ชอบ "ก็" จีบ #ชอบก็JEEB l จีบสุดท้าย l 10/8/63 l P.9 [EnD]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชอบ "ก็" จีบ #ชอบก็JEEB l จีบสุดท้าย l 10/8/63 l P.9 [EnD]  (อ่าน 64725 ครั้ง)

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

---------------------------------------------------

                                                   ผลงานในเล้าเป็ดเรื่องอื่นๆ
                                                    นิยาย
                                                   1.  บ้านไร่ปรายรัก [Complete]                                                                    
                                                   2. ● รักข้างเดียว ● [ One-side love] [Complete]
                                                   3. ll เล่นเพื่อน ll [Complete]
                                                   4. หลงกาว(น์) [Complete] 
                                                   5. ❤ค่ายสร้างรัก❤ [Complete]
                                                   6. พราน ‘ล่อ’ เนื้อ [Complete]
                                                   7. ▲▼Return To Love ▲▼ [Complete]
                                                   8. ✪ You're my sky : #จุดหมายคือท้องฟ้า ✪ [Complete]
                                                   9. ☘ ป่าห่มรัก ☘ [Complete]
                                                    เรื่องสั้น                                                                                                     
                                                   1.  เรื่องสั้น .... - [ แสนชัง ] - [Complete]
                                                   2. [เพราะอกหัก...รักจึงบังเกิด] [Complete]
                                                   3.   ҉    วันวานยังหวานอยู่    ҉   [Pause]

---------------------------------------------------


#ชอบก็Jeeb
                                                 

‘ศกัณฐ์ เตชะวรลักษณ์’
ปี3  วิศวเครื่องกล สาขายานยนต์

'มึงไม่รู้เหรอว่าวิศวะฯ นอกจากมีเกียร์ก็มีพี่เซียนนี่แหละ'

'รู้แต่ว่า มะเขือยาวยังดูดีกว่าหน้าพี่มึง'

'กูพนันได้เลย สักวันหนึ่งมึงแพ้ทางเซียน ศกัณฐ์แน่นอน'

'ไม่มีทาง'

---------------------------------------------------


**เราลงนิยายทุกวันจันทร์นะคะ**
ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่นะคะ
Fanpage :Karnsaii
Twitter: Karnsaii_Novel

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2020 20:58:11 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ชอบ "ก็" จีบ #ชอบก็JEEB l Intro l 24/12/62 [UP]
«ตอบ #1 เมื่อ24-12-2019 16:16:26 »

หายไปไหน

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
‡ ชอบก็ ‘JEEB’ ‡

- จีบที่1 -




ฝันดี

ผมขอนิยามความรู้สึกอุ่นๆ ในอกที่อยู่ในห้วงแห่งความฝันนี่ว่า “ฝันดี” โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารู้สึกว่าความฝันนั้นเป็นความทรงจำพิเศษที่ติดอยู่ในห้วงความทรงจำมาตลอด ใครกันเล่าอยากจะตื่นจากความฝันที่ว่า และฝันดีของผมคือการที่เห็นภาพความทรงจำในวันวาน

ภาพเด็กน้อยร่างเล็กแกรนคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นมือทั้งสองยกขึ้นปาดน้ำตาที่อาบเต็มร่องแก้ม สีหน้าเหยเกเพราะรู้สึกเจ็บแผลตรงหัวเข่าที่ตัวเองวิ่งหกล้มจนหัวเข่าครูดไปกับพื้นถนน

แน่นอนว่าบาดแผลเลือดไหลซิบนั่นทำให้เด็กน้อยขวัญเสียจนร้องไห้ จนกระทั่งร่างของเด็กอีกคนเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้า ร่างของเด็กหนุ่มวัยกำลังโตนั่นสูงพอจะยืนบังแดดให้กับคนเสียขวัญ ผู้มาใหม่ทำหน้ายุ่งยากใจกอดอกเลียนแบบกิริยาของผู้ใหญ่ก่อนถอนหายใจออกมา

“หยุดร้อง”

มือที่เพียรปาดน้ำตาให้ตัวเองของร่างเล็กแกรนหยุดชะงักก่อนจะเงยหน้าหยีตาเมื่อแสงแดดส่วนหนึ่งสาดมากระทบดวงตา คนตัวโตกว่าจึงขยับเบี่ยงตัวไปอีกทางเพื่อบังแสงแดดนั่น

“เป็นผู้ชายอะไรร้องไห้”

“ก็หนูเจ็บ”

เด็กน้อยขี้แงเบะปากทันที

“ตัวขนาดนี้ไม่หนูแล้ว”

เด็กที่ยืนอยู่โน้มตัวลงมาจนใกล้

“แบบนี้เรียกหมู”

“ฮือออ”

พูดจบคนถูกแหย่ก็ร้องไห้โฮจนอีกฝ่ายเกาหัวแกรกๆ ทำหน้าไม่ถูก สุดท้ายคนที่โตกว่าจึงทรุดตัวนั่งข้างกับเด็กขี้แงนั่น

“ร้อนตูดชะมัด”

คนตัวโตบ่นพึมพำก่อนจะล้วงเข้าไปในกางเกงเนื้อดีแล้วควักเอาบางอย่างมายื่นให้คนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น

“อ่ะ”

เด็กขี้แงทำหน้างงไม่เข้าใจ

“ให้”

คนตัวโตกว่าทำหน้าหงุดหงิด

“พี่ให้หนูเหรอ”

“เออ”

“รับไปสิ มานี่เดี๋ยวแกะให้เลย กินแล้วต้องหยุดร้องไห้นะ”

คนที่ถูกล่อด้วยของกินพยักหน้าหงึกหงัก

“หยีน้ำมูกไหล”

ฝ่ายที่แกะซองห่อลูกอมให้ทำหน้าขยะแขยงแต่ถึงอย่างนั้นก็ยื่นชายเสื้อตัวเองให้อีกฝ่ายเช็ดน้ำมูก

“อร่อยฮะ”

หลังจากถูกป้อนด้วยลูกอมรสมินท์ สีหน้าคนงอแงก็ดีขึ้น ดวงตาคู่นั้นมองพี่ชายแปลกหน้าที่ใจดีกับตัวเองอย่างชอบใจ

“ย้ายที่นั่งเหอะ นั่งกลางแดดมันร้อน”

แต่อีกฝ่ายดูเหมือนไม่ได้ให้ความสนใจ ผุดลุกขึ้นฉุดแขนร่างแกรนให้ลุกขึ้นเดิน

“พี่ชายลูกอมอร่อยจัง มีอีกมั้ยฮะ”

ฝ่ายนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะจูงแขนอีกฝ่ายให้เดินเคียงข้างกัน

“บ้านอยู่ไหนเดี๋ยวไปส่ง”

“ตรงซอยข้างหน้าฮะ”

“เดี๋ยวถึงบ้านจะให้ลูกอมที่เหลือ”

ดวงตาคู่เล็กเป็นประกายทันที จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงรั้วบ้านไม้สีฟ้าตัดกับตัวบ้านสีขาวสะอาดตา

“นี่บ้านหนู”

“อืม”

คนตัวโตกว่ายื่นลูกอมรสมินท์ที่เหลือให้อีกฝ่าย

“นี่เรียกว่าลูกอมมายมินท์ แต่รสชาติเหมือนยาสีฟันเนี่ยนะอร่อย” คนให้บอกก่อนจะยักไหล่ “ถ้าชอบก็เอาไปให้หมดเลย อันนี้ของน้องสาวมันติดกระเป๋ามา”

“ขอบคุณฮะพี่ชายใจดี”

“รีบเข้าไปได้ทำแผลได้แล้ว เดี๋ยวเลือดก็หมดตัวซะก่อนหรอก”

“ฮะ”

คนได้ของกินพยักหน้ารับอย่างแข็งขันก่อนจะรีบวิ่งเข้าบ้าน แต่จังหวะนั้นนึกอะไรออกจึงหันไปตะโกนถามแผ่นหลังที่กำลังจะผละออกไป

“พี่ชายใจดีชื่ออะไรฮะ”

ฝ่ายนั้นชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกดยิ้มมุมปากก่อนจะตอบ

“ยักษ์”

“คนอะไรชื่อยักษ์”

คนน้อยเกาหัวแกรกๆ มองเจ้าของชื่อประหลาดอย่างไม่เข้าใจ

“พี่ชายไม่ได้มีเขี้ยวเหมือนยักษ์ทศกัณฐ์สักหน่อย”

เจ้าของชื่อยักไหล่อีกครั้งก่อนจะผละออกไป เด็กน้อยมองตามแผ่นหลังนั่นไปจนลับตาก่อนจะทำหน้าเสียดาย

“ถามแต่ชื่อพี่ยักษ์ ยังไม่ได้บอกชื่อตัวเองเลย”

เด็กน้อยพึมพำเหม่อไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าแล้วถอนหายใจออกมา

“ผมชื่อเปียวนะฮะ”

“...”

“เปียว ปัณณกิตชอบกินลูกอมมายมิ้นท์ของพี่ยักษ์มากเลยฮะ”

.

.

.

ผมสะดุ้งตื่นตอนที่แสงแดดยามเช้าซึ่งลอดผ่านม่านหน้าต่างที่ไม่ได้รูดปิดเมื่อคืนเข้ามา ผมลูบหน้าตัวเองแรงๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจเมื่อรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นรัว

ฝันถึงเรื่องตอนเด็กอีกแล้ว ผมยิ้มน้อยๆ เหลือบตามองไปยังโต๊ะที่วางโคมไฟข้างเตียงซึ่งมีลูกอมยี่ห้อหนึ่งวางอยู่ตรงนั้น

ลูกอมมายมิ้นท์

“อยู่ๆ ทำไมถึงฝันเรื่องนี้วะ”

“...”

“ป่านนี้ไอ้พี่ยักษ์มีลูก มีเมียไปแล้วมั้ง”

คนที่หวนนึกถึงอดีตพูดขำๆ จำได้ว่าตอนเด็กๆ ย้ายตามพ่อไปอยู่เชียงใหม่ช่วงหนึ่ง ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมเลยบังเอิญได้รู้จักไอ้พี่ยักษ์ซึ่งมาเยี่ยมปู่ย่ากับครอบครัวที่บ้านอยู่ระแวกเดียวกัน ตอนเด็กนั้นมาก ความทรงจำถึงได้เลือนๆ ลางๆ  แต่ที่จำไม่ลืมก็เรื่องที่ผมร้องไห้งอแงหนักตอนที่พ่อกับแม่บอกว่าจะย้ายบ้าน เพราะมีคำสั่งให้พ่อไปรับตำแหน่งที่จังหวัดอื่น

ผมจำได้ดีว่าร้องไห้เสียใจมากเพราะจะไม่ได้เจอไอ้พี่ยักษ์อีก

เฮ้อ กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน

คิดถึงตอนนั้นชะมัด

ผมยักไหล่ก่อนจะปัดความทรงจำวัยเยาว์ทิ้งไปแล้วผุดลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ดังขึ้น แล้วเดินดิ่งไปคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่ตากไว้ตรงระเบียงหอพัก จังหวะที่เลื่อนประตูกระจกตรงระเบียงออกกลิ่นฉุนกึกก็ลอยมาประทะจมูกทันที

ไม่ต้องเดาให้ยาก

ผมหันขวับไปตามกลิ่นนั้นทันเห็นเพื่อนข้างห้องที่ระเบียงติดกันเหลือบตามองมาทางนี้พอดี ก่อนที่มันจะดับบุหรี่ในมือด้วยการทิ่มไปกับกระถางทรายแถวนั้น

“สูดมะเร็งแต่เช้าเลยนะ”

มันโคลงศีรษะก่อนจะทำเสียงจิ๊ปาก

“เรื่องอะไรมาแช่งกูไอ้เปียว”

ไอ้เวรที่เป็นทั้งเพื่อนข้างห้องและเพื่อนสนิทของผมยักไหล่ทันที พูดตรงๆ นะ ผมว่ามันเป็นผู้ชายที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อย แต่คำพูดที่พ่นออกจากปากมันนี่ทำให้ความน่ารักของมันหายวับเลย

“เพลาๆ บ้างเหอะอ๋อง”

“...”

“กูเห็นมึงสูบบ่อยมากนะช่วงนี้ มีเรื่องเครียดอะไรนักหนาวะ”

มันยักไหล่อีกครั้ง

“อีกอย่างนะเว้ยมันเหม็น”

ไอ้อ๋องชะงักไปแล้วถอนหายใจแรงๆ เพราะมันรู้ดีว่าผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ถ้าดมมากๆ เข้าก็จะแพ้ผื่นขึ้นในบางครั้ง

“โทษทีว่ะ”

“...”

“กูจะพยายามเพลาๆ กูลืมไปว่ามึงแพ้กลิ่นมัน”

มันว่าพร้อมกับคว้าผ้าเช็ดตัวพาดไหล่เดินเข้าห้องตัวเองไป

“เลิกได้ก็ดี”

ผมตะโกนตามหลังมันไปแล้วส่ายหัวเพราะพอจะรู้มาบ้างว่าเพื่อนสนิทมีปัญหาเรื่องที่บ้านแต่มันไม่ค่อยปริปากเล่าอะไรให้ฟังหรอก คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วคว้าเอาผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำบ้าง ทุกเช้าๆ ผมจะอาศัยซ้อมซูซูกิสีดำของไอ้อ๋องไปเรียนทุกวัน หลังจากสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในชุดนิสิตแล้วผมก็รีบคว้ากระเป๋าแล้วปิดประตูห้องทันทีเมื่อได้ยินเสียงห้องข้างๆ เปิดประตู

ไอ้อ๋องโยนหมวกกันน็อคให้ผมตอนที่เปิดประตูออกไปเจอมัน

“สายแล้ว เมื่อกี้ไอ้ห่าโต้งไลน์มาว่ามันถึงคณะแล้ว”

มันทำหน้าแปลกใจ

“รอคณะเราเหรอวะ”

“อือ”

ผมเองก็ประหลาดใจไม่แพ้มันหรอก เพราะ ‘ไอ้โต้ง’ เพื่อนสนิทอีกคนมันเรียนคนละคณะกับพวกผม ซึ่งคณะของมันอยู่ตั้งฝั่งใหญ่โน่น แต่ดันถ่อมากินข้าวที่คณะผมซึ่งอีกฝั่งได้เกือบทุกวัน

“มันเรียนวิศวะฯ ไม่ใช่เหรอ ทำไมถ่อมากินซะไกล”

ผมโคลงศีรษะไปมา

“สงสัยมันติดใจไก่ทอดป้าสมศรีรึเปล่าวะ”

ป้าสมศรีที่ว่าเป็นเจ้าของร้านขายไก่ทอดขึ้นชื่อที่คณะของผม ทั้งผมและไอ้อ๋องต่างพากันยักไหล่เพราะไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เดือนปีหนึ่งคณะวิศวะฯ หอบสังขารมากินข้าวเช้าที่คณะผมบ่อยๆ



- J E E B -



โรงอาหารที่คณะผมยามเช้าคนเยอะจนแทบไม่มีที่นั่งเนื่องจากเป็นโรงอาหารรวมของสามคณะซึ่งไปประกอบไปด้วยคณะจิตวิทยา คณะสหเวชฯ และคณะผม (วิทยาศาสตร์การกีฬา) บรรยากาศหนาตาเต็มไปด้วยผู้คนจนมองไม่เห็นโต๊ะที่นั่งว่างเลย ผมหันซ้ายหันขวาอยู่พักหนึ่งก่อนที่สายตาจะเหลือบไปปะทะกับร่างสูงของเพื่อนสนิทที่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่โต๊ะๆ หนึ่ง ผมคงมองหามันไม่ง่ายขนาดนี้หากไม่ใช่เพราะหมอนั่นตัวสูงตั้งร้อยแปดสิบกว่าขนาดเวลามันนั่งยังเห็นเด่นชัด ซ้ำโต๊ะที่มันนั่งนั่นมีแต่สาวๆ แวะเวียนมาทักและขอถ่ายรูปกันไม่ขาดสาย

“หล่อนักนะไอ้ห่าโต้ง”

ผมทักมันพอดีกับที่โอ้โต้งถ่ายเซฟฟี่กับสาวๆ กลุ่มหนึ่งเสร็จ ไม่แปลกหรอกหากไอ้เวรนี่จะเป็นคนดังที่ใครๆ ต่างก็รู้จักเพราะมันเป็นเดือนคณะวิศวะฯ ซ้ำยังเป็นหนึ่งใน ‘คทากร’ ที่จะทำหน้าที่ถือคทาเดินนำขบวนพาเหรดในงานฟุตบอลประเพณีระหว่างมหาลัยผมและมหาวิทยาลัยแถวรังสิตที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

แน่นอนว่าหนังหน้าอย่างมันโผล่มาแถวคณะผมย่อมเป็นที่สนใจของสาวๆ ไม่มากก็น้อย

“พวกมึงมาช้า กูจะเดินไปสั่งข้าวจานที่สองแล้ว”

ผมเหลือบตามองข้าวในจานมันที่พร่องไปกว่าครึ่งแล้ว

“ระวังพุงมึงออกแล้วสาวไม่กรี๊ดนะ”

ไอ้อ๋องเอ่ยแซว

“ให้กินกูเถอะ ซ้อมคทากรแต่ละวันกูเหนื่อยจะตาย”

ผมพยักหน้ารับหงึกหงักเพราะได้ยินมันบ่นเรื่องซ้อมคทากรในช่วงเย็นของแต่ละวันหนักหน่วงพอสมควร

“เหนื่อยขนาดนี้ก็ยังถ่อมากูข้าวที่คณะกูได้เนอะ”

ผมหันไปพยักพเยิดกับไอ้อ๋อง

“ติดใจอะไรกับข้าวที่คณะกูนักหนาว่า วิศวะฯ กับวิทย์กีฬาห่างกันคนละโยชน์เลยนะ”

คนถูกถามไม่ตอบในทันทีมันแค่ยักไหล่ ท่าทางแบบนั้นทำให้หรี่ตามองด้วยความสงสัยแต่ยังไม่ทันจะได้คาดคั้นเอาคำตอบจากเพื่อนสนิทหรอก พอดีร่างคุ้นตาของลุงรหัสผมเดินถือจานข้าวมาแต่ไกล แต่เพราะตอนเช้าที่คับคั่งไปด้วยประชากรนิสิตสามคณะ โต๊ะว่างจึงหาได้ยากจนพี่แกทำหน้าเซ็งๆ

“พี่อุ้มทางนี้”

คนถูกเรียกผินใบหน้ามาทางนี้ก่อนจะขยับรอยยิ้ม คนในเสื้อกีฬาปกสีส้มสวมกางเกงบอล ไหล่ข้างหนึ่งสะพายกระเป๋ากีฬาเลยเดินตรงมาทางผม จังหวะที่ผมขยับที่นั่งเพื่อให้เพิ่มพื้นที่ให้ลุงรหัส แวบหนึ่งผมเห็นไอ้ห่าโต้งขยับรอยยิ้มที่มุมปาก

“โรงอาหารตอนเช้าคนโคตรเยอะ”

พี่แกพูดขึ้นหลังจากรับไหว้พวกผมก่อนจะทำหน้าเหม็นเบื่อเมื่อเห็นไอ้โต้งซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยักคิ้วให้

“โรงอาหารคณะมึงไม่มีข้าวกินเหรอ”

ลุงรหัสผมพูดขึ้น ขณะที่ไอ้เพื่อนเวรแค่ยักไหล่ ผมมองภาพตรงหน้าก่อนจะส่ายหัวเพราะมันเป็นภาพที่ชินตาซะแล้วเวลาที่พี่แกเห็นไอ้เดือนวิศวะฯ นี่โผล่หัวมาที่คณะผมทีไร สองคนนี่ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่ ถ้าให้พูดตรงๆ คือมีแต่สายรหัสปีสามของผมฝ่ายเดียวที่ไม่ชอบขี้หน้าไอ้โต้ง เพราะไอ้เวรนั่นเคยแซวส่วนสูงของพี่อุ้ม แน่นอนว่ามันทำให้ลุงรหัสผมโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ขณะที่คนชอบแหย่อย่างเพื่อนผมดันชอบใจซะอย่างนั้น

“มีพี่ แต่คณะผมกะเพราเนื้อไม่อร่อย”

ผมเหลือบตามองจานข้าวผัดกะเพราของพี่อุ้มทันที ก่อนคลึงขมับเพราะเห็นแววต่อล้อต่อเถียงกันระหว่างคนคู่นี้

“ทำไมของคณะมึงเป็นเนื้อหมาเหรอ”

ผมกับไอ้อ๋องหัวเราะทันที

“เปล่าพี่”

ไอ้โต้งยิ้มตาพราว มันจ้องใบหน้าขาวของพี่อุ้มก่อนกดยิ้มมุมปาก

“ผมว่าเนื้อคณะพี่น่าจะอร่อยที่สุด”

เดี๋ยวนะ! ที่มึงพูดถึงนี่เนื้อสัตว์หรือเนื้อคน ผมหรี่ตามองเพื่อนสนิทที่จ้องใบหน้าลุงรหัสผมไม่วางตา

สายตามันมองพี่อุ้มเหมือน...กำลังจ้องอาหาร

“ไอ้สัตว์”

พูดไม่พอพี่อุ้มแม่งยังชูนิ้วกลางให้อีกฝ่ายเป็นของแถม ขณะที่ไอ้เพื่อนเวรดันหัวเราะชอบใจจนไอ้อ๋องส่ายหัวแล้วผละออกไปซื้อข้าว

“เพื่อนมึงแม่งประสาทแดกว่ะเปียว”

พี่อุ้มส่ายหัวก่อนจะหันมาคุยกับผม

“มันมีได้แค่หน้าตาเท่านั้นแหล่ะพี่”

ผมเหน็บเพื่อนสนิทซึ่งๆ หน้าจนมันเบะปากให้ ระหว่างนั้นมีสาวๆ กลุ่มหนึ่งเดินมาขอไอ้โต้งถ่ายรูปผมเลยทันได้เห็นพี่อุ้มเบะปากใส่แผ่นหลังมันไป

“หมั่นไส้เพื่อนผมขนาดนั้นเลย”

“ถามจริงนะ”

พีรหัสปีสามเจ้าของส่วนสูงตามาตรฐานชายไทยพอดิบพอดีหันมาถามผม

“มึงคบไอ้เวรนี่ไปได้ยังวะ กวนตีนฉิบหาย”

ผมยิ้มน้อยๆ

“จริงๆ มันนิสัยดีนะพี่ แต่มันชอบหยอกชอบแซวเท่านั้นเอง”

พี่แกส่ายหัวแรงๆ

“ปากแบบนี้อ้อนตีนน่ะสิ” พี่แกเบะปาก “เออว่าแต่เย็นนี้อย่าลืมที่นัดนะ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักเพราะเย็นนี้สายรหัสผมนัดเลี้ยงกันที่ร้านอาหารกึ่งผับใกล้ๆ มหาวิทยาลัยนี่แหละ เพราะตอนเปิดสายวันนั้นสายรหัสปีสี่ดันติดธุระมาไม่ได้ ฉะนั้นวันนี้พี่แกเลยจะเลี้ยงสายให้พวกผมอีกที

“มายมิ้นท์อีกแล้วเหรอวะ”

พี่อุ้มบุ้ยปากไปที่ลูกอมในมือที่ผมล้วงออกมาจากกระเป๋าเป้

“ของโปรดผมนี่พี่”

หยิบเข้าปากแล้วเคี้ยวรสมิ้นท์ที่สัมผัสได้ทำให้รู้สึกตื่นตัวและเย็นสบาย ที่สำคัญกินทีไรนึกถึงคนให้ครั้งวัยเยาว์ทุกที

“ชอบอะไรขนาดนั้นวะ”

“กินแล้วนึกถึงตอนเด็กๆ พี่”

คิดถึงคนให้ที่ใจดีพาเด็กขี้แงไปส่งถึงบ้าน และหลังจากนั้นยังอุตส่าห์แวะเวียนมาเล่นด้วย และทุกครั้งที่มามักจะมีลูกอมมายมิ้นท์ติดมือมาฝาก ไอ้พี่ยักษ์คงไม่รู้ว่านอกจากลูกอมรสนี้แล้วผลข้างเคียงจากความชอบนั่นทำให้ผมคลั่งไคล้ของกินแทบจะทุกชนิดที่เกี่ยวกับมิ้นท์ เรียกว่าเป็นสายมิ้นท์เข้าเส้นเลือดเลยก็ว่าได้

“ชอบเหมือนน้องสาวเพื่อนกู”

ผมทำหน้าสนใจ

“เพื่อนกูนะต้องซื้อของกินเกี่ยวกับมิ้นท์ไปให้น้องสาวมันประจำ กูว่าน้องสาวเพื่อนกูคงคลั่งมิ้นท์พอๆ กับมึงเนี่ยแหละ”

“...”

“แต่มึงรู้มั้ยว่าเพื่อนกูแม่งเกลียดมิ้นท์ฉิบหาย”

จังหวะที่กำลังนิ่งฟังพี่อุ้มเล่าอย่างตั้งใจผมรู้สึกผมว่าบรรยากาศในโรงอาหารพลันเงียบสงบไปชั่วพริบตา เสียงเซ็งแซ่จอแจหายไปราวกับหยุดเวลา ความสงสัยนั่นทำให้ผมกวาดสายตามองไปรอบโรงอาหารทันที

“พูดถึงไม่ได้เลยนะไอ้ห่า”

พี่อุ้มส่ายหัว

“โผล่หัวมาทำให้คณะกูวุ่นวายจริงไอ้ห่าเซียน”

หือ?

ผมมุ่นหัวคิ้วทันทีเมื่อได้ยินชื่อใครสักคนหลุดออกมาจากปากพี่แก แล้วความสงสัยของผมก็ได้คำตอบเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อช๊อปคณะวิศวะฯ สองคนเดินเด่นปะปนกับคนอื่นมาแต่ไกล

หนึ่งในสองเป็นคือคนดังของภาคยานยนต์ที่ใครๆ ก็รู้จัก

“ไอ้เซียน ไอ้เดี่ยวทางนี้”

พี่อุ้มโบกมือเรียกสองคนนั่น แน่สิ ก็สองคนนั้นคือเพื่อนสนิทของลุงรหัสผม

“โต๊ะโน้นว่างพอดี เดี๋ยวกูย้ายไปนั่งโน้นนะ ตรงนี้คงนั่งไม่พอตัวควายๆ ของพวกมันคงเบียดเบียนที่นั่งของพวกมึงน่าดู”

ผมพยักหน้าหงึกหงักเอาจริงๆ ก็เคยเห็นเพื่อนสองคนนั้นของพี่อุ้มแวะมาที่คณะบ่อยๆ วันนี้คงแวะมากินข้าวเหมือนที่เห็นบ่อยๆ มั้ง ผมสรุปในใจก่อนจะผุดลุกขึ้นผละออกไปต่อแถวซื้อข้าว

“พี่เซียน”

สองสาวข้างหน้าที่ผมกำลังต่ออยู่ซุบซิบกันเสียงไม่เบาก่อนจะชี้ไม้ชี้มือไปที่ยังคนในหัวข้อสนทนา

“พี่เซียนจริงๆ ด้วย”

“ตัวจริงหล่อมาก”

“จริงแก ขนาดหน้าไม่ค่อยยิ้มยังดูดีขนาดนั้น”

ผมโคลงศีรษะแล้วอดคิดตามสองสาวข้างหน้านี้ไม่ได้ แวบหนึ่งผมเหลือบตามองไปยังคนในชุดเสื้อช๊อปที่ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะเดียวกับพี่อุ้ม ขนาดเห็นไกลๆ ยังรู้สึกว่าฝ่ายนั้นดูดีไม่น้อย

“แต่เสียดายมาก พี่เซียนมีเจ้าของแล้ว”

สองสาวตรงหน้าบ่นขึ้นอีกครั้ง

“จริงเหรอ”

“ก็ไอ้เพจนั่นไง”

ผมกดยิ้มมุมปากเพราะก่อนหน้านี้ตัวเองก็ไปกดไลท์เพจดังกล่าวมาแล้ว

ตึ้ง!

จังหวะนั้นเสียงแจ้งเตือนเพจซึ่งผมกดติดตามเอาไว้ก็เด้งขึ้น ผมจึงไม่รอช้ากดเข้าไปอ่านโพสซึ่งลงรูปชายหญิงยืนเคียงกันพร้อมข้อความ



เพจทวงคืนเหมียวมาริสาสมบัติสาธารณะจากเซียนศกัณฐ์

 ช่วงนี้คนเลิกกันเยอะนะ ไม่สนใจแยกกันบ้างหรือครับ



Comment

รักน้องเหมียวคนเดียว เหมือนน้องเหมียวถ่ายกับพ่อว่ะ

Sitt.Sita โฉมงามกับอสูรชัดๆ

โอชิน้องเหมียวคนเดียวในใจ ทุกคนอย่าตกใจไป จริงๆ น้องเหมียวกับผมคบกันสักพักแล้ว เซียนมันก็แค่ตัวหลอก

Arm❤Meow หยี! น้องเหมียวไปล้างมือให้สะอาดนะครับ

FCพี่เซียน หล่อเยี่ยวเล็ด

แมนวังหินซิ่งเบาะปลิว พลาดจากเซียนยังมีเพี้ยนรออยู่นะครับ

Onlyพี่เซียนวิศวะฯ พร้อมเป็นเมียพี่เซียนค่ะ

Tichob_tichob คสพ.คู่นี้ก้าวแรกไม่เป็นอะไร ก้าวต่อไปคือเลิกรา

จะชงจนกว่าจะได้พี่เซียน @FCพี่เซียน ข้ามศพฉันไปก่อน!

คอมเมนต์แม่งโคตรจี้!

ผมขำจนไหล่สั่นตอนที่อ่านความคิดเห็นใต้โพสซึ่งไหลเป็นน้ำ ทั้งๆ ที่โพสดังกล่าวถูกโพสไปแค่ไม่กี่นาที ความเห็นส่วนใหญ่เป็นไปที่ทางแซะผู้ชายในภาพที่ยืนเคียงคู่อยู่กับ ‘เหมียว มาริสา’ นักแสดงสาววัยรุ่นที่แจ้งเกิดจากบทสาวน้อยที่มีปัญหาครอบครัวจนเลือกทางผิดในซีรีย์เกี่ยวกับวัยรุ่นสะท้อนสังคมเมื่อสองปีกว่า แน่นอนว่าบทนั้นทำให้นักแสดงหน้าใหม่แจ้งเกิดชั่วข้ามคืน บวกกับหน้าตาที่น่ารักเกินห้ามใจ และรอยยิ้มหวานๆ ที่กระชากใจบุรุษเพศ เพียงออกอากาศไม่นานชื่อของเธอก็ถูกค้นหามากมาย แน่นอนว่าผมก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับที่แอบปลื้มเธออยู่เงียบๆ

เหมียว มาริสาคือสมบัติสาธารณะของหนุ่มๆ ภาพจำของเธอคือหญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มที่บอบบางบริสุทธิ์ จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนแอบถ่ายรูปเธอกับชายแปลกหน้า แต่หน้าไม่แปลกซ้ำยังหน้าหล่อบรรลัยคนหนึ่งได้ในอิริยาบถดูสนิทสนม แม้จะไม่เคยยอมรับตรงๆ ว่าทั้งคู่คบหากันแต่การที่เหมียวมาริสาไม่เคยออกมาปฏิเสธก็ทำให้ข้อสันนิษฐานที่ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกันมีเค้าลางเป็นจริง จนทำให้บรรดาชายไทยที่หลงปักใจกับเหมียวมาริสาจึงพาลพาโลตั้งไอ้เพจนี้ขึ้น

หนุ่มๆ ต่างหลงรักเหมียว มาริสาและในทางตรงกันข้ามหนุ่มๆ ต่างก็หมั่นไส้เซียน ศกัณฐ์

ผมหวนนึกถึงช่วงที่คลั่งพี่เหมียวมากๆ เคยไปแอบสืบประวัติเพื่อนสนิทของพี่อุ้ม

‘ศกัณฐ์ เตชะวรลักษณ์’

ปี3  วิศวเครื่องกล สาขายานยนต์

หน้าตาไม่ต้องพูดถึงแค่ความสามารถรอบด้านตั้งแต่กีฬาไปจนถึงดนตรีทำให้พี่เซียนได้รับความสนใจพอๆ กับเน็ตไอดอลยุคนี้ เสียแต่เจ้าตัวเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวเลยไม่ค่อยมีข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมามากนัก

ผมส่ายหัวก่อนจะปล่อยให้ความคิดนั่นผ่านไปเมื่อถึงคิวที่ตัวเองต้องสั่งอาหาร

.

.

“กินข้าวที่คณะกูเสร็จมึงก็กลับไปได้แล้ว”

ผมเอ่ยปากไล่ไอ้โต้งทันทีหลังจากที่มันนั่งเอ้อระเหยอยู่นานจนกระทั่งผมต้องแวะมาเข้าห้องน้ำก่อนจะขึ้นเรียนในคาบเช้า

“ไล่กูจังวะ”

ผมส่ายหัวทันที

“ได้กินกะเพราะเนื้อสมใจมึงแล้วนี่ กินแล้วก็กลับไปได้แล้ว”

ผมหรี่ตามองมัน

“มองอะไร”

“อย่านึกว่ากูไม่รู้ทันมึงนะไอ้โต้ง”

มันแกล้งทำหน้าไม่เข้าใจแต่นี่แหละมันคืออาการของเสือซ่อนเล็บชัดๆ ไม่ใช่เสือธรรมดาด้วยแต่เป็นเสือที่พร้อมจะตะปบเหยื่อ และถ้าผมเดาไม่ผิดผมมองออกแล้วว่าเหยื่อที่ว่านั่นคือใคร

“ห้ามยุ่งกับพี่กู”

“ขอปฏิเสธ”

มันตอบแทบจะทันที

“ไอ้โต้ง”

ผมทำมุ่นหัวคิ้วทันทีขณะที่มันกดยิ้มมุมปากให้

“เอาน่า คนนี้กูชอบจริง”

“ให้ตาย มึงก็จีบลุงรหัสกูไม่ติดหรอก”

“ถึงกูจะหล่อไม่เท่าพี่เซียน แต่กูก็น้องๆ พี่มันเลยนะเว้ย”

มันอวยรุ่นพี่ที่คณะมันไม่พอยังอวยตัวเองไปด้วย

“รุ่นพี่มึงเนี่ยนะหล่อ”

ผมแกล้งบลั๊ฟรุ่นพี่มัน เพราะนอกจากเซียน ศกัณฐ์จะเป็นเพื่อนสนิทพี่อุ้มแล้วหมอนั่นยังเป็นรุ่นพี่คณะที่ไอ้โต้งมันสนิทสนมด้วยพอสมควร แหงล่ะสิ ก็พี่เซียนเคยถูกคัดเลือกเป็นคทากรตอนปีหนึ่ง ข่าวว่าไม่เต็มใจนักหรอกแต่ถูกบังคับให้ลงสมัครจนได้รับคัดเลือก ด้วยเหตุผลนี้ไอ้โต้งมันถึงสนิทกับพี่มัน

“ไอ้ห่าอย่าดูถูกของดีภาคยานยนต์”

ผมยักไหล่

“มึงไม่รู้เหรอว่าวิศวะฯ นอกจากมีเกียร์แล้วก็มีพี่เซียนนี่แหละ”

“ไม่รู้”

ผมลอยหน้าลอยตาตอบ

“รู้แต่ว่า มะเขือยาวยังดูดีกว่าหน้าพี่มึง”

“ไอ้สัตว์”

มันสบถขึ้นก่อนจะส่ายหัวราวกับว่ายุติการต่อล้อต่อเถียงระหว่างกัน เพราะมันรู้ดีว่าผมแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ เห็นเพื่อนชื่นชมยกย่องใครเข้าหน่อยมันเลยอดหมั่นไส้ไม่ได้ โดยเฉพาะคนๆ นั้นดูจะมีซัมธิงกับเหมียวมาริสาที่ผมแอบปลื้มอยู่เงียบๆ

ไอ้โต้งผละกลับคณะมันไปแล้ว หลังจากล้างไม้ล้างมือเสร็จเหลือเพียงผมคนเดียวที่ยังอยู่ในห้องน้ำ

แกรก

ผมหันขวับไปตามเสียงนั้นทันที

เข้าใจผิด ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าในห้องน้ำนั่นเหลือผมเพียงคนเดียว เมื่อประตูห้องน้ำห้องหนึ่งถูกเปิดออกมาก่อนที่เสียงฝีเท้าของใครสักคนจะก้าวมาหยุดอยู่เบื้องหน้า

“หน้ากูแย่กว่ามะเขือยาวอีกเหรอ”

ผมยืนอึ้งอ้าปากค้างทันที

“พะ พี่”

เซียน ศกัณฐ์ตัวเป็นๆ ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา

ผมรู้สึกเหมือนหายใจติดขัดราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบคั้นลำคอไม่ให้หายใจ ยิ่งฝ่ายนั้นขยับเหยียดยิ้มด้วยท่าทางสบายๆ แต่แววตาที่จ้องมองกันราวกับเปลวไฟที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกอย่างที่ขวางหน้า

ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อช๊อปยืนกอดอกมองหน้ากันในระยะประชิด นั่นทำให้ผมสังเกตว่าพี่มันตัดผมรองทรงสูงเปิดท้ายทอยเข้ากับผมสีดำสนิท หน้าคมคายมีไรหนวดตามสันกรามส่งเสริมให้ดูดิบเถื่อนไม่น้อย บุคลิกของคนตรงหน้าทำเอาผมแอบกลืนน้ำลายทันที

“พี่เซียน”

ฝ่ายนั้นขยับเคลื่อนกายมาใกล้ท่าทางคุกคามนั่นทำเอาผมถอยหลังอย่างตกใจ

“ขะ ขอโทษครับ”

“กลัวกูเหรอ”

ผมเม้มปากแน่นก่อนจะเบือนหน้าหนีเมื่อพี่มันโน้มใบหน้ามาใกล้ มันใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ไหนจะฝ่ามือทั้งสองข้างกางกั้นผมเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี

“ผมขอโทษครับที่พูดแบบนั้น”

ตอนนี้แทบจะยกไหว้ขอโทษอีกฝ่ายที่พูดไม่คิดแบบนั้น แต่ใครจะรู้ว่าผมจะโชคร้ายขนาดนี้ นี่ไงเขาถึงบอกให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ว่าร้ายใครผลก็ย้อนเข้าตัวเองจนได้

“มองหน้ากูสิ”

“...”

“มองให้ชัดๆ”

ลมหายใจร้อนผ่าวกระซิบที่ข้างหู

“หน้ากูเหมือนมะเขือยาวจริงเหรอ”

ไม่เหมือนเลย

ไม่มีตรงไหนที่เหมือนเลย

ผมส่ายหน้าหวือ

“ขอโทษครับพี่ ผมแค่พูดแซวเล่นกับเพื่อน ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่จริงๆ ขอโทษครับ”

พูดไปก็ยกมือไหว้อีกฝ่ายปลกๆ

“อือ”

พี่มันขยับถอยห่างนั่นทำให้หายใจสะดวกขึ้น แต่ประโยคที่หลุดจากปากพี่มันต่อจากนั้นสิที่ทำให้ผมอึ้ง

“หน้ากูไม่เหมือนมะเขือยาวหรอก แต่กูว่าอวัยวะอย่างอื่นของกูเหมือนมะเขือยาวมากกว่า อาจจะยาวยิ่งกว่ามะเขือยาวด้วยซ้ำ”

เชี่ยยยยยยยยยย

ผมตาเหลือกทำหน้าไม่ถูก สายตาสัปดนก้มต่ำทันที ฝ่ายนั้นกระตุกยิ้มมุมปากแววตาดูไม่น่าไว้วางใจจนผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงวาบ

“กูหมายถึงข้อศอก”

ฝ่ายนั้นกระซิบข้างหู

“ไอ้เด็กลามก”

แม่งงงงงงงงงง

ผมทึ้งศีรษะตัวเองแรงๆ ตอนที่ฝ่ายนั้นกระตุกยิ้มมุมปากแล้วผละออกไป


- J E E B -



กลับมาแล้วค่ะ พยายามปรับปรุงเนื้อหาให้มันน่าสนใจมากขึ้น
ชอบไม่ชอบยังไงเมนต์บอกเป็นกำลังใจให้กันบ้างนะคะ
หวีดในทวิตติด #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยน้า

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พี่เซียนมีแฟนแล้วจะมาเที่ยวกระซิบข้างหูชาวบ้านให้เขาหน้าแดงทำไมละเนี่ย

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
- จีบที่2 -



“รถโคตรสวย”

ผมหยุดชะงักปลายเท้าตามเพื่อนสนิทตอนที่มันยืนจดๆ จ้องๆ ดูคาติสีแดงเพลิงที่จอดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ลานจอดรถหน้าร้านอาหารกึ่งบาร์มีชื่อแถวมหาวิทยาลัยของผม ไอ้อ๋องทำตาเป็นประกายประสาคนคลั่งไคล้มอ’ไซค์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันยิ้มกว้างตอนที่เดินวนไปวนมารอบรถ ท่าทางมันอยากจะลูบๆ คลำๆ รถตรงหน้าแต่ต้องหักห้ามใจด้วยการเดินชื่นชมความงามวนไปมาชวนเวียนหัว

“ก็แค่มอ’ไซค์หรือเปล่าวะ”

ผมพูดขึ้น

“รุ่นนี้มีไม่กี่คันทั่วโลก มึงคิดดูว่าคนที่ได้ครอบครองมันได้แม่งต้องขนาดไหน”

มันพูดขึ้นสายตายังจับจ้องไปที่รถเจ้าปัญหาไม่เลิก เอาจริงมันก็สวยอยู่หรอก แต่ผมดันไม่อินกับเครื่องยนต์สองล้อเท่าไหร่ อีกอย่างผมขับรถมอเตอร์ไซค์ไม่เป็นเลยไม่ได้สนใจรถตรงหน้า นี่ก็เพิ่งทำใบขับขี่รถยนต์ได้ไม่นานเพราะพ่อบังคับให้ไปเรียน ผมมันรักความสบายเลยไม่ชอบขับรถเอง ทุกวันนี้ก็อาศัยซ้อนไอ้อ๋องไปมหาลัยแทบทุกวันเอา

“สวยฉิบหาย”

ผมส่ายหัวก่อนจะเดินนำมันเข้าไปในร้าน บรรยากาศช่วงหัวค่ำคนเริ่มหนาตาแล้ว บริเวณด้านในแบ่งโซนอย่างชัดเจนในส่วนของร้านอาหารและอีกส่วนเป็นบาร์สำหรับนักดื่มซึ่งช่วงดึกๆ มักจะมีวงดนตรีเจ้าประจำขึ้นร้อง ระหว่างนั้นมองซ้ายมองขวาทันเห็นพี่อุ้มกวักมือเรียกผมไหวๆ  นอกจากพี่อุ้มแล้วที่นั่นยังมีสายรหัสคนอื่นๆ ของผมนั่งกันหน้าสลอน

“มึงมาช้า”

พี่อุ้มพูดขึ้นก่อนจะยื่นน้ำโค้กให้ผม ระหว่างนั้นไอ้อ๋องที่ผละไปเปลี่ยนชุดเสิร์ฟของร้านก็เดินมาสมทบพอดี

“ก็ว่าจะทักว่าชุดคุ้นๆ ลืมไปว่ามึงที่เด็กเสิร์ฟค่าตัวแพงนี่หว่า”

พี่อุ้มหันไปแซวไอ้อ๋องซึ่งช่วงนี้มันรับจ๊อบพิเศษมาเสิร์ฟอาหารที่ร้านหารายได้เสริม แน่นอนว่าตั้งแต่มันมาทำงานที่นี่สาวๆ ติดกันเป็นพรวนจนเจ้าของร้านชอบอกชอบใจไม่น้อย

“ก็เกินไปพี่”

มันส่ายหัวก่อนจะหันมาคุยกับผม

“รอกลับพร้อมกูนะเปียว”

“เออ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักตอนที่ผละออกไปทำงานแล้ว

“เอาจริงนะถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อน กูนึกว่าพวกมึงคบกัน”

“แค่กๆ”

ผมสำลักทันที กิริยานั่นทำให้คนอื่นๆ ที่โต๊ะยิ้มน้อยๆ

“เพื่อนกันพี่”

ผมส่ายหัวแรงๆ แล้วเหลือบตามองรุ่นพี่สายรหัสตัวเองก่อนจะเลิกคิ้วทันที ทั้งโต๊ะมีพี่ปีสาม ปีสี่ พี่บัณฑิตแต่ไร้วี่แววพี่รหัสของผม

“อ้าวพี่รหัสผมยังไม่มาอีกเหรอพี่”

พี่อุ้มลุงรหัสผมพยักหน้า

“ไลน์ไปก็ไม่ตอบ พี่มึงนี่มันมีโทรศัพท์ไว้ทำสากเบืออะไรก็ไม่รู้”

พี่แกบ่นน้องตัวเอง

“ก็มีไว้ให้พี่โทรด่าไงครับ”

เสียงนั่นดังมาจากด้านหลังของผม ตอนที่หันกลับไปจึงเห็นร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมแว่นตาท่าทางดูใจดี รอยยิ้มละมุนตรงมุมปากนั่นดูสุภาพจนผมไม่กล้าเอ่ยแซว

“มาแล้วเหรอมหา”

พี่ปีสี่เอ่ยแซว

“กูนึกว่าค่ำขนาดนี้มึงจะสวดมนต์นอนแล้วซะอีก”

ผมขำก๊ากทันทีเพราะพี่รหัสผมขึ้นชื่อเรื่องความเป็นเด็กอนามัย บุคลิกสุภาพเกินตัวเหมือนผู้ใหญ่นั่นทำให้ผมไม่กล้าเล่นหัวมากนัก ใครๆ ก็บอกว่าพี่แกเป็นผู้ชายกินพืช เพราะวันๆ เห็นทานแต่มังสวิรัติ ไม่ชอบเที่ยวและผมไม่เคยได้ยินคำพูดหยาบๆ หลุดออกมาจากปากพี่แกสักครั้ง

เอาจริงเห็นสุภาพบุรุษแบบนี้ไม่แปลกใจหรอกที่เห็นสาวๆ กรี๊ดพี่แกไม่น้อย

“ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่”

‘พี่ดล’ พี่ปีสองสายรหัสผมพูดยิ้มๆ ก่อนจะยื่นอะไรบางอย่างมาให้

“มาช้าเพราะแวะซื้อบราวนี่มิ้นท์มาฝากเราน่ะ”

“ขอบคุณครับ”

ผมยิ้มตาหยีเพราะได้ลาภปากวันนี้แล้ว

“โหไอ้พี่ดีเด่น มึงเล่นซื้อขนมมาเซ่นไอ้เปียวแบบนี้ ทำให้กูกลายเป็นคนชั่วไปเลยที่ชวนมันมาเลี้ยงสายที่ร้านเหล้าเนี่ย”

พี่ปีสี่บ่นอุบ

“อาหารร้านอาการกึ่งผับ”

พี่บัณฑิตแก้ให้แต่ประโยคนั้นทำให้ทั้งโต๊ะฮาครืน เพราะสุดท้ายก็หนีไม่พ้นความจริงที่ว่าพี่มันพาพวกผมมาเลี้ยงเหล้าอยู่ดี

“ไอ้เปียวมึงทำไมแดกแต่โค้กวะ”

ผมยิ้มแหยให้พี่บัณฑิต

“ผมคออ่อนพี่”

คว้าแก้วในมือขึ้นมาชู

“ขอเมาน้ำอัดลมแล้วกัน”

“ได้ไงวะ พวกกูอุตส่าห์พามาเลี้ยงเหล้าทั้งที เชี่ยอุ้มจัดให้เปียวสักแก้วดิ”

พี่อุ้มส่ายหัวแต่ถึงอย่างนั้นก็ลงมือชงเหล้าให้ผม

“พวกพี่แม่ง”

“เออว่าแต่มึงมีชื่อภาครึยังวะ เปิดสายครั้งที่แล้วกูไม่ว่าง มีใครตั้งชื่อภาคให้มึงรึยังเปียว”

ผมส่ายหัว

“ไม่ตั้งไม่ได้เหรอพี่”

ผมเบะปาก เพราะไอ้ชื่อภาคที่ว่าเป็นชื่อที่รุ่นพี่จะตั้งให้ปีหนึ่งทุกคน โดยให้เหตุผลว่าชื่อดังกล่าวนั้นตั้งขึ้นเพื่อให้ปีหนึ่งน้องใหม่ลืมอัตตาที่ติดตัวมาแล้วเรียนรู้สิ่งใหม่และรับเอาสิ่งใหม่ๆ พร้อมๆ เพื่อนทั้งรุ่น นั่นคือพูดสวยหรูเว้ยเพราะไอ้ชื่อภาคที่ว่านั่นแม่ง

คนไหนดวงซวยคนนั้นก็ได้ชื่อน่าอับอายและเป็นที่จดจำไปทั้งรุ่น

พี่ปีสี่และพี่บัณฑิตลอบสบตากันก่อนจะมองหน้าผมอย่างใช้ความผิด

“เลี้ยงสายวันนี้มึงต้องมีชื่อภาคแล้วล่ะไอ้เปียว”

ฉิบหายแน่นอน

ผมกุมขมับท่ามกลางเสียงหัวเราะของพี่อุ้มและพี่ดล ระหว่างที่รุ่นพี่กำลังสุ่มหัวกันคิดหาชื่อให้ผมอยู่ พี่อุ้มก็ยื่นแก้วน้ำสีอำพันมาให้ซึ่งก่อนหน้านั้นผมเห็นพี่แกเติมน้ำเปล่าลงไปอย่างน้อยสามในสี่เพื่อทำให้แอลกอฮอล์เจือจางลงไปมากโข

“ขอบคุณครับพี่”

พี่อุ้มยักคิ้วให้ให้สองที

“กินไหวมั้ย” พี่ดลทีนั่งอยู่ข้างๆ กันพูดขึ้น “ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพี่กินให้”

โปรดอย่าอิจฉาที่ผมมีพี่รหัสแสนดีและลุงรหัสที่โคตรฉลาดแบบนี้

“ไหวพี่”

พี่อุ้มแม่งเติมน้ำไปขนาดนั้นกินไปแทบไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่พี่ดลคนดีคงไม่เห็นภาพนั้นถึงได้แสดงสีหน้าห่วงใยผมแบบนี้

“ขืนให้พี่กินให้ ผมกลัวพี่ศีลแตก”

พี่ดลเคาะหัวผมเบาๆ แล้วส่ายหัว

“ไอ้เปียว”

พี่ปีสี่หรี่ตามองผมนิ่ง ทำเอาผมรีบกระดกแก้วในมืออย่างว่องไว

“พวกกูตั้งชื่อภาคให้มึงได้แล้ว”

“ผมไม่เอาได้มั้ยพี่”

น้ำเสียงผมทั้งท้อแท้และสิ้นหวัง

“พวกกูขอตั้งชื่อภาคให้มึงว่า...”


.


.



โคตรเหี้ย!

ผมเบะปากทันที ขณะที่พี่อุ้มขำลั่นจนไหล่สั่น ส่วนพี่ดลแค่ยิ้มน้อยๆ สีหน้าพี่แกดูเห็นอกเห็นใจผมไม่น้อยทีเดียว ส่วนตัวต้นเรื่องทั้งสองตรงหน้าคือยิ้มกว้างไม่เกรงใจกันเลยนะแม่ง

“มีชื่อภาคแล้วก็ต้องแนะนำตัวเองให้คนอื่นรู้จัก”

“ไม่มีใครอยากรู้จักชื่อผมหรอกพี่”

ผมส่ายหน้าหวือ

“มีดิ”

ผมเบาะปากทำหน้าอ้อนอีกฝ่ายทันทีซึ่งมันไม่ได้ผลอะไรเลยเมื่อพวกพี่มันบอกว่า

“ยืนแนะนำตัวให้พวกพี่รู้จักหน่อย”

ลาออกจากสายรหัสตอนนี้ยังทันมั้ยวะ

“ให้ผมทำอย่างอื่นแทนได้มั้ยพี่”

พี่มันทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วขยับรอยยิ้มที่มุมปาก แต่ท่าทางแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าจะมีเรื่องฉิบหายเกิดขึ้นในไม่ช้าอย่างแน่นอน

“ได้”

“อะ อะไรพี่”

“ไปขอเบอร์ไอ้เซียน”

“หา”

ผมร้องลั่นก่อนจะมองตาปลายนิ้วของพี่มันที่ชี้ไปยังโต๊ะมุมๆ หนึ่งที่มีคนกลุ่มนั่งกันอยู่ หนึ่งในนั้นมีเพื่อนสนิทผมนั่งอยู่ด้วย

ความบังเอิญแม่งโคตรเป็นเรื่องตลกร้าย

ผมระลึกได้ทันทีว่าไอ้โต้งมันเคยบอกว่าวันนี้แก๊งคทากรมีนัดเลี้ยงกันที่นี่เหมือนกัน

“เบอร์คนอื่นไม่ได้เหรอพี่”

ผมงอแงเพราะรู้ดีว่าเซียน ศกัณฐ์รักความเป็นส่วนตัวขนาดไหน จะให้เดินไปขอเบอร์โต้งๆ แบบนี้ยังไงฝ่ายนั้นก็ไม่มีทางให้ผมอย่างแน่นอน และข้อนี้แหละที่ดูเหมือนรุ่นพี่สายรหัสผมก็รู้ดีเหมือนกันถึงได้ยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ เพราะยังไงผมก็ไม่มีทางได้เบอร์ไอ้พี่เซียน และสุดท้ายก็ต้องแนะนำตัวด้วยชื่อภาคกลางร้านอย่างไม่ต้องสงสัย

พี่อุ้มส่ายหัวไปมาทันทีก่อนจะบุ้ยปากบอกผมไปทางที่โต๊ะคทากรกำลังสังสรรค์กันอยู่

“เดี๋ยวกูพาไป”

สุดท้ายผมจำใจเดินตามลุงรหัสไปจนถึงโต๊ะนั่น ไอ้โต้งทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมเดินตามพี่อุ้มมาก่อนที่มันจะหันไปยิ้มหน้าระรื่นให้ลุงรหัสผม

“ว่าไงอุ้ม”

พี่เดี่ยวเป็นฝ่ายร้องทักก่อน ขณะที่ต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องถ่อมาถึงนี่กำลังยุ่งกับโทรศัพท์ในมือ

“มีเรื่องให้ช่วย”

“เรื่องอะไรครับ”

ไอ้โต้งสอดปากขึ้นมาเพราะมันคงแปลกใจไม่น้อยที่เห็นผมโผล่มาที่โต๊ะ พี่อุ้มกรอกสายตาไปมาไม่ยอมเปิดปากคุยกับไอ้โต้งแต่เอื้อมมือไปสะกิดไหล่เพื่อนตัวเอง

“เซียน”

คนถูกเรียกเงยหน้าจากโทรศัพท์ก่อนจะมุ่นหัวคิ้วเมื่อมองเลยไหล่พี่อุ้มมาเห็นผมยืนซ้อนอยู่

“มีอะไรวะ”

พี่อุ้มดันผมมายืนตรงหน้าเซียน ศกัณฐ์ขณะที่ฝ่ายนั้นนั่งกอดอกมองผมนิ่งๆ

“น้องรหัสกูอยากคุยกับมึง”

ผมหันขวับไปมองหน้าพี่อุ้มทันที ก่อนจะหลุบตามองพื้นเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาของคนต้นเรื่องที่มองกันอยู่

“ไม่จริงมั้ง หน้ากูน้องมึงยังไม่มองเลย”

ไอ้พี่เซียนพูดขึ้น

“เอ่อ”

“สงสัยหน้ากูคงเหมือนมะเขือยาวมั้ง”

เชี่ย

ผมอ้าปากพะงาบๆ

แน่นอนคำพูดนั้นทำให้ทั้งโต๊ะขยับตัวอย่างสนใจ แทบจะทุกสายจับจับจ้องมาที่ผมทันที ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าที่รู้สึกว่าสายตาพี่เดี่ยวกับไอ้โต้งมองหน้าผมสลับกับหน้าพี่เซียนแล้วยิ้มแปลกๆ

“มะเขือยาวอะไรวะ”

คนบางคนโพล่งขึ้นนั่นทำให้คนมีชนักแบบผมเสียวสันหลังวาบๆ ตอนที่เหลือบสายตาไปทางคู่กรณีฝ่ายนั้นเองก็กดยิ้มมุมปากรอท่า...เป็นท่าทางที่ทำให้หายใจไม่ทั่วท้องเลย

“ไม่มีอะไรหรอก”

“...”

“ว่าแต่น้องมึงมีธุระอะไรกับกู”

พี่เซียนจ้องหน้าผมแต่หันไปพูดกับเพื่อนสนิทตัวเอง

“นิ่งขนาดนี้ไม่เอาปากมาด้วยเหรอ”

ผมทำหน้าไม่ถูก

“ปกติพูดเก่งนี่”

แค่พูดว่าหน้าพี่เหมือนมะเขือยาวเอง ไม่ใช่พูดเก่งสักหน่อย

พี่มันพูดยิ้มๆ แต่เป็นยิ้มที่อันตรายมาก ผมเบาะปากก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ผมมาขอเบอร์พี่ครับ”

“หือ?”

ทั้งโต๊ะทำหน้ามึนงงก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมา

“ใครแกล้งน้องวะ”

รุ่นพี่คทากรคนหนึ่งในโต๊ะพูดขึ้น คำพูดนั่นทำเอาผมทำหน้าเหยเกก่อนจะบุ้ยปากไปทางโต๊ะที่พี่ปีสี่และพี่บัณฑิตโบกมือไหวๆ อยู่

“พี่กรด”

พี่เซียนเรียกชื่อรุ่นพี่ปีสี่สายผมราวกับคุ้นเคยกันดี ก่อนที่มันจะส่ายหัวไปมาแล้วเหลือบตามาทางผม

“เอาชื่อภาคมาแลก”

อะไรนะ

ผมทำหน้าไม่ถูก นึกเอะใจว่าวิศวะฯ จะรู้จักธรรมเนียมการตั้งชื่อภาคคณะผมได้ยังไง พี่เซียนเหมือนนกรู้ว่าผมได้ชื่ออุบาทว์นั่นมาสดๆ ร้อนๆ

ห่าเอ้ย

“ชื่อภาคมึงแลกกับเบอร์กู”

“ไม่เอาก็ได้”

ผมส่ายหน้าหวือเบะปากใส่ไอ้พี่เซียนที่ขยับยิ้มเหมือนจะขำกัน ให้ตายยังไงผมก็ไม่มีวันบอกชื่อภาคตัวเองให้พี่มันรู้หรอก

ไม่มีทาง

ผมเบือนหน้าหนีก่อนจะผละเดินกลับโต๊ะตัวเองทันที

“พวกพี่แม่ง”

ผมแยกเขี้ยวใส่พี่ปีสี่และพี่บัณฑิตที่พากันหัวเราะร่วนหลังจากที่ผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โต๊ะคทากรให้พวกนั้นฟัง

“ไอ้เซียนแม่งใจป้ำว่ะ อุตส่าห์ขอชื่อภาคแลกกับเบอร์”

ผมทำหน้าง้ำ

“มึงรู้ป่ะ ปกติมันให้เบอร์ใครที่ไหน”

“ถามจริง”

“เออดิ เคยมีรุ่นน้องโดนแกล้งให้ไปขอเบอร์ มึงรู้มั้ยมันตอบว่าอะไร”

ผมยักไหล่

“มันตอบเบอร์รองเท้า”

“โคตรกวนตีน”

ผมพึมพำในคอและหลังจากนั้นพวกพี่ๆ คงนึกเห็นใจผมเลยไม่คะยั้นคะยอให้ผมต้องแนะนำชื่อภาคตัวเองกลางร้าน จังหวะนั้นไอ้อ๋องเอากับแกล้มมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ มันทำท่าสะดุ้งโหยงเล็กน้อยตอนที่เห็นพี่ดลมองมันอยู่ ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าเห็นปฏิกิริยาแปลกๆ ของคนทั้งคู่ เอาจริงๆ ผมเก็บความสงสัยมานานแล้ว ทั้งคู่เหมือนรู้จักกันมาก่อนแต่เพื่อนผมดันไม่ปริปากเล่าอะไรให้ฟังสักอย่างนี่สิ

“คุณน้าทราบมั้ยว่าเรามาทำงานในร้านเหล้า”

ผมหายสงสัยทันทีที่พี่รหัสผมหันไปพูดกับไอ้อ๋อง ขณะที่มันชักสีหน้าใส่

“อย่าเสือก”

“อ๋อง”

ผมเอ่ยปรามเพื่อนตัวเอง พี่ดลนิ่งไปถึงสีหน้าพี่มันจะเรียบเฉยแต่แววตาคู่นั้นเข้มขึ้นทันที เพื่อนสนิทผมเม้มปากแน่นก่อนจะผละออกไปทันที ทิ้งให้พี่ดลถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่อย่างนั้น โชคดีว่าตอนนี้รุ่นพี่คนอื่นกำลังหันไปสนใจดนตรีสดตรงหน้าเลยไม่ได้สังเกตเหตุการณ์เมื่อกี้นี้

“เอ่อพี่”

พี่ดลยิ้มอ่อนๆ ให้ผม

“สงสัยล่ะสิ”

“ครับ”

ผมยอมรับอย่างเสียไม่ได้

“อยากรู้อะไรล่ะ”

“พี่ดลรู้จักไอ้อ๋องมาก่อนเหรอครับ”

“อ๋องเป็นลูกน้าดุจเพื่อนแม่พี่”

“อ๋อ”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก

“มันเอ่อเหมือนมีปัญหากับที่บ้าน”

“ใช่”

พี่ดลพูดเสียงเรียบ

“ยังไงเราก็ช่วยดูๆ เพื่อนเราด้วยนะ พี่ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ที่จะทำงานกลางคืนแบบนี้ ถึงจะแค่เสิร์ฟก็เถอะ เพราะยังไงงานแบบนี้มันเลิกดึก ปีหนึ่งมีเรียนเช้าแทบทุกวันไม่ใช่เหรอ”

“ครับ”

เอาจริงฐานะทางบ้านอ๋องมันไม่ได้ขัดสนขนาดต้องมาทำงานพิเศษแบบนี้หรอก แต่ปัญหาภายในที่มันไม่ปริปากบอกกันนี่สิที่ทำให้ผมสงสัยว่ามันคงเกี่ยวพันกับการที่เพื่อนสนิทผมมารับจ๊อบหารายได้พิเศษแบบนี้

พี่ดลไม่พูดอะไรต่อ แค่มองไปยังทางที่อ๋องมันเดินไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด



J E E B



ผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่

ทั้งที่ในร้านเหล้าที่นี่จัดพื้นที่เฉพาะให้สิงห์รมควันแต่ถึงยังไงกลิ่นพวกนั้นก็ยังเล็ดลอดเข้ามาถึงจมูกของผมจนได้ สุดท้ายหลังจากทนได้พักใหญ่ๆ ผมจึงขอตัวกับรุ่นพี่ออกมาสูดอาการบริสุทธิ์ภายนอกร้าน ตอนนี้บรรยากาศโดยรอบมืดสนิทแต่โชคดีที่มีแสงไฟดวงใหญ่หลายๆ ดวงติดตามเสาให้ความรู้สึกสว่างไสวและไม่น่ากลัวมากนัก ตอนที่มาทรุดตังลงนั่งที่ม้าหินอ่อนใกล้ๆ ลานจอดรถนั่นผมสังเกตเห็นดูคาติสีแดงเพลิงเด่นชัดมาก

“รถใครวะ”

ผมพึมพำก่อนจะพิจารณารถคันนั้นชัดๆ อีกครั้ง

“ก็สวยจริงๆ อย่างที่ไอ้อ๋องมันพูดนั่นแหละ”

ผมยักไหล่จังหวะนั้นเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินมาทางนี้

“เซียนเดี๋ยว”

หือ?

“มีอะไรวะ”

ผมรีบหันรีหันขวางกะจะหลบไปอีกทางแต่ไม่ทันเสียแล้วตอนที่ร่างสูงใหญ่เดินพ้นหัวมุมมาจนหน้าร้านและพี่มันก็เห็นผมเต็มๆ พี่เซียนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปยังผู้ชายอีกคนที่วิ่งตามพี่มันมาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ

“รอกูด้วย”

“พูดธุระมึงมา” พี่มันพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ “อย่านานมีคนรอกูอยู่”

พูดจบพี่มันก็บุ้ยปากมาทางผมเล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูกยิ่งผู้ชายที่ตามพี่มันหันมาจ้องผมเต็มตาขนาดนั้น

“เรื่องแข่งน่ะ”

“กูขอปฏิเสธ”

“มึงไม่คิดสักนิดเลยเหรอวะ”

“ไม่คิดเพราะกูไม่แข่ง”

“แต่ว่า...”

“กูรีบ”

พี่เซียนหันหลังกลับทันทีก่อนจะคว้าไหล่ผมให้ออกเดินไปพร้อมกัน

“พะ พี่”

“เดินตามกูมาก่อน”

“แต่ว่า”

ฝ่ายนั้นหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง

“ไปก็ได้ครับ”

สุดท้ายผมก็เดินตามแรงจูงมาจนถึงหลังร้าน สีหน้าพี่เซียนดูหงุดหงิดไม่น้อยขนาดว่ายืนกอดอกหันหลังอยู่ผมยังสัมผัสได้ถึงรังสีความคุกรุ่นของอารมณ์

“พี่”

“...”

“เอ่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ”

ฝ่ายนั้นยังยืนนิ่งจังหวะนั้นผมนึกอะไรบางอย่างออกจึงควักเอาของบางอย่างในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพี่มัน

“อะไร”

พี่เซียนมุ่นหัวคิ้วทันทีที่เห็นผมยื่นของบางอย่างให้

“กินมายมิ้นท์แล้วทำให้อารมณ์ดี”

พี่มันชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะจ้องลูกอมในมือและสลับกับมองใบหน้าผมนิ่ง

“มึงรู้ได้ยังไง”

ผมยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงที่มาของคำพูดนั้น

“ใครบางคนเคยบอกผม”

ผมยื่นลูกอมให้พี่มัน

“อ่ะ ผมให้”

“...”

“พี่จะได้หยุดทำหน้าบึ้งสักที รู้ป่ะหน้าพี่ตอนนี้แม่งโคตรน่ากลัว”

พี่เซียนไม่พูดอะไรนอกจากจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นแล้วกดยิ้มมุมปาก

“หน้ากูมันเป็นยังไง”

“ถ้ามีเขี้ยวคงเหมือนยักษ์”

‘ไอ้พี่ยักษ์ หน้าบึ้งเหมือนยักษ์ หนูกลัวนะ’

ผมนิ่งไปเมื่อภาพเหตุการณ์บางอย่างแวบเข้ามาในหัว

“แล้วมึงกลัวมั้ย”

‘กลัวกูเหรอไอ้เด็กขี้แย’

ผมส่ายหน้าหวือก่อนจะเผลอขำออกมาเมื่อจำได้ว่าครั้งนั้นตัวเองก็เคยปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่กลัวไอ้พี่ยักษ์ที่กำลังทำท่าโมโหกับอะไรสักอย่าง

“มึงชอบกินมิ้นท์เหรอ”

“ของโปรดผมเลย”

พี่เซียนกดยิ้มราวกับพอใจ

“08-xxx-xxxxx”

“อะไร”

ผมทำหน้ามึนงงเมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายบอกเบอร์โทรศัพท์

“เบอร์กูไง”

ผมทำหน้าไม่เข้าใจ

“ไหนบอกขอแลกกับชื่อภาคผมไง”

พี่เซียนคว้าเอามายมิ้นท์ในมือผมไปทันที

“กูรู้แล้ว”

“รู้อะไร”

ผมทำหน้าระแวง

“มิ้นท์ติดหลอย”

พ่องง

ผมอ้าปากค้างขณะที่อีกฝ่ายขยับรอยยิ้มคล้ายกับขบขันกัน

“กินเยอะเหรอ...มันถึงติดลิ้นน่ะ”

ไอ้พี่เซียน

อะไรคือแซวชื่อภาคผมหน้าตายแบบนี้วะ

แม่ง

ผมขยี้ศีรษะตัวเองแรงๆ ตอนที่พี่มันผละจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะน้อยๆ ในลำคอ



-J E E B -

พี่เซียนคือบับ ทำไมขี้แกล้งแบบนี้

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :m16:รอจันต่อไป

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ nongou

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 ฝดีใจจังเลยค่ะ กลับมาแล้ว รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
พี่ :o8: ความแซวหน้าตาเฉย

ออฟไลน์ Plakhem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :really2: รอตอนต่อปายยยยย  :ling2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เอ็นดูน้องทุกครั้งที่เจอเลยน้าพี่เซียน

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น่ารักกกกกกก

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ต้อนรับการกลับมา :กอด1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จะรออ่านนะคะ

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
- จีบที่3 -




“มีอะไรให้ผมช่วยบ้างพี่”

บ่ายแก่ๆ วันนั้นผมโผล่ที่ไปฟิตเนสของคณะเพื่อไปช่วยพี่อุ้ม เนื่องจากช่วงนี้ปีสามกำลังจัดเตรียมโปรแกรมการเทรนกล้ามเนื้อซึ่งเป็นกิจกรรมเก็บคะแนนส่วนหนึ่งของวิชา Body conditioning ( วิชาเกี่ยวกับหลักการสร้างสมรรถภาพทางกาย) โดยนิสิตที่ลงทะเบียนเรียนต้องจัดโปรแกรมการฝึกให้กับกลุ่มตัวอย่างและทดลองเทรนจริงๆ เป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จึงจะสรุปผลและทำรายงานส่งอาจารย์ ตอนนี้จึงเห็นพวกปีสามวิ่งวุ่นหากลุ่มตัวอย่างและมาสุมหัวจัดเตรียมโปรแกรมกันที่ฟิตเนสคณะ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีอุปกรณ์เกี่ยวกับการออกกำลังกายครบวงจรตั้งแต่ห้องฟิตเนสที่มีเครื่องเล่น เครื่องออกกำลังกายสารพัดซึ่งสามารถฝึกกล้ามเนื้อได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า รวมถึงมีห้องเต้นแอโรบิค ห้องโยคะและสระว่ายน้ำพร้อมสรรพ

ตอนที่ผมโผล่ไปที่นั่นจึงเห็นพวกพี่ๆ กำลังนั่งคิดโปรแกรมกันหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ต่างจากลุงรหัสผมที่นั่งกัดเล็บอย่างใช้ความคิด

“มึงมาพอดีเลยเปียว”

พี่แกเงยหน้าจากชีทเรียนตรงหน้าทันที

“อาทิตย์จะเริ่มเทรนแล้วว่ะ ต้องขอแรงมึงมาวัดความดันให้หน่อย”

ผมพยักหน้าหงึกหงักเพราะวิชานี้ถือเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่เนื่องจากวิชาดังกล่าวเป็นวิชาสำคัญของพวกปีสาม ดังนั้นบรรดาปีหนึ่งที่ว่างๆ จึงมาช่วยกันวัดความดันรวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจของกลุ่มตัวเอง ซึ่งการวัดสัญญาณชีพพื้นฐานก่อนการฝึกตั้งละครั้งจะนำมาเปรียบเทียบเพื่อดูการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากข้อมูลเหล่านั้นมีผลต่อการจัดโปรแกรมการเทรนให้มีความหนักเบาตามแต่ละบุคคล โดยอุปกรณ์การวัดก็เป็นพวกเครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติซึ่งสามารถขอเบิกใช้กับทางคณะได้เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นคณะมีพร้อมให้ใช้งานอย่างเพียงพอ

“พี่ได้คนที่จะมาเทรนแล้วเหรอ”

พี่อุ้มยักคิ้วสองจึก

“กูไปลากคอไอ้พวกวิศวะฯ มาช่วยน่ะ”

“อ๋อ”

การหากลุ่มตัวอย่างที่จะมาเข้าร่วมโปรแกรมการฝึกมันค่อนข้างหายากพอสมควรเนื่องจากกลุ่มคนเหล่านั้นต้องเข้าร่วมการฝึกอย่างน้อย2-3ครั้งต่อสัปดาห์ แน่นอนว่ามันกินเวลาไปโขยิ่งระยะการเทรนร่วมเดือนนั่นยิ่งทำให้หลายคนปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือ

“ทำไมเพื่อนพี่ยอมง่ายจัง”

“สัญญาว่าจะพาพวกมันไปเลี้ยงเหล้า”

ผมส่ายหัวไปมา

“แล้วมึงล่ะเป็นยังไงบ้าง เห็นปีหนึ่งบอกช่วงนี้ควิชอนาโตมีบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ”

“ถ้าไม่ได้ชีทพี่ผมคงแย่”

ผมโคลงศีรษะเพราะอนาโตมีเป็นวิชาปราบเซียนของปีหนึ่งดีว่าผมได้อานิสงค์จากชีทเก่าๆ ของพี่อุ้ม ไหนจะเนื้อหาเก็งข้อสอบที่พี่ดลเก็บเอาไว้ให้อย่างดีไม่อย่างนั้นผมคงไม่พ้นมีนมาได้อย่างราบรื่นนัก เอาจริงๆ มีหลายคนสงสัยว่าทำไมคณะผมถึงเรียนกายวิภาคซึ่งเป็นวิชาเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์สุขภาพ ทั้งๆ ที่คณะผมเรียนเกี่ยวกับกีฬา น้อยคนจะรู้ว่าพวกเราจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและร่างกายของมนุษย์ เพราะนักกีฬาแต่ละประเภทมีการใช้กล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน ดังนั้นเป็นหน้าที่ของนักวิทยาศาสตร์กีฬาที่ต้องใช้ความรู้พื้นฐานเรื่องกายวิภาคในการดูแลและพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ซึ่งจะแตกต่างไปตามแต่ละประเภทชนิดกีฬา

“มีอะไรไม่เข้าใจมาให้กูติวได้นะ ไม่อย่างงั้นก็ให้ไอ้ดลมันช่วยได้ พี่รหัสมึงมันเคยท๊อปเสคจนเป็นที่เลื่องลือมาแล้ว”

ผมทำหน้าสนใจเพราะเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าพี่รหัสคนดีของผมแม่งโคตรหัวกะทิ โปรไฟล์ดีทั้งหน้าตาดีและฐานะ เสียแต่พี่ดลเป็นประเภทผู้ชายกินพืชที่ดูไม่มีอะไรหวือหวาซ้ำยังชอบอะไรที่เป็นดูเป็นวัยใหญ่เกินวัยคล้ายคนหัวโบราณ สาวๆ จึงบ่นเสียดายถึงอย่างผมก็เห็นพี่แกเป็นที่สนใจของสาวๆ อยู่ดีนั่นแหละ

“ผมเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย เดี๋ยวสอบครั้งหน้าไปอ้อนให้พี่ดลช่วยติวดีกว่า”

ผมคิดตาม

“ใครอ้อนใครเหรอ”

บุคคลในหัวข้อสนทนาปรากฏขึ้นที่เบื้องหลัง พี่อุ้มหันไปพยักหน้าให้ฝ่ายนั้นตอนที่พี่รหัสผมเดินมาทรุดตัวนั่งลงนั่งใกล้ๆ กัน

“มันพูดถึงมึงนั่นแหละ”

พี่อุ้มพยักพเยิดมาทางผม

“มีอะไรให้พี่ช่วยงั้นเหรอ”

“ผมจะให้พี่ดลติวอนาโตมีให้ครับ”

พี่แกพยักหน้าหงึกหงัก

“เอาสิ เมื่อไหร่ล่ะ” พี่ดลพูดแล้วยื่นขนมในมือให้

“อะไรครับเนี่ย”

“ช๊อกโกแลตมิ้นท์” พี่ดลยื่นอีกกล่องซึ่งเป็นรสชาเขียวให้พี่อุ้ม “พอดีแม่ผมไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน ผมเลยฝากซื้อครับ”

“เกรงใจมึงว่ะดล”

พี่อุ้มพูดขำๆ แต่ก็รีบยื่นมือไปรับอย่างว่องไวเพราะพี่แกเป็นสาวกชาเขียวอย่างแท้จริง

“พี่ดลแม่งโคตรคนดี”

ผมยิ้มตาหยี

“ตลกบริโภคเหรอไอ้เปียว”

“ผมก็เหมือนกับพี่นั่นแหละ”

“เออ”

พี่อุ้มหัวเราะชอบใจทั้งๆ ที่โดนผมแซว จังหวะที่พี่แกขยับตัวไปมานั่นปกเสื้อด้านหนึ่งขยับลงจนเห็นรอยจ้ำสีคล้ำตรงลำคอ

“อะไรกัดน่ะพี่”

ผมร้องทักจนพี่ดลหันมองตามนั่นทำเอาพี่อุ้มทำหน้าตื่นรีบคว้าคอเสื้อตัวเอง สีหน้าตื่นตระหนกนั่นทำให้ผมนึกประหลาดใจ

“ยะ ยุ่งกัดน่ะ”

“รอยใหญ่จัง”

พี่อุ้มเม้มปากแน่น ขณะที่พี่ดลไม่พูดอะไรแต่แววตาคู่นั้นเหมือนรู้อะไรบางอย่างจนผมนึกสงสัย

“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“เอ่อ ครับ”

พี่อุ้มผุดลุกขึ้น อาการลุกลี้ลุกลนชวนสงสัย

“พี่ดล”

“หือ?”

“พี่ว่าพี่อุ้มแปลกๆ ป่ะ”

พี่รหัสส่ายหัวแล้วยิ้มน้อยๆ ตามสไตล์

“ไม่นี่”

“ผมว่าแปลก”

พี่ดลเคาะหัวผมเบาๆ

“เรื่องของเค้า”

“พี่ด่าว่าผมเสือกยังไม่เจ็บเท่าคำพูดเมื่อกี้เลย”

พี่รหัสผมหลุดเสียงขำก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นไอ้อ๋องที่ปลีกตัวไปช่วยพี่ปีสามสายมันทำโปรแกรมเทรนกำลังเดินหาผม ฝ่ายนั้นเองก็ชะงักไปเหมือนกันที่เห็นพี่รหัสผมนั่งอยู่ สุดท้ายเพื่อนสนิทผมจึงตัดสินใจเดินเบี่ยงไปอีกทางทันที

“เพื่อนเรานี่หัวรั้นจริงๆ”

พี่ดลพูดขึ้นตอนที่มองตามแผ่นหลังเพื่อนผมไป

“พี่กับมันมีปัญหาอะไรกันหรือครับ”

พี่ดลส่ายหัว

“พี่ไม่มี แต่เพื่อนเราเหมือนจะมี”

“ครับ?”

“ทำยังไงอ๋องก็ไม่ยอมเลิกทำงานเสิร์ฟที่ร้านเหล้า”

ผมหันขวับมองหน้ารุ่นพี่ทันที

“พี่ไปคุยกับมันเหรอครับ”

“ก็ไม่เชิงหรอก”

ผมพยักหน้าหงึกหงักเพราะพอจะรู้ดีว่าเพื่อนตัวเองหัวแข็งขนาดไหน มันไม่มีทางยอมทำตามคำสั่งของคนอื่นพอๆ กับที่ตัดสินใจออกมาอยู่หอแล้วไม่หวนกลับบ้านนั่นแหละ ผมส่ายหัวพอดีกับที่พี่ดลผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปทางที่เพื่อนสนิทผมเดินจากไป

แปลกๆ นะคู่นี้

ผมส่ายหัวไปมาก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์ในมือ




เพจทวงคืนเหมียวมาริสาสมบัติสาธารณะจากเซียนศกัณฐ์

[โพสรูป - เซียนศกัณฐ์ใส่เสื้อคู่กันเหมียวมาริสา]

Statue : เบื่อพวกชอบแสดงความเป็นเจ้าของว่ะ #พาลเว้ยพาล


Comment

Ninetynine ภาพแม่งโคตรแสลงใจ

รักน้องเหมียวคนเดียว กลัวไม่รู้เหรอว่าเป็นเพื่อนกันอ่ะ

แมนวังหินซิ่งเบาะปลิว น้ำมันกัญชาสรรพคุณครอบจักรวาล หยดแรกไม่เป็นไร หยดต่อไปขึ้นเมรุ

โอชิน้องเหมียวคนเดียวในใจ เสื้อคู่ของผมเองไอ้เซียนมันยืมไปใส่ แฟนผมสวยขนาดนี้ใครๆ ก็อยากจีบครับ

FCพี่เซียน หมั่นไส้ค่ะ หนูจะแจ้ง จะแจ้งเดี๋ยวนี้

กานซายอยากเป็นเมียพี่เซียน ชอบพี่เซียนค่ะ อยากได้

Tichob_tichob กินเหล้าย้อมใจแม่ง

หญิงหมีสีทันดร เห็นพี่เซียนมุมเสยแล้วใจบ่ดี

ผมเขียบครับ...เขียบทรงตะกวย เลิกกันเมื่อไหร่ ผมรอเสียบทันทีนะครับ

Aun996 พี่น้องกันแหละ ผมดูออก



คอมเมนต์ไหลเป็นน้ำจากโพสไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ชวนหัวไม่น้อย ผมนั่งพิจารณาภาพที่เพจนี่โพสแล้วเพิ่งสังเกตว่าทรงผมของเซียน ศกัณฐ์ดูแปลกไป คนในรูปเซ็ทผมซึ่งปกติไอ้พี่เซียนคนที่มาหาพี่อุ้มที่คณะบ่อยๆ ไม่เคยเซ็ทผมด้วยซ้ำ

“ไปทำสีผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

จำได้ว่าที่ร้านเหล้าวันนั้นพี่เซียนมันผมดำสนิท แต่คนในรูปดันผมสีน้ำตาล หรือจะจำผิดวะ ผมส่ายหัวให้ตัวเองจังหวะนั้นพี่อุ้มที่กลับมาจากห้องน้ำชะโงกมาดูหน้าจอโทรศัพท์ของผม

“ดูอะไรวะ”

“เพื่อนพี่กับพี่เหมียวนี่โคตรคนดังเลยอ่ะ ขยับตัวทำอะไรก็มีคนวาปภาพมาให้ดูแล้ว”

พี่อุ้มส่ายหัวตอนที่เห็นภาพในมือถือ

“ไร้สาระ”

“...”

“ไอ้เซียนมันโลกส่วนตัวสูงจะตาย ไม่มีใครถ่ายรูปมันได้ง่ายๆ หรอก”

แล้วคนในรูปนี่คือใครล่ะ

ผมขยับปากจะถามก็พอดีกับที่พี่อุ้มมีสายเข้าเลยผละออกไป ทิ้งความสงสัยไว้ในใจผมจนต้องก้มดูพิจารณารูปในมือถือนั่นอีกครั้ง

ภาพตรงหน้าคือเซียน ศกัณฐ์ชัดๆ ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้หรอก



- J E E B -



เกือบห้าโมงเย็นตอนที่ผมหอบหิ้วข้าวกล่องถุงใหญ่มาถึงสนามกีฬาของมหาวิทยาลัย ช่วงนี้ที่มหาลัยมีการซ้อมคทากร หลีดมหาลัย เตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ ในการเตรียมตัวสำหรับงานฟุตบอลประเพณีที่จัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังนั้นคณะผมซึ่งอยู่ฝ่ายสวัสดิการจึงต้องทำหน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำให้กับส่วนอื่นๆ และปีหนึ่งมักถูกพี่ๆ เรียกมาใช้งานเป็นเบ้ในการส่งข้าวครั้งนี้ด้วย

“ไหวมั้ย”

พี่อุ้มที่เดินตีคู่หอบของกินเต็มมือพูดขึ้นแล้วยื่นมือมาเกี่ยวถุงหิ้วข้าวในมือผมไปถุงหนึ่งเพื่อช่วยถือ

“ไหวพี่ นี่ก็ที่สุดท้ายแล้ว”

ผมพูดยิ้มๆ เพราะจุดหมายต่อไปคือสนามกีฬาของมหาลัยซึ่งเป็นสถานที่ฝึกของเหล่าคทากรหรือผู้นำสัญญาณที่จะนำพาเหรดเข้าสู่สนาม พี่อุ้มเบะปากทันทีที่ผมพูดถึงที่หมายนั่น

“จริงๆ เรียกพวกไอ้เซียนมาเอาเองก็ได้นะ”

“แต่เราเดินมาถึงหน้าประตูสนามแล้วไงพี่”

พี่อุ้มทำหน้าเซ็งทันที

สนามกีฬาด้านในตอนนี้มีบรรดาคทากรปีนี้และรุ่นพี่กำลังนั่งพักการซ้อมอยู่ ไอ้โต้งที่นั่งกระพือเสื้ออยู่แถวนั้นหันมามองทางนี้พอดีมันเลยขยับลุกมาหาพวกผมอย่างว่องไว สีหน้ายิ้มระรื่นนั่นโคตรน่าหมั่นไส้ยิ่งตอนที่มันหันไปทำตาพราวระยับใส่ลุงรหัสผมด้วยแล้ว ไม่แปลกหรอกถ้าพี่อุ้มจะทำท่าทำทางเหมือนอยากจิ้มตามันให้บอดแบบนี้

“หนักมั้ย”

“...”

“ผมช่วย”

ไอ้เพื่อนเวรเดินเลยผมไปช่วยพี่อุ้มถือข้าวหน้าตาเฉย ผมหันไปถลึงตาใส่มันพอดีกับที่พี่ๆ คทากรสองสามคนมาช่วยกันถือของในมือให้

“วันนี้มีกะเพราะหมูกับไข่ดาวครับ”

พี่อุ้มที่เดินตัวปลิวเพราะไอ้โต้งหอบไปถือคนเดียวมาสมทบก่อนจะมุ่นหัวคิ้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“ลืมไปเลยว่ามันมีพริก”

“ทำไมเหรอครับ”

“ไอ้เซียนมันไม่กินเผ็ด”

ผมทำหน้าสนใจนึกภาพผู้ชายตัวโตเท่าควายนั่นไม่กินเผ็ดแล้วเผลอขำออกมา

“จริงดิพี่”

“ปกติมันก็กินได้นะ แต่มันไม่ชอบของเผ็ดเท่าไหร่”

“งั้นเอาไงดีอ่ะ”

ผมคิดตามเพราะเข้าใจดีว่าบางคนมีต่อมรับรสที่แตกต่างกัน บ้างก็ชอบกินเผ็ด บางก็ชอบกินเค็ม เหมือนอย่างที่ผมชอบกินมิ้นท์เป็นชีวิตจิตใจ

“กูเห็นว่าเมนูวันนี้มีกะเพรากับหมูทอดกระเทียมนะ เมื่อกี้ไปส่งข้าวที่ศูนย์กีฬาในร่มมาเห็นมีสี่ห้ากล่อง เดี๋ยวเอาไปขอเปลี่ยนก็ได้”

“เพื่อนพี่เรื่องมากชะมัด”

พี่อุ้มหัวเราะทันที

“คนอะไรไม่กินเผ็ด เกลียดมิ้นท์ โคตรเรื่องมากเรื่องกินอ่ะ”

“มึงนี่มันนินทาเพื่อนให้เพื่อนเขาฟังเหรอวะ”

“ก็มันจริง”

ผมบ่นไปเรื่อยถึงอย่างนั้นก็อาสาเอากะเพราไปแลกกับข้าวหมูกระเทียมเพราะหากจะให้พี่อุ้มเดินไปเองก็ยังไงอยู่ ถึงแม้ว่าศูนย์กีฬาในร่มจะไม่ไกลจากสนามกีฬาแต่เมื่อกี้ลุงรหัสผมอุตส่าห์มีน้ำใจหิ้วช่วย เพราะความเกรงใจนี่แหละที่ทำให้ผมแสดงน้ำใจด้วยการเดินดุ่มๆ ไปยังศูนย์กีฬาในร่ม

“เซียน”

หือ?

ผมชะงักปลายเท้าทันทีที่กำลังจะเลี้ยวเข้าสนามกีฬาแล้วได้ยินเสียงบทสนทนาของคนคู่หนึ่ง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทพี่อุ้ม ส่วนหญิงสาวในชุดนิสิตเรียบร้อยนั่นคือเหมียว มาริสาที่ผมแอบปลื้มอยู่เงียบๆ

“ไม่รับรู้”

ไม่รู้ว่าสองคนนั้นพูดคุยอะไรกัน สีหน้าพี่เซียนถึงแสดงออกว่าเบื่อหน่ายเต็มแก่แบบนั้น

“ช่วยพูดกับเซนต์ให้เราหน่อยดิ”

“ไม่รู้โว้ยไปคุยกันเอาเอง”

ไอ้พี่เซียนแม่งพูดกับแฟนไม่เพราะเลยว่ะ ว่าแต่เมื่อกี้พูดถึงใครกันนะ

“เซียนอ่ะ”

พี่เหมียวทำหน้าหงอยเกาะแขนไอ้พี่เซียนก่อนจะทำเสียงออดอ้อน ให้ตายเถอะ พี่เซียนทนปั้นหน้านิ่งแบบนี้ได้ไงวะ โคตรใจแข็งเลย

“ไปเคลียร์กันเอาเองยัยแสบ”

พี่เซียนโบกมือไล่

“แล้วคุยกันให้จบด้วย เพราะเซียนรำคาญที่ไอ้เวรนั่นโทรมาถามเรื่องไร้สาระอยู่ได้ทุกวัน”

บทสนทนานั่นชวนสงสัยไม่น้อย

“งอนเราเหรอ”

พี่เหมียวหัวเราะเสียงใสตอนที่ยื่นมือไปเกาคางพี่เซียนราวกับจะแกล้ง

“น้อยๆ หน่อยยัยแสบ ถ้ามันรู้เธอโดนมันบ่นหูชาแน่”

“ถ้าเซียนไม่พูด เขาก็ไม่รู้หรอก”

พี่เซียนแสยะยิ้มทันทีก่อนจะดีดหน้าผากอีกฝ่ายแรงๆ

“มันรู้แน่เพราะเซียนจะบอก”

“ไอ้คุณเซียน”

พี่เซียนโคลงหัวไปมาก่อนจะผละออกมาท่ามกลางสีหน้ากระเง้ากระงอดของพี่เหมียว แน่นอนว่าการที่พี่เซียนผละออกมาจังหวะนั้นทำให้ผมที่แอบฟังอยู่หลบไม่ทันจึงได้แต่ยิ้มเก้ๆ กังๆ เมื่อฝ่ายนั้นมุ่นหัวคิ้วทันทีที่เห็นผม

“เอ่อ ผมไปเอาข้าวมาให้พี่”

พี่เซียนหรี่ตามองข้าวกล่องในมือผม

“เห็นพี่อุ้มบอกว่าพี่ไม่เกินเผ็ด ผมเลยไปแลกเป็นหมูกระเทียมมาให้”

ผมรีบละล้ำละลักบอกอีกฝ่ายเสียยืดยาวเพราะกลัวพี่มันจับได้ว่าผมแอบฟังบทสนทนาระหว่างพี่มันกับพี่เหมียวเมื่อกี้นี้ แน่นอนว่าอาการลุกลี้ลุกลนนั่นทำให้คนตรงหน้ากดยิ้มมุมปากทันที

“มีคนบอกว่าคนมีชนักมักพูดเก่ง”

“เปล๊า”

ผมทำตาลอกแลก

“มึงไม่มีพิรุธเลยนะ”

“...”

“แอบฟังตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ”

ฝ่ายนั้นกอดอกมองหน้าผมนิ่ง

“ขอโทษครับ”

ผมทำหน้าลุแก่โทษ พี่เซียนไม่พูดอะไรแต่แบมือมาตรงหน้า

“ข้าวกู”

ผมยื่นข้าวกล่องให้อีกฝ่ายเสร็จแล้วพี่มันก็ยื่นอะไรบางอย่างมาให้

“มายมิ้นท์”

ผมเงยหน้ามองจ้องอีกฝ่ายทันที

“ชอบไม่ใช่เหรอ”

“พี่รู้ได้ไง”

“มึงเคยบอกกูที่ร้านเหล้าไง”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะแวบหนึ่งผมว่าผมเห็นแววตาที่คุ้นเคย เหมือนว่าเคยสบสายตากับดวงตาคู่นี้ที่ไหนมาก่อน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อผมไม่รู้จักกับพี่มันมาก่อนด้วยซ้ำ

“ตอบแทนที่อุตส่าห์เดินไปเปลี่ยนข้าวกล่องให้กู”

“เพราะพี่อุ้มขอร้องเหอะ”

ผมเบะปาก

“ถ้าให้ไปเอง ผมไม่ไปหรอก”

“งั้นเหรอ”

พี่เซียนมองหน้าผมนิ่ง

“ยังไงก็ขอบใจ”

“งั้นไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”

“เดี๋ยว”

“อะ อะไร”

“มึงยังไม่ได้ตอบคำถามกู”

ผมทำหน้าตื่น

“มึงได้ยินกูคุยกับเหมียวตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมเม้มปากแน่น

“ก็ตั้งแต่พี่พูดไม่เพราะกับแฟนตัวเองนั่นแหละ”

พี่เซียนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกดยิ้มมุมปาก

“แฟน?”

“...”

“มึงหมายถึงกูกับเหมียวงั้นเหรอ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักนึกประหลาดใจที่พี่มันทำแบบนั้น แล้วยิ่งทำอะไรไม่ถูกเมื่อฝ่ายนั้นสาวเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะโน้มใบหน้ามากระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ ว่า

“กูไม่เคยพูดว่ากูเป็นแฟนกับเหมียว”

ผมยืนอึ้งสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดใบหูในระยะประชิดขนาดนั้น

แล้วไอ้เพจนั่นล่ะ

ผมทำหน้ามึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกจนพี่มันผละถอยหลังออกไป

“พี่โสดงั้นเหรอ”

สัตว์เอ้ย ผมพูดอะไรออกไปวะ

พี่เซียนกดยิ้มมุมปากแล้วมองผมตรงๆ

“ทำไม”

“...”

“จะจีบกูเหรอ”

พ่องง

ผมอ้าปากพะงาบๆ รับรู้ได้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าและลามไปถึงใบหู ยิ่งตอนที่ไอ้พี่เซียนมันขยับรอยยิ้มแบบนั้น

ผมยืนอึ้งทันที...ไอ้เหี้ยยิ้มแล้วหล่อฉิบหาย

ไม่ดีแล้วไอ้เปียว ไม่ดีแน่ๆ

ไม่ดีเลยที่มึงรู้สึกคันยุบยิบในใจเพียงแค่ ‘ผู้ชาย’ ยิ้มให้


- J E E B -


สวัสดีวันปีใหม่ล่วงหน้านะคะ ขอให้คนอ่านมีความสุขและสมหวังทุกสิ่งอย่าง
ขอบคุณที่เป็นกำลังใจและสนับสนุนผลงานกันมาตลอดปีที่ผ่านมานะคะ ร้ากกกกก

ใครหวีดในทวิตติดแท็ค #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยนะคะ

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ชอบมาก รอติดตามนะครับ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แฝดรึเปล่านะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
รออ่านนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
วาปมาจีบ 4 เลยย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ใครจีบก่อนทางนี้ก็ยินดีทั้งนั้น

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เปียวทำตัวเองเยอะนะ คือไม่ได้ตั้งใจหรอก
แต่ความบังเอิญนี้ ทำร้ายเปียวเหลือเกิน เอ็นดู 5555

เซียนแกล้งเก่ง และดูเฮฮาดี

อ๋อง ดล อุ้ม โต้ง ดูมีเงื่อนงำ  :mew2:

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :mew4:วันนี้  มาไหมมม

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
- จีบที่ 4 -




“ยากจังเลยค่ะพี่เปียว”

สาวน้อยในชุดนักเรียนมัธยมปลายมัดผมหางม้าผูกโบว์สีขาวทำหน้ามุ่ยแล้วเบะปากใส่แบบฝึกหัดวิชาภาษาอังกฤษตรงหน้าก่อนจะทำเนียนฟุบใบหน้าไปกับโต๊ะ ท่าทางแบบนั้นไม่ต่างจากเพื่อนสาววัยเดียวกันอีกสองคนที่ทำตาปรือปรอยให้กับชีทแบบฝึกหัดดังกล่าว

“งั้นพักก่อนมั้ยครับ”

ผมพูดขึ้นเพราะนี่ก็ติวมาเป็นชั่วโมงแล้ว ระยะเวลานานพอสมควรคงทำให้สมาธิความสนใจต่างๆ หลุดหายไปแล้ว

“งั้นซอขอไปซื้อขนมก่อนนะคะพี่เปียว พี่เปียวอยากกินอะไรมั้ย เดี๋ยวซอซื้อมาฝาก”

สาวน้อยเจ้าของชื่อ “ซอ” เอ่ยปากขออนุญาตก่อนจะผุดลุกขึ้นพร้อมกับเพื่อนสาวอีกสองคน

“พี่ขอน้ำเปล่าสักขวดแล้วกันครับ”

ผมยื่นธนบัตรสีแดงให้เด็กสาวตรงหน้า

“ที่เหลือเอาไปซื้อขนมกันนะ พี่ให้รางวัลที่วันนี้ทำแบบฝึกหัดถูกทุกข้อ”

สาวๆ ยกมือไหว้ขอบคุณผมกันใหญ่ ช่วงนี้ผมรับสอนพิเศษเพื่อหารายได้เสริม จริงๆ ตอนแรกที่รับสอนเพราะหลวมตัวไปช่วยสอนคอร์สๆ นึงชั่วคราวในสถาบันกวดวิชาที่พี่บัณฑิตเป็นเจ้าของเท่านั้นเลยทำให้ได้รู้จักกับสาวน้อยทั้งสามที่เป็นเด็กมัธยมโรงเรียนแถบมหาลัยผมนี่แหละ พอผมเลิกสอนเพราะกิจกรรมหลังเลิกเรียนที่เยอะจนปลีกตัวไปสอนพิเศษไม่ได้ แต่น้องๆ ดันขอร้องให้มาสอนแบบตัวต่อตัวก่อนที่น้องๆ จะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย สุดท้ายผมเลยตกกระไดพลอยโจรต้องรับสอนสาวๆ แบบนี้

ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ โรงอาหารใกล้ๆ กับหอสมุดหรือที่บรรดานิสิตมหาลัยเรียกกันติดปากว่า ‘หอกลาง’ ซึ่งใช้เป็นสถานที่สำหรับสอนพิเศษให้กับน้องๆ สังเกตว่าทั้งสามถึงจะอิดออดบ้างแต่ก็ตั้งใจเรียนกันทุกวัน โดยเฉพาะน้องซอซึ่งมีน้ำใจหอบหิ้วขนมเกี่ยวกับมิ้นท์มาฝากผมบ่อยๆ นั่นทำให้รู้ว่าน้องเองก็เป็นสายคลั่งมิ้นท์เหมือนกัน

“พี่เปียว”

น้องซอที่เดินดูดน้ำปั่นมาแต่ไกล ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้ผม

“ขอบคุณครับ”

ผมยิ้มให้น้อง

“ท่าทางเราจะชอบมิ้นท์จริงๆ นะเนี่ย”

ผมพูดยิ้มๆ จ้องตอนที่เหลือบตามองช๊อกโกแลตมิ้นท์ปั่นในมือน้องจนเจ้าของใบหน้าอ่อนหวานยิ้มตาหยี

“ชอบกินมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ตอนเด็กๆ เวลาร้องไห้พวกพี่ชายชอบเอาขนมมาล่อให้หนูหายงอแง”

สาวน้อยเล่าไปยิ้มไป

“ซอๆ”

พี่สาวคนหนึ่งของน้องสะกิดเรียก

“หือ”

“ไอ้เพจนี่ลงรูปพี่ชายแก”

น้องซอส่ายหัวทันที

“ไม่มีอะไรหรอก”

“ตกลง...”

Rrrrrr

“เป็นแฟนกันรึเปล่า”

เสียงโทรศัพท์มือถือของน้องดังขึ้นทำให้ประโยคนั้นผมได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ น้องซอคว้ามือถือขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มกริ่มแล้วกดรับสายทันทีนั่นทำให้ผมหันไปสนใจแบบฝึกหัดที่เตรียมมาสอน

“ว่าไงคะพี่ชาย”

น้องซอรับสายเสียงใส

“วันนี้จะมารับหนูเหรอคะ”

เพื่อนสาวทั้งสองทำหน้าตื่นก่อนจะยิ้มด้วยกิริยาขัดเขินจนผมนึกแปลกใจ สองสาวนี่ดูปลื้มพี่ชายเพื่อนน่าดูจนผมเผลอยิ้มตาม

“โธ่ หนูนึกว่าจะได้ซ้อนมอ’ไซค์”

น้องซอทำหน้าง้ำตอนที่พูดกับปลายสาย

“รับทราบค่ะ เดี๋ยวเรียนเสร็จหนูจะโทรหาพี่นะคะ”

“พี่ชายจะมารับเหรอซอ”

พอวางสายเสร็จเพื่อนๆ รีบไถ่ถามน้ำเสียงดูตื่นเต้น

“พี่ซันหรือพี่...”

“คนที่พวกแกอยากเจอนั่นแหละ”

“กรี๊ดดด”

สาวๆ ปิดปากทำตาโตจนผมขำตาม

“ดีใจอะไรกันขนาดนั้นครับสาวๆ”

“หูยพี่เปียวไม่รู้อะไร นานๆ จะได้เจอพี่ชายคนนี้ของซอ”

“ขนาดนั้นเชียว”

ผมทำหน้าสนใจเพราะปกติเวลาเลิกเรียนเสร็จ เขาจะรอส่งน้องๆ ขึ้นรถกลับบ้านและทุกครั้งมักจะเห็นรถคันโตมารอรับน้องซอเป็นประจำ แต่ทุกครั้งเหมือนจะเป็นคนขับรถที่บ้านนั่นแหละที่มารับจะว่าไปเขาเองก็ไม่เคยเจอคนในครอบครัวน้องสักคน เหมือนจะเคยได้ยินน้องซอพูดว่าตัวเองเป็นลูกคนสุดท้ายและมีพี่ชายถึงสามคน

หลังจากจบเรื่องพี่ชายของน้องซอดูเหมือนสาวๆ จะกระตือรือร้นตั้งใจเรียนจนกระทั่งเป็นเวลาพลบค่ำ ผมสังเกตว่าวันนี้มันอึมครึมตั้งแต่ช่วงเย็นพอใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนสายฝนก็ร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสายจนได้

“อยู่ๆ ฝนก็ตก แย่จัง”

สาวๆ บ่นขึ้น

“วันนี้ไม่ได้เอาร่มมาด้วย”

ผมล้วงไปในเป้าก่อนจะยื่นร่มคันเล็กให้พวกน้องๆ

“เอาของพี่ใช้ก่อน”

“แล้วพี่เปียวล่ะคะ”

“วันนี้เพื่อนพี่มารับ”

ผมนึกถึงไอ้โต้งที่วันนี้มันอาสามารับเพราะมันซ้อมคทากรอยู่ที่สนามกีฬาไม่ไกลจากที่นี่

“พวกเราเอาไปใช้เถอะ ว่าแต่พี่ชายเราจอดรถที่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“โน่นค่ะ”

ผมมองตามปลายนิ้วของน้องซอไปเห็นรถพอร์ชสีซิลเวอร์เกรย์จอดตีไฟอยู่ตรงถนนใกล้ๆ โรงอาหารดีว่าตรงนี้มีทางเชื่อมอาคารที่พอหลบฝนได้ แต่ทางเดินริมฟุตบาทไปถึงตัวรถเป็นพื้นที่โล่งดีว่าน้องๆ มีร่มของผมกันฝนจึงสามารถเดินเข้าไปในรถได้โดยไม่เปียก ผมยืนรอส่งน้องๆ จนทุกคนเข้าไปในรถคันนั้นแล้ว จังหวะที่เตรียมผละไปรอไอ้โต้งอีกทางนั่นน้องซอเปิดประตูรถออกมาแล้วเดินดุ่มๆ กางร่มมาหาผม

“อะไรครับ”

ผมทำหน้างงเมื่อเห็นของที่น้องยื่นมาให้ตรงหน้า

“มายมิ้นท์ค่ะ”

น้องซอยิ้มจนตาหยี

“พี่ชายซอฝากมาให้”

ผมทำหน้างงในหัวรู้สึกอื้ออึงด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก

“ให้ทำไมครับ”

“แทนคำขอบคุณที่พี่เปียวเดินมาส่งพวกหนูถึงรถ”

“...”

“พี่ชายฝากบอกว่ากินให้อร่อยนะคะพี่เปียว”

บังเอิญเกินไปหากจะมีใครรู้ว่าผมชอบกินมายมิ้นท์

ผมมองตามแผ่นหลังน้องไปจนกระทั่งน้องขึ้นรถแล้วรถคันนั้นค่อยๆ ขับออกไป แต่จังหวะนั้นเหมือนผมเห็นว่ากระจกข้างคนขับเลื่อนลงเล็กน้อยนั่นทำให้ผมเห็นเงาของใครบางคนที่คุ้นตาเหลือเกิน



- J E E B -



Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในช่วงสายๆ ของวันหยุดสุดสัปดาห์ปลุกให้ผมค่อยๆ ขยับเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะความรู้สึกหนักหัวและไม่สบายตัว จำได้ว่าเมื่อวานผมโดนฝนปรอยๆ เพราะดึงดันเดินตากฝนไปรอไอ้โต้งที่สนามกีฬา

ผมผุดลุกขึ้นกุมขมับตัวเองรู้สึกเวียนหัวชะมัด ร่างกายขยับได้อย่างเชื่องช้าเหมือนโดนพิษไข้เล่นงาน เสียงโทรศัพท์ที่แผดร้องอย่างต่อเนื่องทำให้ต้องคว้าขึ้นมารับสายในที่สุด

“ครับ”

[ไอ้เปียว?]

ปลายสายทำเสียงสงสัย

[ทำไมเสียงแหบเป็นเป็ดขนาดนั้นวะ]

“เหมือนจะเป็นหวัดพี่”

เสียงนั่นแหบพร่าจนผมนึกรำคาญตัวเอง

[แล้วนี่กินข้าวกินยารึยังวะ]

“ยังเลยพี่”

ผมกุมขมับตัวเองก่อนจะเหลือบยังนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงฝาผนังห้อง บ่ายแก่ๆ แล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเพราะนอนยาวตั้งแต่เมื่อคืน

[มึงลุกไหวมั้ย ลงมากินสุกี้ที่ห้องกูมั้ย มีข้าวด้วย]

ผมนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก เพราะตอนนี้ท้องว่างมากครันจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกสังขารตอนนี้คงไปไม่ไหว การฝากท้องที่ห้องพี่อุ้มจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

“ไหวพี่”

[เออถ้าไหวลงมาห้องกูเลย มากินอะไรสักหน่อยค่อยขึ้นไปกินยานอน ชวนไอ้อ๋องลงมากินด้วยนะ]

“มันไม่อยู่พี่ กลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อวาน”

[เออๆ]

พี่อุ้มวางสายไปแล้วตอนที่ผุดลุกจากที่นอนไปล้างหน้าล้างตา เป็นความบังเอิญที่ลุงรหัสผมเช่าหออยู่ที่เดียวกันถึงจะคนละชั้นกันก็ตาม หลังจากทำธุระส่วนตัวแล้วผมก็เปลี่ยนชุดนอนเป็นเสื้อยืดสีซีดกับกางเกงบอลแล้วลากแตะหนีบไปห้องพี่อุ้ม ระหว่างนั้นก็ตอบไลน์ไอ้โต้งที่ไลน์มาหาตั้งแต่เช้า พอผมบอกว่าไม่สบาย หมอนั่นเลยตอบมาว่าเดี๋ยวเย็นๆ มันจะแวะมาหา

“มาเข้ามา”

ผมเคาะประตูไม่กี่ทีเจ้าของห้องก็รีบเดินมาเปิดประตู

“หน้ามึงซีดจังวะ”

“โคตรปวดหัวเลยพี่”

ผมเบะปากตอนที่พี่แกยื่นหลังมือมาแตะที่หน้าผาก

“ตัวมึงร้อนนะเปียว มาๆ มากินข้าวก่อนจะได้กินยา”

ผมยิ้มแหยๆ เพราะที่ห้องไม่มียาสามัญอะไรติดห้องไว้เลย และเหมือนพี่อุ้มจะรู้พี่มันเลยพูดขึ้นว่า

“เดี๋ยวเพื่อนกูซื้อยามาให้”

“ครับ?”

“วันนี้ไอ้เซียนกับไอ้เดี่ยวมันจะมาเล่นเกมที่ห้อง กูฝากมันซื้อยาแล้ว”

ผมพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่โคตรหนักหัว พี่อุ้มคะยั้นคะยอให้ผมกินอะไรองท้องสักหน่อยเพราะตอนนี้ผมรู้สึกอ่อนเพลียจนตาแทบจะปิด สุดท้ายผมฝืนข้าวไปได้นิดหน่อย ตอนแรกกะว่าจะขอตัวกลับห้องเลยเพราะอยากนอนเต็มแก่แต่พี่อุ้มไม่ยอม

“มึงนอนห้องกูเนี่ยแหละ กลับห้องไปก็อยู่คนเดียว ถ้ามึงไข้ขึ้นตอนอยู่คนเดียวจะลำบาก”

สุดท้ายผมก็ค่อยๆ คลานขึ้นเตียงพี่อุ้มไปอย่างในที่สุด ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปนอนแค่ไหนตอนที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะแรงสะกิด

“ตื่นมากินยาก่อน”

“อืม”

ผมตอบเสียงงึมงำก่อนจะค่อยเปิดเปลือกตากขึ้นมาแล้วมุ่นหัวคิ้วทันทีที่ภาพตรงหน้าคือใบหน้าคมคายของเพื่อนสนิทพี่อุ้ม

“ลุกขึ้นมากินยาก่อน”

ผมจับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะมึนงงที่ตื่นขึ้นอีกครั้งแล้วไม่เห็นใครเลยนอกจากคนตรงหน้า

“ไอ้อุ้มกับไอ้เดี่ยวลงไปซื้อของที่เซเว่น”

ผมพยักหน้ารับรู้

“กินยาก่อน”

ยาเม็ดที่ยื่นมาตรงหน้าทำให้ผมนึกขยาดเพราะตัวเองไม่ถูกโรคกับยาเม็ดเท่าไหร่ เอาจริงๆ ผมเป็นคนกินยายากมาก ฉะนั้นเวลาป่วยไข้แต่ละทีจึงหายยากเพราะชอบแอบป้วนยาทิ้งเป็นประจำ

“ไม่กินได้มั้ยพี่”

“ไม่กินแล้วมึงจะหายเหรอ”

พี่เซียนทำหน้าดุ

“อ้าปาก”

ผมเม้มปากแน่น

“เปียว”

“...”

“กินยาแล้วจะได้นอน”

ผมนั่งเงียบแน่นอนว่าความเงียบนั่นทำให้พี่เซียนกดดันผมทางสายตา ดวงตาสีดำสนิทจ้องหน้าผมนิ่งไม่พูดไม่จาแต่นั่นทำให้ผมเสียวสันหลังไม่น้อย

“อย่างอแงเหมือนเด็ก”

“ผมเปล่า”

น้ำเสียงราบเรียบนั่นทำให้ผมใจเสียอาจจะเพราะกำลังป่วยไข้หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ผมรู้สึกอ่อนแอกว่าปกติ ยิ่งสีหน้านิ่งเฉยของคนตรงหน้ายิ่งทำให้ผมนึกน้อยใจ

“ถ้ามึงไม่ได้ทำตัวอย่างนั้นก็กินยาซะ”

“...”

“อย่าเนียนแกล้งหลับ”

“...”

“เปียว”

“รู้แล้ว”

ผมตอบเสียงอู้อี้

“ผมรู้ว่าผมชื่อเปียว”

พี่เซียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

“มึงนี่มันกินยายากไม่เคยเปลี่ยน”

ผมหันขวับมองอีกฝ่ายอย่างเต็มตา

“พี่ว่าไงนะ”

“ยาแค่เม็ดเดียว” พี่เซียนยื่นเม็ดยามาตรงหน้าอีกครั้ง “ถ้ามึงกินแล้วกูจะปล่อยให้มึงนอน ถ้ามึงไม่กินมึงก็ไม่หาย แล้วก็จะเป็นภาระเพื่อนกูแบบนี้”

“ไม่อยากกิน”

“...”

“อย่าบังคับผม”

“...”

“ผมไม่เป็นภาระพี่อุ้มก็ได้ ผมจะกลับห้อง”

ผมพูดเสียงสั่นเมื่อสบสายตาจริงจังคู่นั้นและผุดลุกขึ้นทันที พี่เซียนชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่ฝ่ายนั้นจะถอนหายใจแรงๆ แล้วคว้าแขนผมให้ทรุดตัวลงนั่งเช่นเดิม

“ผมจะกลับห้อง”

“โกรธกูเหรอ”

ผมเบือนหน้าหนีเจ้าของใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่น

“ผมเปล่า”

“เหรอ”

พี่เซียนกดยิ้มมุมปาก

“คนที่ปากไม่ตรงกับใจมักชอบทำปากคว่ำแบบที่มึงทำอยู่ตอนนี้”

ผมหน้าตื่นรีบตะปบปากตัวเองทันที

“อุ้มมันสั่งกูไว้ว่าให้ปลุกมึงกินยาก่อนที่มันจะกลับมา”

พี่เซียนพูดเสียงทุ้ม

“กินยาเถอะ”

ผมเม้มปากแน่น

“มึงไม่รู้เหรอมีหลายคนเป็นห่วงที่มึงไม่สบาย”

ผมสบตากับคนตรงหน้านิ่ง

“อยากรู้มั้ยว่ามีใครห่วงมึงบ้าง”

“มะ ไม่อยากรู้”

“แต่กูอยากบอก”

ผมทำหน้าตื่นรีบคว้าเอายาในมือคนตรงหน้าใส่ปากแล้วกรอกน้ำแก้วใหญ่ตามทันที หลังจากทำหน้าเหยเกกลืนยาลงคอแล้วผมรีบตะแคงตัวนอนคลุมโปงทันที

“ผมจะนอนแล้ว”

“แล้วกัน”

พี่เซียนพูดขำๆ

“กูยังไม่ได้บอกเลยว่าใครเป็นห่วงมึงบ้าง”

“...”

“ไอ้อุ้มลุงรหัสมึงไง มันห่วงถึงขนาดลงไปเซเว่นเพื่อซื้อแผ่นแปะลดไข้ให้”

“...”

“ไอ้โต้งเพื่อนมึง เมื่อกี้มันโทรเข้ามือถือมึง กูเลยถือวิสาสะรับ พอมันรู้มึงนอนป่วยอยู่ มันก็บอกจะรีบมา”

“...”

“ไอ้เดี่ยวเพื่อนกูมันก็อุตส่าห์แวะซื้อข้าวต้มมาให้มึง”

ผมเม้มปากนอนกอดผ้าห่มแน่น ความรู้สึกร้อนวูบวาบไหลวนไปทั่วร่างกาย ขณะซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาผมยังรู้สึกหนาวสั่นบอกไม่ถูก อาการประหลาดที่ว่านั่นเป็นเพราะพิษไข้แน่ๆ

ร่างกายเจ็บป่วยจนมีปฏิกิริยาประหลาดอย่างการรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า

ผมนอนนิ่งจนรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของใครบางคนที่ขยับขึ้นเตียง แรงขยับนั่นทำให้รู้ว่าใครคนนั้นขยับมาใกล้ ผมหลับตาปี๋เมื่อรู้สึกเงาดำทะมึนอยู่เหนือศีรษะ นอกจากนั้นยังรู้สึกถึงลมหายใจของพี่มันอยู่ใกล้กับใบหู

“กูก็ด้วย”

เชี่ยยย

มาด้วยอะไรล่ะ

“กูก็ห่วงมึง”

ตึก

ตึก

ตึก

“กลัวมึงตายคาห้องเพื่อนกู”

พ่องงง

ผมโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มก่อนจะถลึงตาใส่คนขี้แกล้ง โดยไม่รู้เลยว่าฝ่ายนั้นกอดอกยิ้มรอท่าอยู่

แม่ง

จังหวะที่สบสายตาคู่นั้น

สัตว์เอ้ย

ตึก

ตึก

ตึก

ใจเต้นแรงมาก

ผมป่วยแน่ๆ ป่วยเพราะพิษไข้เล่นงาน

มันคืออาการของคนเป็นไข้จนหัวใจเต้นแรงก็เท่านั้นเอง



- J E E B -

เมื่อวานไม่ได้ลงขออภัยน้าเราติดธุระค่ะ มาชดเชยให้วันนี้นะคะ
หวีดในทวิตติดแท็ค #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยน้า

ออฟไลน์ Plakhem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :-[ เขินแทน อิอิ :mew3:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พี่เซียนจำเปียวได้แน่ๆ  พี่ยักษ์ พี่ยักษ์

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
แหม...อิจฉาคนป่วยดีไหม มีคนหล่อดูแล

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
อิจฉาอ่า,,,

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด