WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8  (อ่าน 36340 ครั้ง)

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
ลูกเพื่อนแม่คนที่1 รามิล เตชนะหิรัญ
  SECRET GARDEN #ความลับของต้นไม้ -END-

ลูกเพื่อนแม่คนที่2 เบนจามิน เกียรติธนธาดา
  MUSIC BOX #นิยายกล่องดนตรี -END-

ลูกเพื่อนแม่คนที่3 นพจินดา วรโชติเมธี
  Jewelry Design #อัญมณีที่่รัก -END-

ต้นไม้ * ดนตรี * อัญมณี * สีน้ำ [NOW]



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2021 18:59:26 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา



PROLOGUE
- Color-



“ ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ….”

เสียงประกาศจากจากสายการบินทำให้ภาคินที่มองออกนอกหน้าต่างหันกลับมาเก็บสัมภาระที่วางไว้ลงกระเป๋า เขาไม่ได้รีบร้อนลงจากเครื่องเหมือนผู้โดยสารคนอื่นให้เขาลงคนสุดท้ายก็ยังได้ไม่มีปัญหา ทันทีที่ลงจากเครื่องบินอากาศร้อนๆ เต็มไปด้วยฝุ่นที่ไม่ได้พบเจอมานานทำให้คินต้องเบ้หน้า เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่เพิ่งเปิด 85% เป็นข้อความจากแก๊งลูกเพื่อนแม่ มากสุดคือไอ้ทิมที่ตัดพ้อว่าลูกกระจ๊อกข้างบ้านไม่ยอมกลับมากรุงเทพสักทีไม่มีใครให้จิกหัวใช้เลยเหงามาก

มีแฟนเป็นตัวเป็นตนยังจะมารังควานเขาอีก

จะว่าไปคินเหมือนคนไปเรียนเมืองนอกแล้วเพิ่งกลับมาบ้านในรอบสิบปี  ไอ้ข้อความยินดีต้อนรับจากทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่ กรุ๊ปเพื่อน กรุ๊ปทำงานหรือแม้แต่กรุ๊ปครอบครัว นี่มันก็เวอร์ไปหน่อย ดีที่ไม่ได้บอกเวลาที่จะมาถึงก็แค่บอกว่าเขาจะกลับมาที่กรุงเทพวันนี้ กลัวว่าจะถือป้ายเอาพวงมาลัยมาคล้องคอกันที่สนามบินถ้าบอกว่ามาถึงตอนไหน

แต่เหมือนจะคิดผิด....

“ไง ลูกกระจ๊อก”

พอก้าวเท้าออกมายังไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ไอ้ทิมคนเดียว มากันครบทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่ รามิลและเบนจามินกำลังยืนดูดกาแฟโบกมือขึ้นมาทักทายกันอย่างพร้อมเพรียง

“มาทำไมกันวะ”

“ทักมาประโยคแรกกูอยากร้องไห้มิตรภาพตั้งแต่สามขวบ”

“พวกมึงก็เวอร์กูก็แค่ไปต่างจังหวัด”

“สระบุรี 2 อาทิตย์ น่าน 1 อาทิตย์ ภูเก็ต 8 วัน แม่ฮ่องสอน 5 วัน สงขลา 4 วัน ขอนแก่น 6 วันและที่พีคที่สุดคือเชียงใหม่สามเดือน กูนึกว่ามึงจะซื้อที่ดินสร้างบ้านอยู่ที่นู่นแล้ว”

“รักกูขนาดนั้นเลยเบนจามิน”

“ขาดมึงหนึ่งคนกูไม่ได้กินบุฟเฟต์มาสี่จ่ายสามหลายมื้อแล้วนะ กูไม่อยากจ่ายราคาเต็ม”

“ส้นตีน เรื่องแค่นี้คุณชายเบนเดือดร้อนเหรอวะรวยจะตายห่า”

“ภาคิน ถ้ามึงรู้ราคากีตาร์แต่ละตัวของแฟนกู มึงจะต้องพกข้าวคลุกน้ำปลาไปกินที่บริษัททุกวัน เห็นตัวเลขแล้วน้ำตากูจะไหล”

“ทำไมมึงไม่ป๋าเหมือนไอ้มิล”

“ไอ้มิลเจอราคาต้นกระบองเพชรของไม้ไปเจ้าพ่ออสังหาก็ถึงกับปาดเหงื่อเลยนะไม่อยากจะฟ้อง”

“เออ ทำไมต้นกระบองเพชรราคาเท่าคอนโดเลยวะกูงงหนัก”

“แฟนทาสของไอ้ทิมประเสริฐสุดเลยสินะ”

“ไม่เถียงเลยเรื่องนี้ ไอ้พอร์ชตามใจไอ้ทิมจนกูคิดว่าถ้าไอ้ทิมอยากได้บ้านบนดาวอังคารมันก็คงจะติดต่อนาซ่าภายในสิบนาที”

บรรยากาศรอบตัวเป็นบรรยากาศเดิมๆ ทำให้คินยิ้มออกมา จริงๆ ก็ไม่ได้หวังว่าจะได้เจอแก๊งลูกเพื่อนแม่ทันทีที่กลับมาหรอก แค่คิดว่ากลับบ้านไปนอนพักสักหน่อยแล้วค่อยนัดเจอกัน แต่ก็นะสงสัยเราสี่คนคบกันมานานเกินไป เลยสื่อสารกันทางโทรจิตแทนถึงได้มารวมตัวกันที่สนามบินแบบนี้ได้ ไอ้ทิมท่าทางจะยังไม่ตื่นดีแต่ก็ยืนมองเขาตาแป๋วเลยยกมือหยิกแก้มมันซะหน่อย เดี๋ยวนี้แก้มย้วยเชียวไอ้พอร์ชน่าจะเลี้ยงดี และแน่นอนว่าเขาโดนเตะแบบเต็มแรง ร้ายกาจไม่มีเปลี่ยน

“แล้วจะไปไหนกันต่อ”

“วันนี้วันอะไรครับคุณภาคิน”

“อาทิตย์”

“แน่นอนแฮปปี้ซันเดย์ของแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“วันนี้คิวใคร”

“กูเอง เบนจามินคนนี้”

“แล้วคิดไว้แล้วหรือยังว่าจะทำอะไร”

“คิดไว้แล้ว”

“ทำอะไรวะ ยิงปืน?”

“ผิด”

“ทำอะไร”

“เจ็ทสกี”

แน่นอนว่าเบนจามินไม่ได้หลอกเดี๋ยวนี้ไอ้เบนเริ่มเบื่อๆ การยิงปืน แล้วหันมาสนใจกีฬาเอ็กซ์ตรีม ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ในบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่เบนเป็นคนเดียวที่สนใจทางด้านกีฬา ส่วนคนที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งคือไอ้ทิม รายนั้นเน้นแดกไม่เน้นขยับตัว ทันทีที่มาถึงที่เล่นเจ็ทสกีเบนก็กระโจนลงไปเล่นไม่วายแกล้งไอ้ทิมที่ดูจะไม่มีเรี่ยวแรงในการขับเท่าไหร่ เจ็ทสกียังดูใหญ่กว่าตัวมันเลย สงสาร คินขยับตัวไปมาเพราะรู้สึกเพลียๆ เลยขอนั่งพัก แก้วกาแฟหอมฉุยถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับหัวหน้าแก๊งที่นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“เหนื่อยป่ะวะ”

“นิดหน่อยกูเดินทางจนชิน”

“แล้วนี่มีแพลนไปไหนอีก”

“ไม่มี..จะกลับมาทำร้านด้วย พ่อด่ากูฉิบหายคุณนายญาดาจะจับกูล่ามโซ่แล้ว”

“เออสมควรด่า มึงแม่งบ้าอยู่ดีๆ บอกจะเปิดร้านทำธุรกิจ วันดีคืนดีมาบอกยังไม่พร้อมขอไปเร่ร่อนก่อนแล้วก็เก็บกระเป๋าออกจากบ้านไปเฉย”

“กูก็เป็นแบบนี้นานแล้วป่ะวะไม่ชินหรือไง”

“ถามจริงในฐานะเพื่อนตาย มึงไม่คิดจะหยุดพักบ้างเหรอวะ”

“ถ้ามีอะไรที่กูอยากหยุดพักได้ ถึงเวลานั้นกูก็คงจะหยุด”

ภาคินเข้าใจคำถามของรามิล ถ้ามองจากคนภายนอกคงมองว่าเขาเป็นผู้ชายที่โคตรติสท์ อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป บอกตามตรงเขาก็มีความสุขดี เป็นอิสระ ได้เจอใครหลายคน แต่ก็รู้อีกนั่นแหละชีวิตจริงเขาคงจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้อย่างน้อยถ้าอายุมากขึ้นกว่านี้ก็คงจะตะลอนๆ ไปนู่นมานี่ไม่ไหวเหมือนกัน 

“ได้คุยกับพี่เคหรือยัง เขากลับมาไทยถาวรเลยใช่ไหมครั้งนี้”

“ก็คุยในกรุ๊ปครอบครัว ก็เห็นว่าจะอยู่ถาวรนะเพราะพ่อกูเกษียณแล้วก็คงมารับช่วงต่อจากพ่อ”

“มึงไม่คิดจะคุยกับเขาหน่อยเหรอวะ”

“มึงก็รู้มิล พี่น้องบ้านกูไม่เหมือนไอ้เบนที่รักกันเป็นครอบครัวสุขสันต์ มันไม่สนิทกันมานานแล้วป่ะวะไม่มีเรื่องจะคุยด้วย ไลฟ์สไตล์ชีวิต หน้าที่การงานก็ต่างกันโคตรๆ”

“เอาเถอะ กูยังหวังว่าสักวันจะได้เห็นพี่น้องเคคินกอดคอกันร้องไห้อยู่นะ เหมือนวันที่พี่เคแข่งเทควันโดชนะแล้วมึงร้องไห้เหมือนชนะเอง”

“ใครจะร้องไห้วะแก่ป่านนี้แล้ว”

เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่คินไม่ค่อยได้บอกใครเท่าไหร่ ก็มีแค่แก๊งลูกเพื่อนแม่ที่พอรู้ คินมีพี่ชาย พี่เค คุณากร ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านการเงินและการลงทุนและมันก็เป็นแบบนั้นมาเป็นรุ่นๆ จนกระทั่งมาถึงรุ่นเขา คินรู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าเขาไม่ชอบตัวเลข ไม่ชอบที่จะนั่งคำนวณแก้สมการล้านแปดต่างๆ คินชอบศิลปะ ชอบวาดรูป ชอบที่จะนั่งระบายสีทั้งวันทั้งคืน ซึ่งต่างจากพี่ชาย..

คินมั่นใจว่าตอนเด็กๆ เราสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันดี ใส่ชุดซูเปอร์ฮีโร่ เล่นแปลงร่าง เตะบอล ว่ายน้ำ ต่อเลโก้ โดยเฉพาะเทควันโดเราสองคนเริ่มเรียนพร้อมๆ กัน แต่คินรู้ดีว่าพี่ชายเขามีพรสวรรค์และชื่นชอบกีฬานี้จริงๆ พี่เคทุ่มเทและได้สายดำมาได้ง่ายๆ ต่างจากเขาที่ขี้เกียจจะสอบขึ้นสายเลยเลิกเล่น แต่เมื่อพี่เคเริ่มขึ้นม.ปลาย อยู่ดีๆ พี่ชายของเขาก็ไม่มีเวลาเล่นด้วยเหมือนเมื่อก่อน  พี่เคเรียนพิเศษเยอะจนน่าปวดหัวบางวันคินก็เห็นว่าพี่เคหลับคาหนังสือ และประโยคที่คินจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้

“พี่ไม่อยากเล่นเทควันโดแล้วคินเสียเวลา พี่จะอ่านหนังสือ”

ในตอนนั้นคินไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายที่เคยเล่นด้วยถึงไม่มีเวลาให้เหมือนเดิม สุดท้ายคินก็ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป เวลานานเข้าเราสองคนด็ไม่ใช่พี่น้องที่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน คินรู้ว่าพี่เคเรียนเก่งตั้งแต่แต่เด็กแล้วและแน่นอนว่าคนที่จะสืบทอดธุรกิจ ของครอบครัวเป็นใคร พี่เคเรียนคณะที่บรรดาญาติๆ ต้องการให้เรียน เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร และแน่นอนว่าหลานชายคนเก่งของพิชญเดชาก็ต้องได้รับคำชื่นชมยินดีอยู่แล้ว

ส่วนคิน..

“ทำไมไม่เรียนอะไรที่มันเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวล่ะคิน”

“วาดรูปไปทำไม”

“เรียนอะไรไม่เข้าท่า”

“ทำไมไม่เรียนคณะเดียวกับพี่ชายเรา ภาคิน”


คินไม่ได้โกรธหรอกแต่ก็นะ..นี่มันศตวรรษที่เท่าไหร่กันแล้วทำไมเขาถึงต้องมาฟังประโยคแบบนี้อีกให้เรียนอะไรเกี่ยวกับตัวเลขเขาต้องเป็นบ้าก่อนแน่ๆ คิดเลขสองหลักยัง งง ๆ อยู่เลย และแน่นอนว่าพี่น้องต้องมาพร้อมกับคำเปรียบเทียบ คินได้ยินจนชินว่าทำไมเขาถึงไม่เหมือนพี่ พี่ชายเก่งอย่างนู้นอย่างนี้แล้วเขาล่ะเก่งอะไร ดีนะที่เขาไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ถึงแม้บางครั้งบางประโยคทีได้ยินมันถึงกับจุกไปเหมือนกัน

ส่วนพี่เค..ไม่เคยที่จะปกป้องเขา
ที่เห็นมาตลอดก็แค่ยิ้มรับเท่านั้น

จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกันที่ครอบครัวเขาไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พี่เคไปเรียนต่อที่อเมริกาและดูแลสาขาที่นู่น นี่ก็คงจะกลับมาไทยถาวรเพื่อรับตำแหน่งประธานต่อจากพ่อของเขา ถึงจะไม่ได้สนิทกับพี่เหมือนตอนเด็กๆ แต่ก็ใช่ว่าครอบครัวพ่อแม่ลูกเขาจะมีปัญหา พ่อกับแม่ไม่เคยว่าเรื่องที่เขาชอบวาดรูป ถ่ายภาพ กำกับงานแสดง สนับสนุนทุกอย่างด้วยซ้ำแทบจะสร้างสตูดิโอให้ ถึงแม้บางครั้งจะด่าเรื่องที่เขาชอบลอยไปลอยมาไม่หยุดอยู่กับที่สักที คินยังจำคำพูดของแม่ก่อนที่เขาจะไปเชียงใหม่ได้อยู่เลย

“แก๊งลูกเพื่อนแม่มีแฟนหมดแล้วขนาดเจ้าทิมดื้อขนาดนั้นยังมีคนมาสวมแหวนให้เลย คินของแม่จะขึ้นคานเหรอลูกแม่ไม่เลี้ยงยันแก่หรอกนะ”

ประโยคนี่ซึ้งใจตั้งแต่กรุงเทพยันดอยสุเทพ
คุณนายญาดาคุณนายแม่ของเขา

พอนึกถึงแล้วก็ตลกก่อนกลับมาแม่ยังถามแล้วถามอีกว่าเขาพาแฟนกลับมาด้วยไหม พบรักที่เชียงใหม่หรือเปล่า สารพัดคำถามที่เกี่ยวกับว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคต เมื่อก่อนแม่ก็ไม่ได้ตามจี้ขนาดนี้หรอก แต่เป็นเพราะไอ้แก๊งลูกเพื่อนแม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนหมดแล้ว คงกลัวว่าเขาจะโดนเพื่อนทิ้งละมั้ง ถึงถาม24ชั่วโมงขนาดนี้ คินหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มแล้วเหลือบมองหัวหน้าแก๊งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามท่าทางหลุกหลิกเหมือนมีพิรุธทำให้คินต้องมองอย่างจับผิดก่อนจะเอ่ยถาม

“รามิล มึงมีเรื่องจะถามกูใช่ไหมไอ้สองตัวนั้นส่งมึงมาเสือกแน่นอนท่าทางแบบนี้”

“สัด ทำไมมึงรู้วะ”

“มิตรภาพตั้งแต่สามขวบนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”

“มันอยากรู้ว่าตอนมึงอยู่ที่เชียงใหม่สามเดือนมีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม”

“อะไรเกิด?”

“กูจะไปรู้เหรอแต่ท่าทางมึงแปลกๆ ”

“กูแปลกตรงไหน”

“มีช่วงหนึ่งที่มึงดูอารมณ์ดีมากๆ มีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นแน่ๆ พวกกูมั่นใจ ขนาดเราไม่ได้เจอกันยังสัมผัสได้ รอบๆ ตัวมึงเหมือนเป็นสีชมพู”

“แล้วทุกวันนี้รอบตัวกูเป็นสีอะไรวะ”

“มินิมอลมากภาคินเหมือนชีวิตมึงมีแค่ขาว ดำ เทา สรุปมีอะไรหรือเปล่าหรือว่าตกหลุมรักใครที่นู่น ให้แฟนกูไปสืบไหมแฟนกูเป็นคนเชียงใหม่นะเผื่อมึงลืม”

“ตกหลุมรัก..”

“ชัวร์แน่แบบนี้..ใครวะ”

“ไม่รู้จัก”

“วอท? คืออะไรไม่รู้จัก”

“ก็กูไม่รู้จักเขาจริงๆ รามิล”

คินหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มอีกรอบก่อนจะนึกถึงบางอย่างที่เขาเอากลับมาจากเชียงใหม่ด้วย คินไม่ได้โกหกสำหรับเขาไม่รู้จักก็คือไม่รู้จัก  จริงๆ ก็ไม่ได้อยากปิดบังเรื่องนี้กับแก๊งลูกเพื่อนแม่แค่รอจังหวะดีๆ แล้วค่อยเล่าทีเดียวจะดีกว่า เขาก็แค่หวังไว้ว่าเรื่องราวของเขามันจะมีภาคต่อหรือว่าบางทีมันอาจจะจบลงไปแล้วตั้งแต่ที่เชียงใหม่

คนเราจะตกหลุมรักคนที่ไม่รู้จักได้หรือเปล่า?
อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับตัวเขาแล้วในตอนนี้


WATERCOLOR


“เออคิน ข้างๆ ร้านมึงมีคนมาอยู่แล้วนะไม่แน่ใจว่าเขาเปิดร้านอะไร”

เวาเกือบสี่ทุ่ม ภาคินยืนมองร้านของตัวเองที่เคยตั้งใจจะเปิดเมื่อปีที่แล้วแต่อยู่ดีๆ เขาก็เปลี่ยนใจซะดื้อๆ ดีเหมือนกันที่เลื่อนเพราะตอนนี้คินได้ไอเดียในการวาดรูปมาเยอะหลังจากที่ตะลอนๆ ไปทั้วประเทศไทย ที่จริงคินก็เคยทำงานประจำที่บริษัทโฆษณาแต่ทำๆ ไปก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เท่าไหร่เลยลาออก คินไม่ได้เรียนคณะที่เกี่ยวกับการวาดรูปโดยตรงเพราะถือว่าการวาดรูปเป็นพรสวรรค์ นิเทศเอกโฆษณาเลยเป็นตัวเลือกในตอนนั้นแต่ก็นะชีวิตจริงก็ไม่เหมือนตอนเรียนเท่าไหร่

ตอนนั้นกลัวอดตายเหมือนกันนะแต่ดีที่ครอบครัวเขาอยู่ในธุรกิจการเงินการลงทุน คุณนายญาดาเลยจับเขาเข้าคอร์สเรียนรู้เรื่องการบริหารเงิน กองทุน เรื่องหุ้นต่างๆ นานา ถึงได้มีเงินหมุนเวียนให้ใช้ ถึงแม้ตอนเรียนนี่คินแทบกินพาราหมดกระปุกเห็นตัวเลขเยอะๆ แล้วอยากจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอดแต่ก็ดีที่มันทำให้ทุกวันนี้ยังมีเงินซื้อข้าวกิน

อยากร้อยพวงมาลัยไปกราบคุณนายญาดาสักสิบพวง

จริงๆ การเป็นฟรีแลนซ์ก็ไม่ได้แย่สนุกด้วยซ้ำไปได้ทำงานไม่ซ้ำเจอผู้คนหลากหลาย แต่พอถึงจุดๆ หนึ่ง คินก็อยากจะมีธุรกิจของตัวเองเหมือนกันบางทีก็อยากให้รูปที่ตัวเองวาดได้ไปอยู่ในมือใครสักคนที่เขาสนใจเลยเกิดไอเดียเปิดร้านนี้ขึ้นมา ตอนบอกพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณนายญาดาตื่นเต้นกว่าเขาอีก คงดีใจมากที่ลูกชายอย่างเขาจะอยู่กับที่สักที ส่วนพี่เคแค่บอกว่าเรื่องเอกสารทางธนาคารจะดูให้ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา

ร้านที่กำลังจะเปิดเรียกว่าร้านอะไรก็ไม่แน่ใจเพราะมันผสมผสานทุกอย่างไว้ในร้านเดียว หลังจากยกเลิกสัญญาเช่าตึกของไอ้มิลคินก็ตัดสินใจซื้อตึกนี้ทันทีเพราะทำเลที่นี่ดีมาก เห็นครั้งแรกก็ชอบเลย แต่ไอ้มิลด่าไปแปดวันสามคืนไม่ใช่เพราะยกเลิกสัญญาเช่า แต่เพราะไม่มีเพื่อนให้เล่นด้วยเวลาทำงานหนัก

สามสิบกว่าบ้าบอยิ่งกว่าอายุอายุสิบห้าอีกหัวหน้าแก๊งนี่มัน ..

ชั้นสองของร้านคินตั้งใจให้เป็นสตูดิโอถ่ายภาพยังไงก็มีคนในวงการที่รู้จักมาใช้ตลอดอยู่แล้ว ส่วนชั้นหนึ่งมีมุมกาแฟเล็กๆ ซึ่งแน่นอนว่าเขาชงเองเพราะไปเรียนมาด้วยตัวเอง รวมทั้งรูปภาพที่เขาวาดเองก็วางขายอยู่ในร้าน มีทั้งที่เป็นรูปภาพและโปสการ์ด และแน่นอนว่าทุกอย่างในร้านล้วนแต่เป็นสีขาวและสีดำ คินก็บอกไม่ได้ว่ามันเป็นที่เขาชอบหรือเปล่ารู้ตัวอีกทีเขาก็มีแค่สีดำและสีขาวอยู่รอบตัวไปหมดไม่ว่าจะเป็น

เสื้อผ้า กางเกง
รองเท้า เครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์

คิดไม่ออกเลยถ้ามันมีสีอื่นเข้ามาผสมด้วยนอกจากขาวและดำ
มันจะเป็นแบบไหนกัน


โครม!

ปัง!

คิดอะไรเพลินๆ อยู่หน้าร้านตัวเองก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงปึงปังโครมครามดังออกมาจากร้านข้างๆ  ตอนแรกตั้งใจจะไม่สนใจเห็นรามิลบอกว่าร้านข้างๆ เพิ่งเปิดได้ไม่นานเหมือนกันก็คงจะขนของจัดร้านอยู่ แต่พอจะก้าวเท้าเดินเข้าร้าน เสียงโครมครามก็ดังขึ้นอีกรอบจนต้องหยุดเดินอีกครั้ง  ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อก็มีบางอย่างกลิ้งมาหยุดอยู่ตรงปลายเท้า

หลอดสี..

มันเป็นหลอดสีน้ำที่ใช้จนหมดแล้วมันบี้แบนจนคินคิดว่าไม่น่าจะเหลือสีให้บีบออกมาได้อีก นี่ก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของตั้งใจทิ้งหรือมันกลิ้งออกมาจากกล่องไหนสักกล่อง คินยืนรออยู่นานก็ไม่เห็นว่าจะมีใครออกมาเก็บเลยคิดเองว่าคงทิ้งแล้วเลยเลือกกี่จะเดินเข้าร้านตัวเองโดยไม่ทันเห็นว่ามีใครสักคนวิ่งออกมาร้านข้างๆ แล้วเก็บหลอดสีหลอดนั้น

ของเยอะกว่าที่คิด

ชั้นสามของร้านคินปรับปรุงให้เป็นห้องนอนมันไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย มีแค่เตียงกับโต๊ะที่ใช้ทำงานเท่านั้นไอ้เบนเห็นครั้งแรกยังบอกว่าเหมือนห้องที่ยังทำไม่เสร็จถ้าคนอื่นมาเห็นก็คงคิดเหมือนเบน  คินเริ่มเอาของออกมาจัดนี่ก็เพิ่งเริ่มรู้สึกว่าข้าวของเครื่องใช้เขามีแต่สีขาว ครีม ดำวนอยู่แค่นี้ กล่องสุดท้ายคือกล่องที่คินเอากลับมาจากเชียงใหม่และเขาก็รู้ด้วยว่าข้างในมันคืออะไร

โปสการ์ดสามสิบกว่าใบ
มันไม่ใช่โปสการ์ดเปล่าๆ มันมีข้อความเขียนไว้ทุกแผ่น

“มินิมอลมากภาคินเหมือนชีวิตมึงมีแค่ขาวกับดำ สรุปมีอะไรไหมหรือว่าตกหลุมรักใครที่นู่น ให้แฟนกูไปสืบไหมแฟนกูเป็นคนเชียงใหม่นะเผื่อมึงลืม”

“ตกหลุมรัก..”

“ชัวร์แน่แบบนี้..ใครวะ”

“ไม่รู้จัก”

“วอท? คืออะไรไม่รู้จัก”

“ก็กูไม่รู้จักเขาจริงๆ รามิล”


เขาไม่ได้โกหกรามิลเขาหลงรักคนไม่รู้จัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ชื่ออะไร มาจากไหน หน้าตาเป็นไงสิ่งที่เขามีก็คือโปสการ์ดและลายมือของอีกฝ่าย วันที่ตัดสินใจจะรู้จักกันมากกว่าโปสการ์ดที่ส่งให้กันทุกวันมันก็สายไปแล้ว อยู่ดีๆ คุณโปสการ์ดสีรุ้งก็หายตัวไปซะดื้อๆ หายไปจากชีวิตภาคินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทิ้งไว้แค่ข้อความบนโปสการ์ด
ที่ทำให้คินตกหลุมรัก

ตอนนี้คินเลยไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มตามหาจากตรงไหน เพราะเขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่างขนาดแค่ชื่อจริงๆ ก็ยังไม่รู้ สุดท้ายก็เลยกลับมาตั้งหลักที่กรุงเทพก่อน เอาเถอะยังไงคินก็ยังไม่หมดหวังเชียงใหม่ไม่ได้ไกลเกินไปเลยถ้าเขาคิดจะไปแต่ก็ไม่แน่สิ่งที่เขาตามหาจริงๆ แล้วมันอาจจะอยู่ใกล้ๆ แบบคาดไม่ถึงก็ได้

โครม!

เสียงกระแทกผนังจากห้องข้างๆ ทำให้กล่องที่ใส่โปสการ์ดร่วงลงมาจากโต๊ะกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น คินถอนหายใจไม่รู้ว่าร้านข้างๆ นี่จะขนของไปถึงกี่โมงกี่ยามปึงปังโครมครามไม่หยุดสักที จังหวะที่กำลังก้มลงเก็บโปสการ์ดที่หล่นอยู่ ข้อความบางข้อความทำให้คินต้องหยิบโปสการ์ดขึ้นมาอ่านใกล้ๆ

คุณเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตไหม? มันจะมีจริงหรือเปล่า?
เดาเลยผู้ชายติสท์ๆ  แบบคุณไม่เชื่ออะไรแบบนี้แน่ๆ
เอางี้..ถ้าเราสองคนเจอกันแบบไม่คาดจะถือว่ามันคือพรหมลิขิตก็แล้วกัน

“เพ้อเจ้อจริงๆ ไร้สาระ”

ก็ถือว่าเดาถูกเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่  ถ้าคนเราจะรักกันมันก็ขึ้นอยู่กับใจของเราเองป่ะวะ จะมาชะตาลิขิตอะไรกัน คินเก็บโปสการ์ดลงกล่องแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิม ท่าทางตอนนี้ร้านข้างๆ คงหยุดขนของแล้วเพราะเห็นเสียงเงียบไป เอาไว้พรุ่งนี้จะไปทักทายก็แล้วกันบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างน้อยทำความรู้จักกันไว้ไม่เสียหาย

ว่าแต่ร้านข้างๆ นี่เขาเปิดเป็นร้านอะไรวะ?


WATERCOLOR


“เหมือนกูยืนอยู่ระหว่างร้านมูจิกับทอยอาร์อัส”

นั่นคือประโยคแรกจากเบนจามินหลังจากที่มันมาร่วมงานเปิดร้านของเขา มันไม่ได้มีพิธีรีตองแบบตัดริบบิ้นอะไรทั้งนั้น ก็แค่เอาป้ายมาแขนไว้ว่า open พ่อแม่ก็มาเจิมร้านด้วยการซื้อกาแฟสองแก้วและรูปวาดที่บอกว่าจะเอาไปติดที่ห้องทำงานของพี่เค ส่วนเจ้าตัวติดลูกค้าเลยมาไม่ได้..

คินไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไรทุกคนก็ต้องมีธุระกันทั้งนั้น  มีแค่แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็วุ่นวายมากพอแล้ว ส่วนร้านข้างๆ คินเพิ่งรู้ว่าเป็นร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับศิลปะ เห็นว่ามีคอร์สสอนวาดรูปด้วย และแน่นอนว่าร้านข้างๆ นี่ทาสีซะเหมือนสีขนมสีลูกอมตอนแรกนึกว่าโรงเรียนอนุบาล

โคตรจะตรงข้ามกับร้านเขาเลย
มาอยู่ข้างกันได้ไงวะ

“ฝากขอบคุณต้นไม้ด้วยรามิล ช่อดอกไม้สวยมาก”

“กูบอกไม้ว่าเปลืองไม่ต้องจัดหรอกสำหรับมึงดอกรักดอกเดียวก็พอ”

“กูสงสัย มึงนี่มีอะไรดีไม้ถึงรักมึงนักหนา”

“เอาช่อดอกไม้คืนกูมาเดี๋ยวนี้”

“คีตาบอกว่างๆ จะมาอุดหนุนรูปวาดมึง บอกชอบรูปพี่คินมากอยากเอาไปติดที่สถาบันถ้าวันนี้ไม่ต้องไปประชุมเรื่องงานเพลงคงมาดีดกีตาร์ที่ร้านมึง”

“แฟนเพื่อนกูทุกคนช่างประเสริฐ ประทับใจไอ้พอร์ชสุดแม่งให้นามบัตรมันเป็นของขวัญ บอกว่าถ้าจะตกแต่งร้านเพิ่มให้ติดต่อมันได้เลยสแตนบายยี่สิบสี่ชั่วโมง สรุปมันยินดีที่กูเปิดร้านหรือมันหาลูกค้าเพิ่ม”

“อย่าว่าแฟนน้องทับทิมคินเดี๋ยวไอ้ทิมโมโหร้านมึงพังภายในพริบตาเลยนะ ว่าแต่มึงทำความรู้จักร้านข้างๆ ยังวะ”

“ก็ว่าจะไปทักทายซะหน่อยแต่ยังไม่มีเวลาเลยว่ะ”

“มองจากข้างนอกโคตรตลกร้านมึงเรียบง่ายไปเลยคิน สีร้านข้างๆ แย่งซีนว่างๆ ก็ไปเรียนวาดรูประบายสีกับเขาบ้างนะชีวิตจะได้มีสีสัน”

“กูโคตรเกลียดการระบายสีน้ำตอนเรียนวาดรูปสมัยมัธยมงานสีน้ำกูทุกงาน นู่นฝีมือไอ้ทิม”

“คนบ้าอะไรบอกผสมสีน้ำยุ่งยากขี้เกียจ มึงแค่บีบสีใส่น้ำแค่นี้”

“มันก็ต้องมีจานสี พู่กัน อะไรอีกมากมายป่ะวะกูขี้เกียจหา กูชอบวาดรูปด้วยดินสอ”

“จ้า พ่องานลายเส้นก็สมกับมึงดีมินิมอลภาคิน”

“เอากาแฟไปให้ร้านข้างๆ ด้วยดิเผื่อเขาจะได้มาเป็นลูกค้าประจำ”

“เป็นไงคิดแบบผู้บริหารรามิลไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทุกนาทีเป็นเงินเป็นทอง”

“เพราะต้นกระบองเพชรแฟนแพงมาก ขายบ้านขายคอนโดเงินก็ยังไม่พอ”

“สัด..เถียงไม่ออกเลยเรื่องจริง”

ภาคินเห็นว่าช่วงบ่ายๆ ลูกค้าเริ่มซาลงบ้างแล้วหลังจากที่ช่วงเช้าแน่นเต็มร้าน  ไม่รู้ว่าไอ้พวกแก๊งลูกเพื่อนแม่จ้างมาเป็นหน้าม้าหรือเปล่า แก้วกาแฟเย็นสองแก้วถือไว้ในมือเตรียมพร้อมเห็นว่าอากาศข้างนอกก็ร้อนพอแล้วคงไม่มีใครอยากดื่มกาแฟร้อนตอนนี้สักเท่าไหร่ เลยเตรียมอเมริกาโนกับลาเต้ไว้เพราะไม่รู้ว่าร้านข้างๆ จะชอบกาแฟแบบไหน

เหมือนได้ยินเสียงเจี๊ยวจ้าวออกมาจากร้าน

คินหยุดอยู่หน้าร้านเมื่อได้ยินเสียงเด็กมากกว่าหนึ่งคนดังออกมา ไม่เหมือนโรงเรียนสอนวาดรูปเท่าไหร่เหมือนสนามเด็กเล่นมากกว่า นี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปตอนนี้ดีไหมกลัวว่าเด็กจะวิ่งชนกาแฟหกใส่ด้วย คินเลยเลือกที่จะยืนรออยู่หน้าร้าน แค่เพียงไม่นานประตูหน้าร้านก็เปิดออกพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ถือจานสีและพู่กันไว้ในมือ และแน่นอนว่ากำลังวิ่งตรงมาทางที่เขายืนอยู่

“เฮ้ย!”

คินไม่ได้ขยับตัวหนีไปไหนเมื่อเห็นอีกคนวิ่งมาทางนี้เรียกว่าหลบไม่ทันมากกว่า แก้วกาแฟลาเต้กระเด็นไปไกลเหลือแค่อเมริกาโนสีดำที่หล่นลงพื้นใกล้ๆ คินรับร่างคนตรงหน้าไว้เพราะกลัวว่าจะล้มหน้าคว่ำกระแทกพื้น และแน่นอนว่าคนที่วิ่งออกมาก็ปล่อยจานสีน้ำที่อยู่ในมือแล้วมาจับเสื้อของคินไว้ตามสัญชาติญาณ

พอทุกอย่างหยุดนิ่งคินมองคนที่เขากอดเอาไว้ทั้งตัว ผู้ชายตัวขาวผมสีน้ำตาลแดงที่ดูเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย ท่าทางมึนงงเหมือนค่อยๆ รวบรวมสติทำให้คินเลือกที่จะยืนนิ่งๆ ทันทีที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาก็เพิ่งเห็นว่ามีสีน้ำสีชมพูเลอะอยู่ที่ข้างแก้มยาวเป็นแถบส่วนแก้มอีกข้างก็มีสีชมพูถูกวาดไว้เป็นหนวดรวมทั้งปลายจมูกมีจุดสีชมพูอยู่หนึ่งจุด

แมว?

“ครูสีน้ำ!”

สีน้ำ..

เสียงเด็กที่ตะโกนออกมาจากในร้านทำให้ภาคินก้มลงมองเสื้อยืดสีเทาของตัวเอง เพิ่งรู้ว่าตอนนี้มันไม่ได้เป็นสีเทาเหมือนที่ซื้อมา จานสีหล่นอยู่ตรงพื้นด้านล่างแต่สีน้ำที่อยู่ในจานสีตอนนี้กำลังเลอะอยู่บนเสื้อยืดของเขา มันรวมกันเป็นหลายสีจนแทบแยกไม่ออก บางส่วนก็เลอะแขนเขาไปด้วยเรียกได้ว่าเลอะไปทั้งตัว พื้นกระเบื้องสีขาวตอนนี้มีกาแฟอเมริกาโนสีดำสนิทที่หกอยู่บนพื้นมันค่อยๆ รวมกับสีน้ำที่อยู่ยังหลงเหลืออยู่ในจานสี

ก็รู้นะชีวิตของเขามันอาจจะเรียบๆ ไปบ้าง
แต่ก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะต้องเจอสีสันคัลเลอร์ฟูลแบบนี้และขอยืนยันคำเดิม

เกลียดการระบายสีน้ำที่สุดเลยว่ะ!



เมื่อสีทั้งสองผสมกัน
มันก็จะเป็นสีของเรา
WATERCOLOR




TO BE CON
พี่คินมาแล้วค่าาาาาา

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2019 21:32:44 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ชีวิตคินจะได้มีสีอื่นบ้างนอกจากขาวกับดำ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ที่ว่าไม่รู้จักเนี่ย   เคยเจอตัวเป็น ๆ มาก่อนหรือเปล่า?  หรือเจอแค่งานภาพจากโปสการ์ด?

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อยากอ่านต่อแย้วววววววว :hao7: :ling1:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เตรียมรับสะใภ้แก็งคนสุดท้าย :mew1:

ออฟไลน์ LonelyBoiZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
มาแล้วววววววว สีน้ำและคิน

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
มาแล้ววว คนสุดท้ายของแก๊งค์ :mew1:

ออฟไลน์ Cappello

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
มาแล้ววว
กี๊ดดดดดดดด

 :m3: :m3: :m3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คุณคิน


มาแล้ววววว

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
สีสันจะบังเกิดแล้วพี่คิน..นนนน  :hao3:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
มาแล้วววว เราไถผ่านไปตอนไหน~~~ ^^"

ภาคินหนอ...กว่าจะสมหวังดังใจจะเลอะเทอะอีกกี่มากน้อย 555

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
สีน้ำคนซนหรือนี้ :hao7:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :3123: :L2: :L1:
รออ่านต่อ
 :katai2-1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น่าติดตามๆๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
พี่คินมาแล้ว เปิดเรื่องมาน่ารักสมกับที่รอคอย ครูสีน้ำต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย  :กอด1:

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา


CH.1
- Brown-



“คือเรากำลังเล่นอยู่กับนักเรียนกลุ่มสุดท้าย และคราวนี้กำลังโดนรุมป้ายสีก็เลยจะหนีไปตั้งตัวข้างนอกร้าน”

“.............................................”

“พอเปิดประตูออกไปเจอใครไม่รู้ยืนถือแก้วกาแฟอยู่”

“แล้ว?”

“ตอนนั้นคือเราเบรคไม่ทันและจานสีในมือก็....”

“สาดใส่เขาทั้งหมด”

“มันเป็นอุบัติเหตุณัฐ เราไม่ได้ตั้งใจจะเอาสีไปสาดใส่ใคร”

“กูบอกมึงเป็นรอบที่ล้านแล้วน้ำว่าห้ามวิ่งในร้าน”

“ก็ตอนนั้นสอนเสร็จแล้วนี่”

“แล้วรู้หรือยังสรุปเขาเป็นใคร”

“เจ้าของร้านข้างๆ มั้งเราเดาเอา ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยแต่หน้าตาดูรวยคงเป็นเจ้าของ”

“เสื้อเขาแพงแน่กูว่าตัวละสามหมื่น”

“ร้องไห้แล้ว เฮ้ย..แต่เราก็เลอะเหมือนกันนะ”

“มึงเลอะสีเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วน้ำ เผลอๆ เขาเลอะเยอะกว่ามึงอีกยกมือขึ้นมาสาบานเดี๋ยวนี้ว่าจะไม่วิ่งในร้านอีก”

“อย่าติงต๊องนี่สามสิบกว่าแล้ว”

“ช่วยทำตัวให้เหมือนสามสิบกว่าหน่อยเถอะ กูปวดหัว”

สีน้ำได้แต่ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยเมื่อญาติสนิทกำลังกอดอกถือไม้เรียว (พู่กัน) ทำท่าจะฟาดเขาอยู่  หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ทันทีที่ตั้งสติได้ก็ค้นพบว่าทั้งเนื้อทั้งตัวรวมทั้งเสื้อผ้าเลอะไปด้วยสีน้ำ ปกติเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าเนื้อตัวจะเลอะเทอะเขาชินกับมันแล้ว แต่..คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใครก็ไม่รู้แถมยังเลอะสีน้ำแทบทั้งตัว ทั้งๆ ที่ควรจะพูดอะไรออกมาสักหน่อยแต่ทั้งสองคนต่างคนต่างยืนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นก่อนที่สีน้ำจะเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาคนแรก

“คือ...”

“ผมขอไปล้างตัวก่อนแล้วกัน”

ท่าทางจะโมโหไม่เบาหน้านิ่งขนาดนั้น
ดีที่ไม่ต่อยเขากระเด็น

สีน้ำเห็นอีกฝ่ายเดินเข้าไปในร้านข้างๆ อ้อ...เปิดแล้วสินะเห็นปิดประตูอยู่เป็นเดือน ตอนนี้เดาไม่ออกเลยว่าเจ้าของร้านรู้สึกยังไงถ้าเป็นความประทับใจแรกน่าจะติดลบล้านไปแล้ว สีน้ำก้มลงมองพื้นกระเบื้องที่ตอนนี้เลอะไปด้วยสีและกาแฟ แปลกดีไม่ค่อยได้เห็นสีแบบนี้เท่าไหร่ แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมศิลปะบนพื้นกระเบื้อง เสียงตะโกนของญาติสนิทที่ดังจากในร้านทำให้สีน้ำต้องเดินกลับเข้าไป

“มึงควรไปขอโทษเขาน้ำ”

“หน้าตาดูอยากบีบคอเราอยู่”

“ก็มึงเอาสีไปสาดใส่เขาแบบนั้น”

“เราบอกเป็นรอบที่ล้านแล้วว่ามันคืออุบัติเหตุ เราไม่ได้ผิด!”

“แล้วใครผิด”


Watercolor


“ไม่ใช่ความผิดกูแน่นอนมึงดูกูเลอะไปทั้งตัวแบบนี้”

คินกำลังเอาผ้าเช็ดตัวเบาๆ หลังจากที่ไปอาบน้ำอาบท่าล้างสีที่เลอะตัวออกให้หมด นี่ก็ใช้เวลาเยอะอยู่ตอนแรกว่าแค่ล้างน้ำเฉยๆ แต่คิดว่าอาบน้ำเลยน่าจะดีสุด ทั้งขัดทั้งถูกว่าจะออก คินยกแขนขึ้นมาดูซ้ายขวาสำรวจดูว่ายังมีคราบสีหลงเหลืออยู่หรือเปล่า ทิมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเค้าน์เตอร์คว้าคอเสื้อให้คินมายืนอยู่หน้าแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้

“มึงเดินกลับเข้ามาแบบสีท่วมตัว กูโคตรตกใจ”

“เออ ให้ไปผูกมิตรไม่ได้ให้ไปสร้างศัตรู”

“กูยืนถือแก้วกาแฟหล่อๆ อยู่หน้าร้านนี่กูสร้างศัตรูตรงไหน”

“แล้วอยู่ดีๆ มึงเดินหนีมาเลยแบบนี้แล้วเขาทำยังไง”

“ไม่รู้ เห็นยืนอยู่หน้าร้านแต่จะให้คุยทั้งๆ ที่เลอะสีแบบนั้นก็ไม่ได้ป่ะวะ”

“ตลกฉิบหายทักทายกันสนุกสนานสมกับที่ร้านทาสีสายรุ้ง”

“สัดเอ๊ย ตอนนี้บอกตามตรงกูโคตรเกลียดสีน้ำเลยว่ะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกันอีก!”


กึก!

“......................................................”

เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่หน้าประตูร้าน ผู้ชายผิวขาวผมสีน้ำตาลแดงเสื้อที่ใส่อยู่ยังคงเลอะสี ใบหน้ายังมีรอยหนวดแมวจางๆ ไว้ให้เห็น ทิมหยุดมือที่กำลังเช็ดผมให้คินค้างอยู่อย่างนั้นรวมทั้งเบนและรามิลที่ยกแก้วกาแฟค้างอยู่ท่าเดิม ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบจนคินจับมือทิมให้หลุดออกก่อนจะมองคนที่ยืนอยู่ที่เดิมอีกครั้ง และแน่นอนเดาได้เลยว่าเจ้าตัวจะต้องได้เย็นประโยคที่เขาพูดแน่ๆ

“เดี๋ยวผมมาใหม่แล้วกันคุณน่าจะมีแขก”

คนที่เสื้อยังเลอะสีหันหลังกลับมามองหน้าคินอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากร้านไป แก๊งลูกเพื่อนแม่ทุกคนยังคงค้างอยู่ท่าเดิมแม้ว่าเจ้าของร้านข้างๆ จะเดินออกไปจากร้านคินนานแล้ว เบนคือคนแรกที่รู้สึกตัวเลยเดินออกไปดูตั้งใจจะเอ่ยเรียกแต่ก็ดูไม่ทันเพราะอีกฝ่ายเดินเข้าร้านไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นคือคนที่เอาสีสาดใส่มึง?”

“เออ ”

“คุณหน้าแมวน่าจะโมโหโกรธามึงอยู่นะคิน”

“ที่กูบอกว่าเกลียด กูไม่ได้หมายถึงเขานะเว้ยกูหมายถึงสีน้ำที่มันเลอะอยู่บนตัวกูเมื่อกี้”

“กูสับสนมากตอนนี้”

“คุณหน้าแมวน่าจะชื่อสีน้ำ กูได้ยินเด็กนักเรียนตะโกนเรียกชื่ออยู่”

“บาปกรรมมากมึงบอกว่าเกลียดสีน้ำต่อหน้าครูสอนศิลปะ”

“และที่สำคัญโผล่มาตอนที่มึงตะโกนว่าเกลียดสีน้ำ”

“โบ๊ะบ๊ะเป็นจังหวะซิทคอม”

แก๊งลูกเพื่อนแม่ผลัดกันพูดคนละประโยคจนคินถึงกับถอนหายใจ ตอนแรกนี่มั่นใจว่าเหตุการณ์เลอะเทอะเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วมันไม่ใช่ความผิดเขาแน่นอน  แต่คินก็ตั้งใจจะไปเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านข้างๆ ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าอยู่ดีๆ คุณสีน้ำจะโผล่มาแบบนี้และเข้ามาเจอประโยคเด็ดพอดี ความคิดที่จะผูกมิตรกับร้านข้างๆ ตามที่ไอ้มิลบอกน่าจะล่มไม่เป็นท่า


ไม่เป็นท่าจริงๆ ด้วยว่ะ
ตั้งแต่วันนั้นคินยังไม่มีโอกาสได้คุยกับครูสอนวาดรูปร้านข้างๆ สักที ที่จริงคินจะปล่อยให้มันผ่านเลยไปก็ได้แต่สำหรับเขาวันนั้นจะถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุยังไงเราก็โตๆ กันแล้วคงไม่มานั่งทะเลาะเหมือนเด็กประถม แต่พอเจอสถานการณ์จริงๆ  ก็พูดอะไรไม่ออก จะทักจะทายอะไรก็ดูเกร็งไปหมด มองหน้ากันไม่ถึงสิบนาทีก็ต่างคนต่างเดินเข้าร้านขนาดตอนเช้าเปิดประตูออกมาจากร้านพร้อมกันยังไม่มีการพูดจากันสักคำ

เป็นความสัมพันธ์ในแบบไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ

วันนี้ก็เป็นเช่นกัน คินมีงานนอกสถานที่เลยปิดร้านเร็วหน่อยจริงๆ เป็นงานด่วนกะทันหันเลยไม่ได้บอกใครไว้ ตอนออกจากร้านเห็นคุณสีน้ำกำลังยืนส่งเด็กนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าร้าน หน้าตาก็มอมแมมเลอะสีเหมือนเดิมตอนแรกเห็นอีกฝ่ายก็ยิ้มแย้มดีแต่พอหันมาเห็นหน้าเขาก็หุบยิ้มทันทีเหมือนกดปิดสวิตซ์ คินเลยต้องแกล้งทำเป็นมองไปทางอื่นแล้วเดินไปที่รถแทน

เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะคุณครู


งานเลิกดึกกว่าที่คิดคินไม่ได้ออกกองนานมากแล้วเหมือกัน ตั้งแต่กลับจากเชียงใหม่นี่ก็คงเป็นงานแรกที่รับ ตอนแรกว่าจะกลับไปนอนบ้านแต่คิดว่าพรุ่งนี้จะมีลูกค้ามาใช้สตูดิโอก็เลยกลับมานอนที่ร้านน่าจะดีกว่า จังหวะที่กำลังจะหยิบกุญแจขึ้นมาไขก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีถุงผ้าสีขาวห้อยอยู่ตรงลูกบิดประตู นอกจากนั้นยังมีแผ่นกระดาษที่มีรูปวาดเป็นผู้ชายตัวสูงตาเป็นขีดๆ ข้างๆ เป็นรูปผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าสะพายกระเป๋าใส่กีตาร์ไว้ข้างหลัง

เบนกับคีตา?

คินหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมากดดูเพิ่งรู้ว่าเบนโทรมาหาหลายสายแล้วแต่เขาไม่ว่างรับ เวลาออกกองทีไรเขาไม่ค่อยได้ยินเสียงโทรศัพท์สักเท่าไหร่ คินเลยกดโทรกลับแค่เพียงไม่นานก็มีคนรับ

“พี่คินตอนนี้พี่เบนกำลังจับน้องอันนาอาบน้ำ ในห้องน้ำเหมือนสงครามเลยเปียกทั้งคนทั้งแมว พี่คินจะคุยกับพี่เบนไหมเดี๋ยวคีย์ไปบอกพี่เบนให้”

“ไม่เป็นไร พี่แค่จะโทรมาถามเรื่องถุงที่อยู่หน้าร้าน”

“อ้อ ไส้อั่วจากเชียงรายพ่อเอามาให้เยอะเลยพี่เบนเลยเอาไปให้พี่คินด้วย แต่ไปถึงแล้วร้านปิดพี่เบนโทรหาพี่คินไม่มีคนรับ เลยฝากพี่ร้านข้างๆ ไว้”

“พี่ร้านข้างๆ ?”

“ใช่ครับ ที่เป็นครูสอนวาดรูป”

คินเงยหน้ามองไปยังร้านสีรุ้งที่ตอนนี้ปิดไฟดับสนิทไปแล้วก่อนจะหยิบกระดาษที่มีรูปวาดผู้ชายสองคนขึ้นมาดูอีกครั้ง เออ..สมกับเป็นครูสอนวาดรูปไม่มีข้อความบอกไว้ด้วยนะแต่วาดรูปลงสีเสร็จสรรพวาดไอ้เบนซะเหมือนตาตี่เป็นขีดๆ แถมยังระบายสีซะสวยงามเหมือนวาดส่งประกวด

“วันนี้คีย์ใส่เสื้อสีฟ้ากางเกงสีน้ำเงินแล้วก็สะพายกีตาร์มาด้วยใช่ไหม”

“เฮ้ย! พี่คินรู้ได้ไงอะเจอคีย์เหรอ”

คินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบถุงผ้าเข้าไปในร้านว่าแล้วครูสีน้ำนี่ลงรายละเอียดไว้หมดทุกอย่างขนาดสีเสื้อผ้ายังเหมือนเป๊ะๆ คินได้ยินเสียงไอ้เบนโวยวายดังลั่นคอนโดก่อนที่คินจะวางสายไปเพราะเบนกำลังต่อสู้กับน้องอันนา บ้านนี้ก็บันเทิงดีสมกับเป็นครอบครัวดนตรีตีกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ คินหยิบรูปวาดจากเจ้าของร้านข้างๆ ใส่ลงกล่องที่อยู่ข้างๆ กล่องโปสการ์ด

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ถ้าเป็นสองสามเดือนก่อนผมคงจะเขียนใส่โปสการ์ดเล่าเรื่องครูสอนวาดรูปหน้าแมวให้คุณรู้แล้ว ผมยังหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะมีโอกาสได้เจอกันนะ”


Watercolor


“ทำตัวลับๆ ล่อๆ ยังกะคนโรคจิตน้ำ”

“นายไร้สีนั่นกลับมาแล้วน่าจะเห็นถุงผ้าที่เราเอาไปแขวนไว้”

“เลิกเปรียบเทียบทุกอย่างรอบตัวเป็นสีได้ไหม เดี๋ยวเขาคิดว่ามึงบ้าหรอกแล้วทำไมเจ้าของร้านไฮโซมึงถึงบอกว่าเขาไร้สีวะ”

“ก็ยังไม่รู้ว่าจะให้เป็นสีอะไรดีแต่ตอนนี้ให้เป็นนายไร้สีไปก่อน”

“และจากที่เห็นสำหรับมึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นสีอะไร”

สีน้ำปิดม่านที่แอบดูอยู่แล้วเดินกลับมานั่งบนเตียง คำถามจากญาติสนิททำให้สีน้ำหันไปมองร้านข้างๆ สีน้ำรู้ตัวดีว่าเขาชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็กๆ อุปกรณ์ที่อยู่กับตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็คือสมุดวาดรูปและดินสอสีไม้ พอโตขึ้นก็เริ่มรู้ว่าตัวเองหลงรักการวาดรูปสีน้ำ  พ่อกับแม่ยังบอกเลยว่าตั้งชื่อเล่นเหมือนเห็นอนาคตเขาล่วงหน้า เพราะอยู่กับกับวาดรูประบายสีมาตั้งแต่จำความได้มันเลยทำให้ชอบเปรียบเทียบทุกอย่างเป็นสีแทนตัวอักษร

วันนี้มีความสุขเลยเป็นสีเหลือง
วันที่เศร้าเป็นสีน้ำเงิน
วันที่สนุกมากๆ จะเป็นสีส้ม

หรือแม้แต่คนที่ได้เจอสีน้ำชอบคิดว่าคนๆ นั้นจะเป็นสีอะไรในสายตาของตัวเองอย่างพ่อกับแม่เป็นสีเดียวกันคือสีขาวเพราะรู้สึกถึงความเรียบง่ายและสงบ ส่วนณัฐเหมือนสีม่วงเพราะมันดูลึกลับเป็นผู้ชายน่าค้นหา

ส่วนผู้ชายร้านข้างๆ..

สีน้ำนึกย้อนกลับไปวันแรกที่ได้เจอกับเจ้าของร้านสุดแสนจะมินิมอล เรายังไม่เคยได้คุยกันสักครั้งที่จริงสีน้ำก็เคืองอยู่นิดๆ ที่ได้ยินเจ้าตัวตะโกนลั่นร้านว่าเกลียดสีน้ำและไม่อยากยุ่งเกี่ยวกันอีก โห…ตอนนั้นนี่เลือดขึ้นหน้าเลยนะคนที่รักการวาดรูปด้วยสีน้ำมาทั้งชีวิตอย่างเขานี่อยากเดินเข้าไปเตะก้านคอมาก

อยากจะกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วถามว่าสีน้ำไม่ดีตรงไหน! แต่ทั้งหมดนั่นทำได้แค่เพียงคิดในใจ ความเป็นจริงก็คือที่ทำได้คือกำหมัดแน่นแล้วเดินกลับมาที่ร้านตัวเอง หลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่เคยได้คุยกันอีกทั้งๆ ที่มีโอกาสอยู่ทุกวัน สีน้ำทิ้งตัวนอนบนเตียงก่อนจะตอบคำถามที่ณัฐถามค้างไว้

“บอกไม่ถูกแต่ไม่ใช่โทนสีสว่างแน่ๆ คงต้องรู้จักเขาให้มากกว่านี้”



วันนี้ร้านสีลูกกวาดปิด และตอนนี้มีเด็กผู้หญิงมัดแกละมือหนึ่งกอดตุ๊กตากระต่าย
ส่วนมืออีกข้างกำลังกอดถุงกระดาษยืนอยู่หน้าประตู

“วันนี้น่าจะปิดทั้งวันนะครับ ร้านไม่เปิดมาตั้งแต่เช้าแล้ว”

“พอดีลูกสาวเรียนวาดรูปที่นี่ค่ะ พอดีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเลยซื้อขนมมาฝากครูที่สอนเขา ฉันฝากของไว้ที่คุณได้หรือเปล่าคะ”

คงจะมีธุระต้องรีบไปเพราะท่าทางดูรีบร้อน คินเลยตอบตกลงเด็กหญิงมัดแกละก็ยื่นถุงขนมให้เขาก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วขึ้นรถจากไปทิ้งคินไว้กับถุงขนมที่เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดี คินเลยเดินกลับเข้าร้านแล้วหยิบกระดาษโน๊ตขึ้นมาเขียน เออ..ลืมถามชื่อแต่คิดว่าเขาน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว คินเลยลุกขึ้นจะเอาถุงขนมไปแขวนไว้ที่หน้าประตูร้านแต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็เดินกลับมาที่เดิมก่อนจะนึกอะไรได้



"ครูน้ำเห็นถุงขนมที่นาน่าฝากพี่ร้านข้างๆ ไว้หรือเปล่าคะ"

“ได้แล้วครับ ขนมเต็มเลยครูน้ำขอบใจนาน่ามากนะวันนี้ก็พาพี่จีนี่มาด้วยใช่ไหม”

สีน้ำหนีบโทรศัพท์ที่กำลังคุยอยู่พร้อมกับหยิบกระดาษโน๊ตที่มีรูปวาดเป็นลายเส้นเด็กผู้หญิงมัดแกละกอดตุ๊กตากระต่ายขึ้นมาดูใกล้ๆ ถึงมันจะเป็นลายเส้นดินสอเท่านั้นแต่รายละเอียดชัดเจนดี พี่กระต่ายที่ชื่อจีนี่เป็นตุ๊กตาตัวโปรดของลูกศิษย์เขาที่อุ้มไปไหนมาไหนด้วยตลอด นายไร้สีนี่วาดแม้กระทั่งรอยเปื้ัอนตรงข้างแก้มของตุ๊กตาตำแหน่งไม่ผิดเพี้ยนเลย

น่าจะชอบวาดลายเส้น
มิน่าล่ะถึงไม่ชอบสีน้ำ

Watercolor


“คนติสท์ๆ เขาคุยกันแบบนี้เหรอวะ”

“เขียนมันไม่ง่ายกว่าวาดเหรอ”

“คือมึงวาดรูปกันไปมาแต่ไม่คุยกันสักคำนี่คืออะไร”

“เขาคงไม่อยากคุยกับมึงคิน บอกเกลียดสีน้ำดังลั่นขนาดนั้นเป็นกูๆ จะกลับไปเอาสีน้ำมาสาดใส่มันอีกรอบ”

“แล้วไม่คิดจะคุยกันต่อหน้าบ้างเหรอวะร้านอยู่ติดกันขนาดนี้”

แก๊งลูกเพื่อนแม่ถกเถียงกันอยู่ในไลน์ หลังจากที่เขาเล่าความคืบหน้าความสัมพันธ์กับร้านข้างๆ ได้รับรู้ พอมานึกถึงแล้วก็ตลกเราคุยกันผ่านภาพวาดอย่างเดียว หลังจากน้องมัดแกละวันนั้น วันถัดๆ มาคินก็ได้รับรูปวาดอีก ตอนที่ฝนตกหนักคินได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าร้านพอเปิดออกไปก็เจอกระถางต้นกระบองเพชรที่ต้นไม้เอามาให้วางอยู่หน้าประตู จำได้ว่าเขาเอามันไปรับแดดในตอนเช้า คงลืมเอาเข้ามาด้วย แต่ที่คินสนใจคือรูปวาดที่แปะไว้บนกระถางเป็นรูปต้นกระบองเพชรกำลังกางร่มแน่นอนมีการลงสีด้วยสีน้ำเสร็จสรรพ

และวันต่อมาฝนก็ตกหนักอีกแต่คราวนี้คินไม้ได้ลืมเอาเจ้าต้นกระบองเพชรเหมือนวันก่อน แต่สายตาเหลือบไปเห็นกระป๋องที่ใส่พู่กันวางไว้อยู่ตรงโต๊ะหน้าร้าน คินเห็นว่าไฟในร้านก็เปิดอยู่เจ้าของน่าจะลืมมากกว่าเลยรีบวิ่งไปเก็บไว้ก่อนจะหยิบกระดาษมาวาดรูปพู่กันกางร่มแปะไว้บนกระป๋องแล้ววางไว้ตรงหน้าประตู

และมันก็เป็นแบบนี้มาทั้งอาทิตย์

คินไขกุญแจเข้าร้านหลังจากที่เมื่อคืนกลับไปนอนที่บ้านมา และตอนนี้หน้าประตูกำลังมีซองกระดาษสีน้ำตาลวางอยู่แต่แปลกที่ครั้งนี้ไม่ได้มีรูปวาดเหมือนทุกครั้ง คินหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ เดาว่าไปรษณีย์น่าจะส่งผิดมากกว่าคินเลยอ่านที่อยู่ที่แปะไว้หน้าซอง

ธารธารา  ศิริกวิน

ที่อยู่คือของร้านข้างๆ ส่งผิดแน่นอน คินถือซองกระดาษสีน้ำตาลอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ร้านข้างๆ จังหวะที่กำลังจะเคาะประตู แต่อยู่ดีๆ ประตูเปิดออกพร้อมกับคนที่คุยกันผ่านทางรูปวาดทั้งอาทิตย์ก็ยืนอยู่ตรงหน้า ท่าทางคงจะตกใจอยู่เหมือนกันเพราะคินเห็นอีกฝ่ายยืนค้างอยู่อย่างนั้น วันนี้ครูสีน้ำไม่ได้เลอะสีเหมือนทุกวันหน้าตาไม่ได้เป็นแมวเหมือนวันแรกที่เจอด้วยน่าจะเป็นเพราะเช้าอยู่ยังไม่ได้เริ่มสอน แต่ท่าทางยืนนิ่งยังกะเจอผีทำให้คินต้องพยายามกลั้นหัวเราะ

“ผมเอานี่มาให้ไปรษณีย์น่าจะส่งผิดที่อยู่มันเป็นร้านของคุณ คุณชื่อธารธาราหรือเปล่า”

“อ้อ..ใช่ครับ”

พอคินยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลให้อีกฝ่ายต่างคนก็ต่างเงียบแต่ก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหนเหมือนต่างคนกำลังตัดสินใจว่าจะปล่อยให้มันผ่านไปแบบนี้เหมือนทุกครั้งหรือควรจะทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายคินก็เป็นคนเริ่มเป็นฝ่ายพูดก่อน

“ผมว่าเราควรคุยกันต่อหน้าสักทีคุณ..”

“สีน้ำครับ ผมชื่อสีน้ำ”

“ผมภาคิน เรียกคินเฉยๆ ก็ได้ผมถามได้ไหมคุณอายุเท่าไหร่ผมจะได้เรียกถูก”

“ผมน่าจะแก่กว่าคุณคิน”

“31”

“ผม 33 แก่กว่าคุณจริงๆ ด้วย”

“ที่จริงผมคิดว่าคุณน้ำอายุยี่สิบกว่า”

“ผมดูเด็กขนาดนั้นเลย”

“วันแรกที่ผมเจอคุณมีหนวดแมวแล้วก็กำลังวิ่งเล่นอยู่”

สีน้ำนึกย้อนไปวันนั้นเขาเล่นเกมแพ้เด็กๆ เลยโดนเด็กวาดหน้าซะจนหน้ากลายเป็นแมวอย่างที่เห็น พอคิดแบบนี้ก็อายขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน อายุตั้งเท่านี้แล้วยังจะเล่นอะไรเป็นเด็กๆ คุณภาคินยังคงเหมือนวันแรกที่เขาเจอแต่งตัวเหมือนเดิมเป๊ะๆ เสื้อยืดสีเทากับกางเกงยีนส์ที่จริงก็เห็นแต่งตัวแบบนี้ทุกวัน

เหมือนเหมาเสื้อสีขาว ดำ เทา มาทั้งโรงงาน

“โอเค เราจะไม่พูดเรื่องวันนั้นกันแล้วมันเป็นอุบัติเหตุผมขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจจะเอาสีน้ำสาดใส่คุณ”

“ครับ มันผ่านไปแล้วผมก็ไม่ได้คิดอะไร”

“แต่เรื่องที่บอกว่าเกลียดสีน้ำนี่ผมไม่ลืมนะ”

“วันนั้นผมคงโมโหจริงๆ ผมไม่ถูกชะตากับการระบายสีน้ำเท่าไหร่”

“ถนัดงานลายเส้นเหรอครับ”

“ครับ แค่ไม่ถนัดการผสมสีมันยุ่งยากเลยไม่ค่อยชอบสีน้ำ”

“เจ็บจี๊ดเลย”

“ผมไม่ได้หมายถึงว่าผมไม่ชอบคุณนะ”

“ผมรู้ แล้วไม่คิดอยากจะระบายสีน้ำบ้างเหรอครับ”

“ไม่ชอบก็เลยไม่ได้สนใจ”

“เจ็บจี๊ดอีกแล้วเนี่ยแล้วมีสีที่ชอบไหมครับ”

“ไม่มีครับ”

“คุณคินดูน่าจะชอบสีขาวสีดำ ผมเดาจากร้านคุณ”

“มันดูเรียบๆ ใช่ไหมครับมันคงดูจืดๆ”

“อย่าเข้าใจผมผิดนะผมแค่เดาจากที่ผมเห็น”

“ผมอาจจะเข้าใจยากสักหน่อยขอโทษด้วย”

“ขนาดได้คุยกับคุณผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าคุณคินเหมือนสีอะไร”

“ผม? เหมือนสี? เมื่อกี้คุณน้ำว่าอะไรนะครับไม่ค่อยได้ยิน”

เสียงเรียกจากในร้านทำให้สีน้ำตะโกนบอกณัฐว่ากำลังจะเข้าไป คินเองก็คงต้องกลับไปเตรียมตัวเปิดร้านเหมือนกันเพราะเลยเวลาที่เปิดร้านมานานมากแล้ว จังหวะที่คินกำลังหันหลังกลับแขนเสื้อก็ถูกดึงไว้

“ถ้าวันไหนอยากระบายสีน้ำมาลงคอร์สได้นะ ผมสอนให้ฟรี”

“ผมจะเรียนไปทำไม”

“ก็อยากให้คุณคินชอบสีน้ำขึ้นมาบ้าง”

ต่างคนต่างเงียบอยู่อย่างนั้นเมื่อประโยคมันฟังดูแปลกๆ ครูสอนวาดรูปเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปเลยยกมือขึ้นมาพร้อมกับอธิบายกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด

“ไม่ได้หมายถึงผมนะ หมายถึงสีน้ำที่เป็นสี แต่จริงๆ ก็อย่าไม่ชอบผมด้วยถึงผมจะเคยเอาสีน้ำสาดใส่คุณก็ตาม อธิบายยังไงดีเวลาได้ยินคุณคินบอกไม่ชอบสีน้ำทีไรผมเจ็บจี๊ดตลอดเลย”

นี่เป็นคนแบบไหนวะเนี่ย
ตลกว่ะ

“ไว้ถ้าวันไหนผมสนใจสีน้ำขึ้นมาผมจะให้คุณสอนผมแล้วกัน”

คินกำลังจะเดินต่อแต่แขนเสื้อก็ยังถูกจับไว้เหมือนเดิมจนคินเริ่มจะสงสัยแล้วว่า ครูสอนวาดรูปนี่อายุมากกว่าเขาจริงเหรอวะรู้สึกเหมือนเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย  คินตั้งใจจะหันไปถามว่ามีอะไรอีกหรือเปล่าเพราะเขาเองก็อยากจะเปิดร้านเหมือนกันนี่ก็สายมากแล้ว แต่อยู่ดีๆ คนผมสีน้ำตาลแดงก็ชูถุงในมือขึ้นมาแล้วยื่นให้เขา

“ทานข้าวเช้าหรือยังครับ ปาท่องโก๋เจ้าดังร้านหน้าปากซอย”

“……………….....................”

“สองตัวห้าบาท”

“……………….....................”

WATERCOLOR


“ได้คุยกับร้านข้างๆ แล้วเหรอวะน้ำ”

“เออ เขาชื่อภาคิน”

“แล้วเป็นไงคราวนี้เขาเป็นสีอะไร”

“ไม่รู้ว่ะยังรู้สึกว่าเข้าถึงยากนึกไม่ออกเลยว่าเหมือนสีอะไร”

“คนแรกเลยนะที่ยังไร้สี แล้วนั่นซองอะไรวะ”

“รูปที่เราบอกให้พัดส่งมา เรากลับมาเป็นเดือนๆ ละเพิ่งจะส่งมาให้”

สีน้ำเทรูปออกมาจากซองสีน้ำตาลก่อนจะหยิบขึ้นมาดูทีละใบ บรรยากาศและรอยยิ้มในรูปทำให้คนที่ดูอยู่ยิ้มออกมาถึงจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอยู่ในกรุงเทพแต่ธรรมชาติตอนที่อยู่ที่นั้นก็เรียกได้ว่ามีความสุขมากจริงๆ ณัฐที่เช็ดจานสีอยู่เลยเดินมาดูเพราะเห็นญาติตัวเองเงียบๆ ไป

“คิดถึงเด็กๆ เนอะอยากกลับไปอีก”

สีน้ำยิ้มออกมา
แล้วหยิบรูปขึ้นมาดูใกล้ๆ

“อืม คิดถึงมากเลย”




กว่าจะได้เปิดร้าน
ก็สายมากแล้ว

ชีวิตภาคินหลังจากที่เปิดร้านเสร็จแล้วก็คือการชงกาแฟดำที่คินคั่วเมล็ดเองกับมือ ไอ้ทิมเคยบอกว่ายุ่งยากกว่าจะได้กินแต่ละแก้ว แต่สำหรับคินคิดว่าการที่ทำแต่ละขั้นตอนจนไปถึงลิ้มรสกาแฟมันทำให้เขารู้สึกดี  หลังจากจัดการกับกาแฟเสร็จแล้วคินจะกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะมันเป็นอย่างนี้ซ้ำๆ ทุกวัน บนโต๊ะไม่มีอะไรมากมายมีแค่แมคบุ๊คไว้ทำงาน  แก้วน้ำ แจกันสีใส และแก้วกาแฟสีขาวล้วน

แต่ที่แปลกใหม่สำหรับวันนี้
คือปาท่องโก๋สีน้ำตาลสองตัว

คินมองอยู่นานว่าจะทำยังไงกับมันดี ปกติคินไม่ได้กินอะไรพวกนี้อยู่แล้วอย่างมากก็แต่แซนวิชแฮมชีสอะไรแบบนี้มากกว่า แต่พอนึกถึงหน้าคนที่ยื่นให้มาก็ทิ้งไม่ลง รอยยิ้มที่ยิ้มให้คล้ายจะบอกว่าสิ่งนี้มันอร่อยมากจริงๆ อยากให้ลอง คินเลยหยิบปาท่องโก๋สองตัวมาวางไว้ข้างกัน พอมองแบบนี้ก็แปลกดีบนโต๊ะเขาไม่เคยมีสีอื่นมาก่อนเลยนอกจากดำกับขาววันนี้มันเป็นวันแรกที่มันมีสีน้ำตาล คินเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปก่อนจะกดอัพลงอินสตาแกรมและแน่นอนว่าคนที่แปลกใจกว่าใครเพื่อนคือบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่

timjinda: มึงป่วยเหรอลูกกระจ๊อกทำไมมึงมีปาท่องโก๋บนโต๊ะ! @ppachara ลูกพี่ไม่สบายหนักมาดูใจด้วยพอร์ช
ramin: ในที่สุดไอจีมึงก็มีสีอื่นนอกจากสีขาวและสีดำ ps.กูมองรูปนี้นานมากจนไม้คิดว่ากูบ้าแล้วจ้องเป็นสิบนาที
ิbenktd: กูไม่เห็นมึงกินปาท่องโก๋อีกเลยหลังจากอายุสิบสองขวบ! ตกใจมาก! นอกจากแก้วกาแฟขาวดำก็ยังมีปาท่องโก๋สีน้ำตาล @Keyta มาดูพี่คินกินปาท่องโก๋!

คินเหนื่อยใจกับความเวอร์วังของแก๊งลูกเพื่อนแม่
เอาเถอะตัวเขาเองยังแปลกใจเลยส่วนแคปชั่นน่ะเหรอ


“Brown สองตัวห้าบาท”


จะว่าไปสีน้ำตาลก็สวยดี (นิดนึง)









TO BE CON
ปาท่องโก๋อร่อยนะ นี่มันนิยายรายเดือนหรือเปล่านี่!

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2019 22:07:12 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุย....ตอนใหม่มาแล้วววววว

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อันแน่ คินเริ่มเติมสีให้ตัวเองแล้ว เอ๊ะ ต้องบอกว่ามีคนมาเติมสีให้คินแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 -Brown- up* 1/12/2019
« ตอบ #19 เมื่อ: 01-12-2019 21:33:30 »





ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
น่ารัก มีแต่คำว่าน่ารัก นี่สินะ พรหมลิขิต
ไปเริ่มคุยผ่านโปสการ์ดได้ยังไงล่ะ

ดีนะ คินไม่ใช่คนชอบโวยวายไรมาก
สีน้ำก็ดูอึน น่าเอ็นดู ทิมมีเพื่อนละนะ 5555

ชอบความวาดรูปบอกกัน น่ารักดีค่ะ
วาดยังไงให้รู้ว่า ต้องการบอกอะไร

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ชอบความติส   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ตอนบอกว่าสองตัวห้าบาทนี่แอบขำ เหมือนขายต่อ ฮา รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ pacharauksara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบๆๆๆ มาต่อไวๆ นะค่ะ :3123:

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องสีน้ำำำ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แก๊งลูกเพื่อนแม่น่ารักตลอดเลย TT
น่ารักดีคุยกันผ่านรูปวาด

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
Watercolor
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.2
- Yellow-


เอาข้าวต้มหมูมาฝากกลัวคนโสดสนิทอดตาย

คินหยิบปิ่นโตที่ใส่ข้าวต้มหมูมาจนเต็มแถมยังมีผลไม้ที่ปอกไว้เตรียมพร้อม  นึกภาพตามแล้วก็ขำใครจะไปคิดว่าภาพลักษณ์ตี๋ฮ่องกงอย่างเบนจามินแห่ง KTD จะทำอาหารได้เก่งขนาดนี้  แต่ก็นะอาหารที่ทำให้เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สามขวบนี่มันช่างแตกต่างจากแฟนสุดที่รักจริงๆ คินเห็นคีตาได้กินอาหารหรูหรายังกะเชฟโรงแรมห้าดาวทุกวัน แซลมอนชิ้นใหญ่วางเต็มจานแล้วดูเขา..พอเห็นแบบนี้ก็ทำให้นึกถึงอาหารเช้าเมื่อวันก่อน

ปาท่องโก๋สองตัวห้าบาท..
ร้านมันอยู่ตรงไหนวะ

“เก็บไว้กินตอนกลางวันแล้วกัน”

คินจัดการเอาข้าวต้มหมูใส่ตู้เย็นก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์แล้วเดินไปเปิดประตูร้าน ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกมาจากประตูก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อเห็นว่าคุณสีน้ำร้านข้างๆ กำลังตั้งท่าขี่จักรยานแต่สงสัยได้ยินเสียงเขาเปิดประตูเลยหันมามอง

“คุณคินจะไปไหนครับ”

“ว่าจะไปหาอาหารเช้าสักหน่อยแล้วคุณ..”

“ไปกินโจ๊กกันไหมครับ”

“โจ๊ก? แถมนี้มีร้านโจ๊กด้วยเหรอผมไม่เคยเห็น”

“เลยไปอีกสองซอยไม่ไกลเท่าไหร่”

“ไปด้วยจักรยานคันนี้?”

“ไวใจผมได้นะขึ้นมาเลย”

คินยืนมองคนที่ตบเบาะจักรยานสีเทาเหมือนเรียกเด็กๆ ให้ไปนั่ง  คินเลยเดินมาหาพร้อมกับบอกว่าเขาปั่นให้จะดีกว่าเพราะดูจากขนาดตัวแล้วตัวเขาน่าจะหนักกว่าตัวคุณสีน้ำมากอยู่ คินเตรียมพร้อมก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง พอเห็นเขามองก็ยิ้มแฉ่งเออ…คนเรามันจะร่าเริงตั้งแต่หกโมงเช้าได้ยังไงกันวะ

เหมือนโดนหลอก
ไอ้สองซอยของครูสีน้ำนี่มันไม่น่าจะใช่ใกล้ๆ เขาปั่นจักรยานมาเกินสิบนาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีร้านโจ๊กอยู่แถวนี้เลยสักนิด ดีที่วันนี้อากาศไม่ได้แย่เท่าไหร่ถ้าร้อนแบบแสงแดดเผาเขาอาจจะไหม้ตายไปแล้ว แถมคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเอาแต่ชี้บอกว่าตรงนู้นตรงนั้นตรงนี้ขายอะไรบ้าง น่าจะเอนจอยอีทติ้งพอสมควรเพราะเห็นบอกกินมาแล้วทุกร้าน

“ตั้งแต่ผมเปิดร้าน ผมยังไม่เคยไปไกลเกินเซเว่นแถวร้านเลย”

“แถวนี้ของกินเยอะมากเลยนะคุณคินต้องลองมา”

“คุณน้ำก็พาผมมาแล้ววันนี้”

“หมายถึงถ้าคุณคินอยากมากินเอง กินข้าวคนเดียวบ่อยไหมครับ”

“ก็บ่อยนะ จริงๆ ก็ทุกวันผมเฝ้าร้านคนเดียว”

“ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วหารค่าพิซซ่า บอนชอน เคเอฟซีได้เสมอ”

“ผมมีค่าเวลาคุณหิวเหรอไง”

“งั้นมาเรียนวาดรูปสีน้ำไหม”

“ไม่ดีกว่าครับ”

“ไม่หลงกลเลยนายภาคิน”

คินหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินสรรพนามที่เริ่มเปลี่ยนไปเอาเถอะถือซะว่าเป็นการขี่จักรยานกระชับมิตรก็แล้วกัน แสงแดดเวลาเกือบเจ็ดโมงเริ่มสว่างจนคินต้องรีบปั่นไปยังร้านโจ๊กที่เหมือนจะไกลกว่าสองซอยตามที่คนซ้อนท้ายบอก คินเองเพิ่งรู้ว่าร้านค้าที่เปิดตอนเช้ามีเยอะขนาดนี้  เสียงจากคุณสีน้ำยังคงบอกว่าร้านนี้อร่อยขนาดซอยแยกเล็กๆ ยังรู้ว่ามีร้านลับซ่อนอยู่

“ตรงซอยนู้นมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ด้วยครับ ซอยตรงนู้นคุณคินเห็นไหม”

“อย่ายื่นมือออกไป”

คินปล่อยมือจากแฮนด์หนึ่งข้างแล้วจับมือคนที่กำลังชี้ให้ดูซอยร้านอาหารญี่ปุ่นรวบไว้บนตัก เพราะกลัวว่าจะโดนรถเฉี่ยวไปซะก่อนเห็นยื่นออกไปซะจนสุดแขน สีน้ำเงียบลงก่อนจะมองมือตัวเองที่ถูกจับไว้แน่น..ก่อนจะเงยหน้ามองแผ่นหลังกว้าง วันนี้คุณภาคินก็ยังแต่งตัวเหมือนเดิมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ ผมไม่ได้เซ็ทน่าจะเพิ่งตื่นก็ดูแปลกตาดี แต่ปกติก็ดูเซอร์ๆ แบบนี้อยู่แล้ว สีน้ำเอียงหน้ามามองคนที่ตั้งใจขี่จักรยานแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือเขาออกสักที แต่แค่เพียงไม่นานคุณคินก็รู้สึกตัวค่อยๆ ปล่อยมือออกแล้วไปจับแฮนด์ตามเดิม

“วันนี้วันอาทิตย์คุณคินว่ามันเป็นสีอะไร”

“แดง? ไม่ใช่แดงเหรอครับ”

“วันนี้ของผมเป็นสีเหลือง”

“คุณน้ำดูชอบเปรียบเทียบทุกอย่างเป็นสี”

“ทุกคนที่รู้จักผมก็บอกแบบนั้นนะ มันดูบ้าๆ ใช่ไหม”

“เฮ้ย ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น อย่าเข้าใจผมผิดมันก็ดูเหมาะกับคุณดีแล้วทำไมคุณถึงบอกว่าวันนี้เป็นสีเหลือง”

“ไม่บอกหรอกครับแล้วคุณคินคิดว่าวันนี้ของคุณเป็นสีอะไร”

“แดงมั้ง”

“ทำไมเป็นสีแดง”

“ก็วันนี้วันอาทิตย์”

คินตอบคำถามก่อนจะจอดจักรยานหน้าร้านโจ๊กที่คนเยอะพอสมคววร คนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ลงจากจักรยานก่อนจะบอกก็จริงวันนี้วันอาทิตย์เป็นสีแดงก็ถูกของคุณ แล้วเดินเลยไปจองโต๊ะคินได้แต่มองตามคนที่เดินน้ำหน้าไป สำหรับเขาทุกๆ วันก็เหมือนกันหมดจะวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์จะให้แยกๆ เป็นสีๆ อะไรเขาไม่เคยทำ แค่รู้สึกว่าวันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์สีแดงที่ไม่น่าเบื่อดี

และก็เป็นวันแรกที่อาหารเช้าของเขาเปลี่ยนไป
แก๊งลูกเพื่อนแม่กรี๊ดแน่ถ้าวันนี้ได้รู้ว่าเขากินโจ๊กแทนกาแฟดำ


ร้านโจ๊กรสชาติดีคุณลุงคนขายให้เครื่องเยอะมากคนที่พามากินยิ้มแก้มปริเมื่อเขาบอกว่าอร่อย เป็นการกินอาหารเช้ากับคนที่เพิ่งรู้จักแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรมีบางช่วงที่เราคุยกัน และบางช่วงที่ต่างคนต่างเงียบเพราะมัวแต่กินโจ๊กและคุณน้ำก็เป็นอีกคนที่กลั้นหัวเราะตอนที่เขาบอกชื่อแก๊งเพื่อนสนิทให้ฟัง

“แก๊งลูกเพื่อนแม่?”

“ครับมีสี่คนมีผม เบน ทิมแล้วก็รามิลเป็นหัวหน้า”

“มีหัวหน้าด้วยเหรอครับ”

“มีไปงั้นๆ คนที่มีอำนาจตัวจริงคือทิม”

“มีอำนาจขนาดไหนเนี่ย”

“ขนาดที่ว่าบังคับให้พวกผมไปดรีมเวิลด์ตอนอายุสามสิบได้”

“เดี๋ยวนะ เหมือนผมจะเคยเจอคนหนึ่งที่ตัวสูงๆ ตี๋ๆ วันนั้นเขาฝากของไว้ให้คุณคิน”

“นั่นเบนจามิน”

“อ้อ มีอีกคนสะพายกีตาร์มาด้วยแก้มป่องๆ”

“แฟนเบนครับชื่อคีตาเป็นนักแต่งเพลง ผมว่าคุณน้ำต้องเคยฟังเพลงที่คีตาแต่ง จริงๆ วันแรกที่เราเจอกันแก๊งลูกเพื่อนแม่ผมก็อยู่กันครบนะ”

“ตอนนั้นโมโหอยู่จำใครไม่ได้หรอกจำได้แต่หน้าคุณคิน”

“แค้นไม่เลิกเลย”

“คำว่าเกลียดสีน้ำนี่ฝังใจจนผมเก็บไปฝันร้าย แต่พวกคุณดูสนิทกันดีโตกันขนาดนี้แล้วก็ยังเจอกันทุกวัน”

“เดี๋ยวพวกมันก็มาอีกเราเจอกันบ่อยอยู่แล้วครับ เมื่อก่อนเราเจอกันเช้ากลางวันเย็นเดี๋ยวนี้มีแฟนก็เลยติดแฟนกัน”

“มีแฟนกันหมดแล้วเหรอครับแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“มีหมดแล้วครับ”

“อ้อ..โอเค”

“เหลือผม”

“ครับ?”

“เหลือผมคนเดียวที่ยังไม่มีแฟน ตอนนี้ผมยังไม่มีใคร”

อยู่ดีๆ บทสนทนาก็เงียบไปทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันเรื่องแก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่หยุด คุณสีน้ำไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้ารับรู้แต่คินก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่อาจเพราะแสงแดดที่ส่องเข้ามาทำให้เห็นใบหน้าของคุณน้ำแดงขึ้นมาอาจจะร้อนละมั้งเพราะเห็นดื่มน้ำไปสองแก้วแล้ว…

กว่าจะขี่จักรยานกลับมาก็ถึงเวลาที่ต้องเปิดร้าน แต่หน้าร้านของคุณสีน้ำตอนนี้มีผู้ชายใส่แว่นตัวสูงมานั่งรออยู่ท่าทางสนิทสนมกันดีเพราะเห็นอีกฝ่ายยกมือขยี้ผมคุณน้ำซะจนยุ่งเหยิง

“พี่แวะมาหาวันนี้จะไปบ้านรุ่งอรุณด้วย”

“น้ำไม่ได้ไปนานมากเลย”

“เด็กๆ ที่นั่นคิดถึงน้ำกันหมด เดี๋ยวนี้มีแต่คนเอาของไปบริจาคแต่ไม่ค่อยมีใครไปสอนอะไรเด็กเท่าไหร่”

“น้องๆ ที่นั่นชอบวาดรูปนะเอางี้น้ำไปด้วยดีกว่า พี่ภูมิรอก่อน”

“แล้วน้ำไม่สอนเหรอไง”

“มีสอนอีกทีตอนเย็นเลยเดี๋ยวให้ณัฐเฝ้าร้านไปก่อน”

“ก็มีแค่เราสองคนเท่านั้นแหละที่ไปหา ถ้ามีคนวาดรูปได้ไปหาเด็กๆ อีกก็คงจะดี”

โครม..

เสียงของหล่นตรงหน้าประตูจากร้านข้างๆ ทำให้คนทื่ยืนคุยกันอยู่หน้าร้านหันไปมอง ภาคินเอ่ยขอโทษเพราะคิดว่าตัวเองทำเสียงดังรบกวน เลยรีบเก็บบรรดาม้วนฟิล์มที่ทำหล่นไว้ใส่กล่อง สีน้ำก้มลงเก็บฟิล์มที่กลิ้งมาตรงเท้าขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเดินไปหาคินที่กำลังเอื้อมมือไปรับแต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้ง่ายๆ


Watercolor


“ถ้าวันไหนคุณคินว่างมาสอนเด็กๆ วาดรูปได้นะครับ”

นั่นคือประโยคจากคุณสีน้ำก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นม้วนฟิล์มพร้อมกับบอกที่อยู่ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ คินพยักหน้ารับเท่านั้นแต่ไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ  ตอนสายของวันอาทิตย์คินนั่งทำงานไปเรื่อยๆ แต่รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ชื่อบ้านรุ่งอรุณลงไป แค่เพียงไม่นานข้อมูลต่างๆ ก็ปรากฏให้เห็น คินค่อยๆ เคาะนิ้วกับโต๊ะเหมือนใช้ความคิด

สุดท้ายป้ายหน้าร้านก็เปลี่ยนเป็น close

บ้านรุ่งอรุณเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่ได้ใหญ่มาก เด็กที่นี่ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อายุไม่เกินสิบสาม ทันทีที่เขาจอดรถเจ้าหน้าที่ก็พาเขามาที่ห้องกระจกที่อยู่ด้านหลัง คินเอ่ยขอบคุณก่อนจะกอดอกยืนมองครูสีน้ำที่กำลังก้มหน้าวาดรูปอยู่ พู่กันในมือค่อยๆ แต้มสีน้ำลงบนกระดาษสีขาว ตรงหน้ามีบรรดาเด็กๆ นั่งมองกันตาแป๋วถึงแม้ในมือของเด็กจะเป็นสีไม้ไม่ใช่สีน้ำ เดาว่าคงกลัวจะเลอะเทอะเลยให้ใช้สีไม้แทน

“วันนี้ใครอยากได้กระต่ายบ้าง เดี๋ยววันนี้ครูจะสอ..”

สีน้ำยังพูดไม่ทันจบประโยคเพราะคนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วยิ้มให้ บรรดาเด็กๆ ที่นั่งอยู่ต่างมองตามคนที่เข้ามาใหม่กันตาแป๋วก่อนที่สีน้ำจะบอกให้เด็กๆ เรียกคินว่าพี่คิน เพราะคินไม่ถนัดวาดสีน้ำเลยเอามาแค่ปากกาเมจิกสีดำมาแท่งเดียว แต่ดูเด็กๆ จะตื่นเต้นกันมากพากันมารุมพี่คินกันใหญ่

“ปากกาวาดรูปได้ด้วยเหรอคะ”

“ได้สิคะ หนูอยากได้รูปอะไร”

“กระต่ายค่ะพี่คินวาดให้หนู”

สีน้ำท้าวคางมองภาคินที่ตอนนี้จะฮอตป๊อปปูล่าในบรรดาเด็กๆ บ้านรุ่งอรุณ เสียงดังเจี๊ยวจ้าวแย่งกันกันให้คุณคินวาดรูปตามที่ตัวเองอยากได้ กว่าจะได้ครบทุกคนก็ทำเอาหมดแรงสีน้ำเห็นท่าทางสะบัดมือไปมาของคนที่นั่งข้างๆ ก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ รูปวาดสุดท้ายเป็นรูปหุ่นยนต์ตัวใหญ่ก่อนที่เด็กผู้ชายจะยกมือไหว้แล้ววิ่งเอาไปเป็นแบบแล้วตัวเองวาดตาม

“สีน้ำผมตกกระป๋องแน่ๆ เจอปากกาเมจิกคุณคินไป”

“เดี๋ยวเด็กๆ ก็เบื่อครับส่วนมากก็ชอบแบบมีสีสันมากกว่า”

“ไม่นึกว่าคุณคินจะมาวันนี้”

“ก็อยากลองทำอะไรแบบนี้บ้าง คุณน้ำน่าจะมาบ่อยคุณดูสนิทกับเด็กๆ”

“ครับ ก่อนที่ผมจะเปิดร้านก็มาบ่อยเหมือนกัน แต่หลังจากกลับมาที่กรุงเทพนี่ก็เพิ่งมีเวลามา”

“ผมนึกว่าคุณเป็นคนกรุงเทพซะอีก”

“ผมเป็นคนกรุงเทพแต่ก่อนหน้านี้ผมไปอยู่ที่อื่นมา ที่จริงผมเปิดร้านก่อนหน้าคุณคินแค่เดือนเดียวเอง”

“ไปทำงานต่างจังหวัดเหรอครับ”

“ทำงาน..เรียกว่าทำงานก็ได้ครับ”

“ผมถามได้ไหมว่าที่ไหน”

“เชียงใหม่ครับ”

กึก..ปลายปากกาเมจิกสีดำหยุดชะงักก่อนจะหันมามองคนข้างๆ ที่กำลังจุ่มพู่กันสีเหลืองแล้วระบายลงกระดาษสีขาวตรงหน้า คงเพราะว่าเขาเงียบไปไม่พูดอะไรต่อคุณน้ำเลยหยุดระบายสีแล้วเงยหน้าขึ้นมามองคล้ายจะถามว่าเป็นอะไร คินเลยส่ายหน้าก่อนจะหยิบปากกาเมจิกมาวาดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“ลองระบายสีน้ำไหม”

“ไม่กลัวผมทำเลอะเหรอครับ”

“ไม่เท่าวันแรกที่เราเจอกันหรอก”

พอคิดถึงวันนั้นก็หัวเราะออกมาทั้งคู่ก่อนที่คินจะลองระบายสีน้ำตามที่คุณครูบอก พอเห็นเขาตกลงคุณน้ำก็ยิ้มอย่างดีใจจัดการเลื่อนอุปกรณ์ต่างๆ มาใกล้ๆ คินหมุนพู่กันในมือไปมาไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะเอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ตอนแรกตั้งใจแค่เอาพู่กันจุ่มสีน้ำแล้วระบายๆ แต่คุณน้ำให้ลองตั้งแต่ผสมสีเอง คนที่เกลียดการระบายสีน้ำมาตั้งแต่เด็กต้องมาทำอะไรแบบนี้มันก็เป็นเรื่องยากพอสมควร

“ใส่น้ำเยอะไปอย่าคนสีแบบนั้น”

คินหยุดพู่กันในมือก่อนจะหัวเราะเบาๆ จนสีน้ำต้องเงยหน้าขึ้นมามองพลางถามว่าหัวเราะทำไม คินยกมือสองข้างคล้ายจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องอะไร

“ผมแค่รู้สึกเหมือนโดนครูดุจริงๆ แล้วก็ผมลืมไปแล้วว่าที่จริงคุณน้ำอายุมากกว่าผม”

“ไม่เห็นจะเรียกว่าพี่เห็นเรียกคุณตลอด”

“คุณน้ำก็เรียกผมว่าคุณคินเหมือนกัน”

“น้อ..”

“อย่าคิดจะเรียกผมว่าน้องด้วย ถ้าจะเรียกแค่คินเฉยๆ ก็พอ”

“กลายเป็นผมที่โดนคุณคินดุ”

“เอาไว้เรารู้จักกันมากกว่านี้เรื่องเรียกชื่อค่อยคิดก็ได้ครับ ตอนนี้ถนัดแบบไหนก็เรียกแบบนั้นไปก่อน”

“ผมไม่รู้จะให้คุณคินเป็นสีอะไรดีแต่คุณเป็นคนที่ใจเย็นและมีเหตุผลมากๆ ”

“เปรียบเทียบคนเป็นสีด้วยเหรอนี่”

“แน่นอน”

“ผมไม่มีสีเหรอตอนนี้? เป็นผี?”

“ไม่ใช่สีแบบนั้นจะอธิบายยังไงดี”

“เข้าใจครับ”

“เข้าใจว่าอะไร”

“เข้าใจว่าตอนนี้ผมไม่มีสี แต่ถ้าวันไหนคุณน้ำรู้แล้วว่าผมเป็นสีอะไรช่วยบอกผมด้วยแล้วกัน”

สีน้ำพยักหน้าตกลงก่อนจะหยิบปากกาเมจิกสีดำของคินมาวาดลงกระดาษบ้าง คงเพราะไม่ได้วาดแบบนี้มานานมากแล้วรูปภาพมันเลยตลกๆ  คินเหลือบมองรูปตัวการ์ตูนผู้ชายที่คุณน้ำวาดก็รู้ทันทีว่าไอ้เด็กผู้ชายที่ทำท่าทางกวนๆ นั่นหมายถึงใคร คินเลยเปลี่ยนจากระบายสีท้องฟ้ามาวาดรูปด้วยสีน้ำเพราะไม่ถนัดรูปมันเลยเลอะเทอะจนมองแทบไม่ออกแต่ไอ้หนวดแมวที่อยู่บนหน้าก็รู้ว่านั่นคือใคร

“ผมเชื่อแล้วว่าคุณคินไม่ถนัดสีน้ำ”

“ผมบอกคุณแล้วมันดูไม่เป็นรูปด้วยซ้ำ ผมบังคับข้อมือไม่ค่อยได้เลย”

“หน้าผมเลอะไปหมด มีชัดแค่หนวดแมว”

“สุดความสามารถแล้วครับคุณครู”

“ขอได้ไหมรูปนี้”

“เละขนาดนี้เอาไปทำอะไร”

“เก็บไว้ดูพัฒนาการผมจะคอยดูว่าจะมีสักวันไหมที่คุณคินจะวาดรูปผมด้วยสีน้ำแล้วเหมือนตัวจริง”

ภาคินส่ายหน้าทันทีเพราะดูมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับเขาตอนนี้แค่ผสมสีให้พอดียังทำไม่ได้เลย แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของอีกฝ่ายคินก็เลยตัดสินใจยกรูปวาดที่มันดูเลอะเทอะจนมองแทบไม่ออกให้ มีการเขียนคะแนนข้างล่างกระดาษว่า F อีกต่างหาก แต่สักพักคินก็เห็นว่าคุณน้ำเอาพู่กันจุ่มสีเหลืองแล้วแต้มเป็นจุด พอเห็นว่าเขามองอยู่เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาบอก

“วันนี้สีเหลือง”

เอ้อ..วันนี้วันอาทิตย์สีแดงนะคุณครู

นั่งวาดรูปเล่นกันอยู่ดีๆ เด็กๆ ที่เริ่มระบายสีเสร็จก็รีบวิ่งเข้ามาหาทั้งสองคนเพื่ออวดผลงานของตัวเอง สีน้ำคงจะคุ้นเคยกับเด็กมากกว่าภาคินเลยถูกเด็กๆ ล้อมรอบตัว คินเงยหน้าขึ้นมามองไปรอบๆ ห้องก็เห็นว่ามีเด็กผู้หญิงผมแกละยังคงก้มหน้าก้มตาระบายสีภาพวาดตรงหน้าไม่เลิก คินเลยลุกแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ

“ยังระบายไม่เสร็จเหรอคะ”

“หนูอยากระบายสีสวยๆ เหมือนของครูน้ำค่ะ”

“ฝึกไปเรื่อยๆ หนูก็จะเก่งเหมือนครูน้ำ”

ภาคินเห็นเด็กผมแกละเงยหน้ามายิ้มแฉ่งจนตาหยีก่อนจะก้มลงระบายสีต่อ คินเพิ่งเห็นว่าข้างๆ เด็กผู้หญิงมีแฟ้มพลาสติกสีขาววางอยู่พอเห็นเขามองอย่างสนใจเด็กผมแกละก็หยิบมาให้เขาดูใกล้ๆ พร้อมกับบอกว่า ครูน้ำวาดรูปสวยมากๆ เลยค่ะอันนี้ครูน้ำวาดไว้ให้หนู

คินพอจะเข้าใจข้างในแฟ้มเป็นรูปภาพที่ระบายด้วยสีน้ำทุกรูป มันเป็นรูปวาดง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร มีรูปขนม ผลไม้ ของเล่น ตุ๊กตา ฟุตบอล แล้วก็รูปเด็กผู้หญิงผมแกละเป็นรูปสุดท้ายภาคินนึกไปถึงรูปของตัวเองที่เพิ่งวาดไปแล้วก็หัวเราะเบาๆ มันเทียบไม่ได้กับรูปของคุณน้ำเลยด้วยซ้ำ ภาพที่เขาวาดเหมือนเด็กสามขวบเพิ่งเริ่มจับพู่กันไม่มีผิด คินมองรูปในมือก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าตรงลายเซ็นข้างล่างกระดาษมีสีเหลืองแต้มเป็นจุดอยู่ มันเหมือนกับเมื่อกี้ที่คุณน้ำทำ คินเลยเปิดย้อนดูรูปก่อนหน้านี้มันกมีจุดสีเหลืองเหมือนกันทุกรูป

“สีเหลืองตรงนี้..”

“ตรงไหนคะ”

“ตรงนี้พี่คินสงสัยจังทำไมถึงมีจุดสีเหลืองทุกรูปเลยคะ”

“อ้อ..ครูน้ำบอกว่าสีเหลืองคือความสุขค่ะ”

“ความสุข?”

“ใช่ค่ะ ครูน้ำบอกว่าสีเหลืองของครูน้ำคือวันที่มีความสุขค่ะ”

ภาคินเงยหน้าขึ้นมองครูสีน้ำที่ตอนนี้ยังคงโดนเด็กๆ รุมให้วาดรูปอยู่อีกด้าน
แล้วนึกถึงประโยคของคุณน้ำที่บอกออกมาตอนที่กำลังขี่จักรยาน


“วันนี้ของผมเป็นสีเหลือง”


เป็นครูสอนวาดรูปที่ตลกดีนะ

Watercolor

คินกลับมาเปิดร้านอีกทีตอนสี่โมงเย็น ก่อนจะกลับคุณน้ำแวะเอาดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่กลับร้านไปด้วยบอกว่าวันนี้มีสอนวาดรูปดอกไม้ คินก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ปกติเขาใช้เยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ นึกว่าใช้แค่ไม่กี่ดอกเอาเถอะ ครูสอนศิลปะก็คงจะมีเทคนิคของเขา

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ลูกค้าเยอะเต็มร้าน คินยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ในร้านกำลังอธิบายถึงที่มาของโปสการ์ดต่างๆ ว่ามันคือสถานที่ไหนในประเทศไทยบ้าง ทันทีที่ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายออกไปเสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้น ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าทิมกับพอร์ชยืนถือกล่องขนมพร้อมกับโบกมือทักทาย ตั้งแต่เขามาเปิดร้านที่นี่แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็แวะเวียนมาหากันทุกวัน เหมือนเจอฐานทัพใหม่หลังจากที่ไอ้รามิลบ่นเรื่องทุกคนชอบไปนั่งเล่นที่ร้านดอกไม้ของแฟนมัน

“ขนมเค้กอร่อยมากซื้อมาฝาก”

“สำหรับกูของหวานก็เหมือนกันหมดทิม”

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกเรียกขนมทุกอย่างว่าเค้ก คนบ้าอะไร”

“พวกมึงกลัวกูอดตายเหรอไงวะ เมื่อเช้าไอ้เบนก็เอาข้าวต้มมาให้ตอนนี้มึงก็เอาขนมมาให้ เผลอๆ ไอ้มิลอาจจะเอากระเช้าผลไม้มาให้กู”

“นี่แหละมึงแก๊งลูกเพื่อนแม่มิตรภาพตั้งแต่สามขวบยันสามสิบ”

ถึงคินจะบ่นไปเรื่อยเปื่อยแต่เขาก็ขอบใจแก๊งลูกเพื่อนแม่มากจริงๆ ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมด แต่ทุกคนก็ใช่ว่าจะลืมความเป็นเพื่อนที่คบกันมานาน และเขาเองก็ดีใจที่แฟนของแก๊งลูกเพื่อนแม่เข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขา วันก่อนต้นไม้ก็มาหาพร้อมกับเอาต้นกระบองเพชรมาให้

เจ้าหนูคีตาของเบนจามินก็แวะมาซื้อรูปที่เขาวาดเอาไปฝากพ่อที่เชียงราย ส่วนไอ้แฟนเด็กของทิมถึงจะชอบพูดจากวนตีนอยู่บ่อยๆ แต่คินเองก็มั่นใจว่าถ้าเขาต้องการจะตกแต่งร้านเพิ่มพอร์ช พชร ก็พร้อมจะช่วยเต็มที่ถึงแม้ว่างานมันจะล้นมือแค่ไหนก็ตาม เออ..พอพูดถึงก็เดินมาหาพอดี

“วันนี้ผมจะมาเหมารูปที่คุณคินวาดไปติดที่ทำงานเอาไว้เรียกลูกค้า ไอ้มีนจะต้องชอบแน่ๆ”

“แค่นี้คิวสถาปนิกพชร ยาวไปถึงดาวอังคารแล้วนะที่กูเห็น”

“แต่ผมมีเวลาให้ทับทิมเหมือนเดิมไม่ต้องห่วงนะคุณคิน กลับบ้านตรงเวลากินข้าวพร้อมหน้ากอดกันก่อนนอนทุกคืน”

“กูอยากถีบมึงออกไปนอกร้านว่ะพอร์ช”

พอเขาทำท่าจะถีบจริงๆ พอร์ชก็รีบเดินหนีไปหาทิมที่กำลังเงยหน้าดูรูปภาพที่เขาอยู่ คินท้าวคางมองทั้งคู่อยู่อย่างนั้นจะว่าไปไอ้พอร์ชนี่ก็รักทับทิมมันเหลือเกิน การแสดงออกทั้งสายตาการกระทำไม่เคยเปลี่ยนไปเลย สงสัยท่าทางไอ้ทิมตอนเลือกรูปที่แขวนอยู่คงน่ารักเกินไปพอร์ชเลยเดินเข้าไปใกล้แล้วจูบตรงข้างขมับเบาๆ จนทิมต้องหันมาทำหน้าดุใส่ แต่ก็นั่นแหละหน้าตาทับทิมนพจินดาก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน พอร์ชเลยเดินมาซ้อนข้างหลังพรอ้มกับเอาคางวางลงบนกลุ่มผมของทิมมันเป็นภาพที่น่ารักดีพอมองอย่างนี้ทับทิมก็เหมือนเด็กลงไปอีกทั้งๆ ที่อายุสามสิบกว่าแล้วแท้ๆ

คิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็มีดอกกุหลาบสีแดงยื่นมาตรงหน้า
ก่อนที่คุณน้ำจะเอียงหน้ายิ้มแฉ่งพร้อมกับยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลที่จ่าหน้าซองถึงเขา

“ไปรษณีย์ส่งผิดร้านตลอดเลย ผมเพิ่งเห็นมันวางอยู่บนโต๊ะณัฐน่าจะลืมเอามาให้คุณ”

“สอนเสร็จแล้วเหรอครับ”

 “ครับ..พอดีกำลังเก็บดอกกุหลาบที่ผมใช้สอนวาดรูปเลยถือติดมือมาด้วย อยากได้ไหมครับเหลืออยู่สามดอก ผมเก็บไว้ดอกหนึ่งให้คุณคินสองดอก”

“ให้ผม?”

“คุณคินต้องไม่ชอบดอกกุหลาบแน่ๆ”

“ก็ไม่ได้ชอบดอกไม้อะไรเป็นพิเศษผมเฉยๆ หมด”

“คำตอบสมเป็นคุณมากๆ ดอกกุหลาบผมนี่เศร้าเลย”

“แต่ไหนๆ คุณก็ถือมาแล้วใส่แจกันไว้ตรงเคาน์เตอร์ก็ได้ครับ”

คินรับดอกกุหลาบสีแดงสองดอกมาใส่แจกันแล้ววางบนเคาน์เตอร์พอเอามาตั้งแบบนี้ก็แปลกดี ของทุกอย่างในร้านของภาคินแทบจะเป็นสีดำสีขาวทั้งหมด พอมีแจกันดอกไม้ที่มีดอกกุหลาบสีแดงสองดอกตั้งอยู่มันก็ดูเด่นขึ้นมาทันที  คุณสีน้ำพอเห็นรูปวาดในร้านก็เลยขอตัวไปเดินดูใกล้ๆ จังหวะเดียวกับที่ลูกค้าผู้หญิงที่เลือกโปสการ์ดอยู่แถวเคาน์เตอร์พอเงยหน้าขึ้นมามองแจกันที่ใส่ดอกกุหลาบก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้

“ดอกกุหลาบสวยจัง”

“ขอบคุณครับ”

“ทำไมถึงมีสองดอกล่ะคะ ทุกทีเวลาใส่แจกันเห็นใส่กันสามดอก”

“คนให้เขาให้มาแค่สองดอกครับ”

“จำนวนดอกกุหลาบมีความหมายนะคะ”

“ความหมายเหรอครับผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย”

“ค่ะ ที่ฉันรู้มาก็คือดอกกุหลาบหนึ่งดอกหมายถึงรักแรกพบ แต่ถ้าสองดอกหมายถึงต่างคนต่างหลงเสน่ห์ซึ่งกันและกัน”

ทันทีที่ลูกค้าผู้หญิงพูดจบคุณสีน้ำก็เดินกลับมาตรงเคาน์เตอร์พอดีและแน่นอนว่าต้องได้ยินที่ลูกค้าบอกแน่ๆ ถึงได้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเดาว่าคุณน้ำก็คงไม่ได้นึกถึงความหมายอะไรนี่หรอกนี่ก็บังเอิญให้เขาแบบไม่ได้ตั้งใจ  พอเห็นท่าทางคนที่ยืนตัวแข็งทื่อภาคินได้แต่ยิ้มขำก่อนจะหยิบดอกกุหลาบสองดอกขึ้นมาพร้อมกับหันมามองคุณสีน้ำที่ยืนอยู่

“ดอกกุหลาบสองดอกนี่ยังให้ผมอยู่ไหม”

“งั้นคุณคินเอาไปให้หมดเลย”

สีน้ำยื่นดอกกุหลาบหนึ่งดอกที่เหลืออยู่ในมือให้ภาคินที่เอื้อมมือมารับไว้ แต่ทันทีที่คุณลูกค้าผู้หญิงที่ยังยืนอยู่ที่เดิมบอกความหมายของดอกกุหลาบสามดอกให้รู้ คุณสีน้ำก็เอ่ยขอตัวกลับร้านซะดื้อๆ แถมยังรีบเดินจนเกือบจะชนประตูเวลาเขินจนทำอะไรไม่ถูกนี่ไม่เหมือนคนที่อายุมากกว่าเขาเข้าไปใหญ่

“แต่ดอกกุหลาบสามดอกหมายถึงฉันรักเธอนะคะ”

คินก้มลงมองดอกกุหลาบสามดอกในมือ
ที่ได้มาแบบ งงๆ ก่อนจะยิ้มออกมา

คินเข้าใจมาทั้งชีวิตว่าวันอาทิตย์เป็นสีแดง
แต่ถ้ามันจะเป็นสีเหลืองมันก็โอเคอยู่นะ



ว่าไหม?..











TO BE CON

ตอนนี้ของพี่คินจะเป็นตอนสุดท้ายของซีรีส์แก๊งลูกเพื่อนแม่ในปี 2019 ค่ะ
ขอไปเที่ยวปีใหม่ก่อนะคะกลับมาปีหน้าเลย ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาทั้งปี ถึงเราจะต่อนิยายช้ามากๆ
แต่ก็ยังรออ่านกันอยู่ ขออภัยแล้วก็ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

เมอรี่คริสมาสแอนด์แฮปปี้นิวเยียร์นะคะทุกคนนนนนนนน
เรามารีสตาร์ทชีวิตในปี 2020 กันเถอะมามีความสุขให้โลกสดใส

และแก๊งลูกเพื่อนแม่จะอยู่กับเราไปจนถึง 2020 (แน่ล่ะค่ะเพราะเป็นนิยายรายเดือน)เวง 55555


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2019 12:51:06 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ครูสีน้ำน่ารัก..กกก สดใส  :impress2:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ต่อไปนี้ทุกวันของคินน่าจะเป็นสีเหลืองแหละน้า

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่สีน้ำต้องปิ๊งน้องคินก่อนแน่เลย  ถึงได้เป็นวันนี้สีเหลือง

ในขณะที่น้องคินก็เริ่มจะตกหลุมพรางของพี่สีน้ำเข้าให้เสียแล้วสินะ  อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด