...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)  (อ่าน 92123 ครั้ง)

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หวังว่าผีนายช่วงจะไม่น้อยใจพี่ร่มจนพาลโกรธแค้น :sad4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
งงงงง. สวสัยต้องไปตามอ่านใหม่55555 :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 10


ร่มธรรมก้าวเท้าออกจากลิฟต์ทั้งๆที่ยังงุนงงไม่หาย


ครองภพบอกว่าจะมาเยี่ยมเขา ตอนแรกยังคิดว่าพูดเล่นจนกระทั่งสิบนาทีต่อมาเจ้าตัวส่งข้อความมาบอกว่าถึงคอนโดแล้ว ให้ลงมารับ เจ้าของห้องที่ยังบาดเจ็บจึงต้องลงลิฟต์มาด้วยหน้าตาเหรอหรา


ยิ่งเห็นนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางล็อบบี้ก็ยิ่งตะลึงตะลานจนหัวใจเต้นถี่


หัวใจ...เต้นถี่


มือข้างหนึ่งหมายจะยกขึ้นแตะที่กลางอกเพราะรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นจนแทบหลุด แต่ลืมไปว่ามือข้างนั้นเป็นข้างเดียวกับแขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บและยังใส่เฝือกกับผ้าคล้องคออยู่ พอยกมือขึ้นเลยพลอยให้อาการเจ็บจี๊ดวิ่งพล่านจนสะดุ้ง


“โอ๊ย” เสียงร้องนั้นไม่ดัง แต่สำหรับคนที่ก้าวเท้าเข้ามาหากลับได้ยินชัดเจน ดวงตาของครองภพขยายขึ้นเล็กน้อย ทว่าแค่เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก


“ยกแขนขึ้นมาทำไม” ปากดุ ตาก็ดุ แต่มือที่ยื่นมาแตะแขนของร่มธรรมกลับสัมผัสอย่างนุ่มนวล


“ไป...ขึ้นห้อง จะได้พัก”


แล้วคนอายุน้อยกว่าก็เริ่มก้าวเท้าโดยไม่ยอมละมือออกจากแขนของคนบาดเจ็บเลยสักนิด ร่มธรรมทำตัวไม่ถูก ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ในช่วงหมางเมิน ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาเองที่เลือกให้เป็นเช่นนั้น เวลานี้หากจะดื้อแพ่งให้เป็นอย่างที่เคยตัดสินใจก็...ยังเจ็บ...


...เจ็บทั้งใจ เจ็บทั้งแขน...จน...ไม่กล้าให้อีกฝ่ายปล่อยมือ


แต่...ถ้าไม่ปฏิเสธ...ความสัมพันธ์ของพวกเราก็อาจจะ...


เพราะมัวแต่สองจิตสองใจไม่รู้ว่าตนเองควรจะถอยห่างหรือปล่อยให้อีกฝ่ายใกล้ชิดเช่นนี้ต่อไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ครองภพขอคีย์การ์ดไปเปิดประตูแล้ว


ถูกพาเข้าห้อง ถูกพาไปนั่งที่โซฟา ก่อนที่แขกผู้มีเกียรติจะวางกล่องขนมลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้า


“ผมซื้อมาฝาก”


“หือ?” ร่มธรรมเงยมองคนพูด แล้วก้มลงมองกล่องขนมอีกครั้ง สัญลักษณ์ตัว ร.เรือ เด่นหรา คุ้นตาจนต้องตั้งสติ พออ่านชื่อร้านที่อยู่ข้างกล่องก็พบว่าร้านที่สัญลักษณ์คุ้นตานี้คือร้านกาแฟของเขาเอง


“นี่ขนมจากร้านพี่?” เจ้าของร้าน ร.รอ เงยหน้าถาม


“ใช่ ผมให้พนักงานเลือกขนมที่คุณชอบมาให้”


“แวะไปที่ร้านพี่มาหรือ”


“ผมไปรอที่นั่น”


...รอ...


คำว่ารอเหมือนค้อนปอนด์ทุบเข้าที่ศีรษะของคนเจ็บ คนอย่างครองภพที่งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน แต่กลับมีเวลา ‘รอ’ อย่างนั้นหรือ


คำตอบของคำถามไม่ใช่เรื่องที่ต้องหาอีกแล้ว ในเมื่อครองภพยืนอยู่ตรงหน้าเขาแบบนี้


“อ...อ้อ...ขอบคุณนะ”


ไม่รู้ว่าวันๆหนึ่งจะต้องงุนงงกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าตั้ง 6 ปี อีกสักกี่ครั้ง มาเยี่ยมก็ชวนงงแล้ว มาเยี่ยมพร้อมด้วยขนมจากร้านที่ร่มธรรมเป็นเจ้าของก็ยิ่งชวนให้เกาศีรษะ ยิ่งมาได้ยินคำว่าไปนั่งรอที้ร้านกาแฟ ก็ยิ่งงงจนมึนตึ้บไปหมด


คนมาเยี่ยมยังยืนประกบข้าง กวาดตามองสภาพของคนเจ็บที่ดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์อีกแล้ว ก็เอ่ยปากถาม


“แล้วคุณกินอะไรรึยัง”


“ย...ยัง เพิ่งตื่นน่ะ แต่นี่มันเพิ่งห้าโมงครึ่งเอง ยังไม่หิวหรอก”


“แล้วยังปวดอยู่รึเปล่า ผมเห็นหมอจ่ายยาแก้ปวดมาด้วย จะกินเลยมั้ย” เรื่องนี้เกือบจะชวนให้งงอีกรอบแล้ว แต่ดีว่าร่มธรรมนึกออกเสียก่อนว่าตอนที่รินฤดีอธิบายเรื่องยาและเรื่องพบหมอให้เขารับรู้ที่โรงพยาบาล ครองภพก็อยู่ที่นั่นด้วย


“อ่า...กินตอนกินข้าวก็ได้”


ครองภพพยักหน้ารับรู้ แต่ไม่วายเจ้ากี้เจ้าการถามต่อ


“แล้วยาอยู่ไหน”


ร่มธรรมรู้สึกเหมือนตัวเองตัวเล็กลีบเป็นเด็กๆที่ถูกผู้ใหญ่ซักไซ้


“อยู่...อยู่ในห้องนอน...” เพราะไม่รู้ว่าวันนี้เจอครองภพอาฟเตอร์ช็อกไปกี่ครั้ง ตอนที่บอกว่าอยู่ในห้องนอน ร่มธรรมเลยเผลอชี้นิ้วโป้งข้ามไหล่บอกทิศห้องนอนเสร็จสรรพ


“ขอผมเข้าไปหยิบยาหน่อย” แล้วคนมาเยี่ยมก็ไม่รอคำอนุญาต ออกปากขอแล้วก็เดินดุ่มๆไปยังห้องที่เจ้าของคอนโดชี้ทันที กว่าร่มธรรมจะรู้ตัวว่าครองภพบุกเข้าไปถึงห้องนอนเขาแล้ว ก็ตอนที่อีกฝ่ายออกมาพร้อมถุงยา นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องกลับมายืนที่เดิม อ่านรายละเอียดซองยาอีกรอบ นับเวลาจากนาฬิกาข้อมือ แล้วก้มลงมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา


“ผมว่าคุณกินข้าวเย็นเลยดีกว่า มีอะไรกินมั้ย หรือจะให้ผมโทร.บอกพี่ณุให้ซื้อมาให้”


“ไม่ต้องๆ พี่รินเตรียมไว้ให้แล้ว”


ครองภพกวาดตามองรอบตัวทันที ราวกับว่าถ้าไม่เห็นกับตาว่าร่มธรรมมีอาหารเย็น เขาจะไม่เลิกจี้ถามเรื่องนี้


“อยู่ในครัว” เป็นเจ้าของห้องที่ต้องอธิบายเพิ่ม


“ขอผมเข้าไปดูหน่อย” แล้วคนหนุ่มใจร้อนก็หมุนตัวเดินเข้าครัวทันที เขาหายไปอึดใจเดียวก็ออกมา


“คุณกินข้าวเลยแล้วกัน จะได้พักผ่อนต่อ ขอผมใช้ครัวหน่อย จะอุ่นข้าวต้มให้”


ร่มธรรมไม่กล้ามีปากเสียง หรือจะพูดให้ถูกคือเขาทั้งมึนทั้งเบลอเพราะเจอแต่เรื่องเหนือคาดหมายของครองภพ รู้ตัวอีกที ก็ตอนที่กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยลอยมาปะทะจมูกแล้ว ครองภพยกถ้วยข้าวต้มที่อุ่นร้อนจนควันโฉ ออกมาวางลงบนโต๊ะกินข้าว ก่อนจะกลับมาพยุงคนเจ็บพาไปนั่งที่เก้าอี้


“คุณใช้มือขวาได้ใช่มั้ย ต้องให้ผมป้อนมั้ย”


“ไม่ต้องๆ” คนเจ็บเข้าเฝือกแขนซ้ายรีบสั่นหน้าปฏิเสธ แต่ก็ต้องใช้มือขวาหยิบช้อนมาตักข้าวต้มเข้าปากให้ดูหนึ่งคำ คนมาเยี่ยมถึงได้ยอมถอยไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัวแต่โดยดี


แต่ร่มธรรม...อย่างไรก็เป็นร่มธรรม ความห่วงใยที่มีให้ครองภพตั้งแต่เรื่องใหญ่มาจนถึงเรื่องเล็กเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้


“แล้วครองล่ะ มีอะไรกินรึเปล่า โทร.สั่งร้านตามสั่งมั้ย พี่มีเบอร์...”


“ไม่ต้องห่วงผม คุณกินของคุณเถอะ” พอแขกว่าอย่างนั้น เจ้าบ้านก็ไม่พูดอะไรอีก ระหว่างมื้อเย็นของคนเจ็บมีแต่ความเงียบและการถูกจ้องตาไม่กะพริบ จนกระทั่งเป็นฝ่ายร่มธรรมทนถูกจ้องอย่างเงียบๆแบบนี้ไม่ไหว เอ่ยปากขึ้นมาก่อน


“เอ่อ...แล้ว...ครอง...ผ่านมาแถวนี้หรือ”


ภาวะสมองเบลอ อีกทั้งความสัมพันธ์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ก็เป็นปัญหา เลยยิ่งคิดบทสนทนาชวนคุยไม่ออก คำถามจึงทั้งเด๋อด๋าทั้งรู้คำตอบอยู่แล้ว


...ถ้าไม่ ‘ผ่านมาแถวนี้’ แล้วครองภพจะมาได้อย่างไรกัน?...


… ‘ตั้งใจมา’ อย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้...


...เพราะ ‘เรา’ ...ไม่ได้สนิทกันอีกแล้ว...


“ไม่ได้ผ่าน” ทว่าคำตอบของหนุ่มรุ่นน้องกลับไม่ใช่สิ่งที่คาด


เป็นอีกครั้งของวันนี้ที่ครองภพทำหรือพูดในสิ่งที่ทำให้ตกตะลึง


“หา...” ใบหน้าของคนเจ็บเงยจากถ้วยข้าวต้มมามองตาปริบๆ


ดวงตาเรียวเหลือบลงมองแขนข้างที่เข้าเฝือกและยังมีสายคล้องคอ เนื้อตัวของร่มธรรมไม่ได้มีคราบเลือด ไม่มีแผลแตก แต่ตอนเกิดเหตุ ใบหน้าแดงก่ำที่แสดงออกว่าเจ็บปวดยังคงติดอยู่ในใจของครองภพ



แต่ทั้งๆที่บาดเจ็บ ร่มธรรมกลับถามเขาก่อนจะพูดถึงตนเองด้วยซ้ำ


‘ครองเจ็บตรงไหนรึเปล่า’


‘ครองเป็นอะไรไหม’


ความห่วงใยที่ถ่ายทอดผ่านทางน้ำเสียงและสีหน้าตื่นตระหนกของคนตรงหน้าไม่ใช่เรื่องที่จะลืมได้เลย


“คุณเป็นแบบนี้เพราะผม” เขาเอ่ย แม้น้ำเสียงจะไม่แหบพร่า ไม่มีทีท่าสะเทือนอกสะเทือนใจ แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับไหววูบด้วยแววห่วงใย


แวว...ที่ทำให้หัวใจของร่มธรรมเต้นถี่


บรรยากาศกำลังพาไป บรรยากาศกำลังทำให้คนสองคนเปิดใจ แต่...ร่มธรรมบอกตัวเองว่าต้องมีสติ


เขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งรอบตัวทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเติบโตไปในทิศทางนั้นอีกแล้ว


“ไม่เป็นอะไรมากหรอกหน่า ไกลหัวใจตั้งเยอะนะ” ร่มธรรมพูดหยอกยิ้มแย้ม สีหน้ารื่นเริงแบบผู้ใหญ่นั้นช่างแห้งแล้งในความรู้สึก แต่...วงการบันเทิงไม่มีที่ยืนสำหรับความสัมพันธ์ฉันคนรักของเพศเดียวกัน


...เราเป็นได้เพียงพี่น้องและเพื่อนเท่านั้น...


 “น้องครองไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แล้วสร้อยที่พี่ให้ ใส่แล้วใช่ไหม”


ร่มธรรมตักข้าวต้มเข้าปากแล้วถามไปอีกเรื่องหนึ่ง เบี่ยงประเด็นออกจากความห่วงใยที่ทำให้หัวใจสะท้านนั่นไป


“ใส่แล้ว” ไม่พูดอย่างเดียวแต่ชายหนุ่มยังดึงสร้อยทองที่คอออกมาให้ดู เจ้าของสร้อยพยักหน้าช้าๆ ด้วยท่าทีผ่อนคลายลง


ไม่รู้ว่าผีกลัวพระหรือไม่ แต่ชายนุ่งโจงผู้นั้นเคยติดตามเขามาตั้งแต่เด็ก หากวันนี้สิ่งที่เคยติดตัวเขาไปอยู่ที่ตัวครองภพโดยความสมัครใจ อย่างน้อย ผีตนนั้นก็คงอาจจะฉุกคิดได้บ้าง ว่าครองภพไม่ใช่คนเลวร้ายสำหรับร่มธรรม ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มอบของมีค่าส่วนตัวที่สวมมาตลอดชีวิตให้กับคนที่เขาไม่ปรารถนาดี


“คุณเอามาให้ผม แล้วคุณใส่อะไร”


“ห้องพระที่บ้านพี่ชายพี่น่าจะมีองค์อื่น ค่อยกลับไปเอาก็ได้” ร่มธรรมบอกพลางยิ้ม ทว่าครองภพกลับส่ายหน้า


“ถ้าอย่างนั้นเอาคืนไป” มือกำลังจะแกะตะขอ แต่เสียงปรามดังขึ้นเสียก่อน


“อย่า”


พอครองภพเงยหน้ามองก็ถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาด้วยแววตาขอร้อง


“อย่าคืน ใส่เถอะ พี่ขอ”


“ทำไม”


ร่มธรรมไม่รู้ว่าเขาจะเริ่มเล่าอย่างไรดี ในโลกที่วิทยาศาสตร์ครอบคลุมไปทุกแขนงวิชาความรู้ การพูดในเรื่องที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ ย่อมเป็นเรื่อง...ไร้สาระ


แต่...ท่าทีรอฟังอย่างตั้งอกตั้งใจของครองภพทำให้คนสองจิตสองใจต้องถอนหายใจเบา


“พี่...เห็น...เห็นผู้ชายนุ่งโจงยืนอยู่ข้างหลังครอง ก่อน...ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ”


ครองภพนิ่งงัน คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้


ความเงียบของเขาทำเอาคนที่อุตส่าห์ตัดสินใจเอ่ยปากในสิ่งที่เห็นรู้สึกเก้อจนต้องหัวเราะแก้เขิน เป็นเสียงหัวเราะแห้งๆที่ไม่มีอารมณ์ขันเลยแม้แต่น้อย


“ไม่เชื่อล่ะสิ...พี่รู้ๆ มันฟังไม่น่าเชื่อ...”


“ผมเชื่อ” เสียงที่แทรกขึ้นมาทำเอาคนกำลังจะหาเรื่องแก้ตัวมาอ้างให้ฟังเป็นเรื่องขำขันพลันหยุดชะงักไปอีกรอบ


ยิ่งสบตา ก็ยิ่งรู้สึกว่าคำว่าเชื่อของครองภพนั้นหาใช่แค่คำพูดที่ลอยตามลมแล้วจางหายไป


ครองภพเชื่อในคำพูดที่ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด


เพราะเป็นคำพูดของร่มธรรม


และ...เพราะเขาเองก็เคยฝันเห็น...


“ผมก็เคยฝันเห็นผู้ชายนุ่งโจง...”


“...ตอนเด็กๆฝันเห็นบ่อยๆ...แต่พอโตก็ไม่ค่อยฝันอีก แต่...พักหลังมานี่...ฝันเห็นบ่อยขึ้น...”


พักหลังที่ว่า คือนับตั้งแต่ได้พบกับร่มธรรม


ครองภพจำความฝันไม่ได้ และแต่ละครั้งก็มักเป็นความฝันที่ไม่ปะติดปะต่อ แต่ก็รู้ว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน หรือเนื้อเรื่องของความฝันเกี่ยวเนื่องกัน


บางครั้งฝันเห็นชายนุ่งโจงร่างสันทัดที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท บางครั้งรับรู้แค่ความเจ็บปวดและสูญเสีย บางครั้งมีแต่ความมืดและความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ มันดำดิ่งจนกลายเป็นความโกรธแค้น แต่พอตื่น...ก็เหลือเพียงแค่ความรู้สึกที่ตกผลึก ไม่รู้จะกวนให้มันลอยขึ้นมาได้อย่างไร


แต่พอพบร่มธรรม สิ่งที่คิดว่าตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจก็ถูกตีรวนขึ้นมา


วินาทีแรกที่เห็นหน้า ความรู้สึกบางอย่างในใจบอกให้ก่อกำแพงกั้นระหว่างพวกเขา แต่หลายครั้งไม่อาจทำได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเพราะตัวเขาเองที่ไม่สามารถบอกตนเองได้ว่าทำไมถึงสนใจใคร่รู้อีกฝ่ายมากเกินกว่าในฐานะคนร่วมงาน หรือจะเพราะร่มธรรมที่วนเวียนอยู่รอบกาย สุดท้าย กำแพงไม่ทันเป็นรูปร่าง ความรู้สึกก็พัฒนาไปเป็นอย่างอื่น


แล้วพอพัฒนา ก็มีเหตุนำไปสู่ความหมางเมินจนแทบจะกลายเป็นคนอื่นสำหรับกันและกัน แต่...ก็ยังมีเหตุการณ์นำพาให้พวกเขาต้องกลับมานั่งด้วยกันเช่นนี้อีก


ราวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกกำหนดไว้แล้ว แต่ก็ถูกขัดขวาง ทว่าขวางอย่างไรก็ไม่สำเร็จ


“ฝันเห็นอะไร บอกพี่ได้ไหม”


“จำไม่ค่อยได้ แต่เคยฝันเห็นคนนุ่งโจง เป็นผู้ชาย...มาไม่ดี”


คำตอบของครองภพทำเอาคนฟังชะงัก


แม้ไม่มีอะไรบ่งชี้แน่ชัดว่าชายนุ่งโจงที่ครองภพพูดถึงและชายนุ่งโจงคนที่ร่มธรรมเคยฝันเห็นจะเป็นคนเดียวกัน แต่อุบัติเหตุในกองถ่ายเมื่อตอนบ่าย โดยมีชายนุ่งโจงยืนประกบหลังครองภพ และชายนุ่งโจงผู้นั้น...คือคนเดียวกับที่ร่มธรรมเคยฝันเห็น


หรือเขาและครองภพจะเคยเกี่ยวข้องกัน โดยมีชายคนนั้นเป็นคนกลาง?


ร่มธรรมจำได้ ชายคนนั้นเคยบอกให้เขาระวัง ‘ไอ้แผน’ ต่อให้ไม่มีหลักฐาน แต่ความอาฆาตของชายคนนั้นพุ่งเป้าไปที่ครองภพ ราวกับบอกเป็นนัยว่า ‘ครองภพ’ คือ ‘ไอ้แผน’


...ไอ้แผน...


...คนที่ต้องระวัง...


ระวังหรือ?


น่าขำ ป่านนี้จะให้ระวังอะไร ในเมื่อความรู้สึกในใจของร่มธรรมทำให้เขาบ้าบิ่นถึงขั้นเสี่ยงอันตรายแทนครองภพด้วยซ้ำ


หนุ่มรุ่นพี่ไม่รู้ว่าตนเองควรจะบอกเล่าเรื่องราวที่เขากำลังเชื่อมโยงกันในหัวออกมาเป็นถ้อยคำให้อีกฝ่ายเข้าใจดีหรือไม่ หากชายนุ่งโจงคนนั้นนับถือเรียกเขาเป็น ‘คุณหลวง’ แต่กลับอาฆาตมาดร้ายครองภพ แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและครองภพในชีวิตหนึ่งก็...คงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดี


พอคิดถึงช่วงเวลาดีๆที่พวกเขาสนิทสนมไปมาหาสู่ ไปจนถึงช่วงเวลาที่หมางเมินกัน และเวลานี้ที่อีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมเยียน ก็ทำเอาร่มธรรมใจหาย


ความสัมพันธ์ของพวกเขาหักเหไปมา มีขึ้นมีลง ช่วงขึ้นนั้นแสนสุข ช่วงลงก็แสนทุกข์ และนับจากนี้ มันก็คงไม่มีทางขึ้นไปสูงอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากให้มันดำดิ่งตกต่ำเหมือนช่วงที่หมางเมินเช่นกัน


“คิดอะไรอยู่” เพราะร่มธรรมเอาแต่ขมวดคิ้วราวกับตกอยู่ในห้วงความคิด เสียงทุ้มจึงดังเรียกสติ


“ป...ปวดแขนน่ะ...”


เพราะไม่ใช่คนโกหกเก่ง คำตอบจึงแสนเบาและเอาแต่ก้มหน้าต่ำ ทว่าคนมาเยี่ยมไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะโกหก ยิ่งเป็นการพูดเรื่องอาการเจ็บปวด จากการสงวนท่าทีเพราะความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นกุลีกุจอหาหมอนอิงมาเสริมท่าให้คนป่วยได้อยู่ในท่าสบายมากขึ้น


“กินข้าวเสร็จแล้วกินยาเลย แล้วถ้ายังไม่หายปวด ผมจะพาไปโรงพยาบาล” ครองภพมีท่าทีจริงจัง สีหน้าหงุดหงิดงุ่นง่านและคิ้วผูกกันเป็นโบว์ไม่ใช่สิ่งที่แสดงออกบนสีหน้าของผู้ชายนิ่งเฉยอย่างเขา หากไม่ใช่เพราะบทบาทที่ได้รับในฐานะนักแสดง ก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนในโลกใบนี้ที่ได้เห็นครองภพยิ้ม หัวเราะ หงุดหงิด หรือแม้แต่ร้องไห้


แต่...ร่มธรรมได้เห็น อย่างน้อยก็ได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดของครองภพที่ไม่ใช่ในฐานะนักแสดง


“มองอะไร” เพราะคนเจ็บเอาแต่จับจ้อง ครองภพผู้ยังเอาแต่ขมวดคิ้วไม่เลิกเลยย้อนถาม ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูเข้มขึ้นอีกหลายเท่าตัว


เวลาทำหน้าเฉยก็หล่อแทบแย่ พอมาทำหน้าตาหงุดหงิดแบบนี้ ดูหล่อหนักกว่าเดิมอีก


“อ่า...น้องครองไม่ต้องซีเรียส พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากนะ หมอก็บอกว่าแค่นิดเดียว”


“เจ็บตัวแบบนี้น่ะเหรอ นิดเดียว?” แรกเริ่มขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง แต่ตอนนี้ชักจะขมวดคิ้วเพราะความหงุดหงิดที่คนเจ็บยังมีหน้ามายิ้มและออกปากว่าไม่เป็นอะไรมากอีก


คนประเภทนี้นี่มันยังไง เจ็บตัวแทนคนอื่นแล้วยังยิ้มระรื่น แล้วที่เจ็บตัวก็ไม่ใช่เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยซ้ำ แต่เพราะเห็นเค้าลางว่าจะเกิดเรื่องร้ายถึงได้ยื่นมือมาช่วยเหลือจนเจ็บตัวแบบนี้


“แล้วเรื่องที่คุณบอกว่าเห็นคนนุ่งโจงน่ะ เห็นครั้งแรกหรือว่าเห็นหลายครั้งแล้ว”


คำถามของครองภพทำเอาร่มธรรมนิ่งงัน


“อ...เอ่อ...ก็...ก็สมัยเด็กๆ...ก็เคยเห็นหลายครั้ง”


“แต่ละครั้งเป็นยังไง”


“อ่า...จำไม่ได้หรอก สมัยเด็กๆน่ะ มันก็หลายสิบปีแล้วนะ...”


“แล้วเคยฝันเห็นไหม”


“ก็...เคย”


“ฝันว่าอะไร”


“...จ...จำไม่ได้เหมือนกัน มันเป็นฝัน...” ไม่กล้าเล่าเรื่องความฝัน ไม่กล้าพูดว่าคาดเดาความสัมพันธ์ของเขาและครองภพในชีวิตก่อนอาจถึงขั้นเลวร้าย ไม่รู้ใครร้ายต่อใคร แต่...ชีวิตนี้ เวลานี้ ร่มธรรมไม่อยากให้ความบาดหมางในอดีตชาติมาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาอีกแล้ว


เราอุตส่าห์ได้เริ่มชีวิตใหม่ ทำไมเรายังต้องผูกอยู่กับเรื่องในอดีต


แค่เรื่องที่ต้องเป็นห่วงอย่างปัจจุบัน และความกังวลเกี่ยวกับอนาคตยังไม่มากพออีกหรือ


ครองภพจะมีอันตรายอะไรอีกบ้างไหม ชายนุ่งโจงคนนั้นจะรามือไหม แล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาจะทำให้อนาคตเป็นเช่นไร


ความสัมพันธ์...ที่เวลานี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะไปในทิศทางใด ก่อนหน้านี้โกรธเคือง วันนี้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง แม้จะเป็นสองต่อสองที่เกิดจากการมาเยี่ยมคนบาดเจ็บก็ตามที


“แล้วเคยฝันเห็นผมไหม”


คำถามต่อมาทำเอาคนที่เอาแต่คิดกลับไปกลับมาถึงกับเงยหน้ามอง


“ฝันเห็นครอง? จะไปเคยได้ไงน่ะ”


ท่าทีและคำตอบของเขาคราวนี้เสียงดังฟังชัด ครองภพพยักหน้ารับรู้


“ผมก็ไม่เคยฝันเห็นคุณเหมือนกัน”


“มันก็ต้องแบบนั้นแหละ จะฝันเห็นกันได้ยังไง...” คนเจ็บเปรยเสียงเบาแล้วได้แต่เกาหน้าผากอย่างเก้อๆ คนมาเยี่ยมพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


“ผมจะไปเอาน้ำมาให้ กินข้าวเสร็จจะได้กินยา ส่วนขนม...ผมจะใส่ตู้เย็นเอาไว้ แล้วถ้าคุณหิวดึกๆก็หยิบมาทานแล้วกัน”


“ขอบคุณครับ”


นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องไม่ได้อยู่รอฟังคำพูดประโยคนั้นก็คว้าเอากล่องขนมของฝากหมุนตัวเดินหายเข้าไปในครัว ทำเอาคนถูกสอบสวนเมื่อครู่ถึงกับถอนหายใจพรูอย่างโล่งอก ทว่า...หากร่มธรรมติดตามอีกฝ่ายเข้าไปในครัวคงได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เข้มคมขึ้นอีกเพราะสีหน้าบึ้งตึงและขมวดคิ้วมุ่น


คราวนี้ไม่ใช่เพราะความห่วงใยที่มีต่อร่มธรรม หรือเพราะหงุดหงิดที่คนอายุมากกว่ายังยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งๆที่เจ็บตัว แต่คิ้วขมวด...เพราะจับโกหกได้


ตอนถามถึงคนนุ่งโจงกลับตอบงึมงำ แต่พอถามว่าฝันเห็นเขาบ้างไหมกลับตอบเสียงดังฟังชัดผิดเป็นคนละคน


เรื่องใดเรื่องหนึ่งในสองเรื่องนี้ ร่มธรรมโกหกเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับครองภพอย่างไม่ต้องสงสัย และร่มธรรมเลือกที่จะไม่บอกให้เขารู้


แล้วคนอย่างครองภพก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้เรื่องที่สงสัยกลายเป็นเพียงฝุ่นผง หากเขาอยากรู้ ก็ต้องได้รู้ แล้วยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพวกเขา ร่มธรรมก็อย่าหวังว่าจะได้เก็บเป็นความลับกับเขาอีกเลย!!


……………………..

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

หลังจากทานข้าวต้ม ก็ไม่มีกิจกรรมอื่นใดสำหรับแขกผู้มาเยี่ยมและคนป่วยอีกแล้ว ร่มธรรมคิดแบบนั้น แต่ดูท่าคนมาเยี่ยมจะไม่คิดแบบเดียวกัน


“อาบน้ำแล้วใช่ไหม อยากเข้าห้องน้ำอีกรอบไหม แล้วจะได้ไปนอน”


“หา...เอ่อ...อ่า...เข้าก็ได้”


เจ้าของห้องแอบเหลือบมองนาฬิกา แล้วก็พบว่ายังไม่หนึ่งทุ่มด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายจะให้เขาเข้านอนแล้ว


นี่อาจจะเป็นวิธีขอตัวกลับของคนมาเยี่ยมก็ได้ ถ้าเขาหลับ คนมาเยี่ยมก็ไม่มีเหตุผลต้องอยู่ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะยอมนอนง่ายๆ ครองภพจะได้กลับได้อย่างไม่ต้องแสร้งมีมารยาทอยู่โยงเฝ้าไข้


คนเจ็บกำลังจะลุกขึ้น แต่กลายเป็นฝ่ายครองภพที่ปราดเข้ามาช่วยพยุง ส่งร่มธรรมเข้าห้องน้ำแล้วก็ปิดประตูยืนหน้านิ่งเป็นยักษ์ จนกระทั่งได้ยินเสียงหมุนลูกบิด ถึงได้หันไปเปิดประตูแล้วพยุงร่มธรรมออกมาพาไปยังเตียงนอน


ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ทว่าหน้าตาคนช่วยดูแลกลับทั้งเคร่งทั้งตึงจนร่มธรรมยังอดเอ็นดูไม่ได้ พอถูกพยุงลงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงแล้ว มือเจ้าของห้องก็คว้าหมับเข้าที่แขนของคนอายุน้อยกว่า


“เดี๋ยว...” ดวงตาคมเหลือบมองราวกับจะถามว่าอยากได้อะไรเพิ่ม แต่มือข้างที่จับแขนเขากลายเป็นตบปุๆลงบนพื้นที่บนเตียงที่ว่าง


“นั่งก่อน นั่งลง” คราวนี้ครองภพทำตาปริบๆอย่างงุนงง ร่มธรรมเลยตบมือลงกับเตียงอีกทีแล้วขยับขาเบี่ยงไปอีกด้านมากกว่าเดิมเพื่อให้มีพื้นที่เหลือว่างมากขึ้น


“นั่งสินั่ง”


คนอายุน้อยกว่ายอมนั่ง แต่สีหน้ายังสงสัย ทว่าเป็นคนเจ็บตัวต่างหากที่ยังมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้า


“เคยดูแลใครบ้างรึเปล่า ทำไมมันทั้งตึงทั้งเครียดขนาดนี้” แขนเจ็บข้างเดียว อีกข้างยังใช้การได้ดี ร่มธรรมจึงยื่นมือออกไปบีบไหล่กว้างอย่างมันเขี้ยวแล้วก็พบว่านอกจากหน้าแล้ว ยังตึงไปทั้งลาดไหล่ ดูท่าจะเครียดจริง


“โฮ ตึงจริงๆ เส้นจะยึดไหมเนี่ย”


ครองภพไม่ตอบ แต่เบี่ยงไหล่ออกจากมือที่บีบอยู่ พอทำท่าราวกับไม่อยากให้โดนตัว ร่มธรรมก็ยอมปล่อยแขนออกแต่โดยดี


เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา จะให้แตะเนื้อต้องตัวอย่างสนิทใจเหมือนเก่าก็คงยาก แต่...เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบที่ ‘ควรจะเป็น’ ร่มธรรมย่อมหาเรื่องชวนคุยที่ไม่เข้าตัว


 “เคยดูแลพี่ชายไหม”


“ไม่เคย โตแล้ว ดูแลตัวเองได้”


คราวนี้ร่มธรรมทำตาโต ชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเอง


“พี่ก็โตแล้ว”


“แต่ดูแลตัวเองไม่ได้” คนอายุน้อยกว่าเถียงขวับ ทำเอาคนเจ็บกะพริบตาปริบๆ ครองภพปรายตาไปมองแขนข้างที่ใส่เฝือกเอาไว้เป็นเชิงบอกว่า ถ้าดูแลตัวเองได้จริง ก็คงไม่เป็นเช่นนั้น


“อันนี้ไม่เกี่ยวกับดูแลตัวเองได้หรือไม่ได้ซะหน่อย” นักแสดงรุ่นพี่ออกตัว


“คนที่ดูแลตัวเองได้คือคนที่รู้จักประเมินสถานการณ์ สิ่งที่คุณทำ มันเรียกประเมินสถานการณ์ตรงไหน ของกำลังจะหล่น คุณวิ่งเข้าไปหาแบบนั้นยังไงก็ต้องเป็นแบบนี้”


ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ทำให้หมางเมิน พูดกันนับคำได้ เวลานี้...ปัญหาคาราคาซังก็ยังไม่หายไปไหน แต่ครองภพก็อดไม่ได้ที่จะไม่บ่น


ร่มธรรมได้แต่เม้มปากเถียงไม่ออก แต่ก็ยังไม่วายเอาสีข้างเข้าถู


“ตอนนั้นมันฉุกละหุก คิดไม่ทันนี่นา อีกอย่าง...ถ้าเห็นคนอื่นกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ต้องรีบช่วยไว้ก่อนทั้งนั้น”


เหตุการณ์แค่เสี้ยววินาที ความคิดเดียวที่แล่นคือจะปล่อยให้ครองภพได้รับอันตรายไม่ได้


แต่คำว่า ‘คนอื่น’ ในประโยคของคนบาดเจ็บ ทำเอาหัวใจคนฟังบีบหน่วง ย้อนด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน...ตนเอง


“อ้อ! ช่วยทุกคน?”


ร่มธรรมนิ่งไปเล็กน้อย อันที่จริงจะบอกว่าช่วยทุกคนก็ไม่ใช่ เขาไม่ได้เป็นคนดีถึงเพียงนั้น แต่เพราะเป็นครองภพต่างหาก เพราะครองภพกำลังจะได้รับอันตราย ถึงได้ช่วย แต่...ถ้าพูดเช่นนั้น จะเป็นการสร้างความหวังให้กับความสัมพันธ์นี้อีกครั้ง โดยเฉพาะความหวังของตัวเขาเอง


ทั้งๆที่เป็นฝ่ายทำลายทุกอย่างแท้ๆ แต่ร่มธรรมรู้ดีว่าหัวใจดื้อดึงของเขาก็ยังมีเสี้ยวความหวังเล็กๆว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะกลับมา...


พอคิดถึงความย้อนแย้งของตนเอง ตัวทำอย่าง หัวใจอีกอย่าง ร่มธรรมก็ได้แต่เอน็จอนาจ อย่างนี้จะเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไรกัน มุ่งมั่นสักทางก็ไม่ ตัดสินใจแล้วแต่กลับหวังไปในทางตรงกันข้าม


เพราะร่มธรรมเอาแต่เงียบ คนที่อัดอั้นย่อมเป็นครองภพที่เมื่อครู่ถูกบีบหัวใจด้วยคำว่า ‘คนอื่น’


เป็นใครก็ช่วย เป็นคนอื่นก็ช่วย ไม่ใช่ครองภพก็ช่วย หรืออีกแง่คือเพราะครองภพเองก็ถูกจัดรวมอยู่ใน ‘คนอื่น’ ไม่มีสถานะพิเศษในใจของร่มธรรมแต่ประการใด


ทั้งๆที่...สำหรับครองภพแล้ว ร่มธรรมพิเศษกว่าใคร


“ถึงไม่ใช่ผม คุณก็จะเอาตัวเข้าไปเจ็บแทนอย่างนั้นใช่มั้ย” เขาถามเสียงขื่น แต่คนตรงหน้ากลับเอาแต่ก้มหน้าเม้มปากเงียบ


“ตอบผมสิร่ม ถ้าไม่ใช่ผม คุณก็จะทำอย่างนี้เหรอ”


ร่มธรรมเหมือนถูกบีบคั้น บีบทั้งคำถามของครองภพ บีบทั้งหัวใจตนเอง ได้แต่เม้มปากแน่น รู้ทั้งรู้ว่าความรู้สึกของตนเองจะทำลายอนาคตของครองภพ แต่ตอนที่เห็นเค้าลางแห่งความหายนะ เขากลับพบว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอนาคตที่เขากังวล คือปัจจุบันที่ไม่รู้ว่าชีวิตของครองภพจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร


เขารู้แค่ว่าครองภพต้องปลอดภัย ครองภพต้องมีลมหายใจ ครองภพต้องไม่บาดเจ็บ


เพราะฉะนั้น...ถึงปล่อยไม่ได้


ปล่อยให้ครองภพเป็นอะไรไม่ได้


ร่มธรรมยังเงียบ เงียบจนคนถามทั้งหงุดหงิดทั้งใจเสีย


“ตอนผมป่วย ผมถามว่าคุณห่วงผมบ้างมั้ย คุณไม่ตอบ”


พอพูดไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่ทะเลาะกันจนหมางเมิน ร่มธรรมก็ได้แต่กลืนน้ำลายซ้ำๆ ลมหายใจขาดห้วง


“แต่ตอนเกิดเรื่อง คุณกลับวิ่งเข้าไปช่วยผม ตอนนี้คุณก็ยังย้ำว่าถ้าเป็นคนอื่น คุณก็จะช่วย”


“...ผมถามจริงๆ คุณห่วงผมบ้างมั้ย ห่วงที่เป็นผม ไม่ใช่ห่วงผมเหมือนที่ห่วงคนอื่น”


“ตอบแล้วมันได้อะไร” ร่มธรรมย้อนถาม ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคนตรงหน้า เขารู้ดีว่าเวลานี้ในดวงตาของตนเองคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจมากแค่ไหน


...ตอบแล้วมันได้อะไร เป็นห่วงครองภพมากกว่าคนอื่นแล้วความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ...


...ไม่เลย...


...มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย...


ความสัมพันธ์แบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นที่อยู่ในสถานะอื่นย่อมไม่ใช่เรื่องยากถึงเพียงนี้ แต่เพราะทั้งร่มธรรมและครองภพอยู่ในที่แจ้ง


ผู้คนเป็นล้านรับรู้ตัวตน การมีอยู่และวิถีชีวิตของพวกเขา ผู้คนเป็นล้านมีส่วนเกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตและอาชีพการงาน และผู้คนเป็นล้าน...จะรุมทึ้งความสัมพันธ์ของพวกเขาจนกว่าจะได้ในสิ่งที่คนเหล่านั้นพอใจ


ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะกลายเป็นเครื่องมือ คนกลุ่มหนึ่งจะใช้มันเป็นอาวุธ คนอีกกลุ่มจะใช้มันเป็นฐานในการตัดสินชีวิตคนอื่นอีกหลายคน และคนอีกหลายกลุ่มพร้อมจะใช้มันเพื่อความสนุกปาก ความบันเทิงเริงรมย์ ความเข้าข้างตัวเอง


“มันไม่มีที่ยืนให้ความสัมพันธ์แบบนั้นหรอก ครอง”


“ทั้งๆที่เรารักกันน่ะเหรอ”


ร่มธรรมตะลึงงันไม่คิดว่าจะได้ยิน


“พี่...” ปากอยากปฏิเสธ แต่ใจไม่อาจพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกได้เลย คำว่ารักมันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ในเวลาที่ร่างกายก็บาดเจ็บอยู่แล้ว เฝือกที่แขนเป็นหลักฐานอย่างดี


“อย่าปฏิเสธว่าคุณไม่ได้รักผม ถ้าคุณไม่รัก คุณไม่ช่วยผมจนเจ็บตัวแบบนี้”


“พี่...บอกแล้วว่าถ้าเป็น...คนอื่นก็ช่วย...”


"ช่วยจนเข้าเฝือก เข้าเฝือกแล้วก็ยังถอดพระมาให้ผมใส่ คนอื่นเขาช่วยกันขนาดนี้เหรอ”


ร่มธรรมพูดไม่ออก ได้แต่เม้มปาก เขาก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะช่วยเหลือกันเช่นนี้มั้ย แต่ถ้าคนที่ประสบเหตุไม่ใช่ครองภพ เขาก็คง...ไม่ช่วยขนาดนี้


อาจจะพุ่งตัวเข้าไปช่วย อาจจะบาดเจ็บแทน แต่ย่อมไม่ต่อเนื่องไปถึงขั้นถอดสร้อยที่สวมมาทั้งชีวิตให้อีกฝ่ายใส่


ครองภพเห็นอีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้าเงียบก็ยิ่งสะท้อนใจ อารมณ์ที่คิดจะไล่ต้อนให้ร่มธรรมยอมจำนน กลายเป็นอ้อนวอน


“ร่ม...ความรู้สึกของเรา...มันไร้ค่าขนาดที่คุณเลือกที่จะทิ้งมันเลยเหรอ”


ร่มธรรมส่ายหน้า ตอบเสียงแผ่วด้วยหัวใจเจ็บปวดไม่แพ้กัน


“ไม่ใช่...”


“...พี่ไม่เคยมองว่ามันไร้ค่า...”


“แต่คุณไม่เลือกมัน”


“พี่...อยากให้ครองมีอนาคตที่ดี...อยากให้พวกเรามีอนาคตที่ดี...”


“แล้วความรู้สึกนี้มันทำให้อนาคตไม่ดีตรงไหน”


“มัน...ทำให้ไม่แน่นอน...” ดวงตาของร่มธรรมเหลือบขึ้นทอดมองคนถาม ครองภพมองคนตรงหน้าด้วยหัวใจโหวงเหวง นัยน์ตาคู่นั้นเจ็บปวดไม่ต่างจากเขาเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเพื่ออนาคตที่เจ้าตัวคิดว่าจะมั่นคงที่สุด


“ครอง...พี่อยากเห็นครองมีอนาคตที่ดี อยากเห็นครองประสบความสำเร็จในอาชีพที่ครองรัก อยากเห็นครองได้ทำในสิ่งที่รักไปตลอดชีวิตของครอง...”


“คุณห่วงอนาคตผม แล้วความรู้สึกของผมล่ะ”


ร่มธรรมสูดหายใจอย่างยากลำบาก รวบรวมแรงใจทั้งหมดแล้วเอ่ยพร่า


“วันหนึ่ง...มันก็จะหายไป...”


“แล้วถ้าวันนั้นมันมาไม่ถึง?” คำถามของครองภพทำเอาลมหายใจของคนฟังสะดุด


“ชีวิตคนเรามันสั้นนะร่ม ดูอย่างวันนี้ก็ได้ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ช่วยผม ผมคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ และเรา...ก็คงไม่มีวันได้คุยกันอีก”


ร่มธรรมเงียบ


“เรา...เจ็บกันมาไม่พอหรือ ถึงจะต้องเจ็บต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่เลิกรัก...”


อนาคตเป็นสิ่งที่ต้องสร้าง แต่ปัจจุบันก็ทอดทิ้งไม่ได้ คำพูดของครองภพไม่ได้ผิดเลย อนาคตเกือบจะมาไม่ถึงแล้ว ถ้าร่มธรรมไม่ช่วยเขาเอาไว้


“ร่ม...ผมรู้ว่าอาชีพนักแสดงเป็นสิ่งที่คุณรัก ผมเองก็รัก อนาคตของเราสองคนจะยิ่งไม่แน่นอน ถ้าเลือกทางนี้ แต่...คุณสู้ไปกับผมได้มั้ย เดินไปกับผมได้รึเปล่า ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ทุกอย่างมันเป็นไปได้ ทั้งงานของเรา ทั้งความรู้สึกของเรา อย่าทิ้งผมเอาไว้ อย่าหยุดความสัมพันธ์ของเราได้มั้ย”


“ให้ผมพิสูจน์ได้มั้ยว่าผมทำได้ ผมขอ...”


คำว่าขอของครองภพ ราวกับมีดกรีดหัวใจร่มธรรม


ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปทุกด้าน แต่กลับออกปากด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าว่า ‘ขอ’


หัวใจคนฟังอ่อนยวบ กำแพงหนาที่เพียรสร้างเพื่อกีดกันพวกเขาออกจากกันพังทลาย กระบอกตาของร่มธรรมร้อนผ่าว ไม่ทันจะเงยหน้าเพื่อไล่หยาดน้ำกลับลงไป ก็กลั่นเป็นน้ำตาหยดลงกับแก้ม ร่มธรรมกลั้นความรู้สึกไม่ไหว จากน้ำตาหลั่งรินจึงกลายเป็นสะอื้นไห้


เพียงแค่เห็นหยาดน้ำใส ครองภพก็รีบรั้งศีรษะเจ้าของน้ำตาเข้ามาแนบอก ได้ยินเสียงครวญของอีกฝ่ายดังก้องสะท้อนอยู่กับหัวใจของเขา


   “ฮือ...ครอง...พี่ขอโทษ ขอโทษ...พี่ขอโทษที่ทำให้เจ็บ พี่ขอโทษ...”


   ทั้งๆที่คนเจ็บกายคือร่มธรรม แต่หัวใจของครองภพก็ไม่ต่างกับการถูกทุบทำร้ายซ้ำๆ มันกลัดหนองครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะความหมางเมินที่ปฏิบัติต่อกัน


   “...เจ็บมากมั้ย...พี่ขอโทษ...ฮือ...พี่ขอโทษ”


   “เจ็บ...เจ็บมาก”


ปากว่าเจ็บ แต่กลับไม่อยากปล่อยคนทำให้เจ็บออกห่างจากอกไปอีกแล้ว


   เราเจ็บกันมามากพอแล้ว มันควรถึงเวลาหยุดเสียที


   “ขอโทษ...พี่ขอโทษ...”


   ขอโทษที่ทำให้เจ็บปวด ขอโทษที่ทำให้ความสัมพันธ์พังทลาย ขอโทษ...ที่พยายามก้าวข้ามความรู้สึกของพวกเรา


   “ผมยกโทษให้ ยกโทษให้หมดทุกอย่าง”


ร่มธรรมเงยหน้ามองทั้งน้ำตา ปลายนิ้วไล้แก้มเขาแผ่วเบาและอ่อนโยน


   “ขอแค่คุณเดินไปกับผม มีปัจจุบันร่วมกับผม อย่าทิ้งผมไปไหนอีก...”


   “ไม่ทิ้งอีกแล้ว...พี่จะไม่ทิ้งครองอีก...”


จะไม่ทิ้งหัวใจ ไม่ทิ้งความรู้สึก ต่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่อาจชัดเจน แต่ก็จะไม่หยุดมันเอาไว้เช่นนั้นอีก


   อ้อมแขนของครองภพโอบร่างของคนเจ็บเอาไว้ ต่างคนต่างทุกข์ทรมานกับความหมางเมิน แต่เหตุการณ์ร้ายเมื่อตอนกลางวัน บอกให้พวกเขารู้แน่ชัด 


ร่มธรรมไม่อาจปล่อยให้ครองภพเป็นอันตราย ครองภพเองก็ไม่อาจทนเห็นความเจ็บปวดของร่มธรรมเช่นกัน


   ความรู้สึกของพวกเขาถูกทำให้ชัดเจนด้วยเหตุการณ์เพียงเสี้ยววินาที แต่มันกลับตราตรึงในหัวใจจนไม่อาจปฏิเสธได้อีกแล้ว


   อดีตไม่อาจแก้ไข อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่ปัจจุบัน...วันนี้ เวลานี้...ลมหายใจสำคัญ ความรู้สึกสำคัญ…


   ร่มธรรมจะรักษาปัจจุบันของพวกเขาเอาไว้ จะสู้ จะเดินเคียงข้างไปกับครองภพ...จนกว่าอนาคตจะมาถึง


……………………..


   หยาดน้ำตาแห้งเหือด ความรู้สึกที่มีต่อกันชัดเจน แม้ความสัมพันธ์จะไม่ถูกระบุ แต่ต่างคนต่างรับรู้ในหัวใจ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุให้ต้องหมางเมินหรือทำตัวไม่สนิทสนมกันอีกแล้ว


ครองภพนั่งลงข้างเตียง หลังจากประคองให้ร่มธรรมเอนตัวลงนอน   


   “นอนได้แล้ว คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อน”


   “หา?” คนดวงตาบวมเป่งร้องเบาๆ กะพริบตาปริบๆ หนุ่มรุ่นน้องเลยย้ำ


   “ผมไม่มีงานแล้ว”


   “ม...ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น เอ่อ...พี่...อยู่ได้...”


   “อยู่ได้? อยู่คนเดียวแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาตอนกลางคืนจะทำยังไง”


พอไม่หมางเมิน ครองภพเลยพลิกบทบาทมาเป็นคนดุหน้าตาเฉย ในขณะที่ร่มธรรมก็กลายเป็นดื้อตาใส


   “รู้ได้ไงว่าพี่อยู่คนเดียว”


ดวงตาเรียวจ้องจิก ริมฝีปากเอ่ยเรียบๆ ทว่าฟังแล้วดุ


   “คนนิสัยอย่างคุณ ไม่เรียกพี่ๆคุณมาเฝ้าไข้หรอก แล้วคุณก็ยังไม่มีแฟน”


ประโยคหลังนั่นน้ำเสียงเข้มกว่าประโยคอื่นๆมาก ไม่แน่ใจว่าเป็นการขู่ หรือการย้ำให้ร่มธรรมรู้ตัวว่าโสด...เพื่อครองภพ


“ก...ก็ใช่...”


“แล้วจะมีใครมาอยู่ด้วยได้ยังไง”


คนเจ็บได้แต่เม้มปากไม่รู้จะเถียงอย่างไร ในเมื่อความจริงเป็นตามนั้นทุกประการ


เขาไม่มีทางเรียกพี่สาวพี่ชายให้ต้องมาลำบากลำบนเฝ้าไข้ อีกทั้งก็ไม่มีคนรักเพราะเอาแต่ทำงาน พอกลับเข้าวงการ และสนิทกับครองภพยิ่งแล้วใหญ่...เพราะไม่มีหัวใจให้ใครอื่นอีกแล้ว


   “เอาเป็นว่าคืนนี้ผมจะอยู่ด้วย” คนอายุน้อยกว่าออกปากจริงจัง


   “เอาจริง?” ดวงตาเรียวดุเหลือบมองเป็นเชิงว่าเขาเคยพูดเรื่องไม่จริงด้วยหรือ


   “นอนได้แล้ว ผมจะไปลากเก้าอี้มานั่งเฝ้า”


   “ไม่ต้องเฝ้าก็...อ่า...ครับ เฝ้าก็ได้ครับ” ร่มธรรมไม่กล้าหือ ปล่อยให้อีกฝ่ายลุกไปยกเก้าอี้มานั่งตัวตรง สีหน้าไม่มีอารมณ์อย่างอื่นสักนิด คนถูกเฝ้าเลยชักจะนอนไม่หลับ


   “เอ่อ...มันแปลกๆนะ โดนจ้องตอนนอนแบบนี้...”


   “ผมไม่ได้จ้อง”


ร่มธรรมมอง ทำเอาคนพูดนิ่งไปเล็กน้อย รู้สึกว่าตนเองจ้องจริงนั่นล่ะ


   “ถ้าคุณหลับตาก็ไม่รู้หรอกว่าผมจ้องรึเปล่า”


   “แล้วสรุปจ้องไหม” หนุ่มรุ่นพี่ย้อนยิ้มๆ ทำเอาคนยั่งเฝ้าต้องเบือนสายตาหนีไปทางอื่น แต่ปากดุเสียงห้วน


   “หลับได้แล้ว”


แม้จะหันหน้าหนีแต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง ร่มธรรมไม่หยอกล้ออะไรอีก หลับตาแล้ววางมือลงข้างกาย และอาจจะเพราะความบังเอิญ ปลายนิ้วก้อยของเขาสัมผัสเข้ากับมือของคนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง


ไออุ่นแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าใครก็รับรู้ แต่ไม่มีใครหันไปให้ความสนใจ


คนบนเตียงยังนอนหลับตา วางมืออยู่เช่นนั้น ส่วนครองภพก็ยังนั่งอยู่อย่างนั้น และวางมืออยู่ที่เดิม


เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง มือที่แตะกันเริ่มคุ้นเคย มือของครองภพขยับเข้าหาช้าๆ ปลายนิ้วโป้งไล้หลังมือของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ราวกับจะปลอบประโลมเรื่องที่ต้องประสบมาตลอดทั้งวัน


   คนกำลังจะหลับไม่ทันรู้ตัว รับรู้เพียงแค่ความอ่อนโยนที่ไหลผ่านเข้ามาในหัวใจ


ไม่มีความเจ็บ ไม่มีความปวด มีเพียงความสบายใจและผ่อนคลาย ก่อนจะเข้าสู่นิทราอย่างสงบสุข


…………………….


   ภายในห้องนอนนั้นเงียบสงบ กล่อมให้ทั้งคนป่วยและคนเฝ้าไข้พากันหลับไหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากเหตุการณ์ขวัญเสียในวันนี้และตารางงานที่แน่นขนัดมานาน


   ‘คุณหลวงขอรับ เจ็บไหมขอรับ’


   เสียงสะอื้นดังแผ่วเข้ามาในโสตประสาท ทำเอาชายหนุ่มวัย 22 ต้องลืมตาขึ้น


ภายในห้องมีเพียงแสงสลัวจากนอกห้องที่ส่องลอดเข้ามา แต่ก็พอทำให้มองเห็นเงาตะคุ่มที่ปลายเตียง ครองภพหายใจสะดุด ไม่ว่าจะเพราะแสงสลัวหรือแสงตกกระทบ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือเงาคน!


   เงาคนบนพื้นปลายเตียงที่เอื้อมแขนมาจับเท้าของร่มธรรม!


   คิดได้เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มก็ลุกพรวดไปเปิดสวิชซ์ไฟทันที


   ทั้งห้องสว่างพรึ่บ ดวงตาเรียวดุกวาดมองไปที่ร่างของร่มธรรม แต่คนเจ็บยังนอนหลับสนิท ไม่มีเงาหรือใครอยู่ตรงนั้น


   แล้วเมื่อครู่นี้ที่เขาเห็นคือใคร?!


   “อื้อ...” เสียงครางละเมอดังมาจากคนบนเตียง ดึงสติครองภพให้หันกลับไปมอง ร่มธรรมเริ่มขยับตัวเล็กน้อย เปลือกตายังปิดสนิท แต่สีหน้าดูไม่ค่อยสบายนัก ท่าทางจะฝันร้าย


   เสียงครวญดังขึ้นอีก ใบหน้าหล่อเหลาของคนหลับเริ่มขมวดคิ้ว ครองภพไม่เคยดูแลใคร เขาไม่รู้ว่าการเฝ้าไข้ใครสักคนจะต้องทำอย่างไร จะปลุกขึ้นมาก็ไม่กล้า ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งที่เดิมแล้วบีบมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่นๆ ให้ร่มธรรมรับรู้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง


   “อือ...” ร่างบนเตียงเริ่มกระสับกระส่าย แม้จะยังหลับแต่สีหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวนอนไม่สบาย อาจจะเพราะฤทธิ์ยาเริ่มหมด อาการปวดที่แขนเริ่มปรากฏ แต่เพราะยังหลับสนิท อาการทางร่างกายจึงกลายเป็นฝันร้ายให้แม้แต่ตอนที่หลับก็ยังทรมาน


   ครองภพไม่รู้จะทำอย่างไร มองคนกระสับกระส่ายด้วยความเป็นกังวล แต่พอกวาดตามองไปรอบห้องที่สว่างโร่ก็ไม่เห็นเจ้าของเงาตะคุ่มที่เขาเห็นเมื่อครู่อีก นักแสดงหนุ่มหันกลับมามองคนที่ยังนอนหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วเรียกเบาๆ


   “ร่ม...”


   “ร่ม...ได้ยินไหม”


   “ร่มธรรม...”


   “อื้อ...” ภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ร่มธรรมรับรู้ถึงความห่วงใยที่ไหลผ่าน แต่ห้วงนิทรากลับไม่ปล่อยให้ตื่น ราวกับความมืดฉุดรั้งเอาไว้ให้ตกอยู่ในห้วงของฝัน ฝันที่มองไม่เห็นอะไรเลย เห็นแต่ความมืด รับรู้แต่ความปวดร้าว


   “ร่มธรรม...ร่ม...”


   ไออุ่นแผ่ซ่านเข้ามาทางกระหม่อม เสียงทุ้มดังใกล้ราวกับกระซิบริมหู ร่มธรรมเริ่มรู้สึกว่าความดำมืดที่ดึงรั้งเขาเอาไว้เจือจาง จนเปลือกตาเริ่มขยับเปิดทีละน้อย แสงสว่างจ้าทำให้ต้องหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นใหม่อีกหน


   “ร่ม...” เสียงเรียกดังขึ้นเบาๆ เจ้าของชื่อหันมองอย่างง่วงงุน คนเฝ้าไข้ยังเป็นคนเดียวกับตอนก่อนที่เขาจะหลับ เพียงแต่ไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงแล้ว แต่ขยับมานั่งบนเตียงแทน


   “เป็นไงบ้าง” สีหน้าของคนไม่ค่อยแสดงอารมณ์กลับแสดงออกชัดแจ้งถึงความกังวล ร่มธรรมหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะขยับกายแล้วก็พบว่าเริ่มปวดแขนข้างที่บาดเจ็บ


   “ปวด...”


   “กินยาแก้ปวดไหม” ไม่มีคำตอบ ครองภพจึงถือเอาว่าอีกฝ่ายยินดี เขากุลีกุจอไปหยิบถุงยาและน้ำ ก่อนจะกลับมาพยุงร่มธรรมขึ้นนั่งเพื่อทานยา


   ยาเม็ดและน้ำหนึ่งแก้วไหลลงคอไปแล้ว ชายหนุ่มจึงประคองคนเจ็บให้นอนลงกับเตียงตามเดิม ร่มธรรมหลับตาลงแล้ว แต่สีหน้ายังซีดเซียว ดูไม่ดีจนน่าเป็นห่วง คนไม่เคยดูแลใครได้แต่ละล้าละลังไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร ควรจะพาไปหาหมอไหม หรือจะรอให้ยาออกฤทธิ์ก่อน แต่กว่าจะรอให้ยาทำงาน ความเจ็บปวดจะยิ่งทวีมากแค่ไหนกัน 


   ในเมื่อไม่รู้จะทำเช่นไร ประสบการณ์ในวัยเยาว์ ยามเขาเจ็บป่วยแล้วมารดานอนกอดให้ความอบอุ่น ทำให้ครองภพตัดสินใจขยับตัวเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง ก่อนจะวาดแขนคร่อมศีรษะแล้วเอียงตัวเข้าหาคนเจ็บที่คล้ายจะสะลึมสะลือ


ร่มธรรมปรือตาขึ้นเล็กน้อยแม้อาการปวดที่แขนทำให้เขาหลับต่อไม่ลง ทว่าไออุ่นกลับโอบร่างเขาเอาไว้ ยิ่งพอได้ซุกหน้าเข้าหา ได้ขยับกายเข้าหา ก็ได้ยินเสียงทุ้มดังกลับมาเบาๆอย่างอ่อนโยน


“ระวังแขน...”


แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อหามุมได้เหมาะเจาะ ศีรษะของร่มธรรมก็ซุกเข้าหา ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกาย ชวนให้รู้สึกสบาย สัมผัสเบาลูบไล้ศีรษะของเขาอย่างปลอบประโลม


   น่าประหลาดที่ความเจ็บปวดเริ่มจางหาย


   ร่มธรรมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง และคราวนี้เขาหลับสนิทจนถึงเช้า


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

วันนี้มีหลายงานมาก ช่วงสอบด้วย ขอไปเตรียมตัวเรื่องสอบก่อนนะคะ

ป.ล.1 เป็นตอนที่อุดมไปด้วยพี่ร่มน้องครอง

ป.ล.2 น่าจะเป็นตอนที่ร่มกับครองคุยกันมากที่สุดแล้วนับตั้งแต่เขียนมา

ป.ล.3 แต่คุยกันมากขนาดนี้ น้องครองก็ไม่หลุดเรียกพี่ร่มว่าพี่เลยนะคะ ไม่มีคำว่าพี่สักคำเลยค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจ ขอบคุณมากๆที่ทำให้วันพฤหัสเป็นวันที่ดีสำหรับบัวที่ได้มาเจอกับคนอ่านค่ะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ (ผีเอาไงดีคะ พี่ร่มน้องครองเดินหน้าแล้วนะ ฮ่าฮ่า)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2020 17:29:35 โดย Dezair »

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :katai2-1:สนุกมาก นี้ก็ลุ้นต่อไปจะเป็นไง

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ผีเข้านอกออกในห้องพี่ร่มได้ขนาดนี้
ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเขารักกันจริงจังขึ้นมาละก็..
ผีจะเอาหน้าไปไว้ไหน 5555  :jul1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ปรับความเข้าใจกันแล้ว :heaven :heaven
//สร้อยพระนี่ใช่อันที่คุณหลวงเคยให้แผนป่าวอ่ะ?

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ผีเอาไงดีหน่ะเหรอคะ? / สาดข้าวสารใ่ส่แม่มเลยค่ะ! วอแว!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ใครเค้าเรียกแฟนว่าพี่คะ ไม่มี้!!
นายช่วงต้องรู้สึกผิดแหงๆ
แต่การที่สองคนนี่อยู่ด้วยกัน
มันมีผลต่อการปรากฎตัวนายช่วงมั้ยนะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตบอีผีร้ายย

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม กว่าจะเข้าใจ ยอมใจอ่อนได้ ต้องให้น้องครองพูดแซะหัวใจถึงยอมรับ
 :เฮ้อ:
พอเข้าใจกัน ก็ต้องมาลุ้นอีกแล้วว่าพ่อคุณที่นุ่งโจง จะมาไม้ไหนอีก ได้อ่านแล้ว
นอนหลับได้ละ แต่ก็ต้องรออีกอาทิตย์
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
กลับตัวก้อไม่ได้ ให้เดินต่อไปก้อไปไม่ถึงงี้หราพี่ร่ม 5555

สู้หน่อยยยย น้องยังสู้เลย

อยากให้ เซฟจี แสดงซีรี่ย์เรื่องนี้เลย 5555

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ลุ้นต่อไปว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นตามมาอีก

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
อิผีโจง แกพลาดแล้ว!! เขาปรับความเข้าใจกันแล้วย่ะ เขาจะจับมือไปด้วยกัน เขารักกัน เขานอนกอดกลมเลยย  :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2020 12:13:50 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nrbtst1997

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :pig4:ขอบคุณ​น้าาารอๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
คุณนุ่งโจง คุณไม่ได้ไปต่อ พี่ร่ม น้องครอง ได้รวมหัวใจ ไปด้วยกันแล้วจ๊ะ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ชายนุ่งโจนวอแวเก่งจิงๆ :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 ใครเขาเรียกแฟนว่าพี่กัน 5555555 ในที่สุดก็ได้ปรับความเข้าใจกันสักทีนะ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ปรับความเข้าใจกันแล้ว  :impress2:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชอบความแน่วแน่ที่ไม่หลุดเรียกพี่เลย
แต่ว่านะผีไม่เห็นครองเหรอ หรือไม่สนใจ?

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เอ็นดูร่มธรรมนะคะ เหมือนเด็กน้อยไปเลย
เจอครองภพโหมดเข้มไป และเขินเค้าเองด้วยนะ 5555
แม่กับพี่ชายครอง น่ารักมากเลยค่ะ

เบญญาคงไม่มีส่วนอะไรกับเรื่องแปลกพวกนี้เนาะ

กลับมาตกลงปลงใจกันแบบนี้ ผีโจงคงยิ่งแค้นน่ะ
เหมือนที่ผ่านมา จะปกป้องร่มธรรมมาตลอด
และก็ยังภักดีไม่เปลี่ยนแปลง ดูจากคำขอโทษ
หวังว่า เรื่องนี้ จะไม่ไปกระตุ้นความแค้นใหม่นะคะ

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ใจชั้นก็หายเป็นพักๆ ลุ้นจัง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด