกำสร้อยพระแน่น


ฝั่งหนึ่ง...ความเทิดทูนบูชาพังทลาย


อีกฝั่ง...ความเอ็นดูประดุจลูกหลานพินาศสิ้น


ทุกอย่างในเหตุการณ์นี้…ไม่เหลือชิ้นดี


ภาพทั้งหมดดับวูบลงอีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นความมืดมิด ครองภพกะพริบตาถี่ๆ เขารู้สึกเหมือนลำคอของตนเองแห้งผาด ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก จนกระทั่งเห็นร่างของคนลางเลือนในความมืด เด็กหนุ่มผู้นั้นนอนพังพาบอยู่ในที่ที่ไม่มีแสงใดส่องถึง ดวงตาข้างหนึ่งปูดโปน อีกข้างหรี่ปรือ เนื้อตัวยังคงเต็มไปด้วยแผลและเลือดแห้งกรัง ลมหายใจแผ่วเบา มาพร้อมกับเสียงเครือฟังไม่ได้ศัพท์


‘...หลวง...อย่า...เจอ...ไม่...เจอ...กัน...อีก...’


ครองภพได้แต่ยืนนิ่งมองร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้น จนกระทั่งเสียงลมหายใจเงียบไป


ไม่ต้องสัมผัสตัว ไม่ต้องให้มีแสงสว่างมากกว่านี้ ใจของครองภพก็บอกตนเองว่าเด็กหนุ่ม...จากไปแล้ว


เด็กหนุ่มผู้นั้น สิ้นลมอย่างเดียวดายในพื้นที่อับทึบไร้แสง เนื้อตัวมอมแมมและเจ็บปวด ความรู้สึกเทิดทูนที่มีต่อผู้มีพระคุณถูกทำลายเพราะความไม่เชื่อใจ


และครองภพรู้...รู้ว่าตนเองคือเด็กหนุ่มผู้นี้


“ครอง...”


ชั่วขณะที่ความรู้สึกดำดิ่งลงไปในความสงสารและเวทนากับชะตาชีวิต เสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาในโสตประสาท


“ครอง...”


เขาจำเสียงนี้ได้ เสียงของคนที่เขาทั้งรัก ทั้งห่วง เสียงของคนที่แม้ชีวิตหนึ่งเราจะมีความสัมพันธ์อย่างผู้มีพระคุณและเด็กผู้ยากไร้ แม้ชีวิตนั้นจะไม่อาจตามทดแทนบุญคุณ อีกทั้งยังจากลาทั้งที่ผิดใจกัน แต่ชีวิตนี้...ชีวิตในชาติภพนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว


เราจากกันมาแล้วครั้งหนึ่ง


และเราก็พลัดพรากกันมาแล้วอีกหลายครั้ง


ชีวิตนี้ของเราจะไม่เป็นเช่นนั้นอีก


หากสิ่งใดเป็นโทษที่เคยทำไว้ต่อกัน ครองภพให้อภัยทุกอย่าง


ขอให้ชีวิตนี้ของพวกเขา...ได้เคียงข้างกัน ได้ผูกสัมพันธ์อย่างที่ควรจะเป็น อย่าได้จากลาด้วยความขัดแย้งแบบชาติภพก่อนเลย


ขอให้พวกเรา...ได้อยู่ด้วยกันสักที





.........


…………..


เปลือกตาของครองภพเปิดขึ้นอย่างช้าๆ แสงจากไฟในห้องทำให้เขาต้องหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นใหม่ ได้ยินเสียงแว่วๆว่า ‘ครองตื่นแล้ว’ เขาไม่ทันได้หันมองเพราะยังสะลึมสะลือ เลยส่งเสียงครวญออกมาเบาๆ กลายเป็นฝ่ายเจ้าของเสียงเมื่อครู่นี้ที่โผล่หน้าเข้ามาใกล้แทน


“เจ็บแผลหรือ”


ใบหน้าหล่อเหลาของร่มธรรม ไม่ซีดเซียวเหมือนตอนที่ครองภพไปเจอที่ตึกร้างอีกแล้ว ดวงตากลมใส แม้จะฉ่ำหยาดน้ำและแดงก่ำ แต่ก็มีประกายของชีวิตชีวา ครองภพหลับตาลงอีกที ได้ยินเสียงแว่วเข้ามาอีก


“สงสัยมันง่วง” เสียงนี้เป็นของธาดา เขาจำได้ดี


“ไม่ง่วง...” เขาตอบ แล้วลืมตาขึ้นอีกที คราวนี้กวาดมองไปรอบห้องก็ถึงได้เห็นว่ามีคนอยู่มากกว่าเมื่อตอนก่อนจะหลับไปเมื่อครู่


นอกจากแม่และพี่ชายของเขาแล้ว ยังมีรินฤดี รุ่งโรจน์และ...คนที่เขาอยากเจอที่สุด ร่มธรรม


“คุณ...มาแล้วหรือ...” เขาถามคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง มองเลยไปถึงได้เห็นว่าร่มธรรมนั่งอยู่บนรถเข็น คราวนี้เลยเหลือบไปมองพี่ชายของตนเอง


“ไหนว่าร่มไม่เป็นอะไร”


ครองภพฟื้นหลังออกจากห้องผ่าตัด คำถามแรกของเขาคือ ‘ร่มเป็นยังไง’ พอได้ยินธาดาบอกว่าปลอดภัยแล้ว เขาก็หลับต่อราวกับหมดห่วง ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องพักคนไข้ก็ยังไม่พบร่มธรรม พอถามซ้ำก็ยังได้คำตอบเดิมคือ ‘ปลอดภัยแล้ว’ แต่ไม่ทันได้ถามอะไร ก็หลับต่อไปอีก ตื่นมาคราวนี้ ได้พบร่มธรรมแล้ว แต่กลายเป็นว่าคนที่เขาอยากเจอกลับนั่งอยู่บนรถเข็น


ร่มธรรมยิ้มจาง


“พี่ไม่เป็นอะไร”


“แล้วทำไมนั่งรถเข็น” คนเพิ่งตื่นไร้แววง่วงงุนอีกแล้ว ตอนซักไซ้เลยดูเหมือนคนเจ็บเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายร่มธรรมแทน อัจฉราเห็นแล้วหัวเราะ จนลูกชายคนเล็กต้องหันมอง


“ครอง คนเจ็บน่ะเรานะ ร่มเขาไม่เป็นอะไร”


“แต่เขานั่งรถเข็น...” สีหน้าครองภพห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่ตนเองต่างหากที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด


“พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆ ครองต่างหาก...เป็นยังไงบ้าง”


ดวงตาเรียวมองคนถามอยู่อึดใจหนึ่ง สายตาเพ่งพินิจพิเคราะห์ แต่ใบหน้าของร่มธรรมนั้นดูชุ่มชื้นไม่เหมือนตอนที่เขาพบที่อาคารร้างแล้ว มองจนแน่ใจแล้วก็คลายสายตาเครียดเขม็งลง ก่อนจะเอ่ยแผ่ว


“ยิ้ม...ให้ผมหน่อย...”


ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ แต่ก็ขยับริมฝีปากแย้มยิ้มส่งให้ตามคำขอ เพียงเท่านั้นคนป่วยบนเตียงก็ทอดถอนหายใจยาว ใบหน้าของนักแสดงหนุ่มวัย 22 เผยรอยยิ้มจาง


มือที่ร่มธรรมจับอยู่เป็นฝ่ายกระชับปลายนิ้วของเขาแน่น ก่อนที่ครองภพจะเอ่ย


“ผมดีใจที่เจอคุณ...”


คนอายุมากกว่ายิ้ม


“พี่ก็ดีใจ ที่เราได้เจอกัน...”


ไร้คำพูดใดอีก เพียงมองตาก็เข้าใจ



ชีวิตนี้...ชาติภพนี้...จะไม่แยกจากกันอีกแล้ว



   ……………………….
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-04-2020 20:04:15

ร่มธรรมอยู่โรงพยาบาลอีกวันเดียวก็ออก ผลตรวจร่างกายของเขาพบเพียงยานอนหลับเท่านั้น เบญญาไม่ได้ทำอะไรเขาเลย แต่กระนั้นสิ่งที่หล่อนทำเอาไว้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ร่มธรรมรู้


   จดหมายขู่


   ไม่ใช่แค่หนึ่งฉบับ แต่มีมาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน


รุ่งโรจน์สารภาพว่าที่ไม่ยอมบอกเรื่องจดหมายขู่เมื่อ 6 ปีก่อนเพราะเกรงว่าร่มธรรมและรินฤดีจะตกใจ โดยเฉพาะร่มธรรมที่จะต้องคิดว่าอุบัติเหตุของบิดาเกิดจากตนเอง เนื่องจากจดหมายขู่ถูกพบในรถของบิดา รุ่งโรจน์บอกว่าเขาก็สงสัยว่าจะเป็นการฆาตกรรม แต่หลักฐานต่างๆเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะคู่กรณีเมาเหล้าและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุด้วย อีกทั้งเมื่อร่มธรรมออกจากวงการแล้ว ก็ไม่เคยได้รับจดหมายขู่อีก เขาจึงคิดเอาว่าปล่อยให้ทุกอย่างจางหายไปก็คงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด



จนกระทั่ง...น้องชายคนเล็กกลับเข้าวงการ จดหมายขู่ก็กลับมา


แม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าจดหมายขู่เมื่อ 6 ปีก่อนกับจดหมายขู่ที่เขาและรินฤดีได้รับในภายหลังจะมาจากคนคนเดียวกันหรือไม่ แต่ก็มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน คือการข่มขู่ให้ร่มธรรมออกจากวงการ ยิ่งเมื่อหนุ่ยถูกจับ และให้การซัดทอดว่ารับจ้างจากเบญญาให้คอยรายงานความเคลื่อนไหวของร่มธรรมเป็นระยะ และภายหลังก็ถูกจ้างให้ส่งจดหมายขู่ด้วย เบญญาจึงกลายเป็นผู้ต้องหาไปในทันที


เมื่อตำรวจขอหมายค้นบ้านพักของหญิงสาว สภาพภายนอกนั้นดูสะอาดเรียบร้อย แต่ภายในทำเอาทุกคนผงะ


รุ่งโรจน์ที่ตามไปดูถึงกับพูดไม่ออก บ้านเดี่ยวขนาดสองชั้นที่เบญญาอาศัยเพียงลำพัง มองจากภายนอกดูดี แต่ภายในทั้งอับและทึบด้วยม่านหนา พื้นที่บางส่วนในบ้านเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นหักพังก็ยังอยู่เช่นนั้น ไม่มีการซ่อมแซมหรือโยกย้าย พื้นที่ภายในบ้านที่ดูน่าจะมีการใช้งานคือเตียงนอนบนชั้นสอง ห้องน้ำ และห้องครัว


รามิลบอกว่าน้องสาวให้หาคนงานมาทำความสะอาดนอกบ้านเท่านั้น ภายในบ้านไม่เคยมีใครได้เข้าไป ตัวเขาเองก็ไม่เคยแวะไปเยี่ยมเยียนหล่อนที่บ้านเช่นกัน หากจะพบปะก็นัดกันตามร้านอาหาร ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าภายในบ้านเป็นเช่นไร


เบญญาตัวคนเดียว มารดาเสียไปนานแล้ว ส่วนบิดาก็ไม่ได้ดูดำดูดีหล่อนมากไปกว่าการส่งเงินมาให้ใช้เป็นรายเดือน ไม่มีญาติฝั่งแม่ ส่วนญาติฝั่งพ่อ อาทิ พี่น้องต่างมารดาทั้งหลายก็ไม่ได้ไปมาหาสู่ถึงบ้าน ภายในบ้านจึงเป็นอาณาจักรของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว


และทุกที่ในอาณาจักรของเบญญา เต็มไปด้วยรูปภาพและเรื่องราวของร่มธรรม


รูปภาพในอิริยาบถต่างๆ มีทั้งรูปแอบถ่าย และรูปตอนอยู่ในวงการ แก้วกาแฟจากร้าน ร.รอ จำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของผู้ชายที่ถูกเก็บอยู่ในกล่องใต้เตียง ไม่แน่ใจนักว่าสองอย่างหลังเป็นของร่มธรรมหรือไม่ แต่ในกล่องมีกระทั่งของชำร่วยงานศพบิดาของพวกเขาสามพี่น้อง


นอกจากนั้นยังพบกองกระดาษถูกขยำทิ้ง ในนั้นเป็นลายมือของเบญญาและข้อความข่มขู่ให้พาร่มธรรมออกจากวงการ ดูเหมือนหล่อนทดลองเขียนหลายแผ่น ก่อนจะส่งออกไป


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนนิ่งงันยิ่งกว่า คือการพบยาเสพติด และอุปกรณ์สำหรับเสพย์ยาในห้องนอน


ไม่มีใครพูดออก หรือพูดให้ถูกคือไม่มีใครคาดคิด เบญญาที่อยู่ต่อหน้าคนรอบข้างเป็นผู้หญิงสดใสร่าเริงและเรียบร้อย กระทั่งณัฐฐาที่คิดว่าสนิทกับหล่อน ก็ได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าเบญญาติดยาตั้งแต่เมื่อไร และซื้อหาจากที่ใด


ตัวเบญญาเอง ในเวลานี้ไม่อาจให้การใดๆได้อีกแล้ว นับตั้งแต่ถูกพาออกจากอาคารร้าง หล่อนคุ้มดีคุ้มร้าย  ไม่มีใครรู้ว่าเป็นผลพวงมาจากเรื่องที่เกิดขึ้น หรือเพราะฤทธิ์ของยาเสพติด แต่ยามคุ้มคลั่ง หล่อนเอาแต่ด่าทอผีร้าย ยามนิ่งสงบก็คล้ายตกอยู่ในห้วงภวังค์ที่ไม่มีใครรู้ว่าภวังค์ของหล่อนเป็นเช่นไร


ร่มธรรมยืนมองสภาพของเบญญาแล้วถอนหายใจอย่างปลงตก ทว่าพอก้าวเดินออกจากโรงพยาบาล เขาก็พบรามิลที่แวะมาเยี่ยมน้องสาว


   อันที่จริง นับตั้งแต่เกิดเรื่อง รามิลโกรธมากจนแทบตัดพี่ตัดน้อง แต่อย่างไรก็เห็นกันมาแต่เด็ก แถมบิดาของเขาถึงจะไม่ใช่สามีที่ดีมีภรรยานับมือแทบไม่ได้ แต่ก็เป็นพ่อที่ดีของลูกอยู่บ้างตรงที่ออกปากขอร้องให้รามิลช่วยน้องสาวด้วย


   แต่...เวลานี้เบญญาไม่ได้ต้องการเพียงความช่วยเหลือทางการรักษา แต่เรื่องคดีความที่หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องจัดการ


   รามิลถือเป็นลูกผู้กำกับอนันต์โดยแท้ เขารู้ว่าเรื่องคดีความ อย่างไรก็ต้องคุยกับผู้เสียหาย และคนที่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้คือร่มธรรมและครองภพ


   ครองภพมีทั้งต้นสังกัดและครอบครัว แต่ร่มธรรมมีเพียงครอบครัว คนที่คุยง่ายที่สุดย่อมเป็นร่มธรรม


   รามิลเลยหาทุกวิถีทางที่จะเข้าถึงร่มธรรมได้โดยลำพัง วันนี้พอรู้ว่าอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมเบญญา เขาจึงรีบมาทันที


   “พี่มิล สวัสดีครับ” ร่มธรรมยกมือไหว้คนอายุมากกว่า


   “มาเยี่ยมเบญหรือ”


   “ครับ...” ร่มธรรมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเยี่ยมได้ไหม เพราะเขาไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากให้หล่อนหายดีหรือไม่หายตลอดไป พอรู้สิ่งที่หล่อนทำ เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไรกับหล่อน โกรธเคืองหรือ แค้นอาฆาตหรือ หากเขาทุ่มทุกความรู้สึกและพิพากษาหล่อนทั้งๆที่หล่อนพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ตัวเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคุณหลวงผู้นั้นที่หูเบาฟังความข้างเดียวจนขับไล่ผู้เทิดทูนบูชาให้พ้นสายตาไปอย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร


   “ร่ม...พอจะมีเวลาไหม พี่อยากคุยด้วย”


   ร่มธรรมรู้ว่ารามิลต้องการพูดเรื่องอะไร ตัวเขาเองก็อยากจัดการเรื่องนี้ให้จบสิ้นเสียทีเช่นกัน


   “ผมก็อยากคุยกับพี่มิลเหมือนกันครับ”


………………………


   ร้านกาแฟใกล้ๆ สงบเงียบพอที่ชายหนุ่มสองคนจะพูดคุยกัน


ร่มธรรมรับฟังเหตุการณ์จากรามิลอย่างเงียบๆ แน่นอนว่าเหตุการณ์ในอาคารร้างนั้น แต่ละคนย่อมพบเจอสถานการณ์คนละอย่าง แต่เมื่อนำคำพูดทุกคนมารวมกันก็ย่อมปะติดปะต่อได้ เพียงแต่บางช่วง...มันก็เกินกว่าที่วิทยาศาสตร์จะอธิบาย


หนุ่ยบอกว่า เบญญาจ้างตนให้ดักรออยู่ในอาคารร้างและทำอย่างไรก็ได้ให้ร่มธรรมหมดสติ ไม่รู้ว่าร่มธรรมเข้ามาในอาคารได้อย่างไร เขาเพียงทำตามที่เบญญาสั่ง


ร่มธรรมเองก็จำได้แค่ว่า เขาเดินอยู่กับครองภพ แต่จู่ๆครองภพก็หายไป เขารู้สึกเวียนศีรษะ ถูกจูง แล้วพอรู้สึกตัวก็ยืนอยู่ในอาคารร้างแล้ว จากนั้นก็ถูกหนุ่ยทำร้าย ก่อนจะหมดสติ เขาเห็นเบญญามองเขาอยู่


หนุ่ยเล่าต่อว่าภายหลังร่มธรรมสลบ เบญญาสั่งให้เขากลับไปสมทบกับคนที่ออกมาตามหาหล่อน และให้เขาชี้ทางผิดๆให้คนพวกนั้นไปทางอื่น พอจัดการทีมงานของผู้กำกับฉายเรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับมาหาเบญญา หล่อนสั่งให้เขาแบกร่มธรรมไปไว้ที่รถซึ่งจอดรออยู่ไม่ไกล แต่เขาเริ่มกลัว ไม่กล้าทำ เพราะร่มธรรมไม่ฟื้นสักที แถมยังเห็นเบญญามีเข็มฉีดยาด้วย ยิ่งพอหล่อนอาละวาด เขาก็ยิ่งไม่กล้าอยู่ต่อ รีบหนีออกมา แล้วเขาก็ไม่รู้เรื่องในอาคารร้างแห่งนั้นอีก


ในขณะที่ครองภพ เพราะได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงจึงตามมา แล้วก็ถึงได้พบร่มธรรม แต่กลับถูกเบญญาแทง เขาฮึดสู้ จับหล่อนมัดกับเสา ช่วงที่เกิดเหตุ ไม่พบหนุ่ยหรือใครอยู่กับหล่อน อนุมานว่าไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่น จากนั้นก็พาร่มธรรมลงมาจากชั้นสอง ติดต่อหารุ่งโรจน์ บอกตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ แล้วก็สลบไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รามิลไปถึงแล้ว


   ส่วนรามิลที่เข้ามาช่วยทีหลัง บอกว่ารินฤดีโทร.หาเขา โดยแจ้งตำแหน่งที่ครองภพโทร.บอกกับรุ่งโรจน์ เขาจึงไปถูกที่และทันเวลา


   “ตอนนั้นร่มหมดสติ แต่ไอ้ครองรู้สึกตัว มันพูดแต่ว่าให้ตามหมอ มันเป็นห่วงร่มมาก”


เรื่องราวในช่วงนี้คงมีแต่รามิล คนที่ตามไปช่วยและครองภพที่บอกเล่าได้ แต่ครองภพไม่ใช่คนเล่ารายละเอียดจำพวกนี้ ดังนั้นจึงต้องรู้จากปากรามิลเพียงผู้เดียว


   “แต่ไอ้ครองน่ะ หน้ามันซีดกว่าร่มอีก พอส่งร่มขึ้นรถพยาบาล พวกเราถึงได้เห็นว่ามันถูกแทง...เอ่อ...ร่มคงรู้แล้วว่าคนที่แทงคือเบญ...”


   “ครับ พี่โรจน์บอกแล้วว่าด้ามมีดมีแต่ลายนิ้วมือของผู้หญิงคนนั้น”


   “พี่...ไม่รู้เลยว่าเบญจะเป็นแบบนี้” รามิลพูดแล้วใจหาย “...พี่ควรจะเข้าไปอยู่กับเขามากกว่านี้ ตอนเขาเสียแม่ พี่เห็นเขาไม่ร้องไห้ ยังชมว่าเขาเก่ง ยิ่งเขาอยู่คนเดียวได้ ไม่เคยเอาเรื่องอะไรมาระบายให้ฟัง ก็ยังคิดว่าเบญเข้มแข็ง แต่พี่ไม่รู้...ไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เขา...เสียศูนย์...”


   น้องสาวต่างมารดาของรามิลคนนี้ หากจะกล่าวว่าอาภัพก็ใช่ 


หล่อนเป็นลูกสาวของผู้กำกับอนันต์กับภรรยาที่ไม่จดทะเบียน แม้บิดาจะรับหล่อนเป็นลูก แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูกคนใดมากเป็นพิเศษ กระทั่งตอนที่หล่อนเสียมารดาไปด้วยโรคร้าย เวลานั้นเบญญาเพิ่งอยู่ชั้นมัธยม ผู้กำกับอนันต์เป็นเจ้าภาพงานศพทุกคืน แต่โผล่หน้ามาเพียงวันเผา เป็นรามิลเสียอีกที่ไปร่วมงานทุกวัน ตอนนั้นแม้หล่อนจะโศกเศร้า แต่ก็ไม่ได้ตีโพยตีพาย แม้เป็นเพียงเด็กสาวอายุน้อย แต่หล่อนก็ดูแลงานศพของมารดาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง รามิลยังชื่นชมว่าหล่อนช่างแข็งแกร่ง เบญญาเพียงยิ้มน้อยๆแล้วส่ายหน้าไปมา


   แต่...ก็เป็นเพียงการส่ายหน้าอย่างเงียบๆ


พ้นงานศพของมารดา เบญญาก็อยู่เพียงลำพัง แม้จะมีพี่น้องต่างมารดาให้ทักทายถามไถ่อยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้ว หล่อนก็ไม่ได้มีพื้นที่ในครอบครัวขนาดใหญ่ของผู้กำกับอนันต์มากนัก


   พวกพี่ๆน้องๆต่างมารดารับรู้เพียงว่าเบญญาไม่มีญาติฝั่งแม่ เมื่อสิ้นมารดาก็อาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังเดิมเพียงคนเดียว เงินทองของมารดาที่ทิ้งไว้พอมีให้ใช้สอย ผู้กำกับอนันต์ก็ไม่ได้ทอดทิ้ง ส่งเสียบุตรสาวอย่างที่ปฏิบัติกับลูกคนอื่นๆ แต่นอกเหนือจากเรื่องเงิน เขาก็ไม่ได้เข้าไปใกล้ชิดกับหล่อน


   ทุกคนมองว่าเบญญาช่างเข้มแข็ง แต่ใครเลยจะรู้ว่าแท้จริงแล้วหล่อนเป็นเช่นไร


ไม่มีใครรู้ว่าเบญญาเริ่มสูญเสียความรักความนับถือในตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของหล่อนเป็นอย่างไร เงินทองมีพอกินพอใช้ในระดับที่เรียกว่าสุขสบาย แต่บ้านช่องกลับวังเวงไร้การดูแลรักษา


ไม่มีใครรู้ว่ายามหล่อนอยู่เพียงลำพัง หล่อนทำอะไร


ไม่มีใครรู้...ทุกคนมองว่าหล่อนช่างเข้มแข็งจนมองข้ามความรู้สึกของหล่อนไปจนหมด


แต่ไม่ว่าใครจะมองข้าม เบญญาก็ไม่ทุกข์ใจ ไม่เดือดร้อน ความรู้สึกของหล่อนที่มีต่อชีวิตของตนเองนั้นช่างว่างเปล่า แต่ความรู้สึกที่มีต่ออีกชีวิตหนึ่งกลับอัดแน่นไปด้วยความรัก ความอยาก ความต้องการ


ความรู้สึก...ต่อร่มธรรม


เบญญาเรียกสิ่งนั้นว่าความรัก และหล่อนยกมันให้ร่มธรรมทั้งหมดจนกลายเป็นหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของเขา ต้องการครอบครองแค่เขา การเห็นเขาเป็นที่รักใคร่ของคนจำนวนมากทำให้รู้สึกว่าถูกแย่งของรักของหวง การที่เขาออกจากวงการ ย่อมเป็นสิ่งที่หล่อนพึงใจ


แต่ให้อย่างไร ในโลกความเป็นจริง ต่อให้ร่มธรรมจะออกจากวงการบันเทิง เขาก็ไม่ได้เข้าใกล้หล่อนมากไปกว่าโลกเสมือน เบญญาสร้างโลกอีกใบด้วยยากล่อมประสาท โลกที่มีเพียงหล่อนและร่มธรรม และความรักเดียวของหล่อนนี้จะไม่เป็นของใครอื่น ทว่า...สุดท้ายโลกความจริงก็ยิ่งทำร้ายหล่อน เมื่อร่มธรรมกลับเข้าวงการอีกครั้ง และมีข่าวสนิทสนมกับคนอื่น


    “พี่ขอโทษ พี่กล้าสาบานว่าทั้งพี่ทั้งพ่อ ไม่มีใครรู้เรื่องของเบญ...” รามิลสารภาพตามตรง “...ถ้าเรารู้...เราจะไม่มีทางปล่อยให้เบญทำแบบนี้”


พล็อตซีรี่ส์โบราณคร่ำครึที่รามิลเคยก่นด่า สุดท้ายแล้วก็กลับมาปรากฏอยู่ในครอบครัวของเขาเอง เพียงแต่ต้นเหตุแตกต่าง เรื่องนั้นครอบครัวเข้มงวด ส่วนชีวิตเบญญา คนรอบข้างปล่อยปละละเลย


ถึงจะไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจพี่น้องต่างแม่คนไหน เบญญาเองก็นับว่าเป็นน้องสาวที่ดี หล่อนน่ารักเรียบร้อย นับถือเขาเป็นพี่ ต่อให้จะไม่ได้พบเจอกันบ่อยๆ แต่ก็ติดต่อกันอยู่เสมอ  ตอนที่เขาพบเบญญาในงานวันเกิดของบิดา วันนั้นรามิลจำได้ว่าเขาเห็นรูปของร่มธรรมบนโทรศัพท์มือถือของหล่อน เบญญายังอวดให้ดูว่าเป็นนักแสดงที่ออกจากวงการไปแล้ว และหล่อนยังชื่นชมติดตามเป็นแฟนคลับเขาอยู่


   ตอนนั้นรามิลยังเย้ยหยันน้องสาวในใจว่าคนอะไรชอบนักแสดงที่ออกจากวงการ พอลองเอาชื่อของร่มธรรมไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ตามดูงานแสดงเก่าๆอย่างตั้งใจ เลยกลายเป็นถูกใจ อยากดึงกลับเข้าวงการ จนกระทั่งมีโปรเจ็คสี่เรื่องสั้นสี่ผู้กำกับเข้ามาในมือ เลยได้โอกาสเหมาะดึงร่มธรรมมาร่วมงาน


พอคิดมาถึงตรงนี้ รามิลก็ได้แต่หลับตาถอนหายใจ รู้สึกเหมือนตนเองคือหนึ่งในต้นเหตุของโศกนาฏกรรมทั้งมวล


   “ผมไม่ได้โทษพี่เลย คุณเบญกับพี่เป็นคนละคน”


   “แต่ยังไงพี่ก็ควรเป็นคนรับผิดชอบด้วย”


เมื่อมาถึงประโยคนี้ของรามิล ร่มธรรมก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการพูดเรื่องคดีความ เขาเอนหลังพิงพนัก ไม่ได้มีท่าทีเครียดขึงแต่อย่างใด


   “ผมกับครอบครัวของครองเห็นตรงกันว่าเราจะให้เป็นไปตามกฎหมาย ผมจะแจ้งความเฉพาะคดีข่มขู่ ส่วนครอง...ก็เรื่องทำร้ายร่างกาย จริงๆ...ทางต้นสังกัดก็ไม่อยากให้ฟ้องเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้เป็นข่าว แต่...หลักฐานมันค่อนข้างชัดเจน เรื่องที่มีดมีแต่ลายมือของคุณเบญ ก็เลย...จำเป็น ทางพี่มิลจะว่าอะไรไหมครับ”


ในฐานะครอบครัวของผู้ต้องหา ย่อมไม่กล้าปฏิเสธทางเลือกชั้นดีที่สุดสำหรับเหตุการณ์อื้อฉาวขนาดนี้ “ส่วนเรื่องข่าว...ก็ให้เป็นไปตามที่ตกลงกับต้นสังกัดของครอง ผมสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องคุณเบญมากเกินความจำเป็น เรื่องยาเสพติดก็ด้วย เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับทางผม”


แน่นอนว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว รามิลรู้ว่าหากร่มธรรมต้องการเอาจริง ย่อมทำให้ครอบครัวและต้นสังกัดของครองภพหันมาประจัญหน้ากับครอบครัวของเขา เบญญาอาจจะรอดจากโทษอาญาเพราะความไม่สมประกอบทางจิตของหล่อน แต่จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวหนักกว่าเดิม ครอบครัวผู้กำกับผู้จัดละครคนดังปล่อยปละละเลยสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคจิตเภท ให้ติดยาเสพย์ติด และก่อปัญหาให้แก่ผู้อื่น


“ขอบคุณ”


ไม่ว่าร่มธรรมจะมีมูลเหตุอย่างไรที่ยอมถอยก้าวหนึ่งไม่เอาเรื่องอย่างถึงที่สุด แต่รามิลก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว


ทางครอบครัวผู้กำกับอนันต์และรามิลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของร่มธรรมและครองภพทั้งหมด เพื่อแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น และตกลงกันว่าจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย


ร่มธรรมยกเรื่องนี้ให้พี่ชายคนรองและทนายความช่วยดูแลต่อ ในขณะที่ตัวเขาเองแม้จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ยังแวะเวียนมาเยี่ยมครองภพทุกวัน จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาล


   ....................

หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-04-2020 20:05:18

แผลของครองภพไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่ในฐานะลูกชายคนเล็ก น้องชายคนเล็ก และเป็นศิลปินมูลค่าสูงของสังกัด เขาย่อมได้รับการประคบประหงมอย่างดี


ธาดาประคองน้องชายผู้บาดเจ็บให้นั่งลงบนโซฟา วิษณุกุลีกุจอหยิบน้ำและแก้วมาวางเอาไว้ใกล้มือ ไม่ใกล้ไม่ไกลคืออัจฉราที่ยืนดูอย่างห่วงใย ส่วน...คนที่ครองภพอยากให้มาดูแลกันมากที่สุดอย่างร่มธรรมนั้น...


ตอนเช้าไปทำงานที่ออฟฟิศ


ตอนบ่ายแวะไปร้านกาแฟ


ไม่ได้อยู่ดูดำดูดีกันทั้งเช้าทั้งบ่ายจนคนพักฟื้นหน้าหงิก


“ครองอยากได้อะไรอีกมั้ย เรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วง ทางพี่จะคุยให้เอง” วิษณุออกปาก


“ไม่มีครับ เรื่องงานฝากด้วย” ครองภพทำงานกับวิษณุมานาน เขาไว้ใจผู้จัดการของตนเองมากพอๆกับที่ไว้ใจความสามารถในการทำงานของตนเอง


“ครองอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย แม่จะสั่งมาให้” อัจฉราถาม


“ไม่ครับ แม่”


“แล้วอยากได้อะไร” ธาดาถามบ้าง คราวนี้หน้าตาบูดบึ้งของน้องชายหันมาที่เขา แต่ธาดายังทำตาปริบๆไม่รู้เรื่องรู้ราว คนน้องเลยไม่พูดอะไรอีก เอนหลังลงพิงพนักโซฟาแล้วหลับตาเหมือนไม่อยากให้ใครรบกวน


“ว้า ไล่แขกแบบนี้ งั้นบอกแขกที่ยังไม่มาว่าไม่ต้องมาแล้วกันเนอะ”


คราวนี้เปลือกตาเปิดพรึ่บ! ดวงตาเรียวของนักแสดงหนุ่มตวัดมาจับจ้องคนพูดทันที ธาดาหัวเราะร่วน


“ร่มไปทำงาน” คนพี่บอก ครองภพอยากบ่นว่าจะทำงานอะไรนานๆ แต่หากบ่นเช่นนั้นคงทำให้ดูเป็นหนุ่มน้อยไม่รู้จักโต


“ร่มบอกว่าจะหิ้วอเมริกาโน่เย็นมาให้ด้วยนะ” ธาดายังเอาใจน้องชาย แต่ดูเหมือนคนเป็นน้องจะอยากได้มากกว่านั้น


“บอกเขาว่าไม่ต้องเอาอะไรมา...แค่...รีบมาก็พอ...” ประโยคหลังนั้นแสนเบา แต่เบาแค่ไหนธาดาก็ยังได้ยิน คนเป็นพี่อยากยิ้มแก้มจะแตกแต่ทำได้เพียงอมยิ้มเอาไว้เพราะเกรงว่าจะถูกน้องชายอาละวาดเสียก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วในใจของเขามีแต่คำเยินยอเท่านั้น!


ครองภพที่มีความรักนี่น่ารักจริงๆ น่ารักจริงๆ น่ารักจริงๆ!


……………………..



อันที่จริงร่มธรรมไม่ได้มีงานใดให้ต้องสะสางมากนัก แต่การบอกกับคนอื่นๆว่าตอนเช้าต้องเข้าออฟฟิศ ตอนบ่ายต้องไปดูร้านกาแฟก็เป็นวิธีการที่ดีที่จะไม่ทำให้ใครๆต้องห่วง แม้ว่าแท้จริงแล้ว ชายหนุ่มจะอาศัยช่วงเวลาว่างระหว่างเช้ากับบ่ายมาที่บ้านหลังหนึ่งพร้อมพี่สาวและพี่ชาย


ร่มธรรมจะมาเผชิญหน้ากับคนที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพลิกผัน


ตอนถูกจับ หนุ่ยสารภาพว่าที่ทำทุกอย่าง ส่วนหนึ่งทำไปเพราะแค้น ทั้งที่รู้เต็มอกว่าต้นเหตุของอุบัติเหตุเมื่อหกปีก่อนคือพี่ชายของตนเองก็ตาม แต่คนพาลย่อมเป็นคนพาล เขาหลุดปากต่อว่าบิดาของสามพี่น้องว่าหากไม่ขับรถไปเส้นทางนั้น พี่ชายของเขาก็อาจเพียงเมาแล้วขับรถส่ายไปมา ไม่ถึงกับชนจนเสียชีวิตแบบนี้



อีกส่วนก็เพราะเงินจำนวนมากที่เบญญาเสนอ


แรกเริ่ม เบญญาเพียงจ้างให้เขาคอยเป็นหูเป็นตาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับร่มธรรมให้หล่อนทราบ จนกระทั่งร่มธรรมกลับเข้าวงการ หล่อนจึงเพิ่มเงื่อนไขเป็นการส่งจดหมายขู่ด้วย อาศัยการเป็นพนักงานส่งเอกสารเข้าถึงทุกพื้นที่ที่ร่มธรรมอยู่


อย่างไรก็ตาม หนุ่ยปฏิเสธการมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับจดหมายขู่ที่พบในรถยนต์ของบิดาของสามพี่น้องเมื่อหกปีก่อน ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเวลานั้นหนุ่ยและครอบครัวของร่มธรรมไม่มีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน นอกจากนั้น ยังปฏิเสธเรื่องการมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับอุบัติเหตุในกองถ่ายที่ร่มธรรมและครองภพประสบ แม้ว่าจะมีทีมงานจำได้ว่าหลังจากที่ร่มธรรมบาดเจ็บ และครองภพเจออุบัติเหตุแปลกๆ จะพบหนุ่ยในบริเวณใกล้กองถ่ายก็ตาม แต่เรื่องนี้ นอกจากพยานแล้วก็ไม่มีหลักฐานอื่นอีก


บ้านเช่าหลังเล็กในซอยลึกเงียบราวกับไร้คนอยู่ แต่ประตูบ้านเปิดคาเอาไว้ ร่มธรรมเป็นคนกดออด รอเพียงอึดใจเดียว ชายร่างสันทัดที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีก็ก้าวเท้าออกมาจากบ้าน พลันเมื่อเห็นว่าใครมาเยี่ยมเขาในเวลานี้ ‘หนุ่ย’ ก็ถึงกับลืมหายใจ


“คุณร่ม...” เขาครวญ อยากก้าวเท้ากลับเข้าบ้านไม่ต้องการพบเจอ แต่อีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่อีกฝั่งของรั้วราวกับบอกว่าต้องเจรจากันในวันนี้


สุดท้าย หนุ่ยเลยต้องเดินมาเปิดประตู ยกมือไหว้เงียบๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ได้แต่ก้มหน้าต่ำ ร้อนผ่าวไปทั้งหัวตา


“ดูท่าจะสบายดีนะ” ประโยคแรกของร่มธรรมนั้นเรียบเฉย แต่หนุ่ยสะท้านไปทั้งใจ


“ต...ตำรวจบอกว่า...ให้รอครับ...จะมีนัดให้ไปพบพนักงานสอบสวน...”


ร่มธรรมพยักหน้ารับรู้ สถานการณ์ของหนุ่ยเวลานี้ไม่ใช่เรื่องดี เป็นเพียงการปล่อยตัวชั่วคราวเท่านั้น


“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ 2-3 ข้อ ใช้เวลาไม่นาน”


“ค...ครับ เชิญครับ...”



ร่มธรรม รินฤดีและรุ่งโรจน์เดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินเก่าๆ ทั้งๆที่เป็นบ้านของหนุ่ย แต่เจ้าของบ้านกลับรู้สึกเหมือนร่างกายหดลีบ ไม่มีหน้าแม้แต่จะสู้ใคร เขาได้แต่นั่งลงบนม้าหินตรงข้าม ก้มหน้าต่ำพูดไม่ออก


“หากผมพูดอะไรผิด คุณแย้งผมได้เลย”


“...ผมเพิ่งทราบว่าลูกของคุณไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกของพี่ชายคุณที่ตายเพราะอุบัติเหตุเมื่อ 6 ปีก่อน...พี่ชายคุณ...ตายพร้อมพ่อของพวกผม”


หนุ่ยได้แต่พยักหน้า ไร้ซึ่งเสียงตอบใดๆ


“อุบัติเหตุวันนั้น พ่อของพวกผมไม่ใช่ต้นเหตุ แต่พี่ชายของคุณเมา”


เป็นอีกครั้งที่หนุ่มพยักหน้า เรื่องนี้เขาก็รู้ แต่ความเห็นแก่ตัวของคนเรา คือการผลักความผิดให้พ้นตัวเพื่อเรียกร้องความเมตตาจากคนอื่น


“หลังพี่ชายคุณตาย พี่สะใภ้คุณก็มาตายตามไปอีก ทิ้งลูกของพวกเขาไว้ให้คุณดูแล”


หนุ่ยพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า หลานชายที่เขารับมาดูแลเป็นลูก พลอยได้รับความเอื้อเฟื้อจากร่มธรรมไปด้วย เด็กชายตัวน้อยป่วยกระเสาะกระแสะก็ได้ร่มธรรมหยิบยื่นน้ำใจช่วยหาโรงพยาบาลให้ แต่...หนุ่ยกลับไม่เคยคิดว่ามันเพียงพอ


หากพี่ชายของเขาไม่ตาย หากพี่สะใภ้ของเขาไม่ตาย ครอบครัวของพี่ชายของเขาย่อมมีความสุข เขาเองก็ไม่ต้องรับภาระเลี้ยงดูหลาน แต่เพราะพี่ชายของเขาตาย...ความเห็นแก่ตัวของหนุ่ยคือรู้ทั้งรู้ว่าพี่ชายของตนเป็นต้นเหตุ แต่ก็ยังแค้นเคืองครอบครัวของร่มธรรม


อันที่จริง ตัวเขาไม่มีความสามารถที่จะลงมือทำสิ่งใดได้ คนที่หยิบยื่นโอกาสให้ได้มาเป็นพนักงานในบริษัทของร่มธรรมก็คือเบญญา หล่อนมาพร้อมกับข้อเสนอด้านการเงิน จูงใจให้เขาเข้าไปทำงานกับร่มธรรม และคอยรายงานชีวิตประจำวันของร่มธรรมให้หล่อนรู้อยู่เสมอ...แลกกับเงิน


แม้คราวแรกแค้นเคือง แต่เมื่อได้ทำงานกับร่มธรรม ก็กลับได้รับน้ำใจอยู่เสมอ ใจจึงทั้งแค้นทั้งเทิดทูน ลงมือทำสิ่งใดก็ละล้าละลังเพราะรู้ผิดรู้ชอบ แต่...ก็ยังทำ...


เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ ราวกับปลงตก หนุ่ยเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก็พลอยใจหาย ร่มธรรมเป็นมิตรและจิตใจดีกับคนรอบข้าง แต่ยามใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉย ก็กลับให้ความรู้สึกเย็นชาแห้งแล้งและ...ไร้ปรานี


“คุณเบญญา ครอบครัวเขามีเงินมากพอจะสู้คดี แล้วก็คงใช้เรื่องอาการทางประสาทมาเป็นเหตุผล อาจจะไม่ติดคุก เพราะพวกผมเองก็ไม่มีใครเจ็บหนัก แต่คุณ...” ร่มธรรมพูดเพียงเท่านั้น ก็ทำได้เพียงจับจ้องชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หนุ่ยรู้ตัวก็ในวินาทีนี้ว่าเขาทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจและความช่วยเหลือที่เคยได้รับไปหมดแล้ว


“ต...แต่...แต่ลูกผม...”



ทว่าคนเห็นแก่ตัว กลับยังคงนำความเห็นแก่ตัวมาตีแผ่ ร่มธรรมถอนหายใจเบา ส่ายศีรษะไปมาอย่างเสียดาย


ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าหนุ่ยเป็นพ่อที่ดี เป็นชายหนุ่มที่รักครอบครัว ทำงานหนักเพียงใดก็ไม่ปริปากบ่น จึงเอ็นดูลูกของหนุ่ย ยิ่งสงสารที่เห็นเด็กน้อยป่วยกระเสาะกระแสะ จึงช่วยหาโรงพยาบาลด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนคนที่เขาเคยคิดว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี จะกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว


หนุ่ยที่อยู่ตรงหน้าเขา ใช้ลูกมาเป็นข้อต่อรองก็ยังทำได้


“ผมเอ็นดูเด็กคนนั้นนะ น่าเสียดาย...” คำเปรยสุดท้ายทำเอาหนุ่ยใจหายวาบ


“ค...คุณร่ม...”


“คุณมีทางเลือกเดียว คือส่งเด็กไปอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัวทางพี่สะใภ้ของคุณ ส่วนคุณ...ก็รอรับโทษในสิ่งที่คุณทำ มันก็คงไม่มากมายอะไร แต่...คุณก็ต้องรับผิดชอบมัน จริงมั้ย”


ร่มธรรมได้แต่มองชายตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า


“จากนี้...ก็ไว้เจอกับทนายของผมแล้วกัน”


เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะม้าหิน โดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองคนเบื้องหลังอีกเลย


หนุ่ยได้แต่นั่งร้องไห้ หมดสิ้นทั้งครอบครัวและความเมตตาจากคนที่เคยเห็นค่า


…………………….


จะบอกว่ารินฤดีและรุ่งโรจน์ไม่เคยเห็นน้องชายในแง่มุมนี้ก็ไม่ใช่


ร่มธรรมเป็นน้องชายคนเล็กที่ใจดี ใจเย็นและสุภาพอ่อนน้อมมาแต่ไหนแต่ไร แต่ยามใดที่คิดจะแข็งแกร่งจริงจัง เจ้าตัวก็ทำได้ไม่แพ้ใคร เพียงแต่มีน้อยเหตุการณ์นักที่จะทำให้ร่มธรรมงัดเอาลักษณะเช่นนั้นออกมาได้


เมื่อครั้งที่บิดาเสีย ผลตรวจเลือดของคู่กรณีพบแอลกอฮอลในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานไปมาก ร่มธรรมเลือกที่จะไม่เผชิญหน้า ไม่ไปร่วมงานศพของคู่กรณี ครอบครัวทางนั้นจะมาขอขมาก็ยังบอกว่าไม่จำเป็น เขาให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของกฎหมายผ่านทางทนายความ พี่สาวพี่ชายรู้ดีว่าน้องชายของพวกเขาโกรธขนาดไหน ครั้งนี้...ก็น่าจะใช้ทนายความเช่นเดิม แต่เจ้าตัวกลับมาเอง


“แกไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองก็ได้ ให้ทนายจัดการไปซะก็สิ้นเรื่อง” รุ่งโรจน์เห็นน้องชายยังเงียบนับตั้งแต่ออกมา จึงเอ่ยปาก


“ผมอยากฟังคำตอบของเขาด้วยตัวเอง อยากให้เขายอมรับต่อหน้าผม” ร่มธรรมเอ่ยเรียบๆ สีหน้าไม่มีทั้งทุกข์ทั้งสุข


“แล้วถ้าเขาตอบว่าไม่ตั้งใจ ถูกหลอกใช้ล่ะ”


“ผมก็จะถอยออกมา แล้วเช็คข้อมูลทั้งหมดใหม่อีกครั้ง” ร่มธรรมตอบ เขายังจำภาพที่ตนเองเห็นในฝันได้เป็นอย่างดี


คุณหลวงผู้นั้น พิพากษาเด็กหนุ่มที่ชื่อแผนโดยไม่ฟังแม้แต่คำร้องขอ แม้สุดท้ายภาพฝันจะไม่บอกแน่ชัดถึงชะตากรรมของไอ้แผน แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาดี


จริงอยู่ว่าในเวลานั้น ไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ความจริง จะกล่าวโทษคุณหลวงผู้นั้นว่าช่างหูเบาและตัดสินด้วยสิ่งที่ตาเห็นเพียงอย่างเดียวก็ไม่ถูกทั้งหมด แต่เวลานี้ วิทยาศาสตร์สร้างทางเลือกมากกว่าการตัดสินจากสิ่งที่ได้ยินได้เห็นเพียงอย่างเดียว ร่มธรรมก็ยิ่งไม่อาจปล่อยให้อดีตซ้ำรอยเดิม


รุ่งโรจน์ถอนหายใจเบา นึกดีใจที่หนุ่ยยอมรับทุกอย่างว่าเป็นเพราะความพาลผสมกับความโลภอามิสสินจ้างที่เบญญาให้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ร่มธรรมคงวุ่นวายกับเรื่องนี้ไม่จบสิ้น


“แล้วเรื่องคุณเบญ แกจะเอายังไง”


   ร่มธรรมนิ่งไปเล็กน้อย ถอนหายใจยืดยาวแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้


   “ก็ปล่อยไปตามกฎหมาย”


   “เขาหลุดแน่ๆ” รุ่งโรจน์มองด้วยตาก็รู้ว่าสภาพเบญญาในเวลานี้ไม่เหลือสติสัมปัญชัญญะใดๆแล้ว อีกทั้งรามิลเองก็ไม่นิ่งดูดาย คงช่วยเหลือหล่อนเต็มที่ ทั้งร่มธรรมและครองภพก็ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต


   “ไม่เป็นไร ผมคุยเรื่องนี้กับพี่มิลแล้ว”


ร่มธรรมรู้ว่าการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด บางครั้งก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด


เมื่อเห็นตำตาว่าอย่างไรเบญญาก็คงไม่ได้รับโทษในสิ่งที่หล่อนก่อเอาไว้ เขาเลือกที่จะถอยลงมาก้าวหนึ่ง แล้วเปิดอกคุยกับครอบครัวของเบญญาอย่างตรงไปตรงมา ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาคารร้าง และจดหมายขู่เมื่อ 6 ปีก่อน แม้จะไม่มีลายนิ้วมือบนจดหมายฉบับใดเลย แต่หลักฐานที่พบในบ้านพักของเบญญา ทั้งกระดาษลักษณะเดียวกัน ทั้งรูปภาพจำนวนมากของร่มธรรม นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดการสโตลกเกอร์ที่ว่าจ้างให้หนุ่ยส่งข้อมูลและส่งจดหมาย ทั้งหมดชี้ไปที่ตัวหล่อน


เมื่อออกตัวว่าให้เป็นเรื่องตามกฎหมาย โดยไม่เรียกร้องสิ่งใดอีก รามิลและผู้กำกับอนันต์ย่อมเกรงใจผู้เสียหายอย่างเขาและครองภพ


ร่มธรรมรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขาและครองภพจะเป็นเป้าสายตาในอนาคต วันหนึ่งข้างหน้าจะต้องมีข่าวลือเรื่องพวกเขาออกมาทางใดทางหนึ่ง อาชีพการงานและสถานะในวงการไม่ต่างกับแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่เพียงต้องมีคนสนับสนุนแต่ต้องมีคนที่ทำให้ผู้อื่นเกรงใจ รามิลและผู้กำกับอนันต์จะเป็นแบ็กอัพที่ดีให้พวกเขา


   “ผู้หญิงคนนั้น...จะไม่ออกมาวุ่นวายกับร่มแล้วใช่มั้ย” รินฤดีถามอย่างเป็นห่วง ร่มธรรมยิ้มจาง


   “ครับ...คุณเบญ...พูดไม่รู้เรื่องแล้ว...”


ตอนที่เขาแวะไปดูเบญญาครั้งนั้น หล่อนเหม่อลอย ราวกับตกอยู่ในภวังค์ สลับกับคุ้มคลั่งกรีดร้องขับไล่ผีร้าย


   พอคิดถึงคำว่า ‘ผีร้าย’ ร่มธรรมก็พลันคิดถึงชายฉกรรจ์นุ่งโจงที่เขาฝันเห็นบ่อยๆ แต่นับจากเรื่องราวเกิดขึ้น ชายคนนั้นก็ไม่เคยมาปรากฏในฝันของเขาอีกเลย


   “อย่างนี้ก็ไม่รู้เลยสิว่าอุบัติเหตุเมื่อ 6 ปีก่อน เป็นอุบัติเหตุจริงๆหรือฝีมือของคุณเบญ แต่ถ้าเป็นฝีมือเขา แล้วเขาจะทำยังไงให้พี่ชายของหนุ่ยขับรถมาชนรถของพ่อ” รินฤดีตั้งข้อสงสัย


“ผมเคยสงสัยแบบพี่ ว่าเจ้าของจดหมายอาจทำให้เกิดเรื่องกับพ่อ แต่...ไม่มีหลักฐานเลย อย่างเดียวที่เป็นหลักฐานคือพี่ชายของหนุ่ยเมาแล้วขับ มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวกับจดหมายขู่” รุ่งโรจน์เอ่ย


ทว่า...หัวใจของน้องชายคนเล็กกลับเย็นเยียบ


   6 ปีก่อน...ครองภพมุ่งหน้าเข้าวงการบันเทิง


   6 ปีก่อน...บิดาประสบอุบัติเหตุ รุ่งโรจน์พบจดหมายขู่ เลยขอร้องแกมบังคับให้เขาออกไปช่วยทำธุรกิจของพ่อแทนการเป็นนักแสดง


   หาก 6 ปีก่อน...เป็นการพบกันของหนึ่งวิญญานที่ต้องการให้เขาออกห่างจากวงการบันเทิงเพราะไม่ต้องการให้เขาพบเจอกับครองภพ กับอีกหนึ่งคนที่ต้องการเก็บเขาเป็นสมบัติของตนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าหนึ่งวิญญานหนึ่งคนจะพบกันด้วยวิธีใด หากร่วมมือกัน อุบัติเหตุที่ดูจงใจแต่ก็ไม่อาจพิสูจน์ความจงใจได้เลย ก็อาจจะ...เป็นฝีมือของหนึ่งผีหนึ่งคน


   ร่มธรรมหลับตาลง รู้สึกเหมือนตนเองเป็นต้นเหตุของความหายนะทั้งมวล


   “พี่ริน พี่โรจน์...โกรธผมรึเปล่า...เรื่องพ่อ...”


   ความอ่อนแอที่ผู้เป็นน้องเปิดเผยให้เห็น ทำเอาพี่ๆใจหาย รินฤดีซบศีรษะลงกับไหล่ของน้องชายโอบแขนรอบเอวเขาไว้หลวมๆ


   “พวกเราจะโกรธร่มได้ยังไง อุบัติเหตุของพ่อ มันเป็นอุบัติเหตุนะ”


   “แต่ผม...” ร่มธรรมรู้สึกสากระคายไปทั้งคอ กระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อคิดว่าตนเองคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาสามคนพี่น้องเสียบิดาไป รุ่งโรจน์โอบบ่าเขาแล้วบีบกระชับให้กำลังใจ


   “เรื่องที่เกิดกับพ่อ มันไม่ใช่ความผิดของแกเลย ไม่มีใครโกรธแก ไม่มีใครโทษแกทั้งนั้น ร่ม...แกเป็นลูกที่ดีของพ่อ เป็นน้องที่ดีของพวกเรา แค่นี้มันก็มากพอแล้วสำหรับครอบครัวของเรา”


   น้องชายคนเล็กหันมองพี่ทั้ง 2 คนที่ยังเคียงข้างในวันที่เจ็บปวดแล้วก็เก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่อีก กระบอกตาร้อน กลั่นน้ำใสล้นเอ่อ


   “ผม...ขอโทษ...”


   “ไม่ต้องขอโทษ มันไม่ใช่ความผิดของร่ม ไม่ใช่เลย อย่าโทษตัวเอง ถ้าพ่อรู้พ่อต้องโกรธแน่ๆ พ่อสอนร่มเสมอใช่มั้ยว่าอย่าเอาตัวเองเป็นต้นเหตุของทุกเรื่อง” รินฤดีปลอบน้องชาย เห็นน้ำตาเขาแล้วก็จวนเจียนจะร้องเช่นกัน


   “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องโทษตัวเอง ไม่ต้องโทษใครอีกแล้ว ลืมมันไป” รุ่งโรจน์ก็แทบกลั้นน้ำตาตัวเองไม่อยู่


   “ผมขอโทษ...ผมขอโทษ...” ร่มธรรมสะอื้นฮัก ปล่อยน้ำตาไหลเป็นสายด้วยความอัดอั้น เขาทำให้บิดาจากไป เขาทำให้ครอบครัวไม่เหมือนเดิม เป็นเพราะเขา


   “ไม่ร้องแล้ว อายุจะสามสิบแล้ว ร้องไห้เป็นเด็กๆไปได้” พี่สาวยิ้มปลอบ ช่วยเขาเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนโยน


   “ไม่ร้องๆ!!” รุ่งโรจน์เองก็สมกับเป็นพี่ชายผู้แข็งกระด้าง


   สองพี่น้องปลอบโยนน้องชายคนเล็กไปคนละแบบ ร่มธรรมรับรู้ความอบอุ่นจากอ้อมกอดแล้วก็หวนคิดถึงเรื่องของพวกเขาสามคนสมัยเด็กๆ ดังนั้น...แม้จะร้องไห้แต่เจ้าตัวก็เผลอหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา


   สายเลือด สายสัมพันธ์ ความผูกพัน และความทรงจำ หล่อหลอมพวกเขาให้เติบโตขึ้นมาเคียงข้างกันในวันนี้


   รินฤดี รุ่งโรจน์ ร่มธรรม


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

วันนี้ ไม่ค่อยโอเคเท่าไร ถ้ามีอะไรผิดพลาด ขอแก้ไขพรุ่งนี้แทนนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเสมอเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-04-2020 21:10:54
ผีร้ายหายไปใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-04-2020 21:23:09
พี่ธาดาหลงน้องขั้นสุด     o18
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 02-04-2020 21:54:20
มารอบนี้ไม่มีบทหวาน รอรอบหน้า
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป น้าผีจะไปเกิดไหม รอติดตาม
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-04-2020 22:23:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-04-2020 22:56:35
ยังเหลืออิผีนุ่งโจง ที่ยังไม่ได้รับบทเรียนของการกระทำในชาตินี้ เอาให้หนัก อย่าให้ได้ตามไปรังควานชาตินี้หรือชาติไหนต่อไป ตกๆนรกไปซะที
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 02-04-2020 23:35:27
สงสารทุกๆคนเลยค่ะ แต่แอบสงสารเบญญาที่กลายมาเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าถูกผีหลอกใช้ด้วยรึเปล่า  :hao5: :katai1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-04-2020 23:41:03
เอ็นดูไปหมด
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-04-2020 00:44:44
 :katai2-1:


ผี ล่ะ ? ยังไง ?
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-04-2020 02:35:59
ชอบเอเนอจี้พี่ธาดาจริงๆ ครองภพ5ขวบตลอดไป 55555555555555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: casson ที่ 03-04-2020 09:20:50
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-04-2020 09:28:55
 :เฮ้อ:
เรื่องร้ายก็ผ่านไปด้วยดีนะ บางคนก็ได้รับกรรมที่ก่อไว้
ว่าแต่อีผีนุ่งโจงละ ชาติก่อนถึงแม้จะจงรักพรรคดีต่อคุณหลวงยังไง
แต่จะเอา ทองคุณหลวงไปยัดเยียดใส่ร้ายคนอื่นไม่ด้าย ๆๆๆ
 :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-04-2020 10:05:20
ผีหายยยยย ก็พอจะรู้อยู่แหล่ะว่าธาดาหลงน้อง แต่นี่ยิ่งกว่าที่คิดนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 03-04-2020 10:31:56
ขอให้เรื่องร้ายๆผ่านไปได้เร็วๆด้วยเถอะ อยากให้ทั้งสองคนมีความสุขแล้ววว  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-04-2020 12:42:24
เอ็นดูความหลงน้องของพี่ธาดา 5555555 เรื่องร้ายๆกับคนร้ายก็ถูกจับได้แล้ว เหลือแต่แต่ผีนี่แหละที่หายไป
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 03-04-2020 16:52:08
โอ้ยยย เอ็นดูพี่ธาดา หลงน้อง ทาสน้อง ไม่มีใครเกินนน 55555

ผีโจงแอบไปน้ำตาตก เช็ดหัวเข่าอยู่ที่ไหน
ปลงแล้วไปผุดไปเกิดได้แล้วนานช่วง หรือจะรอขอ อโหสิกรรม จากคุณหลวงและไอ้แผน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-04-2020 18:43:24
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-04-2020 23:34:34
ผีคงตามติดชีวิตเบญญาแน่ๆ เลย
ถึงไม่โผล่มาหลอกน้องครองอีก  :katai2-1:

ตอนหน้าเขาจะหวานๆ กันหรือเปล่าน๊าาา
หมดทุกข์หมดเคราะห์กันซะที
ผีก็ควรไปเกิดได้แล้วนะ
ปล่อยคุณหลวงแกไปเถอะ :katai1:

..​เป็นกำลังใจให้คุณบัวนะคะ เราตามติดทุกวันพฤหัสฯเลย แต่เพิ่งมาคอมเม้นท์วันนี้เพราะเมื่อคืนหลับหลังอ่านจบปั๊บเลย..แหะๆ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mr_longza ที่ 04-04-2020 00:32:56
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-04-2020 20:07:39
หาแฟนให้พี่ธาดาหน่อยค่ะ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-04-2020 18:15:26
ตอนทำผิดไม่คิด พอจะเข้าคุกกลับอยากให้คนเห็นใจ เห็นแก่ตัวสุด ๆ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-04-2020 21:32:21
สนุกมาก รักครอบครัว เพราะเป็นครอบครัว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 05-04-2020 21:43:39
หวังว่าผีจะไม่ย้อนกลับมานะ
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 05-04-2020 22:33:28
 :pig4: :L2:
เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 07-04-2020 14:13:27
รอครองภพ&ร่มธรรม
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 07-04-2020 14:32:08
เรื่องคลี่คลายสักที โล่งง

อยากเห็นความสวีทของทั้งคู่ว่าจะหวานกันขนาดไหน

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค้า สู้ๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 12 (02/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 09-04-2020 14:19:53
 :katai1:เข้ามารอจ้าาาาา
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 09-04-2020 20:56:58
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………..

ตอนที่ 15


   ร่มธรรมปล่อยให้คดีความหลังจากนี้เป็นเรื่องของทนายความ เขากลับมาทำงานที่ออฟฟิศและร้านกาแฟตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็เห็นจะเป็นหลังห้าโมงเย็นเป็นต้นไป ชายหนุ่มจะต้องรีบออกจากร้านเพื่อไปเยี่ยมคนที่ยังพักฟื้น


   อย่างที่กล่าว ครองภพไม่ได้บาดเจ็บสาหัส ตำแหน่งที่ถูกแทงไม่โดนอวัยวะสำคัญ แถมยังเป็นคนหนุ่มอายุรุ่นๆ ออกจากโรงพยาบาลได้ก็แข็งแรงแทบจะเป็นปกติ แต่...ก็ยังทำตัวไม่ปกติ


   ‘ผมยังรู้สึกแปลบๆอยู่’


   ‘บางทีก็เจ็บๆ’


   ‘วันนี้ผมเข้าบริษัทตอนเช้า ตอนเย็นว่าง’


   ‘ผมอยากกินข้าวผัดน้ำพริกลงเรือกับยำส้มโอ’


   ‘คุณแวะมาได้มั้ย’


   แล้วคำตอบของร่มธรรมจะเป็นอะไรได้ ถ้าไม่ใช่ ‘เดี๋ยวไปหา’


   แต่คนทำงาน ไม่ใช่ว่าคิดจะไปก็ไปได้เลย วันนี้รุ่งโรจน์นัดกินข้าวกลางวันพร้อมกับเอาเรื่องคดีมาบอก พอดีรินฤดีเองก็อยู่ที่ร้านด้วย สามคนพี่น้องจึงออกไปหาข้าวเที่ยงรับประทานด้วยกัน ก่อนจะเช็คบิล น้องชายคนเล็กก็หันไปเรียกพนักงานของร้านมาสั่ง


   “เอาข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ยำส้มโอ แล้วก็ต้มยำกุ้งน้ำข้น ใส่กล่องนี้นะครับ ตอนห้าโมงเย็นผมจะแวะมารับ” สั่งแล้วก็ส่งกระเป๋ากล่องทัปเปอร์แวร์ให้บริกร


   ร้านอาหารเล็กๆแห่งนี้ ร่มธรรมมาหลายครั้งจนสนิทสนมกับเจ้าของร้าน และเป็นร้านที่ครองภพก็เคยแวะมาทานหลายครั้งแล้ว


   “แกจะกินอีกเหรอ” รุ่งโรจน์เห็นน้องชายสั่งอาหารใส่กล่องก็ร้องถาม ร่มธรรมหันมายิ้มจาง


   “สั่งเผื่อครองน่ะครับ เย็นนี้จะแวะไปเยี่ยมครอง”


   คนเป็นพี่นิ่งไปเล็กน้อย รู้สึกแปลกใจพิกล แต่ครองภพช่วยร่มธรรมเอาไว้ การที่น้องชายของเขาจะแวะไปเยี่ยมบ่อยๆย่อม...ไม่แปลก


...ใช่...มันไม่แปลก ก็แค่ไปเยี่ยมทุกวันเอง...


   หลังจากจ่ายเงินแล้ว รุ่งโรจน์ขับรถไปส่งน้องชายที่ร้านกาแฟ ตอนที่ร่มธรรมลงจากรถเดินกลับเข้าร้านไปแล้ว อยู่ดีๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้เขาเปรยกับพี่สาว


“ไอ้ร่มกับครองสนิทกันดีนะ...”


รินฤดีเงียบกริบ ไม่อยากพูดว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้สนิทกันธรรมดาแน่นอน สายตาของผู้หญิงดูออก


   “แล้วนี่พี่รินจะไปเยี่ยมครองรึเปล่า หรือจะรอไปพร้อมไอ้ร่มตอนเย็นทีเดียว”


ในฐานะที่เป็นคนช่วยชีวิตร่มธรรม รุ่งโรจน์ย่อมให้ความสำคัญกับครองภพ ตอนออกจากโรงพยาบาลสองวันแรก เขาแวะไปเยี่ยมมาแล้วรอบหนึ่ง ยังเห็นครองภพคุยกับวิษณุเรื่องรับงานอยู่เลย ก็คิดเอาว่าคงไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่...ดูเหมือนร่มธรรมก็ยังคง ‘ไปเยี่ยม’ อยู่บ่อยๆ


แต่ไหนๆ ครองภพก็ช่วยน้องชายของเขาเอาไว้ พอร่มธรรมบอกว่าวันนี้จะไปเยี่ยมตอนเย็น เขาก็คิดจะติดสอยห้อยตามไปด้วย


   “จะไปตอนเย็นทำไม ถ้าจะไปก็ไปตอนนี้ เดี๋ยวพี่โทร.หาคุณณุให้ ว่าครองอยู่คอนโดรึเปล่า” รินฤดีท้วง


   “จะโทร.ทำไม ก็ไว้ไปกับไอ้ร่มตอนเย็น” รุ่งโรจน์ย้อน อย่างน้อยถ้าจับกลุ่มรวมๆกันไป เจ้าของคอนโดจะได้ไม่ต้องต้อนรับแขกหลายรอบ


   “ก็ปล่อยไอ้ร่มไปตอนเย็น ส่วนแกน่ะ ถ้าจะไปก็ไปตอนนี้”


   “แล้วทำไมผมไปกับไอ้ร่มไม่ได้?”


รินฤดีอึดอัด ไม่อยากถามว่ารุ่งโรจน์ดูไม่ออกจริงหรือว่าร่มธรรมและครองภพมีความสัมพันธ์เช่นไร ทำไมคนหนึ่งคนถึงยอมช่วยเหลืออีกคนขนาดนั้น


   “ถ้าจะไปก็ไปตอนนี้!” หล่อนย้ำ นึกในใจว่าทำไมน้องชายโง่ขนาดนี้นะ?!


   “เอ้า! ก็ผมจะไปพร้อมไอ้ร่ม”


   “แล้วทำไมต้องไปพร้อมร่ม?!”


   “ก็แล้วทำไมเราถึงไปพร้อมไอ้ร่มไม่ได้ล่ะ”


   “โอ๊ย! ก็มันจะเป็นกขค.!”


   “หะ?!”


รินฤดีเพิ่งรู้สึกตัวว่าหลุดปาก ก็รีบเม้มปากทันควัน แต่รุ่งโรจน์ได้ยินแล้ว พอประมวลคำว่า ‘กขค.’ ได้ ก็ถึงกับตาเหลือก


   “...นี่...นี่อย่าบอกนะว่าไอ้ร่มกับครอง...”


พอคิดไปในทิศทางนั้น นายตำรวจหนุ่มก็ถึงกับบรรลุ


...มิน่าเล่า! ครองภพถึงออกตัวอยากช่วยเหลือร่มธรรม ส่วนร่มธรรมก็ห่วงครองภพ แถมตอนเจอกันหลังจากฟื้น ยังจับมือกันแน่น ยิ้มให้กัน ซาบซึ้งกินใจกับการได้ตื่นมาเจอกัน!


...ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เป็นมิตรภาพลูกผู้ชายเคียงบ่าเคียงไหล่ ฟันฝ่าอันตรายมาด้วยกัน ที่ไหนได้!...



...แฟนกันเหรอวะ?!!...


   “ไป ไปเยี่ยมตอนนี้กับพี่นี่แหละ ตอนเย็นก็ปล่อยร่มมันไปคนเดียว” รินฤดีตัดบท ไหนๆน้องชายก็รู้เรื่องแล้ว ไม่ว่าจะยอมรับได้หรือไม่ ทั้งครองภพและร่มธรรมก็ผูกพันกันและกันจนขัดขวางไม่ได้แล้ว


   “พี่รินรู้เรื่องสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อไร?!”


   “เมื่อไรไม่สำคัญหรอกหน่า”


   “สำคัญสิ! โธ่เอ๊ย! ก็ว่าทำไมมันถึงกระตือรือร้นจะช่วยไอ้ร่มขนาดนั้น! แล้วไอ้ร่มก็โคตรห่วงมันขนาดนั้น!! แล้ว...แล้ว...ฮึ้ย!” รุ่งโรจน์พูดไม่ออก หน้าตาหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่คิดถึงความสัมพันธ์ของร่มธรรมและครองภพ


   “จะยังไงก็เถอะ เรื่องนี้แกไม่ต้องเข้ามาขวางเข้าใจมั้ย”


   “แล้วผมขวางอะไรได้ล่ะ!”


ร่มธรรมช่วยชีวิตครองภพ ครองภพช่วยชีวิตร่มธรรม ความจริงสองข้อนี้ทำให้รุ่งโรจน์ขวางไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี


   เรื่องบางเรื่องไม่รู้คนแรกก็รู้คนสุดท้าย นี่ชีวิตลูกคนกลางไม่ใช่รึไง! ทำไมไม่มีอะไรพอดีเลยสักนิดเดียว!!


………………………


   แม้จะพยายามทำใจยอมรับกับเรื่องที่เพิ่งรู้ แต่รุ่งโรจน์ก็ไม่ใช่คนเก็บความรู้สึกได้ดีนัก


ตอนที่ไปเยี่ยมครองภพ จากท่าทีเป็นมิตรที่มีต่อคนช่วยชีวิตน้องชายของตน จึงกลายเป็นคนหน้านิ่วคิ้วขมวด ยิ่งพอจับผิดเรื่องไม่ใช่เพื่อน ดวงตาเจ้ากรรมของรุ่งโรจน์ก็พลันเหลือบไปเห็นสร้อยพระบนคอของครองภพเข้าอีก


   “สร้อยนั่น...” เขาชี้ ตาเหลือก ถึงเห็นผ่านๆก็จำได้แม่น


   ครองภพยังไม่เข้าใจท่าทีที่พี่ชายของร่มธรรมปฏิบัติต่อเขา แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมทักขึ้นมาพร้อมกับชี้นิ้วมาที่สร้อยพระ ชายหนุ่มก็ยอมตอบ


   “ร่มให้ผมใส่”


   “ทำไม?!”


   “ก็ตอนนั้นมันมีเรื่องนิดหน่อย ร่มเลยให้ยืม เดี๋ยวก็คืนใช่มั้ยคะน้องครอง” รินฤดีรีบแก้ต่าง ส่งสายตาให้ครองภพร่วมเออออไปกับตน แต่นักแสดงหนุ่มไม่ใช่คนโกหก


   “เปล่าครับ ร่มให้ใส่ตลอด”


รุ่งโรจน์รู้สึกเหมือนเลือดลมตีขึ้นหน้า สร้อยพระเส้นนั้นป็นสร้อยที่บิดาให้ร่มธรรมใส่ตั้งแต่เด็ก แต่วันนี้กลับมาอยู่บนคอของครองภพ เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนพัฒนาไปไกล ตำตาตำใจนัก!


   แถม...แถมไอ้เจ้าคนใส่ยังพูดหน้าตาเฉยว่าร่มธรรมให้ใส่ตลอดอีกต่างหาก!


   …เดี๋ยวนะ...แล้ว...แล้วที่เรียกร่มธรรมว่าร่มเฉยๆล่ะ แม้รุ่งโรจน์จะไม่ใส่ใจวงการบันเทิง แต่เขาก็ได้ยินตำรวจหญิงพูดเรื่องนักแสดงรูปหล่ออายุน้อยอย่างครองภพบ่อยๆ


   “คุณอายุเท่าไร” นายตำรวจหนุ่มกอดอก ผายไหล่ผึ่งให้ดูทรงอำนาจ


   “22 ครับ” ครองภพตอบ ไม่มีทีท่าหงอเลยสักนิด


   “ไอ้ร่มมัน 28 ทำไมไม่มีเรียกมันว่าพี่”


   ครองภพไม่ใช่คนโง่ เขาดูออกแล้วว่าทำไมท่าทีที่รุ่งโรจน์ปฏิบัติต่อเขาจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ ชายหนุ่มเหลือบมองรินฤดีที่ยืนอยู่ไม่ไกล เห็นสีหน้าอิหลักอิเหรื่อของพี่สาวคนโตของสามพี่น้องก็ยิ่งแน่ชัด


   รุ่งโรจน์รู้ความสัมพันธ์ของเขาและร่มธรรมแล้ว


   อันที่จริงก็ไม่ได้คิดจะปิดบังครอบครัวฝ่ายใด การที่ครอบครัวฝั่งร่มธรรมรับรู้ความสัมพันธ์ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะพูดคุยเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา


   “ความสัมพันธ์ของผมกับร่มไม่เกี่ยวกับว่าใครเป็นพี่หรือใครเป็นน้อง ผมเข้าใจว่าอายุของผมเป็นปัญหา ผมเร่งมันไม่ได้ แต่ผมกำลังพยายามเป็นผู้ใหญ่ให้ไวที่สุด เพื่อจะได้เท่าเทียมกับร่ม ผมรู้ว่าพวกคุณเป็นห่วงร่ม ห่วงความสัมพันธ์ของพวกเรา แต่ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด จะดูแลเขาอย่างดีเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้”


   รินฤดีเม้มปาก กะพริบตาถี่ๆ ไม่ใช่เพราะขัดหูเคืองตากับคำพูดถือดีเอาแต่ใจของครองภพ แต่เป็นเพราะหล่อนกำลังจะหลอมละลายเพราะความหนักแน่นมั่นคงของหนุ่มรูปหล่อคนนี้ต่างหาก


   ...หน้าตาเต็มสิบ! ทัศนคติก็เต็มสิบ! ความจริงใจจริงจังก็เอาไปอีกสิบ! และอีกหลายเรื่องที่ทุกอย่างเต็มสิบ! รวมๆแล้วครองภพได้ไปล้านคะแนนจากหล่อน!!...


   แต่สำหรับรุ่งโรจน์ ต่อให้ทุกอย่างของครองภพจะเต็มสิบเต็มร้อย แต่เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้ปัดคะแนนลงมาเป็นติดลบก็เพราะครองภพมายุ่งกับร่มธรรม!


   “แล้วพ่อแม่รู้เรื่องนี้รึเปล่า”


   คุยกับ ‘เด็ก’ จะมีใครทรงอิทธิพลที่สุดนอกจาก ‘พ่อแม่’


   “พ่อเสียไปแล้วครับ ส่วนพี่ชายผมก็ทราบ และรู้จักกับร่ม ส่วนแม่...ผมไม่แน่ใจ แต่แม่ผมไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล อะไรที่ผมทำ แม่ยืนอยู่ข้างผมเสมอ และผมเชื่อว่าเรื่องของร่มก็เหมือนกัน”


   แต่ ‘เด็ก’ คนที่รุ่งโรจน์คิดจะเอา ‘พ่อแม่’ มาขู่ ไม่ได้กลัวบุพการีเลยสักนิด แถมยังสนิทกับครอบครัวชนิดที่พูดคุยได้ทุกเรื่องอีกด้วย


   “แต่เรื่องนี้มัน!...”


   “เรื่องของคนสองคนหน่า” รินฤดีปราม รุ่งโรจน์หันขวับ


   “ไม่ใช่! คนรักของไอ้ร่มต้องผ่านพวกเรา!”


รุ่งโรจน์ต้องมั่นใจว่าคนที่ร่มธรรมจะใช้ชีวิตด้วยไปจนแก่เฒ่าจะต้องรักและให้เกียรติ จะต้องเอาใจใส่คนบ้างาน ต้องรับมือกับความเมตตาอาทรที่มักมีเกินพอดี นอกจากนั้นยังต้องมีความสามารถ พึ่งพาตัวเองได้ และต้องเคียงบ่าเคียงไหล่ร่มธรรมได้ทุกประการ


   คิดไปคิดมาก็ลงล็อกที่ครองภพหลายข้อ แต่...แต่...แต่คนเป็นพี่ ให้อย่างไรก็มองเห็นข้อด้อยของคนที่จะเข้ามาเป็นคนรักของน้องได้ทั้งนั้นแหละ!


   “อายุก็น้อยกว่าไอ้ร่มตั้งหกปี! ตอนไอ้ร่มหกสิบ เพิ่งจะห้าสิบต้นๆ”


   “ห้าสิบสี่ครับ” ครองภพคำนวนอายุให้เสร็จสรรพ


ความจริงข้อนี้ให้อย่างไรก็แก้ไขไม่ได้ ครองภพทำใจแล้วว่าเขาคงต้องถูกคนรอบข้างพูดถึงเงื่อนไขนี้ไปอีกพักหนึ่ง กว่าจะพิสูจน์ให้เห็นได้ว่ามันไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย


   “เออ! ห้าสิบสี่! ตอนนั้นคงพระเอกดาวค้างฟ้า มีเงินแล้วยังหล่อ ตัวเลือกเด็กๆคงเข้ามาหาเพียบ!”


ครองภพเพียงถอนหายใจเบา อยากบอกรุ่งโรจน์ว่ายังไม่ต้องอายุห้าสิบกว่า ก็มีคนเข้าหาเขาแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจใคร จนกระทั่งมาเจอร่มธรรม


   “คุณโรจน์ไม่คิดหรือครับ ว่าการที่ผมอายุน้อยกว่าร่มจะเป็นเรื่องดี” เขาย้อนถาม ดวงตาเป็นประกายหนักแน่นจริงจัง


   “ถ้าผมกับร่มแก่ไปด้วยกัน ตอนที่เขาอายุมากขึ้น ตอนที่เขาเจ็บป่วย เดินไม่ไหว อย่างน้อยผมที่อายุน้อยกว่าเขาก็น่าจะยังทำอะไรได้มากกว่า ผมยังดูแลเขาได้ ยังเข็นรถให้เขาได้ ยังพาเขาเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ป้อนข้าวเขาได้ คุณโรจน์ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีหรือครับ ที่ผมจะได้ดูแลร่มไปตลอดชีวิตของเขา”


   รุ่งโรจน์นิ่งงัน คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินเหตุผลข้อนี้จากสิ่งที่เขาคิดว่าจะเป็นข้อบกพร่องของช่องว่างระหว่างวัย เท่านั้นยังไม่พอ เหตุผลข้อที่ว่ายังเป็นการพูดออกมาอย่างจริงจัง ไร้แววหยอกล้อแม้แต่นิดเดียว


   ราวกับคนพูดตั้งใจ


...ครองภพตั้งใจที่จะดูแลร่มธรรมไปตลอดชีวิต…


   “เอาเถอะๆ เรื่องมันมาถึงตอนนี้แล้ว จะไปบังคับให้เลิกกันก็ไม่ได้นะ น้องครองกับร่มก็...ช่วยเหลือกันมา แล้วเขาก็ไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของเขาเถอะ” รินฤดีพยายามทำตัวเป็นกลางอย่างยิ่งด้วยการไม่ออกตัวสนับสนุนครองภพมากเกินไป แม้ว่าคำพูดของนักแสดงหนุ่มเมื่อครู่จะกินใจของหล่อนเข้าไปทั้งดวงแล้วก็ตามที


   “ถ้ายังไง พวกเรากลับก่อนดีกว่า น้องครองจะได้พักผ่อน ส่วนร่ม...อยู่ที่ร้านกาแฟ เย็นๆจะแวะมา” รินฤดีเป็นคนเจรจา ครองภพพยักหน้ารับรู้ แขกสองคนหมุนตัวเดินออกไป ยังไม่ทันจะพ้นหน้าประตู รุ่งโรจน์ที่หน้าหงิกตั้งแต่เข้ามาก็หันกลับมามองเจ้าของห้องที่เดินตามมาส่ง


   “พูดอะไรก็รักษาคำพูดด้วย! ผมจะจำไว้จนตายว่าคุณรับปากจะดูแลไอ้ร่มไปตลอดชีวิต!”


   “ครับ”


   “แล้ว...แล้วถ้าอยากดูแลมันล่ะก็! รักษาตัวให้ดีๆ ไม่ใช่ไปขวางมีดขวางปืนใครอีก!”



รู้ทั้งรู้ว่าแผลฉกรรจ์ที่ครองภพได้มาก็เพราะเข้าไปช่วยชีวิตของร่มธรรม แต่รุ่งโรจน์หงุดหงิดเกินกว่าจะตระหนักถึงเหตุผลในข้อนั้น สิ่งเดียวที่เขาจะจำขึ้นใจคือนับจากนี้ ครองภพจะดูแลร่มธรรมไปตลอดชีวิต


   หากเมื่อไรทอดทิ้ง ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข แม้จะชิงตายไปก่อน เขาก็จะจุดธูปลากคอกลับมา!


............................
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 09-04-2020 20:58:04


ร่มธรรมกลายเป็นแขกประจำคอนโดของครองภพ แน่นอนว่าต่อให้จะเป็นคอนโดที่มีความปลอดภัยดีเยี่ยม แต่ในเมื่อมีฐานะเป็น ‘คนสนิท’ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้านอกออกในได้ไม่ต่างอะไรกับเจ้าของคอนโดเอง


รถยนต์ของเขาแล่นผ่านประตูหน้าเข้าไปจอดที่ลานจอดชั้นใต้ดิน จากนั้นเจ้าตัวก็ใช้คีย์การ์ดที่ครองภพให้มา กดลิฟต์ขึ้นมายังชั้นคอนโด โดยไม่ต้องผ่านฟร้อนท์แต่อย่างใด เรื่องนี้ธาดายังทำไม่ได้ พอพี่ชายผู้รักน้องมากขนาดนั้นรู้ว่าร่มธรรมได้อภิสิทธิ์พิเศษขนาดนี้ ก็เลยมาวอแวกับน้องชาย


‘ทำไมร่มได้คีย์การ์ด พี่ไม่ได้’


‘พี่มาทางประตูหน้าก็ได้นี่ ฟร้อนท์ก็รู้จัก’


‘ฟร้อนท์ก็รู้จักร่ม’


‘แต่ฟร้อนท์ไม่รู้ว่าร่มเป็นอะไรกับผม พี่ก็รู้ว่าเรื่องของพวกผมมีคนรู้มากกว่านี้ไม่ได้’


ธาดาถึงบางอ้อก็วินาทีนั้น แล้วก็พลันตบมือกึกก้องในใจให้กับความฉลาดของน้องชายตนเอง


กลายเป็นว่าครอบครัวของครองภพไม่มีใครคัดค้านเรื่องที่ร่มธรรมสามารถเข้าถึงคอนโดของครองภพได้อย่างสนิทสนม ดังนั้น ร่มธรรมย่อมค้านไม่ออกไปด้วย ในเมื่อเจ้าของห้องออกปากเอง


‘แม่กับพี่ผมโอเค ถ้าคุณจะถือคีย์การ์ดห้องผม’


‘แต่...’


‘แม่กับพี่ผมฝากให้คุณดูแลผมด้วย’


ครองภพพูดแค่นั้น แต่ร่มธรรมคล้ายจะรู้สึกถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่ตนเองได้รับ เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครองภพบาดเจ็บ การที่หนุ่มรุ่นน้องยกเอาครอบครัวมาเป็นตัวละครที่ฝากฝังเจ้าตัวกับเขา เลยยิ่งปฏิเสธไม่ออก ได้แต่รับคีย์การ์ดมาไว้ในมือ แต่ไม่วายออกปากให้อีกฝ่ายสบายใจ


‘งั้น...ถ้าพี่จะแวะมา พี่จะบอกครองก่อนแล้วกันนะ’


อย่างน้อยก็เพื่อให้ครองภพไม่รู้สึกว่าถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากนัก แม้ว่าครองภพจะอยากให้อีกฝ่ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นส่วนตัวแทบแย่แล้วก็เถอะ


เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูด้วยคีย์การ์ดในมือ เจ้าของห้องเพิ่งอาบน้ำเสร็จเลยโผล่หน้าออกมาดู ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่าใครมา


เพราะร่มธรรมเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าออกจากร้านแล้ว กำลังมาหา


“คุณ มาแล้วเหรอ” เขาทักแล้วเดินเข้าไปหาคนที่ก้มหน้าถอดรองเท้า แขกผู้แวะเวียนมาคอนโดแห่งนี้ทุกวันเงยหน้ามองแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนจะส่งถุงใส่กล่องทัปเปอร์แวร์ในมือให้เจ้าของห้อง


“โทษทีที่มาช้า ที่ร้านลูกค้าเยอะมากตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ไม่รู้วันนี้ทำไมคนเยอะ”


“ลูกค้าเยอะแล้วคุณกินอะไรรึยัง”


นิสัยร่มธรรมบ้างานขนาดไหน ครองภพที่เคยร่วมงานกันมา ทำไมจะไม่รู้ นิสัยของพวกเขาส่วนหนึ่งที่ตรงกันก็เรื่องนี้ แต่พอมาคบหากัน ครองภพเลยต้องพลอยมีสติหันมองคนข้างกายเสมอว่าร่มธรรมทำงานมากเกินไปจนไม่ได้ดูแลตัวเองหรือไม่


จากคนมุ่งมั่น มองอะไรแต่สิ่งที่ตนมุ่งหมายอย่างครองภพ กลายเป็นว่าเขายอมเดินช้าลงหน่อย แล้วหันมองคนรอบข้างมากขึ้น โดยเฉพาะคนรอบข้างที่ชื่อร่มธรรม


“กินกลางวันแล้ว แต่ตอนเย็นจะมากินกับครองนี้ล่ะ” คราวนี้หนุ่มรุ่นน้องเริ่มคลายหัวคิ้วลง หัวใจฟูฟ่องกับคำพูดที่มาพร้อมรอยยิ้ม


สองหนุ่มช่วยกันอุ่นอาหารที่อยู่ในกล่องทัปเปอร์แวร์ นอกจากข้าวผัดน้ำพริกลงเรือและยำส้มโอ ยังมีต้มยำกุ้งน้ำข้น และร่มธรรมยังซื้อสลัดมาเพิ่ม มีผลไม้สำหรับล้างปาก ต้องไม่ลืมอเมริกาโน่เย็นแยกน้ำแข็งด้วย   


อาหารเย็นเริ่มขึ้นง่ายๆที่โต๊ะกินข้าว คนมาเยี่ยมยิ้มแย้มแจ่มใส ชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุดปาก ครองภพเป็นคนพูดน้อยกับคนไม่สนิท แต่จะกลายร่างเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์กับคนที่เขาอยากคุยด้วย บทสนทนาของพวกเขาจึงไหลลื่น คนหนึ่งเปิดประเด็น อีกคนคุยต่อ มีทั้งเสียงหัวเราะ มีทั้งเรื่องปรึกษาหารือ แต่...ไม่ใช่ครองภพไม่สังเกต


...ร่มธรรมร่าเริง แจ่มใส มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาชวนคุย ทว่า...ในดวงตากลับมีร่องรอยบางอย่างแฝงอยู่...


ครองภพไม่ใช่คนเก็บข้อสงสัยที่สร้างความไม่สบายใจเอาไว้กับตัว ยิ่งเวลานี้รุ่งโรจน์รู้เรื่องของพวกเขาแล้ว พี่ชายคนนี้ของร่มธรรมมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของคนรักของเขา ชายหนุ่มก็ชักกังวล ไหนจะเรื่องที่เขารับปากกับรุ่งโรจน์ว่าตนเองกำลังพยายามเป็นผู้ใหญ่ให้ไวที่สุดเพื่อให้เท่าเทียมกับร่มธรรมอีก


ถ้าหากจะเป็นผู้ใหญ่...ก็ต้องเป็นคนที่สามารถเป็นหลักพักพิงให้คนรักได้ ดังนั้น เขาไม่ควรปล่อยให้ร่มธรรมยิ้มแต่ปาก ไร้ความสุขในดวงตาแบบนี้


หลังมื้อเย็น ร่มธรรมรับอาสาเก็บล้างจานชาม ในขณะที่ครองภพเก็บโต๊ะอาหาร เขารอจนกระทั่งหนุ่มรุ่นพี่เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมด้วยจานผลไม้


   “ผลไม้” คนมาเยี่ยมเอ่ยปาก วางจานลงกับโต๊ะเล็กหน้าโซฟา แล้วหันไปถามคนที่เดินตามมาที่โซฟา


“ครองจะกินกาแฟเลยมั้ย พี่จะใส่น้ำแข็งให้”


“ยังไม่กิน คุณนั่งกับผมก่อน” เจ้าของคอนโดชวน ร่มธรรมงุนงงแต่ก็ยอมนั่งลงบนโซฟา ครองภพนั่งลงข้างๆ หันไปหยิบองุ่นมาลูกหนึ่งแล้วส่งให้


“กินไปคุยไป” เขาว่าอย่างนั้น แม้จะงุนงงแต่ร่มธรรมก็รับองุ่นมากัดไปหนึ่งคำ แต่ดวงตายังมองหนุ่มรุ่นน้องตาแป๋ว ครองภพหันไปหยิบมาเข้าปากบ้าง


องุ่นรสหวานอมเปรี้ยวอีกทั้งยังเย็นสดชื่น ทำให้ผ่อนคลาย พอกินไปลูกหนึ่งก็หยิบกินเรื่อย ร่มธรรมรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เหลือบมาเห็นครองภพมองเข้าอยู่


“อ...เอ่อ...ครอง...มีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ”


ครองภพมองคนรักอึดใจหนึ่ง แล้วเอ่ยปาก


   “คุณมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” คำถามนั้น ทำเอาร่มธรรมนิ่งไปเล็กน้อย


เรื่องไม่สบายใจ...เรื่องที่เขาพยายามไม่เก็บมาคิด แต่ให้อย่างไรก็ยังติดค้างอยู่ในใจ


...ความสัมพันธ์ระหว่างตนเอง ชายนุ่งโจง และอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตบิดาเมื่อ 6 ปีก่อน...


   “เอ่อ...ทำไมเหรอ หน้าพี่ดู...มีเรื่องในใจเหรอ” ร่มธรรมไม่กล้าตอบปฏิเสธ จึงทำเป็นตลกกลบเกลื่อนลูบหน้าลูบตาตัวเอง


เจ้าของคำถามรวบมือที่ถูไถใบหน้าลง ดวงตาเรียวจับจ้องเรียบเฉย ราวกับรอคอยคำตอบ เพียงเท่านั้นคนที่เก็บกดเรื่องต่างๆไว้เพียงลำพังก็ถอนหายใจออกมา


   “พี่...ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง...มัน...เยอะไปหมด”


   ครองภพหันไปบิองุ่นออกมาอีกลูกแล้วส่งให้ ร่มธรรมมองการกระทำของชายหนุ่มตรงหน้า แล้วก็เผลอยิ้มเอ็นดู


   “เอาอาหารล่อให้พี่พูดเหรอ”


   “แม่เคยบอกว่าถ้าท้องอิ่ม จะสบายใจครึ่งนึงแล้ว...”


“ผม...อยากให้คุณสบายใจเวลาอยู่กับผม”



ครองภพเป็นคนซื่อ เขาเรียนรู้ทักษะทางสังคมจากครอบครัวและคนใกล้ชิดเป็นหลัก ดังนั้นสิ่งที่เขาแสดงออกต่อคนรอบตัว จึงเป็นความอบอุ่นอ่อนโยนที่ได้รับจากมารดา พี่ชาย ญาติพี่น้องและเพื่อนสนิท


   ดวงตาของร่มธรรมที่ทอดมองคนตรงหน้า เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ทั้งเอ็นดู ทั้งรักใคร่ ทั้งสบายใจ


   อยู่กับครองภพ...เขาสบายใจจริงๆ


   “พี่สบายใจเวลาอยู่กับครอง”


   คำพูดของร่มธรรมเป็นความจริง ครองภพทำให้เขารู้สึกสบายใจ แต่...ให้อย่างไรก็มีตะกอนตกค้าง


   ครองภพแตะมือกับแผ่นอกของคนรัก ตายังสบตา ในขณะที่ตั้งคำถาม


   “แต่มีเรื่องนึงติดอยู่ในนี้ใช่มั้ย”


   ร่มธรรมนิ่งงัน ราวกับม่านหมอกในดวงตาเปิดออกให้เห็นความอึดอัดที่ตกผลึกอยู่ภายในใจ เห็นแล้วพาลให้สะท้อนใจ


   “อึดอัดมั้ย”


   คนถูกถามเม้มปาก ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วตอบด้วยเสียงในคอ


   “อือ...” ทั้งสีหน้า ทั้งเสียงตอบ ช่างเป็นสภาพสิ้นหวังไร้ซึ่งทางออกจากความอึดอัดในใจ ทำเอาครองภพยอกไปทั้งอก


“คุณมีผมนะ”


   “ขอบคุณ” ร่มธรรมไม่อยากให้คนข้างกายที่เจ็บตัวเพราะเขาแล้วยังต้องมาทุกข์ใจไปด้วย จึงพยายามส่งยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจ



ทว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ครองภพขมวดคิ้ว


   รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว


   รอยยิ้มที่ยิ้มแต่ปาก แต่ตาเศร้าแบบนี้อีกแล้ว


   “ไม่ทำหน้านิ่วสิ พี่ไม่เป็นไรจริงๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”


กลายเป็นร่มธรรมที่พยายามปลอบ จิ้มปลายนิ้วลงกับหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันนั่นเพื่อให้คลายออก ชายหนุ่มรวบมือนั้นลงมา ดวงตาเรียวยังเต็มไปด้วยความเป็นห่วง


“คุณนี่มันเป็นคุณจริงๆ...” ครองภพพึมพำกับตัวเอง ร่มธรรมยังไม่ทันเข้าใจ คนที่มักพูดน้อยต่อหน้ากล้องกลับพูดต่อ


   “หกปีก่อน...พี่ชายของคุณเจอจดหมายขู่ให้พาคุณออกจากวงการในรถของคุณพ่อของคุณที่ประสบอุบัติเหตุ”


   คนอายุมากกว่านิ่งไปเล็กน้อย


   “ครอง...รู้เรื่องนี้หรือ”


   “คุณโรจน์เล่าให้ฟัง ทั้งเรื่องจดหมายที่เจอในรถของพ่อคุณ ทั้งเรื่องจดหมายที่ได้รับหลังจากคุณกลับเข้าวงการ”


   ร่มธรรมเม้มปาก ก่อนจะเอ่ยเสียงพร่า


   “ทั้งหมดเพราะพี่เอง...พี่เป็นต้นเหตุ”


ครองภพถอนหายใจ คิดแล้วไม่มีผิดว่าร่มธรรมต้องคิดเช่นนี้ เขาถึงเห็นด้วยที่รุ่งโรจน์ไม่เล่าเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายรู้แต่แรก เพราะคนแบบนี้พร้อมจะกระโดดออกมารับผิดในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของตนเองเลย


   “ร่ม คุณฟังผมนะ เรื่องเมื่อ 6 ปีก่อนเป็นอุบัติเหตุ ถึงจะเจอจดหมายขู่ในรถ ก็ไม่ได้หมายความว่า เรื่องที่เกิดกับพ่อของคุณจะเป็นความจงใจของคนที่ต้องการให้คุณออกจากวงการ”


   “แต่ข้อความในจดหมายนั่น...”


   “จดหมายขู่มันก็ต้องขู่ให้น่ากลัวไว้ก่อนทั้งนั้น ถ้าขู่ไม่น่ากลัวจะเรียกจดหมายขู่ได้ยังไง” ครองภพเป็นคนตรงไปตรงมา เรื่องนี้ร่มธรรมรู้ดี และครั้งนี้ความตรงไปตรงมาของเขาก็ทำเอาคนกำลังอมทุกข์ถึงกับชะงัก มองหนุ่มรุ่นน้องตาปริบๆ


   “วันนั้น พี่ชายของหนุ่ยเมา ขับรถชนรถพ่อของคุณ พ่อของคุณอาจจะเพิ่งได้รับจดหมายนั่นพอดี หรือเอาจดหมายใส่ไว้ในรถพอดี เพราะฉะนั้น...อุบัติเหตุที่เกิดกับพ่อของคุณ ไม่ใช่ความผิดของคุณ”


   “แล้ว...ครองคิดว่าคุณเบญกับผู้ชายนุ่งโจงคนนั้น...รู้จักกันมั้ย”


   “ผมได้ยินว่าตอนนี้เบญญาเอาแต่พูดเรื่องผีใช่มั้ย”


ร่มธรรมพยักหน้ารับ


   “แล้วเท่าที่ผมรู้ หนุ่ยบอกว่าเขารับเงินจากเบญญาคนเดียว และไม่เคยเห็นว่ามีคนอื่นร่วมมืออีก สรุปว่าคนที่เคยเห็นหรือเคยฝันเห็นผีนั่นมีแค่คุณ ผม และก็อาจจะคุณเบญญาอีกคน”


   “อืม...แต่...ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา พี่ก็ไม่เคยฝันเห็นเขาอีกเลยนะ ครองล่ะ”


   “ตอนอยู่ในตึกร้าง ผมเจอแค่คุณเบญ แต่ตอนที่พาคุณออกมา พอโทรบอกคุณโรจน์ว่าเราอยู่ตรงไหน ผมก็หลับไป ตอนนั้นผมฝันเห็นเขา เขาจะให้คุณอยู่กับเขา เรียกคุณว่าคุณหลวง เรียกผมว่าไอ้แผน”


ครองภพเล่าเรื่องที่เขาประสบในอาคารร้างให้ทุกคนฟังแล้วรอบหนึ่ง เมื่อรวมกับคำให้การของหนุ่ยและหลักฐานคือมีดที่มีลายนิ้วมือของเบญญาแล้ว ก็บอกได้เพียงอย่างเดียวว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นผู้ลงมือเองทั้งหมด แน่นอน...เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่เขาฝันเห็นชายนุ่งโจงหลังจากโทร.หารุ่งโรจน์


เรื่องนี้ ให้อย่างไรวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ไม่ได้ เพราะคนที่รับรู้การมีอยู่ของชายนุ่งโจง มีแค่พวกเขา


   “แล้ว...ครองทำยังไง”


   “ผมก็บอกเขาว่าที่นี่ไม่มีคุณหลวง ไม่มีไอ้แผน มีแค่ร่มธรรมกับครองภพ”


ร่มธรรมได้แค่ก้มหน้าด้วยความละอาย


ชีวิตหนึ่งที่เป็นคุณหลวง เขาสร้างความเจ็บช้ำไว้ให้เด็กหนุ่มที่ชื่อแผน ทำลายความจงรักภักดี ทำลายความเทิดทูนบูชา เขาทำลายความเชื่อมั่นที่เด็กหนุ่มผู้หนึ่งมีให้ด้วยความหูเบาและอารมณ์ชั่ววูบ


“แต่...พี่คือคุณหลวงคนนั้น พี่เคยหูเบา พี่...พี่รู้ว่าพี่ทำไม่ดี เด็กคนนั้น...แผน...เขาคือครองใช่มั้ย พี่...ทำให้ครองเจ็บตัวใช่มั้ย” ร่มธรรมครวญ ยิ่งมองหน้าครองภพก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเป็นคนผิด “...แล้ว...พอชีวิตนี้ พี่ก็ยังทำให้ครองเจ็บอีก พี่...พี่ทำแต่เรื่องให้ครอง...”


หน้าตาทุกข์เศร้าบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเก็บสะสมเรื่องราวเจ็บปวดทั้งในชาติภพนี้และชาติภพที่แล้วมาสุมอยู่ในตัว ไม่แปลกใจเลยที่ร่มธรรมยิ้มได้แต่ปาก แต่นัยน์ตาไม่มีความสุข


ครองภพเห็นแล้วใจหาย รั้งร่างอีกฝ่ายเข้ามาหาเพื่อปลอบประโลม


“เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว มันผ่านไปหมดแล้วทั้งเรื่องชีวิตก่อน ทั้งเรื่องที่ผมเจ็บตัว”


แม้จะผ่านไปนานแล้ว แต่ร่มธรรมกลับยังติดอยู่กับสิ่งที่ตนเองเคยทำเอาไว้


“แต่พี่เป็นต้นเหตุ...” เขาเอ่ย กลืนก้อนสะอื้น แล้วถามแผ่ว


“ครอง...เด็กคนนั้น...คน...ที่ชื่อแผน...เขาเป็นยังไง...เขารอดมั้ย”


ครองภพไม่มีคำตอบ แต่การไม่บอกอย่างตรงไปตรงมา ก็ทำให้คนถามพอจะคาดเดาได้


ร่มธรรมหลับตาลง รู้สึกไร้เรี่ยวแรง ต่อให้จะเป็นเรื่องในอดีต แต่เขาคือคนที่ทำให้เด็กคนนั้นตาย


“ขอโทษ...” เขาได้แต่พร่ำบอก น้ำตาร่วงหล่น “...ขอโทษ...พี่ทำแต่เรื่องให้ครอง...พี่ขอโทษ...”


“ร่ม มันไม่ใช่ความผิดของคุณเลย ไม่เลย...”


“แต่พี่...พี่คือคนที่ทำให้เด็กคนนั้นตาย....” น้ำตาอาบหน้า ร่มธรรมสะอื้น ตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ครองภพคือเด็กคนนั้น และเป็นเด็กที่ตายเพราะการพิพากษาของเขา


“แล้วครอง...ครองคือเด็กคนนั้น...ขอโทษ...พี่ขอโทษ...”


ครองภพทนเห็นน้ำตาอีกฝ่ายไม่ได้อีกแล้ว เขาโอบร่มธรรมเข้ามาหา แต่อีกฝ่ายเอาแต่ร้องไห้ พร่ำบอกแต่คำว่าขอโทษ ยิ่งเห็นน้ำตา ยิ่งได้ยินแต่เสียงสะอื้น ครองภพก็ยิ่งทนไม่ได้ เขากดศีรษะอีกฝ่ายลงกับไหล่ ให้น้ำตาของร่มธรรมหลั่งบนบ่าของเขา กอดอีกฝ่ายด้วยสองแขน รัดให้แน่นเพื่อให้ร่มธรรมรับรู้ว่าคนคนนี้ไม่ยึดติดกับเรื่องในอดีตเหล่านั้น


ผู้ชายที่ชื่อครองภพคนนี้ อาจจะเคยเป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อแผนคนนั้น แต่ชีวิตนี้ไม่ใช่ชีวิตก่อน หัวใจนี้ก็ไม่ใช่หัวใจจากชีวิตก่อน อะไรบางอย่างจากชีวิตก่อนอาจทำให้พวกเขาได้พบกัน แต่ไม่ได้มีอิทธิพลมากไปกว่าการกระทำที่พวกเขามีให้กันในชีวิตนี้


“ร่ม...ผมคือครองภพ”


คำพูดของคนที่กอดร่มธรรมเอาไว้ดังขึ้นที่ข้างหู ราวกับดึงสติคนกำลังร้องไห้ให้ตื่นจากภวังค์ ร่มธรรมเงยหน้าขึ้นมามองคนพูด น้ำตายังอาบใบหน้า แต่เมื่อครองภพช่วยไล้มันออกให้อย่างแผ่วเบา ม่านน้ำตาที่บดบังค่อยจางลง ก็ทำให้พบว่าชายตรงหน้าที่กอดเขาเอาไว้คือครองภพ


เป็นชายหนุ่มอายุ 22 ที่หน้าดุ ตาก็ดุ แต่เวลานี้กลับมองด้วยสายตาอ่อนโยน


“...คุณอาจจะเคยเป็นคนอื่น ผมก็อาจจะเคยเป็นเด็กคนนั้น พวกเราอาจจะเคยเป็นพวกเขา แต่ปัจจุบันไม่ใช่”


“...ปัจจุบันคุณคือร่มธรรม ผมคือครองภพ”


“เราอาจจะมาเจอกันเพราะอะไรบางอย่างในอดีต แต่ทางเลือกว่าเราจะเป็นอะไร หรือเป็นยังไงมันอยู่ในปัจจุบัน”



ร่มธรรมรู้สึกเหมือนหัวใจของตนเองที่เมื่อครู่หดตัวบีบคั้นด้วยความเสียใจ ค่อยๆผ่อนคลาย แล้วรับรู้ถึงเลือดเนื้อและความอบอุ่นหลั่งไหลเข้ามา


“ครอง...โกรธพี่มั้ย...โกรธพี่บ้างรึเปล่า”


“ชีวิตเก่าผมไม่รู้ แต่ชีวิตนี้...ผมมีอะไรที่ต้องโกรธคุณอีก?”


แม้ชาติที่แล้ว ต้นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ไอ้แผนต้องหมดลมอย่างเดียวดายด้วยความเจ็บปวด เกิดจากคุณหลวง แต่ครองภพไม่อยากผูกติดกับเรื่องราวเหล่านั้นอีกแล้ว


พวกเขาผ่านมันมานานแล้ว และไม่ควรหวนกลับไปคิดถึงอีก


   ชีวิตคนต้องเดินไปข้างหน้า มีแต่ผีเท่านั้นที่ติดอยู่ในอดีต


   “...ทิ้งชีวิตเก่าไปได้มั้ยร่ม เริ่มต้นกันใหม่ที่ชีวิตของเราที่เป็นของเราได้มั้ย เริ่มต้นที่ความรู้สึกของเราจริงๆ ไม่ใช่ความรู้สึกที่หลงเหลือมาจากชีวิตอื่นได้มั้ย ให้โอกาสตัวเราได้เริ่มต้นกันใหม่ที่ชีวิตนี้ ทั้งคุณทั้งผม เริ่มต้นจากเรา...”


ร่มธรรมมองคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา ทั้งๆที่เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กคนนั้นเจ็บปวด แต่ครองภพก็ยังมอบความรู้สึกที่แสนมีค่าให้กับเขา


เราอาจจะเป็นพวกเขาเมื่อชีวิตที่แล้ว และชีวิตที่แล้ว...เราอาจทำเรื่องที่เลวร้ายต่อกัน


แต่เมื่อชีวิตนี้เราได้เริ่มต้นใหม่ เมื่อชีวิตนี้เราได้กลับมาพบกันใหม่ หัวใจสานสัมพันธ์พวกเราด้วยความรู้สึกที่มีค่าขนาดนี้ แล้วทำไม...เราถึงต้องติดอยู่ในอดีต


“เริ่มกันใหม่ เริ่มที่คุณ...ที่เป็นร่มธรรม กับผม...ที่เป็นครองภพ ให้โอกาสพวกเราได้เริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะครับ”


คนอายุมากกว่าสูดลมหายใจลึก น้ำตายังเอ่อล้น แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ


อดีตหวนกลับไม่ได้ แล้วเหตุใดเราที่อยู่ในปัจจุบันถึงจะก้าวเท้ากลับไปในอดีตที่แก้ไขไม่ได้ ทั้งๆที่ปัจจุบันต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้


เปลี่ยนแปลงที่เราในปัจจุบัน


เปลี่ยนแปลงที่เรา...ที่เป็นร่มธรรมและครองภพ


“อืม...เรามาเริ่มกันใหม่ เรามาเริ่มที่ชีวิตของเรา...”


………………….

หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 09-04-2020 20:58:29


เริ่มต้นใหม่...


   วัฏสงสารหมุนเวียน มีเกิดมีตาย มีจุดเริ่มต้นมีจุดจบ


   นายช่วงผู้ฝืนกฎแห่งธรรมชาติ เกิดแล้วตาย แต่ไม่เกิดใหม่ เฝ้าวนเวียนติดตามผู้เป็นนายของตนด้วยใจภักดี นายผู้นี้ เป็นผู้มีเมตตา หาใช่เพียงแค่ชีวิตที่เกิดมาเป็นนายช่วง


   ชีวิตก่อนที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์เพศชายผู้ชื่อว่าช่วง เขาเคยเกิดเป็นงู พลาดท่าไปพบตาแก่ผู้หนึ่ง จึงตีเขาจนตาย ห้วงสุดท้ายของชีวิตในชาตินั้น เขาเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาห้าม ภาพจำสุดท้ายคือชายหนุ่มผู้นั้นมองเขาด้วยสายตาเวทนา ห้วงจิตสุดท้ายรับรู้ถึงความเมตตาอาทรที่มีต่อตน จึงตั้งใจมั่นจะติดตาม


   ชีวิตในชาตินั้นดับสูญ ดวงวิญญานงูไปเกิดเป็นคน นามว่าช่วง แม้นฐานันดรต่ำต้อยแต่ได้รับใช้ชายผู้ที่เคยเวทนาเขาในชาติที่เป็นงู นายช่วงดีใจกับชีวิตในชาติภพนี้ของตนยิ่ง ตั้งมั่นจงรักภักดี...จนกระทั่ง ไอ้แผนมาเยือน


   เขาไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ชาติภพเก่าก่อนเคยเกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่คุณหลวงรักใคร่เอ็นดูมันปานลูกหลาน ไอ้แผนเองก็เทิดทูนคุณหลวงประหนึ่งผู้มีพระคุณ นายช่วงหวั่นเหลือเกิน...หวั่นว่าจะมีใครภักดีต่อคุณหลวงเกินหน้าเกินตา หวั่นว่าคุณหลวงจะเมตตามันมากเกินกว่าเมตตาเขา เขาต่างหากควรจะเป็นผู้ภักดีที่สุดในชีวิตของท่าน เขาต่างหากที่ควรจะได้รับความเมตตาของท่านมากกว่าใคร แต่ในเมื่อไอ้แผนเข้ามา มันแย่งทุกสิ่งไป สิ่งเดียวที่ต้องทำคือกำจัดมันให้พ้นทาง!


   ไอ้แผนถูกกำจัดด้วยการใส่ร้ายป้ายสี แต่เมื่อมันพ้นไปแล้ว อย่าคิดหวังว่าเขาจะให้มันมีชีวิต ตีงูต้องตีให้ตาย เขาจึงส่งคนไปทุบตีมันจนถึงแก่ชีวิต


   หลังความตายของไอ้แผน หลวงสุนทรวิจักษ์มิได้รับรู้เรื่องของมันอีก นายช่วงคิดว่าชีวิตอันแสนสุขของตนในอาณาจักรของคุณหลวงจะกลับมา แต่คล้อยหลังเพียงหนึ่งปี คล้ายเวรกรรมตามทัน นายช่วงถูกฆ่าตาย จับมือคนทำไม่ได้ แต่ความตายของนายช่วงมิใช่การเดินทาง หาใช่การพลัดพราก เพราะตายแล้วก็มิได้ไปผุดไปเกิด ดวงจิตตั้งมั่นจงรักภักดี จึงดื้อดึงติดตามดูแลหลวงสุนทรวิจักษ์แม้เหลือเพียงวิญญาน


หลังจากนั้นอีกสองปี หลวงสุนทรวิจักษ์ก็จากไปด้วยโรคร้าย ดวงวิญญานของคุณหลวงมิได้ยึดติด สิ้นอายุขัยก็เวียนว่ายตายเกิด แต่นายช่วงมิใช่เช่นนั้น


ชาติก่อนเป็นงู ก่อนตายจากชาตินั้น เห็นเพียงวูบเดียวว่าชายผู้นี้มีเมตตาต่อตนก็มาเกิดใหม่เป็นนายช่วงเพื่อตามตอบแทน ครั้นเป็นนายช่วง ชายผู้นี้ก็ยังคงมีเมตตาต่อตน ดวงจิตจึงกลายเป็นยึดติด ต่อให้ชายผู้นี้เกิดใหม่ นายช่วงก็ยังไม่ลดละ


จิตประสงค์ดี...ติดตามดูแล ขอให้คุณหลวงจดจำตนได้


จิตมุ่งร้าย...กีดกันอย่าให้ไอ้แผนมากล้ำกรายชีวิตคุณหลวงอีก


   ชาติต่อมา หลวงสุนทรวิจักษ์ไปเกิดเป็นชาย แม้นรูปร่างหน้าตาจะแตกต่างจากหลวงสุนทรวิจักษ์ที่นายช่วงเคยรู้จัก แต่จิตที่ผูกพันย่อมรับรู้ว่าท่านไปเกิดเป็นใครจึงตามดูแลประคบประหงม ในขณะที่จิตอาฆาตก็ทำให้รับรู้ว่าไอ้แผนไปเกิดเป็นสตรีผู้หนึ่งในต่างแดน นายช่วงไม่รู้ว่าที่นั่นคือที่ใด แต่หน้าตาผมเผ้าเสื้อผ้าอาภรณ์ของไอ้แผนในชีวิตนั้น หากจะกล่าวว่าคุ้นเคยก็ต้องเรียกว่า ‘แหม่ม’ มันเฝ้าอธิษฐานว่าอย่าให้ไอ้แผนมาพบคุณหลวงของมัน ทั้งสองในชาตินั้นต่างคนต่างไม่แม้แต่จะได้พบกัน และหมดลมหายใจอย่างไร้คู่ครอง


ดวงวิญญานที่ไม่ยึดติด ไหลเวียนเข้าสู่วัฏสงสารอีกครั้ง



คราวนี้หลวงสุนทรวิจักษ์เกิดเป็นสุนัข นายช่วงผู้ภักดีก็ยังติดตามดูแลสุนัขตัวนั้น มิได้สนใจรูปลักษณ์แต่ประการใด ในขณะที่จิตอาฆาตรับรู้ว่าไอ้แผนตายจากชาติภพที่เกิดเป็น ‘แหม่ม’ ไปเกิดเป็นนก นายช่วงลิงโลด คิดไว้แล้วว่าไอ้แผนต้องไม่ได้พบคุณหลวงอีกแน่ อายุขัยของสุนัขนั้นสั้น ที่สั้นยิ่งกว่าคืออายุขัยของนก ทั้งสุนัขและนกล้วนต้องมีคู่ครอง แต่สัตว์สองตัวนั้นแปลก นกตัวนั้นตายก่อนตามอายุขัยโดยไร้คู่ สุนัขเลี้ยงตัวนั้นก็ไม่มีคู่จนกระทั่งตายอย่างสงบ และใช่...ไม่ได้พบกันเช่นเดียวกับชาติก่อน


ดวงวิญญานกลับเข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง และครั้งนี้...เกิดเป็นร่มธรรม


นายช่วงยินดียิ่งกว่าชาติภพใดๆ เมื่อคุณหลวงในชาตินี้มองเห็นตนตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่อาจจดจำว่าชาติภพหนึ่งพวกเขาเป็นใคร แต่คุณหลวงในชีวิตนี้มอบความปรารถนาดีให้แก่เขาไม่ต่างกับชาติเก่าก่อน แม้นเมื่อเติบใหญ่ คุณหลวงจะมองไม่เห็นตนอีก แต่ก็ยังเข้าไปพบท่านในฝันได้เสมอ


แต่...ชีวิตในชาตินี้ที่นายช่วงยินดี กลับไม่อาจยินดีได้ตลอดไป


ไอ้แผนปรากฏตัว


ลางสังหรณ์บอกนายช่วงว่าคำอธิษฐานที่เฝ้าภาวนามาหลายชาติภพกำลังจะไม่เป็นจริง


ไอ้แผนกำลังจะเข้ามาในชีวิตของคุณหลวง


นายช่วงรู้สึกเหมือนพื้นที่อันแสนสงบของตนเองถูกทำลาย ชีวิตก่อนที่ไอ้แผนเคยเข้ามาในชีวิตของคุณหลวง จนท่านรักใคร่เอ็นดูมันมากกว่าใคร นำความอิจฉาริษยามาสู่เขาเพียงใด ชาตินี้จะไม่มีวันซ้ำรอย!


มีความเชื่อที่ว่า ผลบุญและเวรกรรมชักจูงผู้คนให้มาพบเจอกันโดยไม่ตั้งใจ นายช่วงไม่ใช่คน แต่ก็มิได้หมายความว่าเขาจะรอดพ้นการพบเจอโดยบังเอิญ


เบญญาเป็นหนึ่งในคนจำนวนมากที่รายล้อมรอบตัวคุณหลวงของนายช่วง ไม่รู้ด้วยบุญกรรมประการใด เบญญาสื่อสารกับเขาได้ นายช่วงไม่รู้ว่าจะมีเรื่องใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว เบญญาทำให้ฝันของเขาเป็นจริง


หญิงสาวรักหลงคลั่งใคล้คุณหลวงของเขา เรียกแต่ ‘พี่ร่ม’ ทุกคำ แม้จะแสลงหูนายช่วงปานใด แต่เพื่อให้ได้ซึ่งประโยชน์ที่ต้องการ นายช่วงทำหูทวนลม แล้วเลือกใช้แต่สิ่งที่เบญญาทำให้แก่เขาได้


สุดท้าย...คุณหลวงออกห่างจากไอ้แผน


ไม่แม้แต่จะได้รู้จักกันด้วยซ้ำ


น่ายินดียิ่ง! น่ายินดี!!


ความสงบกลับมาเยือนอีกครั้ง และเขาคิดว่าทุกอย่างคงไม่ซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว


แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน


ราวโชคชะตาขีดเส้นเอาไว้ ราวบุญกรรมชักพา หลวงสุนทรวิจักษ์ในชาติภพที่เกิดเป็นร่มธรรมได้พบไอ้แผนที่เกิดเป็นครองภพ แม้นนายช่วงจะร่วมมือกับเบญญาก็แล้ว แม้นจะเพียรพยายามก็แล้ว แต่ยิ่งลงมือให้คนทั้งคู่พลัดพราก กลับยิ่งกลายเป็นผูกมัดให้ร่มธรรมครองภพผูกพันแนบแน่น


ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ไม่รู้เหตุใด ดวงจิตของนายช่วงผูกพันกับเบญญา!!


ภายหลังเหตุการณ์ในอาคารร้าง ครองภพและร่มธรรมปลอดภัย เบญญากลายเป็นบ้า หล่อนอาละวาดสลับกับเงียบซึม


ยามหล่อนเงียบ ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร...แต่นายช่วงรู้


เบญญาเงียบ เพราะหล่อนเห็นเขา ยามใดที่เขาพยายามจะกลับไปหาคุณหลวง หล่อนไม่เห็นเขา เมื่อนั้นหล่อนจะอาละวาด


“ไอ้ผีเหี้ย! ไอ้ผีจังไร! มึงอยู่ไหน! มึงออกมา! มึงเอาพี่ร่มคืนมา!!”


เสียงอาละวาดของหล่อนไม่เพียงดังในห้องพัก แต่ดังเข้ามาในหัวของนายช่วง ไม่ว่าเขาจะอยู่แห่งหนใด เขาจะถูกเสียงของหล่อนปลุกเร้าให้จำต้องกลับไปอยู่กับหล่อน


แล้วพอหล่อนเห็นเขาปรากฏตัว หล่อนก็เงียบ


เขาเคยพยายามดิ้นรนไม่กลับไป หล่อนก็เงียบ เพราะได้รับยา แต่พอหล่อนเงียบด้วยปาก ในใจของหล่อนกลับอาละวาดจนเขารับรู้ สุดท้ายนายช่วงก็ต้องกลับไปพบหล่อน...แม้กระทั่งในฝัน


ใช่...ในฝันของหล่อน


เขาถูกหล่อนบังคับให้ต้องพบหน้าทั้งหลับทั้งตื่น


หนึ่งผีผู้ยึดติด วันนี้กลายเป็นฝ่ายถูกยึดติดบ้างแล้ว นี่คงเป็นเวรกรรมของเขาที่ครอบครองคุณหลวงเอาไว้หลายภพหลายชาติ นี่คงเป็นเวรกรรมของเขาที่ดึงดันฝืนกฎธรรมชาติ


วันนี้ ธรรมชาติมอบกฎแห่งกรรมให้เขาแล้ว


“มาแล้ว...มาแล้ว...อย่าหวัง...กูไม่ได้...มึงก็ต้องไม่ได้...” เสียงพึมพำของหญิงสาวดังขึ้นเบาๆ ตามด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มสมใจ ดวงตาของหล่อนเลื่อนลอย คล้ายไม่ได้สนใจร่างของชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่มุมห้องอีก แต่ยามใดที่นายช่วงหายตัวไปจากตรงนั้น เมื่อนั้นเสียงอาละวาดของหล่อนจะดังขึ้น


...เงียบขรึม เหม่อลอย สลับกับอาละวาด คุ้มคลั่ง…


ดวงจิตของนายช่วงผูกติดกับหญิงผู้นี้


นับจากนี้...ไปจนกว่าหล่อนจะเข้าสู่วัฏสงสารอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใด


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้า)

ตอนนี้เป็นตอนที่เฉลยชื่อเรื่องค่ะ ‘เวรกรรมตามทันในภพนี้’ คือเวรกรรมที่ผีอย่างนายช่วงได้รับ จริงๆ บัวตีความว่าเวรกรรมคือการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของคนหรือผี และเวรกรรมไม่ใช่ว่าทำอะไรก็จะได้อย่างนั้นตอบ แต่ทำอะไรก็จะผูกพันการกระทำของตนเองไปสู่ผลลัพธ์ ไปสู่คนรอบข้าง ไปสู่สภาพแวดล้อมค่ะ

นอกจากนั้น ในชื่อเรื่องจะเห็นว่าใช้คำว่า ‘ภพนี้’ ทั้งๆที่ส่วนใหญ่ เรามักจะคุ้นกับคำว่า ‘เวรกรรมตามทันในชาตินี้’ ที่ใช้คำว่า ภพ ก็เพราะคล้องกับชื่อของครองภพค่ะ จะบอกว่าครองภพเป็นคนที่เข้ามาทำให้นายช่วงถูกเวรกรรมตามทันก็ว่าได้ค่ะ

อีกจุดสำคัญ คือทั้งร่มธรรมและครองภพ ต่างไม่มีใครรู้อดีตชาติที่ชัดเจน รู้เป็นฉากๆ และรู้จากภาพฝัน อดีตทำให้พวกเขาได้เจอกัน แต่การกระทำในปัจจุบันจะเป็นตัวกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ของพวกเขา คำว่าปัจจุบันสำคัญ ก็เลยเป็นคอนเซ็ปต์ของเรื่องนี้ค่ะ

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ และทุกกำลังใจ บัวได้รับความช่วยเหลือจากกำลังใจของคนอ่านไว้มากเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 09-04-2020 21:19:14
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-04-2020 21:31:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-04-2020 21:43:00
พี่ๆเขารักน้องชายกันมากจริงๆ..เอ็นดู   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 09-04-2020 22:06:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-04-2020 22:30:32
คลายความสงสัยเรื่องเบญญาไปแล้ว แต่มาผูกพันกับนายช่วงแทน
เรียกว่าเวรใครกรรมมัน แต่ว่าคุณเทพไม่ได้ผูกพันกับใครเลยใช่ไหม

ครองภพแน่วแน่มาก จนรุ่งโรจน์เป๋ไปเลย แหมเอาสร้อยน้องเขาไปใส่แถมเยาะเย้ยเขาอีก อิอิอิ
ดีใจกับทุกคนที่เรื่องร้าย จะกลายเป็นดีนะ จะรอพฤหัสหน้าจ้าา
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 09-04-2020 22:45:03
คลี่คลายแก้ปมไปหมดเลย
ต่อไปก็คงมีแต่การแสดงความรักของสองคนละมั้ง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-04-2020 23:10:10
ซาบซึ้งเเละขนลุก
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 09-04-2020 23:20:49
พี่โรจน์หวงน้อง พี่ธาดาหลงน้อง โอ้ยย ว่างๆไปนัดกินข้าวแล้วนั่งอวยน้องชายกันดีไหม55555

นึกว่าผีโจงหายไป โดนเบญญาจองเวร! จิกด่าอาละวาดจนไปไหนไม่ได้ เบญญาน่ากลัวกว่าผีอีก!! กรรมใครกรรมมันนะนายช่วง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-04-2020 23:31:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 09-04-2020 23:43:15
เพราะนายช่วงเราจึงได้นิยายชื่อนี้มา เซอร์ไรส์มาก55555

ครองพูดดีมากตอนที่บอกว่าอายุน้อยกว่าก็จะได้ดูแลร่มได้ตอนร่มแก่ ประทับใจจจจจจจจจจจ ละเป็นคนอยู่กับปัจจุบันอ่ะ สามารถพูดให้พี่ร่มที่ยังยึดติดกับอดีตคลายใจลงได้ เนี่ยยยยยยย ดูเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครอง ปรบมือๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 10-04-2020 06:42:18
5555 เดาไม่ผิดเลยว่าผีตาช่วงหายไปเพราะไปอยู่กับเบญญาแน่นอน :m20:

ขอให้พี่ร่มอย่ายึดติดอดีตเลยนะ
มาครองรักกันกับน้องครองในชาตินี้ให้มีความสุขดีกว่า  :o8:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-04-2020 10:48:39
จะว่าไปก็สงสารผีนายช่วงนะประสงค์ดีแต่ดันยึดติดและอิจฉาไม่ปล่อยวาง
ถ้าปล่อยวางป่านนี้คงได้ไปเกิดใหม่แล้วไม่ต้องมารับกรรมแบบนี้
คงต้องอยู่กับเบญญาไปจนกว่าเบญญาจะตายนั่นแหล่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 10-04-2020 13:35:56
ไม่ใช่พี่ร่มยังบิดตัวเป็นเลข8 อะ. ครองหวานเกิ๊นนนนน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-04-2020 18:46:00
กอดพี่ธาดาแน่นๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-04-2020 23:22:30
 :katai2-1:


ธาดา รุ่งโรจน์
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-04-2020 02:03:53
อย่างนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-04-2020 21:33:44
ตามทันในภพนี้จริงๆ ค่ะ วนเวียนเป็นวังวน หรือเบญญาเป็นลูกสาวคุณหลวง

ร่มธรรมบอบบางนะ เพราะเป็นคนจิตใจดี ไม่คิดร้ายกับใคร
พอเจอเรื่องมากระทบ ก็จะอาการหนักกว่าครองภพ

ครองภพจิตแข็งอยู่นะ เพื่อร่มธรรมแล้ว สู้มากเลย
และเป็นครองภพอีกนั่นแหละ ที่ดูร่มธรรมออก

เอ็นดูความอ้อนของคนป่วยนะคะ มีความวอแวมาก
ตลกรุ่งโรจน์ ก็ยังดี ยังพอทำใจได้ แต่ห้ามทิ้งแค่นั้นเอง


หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 11-04-2020 22:23:50
นายช่วงกับเบญญา เออก็นะ เหมาะสมจริงๆ :z6:
ถือเป็นอีกเรื่องที่เวรกรรมตามทัน ใครทำไรไว้ก็ตามนั้น

แต่แอบขำพี่รุ่งโรจน์ มองร่มกับครองผ่านแว่นมิตรภาพลูกผู้ชาย
กว่าจะรู้ตัวก็พะงาบๆๆ ไปซะแล้ว 55555555555555555
พี่เอ๊ยยย กว่าจะรู้ตัว ครองเค้าเอาไปแล้วจ้า :o8: :o8:
แถมมีการตัดพ้อเรื่องเกิดเป็นคนกลางอีก
ไม่ร้องนะพี่  o13
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-04-2020 00:18:09
เห้ออออออ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-04-2020 21:30:54
พี่โรจน์หวงน้อง โอ้ย ส่วนพี่ธาดา ก็หลงน้อง มันคือความพอดี คือครอบครัว มีความอบอุ่น
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 13 (09/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-04-2020 23:50:21
 o13

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 16-04-2020 21:23:31
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………….
ตอนที่ 16



   ข่าวเรื่องน้องสาวผู้จัดดังมีอาการทางประสาทและติดยาเสพติดเป็นข่าวโด่งดัง และเพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีมากจนไม่อาจเก็บเป็นความลับ เรื่องที่ครองภพได้รับบาดเจ็บก็เลยพลอยปิดไม่อยู่ไปด้วย


ข่าวลือซุบซิบกันว่าเขาบาดเจ็บเพราะช่วยร่มธรรม แน่นอนว่าหากต้นสังกัดยอมรับว่าข่าวนี้เป็นความจริง แฟนคลับของพระเอกหนุ่มไม่น่าจะพอใจที่ร่มธรรมเป็นต้นเหตุให้ครองภพเจ็บตัว ดังนั้นจึงให้ข่าวว่าครองภพบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเพราะออกไปช่วยตามหาน้องสาวของรามิลที่มีอาการทางจิต และไม่ได้เกี่ยวข้องกับร่มธรรมแต่อย่างใด


   กองถ่ายของผู้กำกับฉายกลับมาถ่ายทำต่อจนจบ ทั้งเรื่องอุบัติเหตุในกองถ่าย และความเกี่ยวข้องของร่มธรรมกับเบญญา ทำให้ซีรี่ส์มีกระแสตั้งแต่ยังไม่ออนแอร์



ยิ่งพอออกฉาย แม้จะแค่ไม่กี่ตอน แต่ทั้งบท ทั้งฝีมือกำกับและตัดต่อ ทั้งการโปรโมท ทั้งเคมีของนักแสดงนำและฝีมือของทีมนักแสดง รวมถึงกระแสข่าวก่อนหน้า ก็ทำให้กลายเป็นกระแสที่ทุกคนพูดถึง ส่งผลให้ซีรี่ส์โด่งดังเป็นพลุแตก สร้างชื่อเสียงให้ทั้งผู้กำกับฉายและทีมนักแสดงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสองนักแสดงนำชายคู่ใหม่ของวงการอย่างครองภพและร่มธรรม


งานใหม่ๆเข้ามาในมือร่มธรรมทันที ในขณะที่ครองภพเองก็มีทั้งงานที่รับไว้ก่อนแล้ว และงานที่รอจ่อคิว


แต่เมื่อมีได้ ก็ย่อมมีเสีย เวลานี้ งานของพวกเขาล้นมือ ในขณะที่เวลาพักผ่อนส่วนตัวไม่มี การได้พบกันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


แต่ฟันฝ่ามาด้วยกันขนาดนี้ กับแค่ไม่ได้พบหน้ากันเพราะต่างคนต่างทำงาน ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งมีเทคโนโลยีมาช่วยรักษาระดับความสัมพันธ์ไม่ให้ห่างเหินด้วยแล้ว ถึงจะไม่ได้เจอหน้ากันเป็นสัปดาห์ แต่ก็ไม่เคยขาดหายการติดต่อ


โดยเฉพาะครองภพ ที่ถูกร่มธรรมหยอกในใจว่าเป็น ‘เจ้าพ่อนักรายงาน’


ออกกองต่างจังหวัดก็บอกล่วงหน้า ไปถ่ายรายการนอกสถานที่ก็ส่งโลเกชั่นมาให้ แวะเข้าบริษัทก็ยังรายงาน เรื่องไปต่างประเทศไม่ต้องพูดถึง เพราะบอกกำหนดการตั้งแต่ยังไม่ถึงวันเดินทาง พอถึงวันเดินทางก็รายงานสถานการณ์ตลอดเวลา ไปถึงแล้วก็ยังเจียดเวลาถ่ายรูปส่งมา


ไม่เรียกเจ้าพ่อนักรายงาน จะให้เรียกอะไร


‘ผมอยู่สนามบินแล้วนะ กำลังรอบอร์ดดิ้ง’


‘ไปถ่ายงานที่ญี่ปุ่นสองวัน’


   วันนี้ ครองภพต้องเดินทางไปถ่ายแบบที่ญี่ปุ่น แน่นอนว่าเรื่องนี้บอกร่มธรรมแล้วสองรอบ รอบแรกคือตอนที่รู้กำหนดการ รอบที่สองคือบอกซ้ำก่อนเดินทางสามวัน ส่วนรอบนี้คือรอบที่สาม


   ร่มธรรมยังไม่เข้ามาอ่านข้อความของเขา คนกำลังจะเดินทางเลยส่งไปอีกประโยค


‘คุณอยากได้อะไรมั้ย’


สองประโยคแรกไม่เรียกร้องความสนใจเท่าประโยคที่สาม ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็ต้องรีบเข้ามาตอบ


‘ไม่เอา’


‘ขนมก็ไม่เอาเหรอ’


ไม่รู้ใครหลอกล่อใคร แต่เวลานี้ครองภพกำลังยกยิ้มกับหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองรอคอยคำตอบว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร


...ไม่อยากให้ซื้อของฝาก เพราะกลัวจะเป็นภาระของเขา แล้วถ้าเป็นขนมอร่อยๆล่ะ?...


‘ไม่เอา’


คำตอบจากคนชอบขนม ทำเอานักแสดงหนุ่มรูปหล่อตาเรียวขมวดคิ้วเล็กน้อย


...ไม่เอาขนมจริงดิ...


เขาเปิดหน้าเวปเซิร์จเอนจิ้น พิมพ์ชื่อขนมเจ้าดังของญี่ปุ่นที่กำลังเป็นเทรนด์ จากนั้นก็แคปรูปส่งกลับเข้าไปในห้องแชท


...ถามเป็นคำอาจจะไม่สู้ให้เห็นเป็นรูป...


‘เพื่อนผมที่นู่นบอกว่าขนมอันนี้อร่อย’


คราวนี้เห็นชัด ว่าเด็กเริ่มหลอกผู้ใหญ่


คู่สนทนาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ในขณะที่ครองภพเองก็ลุ้นกับคำตอบบนหน้าจออย่างกับลุ้นผลประกาศรางวัลที่คาดว่าจะได้ 100 เปอร์เซ็นต์


‘ไม่เอาดีกว่า’


แต่ผลออกมาคือผิดคาด



ครองภพกะพริบตาปริบๆ ชักไม่แน่ใจว่าคนที่คุยกับตนเองในขณะนี้เป็นร่มธรรมตัวจริงเสียงจริงหรือไม่ แต่พอจะหันไปถามผู้จัดการส่วนตัวอย่างวิษณุที่นั่งอยู่ข้างๆ ข้อความจากคู่สนทนาก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอเสียก่อน แล้วตาของเขาก็ดันเห็นพอดี


‘ไว้ไปกินเอง’


เลิกคุยด้วยการส่งข้อความ หนุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนกดโทรศัพท์หาคู่สนทนาในห้องแชทเมื่อครู่นี้ทันที สัญญานดังแค่สองครั้ง ปลายสายก็รับด้วยเสียงหัวเราะสดใส แต่ครองภพไม่มีอารมณ์สดใส


“คุณหมายความว่ายังไงน่ะ”


‘หมายความอะไร’ ร่มธรรมเป็นคนซื่อๆ แต่เวลาดื้อตาใสแกล้งเขาก็ไม่ได้น้อยหน้าเด็กๆสักเท่าไรหรอก


“ก็ที่บอกว่าจะไปกินเอง”


‘ก็ไปกินเองไง ขนมแบบนั้นหิ้วกลับมาจะอร่อยสู้ไปกินที่นู่นเหรอ’


“คุณจะไปเมื่อไหร่”


‘อืม...’ ร่มธรรมทำเป็นส่งเสียงเหมือนกำลังตัดสินใจ ในขณะที่คนรอฟังคำตอบชักคันไม้คันมือ ถ้านั่งอยู่ข้างกันตอนนี้ เขาจะกระโจนไปฟัดให้หายมันเขี้ยวเลย คอยดู!


“คุณ ผมถามว่าจะไปเมื่อไหร่” น้ำเสียงชักดุ เพราะคนถามร้อนรน ช่วงนี้ครองภพยุ่งมาก ไม่มีวันหยุดเลยสักวันเดียว ถ้าร่มธรรมเกิดคิดจะไปญี่ปุ่นตอนนี้เพื่อไปกินขนมที่เขาอุตส่าห์นำเสนอส่งรูปไปยั่วน้ำลายโดยที่เขาไปด้วยไม่ได้ คราวนี้คนตบะแตกจะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่เขา!


‘อืม...’


ครองภพอยู่ไม่สุขแล้ว เหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าใกล้ได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วด้วย แต่ปลายสายยังยื้อคำตอบ


“ร่ม...” เขากระซิบเรียกชื่อเสียงเบาในโทรศัพท์ ถึงจะมีเพียงวิษณุที่นั่งข้างเขา แต่กำแพงมีหูประตูมีช่อง ไม่รู้จะมีใครได้ยินหรือไม่ ให้อย่างไรความสัมพันธ์ของเขาและร่มธรรมก็เปิดเผยต่อสาธารณชนไม่ได้


เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากปลายสาย ทั้งๆที่ต่างคนต่างทำงานหนัก ร่มธรรมเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างจากครองภพเลย แต่แค่ได้ยินเสียงกัน ก็เหมือนมีแรงใจแรงกายขึ้นมา


‘ฤดูใบไม้ร่วง’


“หือ?”


‘มีคนชวนไปช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็เลยว่าจะไปช่วงนั้น’


ครองภพรู้สึกเหมือนหูอื้อไปชั่วขณะ หัวใจพองฟูคับอกจนแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ เขาได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ทั้งๆที่อีกมือยังถือโทรศัพท์แนบหู


‘แต่ไม่รู้ว่าคนชวนยังอยากไปด้วยกันรึเปล่านะ’


ร่างกายของนักแสดงหนุ่มคล้ายจะบิดม้วนเป็นเกลียวจนต้องขยับตัวยืดเส้นยืดสาย ริมฝีปากอยู่ดีๆก็ขยับยิ้มกว้างกับโทรศัพท์จนวิษณุที่นั่งข้างๆต้องหันมากระทุ้ง


“ไอ้ครอง! อยู่ดีๆก็ยิ้ม เดี๋ยวคนคิดว่าบ้า!”


แน่นอนว่าเสียงของวิษณุดังแทรกเข้าไปในโทรศัพท์ เสียงหัวเราะจากปลายสายก็เลยดังขึ้นมาอีก


‘ยิ้มอยู่เหรอ ยิ้มอะไรน่ะ’ คำถามฟังดูก็รู้ว่าแซว จนคนถูกแซวต้องกระแอมไอเพื่อตั้งสติให้ตัวเอง


“แค่นี้ก่อน จะบอร์ดดิ้งแล้ว”



ฟังดูก็รู้ว่าเปลี่ยนเรื่อง ปลายสายก็รู้ว่าเปลี่ยนเรื่อง จึงหัวเราะร่วนกลับมา ไม่ตอแยต่อ


‘ครับ เดินทางปลอดภัย’


“ขอบคุณครับ เอ่อ...ร่ม...” ก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสาย ครองภพเป็นฝ่ายเรียกเอาไว้


ปลายสายเงียบรอฟัง


“...ผมออกค่าเครื่องบินให้นะ”


หลังประโยคนั้น ร่มธรรมเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ


‘ออกค่าเครื่องบินเพราะไม่อยากให้ชิ่งล่ะสิ’


ครองภพไม่แย้ง เรื่องอะไรจะบอกว่านั่นก็แค่เหตุผลแรก ส่วนเหตุผลที่สองน่ะ...เพราะเขาจะซื้อตั๋วเครื่องบินแค่สองใบ สำหรับเขาและร่มธรรมเท่านั้นต่างหาก


‘เอาเถอะ ให้ออกค่าตั๋วก็ได้ เดี๋ยวพี่ออกค่าที่พักเอง’


“ครับ” ตอบรับสั้นๆ แต่จะมีใครรู้นอกจากวิษณุที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่าคนรับคำกำลังยิ้มอยู่


‘งั้นไปทำงานหาค่าที่พักก่อนแล้วกันนะ’


“ครับ ผม...ก็จะไปทำงานหาค่าเครื่องบินเหมือนกัน แล้วเจอกัน”


หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที ทางสายการบินก็ประกาศบอร์ดดิ้ง แน่นอนว่า ‘เจ้าพ่อนักรายงาน’ ยังคงส่งข้อความเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอเหมือนครั้งแรกๆที่พวกเขาคุยกัน


‘บอร์ดดิ้งแล้ว’


‘ถึงฮาเนดะแล้วนะครับ’


‘ทำงานหาค่าเครื่องบินแล้วครับ’


ร่มธรรมอ่านข้อความจากคนที่ไปทำงานไกลถึงญี่ปุ่นแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง แม้หน้าตาจะอิดโรยเพราะพักผ่อนน้อย แต่ในดวงตากลับมีประกายของความสุข


...ทางนั้นมุ่งมั่นทำงานหาค่าเครื่องบินแล้ว ทางนี้ก็จะมุ่งมั่นทำงานหาค่าที่พักเหมือนกัน



แล้ว...ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ เราไปดูใบไม้เปลี่ยนสีด้วยกันนะ ครอง...


………………..


ชีวิตส่วนตัวของร่มธรรมและครองภพถือว่ามีความสุขตามอัตภาพของคนวัยทำงาน  ความรักเป็นยาชั้นดีในยามที่เหนื่อยล้าและมีเวลาพักผ่อนน้อยนิด แม้จะไม่ได้เจอกันทุกวัน เจอกันแต่ละครั้งแทบจะไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างที่ควร แต่ความสัมพันธ์ก็นับว่าราบรื่น


ในขณะที่ชีวิตการทำงานก็นับว่าประสบความสำเร็จ ซีรี่ส์ที่นำแสดงโดยครองภพและร่มธรรม ยิ่งฉายก็ยิ่งกวาดเรตติ้ง สิ่งที่แลกมากับการมีชื่อเสียงคือเรื่องเล่าลือซุบซิบ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของร่มธรรมและครองภพที่ชักจะหนาหูขึ้นทุกที


แต่เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่สังกัดเดียวกัน อีกทั้งภายหลังถ่ายซีรี่ส์เรื่องนี้จบแล้ว ต่างคนต่างก็มีงานของตนเอง การที่พวกเขาจะกลับมารับงานคู่กัน หากไม่ใช่การถ่ายรายการเพื่อใช้โปรโมทซีรี่ส์เรื่องนี้ ก็เป็นไปได้ยากที่จะตะครุบตัวนักแสดงหนุ่มทั้งสองคนมาสัมภาษณ์คู่ ข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์จึงคล้ายลมเพลมพัด เดี๋ยวก็มาเดี๋ยวก็ไป ตามแต่โอกาส


อย่างไรก็ตาม...วันหนึ่งโอกาสให้ทั้งคู่ได้ตอบคำถามเรื่องความสัมพันธ์ก็มาถึง


แพลตฟอร์มที่ฉายซีรี่ส์เรื่องนั้นมีงานฉลองครบรอบปีพอดี จึงกลายเป็นเวทีที่สื่อทุกสำนักจับตา


ทีมนักแสดงจากซีรี่ส์ต่างๆเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง และสองคนในนักแสดงจำนวนมากที่ถูกสปอร์ตไลท์ส่องมากที่สุดในงานนี้ย่อมหนีไม่พ้น ครองภพและร่มธรรม


ด้วยสถานะ ‘นักแสดงนำคู่’ ในซีรี่ส์ที่กำลังออนแอร์ ย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ที่พวกเขาจะให้สัมภาษณ์ร่วมกัน


“วันนี้เป็นการออกงานคู่กันครั้งแรก รู้สึกยังไงบ้างคะ”


ไมโครโฟนจำนวนมากรายล้อมนักแสดงหนุ่มรูปหล่อสองคน


ร่มธรรมดูจะตื่นเล็กน้อย แม้จะเคยผ่านสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วเมื่อครั้งที่อยู่ในวงการบันเทิงเมื่อหลายปีก่อน และนับตั้งแต่กลับมามีชื่อเสียง จะเคยออกงานมาแล้วหลายครั้ง แต่คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ออกงานคู่ครองภพอย่างจริงจัง


ในขณะที่หนุ่มรุ่นน้องนิ่งสงบ มีรอยยิ้มที่มุมปากอย่างทุกทีที่ออกกล้อง แต่พอเหลือบมองคนข้างกายแล้วเห็นเหงื่อซึมข้างขมับ ครองภพก็เริ่มรู้สึกว่างานนี้เขาต้องเป็น ‘ผู้ใหญ่’



จะให้สัมภาษณ์แบบ ‘หล่อพิกุลจะร่วง’ อย่างที่เคยถูกแซวมาตลอดไม่ได้แล้ว ในเมื่อวันนี้มีคนยืนเคียงข้าง เราต้องช่วยกันประคับประคอง


“นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปิดกล้อง ที่เราทุกคนในกองได้เจอกันครบแบบนี้ ก็...ดีใจมากครับ เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าๆ แล้วงานนี้ก็ใหญ่มาก เป็นโอกาสที่ดีที่เราได้เจอทั้งศิลปินและนักแสดงระดับอาจารย์”


นักข่าวมองคนพูดตาปริบๆ ไม่มีใครคาดคิดว่านักแสดงหนุ่มฉายา ‘หล่อพิกุลจะร่วง’ จะตอบยาว


ครองภพยังคงมีรอยยิ้มสำหรับพบสื่อเช่นเดิม แต่การที่เขาตอบยาวๆแล้วดึงความสนใจของนักข่าวมาที่ตัวเองช่วงหนึ่ง ทำให้ร่มธรรมเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลง เหลือบมองคนที่ยืนข้างกายแล้วก็รู้สึกว่าครองภพเป็นแหล่งพลังงานแห่งความมั่นใจของเขา


“ทั้งสองคนจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกมั้ยครับ”


“ถ้ามีโอกาสนะครับ” ครองภพตอบ คราวนี้ร่มธรรมเริ่มผ่อนความตื่นเต้นลงแล้ว จึงช่วยเสริม


“ใช่ครับ ถ้ามีโอกาส และผู้ใหญ่เห็นถึงความเหมาะสม ก็...พร้อมร่วมงานกันอีกครับ” พอเริ่มมั่นใจ ร่มธรรมก็ตอบได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ครองภพเห็นนักแสดงรุ่นพี่ไม่เครียดขมึงตื่นเต้นจนเหงื่อออกแล้ว ก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย


รอยยิ้มที่ประดับบนมุมปาก กดลึกลงอีก นัยน์ตาแวววาวเป็นประกายอย่างมีความสุข แล้วพูดต่อ


“แต่ถ้าถามว่าอยากมั้ย...อยากนะครับ เราทำงานร่วมกันได้ดี” ตอนเขาพูดคำว่า ‘เรา’ ครองภพไม่ลืมชี้นิ้วใส่ตนเองและร่มธรรมด้วย


นักข่าวกะพริบตาปริบๆอีกครั้ง เพราะ ‘หล่อพิกุลจะร่วง’ ตอบโดยไม่ต้องมีคำถาม


“ถ...ถ้าอย่างนั้น ที่มีคนบอกว่าทั้งสองคนไม่สนิทกันก็ไม่ใช่เรื่องจริงสิคะ”


ฝ่ายคนอายุน้อยกว่าเลิกคิ้ว หัวเราะในคอเบาๆ ก่อนจะตอบ


“ผมนึกว่าจะมีคนบอกว่าเราสนิทกันมากซะอีก”


ร่มธรรมยืนอยู่ใกล้มากพอที่จะได้ยินเสียงหัวเราะนั่น นึกอยากจะบิดเอวคนพูดให้เขียว โทษฐานจุดประเด็น แต่นักข่าวกลับถามไวกว่า


“งั้นเรื่องขึ้นคอนโดก็เป็นเรื่องจริงสิคะ”


“มีรูปด้วยนะครับ เท่าที่ผมเห็น” ครองภพนั้นสมเป็นครองภพ ชัดเจนกว่าการตอบใช่ คือการชี้เป้าว่ามีหลักฐาน เขาขึ้นคอนโดของร่มธรรมจริง เพราะวันนั้นร่มธรรมบาดเจ็บจากการช่วยชีวิตเขา ส่วนวันอื่นๆหลังจากนั้น...ก็ขึ้นจริง ขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่เรื่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพูดออกไป


“แล้วเรื่องที่มีคนเห็นคุณครองไปร้านกาแฟของคุณร่มบ่อยๆละครับ”


“แน่นอนครับ ร้านนั้นเป็นร้านประจำ”


นักข่าวกะพริบตาปริบๆ นอกจากชื่อเสียงเรื่องหล่อพิกุลจะร่วงแล้ว ครองภพยังไม่ใช่คนออกตัวเรื่องอาหารว่าอะไรอร่อยหรือไม่อร่อย หรือยกให้ร้านไหนเป็นร้านประจำ


เคยมีคนในวงการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับครองภพว่าเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทกับงาน ถ้าอะไรอยู่ในมือเขาแล้ว ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ ยกเว้น...ให้ไปออกรายการตะลุยชิมร้านอาหารแล้วให้เขาบอกว่าอะไรอร่อยหรือไม่อร่อย


กระทั่งผู้จัดอย่างรามิลที่อุ้มชูกันมา ยังเคยให้ข่าวว่าครองภพเป็นคนกินเก่ง กินได้ทุกอย่าง แต่ถ้าให้บอกว่าอร่อย เขาไม่พูด แต่เขาจะกินมากและกินบ่อยๆ ตรงกันข้าม ถ้าอะไรไม่อร่อย เขาก็ไม่พูด แต่จะไม่กินอีกเลย


ทีมงานกองถ่ายก็เคยออกมาหยอกครองภพว่าเป็นพวกกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แต่อาหารการกินของครองภพมีสองประเภท คือประเภทที่กินได้แล้วไปทำงานต่อ กับ กินไม่ได้ ไม่กินอีก แล้วทำงานต่อ


แต่...คนแบบนั้น...ออกตัวว่ามีร้านกาแฟร้านประจำ


“แสดงว่ากาแฟร้านนั้นอร่อยมากสินะคะ”


“ก็กินได้ครับ”


เจ้าของร้านกาแฟที่ครองภพ ‘กินได้’ หันมองคนตอบ


“สรุปว่าอร่อยใช่มั้ย”


คนถูกถามหันมองเจ้าของร้าน แล้วยักคิ้ว


“ก็กินได้ไง”


“คุณครองช่วยโฆษณาร้านคุณร่มทีค่ะ” นักข่าวคนหนึ่งหยอกขึ้นมา ครองภพหันไปมองกล้อง


“กาแฟกับขนมร้าน ร.รอ กินได้ครับ ไปกินกันเยอะๆ”


“คุณครองมีเมนูแนะนำมั้ยครับ”


“อเมริกาโน่เย็น กับแซนวิชครับ”


“เอ้อ...ผมว่าเรากลับมาคุยเรื่องซีรี่ส์ดีกว่าครับ” ร่มธรรมเสนอ ท่าทางเกรงอกเกรงใจแบ็กดร็อปของงาน และการสัมภาษณ์ที่ควรจะเกี่ยวข้องกับงานในวงการบันเทิงมากกว่าธุรกิจร้านกาแฟของเขา


ครองภพยังยิ้มกว้างแล้วส่ายศีรษะ ก่อนจะหันไปฟ้องนักข่าว


“นี่ล่ะครับ เจ้าของร้านแบบนี้ ขนาดมีแอร์ไทม์ให้โฆษณาร้าน ยังตัดเข้าเรื่องงานเลย”


“พูดยังงี้ ชมใช่มั้ยเนี่ย” ร่มธรรมชักมันเขี้ยว


“ชมไง กาแฟร้านคุณกินได้ เจ้าของร้านก็...นั่นแหละ...” ประโยคหลัง ครองภพจงใจหันมองคนเป็นเจ้าของร้านแล้วเว้นคำเอาไว้ ท่าทางยั่วยุด้วยการยักคิ้วหลิ่วตาแถมด้วยการพูดแบบไม่จบประโยค ยิ่งทำให้ร่มธรรมมันเขี้ยวอยากจะทุบสักที แต่เพราะอยู่ต่อหน้ากล้องนับสิบนับร้อย เลยทำได้แค่เคี้ยวฟัน แล้วหันไปส่ายหน้ากับนักข่าว


“ตรงนี้ตัดออกนะครับ ไม่ต้องออนแอร์หรอก”


การให้สัมภาษณ์สื่อของพวกเขา ครื้นเครงเป็นกันเองและผ่านพ้นไปด้วยดี


แต่ถึงอย่างนั้น...ก็ทำให้ใครบางคนหน้าหงิก กดปิดโทรทัศน์อย่างไม่สมอารมณ์
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 16-04-2020 21:24:12

รุ่งโรจน์หันมามองน้องชายคนเล็กที่กว่าจะฉกตัวมานั่งให้สอบสวนได้ ต้องใช้ความพยายามถึงขั้นรอวันที่รินฤดีเข้าไปดูแลร้านกาแฟ ร.รอ และมีเพียงบอดี้การ์ดซึ่งเป็นคนของเขาติดตามดูแลร่มธรรม ถึงได้มีโอกาสไปรับมาจากกองถ่ายละคร


   หลังจากกระแสซีรี่ส์ของผู้กำกับฉายโด่งดัง นักแสดงนำคู่โด่งดัง ร่มธรรมก็มีงานละครที่ฉายทางช่องหลักเข้ามาทันที แล้วก็มีซีรี่ส์จ่อรอเปิดกล้องอีกเรื่องหนึ่ง ยังไม่รวมการไปออกรายการต่างๆ และพรีเซ็นเตอร์ที่เข้ามาในมือ รวมถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับความสนิทสนมของครองภพและร่มธรรมก็ยังไม่จืดจาง


   “แกอายุเท่าไร ไอ้ร่ม” ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ คิดไม่ถึงว่าจะถูกพี่ชายลากตัวออกจากกองทันทีที่เลิกเพื่อมาถามเรื่องอายุ


   “จะยี่สิบเก้าแล้ว”


   “แล้วไอ้หนุ่มนั่นน่ะ ไอ้ครองภพน่ะ เพิ่งจะยี่สิบสองยี่สิบสาม แกคิดบ้างมั้ยว่าพอแกอายุมากขึ้น ไอ้หมอนั่นยิ่งเป็นหนุ่ม”   


ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ เอียงคอมองคนเป็นพี่อย่างงุนงง


   “ไม่ต้องมาทำไม่รู้เรื่อง! พี่รู้หมดแล้วว่าแกกับไอ้ครองภพเป็นอะไรกัน!” รุ่งโรจน์โวยหลังจากอมพะนำเรื่องนี้มานานนม


แต่ยิ่งเก็บก็ยิ่งอึดอัด ยิ่งเห็นร่มธรรมกับครองภพสนิทสนมกันเป็นอันดีก็ยิ่งกังวลใจ แล้วฝั่งครอบครัวของครองภพก็ไม่ได้หืออืออะไรกับการที่ลูกชายจะคบหาผู้ชายด้วยกันที่อายุมากกว่าตั้ง 6 ปีเลยสักนิด! ฝั่งต้นสังกัดยิ่งแล้วใหญ่ เงียบกริบเล่นกับกระแส ฝั่งครอบครัวของเขาโดยเฉพาะรินฤดียิ่งไม่ต้องพูดถึง เชิดชูครองภพว่าดวงคู่สร้างคู่สมกับร่มธรรมยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก!


หนุนหลังกันเข้าไป!


“พี่โรจน์...รู้ตั้งแต่เมื่อไร”


ปากอยากบอกว่านานแล้ว แต่ขืนพูดแบบนั้นก็จะกลายเป็นว่าก่อนหน้าไม่เห็นมีปัญหา พอเห็นคบกันได้นานแล้วเคืองสายตาน่ะสิ



“หรือว่า...ดูพวกผมให้สัมภาษณ์แล้วรู้?” ร่มธรรมชักเป็นกังวล เห็นทีคงจะรับงานคู่กันไม่ได้อีก หากไม่อยากมีข่าวลือ



รุ่งโรจน์พ่นลมหายใจแรง ไม่อยากตอบ เพราะสำหรับตัวเขา คลิปสัมภาษณ์นี่ไม่เห็นจะมีอะไรเลย แต่ตำรวจสาวๆพากันมากรี้ดกร้าดใส่หูเขาแล้วถามว่าน้องชายของเขากับครองภพคบกันจริงรึเปล่า



...ดูแค่สัมภาษณ์ มองไกลไปถึงเรื่องคบกันได้ยังไงวะ?!...



นายตำรวจผู้หูตามีแววกับเรื่องงานแต่ไร้แววเรื่องการดูคนรักกันชักปวดหัวจนไม่อยากใส่ใจ แถมเขายังมีเรื่องอื่นที่ควรใส่ใจมากกว่า



คนเป็นพี่ทรุดตัวลงนั่งข้างน้องชายคนเล็ก พูดคุยจริงจัง


“ไอ้ร่ม ถามจริงๆ แกไม่กังวลเรื่องแกกับ...กับครองภพบ้างเหรอ”



 ร่มธรรมเม้มปาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่กังวล ต่อให้บอกว่าจะเลือกรักษาปัจจุบัน แต่ยังไงก็อดคิดถึงอนาคตไม่ได้


“กังวลสิพี่...ถึงผมจะรู้ว่าพวกเราพยายามจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโลกของอีกคน แต่อายุของเราก็ห่างกันตั้ง 6 ปี ยังไงก็มีช่องว่าง...” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่จู่ๆ คนพูดก็กลับยิ้มจาง


ใข่ ถึงจะพยายามแค่ไหน เราก็ยังมีช่องว่างระหว่างเรา


แต่...มันจำเป็นต้องถมจนเต็มหรือ


ความสัมพันธ์ระหว่างคน ไม่มีใครเลยที่ทับกันแนบแน่น ไม่ขาดก็เกิน ถ้ามันเหลื่อมบ้าง ไม่พอดีบ้าง จะเป็นอะไรไป


สิ่งสำคัญคือเรารู้สึกต่อกันเช่นไร เรียนรู้และยอมรับกันมากน้อยแค่ไหน รักษาความรู้สึกของกันและกันเพียงพอหรือไม่


“ไม่กี่วันก่อน ผมทำความสะอาดห้องเขาแล้วเจอกันดั้มกล่องใหญ่มากยังไม่ได้ต่อ ถามตอนแรก งึมงำบอกฝากเพื่อนซื้อมาไม่แพง พอบอกว่าถ้าไม่ต่อก็เอาไปแจกคนอื่น เลยหลุดปากว่านี่ลิมิเต็ด หาไม่ได้แล้ว”


“ไปกองถ่าย เจ็บตัวกลับมาก็ไม่ค่อยบอก ถ้าผมไม่เห็นเองก็ชอบเอายาเข้าไปแอบทาในห้องน้ำ บางทีทำความสะอาดไม่ดี แผลไม่หายสักที คุณณุต้องมาแอบบอกผมให้ช่วยดู”


“แล้วก็กินข้าวเก่ง บางทีเลิกกองดึกๆ แทนที่จะไปกินต่อกับคนอื่น ก็หิ้วท้องกลับมากินที่บ้าน ชวนผมกินตลอดเลย แล้วเราก็...อาหารไม่ค่อยย่อย กรดไหลย้อนอีก ตอนแรกไม่กล้าบอก ตอนหลังเหมือนครองสังเกต ผมเลยต้องยอมบอก นึกว่าเขาจะหัวเราะ ก็...มันดูแก่จะตาย กินดึก อาหารไม่ย่อยแถมกรดไหลย้อนนอนไม่ได้ แต่ครองทำหน้าจริงจัง ดุผมด้วยว่าทำไมไม่บอกแต่แรกว่าเป็นหนัก บังคับให้ผมไปหาหมอ วุ่นวายไปอีก แต่หลังจากนั้น เวลาครองกินดึกๆ ก็ไม่ชวนผมอีกนะ บางทีไปแอบกินในครัวมั่ง บอกว่าไม่อยากให้ผมเห็นแล้วหิว ใครมันจะเห็นคนอื่นกินแล้วหิวได้ตลอดล่ะ”


พูดไปแล้วก็กลายเป็นหัวเราะ ความรักทำให้คนสดใส เรื่องนี้รุ่งโรจน์ยืนยันได้เลย ดูจากน้องชายของเขาก็ได้ ก่อนหน้านี้ร่มธรรมก็เป็นคนสดใส เพียงแต่ไม่ได้มีเรื่องให้คุยแล้วหัวเราะร่าเริงแบบนี้เท่ากับเวลานี้


ติดก็แต่...เจ้าของความรักร่วมกับร่มธรรมดันเป็นหนุ่มอายุน้อยกว่า แถมเป็นดาราอีกต่างหาก


สีหน้าเป็นกังวลของคนเป็นพี่ ร่มธรรมเองก็ดูออก เสียงหัวเราะจึงแผ่วลง


   “ส่วนเรื่องงาน...ผมกับครองคุยกันแล้วว่าเราจะให้ข่าวว่าเป็นเพื่อนร่วมวงการที่สนิทกัน เรื่องที่ผมช่วยครองเอาไว้ตอนอุปกรณ์ไฟหล่นใส่ เลยกลายเป็นเหตุผลที่ดีไปเลยที่ครองจะบอกใครต่อใครว่าผมมีบุญคุณต่อเขา มันก็ลดกระแสของพวกเราไปได้หน่อย อีกอย่าง...ผมคิดว่า...ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมพอจะมีคนที่ยอมช่วยเหลือให้เรื่องเงียบได้”


คำว่า ‘มีอะไรเกิดขึ้น’ ย่อมหมายถึงความสัมพันธ์ของเขาและครองภพถูกเปิดเผย


อันที่จริงก็คิดว่ามีหลายคนที่คุ้นเคยกับพวกเขาเริ่มระแคะระคาย คนในวงการก็มีอยู่เท่านี้ อยู่ในกองนั้นก็พบเจอคนรู้จัก ไปถ่ายรายการนี้ก็พบคนที่เคยเห็นหน้า แม้ว่าเขาและครองภพจะระวังตัว แต่ความรู้สึกที่มีให้กันก็ไม่ใช่เรื่องจะเก็บซ่อนได้หมด


   วงการบันเทิงอยู่ท่ามกลางแสงสปอตไลท์ก็จริง แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่อยู่นอกแสง การจะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาได้ ย่อมหมายความว่าต้องมีคนพยายาม แต่หากมีคนพยายามจะทำให้เรื่องของเขาและครองภพเป็นประเด็น ร่มธรรมก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นไก่รองบ่อน


   “ครอบครัวของเบญญาน่ะเหรอ” รุ่งโรจน์ถาม


   ร่มธรรมพยักหน้า ทั้งผู้กำกับอนันต์ผู้เป็นพ่อของเบญญา และรามิล พี่ชายต่างมารดาของเบญญา ล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา เพราะร่มธรรมออกตัวแต่แรกว่าจะให้เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น ไม่มีนอกมีใน ตอนแรกผู้กำกับอนันต์ไม่วางใจ แต่ร่มธรรมทำตามที่พูด นอกจากจะปล่อยทุกอย่างไปตามหนทางของมันแล้ว ยามให้ข่าว เขาไม่เคยปาเรื่องร้ายใส่ใคร


   ‘ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นแบบนี้ครับ ทั้งผมทั้งครอบครัวของน้องเขา’


   ‘ผมคิดว่าเราต้องแยกทุกอย่างออกจากกัน ครอบครัวของเขาก็ส่วนหนึ่ง ตัวน้องเขาเองก็ส่วนหนึ่ง อะไรที่มันเป็นความผิดก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนคนที่ไม่เกี่ยว ก็คือไม่เกี่ยวครับ’


   กลายเป็นว่าแม้เนื้อหาข่าวจะชวนให้จุดประเด็นเล่นเป็นข่าวใหญ่โตได้ แต่เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ให้ข่าวสาดเสียเทเสีย ก็ย่อมไม่เป็นที่น่าสนใจ ข่าวนี้จึงเงียบหายไปในที่สุด


   ผู้กำกับอนันต์เอ็นดูร่มธรรมอยู่มาก รามิลเองก็นับถือน้ำใจ เมื่อหนึ่งในครอบครัวผู้ทรงอิทธิพลของวงการบันเทิงรักใคร่ ชีวิตในวงการย่อมราบรื่น


   “แกคิดว่า...พวกเขารู้เรื่องแกกับครองภพมั้ย”


   “ผมคิดว่าพี่มิลน่าจะสงสัย แต่เวลาเจอกันก็ไม่เห็นเขาพูดอะไร แต่ก็ดีแล้วที่เขาไม่พูด”


   รุ่งโรจน์มองน้องชายแล้วก็พลันถอนหายใจ


   ร่มธรรมเป็นคนดี รักและห่วงใย จริงใจต่อคนรอบข้าง แต่ยามมีความสุข มีความรัก กลับไม่อาจบอกกล่าวให้สังคมรับรู้ได้เลย อีกทั้งยังต้องคอยหลบซ่อน


   “เฮ้อ ไอ้ร่มเอ๊ย ดวงอะไรของแกวะ...” รุ่งโรจน์บ่นหน้าตายุ่งยาก



คนเป็นพี่ย่อมอยากเห็นน้องมีความสุขที่สุด แต่ความรักของร่มธรรมกลับมีอุปสรรคหลายเรื่อง เห็นเจ้าตัวพยายามฟันฝ่าแล้วพี่อย่างเขาจะพูดอะไรได้อีก สุดท้ายเลยได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจ   


   “มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”


   ร่มธรรมยิ้ม แล้วส่ายศีรษะไปมา


   “ผมจะมีอะไรให้พี่ช่วยอีกล่ะ แค่นี้ก็ช่วยมากแล้วครับ ขอบคุณมากๆที่...ยอมรับเรื่องของผมกับครอง”


   “แกเป็นน้องนี่หว่า แล้ว...แล้วมันก็บอก ว่าจะดูแลแกไปจนแก่ ไม่ยอมรับคนแบบนี้แล้วจะยอมรับใคร” นายตำรวจหนุ่มว่าอย่างนั้น ทำเอาคนเป็นน้องกะพริบตาปริบๆ


“ดูแลจนแก่?”


“อือ ครองภพบอก”


“บอก? บอกพี่โรจน์เหรอ? บอกตอนไหน?”


“เออหน่า บอกตอนไหนไม่สำคัญ มันบอกแล้วกัน”


 ร่มธรรมพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าพี่ชายของเขาและครองภพไปคุยกันมาตอนไหน ถึงได้พูดเรื่องนี้


“จริงๆก็ไม่อยากจะเชื่อมันหรอกนะ อายุเท่านั้น สามปีห้าปีมันก็อาจจะเปลี่ยน แต่...ปัจจุบันมันยังอยากดูแลแก ที่เหลือก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันวะ” รุ่งโรจน์พูด แล้วขยี้หัวตัวเอง นึกหงุดหงิดที่ใจอ่อนยอมให้น้องชายมีความรักประเภทรักต้องห้ามบอกใครไม่ได้แบบนี้ แต่...ในเมื่อร่มธรรมมีความสุข เขาก็ไม่รู้จะขัดขวางไปทำไม


คนเป็นน้องมองพี่ชายคนกลางแล้วยิ้มจาง หัวใจเต็มไปด้วยคำว่าขอบคุณ รุ่งโรจน์เห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้ว่าต่อให้เขาจะไม่อยากให้ร่มธรรมมีความรักที่ต้องซุกต้องซ่อนแบบนี้ แต่ในฐานะคนเป็นพี่ก็ทำได้แค่เป็นกำลังผลักดันเท่านั้น


แล้วพอตัดสินใจว่าจะต้องเป็นแรงหนุน เลือดของความเป็นพี่ก็เริ่มฮึกเหิม มองหน้าน้องชายอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะขยับเข้าใกล้แล้วพูดเสียงเบา


   “ว่าแต่...แกกับครองภพย้ายมาอยู่ด้วยกันรึยัง”


   “ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวกลายเป็นข่าวจะเรื่องใหญ่”


   “แล้ว...เคยค้างด้วยกันมั้ย”


   “เคยสิครับ” น้องชายตอบรับง่ายๆ เรื่องนี้ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต สำหรับสถานะ ‘เพื่อนสนิทที่ผ่านประสบการณ์ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน’



แต่...คนพี่กลับทำหน้าตายุ่งยากกว่าเดิมอีกเท่าตัว


รุ่งโรจน์อายุสามสิบแล้ว ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่มองความรักว่าเป็นเพียงความรู้สึกอย่างเดียว แต่ความรัก...ต้องประกอบด้วย ‘การกระทำ’


   “ก...ก็ไม่อยากจะ...จะยุ่งเรื่องส่วนตัวหรอกนะ...แก...แกพูดเรื่องอายุ เรื่องอาชีพ แล้ว...แล้วเรื่องที่แกกับมัน...เป็นผู้ชายทั้งคู่ล่ะ”


เพราะถือว่าอยู่ในที่รโหฐาน รุ่งโรจน์ถึงกล้าพูดเรื่องนี้กับน้องชายที่กลายเป็นพระเอกหนุ่มยอดนิยมในขณะนี้


   ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะรีบสั่นหน้า


   “เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาเลย น่าจะเพราะเราเป็นผู้ชายก็เลยคุยกันง่าย ผู้ชายมักจะคิดอะไรง่ายๆ ไม่ค่อยซับซ้อนใช่มั้ยล่ะ อย่างครองไปแข่งรถ ไปเล่นเซิร์ฟ เล่นสเก็ตบอร์ด เล่นอะไรแรงๆ ผมก็ไม่ห้ามนะ ได้แต่บอกให้เขาเซฟตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ บางทีได้แผลกลับมาก็แอบๆผม” เจ้าตัวเล่าแล้วหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดูคนที่ตนพูดถึง


แต่...ดูเหมือนสิ่งที่คนเป็นน้องเข้าใจจะเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่คนเป็นพี่พูด


   รุ่งโรจน์เม้มปากแล้วเม้มปากอีก เกาหน้าผากเกาคอ ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี แล้วก็กลายเป็นโทษตนเองและครอบครัวที่เลี้ยงร่มธรรมมาได้อย่าง...ใสซื่อ...


   “เอ้อ...พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น...”


   “หืม? แล้วหมายความแบบไหน”


   “ก...ก็ผู้ชายด้วยกัน คือ...คือแกเข้าใจใช่มั้ยร่ม แบบคนรักกันมันก็ต้อง...ต้องมีความสัมพันธ์อย่างอื่นนอกจากกินข้าว ดูหนัง...คือ...เอ่อ...”


ร่มธรรมไม่ใช่เด็กน้อย แม้จะใสซื่อไปบ้างแต่พอรุ่งโรจน์พูดถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือเขาจะแปลไม่ออก


   แล้วพอเข้าใจความหมายที่คนพี่ต้องการจะสื่อ ใบหน้าของนักแสดงหนุ่มรูปหล่อก็ถึงกับขึ้นสีโดยไม่ต้องมีสคริปต์


   พอเห็นใบหน้าแดงก่ำแถมหลุบตามองต่ำอย่างตื่นๆ มือไม้รุงรังถูหน้าขาไปมาเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร รุ่งโรจน์ก็ถอนหายใจ ออกปากถามตามตรง


   “ถึงขั้นนั้นรึยังวะ”


   ตั้งแต่คราวก่อนที่ครองภพเคยล้วงเข้ามาในเสื้อเขา แล้วเป็นฝ่ายเขาที่ห้าม ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็หยุดอยู่กับที่ ไหนจะเรื่องที่ต่างคนต่างมีงานรุมล้อมจนแทบไม่ได้หายใจ แค่เจอหน้ากัน กินข้าวด้วยกัน ก็หมดเวลาแล้ว พลอยให้ไม่ทันคิดไปถึงเรื่องนั้นด้วยซ้ำ


   ร่มธรรมสั่นหน้า แต่ไม่กล้าพูดเป็นคำ


   “พี่ก็ไม่รู้ว่า...เอ่อ...ผู้ชายคบกันเป็นยังไง แต่...ผู้ชายน่ะ...ผู้ชายอย่างเราๆ มันมี...มันมีความคิดบางอย่าง มันมีศักดิ์ศรีบางอย่างที่...ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ทีนี้พอถึงเวลาแบบนั้น ผู้ชายด้วยกัน...ใครจะเป็นฝ่ายยอมลดอัตตาของตัวเองลง เอ่อ...แกเข้าใจที่พี่จะพูดใช่มั้ย คือ...คือพี่ไม่ได้มีปัญหา มันเป็นการตัดสินใจของแก เอ่อ...แต่ก็อยากให้คิดเอาไว้”


   “...แกอาจจะคิดว่าชีวิตทุกวันนี้มันก็มีความสุขดีแล้ว แต่...ความสัมพันธ์น่ะ ยังไงมันก็ต้องไปข้างหน้า แกก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ส่วน...ครองภพ ถึงจะเด็กกว่า แต่มันก็โตแล้วนั่นแหละ จะเร็วจะช้า มันก็คงไม่คิดจะหยุดอยู่แค่นี้หรอก”


   “ที่เตือน ไม่ใช่สนับสนุนหรือขัดขวางหรอกนะ แต่แค่ไม่อยากให้มาตกม้าตายเพราะเอ้อระเหย แกน่ะมันพวกอยู่สบายก็ไม่ทุกข์ร้อนซะด้วย”


คำพูดของรุ่งโรจน์นั้นจริงจัง ถึงจะยังเหม็นหน้าครองภพอยู่สักหน่อยที่ตีเนียนเข้ามาให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนทั้งๆที่คิดเป็นอื่นกับน้องชายของเขา แต่เอาเข้าจริงๆ เขาก็ยอมรับได้หากคนรักของน้องชายจะเป็นผู้ชาย ขอแค่รักและดูแลร่มธรรมได้ เขาก็พอใจ แต่ในขณะเดียวกัน ในเมื่อคนรักของร่มธรรมเป็นผู้ชาย เขาก็ต้องเตือนให้น้องตระหนักถึง ‘อัตตา’ ของคนที่เป็นเพศชาย


   ครองภพหรือร่มธรรม ที่จะยอมลด ‘อัตตา’ ของตนเองลง


   เพื่อให้ความสัมพันธ์ขยับไปข้างหน้ามากกว่าปัจจุบัน


   รุ่งโรจน์ย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้สนับสนุนหรือขัดขวาง แต่แค่ไม่อยากให้เลิกกันเพราะน้องชายตนเองใจเย็นเป็นน้ำ ไอ้หนุ่มนั่นเลยตีจาก เพราะความสัมพันธ์ไม่พัฒนา


   …นี่ไม่ได้สนับสนุนเลยจริงๆ!...


………………….


   การพูดคุยกับพี่ชายคนรอง ไม่ใช่แค่เรื่องที่จะผ่านเลยไป


ร่มธรรมไม่ใช่เด็กน้อยที่จะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ฉันคนรักย่อมต้องรวมไปถึงการกระทำลึกซึ้ง แต่การคบหาของพวกเขาไม่เคยเกินเลยไปมากกว่ากอดจูบ ส่วนหนึ่งเพราะช่วงที่ผ่านมาต่างคนต่างยุ่งกับงานทั้งคู่ อีกส่วนก็เพราะครองภพเองก็เว้นระยะห่างให้กับเขา ร่มธรรมพอจะดูออกว่าเป็นเพราะครั้งก่อนที่เขาเคยปฏิเสธ


   พอปฏิเสธไปหน ครองภพก็ไม่กล้าเริ่มเป็นครั้งที่สองอีก


   แต่...ถ้าเริ่ม แล้วใครจะเป็นฝ่ายลดอัตตาของตนเองลง


   พอคิดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มผู้เป็นรุ่นพี่ในความสัมพันธ์นี้ก็ถึงกับเม้มปากแน่น เขาเข้าใจความหมายที่รุ่งโรจน์พยายามบอก


   การลดอัตตาของความเป็นชาย


   ใครล่ะ ที่จะยอมลด


   ครองภพที่อายุน้อยกว่า 6 ปี


   หรือ


   ร่มธรรมที่อายุมากกว่า 6 ปี


   คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจอีกเฮือก


   “ถอนหายใจอีกแล้ว เหนื่อยเหรอ?” เสียงของรินฤดีดังขึ้น ทำเอาน้องชายสะดุ้งหันมอง ก่อนจะรีบปฏิเสธ


   “เปล่าครับ”


   “แน่นะ เป็นอะไรต้องบอกนะ” หล่อนพูดแบบนั้นด้วยหน้าตาจริงจัง มองซ้ายมองขวาแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ คราวนี้ดวงตาพราวระยิบ


   “น้องครองฝากไว้ บอกว่าช่วงผมไม่อยู่ฝากดูแลร่มด้วยนะครับ  อะโหวววว! ใจเจ๊มันแบบหนุบหนับๆไปหมด คำก็ร่มสองคำก็ร่ม อายุน้อยกว่าแล้วไง ไม่เรียกพี่ก็ไม่ถือว่าเป็นน้อง!”


เพ้อกว่าใครก็เห็นจะเป็นรินฤดี เพ้อชนิดที่ร่มธรรมทำหน้าไม่ถูก


   “แล้วไง วันนี้น้องครองกลับมาแล้วใช่มั้ย”


   “อ...อ่า...ครับ”


   “ถึงว่า...ได้ยินโทร.จองโต๊ะ” ประโยคหลัง หล่อนพูดแล้วหรี่ตามองน้องชายอย่างรู้ทัน ร่มธรรมยิ่งพูดไม่ออกไปกันใหญ่ นึกไม่ถึงว่าพี่สาวจะได้ยิน ทั้งๆที่เขาคิดว่าตัวเองพูดเบาที่สุดแล้ว


   “พี่คุยกับคุณณุแล้ว...กลับจากสระบุรีวันนี้ พรุ่งนี้ไม่มีงานเช้า ร่มก็ไม่มีงานเช้า มีอีกทีตอนบ่าย ใช้เวลาให้คุ้มค่านะจ๊ะ”


   “ช...ใช้เวลาอะไรกัน...ผ...ผม ผมไปต่อบทดีกว่า” ร่มธรรมตาเหลือก ละล่ำละลั่กถามแต่ไม่รอคำตอบ รีบลุกจากเก้าอี้หมายจะเดินหนี แต่พี่สาวคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน


   “น้องครองไม่เด็กแล้วนะ...” หล่อนกระซิบ ยิ่งทำเอาคนเป็นน้องชะงักกึก


   “พ...พี่รินพูดอะไรน่ะ”


   “อ้าว ก็ไอ้โรจน์บอก”


   “พี่โรจน์บอกอะไร”


   “บอกว่า... ‘ยัง’ ...”



สั้นๆได้ใจความ แต่ทำเอาเลือดลมของร่มธรรมวิ่งพล่าน นึกอยากจะเฉ่งพี่ชายคนรองสักที!


   ...ทีเรื่องคอขาดบาดตาย อมพะนำเอาไว้ตั้งหลายปี ทีเรื่องแบบนี้ ดันเก็บไม่อยู่!...


   รินฤดีเห็นสีหน้าน้องชายคนเล็กขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ว ก็ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปเป็นเหยื่อด้วย แม้ว่าการที่รุ่งโรจน์ยอมเล่า จะเป็นเพราะหล่อนเค้นคอถามมาเองก็ตามที


   ...ก็ถ้าไม่เค้นคอถาม จะรู้หรือว่าความสัมพันธ์ของร่มธรรมและครองภพในเวลานี้...อยู่ในระดับที่...อืดอาด...


   ในฐานะพี่สาวผู้สนับสนุนผลักดันน้องๆมาโดยตลอด เรื่องนี้มีเดิมพันที่คนรักของน้องเป็นพระเอกหนุ่มรูปหล่อที่แม้จะเอาไปเล่าต่อไม่ได้ แต่เก็บไว้เป็นความภาคภูมิใจได้ตลอดชีวิต รินฤดีเลยต้องยื่นมือเข้ามาช่วย


   แต่...ก็ดูเหมือนร่มธรรมจะยังยักแย่ยักยัน ไม่รู้ลังเลอะไรนักหนา คนรักแสนดีล้านคะแนนเต็มแบบครองภพ คิดว่าหาได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ อายุตัวเองก็จะสามสิบแล้ว บ้างานอีกต่างหาก วันๆไม่ถ่ายละคร ออกกอง เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ซุกตัวอยู่ที่โต๊ะทำงานดูแลกิจการที่ทำต่อจากบิดาและร้านกาแฟ แล้วคนแบบนี้ถ้ายังทำครองภพหลุดมือ จะเอาเวลาที่ไหนไปหาให้ได้ดีๆแบบนี้อีกล่ะ!


   รินฤดีก็เลยต้องสถาปนาตัวเองเป็นคนสร้างโอกาสให้น้องชาย จัดแจงติดต่อกับผู้จัดการส่วนตัวของครองภพจนรู้ตารางงานคร่าวๆ แล้วก็ผลักดันน้องชายให้ลงมือคว้าคนรักแสนเพียบพร้อมแถมยังเด็กกรุบกริบแบบครองภพมาไว้ในมือให้จงได้!


   “อย่าไปโกรธโรจน์เลย เราพี่น้องกัน น้องมีปัญหา พี่ๆก็อยากช่วยเป็นธรรมดา”


   “แต่ผมไม่ได้...” ร่มธรรมพูดไม่ออกว่าเขาไม่ได้มีปัญหา เพราะรู้ดีว่าแท้จริงแล้วมีปัญหาจริง แต่มันไม่ได้กลัดเป็นหนองให้เจ็บปวดเท่านั้นเอง



ปัญหาของเขาและครองภพเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างซุกไว้ในลิ้นชัก ครองภพไม่หยิบขึ้นมาเป็นประเด็นอาจจะเพราะครั้งหนึ่งเคยถูกเขาปฏิเสธ เขาเองก็ไม่กล้าหยิบขึ้นมาเช่นกัน เพราะ...กลัว


   ไม่รู้ว่ากลัวอะไร แต่มันทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจ


   “ร่ม...แบบ ‘คนนี้’ น่ะ หาไม่ได้ง่ายๆแล้วนะ...รักษาเขาเอาไว้”


น้องชายคนเล็กเงยหน้ามองพี่สาวคนโตที่ยืนอยู่เคียงข้าง รินฤดีอาจจะเจ้ากี้เจ้าการ แต่นั่นก็เพราะหล่อนรู้ว่าเขานิสัยเช่นนี้


   “พี่รู้ว่าโดยเฉพาะกับคนนี้ ร่มยิ่งอยากรักษาเขา แต่การรักษา ไม่ใช่การไม่ทำอะไรเลย บางครั้ง...การรักษา ก็ต้องลงมือ”


   แม้ตอนแรก ร่มธรรมไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ แต่เพราะเก็บความอึดอัดหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ อีกทั้งคนตรงหน้าก็เป็นพี่สาวผู้เข้าอกเข้าใจเขาเสมอมา ก็เลยอดใจไม่ไหว ต้องระบายออกมา


   “ผ...ผมกลัว...เอ่อ...”


   “กลัวอะไร”


   ร่มธรมส่ายศีรษะ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร


   “เขารักร่มนะ แล้วพี่ว่า...เขาก็พร้อมสำหรับทุกการเดินไปข้างหน้ากับร่ม ร่มล่ะ...พร้อมที่จะเดินไปข้างหน้ากับเขามั้ย กับคนดีๆ ที่เขารักร่มขนาดนี้น่ะ” คำพูดของรินฤดี ไม่ต่างอะไรกับการกระตุ้นน้องชายก้มลงมองหัวใจแล้วถามตัวเองว่าพร้อมหรือยังกับความรู้สึกในครั้งนี้


   พร้อมหรือยัง กับการก้าวเดินไปข้างหน้ากับคนที่เขารัก

   

พร้อมหรือยัง กับการพัฒนาความสัมพันธ์กับคนที่รักเขา


   พร้อมหรือยัง...



กับ...ผู้ชายคนนั้น



คนที่ชื่อ ‘ครองภพ’ ...



ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)


‘พร้อมค่ะ!!’ ถ้าพี่ร่มไม่พร้อม ก็อยากจะบอกแทนพี่ร่มว่าบัวพร้อม ฮ่าฮ่า

ในขณะที่น้องครองวางแพลนฮันนีมูนสองต่อสอง ช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว พี่ร่มแกก็ยังต้วมเตี้ยมให้ทั้งพี่สาวพี่ชายช่วยกันดันอยู่เลยค่ะ หวังว่าน้องครองจะใจเย็นๆกับพี่ร่มสักหน่อยนะคะ

เรื่องนี้ใกล้จบแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะเขียนตอนพิเศษทันมั้ย ช่วงนี้บัวยุ่งมากๆ ลุ้นทั้งเรื่องงานเรื่องเรียนทุกวันเลยค่ะ แต่ยังไงก็จะพยายามค่ะ

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจเหมือนเคย

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-04-2020 21:50:31
 :laugh:



ต้องเริ่มได้แล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-04-2020 21:55:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 16-04-2020 21:56:56
 :L1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-04-2020 22:52:32
แหม ทั้งผลักทั้งดัน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-04-2020 22:58:23
ก่อนอื่นต้อง หูยยย พี่ริน ใจเหมือนวัยรุ่นเลยอะ อยากให้น้องเสียตัวซะจริงเชียว อิอิอิ

ชอบที่ร่มบอก อยากไปญี่ปุ่นตอนใบไม้ร่วง แล้วนึกถึงตัวเองเคยไปช่วงนี้ เพราะไม่ชอบหิมะ
บรรยากาศนี่ ชอบมากใบเมเปิ้ลสีแดงทั้งต้น มันช่างสวยเสียนี่กระไร อากาศเย็นไม่ถึงกับหนาวมาก ชอบสุดๆ
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 16-04-2020 23:13:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-04-2020 23:21:00
พี่ๆน่ารัก..เอาใจช่วยกันเต็มที่   :hao6:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-04-2020 23:51:07
เราก็พร้อมค่ะ พร้อมเสพความรักที่พัฒนาขึ้นของทั้งคู่ค่ะ  :impress2:

พี่ร่มไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวน้องครองจะพาก้าวผ่านไปเองค่ะ
เด็กแล้วไง!! แต่เป็นผู้ใหญ่กับเรื่องนี้นะเออ  :hao6:

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 16-04-2020 23:55:52
ตอนนี้ดันมาเครียดเรื่องใครจะยอมลดสะมากกว่า 555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-04-2020 01:26:07
เสร้จแน่ๆ อาทิตย์หน้า ข้ามไปอาทิตย์หน้าเลยได้มั้ย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 17-04-2020 09:58:52
พี่ร่มพร้อมไหมไม่รู้ แต่คนอ่าน พร้อมมากค่ะ อยากเห็น NC ละมุนของน้องครองกับพี่ร่มมม งืออออ  :-[
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 17-04-2020 13:12:02
พี่ร่มพร้อมเถอะ ช่วยพี่ริน พี่โรนจ์ ดันหลังพี่ร่มใส่อ้อมกอดน้องครอง แอ้รรรรรร
น้องครองโตและพร้อมมาก พี่ร่มไม่ต้องกล้วววว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 17-04-2020 13:17:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-04-2020 20:11:40
ร่มคนอ่านพร้อมนะรอร่มคนเดียวเลย :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-04-2020 22:02:11
เขินแทนพี่ร่มมมม :impress2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 18-04-2020 23:09:45
เอาล้าวๆ อยากให้ถึงอาทิตย์หน้าเร็วๆ

เวลาของน้องครอบมาถึงแล้ว

เป็นกำลังใจให้คุณบัวค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-04-2020 02:21:17
เชียร์กันเต็มที่ 555555555555555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 14 (16/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 21-04-2020 18:43:57
ตามทันจนได้ ขอบคุณ คนแต่งที่ทำให้เราได้รู้จักกับครองพบและร่มธรรมนะคะ  :pig4: :L1:
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 23-04-2020 20:45:38
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………….
ตอนที่ 17


   ครองภพเพิ่งกลับเข้ากรุงเทพ หลังจากไปออกกองต่างจังหวัดหลายวัน ค่ำนี้ ชายหนุ่มนัดแนะนักแสดงรุ่นพี่อย่างร่มธรรมไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านประจำของพวกเขา


   ร้านอาหารเล็กๆใจกลางเมืองที่ร่มธรรมเคยพามา บัดนี้มันก็กลายมาเป็นร้านประจำไปแล้ว  แม้เวลานี้ พวกเขาจะดังกว่าเดิมอีกมาก แต่ร้านเล็กๆร้านนี้ก็ยังมอบความเป็นส่วนตัวแต่เป็นกันเองให้อย่างเคย ทันทีที่สองนักแสดงหนุ่มไปถึงร้าน พนักงานก็พาไปยังห้องส่วนตัวชั้นสองที่ร่มธรรมโทร.มาจองไว้


   แม้จะเป็นส่วนตัว แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมากไปกว่าที่แสดงออกยามอยู่ต่อหน้ากล้อง เพียงแต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการเอาใจใส่ของร่มธรรม


   “ครองเอาอะไรเพิ่มอีกมั้ย”


   “มัสมั่นล่ะ เอามั้ย เห็นเมื่อวานคอลมาบ่นว่าอยากกิน”


   “ช่วงนี้ทำงานหนัก ต้องกินให้มากๆหน่อยนะ แต่กินผักพอแล้ว ต้องกินเนื้อสัตว์เพิ่ม”


   เพราะตารางงานแน่นขนัด หลายวันที่ผ่านมา เวลาพักผ่อนรวมกันยังไม่ถึงสิบสองชั่วโมงด้วยซ้ำ ทั้งๆที่สมควรจะอ่อนล้าอิดโรย แต่พอมาเจอร่มธรรมที่ช่างดูแลและช่างจดช่างจำรายละเอียด หัวใจของนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องก็อิ่มเอิบ


   พวกเขากินข้าวไป พูดคุยกันไป ไม่มีใครรีบร้อน ดูเหมือนต่างคนต่างรู้เงียบๆถึงตารางงานอีกฝ่าย


   คืนนี้ว่าง พรุ่งนี้เช้าก็ว่าง


   หลังมื้ออาหาร เพราะวิษณุและรินฤดีไม่ได้มาด้วย อีกทั้งพี่สาวของร่มธรรมยังนำรถกลับไปแล้ว ร่มธรรมจึงต้องกลับพร้อมครองภพ แต่...ไหนๆเราก็อุตส่าห์มีเวลาว่างตลอดทั้งคืน แล้วช่วงที่ผ่านมา หลังจากงานฉลองที่พวกเขาออกงานคู่กัน ก็ไม่ได้เจอกันอีก อาศัยเทคโนโลยีในการเห็นหน้า ได้ยินเสียง วันนี้พอมีเวลาว่าง...ก็อยากใช้เวลาด้วยกันอีกหน่อย


   แต่...จะชวนโต้งๆ ครองภพก็กลัวว่าร่มธรรมจะปฏิเสธ ก็เลย...ยกเรื่องของฝากมาเป็นข้ออ้าง


   “แวะเอาของฝากที่คอนโดของผมก่อนนะ แล้วผมจะไปส่งที่คอนโดคุณ”


ปากว่าจะไปส่ง แต่นั่นก็ต้องหลังจากเราได้คุยกันให้หายคิดถึงก่อน ให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันนานขนาดนั้น


   แต่...ประเด็นเรื่องแวะคอนโดของครองภพยังไม่สู้ประเด็นเรื่องของฝาก


“ของฝาก?” หนุ่มรุ่นพี่ที่เคยปรามไม่ให้ซื้อของฝากหันขวับมองคนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับ


“...พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องซื้อ”


“พี่ธากับแม่ฝากมาหรอก เขาไปอิตาลีกันมา”



ร่มธรรมหันไปจ้องคนอ้างพี่ชายและมารดา คนอายุน้อยกว่าเลิกลั่ก แต่ก็ยังหนักแน่นกับคำตอบเดิม


“ผมไม่ได้บอกให้เขาซื้อนะ เขาซื้อมาฝากคุณเอง”


“คราวหลังบอกคุณแม่กับพี่ชายของครองว่าไม่ต้องซื้อ”


“ก็เขาอยากซื้อ คนครอบครัวผม ใครห้ามได้ที่ไหนล่ะ”


“พี่เห็นมีแต่ครองนี่ล่ะที่ห้ามไม่ได้ ดื้อ” ร่มธรรมคาดโทษ แต่ก็มีท่าทีผ่อนคลาย ครองภพจะไม่ถือสาที่อีกฝ่ายดุเหมือนเขาเป็นเด็กก็แล้วกัน


“เอาเป็นว่า รอบนี้คุณก็รับไปก่อน แล้วรอบหน้า ผมจะบอกให้”


ก็เห็นจะต้องเป็นแบบนั้น แล้วพอต้องรับของฝากจากครอบครัวของคนข้างกาย ร่มธรรมก็ชักกังวลขึ้นมาเหมือนกัน


“พี่ไม่มีของฝากอะไรให้ครอบครัวของครองเลย”


“ไม่ต้องหรอก วันๆอยู่แต่ในกอง คุณจะฝากอะไรให้ที่บ้านผมล่ะ”


“แต่พี่เกรงใจ”


“ถ้าเกรงใจก็เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทครอบครัวผมต่อ”


“เรื่องนั้นทำอยู่แล้ว”


“งั้นก็...เซ็นสัญญากับผม”


“หือ? เซ็นอะไร”


“เป็นแฟนผม”


ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ เหมือนจะโรแมนติกแต่คำพูดตรงไปตรงมากลับทำให้เขาหัวเราะชนิดที่คนพูดรู้สึกเขม่น เหลือบมามอง พอถูกจ้องแบบนั้น หนุ่มรุ่นพี่เลยต้องรีบยกสองมืออย่าถือสา


“ขอโทษๆ พี่ไม่คิดว่าครองจะ...”


“จะอะไร” หนุ่มรุ่นน้องแสนตรงเผงชักเคือง หันมาถามเสียงห้วน


“ไม่คิดว่าจะพูดตรงๆ”


“ก็ผมเป็นแบบนี้”


“อืม...นั่นสินะ ก็เป็นครองจริงๆนั่นแหละ”


“แล้ว...คุณว่าไง”


“ว่าไงอะไร”


“อย่าโยกโย้สิ”


“ก็...ไม่ได้คิดว่าเป็นอย่างอื่นนี่นา”


ครองภพกะพริบตาปริบๆ หันมามอง ร่มธรรมยิ้ม แม้ในรถจะมืด แต่รอยยิ้มของเขากลับสดใสพร่างพราว


“ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นนอกจากแฟนนี่นา”


หนุ่มรุ่นน้องพูดไม่ออก แล้วก็กลายเป็นเขินวาบขึ้นมาในอกจนต้องเม้มปากหันไปมองทางอื่น


“เลิกตะลึงแล้วก็ถอยรถออกจากซองได้แล้ว จะถึงมั้ยคืนนี้”


พอถูกหยอกเข้าแบบนั้น ก็ทำเอาคนประจำตำแหน่งคนขับเพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้ขับรถออกจากลานจอดรถเลยด้วยซ้ำ เพราะ...มัวแต่ขอเป็นแฟน



คิดมาถึงตรงนี้ หนุ่มใจร้อนผู้ลืมดูสถานที่ก็ตั้งใจมั่นว่าถ้าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะต้องเป็นความลับตลอดไป เรื่องหนึ่งที่จะเป็นความลับเช่นกัน ก็คือ...สถานที่ที่ความสัมพันธ์ถูกระบุชัดเจน...


...ในรถที่จอดอยู่ในลานจอดเล็กๆของหน้าร้านอาหาร...


กับประโยคตรงๆ ไร้ความโรแมนติกของครองภพ


‘เซ็นสัญญากับผม’


‘เป็นแฟนผม’


และคำตอบแฝงแววทั้งรักผสมเอ็นดู ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสของร่มธรรม


‘ก็...ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นนอกจากแฟนนี่นา’


……………………


จากร้านอาหารถึงคอนโดของครองภพนั้นไม่ไกล สถานะที่ชัดเจนของความสัมพันธ์ไม่ได้ทำให้บรรยากาศระหว่างกันเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด


ในรถยังคงมีชีวิตชีวาและสดใส เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ พอมาถึงคอนโดแล้วครองภพยกของฝากจากพี่ชายและมารดาออกมาให้ คราวนี้เสียงร่มธรรมดุขึ้นเล็กน้อย ย้ำว่าให้บอกกับที่บ้านว่าไม่ต้องซื้ออีก แล้วพอเจ้าของคอนโดยกของฝากของตัวเองมาแอบใส่เข้าไปด้วย คราวนี้ร่มธรรมตาเขียว


“นี่อะไร กะหรี่พัฟนี่ไม่ใช่ของฝากจากอิตาลีที่คุณแม่กับพี่ชายของครองไปแน่ๆ” พูดแล้วหยิบถุงกะหรี่พัฟชื่อดังของฝากจังหวัดสระบุรีขึ้นมา


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชิ้นนี้มาจากใคร ในเมื่อครองภพเพิ่งกลับจากออกกองที่จังหวัดสระบุรี


“ก็...ผม...ซื้อกินแล้วอร่อย”


“พระเอกไม่กินขนมอย่างครองภพเนี่ยนะ ซื้อกะหรี่พัฟ?! เอาใหม่...ให้พูดอีกรอบ”


“ผมซื้อกินจริงๆ ถามพี่ณุก็ได้...เอ่อ...จริงๆ ผมซื้อมาชิมไปคำนึง มันอร่อยดี ก็เลยซื้อ...ฝาก”



คำสุดท้ายนั้นเบาเพราะรู้ว่าตนเองฝ่าฝืนคำสั่งห้ามซื้อของฝากอีกแล้ว แต่มันอดได้ที่ไหน เห็นอะไรแปลกตา กินอะไรอร่อยก็ต้องคิดถึงคนที่ไม่ได้มาด้วยกันไม่ใช่หรือ


“ผมซื้อฝากที่บ้านด้วย แล้วก็ซื้อฝากคุณด้วย ช่วยคนขายซื้อด้วย”


แต่คนอย่างครองภพมือเติบ ดูเถอะ ซื้อฝากเขาก็ยังซื้อมาตั้งกี่ชิ้น ใครจะกินเยอะขนาดนี้


“ครอง...”


“เผื่อคุณเอาไปฝากคุณรินกับคุณโรจน์ ฝากคนที่ร้านกาแฟด้วย”


ร่มธรรมยังนิ่ง เท่านี้ก็รู้แล้วว่าทั้งหมดที่พูดไปฟังไม่ขึ้น คนดื้อเลยต้องหาทางเผ่น


“ผม...ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน...” เขาพูดเสียงเบา ท่าทางทั้งหงอทั้งจ๋องนั้นน่าสงสาร ยิ่งตอนหมุนตัวเดินคอตกเข้าห้องนอน ร่มธรรมก็หมดใจจะดุ แถมยังเอ็นดูอีกต่างหาก


หนุ่มรุ่นพี่หันกลับไปมองกล่องกะหรี่พัฟของฝาก ถึงจะออกปากว่าไม่อยากให้ครองภพลำบากต้องซื้อหามาให้เขา แต่พออีกฝ่ายยังยืนกรานซื้อมาให้ ก็ราวกับบอกเป็นนัยว่าครองภพคิดถึงกัน เท่านี้...ความสุขก็อิ่มเอิบไปทั้งหัวใจ


...ไว้อาบน้ำเสร็จจะขอบคุณก็ได้...


...ไว้...จะบอกว่าถ้าอดใจไม่ซื้อไม่ได้ ก็ซื้อแค่ชิ้นเดียวมาฝากก็ได้...


...แล้ว...ไว้...เราไปเที่ยวด้วยกันก็ได้ จะได้ไม่ต้องซื้อของฝากอีก...


พอคิดอย่างนั้น ร่มธรรมก็ยิ้มจางแล้วส่ายศีรษะระอาใจตัวเอง


ไม่รู้จะเอาหน้าไปสู้ครอบครัวของครองภพได้อย่างไร ในเมื่อเขาตามใจอีกฝ่ายขนาดนี้ แค่เห็นท่าทางหงอยๆนั่นหน่อยก็อดไม่ได้แล้ว ไม่รู้พ่ายแพ้อะไรกับครองภพนักหนา


ชายหนุ่มคิดสะระตะ พลางหยิบกะหรี่พัฟไปอุ่นหนึ่งชิ้น


ไหนๆคนซื้อก็ตั้งใจซื้อ แล้วคนห้ามซื้ออย่างเขาก็ใจอ่อนแล้ว ยังไงก็...กินให้เป็นดูเป็นกำลังใจคนซื้อสักชิ้นแล้วกัน


ครัวในคอนโดของครองภพมีอุปกรณ์ครบครัน ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีทุกอย่างครบถ้วนแบบนี้ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่อุปกรณ์เพิ่มเข้ามาทีละอย่างสองอย่าง ล่าสุดมีกระทั่งเครื่องผสมอาหาร ร่มธรรมถึงกับร้องถามว่าครองภพจะทำอาหารหรือ แต่คนซื้อทำหน้ายู่ แล้วบ่นอุบอิบ ‘เผื่อคุณอยากทำอะไรต่างหาก’ พอได้ยินแบบนั้น ความสงสัยใดๆก็หมดไปโดยปริยาย เพราะรู้แล้วว่าทุกอย่างในครัวนี้ คนไม่ทำอาหารอย่างครองภพซื้อมา ‘เผื่อ’ เขา


กะหรี่พัฟถูกอุ่นจนร้อน หอม กรอบ ร่มธรรมก็ตัดแบ่งครึ่ง หมายจะกินคนละคำสองคำกับครองภพ แต่พอถือออกมาที่โซฟา คนที่หงอยจนเข้าไปอาบน้ำก็ยังไม่ออกมา เขาจึงทรุดตัวนั่งรอ แต่เพราะตนเองก็โหมงานจนแทบไม่ได้พักผ่อน พอได้เอนกายอย่างสบายใจที่โซฟาแล้ว ก็เผลอหลับไม่รู้ตัว


ร่มธรรมรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกถึงสัมผัสเย็นชื้นแนบกับหน้าผากของเขา


เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างง่วงงุน ดวงตาปรับโฟกัสอยู่ไม่กี่วินาทีก็เห็นเจ้าของสัมผัสยืนอยู่ตรงหน้า มองตรงมาด้วยความห่วงใย


“ไม่สบายรึเปล่า”


“หือ? เปล่า”


“ถ้างั้นก็ไปอาบน้ำเถอะ จะได้มานอน” ครองภพเห็นอีกฝ่ายนั่งหลับแบบนี้ก็ลืมความรู้สึกจ๋องๆเมื่อครู่ไปหมด ร่มธรรมเหนื่อยขนาดนี้ เขายังหาเรื่องดื้อดึงทำแต่เรื่องขัดใจอยู่อีก


“อืม...ครอง แปรงฟันรึยัง พี่อุ่นกะหรี่พัฟไว้ชิ้นนึง คืนนี้แบ่งกันกินคนละครึ่งเนอะ จะได้ไม่อิ่มมาก”



แต่คนที่ทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องรบกับคนดื้อเงียบอย่างเขา กลับยังใจดีแม้กระทั่งยอมกินของฝากที่สั่งว่าห้ามซื้อ หัวใจครองภพเหลวเป็นน้ำ จากตอนแรกรู้สึกหงอ กลายเป็นรู้สึกห่วงที่เห็นอีกฝ่ายหลับคอพับ ตอนนี้มีความรู้สึกผิดร่วมด้วย


“คุณ...ไม่โกรธเหรอ...”


“โกรธ? เรื่องของฝากน่ะเหรอ” ร่มธรรมย้อนถาม หนุ่มรุ่นน้องมองนิ่ง ราวกับอยากรู้ความรู้สึกนึกคิด


“...ก็...จริงๆก็เข้าใจว่าทำไมอยากซื้อของมาฝาก ในเมื่อห้ามไม่ได้ คราวหลังก็ไม่ต้องซื้อเยอะ ตกลงมั้ย”


เพียงเท่านั้น ดวงตาของครองภพก็เป็นประกายแวววาว คนละเรื่องกับเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง


 ร่มธรรมยิ้มจางแล้วส่ายศีรษะ ครองภพเป็นคนชัดเจนจริงๆ หากรู้จักผิวเผิน ย่อมเห็นเขาเป็นคนนิ่งเฉยไม่พูดไม่จาเผลอๆมองเป็นขี้เต๊ะอีกต่างหาก แต่หากรู้จักลึกซึ้งแล้วจะรู้ว่าเขาช่างเป็นคนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เรื่องใดที่เขาชอบหรือไม่ชอบ แค่ดูสายตา ดูสีหน้าก็เห็นชัดเจน


“ครองกินไปก่อนเลยนะ พี่ไปอาบน้ำก่อน”



เพราะเคยมาค้างที่นี่หลายครั้งแล้ว การที่คอนโดของครองภพมีข้าวของเครื่องใช้ของเขาไม่ใช่เรื่องแปลก ชายหนุ่มลุกจากโซฟา แต่พอหมุนตัวจะเดินไปอาบน้ำ ก็กลับถูกคว้ามากอดจากด้านหลัง


   ไม่ต้องนึกเลยว่าใครกันจะกล้าถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ ถึงขั้นรัดเอาไว้ทั้งตัว เกยใบหน้าข้ามไหล่มากระซิบที่ข้างหู


   “คุณ...ใจดีกับผมอีกแล้ว...”


   น้ำเสียงของครองภพนั้นทั้งแหบพร่าและเต็มไปด้วยความรู้สึก หัวใจของคนฟังกระตุก แต่ยังทำใจกล้าตบมือเบาๆลงกับแขนที่โอบร่างเขา แล้วหันไปยิ้มให้


   “อยากให้ใจร้ายเหรอ”


   พอเห็นรอยยิ้มและดวงตาใสแจ๋วของคนในอ้อมแขนแล้ว ครองภพก็รับรู้ว่าสิ่งที่เขาคาดหวัง คงไม่ใช่เวลานี้


ชายหนุ่มรุ่นน้องวางหน้าผากลงกับไหล่ของคนรัก ไม่รู้จะพูดอย่างไรว่าเขาต้องการมากกว่าความใจดี


แต่...คราวก่อนร่มธรรมก็เคยตกใจกับการกระทำของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง หากมีครั้งที่สอง...ครองภพก็ไม่รู้ว่าความมั่นใจของเขาจะเหลือสักเท่าไหร่


   ท่าทางเหมือนมีเรื่องในใจแต่ไม่กล้าพูด ทำไมร่มธรรมจะดูไม่ออก เขาเม้มปากมองกลุ่มผมของคนรักแล้วคำพูดของพี่สาวพี่ชายของเขาก็ดังเข้ามาในหัว


   ‘ผู้ชายด้วยกัน...ใครจะเป็นฝ่ายยอมลดอัตตาของตัวเองลง’


   ‘พร้อมที่จะเดินไปข้างหน้ากับเขามั้ย กับคนดีๆ ที่เขารักร่มขนาดนี้น่ะ’


   ...ใช่...กับคนดีๆที่รักกันขนาดนี้...


   คนอายุมากกว่ายิ้มจางกับตัวเอง


...ไม่เห็นต้องถามเลย ว่าใครจะเป็นฝ่ายลดอัตตา ในเมื่อความสัมพันธ์นี้...อีกฝ่ายคือครองภพ...


...เป็นครองภพที่เขารัก เป็นครองภพที่เขาหวังแต่จะให้มีความสุข...


เมื่อตัดสินใจแล้ว ร่มธรรมจึงก้มหน้าลงหากลุ่มผมชื้นๆหลังสระผมนั่น กลิ่นยาสระผมหอมฟุ้ง แต่ไม่สู้ความรู้สึกที่อบอวลในใจของเขา


   สัมผัสเบาๆที่กลางศีรษะทำเอาครองภพชะงักกึก ไม่ทันตั้งสติเงยหน้ามอง ก็ได้ยินเสียงของคนที่เขากอดดังขึ้นเบาๆ


   “ครอง...อาบน้ำกับพี่อีกรอบมั้ย”


   ไม่มีคำตอบ


   ที่โซฟาปราศจากเจ้าของห้องและแขกผู้มาเยือนเมื่อทั้งสองย้ายเข้าไปในห้องน้ำ


ทิ้งกะหรี่พัฟที่ถูกอุ่นจนร้อนเอาไว้เช่นนั้น




………………………
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 23-04-2020 20:47:10


สายน้ำโปรยปรายลงมาจากฝักบัว ทั้งๆที่น้ำเย็น แต่ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับน้ำอุ่น เนื้อตัวที่แนบชิดกันและกันกลับให้สัมผัสร้อนผะผ่าว หยาดน้ำตกกระทบผิว ไหลลงสู่เบื้องล่าง แต่ไม่มีใครสนใจมันเลย


ต่างคนต่างมัวเมาอยู่กับจูบที่บดเบียดเข้าหากัน


   ครองภพจูบเก่ง


   ไม่รู้ไปฝึกมาจากไหน แต่ทั้งบดทั้งเบียด รู้จักรุกไล่และถอยห่าง แต่ก็ไม่ทิ้งระยะ ถอนจูบออกให้หายใจแล้วก็ประกบเข้าหาใหม่


   แต่พอห่างนานเกินไป ก็กลายเป็นถูกอีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามางับริมฝีปากล่างของเขา


ร่มธรรมก็ใช่ย่อย


   วิธีการจูบของหนุ่มรุ่นพี่ไม่ได้จัดจ้านร้อนแรง แต่ลุ่มลึก ละมุนละไมและยั่วเย้า โดยเฉพาะการงับริมฝีปากล่างแล้วดูดเบาๆ


   แล้วอย่างนี้จะปล่อยให้ห่างนานได้อย่างไรกัน


   ยิ่งจูบ ความรู้สึกในอกก็ยิ่งซาบซ่าน วิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ยิ่งสองกายเบียดชิด เปลือยเปล่า แนบเนื้อไปหมดทุกส่วน ก็ยิ่งระงับอารมณ์ไม่อยู่


   อารมณ์หวาม...วิ่งขึ้นสมองจนในหัวขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกนอกจากจูบกันให้มากขึ้น สัมผัสกันให้มากขึ้น


   อารมณ์หวาม...วิ่งไปที่มือ ทำให้ร้อนผ่าวลากไล้ผ่านที่ใดก็เหมือนจะจุดไฟบนผิวที่เปียกชื้น


   อารมณ์หวาม...วิ่งลงไปที่เท้า ทำให้รู้สึกเหมือนแผ่นดินโคลงเคลงยืนแทบไม่อยู่ จนต้องเกร็งขึงไปทั้งขา


   และที่สำคัญ วิ่ง...ลงไปที่กลางลำตัว


   ความแข็งขืนที่สัมผัสกันและกันนั้น พาเอาใบหน้าแดงก่ำ โดยเฉพาะครองภพที่ผิวขาวจัด


   เห็นสีหน้าคนอายุน้อยกว่าแล้ว ก็พลอยให้ร่มธรรมยิ้มจางอย่างเอ็นดู...แต่ไม่วายหยอก...ด้วยการขยับเอวช้าๆ ให้ส่วนที่สัมผัสกันเสียดสี


   “อ่า...” ครองภพอายุน้อยกว่า ประสบการณ์ด้านนี้เรียกได้ว่าเป็นศูนย์ เขาอาจจะไม่ได้มีชั้นเชิงอย่างอีกฝ่าย และนั่นหมายความว่าความยับยั้งช่างใจก็เป็นศูนย์เช่นกัน


   มือร้อนผละจากแผ่นหลังของร่มธรรมวกมาที่เบื้องหน้า แล้วกอบความแข็งขืนทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน คราวนี้เป็นคนพี่ที่สะดุ้งโหยง


   “อื้อ!”



เพราะถูกสัมผัสอย่างกะทันหัน หนำซ้ำยังเป็นการจับที่ออกจะ ‘กระด้าง’  ต่อให้จะเคยมีประสบการณ์ความสัมพันธ์แบบนี้มาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์กับคนที่มี ‘เหมือนกัน’ แถมร่มธรรมก็ไม่จัดเจน พอถูกกอบกุมแล้วเริ่มชักรูด จากที่เมื่อครู่ยังหยอกเย้าแกล้งหมุนเอวเข้าหาก็กลายเป็นขยับตัวหมายจะผละออก


   “แน่จริงอย่าหนีสิ” ครองภพมือไว รัดเอวคนจะหนีด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้าง แน่นอนว่ายังรูดรั้งความร้อนผ่าวที่ชูชัน


   “อื้อ...ค...ครอง...ป...ปล่อย...อ๊ะ...” 


สัมผัสเสียดสีทำให้ช่องท้องเย็นวาบ มือของครองภพไม่ได้นุ่มนวลอย่างผู้หญิง ตรงกันข้าม ตามประสาชายหนุ่มที่ชื่นชอบกีฬาผาดโผน มันจึงทั้งสากทั้งกระด้าง อีกทั้งสัมผัสของเขาก็ไม่ได้อ่อนโยน ยิ่งรับรู้ว่าต่างคนต่างตื่นตัวและแข็งเกร็งเพราะอารมณ์รักพุ่งพล่าน ข้อมือก็ยิ่งขยับเป็นระวิง ในขณะที่ปาก...พอได้ยินคำว่าปล่อยก็วกกลับไปประกบจูบปิดปากหนุ่มรุ่นพี่เสียเลย


   “ให้ปล่อยจริงเหรอ” พอถอนจูบออกมาถาม มือก็ยิ่งขยับไม่หยุด ร่มธรรมครางเครือ เนื้อตัวสั่นเทา


   “...ร่ม...ให้ปล่อยจริงเหรอ” เขาถามซ้ำ ลงน้ำหนักมือกับส่วนปลายเป็นพิเศษ


   “ม...ไม่...”


   “ไม่เอาแล้วเหรอ” ฝ่ามือขยับเคลื่อนช้าลง แต่พอจะคลายออกก็กลายเป็นมือของร่มธรรมที่คว้ามือของคนรักรุ่นน้องเอาไว้


   “ม...ไม่ได้ให้ปล่อย...อื้อ...” ร่มธรรมดุก่อนจะครางสะท้านเมื่อมือของครองภพเริ่มขยับขึ้นลงอีกครั้งแล้วเกี่ยวปลายนิ้วของเขาให้ขยับไปพร้อมกัน


   ถึงจะเคยผ่านความสัมพันธ์แนบชิดแบบนี้มา แต่ร่มธรรมไม่เคยแนบชิดกับผู้ชายด้วยกัน การช่วยกันแบบนี้ย่อมไม่เคยเป็นประสบการณ์ของเขา มันทั้งตื่นเต้น รสสัมผัสแปลกใหม่ ไหนจะสัมผัสที่เสียดสีกัน ไหนจะฝ่ามือของเขา ไหนจะฝ่ามือของครองภพ


   “แต่เมื่อกี้คุณบอกให้ปล่อย...”


   “ม...ไม่พูดแล้ว...อื้อ...ครอง...”


   “งั้นผมไม่ปล่อยแล้วนะ”


   “อ๊ะ...”


   “เร็วกว่านี้อีกได้ใช่มั้ย”


   “อื้อ...”


   “ไปด้วยกัน...นะครับ...” สิ้นประโยคนั้น ครองภพก็เบียดจูบเข้าหา มือของเขารูดรั้งพามือของร่มธรรมให้ช่วยกันชักนำความรู้สึกให้พุ่งทะยาน


   เสียงครางดังอื้ออึงอยู่ในคอ จูบร้อนแรงมัวเมา อารมณ์เสียวซ่านวิ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง ขาเหยียดเกร็ง มือข้างหนึ่งโอบรัดร่างคนรักเอาไว้แน่น อีกมือช่วยกันรูดรั้งพาความสุขให้ทะลักทลาย


   “อื้อ!”


แล้วความรักก็กลั่นตัวเป็นหยาดขาวพุ่งเลอะจนถูกสายน้ำจากฝักบัวชะล้าง


พวกเขากอดกระชับ บดจูบแนบแน่น พอปล่อยให้ต่างคนต่างเป็นอิสระจากสัมผัสบดเบียดบนริมฝีปากก็พากันหอบหายใจหนักจนเสียงก้องไปทั้งห้องน้ำ


   ความแข็งแกร่งที่บวมเป่งอ่อนตัวลงในมือของพวกเขา แต่พอครองภพลองกระชับฝ่ามือเข้าหากันเล็กน้อย เขาก็ถึงกับครางเบาๆ ส่วนหนุ่มรุ่นพี่ถึงกับสะดุ้งโหยงขนลุกชันเพราะเพิ่งปลดปล่อยหมาดๆ


   “เซ็กซี่...”



คนอายุน้อยกว่าชม แนบจูบเข้าหาใหม่ ร่มธรรมตัวอ่อนไปหมด สัมผัสที่ริมฝีปากชวนให้เคลิบเคลิ้ม อ้อมกอดร้อนผ่าวใต้สายน้ำเย็นก็ทำให้สั่นสะท้าน การแนบชิดของส่วนที่ไวต่อความรู้สึกที่อยู่ในอุ้งมือของพวกเขาก็ยิ่งทำให้เบาหวิว


   จูบบดเบียดดูดคลึง จนกระทั่งลมหายใจช้าลงแล้ว อารมณ์ลุกโหมสงบลง แต่ริมฝีปากของครองภพยังเอาแต่แนบประทับไม่หยุด เดี๋ยวข้างแก้มบ้าง เดี๋ยววกกลับมาที่ริมฝีปากของร่มธรรมบ้าง เดี๋ยวก็ไล้ลงสู่ลำคอและลาดไหล่บ้าง


   อารมณ์ที่สงบไปแล้ว เลยทำท่าเหมือนจะปะทุขึ้นมาอีก


   มือร้อนผ่าวตัดกับสายน้ำเย็นลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของหนุ่มรุ่นพี่ ก่อนจะลงสู่เนื้อสะโพก เขาไม่ได้บีบขย้ำจนเนื้อปลิ้น แต่เค้นคลึงนวดเฟ้นหนักๆ


   “อื้อ...” ร่มธรรมสะท้านวาบ ครองภพผละใบหน้าออกห่างเล็กน้อย แววปรารถนาในดวงตาเรียวไม่ได้ลดทอนลงเลย มันยิ่งร้อนแรง...และร้อนแรงมากขึ้นอีกเมื่อจู่ๆมือของเจ้าตัวเปลี่ยนจากนวดเฟ้นเป็นบีบขย้ำก้อนกลมสองข้างแรงๆ


   “ค...ครอง...” ราวกับประสาทสัมผัสทั้งเนื้อตัวของร่มธรรมตื่นตัว ไม่ว่ามือของครองภพจะไล้soydหรือขย้ำแรง ก็ล้วนทำให้หัวใจกระตุก ยิ่งปลายนิ้วกรีดผ่านร่องกลางสะโพก ร่มธรรมก็ยิ่งสั่นระริก ฝังหน้าลงกับลาดไหล่ของคนรัก


เสียงน้ำจากฝักบัวแทบดังกลบเสียงครางอื้ออึงแผ่วเบาในลำคอของคนที่กำลังถูกฝ่ามือของครองภพปั่นป่วนอารมณ์ แต่เพราะพวกเขาอยู่ใกล้กันมากเหลือเกิน ความรัญจวนที่ไหลพล่านไปทั่วร่างของร่มธรรมถูกเปิดเผยด้วยความเปลี่ยนแปลงของความเป็นชายที่เริ่มแข็งขืนอีกครั้ง


   ร่มธรรมรู้


   ครองภพก็รู้


   ยิ่งครองภพรู้ เขาก็ยิ่งอดใจไม่ได้อีกแล้ว


   “ผมต้องการคุณ...” เขากระซิบเบาที่ข้างหูคนรัก ปลายนิ้วแตะเบาบนส่วนที่เร้นอยู่ระหว่างก้อนเนื้อสะโพก ทำเอาเจ้าของร่างสะท้านเฮือก เงยหน้าขึ้นมามอง


   สายตาของครองภพไม่ได้ลดความปรารถนาลงเลย


   ร่มธรรมทั้งหวาดทั้งหวั่น แต่เพราะคนตรงหน้าคือครองภพ คือชายหนุ่มที่มุ่งมั่นและเอาจริงเอาจัง คือชายหนุ่มที่ไม่ว่าเมื่อไรก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมายที่มีให้แก่เขา


   เขาเอง...ก็มีความรู้สึกมากมายให้แก่ครองภพเช่นกัน


   “ครอง...ออกไปรอข้างนอกแป็บนึงได้มั้ย”


   “...พี่...ขอเวลาหน่อย...”


ในคราวแรก สายตาของครองภพมีคำถาม แต่พอเห็นคนออกปากหลบสายตาไปทางอื่น เขาก็พอรู้ว่าร่มธรรมขอเวลาเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ


   “ให้ผมช่วยเถอะ...” เขากระซิบบอก จูบแก้มปลอบประโลม แต่อีกฝ่ายสั่นหน้าน้อยๆ


   “พ...พี่ทำได้...”


   พูดแล้วก็หน้าแดงก่ำ เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนเองหาข้อมูลเอาไว้ ร่มธรรมตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเป็นฝ่ายละทิ้งอัตตาของตนเอง



สำหรับเขา ความเป็นชายไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งที่ใหญ่กว่า คือการรักษาครองภพเอาไว้ให้มีลมหายใจ มีความสุข และมีอนาคตที่ดี


   “...ขอเวลา...แป็บเดียว...” ร่มธรรมก้มหน้าพูดอู้อี้ ก่อนจะรับรู้ถึงสัมผัสร้อนที่แนบลงกับหน้าผากของเขา


   “ผมจะรอ...”


   “...แต่ถ้ามีอะไร ก็เรียกนะ...”


   ครองภพยอมผละออกจากห้องน้ำไป ทิ้งคนรักเอาไว้ในนั้นตามที่เจ้าตัวขอเวลา แต่เมื่อออกมาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันมองบานประตูห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง เขาคว้าเสื้อคลุมมาสวมลวกๆ หูเงี่ยฟังเสียงจากในห้องน้ำก็ยังได้ยินแต่เสียงน้ำจากฝักบัว



นอกเหนือจากอารมณ์หวามและความต้องการที่มีต่ออีกฝ่ายในฐานะคนรักกันแล้ว เวลานี้เขาห่วงร่มธรรมกว่าอะไรทั้งหมด


แม้เขาจะไม่มีประสบการณ์ในความสัมพันธ์แบบผู้ชายด้วยกัน แต่โลกอินเตอร์เน็ตเปิดโลกทัศน์หลายอย่าง และเขาเชื่อว่าตนเองก็หาข้อมูลมามากพอที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี หากร่มธรรมขอให้เขาช่วยเหลือ เขาก็พร้อม ในเมื่อความสัมพันธ์ที่จะก้าวเดินเป็นความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายเผชิญกับความตื่นตระหนก หรือความกังวลเพียงผู้เดียว


แต่ในเมื่อร่มธรรมขอเวลา เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการทำใจให้สงบ และนั่งนิ่งๆอยู่ที่ปลายเตียง


จนกระทั่ง...ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร บานประตูห้องน้ำถึงเปิดออก


   ชายหนุ่มรุ่นน้องหันมองทันที แล้วพอสบตากับคนที่ก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ เขาก็ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่


   ทั้งๆที่ชุดคลุมอาบน้ำมิดชิด แต่จินตนาการบอกกับรู้ว่าใต้ชุดนั้นไม่มีเครื่องนุ่งห่มชิ้นใดอีกเลย และ...ร่มธรรม...พร้อม


   สายตาของครองภพนั้นร้อนแรงราวกับไฟ คล้ายจะแผดเผาให้คนถูกมองหลอมละลายตรงนี้ จนคนถูกจ้องต้องรีบหลบตา แล้วพอไม่กล้าสบตา ก็ย่อมไม่ทันเห็นว่าเจ้าของดวงตาเรียวคู่นั้นลุกจากปลายเตียงเดินเข้ามาหาแล้ว


   “อ๊ะ...” แค่เพียงสองแขนของหนุ่มรุ่นน้องโอบรอบตัว ร่มธรรมก็ถึงกับสะดุ้งโหยง พวกเขาต่างอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำเนื้อนุ่ม แต่ใต้เสื้อคลุมเหล่านี้มีแค่เนื้อหนังมังสาของมนุษย์ที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์รัก


   มันร้อนผ่าว วูบวาบ


   เพียงแค่สวมกอด เพียงแค่ลมหายใจเป่ารดกันและกัน ก็ราวกับเสื้อคลุมนั้นไม่มีความหมาย


   ร่างกายของคนที่อยู่ในอ้อมกอดสั่นเทา ดูก็รู้ว่าทั้งหวาดทั้งหวั่น ครองภพใจหาย รู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะรังแกอีกฝ่าย


   “ถ้าคุณไม่พร้อม...”


   ร่มธรรมเงยหน้ามองคนพูด


   “ไหนว่าจะไม่รอ”


   “ก็คุณ...”


   ร่มธรรมปากสั่นจนต้องเม้มปาก ซบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่าย แต่ก็ยังทำใจกล้าจับแขนสองข้างของครองภพให้โอบรอบกายตนเอง เพียงเท่านั้นหัวใจของครองภพก็เหลวเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลน


   เขากดจูบลงกับศีรษะเปียกชื้นของคนรัก สองแขนกอดรัดร่างของหนุ่มรุ่นพี่มากขึ้น ความรู้สึกของร่มธรรมมากมายเพียงใด ไม่ต้องให้บอกกล่าว เขาก็เข้าใจ


   เพราะรัก ถึงได้ยอมเพียงนี้


   เพราะรักมาก ถึงได้มอบทุกสิ่งอย่างแก่เขา


   ครองภพเองก็จะตอบแทนทุกการกระทำของร่มธรรมด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน


   เขาจะรัก


   และรักให้มาก


   จะดูแลร่มธรรมไปจนกว่าจะถึงวันที่ชีวิตนี้สิ้นสุด


   เนื้อตัวของร่มธรรมยังเย็นชื้น พอถอดเสื้อคลุมออก เลยชวนให้ผิวกายสั่นสะท้าน ครองภพโอบประคองเอาไว้ ลากไล้ฝ่ามือร้อนผ่าวของตนเอง ทิ้งไอระอุให้คลายหนาว ในขณะที่ริมฝีปากดูดซับริมฝีปากของคนรัก เรียกร้องและเร่งเร้า ดึงดูดร่มธรรมเข้าสู่ห้วงที่เต็มไปด้วยแสงสีขาวจนพร่าเบลอ


   กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังแนบลงกับเตียงแล้ว


   วินาทีแรก ร่มธรรมสั่นสะท้านด้วยความหวั่นใจ แต่เมื่ออีกฝ่ายทาบกายลงทับ มอบรสจูบให้กับริมฝีปากของเขา ปลอบประโลมด้วยฝ่ามือที่ลูบไล้อ่อนโยน และปลายลิ้นที่เกี่ยวกวัดดูดดึงชักนำอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้ม ร่างกายที่เกือบจะเกร็งเครียดก็พอจะคลายความกดดันลง


   ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศไม่อาจทำให้ร่างกายสั่นสะท้านได้เท่ากับอารมณ์ที่เริ่มลุกโหม ยิ่งเมื่อสองขาค่อยๆถูกแยก หัวใจของร่มธรรมก็ยิ่งเต้นรัว


ดูเหมือนครองภพเองก็รู้ว่าคนรักกังวล เขาเรียกความสนใจด้วยการจูบ แตะสัมผัสทุกอณูผิวอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน แต่พอแตะปลายนิ้วลงกับปากทางร้อนผ่าว คนใต้ร่างก็สั่นสะท้านขึ้นมาอีก


   “ร่ม...มองผม...”



ครองภพถอนริมฝีปากออกมา กระซิบเบา เขาขยับใบหน้าให้ห่างออกมาเล็กน้อยเพื่อให้สามารถสบตากันได้


   “สบตาผม...”


   ดวงตาเรียวของครองภพนั้นลุ่มลึกและเต็มไปด้วยความรู้สึก เพียงแค่จ้องมองเข้าไปในนั้นก็ราวกับถูกดึงดูดเข้าไปในโลกที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของคนรัก จนกระทั่ง...ความเจ็บชำแรกเข้ามา


   “อื้อ!” ร่มธรรมข่มตาแน่น ทุกอย่างก็หยุดชะงัก


   ผ่านไปอึดใจหนึ่ง พอความเจ็บทุเลาลง จึงลืมตาขึ้นมอง เมื่อนั้นถึงได้เห็นว่าร่างที่อยู่เหนือร่างกายของเขากำลังหอบหายใจฮัก เกร็งร่างกายไม่ให้ขยับเข้าไปมากกว่านี้ ทั้งๆที่อารมณ์แข็งขืนถึงเพียงนั้น


   ครองภพยอมหยุดทุกการกระทำทั้งๆที่อารมณ์ล้นปรี่ เพียงเพราะร่มธรรมร้องเบาๆ


   ไม่ใช่แค่เขาที่ทำทุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก แต่คนที่รักก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกัน

   

...โชคดีเหลือเกินที่ได้รักคนแบบนี้...



...โชคดีเหลือเกินที่ได้รับความรักจากคนแบบนี้…


   สองแขนของร่มธรรมโอบรอบคอคนอายุน้อยกว่าแล้วรั้งลงมาหา ก่อนจะยืดใบหน้าขึ้นไปจูบที่ริมฝีปากของหนุ่มรุ่นน้องเบาๆ


   “ต่อเถอะ...”


   “แต่คุณ...” ในดวงตาของครองภพมีแววไม่แน่ใจ แต่ร่มธรรมยิ้มให้ สีหน้าดูทั้งทรมานทั้งแสนสุข


   “ไม่เป็นไร”


   “แน่ใจเหรอ?”


   “อืม” แล้วก็ต้องครางเสียงเบา เมื่อความแข็งแกร่งของครองภพแทรกเข้ามาอีก แต่เมื่อพยายามผ่อนคลายร่างกาย เรียนรู้กับประสบการณ์แปลกใหม่ ร่มธรรมก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย


   ไม่น่ากลัวเลย...เพราะอีกฝ่ายเป็นครองภพ ที่ทั้งรักและดูแลเขา


   จนกระทั่งทุกอย่างแนบสนิท...


แต่ครองภพก็ยังรอจนกระทั่งร่างกายของคนรักปรับตัวกับความคับแน่นและอึดอัดนั่นได้แล้ว รอ...จนกระทั่งต้องให้เป็นฝ่ายร่มธรรมอนุญาตอย่างเสียวซ่านด้วยการส่ายสะโพกเบาๆ คนที่พยายามอดทนอดกลั้นถึงได้ครางห้าว ดวงตาเรียววาววับจ้องมองคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าจะต้องประสบพบเจอกับอะไรหลังจากนี้


   “คุณน่ะ...หาเรื่องใส่ตัว...” เขาก้มลงกระซิบกับริมฝีปากบวมช้ำ ก่อนจะบดจูบลงหา ในขณะที่เบื้องล่างถอนกายออกจนเกือบสุดความยาว


   การขยับกายโดยการดึงความคับแน่นออกไปโดยไม่บอกกล่าวแถมยังไม่ยอมให้หยุดพักหายใจหายคอ ทำเอาร่มธรรมเกร็งเฮือกจิกแผ่นหลังแน่นเพื่อระบายความเสียวซ่าน


   การเชื่อมกายเหลือเพียงส่วนปลายเพียงนิดเดียว ครองภพก็ถอนจูบออก แต่ไม่ทันที่ร่มธรรมจะได้หายใจ ความคับแน่นนั้นก็แทรกกลับเข้ามาอีกด้วยจังหวะเดิม


   ยาว


ไร้การหยุดพัก


จนแนบสนิท


   “อ่า...” พอทุกอย่างแนบชิด คิดว่าอีกฝ่ายจะปล่อยให้พัก แต่เปล่าเลย ครองภพถอนกายออกอีกครั้ง...ด้วยจังหวะเดียวกับเมื่อครู่นี้


   “อื้อ!”


   การถอนออกและแทรกสอดกลับเข้าไปเพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อย แต่ละครั้งที่แนบสนิททำให้อึดอัดจนแผ่นหลังของร่มธรรมเว้าโค้งจากพื้นเตียง



ยามภายในกายโหวงเหวงเพราะถูกถอดถอนคล้ายจะสบายอกสบายใจแต่กลับรู้สึกร้อนผ่าวอยากได้การเติมเต็ม ยามภายในกายถูกเติมเต็มด้วยความอึดอัดคับแน่นก็กลับทั้งรัดทั้งตอดราวกับชื่นชมยินดี


“ค...ครอง...อ๊ะ...”


ครองภพเป็นคนหนุ่มไร้ประสบการณ์ที่ถูกความกำหนัดครอบงำไปแล้ว ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อ ยิ่งเมื่อได้รับการโอบกอดแนบแน่นของคนรัก ยิ่งถูกตอดรัดทุกการเคลื่อนสอด อารมณ์ก็ยิ่งโหมกระพือ


เขาขยับกายเร็วขึ้น หนักขึ้น ยามกระแทกเข้าหาก็แนบแน่นจนมิด ยามดึงรั้งออกก็รวดเร็วจนแทบสุดความยาว จากจังหวะช้าที่หนักแน่น กลายเป็นเร็วจนแทบหายใจไม่ทัน ในขณะที่ร่างข้างใต้ไม่ได้ขยับกายหนีเลยสักนิด หยัดร่างตอบสนองการกระแทกกระทั้น พากันจ้วงกระโจนไปกับอารมณ์หวาม


เสียงลมหายใจหอบกระชั้น ความร้อนผุดพรายกลั่นเป็นเหงื่อจนเนื้อตัวชื้นฉ่ำ ริมฝีปากบดจูบสลับกับครางเครือเรียกชื่อจนกระทั่งห้วงสุดท้ายของอารมณ์


“อ๊า!”


ความรักที่แสนร้อนผ่าวระเบิดออกมาในอ้อมกอดของกันและกัน


   ลมหายใจหอบหนัก หัวใจเต้นถี่จนได้ยินเสียงก้อง ต่างคนต่างเหนอะหนะและเหนื่อยอ่อน แต่ร่างกายกลับยังแนบสนิทกันทุกสัดส่วน เนื้อตัวบางส่วนเปรอะเลอะ แต่ไม่ได้ทำให้พวกเขาสนใจมากไปกว่าความสัมพันธ์ที่ก้าวไปข้างหน้าในค่ำคืนนี้


   ครองภพถอนจูบออก ถอยใบหน้าออกมาเล็กน้อย ดวงตาเรียวทอดมองใบหน้าแดงก่ำของคนรัก เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มกรอบหน้า เขาไล้ปลายนิ้วไล่หยาดเหงื่อออกให้แผ่วเบา คนที่หลับตาหอบหายใจ ลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มให้


   รอยยิ้มที่ครองภพคิดเสมอว่ามันสวยเหลือเกิน


สวย...จนตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำอีก


   เขาก้มลงจูบเบาๆที่ริมฝีปากที่ยังแย้มยิ้มหวาน ก่อนจะเบี่ยงศีรษะไปซุกหน้าผากลงกับลาดไหล่ของร่มธรรม แล้วงึมงำเสียงเบา แน่นอนว่าแม้จะใกล้กันเพียงนี้ก็ฟังไม่ถนัด


   “ครองพูดอะไรเหรอ” ร่มธรรมหันไปถาม คนที่ซุกหน้าลงกับไหล่ของเขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาเรียวในยามนี้ยังคงเต็มไปด้วยความรักและต้องการ


   มันวาววับไม่ต่างจากเมื่อครู่นี้เลย ร่มธรรมสะท้านเมื่อรับรู้ว่าความอึดอัดในร่างกายถูกถอนออกไป


   “พักแป็บนึง...”


คนฟังยังไม่เข้าใจ แต่เมื่ออีกฝ่ายขอพัก ก็สมควรจะเป็นเช่นนั้น เขายิ้มจาง ลูบหลังคนรักที่ยังนอนทับเขาอยู่


“ได้สิ”


ครองภพนิ่งไป คราวนี้ดวงตาของเขาอ่อนแสงลง ดูน่าเห็นใจ


“...ผมหมายถึง...พักแป็บนึง แล้วผมขออีกได้มั้ย”



ร่มธรรมชะงักตาค้าง แต่พอเห็นสายตาของคนรักที่ทั้งอ้อนทั้งขอ เขาก็พบว่าตนเองไม่ใช่แค่ใจอ่อนเวลาครองภพหงอ แต่เวลาครองภพอ้อน ก็ใจแข็งไม่ได้ด้วย


แล้วพอใจแข็งไม่ได้ ก็ทำได้เพียง ‘พักแป็บนึง’ แล้วหลังจากนั้น...ก็ไม่ได้พักอีกเลย



ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)



   ตอนหน้าจะเป็นบทส่งท้ายของเรื่องนี้แล้วค่ะ หลังจากบทส่งท้าย จะมีตอนพิเศษอีก 1 ตอน (พิมพ์ทันแค่ตอนเดียวจริงๆค่ะ TT) แล้วบัวจะขอลาไปสักแป็บ เพราะต้องเรียนให้จบค่ะ (เสียดายตังค์ค่าเทอม ฮ่าฮ่า)

   แต่ในช่วงที่ลา ถ้ามีตอนพิเศษเรื่องเก่าๆเรื่องไหนเขียนเสร็จ จะเอามาลงเช่นเคย ลุ้นกันได้ว่าจะเป็นเรื่องไหนค่ะ ฮ่าฮ่า

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและทุกกำลังใจเช่นเคย

   เจอกันพฤหัสหน้าค่ะกับบทส่งท้ายนะคะ

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 23-04-2020 21:31:43
โอ้ยยยย ดีมากค่าาาาาาาาา ความเตรียมพร้อม ความคิดถึงอีกฝ่ายทุกเวลา ความใส่ใจในทุกท่วงท่า ชอบมากเลยอ่าาาาาา :-[  :-[ ความรักมันฟุ้งไปหมดเลย  :-[

//ว่าแต่ ครองไม่ได้ใช้นิ้วขยายให้พี่ร่มก่อนสอดใส่เหรอ หรือตัดตอนนั้นออกไป555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-04-2020 22:00:42
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-04-2020 22:01:17
เคลื้มเลย..ยยยยยยย    :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-04-2020 22:26:26
 :mc4:



และในที่สุดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 23-04-2020 22:28:09
พักแป๊บบบบบหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้พักอีกเลย  :hao6:
ทำไงได้ ครองมันยังหนุ่ม พลังมันเหลือเฟือ
ลุกไหวมั้ยพี่ร่ม ถามร่างกายดู...

หืออออ ตอนหน้าจบแล้ว.. วันพฤหัสฯ ของฉัลลลล :ling3:

สู้ๆ นะคะ เรียนให้จบแล้วมาลงตอนพิเศษให้พอหายคิดถึงบ้างนะคะ
รอเสมอค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-04-2020 00:31:00
งื้ออออออ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-04-2020 00:44:27
คืนนี้อีกยาวไกล :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 24-04-2020 02:05:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 24-04-2020 09:40:50
เขาได้กันแล้ว  ยินดีกับน้องครองด้วยค่า 555 :haun4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-04-2020 12:19:06
ละมุนกันไป  :hao6: แต่คืนนี้ยาวไกล เห็นใจพี่ร่มด้วยนะครอง ว่าแต่พี่ร่มก็เห็นใจครองด้วยวัยหนุ่มไฟแรงงี้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-04-2020 12:44:31
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 24-04-2020 13:50:33
 :z1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 24-04-2020 15:46:48
 :mc4: จุดพลุ! ยินดีด้วยน้องครอง ในที่สุดพี่ร่มเป็นของครองแล้ววว

โง้ยยย พี่ร่มตามใจเก่ง ยอมทุกอย่างเลย น้องอ้อนขอต่อก็ยอม ไม่ได้พักยันเช้า งื้ออ :hao5:
น้องครองดูแลพี่ร่มดีๆเลย เจ้าเด็กหืดหาดดด

ขอให้เรียนจบด้วยเกรดงามๆค่ะ
เป็นกำลังใจให้ สู้ๆนะคะคุณบัว
จะรอลุ้นตอนพิเศษแก้เหงานะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 24-04-2020 23:34:20
มันดวียยยย์

ต่างคนต่างใส่ใจซึ่งกันและกัน ดีงามมากกก o18
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 25-04-2020 13:03:09
 :L1:ตานๆ  :jul1:
ใครไหวไปก่อนเลย เราไม่ไหว
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 25-04-2020 21:04:23
 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-04-2020 02:06:07
มีคนโดนกินค่ะ  :heaven
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 15 (23/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 29-04-2020 11:23:38
โอ้ววววววววววว   :haun4: :haun4:
เราไม่ไหวววว เลือดหมดตัวแล้ววววว  :jul1:
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-04-2020 20:44:04
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
บทส่งท้าย
………………………



   วงการบันเทิงยังคงเดินต่อไป คลื่นลูกเก่าลูกใหม่ซัดซาดไปกับกระแสความนิยมที่มีขึ้นมีลง


ครองภพและร่มธรรมยังคงมุ่งมั่นในสายอาชีพนี้ พวกเขาเรียนรู้และเติบโต อาศัยทั้งพรสวรรค์และพรแสวง ใช้ทั้งฝีมือและโอกาส ผลักดันตนเองให้ยืนหยัดในวงการอย่างสง่าผ่าเผยและน่าภาคภูมิใจ


แต่ในเมื่อมีคนสนับสนุนผลักดัน มีคนเห็นความสามารถ มีคนเห็นประโยชน์ ก็ย่อมมีคนขัดแข้งขัดขา มีคนไม่เห็นความสามารถ และมีคนเห็นว่าขวางประโยชน์


ข่าวลือไม่ใช่เรื่องที่จะควบคุมได้ โดยเฉพาะข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของร่มธรรมและครองภพ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ยอมรับสถานะนี้ ให้อย่างไรปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดงก็คือจริตของสังคม ดังนั้น พวกเขาย่อมต้องรักษาความรู้สึกที่มีต่อกันเอาไว้เป็นความลับ


   อย่างไรก็ตาม สังคมต่างรับรู้กันว่าร่มธรรมเคยช่วยชีวิตครองภพ และรับรู้ว่าพวกเขาเคยผจญกับกรณีเบญญามาด้วยกัน ก็พอจะทำให้เข้าใจว่าความสนิทของพวกเขาเป็นมิตรภาพที่สวยงาม


   แต่แม้จะเข้าใจ ความสัมพันธ์ของร่มธรรมและครองภพก็ยังเป็นเรื่องให้นักข่าวหยิบยกมาตั้งคำถามอยู่เนืองๆ


   ถามครองภพ ครองภพก็ย้ำแต่คำว่าผู้มีพระคุณ ถามร่มธรรม ร่มธรรมก็พาคุยไปเรื่องอื่น สุดท้าย...หวยเลยมาออกที่รามิล


   รามิลในฐานะพระเอกเก่าที่ยังโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงในฐานะผู้จัด แถมยังเป็นคนพาร่มธรรมกลับเข้าวงการ และทำให้ร่มธรรมกับครองภพได้ร่วมงานกัน เขาย่อมเป็นหนึ่งในคนที่ถูกนักข่าวตั้งคำถาม


   “ร่มกับครองน่ะหรือ เอาจริงน่ะ? อีเว้นท์นี้ไม่มีสองคนนั้นนะครับ” ชายหนุ่มย้อนถามหน้าตายิ้มแย้ม สมกับเป็นอดีตพระเอกแห่งชาติ แม้จะเกษียณตนเองจากอาชีพนักแสดงแล้ว แต่ก็ยังรักษาภาพลักษณ์ได้อย่างดี


   “ถ้าถามผมล่ะก็...จะว่าไงดี Twin Flames นะ ผมคิดถึงคำนั้น”


   แน่นอนว่าเกิดเป็นเทรนด์ของการค้นหาความหมายของคำว่า Twin Flames ขึ้นมาทันที แม้ภายหลังจะมีข่าวลือว่าเป็นชื่อซีรี่ส์เรื่องใหม่ที่รามิลกำลังจะเป็นผู้จัด แต่ก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ารามิลต้องการหมายถึงซีรี่ส์ของตัวเอง หรือต้องการพูดถึงความสัมพันธ์ของครองภพและร่มธรรม


   ฝั่งแฟนคลับ ‘พี่ร่มน้องครอง’ บอกว่ารามิลต้องการบอกว่าพี่ร่มน้องครองเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ


   ฝั่งแฟนคลับ ‘น้องครองพี่ร่ม’ บอกว่ารามิลลึกซึ้งสุดๆ เพราะคำนี้กินความหมายยิ่งกว่าคู่แห่งพรหมลิขิตอีก


   ฝั่งแฟนคลับ ‘ครองภพ’ บอกว่าร่มธรรมมีบุญคุณต่อครองภพน่ะใช่ แต่ก็มีอีกหลายคนที่เคยช่วยเหลือครองภพมาก่อน ถ้าอย่างนั้นก็คงเรียก Twin Flames ไม่ได้ เรียก Millions Flames ดีกว่า


   ฝั่งแฟนคลับ ‘ร่มธรรม’ บอกว่า ร่มธรรมอายุขนาดนี้แล้ว ผ่านทั้งอาชีพนักแสดงและทำธุรกิจ หากจะนับคนที่ร่วมหัวจมท้ายไปกับร่มธรรม ก็ควรเรียก Millions Flames เช่นกัน


   ในเมื่อกระแสทางแฟนคลับแตกออกเป็นหลายส่วน นักข่าวเลยไปถามกับเจ้าตัวอย่างครองภพ


   “Twin Flames เหรอครับ ก็ดีครับ”


   “คุณครองหมายถึง ยอมรับที่คุณรามิลบอกว่าเป็น Twin Flames ของคุณร่มหรือคะ”


   “ต้องยอมรับหรือไม่ยอมรับด้วยหรือครับ”


   “สรุปว่าคุณครองกับคุณร่มตอนนี้ยังสนิทกันมั้ยคะ”


   “เขาเป็น...”



ครองภพกำลังจะตอบคำตอบเดิม แต่นักข่าวรอบตัวประสานเสียงกันขึ้นมาเสียก่อน


   “ผู้มีพระคุณของผม!”


   นักแสดงหนุ่มอึ้งงัน หน้าตาเหรอหราไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นกระแสข่าวในอินเตอร์เน็ตว่าพระเอกหนุ่มรูปหล่อพูดน้อยเจอนักข่าวย้อนจนชะงัก พอคนได้ดูคลิปสัมภาษณ์ก็พากันหัวเราะด้วยความเอ็นดูเขา


   ประเด็น Twin Flames เมื่อถามครองภพแล้วไม่ได้อะไรเพิ่ม นักข่าวก็เลยหันไปจ่อไมค์ถามร่มธรรมแทน


   “Twin Flames? เป็นคำที่ดีนะครับ”


   “คุณรามิลบอกว่าคุณร่มกับคุณครองเป็น Twin Flames ค่ะ”


ร่มธรรมเลิกคิ้ว แล้วยิ้มจาง ไม่ได้มีท่าทีตกใจราวกับเตรียมตัวสำหรับประเด็นนี้มาแล้ว


    “ครองช่วยผมไว้เยอะมากเลยครับ ตอนผมกลับเข้าวงการใหม่ๆ ก็ได้เขาคอยช่วยหลายอย่าง ถ้าไม่ได้เขา ผมก็คงไม่ได้อยู่ในวงการต่อแล้ว” เขาไม่ตอบเรื่อง Twin Flames แต่เล่าเรื่องอื่นแทน


   “หมายความว่าคุณร่มเคยคิดจะออกจากวงการอีกรอบหรือคะ”


   “ตอนนั้นนะครับ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ตอนนี้อยากทำงานในวงการ อยากเล่นละครอีกเยอะๆ อยากออกรายการอีกหลายๆแบบ อยากพัฒนาตัวเองต่อไปครับ”



ร่มธรรมเก่งเรื่องเบี่ยงประเด็นด้วยท่าทางสุภาพ ดังนั้นสุดท้ายแล้ว คำสัมภาษณ์ของเขาจึงไม่ใช่การตอบคำถามเรื่อง Twin Flames แต่อย่างใด


   แม้ต่างคนต่างเลี่ยงที่จะพูดถึงความสัมพันธ์ แต่กระแสความนิยมในตัว ‘ทั้งคู่’ ก็ยังไม่ซา แต่การจะดึงพวกเขาไปออกรายการหรืออีเว้นท์เป็นเรื่องยาก ต้นสังกัดของครองภพไม่อยากให้ศิลปินมีกระแสในทิศทางนั้นมากเกินไป ในขณะที่ร่มธรรมเองก็ต้องวางตัวให้ความนิยมของเขาอยู่ตรงกลางระหว่างแฟนคลับเดี่ยวและแฟนคลับคู่ อย่างไรก็ตาม เพราะกระแสซีรี่ส์ของผู้กำกับฉายดังเป็นพลุแตก งานประกาศรางวัลของวงการบันเทิงย่อมต้องมีรางวัลสำหรับซีรี่ส์เรื่องดัง


   ครองภพและร่มธรรมออกงานร่วมกัน แยกกันมา แยกกันเข้างาน แต่ขึ้นเวทีด้วยกันและรับรางวัลพร้อมกัน


   เสียงประกาศรางวัล เสียงประกาศชื่อ ตามมาด้วยเสียงปรบมือ และทีมงานที่เข้ามาเชิญให้ขึ้นเวที


   ร่มธรรมก้าวเท้าออกไปยืนเบื้องหน้าของเวที ข้างแท่นวางรางวัล


   มีคำกล่าวว่า นักแสดงคือดาราเจิดจรัส มีรูปทรัพย์หล่อสวย มีทรัพย์สินมั่งคั่ง เป็นที่จับจ้องของสังคมรอบข้าง แต่สำหรับร่มธรรม ‘ดาราเจิดจรัส’ คือภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏแก่สายตาของนักแสดงเช่นเขาในขณะนี้


   นักแสดงจะเจิดจรัส ก็เพราะคนมากมายสนับสนุนเช่นนี้ต่างหาก 


   แสงไฟ แสงแฟลชนับร้อยนับพัน พร่างพรายอยู่ในความมืดของหอประชุมขนาดใหญ่ เขามองภาพตรงหน้าด้วยไม่คาดคิดว่าชีวิตของเขาจะพลิกผันมาถึงตรงนี้


   หากวันนั้น รินฤดีไม่คะยั้นคะยอให้กลับมารับงานอีกครั้ง


   หากวันนั้น คิดจะถอยออกจากเส้นทางนี้อีกหน


   หากวันนั้น ไม่ได้ใครหลายคนเตือนสติให้ตระหนักว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการ อะไรคือชีวิต อะไรคือจิตใจ


   วันนี้...คงไม่ได้ยืนตรงนี้


   มือของเขาเอื้อมไปหยิบป้ายรางวัลคริสตัลระยิบระยับ บนนั้นระบุชื่อรางวัลและชื่อของเขา


   ‘รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม ประจำปี...’


   ‘ร่มธรรม’


   ชื่อของเขา กับรางวัลที่เป็นเหมือนแรงใจแรงกายให้กับเส้นทางนี้


   “ผม...เคยถอยออกไปจากที่แห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน เคยคิดจะไม่กลับมาอีก เคยคิด...แม้แต่จะล้มเลิกความตั้งใจของตนเอง โชคดีที่คนรอบข้างช่วยผมเอาไว้ เตือนสติผม ผลักดันผม”


ภาพของรินฤดีที่คะยั้นคะยอให้เขารับงาน ภาพขององอาจที่กดนิ้วลงมาตรงตำแหน่งหัวใจของเขา ภาพของครองภพที่จับจ้องและตอกย้ำให้เขาตระหนักว่าอะไรคือชีวิตของเขา


หากไม่มีคนเหล่านั้น เขาคงอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ไม่ใช่โลกที่ตนเองได้ยืนอยู่กลางเวที มีผู้คนนับร้อยนับพันห้อมล้อมเช่นนี้


ร่มธรรมเองก็ไม่รู้ว่าโลกใดดีกว่ากัน ไม่รู้ว่าหากเขาเลือกอีกเส้นทางหนึ่ง ชีวิตจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้หรือไม่


แต่...ในเมื่อเขาเลือกแล้ว เขาเลือกที่จะเดินในเส้นทางนี้ เลือกที่จะอยู่ในโลกใบนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลับไปคร่ำครวญถึงการเลือกในอดีต หรืออนาคตจะเป็นเช่นไร


ในเมื่อชีวิตในปัจจุบัน คือโอกาสของการมีชีวิต


“พอผมกลับเข้ามาแล้ว ตัวผมคนเดียว ไม่มีวันทำให้ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้ คนมากมายช่วยเหลือผม เป็นกำลังใจให้ผม สนับสนุนผม ทั้งในสายอาชีพและในชีวิตส่วนตัว”


ภาพของรุ่งโรจน์ รามิล อัจฉราและธาดา ทีมงานมากหน้าหลายตา แฟนคลับและคนที่รักเขา แม้กระทั่งเบญญา ชายนุ่งโจง และหนุ่ยที่ทำให้เกิดเรื่องราวอันตรายให้กับชีวิตของเขาและครองภพ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าถ้าไม่ใช่เพราะเบญญารักเขามากขนาดนั้น ก็คงไม่อวดกับรามิล และถ้าไม่ใช่เพราะชายนุ่งโจง เขาก็อาจจะไม่ได้เจอและรู้จักกับครองภพแล้วสานสัมพันธ์กันอย่างทุกวันนี้


หากมีเรื่องใดบิดพลิ้วแม้เพียงเล็กน้อย ชีวิตที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ อาจจะไม่ใช่เช่นนี้เลยก็ได้


“ขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมมาถึงจุดนี้ ต่อจากนี้ ผมจะพยายามให้มากขึ้น จะสร้างผลงานที่เป็นความภาคภูมิใจของทุกคน การสนับสนุนของพวกคุณไม่ว่าจะเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อวานนี้ วันนี้ หรือวันต่อไป จะมีค่าสำหรับผมเสมอ ขอบคุณมากครับ” น้ำเสียงของเขาแหบพร่า ถอยห่างออกจากโพเดี่ยม ยกมือไหว้แล้วตามด้วยโค้งกายต่ำ นิ่งค้างอยู่เช่นนั้น


เสียงตบมือดังกระหึ่ม ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมา


บนอัฒจรรย์มีป้ายไฟเป็นชื่อเขาจากเหล่าแฟนคลับ บอกให้รู้ว่านี่คือคนกลุ่มใหญ่ที่สนับสนุนเขาให้มาถึงจุดนี้ มีป้ายชื่อครองภพอยู่อีกมุมหนึ่ง นั่นก็กลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่สนับสนุนคนรักของเขา และมี...ป้ายชื่อเขาและครองภพเคียงกัน นี่ก็อีกกลุ่มที่พร้อมจะสนับสนุนทั้งเขาและครองภพ


ร่มธรรมยิ้มจางด้วยความภาคภูมิใจ ที่ทำให้ชื่อของตนเองได้ขึ้นมาเจิดจรัสอยู่ท่ามกลางความมืดในหอประชุมขนาดใหญ่ ที่ภูมิใจไม่น้อยไปกว่ากันคือพอเหลือบมองไปอีกข้างก็เห็นชื่อของครองภพอยู่ด้วย


โอกาสเช่นนี้ ไม่รู้ชีวิตนี้จะได้เห็นอีกหรือไม่ แต่ปัจจุบันนี้มันเกิดขึ้นตรงหน้า


ชายหนุ่มโบกมือให้กับผู้คนในหอประชุม ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับไปยืนเคียงข้างนักแสดงนำที่รับรางวัลร่วมกัน


   ชั่วจังหวะที่หันกลับไป สายตาประสานกันเพียงอึดใจเดียว ต่างคนต่างรับรู้ ทว่าไม่มีใครพูดอะไร


   “ขอเชิญคุณครองภพรับรางวัลครับ” เสียงของพิธีกรดังขึ้น ครองภพเดินไปยืนที่จุดเดียวกับร่มธรรมเมื่อครู่


   ดวงตาดุของชายหนุ่มกวาดมองไปรอบกาย ป้ายชื่อของเขาอยู่มุมหนึ่ง ป้ายชื่อของร่มธรรมอยู่อีกมุมหนึ่ง มีป้ายชื่อพวกเขาทั้งคู่ด้วย เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดน่าดีใจกว่ากัน ระหว่างมีคนมากมายสนับสนุนการทำงานของเขา มีคนมากมายสนับสนุนการทำงานของร่มธรรม และมีคนมากมายสนับสนุนการทำงานของพวกเรา


   แต่...มันอาจไม่จำเป็นเลย ที่จะต้องเทียบความดีใจ


   ในเมื่อความดีใจก็คือความดีใจ


   ความดีใจทำให้มีความสุข


   เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว


   “ผมพูดไม่เก่ง...” เขาก้มหน้าลงหาไมโครโฟนบนโพเดี่ยม ประโยคสั้นๆของเขาที่ออกตัวสมกับฉายา ‘หล่อพิกุลจะร่วง’ ทำเอาเกิดเสียงหัวเราะร่วนในหอประชุม


ครองภพเว้นวรรคหายใจ กลืนความตื้นตันลงคอ แต่หยาดน้ำใสคลอหน่วย


   เขาไม่ใช่คนร้องไห้ง่าย ในเวลางานนั้นเรื่องหนึ่ง แต่เวลาที่เป็นครองภพ หากไม่ใช่เรื่องที่มีผลต่อจิตใจมากมาย เขาไม่เคยร้องไห้เลย


ครองภพผู้เติบโตมากับความพยายามอย่างหนักเพื่อฝ่าฝันในแวดวงอุตสาหกรรมบันเทิง เหนื่อยยากแค่ไหนก็ต้องลุกขึ้นมาสู้ต่อ ทุกข์ทรมานแค่ไหนก็ทำได้แค่กัดฟันแล้วพยายามให้มากขึ้นอีก แต่วันนี้...วันนี้เหมือนมีดอกไม้บานสะพรั่งอยู่รอบตัวเขา


มันสดใส อบอุ่น พร่างพรายด้วยประกายระยิบระยับ


   ข้างหน้าคือคนที่สนับสนุนเขา ทั้งครอบครัว แฟนคลับ และทีมงาน ส่วนข้างหลัง...คือคนที่เป็นแรงกายแรงใจ เป็นคนที่แม้บอกใครไม่ได้ว่ามีความสัมพันธ์เช่นไร แต่พวกเขาจะเคียงข้างกัน ดูแลกัน คอยสนับสนุนกันและกันเช่นนี้ต่อไป


   เขารู้ว่าเมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง วันนี้จะกลายเป็นอดีต เขายังต้องพยายามต่อไป ต้องสู้ต่อไป ต้องฟันฝ่าต่อไป แต่อย่างน้อย...วันนี้...จะเป็นความทรงจำที่แสนงดงามของเขา...ตลอดไป


   “...แต่ผมจะพยายามให้มากกว่านี้ จะตอบแทนรางวัลนี้ด้วยความพยายามของผม จะไม่ทำให้คนที่มอบรางวัลนี้ให้ผมต้องเสียใจ ทุกการสนับสนุนของพวกคุณทุกคนจะต้องไม่เสียเปล่า ผมจะพยายามต่อไปครับ”



ครองภพถอยหลังออกมาจากโพเดี่ยมแล้วโค้งกายต่ำ เสียงปรบมือดังกระหึ่ม จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมา กวาดสายตาเก็บภาพความทรงจำที่แสนสวยงามนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด แล้วจึงหมุนตัว เพื่อกลับไปยืนเคียงข้างนักแสดงที่ขึ้นรับรางวัลร่วมกัน


   สายตาประสานกันอีกครั้ง ไม่มีใครส่งยิ้มให้ใคร แต่ในดวงตาที่สบกันมีประกายแห่งความยินดีมอบให้


   ครองภพและร่มธรรมยืนเคียงข้างกันบนเวที ในมือมีรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม พวกเขาถ่ายรูปร่วมกัน มีทั้งภาพทั้งคลิปเป็นร้อยเป็นพันในค่ำคืนนี้ ที่จะกลายเป็นความทรงจำอันงดงามว่าครั้งหนึ่งพวกเขาได้พบกัน ได้ร่วมงานกัน สนับสนุนและผลักดันกันและกัน ช่วยเหลือและประคับประคองกัน    


จนกระทั่งวันนี้...ได้ยืนข้างกัน เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนจำนวนมาก


เรา...จะใช้โอกาสทั้งหมดที่มี เคียงข้างกันในปัจจุบัน แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน เหมือนอย่างที่เราก้าวมาด้วยกัน จนได้มายืนข้างกัน ณ ที่แห่งนี้




‘ครองภพ’


‘ร่มธรรม’


‘นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี’



อดีต...ไม่รู้ว่าพลัดพรากกันมากี่ครั้ง


   อนาคต...ยังมาไม่ถึง และไม่แน่ไม่นอน


   แต่ปัจจุบัน...คือโอกาส...


โอกาสของชีวิตนี้ หัวใจนี้ ความรู้สึกนี้...



โอกาส...ของชีวิตที่ชื่อ ‘ครองภพ’ และ ‘ร่มธรรม’



FIN
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-04-2020 20:47:12
สวัสดีค่ะ


เวรกรรมตามทันในภพนี้ #เวรกรรมฯ เดินทางมาถึงบทส่งท้ายของเรื่องแล้วค่ะ


ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา เราทุกคนล้วนพบเจอปัญหาใหญ่ บัวเองก็เช่นกัน บางช่วงดิ่งลงไปมาก แต่ก็เพราะได้เขียนเรื่องนี้ ได้รับรู้ว่ามีคนอ่านที่มีความสุขกับเรื่องนี้ ถึงได้ฮึดตัวเองกลับขึ้นมาได้ ขอบคุณนะคะ ที่เข้ามาอ่านงานของบัว ขอบคุณที่ให้งานของบัวได้สร้างความสุขให้ ดีใจทุกครั้งที่ได้รู้ว่างานของบัวเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้วันพฤหัสเป็นวันดีๆค่ะ


เรื่อง เวรกรรมตามทันในภพนี้ ถึงแม้จะมีเรื่องของชาติก่อน แต่บัวตั้งใจจะสื่อถึงปัจจุบันค่ะ และเรื่องนี้ไม่ได้ตีความคำว่าเวรกรรมคือการทำดีได้ดี หรือทำชั่วได้ชั่ว แต่คือการผูกสัมพันธ์กันด้วยการกระทำ


ตัวละครร่มธรรม (ชื่อร่มธรรมหมายถึงความดี ชื่อสุนทรวิจักษ์ก็หมายถึงความดี) ชาติที่เป็นคุณหลวงถึงจะใจดี มีเมตตา และเอ็นดูแผน แต่ก็หูเบา ส่วนหนึ่งเพราะสมัยนั้นไม่ได้มีหลักฐานอย่างอื่นมากไปกว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า ก็เลยตัดสินด้วยอารมณ์ชั่ววูบ  ในพาร์ทอดีต บัวไม่ได้เล่าว่าคุณหลวงรู้สึกยังไงที่ไล่แผนออกจากบ้าน แต่ในชีวิตที่เป็นร่มธรรม เขาคือคนที่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มองปัจจัยทุกๆอย่าง ส่วนหนึ่งก็เพราะบางสิ่งจากในอดีตที่ติดอยู่ในใจเขาไม่ให้ตัดสินทุกอย่างด้วยอารมณ์ค่ะ


ครองภพ (ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ครอบครอง ส่วน ภพ ตั้งใจให้อิงกับชื่อเรื่องค่ะ) ชาติที่เกิดเป็นแผน เขายากจน ถูกส่งมาอยู่บ้านคุณหลวงเพื่อแทนค่าเช่าที่นา สร้อยพระที่คุณหลวงจะให้ ก็ไม่ได้ (และต้องรอมาจนถึงชาตินี้ ที่ได้สร้อยจากร่มธรรม) แถมยังถูกใส่ความ คุณหลวงเคยเมตตาเอ็นดูก็กลายเป็นโกรธเกลียด วาระสุดท้ายของชีวิต พูดไปก็ไม่มีคนฟัง เป็นเด็กหนุ่มที่อาภัพมากๆคนหนึ่ง พอมาเกิดเป็นครองภพ เลยติดนิสัยไม่พูด แต่ใช้วิธีแสดงออกด้านอื่นแทน ก็เลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่ครองเข้าวงการเพราะเขาคิดว่าเขาอยากแสดงออกความรู้สึกด้วยวิธีอื่นๆ


บัวตั้งใจให้ในชาติที่เป็นคุณหลวงกับเด็กรับใช้ในบ้าน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวเลยแม้แต่นิดเดียว อย่างที่บอกว่าบริบทในสมัยนั้นไม่ได้เอื้อให้เกิดความรู้สึกแบบนั้นสำหรับคุณหลวงและแผนเลย แต่ในชาติปัจจุบัน มีปัจจัยหลายอย่างที่เอื้อต่อความรู้สึกลึกซึ้ง จนพัฒนาไปเป็นคนรักกันได้


จริงๆมันเป็นเรื่องที่น่าสงสัย ในกรณีที่มีเรื่องอดีตชาติ คนเราจะเป็นเกิดมาเป็นคู่กันในทุกๆชีวิตได้จริงหรือไม่ เพราะการจะพบเจอกันได้ มันต้องอาศัยความพอดีของเวลา สถานที่ ฯลฯ การจะรักกันได้ ก็ต้องอาศัยทั้งบริบทต่างๆในสังคมมาประกอบ เพราะฉะนั้น เลยกลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ของเรื่องนี้ ที่ว่าปัจจุบันสำคัญค่ะ เพราะชาติภพปัจจุบัน มันมีโอกาสให้พวกเขารักกัน การจะรอไปจนถึงชีวิตหน้าก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันหรือไม่ ดังนั้น ต้องรักกันในชาตินี้ค่ะ ฮ่าฮ่า


ในส่วนของเรื่องราวในอดีต ก็ตั้งใจจะสื่อออกมาเป็นชิ้นๆ ไม่ได้เป็นพาร์ทยาวๆ เพราะทั้งครองภพและร่มธรรมล้วนเกิดมาอยู่ในปัจจุบันแล้ว อดีตอาจจะส่งต่ออะไรบางอย่างมา แต่ในเมื่อรับรู้ทั้งหมดไม่ได้ จุดโฟกัสจึงเป็นปัจจุบันของชีวิตพวกเขาค่ะ


“เวรกรรมตามทันในภพนี้” นอกจากจะเน้นคอนเซ็ปต์ที่ปัจจุบันสำคัญแล้ว ยังสื่อถึงนายช่วงด้วยค่ะ นายช่วงติดตามดูแลคุณหลวงมาตั้งแต่ชาติก่อนๆ พยายามกีดกันแผนมาตลอด ยึดติดแต่กับคุณหลวง ไม่ยอมไปผุดไปเกิด จนกระทั่งชาตินี้ เวรกรรมตามทันนายช่วง ด้วยการที่แผน/ครองภพ เป็นคนที่คุณหลวง/ร่มธรรมจับต้องได้ แต่นายช่วงทำไม่ได้ โอกาสของการมีชีวิตของครองภพ เป็นสิ่งที่นายช่วงไม่มี ถึงนายช่วงจะพยายามทำให้ทั้งสองคนแยกกันอีก แต่คราวนี้มีคนที่ไม่ยอม ก็เลยกลายเป็นว่า เวรกรรมตามทัน(นายช่วง)ในภพนี้(โดยคนที่ชื่อครองภพค่ะ)


นายช่วงคือตัวละครที่ติดอยู่ในอดีต ไม่รับรู้ปัจจุบัน ส่วนเบญญา คือคนที่ติดอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่รับรู้ปัจจุบันเช่นกัน


ส่วนตัวประกอบที่มีซีนที่สุดด้วยความบราค่อนอย่างพี่ธาดา มีหลายคนทายว่าพี่ธาดาเป็นคุณเทพ อันนี้ถูกค่ะ ตอนเป็นคุณเทพ เพราะพึ่งพาแผนมาตลอด พอมาเป็นพี่ธาดา ก็เลยสนับสนุนน้องสุดลิ่มทิ่มประตูไปเลยค่ะ


ส่วนตัวละครอื่นๆ ทั้งแม่อัจ ทั้งพี่ๆของร่ม คุณแนท เบญญา รามิล และผกก. รวมถึงตัวละครต่างๆ ที่อยู่ในชาติภพนี้ บัวไม่ได้เจาะจงว่าพวกเขาเคยเจอกับพี่ร่มและน้องครองในชาติไหนค่ะ เพราะทั้งพี่ร่มและน้องครองก็เกิดมาหลายครั้งแล้ว


ทีนี้มาที่ตัวเลขอายุ จริงๆเคยเกริ่นไว้แล้วว่าอายุของพี่ร่มน้องครองที่เป็น 28 22 และอายุที่ห่างกัน 6 ปีเพราะมันมีนัยบางอย่าง ครองภพเข้าวงการตอนอายุ 16 ซึ่งในชาติที่เกิดเป็นแผน เขาตายตอนอายุ 16 ค่ะ แผนเข้ามาอยู่ในบ้านของคุณหลวงตอนอายุ 13 คุณหลวงส่งให้เรียนหนังสือ และพออายุ 16 ก็เกือบจะได้เข้าโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์


ตลอด 3 ปีในบ้านนั้นแผนได้รับความเมตตาจากคุณหลวงมาตลอด จนกระทั่งตาย


อายุ 16 เป็นอายุที่แผนตาย อายุ 16 เลยเป็นอายุที่ครองเข้าวงการ และนายช่วงที่ติดตามคุณหลวงรู้ว่าแผนคือครองภพและกำลังจะมาเจอร่มธรรมในวงการ จึงพยายามทำให้ร่มออกจากวงการ


แผนได้รับความเมตตาสามปี แต่หลังจากนั้นกลับต้องตายด้วยความโกรธแค้น เขาเกิดมาแล้ว 2 ชาติซึ่งล้วนไม่ได้เจอคุณหลวงอีกเลย จนกระทั่งชาติที่สามที่เกิดเป็นครองภพ ความโกรธแค้นผูกพันในโชคชะตาของเขา เลยทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เจอร่มไปเลยหกปี (สองเท่าของชีวิตที่เคยได้รับเมตตาจากคุณหลวงนั่นเองค่ะ ฮ่าฮ่า)


ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่แทรกอยู่ในเรื่อง ที่เก็บเอาไว้มาเฉลยท้ายเรื่องค่ะ ฮ่าฮ่า (จริงๆยังมีพวกเหตุการณ์อุบัติเหตุต่างๆที่เกิดขึ้น ว่าใครเป็นคนทำ นายช่วงทำ? หรือเพราะความประมาท? ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นปลายเปิดค่ะ)


ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด 4 เดือน ขอบคุณที่เป็นความสุขของบัวมาตลอด 4 เดือน หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นความสุขของคนอ่านเช่นกันนะคะ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ


พบกันใหม่สัปดาห์หน้ากับตอนพิเศษเรื่องนี้ค่ะ (จบจริงแต่ก็มีตอนพิเศษจริงๆค่ะ ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 30-04-2020 21:21:49
ขอบคุณคุณบัวมากๆเลยนะคะที่เขียนนิยายสนุก น้ำดีอีกหนึ่งเรื่องให้เราอ่าน  :hao6:
พอมาอ่านเฉลยช่วงทอล์คมีว้าวหลายเรื่องเลยค่ะ
ชอบสุดน่าจะเป็นคุณเทพคือพี่ธาดา ทำไมนะทำไม  :katai4:
ทำไมเราคิดไม่ถึง คนอ่านหลายคนเก่งจริงๆค่ะ


เราชอบตรงที่เรื่องนี้มีความเป็นจริงอยู่
สุดท้ายครองภพกับร่มธรรมก็ไม่ได้บอกทุกคนว่าคบกัน
เพราะมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างพูดยากในสังคมไทยค่ะ  :a5:
แต่อย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อได้ว่าการส่งสายตากันนั้นมันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น
เผื่อเอาไปใช้กับคู่ที่เราชิปได้เลย (หยอกนะคะ) 5555555555555555  :katai2-1: :katai2-1:

คุณบัวทำให้วันพฤหัสเป็นวันที่มีค่ามากๆเลยค่ะ

เราอ่านนิยายของคุณบัวจนกลายเป้นกิจวัตรประจำวันพฤหัส

ยังไงช่วงนี้ก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะคุณบัว  :-[ :-[

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-04-2020 21:31:38
 :L2: :L1: :3123: :pig4: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-04-2020 22:34:44
รักเลยค่ะ... :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 30-04-2020 22:49:33
ขอบคุณคุณบัวมากๆ เลยนะคะที่สร้างน้องครองกับพี่ร่มให้เราได้นั่งรอเพื่อจะพบเจอเขาทุกๆ วันพฤหัสฯ ทำให้แต่ละอาทิตย์ที่ผ่านไปมีอะไรให้รอคอยบ้าง  :-[

จะรอตอนพิเศษ และนิยายเรื่องอื่นๆ ที่คุณบัวจะแต่งในอนาคตอีกนะคะ  เป็นกำลังใจให้ค่ะ :mew1:

ปล. น้องครองกับพี่ร่ม เราขออวยพรให้พวกเธอสองคนรักกันไปจนแก่จนเฒ่านะจ้ะ   :hao6:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-04-2020 23:08:07
มีหลายประเด็นที่เอามาเฉลย
ถ้าไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย

ขอบคุณค่า เรื่องสนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-05-2020 01:38:42
 :m4:


ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ถึงแม้ว่าจะไม่อยากให้จบก็ตาม

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-05-2020 01:51:41
เก่งมากๆทั้งสองคน
แต่เรื่องตัวเลขคิดไม่ถึงเลยค่ะ 555555555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-05-2020 03:55:46
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ขอบคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-05-2020 09:30:59
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ  มีมาให้อ่านจ๊ะ และมีเฉลยปมต่างๆ ท้ายเรื่องสุดยอดไปเลย
วันนี้วันแรงงาน พักผ่อนมากๆ นะไรท์ ไว้จะรอติดตามเรื่องใหม่ๆ อีก
ว่าแต่ตอนพิเศษนี้ จะพิเศษยังไงน้าาา รอ รอ รอ
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 01-05-2020 12:30:44
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆครับ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: kimmiew112 ที่ 01-05-2020 14:58:38
เห็นชื่อนักเขียนแล้วต้องเข้ามาอ่านเลยค่ะ ชอบนิยายของคุณบัวตรงที่ความรักของพระเอกนายเอกมักจะเริ่มมาจากความสบายใจ ความปรารถนาดีต่อกัน เหมือนเป็นการเติบโตของความรู้สึกของผู้ชายสองคนจริงๆ แล้วก็เดาถูกตั้งแต่แรกเลยค่ะว่าน้องครองคือนายแผรงน เพราะตอนเจอกันครั้งแรก น้องครองรู้สึกอึดอึด โกรธ น้อยใจ ห่วงหาปนเปกันไปเพราะการบรรยายของคุณบัวเลยค่ะ ทำให้เดาได้เลยว่าผีต้องไม่ใช่นายแผนต้องเป็นนายช่วงแน่นอน นายแผนไม่ได้แค้นอาฆาตขั้นเอาชีวิตแล้วก็น่าจะเพราะตอนตายนายแผนอธิฐานว่าไม่ให้เจอคุณหลวงอีก เขาเลยเวียนว่ายตายเกิดชดใช้กรรมไม่ได้มาเจอกันซักทีรึเปล่าคะ แต่ในที่สุดก็ได้เจอกัน พอมาเจอกันใหม่คุณหลวงหรือร่มธรรมก็ยังเอ็นดูครองภพเหมือนตอนเป็นนายแผนเหมือนเดิม ครองภพก็ไม่ได้อาฆาตคุณหลวงออกจะโกรธ น้อยเนื้อต่ำใจมากกว่าเพราะยังไงคุณหลวงก็เคยให้ความเอ็นดูให้เรียนหนังสือ ส่วนนายช่วงก็ต้องชดใช้กรรมที่เคยทำในอดีตไม่ได้ผุดได้เกิดไม่ได้อยู่กับคุณหลวง แต่เอาจริงๆนึกว่าจะมีปมที่ทำให้นายช่วงแค้นนายแผนมากกว่านี้นึกว่านายช่วงอาจจะเข้าใจอะไรผิดว่านายแผนหวังร้ายกับคุณหลวงซะอีก แบบคิดซับซ้อนมากเลยค่ะ ชอบเรื่องแบบนี้อ่านเพลินมาก ได้ฟินละได้คิดตามสวมบทบาทเป็นนักสืบไปด้วย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 01-05-2020 15:50:14
ขอบคุณ คุณบัวมากๆค่ะ ที่ทำให้มีความสุขในทุกๆวันพฤหัส เหมือนนัดเจอกับแฟนเลย5555 แบบโอ้ยยย อยากให้ถึงเร็วๆจัง คิดถึงพี่ร่มน้องครอง ลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อเรียกว่าอินมากกกก

สนุกมากๆค่ะ ถ้าเป็นนิยายคุณบัวไม่ว่าแนวไหน คือดีงาม ทั้งพล๊อต ทั้งสำนวน คาเรทเตอร์ที่วางไว้ชัดเจน มีมิติ และบริบทต่างๆ
ว้าวมาก กับทอลเฉลยท้ายเรื่อง โดยเฉพาะคุณเทพคือพี่ธาดาของเรา เลิฟพี่ธาดานะคะ
หลงน้องชายได้น่าเอ็นดูมากกกก

ใจหายที่จบแล้ว แต่เจอบรรทัดสุดท้าย

'จบจริงแต่ก็มีตอนพิเศษจริงๆค่ะ'

โอ้ยยย อยากกอดคุณบัวเเน่นๆ คุณบัวน่ารักที่ซู๊ดดดดด  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 01-05-2020 16:36:54
ขอบคุณคุณบัวสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-05-2020 18:27:35
ขอบคุณค่ะที่เขียนเรื่องดีๆให้ได้อ่าน แต่ก็อยากให้พี่ธาดามีคู่ชีวิตดีเหมือนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-05-2020 21:34:59
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 01-05-2020 21:38:19
เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าปัจจุบันสำคัญที่สุด อดีตแก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องไปอาลัย อนาคตไม่รู้จะเกิดอะไรก็ยังไม่ต้องไปกังวล ทำปัจจุบันให้ดีจะได้ไม่ต้องเสียใจและเสียดาย  ทั้งครองภพและพี่ร่มตอกย้ำเราในเรื่องนี้ ขอบคุณมาๆนะคะที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้มาให้ :กอด1:  :L1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 01-05-2020 21:49:42
 :o8: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 01-05-2020 22:05:06
จบแล้ว
ขอบคุณที่สร้างเรื่องราวดีๆมาให้เราได้อ่านกันมากๆ
ดีใจที่ครองกับร่มสมหวัง
ตอนแรกแอบคิดว่าครองจะประกาศบนเวทีสะอีก 55
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่จะต้องเก็บใว้ในความทรงจำ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 02-05-2020 11:16:48
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-05-2020 16:14:18
ขอบคุณคุณบัวที่สร้างเรื่องราวดีๆอีกเรื่องหนึ่งมาให้ได้อ่านนะคะ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะ
 :katai2-1: :L2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 15 (30/04/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 05-05-2020 21:06:52
ไม่เคยผิดหวังกับนิยายของคุณบัวเลย

ขอบคุณครับ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 07-05-2020 20:36:52
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
……………………………
ตอนพิเศษ ด้วยดี



ช่วงนี้ครองภพพอจะมีเวลา


   เวลาในที่นี้หมายถึง เวลากลับไปนอนที่คอนโดของตนเอง หลังจากก่อนหน้านี้เร่งถ่ายซีรี่ส์ ถ่ายละคร ถ่ายรายการ ถ่ายโฆษณา ออกอีเว้นท์ รับงานวิ่งรอกแทบจะกินนอนบนรถ บนเครื่องบินอยู่แล้ว


   แต่พอปิดกล้องเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องก็ปิดตาม ตอนนี้เหลือแค่รอเปิดกล้องเรื่องใหม่กับรายการที่ถ่ายอยู่ และออกงานอีเว้นท์บ้างประปราย ก็เลยพอจะมีเวลาให้ได้ดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อน


   แต่เวลาพักผ่อนของเขาไม่ใช่เวลาแน่นอน อย่างวันนี้คือได้กลับคอนโดตั้งแต่เย็น กดโทรศัพท์ส่งข้อความหาคนรัก พอเห็นร่มธรรมตอบกลับมาว่าจะแวะมาหาตอนค่ำก็สบายใจ ทิ้งตัวลงนอนเอนบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำ


   แล้วจากนั้น...ชายหนุ่มก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว


   .................   


   .......


   ...


   เขาลืมตาขึ้นมาในความมืด ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะจำได้ว่าตอนก่อนจะนอนเล่นบนโซฟา เขาไม่ได้ปิดผ้าม่าน อีกทั้งยังเปิดไฟ ดังนั้น...ไม่สมควรจะมืด


   ความสงสัยของครองภพกระจ่างในวินาทีถัดมา เมื่อเห็นชายผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นในความมืด


   ตอนแรกเป็นเงาจางๆ ก่อนที่ภาพร่างจะชัดขึ้นเมื่อชายผู้นั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้


   ชาย...ผู้นุ่งโจง


   ครองภพนิ่งไปเล็กน้อย นับตั้งแต่เกิดเรื่องที่อาคารร้าง ทั้งเขาและร่มธรรมก็ไม่เคยพบชายผู้นี้อีก ชายหนุ่มยืนนิ่งมองผู้มาหา เวลานี้ชายนุ่งโจงไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรืออาฆาตอีกแล้ว สีหน้าหมองหม่น ไร้ซึ่งความกำแหงเหมือนเก่า


   “ไอ้แผน”


   แต่...ไร้ความกำแหง และก็ไร้ความจำ


   ริมฝีปากของครองภพกระตุก


อุตส่าห์มีเวลาพักผ่อน ก็ดันฝันเห็นผี แล้วผีที่ว่าก็ดันเป็นผีพูดไม่รู้เรื่อง


เขาหมุนตัวจะเดินหนีไม่อยากพูดด้วย แต่จู่ๆอีกฝ่ายก็พุ่งตัวมาดักข้างหน้า หน้าตาถมึงทึง


   “กูเรียกมึง!” ไร้ความกำแหงแต่ก็ยังโอหังไม่ต่าง


   “ไม่ได้ชื่อแผน” ครองภพย้อน หน้าตาเรียบเฉย ดูเหมือนชายนุ่งโจงผู้นั้นจะรู้ว่าหากต้องการจะคุยกับคนเช่นครองภพ จะดื้อดึงดันทุรังเรียกมันว่า ‘แผน’ ต่อไปไม่ได้


   พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ ครองภพก็เงียบ แต่ไม่เดินหนี ยืนจ้องนิ่ง เป็นฝ่ายชายนุ่งโจงต้องเอ่ยก่อน


   “กู...” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงอาละวาดก็ดังขึ้นในหัวของเขา


   ‘ไอ้ผีชั่ว! ไอ้ผีเหี้ย! มึงอยู่ไหน! มึงไปหาพี่ร่มใช่มั้ย!! มึงกลับมาเดี๋ยวนี้!’


   นายช่วงกุมศีรษะ ได้ยินแต่เสียงกรีดร้องดังอยู่ในนั้น เขาข่มตาแน่น แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ไม่หลุดไปจากหัวเขาเลย


   ‘กูไม่ได้เขา! มึงก็ต้องไม่ได้!! มึงต้องกลับมาอยู่กับกู!! มึงกลับมา!! กลับมา!!!’


   “นังนั่นเรียกกูอีกแล้ว” เขาเปรยออกมาอย่างอ่อนล้า ลืมตาขึ้นมองครองภพที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ดูท่าเสียงของผู้หญิงคนนั้นคงดังแค่เฉพาะในหัวของเขา เพราะครองภพยืนเฉยไม่รับรู้สักนิด


   “กูเข้าไปในฝันของคุณหลวงไม่ได้ ท่านไม่เห็นกูอีกแล้ว”


ครองภพยังยืนเงียบ


   “คงดูแลท่านบ่อยๆไม่ได้อีก แค่กูมาที่นี่ นังนั่นก็เรียกหา ตามรังควาญแต่กับกู” พูดแล้วก็ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน


คล้ายเป็นเวรกรรม นายช่วงติดตามดูแลดวงวิญญานหลวงสุนทรวิจักษ์มาหลายภพหลายชาติ มันผู้ใดคิดจะเข้าใกล้คุณหลวง หากประสงค์ร้าย เขาก็จัดการเรียบ หากปรารถนาดีเกินหน้าเกินตา เขาก็ผลักคนผู้นั้นออกไป


ชาตินี้จึงมีโอกาสได้ดูแลแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น นับตั้งแต่เกิดเรื่องที่อาคารร้าง เขาก็กลับกลายเป็นฝ่ายถูกผูกติด


หญิงผู้นั้นไม่ปล่อยให้เขาออกห่างสายตาของหล่อน ลืมตาก็ต้องเห็นเขา หลับตาก็ยังเรียกหาในฝัน ยามใดที่เขาออกห่างจากหล่อน เสียงกรีดร้องอาละวาดด่าทอจะดังในหัวของเขา แต่ยามอยู่ใกล้ หล่อนก็เพียงแค่นั่งเหม่อคล้ายคนบ้า เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ราวกับหล่อนผูกใจเจ็บต่อเขา ผูกดวงวิญญานเขาไว้กับหล่อน จนไม่อาจแยกจากทั้งที่มีแต่ความเกลียดชังใส่กัน


   “กูไม่เคยอยากพูดกับมึงเช่นนี้ แต่...ฝากมึงด้วย ฝากดูแลคุณหลวง ฝากเรียนท่านว่ากูจะหาทาง...”


   “เรื่องสิ” ไม่ต้องรอให้พูดจบ ครองภพก็แทรกไว


   นายช่วงตะลึง แผดเสียงลั่น


   “ไอ้แผน!”


   แต่ครองภพทำหน้าตาเรียบเฉยไม่สุขไม่ทุกข์ไม่รับรู้


   “ถ้าไปผุดไปเกิดไม่ได้ ก็ควรเรียนรู้ว่าผมชื่อครองภพไม่ใช่แผน ส่วนร่มก็ไม่ใช่คุณหลวง เรื่องดูแล ไม่ต้องฝาก ผมไม่ได้ทำหน้าที่แทนคุณ ผมทำของผมเอง ส่วนเรื่องให้บอกร่มว่าคุณจะกลับมาหาเขา ผมไม่รู้ว่าคุณยังมีสมองมั้ย แต่คุณคิดว่าผมจะเอาเรื่องของคนอื่นไปบอกเขาเหรอ”


   “มึง…!!”


   “ใครเรียกก็กลับไปหาเขาได้แล้ว แล้วไม่ต้องมาเข้าฝันบ่อยๆหรอก น่ารำคาญ” ครองภพพูดจบก็หมุนตัวหันหลังให้ ได้ยินเสียงโวยวาย แต่ไม่ได้สนใจ เสียงนั้นก็จางหายไป


คราวนี้ชายหนุ่มหลับลึกไม่ฝันอีก ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อพื้นที่ที่เขานอนอยู่ ยวบลงไปเล็กน้อย


ครองภพลืมตาสะลึมสลือ แม้จะเห็นเจ้าของน้ำหนักที่นั่งลงข้างกายเขาไม่ชัด แต่ก็ได้ยินเสียง


   “ครอง ฝันร้ายเหรอ นอนคิ้วขมวด”


   คนนอนคิ้วขมวดสะบัดศีรษะไล่ความง่วงงุน ก่อนจะตอบ


   “นิดหน่อย” เขาว่าอย่างนั้นแล้วขยับกายลุกขึ้น กวาดตามองไปรอบตัวก็เห็นท้องฟ้านอกหน้าต่างกระจกเป็นสีดำแล้ว


   “ไหน เล่าหน่อย สำหรับพระเอกชื่อดัง หยิบจับอะไรก็เก่งไปหมดทุกอย่าง ฝันแบบไหนเรียกว่าร้าย”


   ฝันเห็นผีไง ไม่ใช่ผีหน้าเละ ตัวเละ แต่เป็นผีไม่รู้จักตัดใจ ผีไม่รู้จักว่าอะไรคือปัจจุบันอะไรคืออดีต ผีไม่รู้จักศักยภาพตัวเอง คิดจะฝากร่มธรรมให้ครองภพดูแล ขอถามหน่อยเถอะว่าทำไมต้องฝาก มีสิทธิ์อะไรมาฝาก แล้วทำไมต้องฝาก ในเมื่อครองภพดูแลร่มธรรมดีชนิดที่ใครก็ทำแทนไม่ได้


   คนฝันร้าย ไม่อยากพูดออกไป ไม่ใช่เพราะกลัวความฝัน แต่เพราะไม่อยากให้ร่มธรรมคิดถึงผีนั่นอีกต่างหาก


   “จำไม่ได้แล้ว หิว คุณกินอะไรมารึยัง”


   “ยังเลย”


“งั้นกินอะไรดี”


ร่มธรรมเลิกคิ้วมองคนถามก่อนจะยิ้ม


   “พูดเหมือนจะกินร้านอื่น ก็เห็นออกไปกินร้านนั้นทุกที”


   “ก็...”


   ...นั่นร้านที่เราไปเดทกันครั้งแรก...


   เรื่องนี้ครองภพก็ไม่อยากพูดออกไปเช่นกัน


   “อร่อยมากเหรอ อยากเจอหน้าเจ้าของร้านมั้ย เดี๋ยวพี่นัดเขาให้”


   คนฟังขมวดคิ้ว


   “คุณรู้จัก?”


   “กินบ่อยขนาดนั้น ไม่รู้จักเจ้าของร้านก็แย่แล้ว”


   “ผมไม่เห็นรู้จัก”


   “อ้าว ก็นั่นครอง”


   “เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”


   “ผู้ชาย เห็นว่าทำกิจการต่อจากแม่ แต่ร้านนี้ไม่ใช่ร้านดั้งเดิมหรอก เขาขยายรูปแบบร้านไปหลายๆแบบน่ะ”


   “เขาเคยดูงานที่คุณแสดงรึเปล่า” ครองภพไม่ได้สนใจรายละเอียดปลีกย่อยของเจ้าของร้านไปมากกว่าเรื่องสำคัญหลักๆ


   “เคยนะ เห็นบอกว่าดูเรื่องที่เราเล่นด้วยกัน”


   “เป็นแฟนคลับคุณด้วยรึเปล่า”


   “เอ? ไม่รู้หรอก แต่เขาเคยขอลายเซ็น บอกว่าป้าของเพื่อนสนิทชอบ ก็เลยมาขอให้”


   คราวนี้คนอายุน้อยกว่าหน้าหงิกหนักกว่าเดิม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดยิกๆ


   “งั้นไม่ต้องไปแล้ว หาร้านใหม่”


   “อ้าว ทำไมล่ะ” ดวงตาเรียวตวัดมองคนถาม ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะร้องอ้อในใจ แล้วยิ้มจางอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับความขี้หึงของ ‘แฟนเด็ก’


   “หึงเหรอ”


   แน่นอนว่าคนถูกถามถึงกับชะงัก พื้นฐานไม่ใช่คนโกหก แต่จะให้ยอมรับว่าหึงมันก็รู้สึกเหมือน...เสียหน้าหน่อยๆ...


   ก็ตั้งแต่คบกันมา มีแต่เขาที่หึงหวง ใจไม่สงบอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่ร่มธรรมดูจะเข้าอกเข้าใจไปเสียทุกอย่าง


   เขาถ่ายละครมีฉากเลิฟซีนก็เข้าใจ


   เขาถ่ายแบบใกล้ชิดกับนางแบบสาวสวยก็เข้าใจ


   เขามีข่าวลือสร้างกระแสกับนางเอกสาวที่แสดงด้วยกันเรื่องล่าสุดก็เข้าใจ


   ขนาดมีคนจิ้นกับยัยบ้าณัฐฐา ร่มธรรมยังเข้าใจแถมหัวเราะอีกต่างหาก


   ส่วนฝั่งเขาน่ะหรือ


   ถ้าร่มธรรมมีถ่ายฉากเลิฟซีน เขาเข้าใจแต่ไม่พูดถึง


   ถ้าร่มธรรมมีถ่ายแบบใกล้ชิดกับนางแบบสาวสวย เขาก็เข้าใจและก็ไม่พูดถึงเหมือนกัน


   ถ้าร่มธรรมมีข่าวลือสร้างกระแสกับนางเอกสาวที่แสดงด้วยกันเรื่องล่าสุด เขาก็ยังคงเข้าใจและไม่พูดถึงเหมือนเดิม


   และถ้ามีใครจิ้นร่มธรรมกับยัยบ้าณัฐฐา เรื่องนี้เขาไม่เข้าใจ อยากตะโกนใส่หน้าว่าจิ้นกับคนอื่นเถอะ! ยัยบ้าณัฐฐาเป็นได้แค่ยัยบ้าที่ชอบมาวุ่นวายเท่านั้น!!


   รวมๆแล้ว ถ้าร่มธรรมใกล้ชิดคนอื่น ครองภพเข้าใจ หรืออย่างน้อยๆก็พยายามเข้าใจ แต่ไม่พูดถึง แน่นอนว่าสำหรับคนอื่นที่คิดว่าครองภพเป็นคนเงียบๆ การที่เขาไม่พูดเวลาที่เรื่องร่มธรรมกับข่าวเหล่านี้เป็นหัวข้อวงสนทนา ย่อมไม่เป็นที่สงสัย


   แต่สำหรับคนใกล้ชิดที่รู้ดีว่าครองภพไม่ใช่คนเงียบ แต่เป็นคนพูดกับคนที่อยากพูด และพูดเฉพาะเรื่องที่อยากพูด การที่เขาไม่พูดเรื่องของร่มธรรมในด้านที่เกี่ยวกับการต้องทำงานใกล้ชิดกับสาวอื่น ย่อมหมายความว่าเขาไม่พอใจ


   เขาขี้หึง


   ครองภพยอมรับ


   ใครถามเขาว่าเขาขี้หึงไหม เขาก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาขี้หึงมาก


   แม้ว่างานแสดงของตนเองจะมีฉากใกล้ชิดกับผู้หญิงเช่นกัน แต่ครองภพมีระยะห่างกับนักแสดงหญิงเหล่านั้นเสมอ แต่สำหรับร่มธรรม...ต่อให้ไม่ตามไปดูที่กอง ก็รู้ว่าต้องเป็นขวัญใจดาวเด่นผู้มีไมตรีกับผู้คนไปทั่ว รวมไปถึงดาราสาวที่ร่วมแสดงด้วย


   ทั้งบทบาท ทั้งการงาน ล้วนทำให้ใกล้ชิด แล้วคนอย่างร่มธรรมก็มีมนุษยสัมพันธ์ดีออกปานนั้น ครองภพก็กลัวว่าวันหนึ่ง...จะมีคนหวังเกินเลยกับร่มธรรมอีก


   เขาขี้หึง


   ครองภพยอมรับแบบไม่มีข้อคัดค้าน


   ในขณะที่ร่มธรรมไม่เคยแสดงอาการเหล่านี้เลยสักนิด เลยดูเหมือนอีกฝ่ายเข้าอกเข้าใจ ใจเย็น และเป็นผู้ใหญ่ ส่วนคนขี้หึง หึงไปหมดทุกอย่าง หึงแล้วไม่พูด หึงแล้วหน้าหงิก เลยดูเหมือนคนไม่เข้าใจอะไรเลย ใจร้อน และเป็นเด็ก


   ...เด็ก…


   ทั้งๆที่ปากดีบอกว่ากำลังพยายามเป็นผู้ใหญ่ที่เหมาะสมกับร่มธรรมให้ได้ แต่สุดท้ายแล้ว...ก็มีเรื่องนี้ที่ยังทำไม่ได้


   ครองภพสูดลมหายใจลึก ถ้าอยากจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องเริ่มจากตอนนี้ คนหน้าหงิกตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วออกปาก


   “ไปก็ไป”


   “หือ?”


   “ร้านนั้นไง”


   ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ “ไหนเมื่อกี้บอกว่า...”


   “ผมไม่อยากเป็นแบบผีนั่น...” พูดแล้วก็นึกเจ็บใจขึ้นมา ครองภพรู้สึกเหมือนตนเองกับชายนุ่งโจงผู้นั้นไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร พวกเขาต่างผูกมัดและยึดติดร่มธรรม ยิ่งเห็นร่มธรรมดีต่อตนก็ยิ่งไม่อยากให้ดีกับคนอื่นมากกว่านี้ ทั้งหวง หึง


แล้วดูชายผู้นั้นในเวลานี้...


   ...ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ถึงได้หน้าหมองแบบนั้น...


...ไม่สิ ผีแบบนั้นตายอีกไม่ได้แล้ว มีได้แค่ร้ายกับดี...และเท่าที่เห็น ก็ไม่น่าจะอยู่ในที่ที่ดีสักเท่าไรด้วย...


   ...มาหาร่มธรรมอีกไม่ได้ แถมยังถูกผูกติด...


   “ผี?” ร่มธรรมทวนแล้วก็พลันตาโต


   “หมายถึง...ผีที่เราเคยเห็นกันน่ะเหรอ”


   ครองภพไม่ตอบ แต่ชวนคุยไปเรื่องอื่น


   “ไปกินข้าวเถอะ”


   พออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่อง แม้จะอยากรู้แค่ไหน แต่ร่มธรรมก็ไม่อยากซักไซ้


เรื่องที่เกิดขึ้นในอาคารร้าง ครองภพเล่าให้เขาฟังว่าฝันเห็นชายนุ่งโจง และมีปากเสียงกัน ร่มธรรมไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเล่าหมดทุกอย่างไหม แต่เรื่องที่เขาเห็นกับตาคือตอนที่อุปกรณ์ไฟหล่นใส่ครองภพ ก็มีชายนุ่งโจงยืนอยู่ข้างหลัง และครองภพเองก็เคยออกปากว่าเคยฝันเห็นชายนุ่งโจงและ ‘มาไม่ดี’


ไม่ว่าในอดีตชาติ ใครจะทำอะไรต่อใคร แต่ความสัมพันธ์ของชายนุ่งโจงและครองภพก็คงไม่ใช่เรื่องดี พอมาถึงชีวิตนี้ก็ยังมีร่มธรรมเป็นคนกลางระหว่างทั้งสอง หากครองภพจะไม่อยากพูดถึงชายผู้นั้น ก็พอจะเข้าใจได้


แม้ว่า...ร่มธรรมจะอยากรู้ก็ตามทีว่าบัดนี้ ชายผู้นั้นเป็นเช่นไร


......................


อาหารค่ำในวันนี้ เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ที่ร้านประจำของพวกเขา รสชาติอาหารยังถูกปากเหมือนเดิม ครองภพก็ยังกินเก่งเหมือนเดิม ร่มธรรมก็ยังคอยดูแลเอาใจใส่เหมือนเดิม แต่...ก็เงียบกว่าเดิม พวกเขากินข้าวแล้วก็กลับมาที่คอนโดของครองภพ ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก ทั้งๆที่ช่วงเวลาดีๆเช่นนี้ที่ต่างคนต่างได้พบหน้า แต่ต่างคนต่างก็รู้ว่ามีเรื่องในใจ


...ด้วยเรื่องของชายนุ่งโจง…


ครองภพไม่ใช่คนเก็บความรู้สึกได้ดีนัก เขารู้ว่าร่มธรรมอยากรู้เรื่องของชายผู้นั้น ตัวเขาเองไม่ได้อยากเล่า แต่...ก็ทนเห็นร่มธรรมมีเรื่องในใจไม่ได้เช่นกัน


อยากให้สบายใจเวลาอยู่ด้วยกัน


คำนี้ไม่เกินจริงเลย


เขาอยากให้ร่มธรรมมีแต่ความสุข อยากให้อยู่ด้วยกันอย่างสบายอกสบายใจ ตอนที่กลับมาถึงคอนโด ปิดประตูลงแล้ว เขาก็ดันหลังคนรักไปที่ชุดโซฟา ร่มธรรมงุนงง แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี


“นั่งก่อน” หนุ่มรุ่นน้องพูด  แล้วกดไหล่ คนอายุมากกว่าก็ยอมนั่งแต่โดยดี


   “มีอะไรอยากถามผมมั้ย”


   ร่มธรรมเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถาม


   “ครอง เจอเขาเหรอ”


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ‘เขา’ ที่ว่า หมายถึงใคร


คำถามของร่มธรรมทำเอาหนุ่มรุ่นน้องต้องนั่งลงข้างกัน เพราะเรื่องนี้เห็นทีต้องคุยกันยาว


   “ฝันเห็น”


   “เขา...เป็นยังไงบ้าง”


   “คุณ...ไม่โกรธเขาเหรอ”


   ร่มธรรมนิ่งไป


   คนเหล่านั้น ทำให้เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในชีวิตของเขา ทำให้เขาและครองภพตกอยู่ในอันตราย ทำให้เขาและครองภพเกือบจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างวันนี้แล้ว


แต่...ก็เพราะคนเหล่านั้นเช่นกัน ถึงทำให้เขาและครองภพมีวันนี้


   ไม่รู้เลย...ว่าควรจะรู้สึกเช่นไรดี


   “จะว่าไม่โกรธก็ไม่ใช่...แต่...รู้สึกคนละอย่าง กับคุณเบญญาหรือหนุ่ย พี่...ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ไม่ว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง ก็ให้เป็นเรื่องของเขา”


   “แต่...ผู้ชายคนนั้น...”



พูดถึงชายฉกรรจ์ที่ร่มธรรมเคยเห็นตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งตอนโตแม้จะไม่เห็นด้วยตาแต่ก็เคยฝันเห็นบ่อยๆแล้ว ร่มธรรมก็สะท้อนใจอย่างประหลาด


   “พี่ไม่รู้ชื่อเขาด้วยซ้ำ...ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง แต่ก็ไม่อยากให้เขามีชีวิตที่เลวร้ายหรอกนะ”


   “คุณห่วงเขา?”


   “ก็ไม่เชิง แค่ไม่อยากให้เขาทรมาน”


   ครองภพพยักหน้ารับรู้ ชายผู้นั้นใกล้ชิดร่มธรรมมาตั้งแต่เด็ก หากร่มธรรมจะผูกพันและอยากรู้ความเป็นไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก


“ถ้าเขาเกิดเป็นคน มีโอกาสใกล้ชิดคุณ คุณอาจจะรักเขา...” หนุ่มรุ่นน้องเปรย


“แต่เขาไม่มีโอกาสนั้น” ร่มธรรมแย้ง แล้วหันมองคนข้างกายพลางยิ้ม


“อีกอย่าง ครองไม่คิดหรือ ว่าถึงเขาจะไม่ใช่คน แต่เขาก็อยู่กับพี่มาตั้งแต่เด็ก ถ้าพี่รักเขาได้ พี่รักเขานานแล้ว” คำพูดของร่มธรรมนั้นราวกับกอบกู้ความมั่นใจในตัวคนฟังขึ้นมา


“สมัยเด็กๆ เคยเกือบถูกรถชน แต่รู้สึกเหมือนถูกผลักออกมา หวุดหวิดไปนิดเดียว ตอนที่เกือบจะตกบันได ก็เหมือนถูกเตือนให้ระวัง หรืออย่างตอนลืมของไปโรงเรียน ก็ได้ยินเสียงกระซิบว่าลืม”


“ไม่รู้หรอกว่าเป็นผู้ชายคนนั้นรึเปล่า แต่ก็คิดว่าน่าจะใช่...”


“...เขาช่วยพี่มาตลอด” ร่มธรรมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ ราวกับความรู้สึกที่มีต่อชายผู้นั้นตกผลึกเห็นเป็นรูปร่างชัดเจน ชายนุ่งโจงที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ชายนุ่งโจงที่ช่วยเหลือเขามาตลอด ความรู้สึกที่มีให้...คือความผูกพัน หาใช่ความรัก


“...แต่พี่...ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขามากไปกว่าผูกพันเลย”


“แต่กับบางคน คลาดกันไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่พอได้เจอก็ดันได้เรียนรู้กัน เวลาแค่แป็บเดียวก็...รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ารักจัง น่าเอ็นดู”


ครองภพกำลังตั้งใจฟังก็พลันชะงัก หันมองตาโต


“อะไรนะ? เด็ก? คุณพูดถึงใคร”


“ก็พูดถึงใครล่ะ อายุน้อยกว่าตั้งหกปี แต่ชอบทำท่าเป็นผู้ใหญ่ ด่าก็เจ็บ ตาดุอย่างงี้” ไม่พูดอย่างเดียวแต่เอานิ้วยกหางตาตัวเองให้สูงขึ้น “...แต่เวลาจีบนี่...ลูกล่อลูกชนเยอะ”


ครองภพรู้สึกเหมือนทั้งถูกหยอกเรื่องอายุน้อย ถูกแซวเรื่องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ถูกชมไปในคราวเดียวกัน ยิ่งเห็นหน้าคนพูดดูร่าเริงแล้วยิ่งหมั่นไส้ ดึงมืออีกฝ่ามาตีไปทีหนึ่ง


“โอ๊ย ตีพี่ทำไมน่ะ”


“ก็คุณมันน่าตี ถอดใจเก่ง มองแต่คนอื่นไม่สนใจตัวเอง”


พูดอีกก็ถูกอีก ร่มธรรมเถียงไม่ออกสักคำ ได้แต่เอ่ยปากอ้อมแอ้ม


“ขอโทษนะ”


หนุ่มอายุน้อยกว่าที่ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่เหลือบมองพลางยิ้มจาง


“แต่ผมก็ได้เรียนรู้จากคุณเยอะเหมือนกัน” ครองภพที่เคยมุ่งมั่น มองแต่เรื่องที่ต้องการและพุ่งไปเบื้องหน้าโดยไม่สนสิ่งใด มาวันนี้เรียนรู้ที่จะใจเย็นแล้วหยุดรอคอย หยุดเพื่อหันมองโดยรอบ หยุด...เพื่อหันมามองคนข้างๆ


คนข้างๆ...ที่ผูกพันกับชายผู้นั้น ชายผู้ที่ครองภพรู้สึกว่ามาไม่ดี และไม่หวังดีต่อเขา แต่...หวังดีต่อร่มธรรม


ครองภพถอนหายใจเบา ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา


   “เขา...ดูไม่ค่อยดี”


   ร่มธรรมชะงัก กะพริบตาปริบๆที่จู่ๆเรื่องที่พวกเขาคุยก็เปลี่ยนไป


   ‘เขา’ สรรพนามแทนบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่ร่มธรรม ไม่ใช่ครองภพ


   ...ชายนุ่งโจงผู้นั้น...


   “ไม่ค่อยดีเหรอ...” ร่มธรรมทวน ใจหาย


   “...เขายังไม่ไปไหนสินะ”


   “ผมก็ไม่รู้ เห็นเขาบอกว่ามีคนเรียกเขา แล้วเขาก็เข้าฝันคุณไม่ได้อีก”


   ร่มธรรมได้แต่รับฟังเงียบๆ ชายนุ่งโจงคนนั้นมาเข้าฝันเขาไม่ได้ แต่กลับเข้าฝันครองภพได้


   “แต่เขาก็ยังมาหาครองใช่มั้ย”


   “อืม...แต่ผมบอกว่าไม่ต้องมาอีก”


   ร่มธรรมพยักหน้ารับรู้ ก็ไม่แปลกอะไรถ้าครองภพจะไม่อยากพบชายผู้นั้น ชายนุ่งโจงที่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ ชายนุ่งโจงที่ร่วมมือกับเบญญาก่อเรื่อง แต่...ชายนุ่งโจงคนนั้นก็เคยช่วยเหลือดูแลร่มธรรมมาตั้งแต่เด็ก


   “คุณ...อยากไปทำบุญให้เขามั้ย”


   คำถามของคนข้างกายทำเอาร่มธรรมนิ่งไปเล็กน้อย เงยหน้ามองอย่างคาดไม่ถึง


   “ครองเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”


   “ผมเชื่อเรื่องการกระทำ ถ้าทำแล้วคุณสบายใจ ผมก็จะพาไป”


   คนอายุมากกว่ามองคนพูดอย่างคิดไม่ถึง


   “ครอง...โกรธเขามั้ย”


   ครองภพสูดลมหายใจลึกก่อนจะผ่อนยาว แล้วเอนกายลงพิงกับพนักโซฟา เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มจางให้คนรัก


   “มันสบายดีเหมือนกันนะ กับการปล่อยเรื่องบางเรื่องออกไปน่ะ”


   “...อย่างที่ผมเคยบอก เรื่องมันผ่านไปหมดแล้ว แล้วบางเรื่อง...มันก็นานจนไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจริงๆรึเปล่า หรือผมอาจจะคิดไปเอง อาจจะฝันเห็นไปเอง อุบัติเหตุพวกนั้นก็อาจจะเกิดจากประมาทเอง พวกเราอาจจะ...บังเอิญฝันเห็นผู้ชายสักคนที่นุ่งโจง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกันรึเปล่า หรือถ้าเขามีตัวตนจริงๆ เราก็ไม่รู้ชื่อเขาอยู่ดี”


   จับต้องไม่ได้ ชื่อแซ่ก็ไม่รู้จัก หากจะกล่าวว่าน่าสงสารก็คงไม่ สำหรับครองภพ มันคือความรู้สึกเวทนา


“แต่ถ้าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเขาจริงๆ ก็พิสูจน์ไม่ได้อีก ต่อให้จำก็ไม่รู้จะมีประโยชน์อะไร” นิสัยมุ่งมั่น ทำแต่สิ่งที่ชอบ ทำให้เรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อความชอบ ครองภพปัดมันทิ้งอย่างไม่ใยดีได้อย่างง่ายดาย


“...ถ้าจะมีอะไรที่รู้สึกต่อเขาล่ะก็...คง...หมั่นไส้มั้ง กับ...หึงนิดหน่อย”


   “หึง? หึงใคร?”


   “ก็...ผู้ชายคนนั้นตามติดคุณอย่างกับอะไร ตามมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ มันก็...”


   “แต่พี่กับเขาไม่...” ร่มธรรมละล่ำละลั่กปฏิเสธ


   “เรื่องนั้นผมรู้ แต่...ผมขี้หึง...”



ความขี้หึงของครองภพเป็นที่รับรู้กันดี ร่มธรรมเองก็พยายามรักษาระยะห่างกับคนอื่นอยู่เสมอ ข่าวกับนักแสดงสาวๆ หรือนางเอกของเรื่อง แม้จะควบคุมค่อนข้างยาก เพราะอย่างไรก็ต้องให้มีกระแสเพื่อโปรโมทผลงาน แต่เขาก็พยายามรักษาระดับความสัมพันธ์กับคนร่วมงานเหล่านั้นไม่ให้แสลงหูแสลงตาคนขี้หึงมากนัก


   “...จะพยายามลดแล้วกัน”


   ร่มธรรมจับมือคนรักเอาไว้แล้วบีบเบาๆ


   “พี่ก็จะพยายาม...ไม่ทำให้ครองหึงมากนัก ดีมั้ย”


   หนุ่มรุ่นน้องมองคนพูดแล้วหัวเราะ ก่อนจะเอียงศีรษะไปวางบนไหล่ ยกมือของร่มธรรมที่จับมือเขาขึ้นมาดู  ก่อนจะหงายฝ่ามือขึ้น แล้วตีอย่างมันเขี้ยวอีกที


   “ตีพี่อีกแล้ว!”


   “คุณน่ะเหรอ จะพยายามทำให้ผมหึงน้อยลง ไปออกกองก็หิ้วขนมที่ร้านกาแฟไปฝากทีมงาน จนพี่มิลยังบอกว่าทีมงานแกอยากร่วมงานแต่กับร่มธรรม ออกงานกับนางเอกที่เล่นด้วยกัน ก็ช่วยผู้หญิงยกกระโปรง ไปถ่ายรายการดึกๆดื่นๆ มีแฟนคลับมารอก็ออกไปสั่งให้กลับบ้าน ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวก็ไม่เหวี่ยงไม่วีน มีแต่คนรักคุณทั้งนั้น...”


   “ก็นั่นมัน...” ร่มธรรมอยากจะเถียง แต่ก็เถียงไม่ออก ตอนที่เขาทำ เขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าทำในสิ่งที่ตนเองคิดว่าสมควร


   เอาขนมไปฝากที่กองก็เพราะรับขนมจากณัฐฐามาวางขายที่ร้านมาก ดูแล้วไม่น่าจะหมด จึงหิ้วไปแบ่งคนอื่น


   ออกงานกับนางเอกที่เล่นละครด้วยกัน นักแสดงสาวใส่ชุดกระโปรงยาวละพื้นเดินไม่สะดวก เดินขึ้นเดินลงบันไดค่อนข้างอันตราย จึงช่วยยกชายกระโปรงให้


   ไปถ่ายรายการดึก เห็นแฟนคลับมารอจึงออกไปบอกให้กลับบ้าน เพราะดึกแล้วย่อมอันตราย


   ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว นั่นก็เรื่องงาน นักข่าวเองก็ทำงาน ให้เกียรติกันและกันด้วยการตอบอย่างสุภาพ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี


   ทั้งหมดนี่ เขาทำเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ตนควรทำ ไม่ได้คิดว่าจะทำให้ใครรักมากขึ้นเลย


   “แต่ถึงผมจะหึง ผมก็ดีใจนะ แฟนผม...เป็นที่รักของคนรอบข้างขนาดนี้”


ครองภพพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมอง พลางยิ้ม รอยยิ้มของหนุ่มรุ่นน้องนั้นบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจในตัวคนรัก ร่มธรรมยิ้มตอบ   


   “พี่ก็ดีใจ ที่ทำให้ครองภูมิใจ” ไม่พูดอย่างเดียว แต่ก้มลงมาจูบเบาๆที่หน้าผากของคนที่วางศีรษะบนไหล่ของเขา ครองภพคิ้วกระตุก เม้มปาก


ไม่ใช่ไม่ชอบที่อีกฝ่ายสัมผัสเขาอย่างเอ็นดู แต่เพราะชอบต่างหาก...ก็เลย...อยากได้มากกว่านี้


   “คุณนี่มัน...”


   เขาพึมพำกับตัวเอง แต่คนเป็นพี่กลับได้ยิน


“หือ? ครองพูดอะไรนะ อ๊ะ!” คำตอบของการย้อนถามไม่ใช่คำพูด แต่เป็นจูบของหนุ่มรุ่นน้องที่ยืดหน้าขึ้นมาแตะริมฝีปากกับริมฝีปากของเขา


คนรักกัน อีกทั้งร่างกายยังหนุ่มแน่น แค่แตะสัมผัสกันเพียงเล็กน้อยก็ทำให้โหยหากันได้แล้ว จากจูบที่เป็นเพียงการแตะริมฝีปากเลยชักจะเลยเถิดเมื่อครองภพเป็นฝ่ายพลิกกายขึ้นคร่อมร่างคนรัก


   “เดี๋ยวๆ...” ร่มธรรมปรามตาโต แต่ครองภพทำหน้าตายให้เหตุผล


   “ให้รางวัลที่ทำให้ผมภูมิใจไง”


   คนเป็นพี่หัวเราะเบาๆ ไม่ขัดแต่พออีกฝ่ายจะส่งมือเข้ามาใต้เสื้อ เขากลับตีมือ


   “ยังไม่ได้อาบน้ำ”


   “ไม่ต้องอาบก็ได้”


   “ไม่ได้” ร่มธรรมรักสะอาด มักจะพูดเสมอว่าทำงานมาทั้งวัน สกปรกมากแล้ว อันที่จริงครองภพก็รักสะอาด แต่ความสกปรกที่ร่มธรรมพูดถึง สำหรับมนุษย์ผาดโผนสมบุกสมบันอย่างเขา ยังคิดว่าตนเองเคยเจอสกปรกมามากกว่านี้อีก


   ครองภพทำหน้ายู่อย่างคนเอาแต่ใจที่ถูกขัดใจ แต่คนอายุมากกว่ากลับผลักเขาออกแล้วลุกขึ้นยืน ตั้งคำถาม


   “จะอาบมั้ย”


หนุ่มรุ่นน้องเหลือบตามอง ขัดใจนิดหน่อยที่ไม่ได้ทำอย่างที่อยากทำเดี๋ยวนี้


“นับหนึ่งถึงสาม หนึ่ง...อาบมั้ย”


ครองภพยังเงียบ ดื้อเงียบจัดว่าเป็นหนึ่งในความถนัดของเขาเลย


“สอง...ถ้าไม่อาบ ก็แยกกันนอนเลยนะ”


ครองภพก็ยังเงียบ ปากเริ่มยื่น ร่มธรรมอยากจะหัวเราะดังๆด้วยความเอ็นดู


“สาม...ไม่อาบใช่มั้ย พี่อาบให้นะ...”


เท่านั้นคนหน้าบูดก็เด้งตัวขึ้นมาจากโซฟา ร่มธรรมหัวเราะร่วนกับท่าทีของคนรักรุ่นน้อง แน่นอนว่าครองภพมันเขี้ยวที่ถูกอีกฝ่ายปั่นหัวจนหัวปั่นขนาดนี้ ไม่รู้จะเอาคืนอย่างไร เลยจับแขนคนรักลากเข้าห้องน้ำ แล้วขึ้นเสียงราวกับเป็นคนโหด


“มานี่เลย พูดคำไหนต้องคำนั้นด้วย!”


แต่ไม่รู้โหดอย่างไร เพราะเสียงหัวเราะของร่มธรรมยังดังก้องห้องน้ำไปอีกเกือบนาที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงอย่างอื่นแทน


…………………….
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 07-05-2020 20:38:17


แม้เมื่อคืนจะนอนดึกอยู่สักหน่อย แต่การอิงแอบก็ไม่ต่างจากการชาร์จพลังงาน เช้าวันรุ่งขึ้น ครองภพและร่มธรรมตื่นแต่เช้าก็ไม่รู้สึกเหนื่อยล้า ถึงร่มธรรมจะเคล็ดยอกบ้างก็ตาม


วันนี้พวกเขาไม่มีงาน อันที่จริงจะนอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้ แต่เพราะมีธุระเรื่องหนึ่งที่ร่มธรรมอยากทำ เมื่อตื่นแล้ว จึงพากันลุกไปอาบน้ำ ทำอาหารเช้ากินกันง่ายๆ แล้วพอสายก็ออกจากคอนโด


   จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือวัดในย่านชุมชนที่เงียบสงบ รถแวนหรูจอดหลบแดดใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนที่สองนักแสดงหนุ่มชื่อดังจะก้าวเท้าลงจากรถ


   ยามสาย แดดร้อนเปรี้ยงไม่ใช่ช่วงเวลาที่วัดจะพลุกพล่านเลย ดังนั้น ครองภพและร่มธรรมจึงไม่เป็นที่สังเกต แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ปิดหน้าปิดตามิดชิดก็ตามที


   ร่มธรรมบอกกับเด็กในวัดคนหนึ่งว่าจะมาถวายสังฆทาน จึงถูกพาขึ้นศาลา ครองภพไม่ได้มีความเชื่อหรือไม่เชื่อกับศาสนา แต่อย่างที่บอกว่าถ้าเป็นความสบายใจของร่มธรรม เขาไม่ขัดและพร้อมจะอยู่ข้างๆ ดังนั้น ชายหนุ่มจึงนั่งสงบเคียงข้างคนรัก


   หยาดน้ำใสไหลลงสู่ถ้วยใบเล็ก สองมือของชายหนุ่มสองคนช่วยกันประคองขวดเล็กๆให้รินน้ำจนหมด จากนั้นจึงยกมือพนม ร่มธรรมหลับตาลง อธิษฐานให้น้ำช่วยเป็นสื่อกลางส่งต่อสิ่งดีๆในชีวิตเขา เผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้าง รวมถึง...ชายนุ่งโจงผู้นั้น


...หากไม่อาจพ้นทุกข์โศก ก็ขอเพียงให้สบายขึ้นสักเล็กน้อยก็ยังดี…


   สองหนุ่มลงจากวัด เพราะเป็นการมาอย่างลับๆ และเป็นส่วนตัว อีกทั้งวัดแห่งนี้ก็เป็นวัดเล็กๆในชุมชนที่ไม่คึกคักนัก จึงไม่มีแฟนคลับหรือคนติดตาม


   รถเข็นขายไอศกรีมกะทิยี่ห้อดังจอดอยู่ใกล้ๆบันไดศาลาวัด สำหรับร่มธรรมที่ชื่นชอบขนมหวานแล้ว ไอศกรีมกะทิจัดว่าเป็นขนมโปรดของเขา


   “โอ๊ะ มีรถขายไอติมด้วย” ดูเหมือนความสบายใจหลังกรวดน้ำจะทำให้คนสบายใจชักอยากอาหาร


   “ครองกินมั้ย” เขาหันมาถาม แต่ครองภพส่ายหน้า หนุ่มรุ่นพี่จึงหันไปสั่งไอศกรีมหนึ่งถ้วยของตนเอง


   เจ้าตัวเอาแต่สนอกสนใจกับไอศกรีม ในขณะที่ครองภพยืนข้างๆ หันมองไปรอบๆ อย่างไม่รีบร้อน


   ลานวัดในยามกลางวันนั้นเงียบสงบ อีกทั้งอากาศร้อนแดดจัด ย่อมไม่มีใครอยากออกมายืนที่โล่งแจ้ง แต่...เขากลับเห็นอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นที่หางตา


   ครองภพเลื่อนสายตาผ่านไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่พอเห็นอะไรบางอย่างวูบไหว มันก็ดึงความสนใจให้เขาหันกลับไปมอง แล้วชายหนุ่มก็พลันชะงัก


ท่ามกลางแดดร้อนจัด ร่างของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งยืนอยู่กลางลานวัด ชายผู้นั้นไม่ได้ยืนเฉย แต่ ‘เคลื่อน’ เข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ


นี่เป็นครั้งแรก ที่ครองภพเห็นชายผู้นี้นอกจากในความฝัน แต่ถึงไม่ใช่ความฝัน เขาก็จำได้ว่าชายผู้นี้เป็นใคร ในเมื่อ...นุ่งโจงกระเบน


นักแสดงหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เหลือบมองคนข้างกาย แต่ดูเหมือนร่มธรรมจะมองไม่เห็นในสิ่งที่เขาเห็น ไม่รับรู้แม้แต่น้อยว่ามีใครกำลังเข้ามาหา เจ้าตัวกำลังตักไอศกรีมเข้าปาก รสหวานเย็นทำให้เป็นสุข


   ไม่ได้รับรู้สักนิด ว่ามีใครบางคนอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว


   ครองภพหันกลับไปมองยังชายนุ่งโจงผู้นั้นอีกครั้ง เขาหยุดอยู่ตรงหน้าร่มธรรม ห่างราวคืบหนึ่ง ดูราวกับอยากเข้าใกล้มากกว่านี้ แต่ทำไม่ได้


   นี่เป็นครั้งแรกที่ครองภพรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีตัวตนจริง มีหน้าตา จับต้องได้ แต่...อีกใจหนึ่งเขาก็รับรู้ว่าสิ่งที่เขาคิดว่ามีตัวตน กลับมีเพียงเขาที่เห็น เพราะร่มธรรมมองไม่เห็นชายผู้นี้อีกแล้ว


   ‘ท่านไม่เห็นกูอีกแล้ว’


   สีหน้าของชายผู้นั้นเศร้าสร้อย แม้ไม่ได้ขยับปาก แต่ครองภพได้ยินเสียง


   ‘ความเมตตาของคุณหลวง กูรับรู้แล้ว ฝากบอกท่าน...ขอบพระคุณ’


   ‘นังนั่นเรียกกูอีกแล้ว กูต้องไปแล้ว’


   แม้จะมีท่าทีเหนื่อยอ่อน แต่ชายผู้นั้นก็เบี่ยงสายตามายังครองภพ แววตาไม่ได้ปองร้าย หนำซ้ำยังเศร้าสร้อยระคนอ่อนแรง


   ‘ขอบใจ’


   ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกเช่นไร คนที่เคยรังเกียจเดียดฉัน คนที่เคยอาฆาตมาดร้าย มาวันนี้กลับเอ่ยคำขอบคุณ ครองภพรู้สึกราวกับอะไรบางอย่างในใจของเขาคลายตัวออก ความหนักอึ้งในใจกลายเป็นขนนก บางเบาจนแทบไม่รู้สึก


   ร่างของชายผู้นั้นจางลง ทว่าสายตายามมองร่มธรรมที่มองไม่เห็นตนนั้นช่างเศร้าสร้อย


ครองภพไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาให้ใจร้ายต่อผู้อื่น แม้จะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ก็อดสะท้อนใจไม่ได้ ชั่วเสี้ยววินาที เขาหันไปหาคนข้างกายที่กำลังตักไอศกรีมถ้วยเข้าปาก


   “ร่ม เขามาหาคุณ”


   ประโยคนั้น ราวกับหยุดเวลาเอาไว้


ร่มธรรมชะงัก ชายนุ่งโจงผู้นั้นก็ชะงัก ร่างของเขาโปร่งแสง เจือจางราวกับจะมลายหายไป แต่กระนั้นก็คล้ายมีแสงเรืองรองราวกับแสงวูบสุดท้ายของเทียนที่ใกล้มอดไหม้ 


   “เขา? ผู้ชายคนนั้นเหรอ?! เขาอยู่ไหน” ร่มธรรมถาม มองซ้ายมองขวา แต่ไม่เห็นใคร ยิ่งบอกให้รู้แน่ชัดว่าบัดนี้ คุณหลวงที่นายช่วงติดตามดูแล ไม่อาจมองเห็นเขาได้อีกแล้ว และเขาก็ไม่อาจมาเข้าฝันท่านได้อย่างทุกทีอีกแล้ว


   “เขาอยู่ข้างหน้าคุณ เขากำลังจะไป” ครองภพบอก ร่มธรรมจึงหันกลับมา มองตรงไปเบื้องหน้า แต่เขาเห็นเพียงลานวัดที่ว่างเปล่า


ภาพนี้น่าสะเทือนใจสำหรับคนที่เห็นทั้งสองฝ่าย ครองภพเห็นชายนุ่งโจงผู้นั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ทรุดตัวลงคุกเข่า มือพนม น้ำตาอาบหน้า แต่ร่มธรรมกลับมองไม่เห็น


   “เขา...คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคุณ”


   “คุกเข่า? คุกเข่าทำไม ลุกขึ้นเถอะ ผมไม่ได้...”


   ‘กระผมต้องไปแล้ว’


แม้แต่เสียง ร่มธรรมก็ไม่ได้ยิน แต่ครองภพได้ยินชัดเจน จึงเป็นกระบอกเสียงให้อีกฝ่าย


   “เขามาลาคุณ”


   แม้จะมองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง แต่ร่มธรรมตัดสินใจนั่งยองลงกับพื้น ยื่นมือออกไปเบื้องหน้า...ในอากาศที่ว่างเปล่า


   แต่สำหรับครองภพ...เขามองเห็น


   มือของร่มธรรมแตะเข้าที่หัวไหล่ของชายที่ก้มลงกราบเขา


   “ไปมีชีวิตที่ดีนะ”


   น้ำตาของนายช่วงอาบแก้ม ร่างสะอื้นฮักจนตัวโยน เงยมองชายที่นั่งยองอยู่ตรงหน้าเขา ไม่มีชีวิตไหนเลยที่จะไม่ได้รับความเมตตาจากชายผู้นี้ แม้แต่ชีวิตที่ไร้ร่าง มีแต่วิญญาณ ก็ยังได้รับความปรารถนาดี


   ‘ขอบพระคุณคุณหลวงขอรับ ขอบพระคุณ...’


   ร่างของเขาจางลงอย่างช้าๆ แต่ก่อนที่จะหายไปในอากาศ ชายนุ่งโจงก็เหลือบขึ้นมองครองภพที่ยืนอยู่ข้างร่มธรรม


   ‘ขอบใจ ไอ้แผน...’


ทว่าชื่อนั้น ทำเอาคนถูกเรียกว่า ‘ไอ้แผน’ คิ้วขมวด


นายช่วงคล้ายจะรับรู้ แม้จะเศร้าสร้อยแต่ก็ยกยิ้มจาง


‘ก็ได้...ครองภพ’


   คำสุดท้ายก่อนที่ร่างนั้นจะหายไป ทำให้เจ้าของชื่อตะลึงงัน ครองภพยิ้มจางแล้วส่ายศีรษะ


   ...ถึงจะยังดื้อด้าน แต่ก็นับว่าเรียนรู้...


   เขาก้มลงหาคนที่ยังนั่งยองอย่างไม่รู้เหตุการณ์ ก่อนจะดึงแขนเบาๆ


   “เขาไปแล้ว”


   ร่มธรรมลุกขึ้นยืน แต่ไม่วายหันกลับไปมองยังจุดเดิมที่ว่างเปล่า


   “เขา...เป็นยังไงบ้าง”


   “มาขอบคุณแล้วก็ไป เขาบอกว่าสิ่งที่คุณทำให้เขา เขารับรู้”


   “เขาสบายดีใช่มั้ย”


   “ตอนนี้อาจจะยัง แต่ต่อไปก็อาจจะสบายมั้ง”


...อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่แผน แต่เป็นครองภพ ถ้าเลิกเรียกร่มธรรมว่าคุณหลวงได้เมื่อไหร่ ก็คงจะดี...


ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง แต่ครองภพชวนเปลี่ยนเรื่อง


   “กินไอติมได้แล้ว ละลายหมดแล้ว”


   “เออ จริงด้วย”


   “อยากไปไหนอีกมั้ย” นักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่กลายร่างมาเป็นสารถีหันมาถาม ต่างคนต่างก้าวขึ้นรถยนต์ที่จอดอยู่ ร่มธรรมยังตักไอศกรีมเข้าปากไม่หยุด แต่ก็คิดไปด้วย


   “อืม...ตามใจครองแล้วกัน” ครองภพหันมามอง แล้วเหลือบมองถ้วยไอศกรีมในมือคนรัก


   “ตักให้ผมคำนึง”


   “หือ? ไอติมเหรอ ครองจะกินเหรอ”


   ครองภพไม่ตอบ แม้จะแปลกใจแต่ก็ตักขึ้นมาช้อนหนึ่ง แน่นอนว่าร่มธรรมตักในส่วนที่มีทั้งเครื่อง ทั้งถั่วลิสง และข้าวเหนียวมาด้วย


   แต่พอตักขึ้นมาแล้วจะป้อน ก็นึกขึ้นได้ว่าแม้พวกเขาจะอยู่ในรถที่ติดฟิล์มทึบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรได้อย่างใจ ชายหนุ่มเลยหันด้ามช้อนให้คนรักรับไปถือเอง


   ครองภพหัวเราะเบาๆ เข้าใจในสิ่งที่ร่มธรรมทำ เขารับช้อนมาเข้าปาก ก่อนจะส่งคืน


   “ขอบคุณครับ”


   “อยู่ดีๆทำไมกินไอติมเนี่ย”


   ครองภพยิ้ม ไม่ตอบ แต่ภาพที่เจ้าตัวตักไอศกรีมให้เขาหนึ่งคำ แต่เป็นหนึ่งคำที่ทั้งตั้งใจและเต็มใจตักมาให้ เป็นหนึ่งคำที่ทั้งคัดทั้งเลือก เป็นหนึ่งคำที่แม้กระทั่งคนไม่ชอบกินของหวานยังอิ่มอกอิ่มใจ จะอยู่ในใจเขาไปอีกนานแสนนาน


   “คุณจะไปไหนต่อ” เขาชวนคุยเรื่องอื่น


   “ไม่มีที่ที่อยากไปแล้ว ครองอยากไปไหนล่ะ”


   “งั้นไปเดท”


   “หะ?!” ร่มธรรมตาโต หันมามองคนพูดที่เริ่มขับรถออกจากที่จอดแล้ว


   “ไปหาร้านอร่อยๆ”


   “สรุปไปเดทหรือไปหาร้านอร่อยนะ?” ถูกย้อนถามแบบนี้ ก้ทำเอาสารถีรูปหล่อเหล่ตามองเหมือนจะคาดโทษ ร่มธรรมหัวเราะเบาๆ ตักไอศกรีมเข้าปากเป็นอันหยุดแซว


   “แล้วคุณอยากกินอะไร”


   “อืม? ไม่รู้สิ ตามใจครองแล้วกัน”


   ครองภพเหลือบมามองแล้วยักคิ้ว


   “ถ้าตามใจผม ผมกินคุณนะ”


   “ครองภพ!”


   เสียงหัวเราะดังมาจากคนถูกดุที่พูดจาสองแง่สามง่าม ร่มธรรมส่ายศีรษะ


“ไหนบอกว่าครองภพพูดน้อย...ไหน ใครบอกนะ พี่จะไปบอกเขาใหม่”


“คุณจะบอกเขาว่าไง”


“บอกว่าครองพูดมาก กินขนมหวานด้วย เอาอีกมั้ย” ถึงจะบ่น แต่ก็ตักไอศกรีมในถ้วยขึ้นมาอีกคำเป็นการชวน แต่ครองภพส่ายหน้า


“ถ้าคุณบอกแบบนั้น ความแตกแน่นอน”


“จริงด้วย ว้า...งั้นไม่บอกใครแล้วกัน ถือว่ารู้กันแค่ในหมู่พวกเรา”


“คุณอึดอัดรึเปล่า”


ร่มธรรมหันมอง ยิ้มแล้วส่ายหน้า


“ไม่เลย ครองล่ะ”


“เหมือนกัน...การมีคุณ มันคือความโชคดีของชีวิตผมด้วยซ้ำ”


“พี่ก็ด้วย” ร่มธรรมหันไปยิ้ม คนขับรถเหลือบมามองแล้วส่งยิ้มตอบกลับไป


ท่ามกลางการจราจรของกรุงเทพมหานคร ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครสังเกต


รถยนต์ส่วนตัวคันหนึ่ง...มีสารถีชื่อครองภพ และมีผู้โดยสารชื่อร่มธรรม…


ในรถมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เป็นที่รับรู้ของสังคมภายนอก แต่ความโชคดีของพวกเขา คือต่างคนต่างรับรู้ความรู้สึกของกันและกัน และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน


รักษาปัจจุบันให้ดี จับมือคนข้างกายเอาไว้ให้มั่น



เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่พวกเขาจะก้าวไปด้วยกัน



จะเดินเคียงข้างกัน...พร้อมกับความรู้สึกเช่นนี้...ต่อไป


   FIN



เป็นตอนพิเศษที่อยากให้นายช่วงกลับมา อย่างน้อยก็อยากให้เขาพัฒนา (จากที่เคยเรียกน้องครองว่าแผนก็เลิกเรียก ฮ่าฮ่า) อีกอย่างคือนายช่วงมีปูมหลังกับพี่ร่มมาตลอด ก็อยากให้เขาลาจากกันด้วยดี (ด้วยดีก็เลยเป็นชื่อตอนสำหรับการจากลาของร่มกับนายช่วง นายช่วงกับครอง และด้วยดีคืออวยพรให้ชีวิตร่มกับครองเดินไปข้างหน้าด้วยกันด้วยดีค่ะ)

อีกอย่างคืออยากลงท้ายด้วยคำว่า “ต่อไป” เรื่องนี้คอนเซ็ปต์เป็นปัจจุบัน ก็เลยตัดใจไม่ใช้คำว่า “ตลอดไป” แต่อยากให้ชีวิตของพวกเขาเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆพร้อมกับเวลาที่ขยับจากอนาคตมากลายเป็นปัจจุบันค่ะ เพราะฉะนั้น ยังไงก็ฝากพี่ร่มน้องครองต่อไปด้วยนะคะ อาจจะได้เจอพวกเขาในตอนพิเศษอีกค่ะ (ฮาร์ดเซลมาก ฮ่าฮ่า)

สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับการติดตามมาตลอด สำหรับคนที่อยู่ด้วยกันมา ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ช่วงหนึ่งบัวดิ่งไปเยอะมากเพราะหลายเรื่องเข้ามาในชีวิต ก็ได้คอมเม้นท์จากคนอ่านช่วยดึงเอาไว้ และขอบคุณสำหรับคนที่เพิ่งแวะเข้ามาอ่าน ขอบคุณมากๆที่มาทำความรู้จักพี่ร่มน้องครอง หวังว่าพวกเขาจะสร้างความสุขให้ได้เหมือนคนอื่นๆในนิยายของบัวนะคะ

เจอกันใหม่เดือนหน้ากับตอนพิเศษเรื่องเก่าๆเรื่องใดเรื่องหนึ่งค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 07-05-2020 21:27:08
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจาาาา สู้ๆน้าาาา  :L1: :L1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 07-05-2020 21:37:47
ประทับใจความอินดี้ ต่อปากต่อคำกับผี เมินผี และออกมาจากฝันได้เอง55555 และก็หึงได้น่ารักดี สมแล้วที่พี่ร่มเอ็นดู :mew1:

เนี่ยเนี่ยครองภพก็รู้จักปล่อยวาง ยอมบอกพี่ด้วยว่าผีมาหาที่วัด ดูเป็นผู้ใหญ่เเล้วๆ (เอ๊ะ หรือจริงๆคือรู้ว่าผีนายช่วงโอกาสเป็น 0 แล้ว เลยยอมอ่อนข้อให้ศัตรูหัวใจ? :hao3:)

แต่ใดๆก็คือพี่ร่มน่ารักกกกกกกก ใจดี ใจเย็นเหมือนน้ำ อยู่ด้วยเเล้วรู้สึกสบายใจจัง อิจฉาครองภพแอ่ๆๆๆๆ

ว่าแต่แม่ค้าขายไอติมขนลุกไปยัง เห็นซีนคนคุยกับผีต่อหน้า555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 07-05-2020 21:54:17
หึงกับผี!!!!
โธ่!! น้องครองที่แท้ก็แอบมีหึงผีนายช่วงด้วยสินะ  :m20:
จะว่าไปก็สงสารนายช่วงนิดหน่อยเหมือนกันที่โดนคนบ้าเรียกหาตลอดเวลาแบบนี้ แต่.. ถ้าคนบ้าไม่เรียกไว้นายช่วงก็คงทำเรื่องให้น้องครองกับพี่ร่มปวดหัวอีกเป็นแน่ จะสงสารเลยสงสารไม่สุด ยังไงก็ขอให้ไปดีเถอะนะนายช่วงจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด เราขออวยพรเพิ่มด้วยอีกคน ว่าจะทำบุญไปให้ด้วยแต่เกรงว่ากรวดน้ำละไปไม่ถึง  :sad4:

รอตอนพิเศษเรื่องอื่นๆ ต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-05-2020 23:10:52
แอบน้ำตาซึมเลย..ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนี้ ดีต่อใจมากๆ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-05-2020 23:35:49
รู้สึกตอนนี้ตรงกับใจมาก เคยคิดเหมือนกันว่าสงสารนายช่วงผู้ซื่อสัตย์จะปล่อยวางยังไง
ตอนนี้เลยมาเติมเต็ม คนเขียนน่ารักมาก อิอิอิ สบายใจละ นอนหลับฝันดี และสู้ต่อไป
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: SuniSuni ที่ 08-05-2020 00:45:34
ขอบคุณน้องบัว สำหรับนิยายดีๆ สนุกๆ ชอบนิยายทุกเรื่องของน้องบัวเลย จะรอตอนพิเศษ นะคะ เรื่องไหนก้ได้เพราะว่าอ่านนิยายน้องบัวทุกเรื่องเลย..แต่ขอถามนิดนึง เจ้าของร้าน อาหาร ที่ร่มกับครองไปทานประจำ ใช่น้องถ้วยฟูไหมค่ะ เห็นว่ามีขอ ลายเซ็น พี่ร่ม ไปให้ป้าของเพื่อน..นี่นึกถึง ป้ารี ของ ของขวัญ ก่อนเลย คิดว่า ป้ารี น่าจะ เป็นแฟนละครพี่ร่ม แน่ๆ 5555

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-05-2020 01:00:03
ถูกใจตอนพิเศษนะ
เหมือนทำให้เรื่องราวจบได้อย่างสมบูรณ์ แบบสวยๆด้วย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-05-2020 01:20:42
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-05-2020 01:43:30
เรื่อยๆไปทุกวัน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-05-2020 03:11:42
 :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 08-05-2020 07:27:14
 :o8:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-05-2020 15:37:33
น้องครองทำให้ผีช่วงยอมเรียกชื่อจนได้! ให้มันได้อย่างเซ่!! ครองภพคนจริง เถียงสู้ผี มาเข้าฝันก็ไล่ส่ง มาฝ่งมาฝากไร พี่ร่มของครองดูแลเอง ไม่ต้องเจ๋อ กับผียังหึง โว้ยยยย น้องครอง5555555555

แต่กับพี่ร่มเนี่ยนะ ครองไม่น้อง ครองไม่เด็ก โดนขัดใจล่ะหน้างอปากยื่น ให้ร่มง้อออ เป็นหมั่นไส้มากกกก

'เบญญา'กรรมเวร ของนายช่วง นางน่ากลัวยิ่งกว่าผีอีก จิกเรียกจนผีลนลาน
ถ้าหลุดพ้นแล้ว ก็ไปดีนะนายช่วง ที่เคยด่าๆไปก็อโหสิกันนะ แอบน้ำตาซึม ตอนมากราบลาพี่ร่ม เห็นหัวจิตหัวใจบ่าวที่มีต่อนาย อดสงสารไม่ได้

คุณบัว มาส่งนายช่วงได้สมบูรณ์ไม่ติดค้างใดๆเลยค่ะ ดีงามมากก
 
ตามนโยบายของคุณบัวใช้ทุกคนให้คุ้มที่สุด เจ้าของร้านนั้น ต้องใช่ถ้วยฟูแน่ๆเลย ขอลายเซ็นไปให้คุณป้า ต้องเป็นป้ารี ที่เป็นเอฟซีพี่ร่มแน่ๆ แล้วมีเหรอป้ารีจะยอมพลาด ลายเซ็นของพี่ร่ม จริงมั้ยยย  :laugh:

 :pig4: อ่านทุกเรื่องของคุณบัว ชอบมากๆทุกเรื่องเลยค่ะ รอลุ้นตอนพิเศษ เรื่องไหนน้าา ตื่นเต้นๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-05-2020 18:28:06
อบอุ่นๆพี่ร่มน้องครอง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 08-05-2020 22:43:45
อ่านตอนนี้น้ำตาไหลเลย
จริงๆสร้างภาคแยกภาค ของชายนุ่งโจงกับหญิงสาวได้เลยนะเนี้ย 555
เกิดชาติใหม่ใจยังผูกกัน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 09-05-2020 01:59:27
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-05-2020 01:35:25
ไปตามทางของแต่ละฝ่ายที่ควรจะเป็นเนาะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 11-05-2020 23:30:42
ขอให้ทั้งคู่ได้ครองรักด้วยกัน สมหวังทุกชาติไป

ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้ให้ได้อ่านนะคะ จะคอยติดตามเรื่องต่อๆไปอย่างแน่นอน  :L1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 12-05-2020 11:04:27
ขอบคุณสำหรับนิยายแสนสนุก และดี  :pig4:
ดีใจที่เข้ามาอ่าน และจะติดตามหากมีนิยายเรื่องต่อไป  :L2:
เป็นกำลังให้นักเขียนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-05-2020 12:01:50
สงสารนายช่วงเหมือนกันนะ อุตส่าห์ดูแลคุ้มครองร่มมาตลอดกับไปผูกจิตกับยัยนั้น(ลืมชื่ออะ)ได้ไง
หวังว่าจะไปดีได้เร็ว ๆ นะนายช่วง
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 11-06-2020 20:23:37
 o13
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 12-06-2020 22:41:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: 末っ子 ที่ 13-06-2020 23:24:59
เนื้อเรื่องแปลกใหม่มากค่า ภาษาสวยมากๆๆพระนายเหมาะกันสุดๆ อวยย :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 14-06-2020 02:23:34
เป็นเรื่องที่ผูกเรื่องราวได้ดีและมีข้อคิดที่เป็นจริงเยอะเลย ชอบมากโดยเฉพาะหัวข้อหลักที่คุณคนเขียนต้องการสื่อ คือการที่อยู่กับปัจจุบัน รวมทั้งการที่ทุกอย่างในเรื่องมันเป็นอะไรที่เป็นความจริงในปัจจุบันจริงๆเรื่องความสัมพันธ์ทั้งหลายด้วย ขอบคุณมากเลยสำหรับเนื้อเรื่องดีๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-06-2020 15:22:38
เห็นชื่อคนเขียนรีบเข้ามาอ่าน
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ สนุกมากค่ะ

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 16-06-2020 18:10:14
สนุกค่ะ ลุ้นว่าใครคือคนที่ขู่ร่ม สุดท้ายก็ชะนีเบญญานี่เอง ความดีชนะทุกอย่างจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 04-07-2020 01:02:42
นิยายคุณบัวไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 12-07-2020 12:12:08
 :-[
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 18-07-2020 21:51:01
ดีนะไม่มาแบบเลือดสาด ไม่งั้นไม่กล้าอ่านต่อจริงๆนะ555

อ่านไปก็เดาไปว่าไผเป็นไผเมื่อในอดีต~ แอบเสียดายที่แผนไม่รอดง่ะ  :z13:

แต่รวมๆแล้วเรื่องนี้จัดว่าน่ารักนะ เป็นไม่กี่เรื่องที่พระนายซ่อนความสัมพันธ์แบบไม่มาเปิดเผยตอนตบะแตกเหมือนเรื่องอื่นๆดี มันเลยดูเรียลอะ คุณอาจจะรับได้แต่ไม่ใช่หึ.ทุกคนที่รับได้ไง แบบนี้ก็กุ๊กกิ๊กน่ารักดี แอบเชียร์ให้ย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกันนะ จะได้ย่องไปหากันง่ายๆหน่อย หุหุ  :impress2:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-07-2020 18:40:44
  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 08-08-2020 21:44:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 15-08-2020 17:05:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 16-08-2020 07:19:55
น้ำตาไหล ปวดใจกับนายช่วง ซีนที่คุกเข่ายกมือไหว้
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 16-08-2020 21:17:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 18-08-2020 13:27:31
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วกริ้วกร้าวหัวใจจริงๆ
สงสารนายช่วงจัง
และอยากให้มีตอนพิเศษของบรรดาพี่ๆ
น่าจะสนุกถ้าจับมาเจอกันให้หมด 555
 o13
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 22-08-2020 22:58:08
 เรื่องนี้คือดีไม่แพ้เรื่องอื่น..สนุก..หลากหลายอารมณ์ดี
  แรก ๆ นี่คือขัดใจพี่ร่มทำร้ายจิตใจน้องครองสามีแห่งชาติได้ลงคอ..แต่ให้อภัยที่หลังจากปรับความเข้าใจ เปิดใจให้กันความมุ้งมิ้งสีชมพูก็ปล่อยมาเต็ม
  ปมเนื่อเรื่องหรือการตัดสลับภพชาติเขียนโอเคดีไม่งง ปมเรื่องบางจุดก็ยังคาใจนิดหน่อย..แต่ก็ไม่เป็นไร
  จบดีไม่ออกทะเลไม่ตัดจบตัดอารมณ์..ชอบเลยจ้า  :t3:  :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ด้วยดี...=> หน้าที่ 16 (07/05/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 23-08-2020 17:31:36
โอ๊ยยยยไม่ได้เข้าเล้ามานานพลาดเรื่องนี้ไปได้ไงมันดีมากมันแบบนี่มันชีวิตเบื้อหลังความรักป๋อจ้านไหมเนี่ยยยตัวเลขอายุลักษณะนิสัยพฤติกรรม งุ้ยยยยยยยยละมุนตุ้มสุดดดดดด  :กอด1: ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ มากเลยจ้า
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 26-09-2020 21:30:31
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
……………………

ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน


   ครองภพไม่ใช่คนทำอาหาร แต่ถึงอย่างนั้นที่คอนโดของเขาก็มีอุปกรณ์ครบถ้วน


   คนไม่ทำอาหารอย่างเขา แถมเวลาว่างก็มีเพียงน้อยนิด จะมีอุปกรณ์ทำครัวไปทำไม คำตอบของคำถามแน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับตัวเอง แต่ ‘เผื่อ’ ใครบางคนอยากทำต่างหาก


   ทว่า...ครองภพคนไม่ทำอาหาร กลับลืมไปเรื่องหนึ่ง


   ตู้เย็น เตาแก๊ส ไมโครเวฟ เตาอบ เครื่องชงกาแฟ เครื่องผสมอาหาร เครื่องปั่น กระทั่งครกสากก็มี ตะหลิวทัพพี กระทะหม้อชามครบถ้วน แต่...ขาดผ้ากันเปื้อน


   เรื่องนี้เพิ่งมาคิดได้ก็ตอนที่เขากลับมาที่คอนโดแล้วพบว่าร่มธรรมกำลังเตรียมอาหาร ไม่รู้ทำท่าไหน เสื้อเชิ้ตสีขาวถึงเลอะซอสมะเขือเทศเป็นทาง พอเขายืนตะลึงมองสภาพคนรัก รายนั้นก็หัวเราะแหะๆแล้วสารภาพ


   ‘พี่ลืมปิดฝาให้สนิทก่อนเขย่าขวดน่ะ มันก็เลย...’


   ใจหนึ่งเอ็นดูคนป้ำๆเป๋อๆ แต่อีกใจ...ครองภพก็รู้ว่าเขาลืมอะไร


   ...ลืมซื้อผ้ากันเปื้อน...


   นักแสดงหนุ่มรูปหล่อเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไล่ดูผ้ากันเปื้อนที่ขายในอินเตอร์เน็ต มีทั้งแบบเรียบๆ แบบลูกไม้ แบบเต็มตัว แบบครึ่งตัว มีทั้งสีพื้น และลวดลาย


   ...ลูกไม้ตัดทิ้งไปก่อนอันดับแรก...


...แล้วร่มธรรมก็เหมาะกับแบบเรียบๆ...


...เต็มตัวก็ดี ครึ่งตัวก็ดี...


...แต่สีอะไรดี...



ครองภพไม่คิดว่าตนเองเป็นคนเรื่องมาก แต่กับแค่ผ้ากันเปื้อนยังเลือกแล้วเลือกอีก เหตุผลหลักก็เพราะนี่เป็นผ้ากันเปื้อนสำหรับคนรักของเขา


นิ้วเลื่อนขึ้นเลื่อนลง ยังไม่รู้จะกดสั่งซื้ออันไหนดี ก็ถูกเรียกเข้าเซ็ตเพื่อถ่ายรายการต่อแล้ว



รายการที่มาถ่ายในวันนี้ มีละครสั้นคอมเมดี้ให้เล่น และในเมื่อเป็นคอมเมดี้ก็ย่อมมีเรื่องสนุกๆให้ทำ อย่างเช่น การให้เขาใส่ผ้ากันเปื้อน รับบทเป็นบัทเลอร์หนุ่มดูแลทำความสะอาดบ้าน


แล้วผ้ากันเปื้อนที่ว่า ย่อมไม่ใช่ผ้ากันเปื้อนเรียบๆ แต่เป็นผ้ากันเปื้อนสีชมพู มีระบายที่ชาย


...เหมือนผ้ากันเปื้อนในการ์ตูน...



ตอนที่ต้องใส่เพื่อถ่ายรายการ พระเอกหนุ่มรูปหล่อแอบเขินเล็กๆ แต่เพราะเป็นคนตั้งใจทำงาน พอเริ่มถ่ายก็ไม่ได้คิดถึงมันอีก จนกระทั่งถ่ายรายการเสร็จ แล้วถอดออกมาพิจารณาอย่างถ้วนถี่ จู่ๆเลือดหนุ่มก็พาลให้จินตนาการไปถึงคนรัก


...ถ้า...ร่มธรรมใส่ผ้ากันเปื้อนแบบนี้...


...ก็น่าจะน่ารักเหมือนในการ์ตูน...


ตอนนั้นเองที่เขาหันไปหาทีมพิธีกรที่สนิทสนมกันดี


“พี่ครับ อันนี้...ต้องใช้อีกมั้ย”



“ผ้ากันเปื้อนเหรอ อยากได้รึไง เอาไปสิ” พอได้รับอนุญาต เขาก็เลยยัดผ้ากันเปื้อนเข้ากระเป๋าเป้ตัวเอง หิ้วกลับมาที่คอนโดด้วย


แต่...ได้มาแล้วทำยังไงต่อ



ถ้าอยู่ดีๆ ยื่นให้ร่มธรรมใส่ มีหวังเขาโดนคนรักไล่ตีด้วยผ้ากันเปื้อนนี่แน่ๆ แต่...ถ้าเก็บเอาไว้กับตัว ก็หวั่นว่า...ร่มธรรมจะไม่ใช้


สุดท้ายเลยใช้วิธีห้อยเอาไว้ในครัว แล้วภาวนาให้อีกฝ่ายมาเห็นเอง



ฤกษ์งามยามดีในวันที่ร่มธรรมหิ้วอาหารจากร้านประจำแวะมาหาเขา พอรายนั้นเดินเข้าครัวไปไม่ถึงนาที เจ้าตัวก็โผล่หน้าออกมาร้องถามตาโตพร้อมกับชูผ้ากันเปื้อนสีชมพู


“นี่ของครองเหรอ?!”


ครองภพพยายามทำตัวสุขุม ทั้งๆที่มือไม้เริ่มเก้งก้าง หักนิ้วดังก็อกแก็ก


“ไป...ไปถ่ายรายการแล้วเขาให้มา...”


ไม่ได้โกหก ทางรายการให้มาก็จริง แต่ไม่พูดว่าตนเองเป็นคนขอ


ร่มธรรมยิ้มสดใส “รายการออนแอร์วันไหนนะ พี่จะรอดู”


ครองภพไม่บอก แต่โบกมือไล่ “คุณไปอุ่นกับข้าวได้แล้ว จะได้มากินกัน”


“ทำเป็นเขิน”


“ไม่ได้เขิน ไปอุ่นกับข้าว”



คนอายุมากกว่าไม่ตอแย แต่ทิ้งสายตาหยอกล้อเอาไว้ ทว่าก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในครัว เสียงเจ้าของห้องก็ดังไล่หลัง


“ร่ม ใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย เสื้อจะได้ไม่เลอะ”



ไม่มีเสียงตอบกลับมา ครองภพไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายยอมใส่หรือไม่ แต่หากลุกขึ้นเดินไปส่อง ร่มธรรมคงรู้แน่ว่าเขาตั้งใจ



ชายหนุ่มพยายามสูดลมหายใจลึกเพื่อให้ใจเย็น จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก


“ครอง มาช่วยยกออกไปหน่อย”


ไม่ต้องให้เรียกซ้ำ คนที่อยากจะเห็นใจจะขาดก็พุ่งตัวไปที่ครัวทันที



แล้วพอเขาโผล่หน้าเข้าไปก็ต้องชะงักอยู่เพียงเท่านั้น เมื่อคนรักหันกลับมาในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขน กางเกงสแล็ก และผ้ากันเปื้อนสีชมพู...ไหล่ตกข้างหนึ่ง


ครองภพยืนตะลึงงันมองตาไม่กะพริบ แต่ร่มธรรมมองเขาตาแป๋ว



“ผ้ากันเปื้อนมันใหญ่ไปหน่อยนะ” พูดแล้วก็รั้งเอาสายข้างที่ตกจากไหล่ขึ้นมา ครองภพมองอีกฝ่ายตาเป็นประกาย รู้สึกว่าร่มธรรมช่างน่ารักน่าเอ็นดูในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูแบบการ์ตูน


แต่...ดูเหมือนไซส์ที่ใหญ่เกินไป จะทำให้หนุ่มรุ่นพี่ชักรำคาญกับอาการไหล่ตก


“พี่ว่าเอาของพี่มาใช้ดีกว่า” ร่มธรรมไม่พูดเพียงอย่างเดียว แต่ถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วเดินออกจากห้องครัว



ครองภพเสียดายตะหงิดๆ แต่พออีกฝ่ายเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีดำแบบเรียบๆ ที่สวมคอแล้ว และต้องเอื้อมมือไปมัดเชือกด้านหลัง ก็ทำเอาหนุ่มรุ่นน้องถึงกับชะงัก



ร่มธรรมไพล่แขนไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อมัดเชือกรัดผ้ากันเปื้อน มือที่เล็บตัดสั้นสะอาดสะอ้าน กับแขนที่มีกล้ามเนื้อและเส้นเลือดอย่างผู้ชาย ท่วงท่าทะมัดทะแมง ทำให้รู้สึกราวกับเสน่ห์แบบชายหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่กำลังแผ่ออกมาจากตัว


…เสน่ห์...แบบที่ทำให้ละสายตาไม่ได้...


...เสน่ห์...แบบที่ทำให้มองตาค้าง...


“ครอง?” ร่มธรรมหันมาเห็นคนรักมองเขาตาไม่กะพริบ ก็เรียกชื่อด้วยความสงสัย


“ค...ครับ ผ...ผมเอาออกไปเลยนะ”



คนอายุน้อยกว่าถึงกับต้องเบี่ยงสายตาไปที่อาหารแทน เขาไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไรต่อ เพราะถามแล้วก็รีบยกอาหารออกจากห้องครัว



ร่มธรรมยังอยู่ในครัวต่ออีกพักหนึ่ง ก่อนจะตามออกมาพร้อมด้วยต้มจืดเต้าหู้ และ...ยังสวมผ้ากันเปื้อนสีดำนั่นอยู่...



ผ้ากันเปื้อนแบบในการ์ตูน พอมันมาอยู่บนตัวของร่มธรรมแล้ว ทำให้อีกฝ่ายน่ารักน่าเอ็นดูก็จริง แต่ใครจะคิด...ผ้ากันเปื้อนแบบเรียบๆ แต่ท่วงท่าคล่องแคล่วยามสวม กลับทำให้ร่มธรรม...น่ามอง จนมองเพลิน...ตั้งแต่ปลายนิ้วขึ้นไปยังข้อมือ ขึ้นไปยังท่อนแขน



ครองภพมองตาม แล้วก็เผลอสูดลมหายใจเข้าลึก ตอนนั้น...ราวกับได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัว มันหอม เบาบาง อยากสูดดมให้มากกว่านี้ แต่มันก็เบาบาง แต่แม้จะเบาบางก็ไม่หายไป ยิ่งเบาบางก็ยิ่งอยากดอมดม ทั้งรักทั้งหลงกลิ่นนี้จนไม่อยากได้กลิ่นอื่น



...ให้ตายเถอะ...ร่มธรรมไม่ได้ถอดเสื้อผ้าสักชิ้น แต่กลับทำให้ครองภพมองตาค้าง กลืนน้ำลายอึกแล้วอึกเล่า สูดลมหายใจซ้ำๆ แต่กลับไม่มีสติเลยสักนิด จนกระทั่งถอดผ้ากันเปื้อนออกไปแล้ว ก็ยังติดอยู่กับภาพในหัว


ครองภพใจลอย แม้กระทั่งกินข้าว ล้างจาน จนถูกไล่ไปอาบน้ำ...ก็ไปอย่างใจลอย



ร่มธรรมเห็นอาการคนรักรุ่นน้องไม่ปกติ ท้องอิ่มก็แล้ว อาบน้ำจนสบายตัวก็แล้ว ก็ยังออกมานั่งเหม่อลอยอยู่ที่ปลายเตียง

คนอายุมากกว่าไม่พูดอะไร เข้าไปอาบน้ำออกมาอีกครั้งก็ยังเห็นคนรักนั่งอยู่ที่เดิม โทรทัศน์เปิดไว้อย่างนั้น ยังอยู่ที่ช่องที่ร่มธรรมเป็นคนกดเปิดด้วยซ้ำ แม้กระทั่งตอนที่เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียง ครองภพที่เป็นพวกประสาทตื่นตัวไว ก็ยังนั่งเฉย ตาลอย



“ครอง...” เขาแตะบ่าแล้วเรียกเบาๆ ตอนที่สัมผัสกายนั่นเอง ที่ดูเหมือนครองภพจะรู้สึกตัว หันมามอง


“...เป็นอะไรไป หรือว่าไม่สบาย”


“ห...หะ...เปล่า...เปล่า”


“แล้วทำไมวันนี้ดูใจลอย”



หนุ่มรุ่นน้องอ้าปากพะงาบๆ แต่ถ้าไม่ได้พูดในสิ่งที่คิด มีหวังอีกฝ่ายนั่งจ้องเขาทั้งคืน รายนี้น่ะเห็นใจดีใจเย็น แต่บทจะดุจะคาดคั้นแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่ครองภพจะปกปิดเลย ต่อให้แท็กทีมกับใคร ก็ปิดร่มธรรมไม่ได้


“ผ...ผม...ผมพูดได้เหรอ”


“แน่นอน”


“คือ...คุณ...ใส่ผ้ากันเปื้อนได้มั้ย...”


“หะ?! ผ้ากันเปื้อน? ใส่ตอนนี้น่ะเหรอ”


ครองภพพยักหน้า


“ผ้ากันเปื้อนอันไหน สีชมพู?”


“เปล่าครับ...อันที่คุณเอามา...”


ร่มธรรมงุนงง แต่ก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต



“ได้ อ่า...อยู่ในครัว พี่...ไปเอามาก่อนนะ” กำลังจะหมุนตัวออกจากห้องนอน แต่มือถูกคว้าเอาไว้ ร่มธรรมหันกลับมามอง เห็นอีกฝ่ายจับมือเขา แต่ก้มหน้านิ่ง


“ค...คือ...ผมขอ...ขอตามไปดูตอนคุณใส่ได้มั้ย”


“หะ?!”



หนุ่มรุ่นน้องรู้ว่าคำขอของเขาแสนแปลก แต่เวลาร่มธรรมขยับตัว หากเด๋อๆด๋าๆนั้นน่าเอ็นดู แต่เวลาทำอะไรอย่างกระฉับกระเฉงคล่องเคล่วแล้วล่ะก็...ละสายตาไม่ได้เลย



“ได้มั้ยครับ” ครองภพช้อนสายตาขึ้นมองอย่างอ้อนวอน แม้คำขอของเขาจะน่าประหลาด แต่ร่มธรรมก็ยอมพยักหน้ารับ



สองหนุ่มพากันเดินเข้าครัว ที่นั่นมีผ้ากันเปื้อนสีดำเรียบๆของร่มธรรมแขวนอยู่ข้างผ้ากันเปื้อนสีชมพู คนอายุมากกว่าหยิบมันลงมาจากราวแขวน เหลือบมองหนุ่มรุ่นน้องทีหนึ่ง รายนั้นมองเขาอยู่คล้ายลุ้นให้สวม



ร่มธรรมสวมแล้วตวัดผ้าพันรอบเอว ไปมัดปมด้านหลัง เจ้าตัวไม่รู้สักนิดว่าเจ้าของสายตาอ้อนวอนเมื่อครู่นี้ เปลี่ยนเป็นจับจ้องตาไม่กะพริบ จมูกเหมือนได้กลิ่นหอมอวลเบาบางลอยออกมาจากกายคนรักรุ่นพี่อีกแล้ว



ครองภพสูดหายใจลึกเพื่อให้ได้กลิ่นนั้นมากขึ้น ในขณะที่สายตาไล่มองจากแขนลงไปยังข้อมือ ลงไปยังปลายนิ้วอย่างช้าๆ...ราวกับกำลังจะกลืนกินทุกอณูเนื้อของคนรัก…



...คนอะไร... ‘น่ากิน’ แม้กระทั่งสวมเสื้อผ้าที่ไม่โป๊สักนิด...



ร่มธรรมมารู้ตัวก็ตอนที่มัดผ้ากันเปื้อนเรียบร้อยแล้ว และหันกลับมาเห็นสายตาคมกริบ ก็พาลเอาเขินขึ้นมาดื้อๆ



...ก็สายตาของครองภพร้อนแรงน้อยเสียเมื่อไหร่ ราวกับสิงโตหนุ่มที่จ้องเหยื่อตาไม่กะพริบ เป็นเหยื่ออย่างร่มธรรมเสียเองที่ต้องหลบสายตาไปทางอื่น…


“อ...เอ่อ...ค...แค่ใส่ก็พอใช่มั้ย”


คนอายุน้อยกว่าสาวเท้าเข้าไปหา สอดแขนรั้งเอวร่มธรรมแล้วยื่นหน้าเข้าใกล้


“ใช่...คุณแค่ใส่ก็พอ...” เขาพูด ลดสายตาลงมองริมฝีปากของหนุ่มรุ่นพี่ “...ที่เหลือผมทำเอง”


………………….
หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 26-09-2020 21:31:02


ครองภพทำเองสมกับที่ปากพูด เขาเริ่มด้วยการบดจูบลงกับกลีบปาก สองมือลูบไล้แผ่นรักของคนรัก นวดเฟ้นอย่างมันเขี้ยว ปลุกเร้าจนร่มธรรมสั่นสะท้าน ทว่ากลับไม่ยอมปลดเสื้อผ้าที่กีดขวางเลยสักชิ้น


เสื้อนอนยังอยู่ กางเกงนอนก็ยังอยู่ ผ้ากันเปื้อนก็ยังอยู่ ในขณะที่อารมณ์เริ่มพุ่งพล่านจนดวงตาฉ่ำปรือ



ครองภพดูดริมฝีปากแดงก่ำของคนรักแรงๆ ก่อนจะถอยออกมาเล็กน้อยให้อีกฝ่ายหายใจหายคอ ร่มธรรมต้องพิงสะโพกกับเคาท์เตอร์ครัวเพราะยืนแทบไม่อยู่ หอบหายใจจนแผ่นอกสะท้อนขึ้นลง


...เห็นอย่างนั้นแล้ว ไม่อยากถอยห่างเลย...แต่...ที่นี่ไม่มี…


“อ๊ะ! ครอง...” ร่างของร่มธรรมถูกรวบยกขึ้นจากพื้น เจ้าตัวเลยร้องออกมาด้วยความตกใจ


“ที่นี่ไม่มีถุงยางกับเจล ออกไปที่โซฟากัน”


“ต...แต่ผ้ากันเปื้อน...”


“ใส่ไว้”



หนุ่มรุ่นน้องว่าอย่างนั้น ร่มธรรมก็ไม่อาจเถียงได้อีก เพราะอีกฝ่ายล็อกคอเขาลงมาบดจูบขณะที่พาเดินออกจากครัวไปยังโซฟาที่หน้าโทรทัศน์



ร่างของร่มธรรมถูกวางลงบนโซฟา ทาบทับด้วยร่างของอีกฝ่ายที่ตามลงคร่อม สองมือของคนข้างบนสอดเข้าไปใต้เสื้อ ไต่ขึ้นสูงหายอดอกแล้วบดบี้ ร่มธรรมสะท้านเฮือก แต่ไม่อาจส่งเสียงประท้วงได้สักคำ เพราะอีกฝ่ายยังจูบไม่ปล่อย ได้แต่สอดปลายนิ้วเข้าขยุ้มเส้นผมของหนุ่มรุ่นน้องเพื่อคลายความรู้สึกวาบหวาม แต่...พอเริ่มจะคุ้นชิน มือข้างหนึ่งของคนรักก็เลื่อนจากแผ่นอกไปยังแผ่นหลังแล้วลากลงสู่บั้นเอว สอดเข้าไปใต้กางเกงแล้วบีบขยุ้มก้อนเนื้อกลมอย่างหยามใจ



“อ๊ะ!...” ร่มธรรมร้องได้เพียงเท่านั้น อีกฝ่ายก็ตามประกบจูบไม่เปิดโอกาส มือหนึ่งยังบดบี้ยอดอก อีกมือขย้ำก้อนเนื้อสะโพก ปลุกอารมณ์จนร่างข้างใต้สั่นสะท้าน


“ค...ครอง...อ๊ะ...”


“คุณเซ็กซี่มากเลยรู้มั้ย...” ครองภพพูด ในขณะที่ปากก็บดเบียดผิวแก้มของคนรักอย่างรักใคร่



“พ...พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ...อื้อ...ต...ตรงนั้น...” ร่มธรรมสั่นระริก เมื่ออีกฝ่ายขยี้นิ้วลงกับยอดอกของเขา หนุ่มรุ่นน้องผละออกมาดูผลงานของตนเอง เห็นอีกฝ่ายเนื้อตัวสั่น ใบหน้าแดงก่ำ แต่กลับไม่หยุดมือ ซ้ำยังใช้ปลายเล็บเขี่ยยอดอกตึงเขม็งนั่นอีก


“ตรงนี้เหรอ...หืม...”



“อ๊ะ!...ค...ครอง!” ร่มธรรมจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ แต่ไม่อาจหยุดได้เลย ครองภพรู้จักร่างกายของเขาดีเกินไป พอสะกิดยอดอกจนเขาสะท้านแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นบดเอวเข้าหาถูไถกับเบื้องล่างของเขาแทน



ร่มธรรมอยู่ในชุดนอน ได้แก่เสื้อยืดและกางเกงเนื้อนิ่ม แม้จะมีผ้ากันเปื้อนทับอีกชั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะบดบังความรู้สึกของเขาได้ เมื่อครองภพบดเอวเบียดเข้าหา จึงรับรู้ตัวตนของหนุ่มรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี



คนอายุน้อยกว่าสบตาคนรักด้วยดวงตาพราว ก่อนจะลากสายตาลงต่ำหาส่วนที่โป่งนูนกลางลำตัว สายตาร้อนฉ่า ยิ่งจับจ้องอารมณ์ของคนรัก ร่มธรรมก็ยิ่งอายจนต้องปิดสองหน้า และนั่น...ทำให้เขาไม่เห็น



กว่าจะรู้ตัว ก็เมื่อผ้ากันเปื้อนถูกตลบออก กางเกงยางยืดถูกรั้งให้ส่วนที่ขยับขยายออกมาท้าสายตา ร่มธรรมอ้าปากกำลังจะห้าม แต่ไม่ทันแล้ว ครองภพครอบริมฝีปากลงมอบความชุ่มชื้นให้กับแก่นกายของคนรัก



“อ๊ะ! อื้อ!...” ร่มธรรมสะดุ้งเฮือก สั่นระริกกับสัมผัสที่ทั้งร้อนทั้งแฉะ ไหนจะลิ้นสากที่เกี่ยวรัดรอบความอ่อนไหวที่แข็งขืนของเขาอีก มันฉุดอารมณ์ของเขาให้ขึ้นๆลงๆตามการดูดดึง ครองภพเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าทำเอาคนที่ถูกปลุกปั่นเคลิบเคลิ้ม เผลอส่งมือลงไปขยุ้มเส้นผมของคนรักที่ซุกหน้าอยู่กลางหว่างขาของเขา



“อ๊ะ...ค...ครอง...ครอง...อื้อ!”



แต่ความเคลิบเคลิ้มนั้นคล้ายแผนหลอกล่อ เพราะจู่ๆ ความหฤหรรษ์ที่เบื้องหน้าก็ถูกเบี่ยงความสนใจไปยังเบื้องหลังที่ถูกแทรกสอดอย่างช้าๆ



ครองภพถอนปาก ใช้มืออีกข้างลูบไล้แก่นกายเปียกชุ่มแทน บดปลายนิ้วลงกับส่วนปลายที่ฉ่ำเยิ้ม ร่มธรรมสะท้านเสียว อารมณ์เบื้องหน้าพุ่งพล่าน ในขณะที่เบื้องหลังตอดรัดสิ่งแปลกปลอมแสนชุ่มฉ่ำที่แทรกเข้ามาอย่างช้าๆ



“รัดมากไปแล้ว นี่แค่นิ้วเดียวเอง...” หนุ่มรุ่นน้องขยับตัวขึ้นไปกระซิบที่ริมฝีปากแดงก่ำ ค่อยๆกดนิ้วที่เยิ้มด้วยเจลหล่อลื่นให้เดินทางเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ



“อ๊ะ...อื้อ...” ร่มธรรมได้แต่ครางฮือ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกของความสัมพันธ์เช่นนี้ แต่กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่ชิน ทว่าครองภพไม่เคยเร่งเร้าเอาแต่ใจ



เข้าได้เพียงนิ้วเดียว ก็ไม่ใจร้อน สอดจนสุดข้อนิ้วแล้วหมุนวนให้คุ้นเคย ก่อนจะค่อยเพิ่มเป็นสองนิ้ว ในขณะที่มืออีกข้างก็คอยปลุกเร้าเลี้ยงอารมณ์เสียวซ่านของคนรักด้วยการลูบไล้แก่นกายเอาไว้



ร่มธรรมคล้ายถูกรังแกทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ใครจะรังแกกันด้วยวิธีที่แสนอ่อนโยนและใจเย็นเช่นนี้



เนื้อแท้ครองภพเป็นคนใจร้อน มุ่งมั่นไปกับสิ่งที่ชอบ มีหรือจะอดทนทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บตัว



เพราะความสัมพันธ์ลึกซึ้งของพวกเขามีเงื่อนไข ร่างกายไม่เอื้ออำนวย การประคับประคองและทะนุถนอมจึงเป็นเรื่องสำคัญ



แต่...ร่มธรรมก็ไม่อยากให้ความสัมพันธ์เช่นนี้กลายเป็นเรื่องที่ครองภพพยายามอยู่ฝ่ายเดียว



เขาสูดลมหายใจลึก ผ่อนคลายให้มากที่สุด แล้วเอ่ยเสียงแปร่งปร่า



“ครอง...พอแล้ว...” ครองภพยอมหยุด พอเขาถอนนิ้วออก ร่มธรรมก็ผลักเขาออกห่างเบาๆ หนุ่มรุ่นน้องยอมขยับถอย พอให้มีพื้นที่เล็กน้อย ร่มธรรมจึงปลดกางเกงออกจากขาข้างหนึ่ง แล้วพลิกกายหันหลัง โก่งสะโพก เปิดเบื้องล่างล่อนจ้อนที่แฉะชื้นแก่สายตา



แม้จะอายจนแทบซุกหน้าหนี แต่...เขาจะไม่ปล่อยให้ครองภพพยายามคนเดียวอีก


ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำเหลียวกลับมามอง มือข้างหนึ่งไพล่ไปด้านหลัง แตะที่ปากทางฉ่ำเบาๆ แล้วเอ่ย


“มาสิ...”



ครองภพเป็นสิงโตหนุ่มวัยฉกรรจ์ แต่เขาไม่ได้มองอีกฝ่ายเป็นเหยื่อเลยสักนิด สำหรับเขา ร่มธรรมคือเสือหนุ่มผู้มีเสน่ห์เย้ายวนใจ และเวลานี้...ร่มธรรมเย้ายวนยิ่งกว่าเวลาใดๆ



ไม่ต้องให้เรียกซ้ำ สิงโตหนุ่มก็กระโจนเข้าหา รั้งกางเกงลง ลูบไล้ความเป็นชายจนแข็งขืน ก่อนจะสวมถุงยางอนามัย ร่มธรรมเผลอกลืนน้ำลายกับความใหญ่โตของมัน เขาปลุกอารมณ์สิงโตวัยฉกรรจ์จนมันแทบปริร้าว เห็นที...พรุ่งนี้ เขาอาจจะเดินเหินลำบากอยู่สักหน่อย



แต่...เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เวลานี้...ความแข็งแกร่งถูไถอยู่ที่ปากทางร้อนของเขาแล้ว



“อ่า...” ร่มธรรมครางเสียว สองมือขยุ้มโซฟาเมื่อรับรู้ถึงการแทรกสอดเข้ามาภายในอย่างช้าๆ ครองภพไม่ได้บุ่มบ่าม ทว่าก็ไม่ให้พักหายใจเช่นกัน อารมณ์แข็งแกร่งเดินทางเข้ามาจนแนบสนิท มันอึดอัดแต่ก็สร้างความรัญจวน เมื่อถอนออกไป ก็ทำเอาสั่นระริกไปทั้งร่าง บทรักเป็นไปอย่างเนิบนาบในช่วงแรก ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ อย่างเคย...


แต่...มีเรื่องหนึ่งที่นอกเหนือกว่าที่เคย



ทุกครั้งที่ครองภพอัดกายเข้าหา สะโพกของร่มธรรมแม้จะหยัดขึ้นสู้แต่ก็ไหวตามแรงกระแทกไปด้วย และในเมื่อสะโพกขยับ ความเป็นชายที่แข็งขืนของร่มธรรมก็ถูไถไปกับผ้ากันเปื้อนอย่างไม่ตั้งใจ



ส่วนอ่อนไหวที่คุกรุ่นไปด้วยอารมณ์ถูไปกับผ้าเนื้อหยาบ ให้ความรู้สึกกระด้าง แรกเริ่มนั้นเสียดสีแต่เบาๆ แต่เมื่อครองภพเพิ่มความเร็ว คราวนี้การเสียดสี เริ่มให้ความรู้สึกแสบเสียว


“อ๊ะ...อ๊ะ...ครอง...ครอง...”



ในขณะที่เบื้องหลัง การกระแทกกระทั้นทั้งเร็วทั้งถี่ ร่มธรรมไม่รู้ว่าจุดใดของร่างกายที่ทำให้อารมณ์ปรารถนาของเขาวิ่งพล่านมากกว่ากัน ระหว่างข้างหน้าที่ถูไปกับผ้ากันเปื้อน กับข้างหลังที่ถูกกระแทกถี่ยิบ


“คุณรัดผมมากเลย...อ่า...”


“ม...มันถู...อื้อ...”


“ตรงไหน? หืม...” ครองภพก้มลงมอง แน่นอนว่าร่างของร่มธรรมบดบัง เขาย่อมไม่รู้ว่าอะไรที่ ‘ถู’


“ข...ข้างหน้า...อ๊ะ...”


หนุ่มรุ่นน้องเลิกคิ้ว แล้วก็เพิ่งนึกออกว่าแม้จะปลดกางเกงของร่มธรรมไปแล้ว แต่ยังเหลืออีกอย่างที่น่าจะ ‘ถู’


เขายิ้มพราว สอดมือเข้าไปใต้ร่างของคนรัก แล้วกอบแก่นกายของร่มธรรมผ่านทางผ้ากันเปื้อน


“อื้อ!”


ร่มธรรมสะดุ้งโหยง ทำเอาเบื้องหลังรัดรึงหนักหน่วง ครองภพก้มลงหา งับติ่งหูคนรักเบาๆอย่างเย้ายวน


“ถู...แล้วดีใช่ไหม” ไม่พูดอย่างเดียว แต่มือของเขาเริ่มชักรูดแก่นกายของร่มธรรมผ่านทางผ้ากันเปื้อนอย่างช้าๆ


“ม...ไม่...อื้อ...”



“ไม่ คืออะไร” เขาถาม แล้วลากนิ้วขึ้นไปบดขยี้ส่วนปลายที่ชุ่มฉ่ำ ผ้ากันเปื้อนเนื้อหนาพอที่จะไม่ทำให้เปียกแฉะมาอีกด้านหนึ่ง ครองภพจึงไม่รู้เลยว่าใต้ผ้ากันเปื้อนนี้ ไม่ใช่แค่แข็งขืน แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่พร้อมปะทุแล้ว


“อะ...ครอง...ขยับ...ขยับที”



“ตรงไหน ตรงนี้?...” เขาถามแล้วกระทุ้งแก่นกายเข้าสู่โพรงร้อนที่คับแน่น ร่มธรรมสะท้าน กัดริมฝีปากครางอื้ออึงในคอ



“...หรือตรงนี้?” พอคำถามนี้ ฝ่ามือร้อนก็เปลี่ยนเป็นชักรูดแก่นกายผ่านทางผ้ากันเปื้อนแรงๆจนร่มธรรมสะดุ้ง


“...หรือ...ทั้งสองทาง?”



คราวนี้ร่มธรรมตาเบิกโพลง ไม่ทันได้ร้องก็ถูกกระแทกทั้งด้านหลัง ส่วนด้านหน้าถูไถกับผ้ากันเปื้อน ทั้งร้อนฉ่าและเสียวเห่อจนไม่รู้จะหลบเลี่ยงทางไหนแล้ว


“อะ...ครอง...ครอง...ดี...อื้อ...”


“คุณก็ด้วย...ดีทุกอย่าง...ดีทั้งหมด...”



ไม่ว่าจะเป็นร่มธรรมแบบไหน แบบเซ็กซี่ หรือแบบน่าเอ็นดู ไม่ว่าจะเป็นร่มธรรมส่วนใด เรือนร่างทั้งนอกหรือในร่มผ้า ไม่ว่าจะเป็นความคิด ทัศนคติ นิสัยใจคอ ต่อให้บางอย่างไม่ถูกใจ แต่เมื่อรวมเป็นร่มธรรมแล้ว มันกลับดี...ดีทุกอย่าง และดีทั้งหมด



ครองภพเร่งกายโหมกระแทกพร้อมๆกับเร่งฝ่ามือที่กอบกุมแก่นกายของคนรัก ร่มธรรมครางระโหย ก่อนจะสะท้านวาบเมื่อจู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายจับพลิกให้กลับมานอนหงาย ยกขาของเขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่า ท่านี้นอกจากจะอัดกายได้แนบแน่นแล้ว ยังทำให้ครองภพเร่งฝ่ามืดรูดรั้งแก่นกายของคนรักได้อย่างถนัดอีกด้วย



ร่มธรรมถึงกับร้องลั่น แสบเสียวจนน้ำตาคลอแต่ก็ถึงใจจนได้แต่กระดกเอวเข้าหา ไม่กี่อึดใจ ความเป็นชายของเขาก็กระตุกเฮือกพร้อมกับร่างเกร็งกระตุก พุ่งเอาหยาดร้อนออกมาใต้ผ้ากันเปื้อน ช่องทางเบื้องหลังตอดรัดถี่ยิบ ครองภพเร่งสวนเอวเข้ากระแทก อีกไม่กี่ครั้งก็อัดลึกปลดปล่อยออกมา



ครองภพทิ้งกายลงทาบทับ เสียงหอบของพวกเขาดังอยู่ข้างหูกันและกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สิงโตหนุ่มจะผงกศีรษะขึ้นมา จูบเบาๆลงกับริมฝีปากของคนรัก


“คืนนี้คุณเหนื่อยหน่อยได้มั้ย”



“หมายความว่าไง” เขาถาม ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่ามีบางอย่างถูไถอยู่กับหน้าขาของเขา ใบหน้าหล่อเหลาของร่มธรรมขึ้นสีก่ำ ครองภพยิ้มจาง จูบดูดดึงริมฝีปากของคนรักไปทีหนึ่ง


“...ผมหมายถึง...อีกรอบน่ะครับ”



สิ้นประโยคนั้น คนพูดก็รวบเอาร่างของคนรักขึ้นจากโซฟา พลิกกายตนเองลงนอนหงายให้ร่มธรรมเป็นคนคุมบทรักในครั้งนี้


ส่วนผ้ากันเปื้อนน่ะหรือ...แน่นอนว่ามันอยู่ติดตัวร่มธรรมไปจนกระทั่งเช้าอีกวันหนึ่งนั่นแหละ 



...................




ชีวิตรักของสองหนุ่มวัยฉกรรจ์ไม่ได้ผาดโผนรุนแรง แม้บางครั้งจะ...แสบเสียวและออกจะกินแรงอยู่สักหน่อย แต่ก็นับว่าเข้ากันได้ดี


แต่ถึงอย่างนั้น...ก็มีบางเรื่องที่ ‘ขัด’ กันอยู่บ้าง



ครองภพเป็นคนตาดี วันต่อมา กลับเข้าคอนโดก็พบว่าของบางอย่างหายไป ร่มธรรมยังทำงานอยู่ แน่นอนว่าติดต่อได้เพียงการส่งข้อความ



‘คุณ...ผ้ากันเปื้อนผืนนั้นล่ะ’


เขาส่งข้อความไปหาอย่างใจร้อน ข้อความถูกอ่าน แต่อีกเกือบนาทีทีเดียวที่มีข้อความตอบกลับมา


‘ทำไม’


‘ผมจะเอาไปซัก’


‘ทิ้งไปแล้ว’


ครองภพอ่านข้อความแล้วทำตาโต ‘ทิ้งทำไม มันยังใช้ได้’



ฝั่งร่มธรรมตาเหลือก หน้าแดงเถือก ถึงจะใช้ได้แต่เขาไม่อยากใช้แล้ว มันเลอะเปื้อน บางจุดชุ่มเป็นดวง ถึงซักออกหมด แต่...เขาก็จำได้อยู่ดีว่าสภาพมันเป็นยังไง


‘ใช้ไม่ได้แล้ว ไม่ให้ใช้’


ครองภพกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจ พิมพ์ข้อความกลับไปอย่างไว ‘อะไรอ่า...’


ร่มธรรมอ่านข้อความแล้วเม้มปาก รู้สึกเหมือนถูกอ้อนอยู่ในที แต่...ถ้าตามใจ ก็เกรงว่าจะมีครั้งต่อไป


‘คุณดูดีจะตาย’



เด็กมันร้ายแค่ไหนก็ดูได้จากมันส่งประโยคมาอ้อนอีกแล้ว คนอ่านเม้มปากแน่น บอกตัวเองว่าถ้าใจไม่แข็ง รับรองว่าผ้ากันเปื้อนนั่นต้องมาอยู่บนตัวเขาอีกแน่


‘อีกอย่าง มันก็ไม่เลอะเทอะด้วย’



แต่พอเจอประโยคนี้เข้าไป ร่มธรรมก็ไร้การตอบกลับ 100% เพราะรีบปิดโทรศัพท์ ซุกหน้าลงกับฝ่ามือทั้งที่แก้มแดงก่ำลามไปจนถึงหู ตั้งใจมั่นว่าจะเก็บผ้ากันเปื้อนทุกผืนออกจากคอนโดของตนเองและครองภพ หากทำอาหารแล้วต้องเลอะเทอะ ก็ปล่อยให้เลอะไป ดีกว่า...ใช้ผ้ากันเปื้อน แล้ว ‘เละเทะ’ แบบเมื่อวาน


...บ้าเอ๊ย! ไม่เลอะเทอะ แต่เละเทะน่ะสิ!...



...เละสุดๆคือเขาแทบลุกมาทำงานเช้านี้ไม่ไหวนี่ไงล่ะ!...



FIN

สวัสดีวันเสาร์ค่ะ ใช่ค่ะ วันนี้วันเสาร์ ฮ่าฮ่า

ตอนพิเศษตอนนี้ เป็นตอนที่น้องครองเป็นทั้งสิงโตหนุ่มและลูกแมวในเวลาเดียวกัน ทั้งลูกอ้อน ลูกล่อลูกชน มาหมด

ส่วนพี่ร่ม ไม่รู้แกเลี้ยงสิงโตหรือแกเลี้ยงลูกแมวค่ะ แต่ที่แน่ๆ แกสปอยน้องครองมากกกก...ถึงสุดท้ายจะทำใจแข็งก็เถอะ แต่จะใจแข็งได้สักกี่น้ำกัน ฮ่าฮ่า

ส่วนใครที่อยากเก็บเรื่องนี้ในฉบับหนังสือ เรื่องเวรกรรมตามทันในภพนี้ จะออกในงานหนังสือรอบนี้ค่ะ

ส่วนตอนพิเศษตอนนี้...ไม่มีในเล่มค่ะ ฮ่าฮ่า ส่วนในเล่ม มีตอนพิเศษตอนอื่นที่ไม่ใช่ตอนนี้ (และมีน้องครองเวอร์ชั่นสิงโตหนุ่มจริงๆด้วยค่ะ ไม่ใช่สิงโตสลับลูกแมวแบบตอนนี้ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึง เดือนหน้า ขอเป็นตอนพิเศษประจำเดือนก่อนนะคะ เรื่องใหม่ยังได้ไม่เยอะเลย แต่จะพยายามเอาลงให้ได้ภายในปีนี้ค่ะ

เจอกันเดือนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 27-09-2020 10:32:58
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 27-09-2020 16:16:07
กรี๊ดดดด กำผ้ากันเปื้อนแน่น! :pighaun:

พี่ร่มทิ้งได้ทิ้งไป น้องครองกดสั่งผ้ากันเปื้อนรัวๆแล้วว

คุณบัว ขอบคุณค่าา คิดถึงงงง มาเรียกเลือดเรียกเขินที่แท้ พี่ร่ม(ของเรา)กับผ้ากันเปื้อน แง้งง  :-[
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 28-09-2020 13:08:50
คือดี :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 28-09-2020 20:39:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-09-2020 21:00:59
ร้อนแรงมาก..กกกกกกกก   :z1:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 29-09-2020 11:07:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
ชอบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 08-10-2020 20:36:56
น่ารักจริง ๆ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Vergintomza ที่ 11-10-2020 10:55:41
ชอบนะ ชอบครองภพในความชัดเจน ชอบร่มธรรมในความสวยงามของแนวคิด
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-10-2020 20:50:20
เสน่ห์หาผ้ากันเปื้อน
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: tonpaicat ที่ 23-10-2020 23:07:23
อ่านจบแล้วอยากมีผัวเด็กเลย 555
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-10-2020 21:54:37
ตามอ่านวันเดียวจนจบ หลากหลายอารมณ์ และความรู้สึกมาก ๆ ครับ //ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุก ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 24-10-2020 22:12:21
 :pig4: :pig4: สนุกมาก ตอนแรกแอบกลัวนิดๆ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 01-11-2020 09:24:50
รักทั้งคู่เลยครับ โคตรชอบเลย
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 15-11-2020 11:04:36
กว่าจะผ่านอุปสรรคทั้งผีทั้งคน ก็สะบักสะบอมกันทั้งคู่
พี่ร่มใจดี อบอุ่นมาก ส่วนน้องครองก็ชัดเจนและเข้มแข็ง
พี่ร่มก็ดี น้องครองก็เริ่ด มีความรักพี่เสียดายน้อง 555

ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ แวะมาให้กำลังใจ
เราไม่มีเวลาอ่านตอนลง แต่ชื่นชมผลงานมาตลอดและตามซื้อเก็บแล้วค่ะ ^_^

หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 25-11-2020 18:44:41
สนุกน่ารักมาก ๆ .......... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 01-12-2020 00:32:34
ร้อนแรงเวอร์ ช่างเป็นไอเทมความง่ายแต่ระดับอีความฟินคือเอส(เอสสามตัวเลย) :pighaun:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 05-12-2020 05:05:18
 :m25: :m25: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 14-12-2020 11:20:54
เขียนดีจังครับ
เดินเรื่องช้าๆ แต่สนุกชวนติดตาม
บทไม่อ่อน มีเหตุมีผล แต่ก็ไม่ซับซ้อนเกินไป
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 10 (12/03/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 12-04-2021 12:16:11


   “ครั้งแรก...เมื่อ 6 ปีก่อน”
 
กับพี่กับน้องไม่ยอมบอกเก็บเป็นความลับมา6ปี ปากอมอะไรอยู่ กับคนแปลกหน้าที่เจอกันครั้งแรกดันมาเล่าให้ฟังหมด
หัวข้อ: Re: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 04-07-2021 22:37:24
ติดตามมาเกือบทุกเรื่อง ชอบทุกคู่เลย
บางชื่อเรื่องก็บ่งบอกเลยว่าผู้เขียนเรียนเกี่ยวกับอะไร
อยากอ่านตอนพิเศษอีก
หวังว่าผู้เขียนจะมีเวลามาลงให้บ้างนะคะ