( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63  (อ่าน 22675 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 11
สองคน



“เพื่อนพี่ไปไหน”

“ไม่รู้”

“แล้วเห็นเพื่อนผมปะ”

“ไม่เห็น”

“จะซื้ออะไร”

“ไม่รู้สิ” โว้ยยยยยยยรู้อะไรกับเขาบ้างไหมนอกจากเดินตามหลังผมต้อยๆ เนี่ย!

หลังจากตอนนั้นที่พี่ธัญเทผมก็มาชวนใหม่อีกรอบ ส่วนผมก็แล้วแต่เลยครับเอาที่สบายใจ

จริงๆ มากันหลายคนนะแต่เดินไปเดินมาก็เหลือผมกับพี่ธัญแค่สองคนนี่แหละ

“อันนั้นอร่อยไหม” ผมมองตามนิ้วที่ชี้ไปยังร้านชานมไข่มุกก่อนจะหันมาถามคนข้างๆ

“ไม่เคยกินหรอ”

“ไม่เคย” เป็นท้อกับคุณเขาจริงๆ ครับ โตมาได้ยังไงโดยที่ไม่เคยกินชานมไข่มุกเนี่ย

“เดี๋ยวพาไปลอง” ผมเดินนำโดยที่มีพี่ธัญเดินตามหลังมาติดๆ

“ชานมไต้หวันกับโกโก้ครับ” ผมจัดการสั่งให้พี่ธัญเรียบร้อยเพราะคิดว่าคงไม่น่าจะพ้นผมหรอก

“สั่งอะไร”

“ชานมไต้หวันกับโกโก้”

“อร่อยหรอ”

“รอชิมเองเถอะน่า”



กลุ้มใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่สน ~~~



เสียงมือถือผมดังทำเอาคนแถวนี้หันมามอง มองทำไมกันแค่สายเข้าเองโถ่

“ว่าไงครับ”

‘ทัชอยู่ไหน’

“ผมอยู่ตลาดอะพี่ มีอะไรรึเปล่า”

‘โอเคพี่เห็นละ’ ว่าแล้วปลายสายก็วางทันที

อะไรของเขาวะ อยู่ๆ โทรมาแล้วก็วางเฉยเลย

“ใครโทรมา”

“ไงทัช”

ผมกำลังจะตอบพี่ธัญคนที่เพิ่งวางสายผมเมื่อกี้ก็โผล่มาพอดี

“หาผมเจอได้ไงเนี่ย”

“ตามGps มา”

“เห้ย”

“ล้อเล่นน่า” พี่ไผ่ยิ้มขำก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม

“รู้จักกันหรอ”

“รู้จักครับ นี่พี่ไผ่ลูกค้าประจำเลยนะส่วนนี่พี่…”

“ธัญ พี่รู้จักแล้วล่ะเราเรียนคณะเดียวกัน” พี่ไผ่ยิ้มตามปกติแต่คนที่ไม่ปกติน่าจะเป็นพี่ธัญที่เริ่มจะหน้าตึงเข้าทุกที

“สนิทกันรึเปล่าครับ”

“ก็ไม่เชิงนะ แต่ก็คุยกันบ่อยไม่ยักรู้ว่าธัญจะรู้จักทัชด้วย”

“พี่ธัญก็เป็นลูกค้าประจำครับ มาบ่อย”

“งั้นหรอ”

“ชานมไต้หวันกับโกโก้ได้แล้วค่ะ”

ผมรีบลุกไปจ่ายตังค์แล้วส่งชานมไต้หวันให้พี่ธัญก่อนที่จะหน้าตึงไปมากกว่านี้ ของหวานน่าจะช่วยได้

สงสัยจะหงุดหงิดอากาศร้อนคนก็เยอะ

“พี่เดินด้วยได้ไหม”

“ได้ครับ/ไม่ได้” พี่ธัญพูดขึ้นมาพร้อมผมด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากให้ไปจริงจัง

“สรุปพี่ไปได้นะ” ผมก็พยักหน้าเออออกับพี่ไผ่โดยหันมามองหน้าพี่ธัญด้วย

ตึงขนาดนั้นระวังมันจะขาดนะครับพี่

ผมเลิกสนใจคนที่ทำหน้าตึงข้างๆ แล้วหันมาสนใจร้านค้าแต่ละร้านต่อ

สรุปคือมีคนร่วมทางมาหนึ่งคนโดยที่ผมเดินอยู่ตรงกลางทั้งสองด้านเป็นพี่ไผ่กับพี่ธัญ แต่บรรยากาศมันแปลกๆ อีกคนก็อารมณ์ดีเกินเหตุส่วนอีกคนก็ตึงเครียดสุดๆ

“เปลี่ยนที่กันหน่อย”

ไม่รอให้ผมได้ตอบพี่ธัญก็ดึงผมให้ไปแทนที่เขาทันที กลายเป็นว่าคนที่อยู่ตรงกลางคือพี่ธัญ

“ทัช...อ้าว”

ได้แต่โบกไม้โบกมือให้พี่ไผ่แล้วสักพักพี่ธัญก็เอาตัวมาบังอีก อะไรของเขาวะ

“ทำแบบนี้หมายความว่าไงครับคุณธัญ”

“หมายความว่าอยากให้มึงไปไกลๆ ไง”

เสียงที่คุยให้ได้ยินแค่สองคนทำเอาผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องดีเท่าไหร่ดูจากลักษณะก็คงไม่ใช่คนที่เป็นมิตรกันแน่ๆ

นี่ผมคงไม่ได้พาคู่อริมาเจอกันหรอกนะ

“ทัชต่างหูร้านนั้นสวยมาก เราไปดูกันไหม” ผมชะโงกหน้ามองตามที่พี่ไผ่ชี้ นั่นร้านประจำผมเลยนี่หว่า

กิเลสมาอีกแล้วครับ ซื้อเปลี่ยนวันละคู่เลยก็ว่าได้

ผมเดินตามพี่ไผ่มาร้านต่างหูพร้อมทั้งพี่ธัญแถมยังบ่นเหมือนไอ้โก้ไม่มีผิด

“ซื้อไปทำไมเยอะแยะ” ผมก็คงจะตอบแบบที่เคยตอบไอ้โก้แหละครับว่า

“ของมันต้องมีไงพี่” ถ้าชอบอะไรสักอย่างคุณจะเข้าใจครับ ถึงแม้ว่าซื้อไปแล้วจะไม่ได้ใช้ก็ตาม

“แล้วชานมไต้หวันอร่อยปะ”

“ก็กินได้” ก็กินได้นี่คือหมดแก้วไปแล้วนะครับ

“อันนี้เท่ดี เหมาะกับทัชเลย”

พี่ไผ่ชูต่างหูขึ้นเทียบกับหูผมแต่กลับถูกมือของพี่ธัญปัดออกชะก่อน ดีที่ปัดเบาไม่งั้นต่างหูหล่นแน่ๆ

“อะไรของมึง”

“โทษที มือไวไปหน่อย” พี่ไผ่มองหน้าพี่ธัญนิ่งๆ ก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหันไปพูดกับพี่ธัญด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“ระวังตีนกูไวบ้างนะ”

อืมมม ผมเริ่มจะแน่ใจแล้วนะว่าอริเจอกับอริจริงๆ

กูอยู่ในดงอะไรวะเนี่ย

“เดี๋ยวผมไม่จ่ายตังค์ก่อนนะ เอ่อ…อย่าเพิ่งตีกันนะพี่” พอผมพูดแบบนั้นพี่ธัญก็จ้องเขม็งทันที

“แฮร่ หยอกๆ น่าพี่” โหมดโหดก็มาแล้วว่ะ

ชิ่งดีกว่าครับ

และในขณะที่ผมกำลังรอตังค์ทอนจากคนขายของอีกฝั่งเสียงคุ้นๆ ก็ดังขึ้นข้างๆ หูพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ผมคุ้นเคย

“ไอ้ตัวแสบ”

“พี่แทน”

“กลับกับพี่เดี๋ยวนี้เลย” ไม่พูดพร่ำทำเพลงพี่แทนก็คว้าแขนผมให้เดินตามทันที แต่ประเด็นคือผมยังไม่ได้ตังค์ทอน!

“พี่แทนตังค์ทอนนนนน”

“มาขี้งกอะไรตอนนี้” ตั้งห้าสิบบาทเลยนะเว้ยยยย

“แต่ผมมากับ…”

“ช่างหัวพวกมัน” เสียงแข็งขนาดนี้ต้องหุบปากแล้วครับ

สงบปากสงบคำไว้ชะไอ้ทัช

พี่แทนพาผมเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าซึ่งไกลจากร้านต่างหูเมื่อกี้พอสมควร

มาเจอผมได้ไงวะ ฝังชิพไว้ในตัวผมหรือไง

“พวกมึงเดี๋ยวกูกลับก่อนนะ” ผมยกมือไหว้พี่วินกับพี่กิวที่กำลังยื่นเลือกเสื้อผ้าอยู่

“อ้าว”

“อย่าเพิ่งกลับดิ ไปซื้อของด้วยกันก่อนน้องมึงก็อยู่เนี่ย”

“กูมีธุนะต้องคุยกับไอ้ตัวแสบ” แสบถึงทรวงแน่กูงานนี้ พี่แทนไปรู้อะไรมาวะหรือว่าจะรู้เรื่องที่ผมไปทำงานที่ร้านพี่ภูมิ โอ้ววไม่นะจบแน่ๆ คราวนี้

“ซื้อของก่อนก็ได้พี่แทน วันนี้ทัชจะกลับบ้านพอดีค่อยไปคุยที่บ้านก็ได้เนาะ” ผมรีบส่งซิกไปให้พี่กิวช่วยอีกแรง

“นั่นดิ พาน้องอยู่นานๆ หน่อยดิวะ” แต่ถามว่าพี่กิวช่วยได้ไหม???

“กูไปละนะวิน”

“เออๆ ”

ก็ตามนั้นแหละครับทุกคน

รับกรรมที่ตัวเองก่อครับส่วนคนที่ถูกทิ้งไว้ทั้งสองคน...ขอโทษนะพี่

ผมหยิบมือถือขึ้นมาไลน์บอกพี่ไผ่ว่าผมกลับแล้ว แต่ข้อความจากใครก็ไม่รู้ก็เด้งขึ้นมาซะก่อน

Thxx: อยู่ไหน

T_T: ใครครับ

Thxx: ธัญ

“อย่ามัวแต่เล่นมือถือเดินดีๆ ” ผมนี่รีบเก็บมือถืออย่างไวเลยครับ

ไม่ชอบพี่แทนโหมดนี้เลยโว้ยยย

คิดหนักกว่าเรื่องที่พี่แทนจะคุยด้วยก็คือพี่แทนจะจับได้เรื่องไหนก่อนนี่สิ!





ผมกับพี่แทนนั่งจ้องหน้าวัดใจกันมาก็หลายนาทีแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีใครเอ่ยปากซึ่งผมก็ไม่คิดจะพูดอะไรอยู่แล้วเพราะถ้าสารภาพไปก็ไม่รู้จะถูกเรื่องไหมหรือจะมีคดีเพิ่ม เนี่ยมันต้องคิดหนักอีก

“รู้จักสองคนนั้นได้ไง”

“สองคนไหนครับ” พอเปิดเรื่องมาก็ไม่มีเกริ่นอะไรทั้งนั้นเลยย

“ไอ้ธัญกับไอ้ไผ่”

อ๋ออออ

“เขาเป็นลูกค้าประจำของร้านเราไง”

“แต่ปกติลูกค้าประจำกับพนักงานก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนะ”

จริงๆ มันก็ใช่นะครับ แต่ก็รู้จักกันไปแล้วไงจะให้เมินใส่เวลาเจอกันก็ไม่ใช่

“ก็นั่นแหละพี่แทน รู้จักเพราะเขามาร้านเราบ่อยๆ ไง”

“ต่อให้เป็นลูกค้าพี่ก็ไม่อยากให้ทัชยุ่งกับสองคนนั้น”

“ทำไมครับ” ท่าทางพี่แทนดูเป็นห่วงผมมากตั้งแต่ที่ลากผมออกจากตลาดแล้ว

“สองคนนั้นเป็นไบ”

พี่ไผ่ผมพอรู้อยู่แล้วแต่พี่ธัญนี่สิ เกินคาดแฮะ

“พี่คงไม่ได้คิดว่าเขาจะจีบผมหรอกนะ” อย่าบอกนะครับว่าที่ร้อนรนวันนี้คือคิดว่าสองคนนั้นจีบผม ผมก็ไม่ได้ดูเกย์สักหน่อยอีกอย่างผมก็ไม่ได้หน้าหวานด้วย

“ใช่”

“โถ่พี่แทน”

“ถ้าพวกมันไม่สนใจเรามันไม่มาวอแวหรอก” พอพี่แทนพูดแบบนั้นผมก็เริ่มคิด ผมเคยคิดนะว่าผมกับพี่ธัญจะโคจรมาเจอกันได้ยังไง

“แต่ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะพี่แทน”

“พี่รู้ แต่พี่ไม่อยากให้ทัชยุ่งกับพวกมัน” พี่แทนพูดย้ำอีกรอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่กลัวว่าเขาจะมาหลอกผมหรอ”

ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่ธัญพี่ไผ่เขาจะไม่ดียังไง แต่ผมก็ไม่ใช่คนดีขนาดที่ต้องเจอแต่คนดีๆ ในชีวิตขนาดนั้น

“พวกนี้มันไม่เคยจริงใจกับใคร เห็นความรู้สึกคนอื่นเป็นของเล่นไปวันๆ ” เหมือนพี่แทนจะแค้นน่าดูนะฟังจากน้ำเสียงแล้ว

“พี่แทน นี่ผมใครผมไอ้ตัวแสบของพี่นะ ไม่มีใครทำอะไรผมได้ง่ายๆ หรอก” ถ้าถือปืนมายิงก็ว่าไปอย่าง

“รับปากพี่สิว่าจะไม่ยุ่งกับสองคนนั้น” ผมเข้าจะนะว่าพี่แทนเป็นห่วงเพราะคงไม่มีพี่คนไหนอยากให้น้องตัวเองอยู่ใกล้คนที่ไม่ดีหรอกแต่น้องพี่ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นไง เจอคนไม่ดีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

“รับทราบครับ ว่าแต่...มีแค่นี้ใช่ปะ” เพื่อความสบายใจของพี่แทนผมจึงตอบตกลงแต่ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ก็อีกเรื่อง

“แล้วทำอะไรไว้อีกรึป่าว” เสียวสันหลังเลยกู ทำไมพี่แทนทำหน้าเหมือนรู้อะไรมาวะ

“ก็ไม่มีนะครับ” ยิ้มสู้เข้าไว้ไอ้ทัช

“คิดว่าพี่ไม่รู้หรอว่าทัชไปทำงานร้านไอ้ภูมิ” นี่พี่ผมหรือสายลับวะเนี่ยไม่ก็ฝังชิพอะเอาจริง

“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าพี่แทน”

“นับหนึ่ง” ใจเย๊นนนนนนนนน

“…”

“นับสอง”

“โอเคๆ ผมผิดที่ไม่ได้บอกพี่ว่าทำงานที่นั่น”

“แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่เป็นร้านของเพื่อนไอ้ธัญ”

“พี่แทนอย่าเหมารวมกันสิ ผมไปทำงานไม่ได้มีอะไรเลยนะ” ตอนไปก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ภูมิกับพี่ธัญจะรู้จักกันอะ

“ทำแค่ที่ร้านเราก็ได้” น้ำเสียงพี่แทนเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอม อีกอย่างถ้ามาแนวนี้ผมก็มักใจอ่อนทำตามพี่แทนเสมอและครั้งนี้ก็คงไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ

“แต่ผม…”

“พี่เพิ่มค่าขนมให้” ก็เป็นซะแบบเนี้ยะ

“ชอบล่อผมด้วยเงิน เห็นผมงกหน่อยก็ล่อเก่งจริง” พี่แทนยิ้มพลางยีหัวผมเบาๆ

“จะเอาไหม”

“ไม่”

“สองเท่า”

“อะ ยอมก็ได้เห็นว่าพี่ขอร้องหรอกนะ” ไม่ได้เห็นแก่เงินที่จะเพิ่มเป็นสองเท่าหรอกจริงจริ๊ง

“ไปลาออกด้วย”

“ค้าบบบบ” ทำงานกับเขาได้ไม่ถึงเดือนก็ต้องลาออกแล้วไอ้ทัชเอ้ย

“พรุ่งนี้ยิ่งดี”

“จ้าาาาาาา”

เอาที่ท่านพี่สบายใจเลยครับผม!











...................................................





“มึงจะเอาไงต่อ”

“หางานใหม่ไง” จะไปสมัครร้านขายดอกไม้ละ ดูซิว่าพี่แทนจะให้ลาออกอีกไหม

หลังจากที่ทำตามบัญชาของท่านพี่เรียบร้อยผมก็ต้องมานั่งสอดส่องหางานใหม่ สารภาพตามตรงเลยนะครับว่าผมต้องการเงิน! เนื่องจากโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่ทุกวี่ทุกวันมันจะตายแหล่มิตายแหล่บวกกับผมอยากได้เครื่องที่มันสเปคสูงกว่าเครื่องเดิมเพื่อ…เล่นเกม

เรื่องนี้บอกพี่แทนไม่ได้เพราะว่าผมไม่ได้ทำอะไรที่มันมีประโยชน์นอกจากเล่นเกม เอ๊ะหรือผมจะไปของแม่ดีนะเผื่อแม่ให้มาสักครึ่งหนึ่งน่าจะได้ซื้อเร็วขึ้น

“มึงก็ทำที่ร้านพี่แทนแหละดีแล้ว” ไอ้โก้ว่า

ไอ้โก้ยังทำงานที่ร้านพี่ภูมิเหมือนเดิมเพราะนอกจากเจ้าของร้านจะใจดีเงินยังดีด้วย

“กูอยากได้โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่!”

“มันจะยากอะไรอีทัช มึงก็เล่นของไอ้โอ๊ตสิไอ้ปาล์มก็มี”

“มึงคิดว่าพวกมันจะให้กูเล่นหรอ” ไม่ใช่ว่าพวกมันหวงหรืออะไรนะแต่พวกมันก็เล่นเหมือนกันไงแล้วจะให้ผมเล่นตอนไหน

“ตัดปัญหาคือไม่ต้องเล่น” เกมกับกูนี่เพื่อนตายเลยนะเว้ย

“พวกมึงดูหน้ามันดิจะร้องไห้แล้วนั่น” ไอ้โอ๊ตว่าพลางเอานิ้วจิ้มแก้มผม

“เอางี้ มาเล่นของกูก่อนเก็บเงินไปเรื่อยๆ ครบเมื่อไหร่ค่อยซื้อ” ไอ้ปาล์มผู้เปรียบเสมือนฮีโร่ในใจผมพูดขึ้น

หึๆ ในที่สุดมันก็ยอมให้ผมเล่น ไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่แล้วโว้ยยย

แผนนี้เข้าท่าแฮะไม่มีงานอย่างน้อยก็มีเกมเล่น อิอิ

“โอเคปะ”

“กูว่ามันตอแหลลลล” มึงทำกูตกใจไอ้ตังงง

“ตอแหลอะไร๊” ผมว่าผมไม่มีพิรุธนะ

“เออไอ้ทัช คุณธัญถามหามึงด้วย”

เรื่องที่ผมลาออกพี่ธัญไม่รู้ซึ่งผมคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องบอกอะนะ แถมตอนนี้ก็ตรงตามความต้องการของพี่แทนที่ไม่อยากให้ผมยุ่งกับเขา

บางครั้งผมก็คิดว่ารอบตัวผมช่วงนี้ไม่มีผู้หญิงเลยมันรู้สึกหวิวๆ ยังไงไม่รู้

“ธัญไหนวะมึง”

“มึงจำตอนนั้นได้ปะ”

“ไม่ได้อะ”

“สัส ฟังกูพูดก่อนไหมล่ะ”

“ฮ่าๆ หยอกๆ ” ไอ้โอ๊ตหัวเราะชอบใจก่อนที่ไอ้โก้มันจะพูดต่อ

“ก็ตอนที่ไอ้ทัชมันอกหักแล้วเมาอ้วกใส่ใครก็ไม่รู้ไง”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนชื่อธัญวะ”

“ก็คนที่มันอ้วกใส่วันนั้นคือคุณธัญเพื่อนเจ้าของร้านที่กูกับไอ้ทัชทำงาน ซึ่งตอนนี้ไอ้ทัชก็ลาออกมาละ”

“อ๋ออออออออออ”

“ประเด็นคือเขาถามหาอีทัชทำไม อย่าบอกนะว่า…”

“กูไม่รู้” ไอ้โก้ตอบตัดบทชะไอ้ตังมันทำหน้าเสียดาย

“มีอะไรที่พวกกูยังไม่รู้ปะ”

“พวกกูแค่ไปทำงานแล้วรู้จักเขาเฉยๆ ” ผมตอบ

แล้วอยู่ๆ คำพูดพี่แทนก็เริ่มย้อนเข้ามาในหัว

บ้าน่าอย่างพี่ธัญเนี่ยนะจะมาชอบผมแล้วยังจะมีพี่ไผ่อีก ไม่จริงหรอกพี่แทนคงคิดมากไปเองนั่นแหละ

“เป็นไรมึง” ไอ้โก้สะกิดผมหลังจากที่ผมเงียบไป

“เปล่าๆ ”

“งั้นก็ช่างเรื่องนี้เหอะ ว่าแต่ตอนเย็นไปแดกหมูกะทะกันปะ”

ได้ข่าวว่าเมื่อวานเพิ่งแดกไปเองนะ

“มึงลืมไปรึเปล่าว่าเมื่อวานเพิ่งแดกไป”

“ก็กินอีกไงโก้” เสียงสองอีกละ เบื่อผัวเมียคู่นี้จริงๆ

“กูไม่แปลกใจเลยที่สภาพมันเป็นแบบนี้”

“มิน่าถึงไม่มีแฟน”

“ต๊ายยยอิพวกมีแฟน! กล้าดียังไงถึงมาว่าคนโสดแบบกูยะ” เอาล่ะครับดูท่าของจะขึ้น

“ไปแดกข้าวข้างวิลัยกัน โอเคปะ” ผมรีบหาบทสรุปให้ก่อนที่พวกมันจะตีกันและดูเหมือนว่าจะพากันเห็นด้วยกับผมยกเว้นไอ้คนที่มันเสนอหมูกะทะที่ตอนนี้หน้างอใส่พวกผมไปละ

เผื่อมึงลืมว่ามึงไม่ได้น่ารักไอ้ตัง!





“ไอ้ภูมิบอกว่านายลาออกหรอ”

พอผมเดินมาถึงที่จอดรถก็เห็นคนที่เป็นบุคคลต้องห้ามของพี่แทน

มาได้ไงวะเนี่ย

“ใช่ครับ”

“ไอ้แทนรู้แล้ว?”

“อาฮะ”

“ถ้างั้นไอ้แทนคงบอกให้นายเลิกยุ่งกับฉันด้วยสินะ” ผมแปลกใจเล็กน้อยที่พี่ธัญรู้ งั้นก็แสดงว่าคงรู้ตัวอยู่พอสมควรว่าพี่ผมไม่ชอบ

“มึงใครอะ” ไอ้ตังสะกิดผมแล้วถาม

“มานี่เลยมึงอะ” ไอ้โอ๊ตลากไอ้ตังไปอีกทางก่อนที่ผมจะหันกลับมาตอบคำถามพี่ธัญ

“ก็ใช่”

“พี่นายได้บอกเหตุผลรึเปล่าว่าทำไม”

“บอกครับ”

“วันนั้นที่ตลาดก็เป็นเพราะไอ้แทนด้วยใช่ไหม”

“ครับ…ว่าแต่ผมขอถามอะไรหน่อยสิ” พื้นฐานของผมก็เป็นอยากรู้อยากเห็นอยู่แล้วอะนะ เพราะงั้นผมคงปล่อยให้เรื่องมันคาใจอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอก

“ถามมาสิ”

“พี่แทนบอกว่าพี่สนใจผม จริงรึเปล่าครับ?”

พี่ธัญไม่ได้ตอบในทันทีแต่มองผมสักพักซึ่งผมก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด ก่อนจะตอบด้วยประโยคที่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง

.

.

“ถ้าไม่สนใจฉันจะมาอยู่ตรงนี้หรอ”






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

สงสัย  ไม่พี่ไผ่ก็พี่ธัญ หรือทั้งสองคน  ต้องเคยมีซัมธิงกับพี่แทนแน่ ๆ อ่ะ  ไม่งั้นจะห้ามอะไรขนาดนี้  หุหุ

ออฟไลน์ Windtofree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อิน้องจะทำยังไงต่อละเนี่ย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 12
คนมีเจ้าของ



“มึง หนึ่งแถมหนึ่งเอาปะ” ผมเปิดหน้าจอมือถือแล้วยื่นให้ไอ้ปาล์มดูรองเท้าที่ผมเคยเล็งไว้นานแล้วเพียงแต่ว่าตอนนั้นไม่มีเงินก็เลยไม่ได้ซื้อ

“อะไรหนึ่งแถมหนึ่ง”

“รองเท้า”

“แตะหรอ”

“โว้ยย มึงก็ดูดิเนี่ย” ผมยื่นมือถือเข้าใกล้ไอ้ปาล์มจนจะกระแทกหน้ามันอยู่ร่อมร่อ

“ใกล้ขนาดนี้กูจะเห็นไหม!” ว่าแล้วไอ้ปาล์มก็แย่งมือถือผมไปดูเอง

“สวยปะ”

“ก็สวยดี” ไอ้ปาล์มคืนมือถือให้ผมแล้วหันกลับไปสนใจหนังในทีวีต่อ

อ้าว ไม่มีอารมณ์ร่วมกับกูเลยหรอ

“ไม่หารกับกูหรอ”

“กูมีเปลี่ยนวันละคู่ มึงยังจะให้กูซื้ออีกหรอ”

เออ ก็จริงของมัน แล้วผมจะไปให้ใครหารด้วยวะไอ้โอ๊ตก็ไม่อยู่ส่วนได้ตังมันไม่ใส่แนวนี้แน่นอน แต่จะว่าไปผมยังเหลือตัวเลือกสุดท้ายนี่หว่า!

“โก้เพื่อนระ…”

“กูไม่หาร” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบไอ้โก้มันก็สวนขึ้นทันที

รักกูจริงพวกมึง!

แม่งซื้อคนเดียวก็ได้วะได้ตั้งสองคู่

ว่าแต่...มันซื้อยังไงวะเนี่ย

พูดกันตามตรงเลยนะครับตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยซื้อของทางออนไลน์เลยสักครั้ง ผมจะไม่ถูกโกงใช่ปะ

“มึง”

“ก็บอกแล้วว่ากูไม่หาร” ไอ้ปาล์มปัดมือไล่ผมอย่างไม่ใยดี

“กูแค่จะถามว่ามันสั่งยังไง”

“นี่มึงล้อกูเล่นปะเนี่ย”

“หน้ากูเหมือนคนล้อเล่นหรอ”

“หน้ามึงเหมือนคนโง่” ผมนี่แถบลุกขึ้นไปเตะไอ้โก้เลยครับ

หน้ามึงดูฉลาดตายแหละไอ้สัสส

“เออเหมือนจริง” แต่ผมว่าไอ้ปาล์มน่าจะโดนเตะก่อนนะ เพราะอยู่ใกล้ผมที่สุด

“เลิกด่าแล้วบอกวิธีกูมา”

“เอามานี้จะสั่งให้” ผมกำลังจะส่งมือถือให้ไอ้ปาล์มแต่เสียงไอ้โก้ก็ดังขึ้นมาซะก่อน

“สอนวิธีดิไม่ใช่สมัครให้ มันจะได้ไม่โง่” คนไม่รู้ไม่ได้แปลว่าโง่เว้ยย

“เออๆ มานี่” ผมขยับไปหาไอ้ปาล์มให้มันสอนวิธีสั่งของแล้วก็โอนเงินให้

มันไม่ได้ยากหรอครับแต่ประเด็นคือผมไม่เคยทำไงเลยไม่มั่นใจ อีกอย่างที่ผมไม่เคยสั่งของออนไลน์เลยเพราะกลัวโดนโกงนี่แหละ

ครั้งนี้อยากจะลองบ้าง แต่เงินที่โอนไปถ้าโดนโกงก็คงเสียดายน่าดู

ผมคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกน่า

ติงต่อง ~

“ใครมาวะ”

“อยู่ตรงนี้ด้วยกันกูจะรู้ไหมล่ะ” แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ไอ้โอ๊ตแน่นอนเพราะมันไม่จำเป็นต้องกดออดหน้าบ้านเลยด้วยซ้ำ

“ไอ้ตังไปดูดิ้” ผมหันไปบอกไอ้ตังที่กำลังนอนดูยูทูปไม่สนใจโลกภายนอกเลยสักนิด

“…” ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก…

“ไอ้ตัง!!!”

“อะไรร กูดูซีรีส์อยู่เนี่ย”

“ไปดูซิว่าใครมา”

“ทำไมต้องกูอะ”

“มึงว่างสุดละ”

“แล้วพวกมึงไม่ว่างตรงไหนนนนน”

“กูสั่งของอยู่ไง” ไอ้ตังทำปากคว่ำใส่ผมแต่ก็ยอมลุกขึ้นไปดูแต่โดยดี

ปกติไม่มีใครมาบ้านนะนอกจากพี่แทน แต่ก็มานานๆ ทีแบบนานจริงๆ อะไม่น่าจะใช่พี่แทนแน่ๆ

แล้วใครมันจะมาวะ

“ไอ้ทัชมีคนมาหา”

“หือ ใครวะ” ผมหันไปมองแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่เดินตามหลังไอ้ตังมาคือพี่ธัญ

มาได้ไงวะเนี่ย

“ทำอะไรอยู่”

“พี่มาได้ไงเนี่ย” ผมไม่ได้สนใจคำถามของพี่ธัญ แต่ถามในสิ่งที่ผมสงสัยทันที

“ขับรถมา”

“ไม่ใช่โว้ย หมายถึงพี่รู้จักบ้านผมได้ไงหรือมึงบอกไอ้โก้” ผมหันไปหาไอ้โก้ทันที

“กูเปล่านะเว้ย” ได้โก้ว่าพลางส่ายหัว

“โอ้ยยจะมายังไงก็ช่างเถอะย่ะ พี่ธัญคะเชิญนั่งเลยค่ะไม่ต้องไปฟังไอ้ทัชนะคะ”

นั่นเห็นคนหล่อหน่อยไม่ได้เลยนะไอ้นี่

พี่ธัญเดินมานั่งข้างผมพลางยื่นหน้าเข้ามาดูว่าผมทำอะไรอยู่

“สรุปพี่รู้จักบ้านผมได้ไง” ผมยังคงถามต่อ

“ขับรถตามมา” เริ่มน่ากลัวแล้วนะผมว่า

“พี่คิดจะทำอะไร”

“มาหาเฉยๆ ไม่ได้หรอ” มาทำเสียงเล็กเสียงน้อยอีกนี่ไม่ใช่พี่ธัญอะบอกเลย

“ไม่มาจะดีกว่านะพี่ผมไม่อยากมีปัญหาว่ะ”

“กับไอ้แทนน่ะหรอ มันไม่รู้หรอก”

“แต่ผมจะพูดตรงๆ นะพี่ ผม ไม่ ได้ ชอบ ผู้ ชาย” ผมย้ำทีละคำให้คนข้างๆ ฟังชัดๆ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมพูดไปเขาจะไม่สนใจเลยสักนิด

“นั่นมันเรื่องของนาย ไม่ ใช่ เรื่อง ของ ฉัน” พี่ธัญยักคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ

จะเอาแบบนี้สินะ ด้ายยย

“ไอ้ตังส่งแขกหน่อย หมดธุระแล้ว”

“หะ พี่เขาเพิ่งมาไม่ใช่หรอ”

“ไล่เลยหรอ” พี่ธัญขยับมากระซิบผม

“ผมไม่ชอบคนที่คุยไม่รู้เรื่อง” ผมไม่ได้ใจดีตลอดนะขอบอก

“ฉันไม่กลับ”

“อย่าเพิ่งกลับเลยค่ะอยู่นั่งเล่นเป็นเพื่อนตังเม อุ้ย ไอ้ทัชก่อนนะคะ”

ในเมื่ออีกคนไม่มีท่าทีว่าจะลุกไปไหนแถมยังมีไอ้ตังที่คอยสนับสนุน ไม่ไปใช่ไหมผมไปเองก็ได้เว้ย

“งั้นผมไปเอง” ว่าแล้วผมก็คว้าเสื้อแขนยาวกับกุญแจรถเดินออกจากบ้านทันที

ส่วนคนที่บอกว่าจะไม่ไปก็ตามหลังผมมาติดๆ

“เดี๋ยวทัช”

ผมมองหน้าคนที่คว้าแขนผมไว้ก่อนจะสะบัดแขนออก

“ถึงขนาดต้องหนีเลยหรอ”

“ผมบอกพี่ชัดเจนแล้วนะว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”

“แค่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ได้เลยหรอ”

“พี่ก็รู้ว่าผมไม่อยากมีปัญหากับพี่แทน แล้วอีกอย่างผม…อึดอัด” พอมารู้ว่าคนตรงหน้ารู้สึกยังไงกับผม มันก็รู้สึกอึดอัออย่างบอกไม่ถูก

" แล้วกับไอ้ไผ่ อึดอัดรึเปล่า " พี่ธัญถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

ผมไม่รู้ว่าพี่ไผ่คิดยังไงกับผมแต่ความรู้สึกมันเหมือนพี่ไผ่เป็นพี่คนหนึ่ง ถึงแม้เขาจะชอบหยอดแต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง

“เงียบแบบนี้คงไม่อึดอัดสินะ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปปล่อยให้เขาคิดเองไปเถอะ พูดอะไรไปก็ไม่ฟังผมอยู่ดี

“ถ้าเราจะคุยกันแบบพี่น้องผมโอเคนะ แต่ผมไม่ชอบที่พี่มาหาผมแบบนี้ถ้าพี่แทนรู้ไม่ใช่แค่ผมที่จะซวยแต่เป็นพี่ด้วย”

ปัญหาหลักคือพี่แทนผมก็ไม่ได้อยากจะตัดความสัมพันธ์อะไรกับพี่ธัญหรอกเพราะเท่าที่รู้จักเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหมายถึงแค่บางเรื่องอะนะ

“โอเค ฉันขอโทษที่มาหานายวันนี้แต่ฉันแค่อยากเอาของมาให้”

ว่าแล้วพี่ธัญก็เดินไปที่รถแล้วสักพักก็เดินกลับมาพร้อมกับของบางอย่างในมือ

พี่ธัญยื่นตะบองเพชรสองต้นมาทางผม

“อะไรครับ”

“ซื้อมาฝาก” ผมรับต้นตะบองเพชรจากพี่ธัญอย่างงงๆ

“ให้ผมทำไม”

“ชอบไม่ใช่หรอ” ประเด็นคือรู้ได้ไงว่าผมชอบ

“เคยเห็นซื้อ” สงสัยผมจะทำหน้าแปลกใจเกินไปล่ะมั้งพี่ธัญถึงได้พูดขึ้นมา

“ขอบคุณครับ”

“ที่จริงแค่จะเอาต้นตะบองเพชรมาให้นี่แหละ แต่กลับโดนไล่ซะได้” พี่ธัญทำหน้าเมือนน้อยใจ จนผมเริ่มจะรู้สึกผิดนิดๆ ที่ไล่เขา

แต่ผมก็ทำถูกแล้วปะก็ผมไม่อยากมีปัญหาอะ

“ให้ที่ร้านก็ได้มั้งพี่ ไม่เห็นต้องมาบ้านเลย”

“ก็ร้านมันปิด” เออว่ะ

“อ๋อ…”

“แล้ว…วันหลังมาได้รึเปล่า” ผมมองหน้าพี่ธัญนิ่งเหมือนจะเริ่มหมดความอดทน พูดไม่รู้เรื่องว่ะแม่งงง

“…”

“งั้นเจอกันที่ร้านก็ได้” ผมมองคนที่เหมือนจะสำนึกได้ว่าควรเข้าใจสิ่งที่ผมพูดได้สักที

“กลับได้แล้ว”

“ไล่อีกแล้ว”

“ก็ใครบอกให้พี่พูดไม่รู้เรื่องวะ”

“โอเคกลับก็กลับ ไว้เจอกันนะ” ผมพยักหน้าให้แล้วพี่ธัญก็เดินไปที่รถก่อนจะขับออกไป

ผมมองตามจนรถของพี่ธัญจนลับตา

มีอีกเรื่องที่พี่แทนเล่าให้ผมฟัง พี่ธัญเคยเป็นแฟนกับพี่วิน

ผมรับรู้เรื่องราวของพี่วินผ่านคำบอกเล่าของพี่แทนตอนที่เลิกกับแฟนและคนที่ทำให้พี่วินเสียสูญอยู่พักหนึ่งก็คือพี่ธัญ ไม่แปลกใจเลยที่พี่แทนจะห้ามไม่ให้ผมไปยุ่งกับพี่ธัญ เพราะถ้าเกิดหลงรักคนคนนี้ขึ้นมาอาจจะเสียใจไม่น้อยเลย

แต่ถือว่าผมปฏิเสธชัดเจนแล้วนะต่อไปจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้ด้วยล่ะ











......................................................





“คิดยังไงถึงชวนพวกกูมาเนี่ย” เสียงไอ้โอ๊ตบ่นตั้งแต่เดินเข้ามาในมหาลัยที่ตอนนี้เขาจัดกิจกรรม Open House ตอนแรกมันจะไม่มาแต่สุดท้ายพวกผมก็ลากมันมาจนได้

ถ้าตัดอคติออกไปก็จะรู้ว่ามีแต่อะไรสวยๆ งามๆ ครับ

“เอาน่า ที่นี่น่าดูกว่าในวิลัยตั้งเยอะ”

“มึงจะดูอะไรไอ้ตัง”

“กิจกรรมไง” สาบานเถอะครับว่ามันไม่ได้ดูกิจกรรมหรอก

“ถือว่ามาเปิดหูเปิดตาละกัน” ผมว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาแชทหาใครบางคนที่ผมบอกไว้ว่าจะมา

“แยกกันปะ”

“ไม่หลงแน่นะ”

“ถึงหลงกูก็หาทางกลับได้น่า”

" ฝากลากมันกลับด้วย " ผมบอกไอ้โอ๊ตแล้วชี้ไปทางไอ้ตัง ดูท่าว่ามันคงไม่อยากกลับง่ายๆ

“เออๆ เดี๋ยวถีบส่งให้”

“ถีบมาถีบกลับเด้ออ” ผมขำกับท่าทางของไอ้สองตัวข้างๆ พลางหันไปมองไอ้ปาล์มที่ทำหน้าเหมือนกับว่าจะเอาไงกับชีวิต

“แล้วมึงอะเอาไง” ผมถามไอ้ปาล์ม

“กูไปกับไอ้โอ๊ตแล้วกัน”

“กูก็ไปกับไอ้ปาล์มดีกว่า”

“นี่มึงล้อกูเล่นหรอไอ้โก้” อะไรคือจะปล่อยให้ผมไปคนเดียววะ ไม่เป็นห่วงผมก็เป็นห่วงคนที่พบเจอผมบ้างดิ…

“เอออล้อเล่นน่า แต่จริงๆ ในมหาลัยก็มีคนที่มึงรู้จักนี่ ไหนจะคุณธัญไหนจะกิ๊กไอ้แมนอีกมึงก็ลองทักหาใครสักคนดิรับรองมาอย่างไว” อย่างไวที่ว่าน่าจะเป็นระเบิดลงหัวผมมากกว่า

“พวกกูไปละ เจอกันที่บ้าน” ตอนมามาด้วยกันตอนกลับกลับคนละทางครับ วิถีผู้สำรวจก็งี้

“เออๆ เจอกัน”

ไอ้ปาล์ม ไอ้โอ๊ต ไอ้ตังเดินไปอีกทางส่วนผมกับไอ้โก้ก็กำลังหาทางไปเหมือนกันและที่สำคัญผมกำลังรอคนนำทางอยู่

“ทัชชชช” นั่นไงครับพูดถึงก็มาเลย ตายยากจริงๆ

“ไงไอริน” ผมกับไอ้โก้ยิ้มให้ไอ้รินที่กำลังเดินมาหาพวกผม

“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”

" ก็รับปากไปแล้ว "

“ไปรับปากกันตอนไหนวะ” ไอ้โก้ถามพลางทำหน้างงๆ

“ตอนที่มึงไม่รู้ไง”

“อ้าวไอ้นี่” ผมหลบฝ่ามือไอ้ไก้โดยใช้ตัวช่วยอย่างไอ้รินบังไว้

แมนไปอีก

“ยังตีกันเหมือนเดิมเลยนะ”

“ก็มันดิกวนตีน” ไอ้โก้ชี้มาทางผม

“เอาน่าเลิกตีกันก่อนนานๆ ทีจะเจอกัน”

“งั้นวันนี้คุณไอรินช่วยแนะนำมหาลัยให้พวกผมรู้จักด้วยนะครับผม” ไอ้โก้ว่าพลางยิ้มให้ไอริน

" ได้เลยค่ะ! " ว่าแล้วไอรินก็ควงแขนทั้งผมแล้วก็ไอ้โก้ก่อนจะเดินไปชมบู๊ทแต่ละบู๊ททันที

และแน่นอนบู๊ทแรกต้องเป็นคณะที่ไอรินเรียนอยู่นั่นก็คือคณะนิเทศ

“นี่คือคณะนิเทศที่ฉันเรียนอยู่”

“สาวสวยๆ เยอะแน่ๆ ”

“แน่นอน ฉันนี่แหละคนหนึ่ง” อยากเถียงก็เถียงไม่ได้ครับเพราะสวยจริง

ไอ้โก้ส่ายหน้าเอือมๆ พลางมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย

ส่วนมากคนที่มาร่วมกิจกรรมก็จะเป็นเด็กมอปลายดูจากบรรยากาศแล้วทำให้รู้สึกถึงตอนที่ผมอยู่ในช่วงมอปลายเหมือนกันแฮะ ปีที่แล้วก็เคยมาแต่สุดท้ายก็ค้นพบว่าตัวเองเหมาะที่จะอยู่ที่ไหน

“เด็กมอปลายนี่ดีเนาะมึง”

“อะไรดี”

“หน้าตา”

“กูว่าละอย่างมึงไม่พ้นเรื่องพวกนี้หรอก”

“หรือมึงว่าไม่ดี”

“หึ โคตรดีเลยล่ะ ฮ่าๆ ” ผมหันไปแท็กทีมกับไอ้โก้ก่อนจะพากันหัวเราะร่วน

“นิสัยนี่ยังไม่เปลี่ยนกันอีกหรอ” เวลาไม่ทำให้อะไรมันเปลี่ยนไปไวขนาดนั้นหรอกครับโดยเฉพาะคนอย่างพวกผม อิอิ

“มันเป็นคาแรคเตอร์”

“หรออออ”





หลังจากที่รินพาผมกับไอ้โก้เดินรอบๆ งานเราก็มาหยุดอยู่ที่โรงอาหารของคณะนิเทศและถ้าผมจำไม่ผิดพี่ธัญก็เรียนคณะนี้นี่หว่า

แล้วผมจะนึกถึงเขาทำไมวะ

จะว่าไปหลังจากที่เอาต้นตะบองเพชรมาให้ผมวันนั้นก็ไม่เห็นหน้าอีกเลย ไม่ได้ไปที่ร้านผมด้วยสงสัยคงจะล้มเลิกความตั้งใจไปแล้วมั้ง

ก็อย่างว่าแหละครับมาเล่นๆ ก็งี้

“กินไรกัน” รินเอ่ยขึ้นขณะที่เราหาที่นั่งได้เรียบร้อยแล้ว

“มีเมนูแนะนำปะ แบบว่าเด็ดเลยอะ” ไอ้โก้ถาม

“อืมมมมมมม ไม่มีอะปกติไม่ได้กินที่นี่”

“โถ่ ไรเนี่ยคณะตัวเองยังไม่รู้เลยว่ามีอะไรอร่อย” ไอ้โก้ว่าพลางดูเมนูส่วนผมก็มีเมนูในใจอยู่แล้วครับ

“ห้องน้ำไปทางไหนอะริน”

“เดินตรงไปทางนั้นแล้วก็เลี้ยวซ้ายอะ” ผมมองตามที่รินชี้ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ฝากสั่งคะน้าหมูกรอบด้วยนะ” ผมก็หันไปพูดกับไอ้โก้แล้วเดินไปทางที่รินบอกทันที

ก่อนจะเดินไปถึงห้องน้ำสายตาผมก็เหลือบไปเห็นคนที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามากอดแขนแล้วพี่ธัญก็ยีหัวพลางยิ้มให้

สนใจผมงั้นหรอ? ตลกดีแฮะ

อย่าไปใส่ใจเลยน่าไอ้ทัช เขาไม่มาวุ่นวายกับมึงก็ดีแล้ว

ผมเลิกคิดอะไรไร้สาระแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างที่ตั้งใจมาตั้งแต่แรก เรื่องของพี่ธัญผมรู้จากพี่แทนหมดแล้ว จริงๆ ผมไม่ได้ตัดสินใครเพราะคำพูดหรอกนะมันต้องเห็นด้วยตาและได้ยินกับหูตัวเองมากกว่าซึ่งผมก็ได้เห็นแบบที่พี่แทนเคยบอกไว้

บางทีเขาอาจจะไม่ได้จริงใจกับใครจริงๆ นั่นแหละ

“ทัช”

“อ้าวพี่ไผ่ หวัดดีครับ” ขณะที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เจอกับพี่ไผ่เข้าพอดี

จะว่าไปพี่ไผ่ก็เรียนนิเทศนี่หว่า บังเอิญจังวะ

“มางาน Open House หรอ”

“ครับ”

“มากับใครล่ะ”

“แก๊งผมอะพี่” ผมมองพี่ไผ่ที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่ค่อนข้างเรียบร้อยและดูแปลกตาไปอีกแบบ

“กินข้าวรึยัง”

“กำลังสั่งครับ พี่ล่ะ”

“ยังเลย”

“งั้นไปกินด้วยกันปะพี่”

“ทัชชวนทั้งทีพี่จะพลาดได้ไงล่ะ” พี่ไผ่ยิ้มให้ผมอย่างเคย ก่อนที่ผมจะยิ้มกลับและเดินนำพี่ไผ่ไปโต๊ะที่มีไอ้โก้กับรินนั่งรออยู่

" งั้นตามผมมาเลยครับ "

" ยังใจดีเหมือนเดิมเลยน้า "

พี่ไผ่ชอบบอกว่าผมใจดีทั้งที่ผมก็ไม่ได้ใจดีอะไรหรอกแค่ไม่ได้ทำร้ายใครแค่นั้นเอง และผมหวังจะไม่มีใครมาทำร้ายผมเหมือนกัน

ผมกับพี่ไผ่ค่อนข้างสนิทกันมากขึ้นเนื่องจากเราคุยกันทางไลน์เกือบตลอด จนทำให้รู้จักกันในระดับหนึ่ง

แต่เห็นพี่ไผ่ดูเป็นคนชิลๆ กับชีวิตแบบนี้แต่จริงๆ แล้วเขามีอะไรมากกว่านั้นนะ





“มึงเรียกเขามาหรอ” ไอ้โก้หันมากระซิบผมเบาๆ

“เรียกห่าไรล่ะกูบังเอิญเจอหน้าห้องน้ำ”

“พรหมลิขิต” ขีดเขี่ยอะดิ

“ถ้าคุณธัญมาด้วยคงจะสนุกนะ มึงว่าปะ” รายนั้นคงไม่มาโผล่แถวนี้แล้วล่ะ

“กินข้าวแล้วจะไปไหนต่อกันครับ” พี่ไผ่ถามขึ้นเมื่อพวกเราเริ่มจะอิ่มกันแล้ว

“รินว่าจะพาสองคนนี้ไปเดินดูงานอีกสักหน่อยค่ะ” รินพูดพลางยิ้มให้พี่ไผ่

รินน่าจะรู้จักพี่ไผ่อยู่แล้วเพราะเรียนอยู่คณะเดียวกัน อีกอย่างผมว่าพี่ไผ่ก็คงเป็นที่รู้จักอยู่พอสมควร เพราะดูจากสายตาที่มองมาก็น่าจะตอบได้เป็นอย่างดี

“งั้นพี่ขอไปด้วยคนนะ พี่ว่าง...”

“ว่างเก่งจังนะคะพ่อคุณ”

“พายด์” พวกผมหันไปมองคนมาใหม่อย่างงงๆ รวมถึงพี่ไผ่ด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ สวย มาก!

สวยแบบมีออร่า สวยแบบสง่า สวยแบบจับต้องไม่ได้อะทุกคนนนน

“ไผ่ลืมนัดอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”

“นัด? นัดอะไรหรอ” พอพี่ไผ่พูดแบบนั้นคนที่ยืนอยู่ก็ทำหน้างอนๆ ซึ่งมันแอคแทคมากกกกก

โอ้ว ไอ้ทัชคนนี้หัวใจจะวาย น่ารักเหลือเกินแม่เอ้ย

“ไปกินข้าวบ้านพายด์ไง”

“เห้ย ลืมไปเลยอะ”

“ตลอดอะ” คนอะไรยิ่งมองยิ่งน่ารัก

“พี่คงไปด้วยไม่ได้แล้วนะ ไว้เจอกันใหม่เนาะ” ประโยคสุดท้ายพี่ไผ่หันมายิ้มให้ผมแล้วเดินไปพร้อมกับพี่คนสวยคนนั้นทันที

แต่อยู่ตรงนี้นานกว่านี้จะได้ไหม~~~

“สวย ชิบ หาย” ไอ้โก้ก็อาการไม่ต่างจากผมเท่าไหร่

“โคตรๆ ”

“ใครอะริน แฟนพี่ไผ่หรอ” ไอ้โก้ถามอย่างสนอกสนใจ

“ไม่ใช่แฟน”

“เพื่อนกันสิะ”

“นั่นก็ไม่ใช่อะ”

“อ้าวแล้วเป็นไรกันอะ น้อง?”

“คู่หมั้น” OMG! อิจฉาโว้ยยย

แต่ถ้าพี่ไผ่มีคู่หมั้นแล้ว แล้วไอ้แมนล่ะเคยกิ๊กกันอยู่ไม่ใช่หรอวะ

“แต่พี่ไผ่อะ เจ้าชู้มากกกกกก” รินเล่าต่อ

“แล้วพี่คนสวยไม่รู้หรอ” ผมถาม

“เห็นคนอื่นบอกว่ารู้นะแต่ไม่ได้ว่าอะไรอะเป็นคนที่ใจกว้างโคตรๆ ” มันมีด้วยหรอวะคนที่ยอมให้แฟนตัวเองมีกิ๊กเนี่ย

“แต่พี่ไผ่ก็แคร์คนนี้มากนะ เอาจริงๆ คนนี้ก็สำคัญกว่าทุกคนอะ”

สวยขนาดนั้นเป็นผม ผมก็แคร์อะ

“แล้วอีกเรื่องหนึ่งพูดแล้วก็พูดเลยเถอะ มีคนที่เป็นไม้เบื่อไม่เมากับพี่ไผ่อยู่คนนี้ก็ไม่ต่างกันแต่ไม่ค่อยอยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ควงคนนั้นทีคนนี้ทีถ้าไม่หล่อไม่รวยนะโดนด่าแม่ไปแล้ว” รินพูดแบบอินสุดๆ ไม่ชอบคนเจ้าชู้ก็จะอินประมาณนี้แหละครับ

“ใครอะ”

“ชื่อธัญ เรียนปีเดียวกับพี่ไผ่นี่แหละแต่พวกนายไม่น่าจะได้เห็นหรอกคงไม่มางานอะไรแบบนี้” ผมกับไอ้โก้มองหน้ากันโดยอัตโนมัติ มันจะใช่คนเดียวกันรึเปล่าวะ

แต่ผมว่าที่รินพูดถึงก็คือพี่ธัญที่ผมรู้จักนั่นแหละ คงไม่มีคนชื่อซ้ำหรอก

ดูเหมือนว่าคนรอบตัวผมจะไม่มีใครพูดถึงสิ่งที่ดีๆ ของคนสองนั้นเลยนะ เอ๊ะ! หรือว่าจะไม่มีสิ่งดีๆ ให้พูดถึงกันแน่นะ

…สงสัยจะเป็นอย่างหลังนั่นแหละ









“ขับรถดีๆ มึง”

“เออๆ เจอกันมึง”

ผมขี่รถออกจากบ้านเดอะแก๊งมุ่งตรงไปบ้านของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าและผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอยากกลับบ้านตอนนี้ อารมณ์คิดถึงอาหารฝีมือแม่อยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาเป็นผลทำให้ผมต้องขี่รถกลับบ้านเวลานี้แต่ไม่ได้บอกคนที่บ้านนะ เก็บไว้เซอร์ไพรส์ดีกว่า

กลางคืนรถไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่แต่มันก็ยังมีอยู่เลยทำให้ผมค่อนข้างจะขี่เร็วนิดนึงซึ่งนั่นก็ทำให้ผมไม่ทันระวังรถที่กำลังออกมาจากซอยด้วยความเร็วไม่แพ้กัน...



เอี๊ยดดดดดดด โครม!!!



สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือแสงไฟจากท้ายรถคันที่ผมชนก่อนทุกอย่างจะมืดดับไป...






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชนรถใคร?   สงสัยจะเป็นรถอิตาธัญ

ประมาณว่า  บุพเพฯ ได้อีก  อิอิ

ออฟไลน์ Mitaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
คะ..ค้างเติ่งตัดจบได้ทำร้ายจิตใจมากกก  o22  55
ทั้งพี่ไผ่ทั้งพี่ธัญดูไว้ใจไม่ได้ซักคน จะจีบน้องทัชหรอฝันไปก่อนเถอะ 

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 13
Thay'Part


มีไม่กี่อย่างในชีวิตที่ทำให้ผมร้อนรนและกระวนกระวายใจได้มากขนาดนี้และต้นเหตุก็มาจากคนที่ผมมักจะแวะเวียนไปเจอหน้าอยู่บ่อยๆ

ผมวิ่งมาหยุดอยู่หน้าห้องที่พยาบาลบอกมาก่อนหน้านี้ มือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูกลับถูกใครบางคนคว้าไว้ซะก่อน

“จะทำอะไร” ผมมองเจ้าของมือก่อนจะสะบัดมันออกทันที

ไอ้ไผ่ อีกแล้วหรอวะ

“เรื่องของกู”

“มึงแหกตาดูข้างในดิ้” ผมมองเข้าไปในห้องก่อนจะพบว่าไอ้แทนอยู่ในนั้นด้วยนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าทำไมไอ้ไผ่ถึงยืนอยู่ตรงนี้

เข้าไปก็คงโดนไล่ออกมาสินะ

“รีบจนลืมเอาสมองมาด้วยรึไง ทะเล่อทะล่าเข้าไปเดี๋ยวก็โดนไอ้แทนไล่ออกมาหรอก” เถียงไม่ออกครับยอมรับว่าผมเป็นห่วงทัชจนลืมคิดหน้าคิดหลัง

ผมมองเข้าไปข้างในเห็นทัชที่ยังยิ้มได้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา อย่างน้อยน้องก็ไม่เป็นอะไรมากล่ะวะ

“หึๆ ” ผมหันไปมองคนที่เหมือนจะขำอะไรสักอย่างอยู่ไม่ไกล

เป็นอะไรของมันอีกล่ะนั่น ผีเข้าผีออก

ผมไม่ได้สนใจว่าไอ้ไผ่มันจะขำอะไรเพราะสิ่งที่สนใจคือคนที่นั่งอยู่บนเตียงในห้องมากกว่า

ผมรู้เรื่องทัชเกิดอุบัติเหตุจากเพื่อนของทัช นั่นทำให้ผมต้องรีบขับรถมาที่นี่ด้วยความเป็นห่วง

แต่จะว่าไปไอ้ไผ่มันมาได้ยังไง มันรู้จากใคร ที่สำคัญมาก่อนผมอีกต่างหาก

“มึงชอบทัชหรอ” ผมถามไอ้ไผ่ แต่อยู่ๆ มันก็กระชากแขนผมให้เดินตามไปอีกทาง ผมจะไม่ตามมันไปเลยถ้าหากคนในห้องไม่ได้กำลังจะเดินออกมา

ผมกับไอ้ไผ่เดินมาหลบอีกมุมหนึ่งเพื่อไม่ให้ไอ้แทนเห็นไม่งั้นโดนไล่ตะเพิดแน่ ในชีวิตไม่คิดว่าจะได้มาหลบๆ ซ่อนๆ อะไรแบบนี้เลยครับ ทั้งที่เป็นคนเปิดเผยแท้ๆ

“นี่กูเป็นชู้กับเมียชาวบ้านรึไง” และคงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกที่คิดแบบนี้

ไอ้ไผ่ทำหน้าเซ็งก่อนจะเดินออกจากมุมที่หลบอยู่เมื่อไอ้แทนเดินไปแล้ว

“กูถามทำไมไม่ตอบ”

“ถามอะไร”

“มึงชอบทัชหรอ”

“มึงก็น่าจะรู้ดีนะ ไม่เห็นจะต้องถามกูเลย” ก็ถูกของมันถ้ามันอยู่ตรงนี้แปลว่ามันก็ไม่ต่างจากผม แต่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าชอบทัชจริงๆ แต่กับมันผมว่าไม่น่าจะใช่ มันแค่สนุกมากกว่า

ผมเดินตามหลังไอ้ไผ่มาติดๆ แต่ก่อนที่มันจะเปิดประตูเข้าไปผมก็ชนมันแรงพอที่จะทำให้มันพ้นประตูได้

“โทษที” ไอ้ไผ่จ้องผมเขม็งก่อนจะยิ้มออกมา

“อยากเข้าไปก่อนก็ไม่บอก เข้าไปดิ” ไอ้ไผ่พยักเพยิดให้ผมเปิดประตูเข้าไป ถึงมันไม่บอกผมก็เข้าไปอยู่แล้วล่ะ

ผมเปิดประตูเข้ามาก็พบว่าทัชอยู่คนเดียว เรียกได้ว่าทางสะดวกแต่ที่ไม่สะดวกก็เพราะมีไอ้คนข้างหลังนี่แหละ

“เป็นยังไงบ้างทัช”

“อ้าวพี่ไผ่ พี่…ธัญ” ทัชทักไอ้ไผ่อย่างร่าเริงแต่พอเห็นผมกลับทำหน้าแปลกใจ

ผมไม่ได้พูดอะไรได้แต่สำรวจร่างกายของอีกคนที่ดูรวมๆ แล้วไม่ได้ร้ายแรงเท่าไหร่ ใบหน้ามีรอยแผลเล็กน้อยกับขาข้างซ้ายที่พันแผลเอาไว้ ซึ่งเจ้าตัวดูจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองต่างจากผมที่พอรู้ว่าทัชเกิดอุบัติเหตุก็รีบมาหาทันที

เห็นแบบนี้ก็สบายใจแล้วล่ะอย่างน้อยทัชก็ยังยิ้มได้ แต่ประเด็นคือทำไมต้องยิ้มให้ไอ้ไผ่วะ!

“ซ่านะเราอะ”

“โถ่ ก็มันเพลินอะพี่”

“เพลินจนรถล้มเนี่ยนะ”

“ฮ่าๆ ”

บทสนทนาที่ดูเหมือนสนิทสนมกันของทั้งคู่ทำให้ผมนึกแปลกใจว่าไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน ไอ้ไผ่มันมาหาทัชบ่อยขนาดที่เข้ากันได้ดีขนาดนี้เชียวหรอ

แต่...จะเรียกว่าผมเป็นหมาหัวเน่าก็คงเหมาะกับตอนนี้อยู่

ผมปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันแล้วเดินมานั่งที่โซฟามองดูไอ้ตัวแสบที่ดูอารมณ์ดีเกินกว่าจะเป็นคนป่วย นั่นทำให้ผมยิ้มตามถึงแม้จะหงุดหงุดที่ต้นเหตุของรอยยิ้มมาจากไอ้ไผ่ แต่ผมคงไม่ทำตัวเสียมารยาทพูดแทรกในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันหรอก และถ้าต้องตีกับไอ้ไผ่คงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา



“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาหาใหม่นะ” กลับได้สักทีนะมึงอะ

“ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องมาก็ได้นะพี่ผมเกรงใจ”

“สำหรับทัชพี่ว่างเสมอแหละ”

“งั้นครั้งหน้าขอของกินมาด้วยนะครับ ฮ่าๆ ”

“ถ้าไอ้แทนมันเลี้ยงไม่ดีบอกพี่” ว่าแล้วไอ้ไผ่ก็เอื้อมมือทำท่าจะยีหัวทัชแต่ผมคงไวกว่ามันเพราะรู้สึกตัวอีกทีมือผมก็คว้ามือข้างนั้นของมันไว้แล้ว

ผมปล่อยให้มันคุยกับทัชได้ก็จริงแต่ไม่ปล่อยให้มันทำอะไรได้นอกจากคุยแน่ๆ

“โอ๊ะ เกือบลืมเลยแฮะว่าอยู่นี่ด้วย” ไอ้ไผ่สะบัดมือผมออกก่อนจะหันมามองผม

“จะกลับแล้วก็ไปดิ”

“พี่กลับแล้วนะทัช” ไอ้ไผ่ทำหน้ากวนตีนใส่ผมก่อนจะหันไปบอกลาทัชพร้อมกับยิ้มปลอมๆ ของมัน

ปลอมทั้งใจทั้งรอยยิ้มแหละมันน่ะ

“อยากด่าก็ด่ากูมาตรงๆ ด่าในใจมันไม่มันส์นะมึง” ก่อนจะเดินออกไปก็ไม่วายหันมากระซิบผมพร้อมกับตบไหล่ซึ่งผมก็ได้แต่ปัดมือมันออก จะให้ผมด่ามันตรงๆ หรอเหนื่อยเปล่าๆ

พอผมปัดมือไอ้ไผ่ออกมันก็หัวเราะแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างคนอารมณ์ดี

“พี่กับพี่ไผ่ก็ดูเข้ากันดีนะ”

“ตรงไหน”

“เหมือนกันไง” ผมเข้าใจทันทีว่าทัชหมายถึงอะไร เหมือนกันก็จริงแต่ไอ้เรื่องที่เข้ากันได้ผมว่าไม่ใช่แล้ว

“ทำไมทีกับไอ้ไผ่ไม่เห็นไล่มันเลย”

“ทำไมต้องไล่อะ” ท่าทางที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรทำให้ผมเดินไปหาทัช

“แล้วทำไมกับพี่ถึงไล่” ผมใช้มือข้างหนึ่งคล่อมตัวทัชเอาไว้ก่อนจะโน้มตัวลงไปใกล้ๆ

“อะไรของพี่เนี่ย”

“พี่ถามทำไมถึงไล่พี่” ทัชมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจแล้วผลักผมออก

“ก็พี่บุกไปที่บ้านผมไง” เหตุผลฟังไม่เข้าท่าเลยสักนิด

ทำไมต้องเป็นผมที่โดนไล่อยู่คนเดียวล่ะทั้งที่ไอ้แทนก็ไม่น่าจะโอเคกับพวกผมทั้งสองคนอยู่แล้ว

“อย่าไล่พี่อีกเลยนะ” ผมมองทัชด้วยสายตาจริงจังจนทำให้ทัชเริ่มทำตัวไม่ถูก

ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรก็จริงแต่ไม่มีใครอยากให้คนที่เราชอบเฉยชาใส่หรอกครับโดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้

“ก็… ไม่ได้ตั้งใจไล่สักหน่อย แต่ถ้าพี่แทนมาเจอผมไม่รู้ด้วยนะ”

“ที่แท้ก็เป็นห่วงเองหรอ”

“หะ”

“ทัชเป็นห่วงว่าไอ้แทนจะเจอพี่เลยทำเป็นไล่ใช่ไหม” พอผมพูดจบทัชก็ทำหน้าเอือมใส่ทันที แกล้งคนป่วยนี่มันสนุกจริงๆ นะครับ

“เหอะๆ คิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็แล้วแต่นะพี่”

ผมยื่มมือไปยีผมอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะโดนเจ้าตัวจ้องเขม็งนั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้างเข้าไปอีก

“ลืมกินยาปะพี่ยิ้มอะไรขนาดนั้น แล้วก็แทนตัวเองว่าพี่ทำไมอะฟังแล้วขนลุก”

“ทีไอ้ไผ่ยังแทนตัวเองว่าพี่ได้เลย”

“พี่ไปยุ่งอะไรกับพี่ไผ่นักหนาเนี่ย ไม่ถูกกันไม่ใช่รึไง”

“ก็แล้วทำไมมันพูดได้แล้วพี่พูดไม่ได้ล่ะ”

“โว้ยยยย จะพูดอะไรก็พูดเถอะไม่ยุ่งด้วยแล้ว!” ทัชเอาผ้าห่มคลุมหัวตัวเองทันทีที่พูดจบ

คงเหนื่อยที่จะพูดกับผมล่ะมั้ง

“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว ออกมาเร็ว” ถึงผมจะบอกว่าไม่แกล้งแต่ทัชก็ยังไม่ยอมเอาผ้าห่มออก

ผมคงต้องเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีอื่นแล้วล่ะมั้ง

“หิวรึเปล่า”

“…”

“อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้”

“…” ยังไร้การตอบรับอีกเหมือนเคย

“ถ้ารำคาญพี่ขนาดนั้น…”

“อยากกินโก้โก้ปั่น” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบไอ้ตัวแสบก็โผล่หัวออกมาจากผ้าห่มทันที

“เอาอะไรอีกไหม”

“…ขนมปังปิ้ง”

“แค่นี้?” ทัชทำหน้านึกอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้า

อย่างน้อยของกินก็ช่วยทำให้ทัชยอมคุยกับผมล่ะนะถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจก็เถอะ

“เร็วๆ นะพี่ หิว”

แล้วทีถามเมื่อกี้ทำเป็นเล่นตัว ไอ้ตัวแสบเอ้ย

.

.

ใครจะไปคิดล่ะครับว่าคนที่ไม่เคยแม้แต่จะง้อใครแต่กลับต้องค่อยเอาใจแถมยังอาสาไปซื้อของให้เขาอีกด้วย ผมคงเป็นหนักมากๆ แล้วล่ะ











….……………………………………………………



“กูได้ข่าวว่าช่วงนี้ไอ้ไผ่มันยุ่งๆ กับเรื่องที่บ้านนะ คงไม่มีเวลาไปทำคะแนนแข่งกับมึงหรอก”

“ได้ข่าวมาจากไหนวะ”

“กูใคร กูภูมินะเว้ยอยากรู้อะไรก็รู้หมดแหละ”

“พ่อคนกว้างขวางงง”

“เรื่องที่บ้านนี่เรื่องอะไรวะ” ผมถามไอ้ภูมิอย่างสงสัย

“อันนี้ก็ไม่รู้ว่ะ มึงก็รู้ว่าบ้านมันมีหน้ามีตาทางสังคมจะตายคงไม่พ้นเรื่องที่มันควงผู้ชายนั่นแหละ” ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้ภูมิว่าจริงๆ ผมคงจะอารมณ์ดีขึ้นเยอะที่จะไม่มีไอ้ไผ่มาก่อกวนให้หงุดหงิดเล่นๆ

“สรุปคือจีบคนเดียวกันอีกแล้วหรอ เห้ยไอ้ภูมิ มึงว่าครั้งนี้ใครจะชนะวะ”

“ก็ต้องเป็นไอ้ธัญอยู่แล้ว”

“แต่กูได้ยินว่าทัชดูสนิทกับไอ้ไผ่มากกว่านี่หว่า” ไอ้โซพูดทำเอาคิ้วผมกระตุก จะย้ำทำไมวะ

“แต่กูว่าไอ้ธัญ ไม่งั้นก็ไม่ติดทั้งคู่”

“กูว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่านะ” ผมมองไอ้เพื่อนสองคนที่มันคุยกันข้ามหัวผมก่อนจะตบหัวคนที่อยู่ใกล้ผมที่สุดนั่นก็คือไอ้โซ

“โอ้ย! ตบหัวกูทำไมเนี่ย” ไอ้โซลูบหัวตัวเองปรอยๆ พลางมองผมอย่างเคืองๆ

“ขอบคุณที่พวกมึงสนับสนุนกูเป็นอย่างดีไง”

“แล้วทำไมไม่ตบไอ้ภูมิบ้างอะ” ดูมันหาพรรคพวกสิครับ

“หัวมันแข็งตบไปก็เจ็บมือ ตบมึงนี่แหละหัวอ่อนดี”

“ไอ้สัสธัญ!” ชอบนักล่ะครับเวลาไอ้โซมันโมโหเพราะมันดูตลกมากว่าน่ากลัว

“มึงก็อย่าไปแกล้งมันเยอะ ยิ่งหัวอ่อนอยู่”

“ไอ้ภูมิ!” ไอ้โซโดดไปล็อคคอไอ้ภูมิอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ได้คิดเลยว่าตอนนี้อยู่ในผับไม่ใช่สนามเด็กเล่น

“เดี๋ยวกูมา”

“ไปไหนวะ” ไอ้โซปล่อยคอไอ้ภูมิแล้วหันมาถามผม

ผมชี้ไปทางโก้ที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนที่ไอ้โซจะพยักหน้ารับ

วันนี้ผมว่าจะแวะเข้าไปหาทัชสักหน่อยแต่ก่อนจะไปต้องดูก่อนว่าไอ้แทนอยู่ด้วยไหม ไม่อยากปะทะกับมันเสียเวลาเปล่าๆ

“ไงโก้”

“อ้าวคุณธัญ หวัดดีครับ” ผมพยักหน้ารับ

“วันนี้จะไปหาทัชรึเปล่า”

“ไปครับ พอดีพี่แทนไม่ว่างผมเลยกะว่าจะไปนอนเฝ้ามัน” เข้าทางผมเลยแฮะ

อย่างนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอล่ะนะ

“เอารถมารึเปล่า ถ้าไม่ได้เอามาเลิกงานแล้วไปกับฉันก็ได้”

“คุณธัญจะไปเยี่ยมไอ้ทัชหรอครับ”

“อืม”

“ไม่เป็นไรครับผมเอารถมา คุณธัญไปหาไอ้ทัชเถอะครับป่านนี้คงเหงาน่าดู”

ผมไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะปล่อยให้โก้ทำงานของตัวเอง

วันนี้ทางสะดวก ผมควรไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า

“แล้วนี่มึงจะไปไหน”

“ไปหาทัช”

“ไปหาเขาเช้าเย็น แถมยังไปซื้อของให้เขาอีกเพื่อนกูมาถึงจุดนี้ได้ไงวะเนี่ย”

ผมไม่สนใจเสียงไอ้โซรีบเดินออกมาจากร้าน ขับรถตรงไปโรงพยาบาลที่ทัชรักษาตัวอยู่ทันที







ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาเลยครับบบ” เสียงสดใสของคนในห้องทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ ขนาดเจ็บตัวยังร่าเริ่งได้อีกนะไอ้ตัวแสบ

“เป็นไงบ้าง”

“สบาย หายห่วง แล้วทำไมมาเวลานี้อะพี่มันดึกแล้วนะ”

“เผื่อคนป่วยแถวนี้หิวไง” ผมชูถุงเซเว่นที่มีขนมปังปิ้งอยู่ข้างในให้ทัชดู และดูเหมือนเจ้าตัวจะตาวาวขึ้นมาทันทีหลังจากที่รู้ว่ามันคืออะไร

“ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะพี่” ปากบอกขอบคุณแต่ตาจ้องถุงในมือผมไม่วางตา

“อยากกินอะไรก็บอกครั้งหน้าจะซื้อมาฝาก”

“เกรงใจว่ะพี่” ผมมองไอ้ตัวแสบที่ดูจะมีความสุขททุกทีที่มีของกินเข้าปาก

รู้งี้จะซื้อของกินมาล่อทุกครั้งเลยจะได้ไม่ด่าเวลาผมเข้าใกล้

ผมนั่งมองทัชอย่างเพลินๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเปิดประตูซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นโก้ที่เพิ่งมา แต่พอหันไปดูกลับเป็นคนที่ผมคิดว่าจะไม่มาแล้ว

ไอ้แทนยืนมองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่ได้ดีใจที่เห็นผมอยู่ที่นี่

เอาแล้วไง ไหนบอกว่าจะไม่มาวะ

“พี่แทน…ไหนว่าไม่มาไงครับ”

“พี่ลืมของน่ะ” ไอ้แทนเดินมาหยิบมือถือตรงโซฟาก่อนจะเดินมาหาผม

“ออกไปคุยกับกูหน่อย” ผมหันไปมองทัชที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่เลือกที่จะเงียบไว้

ผมเดินตามไอ้แทนออกมาอย่างว่าง่าย ไหนๆ ก็จะคุยกันแล้วก็เปิดอกคุยกันเลยดีกว่า

“กูจะพูดกับมึงตรงๆ นะ เลือกยุ่งกับน้องกูซะ” ผมกับไอ้แทนเดินออกมาห่างจากห้องของทัชพอสมควรก่อนที่ไอ้แทนมันจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“กูชอบน้องมึง”

“นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือมึงต้องเลิกยุ่งกับน้องกู”

“กูขอโอกาส” ผมเลือกที่จะพูดออกมาตรงๆ อย่างน้อยมันก็แสดงถึงความจริงใจของผม

“กูไม่ให้” แววตาฉายความไม่พอใจอย่างชัดเจนซึ่งผมก็เข้าใจดีว่ามันยากที่จะทำให้ไอ้แทนยอมรับ

“กูชอบน้องมึงจริงๆ ไม่ได้คิดจะมาหลอกอย่างที่มึงเข้าใจ” ขอแค่ได้เจอได้คุยกันก็พอ เพราะถ้าด่านไอ้แทนว่ายากแล้วใจของทัชก็คงยากกว่าหลายเท่า

“มึงจะให้กูเชื่อหรอ ดูสิ่งที่มึงเคยทำกับเพื่อนกูสิสุดท้ายแล้วเป็นไง มึงทำเพื่อนกูเจ็บแค่ไหนมึงรู้ตัวรึเปล่าแล้วคิดว่ากูจะยอมให้น้องกูไปยุ่งกับคนอย่างมึงเนี่ยนะ ถ้าฝันอยู่ก็ตื่นซะนะไอ้ธัญ”

ผมไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้นเพราะทั้งหมดที่ไอ้แทนพูดมามันคือความจริง คงต้องโทษตัวเองที่พอจะจริงจังกับใครก็สายเกินไปที่จะทำให้เขามาเชื่อใจเราได้

“กูเตือนมึงแล้วนะ ถ้าหากว่ามึงยังมายุ่งกับน้องกูอีกมึงก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นแม้กระทั่งเงาของน้องกู”

ครั้งนี้มันต่างกันตรงที่ผมชอบน้องมันจริงๆ คงเป็นผลกรรมที่ผมเคยทำไว้กับคนอื่นล่ะมั้ง

ผมยอมรับนะแต่ไม่ยอมแพ้หรอก

.

.

ผมมองไอ้แทนที่เดินกลับเข้าห้องไป พลางคิดว่ามันคิดจริงๆ หรอว่าจะหยุดคนอย่างผมได้ สิ่งที่ผมสนใจคือความรู้สึกของทัชเท่านั้น ตราบใดที่ทัชไม่ได้เกลียดผมก็อย่างที่ว่านั่นแหละผมไม่ยอมแพ้หรอก และอีกอย่างผมไม่มีทางยอมให้ไอ้ไผ่เข้าใกล้ทัชได้ฝ่ายเดียวแน่ มันอันตรายยิ่งกว่าผมซะอีก

ส่วนเรื่องไอ้แทนผมคงต้องจัดการตามสถานการณ์ไป ถ้ามันคิดจะหยุดคนอย่างผมก็ต้องเหนื่อยหน่อยแล้วล่ะ



ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องไอ้แทนก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับส่งมือถือมาให้ผม

“กลับไปได้ละ” ผมรับมือถือของตัวเองจากไอ้แทน

“ไว้เจอกัน” ผมยิ้มให้ไอ้แทนที่หน้าตาไม่ได้คล้อยตามไปกับผมสักนิดก่อนจะเดินออกมา

“ใครจะไปอยากเจอคนอย่างมึง”

แต่ก็ไม่วายได้ยินสิ่งที่ไอ้แทนพูดอยู่ดี

.

.

ใครจะไปรู้ล่ะบางทีมันอาจจะอยากเจอคนอย่างผมก็ได้ เพราะอนาคตไม่มีอะไรแน่นอนหรอก








CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมทัชเนื้อหอมจัง?

บุคลิกทัช ไม่น่าดึงดูดให้บรรดาเมะมาชอบได้เลยนา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สนุกดีครับ มาต่ออีกนะครับ,,,

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 14
รักได้ป่าว




“เปลี่ยนหัวกันไหมมึง”

“มึงเป็นกระสือหรอ”

“ก็ดูคนที่เข้าหามันแต่ละคนดิ หน้าอย่างหล่อบ้านอย่างรวย” ผมส่ายหัวให้กับความคิดไอ้ตัง

หลังจากที่ผมเล่าเรื่องของพี่ไผ่กับพี่ธัญแล้วก็ยังเรื่องคำสั่งจากท่านพี่ให้เดอะแก๊งฟัง พวกมันก็ทำหน้าตาไม่ต่างจากผม ไอ้หน้าตาที่คิดว่าทำไมต้องเป็นกูวะ ทำไมต้องมาทำให้ชีวิตกูยุ่งยากด้วย

“แล้วมึงรู้สึกยังไงวะ”

“มึงหมายถึง?” ผมหันไปถามไอ้โก้

“มึงหวั่นไหวกับใครในสองคนนี้” หวั่นไหวงั้นหรอ มันไม่เหมือนเวลาผมอยู่กับผู้หญิงนี่หว่าแต่ที่แน่ๆ คือขนลุกแหละอย่างแรก

“ขนลุก”

“กับ?”

“พี่ธัญ” ไอ้โก้ทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่างแล้วหันไปมองเดอะแก๊ง

“มึงมีปฏิกิริยากับพี่ธัญ” ไอ้ตังว่า

ไอ้ขนลุกเนี่ยนะมันนับด้วยหรอวะ

“แต่กูว่านะจะมีหรือไม่มีก็ไม่น่าคบทั้งสองอะดูจากที่เล่ามา แต่ละคนไม่ธรรมดาเลยนะมึง” ไอ้ปาล์มออกความเห็น

“มึงว่าเพื่อนมึงธรรมดา ใสๆ งั้นหรอ”

“เออว่ะ อันนี้น่าคิด”

“แต่กูว่ามีไว้ก็ไม่เสียหายนะอย่างน้อยก็เอาไว้เป็นอาหารตาอิอิ” เอาเข้าไป

“กูว่าต้องมีการทดสอบว่ะ” ไอ้โอ๊ตว่า

“เดี๋ยว พวกมึงลืมอะไรไปรึเปล่ากูไม่ได้ชอบเขานะเว้ย” จะมาทดสอบเหมือนลองใจคนที่ชอบแบบนี้ไม่ได้นะ

“อย่างน้อยก็จะได้รู้ไงว่ามาไม้ไหน จริงใจรึเปล่า”

“ส่วนเรื่องพี่แทนนะ เดี๋ยวพวกกูดูลาดเลาให้เอง”

“กูว่าพวกมึงสนุกแหละเอาจริงๆ ” เหมือนหาเรื่องทำแก้เบื่อมากกว่าอะผมว่า

“เออน่าเชื่อมือพวกกู จะช่วยมึงเลือกคนที่จริงใจเอง” ไอ้โอ๊ตตบบ่าผมเบาๆ

วุ่นวายกว่ามีผู้ชายมาชอบก็เดอะแก๊งผมรู้เรื่องนี่แหละ ไม่ได้การละผมจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้

แต่จะว่าไปทั้งสองคนก็มีแฟนอยู่แล้วนี่หว่า ไม่ต้องพิสูจน์หรือทดสอบอะไรแล้วมั้งมันก็เห็นชัดๆ อยู่แล้วว่าไม่มีใครจริงใจกับผม

แม่งเห็นผมเป็นอะไรวะ

“เขามีแฟนแล้วนะพวกมึง”

“ใครวะ”

“พี่ไผ่กับพี่ธัญ”

“เชี่ย…”

“มีแฟนแล้วแต่ยังมายุ่งกับมึงเนี่ยนะ”

“หรือเราไม่ควรเล่นกับไฟวะ”

“พวกล่าแต้มแหงๆ ”

“แล้วถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเลิกกับแฟนเพื่อมึงล่ะ” ผมกับเดอะแก๊งหันไปมองไอ้โก้ที่เพิ่งพูดประโยคเมื่อกี้ออกมา มันทำหน้าจริงจังซะจนเหมือนกับว่าที่มันพูดจะเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นแหละ

“มึงหมายถึงยอมทิ้งทุกคนเพื่อไอ้ทัชน่ะหรอ”

“ใช่”

“งั้นก็เอาเลยมึง” ไอ้ห่านี่ก็ยุให้กูเอาอยู่นั่นแหละ

“พวกมึงก็รู้ถ้ากูชอบ กูไม่มานั่งคิดอะไรแบบนี้หรอก”

เพราะถ้าผมชอบใครสักคนผมคงไม่ต้องมานั่งเล่าให้เดอะแก๊งฟังแบบนี้ และถ้าผมชอบใครสักคนในสองคนนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมคงหาเหตุผลให้ตัวเองได้ว่าทำไมถึงต้องเป็นคนนั้น ทำไมผมถึงมองข้ามสิ่งที่คนอื่นห้ามผมนักหนา...







ไม่เคยมีใครน่ารักเท่ากับเธอ เจอกี่ครั้งก็ยังละเมอ

ยอมให้เธอได้ทุกอย่าง ให้ฉันรักได้ป่าว~~~

ผมนอนมองเพดานฟังเพลงในมือถืออย่างคนไม่มีอะไรทำ จะเดินก็ไม่ได้เพราะขาข้างที่เจ็บก็ยังไม่หายดี ซ่ากว่านี้คงไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลง่ายๆ แน่

แต่สิ่งที่กวนใจผมตอนนี้ก็คือเรื่องของพี่ไผ่กับพี่ธัญ พี่ไผ่ผมค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรแต่กับพี่ธัญ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่นะ แค่ปั่นหัวผมเล่นงั้นหรอ

“เฮ้ออออ แล้วทำไมกูต้องมาคิดเรื่องพวกนี้ด้วยวะ” ผมทึ้งหัวตัวเอง

ปกติก็ไม่ได้เป็นคนคิดมากนะแต่อยู่ๆ มาคิดมากทำไมวะเนี่ยยย

ผมมองรอบๆ ห้องที่ไม่มีใครนอกจากผมก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองประมาทจนเกิดเรื่องก็ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะเถียงเวลาพี่แทนพูด แถมยังโดนกำชับเรื่องพี่ธัญอีก เรื่องนั้นผมจะไปทำไรได้วะก็เขามาหาผมเองอะ

เป็นคนป่วยนี่มันน่าเบื่อจริงๆ!

กลุ้มใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่สน~~~

เสียงเพลงที่เปิดอยู่ถูกแทนที่ด้วยเสียงริงโทน ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางอยู่โต๊ะซึ่งไม่ไกลจากเตียงมากนัก

ผมมองเบอร์แปลกๆ ก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับ”

‘นี่พี่เองนะ’ ผมมองดูหน้าจออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่เบอร์คนรู้จัก ก็ไม่ใช่เบอร์พี่แทนนี่หว่า แล้วพี่ไหนวะ

“ใครครับ”

‘พี่ธัญ’ พอปลายสายพูดชื่อเท่านั้นแหละ ผมก็อ๋อทันที

“เอาเบอร์ผมมาจากไหนเนี่ย”

‘ไอ้ภูมิ ตอนนี้อยู่กับใคร’

“ทำไม จะมาหาผมหรอ” ผมถามกวนๆ

‘ใช่ ไอ้แทนไม่อยู่ใช่ไหม’ ดูเหมือนจะระแวงพี่แทนไม่น้อยเลยแฮะ

“ไม่อยู่ครับ ถ้าอยู่ผมจะคุยกับพี่ได้หรอ”

‘ก็ดี แล้วจะกินไรไหมพี่จะซื้อไปให้’

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ อีกอย่างไม่ต้องมาน่าจะดีกว่านะ” อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะผมว่ามันก็แฟร์ๆ ทั้งสองฝ่าย ควรสงบศึกกันไว้ดีกว่า

‘ทำไม กลัวไอ้แทนบ่นหรอ’ พูดเหมือนถูกบ่นแล้วมันดีเนาะ

“แน่นอนสิพี่ ลองมาโดนบ่นแทนผมไหมล่ะ”

‘ก็ได้นะ’ กวนตีนผมอีกแม่ง ใครจะไปรู้ว่าช่วงนี้จะเปลี่ยนจากแกล้งผมเป็นเอาใจผมชนิดที่ว่าต้องบอกให้พักก่อน

นี่ผมยังคิดไม่ออกเลยนะว่าพี่ธัญมาชอบผมตอนไหน ใครกำลังเล่นตลกอะไรกับผมอยู่รึเปล่าวะ

แต่คนที่น่าจะตอบได้ดีที่สุดก็คงเป็นคนในสายนี่แหละมั้ง



สักพักประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับคนที่ผมเพิ่งวางสายไปได้ไม่นาน ในมือพี่ธัญมีของที่ผมชอบอยู่ด้วย

นี่คือผลของการที่บอกไม่ให้มาสินะ

“เบื่อไหม”

“เบื่อดิพี่ อยู่โรง’ บาลนะไม่ใช่ผับจะได้คึกครื้น” พี่ธัญขำผมเล็กน้อยก่อนจะยื่นถุงของกินมาให้ผม แต่ผมมีคำถามซึ่งอยากถามเขามากว่าที่จะมาสนใจของกิน

“พี่ทำดีกับผมทำไม” ไม่เกริ่นหรืออ้อมค้อมให้เสียเวลา เพราะเรื่องนี้ยิ่งยืดเยื้อก็ไม่เกิดผลดีต่อใครทั้งนั้น

“จีบ” สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ

“ทั้งที่พี่มีแฟนอยู่แล้วเนี่ยนะ เอาจริงๆ นะพี่ผมพยายามมองพี่ให้ดีสุดๆ แล้วนะ แต่ผมคิดว่าพี่ก็คงไม่ต่างจากที่ใครเขาพูดกัน”

“ทัชใจเย็นก่อน พี่ไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”

“จะไปรู้กับพี่หรอ” พอผมพูดจบพี่ธัญก็ยิ้มออกมา นี่ผมดูไม่จริงจังขนาดนั้นเลยหรอ

“พี่ไม่ได้มีแฟน ยอมรับก็ได้ว่ามีคนควงแต่ถ้าทัชไม่โอเคพี่จะเลิกคุยให้หมดเลย”

เดี๋ยวนะทำไมพูดเหมือนกับว่าผมไปหึงเขาอย่างนั้นล่ะ ทั้งที่มันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่ ที่ผมจะหมายถึงคือถ้าพี่มีแฟนแล้วก็อย่ามาจีบใครมั่วๆ แบบนี้สิ” ไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างตัวเองกับแฟนของพี่ธัญ

“พี่ไม่มีแฟนนะทัช” พี่ธัญพูดแล้วมองผม สายตาที่ดูเหมือนว่าพูดความจริงทำให้ผมหันไปมองทางอื่น ผมไม่ชินกับสายตาแบบนี้ของพี่ธัญเลยจริงๆ

“เพื่อความสบายใจพี่จะเลิกคุยให้หมดเลย” เพื่อความสบายใจของใครวะ อย่ามาทำเหมือนว่าผมหึงพี่ได้ไหมล่ะ

“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเว้ย”

“ทัชหมายความว่าแบบนั้นแหละพี่รู้” รู้ดี รู้ไปหมด ผมล่ะยอมใจจริงๆ

ผมยัดของกินเข้าปากแก้เซ็งยิ่งเห็นหน้าเจ้าของสิ่งที่กินอยู่ยิ่งเหนื่อยใจ ชีวิตไม่สงบสุขแล้วไอ้ทัชเอ้ย

“อร่อยไหม”

“เริ่มไม่อร่อยแล้วพี่”

“หึๆ ” ช่วงนี้คุณเขาอารมณ์ดีแหละครับ แต่ผมจะเป็นประสาท

“ทัช” ผมมองพี่ธัญ แต่ผมไม่สามารถขานรับได้เพราะตอนนี้ของกินยังเต็มปากอยู่เลย

แต่แล้วก็ไม่มีประโยคใดเล็ดลอดออกมาจากปากคนตรงหน้ามีเพียงรอยยิ้มที่ส่งมาและผมบอกได้แค่ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นของพี่ธัญ

พี่ธัญไม่ยิ้มบ่อยแต่ก็ไม่ใช่คนยิ้มยากขนาดนั้น ไม่มีใครชอบคนที่หน้าตึงตลอดเวลาหรอกครับ ผมก็เป็นแบบนั้น ผมชอบรอยยิ้มมากกว่า

.

.

“ครั้งหน้าไม่ต้องถามอีกแล้วนะว่าพี่ทำไปทำไม ทั้งหมดที่ทำก็เพราะชอบทัชนั่นแหละ”

สักพักประโยคที่ทำให้ของกินแทบจะติดคอผมก็ถูกเอ่ยออกมาจากปากพี่ธัญ

ให้ตายเถอะ ผมอยู่ในจุดที่มีผู้ชายมาบอกชอบซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ได้ยังไง!









….……………………………………………..



“พวกมึงจะมานอนเฝ้ากู? ทุกคนเนี่ยนะ” ผมมองเดอะแก๊งที่พากันหอบข้าวของเข้ามาในห้อง

พวกมึงจะรักกูมากไปรึเปล่า ห้องก็ไม่ได้ใหญ่นะเว้ย

“ก็ใช่ไง นี่เป็นครั้งแรกที่มึงนอนโรง’ บาลหลายวัน พวกกูกลัวมึงเหงา”

“มึงบอกความจริงกูมา”

“พยาบาลน่ารักอ่าา กูอยากเจออีก” ผมแทบจะปาหมอนใส่ไอ้ปาล์มแต่นึกได้ว่าตัวเองพิงอยู่ก็เลยยั้งมือทัน

ผมว่าแล้วไงดูหน้ามันดิ มีความห่วงใยผมซะเมื่อไหร่

“พวกกูก็เป็นห่วงมึงนั่นแหละ ว่าแต่พี่ธัญกับพี่ไผ่จะมาปะ” ไอ้นี่ก็อีกคนหวังมาส่องผู้ชายอีกละ

“พอเลยพวกมึง ว่าแต่นั่นอะไรวะ” ผมชี้ไปยังถุงที่ไอ้ตังถือมา

“อุ้ย ลืมเลย ของฝากจากสาวที่มึงเคยไปม่อไว้ไง”

“ใครวะ”

“พลอย ออกแบบ” ผมอ๋อทันทีที่นึกถึงเจ้าของชื่อ พลอยเป็นคนที่ผมเคยแวะเวียนไปขายขนมจีบอยู่ช่วงหนึ่งแล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปแผนกนั้นอีกเลย ไม่ยักรู้ว่าเธอจะมีน้ำใจซื้อของมาเยี่ยม

หรือว่าจริงๆ แล้วเธอมีใจให้ผมกันแน่นะ

“คิดไปไกลแหละกูว่า เขาแค่เอาของมาเยี่ยมมึงย่ะ” ไอ้ตังดับฝันผมซะไม่เหลืออะไรเลย

ไอ้ตังวางของฝากจากพลอยไว้โต๊ะก่อนที่ผมจะหยิบมันขึ้นมา ข้างในเป็นคุกกี้และมีโน๊ตใบหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย

ข้างในเขียนว่าให้ผมหายป่วยไวๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมา

“กูว่านะ มึงมีแฟนสิจะได้ตัดปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้” ไอ้โก้พูดขึ้น

เรื่องนี้ผมก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน

“นั่นดิ พอมึงมีแฟนเขาคงไม่มายุ่งกับมึงแล้วล่ะ” ไอ้โอ๊ตเสริม

“ถึงกูจะเสียดายนะ แต่ที่พวกมันพูดก็ถูกหล่อยังไงถ้าไม่ดีก็ไม่ควรเอานะมึง” ทีเมื่อกี้ยังอยากเจอเขาอยู่เลยนะมึง

“ช่างเรื่องนี้เถอะพวกมึง มาๆ กูเอาของกินมาเพียบ” ไอ้ปาล์มว่าพลางปูเสื่อแล้วจัดการขนของกินออกมา

ถึงขนาดเอาเสื่อเอาที่นอนมาเลยนะ ที่สำคัญคือเอากีตาร์มาทำไมก่อน

“ไอ้โอ๊ตมึงเอากีตาร์มาทำไม”

“ก็เอามาดีดไง มึงจะให้กูเอามาวางของกินหรอ”

“นี่โรง’ บาลนะมึง เขาห้ามส่งเสียงดัง”

“เออว่ะ กูลืมเลยงั้นเก็บไว้ก่อนก็ได้”

ว่าแล้วไอ้โอ๊ตก็เดินมาพยุงผมลงจากเตียง แล้วผมจะนั่งเสื่อยังไงง เจ็บขาเนี่ย

“เดี๋ยวกูแนะนำสาวๆ ให้”

พอจัดแจงทุกอย่างเสร็จไอ้ปาล์มก็พูดขึ้น ผมมองมันพลางยัดของกินใส่ปาก

แต่ผมยังสลัดคำพูดพี่ธัญออกจากหัวไม่ได้เลย จีบผมเนี่ยนะ ต่อให้ตีลังกาคิดก็ยังไม่เห็นถึงความสมเหตุสมผลของเรื่องนี้เลย

“ไอ้ทัช ไอ้ทัช!”

“หะ”

“มึงฟังกูปะเนี่ย”

“ไอ้ปาล์มมึงก็เบาๆ เสียงหน่อย” ไอ้โก้หันไปเอ็ดไอ้ปาล์มก่อนที่มันจะยกมือขึ้นทำท่าโอเค

“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ”

“กูบอกว่า พลอยน่าจะสนใจมึงให้มึงลองจีบดูใหม่” ตอนจีบไม่สนใจตอนจะไปมาเสียดายนะคนเรา

แต่ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนสนใจ

.

.

“ไปเจอผู้หญิงบ้างเถอะ กูเริ่มจะคิดแล้วนะว่ามึงชอบผู้ชาย”

เหอะ! จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะผมเนี่ยนะจะชอบผู้ชาย




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
จะเป็นไงต่อละครับทีนี้,,,

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 15
Move



ผมนั่งซ้อนท้ายรถไอ้โก้จนรู้สึกง่วงเพราะไม่ว่าจะขี่วนยังไงก็ยังไม่ถึงที่หมายสักที อีกอย่างท้องไส้มันก็เริ่มประท้วงแล้ว

เมื่อไหร่ถึงว่ะเนี่ย!

“มึงจำทางไม่ได้ใช่ไหมไอ้ตัง” พอจอดรถที่คิดว่าถึงแล้วแต่มันก็ยังไม่ใช่ที่หมาย

ไอ้โก้ถามไอ้ตังเหมือนจะเริ่มหงุดหงิดที่ขี่วนอยู่หลายรอบแต่ยังไม่ถึงสักที

“กะ...กูน่าจะลืมอะ แฮ่”

“ทำไมมึงไม่บอกตั้งแต่แรก พาพวกกูขี่วนทำไมเนี่ย”

“ใจเย็นน่าพวกมึงง กูโทรหาเฮียแปป” ผมว่ามันควรทำแบบนี้ตั้งแต่วนรอบแรกแล้วนะ ปล่อยให้เสียเวลาอยู่ได้ เดี๋ยวก็โมโหหิวกันหมดพอดี

สักพักไอ้ตังก็วางสายพร้อมกับทำท่าโอเค ถ้าครั้งนี้ยังไม่ถึงมึงโดนแน่ไอ้ตัง

จุดมุ่งหมายที่ผมและเดอะแก๊งจะไปก็คือร้านหมูกะทะเปิดใหม่ซึ่งเจ้าของร้านก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่ชายของไอ้ตังที่มันเรียกเฮียเมื่อกี้นั่นแหละ

เหตุผลที่มาคือผมเพิ่งออกจากโรง’ บาลเดอะแก๊งจึงพามาฉลอง เอาง่ายๆ คือต่างคนต่างอยากแดกนั่นแหละที่พาผมมาฉลองนั่นเป็นข้ออ้างชัดๆ

หลังจากที่อยู่โรง’ บาลผมก็รับรู้ถึงความน่าเบื่อที่ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียงทั้งวัน ถ้าวันนั้นไม่ประมาทคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ครั้งนี้คงเป็นบทเรียนให้ผมได้ดีทีเดียว

ให้ทายว่าเรื่องนี้โดนพี่แทนบ่นไปกี่วัน ทั้งยังมีเรื่องพี่ธัญกับพี่ไผ่อีกแต่ผมสังเกตได้อย่างหนึ่งจากพี่แทน พี่แทนพุ้งเป้าไปที่พี่ธัญมากกว่าพี่ไผ่อย่างเห็นได้ชัดซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพราะเหตุผลอะไรกันแน่

“ถึงสักที แม่งขี่รถหาร้านจนหิวไปหมดแล้ว” เสียงจากไอ้โอ๊ตทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง

ผมก้าวขาลงรถที่มีไอ้โก้เป็นคนขี่ มันไม่ยอมให้ผมขี่ครับเพราะกลัวว่าผมจะซิ่งอีกจึงได้แต่นั่งซ้อนท้ายอย่างสงบเสงี่ยมจนมาถึงร้านแบบนี้

“นี่ยกพวกมาพังร้านกูหรอ”

“หวัดดีครับเฮีย” พวกผมยกมือไหว้เฮียไอ้ตังอย่างพร้อมเพียง

ภายนอกที่ดูแล้วไม่แตกต่างจากไอ้ตังเพียงแต่สูงกว่า เอาจริงๆ นะถ้าได้ตังมันเป็นผู้ชายก็ดูท่าจะหล่อใช้ได้เพราะเฮียมันก็หน้าตาดีเลยทีเดียวผิดแต่ว่าหนวดที่อยู่บนหน้านั้นทำให้ดูโหดขึ้นมานิดนึง

“แหมเฮีย พูดให้เกียรติหุ่นอันแสนบอบบางของน้องหน่อยสิคะ”

“มึงนั่นแหละตัวดี” ผมแทบขำกับท่าทางจริงจังของเฮีย ส่วนไอ้ตังก็ฮึดฮัดไปตามฉบับของมัน

แต่ตอนนี้ผมรู้สึกหิวมากกกกก

“ว่าแต่ให้พวกผมนั่งโต๊ะไหนอะเฮีย” ผมถาม

“ตามกูมาๆ พวกมึงมาช้ากูจะย่างแดกเองอยู่ละ” อยากจะบอกว่าเป็นเพราะน้องสุดที่รักของเฮียพาหลงนั่นแหละ

พวกผมนั่งโต๊ะที่เฮียจองพร้อมกับตั้งเตาไว้ให้เรียบร้อย แค่เห็นก็อดใจไม่ไหวแล้วว เนื้อที่รักมาให้พี่กินซะดีๆ!

“อันนี้ฟรีปะ”

“ฟรีอะไรยะ ของซื้อของขาย”

“เปิดร้านใหม่ไง ไม่เลี้ยงหน่อยหรอ”

“ไปเคลียร์กับเฮียกูเลยจ่ะ” ผมว่าจ่ายเองน่าจะง่ายกว่าไปเคลียร์กับเฮียแกนะ

ผมลืมบอกไปเลยเฮียไอ้ตังชื่อหมอก ทุกคนคงจำได้ใช่ไหมว่าชื่อเล่นจริงๆ ของไอ้ตังชื่อเมฆ ผมว่าชื่อมันก็เพราะนะแต่อย่างว่าแหละมันคงแมนไปสำหรับมันอะ



หลังจากได้อยู่กับของกินต่างคนก็ต่างก้มหน้าก้มตาจัดการกับเนื้อในจานของตัวเองไม่มีใครสนใจจะคุยกันเลยสักนิด ลักษณะอย่างนี้คือหิวในระดับมากถึงมากที่สุดครับ ผ่านไปสักพักก็จะเกิดอาการรักเพื่อนเริ่มแบ่งอาหารให้กันเพราะมันกินไม่หมด

ตอนนี้ผมก็เริ่มจะสนใจที่จะเงยหน้าดูบรรยากาศในร้านแล้ว คนค่อนข้างเยอะเพราะมันเป็นร้านที่เปิดใหม่ แต่ผมติดใจอยู่อย่างหนึ่งนะว่าร้านจะเปิดเพลงเศร้าอะไรนักหนาวะ นั่งฟังมาหลายเพลงละเนี่ยจะให้ลูกค้าแดกหมูกะทะกับน้ำตารึไง ใครเศร้าๆ นี่คือร้องไห้แล้วนะผมว่า

“กูสามารถบอกเฮียมึงเปลี่ยนเพลงได้ปะวะ” ผมหันไปถามไอ้ตัง

“กูไม่แน่ใจว่ะ กูกำลังสงสัยว่าเฮียแม่งจะโดนเมียทิ้ง” ไอ้ตังมาหันมากระซิบอย่างกับว่าถ้าพูดปกติเฮียมันจะมาได้ยิน

“กูก็รู้สึกเศร้าไปด้วยละเนี่ย”

“แต่เพราะดีนะมึง แบบนี้แหละได้บรรยากาศดี” มันได้จริงๆ หรอวะ

มันก็เพราะนะแต่มันไม่เข้ากับอารมณ์มีความสุขของผมงายยยย

ผมเลิกสนใจเรื่องนี้แล้วคีบหมูเข้าปากพลางมองลูกค้าที่เดินเข้ามาใหม่

“นั่นมันพลอยนี่หว่า” คนที่ทักไม่ใช่ผมแต่เป็นไอ้ปาล์ม

ผมไม่ลังเลที่จะโบกมือเรียกพลอยพร้อมกับเพื่อนของเธออีกสองคน ผมรู้แล้วว่ารู้สึกขาดอะไรไปคงเป็นเพราะที่โต๊ะไม่มีผู้หญิงนี่แหละมันถึงดูกร่อยแบบนี้

“อ้าวทัช”

“หวัดดี มากันสามคนหรอ”

“อื้อ เห็นว่ามีร้านเปิดใหม่แถวนี้เลยลองมาดู” พลอยยิ้มให้ผมอย่างสดใสซึ่งมันก็สดใสจริงๆ ดีกว่านั่งมองหน้าไอ้พวกนี้ตั้งเยอะ

“นั่งด้วยกันไหม” ผมถามซึ่งก็อยากให้นั่งด้วยกันแหละ

พลอยหันไปมองเพื่อนอีกสองคนก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าให้ผม แล้วผมจะรออะไรล่ะครับ

“เฮียต่อโต๊ะหน่อยครับ” ผมตะโกนบอกเฮียแล้วจัดแจงที่นั่งให้สามสาวทันที และแน่นอนว่าพลอยนั่งข้างผม

“ขอบคุณสำหรับของเยี่ยมนะ”

“ไม่เป็นไร แล้วนี่อาการเป็นไงบ้าง”

“ดีขึ้นมากแล้ว แต่ไอ้พวกนี้ยังไม่ยอมให้เราขี่รถอะ” แอบเซ็งที่ไม่ได้ขี่รถนะครับแต่ก็เข้าใจถึงความเป็นห่วงของพวกมันแหละ

“พอสาวมาแล้วลืมพวกกูเลยนะ”

“แดกไปเลยมึงอะ” ผมปาผักบุ้งใส่ไอ้โอ๊ตอย่างนึกหมั่นไส้ ทีเมื่อกี้ก้มหน้าก้มตาแดกนะมึงแล้วตอนนี้ทำมาเป็นสนใจกู

“ตามสบายเลยนะครับสาวๆ มื้อนี้ไอ้ทัชเลี้ยงเอง” หางานขายหน้าให้กูหรอแม่ง

ผมได้แต่หันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับสาวๆ ทั้งสามคน ส่วนของกูยังจะเอาไม่รอดยังจะให้ไปเลี้ยงคนอื่นอีกหรอ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า จะมาให้คนเพิ่งหายป่วยเลี้ยงได้ไงล่ะ” ใช่ที่สุดเลยครับ

“ไอ้โอ๊ตนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเนาะ” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้โอ๊ต มันเบ้ปากใส่ผมแล้วหันไปจัดการหมูในจานต่อ

พอจัดแจงโต๊ะเสร็จเราต่างกินไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน ทั้งพลอยและผมดูเหมือนจะคุยกันเยอะกว่าตอนที่ผมไปจีบเธอซะอีก ก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ เธอถึงหันมาสนใจผมได้ แต่มันอาจจะดีก็ได้เพราะตอนนี้ผมก็เริ่มอยากคุยกับใครสักคนแบบจริงจังอยู่เหมือนกัน

พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วหน้าพี่ธัญก็ลอยเข้ามาในหัวจนน่าแปลกใจ แบบนี้ไม่ถูกสิ ทำไมต้องนึกถึงเขาด้วยวะ

“ทัชเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมอยู่ๆ ถึงเงียบไปล่ะ”

“เปล่าๆ ” จะให้ผมบอกพลอยว่ากำลังนึกถึงผู้ชายที่มาจีบก็คงไม่ใช่ละ

“ไม่ให้เราไปส่งแน่นะ” ผมถามพลอยขณะที่พวกเรากำลังจะแยกย้ายกันกลับ

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเรากลับกับเพื่อน”

“งั้นกลับดีๆ นะ” ผมยิ้มให้พลอยกับเพื่อนของเธอก่อนจะโบกมือให้ทั้งสามสาวที่เดินไปยังรถของตัวเอง

“มองๆ ” ไอ้โก้กอดคอผมพลางมองตาม

“อะไรของมึง กลับกันเถอะ”

“เขินหรอ แค่นี้เขิน” ใครบอกว่าผมเขินวะ ผมรำคาญที่มันแซวต่างหาก

“ถ้าเป็นพลอยกูเชียร์นะมึง นิสัยดีอยู่”

ผมก้าวขาซ้อนท้ายรถไอ้โก้ก่อนจะตบหมวกกันน็อคที่มันใส่อยู่เป็นเชิงบอกให้ไปได้แล้ว

ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าอยากหาคนคุยจริงจังแต่ทำไมมันไม่รู้สึกอินด้วยเลยวะ หรือจริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากคุยกับใครแค่อยากหาคนมาเป็นไม้กันหมาแค่นั้นรึเปล่า









….………………………………………………..



“ไอ้ทัชเอาขยะไปทิ้งหน่อย”

“ใช้กู?”

“เออ ใช้มึงนั่นแหละ”

“เออ เดี๋ยวกูไปเดี๋ยวนี้แหละ” พอผมพูดจบเสียงหัวเราะของไอ้โก้ก็ดังตามมา อยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ได้ในเมื่อตอนนี้มีผมว่างอยู่คนเดียว หน้าที่เอาขยะไปทิ้งก็คงไม่พ้นผม

ผมแบกถุงขยะที่ค่อนข้างจะหนักพอสมควรมาทิ้งแต่ก่อนที่จะได้หันหลังกลับก็มีอะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากข้างถังขยะ

“เหี้ย!”

“ไม่ใช่เหี้ย นี่คนต่างหาก”

ผมมองพี่ธัญอย่างตกใจที่อยู่ๆ ก็โผล่ออกมา

“พี่มาทำอะไรที่ข้างถังขยะเนี่ย”

“รอทัชไง” ผมควรตกใจอะไรก่อนดีระหว่างพี่ธัญมารอผมกับโผล่ออกมาจากข้างถังขยะเนี่ย

“รอผมทำไม” ผมมองพี่ธัญก่อนจะอดขำไม่ได้ ไหงคุณชายถึงมาป้วนเปี้ยนในที่แบบนี้ได้ล่ะ

“ไปกินข้าวกัน”

“แล้วทำไมต้องมาทำลับๆ ล่อๆ แถวนี้อะพี่” ลงทุนไปรึเปล่าวะ

“พี่เข้าร้านไม่ได้ ไม่รู้รึไงว่าไอ้แทนมันห้ามพี่เข้าร้าน” เดี๋ยวนะ มันต้องขนาดนี้เลยหรอวะ นี่พี่แทนเอาจริงหรอเนี่ย

“พี่ก็เลยต้องมาหลบอยู่ข้างถังขยะเนี่ยนะ”

“ก็เพิ่งมาตอนเห็นทัชเดินออกมานี่แหละ” เอ็นดูความพยายามของพี่เขานะครับแต่ก็อดขำไม่ได้ ภาพวันแรกที่เจอกันกับวันนี้มันช่างต่างกันเหลือเกิน คุณชายที่ดูเหมือนหยิ่งๆ คนนั้นหายไปไหนแล้วนะ

แต่ก็ดีแล้วล่ะพี่ธัญในตอนนี้ดูเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อก่อนแถมยังเข้าหาผมก่อนด้วย แต่จะว่าไปทำไมผมถึงพูดเหมือนจะภูมิใจกันล่ะเนี่ย

“พี่ก็ยังจะมาชวนผมไปกินข้าวอีกเนาะ”

“ก็อยากกินข้าวด้วย”

“ผมไม่ว่าง”

“พี่รู้ว่าทัชว่าง ไปกินข้าวกับพี่เถอะนะ” น้ำเสียงอ้อนแบบนั้นมันอะไรกัน

ไปไม่เป็นเลยกู ช่วยผมด้วยผมต้องโดนผีหลอกแน่ๆ

“เงียบแสดงว่าตกลง พี่จะรออยู่แถวนี้เลิกงานแล้วเจอกันนะ” ตกลงกับตัวเองอีกแล้ว

มัดมือชกสุดๆ

ผมส่ายหัวกับพฤติกรรมของคนตรงหน้าแล้วเดินเข้าร้านไปโดยไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะยิ้มกว้างแค่ไหน

“ไอ้โก้ล่ะครับ” พอเข้าร้านมาผมก็มองหาไอ้โก้ที่เมื่อกี้มันยังใช้ผมอยู่เลย

“ออกไปเมื่อกี้อะ” พี่แนนตอบ

เดี๋ยวนะ ผมมากับมันแล้วมันกลับก่อนคืออะไรวะ

“หมายถึงกลับบ้านหรอพี่”

“ใช่จ่ะ ก็เลิกงานแล้วนี่” ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่าไอ้โก้มันไม่ได้ลืมผมมมม

มึงลืมรึเปล่าว่ากูซ้อนท้ายมึงมาาา

“แล้วทัชจะกลับเลยรึเปล่า”

“กลับได้ไงล่ะพี่ ไม่มีรถเนี่ย”

“อ้าว วันนี้ไม่ได้เอารถมาหรอ” ผมส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ เห็นทีต้องใช้ตัวเลือกสุดท้ายที่เจอข้างถังขยะแล้วล่ะมั้ง







ผมเดินเข้ามาในร้านอาหารอย่างอารมณ์ดีโดยมีคนที่เป็นเจ้ามือเลี้ยงในวันนี้เดินตามหลังมา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ธัญ คนที่ผมติดรถมากินข้าวแล้วก็จะกลับบ้านด้วย เห็นได้ชัดว่าได้ประโยนช์ทั้งผมและพี่ธัญ

“จะกินร้านนี้จริงๆ หรอ” แน่นอนว่าเป็นคำถามที่คนถามดูอยากให้ผมตอบว่า ไม่ มากกว่าใช่ชะอีก

ร้านที่ผมมาเป็นร้านอาหารอีสานที่มีอาหารอีสานเกือบทุกอย่าง ผมเคยมาลองแล้วบอกเลยว่าแซ่บ

“ผมลืมไปว่าพี่คงกินอาหารแบบนี้ไม่ได้” ผมว่าพลางทำท่านึกขึ้นได้

“จริงๆ ก็…ลองดูก็ได้”

ผมแอบขำกับหน้าตาพี่ธัญปากบอกว่าลองดูแต่สีหน้าคืออยากเดินออกจากร้านมาก

อย่าหาว่าผมแกล้งเลยนะ ผมก็แค่อยากกินร้านนี้จริงๆ อะ อิอิ

“พี่จะกินไร”

“ทัชเลือกเถอะ” พอหาที่นั่งได้แล้วผมก็เตรียมจดเมนูไปให้แม่ครัว ถามคนตรงหน้าก็ไม่ได้รับคำตอบอย่างที่คาดไว้ก็แน่ล่ะพี่ธัญไม่เคยกินอะไรสักอย่างนี่นา

งั้นก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะคัดสรรเมนูที่ผมได้เลือกแล้วว่าอร่อยมาให้พี่ธัญได้ลอง แต่พี่ธัญจะกินได้ไหม อันนี้ก็ต้องรอดูครับ

“ที่จริงเราเปลี่ยนร้านก็ได้นะพี่” ผมแสร้งทำเป็นพูดเห็นใจคนที่นั่งบอกบุญไม่รับอยู่ตรงหน้าทั้งที่ความจริงแล้วจะเปลี่ยนร้านตอนนี้ก็คงไม่ทันเพราะผมเขียนเมนูไปให้แม่ครัวเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ทันแล้วล่ะ”

“ฮ่าๆ ” ผมหลุดขำออกมาทันทีที่พี่ธัญพูดจบ ไม่ใช่อะไรนะผมตลกหน้าตาพี่ธัญว่ะ แม่งเหมือนถูกบังคับมายังไงยังงั้นทั้งที่จริงเขาเป็นคนบอกให้ผมเลือกร้านตามใจผมเองแท้ๆ

ดูสิครับว่าจะอยู่ในโหมดตามใจได้นานแค่ไหน เจอไอ้ทัชสักหน่อยเป็นไง

“นี่จงใจแกล้งพี่หรอ”

“ผมอยากกินจริงๆ เหอะ พี่เป็นคนบอกให้ผมเลือกร้านเองนี่นา นี่ถ้าเป็นพี่ไผ่นะ…” พอผมพูดชื่อพี่ไผ่ตาก็ขวางขึ้นมาทันที

“ไอ้ไผ่ทำไม”

“ไม่บ่นแถมยังบอกว่าอร่อย”

“นี่ทัชเคยมากินร้านนี้กับมันหรอ” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่นทำให้พี่ธัญลุกจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินออกจากร้านจนผมห้ามไว้แทบไม่ทัน

“เห้ย พี่จะไปไหน”

“ไปกินร้านอื่น” ผมนี่แทบกุมขมับเลยครับ

“เมื่อกี้ผมแค่ล้อเล่นนนน” ใช่ครับผมล้อเล่น ก็เคยกินข้าวกับพี่ไผ่แต่ไม่ใช่ร้านนี้และที่พูดเมื่อกี้แค่แกล้งพี่ธัญเฉยๆ ไม่คิดว่าจะจริงจังถึงขนาดลุกออกจากร้านแบบนี้

“ล้อเล่น?”

“อาฮะ”

พอพี่ธัญได้ยินแบบนั้นผมก็รู้สึกถึงรังสีอะไรบางอย่างจากพี่ธัญทำให้ผมรีบถอยกลับมาที่โต๊ะ รังสีแห่งการเอาคืนซึ่งเดาไม่ออกเลยว่าจะมาในรูปแบบไหน

“แสบนักนะ” ผมใช้มือบังหน้าตัวเองไว้เพื่อป้องกันแต่กลับรู้สึกถึงแค่สัมผัสของผ่ามือที่ยีหัวผมอยู่

หน้าตาที่เหมือนจะเอ็นดูผมแบบนั้นทำให้ผมไปไม่เป็น ไม่ใช่ความรู้สึกแบบที่พี่แทนทำแต่มันเป็นความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ที่รู้สึกอุ่นใจแปลกๆ ผมคงไม่ได้หวั่นไหวไปใช่ไหม

กลับมาก่อนไอ้ทัช สติๆ

“อะแฮ่ม พี่ธัญอาหารมาละ” ผมหันกลับมาสนใจอาหารที่ทยอยเอามาวางบนโต๊ะ เห็นแล้วหิวเลยครับ มีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้น

“มันคืออะไร”

พออาหารครบตามที่สั่งพี่ธัญก็ชี้ไปที่เมนูหนึ่ง ซึ่งผมก็ภูมิใจนำเสนอมาก

“แกงหน่อไม้”

“มันมีอะไรแบบนี้ด้วยหรอ”

“มีดิพี่ ลองชิมดู” ผมตักแกงจากถ้วยยื่นไปจ่อปากพี่ธัญนั่นก็เท่ากับเป็นการกดดันทางอ้อมเลยก็ว่าได้

และก็เป็นไปตามคาดพี่ธัญไม่ปฏิเสธผม

หลังจากที่ผมป้อนพี่ธัญเห็นได้ชัดว่าพี่ธัญกินทุกอย่างที่ผมสั่งมาได้ ก็บอกแล้วครับว่าอร่อย นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พี่ธัญเคยกินอะไรแบบนี้แต่ก็ถือว่าผมทำได้ไม่เลวนะเพราะดูเหมือนว่าพี่ธัญน่าจะชอบอยู่พอสมควร

ไม่ใช่ไม่กินแต่พี่ธัญไม่เคยกิน และบางสถานที่ไม่ใช่ไม่อยากไปเพียงแต่ไม่เคยไป

บางทีพี่ธัญอาจจะแค่อยากเปิดหูเปิดตาพอดีกับมาเจอผม ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธนะว่าพอเจอพี่ธัญมันก็สนุกดีเหมือนกัน…






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แกพึงใจพี่ธัญแล้วใช่ไหมล่ะ  เจ้าทัช

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ก็ถ้าเค้ามาดีก็ดีอยู่หรอก

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
555 เอาละสิ ความรู้สึกจะเป็นไงต่อ,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 16
วันนี้คงไม่เหมือนกับเมื่อวาน


ผมมองเลขห้องสลับกับที่อยู่ที่พี่แนนให้มา นี่เป็นลูกค้ารายแรกในสัปดาห์นี้ที่สั่งของจากร้านเพราะส่วนมากก็นั่งกินที่ร้านกันทั้งนั้น

ผมกดออดหน้าห้อง รอสักพักประตูก็เปิดออกพร้อมกับลูกค้าที่แสนจะคุ้นหน้าคุ้นตา

พี่ธัญ อีกแล้วหรอวะ

ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าพี่มันรุกหนักขึ้นทุกที ไปหาผมที่ร้านไม่ได้ก็ให้ผมมาหาเอง ร้ายกาจไม่เบาเลยแฮะ

“มาไวดีนะ อย่างนี้ต้องใช้บริการบ่อยๆ ซะแล้ว”

“แผนของพี่หรอ”

“ถามแบบนี้คิดว่าพี่อยากเจอหน้าทัชหรอ” อ้าว

กวนตีนอีกละแม่ง

“ถ้าคิดแบบนั้นก็ถูกแล้วล่ะ เพราะพี่อยากเจอทัชจริงๆ ” กะอีแค่คำว่าอยากเจอคิดหรอว่าจะทำให้ผมหวั่นไหว เหอะ

ผมแค่ยิ้มเท่านั้นแหละ

“เอาของไปแล้วก็จ่ายตังค์มา ผมจะรีบไปทำงาน”

“เข้ามาข้างในก่อนสิ” ผมจะไม่เข้าไปหรอกครับถ้าไม่มีประโยคถัดมา

“…ไม่งั้นไม่จ่ายตังค์นะ”

มามุขนี้อีกแล้ว

ผมเดินตามพี่ธัญเข้ามาในห้องก่อนจะมองรอบๆ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าต่างจากที่คิดไว้มาก ในความคิดของผมคงจะเป็นห้องที่มีแต่เฟอร์นิเจอร์หรูๆ เหมาะกับลุคคุณชายของเจ้าตัวแต่มันไม่ใช่เลยครับ นอกจากจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรูๆ แบบที่คิดไว้การตกแต่งห้องยังธรรมดาอีก ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะไม่ได้ใส่ใจที่จะตกแต่งมันมากนัก

“เอาของวางไว้แล้วตามพี่มา” ผมทำตามที่พี่ธัญบอกอย่างว่าง่ายแล้วเดินตามออกไปที่นอกระเบียง ตรงหน้าผมคือต้นตะบองเพชรหลายต้นเรียงกันสวยงามแถมยังมีต้นไม้ชนิดอื่นรวมอยู่ด้วย มันเหมือนกับสวนเล็กๆ ไม่มีผิดซึ่งเป็นส่งที่บ่งบอกว่าคนข้างๆ ผมคงจะชอบปลูกต้นไม้แน่ๆ แต่ดูแล้วไม่เข้ากับบุคลิกเอาซะเลยแฮะ

“จำสองต้นนี้ได้ไหม” พี่ธัญชี้ต้นตะบองเพชรสองต้นที่กำลังออกดอกให้ผมดู

กระถางที่เหมือนกับร้านที่ผมเคยซื้อทำให้ผมนึกออกซึ่งมันก็ค่อนข้างผ่านมานานอยู่นะ

“ที่พี่แย่งผมอะนะ”

“เขาเรียกใครไวกว่าคนนั้นได้” แต่ผมเจอก่อนเหอะ

จะว่าไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็รู้จักพี่ธัญมาพอสมควรแล้วแฮะ ไม่น่าเชื่อว่าจะคบกันได้หมายถึงคบเป็นพี่เป็นน้องนะครับ

“แย่งผมชัดๆ ”

“พี่ยกให้ก็ได้นะ” ได้ยินแบบนั้นผมก็หูผึ่งทันที

“จริงหรอพี่”

“แต่ต้องเอาใจมาแลก” เริ่มแล้วครับ เจ้าพ่อมุกเสี่ยวเริ่มมาละ

“ให้ผมควักออกมาตอนนี้เลยไหม”

“ก็ได้นะ รออยู่” ประชดเว้ยยย

แล้วยังมีหน้ามาขำผมอีกได้กวนคนอื่นอารมณ์ดีนักแหละ

“สวยดีอะ ชอบ” ผมเลิกสนใจคนข้างๆ แล้วไล่สายตามองต้นตะบองเพชรไปทีละต้น

แน่นอนครับว่าต้นตะบองเพชรที่บ้านยังไม่มีต้นไหนที่จะมีวี่แววว่าจะออกดอกเลย เศร้าใจจริงๆ ดูของคนอื่นไปพลางๆ ก่อนก็ได้วะ

“ถ้าชอบก็มาบ่อยๆ สิ”

“นี่หลอกผมเข้าห้องหรอ”

“จะมาไหมล่ะ” จะไม่มาก็เพราะเจ้าของห้องนี่แหละ

พี่ธัญยีหัวผมก่อนจะเดินเข้าห้องไป ปล่อยผมให้อยู่กับสวนขนาดเล็กของเขาจนผมลืมไปว่าผมเข้ามาในห้องเพราะอะไร



“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ” พี่ธัญเดินออกมาพร้อมกับประโยคที่มักจะพูดเสมอเวลาเจอผม หน้าผมคงแปะคำว่าเห็นแก่กินไว้เต็มหน้าล่ะมั้งถึงชวนแต่ผมไปกินข้าวอยู่ได้

ผมแบมือตรงหน้าพี่ธัญซึ่งเจ้าตัวก็เอามือวางไว้บนมือผมก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นจับมือผมแทน

“ผมไม่เล่นนะ เอาตังค์มา”

“ไปกินข้าวก่อน”

“ผมต้องกลับไปทำงานออกมานานแล้วเนี่ย”

“พี่จ้างต่อ คิดชั่วโมงละเท่าไหร่”

พอพี่ธัญพูดจบผมก็ทำหน้าจริงจังทันที นั่นทำให้พี่ธัญเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกมาก่อนจะทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดแล้วบีบมือผมเบาๆ

“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น”

“ไม่ได้ตั้งใจหรอ พูดมาได้เนาะ” ผมสะบัดมือพี่ธัญออก แต่เมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของพี่ธัญผมจึงพูดต่ออีกว่า

“ถ้าพี่ให้ค่าจ้างถูกผมไม่ไปนะ ค่าตัวผมไม่ใช่น้อยๆ นะบอกไว้ก่อน” พี่ธัญทำหน้างงๆ ก่อนจะยิ้มออกมา

ใช่ครับเมื่อกี้ผมแกล้งเล่น ไปทางไหนก็ได้ตังค์แถมไปกับพี่ธัญยังอิ่มท้องอีกผมว่ามันก็คุ้มดีนะ อิอิ

“งั้นก็ไปกันเถอะ หิวแล้ว” พี่ธัญคว้าข้อมือผมอย่างถือวิสาสะก่อนจะเดินนำผมไป

ผมมองมือพี่ธัญที่จับมือผมอยู่อย่างแปลกใจ แปลกใจที่ตัวเองไม่แม้แต่อยากจะสะบัดมือพี่ธัญออก...







ผมมองคนที่ตั้งใจคีบตุ๊กตาอย่างขมักเขม้นทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะบอกว่ามันไร้สาระก็ตาม กลายเป็นว่าตอนนี้ผมต้องยืนดูเด็กโข่งที่กำลังขมวดคิ้วเมื่อคีบตุ๊กตาไม่ได้สักที

“เมื่อไหร่จะคีบได้สักทีเนี่ย” ผมแกล้งถามพี่ธัญให้หงุดหงิดเล่นๆ เพราะตั้งแต่ที่กินข้าวเสร็จผมก็ลากพี่ธัญมาโซนเกมและก็ไม่คิดเลยว่าจะทำให้คนแถวนี้ติดไปด้วย แถมยังเสียตังค์ไปเยอะกับการคีบตุ๊กตาแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคีบไม่ได้สักตัว

รู้ว่ามีความพยายามนะแต่เสียดายตังค์นี่สิ

“อีกนิดเดียวก็จะได้แล้ว” อีกนิดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

ผมเลิกสนใจพี่ธัญก่อนจะเดินไปเล่นเกมอย่างอื่นแทนเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พี่แกจะคีบได้อะนะ ขืนให้ผมยืนรอคงหลับแหงๆ

การโดดงานของผมไม่มีใครโทรตามหรือถามหาแม้แต่น้อย ไม่มีใครสนใจผมสักนิดไม่ใช่อะไรหรอกครับคงจะชินกับการหายไปดื้อๆ แบบนี้เพราะผมค่อยข้างทำบ่อย เอาง่ายๆ คือเกินเยียวยาแต่พอกลับร้านผมก็เก็บของแทนทุกคนนะถือว่าผมได้ทำงานแล้ว

ยิ่งช่วงนี้พี่แทนมีสอบยิ่งสบายไม่งั้นผมไม่ได้มาเอ้อระเหยกินข้าวกับพี่ธัญอย่างนี้หรอก ท้าทายแบบนี้ผมก็กลัวว่าสักวันพี่แทนจะจับได้อยู่นะ แต่ก็นั่นแหละยังไม่ถึงวันนั้นสักหน่อย

และอย่าถามว่าทำไมผมถึงยอมมากับพี่ธัญทุกครั้งที่เขาเอ่ยปากชวนเพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จะบอกว่าเหงาก็ไม่ใช่เพราะเพื่อนผมก็ออกจะเยอะหรือว่าผมเริ่มหวั่นไหวกับพี่ธัญกันแน่นะ…

“อะ” ตุ๊กตาหมีถูกยื่นมาทางผมพร้อมกับคนถือที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า

สีหน้าแสดงความภูมิใจออกมาอย่างชัดเจนคงเป็นเพราะตุ๊กตาที่อยู่ในมือ ในที่สุดก็คีบได้สักทีแต่อย่าถามหาราคาที่จ่ายไปนะครับเพราะมันน่าจะเยอะพอสมควร แต่ก็อย่างว่าคงไม่ทำให้ขนหน้าแข็งพี่ธัญร่วงหรอกออกจะรวยขนาดนั้น

“ให้ผมหรอ”

“ใช่”

“นี่ตัวแรกเลยนะที่พี่คีบได้ เก็บไว้เป็นที่ระลึก” พอเห็นจะได้รู้ว่าเสียไปกับมันเท่าไหร่สินะ

“ตัวแรกก็เก็บไว้เองดิพี่”

พี่ธัญไม่ได้ฟังที่ผมพูดแต่กลับยัดตุ๊กตาใส่มือผมพร้อมกับพูดประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว

“ที่คีบเพราะอยากให้ทัชต่างหาก ไม่ได้อยากเก็บไว้เองซะหน่อย”

“ให้ผมเนี่ยนะ ผมไม่ได้อยากได้สักหน่อย”

“แต่พี่อยากให้ เก็บไว้เป็นที่ระลึกนะอุตส่าห์ได้มาด้วยกันทั้งที” พี่ธัญยิ้มให้ผม

พูดอย่างกับว่าจะไม่ได้มาอีกอย่างนั้นแหละ

ผมมองตุ๊กตาหมีในมือแล้วรู้สึกว่าพอได้ตุ๊กตาที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนคีบเองมันก็รู้สึกดีไปอีกแบบนะ เอาเถอะเก็บไว้ก็ไม่เสียหายนี่น่า

“แล้วพี่จะไปไหนต่อปะ”

“ทัชอยากไปไหน” แล้วก็วกกลับมาถามผมอีกจนได้

“ได้หมด แต่ถ้าพี่ไม่ไปไหนแล้วผมจะกลับร้าน”

“รีบกลับทำไม ช่วงนี้ไอ้แทนมันสอบคงไม่เข้าร้านหรอก” ผมหันไปมองพี่ธัญอย่างนึกสงสัย เรียนคนละคณะไม่ใช่หรอวะไปรู้ได้ยังไงว่าพี่แทนมีสอบ

“พี่รู้ได้ไงอะ”

“รู้อะไร”

“ว่าพี่แทนมีสอบ”

“ช่วงนี้เขาก็สอบกันหมดแหละ” แล้วทำไมคนข้างๆ ผมถึงได้ชิลมาเดินเล่นเฉยเลยล่ะ

“แล้วพี่ไม่อ่านหนังสือกับเขาหรอ”

“อ่านสิ แต่มาหากำลังใจก่อนไง”

“แล้วได้ยัง”

“ได้แล้ว” พอพูดจบก็หันมามองหน้าผมแล้วยิ้มแปลกๆ ผมจะไม่คิดนะว่ากำลังใจที่ว่านั่นคือผม

ผมจะไม่คิด!

“ไม่ถามหน่อยหรอว่ากำลังใจของพี่คืออะไร”

“ไม่ดีกว่า ผมไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่” พี่ธัญมองผมแล้วยิ้มแบบนั้นไม่หยุด แกล้งผมว่ะแกล้งผมแน่ๆ ไอ้พี่ธัญ

เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้ผมสบตาพี่ธัญได้ไม่นานเลยทั้งที่เมื่อก่อนจ้องจนพี่ธัญหลบสายตาไปเอง

มึงหวั่นไหวหรอไอ้ทัช!

“โอเค ไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร แต่พี่อยากบอกนะว่ากำลังใจพี่คือทัช แล้วก็…ขอบคุณนะที่มาเป็นเพื่อนพี่วันนี้”

“พี่จ้างผมต่างหากเลยมา” อันนี้เรื่องจริงนะ

“เกือบดีแล้วเชียว” ว่าแล้วพี่ธัญก็ทำหน้าเซ็งจนผมหลุดขำออกมา ใช่ครับมันเกือบจะดีแล้วฮ่าๆ

.

.

“ยังไงก็สู้ๆ นะพี่ อ่านหนังสือบ้างก็ดี”

“ระดับนี้ไม่อ่านก็สอบได้ แต่จะอ่านก็ได้เพราะคนแถวนี้บอกให้อ่าน”

ให้ตายเถอะ ดูคำพูดคำจาน่าหมั่นไส้ชิบหาย!







….………………………………………………..



ผมกวาดสายตามองหาคนที่ผมเพิ่งจะวางสายไปได้ไม่นานหลังจากที่เดินเข้ามาในร้านซึ่งเป็นร้านที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั่นก็คือร้านของพี่ภูมิ วันนี้ไอ้โก้ไม่ได้ทำงานผมจึงมาคนเดียวอีกทั้งมันก็ค่อนข้างดึกแต่จะไม่มาก็ไม่ได้เพราะคนที่โทรมา ผมก็ไม่สามารถละเลยเขาได้เช่นกัน

“มาคนเดียวหรอทัช” ยังไม่ทันที่ผมจะได้เจอกับคนที่ผมมาหาพี่ภูมิก็เข้ามาทักพอดี

“ครับ พี่ภูมิเห็นพี่ไผ่ไหมครับ”

“มาหาไอ้ไผ่หรอ”

“ใช่ครับ” พี่ภูมิทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะตอบผม

“อยู่โซนวีไอพีน่ะ” พอได้คำตอบผมก็ก้มหัวแทนคำขอบคุณก่อนจะเดินไปทางโซนวีไอพีทันที

พอเดินมาถึงโต๊ะก็เห็นพี่ไผ่เอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากอย่างกับน้ำเปล่าไม่รู้ว่าหลังจากวางสายผมพี่ไผ่ดื่มไปเยอะเท่าไหร่แล้ว

“พอแล้วครับกลับบ้านเถอะ” ผมแย่งแก้วเหล้าจากมือพี่ไผ่ก่อนที่เจ้าตัวจะได้ดื่มมัน

“ทัชช มาแล้วหรอ” พี่ไผ่ลุกขึ้นพลางเข้ามากอดคอผม

ผมว่าเริ่มจะได้ที่แล้วล่ะ ดูจากสายตาที่ปกติก็หวานอยู่แล้วพอกินเหล้าเข้าไปยิ่งกว่าเดิมอีก

“เดี๋ยวผมพากลับบ้านนะ”

“ดื่มด้วยกานก่อนสิ” ไม่ว่าเปล่าพี่ไผ่ยื่นหน้าเข้ามามองผมใกล้ๆ เมาแล้ววอแวสินะ แล้วผมจะทำไงดีเนี่ย

“แต่มันดึกแล้วนะครับ”

“พี่ไม่อยากกลับบ้าน” พี่ไผ่ผละออกจากผมแล้วนั่งลงตามเดิมแถมยังเปลี่ยนอารมณ์ต่างจากเมื่อกี้คนละขั้วเมื่อพูดถึงบ้าน

ผมพอรู้มาบ้างเรื่องปัญหาของพี่ไผ่ ก็เจ้าตัวนั่นแหละที่เล่าให้ผมฟังซึ่งมันเป็นปัญหาทางบ้านที่ผมไม่คิดว่าคนร่าเริ่งอย่างพี่ไผ่จะมีปัญหาอะไรแบบนี้กับเขาด้วย

ที่ทำอยู่อาจจะทำเพราะปกปิดความรู้สึกของตัวเองแหละมั้งและนั่นก็คือเหตุผลที่ผมทำเฉยไม่ได้เมื่อพี่ไผ่ต้องการความช่วยเหลือ

อย่างน้อยก็อยู่เป็นเพื่อนตอนเขาไม่มีใคร

ผมนั่งลงตรงข้ามพี่ไผ่ก่อนจะสังเกตเห็นมุมปากที่มีเลือดซิบซึ่งคนที่เคยมีเรื่องอย่างผมจะรู้ดีว่ามันไม่ใช่แผลจากการโดนต่อยแต่เป็นแผลจากการโดนตบต่างหาก

“ใครทำอะไรพี่”

“เหอะ จะใครล่ะก็มีคนเดียวนั่นแหละ พี่แค่ไม่ทำตามที่เขาบอกถึงขนาดต้องลงไม้ลงมือ น่าตลกดีเนาะ” พี่ไผ่แค่นหัวเราะแต่สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

เขาที่พี่ไผ่หมายถึงผมรู้ว่าเป็นใคร และผมก็จะไม่ถามต่อเพราะไม่อยากให้พี่ไผ่รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้

“แล้วพี่มีเพื่อนไหม เดี๋ยวผมพาไปส่งบ้านเพื่อน” พี่ไผ่ส่ายหน้า

ผมหันซ้ายหันขวาพลางคิดว่าจะทำไงดี ให้นอนนี่คงไม่ได้เพราะยังไงร้านก็ต้องปิดแล้วพี่ไผ่รู้จักใครอีกวะ

พี่ภูมิ



กลุ้มใจจริงๆ รัก….

เบอร์ที่ปรากฏอยู่หน้าจอทำให้ผมไม่ลังเลที่จะกดรับ แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรปลายสายก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนหงุดหงุดอะไรสักอย่าง

“อยู่ไหน”

“ร้านพี่ภูมิ พอดีเลยพี่ธัญมาช่วยพิ…” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบพี่ธัญก็ตัดสายทันที

อะไรของเขาวะ

แต่เมื่อกี้ผมเกือบจะขอให้พี่ธัญมาช่วยพาพี่ไผ่กลับนี่หว่า คิดได้ไงวะเนี่ยเดี๋ยวก็ได้ตีกันพอดี ดีนะที่พี่ธัญวางสายไปซะก่อน

“พอแล้วพี่ไผ่” ผมพยายามแย่งแก้วเหล้าจากมือพี่ไผ่แต่ก็ไม่สำเร็จ เจ้าตัวกระดกเหล้าในแก้วจนหมดพลางหันมายิ้มให้ผม

“ทัชรู้ไหมม ไม่มีคายยเข้าจายพี่เลยนอกจากทาชช” เสียงเริ่มยานคางบ่งบอกว่าอีกสักพักคงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง คงปล่อยให้พี่ไผ่ดื่มต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว

“งั้นก็ฟังที่ผมพูดนะ เลิกกินแล้วกลับบ้านกันนะพี่ไผ่”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่กลับ!” เสียงตะหวาดของพี่ไผ่ทำให้ผมชะงัก ผมที่ไม่เคยเห็นโหมดนี้ของพี่ไผ่ก็เล่นเอาตกใจอยู่เหมือนกัน

“โอเค งั้นกลับกับผมนะ”

ผมพยายามพูดไม่ให้มีคำที่จะไปสะกิดต่อมความรู้สึกของพี่ไผ่ให้มากที่สุด

พี่ไผ่นิ่งไปทำให้ผมขยับเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นซึ่งพี่ไผ่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย แต่อยู่ๆ พี่ไผ่ก็เข้ามากอดผมก่อนจะเอ่ยขอโทษ

“ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นเสียงใส่ทัช” ผมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ แต่ก่อนที่มือของผมจะกอดตอบ พี่ไผ่ก็ถูกมือของใครบางคนกระชากออกไปอย่างแรงจนล้ม

แน่นอนว่าถ้าเป็นเวลาปกติอาจจะไม่ล้มแต่ตอนนี้คือดื่มไปเยอะไง

“ทำอะไรของพี่เนี่ย” ผมหันไปมองคนที่เป็นต้นเหตุ

อยู่ดีๆ ก็เข้ามากระชากคนอื่น แล้วไอ้ท่าทางเหมือนโกรธใครมานั่นคืออะไรวะ

“เป็นไรมากไหมพี่” ผมประคองพี่ไผ่ให้ลุกขึ้น ยิ่งทำให้พี่ธัญไม่พอใจเดินมาผลักพี่ไผ่อีกรอบ จะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะเว้ย

“เป็นเหี้ยไรเนี่ยพี่”

“แล้วทำไมต้องประคองมันด้วย”

“แล้วพี่ผลักพี่ไผ่ทำไม อยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามาหาเรื่องเนี่ยนะพี่บ้ารึเปล่า”

“ก็ใครใช้ให้มันกอดทัชล่ะ”

พอได้ยินเหตุผลผมแทบอยากจะบ้าตายไม่ดูสถานการณ์เลยว่าเขาทำอะไรกันอยู่ อยู่ๆ ก็โผล่มาฟาดงวงฟาดงากับเหตุผลที่โคตรไร้สาระเนี่ยนะ

“เหอะ อิจฉากูหรออ” พี่ไผ่พยายามทรงตัวไม่ให้ล้มก่อนจะทำหน้ากวนประสาทใส่พี่ธัญ ยิ่งเมาหน้าตายิ่งกวนตีนไปอีกนี่ก็ไม่เจียมตัวเองเลย

ผมควรจะปวดหัวกับอะไรก่อนดีเนี่ย

“พอก่อนครับ พี่ไผ่กลับกันเดี๋ยวผมไปส่ง”

“ทำไมต้องไปส่งมันมาเองก็ให้มันกลับเองสิ” แล้วทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วยวะ ผมก็เริ่มจะโมโหแล้วนะไม่รู้อะไรก็มาพาลใส่คนอื่นแบบนี้

“พี่เป็นอะไรนักหนาเนี่ย”

“แล้วทัชเป็นอะไรทำไมต้องไปส่งมันด้วย” ผมว่าพี่ธัญเริ่มพูดไม่รู้เรื่องละ ปกติก็ไม่ค่อยจะฟังอะไรอยู่ละทีนี้ยิ่งแล้วใหญ่

“พี่ธัญใจเย็นก่อนนะ ใจเย็นๆ ” มันอาจจะไม่ได้ทำให้พี่ธัญหายหงุดหงิดแต่อย่างน้อยก็น่าจะยอมฟังผมบ้าง

“ทาชชช” ตอนแรกก็จะฟังผมอยู่แล้วแต่พอพี่ไผ่พุ้งเข้ามากอดผมอีกก็เริ่มเห็นหายนะใกล้เข้ามาลางๆ

โถ่พี่ไผ่ เกือบจะรอดแล้วเชียว

“พี่จะนับหนึ่งถึงสามถ้าทัชยังไม่มีเหตุผลที่ดีพอว่าทำไมถึงอยู่กับไอ้ไผ่ ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”

ทำไมกูต้องมาอยู่ในสถานการณ์อะไรแบบนี้ด้วยวะ

“ทาชเปนห่วงกูงายยย กูสำคัญอิอิ” อิอิ ไม่รู้จักเวล้ำเวลาเลยว่าตัวเองอาจจะโดนตีนอยู่แล้วเนี่ย

“ทัช” นั่นไงโดนอีกกู แล้วเสียงจะเย็นไปไหนน

“พี่ไผ่มีปัญหานิดหน่อยผมเลยมาดู พี่ก็รู้ใช่ปะว่าพี่ไผ่ไม่มีเพื่อนสนิท” ผมพูดความจริงออกไป พี่ไผ่เฟรนลี่ก็จริงแต่ทุกครั้งหรือตอนบังเอิญเจอกันก็มักจะอยู่คนเดียวตลอด

และดูเหมือนพี่ธัญจะเห็นด้วยจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นดีขึ้นแต่อย่างใด

“งั้นมานี่กูจะไปส่ง”

“ม่ายปายย กูจาปายกาบทาชช” พี่ธัญไม่สนเสียงที่เริ่มจะฟังไม่รู้เรื่องของพี่ไผ่ แล้วรีบลากออกจากร้านทันทีโดยมีผมเดินตามมาติดๆ

เอิ่ม ลากแบบลากจริงจังเลยครับ เล่นเอาชะคนโดนลากน่าสงสารเลย

“ทัชรออยู่นี่เดี๋ยวพี่ไปส่งมันเอง”

“ผมไปด้วย” ขืนปล่อยให้ไปด้วยกันพี่ไผ่จะไม่โดนฆ่าทิ้งข้างทางก่อนหรอ

“อยู่นี่แหละ พี่ไม่ฆ่ามันหรอก” เดาความคิดเก่งซะด้วย

“แต่…”

“อย่าเพิ่งหนีกลับก่อนล่ะเดี๋ยวพี่มา” ว่าแล้วพี่ธัญก็ลากพี่ไผ่ไปที่รถโดยไม่มีโอกาสให้พี่ไผ่ได้ขัดขืนแม้แต่นิดเดียวซึ่งรวมถึงผมด้วยที่ไม่มีโอกาสได้ค้านอะไรเลย

ผมมองรถของพี่ธัญเคลื่อนออกจากร้านจนลับตา แล้วผมต้องรอพี่ธัญอีกหรอเนี่ยแต่ถ้าหนีกลับก็คงงานเข้าอะเนาะ

รอก็รอวะ






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
งานจะเข้ารึป่าวนะ,,,

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอาตาไผ่กลับไปส่งบ้านสภาพนี้  เด๋วก็โดนผู้ปกครองที่บ้านตบอีกหรอก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ว่านอนสอนง่ายมาก บอกให้อยู่ก็อยู่

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 17
Thay'Part


ผมมองไอ้นักแสดงระดับรางวัลตุ๊กตาทองที่กำลังทำหน้าตามีความสุขจนผมอยากจะถีบมันลงจากรถซะให้รู้แล้วรู้รอด

ฉากเมาเหล้าในร้านไอ้ภูมิเมื่อกี้สมจริงจนทำให้ทัชเชื่อและผมก็เกือบจะเชื่อไปแล้วว่ามันเมาจริงถ้ามันไม่ทำหน้าสะใจตอนทัชตำหนิผม

ตอนนั้นผมแทบจะเข้าไปชกหน้ามันให้หายหงุดหงิดแต่ยังดีที่ยั้งมือตัวเองไว้ทัน เพราะแค่ผมผลักมันทัชก็ปกป้องมันขนาดนั้นถ้าผมชกมันคงโดนทัชด่าแน่ๆ

“มึงไม่น่ารีบมาเลยว่ะ ทัชจะไปส่งกูอยู่แล้วเชียว” คิ้วผมกระตุกทันทีที่ได้ยินมันพูด

“มึงจงใจเรียกทัชออกมา?”

“อาฮะ ตอนแรกคิดว่าทัชจะไม่มาแต่ผิดคาดว่ะ ทัชเป็นห่วงกูกว่าที่คิด” มันตั้งใจพูดใส่ผมทั้งทำหน้าเหมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“มึงต้องการอะไร”

“ทัชไง ยังต้องถามอีกหรอ”

“มึงไม่ได้ชอบทัชไอ้ไผ่” แววตามันมีแต่ความสนุกที่ได้กวนประสาทผม และผมหมั่นใจว่ามันไม่ได้ชอบทัชแน่ๆ แค่หาอะไรทำฆ่าเวลา ยิ่งเป็นคนที่ผมชอบแล้วยิ่งไม่ต้องหาเหตุผลเลยว่าทำไมมันถึงมาวนเวียนอยู่แบบนี้

มันอยากเอาชนะผม

“แล้วมึงชอบหรอ”

“ชอบ”

“ว้าว นับว่าผิดจากสเปคที่มึงเคยคบเลยนะ”

ไอ้ไผ่ทำหน้าเหมือนแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้นซึ่งมันดูไม่มีความจริงใจเลยสักนิด แต่ผมก็ลืมไปว่ามันเรียนนิเทศที่ดูจะเรียนได้ดีในวิชาการแสดงซะด้วยสิ

“งั้น…เรามาตกลงอะไรกันแบบจริงจังดีมะ” ไอ้ไผ่ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยักคิ้วซึ่งดูแล้วสิ่งที่มันจะพูดต่อจากนี้คงไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผมแน่ๆ

แต่ผมมีทางเลือกหรอนอกจากสู้กับมันจนกว่ามันจะยอมแพ้ไปเอง

“จะตกลงอะไรก็ว่ามา”









“พี่ไม่ได้ทำอะไรพี่ไผ่ระหว่างทางใช่ปะ” พอผมมาถึงร้านไอ้ภูมิไอ้ตัวแสบก็ถามผมทันที ไอ้ท่าทีดูเป็นห่วงไอ้ไผ่แบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ

ไอ้ไผ่มันทำให้ทัชเป็นห่วงมันขนาดนี้ได้ยังไง

“พี่ธัญ ฟังผมอยู่ปะเนี่ย” แรงเขย่าที่แขนทำให้ผมหลุดจากความคิดตัวเอง

“ไม่ได้ทำอะไรหรอกน่า เห็นพี่เป็นคนยังไง”

“พาล”

“ว่าไงนะ”

“พาลไง” ทัชย้ำอีกครั้งทั้งทำหน้าตาเหมือนตำหนิผมอยู่ในที

ก็ตอนที่ผมเห็นไอ้ไผ่กอดทัชผมนึกว่ามันตั้งใจกอดไง แต่มันก็ตั้งใจจริงๆ นั่นแหละดีเท่าไหร่ที่ผมแค่เข้าไปกระชากมันออกมา

“แล้วผมกลับบ้านได้ยัง”

“ทีเมื่อกี้ไม่เห็นรีบ”

“นี่พี่จะให้ผมรอแค่จะกวนประสาทผมหรอ” แค่อยากยืดเวลาให้ได้อยู่ด้วยนานๆ แค่นั้นเอง

ยิ่งเป็นคนที่ไม่ใช่จะไปหาเมื่อไหร่ก็ได้ ที่จริงผมคิดว่าไอ้แทนมันรู้ว่าผมแอบไปเจอน้องมันแต่มันยังนิ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้

“เข้าไปข้างในก่อนไหม”

“พรุ่งนี้ผมมีเรียน จะกลับไปนอน”

“มีเรียนแล้วยังมาหาไอ้ไผ่เนี่ยนะ”

“พี่ธัญ” ทัชจ้องผมด้วยสายตาจริงจังซึ่งทำให้ผมรู้ตัวว่าเผลอหงุดหงุดใส่น้องอีกแล้ว

“โอเค ไม่พูดแล้วครับ งั้นพี่ไปส่งที่บ้านโอเคไหม” ผมใช้น้ำเสียงที่รู้สึกว่านุ่นนวลที่สุดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ทัชคล้อยตามได้เลย

“ผมเอารถมา”

“ขับตามไปส่งไง”

“พี่เป็นอะไรนักหนาเนี่ย”

“เป็นห่วง กลัวเกิดอุบัติเหตุเหมือนตอนนั้นไง” คราวนี้ทัชไม่ได้เถียงอะไรกลับมา อุบัติเหตุตอนทำให้ทัชก็ไม่ได้ขี่มอ’ ไซด์เป็นอาทิตย์เลยทีเดียว

“ก็ได้”

เอาเข้าจริงก็ปฏิเสธผมไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละไอ้ตัวแสบบ





ผมลงจากรถแล้วเดินเข้าไปข้างในบ้านของทัชกับเพื่อนๆ ที่ครั้งหนึ่งผมเคยมาแล้วถูกไล่อย่างไม่ใยดี แต่ครั้งนี้ผมเข้ามาโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านจริงๆ ซึ่งมันก็รู้สึกดีไม่น้อยเลยนะ

“ส่งผมแค่นี้ก็พอแล้ว” แต่ถึงยังไงก็เข้ามาได้แค่พ้นรั้ว แต้มบุญคงมีแค่นี้จริงๆ

“งั้นพี่ไปแล้วนะ ฝันดีครับ” ผมยิ้มแล้วบอกฝันดีทัช มองหน้าอีกคนสักพักก็ไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะตอบกลับมา ผมจึงเตรียมหันหลังกลับแต่ก็ได้ยินประโยคหนึ่งจากทัช

“ฝันดีครับ ขับรถกลับดีๆ ล่ะ” ทัชโบกมือให้ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

แน่นอนว่าคืนนี้ผมต้องฝันดีอยู่แล้วล่ะ







….………………………………………………



“มึงมาบ้านกูทำไมเนี่ย”

ผมไม่สนใจคำถามของไอ้โซแต่เดินเข้ามาในบ้านอย่างกับเป็นบ้านของตัวเอง จุดมุ่งหมายที่ผมมาคือห้องครัวบ้านไอ้โซ

“ขอยืมใช้ห้องครัวหน่อยนะ”

“ขนาดนี้ก็ไม่ต้องยืมแล้วมั้ง”

ผมจัดการวางของที่เตรียมมาแล้วเช็คดูว่ามีอะไรขาดไปบ้างหรือเปล่า วันนี้ผมไม่มีเรียนจึงถือโอกาสมาทำขนม ใช่ครับได้ยินไม่ผิดหรอกผมกำลังจะทำขนมถามว่าทำเป็นไหมก็ไม่หรอกครับ แต่แค่เข้ายูทูปก็ทำได้ละส่วนเรื่องความอร่อยค่อยว่ากันอีกที

“นี่มึงอย่าบอกนะว่า มึงจะทำขนม” ผมพยักหน้าให้ไอ้โซ

ที่ผมต้องหอบของมาทำที่บ้านไอ้โซเพราะที่คอนโดไม่มีอุปกรณ์สำหรับทำขนมเลย ผมอยู่คอนโดก็จริงแต่ก็ออกไปข้างนอกบ่อยจนเรื่องที่คิดจะเข้าครัวไม่ได้อยู่ในหัวเลยสักนิด

“มึงไม่สบายหรืออะไรเข้าสิงมึงเนี่ย ไม่ได้การละกูต้องโทรบอกไอ้ภูมิ”

ไม่แปลกที่ไอ้โซมันจะพูดอย่างนั้นเพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แต่พอคิดถึงตอนที่ทัชกินของอร่อยๆ ผมก็อยากทำให้น้องกินเองซะงั้น

ผมยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเปิดยูทูปดูวิธีทำขนมอีกครั้ง ถึงจะเพิ่งทำเป็นครั้งแรกแต่อย่างน้อยมันก็ต้องกินได้แหละน่า

“เดี๋ยวไอ้ภูมิมันมา”

“มาดูอะไร ละครลิงหรอ”

“เออ มาดูลิงแบบมึงนี่แหละคุณธัญ แล้วนี่ทำไร”

“ดูวิธีทำไง”

“ให้กูช่วยไหม”

“ไม่ต้อง” ผมตอบแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เอาไปให้คนสำคัญผมต้องเป็นคนทำเองทั้งหมดสิ

“งั้นก็ตามใจ อย่าทำครัวกูพังแล้วกันขี้เกียจแก้ตัวกับแม่”

เสียงไอ้โซเงียบลงสงสัยมันคงออกไปแล้ว ส่วนผมก็เตรียมอุปกรณ์จัดแจงสัดส่วนผสมให้ครบ

แล้วก็…ได้เวลาลงมือทำสักที!

ผมใส่ส่วนผสมลงในภาชนะแล้วคนตามวิธีที่ดูเขาสอนมา เมนูที่ผมทำอย่างแรกคือคุกกี้เมนูที่สองคือชีสพาย ผมเลือกทำสองอย่างนี้เพราะเห็นทัชชอบกินอยู่บ่อยๆ แอบกินของในร้านตัวเองนั่นแหละครับ

การทำคุกกี้ไม่ยากเท่าไหร่แต่ชีสพายผมไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาเป็นยังไง อาจจะต้องมองข้ามเรื่องหน้าตาไปแล้วเน้นแค่รสชาติหรือบางทีรสชาติอาจจะใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

ไม่ได้สิผมควรให้กำลังใจตัวเองนี่หว่า



พอทำทุกอย่างเสร็จแล้วผมก็นำคุกกี้ที่เป็นรูปร่างตามแบบตัวกดแบบพิมพ์ที่ผมซื้อมาเข้าไปในเตาอบ จากนั้นก็รอเวลาตามที่ตั้งไว้ แต่งานของผมยังไม่เสร็จเท่านี้ยังมีเมนูเหลืออยู่หนึ่งอย่าง

“โอ้โห้ จะกินได้ปะเนี่ย”

เสียงที่ไม่ใช่เสียงไอ้โซดังขึ้น ผมหันไปมองไอ้ภูมิที่ยืนพิงประตูมองผมอยู่ก่อนแล้ว

“ความรักนี่มันทำให้คนทำได้ทุกอย่างจริงๆ ว่ะ กูต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกปะไอ้ธัญมันเข้าครัว”

“กูถ่ายไว้ละ”

“ออกไปเลยกูจะทำขนม”

“นี่บ้านกูรึเปล่า” เป็นเจ้าของบ้านผมก็ไล่ได้นะ

“ทำถึงไหนละ” ว่าแล้วไอ้ภูมิก็เข้ามาดู ไอ้โซก็เดินตามเข้ามาด้วย

“คิดไงถึงทำขนมวะ”

“ก็เด็กมันอยากกินไง” ไอ้โซว่า

“กูก็อยากกินนะ”

“ไปหาซื้อกินเองสิ” ผมว่าพลางใส่ส่วนผสมไปด้วยเดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันตอนทัชเลิกเรียน ถ้ามัวแต่สนใจไอ้สองตัวนี้

“แบ่งจากที่มึงทำให้กูไม่ได้หรอ”

“ไม่ได้ เพราะมันไม่เหลือ”

ไอ้ภูมิไม่ได้พูดอะไรต่อแต่หันไปหัวเราะกับไอ้โซแล้วมองผมอีกครั้ง จะมองอะไรนักหนาวะ

“เสร็จแล้วออกมาคุยกับกูด้วยนะ มีเรื่องจะคุยด้วย”

ผมพยักหน้าให้ไอ้ภูมิถึงจะสงสัยว่ามันจะคุยเรื่องอะไรแต่เอาไว้ก่อนเพราะสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่สำคัญกว่า





ผมเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมขนมที่จัดใส่กล่องเรียบร้อยเตรียมเอาไปให้ทัช

“ดูมีความสุขนะมึง”

“มีอะไรจะคุยก็ว่ามา กูรีบ”

“เดี๋ยวนี้รีบเก่งนะ”

ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้โซจากนั้นไอ้ภูมิก็เปิดบทสนทนาพร้อมกับทำหน้าจริงจัง

“มึงระวังไอ้ไผ่กับไอ้แทนไว้ด้วยนะ”

แน่นอนว่าผมระวังสองคนนั้นอยู่แล้ว แต่ที่ผมไม่ค่อยไว้ใจคือไอ้แทนที่มันเงียบจนน่าแปลกใจทั้งที่ตอนนั้นมันพูดอย่างกับจะไม่ให้ผมเจอทัชอีก แต่นี่ผมยังเจอทัชได้ตามปกติอยู่เลย

“ให้กูแน่ใจก่อนแล้วจะบอก”

“มึงตามสืบเรื่องไอ้ไผ่กับไอ้แทนหรอ” ไอ้โซถาม

“อืม กูสงสัยอะไรนิดหน่อย”

“งั้นฝากด้วยแล้วกัน กูไปละ” ผมว่าแล้วลุกขึ้นแล้วเดินออกมาทันที เวลานี้เป็นเวลาเลิกเรียนของทัชพอดี ผมต้องเอาขนมไปให้น้อง

“ดูมัน ไม่สนใจกูอีกละ”

...โดยไม่สนเสียงบ่นตามหลังของไอ้ภูมิ







ระหว่างทางขับรถไปหาทัชที่วิลัยผมก็คิดเรื่องไอ้ไผ่กับไอ้แทนไปด้วย มันต้องมีอะไรมากกว่าที่ผมคิด จุดประสงค์ของไอ้ไผ่ผมรู้แล้วว่ามันทำไปเพื่ออะไรแต่ไอ้แทนนี่สิจะบอกว่าเพราะติดสอบเลยไม่ได้มาสนใจทัชก็ไม่ใช่เพราะมันดูไม่ใช่คนที่พูดแต่ปากเท่าไหร่ มันคิดจะทำอะไรกันแน่

แต่ระหว่างนี้ผมต้องเร่งทำคะแนนแบบสุดๆ และที่สำคัญผมไม่ยอมให้ไอ้ไผ่อยู่กับทัชสองต่อสองแน่!

ผมจอดรถอีกฝั่งหวังว่าจะเดินข้ามไปหาทัชแต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับคนที่ผมมาหา สีผมที่โดดเด่นเห็นไกลๆ ก็จำได้ แต่ขาที่กำลังจะก้าวไปกลับชะงักเมื่อทัชเดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีเพื่อนเดินตามออกมาด้วย รอยยิ้มกว้างที่ยิ้มให้คนข้างๆ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิด

ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า ทัชมีแฟนแล้วงั้นหรอ

ความคิดที่จะเอาขนมไปให้ทัชกับต้องยุติลง แล้วลองคิดทบทวนที่ผ่านมา

ผมเข้าใจมาตลอดว่าทัชไม่มีแฟนเวลาผมเจอทัชก็อยู่กับเพื่อนตลอด หรือว่าจะเป็นคนที่กำลังคุยๆ กันอยู่

จะยังไงก็ช่างเถอะ ขนมที่ผมทำมาต้องถึงมือน้องอย่างแน่นอนแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ดูจากรถที่ขี่ออกไปผมคงให้ตอนนี้ไม่ทันแล้ว

ผมเดินกลับมารถแล้วขับตามรถของทัชไปทันที ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมขับตามทัชแต่อาจจะหลายครั้งเลยด้วยซ้ำ เพราะบางทีมันต้องไปเห็นกับตาถึงจะสบายใจ



ทัชจอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นบ้านของน้องผู้หญิงที่ซ้อนท้ายกันมา ก่อนจะเข้าบ้านทัชก็ถอดหมวกกันน็อคให้น้องคนนั้น

บริการดีจังเลยแฮะ

แน่นอนว่าผมไม่เคยมีโมเม้นแบบนี้ ไอ้มองหน้าแล้วยิ้มหวานเยิ้มนั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้

ผมได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างนึกหงุดหงิดในใจ

สักพักทัชก็โบกมือเป็นเชิงบอกลาแล้วขี่รถออกไป ผมก็ขับรถตามไปเหมือนเดิมซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่าจุดหมายปลายทางทัชจะไปที่ไหน

แต่ก็เดาได้ไม่ยากหรอกถ้าไม่กลับบ้านแล้วจะไปไหน

แล้วก็เป็นตามที่คิดไว้ทัชขี่รถเข้าบ้านโดยที่ไม่ได้เอ๊ะใจว่ามีรถของผมขับตามมา ผมจึงบีบแตรเพื่อให้ทัชรู้ตัวแล้วเปิดประตูลงจากรถโดยไม่ลืมหยิบถุงขนมที่เตรียมไว้ออกมาด้วย

“อ้าว พี่ธัญ มีอะไรรึเปล่าครับ” ทัชเปลี่ยนจากเดินเข้าบ้านเป็นเดินออกมาหาผม

“พี่ทำขนมมาให้”

“พี่ทำ?” ทัชทำหน้าแปลกใจสุดขีดเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น

อาการเดียวกันกับไอ้โซไม่มีผิด

“ทำไมต้องทำหน้าแปลกใจขนาดนั้น”

“ก็พี่ทำไง” ทัชรับถุงขนมจากผมทั้งยังทำหน้าแบบเดิม

“จะกินได้ใช่ปะพี่” ทัชมองถุงขนมในมืออย่างไม่ไว้ใจ

ตอนผมชิมผมก็ว่ามันกินได้นะ อืม คงได้แหละ

“พี่มีเรื่องจะถาม”

“อะไรอะพี่” ทัชเงยหน้าจากถุงขนมขึ้นมามองผม

“ทัชมีแฟนรึยัง”

“พี่มาถามเอาทำไมตอนนี้” ทัชหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลก ซึ่งผมไม่ได้ตลกด้วยนะ

“โถ่พี่ พี่เห็นผมไปยุ่งกับใครหรอก็มีแต่พี่เนี่ย” แล้วผู้หญิงคนที่ไปส่งคือใคร

นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะถามแต่ทัชดันพูดขึ้นมาก่อน

“แต่ก็มีคุยๆ นะพี่ ก็เป็นเรื่องปกติของคนหล่อปะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ขยิบตาให้ผม

งั้นแสดงว่ากำลังคุยกันอยู่สินะ คู่แข่งมีทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายดูแล้วท้าทายดีนะ แต่ทำไมมันดูวุ่นวายแบบนี้วะเมื่อก่อนไม่เห็นจะมีอะไรยุ่งยากแบบนี้เลย พอมาเจอคนที่อยากอยู่ด้วยจริงๆ อะไรๆ มันก็ยุ่งยากไปหมด

นี่ล่ะมั้งที่เขาว่า ถ้าอะไรที่ได้มาง่ายๆ มันก็คงไม่มีค่าอะไร

“พี่จีบทัชแต่ทัชกลับไปจีบคนอื่น ใจร้ายกับพี่ชะมัด”

พอผมพูดแบบนั้นทัชก็เงียบทันที ผมพูดให้น้องรู้สึกแย่รึเปล่านะยิ่งปากไวอยู่ด้วย

“พี่ล้อเล่นน่ะ ตราบใดที่ทัชยังไม่มีแฟนพี่ก็ไม่ยอมแพ้หรอก”

“มันเป็นไปไม่ได้หรอกพี่…เรื่องของเราอะ”

จากสถานการณ์แบบนี้มันก็คิดได้ทางเดียวแบบที่ทัชคิดนั่นแหละ แต่สำหรับผม…

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกทัช” จนกว่าจะมีอะไรที่ทำให้ผมยอมรับว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ผมถึงจะยอมแพ้ซึ่งตอนนี้มันก็ไม่มีคำนี้อยู่ในหัวแม้แต่น้อย

ถ้าผมจะสู้เพื่อความรักสักครั้งมันคงไม่ทำให้ผมเสียเวลาหรอก เพราะไม่รู้ว่าจะเจอคนที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้อีกไหมหรือมันอาจจะไม่มีแล้วก็ได้

ทัชไม่ใช่คนที่จะอยู่ในสายตาผมด้วยซ้ำแต่พอได้รู้จักผมก็ต้องคิดใหม่ ผมควรเปิดใจกับสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัสบ้างซึ่งมันก็ทำให้ผมยังอยู่ตรงนี้

ทัชอาจจะดูธรรมดาแต่ผมชอบในความธรรมดาของเขา…




ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 18
วันว่างๆ


วันนี้เป็นอีกวันที่ผมและเดอะแก๊งมาเตะบอลที่วิลัยตอนเย็น แต่จะมีคนหนึ่งที่มานั่งดูเฉยๆ ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ตัง จะพิเศษหน่อยก็ตรงที่วันนี้พลอยมาดูพวกผมเตะบอลด้วย

“แม่งวันนี้ไอ้ทัชมาว่ะ สงสัยได้กำลังใจดี” เพื่อนในทีมแซวผมก่อนจะหันไปมองพลอยที่นั่งอยู่ข้างสนาม

นอกจากเดอะแก๊งแล้วก็มีเพื่อนในแผนกที่มาเตะบอลด้วยกันบ่อยๆ วันไหนไม่ได้ทำงานผมก็จะมาเตะบอลบ้าง เที่ยวบ้างตามประสา

“สรุปคบกันหรอวะ” เพื่อนคนหนึ่งถาม

“เสือกว่ะ” ผมพูดก่อนจะทำหน้ากวนๆ ใส่มัน

“อ้าว ไอ้เหี้ยนี่” ผมขำกับหน้าเหวอๆ ของมันที่ได้ยินผมตอบไปแบบนั้นก่อนจะวิ่งออกจากสนาม

ช่วงพักก็ต้องมาขอกำลังใจกันหน่อยครับ

“เก่งมากเลยทัช ยิงเข้าตั้งสองลูก” พลอยยกนิ้วโป้งให้ผมแล้วยื่นน้ำเปล่ามาให้

“ก็กำลังใจดีนี่ครับ”

“แหมมม ให้มันน้อยๆ หน่อยย่ะ”

“อ้าว มึงอยู่ตรงนี้ด้วยหรอ” ผมทำท่าเหมือนกับว่าเพิ่งเห็นว่าไอ้ตังนั่งอยู่ตรงนี้

“อยู่นานแล้วย่ะ” ไอ้ตังเบ้ปากใส่ผม แต่มีหรือที่ผมจะสนใจ

“ไอ้ตังงงงงง ขอน้ำหน่อย” เสียงไอ้ปาล์มดังมาแต่ไกล ตามด้วยเพื่อนคนอื่นๆ ที่เดินตามหลังมา

“หาแดกเองย่ะ” ว่าแล้วไอ้ตังก็ลุกขึ้นถือขวดน้ำเดินไปให้ไอ้โก้ บุคคลที่ไอ้ตังพร้อมจะบริการให้ถึงที่

“แล้วนี่จะเตะต่อไหม” พลอยหันมาถาม

“ต่อปะ” ผมหันไปถามเพื่อนคนอื่นๆ จริงๆ พวกผมก็เตะบอลกันมาสักพักใหญ่แล้วล่ะ

“กูมีธุระว่ะเดี๋ยวจะกลับแล้ว”

“ไว้วันหลังจะมาแก้มือ” เพื่อนในแผนกอีกคนพูดพลางเดินไปเก็บของ คนไม่ครบทีมมันจะไปสนุกได้ยังไงล่ะครับ

“ไว้ว่างๆ เดี๋ยวมาเตะด้วย”

“เออๆ ไว้เจอกัน” ผมว่าพลางโบกมือให้เพื่อนในแผนกที่กำลังจะกลับ

“เจอกัน”

“แล้วเราเอาไงต่อวะ” เมื่อเพื่อนคนอื่นกลับกันแล้วก็เหลือเพียงเดอะแก๊งของผมที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อ

“ตอนเย็นเราทำอาหารกินดีปะ ชวนพลอยไปด้วย” ไอ้ปาล์มเสนอ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ดูเหมือนจะเข้าทางผมสุดๆ

“ซื้อของมาทำกินหลายๆ คนก็น่าสนุกดีนะ” ไอ้โอ๊ตเสริม

“ว่าไงครับพลอย กินข้าวเย็นด้วยกันไหมเดี๋ยวตอนกลับทัชจะไปส่ง”

“ก็ได้นะ น่าสนุกดี”

“มีอะไรน่าสนุกหรอครับ ขอพี่ไปด้วยคนสิ” เสียงร่าเริงของใครบางคนทำให้พวกผมหันไปมอง และคนที่ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่กลับกำลังยิ้มให้พวกผมอยู่

พี่ไผ่

โอเค พี่ไผ่มาผมไม่แปลกใจเท่ากับพี่ไผ่เดินมากับพี่ธัญ ประเด็นคือมาด้วยกันได้ไงวะเนี่ย

ทั้งสองคนเดินมาหาพวกผมถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่อยากมาด้วยกันก็เถอะ

“มาได้ไงอะพี่”

“พอดีพี่ไปหาทัชที่บ้านไม่เจอเลยมาหาที่นี่”

“แล้ว…” ผมมองไปทางพี่ธัญที่ยืนหน้านิ่งไม่สนใจจะพูดอะไรสักอย่างทั้งยังเอาแต่จ้องผมไม่วางตา

“อ๋อ เจอกันที่บ้านทัชน่ะเลยมาด้วยกัน” แล้วมาด้วยกันแบบนี้ไม่ตีกันหรอหรือว่าตีกันก่อนหน้านั้นแล้ววะ

“จะไปไหนกันต่อครับ” น้ำเสียงดูใจดีเปล่งออกมาทั้งที่ใบหน้ายังคงนิ่งเหมือนเดิม

“พวกเราว่าจะไปซื้อของมาทำอาหารเย็นนี้ค่ะ พวกพี่สนใจมากินด้วยกันไหมคะ” นั่นไง ชวนใครไม่ถามความคิดเห็นคนอื่นเลยไอ้นี่

ผมหันไปสะกิดไอ้ตังซึ่งมันก็ไม่ได้สนใจผมเลยสักนิด ถ้าสองคนนี้อยู่ด้วยกันมันจะน่าปวดหัวแค่ไหนมึงรู้รึเปล่าเนี่ย

“ได้หรอครับ งั้นพี่ขอเป็นลูกมือนะ”

พี่ไผ่ผู้ไม่เคยปฏิเสธใครตอบรับอย่างไวแถมท่าทางดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ

“แล้วพี่ธัญล่ะคะ”

“ขอฝากท้องด้วยนะครับเย็นนี้”

เหอะ มึงทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่าไอ้ตังงงงงง พาเสือสองตัวเข้าบ้านมึงคิดว่ามันจะสงบไหม!

“งั้นเราไปซื้อของกันเถอะ เดี๋ยวกูไปกับพลอย”

“พี่ว่าให้สาวๆ ไปรอที่บ้านก่อนดีกว่านะ” พี่ไผ่เสนอ

สาวๆ ที่ว่าก็มีแต่พลอยนี่แหละครับส่วนไอ้ตังไม่นับ

“เอางี้ กูจะไปซื้อของกับไอ้ปาล์ม พวกมึงไปรอที่บ้านกันเลยรวมทั้งพวกพี่ด้วย” ไอ้โก้สรุป

“กูไปกับมึงดีกว่า ให้ไอ้ปาล์มมันกลับไปเตรียมของ” ไอ้โอ๊ตบอก พวกผมจึงพยักหน้าตกลงตามนั้นแล้วก็เดินไปหารถที่จอดอยู่ไม่ไกล

“นั่นใครหรอทัช” พลอยถามขณะเดินมาถึงรถ

“อ๋อ เพื่อนที่มหาลัยของพี่เราน่ะ”

“ทัชสนิทกับพี่ๆ เขาหรอ”

ผมหันไปมองพี่ธัญกับพี่ไผ่ที่เดินตามหลังแล้วหันกลับมาตอบพลอย

“ก็สนิทนะ”

ก็เรียกว่าสนิทได้เต็มปากเต็มคำแล้วล่ะครับ







“นั่นเพื่อนหรอ” พอมีโอกาสได้อยู่สองคนพี่ธัญก็ถามผมทันที

“ใคร”

“น้องผู้หญิงคนนั้น” ผมมองพี่ธัญที่กำลังมองผมอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมว่าพี่ธัญก็น่าจะรู้แล้วแหละว่าไม่ใช่เพื่อนธรรมดา แต่เป็นคนที่กำลังคุยๆ อยู่ต่างหาก

“รู้อยู่แล้วจะถามผมทำไม”

“คุยกันอยู่หรอ”

“ใช่ครับ”

พอผมตอบพี่ธัญก็เงียบไปสักพัก จะให้ผมทำไงวะผมว่าผมโคตรจะชัดเจนแล้วนะ แต่พี่ธัญแม่งยังดึงดันที่จะอยู่ตรงนี้เอง และด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีที่ต้องพูดแบบนี้ซ้ำๆ

“แต่ถึงยังไงก็ยังไม่ได้คบกัน พี่ก็ยังไม่ไปไหนหรอกนะ”

เหอะ เชื่อเขาเลย

“ไปที่อื่นบ้างก็ได้นะ เกะกะ” พี่ไผ่โผล่มาพร้อมชามผักในมือ ผมกับพี่ธัญหลบออกจากอ่างล้างมือแทบไม่ทัน

“ผมช่วยไหมครับ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ทำเอง”

เห็นได้ชัดว่าผมกับพี่ธัญดูว่างงานสุดๆ ในขณะที่คนอื่นก็เตรียมอุปกรณ์ทำครัวกันอยู่

“ทัช พี่ว่าถ้าทัชจะเลือกคบใครต้องเลือกให้มันดีๆ นะ คิดให้มากๆ รู้ไหม” ทั้งที่พูดกับผมแต่สายตากลับมองพี่ธัญ

เริ่มแล้วไง

“อย่างมึงไม่น่าจะมาบอกคนอื่นได้นะ”

“งั้นหรอ แต่กูเป็นห่วงทัชไงอยากให้น้องเจอแต่คนดีๆ ”

“เจอมึงก็ไม่ดีแล้วล่ะ” ผมเกือบหลุดขำกับประโยคที่พี่ธัญพูด คู่นี้เขาสมน้ำสมเนื้อกันดีนะผมว่า

“ยิ้มอะไรอะเรา” พี่ไผ่หันมาทำหน้าดุใส่ผมซึ่งมันก็ได้ดูจริงจังนัก

“เปล่าครับเดี๋ยวผมออกไปก่อนนะ พี่ธัญก็ช่วยพี่ไผ่ล้างผักดิจะได้มีอะไรทำ” ว่าแล้วผมก็รีบชิ่งออกมาทันที อย่าตีกันจนครัวผมพังก็แล้วกัน

“ไงล่ะมึง”

“ไงอะไรของมึง เพราะมึงเลยชวนมาทำไมเนี่ย” ผมทำหน้าเซ็งใส่ไอ้ตัง

“กูเห็นนะว่ามึงดีใจที่เขามา”

“กูเนี่ยนะ” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“กูจะบอกอะไรให้นะ เวลามึงมองพี่ธัญดูมีชีวิตชีวามากกว่ามองพลอยอีก” จากที่งงอยู่แล้วยิ่งทำให้ผมงงหนักกว่าเดิม ไอ้ตังมันพูดอะไรของมัน



“ทำอะไรอยู่เอ่ย” ผมนั่งลงข้างๆ พลอย

“กำลังทำซอสสปาเก็ตตี้น่ะ”

“ทำเป็นด้วยหรอ”

“โถ่ นี่ทัชจะหาว่าพลอยทำอาหารไม่เป็นหรอ” พลอยหันมาทำหน้างอนๆ ใส่ผมซึ่งมันน่ารักมาก

“เปล่าซะหน่อย แค่แปลกใจ”

“ทำเป็นสิ ปกติก็ทำบ่อย”

“งั้นเราก็สบายใจละ เพราะถ้าเราคบกันคงได้กินอาหารฝีมือพลอยบ่อยๆ แน่”

“ไม่คบก็ทำให้กินได้ค่ะ” ผมยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปยีผมพลอยอย่างนึกเอ็นดูนั่นทำให้เจ้าตัวหันมามองค้อนใส่ผม แต่ผมมองว่ามันทำให้เธอดูน่ารักขึ้นไปอีก

“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าทัชชอบตะบองเพชร”

“แล้วรู้ได้ไงอะ”

“เห็นตอนเดินเข้ามาในบ้านน่ะ” จะว่าไปคนให้จะเห็นมันไหมนะ

“แล้วพลอยชอบไหม”

“หมายถึงตะบองเพชรน่ะหรอ” ผมพยักหน้ารับ

“ก็ธรรมดานะ เราชอบกุหลาบมากกว่า”

“ผู้หญิงนี่ชอบดอกกุหลาบทุกคนรึเปล่า”

“ไม่หรอกน่า” แต่ส่วนมากก็ชอบกันทั้งนั้น

แต่ผมน่ะยังไงก็ชอบตะบองเพชรมากกว่าต้นไม้ชนิดอื่นอยู่แล้วล่ะนะ…







“กับข้าวไม่อร่อยหรอ” ผมถามพี่ธัญขณะเดินเอาจานมาเก็บ

“เปล่า”

“แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น” คุยกับเพื่อนผมอยู่นะแต่หน้านิ่งมาก

“สนใจด้วยหรอ”

“นี่พี่คงไม่ได้หึงผมกับพลอยใช่ปะ” ผมลองแกล้งถามเล่นๆ

“อันนั้นก็มีส่วน” แต่ผมควรเตรียมใจกับคำตอบที่ค่อนข้างตรงของพี่ธัญไว้ก่อนสินะ ไม่งั้นต้องมาสะดุดแบบนี้อีกแน่

“แล้วเหตุผลจริงๆ คือ?”

“ไอ้ไผ่” อย่างที่รู้ว่าพี่ไผ่เฟรนลี่แล้วก็เข้ากับคนอื่นง่ายมากแล้ววันนี้ก็ชวนผมคุยบ่อยเป็นพิเศษถ้านี่คือสาเหตุที่ทำให้พี่ธัญนั่งหน้านิ่งมันก็คงไม่แปลก

“พี่ยังไม่ชินอีกหรอ พี่ไผ่ก็แบบนี้”

“ไม่ชิน แล้วก็ไม่มีวันชินด้วย” น้ำเสียงที่ฟังดูเอาแต่ใจจนผมมองพี่ธัญ นั่นทำให้พี่ธัญรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ

“จริงๆ พี่ก็ไม่มีสิทธิ์ แต่จะห้ามความรู้สึกมันก็ทำไม่ได้ ทัชเข้าใจพี่หน่อยนะ”

ผมเข้าใจพี่ธัญ เข้าใจจนไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังรู้สึกอะไรกันแน่ ทำไมการกระทำของผมมันถึงดูสวนทางกับคำพูดแบบนี้







….………………………………



“เดินคนเดียวไม่เหงาหรอครับบบบ” ผมตะโกนทักคนที่อยู่อีกฝั่งก่อนที่เจ้าตัวจะหันมา

“มาได้ไง” พอเห็นว่าเป็นผมพี่ธัญก็ยิ้มให้แล้วเดินข้ามจากอีกฝั่งมาหาผม

“ผมเอาของมาให้พี่แทนอะ แล้วทำไมมาเดินคนเดียวครับ” ผมจอดรถพลางถอดหมวกกันน็อคเพื่อคุยกับพี่ธัญ

“กำลังจะกลับคอนโดไง”

“เดิน?”

“เขาเรียกว่าไปหารถเอาข้างหน้า”

“แล้วรถพี่ล่ะ”

“อยู่คอนโด เมื่อเช้าติดรถไอ้ภูมิมา”

“ผมไปส่งเอาเปล่า” พี่ธัญทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อผมบอกจะไปส่ง มันแปลกหรอปกติผมก็แบบนี้นะ

“ทำไมวันนี้ใจดี”

“ผมก็ใจดีทุกวันแหละ”

“งั้นหรอ”

“จะไปไม่ไปเนี่ยพี่ ถ้าพี่แทนผ่านมาเห็นผมไม่รู้ด้วยนะ” ที่จอดรถคุยด้วยก็เสี่ยงมากพอละ ผมนี่เปรี้ยวตีนจริงๆ เดี๋ยวคงโดนพี่แทนจับได้เข้าสักวัน

“ทำไมน่ารัก”

“อะไรนะ”

“ทำไมทัชน่ารักจังเลยครับ” ผมแม่งไม่ชอบที่พี่ธัญพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้เลยว่ะ

มันทำให้ผมหน้าร้อนแปลกๆ น่ารักหรอ ผมหล่อต่างหากล่ะเว้ย

“พูดมากว่ะ”

“เพิ่งจะพูดเมื่อกี้เอง โมโหกลบเกลื่อนความเขินหรอเรา”

“หยุดพูดเลยพี่อะ แล้วก็เอาหมวกกันน็อคไปใส่ด้วย” ผมยื่นหมวกกันน็อคให้พี่ธัญแต่แทนที่เจ้าตัวจะรับไปใส่แต่กลับดันหมวกมันคือมาให้ผม

“ใส่เถอะ”

“พี่อะใส่ไปเร็วๆ อย่าลีลา” คราวนี้ผมยัดหมวกกันน็อคใส่มือพี่ธัญแล้วตั้งท่าจะสตาร์ทรถ ทำให้พี่ธัญไม่มีทางเลือกใส่หมวกแล้วซ้อนท้ายผมทันที

ต้องให้บังคับว่ะ







“คราวนี้คงไม่ให้ค่ามาส่งผมอีกนะ”

“ยังจำได้อีกหรอ” พี่ธัญว่าพลางถอดหมวกกันน็อคแล้วส่งคืนให้ผม

“มันฝังใจมั้ง”

“ก็จำแต่เรื่องดีๆ บ้าง”

“มีด้วยหรอ”

“เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวแสบ” พี่ธัญขี้หน้าคาดโทษจนทำให้ผมหัวเราะออกมา โถ่ กลัวที่ไหนล่ะครับบ

“เข้าไปเถอะครับ เดี๋ยวผมกลับละ”

“กลับดีๆ นะ”

“ดีอยู่แล้วครับ”

พอนึกถึงครั้งแรกที่มาส่งพี่ธัญกับตอนนี้มันค่อนข้างต่างกันด้วยซ้ำ ตอนนั้นดูจะไม่ถูกกันซะมากกว่า แต่ตอนนี้ดูจะเข้ากันได้ดีจนน่าแปลกใจ

แต่มีมิตรก็ดีกว่ามีศัตรูอยู่แล้วล่ะนะ ว่าไหม

“แล้วก็... ฝันดีนะ” และประโยคนี้คงต่างจากครั้งแรกที่เคยมาส่งเช่นกัน

“ฝันดีเช่นกันครับ” ต่างกันมากด้วย

เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีประโยคนี้หลุดออกจากปากผมแน่ๆ อีกอย่างผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความหมั่นไส้เปลี่ยนมาเป็นรู้สึกดีตั้งแต่เมื่อไหร่






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด