WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา
CH.5
- blue-
“คินทำไมมึงมีอาหารเช้ามาเสิร์ฟถึงที่แต่ของพวกกูต้องโทรสั่งวะ”คนที่กำลังจะเอาช้อนเข้าปากหยุดชะงักเมื่อบรรดาเพื่อนๆ ที่มาใช้บริการสตูดิโอทักขึ้นมา เพิ่งรู้ตัวว่าทุกสายตาที่กำลังรออาหารมาสั่งจ้องมาที่จุดเดียว สภาพทุกคนตอนนี้เหมือนซอมบี้เพราะโต้รุ้งกันถึงเช้า นานแล้วเหมือนกันที่เขาทำงานข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ พอเสร็จงานก็คิดว่าจะนอนพักสักแปดชั่วโมงแต่เพิ่งนึกได้ว่ามีอาหารเช้าจากครูสีน้ำรออยู่
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าคุณน้ำเลย น่าจะงานยุ่งแต่อาหารเช้านี่ไม่เคยขาด ถึงไม่ได้ให้กับมือแต่ก็แขวนไว้ที่หน้าประตู วันนี้ก็เหมือนกัน ตอนแรกว่าจะเงียบๆ แล้วนะเรื่องนี้แต่พอเพื่อนทักขึ้นมาแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
“สรุปใครซื้อให้”
“หรือมึงจ้างแม่บ้าน”
“กิ๊กเหรอวะ”
“เห็นเงียบๆ ร้ายไม่เบา”
ภาคินส่ายหน้าไปมาเมื่อบรรดาพวกเพื่อนเริ่มเดาไปเรื่อยเปื่อย เรื่องอะไรจะบอกปล่อยให้มัน งง ไปอย่างนี้นี่แหละ จัดการอาหารเช้าเสร็จ เพื่อนก็ยื่นตารางสตูดิโอของอาทิตย์นี้มาให้พร้อมกับบอกว่ามีงานเพิ่มอีกสามงานคงใช้สตูดิโอยาว ในฐานะเจ้าของธุรกิจเขาก็ต้องดีใจอยู่แล้ว ตั้งแต่เปิดร้านมา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ตารางแน่นขนาดนี้
“เออคิน..มีงานถ่ายรูปกับตัดต่อของพี่เต มึงจะรับป่ะวะ เขาฝากถามกูมาเห็นมึงงานยุ่ง”
“งานของพี่เตกูรับหมด”
“กูว่าแล้วรุ่นพี่ผู้มีพระคุณของมึง”
“ช่วยกูตั้งแต่เรื่องเรียนและเก็บซากเวลาแดกเหล้าแล้วเมาหัวทิ่ม”
“แต่มึงจะไหวแน่เหรอวะคิน กลัวมึงอยู่ดีๆ ล้มฟุบตายห่าไปซะก่อน”
“เบาๆ ไม่ได้หนักอะไร”
“จ้า ทำงานหนักขนาดนี้เก็บเงินแต่งเมียแน่ๆ แก๊งลูกเพื่อนแม่มึงมีฟงมีแฟนกันหมดละ ขนาดไอ้จิ๋วตัวแสบทิมยังมีเลยมึง”
“ไปเรียกมันตัวแสบเดี๋ยวเจอมันวีน”
“ก็เพื่อนมึงน่ะตัวจี๊ดเลย หน้าตาโคตรน่ารักแต่แกล้งคนเก่งฉิบหาย มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่องตอบมาจะแต่งงานใช่ไหม”
“ให้กูแต่งกับใคร”
“เอ๊า..แล้วเจ้าของอาหารเช้านี่ไม่ใช่เหรอไง”
“……………………………………………..”
“กูถือคติเงียบใส่ถือว่ามีพิรุธ แต่กูรู้สึกได้อย่างหนึ่ง”
“อะไรวะ”
“มึงมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลยว่ะ ยิ้มบ่อยด้วยและกูรู้สึกถึงความรักนิดๆ แบบนิดนึงจากตัวมึง ก่อนหน้านี้มึงเฉยมากเหมือนกูมีเพื่อนเป็นหุ่นยนต์”
“หุ่นยนต์เลยเหรอะวะ”
“เออดิ มึงทำอะไรซ้ำๆ แต่งตัวสีเดิมๆ ใช้ชีวิตแบบเรียบๆ เหมือนตั้งโปรแกรมไว้ ถามจริงมีแฟนเหรอวะ?”
ต่อให้เพื่อนเค้นให้ตายคินก็ยังคงไม่ยอมตอบคำถามเพื่อนอยู่ดี พอเห็นว่าเขาเอาแต่ลีลาก็พากันมาแย่งข้าวผัดกุ้งในจานกันใหญ่ดีนะที่ยกจานหนีทัน เอาจริงคินก็ไม่เคยสังเกตตัวเองเลยว่าเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกวัน แต่ก็นะตัวเองจะไปรู้ได้ยังไงถ้าคนรอบข้างไม่บอก
กูรู้สึกถึงความรักนิดๆคินก้มลงมองข้าวผัดกุ้งที่อยู่ตรงหน้า
ความรักเหรอ? ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าแต่ไม่เจอหน้าคนที่หาข้าวเช้ามาให้หลายวันแล้ว
เหงา? คิดถึง? คินเองก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนดี
Watercolor
สัปดาห์นรก
ไม่ได้ใช้คำนี้มานาน
ภาคินเคยด่าพอร์ชเรื่องที่ทำงานหนักเกินตัว แต่ตอนนี้เขากำลังทำเหมือนที่พอร์ชทำ ที่จริงเขาไม่ได้บ้างาน ตั้งแต่เรียนนิเทศเวลาที่ใครมาขอให้ช่วยอะไรเขาก็ช่วยทำหมด ถือว่าเป็นประสบการณ์ด้วย พอเรียนจบมาพวกที่รู้จักกันอยู่แล้วต่างก็พากันมาใช้บริการกันไม่เลิก ดีที่ทุกคนเห็นเป็นธุรกิจเลยให้คินคิดเงินตามแบบลูกค้าทั่วไป อันที่จริงเพราะเป็นคนที่รู้จักอยู่แล้วคินก็เลยทุ่มสุดตัว
“คิน หน้ามึงโคตรไม่ไหวไปหาอะไรกินแล้วนอนพักไป”
“กี่โมงแล้ว”
“หกโมงจะครึ่งแล้ว”
“เช้าตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“ไปพักบ้างเหอะมึง แก๊งลูกเพื่อนแม่มึงแม่งประเสริฐสั่งอาหารมาให้มึงด้วยวางอยู่บนโต๊ะ”
คินยกมือขึ้นมาลูบหน้าเบาๆ พลางมองไปที่บรรดาอาหาร ที่แก๊งลูกเพื่อนแม่สั่งมาให้ สงสัยกลัวเขาอดตายปริมาณมันถึงได้เยอะขนาดนี้ ทันทีที่นึกอะไรขึ้นได้คินเงยหน้ามองนาฬิกาก่อนจะวิ่งลงไปข้างล่างแล้วรีบเปิดประตู แผ่นหลังที่คุ้นตาทำให้คืนเอื้อมมือไปคว้าข้อมือคนตรงหน้าแล้วดึงเข้าหาตัว
เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวสีน้ำเลยยกมือขึ้นมาจับเสื้อภาคินไว้แน่น แล้วเงยหน้าขึ้นมามองตั้งใจจะเอ่ยถาม แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นว่าภาคินกำลังยิ้มอยู่ ถึงแม้ว่าใบหน้าหล่อจะดูเหนื่อยล้ากว่าทุกวัน
“คุณคิน”
“ได้เจอหน้าสักที”
“ครับ?”
“คนอะไรเอาแต่อาหารมาให้ไม่อยู่รอให้เจอเลย”
“นี่คุณไหวหรือเปล่า”
“ไม่ไหวผมทำงานหนักมาก”
“ดูจากสภาพก็น่าจะเดาได้อยู่ คุณไม่ได้เปิดร้านมาหลายวันแล้วด้วย”
“คุณน้ำก็หาย”
“พอดีผมต้องไปช่วยงานที่บ้านรุ่งอรุณทุกวันเลยครับ อาทิตย์นี้ก็มีงานแล้วเลยไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ งานที่คุณคินช่วยทำใบโบรชัวร์”
“แล้วไม่อยากเจอหน้าผมเหรอ”
“เดี๋ยว”
“คุณน้ำ”
“ครับ”
“ผมเหนื่อยมากเลย”
“……………………………………….”
นี่คือกำลังอ้อน?ถึงคุณคินจะไม่ได้ทำหน้าบ๊องแบ้วอะไรแบบนั้น แต่น้ำเสียงก็ไม่ใช่โทนเสียงปกติเรียกว่าอะไรดี ดูซอฟๆ หวานๆ แต่ดูจากใต้ตาที่ดูคล้ำและท่าทางเหมือนจะสลบทุกนาทีที่พูดว่าเหนื่อย ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง สีน้ำไม่ได้ตอบอะไรคนตรงหน้าแต่ขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบตรงแผ่นหลังกว้างเบาๆ ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากการสัมผัสเท่านั้น คินปล่อยข้อมือขาวที่จับไว้แล้วเปลี่ยนมาโอบเอวคุณน้ำให้เข้ามาใกล้ๆ แทน ภาคินหลุดยิ้มเมื่อเห็นว่าใบหน้าของคุณน้ำเริ่มแดงขึ้นมา พอเห็นว่าเขายิ้มมือที่ลูบหลังอยู่ก็เปลี่ยนมาเป็นตีเบาๆ แทน
“จะซบก็ได้….นะ”เหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ภาคินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะซบหน้าลงตรงลาดไหล่เล็กนั่น ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาทำงานจนลืมวันลืมคืน ตั้งใจจะมาดักรอคุณน้ำที่เอาอาหารเช้ามาให้ทุกเช้าแต่รู้ตัวอีกทีก็เลยเวลาไปแล้วแล้ว มันเลยคลาดกันทุกวันดีที่วันนี้ไม่เป็นเหมือนวันอื่น
ทั้งๆ ที่ร้านก็อยู่ข้างกัน
ไม่เจอกันแค่สองสามวันเขาเป็นถึงขนาดนี้ได้ไงวะ
“วันนี้ของคุณน้ำเป็นสีอะไร”
“ไม่ได้คิดไว้ แล้วคุณคินล่ะคิดว่าวันนี้เป็นสีอะไร”
“สีฟ้าแล้วกัน”
“ฟ้า? ทำไมถึงเป็นสีฟ้าล่ะครับ”
“ท้องฟ้าสวยและคนใส่เสื้อสีฟ้าทำให้หายเหนื่อย”
สีน้ำเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เห็นอยู่ตอนนี้มันก็สวยอย่างที่คุณคินบอก แต่คนใส่เสื้อสีฟ้า? สีน้ำก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่อยู่เพิ่งเห็นว่ามันเป็นสีฟ้าเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองใส่เสื้อสีอะไร พอเข้าใจที่ภาคินบอกก็เริ่มทำอะไรไม่ถูกท่าทางเขินมากๆ แต่หนีไปไหนไม่ได้ทำได้แค่ขยับตัวยุกยิกๆ อยู่ตรงนี้ คินเลยต้องกระซิบบอกบางอย่าง คนที่กำลังดันตัวออกเลยต้องอยู่นิ่งๆ อีกครั้ง
“ผมยังไม่หายเหนื่อยเลย”คินถือถุงผ้าใส่อาหารกลับเข้ามาในร้าน และทันทีที่เปิดประตูบรรดาเพื่อนๆ ก็ต่างพากันสะดุ้งแล้วแยกย้ายไปนั่งกินอาหารเช้าตามมุมร้าน ท่าทางมีพิรุธโคตรๆ คินรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนทุกคนต้องแอบมองเขาจากในร้าน ไม่งั้นไม่ทำท่าทางแบบนี้หรอก แต่ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะถามขึ้นมา คินหัวเราะก่อนจะบอกเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร
“มึงจะกินซาลาเปาหมูแดงจิ้มน้ำปลาพริกไม่ได้นะ กูกลัวมึงตาย”
เสียงโห่แซวบวกคำด่าลอยตามมาไม่หยุดแต่ภาคินโบกมือลาให้เพื่อน
ก่อนจะเดินเลี้ยวไปทางห้องครัวด้านหลัง
“คนส่งอาหารเช้าน่ารักไม่ใช่เล่นๆ เลยว่ะ”
“ทำไมไม่พาเข้ามาในร้านกูแอบมองจนตาจะเหล่ไอ้คิน”
“เช้านี้มึงดูสดใสขึ้นมาทันทีในขณะที่พวกกูมืดมนมาก”
“ไอ้คินไอ้ชั่วทุกคนสภาพใกล้ตายเหมือนกันหมด แต่ทำไมมึงมีใครโผล่มาให้กอดตั้งแต่เช้า กูจะสาปแช่งมึงแล้วภาคิน!”
Watercolor
งานเสร็จสักที..
ดีที่ได้ไอ้ทิมมาช่วยไม่งั้นเขาอาจจะตายคาร้านไปแล้วก็ได้ ถ้าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมีแฝดบริหารอย่างเบนจามินกับรามิล พวกเขาสองคน ภาคินกับนพจินดาก็เป็นคู่หูดูโอ้ข้ามคณะ ตอนเรียนต่างคนต่างเรียกมาช่วยทำงานจนบรรดาเพื่อนเองยัง งง ที่เราสามารถทำงานแทนกันได้ทั้งๆ ที่เรียนไม่เหมือนกันเลย นี่แหละมั้งมิตรภาพตั้งแต่สามขวบของแก๊งลูกเพื่อนแม่ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไอ้ทิมไม่ลากแฟนมันมาด้วย พอมาถึงไอ้พอร์ชก็เริ่มเลย
“ใครสั่งใครสอนผมว่าอย่าบ้างานให้มันมากนัก เอาเวลาไปให้แฟนบ้างอ้อ..ผมลืมไปคุณคินไม่มีแฟน”ดูมัน..ทำไมไอ้ทาสพอร์ชมันเหิมเกริมขนาดนี้
จะด่ามันทีไอ้ทิมก็จ้องเขม็ง โวะ!..ไอ้พวกเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน!
คินนอนลืมตาอยู่บนเตียง หลังจากที่หลับไปเกือบสิบชั่วโมง พอร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็รู้สึกเหมือนได้เติมพลัง หน้าจอโทรศัพท์ที่บ่งบอกเวลา ทำให้คินรู้ว่ามันเลยเวลาอาหารเช้ามานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้คุณน้ำเอาอาหารเช้ามาให้เขาหรือเปล่า เมื่อสองสามวันก่อนก็ไม่มีแขวนไว้ให้ด้วย วันแรกที่เปิดประตูแล้วไม่เจอถุงอาหารเขายืนนิ่งอยู่หน้าร้านเกือบสิบวิมีแค่โพส์ทอิทที่วาดรูปเด็กผู้ชายตัวเลอะสีกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับกองงาน นั่นแหละคนเราเขียนคำว่ายุ่งคำเดียวเขาก็เข้าใจแล้ว ก็นะ..การวาดรูปก็สมกับเป็นครูสีน้ำดี
แต่หายไปทั้งอาทิตย์แบบนี้เขาโคคตรู้สึกไม่ชิน นี่ก็กินกาแฟดำเปล่าๆ มาหลายวันแล้ว
กาแฟที่ชงเองมาหลายปีจืดชืดขึ้นมาซะดื้อๆ เป็นอะไรมากไหมวะเขาเนี่ย..
ภาคินเดินลงมาข้างล่างตรงส่วนร้าน นี่ก็ปิดร้านมาหลายวันแล้วลูกค้าก็โทรมาถามเยอะเหมือนกัน ก็ว่ามะรืนนี้จะกลับมาเปิดตามปกติ คินเปิดประตูหน้าร้านก็พบว่ามันไม่มีถุงอาหารแขวนไว้ ท่าทางคุณน้ำยังคงงานยุ่งไม่เลิก..หรือว่าเบื่อจะซื้อให้แล้ววะ เพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวเลยไม่เห็นว่ามีใครเปิดประตูออกมาจากร้านข้างๆ ท่าทางแปลกๆ ของคินทำให้อีกคนต้องยกมือขึ้นมาโบกๆ ไปมาตรงหน้า
“คุณคินครับ”
“…………………………”
“โอเคนะครับ”
“คุณณัฐ”
“ไม่สบายหรือเปล่า ผมเห็นคุณยืนทำหน้าเครียดอยู่นานแล้ว”
“พอดีผมเพิ่งทำงานเสร็จสมองมันเลยมึนๆ นิดนึง”
“พักผ่อนบ้างนะครับ คุณคินเป็นเหมือนสีน้ำมันเลย นี่ก็ไม่ยอมพักทำงานติดกันมาทั้งอาทิตย์แล้ว”
“คุณน้ำงานยุ่งมากเหรอครับ ผมไม่ได้เจอเลย”
“งานสอนไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่ตอนนี้มีงานที่บ้านรุ่งอรุณด้วย น้ำไปช่วยเต็มตัวเลยไม่มีเวลาพัก เออ..พรุ่งนี้นะครับงานที่บ้านรุ่งอรุณถ้าคุณคินว่างมาร่วมงานได้นะชวนเพื่อนมาก็ได้มากันเยอะๆ เด็กๆ คงดีใจ”
คุยอะไรต่ออีกสักพักคุณณัฐก็ขอตัวไปสอน ภาคินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูตารางงาน พรุ่งนี้เขาตั้งใจจะพักอีกวันแล้วค่อยกลับมาเปิดร้าน ยังไงก็ว่างอยู่แล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ โผล่ไปที่งานครูสีน้ำจะตกใจหรือเปล่า แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งอย่างน้อยใบโบรชัวร์งานนี้เขาก็ทำด้วยตัวเองเลยนะ ยังไงก็ขอไปชื่นชมผลงานสักหน่อย
“เหมือนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาแล้วเลยว่ะ”
“บ้านรุ่งอรุณคือที่ไหนนะ”
“ให้กูไปช่วยงานว่าที่แฟนมึงใช่ไหมคินเอาตรงๆ ”
ปฏิกิริยาแต่ละคนของแก๊งลูกเพื่อนมันน่าฟาดกระบาลจริงๆ หลังจากที่เขาบอกว่าพรุ่งนี้ถ้าว่างให้ไปช่วยงานที่บ้านรุ่งอรุณหน่อย วันนี้มีรวมแก๊งที่ร้าน SECRET GARDEN และสถานที่นัดพบของแก๊งนั้นก็คือโรงเรือนกระบองเพชรที่รามิลจ้างไอ้พอร์ชออกแบบให้ใหม่ พอทำใหม่ก็สวยปื๊งจนเขาเองยังเคยถ่ายรูปอัพลงในไอจีคนเข้ามาชื่นชมกันใหญ่
“ก็คือไอ้มิลเคยให้เราไปช่วยขายต้นกระบองเพชรของไม้ และมึงภาคิน…เหตุการณ์แบบเดียวกันเป๊ะ”
“กูไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแบบไอ้มิล”
“เจตนาไม่ดีอะไรวะ ตอนนั้นกูบริสุทธิ์ใจ”
“มึงจะให้พวกกูไปขายต้นไม้แล้วมึงก็จะไปอยู่กับไม้สองคน”
“กูพูดแบบนั้นด้วยเหรอ”
“พูด!”
“ไม้อย่าไปฟัง มิลไปช่วยไม้เพราะอยากช่วยจริงๆ”
พอสู้ไม่ได้ก็หันไปอ้อนแฟนแทน ต้นไม้ก็พอรู้ล่ะว่าใครพูดจริงใครที่เฉไฉไอ้แฟนตัวโตเป็นหมีแต่ทำท่าเหมือนลูกหมายังคงกอดไม่ปล่อย พูดงุ้งงิ้งๆ ไม่หยุดจนเบนต้องโยนกระถางพลาสติกอันเล็กๆ ใส่หัวรามิล เพราะวันนี้อยู่กันครบแก๊ง รวมทั้งต้นไม้ คีตา และพอร์ช คินเลยลองชวนดูอันที่จริงถ้าไม่มีใครว่างคินก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเองก็บอกกะทันหันด้วย
“คีย์ว่างนะ เอากีตาร์ไปเล่นด้วยได้ไหมพี่คิน”
“ได้ เด็กๆ น่าจะชอบแล้วมึงอะเบนหรือมีประชุม”
“กูกำลังวางแผนหนีไอ้มาร์ชอยู่”
“โดดงานตั้งแต่หนุ่มยันแก่ กูเป็นไอ้มาร์ชชิงลาออกตั้งแต่วันแรกมีเจ้านายแบบนี้ปวดหัวตายห่า”
“มึงอย่ามาเสี้ยม มาร์ชรักกู! พรุ่งนี้กูจะไปเป็นคนหล่อขอทำดี”
“กูไปได้นะแต่สายๆ หน่อยมีนัดลูกค้าเรื่องแหวนหมั้นตอนแปดโมง”
“ลูกค้านัดแปดโมงกูร้องไห้ใส่เลย เช้าเกินไม่ตื่น”
“ของกูแปดโมงยังปกติ มึงเจอลูกค้าพอร์ชตีสี่ครึ่งยังเคยมี”
“เดาว่าเป็นผู้หญิงแล้วไอ้ทิมก็ตามไปเฝ้ามึง ใช่ไหมพอร์ช”
“คุณเบนพูดเหมือนตาเห็น ทับทิมไปทั้งชุดนอนเลยครับลูกค้าผมขำคิกคักแต่ก็บอกว่าแฟนน่ารักดี”
“แต่นิสัยมารร้ายบอกเขาไป”
“สัดเบน! สักวันกูจะขอให้คีตานิสัยเหมือนกู”
"อย่าไปฟังนะคีย์เรื่องไม่ดีๆ"
“พอก่อน สรุปใครไปได้บ้างวะ”
“กูมีประชุมว่ะคงไปไม่ได้ไม้ก็มีลูกค้าที่นัดไว้ เดี๋ยวกูขอเป็นบริจาคแทนแล้วกัน”
“กูกับเจ้าหนูว่าง..ไปได้กูได้การอนุมัติจากผู้ช่วยมาร์ชแล้ว ไอ้มาร์ชดูมีอำนาจกว่าเจ้เบอร์ดี้อีกว่ะตอนนี้”
“เดี๋ยวผมไปพร้อมทับทิมแล้วกัน พรุ่งนี้มีแค่แก้แบบนิดหน่อย”
กว่าจะตกลงกันเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็หลายนาทีอยู่ เวลาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ก็วุ่นวายอยู่เหมือนกัน ไอ้เบนหันมาตีกับไอ้ทิมโดยมีคีตานั่งดีดกีตาร์ใส่ซาวแทร็คอยู่ใกล้ๆ ส่วนพอร์ชได้แต่คอยจับทิมไว้เพราะกลัวจะโดดถีบใส่ไอ้เบนที่เอาแต่กวนตีนไม่เลิก ภาคินกอดอกยืนพิงชั้นกระบองเพชรก่อนจะนึกถึงพรุ่งนี้
ได้เจอหน้ากันสักทีครูสีน้ำ
Watercolor
“น้องน้ำคะ พี่เอาป้ายพวกนี้ไปวางไว้ตรงทางเดินเลยนะคะ”
“ได้เลยครับ”
“วางใบโบรชัวร์ไว้ตรงไหนดีครับ”
“เดี๋ยววางไว้บนโต๊ะตรงประชาสัมพันธ์เลยพี่ชาติ”
“เดี๋ยวพี่ไปดูเด็กๆ ก่อนนะน้องน้ำ กลัวว่าฝนจะเอาไม่อยู่วันนี้ทุกคนยุ่งๆ”
สีน้ำหยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้า ตั้งแต่เช้าแล้วเขาทำนู่นทำนี่ไม่หยุด ที่บ้านรุ่งอรุณเจ้าหน้าที่มีน้อยจนต้องผลัดกันช่วยงาน สีน้ำหยิบกรอบรูปที่ใส่รูปวาดของเด็กๆ ขึ้นมาถือไว้ รูปภาพระบายสีน้ำในมือมันไม่ได้สวยเลิศเลอเท่าไหร่หรอก แต่มันก็คือสุดฝีมือของเด็กคนหนึ่ง มันมีทั้งความพยายาม ความตั้งใจ รวมอยู่ในภาพนี้ สีน้ำปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ก่อนจะค่อยๆ ติดรูปลงบนผนัง คงเพราะมัวแต่ตั้งใจกับภาพตรงหน้าเลยไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามา
“พี่ฝนเหรอ ช่วยหยิบรูปที่วางอยู่ตรงนั้นให้หน่อยได้ไหมครับ”
“……………………………..”
“พี่ฝ..”
ยังไม่ทันจะได้เรียกชื่อจบภาพตรงหน้าทำให้สีน้ำยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ภาคินในชุดเดิมๆ ที่เห็นเหมือนทุกวันเสื้อสีขาวกางเกงยีนส์กำลังยื่นขวดน้ำให้ ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาก่อนที่คินจะเป็นฝ่านที่หลุดหัวเราะก่อนเพราะหน้าตาคุณน้ำเหมือนเจอผีตอนกลางวันแสกๆ
“มาได้ไงครับ”
“วันนี้มีงานไม่ใช่เหรอ”
“ครับ วันนี้มีงานแต่ผมคิดว่าคุณคินไม่น่าว่างเห็นงานยุ่ง”
“คุณณัฐบอกให้ผมมาได้ อีกอย่างผมเองน่าจะมาช่วยอะไรได้บ้าง”
“มาร่วมงานเฉยๆ ก็ได้ครับผมเกรงใจ”
“ผมไม่ได้มาคนเดียวนะ”
“ควงใครมาด้วยเหรอครับ”
“ควงมาทีเดียวสี่คนเลย”
ภาคินเบี่ยงตัวให้สีน้ำเห็นชัดๆ เมื่อเห็นว่าตรงทางเดินมีแก๊งลูกเพื่อนแม่สองคนรวมทั้งคีตากับพอร์ช แบกของพะรุงพะรังเต็มสองแขน เสียงพูดคุยถกเถียงกันตลอดทางทำให้สีน้ำยิ้มกว้างกว่าเดิม ทันที่ที่ทั้งสีคนเดินมาถึงตรงที่สีน้ำยืนอยู่ก็พาทักทายจนเสียงดังลั่น คุณเบนจามินก็ยังคงเป็นหนุ่มตี๋ฮ่องกงที่อารมณ์ดีเหมือนเดิม
“พวกผมมาช่วยครับคุณน้ำ มีอะไรใช้พวกเราได้ทุกอย่าง”
“ไอ้มิลกับไม้ไม่ได้มาด้วยแต่ยอดบริจาคมันชนะเลิศแซงทุกคนไปเลย เบื่อเจ้าพ่ออสังหา เบื่อคนรวยๆ”
“แล้วเด็กๆ อยู่ไหนกันเหรอครับ”
“เตรียมการแสดงอยู่ข้างหลังครับ ตอนนี้ผมกำลังติดรูปภาพของเด็กๆ งั้นทุกคนช่วยติดภาพก็ได้ครับผมทำสัญลักษณ์ไว้แล้ว”
สีน้ำยิ้มขำเมื่อทุกคนรับคำแข็งขัน เหมือนเขาเป็นหัวหน้าที่สั่งงานลูกน้อง แก๊งลูกเพื่อนแม่แยกย้ายไปทำงาน เหลือแค่คินที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ก่อนที่คินจะเป็นฝ่ายหยิบรูปภาพที่วางอยู่แล้วยื่นให้คุณน้ำที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ เบนจามินกระเถิบตัวมาอยู่ใกล้ทิมก่อนจะสะกิดให้ดูคินที่ยืนหัวเราะอยู่อีกด้าน มองจากตรงนี้ก็เห็นว่าทั้งสองคนกำลังหยอกล้อกันอยู่ คินกำลังแกล้งคนที่ยืนอยู่บนเก้าอี้คุณน้ำก็เหมือนจะดุแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร มีหันมาฟาดคินทีสองทีแล้วก็ช่วยกันติดรูปกันต่อ
“สรุปกูกับมึงหรือไอ้คินที่มีแฟน ทำไมมันดูหวานแหววกันจังวะ”
“ไอ้คินยังทำตัวเหมือนเดิม แต่งตัวเหมือนเดิมมินิมอลเหมือนทุกวัน แต่พอยู่กับคุณน้ำกูรู้สึกว่ามันมีสีสันขึ้นมาเลย”
เบนกับทิมมองไปยังสองคนที่ยังคงช่วยกันติดรูปอยู่อีกด้าน ไม่รู้ว่าตัวติดกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่ว่าคุณน้ำจะกระเถิบตัวไปทางไหน ไอ้คินก็ขยับตามไปทุกที่
งานที่บ้านรุ่งอรุณเริ่มแล้ว เด็กๆ ก็ตื่นเต้นกันใหญ่มีบ้างที่ร้องไห้งอแงเพราะคนเยอะ คงจะตื่นคนแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ถึงเวลาปล่อยให้เด็กๆ วาดรูประบายสี คนที่มาร่วมงานเอ่ยชมว่าเด็กที่บ้านรุ่งอรุณมีฝีมือในการวาดรูประบายสีกันแทบทุกคน สีน้ำเดินดูเด็กๆ พร้อมกับช่วยสอนเทคนิคเล็กน้อยเพราะอยากให้เด็กระบายสีตามใจตัวเองมากกว่า จังหวะที่กำลังจะเดินไปอีกฝั่งอยู่ดีๆ ก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามากระซิบว่ามีคนมาบริจาคของเพิ่ม
“แขกของน้องน้ำหรือเปล่าคะ ของพี่ที่แจ้งชื่อไว้มาครบแล้ว”
“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเองครับ”
สีน้ำเดินออกมาจากนอกอาคารก่อนจะหยุดเดินเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนพิงรถอยู่คือคนที่เคยเจอกันแล้ว ผู้ชายที่หน้าคล้ายคุณคินเมื่อวันนั้น พออีกฝ่ายเห็นเขาเดินออกมาก็ทำหน้าแปลกใจอยู่เหมือนกัน
“ผมนึกว่าจะเป็นเบนหรือทิม”
“พอดีเจ้าหน้าที่รู้จักผมอยู่แล้วครับ ไม่ทราบว่าคุณ..เอาของมาบริจาคเหรอครับ”
“ครับ ผมเอาพวกอุปกรณ์กีฬามาให้เห็นทิมบอกว่าพวกเครื่องเขียนมีกันเยอะแล้ว”
“ครับ ขอโทษครับคือเราขอทราบชื่อคนบริจาคด้วยนะครับ คือมันเกี่ยวกับความปลอดภัย”
คนที่ยืนอยู่ทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจ สีน้ำเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่เคยบอกชื่อเลยสักครั้ง แต่ถ้ารู้จักกันแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็คงเป็นรู้จักของใครสักคน สีน้ำยืนรออยู่สักพักก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มให้
“คุณากร พิชญเดชา”เจ้าหน้าที่พาผู้ชายที่เพิ่งบอกชื่อ ให้ไปทำเรื่องบริจาคของที่สำนักงานแล้ว แต่สีน้ำยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนคินที่เดินออกมาตามแตะลงบนไหล่ถึงได้รู้สึกตัว สีน้ำหันมามองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขารู้จักนามสกุลของคุณคิน พิชญเดชา นามสกุลเดียวกันถ้างั้น..คินมองตามท้ายรถที่ขับออกไปจากบ้านรุ่งอรุณ ก่อนจะเอ่ยออกมาเองเพราะเขารู้ว่าคุณน้ำก็คงสงสัย
“พี่ชายผมเอง ชื่อพี่เค”
“พี่ชาย?”
“แต่ไม่ค่อยสนิทกัน”
“พี่ชายแท้ๆ เหรอครับ”
“ครับ เพิ่งมาไม่สนิทกันตอนโต การใช้ชีวิตไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ เลยไม่มีเรื่องให้คุยกันมั้งไม่ได้ทะเลาะอะไรกันร้ายแรงครับสบายใจได้”
ภาคินตัดบทก่อนจะยิ้มบางๆ พร้อมกับบอกให้ครูน้ำเข้าไปข้างในเพราะเด็กๆ เริ่มถามหากันแล้ว สีน้ำเพิ่งสังเกตว่ารอยยิ้มของทั้งคู่มันดูเศร้าๆ เหมือนกันไม่มีผิด คินกำลังยกกล้องในมือขึ้นมาถ่ายรูปบรรยากาศข้างนอกแต่ก็ต้องยกค้างไว้เมื่อได้ยินประโยคที่คุณน้ำบอกออกมา
“สีเทา”“ครับ? สีเทา?”
“ผมรู้สึกว่าพี่ชายคุณคินเป็นสีเทาเข้มๆ มันไม่เหมือนสีดำแต่ก็ไม่ใช่โทนสีสว่างแต่ที่ผมสัมผัสได้ เขาดูเหงามากๆ ”
ภาคินลดกล้องในมือลงเมื่อได้ยินที่คุณน้ำบอก เขาไม่รู้เรื่องส่วนตัวของพี่เคมานานแล้วเหมือนกัน เราไม่ได้คุยกันสองคนมานานมาก เหงางั้นเหรอ…ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อสัมผัสตรงข้อมือทำให้ภาคินเงยหน้าขึ้นมามองคุณน้ำอีกครั้ง
“ผมไม่รู้เรื่องครอบครัวของคุณหรอกแต่ผมเชื่อว่าทุกคนมีสองด้านนะ ด้านที่คุณคินเห็นกับด้านที่คุณคินไม่เคยเห็น”.....................
...............................
............................................................