WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8  (อ่าน 36379 ครั้ง)

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ชอบคู่นี้มากๆเลยค่ะ  :-[

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
บรรยากาศรอบตัวเขามันฟุ้งไปหมดดด TT

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
แก็งลูกเพื่อนแม่มีปาร์ตี้ชุดนอนด้วย น่าร๊ากกกก :mew4:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ต่อให้ไม่มีอิตากอล์ฟอะไรนั่น เขาก็หยอดกันสม่ำเสมอนะเออ

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เด็กชายภาคินหยอดเก่งจริงๆ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
จ๊ะ ไม่ชอบสีน้ำ ก็ชอบได้แล้ว ตอนนี้ส้มก็หวานแล้ว
อะไรจะเกินกว่านี้ก็ไม่ได้แล้วเนาะ ขยันทำสีน้ำเขินจริงเลย
ภาคินผู้ยังไม่ชอบสีน้ำ แต่การกระทำไปไกลมากจ้า

สีน้ำเหมือนเด็กน้อย น่าเอ็นดู แบบตัวเล็กตัวน้อยมากน่ะ
จะว่าวอแวก็ไม่ใช่ แต่เข้าหาแบบเนียนๆ มาก จับฟัด


ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ

 
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.5
- blue-



“คินทำไมมึงมีอาหารเช้ามาเสิร์ฟถึงที่แต่ของพวกกูต้องโทรสั่งวะ”

คนที่กำลังจะเอาช้อนเข้าปากหยุดชะงักเมื่อบรรดาเพื่อนๆ ที่มาใช้บริการสตูดิโอทักขึ้นมา เพิ่งรู้ตัวว่าทุกสายตาที่กำลังรออาหารมาสั่งจ้องมาที่จุดเดียว สภาพทุกคนตอนนี้เหมือนซอมบี้เพราะโต้รุ้งกันถึงเช้า นานแล้วเหมือนกันที่เขาทำงานข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ พอเสร็จงานก็คิดว่าจะนอนพักสักแปดชั่วโมงแต่เพิ่งนึกได้ว่ามีอาหารเช้าจากครูสีน้ำรออยู่

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าคุณน้ำเลย น่าจะงานยุ่งแต่อาหารเช้านี่ไม่เคยขาด ถึงไม่ได้ให้กับมือแต่ก็แขวนไว้ที่หน้าประตู วันนี้ก็เหมือนกัน ตอนแรกว่าจะเงียบๆ แล้วนะเรื่องนี้แต่พอเพื่อนทักขึ้นมาแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี

“สรุปใครซื้อให้”

“หรือมึงจ้างแม่บ้าน”

“กิ๊กเหรอวะ”

“เห็นเงียบๆ ร้ายไม่เบา”

ภาคินส่ายหน้าไปมาเมื่อบรรดาพวกเพื่อนเริ่มเดาไปเรื่อยเปื่อย เรื่องอะไรจะบอกปล่อยให้มัน งง ไปอย่างนี้นี่แหละ จัดการอาหารเช้าเสร็จ เพื่อนก็ยื่นตารางสตูดิโอของอาทิตย์นี้มาให้พร้อมกับบอกว่ามีงานเพิ่มอีกสามงานคงใช้สตูดิโอยาว ในฐานะเจ้าของธุรกิจเขาก็ต้องดีใจอยู่แล้ว ตั้งแต่เปิดร้านมา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ตารางแน่นขนาดนี้

“เออคิน..มีงานถ่ายรูปกับตัดต่อของพี่เต มึงจะรับป่ะวะ เขาฝากถามกูมาเห็นมึงงานยุ่ง”

“งานของพี่เตกูรับหมด”

“กูว่าแล้วรุ่นพี่ผู้มีพระคุณของมึง”

“ช่วยกูตั้งแต่เรื่องเรียนและเก็บซากเวลาแดกเหล้าแล้วเมาหัวทิ่ม”

“แต่มึงจะไหวแน่เหรอวะคิน กลัวมึงอยู่ดีๆ ล้มฟุบตายห่าไปซะก่อน”

“เบาๆ ไม่ได้หนักอะไร”

“จ้า ทำงานหนักขนาดนี้เก็บเงินแต่งเมียแน่ๆ แก๊งลูกเพื่อนแม่มึงมีฟงมีแฟนกันหมดละ ขนาดไอ้จิ๋วตัวแสบทิมยังมีเลยมึง”

“ไปเรียกมันตัวแสบเดี๋ยวเจอมันวีน”

“ก็เพื่อนมึงน่ะตัวจี๊ดเลย หน้าตาโคตรน่ารักแต่แกล้งคนเก่งฉิบหาย มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่องตอบมาจะแต่งงานใช่ไหม”

“ให้กูแต่งกับใคร”

“เอ๊า..แล้วเจ้าของอาหารเช้านี่ไม่ใช่เหรอไง”

“……………………………………………..”

“กูถือคติเงียบใส่ถือว่ามีพิรุธ แต่กูรู้สึกได้อย่างหนึ่ง”

“อะไรวะ”

“มึงมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลยว่ะ  ยิ้มบ่อยด้วยและกูรู้สึกถึงความรักนิดๆ แบบนิดนึงจากตัวมึง ก่อนหน้านี้มึงเฉยมากเหมือนกูมีเพื่อนเป็นหุ่นยนต์”

“หุ่นยนต์เลยเหรอะวะ”

“เออดิ มึงทำอะไรซ้ำๆ แต่งตัวสีเดิมๆ ใช้ชีวิตแบบเรียบๆ เหมือนตั้งโปรแกรมไว้ ถามจริงมีแฟนเหรอวะ?”

ต่อให้เพื่อนเค้นให้ตายคินก็ยังคงไม่ยอมตอบคำถามเพื่อนอยู่ดี พอเห็นว่าเขาเอาแต่ลีลาก็พากันมาแย่งข้าวผัดกุ้งในจานกันใหญ่ดีนะที่ยกจานหนีทัน เอาจริงคินก็ไม่เคยสังเกตตัวเองเลยว่าเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกวัน แต่ก็นะตัวเองจะไปรู้ได้ยังไงถ้าคนรอบข้างไม่บอก

กูรู้สึกถึงความรักนิดๆ

คินก้มลงมองข้าวผัดกุ้งที่อยู่ตรงหน้า
ความรักเหรอ? ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าแต่ไม่เจอหน้าคนที่หาข้าวเช้ามาให้หลายวันแล้ว
เหงา? คิดถึง? คินเองก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนดี



Watercolor

สัปดาห์นรก
ไม่ได้ใช้คำนี้มานาน

ภาคินเคยด่าพอร์ชเรื่องที่ทำงานหนักเกินตัว แต่ตอนนี้เขากำลังทำเหมือนที่พอร์ชทำ ที่จริงเขาไม่ได้บ้างาน ตั้งแต่เรียนนิเทศเวลาที่ใครมาขอให้ช่วยอะไรเขาก็ช่วยทำหมด ถือว่าเป็นประสบการณ์ด้วย พอเรียนจบมาพวกที่รู้จักกันอยู่แล้วต่างก็พากันมาใช้บริการกันไม่เลิก ดีที่ทุกคนเห็นเป็นธุรกิจเลยให้คินคิดเงินตามแบบลูกค้าทั่วไป อันที่จริงเพราะเป็นคนที่รู้จักอยู่แล้วคินก็เลยทุ่มสุดตัว

“คิน หน้ามึงโคตรไม่ไหวไปหาอะไรกินแล้วนอนพักไป”

“กี่โมงแล้ว”

“หกโมงจะครึ่งแล้ว”

“เช้าตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

“ไปพักบ้างเหอะมึง แก๊งลูกเพื่อนแม่มึงแม่งประเสริฐสั่งอาหารมาให้มึงด้วยวางอยู่บนโต๊ะ”

คินยกมือขึ้นมาลูบหน้าเบาๆ พลางมองไปที่บรรดาอาหาร ที่แก๊งลูกเพื่อนแม่สั่งมาให้ สงสัยกลัวเขาอดตายปริมาณมันถึงได้เยอะขนาดนี้  ทันทีที่นึกอะไรขึ้นได้คินเงยหน้ามองนาฬิกาก่อนจะวิ่งลงไปข้างล่างแล้วรีบเปิดประตู แผ่นหลังที่คุ้นตาทำให้คืนเอื้อมมือไปคว้าข้อมือคนตรงหน้าแล้วดึงเข้าหาตัว

เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวสีน้ำเลยยกมือขึ้นมาจับเสื้อภาคินไว้แน่น แล้วเงยหน้าขึ้นมามองตั้งใจจะเอ่ยถาม แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นว่าภาคินกำลังยิ้มอยู่ ถึงแม้ว่าใบหน้าหล่อจะดูเหนื่อยล้ากว่าทุกวัน

“คุณคิน”

“ได้เจอหน้าสักที”

“ครับ?”

“คนอะไรเอาแต่อาหารมาให้ไม่อยู่รอให้เจอเลย”

“นี่คุณไหวหรือเปล่า”

“ไม่ไหวผมทำงานหนักมาก”

“ดูจากสภาพก็น่าจะเดาได้อยู่ คุณไม่ได้เปิดร้านมาหลายวันแล้วด้วย”

“คุณน้ำก็หาย”

“พอดีผมต้องไปช่วยงานที่บ้านรุ่งอรุณทุกวันเลยครับ อาทิตย์นี้ก็มีงานแล้วเลยไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ งานที่คุณคินช่วยทำใบโบรชัวร์”

“แล้วไม่อยากเจอหน้าผมเหรอ”

“เดี๋ยว”

“คุณน้ำ”

“ครับ”

“ผมเหนื่อยมากเลย”

“……………………………………….”

นี่คือกำลังอ้อน?

ถึงคุณคินจะไม่ได้ทำหน้าบ๊องแบ้วอะไรแบบนั้น แต่น้ำเสียงก็ไม่ใช่โทนเสียงปกติเรียกว่าอะไรดี ดูซอฟๆ หวานๆ  แต่ดูจากใต้ตาที่ดูคล้ำและท่าทางเหมือนจะสลบทุกนาทีที่พูดว่าเหนื่อย ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง สีน้ำไม่ได้ตอบอะไรคนตรงหน้าแต่ขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบตรงแผ่นหลังกว้างเบาๆ ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากการสัมผัสเท่านั้น คินปล่อยข้อมือขาวที่จับไว้แล้วเปลี่ยนมาโอบเอวคุณน้ำให้เข้ามาใกล้ๆ แทน ภาคินหลุดยิ้มเมื่อเห็นว่าใบหน้าของคุณน้ำเริ่มแดงขึ้นมา พอเห็นว่าเขายิ้มมือที่ลูบหลังอยู่ก็เปลี่ยนมาเป็นตีเบาๆ แทน

“จะซบก็ได้….นะ”

เหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ภาคินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะซบหน้าลงตรงลาดไหล่เล็กนั่น ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาทำงานจนลืมวันลืมคืน ตั้งใจจะมาดักรอคุณน้ำที่เอาอาหารเช้ามาให้ทุกเช้าแต่รู้ตัวอีกทีก็เลยเวลาไปแล้วแล้ว มันเลยคลาดกันทุกวันดีที่วันนี้ไม่เป็นเหมือนวันอื่น

ทั้งๆ ที่ร้านก็อยู่ข้างกัน
ไม่เจอกันแค่สองสามวันเขาเป็นถึงขนาดนี้ได้ไงวะ

“วันนี้ของคุณน้ำเป็นสีอะไร”

“ไม่ได้คิดไว้ แล้วคุณคินล่ะคิดว่าวันนี้เป็นสีอะไร”

“สีฟ้าแล้วกัน”

“ฟ้า? ทำไมถึงเป็นสีฟ้าล่ะครับ”

“ท้องฟ้าสวยและคนใส่เสื้อสีฟ้าทำให้หายเหนื่อย”

สีน้ำเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เห็นอยู่ตอนนี้มันก็สวยอย่างที่คุณคินบอก แต่คนใส่เสื้อสีฟ้า? สีน้ำก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่อยู่เพิ่งเห็นว่ามันเป็นสีฟ้าเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองใส่เสื้อสีอะไร พอเข้าใจที่ภาคินบอกก็เริ่มทำอะไรไม่ถูกท่าทางเขินมากๆ แต่หนีไปไหนไม่ได้ทำได้แค่ขยับตัวยุกยิกๆ อยู่ตรงนี้ คินเลยต้องกระซิบบอกบางอย่าง คนที่กำลังดันตัวออกเลยต้องอยู่นิ่งๆ อีกครั้ง

“ผมยังไม่หายเหนื่อยเลย”



คินถือถุงผ้าใส่อาหารกลับเข้ามาในร้าน และทันทีที่เปิดประตูบรรดาเพื่อนๆ ก็ต่างพากันสะดุ้งแล้วแยกย้ายไปนั่งกินอาหารเช้าตามมุมร้าน ท่าทางมีพิรุธโคตรๆ  คินรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนทุกคนต้องแอบมองเขาจากในร้าน ไม่งั้นไม่ทำท่าทางแบบนี้หรอก แต่ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะถามขึ้นมา คินหัวเราะก่อนจะบอกเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร

“มึงจะกินซาลาเปาหมูแดงจิ้มน้ำปลาพริกไม่ได้นะ กูกลัวมึงตาย”

เสียงโห่แซวบวกคำด่าลอยตามมาไม่หยุดแต่ภาคินโบกมือลาให้เพื่อน
ก่อนจะเดินเลี้ยวไปทางห้องครัวด้านหลัง

“คนส่งอาหารเช้าน่ารักไม่ใช่เล่นๆ เลยว่ะ”

“ทำไมไม่พาเข้ามาในร้านกูแอบมองจนตาจะเหล่ไอ้คิน”

“เช้านี้มึงดูสดใสขึ้นมาทันทีในขณะที่พวกกูมืดมนมาก”

 “ไอ้คินไอ้ชั่วทุกคนสภาพใกล้ตายเหมือนกันหมด แต่ทำไมมึงมีใครโผล่มาให้กอดตั้งแต่เช้า กูจะสาปแช่งมึงแล้วภาคิน!”





Watercolor

งานเสร็จสักที..
ดีที่ได้ไอ้ทิมมาช่วยไม่งั้นเขาอาจจะตายคาร้านไปแล้วก็ได้ ถ้าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมีแฝดบริหารอย่างเบนจามินกับรามิล พวกเขาสองคน ภาคินกับนพจินดาก็เป็นคู่หูดูโอ้ข้ามคณะ ตอนเรียนต่างคนต่างเรียกมาช่วยทำงานจนบรรดาเพื่อนเองยัง งง ที่เราสามารถทำงานแทนกันได้ทั้งๆ ที่เรียนไม่เหมือนกันเลย นี่แหละมั้งมิตรภาพตั้งแต่สามขวบของแก๊งลูกเพื่อนแม่  แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไอ้ทิมไม่ลากแฟนมันมาด้วย พอมาถึงไอ้พอร์ชก็เริ่มเลย

“ใครสั่งใครสอนผมว่าอย่าบ้างานให้มันมากนัก เอาเวลาไปให้แฟนบ้างอ้อ..ผมลืมไปคุณคินไม่มีแฟน”

ดูมัน..ทำไมไอ้ทาสพอร์ชมันเหิมเกริมขนาดนี้
จะด่ามันทีไอ้ทิมก็จ้องเขม็ง โวะ!..ไอ้พวกเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน!

คินนอนลืมตาอยู่บนเตียง  หลังจากที่หลับไปเกือบสิบชั่วโมง พอร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็รู้สึกเหมือนได้เติมพลัง หน้าจอโทรศัพท์ที่บ่งบอกเวลา ทำให้คินรู้ว่ามันเลยเวลาอาหารเช้ามานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้คุณน้ำเอาอาหารเช้ามาให้เขาหรือเปล่า เมื่อสองสามวันก่อนก็ไม่มีแขวนไว้ให้ด้วย วันแรกที่เปิดประตูแล้วไม่เจอถุงอาหารเขายืนนิ่งอยู่หน้าร้านเกือบสิบวิมีแค่โพส์ทอิทที่วาดรูปเด็กผู้ชายตัวเลอะสีกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับกองงาน นั่นแหละคนเราเขียนคำว่ายุ่งคำเดียวเขาก็เข้าใจแล้ว ก็นะ..การวาดรูปก็สมกับเป็นครูสีน้ำดี

แต่หายไปทั้งอาทิตย์แบบนี้เขาโคคตรู้สึกไม่ชิน นี่ก็กินกาแฟดำเปล่าๆ มาหลายวันแล้ว
กาแฟที่ชงเองมาหลายปีจืดชืดขึ้นมาซะดื้อๆ เป็นอะไรมากไหมวะเขาเนี่ย..

ภาคินเดินลงมาข้างล่างตรงส่วนร้าน นี่ก็ปิดร้านมาหลายวันแล้วลูกค้าก็โทรมาถามเยอะเหมือนกัน ก็ว่ามะรืนนี้จะกลับมาเปิดตามปกติ คินเปิดประตูหน้าร้านก็พบว่ามันไม่มีถุงอาหารแขวนไว้ ท่าทางคุณน้ำยังคงงานยุ่งไม่เลิก..หรือว่าเบื่อจะซื้อให้แล้ววะ เพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวเลยไม่เห็นว่ามีใครเปิดประตูออกมาจากร้านข้างๆ  ท่าทางแปลกๆ ของคินทำให้อีกคนต้องยกมือขึ้นมาโบกๆ ไปมาตรงหน้า

“คุณคินครับ”

“…………………………”

“โอเคนะครับ”

“คุณณัฐ”

“ไม่สบายหรือเปล่า ผมเห็นคุณยืนทำหน้าเครียดอยู่นานแล้ว”

“พอดีผมเพิ่งทำงานเสร็จสมองมันเลยมึนๆ นิดนึง”

“พักผ่อนบ้างนะครับ คุณคินเป็นเหมือนสีน้ำมันเลย นี่ก็ไม่ยอมพักทำงานติดกันมาทั้งอาทิตย์แล้ว”

“คุณน้ำงานยุ่งมากเหรอครับ ผมไม่ได้เจอเลย”

“งานสอนไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่ตอนนี้มีงานที่บ้านรุ่งอรุณด้วย น้ำไปช่วยเต็มตัวเลยไม่มีเวลาพัก เออ..พรุ่งนี้นะครับงานที่บ้านรุ่งอรุณถ้าคุณคินว่างมาร่วมงานได้นะชวนเพื่อนมาก็ได้มากันเยอะๆ เด็กๆ คงดีใจ”

คุยอะไรต่ออีกสักพักคุณณัฐก็ขอตัวไปสอน ภาคินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูตารางงาน พรุ่งนี้เขาตั้งใจจะพักอีกวันแล้วค่อยกลับมาเปิดร้าน ยังไงก็ว่างอยู่แล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ โผล่ไปที่งานครูสีน้ำจะตกใจหรือเปล่า แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งอย่างน้อยใบโบรชัวร์งานนี้เขาก็ทำด้วยตัวเองเลยนะ ยังไงก็ขอไปชื่นชมผลงานสักหน่อย



“เหมือนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาแล้วเลยว่ะ”

“บ้านรุ่งอรุณคือที่ไหนนะ”

“ให้กูไปช่วยงานว่าที่แฟนมึงใช่ไหมคินเอาตรงๆ ”

ปฏิกิริยาแต่ละคนของแก๊งลูกเพื่อนมันน่าฟาดกระบาลจริงๆ หลังจากที่เขาบอกว่าพรุ่งนี้ถ้าว่างให้ไปช่วยงานที่บ้านรุ่งอรุณหน่อย วันนี้มีรวมแก๊งที่ร้าน SECRET  GARDEN และสถานที่นัดพบของแก๊งนั้นก็คือโรงเรือนกระบองเพชรที่รามิลจ้างไอ้พอร์ชออกแบบให้ใหม่ พอทำใหม่ก็สวยปื๊งจนเขาเองยังเคยถ่ายรูปอัพลงในไอจีคนเข้ามาชื่นชมกันใหญ่

“ก็คือไอ้มิลเคยให้เราไปช่วยขายต้นกระบองเพชรของไม้ และมึงภาคิน…เหตุการณ์แบบเดียวกันเป๊ะ”

“กูไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแบบไอ้มิล”

“เจตนาไม่ดีอะไรวะ ตอนนั้นกูบริสุทธิ์ใจ”

“มึงจะให้พวกกูไปขายต้นไม้แล้วมึงก็จะไปอยู่กับไม้สองคน”

“กูพูดแบบนั้นด้วยเหรอ”

“พูด!”

“ไม้อย่าไปฟัง มิลไปช่วยไม้เพราะอยากช่วยจริงๆ”

พอสู้ไม่ได้ก็หันไปอ้อนแฟนแทน ต้นไม้ก็พอรู้ล่ะว่าใครพูดจริงใครที่เฉไฉไอ้แฟนตัวโตเป็นหมีแต่ทำท่าเหมือนลูกหมายังคงกอดไม่ปล่อย พูดงุ้งงิ้งๆ ไม่หยุดจนเบนต้องโยนกระถางพลาสติกอันเล็กๆ ใส่หัวรามิล เพราะวันนี้อยู่กันครบแก๊ง รวมทั้งต้นไม้ คีตา และพอร์ช คินเลยลองชวนดูอันที่จริงถ้าไม่มีใครว่างคินก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเองก็บอกกะทันหันด้วย

“คีย์ว่างนะ เอากีตาร์ไปเล่นด้วยได้ไหมพี่คิน”

“ได้ เด็กๆ น่าจะชอบแล้วมึงอะเบนหรือมีประชุม”

“กูกำลังวางแผนหนีไอ้มาร์ชอยู่”

“โดดงานตั้งแต่หนุ่มยันแก่ กูเป็นไอ้มาร์ชชิงลาออกตั้งแต่วันแรกมีเจ้านายแบบนี้ปวดหัวตายห่า”

“มึงอย่ามาเสี้ยม มาร์ชรักกู! พรุ่งนี้กูจะไปเป็นคนหล่อขอทำดี”

“กูไปได้นะแต่สายๆ หน่อยมีนัดลูกค้าเรื่องแหวนหมั้นตอนแปดโมง”

“ลูกค้านัดแปดโมงกูร้องไห้ใส่เลย เช้าเกินไม่ตื่น”

“ของกูแปดโมงยังปกติ มึงเจอลูกค้าพอร์ชตีสี่ครึ่งยังเคยมี”

“เดาว่าเป็นผู้หญิงแล้วไอ้ทิมก็ตามไปเฝ้ามึง ใช่ไหมพอร์ช”   

“คุณเบนพูดเหมือนตาเห็น ทับทิมไปทั้งชุดนอนเลยครับลูกค้าผมขำคิกคักแต่ก็บอกว่าแฟนน่ารักดี”

“แต่นิสัยมารร้ายบอกเขาไป”

“สัดเบน! สักวันกูจะขอให้คีตานิสัยเหมือนกู”

"อย่าไปฟังนะคีย์เรื่องไม่ดีๆ"

“พอก่อน สรุปใครไปได้บ้างวะ”

“กูมีประชุมว่ะคงไปไม่ได้ไม้ก็มีลูกค้าที่นัดไว้ เดี๋ยวกูขอเป็นบริจาคแทนแล้วกัน”

“กูกับเจ้าหนูว่าง..ไปได้กูได้การอนุมัติจากผู้ช่วยมาร์ชแล้ว ไอ้มาร์ชดูมีอำนาจกว่าเจ้เบอร์ดี้อีกว่ะตอนนี้”

“เดี๋ยวผมไปพร้อมทับทิมแล้วกัน พรุ่งนี้มีแค่แก้แบบนิดหน่อย”

กว่าจะตกลงกันเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็หลายนาทีอยู่ เวลาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ก็วุ่นวายอยู่เหมือนกัน ไอ้เบนหันมาตีกับไอ้ทิมโดยมีคีตานั่งดีดกีตาร์ใส่ซาวแทร็คอยู่ใกล้ๆ ส่วนพอร์ชได้แต่คอยจับทิมไว้เพราะกลัวจะโดดถีบใส่ไอ้เบนที่เอาแต่กวนตีนไม่เลิก ภาคินกอดอกยืนพิงชั้นกระบองเพชรก่อนจะนึกถึงพรุ่งนี้

ได้เจอหน้ากันสักทีครูสีน้ำ


Watercolor


“น้องน้ำคะ พี่เอาป้ายพวกนี้ไปวางไว้ตรงทางเดินเลยนะคะ”

“ได้เลยครับ”

“วางใบโบรชัวร์ไว้ตรงไหนดีครับ”

“เดี๋ยววางไว้บนโต๊ะตรงประชาสัมพันธ์เลยพี่ชาติ”

“เดี๋ยวพี่ไปดูเด็กๆ ก่อนนะน้องน้ำ กลัวว่าฝนจะเอาไม่อยู่วันนี้ทุกคนยุ่งๆ”

สีน้ำหยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้า ตั้งแต่เช้าแล้วเขาทำนู่นทำนี่ไม่หยุด ที่บ้านรุ่งอรุณเจ้าหน้าที่มีน้อยจนต้องผลัดกันช่วยงาน สีน้ำหยิบกรอบรูปที่ใส่รูปวาดของเด็กๆ ขึ้นมาถือไว้ รูปภาพระบายสีน้ำในมือมันไม่ได้สวยเลิศเลอเท่าไหร่หรอก แต่มันก็คือสุดฝีมือของเด็กคนหนึ่ง มันมีทั้งความพยายาม ความตั้งใจ รวมอยู่ในภาพนี้ สีน้ำปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ก่อนจะค่อยๆ ติดรูปลงบนผนัง คงเพราะมัวแต่ตั้งใจกับภาพตรงหน้าเลยไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามา

“พี่ฝนเหรอ ช่วยหยิบรูปที่วางอยู่ตรงนั้นให้หน่อยได้ไหมครับ”

“……………………………..”

“พี่ฝ..”

ยังไม่ทันจะได้เรียกชื่อจบภาพตรงหน้าทำให้สีน้ำยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ภาคินในชุดเดิมๆ ที่เห็นเหมือนทุกวันเสื้อสีขาวกางเกงยีนส์กำลังยื่นขวดน้ำให้ ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาก่อนที่คินจะเป็นฝ่านที่หลุดหัวเราะก่อนเพราะหน้าตาคุณน้ำเหมือนเจอผีตอนกลางวันแสกๆ

“มาได้ไงครับ”

“วันนี้มีงานไม่ใช่เหรอ”

“ครับ วันนี้มีงานแต่ผมคิดว่าคุณคินไม่น่าว่างเห็นงานยุ่ง”

“คุณณัฐบอกให้ผมมาได้ อีกอย่างผมเองน่าจะมาช่วยอะไรได้บ้าง”

“มาร่วมงานเฉยๆ ก็ได้ครับผมเกรงใจ”

“ผมไม่ได้มาคนเดียวนะ”

“ควงใครมาด้วยเหรอครับ”

“ควงมาทีเดียวสี่คนเลย”   

ภาคินเบี่ยงตัวให้สีน้ำเห็นชัดๆ เมื่อเห็นว่าตรงทางเดินมีแก๊งลูกเพื่อนแม่สองคนรวมทั้งคีตากับพอร์ช แบกของพะรุงพะรังเต็มสองแขน เสียงพูดคุยถกเถียงกันตลอดทางทำให้สีน้ำยิ้มกว้างกว่าเดิม ทันที่ที่ทั้งสีคนเดินมาถึงตรงที่สีน้ำยืนอยู่ก็พาทักทายจนเสียงดังลั่น คุณเบนจามินก็ยังคงเป็นหนุ่มตี๋ฮ่องกงที่อารมณ์ดีเหมือนเดิม

“พวกผมมาช่วยครับคุณน้ำ มีอะไรใช้พวกเราได้ทุกอย่าง”

“ไอ้มิลกับไม้ไม่ได้มาด้วยแต่ยอดบริจาคมันชนะเลิศแซงทุกคนไปเลย เบื่อเจ้าพ่ออสังหา เบื่อคนรวยๆ”

“แล้วเด็กๆ อยู่ไหนกันเหรอครับ”

“เตรียมการแสดงอยู่ข้างหลังครับ ตอนนี้ผมกำลังติดรูปภาพของเด็กๆ งั้นทุกคนช่วยติดภาพก็ได้ครับผมทำสัญลักษณ์ไว้แล้ว”

สีน้ำยิ้มขำเมื่อทุกคนรับคำแข็งขัน เหมือนเขาเป็นหัวหน้าที่สั่งงานลูกน้อง แก๊งลูกเพื่อนแม่แยกย้ายไปทำงาน เหลือแค่คินที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ก่อนที่คินจะเป็นฝ่ายหยิบรูปภาพที่วางอยู่แล้วยื่นให้คุณน้ำที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ เบนจามินกระเถิบตัวมาอยู่ใกล้ทิมก่อนจะสะกิดให้ดูคินที่ยืนหัวเราะอยู่อีกด้าน  มองจากตรงนี้ก็เห็นว่าทั้งสองคนกำลังหยอกล้อกันอยู่ คินกำลังแกล้งคนที่ยืนอยู่บนเก้าอี้คุณน้ำก็เหมือนจะดุแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร มีหันมาฟาดคินทีสองทีแล้วก็ช่วยกันติดรูปกันต่อ

“สรุปกูกับมึงหรือไอ้คินที่มีแฟน ทำไมมันดูหวานแหววกันจังวะ”

“ไอ้คินยังทำตัวเหมือนเดิม แต่งตัวเหมือนเดิมมินิมอลเหมือนทุกวัน แต่พอยู่กับคุณน้ำกูรู้สึกว่ามันมีสีสันขึ้นมาเลย”

เบนกับทิมมองไปยังสองคนที่ยังคงช่วยกันติดรูปอยู่อีกด้าน ไม่รู้ว่าตัวติดกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่ว่าคุณน้ำจะกระเถิบตัวไปทางไหน ไอ้คินก็ขยับตามไปทุกที่ 

งานที่บ้านรุ่งอรุณเริ่มแล้ว เด็กๆ ก็ตื่นเต้นกันใหญ่มีบ้างที่ร้องไห้งอแงเพราะคนเยอะ คงจะตื่นคนแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ถึงเวลาปล่อยให้เด็กๆ วาดรูประบายสี คนที่มาร่วมงานเอ่ยชมว่าเด็กที่บ้านรุ่งอรุณมีฝีมือในการวาดรูประบายสีกันแทบทุกคน สีน้ำเดินดูเด็กๆ พร้อมกับช่วยสอนเทคนิคเล็กน้อยเพราะอยากให้เด็กระบายสีตามใจตัวเองมากกว่า จังหวะที่กำลังจะเดินไปอีกฝั่งอยู่ดีๆ ก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามากระซิบว่ามีคนมาบริจาคของเพิ่ม

“แขกของน้องน้ำหรือเปล่าคะ ของพี่ที่แจ้งชื่อไว้มาครบแล้ว”

“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเองครับ”

สีน้ำเดินออกมาจากนอกอาคารก่อนจะหยุดเดินเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนพิงรถอยู่คือคนที่เคยเจอกันแล้ว ผู้ชายที่หน้าคล้ายคุณคินเมื่อวันนั้น  พออีกฝ่ายเห็นเขาเดินออกมาก็ทำหน้าแปลกใจอยู่เหมือนกัน

“ผมนึกว่าจะเป็นเบนหรือทิม”

“พอดีเจ้าหน้าที่รู้จักผมอยู่แล้วครับ ไม่ทราบว่าคุณ..เอาของมาบริจาคเหรอครับ”

“ครับ ผมเอาพวกอุปกรณ์กีฬามาให้เห็นทิมบอกว่าพวกเครื่องเขียนมีกันเยอะแล้ว”

“ครับ ขอโทษครับคือเราขอทราบชื่อคนบริจาคด้วยนะครับ คือมันเกี่ยวกับความปลอดภัย”

คนที่ยืนอยู่ทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจ สีน้ำเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่เคยบอกชื่อเลยสักครั้ง แต่ถ้ารู้จักกันแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็คงเป็นรู้จักของใครสักคน สีน้ำยืนรออยู่สักพักก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มให้

“คุณากร พิชญเดชา”

เจ้าหน้าที่พาผู้ชายที่เพิ่งบอกชื่อ ให้ไปทำเรื่องบริจาคของที่สำนักงานแล้ว แต่สีน้ำยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนคินที่เดินออกมาตามแตะลงบนไหล่ถึงได้รู้สึกตัว สีน้ำหันมามองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขารู้จักนามสกุลของคุณคิน พิชญเดชา นามสกุลเดียวกันถ้างั้น..คินมองตามท้ายรถที่ขับออกไปจากบ้านรุ่งอรุณ ก่อนจะเอ่ยออกมาเองเพราะเขารู้ว่าคุณน้ำก็คงสงสัย

“พี่ชายผมเอง ชื่อพี่เค”

“พี่ชาย?”

“แต่ไม่ค่อยสนิทกัน”

“พี่ชายแท้ๆ เหรอครับ”

“ครับ เพิ่งมาไม่สนิทกันตอนโต การใช้ชีวิตไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ เลยไม่มีเรื่องให้คุยกันมั้งไม่ได้ทะเลาะอะไรกันร้ายแรงครับสบายใจได้”

ภาคินตัดบทก่อนจะยิ้มบางๆ พร้อมกับบอกให้ครูน้ำเข้าไปข้างในเพราะเด็กๆ เริ่มถามหากันแล้ว สีน้ำเพิ่งสังเกตว่ารอยยิ้มของทั้งคู่มันดูเศร้าๆ เหมือนกันไม่มีผิด คินกำลังยกกล้องในมือขึ้นมาถ่ายรูปบรรยากาศข้างนอกแต่ก็ต้องยกค้างไว้เมื่อได้ยินประโยคที่คุณน้ำบอกออกมา

“สีเทา”

“ครับ? สีเทา?”

“ผมรู้สึกว่าพี่ชายคุณคินเป็นสีเทาเข้มๆ  มันไม่เหมือนสีดำแต่ก็ไม่ใช่โทนสีสว่างแต่ที่ผมสัมผัสได้ เขาดูเหงามากๆ ”

ภาคินลดกล้องในมือลงเมื่อได้ยินที่คุณน้ำบอก เขาไม่รู้เรื่องส่วนตัวของพี่เคมานานแล้วเหมือนกัน เราไม่ได้คุยกันสองคนมานานมาก เหงางั้นเหรอ…ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อสัมผัสตรงข้อมือทำให้ภาคินเงยหน้าขึ้นมามองคุณน้ำอีกครั้ง

“ผมไม่รู้เรื่องครอบครัวของคุณหรอกแต่ผมเชื่อว่าทุกคนมีสองด้านนะ ด้านที่คุณคินเห็นกับด้านที่คุณคินไม่เคยเห็น”


.....................
...............................
............................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2020 20:53:01 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
Watercolor

เลอะเทอะทุกครั้งที่ได้จับพู่กันระบายสี

เสื้อสีขาวที่ภาคินใส่มาตอนแรก ตอนนี้มันเลอะสีน้ำเป็นแถบๆ มันเกิดจากงานที่บ้านรุ่งอรุณจบแล้ว เด็กๆ ก็เลยระบายสีเล่นกันตามใจชอบ ทิมกับพอร์ชก็ช่วยเด็กๆ อยู่อีกด้าน  สองคนนี้พอมีความสามารถทางด้านการวาดรูปอยู่แล้วเลยไม่ต้องห่วง ตัดภาพมาที่เบนจามินผู้ซึ่งมันคงในสายวิทยาศาสตร์มาตลอด เจอการวาดรูปเข้าไปถึงกับคิ้วขมวดเป็นปม คีตาหัวเราะแล้วหัวเราะอีกกับฝีมือศิลปะของแฟนตัวเอง ส่วนเขาน่ะเหรอ..

“เสื้อคุณคินเลอะเหมือนวันนั้นเลยเนอะ”

ตัวต้นเหตุคือคนที่ยืนล้างพู่กันอยู่ที่อ่าง ก็นั่นแหละเขายืนถ่ายรูปอยู่ดีๆ คุณน้ำก็บอกว่าถ่ายเยอะพอแล้วให้มาระบายสีด้วยกัน  ตอนแรกจะชิ่งหนีแต่พอเจอสายตาอ้อนๆ ก็ใจอ่อนยอมมานั่งผสมสีน้ำตามที่คุณครูสั่ง ทันทีที่เขาบอกว่าไม่ต้องกลัวว่าเสื้อเขาจะเลอะสีเขาไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว เท่านั้นแหละบรรดาเด็กๆ ก็รุมป้ายสีเขากันใหญ่ แต่พอเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ ภาคินก็ได้แต่ปล่อยให้เด็กเล่นสนุกอยู่อย่างนั้น

นอกจากเด็กๆ แล้วคุณครูสีน้ำก็ป้ายสีฟ้าตรงแก้มเขายาวเป็นแถบ
เขาก็เลยเอาคืนบ้าง ตอนนี้แก้มคุณสีน้ำเลยมีสีน้ำเลอะอยู่เหมือนกัน

“คุณคินเหนื่อยไหมครับ เห็นงานยุ่งๆ แล้วยังมาช่วยงานผมอีก”

“งานไม่เหนื่อยแต่อาหารเช้าหายไปสองสามวัน ใจไม่ดี”

“กลัวอดตายเหรอไง”

“กลัวคนที่ซื้อให้หาย ก็หายจริงๆ อาหารก็ไม่มีทิ้งไว้แค่โพสต์อิทแผ่นเดียว”

“……………………………………..”

สีน้ำหยิบพู่กันที่ล้างน้ำเสร็จแล้วมานั่งลงข้างๆ ภาคิน  ด้านหลังของบ้านรุ่งอรุณเงียบสงบดีมีสนามหญ้าและดอกไม้ที่เจ้าหน้าที่ปลูกไว้พอได้นั่งพักก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ก่อนหน้านี้วิ่งวุ่นจนหัวหมุนไปหมด

“ผมไม่รู้ว่าคุณคินรอผมอยู่หรือเปล่า”

“……………………………………..”

“หมายถึงงานยุ่งจนไม่รู้ว่าคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า”

“คิดถึงผม?”

“คิดถึงอาหารเช้าของผม”

“ผมดูเป็นคนเห็นแก่กินขึ้นมาทันที”

“แล้วคิดถึงไหมล่ะไม่ได้กินของอร่อยๆ”

“คิดถึงสิ”

“อดตายแน่”

“คิดถึงคนซื้อให้ต่างหาก”

“จริงๆ คนเล่นมุขนี้เยอะนะแต่ก็พอได้ฟังกับตัวก็เขินอยู่เหมือนกัน”

“มุขซ้ำเหรอเนี่ย”

“ไปหามุขมาใหม่เลย”

“เฮ้ย นี่ออกมาจากใจ”

“คุณคิน..จริงๆ แล้วช่วงที่ผมงานยุ่งผมก็อยากเจอคุณเหมือนกัน แต่ก็รู้ใช่ไหมคือเราสองคน..เอาเป็นว่าผมรู้ว่าถึงคุณจะเล่นหยอดผมอยู่บ่อยๆ  แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจริงแค่ไหน ผมเองก็รู้ลิมิตตัวเองถ้าคุณแค่เล่นๆ ผมรู้ว่าต้องทำยังไง”

“ผมรู้ว่าต้องทำยังไงนี่หมายความว่า?”

“ผมยังซื้ออาหารเช้าให้คุณเหมือนเดิมในฐานะเพื่อน หรือไม่ก็คนที่อยู่ร้านข้างๆ ”

“แล้วมันต่างจากที่ผ่านมาตรงไหน”

“อะไรที่อร่อยมากๆ จะไม่ซื้อให้”

“เอ๊า!”

“เรื่องอะไรต้องทุ่มเทให้เพื่อนที่อยู่ข้างร้านขนาดนั้นด้วย เป็นแค่เพื่อนกินธรรมดาก็พอ ซื้อให้เพราะมีน้ำใจให้เพื่อนร่วมโลก”

ภาคินสาบานว่าเขาพยายามกลั้นยิ้มแล้วแต่มันไม่ได้จริงๆ ประโยคที่ได้ยินมีคำว่าเพื่อนเกินสามคำแล้ว ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาหยิ่งๆ คล้ายกับว่าไม่แคร์มันก็น่ามันเขี้ยวคินเลยเอื้อมมือไปรั้งเอวคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้เข้ามาใกล้ๆ

“มีเรื่องจะสารภาพ ตอนที่คุณน้ำหายไปผมใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตื่นขึ้นมาทำงาน กินกาแฟดำๆ ขมๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นชั่วโมงๆ ทำอะไรซ้ำๆ  วนๆ ไป”

“แล้ว?”

“โคตรเงียบเลยว่ะ”

“เงียบ?”

“อืม..แบบเงียบเหงา”

“เหงาด้วย ปกติเห็นคุณคินอยู่คนเดียวออกจะบ่อย”

“ก็เพราะใครล่ะ เคยโผล่มายิ้มแป้นแล้นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าพร้อมอาหารอร่อยๆ พูดนู่นพูดนี่จนผมชินไปแล้ว”

“อยู่ดีๆ เป็นความผิดผมได้ไง”

“ทำให้ผมคิดถึงก็ต้องเป็นความผิดคุณสิ”

“โห..วันนี้เล่นแรงนะเนี่ย”

“อย่าเขินจนวิ่งหายไปไหนแล้วกันไม่เจอหลายวัน อย่าคิดจะหนีไปไหนอีก”

“ร้านอยู่ข้างกันแท้ๆ”

“นั่นดิแค่เปิดประตูทำไมไม่ทำวะ”

“นี่หมายถึงผมหรือตัวคุณคินเอง”

“เราทั้งคู่”

พอคินตอบมาอย่างนั้นก็นั่งเงียบกันทั้งสองคนก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน สรุปคือหลายวันที่ผ่านมาต่างคนต่างคิดถึงแต่ไม่มีใครกล้าที่จะเริ่มก่อน สีน้ำเองเห็นอีกฝ่ายงานยุ่งขนาดนั้นก็ไม่รู้ว่าถ้าเข้าไปหาจะเป็นการยุ่งวุ่นวายไปหรือเปล่า แต่พอได้ฟังแบบนี้แล้วก็ค่อยโล่งใจ รอยยิ้มที่เคยเห็นอยู่ทุกวันทำให้ภาคินต้องยกมือขึ้นมาลูบแก้มคนข้างๆ ที่ยังคงมีสีฟ้าเลอะอยู่

“ถ้างานยุ่งช่วยบอกผมหน่อยมาให้เห็นหน้าสักห้านาทีก็ยังดี หายไปไม่กี่วันชีวิตผมแปรปรวนไปหมด”

“แล้วคุณคินก็จะบอกผมเหมือนกันใช่ไหม”

“บอกทุกอย่างครับ”

“พูดเพราะขึ้นมาเลย”

“พูดได้ทุกวันล่ะครับ”

“ให้มันน้อยๆ หน่อยอายุน้อยกว่านะเราน่ะ”

“อย่ามาดุเลยคุณครูผมไม่กลัวหรอก อีกอย่าง…”

“ถ้าผมหยอดเล่นๆ ไม่มานั่งคิดถึงเป็นหมาหงอยแบบนี้หรอกสีน้ำ”

“………………………………………………”

ภาคินแกล้งทำเป็นยืดแขนก่อนจะรั้งร่างคุณน้ำที่นั่งตาโตกับประโยคที่เขาพูด ให้เอนมาซบลงตรงอกกว้างก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับบอกว่า เราควรพักกันทั้งคู่เพราะหน้าตาเริ่มเหมือนซอมบี้ในหนังแล้ว ตอนแรกสีน้ำขืนตัวเอาไว้แต่พอเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรมากกว่ากอดไว้เฉยๆ สีน้ำก็เริ่มผ่อนคลายมือที่กำเสื้ออยู่ค่อยๆ คลายออกเปลี่ยนมาวางพาดบนเอวของคินแทน จะว่าไปก็เหนื่อยจริงๆ ตั้งแต่ทำงานติดกันมาหลายวันเขายังไม่ได้พักเลย จังหวะที่กำลังเคลิ้มหลับเสียงร้องเพลงที่ดังขึ้นเบาๆ ทำให้สีน้ำขมวดคิ้ว


* หลับเถอะนะแก้วตาจงนอนหลับใหล จะอยู่ตรงนี้ไม่จากไปไหน..


เพราะความเหนื่อยล้าทำให้สีน้ำไม่อยากจะขยับตัวไปไหน แต่เพลงที่คุณคินร้องเขารู้สึกคุ้นมาก มันไม่ใช่เสียงร้องที่เขาคุ้นเคยแต่มันเป็นเนื้อเพลงเขารู้สึกว่าเขาเคยเห็นเนื้อเพลงๆ นี้มาก่อน สีน้ำพยายามนึกให้ออกแต่สุดท้ายความง่วงก็ชนะ แต่ก่อนที่เข้าสู่ห้วงนิทราลายมือบนโปสการ์ดก็แว๊บขึ้นมาในหัว

“โปสการ์ด..”


เมื่อวานเห็นคุณเขียนไว้ว่านอนไม่หลับ
จริงๆ มีเพลงแนะนำฟังกี่ครั้งนอนหลับสนิททุกครั้ง

หลับเถอะนะแก้วตาจงนอนหลับใหล จะอยู่ตรงนี้ไม่จากไปไหน..

ถ้าได้เจอกันจะร้องให้ฟังนะคุณ จะร้องเพลงกล่อมให้คุณนอนฝันดี


ภาคินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเขาได้ยินคนที่หลับซบอกพึมพำว่าการ์ดๆ อะไรสักอย่างฟังไม่ค่อยชัด มือใหญ่ยกขึ้นมาสัมผัสตรงกลุ่มผมสีน้ำตาแดงเบาๆ คล้ายจะกล่อม ภาคินหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายขยับตัวเบียดเข้าหาแล้วกอดไว้แน่นพอเห็นอีกฝ่ายหลับสนิทเหมือนเดิมภาคินก็ยกมือขึ้นมาลูบแก้มที่ยังคงเลอะสีฟ้าเพิ่งรู้ว่าบนหน้าตัวเองก็มีแค่สีฟ้าที่เลอะอยู่ที่แก้มตำแหน่งเดียวกันเป๊ะๆ


“งั้นวันนี้ให้วันของเราสองคนเป็นสีฟ้าก็แล้วกันเนอะ”











TO BE CON

* song : กล่อม
ศิลปิน : ฟลุ๊ค เกริกพล

ps: ร้องเพลงนี้ได้แสดงว่าเราอยู่ในยุคพี่ฟลุ๊ควัยใสเหมือนกัน น๊า นา นา นา

ขอโทษมากๆ นะคะที่มาต่อแต่ละตอนค่อนข้างช้านิดนึง ไม่นิดอะเกือบเดือน แงง!
พอดีงานเรายุ่งยากมากมายมหาศาลอยากลาออกทุกสองวิ แต่ ศก แบบนี้
ไม่ออก! *กอดโต๊ะทำงานแน่น


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinb




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2020 22:40:07 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ทำไมคู่นี้ละมุนกว่าทุกคู่ คงเพราะนิสัยของคินและสีน้ำ

ออฟไลน์ Aday_s

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณที่มาอัพนิยายให้อ่านนะคะ ช่วงนี้เราฝึกงานเหนื่อยมาก พอได้อ่านนิยายของไรท์ มันฮีลใจเรามากค่ะ สู้ๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เมื่อไรจะรู้ว่า   ต่างคนต่างก็เป็นคนที่อีกคนถวิลหาจากโปสการ์ดสื่อรัก

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
รอไขปริศนาน้องคิน พี่เค :mew4:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ละมุนมากๆเลย
แอบสงสารพี่เคจัง มีอะไรกันนะสองพี่น้องคู่นี้

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ iMarchs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีต่อใจมากๆ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ดีต่อใจ  :-[ :-[

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอย โอย ใจบางไปหมดแล้วค่ะ คุณภาคิน
จะทำแบบนี้กับสีน้ำไม่ได้ หยอดยังไงก็อยากให้รู้ว่าหยอด

ภาคินละมุนมากค่ะ เป็นเอ็นดูสีน้ำมากด้วย

สีน้ำน่ารักดี ห่วงนะ แต่ไม่อยากวุ่นวาย
แต่ตอนนี้วุ่นวายกันได้ละ ภาคินจะยินดีเป็นที่สุด

ทีมลูกเพื่อนแม่ คือทัพเสริมที่ดีมากเลยค่ะ

ภาคินจะกลับไปคุยกับพี่ชายไหมน้า สีน้ำบอกว่าพี่เค้าดูเหงาล่ะ



ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
 

คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.6
-Green-


“มึงนั่งเหม่อมาสิบนาทีแล้วน้ำ เป็นอะไรวะ”

พอโดนทักเจ้าตัวที่นั่งนิ่งอยู่หน้ากระดานวาดรูปก็สะดุ้งสุดตัว พอเห็นท่าทางแปลกๆ ของญาติตัวเองก็เลยถามซ้ำอีกครั้งแต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้า แต่พอผ่านไปสักพักก็พยักหน้าทำสลับไปสลับมาเหมือนไม่แน่ใจตัวเอง

อะไรของมัน?

“ณัฐ มึงเคยคุ้นๆ อะไรสักอย่างแล้ว ..แล้ว”

“แล้ว?”

“ไม่รู้ว่ะบอกไม่ถูก คนๆ หนึ่งมันจะเหมือนกันได้ขนาดนั้นเลย”

“มึงพูดเรื่องอะไรเนี่ย แล้วใครเหมือนใคร”

“หรือมันเป็นเรื่องบังเอิญเฉยๆ ”

“ยิ่งพูดยิ่งงง สรุปเรื่องนี้มีตัวละครกี่คน”

“สองคนแต่แค่รู้สึกว่าสองคนนี้มันเหมือนกันมาก แต่มันจะเป็นไปได้เหรอวะ”

“กูอยากให้มึงเล่ารายละเอียดให้กูฟังนะแต่มึงดูยังไม่พร้อมจะเล่า”

“เออ ไม่เล่าดีกว่า”

“ถ้าไม่ใช่ญาติกูเตะไปนู่นแล้วพูดเองเออเองเป็นนางเอกซีรีส์เลย เออ..ช่วงบ่ายมึงว่างแล้วใช่ไหม”

“ว่าง..ย้ายไปสอนเช้าหมดแล้ว”

“แล้วจะไปไหนไหม”

“ยังไม่รู้เลยว่ะ ”

“นอนพักเถอะมึงดูเบลอๆ ชอบกล”

สีน้ำพยักหน้ารับก่อนจะวางพู่กันในมือลง ภาพที่กำลังวาดอยู่คือม้านั่งตัวหนึ่ง แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนก็หน้าร้อนขึ้นมาซะดื้อๆ เลยรีบลุกออกจากเก้าอี้ แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ทำให้ณัฐต้องถามเป็นครั้งที่สามของวันว่า

มึงเป็นอะไรวะน้ำ?

ที่จริงวันนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย สีน้ำจำได้ว่าเขาหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าได้ยินเสียงเพลงที่คุณคินร้องขึ้นมาถึงจะง่วงมาก แต่เขาก็ยังจำเนื้อเพลงนั่นได้แม่น หลังจากนั้นเขาก็หลับสนิทจนไม่รู้เรื่องอะไรอีก  รู้ตัวอีกทีตอนที่คุณทิมเดินมาปลุก เพิ่งรู้ว่าคุณคินก็หลับเหมือนกันแต่..ประเด็นคือเราสองคนหลับแบบกอดกันอยู่บนม้านั่ง

เขาก็รู้นะว่าคุณทิมพยายามกลั้นยิ้มแล้ว แต่สายตาวิบวับนั่นมันก็ทำให้เขาอดที่จะเขินไม่ได้ แถมคุณคินที่หลับอยู่ก็ไม่ยอมปล่อยมือที่กอดเอวเขาสักที ขนาดคุณทิมพยายามสะกิดแล้วสะกิดอีกก็ไม่ปล่อย มีการกอดแน่นขึ้นกว่าเดิมจนเขาแทบจะจมอกกว้างๆ นั่น

“ไอ้คิน ถ้ามึงแกล้งหลับอยู่กูจะถีบมึงตกเก้าอี้เลยนะ”

เออ..ทิม นพจินดาเป็นคนที่จิ๋วแต่แจ๋วของแก๊งลูกเพื่อนแม่ หน้าตาน่ารักแบบตุ๊กตาแต่น้ำเสียงที่พูดกับคุณคินนี่โหดระดับสิบแต่มันก็ได้ผล อยู่ดีๆ คุณคินก็ลืมตาขึ้นมาซะดื้อๆ จนเขาเองต้องหันไปมองท่าทางก็ไม่ได้ดูง่วงนอนเหมือนเมื่อกี้เลยสักนิด แถมยังลุกขึ้นมานั่งตัวตรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“มึงนี่มันน่ากลัวไม่เคยเปลี่ยนทับทิม มีแฟนแล้วไม่อ่อนโยนขึ้นมาบ้างเลย”

“ทำเป็นแกล้งหลับแล้วเนียนกอดคุณครูสีน้ำอย่างมึง กูไม่ฟาดกระบาลมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

“ร้ายกาจจริงๆ คนอะไร”

“มึงนั่นแหละที่ร้ายไอ้ลูกกระจ๊อก”

คุณทิมยกขาเตะคุณคินหนึ่งทีก่อนจะบอกว่าให้รีบตามไปข้างในห้องประชุม  พอคุณทิมเดินหายไปทุกอย่างก็เงียบกริบสีน้ำจ้องคนข้างๆ อย่างจับผิดก่อนที่ภาคินจะยกมือขึ้นมาปิดตา

“อย่าจ้องแบบนั้นสิ”

“สรุปคุณคินหลับจริงหรือเปล่าเนี่ย”

“หลับจริงแต่ตื่นก่อน”

“แล้วทำไมไม่ปลุกผม”

“ก็เห็นนอนหลับสนิทก็เลยไม่กล้าปลุกอีกอย่าง..”

“อะไร”

“กอดผมแน่นขนาดนั้นใครจะอยากปลุกกัน”

พอรู้เหตุผลจริงก็เลยฟาดใส่แขนสักทีสองที แต่ยอมรับว่าพอได้นอนพักร่างกายก็รู้สึกเหมือนได้เติมพลังขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขารู้สึกเพลียอยู่ตลอดเวลาคงเพราะไม่ได้นอนหลับสนิท พอยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เพิ่งรู้ว่าเกือบจะหกโมงเย็นแล้ว ภาคินเลยต้องบอกว่ารีบเข้าไปข้างในจังหวะที่กำลังลุกขึ้นข้อมือของคืนก็ถูกจับไว้แน่นจนคินต้องหันมาถามว่ามีอะไร

“ผมได้ยินคุณคินร้องเพลงก่อนที่ผมจะหลับ”

“อ้อ..ผมร้อง”

“เพลง..”

“อยากฟังอีกเหรอของดีมีครั้งเดียว ไม่ร้องให้ใครฟังง่ายๆ หรอกนะ”

“คุณคินรู้จักเพลงนี้อยู่แล้วเหรอครับ”

“เพลงเก่ามากใช่ไหม แต่มันก็ต้องมีคนรู้จักเหมือนกันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอก”

“ผมขอถามอะไรคุณคินหน่อยได้ไหม”

“ครับ?”

“คุณคินเคยไปเชีย..”

“ไอ้คิน! คุณน้ำ รีบเข้ามาเร็ว มาถ่ายรูปกับเด็กๆ กันครับ”

ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยค คุณเบนจามินก็โผล่หน้ามาพร้อมกับกวักมือเร่งให้เขารีบเดินเข้าไปข้างใน สีน้ำเลยต้องหยุดคำถามไว้แค่นั้น แผ่นหลังกว้างตรงหน้าทำให้สีน้ำต้องสลัดความคิดบางอย่างออกไป

บางทีมันก็แค่เรื่องบังเอิญก็อย่างที่คุณคินบอก
มันก็ต้องมีคนที่รู้จักเพลงนี้เหมือนกัน ไม่ใช่แค่คุณคินคนเดียวสักหน่อย

พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น สีน้ำก็ถอนหายใจ ทั้งๆ ที่บอกตัวเองแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไมในใจมันถึงปล่อยวางเรื่องนี้ไม่ได้สักที สีน้ำหยิบกล่องกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมาวางบนโต๊ะ นานแล้วนะที่เขาไม่ได้หยิบสิ่งนี้ขึ้นมาอ่าน ทันทีที่เปิดกล่องออกโปสการ์ดมากมายหลายแผ่นอัดแน่นอยู่ภายในกล่อง สีน้ำค่อยๆ รื้อโปสการ์ดจนเจอใบที่เขียนเนื้อเพลง เพลงเดียวกับที่คุณคินร้องให้ฟัง

“เพลงเก่ามากใช่ไหม แต่มันก็ต้องมีคนรู้จักเหมือนกันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอก”

แล้วถ้าเป็นคนๆ เดียวกันจริงๆ
คุณอยู่ใกล้ผมแค่นี้เองเหรอ คุณโปสการ์ด


Watercolor


“ทำไมปิดร้านเร็วจังครับ”

ภาคินล๊อคประตูร้านเสร็จหันไปตามเสียงที่เอ่ยทัก  เห็นคุณครูสีน้ำหอบอุปกรณ์วาดรูปไว้เต็มสองแขนก็เลยเข้าไปช่วยถือ  พอเข้ามาในร้านภาคินก็วางอุปกรณ์ไว้บนโต๊ะก่อนจะเงยหน้ามองไปรอบๆ ร้าน เพิ่งสังเกตว่าวันนี้ดูเงียบกว่าทุกวัน ทุกทีจะมีเสียงเด็กๆ วิ้งเจี๊ยวจ้าวดังลั่นไปหมด

“วันนี้ไม่มีสอนเหรอครับทำไมดูเงียบๆ ”

“ช่วงบ่ายมีคลาสเดียวครับณัฐกำลังสอนอยู่ ของผมมีแค่ช่วงเช้าตอนนี้ก็เลยว่าง คุณคินก็ปิดร้านเหมือนกันนี่ ”

“พอดีวันนี้มีออกงานอีเว้นท์”

“ออกงานอีเว้นท์โห..ฟังดูเป็นเซเลปขึ้นมาเลยนะ”

“จริงๆ ผมต้องไปขายต้นไม้”

“ขายต้นไม้?”

ภาคินพยักหน้ายืนยันว่าเขาไปขายต้นไม้จริงๆ ไม่ได้หลอกอีกฝ่ายแต่อย่างใด ครูน้ำทำหน้าตาไม่เชื่อแถมยังถามอีกว่าขายต้นไม้ที่เป็นต้นๆ ไม่ใช่รูปวาดหรือรูปถ่ายต้นไม้ใช่ไหม มีการยกมือขึ้นทำท่าทางเป็นต้นไม้อีกต่างหาก คินหัวเราะกับท่าทางจริงจังนั่นก่อนจะย้ำเป็นรอบที่สามว่าต้นไม้ที่เป็นต้นไม้ไม่ใช่ภาพวาดหรือรูปถ่าย อยู่ดีๆ ภาคินก็นึกอะไรขึ้นมาได้

“คุณน้ำ…ไปขายต้นไม้ด้วยกันไหมครับ”



Green Party
สีน้ำเงยหน้ามองป้ายสีน้ำตาลที่มีตัวอักษรสีเขียวเขียนไว้อยู่ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นงานคล้ายๆ สวนจตุจักรขนาดย่อมที่ขายต้นไม้อย่างเดียว แต่พอเดินเข้ามาข้างในมันมีทั้งเสื้อผ้า ของแฮนด์เมด อาหารเครื่องดื่ม  แล้วก็มีเวทีไว้ให้แสดงดนตรี ทุกอย่างดูเพลินตา จนสีน้ำไม่ได้สังเกตว่าคนที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดเดินตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีบางอย่างดันหน้าผากเขาไว้

“ดูทางด้วยครับคุณครู”

“คุณคินมาขายต้นไม้ที่นี่เหรอครับ”

“ที่นี่แหละครับ”

“มาคนเดียวเนี่ยนะ”

คินส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินนำไปที่บูธฝั่งที่เขียนว่า Tree & Flower  พอเห็นชื่อร้านที่ติดไว้สีน้ำก็เริ่มเข้าใจ ที่แท้ก็มาช่วยคุณต้นไม้นี่เอง เดาได้เลยว่ามาทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่แน่ๆ แบบนี้อย่างน้อยก็ต้องมีคุณรามิล แต่ตอนนี้สีน้ำเห็นแค่คุณไม้กับผู้ชายอีกคนที่เขาเองก็ไม่รู้จัก

“นี่ขนาดปีนี้เราซื้อบูธเพิ่มเป็นสองร้านแล้ว ร้านเราก็ยังดูเล็กอยู่ดี”

“งานหน้าจะซื้อสักห้าบูธเลยครับคุณเต้”

“โห..พี่ไม้ SECRET GARDEN โด่งดังระดับประเทศขนาดนี้ แล้วไหนบรรดาผู้ช่วยขายต้นไม้หน้าตาระดับพระเอก สองบูธมันจะไปพอได้อย่างไร”

“คนเต็มร้านเลยเนอะคิดถึงปีแรกที่มาออกบูธมีแค่เราสองคนเอง วิ่งวุ่นกันจนหัวหมุน”

“และปีต่อมาก็มีแฟนพี่ไม้ เพื่อนของแฟนพี่ไม้และแฟนของเพื่อนของแฟนพี่ไม้ SECRET GARDEN ออกบูธทีไรทุกคนได้แฟนกลับไปตลอด”

“สรุปร้านพี่เป็นร้านกามเทพไม่ใช่ร้านขายดอกไม้แล้ว”

“พี่ไม้ดูดิ พี่มิลมาคนแรกในฐานะเด็กฝึกงานแล้วตอนนี้เป็นแฟนเจ้าของร้าน คีตามาในฐานะคนที่ทำงานกับพี่เบนแล้วตอนนี้เป็นไงกลายเป็นเจ้าหนูของพี่เบนไปแล้ว พอร์ชมาในฐานะลูกค้าของพี่ทิมแล้วตอนนี้ก็กลายมาเป็นแฟนเด็ก”

“เออ ก็จริงเหมือนกันนะเนี่ย”

“เป็นไง คราวนี้ก็เหลือพี่คินแล้วถ้าวันนี้ควงใครมาด้วยคราวหน้าก็เป็น……. แฟน กัน ได้ เลย”

ทันทีที่พูดจบประโยคคนที่เต้กำลังพูดถึงก็เดินเข้ามาในร้านพอดี และแน่นอนว่าคนที่เดินตามมาข้างหลังทำให้เต้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น นี่นับเป็นปีแรกเลยนะที่พี่คินพาคนอื่นมาด้วย ทุกทีพี่แกฉายเดี่ยวตลอด ท่าทางยืนตะลึงเหมือนเจอสิ่งประหลาดทำให้คินต้องยกมือขึ้นมาปัดๆ ไปมาตรงหน้าเต้

“เป็นไรวะเต้”

“ไม่มีอะไรพี่คิดว่าพี่คินจะมาคนเดียวซะอีก”

“อ้อ..เออไม้เราชวนคุณสีน้ำมาด้วยนะ”

“ตามสบาย ผ้ากันเปื้อนอยู่หลังร้านคินไปเอาได้เลย”

ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในคินแนะนำครูสีน้ำให้เต้ได้รู้จักบอกสถานะว่าเป็นเพื่อนที่เปิดร้านอยู่ติดกัน ภาคินรู้สึกว่าวันนี้ไอ้เต้ดูแปลกๆ มีการพูดซ้ำๆ ว่า เพื่อนที่เปิดร้านอยู่ติดกัน วนอยู่อย่างนั้น แต่ไอ้สายตาล้อเลียนนั่นทำให้ภาคินอยากจะยกขาเตะมันไปไกลๆ อยู่เหมือนกัน

“วุ่นวายหน่อยนะวันนี้แก๊งลูกเพื่อนแม่ว่างตรงกันพอดีก็เลยมากันหมดทุกคน แฟนพวกมันด้วย”

“เพื่อนคุณคินดูติดแฟนเนอะ”

“ก็เป็นกันทั้งแก๊ง ผมก็เป็น”

ประโยคสุดท้ายภาคินเอียงตัวเข้ามากระซิบข้างหู สีน้ำเลยศอกใส่ก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น พอเดินเข้าไปข้างหลังก็เป็นอย่างที่คุณคินว่า แก๊งลูกเพื่อนแม่อยู่กันครบทุกคน เสียงพูดคุยดังลั่นแต่พอทันทีที่ทุกคนหันมาเห็นว่าใครที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ ทุกคนก็เงียบลงก่อนที่คุณคินจะแตะลงบนแขนให้เขาเดินเข้าไป คุณเบนจามินก็ยังเป็นผู้ชายอารมณ์ดีโบกมือทักทายเขาพร้อมกับตาตี่ๆ ก่อนที่ทุกคนในแก๊งจะเอ่ยทักทายเขากันทุกคน คุณรามิลหัวหน้าแก๊งแค่ยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนของร้านมาให้สองชุด


ขายต้นไม้ก็คือขายต้นไม้

สีน้ำดูตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าด้านหลังร้าน มีต้นกระบองเพชรจำนวนเยอะมากวางเรียงรายอยู่ น่าจะถ่ายรูปเกินร้อยรูปไปแล้วตอนนี้ ต้นไม้เห็นท่าทางแบบนั้นเลยบอกให้สีน้ำชอบต้นไหนให้หยิบไปได้เลย เจ้าตัวเอ่ยขอบคุณใหญ่เหมือนเด็กเวลาที่ผู้ใหญ่ให้ของเล่น ภาคินเคยคิดนะว่าครูสีน้ำดูเด็กกว่าอายุจริง ขนาดอยู่กับไม้ที่อายุเท่ากับพวกเขาครูสีน้ำก็ยังดูเด็กกว่าอยู่ดี

ต้นไม้หยิบต้นกระบองเพชรมาเรียงตรงชั้นหน้าร้าน พอเห็นบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ช่วยกันขายต้นไม้อย่างขยันขันแข็งก็อดที่จะปลื้มใจไม่ได้ สัมผัสตรงเอวทำให้ต้นไม้หันไปมองข้างๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อใบหน้าของรามิลเลอะไปด้วยเศษดินเต็มไปหมด ทุ่มเทกับงานที่สุดก็คงจะเป็นคนนี้

“คนมาช่วยเราเยอะเลยเนอะ ไม้จะได้ไม่เหนื่อย”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่เรียกลูกค้าได้อีกแน่นอน”

“ถ้าไม่ตีกันตายไปซะก่อน”

ยังพูดไม่ทันขาดคำ
เสียงที่ดังออกมาจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่หันไปมอง

“เอาเพลงมันส์ๆ หน่อยดิคีตา”

“นี่มันกีตาร์คลาสสิคอะพอร์ชไม่ใช่กีตาร์ไฟฟ้า มันส์สุดได้แค่นี้”

“อยากฟังเพลงร็อคเล่นให้หน่อย”

“มาเล่นเองเลย”

ทั้งสองคนยังคงเถียงกันเรื่องเลือกเพลงที่จะเล่นไม่หยุด จนต้นไม้ต้องกลั้นหัวเราะ ก่อนจะตบไหล่รามิลเบาๆ พร้อมกับบอกว่าไปห้ามเด็กตีกันหน่อย รามิลส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“เกิดเป็นหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่นี่มันไม่ง่าย ต้องคอยห้ามไอ้ทิมตีกับไอ้เบนยังต้องมาห้ามเจ้าหนูกับแฟนเด็กมันอีก”

ถึงจะบ่นแค่ไหนคนที่ได้ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งก็เดินเข้าไปห้ามทัพ  ต้นไม้ได้แต่มองไปรอบร้านๆ ก่อนที่สายตาจะหยุดที่คนสองคนที่นั่งอยู่ตรงมุมร้าน เพราะสีน้ำไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับต้นกระบองเพชรเท่าไหร่ ภาคินเลยหยิบหนังสือเกี่ยวกับต้นกระบองเพชรให้สีน้ำลองอ่าน พอสีน้ำเจอต้นกระบองเพชรที่เหมือนในหนังสือก็รีบชี้ให้คินดู มันคงน่าเอ็นดูคินถึงได้นั่งเท้าคางแล้วยิ้มไม่หยุด

“พี่คินดูมีสีสันขึ้นนะพี่ไม้”

“สีสัน? ยังไงนะ?”

“เมื่อก่อนพี่คินเขาดูเป็นผู้ชายแบบนิ่งๆ โคตรติสท์ ไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่  วันนี้ผมเพิ่งเคยเห็นพี่คินดูแลใครสักคน ทั้งผูกผ้ากันเปื้อนให้ จับผม จัดเสื้อผ้า ”

“พี่ก็ไม่เคยเห็นคินในมุมแบบนี้เหมือนกัน”

“อย่างตอนนี้เขานั่งอยู่ข้างกันพี่คินในความรู้สึกผม ก็ยังเป็นผู้ชายที่นิ่งๆ ดูติสท์ๆ เหมือนเดิม ส่วนคุณน้ำก็ดูเป็นคนสดใสมากๆ”

“จะบอกว่าสองคนนี้ตรงกันข้ามกันเหรอ”

“ใช่ แต่อยู่ด้วยกันแล้วโคตรลงตัว”

ต้นไม้หันไปมองทั้งคู่อีกครั้ง ภาคินไม่ได้พูดอะไรเอาแต่นั่งมองคุณสีน้ำที่พูดนู่นพูดนี่ไม่หยุด มีบ้างที่หัวเราะพร้อมกัน ภาคินแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็อยู่ในชุดเสื้อยืดสีเทากางเกงยีนส์ในแบบเดิมๆ และคุณน้ำใส่เสื้อยืดสีชมพูกางเกงสีขาวสามส่วน เป็นการแต่งตัวที่คนละแนวอย่างเห็นได้ชัด  สำหรับต้นไม้ภาคินคือผู้ชายที่เข้าถึงยากที่สุดในแก๊งลูกเพื่อนแม่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากๆ ทำอะไรตามใจตัวเอง คิดจะไปไหนก็ไป จะมาก็มา ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ตะลอนไปทั่ว แต่วันนี้เท่าที่เห็น..

ภาคิน อาจจะเจอคนที่อยากจะหยุดพัก
ไปตลอดชีวิตแล้วก็ได้




พันธุ์กระบองเพชรเยอะมาก
ให้จำทั้งชีวิตก็น่าจะจำไม่หมด

ตอนแรกสีน้ำไม่กล้าที่จะหยิบจะจับอะไรเท่าไหร่เพราะกลัวว่าต้นกระบองเพชรจะเสียหาย แถมในที่นี้เขาก็รู้จักแค่คุณคินคนเดียวเลยเดินตามติดคุณคิน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเดินไปไหนสีน้ำก็เดินตามไปด้วย เดินวนไปวนมารอบตัวจนคินต้อนจับให้อีกคนนั่งลงข้างๆ แล้วขายต้นไม้ด้วยกัน

“วันนี้เหมือนผมเป็นคุณครูแล้วคุณน้ำเป็นนักเรียนเลยนะ อยู่ไม่นิ่งเลย”

“ก็ผมไม่กล้าขายกลัวตอบลูกค้าผิด”

“เอาแค่ใส่ถุงก็พอ เดี๋ยวเต้กับไม้เป็นคนอธิบายลูกค้าเอง”

“ลูกค้าดูสนใจแก๊งลูกเพื่อนแม่มากกว่าต้นกระบองเพชรอีก”

“เป็นงี้ทุกครั้งที่มา ผมโดนจีบหนักสุดเพราะทุกทีมาคนเดียว”

“นี่ผมผิดหรือเปล่าเนี่ยที่มาด้วยหรือคุณคินอยากโดนจีบ”

ภาคินยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร ลูกค้าสาวสวยหน้าร้านที่ยืนรอจังหวะอยู่นานแล้ว เอ่ยถามกับคินไม่หยุดเหมือนทั้งร้านมีแค่คินคนเดียว สีน้ำที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้แต่นั่งมองทั้งคู่ถามตอบกันไปมาตอนแรกก็เรื่องต้นกระบองเพชรแหละ แต่พอนานๆ ไปก็ได้ยินเรื่องเบอร์ เรื่องไลน์ สีน้ำเห็นภาคินหันมามองหน้าเขาเหมือนรอให้เขาตอบ ทุกอย่างตรงหน้าเงียบสนิทก่อนที่สีน้ำจะยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อให้คินตรงหน้าผากก่อนจะจับลงบนแก้มคินเบาๆ พร้อมกับบอกว่าอากาศร้อนเนอะ

ภาพตรงหน้าเหมือนแทนคำตอบทุกอย่าง
ลูกค้าสาวสวยยืนกะพริบตาปริบๆ เอ่ยขอตัวแล้วเดินไปจ่ายเงินอีกด้าน

“ยิ้มทำไม”

“ทุกครั้งเวลามีคนมาจีบแก๊งลูกเพื่อนแม่เห็น ไม้ คีตา พอร์ช ออกโรงตลอดวันนี้เข้าใจแล้ว”

“เข้าใจว่าอะไร”

“เวลามีคนหวงมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง”

“เช็ดเหงื่อให้เฉยๆ หรอก”

“งั้นกลับไปให้ไลน์เขาก่อนนะเมื่อกี้ยังไม่ทันได้บอกเลย”

“ภาคิน..”

คินหัวเราะเมื่อครูสอนวาดรูปเรียกชื่อซะเสียงแข็งเลยเอียงตัวมาพูดให้ได้ยินสองคนว่า ไม่คิดจะให้ไลน์ใครทั้งนั้นสบายใจได้ แต่ประโยคสุดท้ายสีน้ำอยากจะเอาต้นกระเพชรโยนใส่จริงๆ

“หวงผมบ่อยๆ นะน่ารักดี”


Watercolor


“กระถางหมดแล้วครับต้องขอโทษด้วยจริงๆ ”

สีน้ำหันไปมองคุณไม้ที่เอ่ยขอโทษลูกค้าที่ซื้อกระบองเพชร แล้วต้องการเปลี่ยนกระถางเป็นกระถางสวยๆ แต่วันนี้ลูกค้าซื้อกระถางกันไปจนหมดแล้ว ลูกค้าทำหน้าเสียดายคงเพราะอยากได้กระถางที่สวยกว่ากระถางกระเบื้องสีน้ำตาลธรรมดาๆ สีน้ำมองไปยังกระเป๋าผ้าที่เขาเอาติดตัวมาด้วยก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“เพ้นท์กระถางได้ไหมครับ อยากได้รูปอะไรผมเพ้นท์ให้ได้”

ตอนนี้ลูกค้าไปรุมตรงคุณสีน้ำกับภาคินกันใหญ่หลังจากที่คุณน้ำเดินมาหยิบสีอะครีลิคออกมาจากกระเป๋า บรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ตาโตเมื่อเห็นบรรดาหลอดสีมากมายที่คุณน้ำหยิบออกมา สีน้ำเลยบอกว่าตอนแรกพกไว้เพราะตอนเย็นมีเวลาเหลือคิดว่าจะไปวาดรูปกับเพื่อนต่อไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้ใช้ตอนนี้

“วาดหัวใจได้ไหมคะ”

“ได้ครับ”

“อยากได้รูปดอกทานตะวัน ยากไปไหมคะเกรงใจ”

“ผมวาดได้ครับ”

“หนูอยากได้กระต่ายอยู่บนกระถางค่ะ พี่วาดให้หนูนะ”

“รอแป๊บนึงนะคะ”

ภาคินที่นั่งอยู่ข้างๆ ช่วยครูสีน้ำที่ดูจะฮ็อตขึ้นมาซะดื้อๆ  มีบ้างที่คินวาดเป็นลายเส้นสีดำ เพราะลูกค้าผู้ชายบางคนชอบแบบนี้มากกว่าการลงสี สีน้ำชะโงกหน้ามาดูลายที่ภาคินวาดลงบนกระถางก่อนจะบอกว่าสวยดีเหมือนลายกราฟฟิค ภาพที่ทั่งคู่นั่งข้างกันอีกคนถือพู่กันระบายสีต่างๆ ลงบนกระถาง ส่วนคินมีแค่ปากกาเมจิกสีดำแท่งเดียวค่อยๆ วาดลายลงบนกระถางเช่นกันภาพมันน่ารักจนทิมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ พอร์ชเดินมาข้างหลังแล้วดูรูปที่ทิมเพิ่งถ่ายไป

“ลูกกระจ๊อกของทับทิมจะมีแฟนแล้ว”



....................
..................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2020 22:41:17 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
  watercolor

หลังจากที่นั่งวาดรูปบนกระถางอยู่นาน คินก็เงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะร้องเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่หน้าร้าน พ่อกับแม่เขาหัวเราะก่อนจะบอกว่าคุณป้าใบบัวพิมพ์มาในไลน์ว่าต้นไม้กับรามิลอยู่ที่นี่ พอดีมาทานข้าวกับเพื่อนแถวนี้เลยแวะมาหา สีน้ำยกมือไหว้ทั้งสองคน แต่ตอนนี้ในสายตาของพ่อกับแม่คุณคินคงคิดว่าเขาเป็นเด็กกะโปโลแน่ๆ เพราะทั้งมือทั้งผ้ากันเปื้อนเลอะไปด้วยสีที่กำลังระบายอยู่

“เดี๋ยวนี้มีเพ้นท์กระถางด้วยเหรอแม่นึกว่าขายต้นกระบองเพชรอย่างเดียว”

“เพิ่งมีเมื่อกี้เลยแม่ บอกกี่ครั้งว่าอย่าเช็ดแบบนั้น..เดี๋ยวเข้าตา”

คินจับมือครูน้ำไว้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะยกมือขึ้นมาเช็ดสีตรงข้างแก้ม คินเลยหยิบทิชชู่เปียกออกมาก่อนจะค่อยๆ เช็ดลงบนแก้มเบาๆ ท่าทางอ่อนโยนในแบบที่ไม่เคยเห็นทำให้พ่อกับแม่ที่ยืนอยู่หันมามองหน้ากัน สีน้ำเห็นท่าทางของคนเป็นผู้ใหญ่เลยจับมือคินที่กำลังเช็ดอยู่ให้หยุดก่อน

“เดี๋ยวพ่อกับแม่จะแวะไปที่ธนาคารหน่อย พี่เคประชุมตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่เลิกเลย ต้นกระบองเพชรสวยดีนะพ่อ เอาไปวางบนโต๊ะทำงานเคดีไหม อ้าว..ตายละแม่ต้องไปแล้วจอดรถนานไม่ได้”

พ่อกับแม่เดินออกไปแล้วก่อนไปยังเข้ามาหอมแก้มเขาซ้ายขวาจนเขาต้องบอกว่าโตแล้วนะ เห็นคุณน้ำแอบยิ้มอยู่เหมือนกันภาคินกลับมานั่งที่เดิม ประโยคที่แม่บอกยังคงวนเวียนอยู่ในหัว พี่เคทำงานหนักเขาก็รู้ งานธนาคารไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เขาเองไม่เคยรู้เลยว่าพี่เคมีวันหยุดเหมือนคนอื่นเขาหรือเปล่า เห็นทำงานอยู่ตลอดเวลา สัมผัสตรงต้นแขนทำให้คินหันมามองก่อนที่สีน้ำจะชี้ไปที่ต้นกระบองเพชรต้นหนึ่ง

“ต้นนี้ไหม”

“อยากได้เหรอ”

“พี่ชายคุณเขาจะชอบไหม”

“พี่เคอะนะ?”

“ถ้าไม่รู้จะเริ่มคุยยังไงให้ต้นกระบองเพชรก็ได้ แค่ให้เฉยๆ”

“ผมว่าอย่า..”

“ชีวิตมันไม่แน่นอนนะ อยากทำอะไรต้องรีบทำ”

ภาคินมองไปยังต้นกระบองเพชรที่สีน้ำชี้ให้ดูก่อนจะหยิบขึ้นมามองใกล้ๆ จริงๆ มันก็น่ารักดี ตอนนี้ในใจเขาสับสนไปหมดเราไม่ได้คุยกันมาหลายปีแล้วอยู่ดีๆ จะไปทักทำงานหนักไหม เหนื่อยหรือเปล่ามันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน ถึงแม้ในใจลึกๆ เขาก็ยังห่วงพี่ชายตัวเองที่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ และเขาเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย คินยื่นกระถางต้นไม้ให้สีน้ำที่รับมาถือไว้

“เพ้นท์ให้หน่อยครับ”

“รูปอะไร”

“เด็กผู้ชายใส่ชุดเทควันโด”


ถึงจะอยากรู้ว่าทำไมต้องรูปนี้ แต่สีน้ำคิดว่ามันคงเป็นสิ่งที่พี่น้องเขารู้กันสองคนเลยเลือกที่นั่งวาดรูปตามที่คินบอก ทันทีที่สีน้ำวาดเสร็จก็ยื่นให้คินแล้วบอกว่าให้เขาวาดหรือเขียนอะไรสักหน่อย คินลังเลอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเอาปากกาเมจิกสีดำเขียนตัวอักษรว่า

KK

คินหยิบต้นกระบองเพชรแล้วรีบวิ่งออกไป หลังจากที่โทรหาแม่ได้ทันก่อนที่แม่จะขับรถไปที่ธนาคาร ทันทีที่เดินกลับมาคินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเหมือนทำภารกิจระดับชาติยังไงไม่รู้ เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วร้านค้าต่างๆ เริ่มทยอยปิดพร้อมกับวงดนตรีเริ่มเล่นเพลงในช่วงเย็น คินถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะบอกให้สีน้ำไปเดินเล่นในงาน

บรรยากาศช่วงเย็นสบายกว่าตอนกลางวันเยอะ มีลมพัดเบาๆ พร้อมกับเสียงเพลงของของวงดนตรีที่เล่นเพลงอะคูสติก สีน้ำกับคินเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านขายโปสการ์ด ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมองบรรดาโปสการ์ดต่างๆ ก่อนที่สีน้ำจะเอ่ยออกมา

“เขียนโปสการ์ดกันไหมครับ”

“เขียนให้ใคร”

“เขียนสลับกันไง คุณคินเขียนให้ผม ผมเขียนให้คุณคิน”

“เอางั้นก็ได้”

“แต่ว่าไม่ให้กันตรงๆ นะห้ามเขียนชื่อด้วยเขียนเสร็จแล้วเอาไปติดตรงบอร์ดนู่นเดี๋ยวไปหาเอง”

“เข้าใจแล้ว ผมก็จะหาของคุณน้ำ คุณน้ำก็จะหาของผม”

“ครับ มาดูกันว่าเราจะหากันเจอไหม”

พอต่างคนต่างเข้าใจคินกับสีน้ำก็แยกกันเลือกโปสการ์ด แล้วนั่งเขียนกันคนละมุม ทันทีที่เขียนเสร็จคินให้สีน้ำไปติดบอร์ดก่อน ตามด้วยตัวเอง พอเดินกลับมาก็หัวเราะกันทั้งคู่เพราะคิดว่าเล่นอะไรเป็นเด็กๆ สีน้ำให้ภาคินไปหาโปสการ์ดก่อนเอาจริงๆ เขาก็ไม้ได้รู้สึกว่าตัวเองจะหาของคุณคินเจอเลยด้วยซ้ำยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเดินกลับมาแล้วซ่อนโปสการ์ดไว้ตรงด้านหลังด้วยใบหน้ามั่นใจเต็มร้อยก็เริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

ตอนนี้บนเวทีมีคีตานั่งเล่นกีตาร์อยู่ ข้างๆ เวทีเบนจามินก็ยืนกอดอกคอยส่งยิ้มให้อยู่เรื่อยๆ คินกับสีน้ำเลยเดินมาตรงที่เขาแสดงดนตรีทั้งสองคนเลือกที่จะยืนอยู่ด้านหลังสุดเพราะด้านหน้าคนค่อนข้างเยอะ สีน้ำเห็นคุณรามิลขยับตัวไปตามเสียงเพลงก่อนจะจับคุณไม้ให้เต้นไปด้วย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มนั่นเป็นรามิล เตชนะหิรัญในแบบที่สีน้ำเองก็เพิ่งเคยเห็น

ถ้าหันมาอีกด้านจะเจอคุณทิมกับพอร์ช ที่ยืนดูคีตาเล่นกีตาร์อยู่ ในมือซ้ายของพอร์ชถือแก้วน้ำพันช์ไว้ส่วนมืออีกข้างก็พาดไหล่คุณทิม และแน่นอนว่าเอวของพอร์ชคุณทิมก็กอดไว้แน่นเช่นกัน  สีน้ำยิ้มออกมาเมื่อเห็นฉากหวานแหววของแก๊งลูกเพื่อนแม่ก่อนที่สายตาจะหันกลับมามามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“เปิดโปสการ์ดพร้อมกันไหมครับ”

สีน้ำพยักหน้าพร้อมกับโปสการ์ดสองใบที่ยื่นให้กันและกัน ทันทีที่เห็นลายบนโปสการ์ดต่างคนก็ต่างยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พลิกอีกด้านที่เป็นข้อความเลยสักนิด ลายโปสการ์ดของทั้งคู่เป็นลายสีขาวเรียบๆ แต่มีตัวอักษรที่เขียนไว้ว่า

Chiang Mai

สีน้ำมองโปสการ์ดอยู่อย่างนั้นก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ พลิกโปสการ์ดที่อยู่ในมือให้เห็นด้านที่เป็นตัวอักษร แต่บนโปสการ์ดของทั้งคู่ไม่มีตัวอักษรเลยสักตัว โปสการ์ดที่อยู่ในมือของภาคินเป็นรูปเด็กผู้ชายสองคนที่กำลังยืนดูวงดนตรีเล่นอยู่และที่สำคัญมือของทั้งคู่กำลังจับกันไว้แน่น ส่วนโปสการ์ดในมือของสีน้ำเป็นรูปผู้ชายสองคนที่ยืนหันหน้าเข้าหากันแค่อีกคนกำลังโดนจูบหน้าผาก

ต่างคนต่างเงียบ..

สีน้ำยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ เขานึกถึงภาพที่ตัวเขาเองวิ่งลงบันไดไปที่บอร์ดของโฮมสเตย์แล้วมองหาโปสการ์ดที่ปักหมุดเอาไว้ทุกเช้า ข้อความบนโปสการ์ดคือข้อความที่สีน้ำเฝ้ารอทุกวัน ทั้งๆ ที่มันไม่ได้เกี่ยวกับโปสการ์ดใบนี้เลยด้วยซ้ำแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงคิดถึงมันขึ้นมา สีน้ำมองโปสการ์ดในมือแล้วเงยหน้าของภาคินที่กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน

“ถูกอันใช่ไหม อันนี้คือโปสการ์ดของคุณน้ำ”

“ครับ แล้วอันนี้”

“อันนั้นก็ของผม”

“ผมนึกว่าคุณคินจะเขียนเป็นข้อความ”

“ผมก็นึกว่าคุณน้ำจะเขียนเป็นข้อความเหมือนกัน”

“อยากวาดรูปมากกว่า”

“เราสองคนไม่เคยได้เห็นลายมือกันสักทีเนอะ เอาแต่วาดรูปกันทั้งคู่”

ภาคินกระเถิบเข้ามาใกล้สีน้ำมากขึ้น สายตาที่มองกันทำให้สีน้ำยิ้มออกมา เสียงกีตาร์ของคีตายังเล่นเพลงรักไปเรื่อยๆ  แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเข้ากับบรรยากาศดี

“คุณน้ำรู้ไหมตอนนี้ผมรู้สึกยังไง”

“……………………………….”

“เหมือนเจอสิ่งที่ผมอยากเจอมาโดยตลอด”

“หมายถึงอะไรเหรอครับ”

“ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าเจอแล้ว”

คินก้มลงมองคนที่ยืนหน้าแดงอยู่ ดีที่ตรงนี้ไม่มีคนเท่าไหร่เพราะทุกคนไปอยู่ตรงหน้าเวทีกันหมด เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ทำให้คินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ชื่อที่จุดแจ้งเตือนคือชื่อที่คินไม่ได้เห็นมานานมากแล้วมันนานมากจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเรื่องสุดท้ายที่เราคุยกันคือเรื่องอะไร คินกดเข้าไปก่อนจะเห็นว่ามันคือรูปกระถางต้นกระบองเพชรที่เป็นลายเด็กผู้ชายใส่ชุดเทควันโดพร้อมกับข้อความสั้นๆ ที่พี่ชายเขาพิมพ์มา

Thanks..

คินหลับตาลงทุกอย่างมันตีตื้นขึ้นมาจนอยากจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ถึงแม้ว่ามันไม่ได้เป็นประโยคยาวๆ เหมือนที่เราเคยคุยกันเหมือนแต่ก่อน แต่แค่นี้มันก็ดีมากแล้ว ดีมากแล้ว คินลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นคุณสีน้ำยืนยิ้มให้เขาอยู่ตรงหน้าถ้าไม่ใช่เพราะคุณสีน้ำที่บอกให้เขาเอาต้นกระบองเพชรให้พี่เค เหตุการณ์วันนี้มันคงไม่เกิดขึ้น

“มีอะไรหรือเปล่า…คิน”

อยู่ดีๆ ภาคินรวบเอวคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้ทุกอย่างแนบชิดจนแทบไม่มีที่ว่าง ก่อนที่คินจะแนบหน้าผากตัวเองลงไป มือของสีน้ำกำเสื้อยืดสีเทาของคินไว้แน่นก่อนจะค่อยๆ คลายออกแล้วเปลี่ยนมาวางบนไหล่กว้างนั่น สีน้ำหลับตาลงก่อนที่คินจะก้มลงจูบหน้าผากค้างไว้

“ขอบคุณสีน้ำ”

คินลืมตาขึ้นมามองคนในอ้อมกอดที่เอาแต่ยืนตัวแข็งทื่อแถมยังหน้าแดงจนแทบจะระเบิดแล้วหัวเราะเบาๆ เลยแกล้งจุ๊บหน้าผากลงไปอีกทีเลยโดนฟาดไหล่กลับมา สีน้ำหันไปมองหน้าเวทีเมื่อคีตาดีดกีตาร์เป็นเพลงที่ชอบพอดี คินเหลือบมองมือของคุณสีน้ำก่อนจะค่อยๆ จับมือมาประสานกันมันเป็นรูปเดียวกับที่คุณน้ำวาดเอาไว้ในโปสการ์ด ไม่มีคำพูดใดๆ อีกมีแค่เสียงดนตรีและโปสการ์ดสองใบที่อยู่ในมือของทั้งคู่ คินเงยหน้ามองป้ายที่ติดไว้ตรงต้นไม้ก่อนจะยิ้มออกมา


Green Party
วันนี้เป็นปาร์ตี้สีเขียว
ที่มีความสุขมากจริงๆ






TO BE CON

ps: และเขาก็ยังไม่รู้นะคะว่าเธอคือใครใครคือเธอในโปสการ์ด 55555
ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่ แต่เราอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ ทวิตมาทวงได้ คอมเมนท์ได้ ได้หมดจ้าาาาขอเงินไม่ได้เพราะไม่มีเหมือนกัน T__T


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinb











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2020 00:07:08 โดย RIBBINBO »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เฮ้อ....จนป่านนี้  ยังไม่เห็นลายมือของกันและกันอีกเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนแรกเราคิดว่าในบรรดาสามเรื่องก่อนที่อ่านมาเรื่องของต้นไม้กับคุณมิลโรแมนติคที่สุดแล้วนะ แต่เรื่องนี้กลับโรแมนติคและอบอุ่นมากขึ้นไปอีก เค้าเหมือนมาเติมเต็มให้กันเป็นความแตกต่างที่ลงตัวมากๆ นี่ขนาดยังไม่รู้เรื่องโปสการ์ดนะ ถ้ารู้คงจะยิ่งน่ารักมากกว่านี้แน่ๆ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ละมุนละไม... :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คุณสองคนทำให้เรามีความสุขไปด้วย

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ชอบจังงง ละมุนมากๆค่ะ ชอบบรรยากาศรอบตัวของสองคนนี้จัง  :กอด1: คนเป็นคู่กันยังไงก็ต้องมาเจอกันในสักวันเนาะ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
เหมือนเรายืนมองสีน้ำกะภาคินอยู่ตรงนั้นด้วย ลุ้นมาก แล้วก็ยืนตัวบิดเขิลลลล :m3: :m3:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ความแตกต่างที่ลงตัว :mew3:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พอเริ่มเอะใจกันแล้วก้ภาพตัด กี๊ดดดดดดดดดดดดด ลุ้นๆ

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
“ลูกกระจ๊อกของทับทิมจะมีแฟนแล้ว”  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด