SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019  (อ่าน 33184 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
«ตอบ #30 เมื่อ06-10-2019 19:42:58 »

ตาติดกันไปเลย อยู่ด้วยกันแล้วอบอุ่นมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณพันไมล์ :กอด1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
«ตอบ #31 เมื่อ06-10-2019 20:14:45 »

พี่ฮานะทำรถอ้อยคว่ำ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
«ตอบ #32 เมื่อ07-10-2019 00:54:39 »

เอาล่ะหว่า  :ruready
อาการรุนแรงเหมือนเป็นคู่กันเลยหรือเป็นเพราะสภาพจิตใจไม่คงที่กันนะ
แต่น่าจะไปให้หมอตรวจหน่อย

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
«ตอบ #33 เมื่อ13-10-2019 18:56:21 »



_________________________________




   “ห้องรกนิดหน่อยนะครับ” เด็กหนุ่มทำหน้าที่เปิดประตูให้แขกผู้มาเยือนก่อนจะเดินตามหลังฝ่ายนั้นเข้าไปในห้อง

   แสงจากหลอดไฟนีออนทำให้บริเวณโดยรอบสว่างขึ้นมา ฮานะกวาดมองสำรวจไปทั่วห้องก่อนจะหยุดสายตากับรูปถ่ายวันรับปริญญาที่วางอยู่บนโต๊ะคอมพ์ ด้านข้างมีหนังสือเพลงมากมายจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ผนังห้องสีขาวดูหม่นลงเล็กน้อยตามอายุการใช้งานแต่ก็ไม่ได้ทำให้ภายในห้องดูรกครึ้มอย่างที่เจ้าตัวว่า

   กลับกัน...มันดูสะอาดสะอ้านเสียด้วยซ้ำไป

   เตียงไม้ตรงกลางห้องถูกปูด้วยผ้าคลุมสีเทาดูอบอุ่นสบายตา เรียกได้ว่าพีทเป็นคนที่มีเซนท์ในการแมทโทนสีได้ดีทีเดียวเพราะในห้องนั้นถูกคุมโทนได้อย่างสมบูรณ์แบบ นับว่าเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยได้เป็นอย่างดี

   แต่ที่ดูสะดุดตาสุดก็คงเป็นถาดทรงกลมสองสามถาดที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ในนั้นมีซักคิวเลนต์หรือที่นิยมเรียกกันว่าไม้อวบน้ำอยู่หลายชนิด สีสันสวยงามและผิวที่ตึงแน่นเต่งน้ำแสดงให้เห็นว่าพวกมันนั้นได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ฮานะเลิกคิ้วมองอย่างนึกแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าคนที่ภายนอกดูมือหนักอย่างพีทจะสนใจเรื่องต้นไม้ด้วย

   ยิ่งได้รู้จักก็มีแต่สิ่งที่ชวนให้ต้องแปลกใจอยู่เรื่อย...

   “เธอเลี้ยงต้นไม้ด้วยเหรอ” ฮานะถามขณะที่กำลังใช้ปลายนิ้วไล้ใบสีม่วงไล่เฉดกับเขียว...เจ้าต้นนี้มีชื่อไทยว่าต้นลูกชุบ เมื่อปลายปีที่แล้วเขาเคยทดลองเลี้ยงแต่ผลสรุปก็คือล้มไม่เป็นท่า

   “ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ

   “ชอบหรือไง”

   พีทนิ่งไปเพียงครู่ก่อนจะยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาเบาๆ “เมื่อก่อนก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไร แต่ช่วงที่คบกันกับแฟนเก่าเธอชอบชวนไปเลือกบ่อยๆ ผมเลยได้ติดไม้ติดมือมาบ้าง”

   “อ้อ” ฮานะพยักหน้ารับพร้อมกับดึงมือกลับมาเก็บไว้กับตัวเมื่อรู้สึกว่าตนเองนั้นเสียมารยาท “ปลูกกับแฟนสินะ” เอ่ยปากแซวกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกประหลาดที่พุ่งเข้ามารบกวนสมาธิ

   “ก็ไม่เชิง...มีแค่กระถางนั้นที่ผมได้ดูแลต่อ ส่วนที่เหลือผมปลูกเอง” พีทยิ้มกว้างในแววตาไม่ได้ฉายแววถึงอดีตที่ล่วงเลยผ่าน เพราะถึงอย่างไรรักครั้งเก่าก็จากกันด้วยดีไม่ได้มีอะไรติดค้าง เขาและเธอยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาถึงทุกวันนี้ “นี่ลูกรักผมเลย” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างจนเห็นปลายเขี้ยว ก่อนจะชี้ไปที่กระถางดินเผาสีเข้มที่มีพืชหน้าตาประหลาดอยู่หลายต้น บริเวณหน้าดินถูกปกคลุมด้วยหินโรยสีขาว

   “มันเหมือนสมองจัง” ฮานะก้มลงไปดูเจ้าพวกไลทอปหลากสีอย่างสนอกสนใจ

   ด้วยลักษณะรูปทรงที่คล้ายกับว่ามันมีชีวิตจึงทำให้เขามองข้ามที่จะเลี้ยงพวกมันไป เพราะปกติที่ห้องส่วนใหญ่จะเลี้ยงแคคตัสอยู่เพียงไม่กี่ต้นที่เหลือก็เป็นพืชพันธุ์ไม้ทั่วไปที่เน้นให้ความร่มรื่นเสียมากกว่า

   “ตอนแรกผมมองว่ามันเหมือนสมองซอมบี้” พีทสารภาพออกมา เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดูมีชีวิตชีวาเมื่อได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง “ฮานะชอบไหมครับ”

   คนอายุมากกว่าชะงักไปนิดก่อนจะพยักหน้ารับ “มันก็น่ารักดีน่ะนะ...แต่ฉันคงเลี้ยงไม่ได้แน่” ขนาดต้นมะพร้าวทะลทรายที่ว่าอึดถึกทนเขายังเลี้ยงให้ใบแห้งกรอบจนร่วงหมด ดูท่าแล้วคงไม่ถูกกับพืชประเภทนี้จริงๆ

   “ทำไมล่ะครับ”

   “เคยทำกุหลาบหินรากเน่าหมดยกแผง” จมูกรั้นย่นขึ้นคล้ายกับเด็กเวลาถูกขัดใจ “หลังจากนั้นเลยเข็ดยาว”

   พีทมองคนที่หน้ายู่ก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู

   “คงให้น้ำเยอะเกินไปหรือไม่ก็ได้รับแสงไม่เพียงพอน่ะครับ” เด็กหนุ่มนั่งลงข้างเตียง ตาช้อนขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสลับกับกระถางต้นไม้

   “เอาใจยากชะมัดเลย” ฮานะส่ายหน้าไปมา

   “อยากลองเลี้ยงดูไหมครับ...เดี๋ยวคราวนี้ผมช่วยดูให้อีกแรง”

   “จริงเหรอ” เจ้าตัวถามกลับ นัยน์ตาสวยทอประกายตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด “เอาไว้ว่างๆจะมาขอความช่วยเหลือก็แล้วกัน...แต่คงต้องอีกสักพัก เพราะช่วงนี้งานยุ่งน่าดู”

   “ยินดีมากครับ” เขารับปาก



ร่างสูงใหญ่ลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่เพิ่งซักออกมาจากตู้เสื้อผ้า แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่มีชุดนอนสำหรับค่ำคืนนี้ และฮานะเองก็เหมือนจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เจ้าตัวจึงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปากขอ

“ถ้าไม่รบกวนเกินไป ขอยืมชุดนอนด้วยได้ไหม” นัยน์ตาสีสวยวูบไหว และถ้าตาไม่ฝาดเขาสังเกตเห็นว่าบนแก้มขาวมีริ้วแดงเจือจางพาดผ่านเล็กน้อย

    “นี่น่าจะเป็นไซส์เล็กสุดที่คุณใส่ได้” เสื้อยืดแขนยาวสีขาวถูกยื่นมาพร้อมกับผ้าขนหนู ฮานะคลี่พับผ้าออกก่อนจะลองเอาทาบกับตัวเองดู ชายเสื้อตัวใหญ่ที่ยาวจนปิดหมดหน้าขายิ่งตอกย้ำว่าขนาดตัวของพวกเขาต่างกันมากแค่ไหน ทั้งที่ฝ่ายนั้นเพิ่งจะยี่สิบต้นๆแต่กลับตัวสูงใหญ่จนคนอายุสามสิบอายกับส่วนสูงตัวเอง

   “นี่เล็กแล้วใช่ไหม” ฮานะยิ้มขำ จนอีกฝ่ายต้องยกมือขึ้นมาเกาแก้มอย่างใช้ความคิด “ไม่ต้องคิดมากน่า...ฉันใส่ได้”

   “แล้วกางเกง...” พีทถามย้ำ แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มเห่อร้อนขึ้นมา

   “ไม่จำเป็น” ฝ่ายนั้นยักไหล่ “ปกติตอนนอนฉันก็ไม่ได้ใส่อยู่แล้ว...อีกอย่างเสื้อเธอตัวใหญ่ขนาดนี้กางเกงคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินหายเข้าไปหลังบานประตูไม้

   เสียงของกลอนล็อกจากด้านในไม่สามารถทำให้คนที่มองตามแผ่นหลังของใครอีกคนรู้สึกตัว พีทยืนมองบานไม้สีขาวที่คุ้นตาอยู่นานทั้งที่ปกติแล้วไม่ได้คิดจะสนใจมันเป็นพิเศษ เสียงของสายน้ำจากฝักบัวที่ตกกระทบลงบนพื้นทำให้สติค่อยๆกลับมา เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเก็บข้าวของเพื่อดับความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้น

   

   สายน้ำเย็นที่ไหลผ่านผิวเนื้อเรียกความสดชื่นให้กลับมาหลังจากที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ฮานะถือวิสาสะใช้แชมพูและสบู่ของฝ่ายนั้นด้วยความจำเป็น กลิ่นหอมเย็นของพวกมันช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจนต้องหลับตาพริ้ม แต่จู่ๆสมาธิที่ล่องลอยก็ผุดภาพของใครบางคนขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นทาบบริเวณอกข้างซ้าย

   เพียงแค่นึกว่าบนผิวเนื้อของฝ่ายนั้นมีกลิ่นแชมพูและสบู่กลิ่นเดียวกันชีพจรก็เต้นรัวจนรู้สึกร้อนผ่าวทั่วใบหน้า

   “ฮานะครับ” เสียงทุ้มต่ำที่เรียกอยู่หน้าประตูทำให้รู้สึกตัวขึ้นมา ฮานะหมุนปิดฝักบัวพอดีกับที่ล้างคราบฟองสบู่ออกไปจนหมด ร่างขาวนวลก้าวเดินไปที่บานประตูอย่างระมัดระวังก่อนจะเปิดแล้วชะโงกหน้าออกไปเพียงครึ่ง

   “ผมเอาแปรงสีฟันมาให้” พีทยื่นแปรงกล่องใหม่มาให้ เด็กหนุ่มลดสายตามองใบหน้าได้รูปที่ยังมีหยดน้ำเกาะพราว เส้นผมสีอ่อนเปียกลู่ลงข้างแก้ม “ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่ตรงราว ใช้ได้ตามสบายเลยนะครับ”

   “อื้ม...ขอบใจนะ” ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะปิดประตูลงเพื่อกลับไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อย

   เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ถูกสวมลงบนช่วงตัว ความยาวของมันยาวจนปิดต้นขาเอาไว้ได้จนหมด กลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่อบร่ำอยู่บริเวณเนื้อผ้าทำให้เผลอยกขึ้นมาแตะจมูกโดยไม่รู้ตัว ฮานะมองสำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียงกีตาร์ดังคลอมาจากด้านนอก

   ถึงแม้ว่าเสื้อของพีทจะยาวปิดคลุมจนเกือบถึงเข่า แต่มันก็อดที่จะรู้สึกแปลกๆไม่ได้อยู่ดีที่จะต้องปล่อยท่อนล่างให้โล่งเปลือย

   ฮานะเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่เส้นผมเปียกชื้น ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกหยิบมาพาดไว้ที่หลังคอเพื่อกันไม่ให้หยดน้ำเปียกเสื้อ นัยน์ตาสีสวยมองไปยังร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่บริเวณพื้นปลายเตียง พีทสวมไว้เพียงแค่กางเกงยีนตัวเดิมส่วนท่อนบนนั้นเปลือยเปล่า แผ่นหลังกว้างแกร่งให้ความรู้สึกปลอดภัยได้อย่างน่าประหลาด

   “เสร็จแล้วเหรอครับ” ฝ่ายนั้นหันมาถามก่อนจะกวักมือเรียก

   “เล่นเพลงอะไรอยู่เหรอ” ฮานะลงไปนั่งขัดสมาธิข้างกันก่อนจะค่อยๆใช้ผ้าขนหนูซับน้ำบนเส้นผมจนหมาด ห้องของพีทไม่มีเครื่องปรับอากาศ จะมีก็เพียงแต่พัดลมตั้งพื้นตัวเดียวที่วางอยู่ปลายเตียง อากาศเย็นชื้นจากฝนที่กระหน่ำอยู่ด้านนอกทำให้อุณหภูมิภายในห้องนั้นเย็นสบาย

   “Flightless Bird, American Mouth ของ Iron and Wine ครับ”

ใบหน้าคมเข้มยิ้มบางเบาใบขณะที่ปลายนิ้วค่อยๆเกาสายกีตาร์จนเกิดเป็นทำนองหวานหู

   “ร้องให้ฟังหน่อยได้หรือเปล่า” ฮานะหันไปมองอย่างสนอกสนใจ...เพราะเวลาที่อีกฝ่ายอยู่กับเครื่องดนตรีนั้นมีเสน่ห์ขึ้นอีกเป็นเท่าตัว พีทดูนิ่งสงบแต่กลับแฝงเร้นไปด้วยพลังบางอย่างที่ขับเคลื่อนอยู่ภายในจนยากที่จะละถอนสายตาออกไปได้

   “จะทนฟังได้เหรอครับ” เด็กหนุ่มยิ้มขำเพราะปกติเขาไม่ใช่คนที่ร้องเพลงบ่อยนัก แม้ว่ามันจะไม่ได้แย่แต่การที่ถูกใครอีกคนจ้องอย่างมีความหวังแบบนี้มันเลยอดที่จะประหม่าไม่ได้

   “ฉันรู้สึกได้ว่าเธอต้องร้องเพลงเพราะ” ฮานะหรี่ตาอย่างจับผิด แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงรอยยิ้มบางเบาจากอีกฝ่ายเท่านั้น เสียงเกากีตาร์ดังคลอขึ้นมาเป็นจังหวะต่อเนื่องผสานกับเสียงของฝนที่ค่อยๆลดแรงกำลังลง เสียงทุ้มนุ่มที่ต่างไปจากเดิมสะกดสายตาให้จดจ้องอยู่บริเวณริมฝีปากได้รูป ท่วงทำนองอ่อนหวานผิดกับเนื้อหาของเพลงเรียกความสนใจจนเรียวคิ้วได้รูปขมวดปมขึ้นมาเล็กน้อย

“…I was a quick wet boy
Diving too deep for coins
All of your straight blind eyes
Wide on my plastic toys...”

หยดน้ำจากปลายผมที่เปียกชื้นกระทบเข้ากับหน้าขาเปลือยจนเจ้าตัวต้องดึงชายเสื้อมาปิดคลุมเอาไว้

“Then when the cops closed the fair
I cut my long baby hair
Stole me a dog eared map
And called for you everywhere…”

นัยน์ตาคมเข้มทอประกายวูบไหวเมื่อเงยหน้าขึ้นมองผู้รับชมเพียงหนึ่งเดียวที่มี ฮานะตั้งใจฟังทุกถ้อยคำที่เขาร้อง

ออกมา

เรียวคิ้วได้รูปที่ขมวดมุ่นตอนแรกถูกคลายลงเมื่อถูกทำนองหวานหูขับกล่อม

“Have I found you…
Flightless bird, jealous, weeping
Or lost you…
American mouth
Big bill looming...”

ฮานะเอนหลังพิงที่ปลายเตียง ตายังคงจับจ้องเสี้ยวหน้าของใครอีกคนด้วยใจที่สงบลง

ความว้าวุ่นและโดดเดี่ยวที่เคยมีก่อนหน้านั้นถูกปัดเป่าให้จางหายไปในอากาศ

“..Now I'm a fat house cat
Cursing my sore blunt tongue
Watching the warm poison rats
Curl through the wide white fence cracks…”

   คอร์ดกีตาร์ตัวสุดท้ายค่อยๆลดระดับเสียงลงไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่ปกคลุมห้องพัก ตาสองคู่สอดประสานเนิ่นนานไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างกัน เส้นผมบางส่วนที่ยังคงไม่แห้งดีตกระอยู่ข้างผิวแก้มเย็น เด็กหนุ่มจดจ้องอยู่ที่จุดเล็กๆใต้ตาขวาของอีกฝ่ายก่อนจะเอื้อมมือออกไปทัดเก็บปอยผมไว้ให้ที่หลังใบหูขาวโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

   ฮานะเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกร้อนวูบบนผิวแก้ม พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าฝ่ายนั้นเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จนระยะห่างระหว่างกันนั้นลดลงไปมาก...โชคดีที่ยังมีกีตาร์คั่นกลางเอาไว้

   “ร้องเพราะดีนี่” ใบหน้าสวยยิ้มจนเห็นเขี้ยว ไร้ท่าทีตกประหม่า มีเพียงแค่อีกฝ่ายเท่านั้นที่ชะงักเพราะเผลอพลั้ง“แต่ความหมายนี่ขัดแย้งกับทำนองเพลงชะมัด”

   “ถ้าแปลเป็นเพลงรักก็หวานใช้ได้เลยครับ”

พีทยิ้ม...เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของเขาเพราะท่วงทำนองและความหมายที่ลึกซึ้งแฝงเร้นอยู่ในบทกลอนของความรัก

   อิสรเสรีภาพและความงดงามในวัยเด็กยังคงสวยงาม...จนกระทั่งเราเติบโตขึ้นมาเพื่อพบว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่ได้สวยงามเหมือนดั่งภาพฝันในวัยเยาว์


(มีต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
«ตอบ #34 เมื่อ13-10-2019 18:57:44 »



ฮานะไม่ได้พูดอะไรอีกทำเพียงแค่นั่งเงียบและปล่อยให้ลมจากใบพัดได้เป่าความชื้นออกไปจากเส้นผม ตอนที่ช่วงขาขยับไล่ความเมื่อยขบเด็กหนุ่มก็สังเกตเห็นร่องรอยเจือจางอยู่บนบผิวเนื้อขาวนวล...รอยนิ้วมือและรอยฟันที่ยังคงหลงเหลือเอาไว้เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงที่ผิดปกติ

   ท่าทีหวาดกลัวที่อีกฝ่ายเผลอแสดงออกมาในคืนนั้นยังคงติดอยู่ในใจเขาตลอดเวลา

   แต่ยังไม่ทันที่จะได้นึกไตร่ตรองฝ่ายนั้นก็เลื่อนชายเสื้อลงมาปิดเอาไว้ราวกับว่าไม่ต้องการให้เขาลุกล้ำเกินขอบเขตเรื่องส่วนตัว

   “แล้ว...ทำไมคืนนี้ถึงอยากมานอนค้างกับผมล่ะครับ” พีทเปลี่ยนเรื่องเพื่อทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนให้เจือจางลง

   “ก็แค่รู้สึกเหงาน่ะ” ฝ่ายนั้นยิ้มจาง แววตาที่เคยสดใสดูหม่นหมองลงเล็กน้อย “ฉันแค่รู้สึกว่า...อยู่กับเธอแล้วมันดีกว่าอยู่คนเดียว”

   “ไม่กลัวเขาโกรธเหรอครับ” พีทวางกีตาร์ลงบนเตียงก่อนจะเอนหลังพิงปลายเตียงอย่างผ่อนคลาย

   “เธอหมายถึงใคร?” ฮานะไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายนัก

   “ก็...คนรักของคุณ” เด็กหนุ่มกระแอมแก้เก้อเมื่อเผลอหลุดความในใจออกไป “คนที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ...เมื่อเช้านี้”

   เขายังคงจำแววตาของฮานะได้ดี...ความรู้สึกที่มากล้นถูกปิดทับเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด

   “เธอหมายถึง...อเล็กซ์น่ะเหรอ?” ฝ่ายนั้นขมวดคิ้วถามแต่พอเห็นว่าเขาพยักหน้ารับก็หลุดขำออกมาก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ “เข้าใจผิดแล้ว...เขาไม่ใช่คนรักของฉันหรอก” ไม่ใช่...และไม่มีวัน

   สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจของเจ้าเด็กตัวโตทำเอารู้สึกเอ็นดูขึ้นมาไม่น้อย ฮานะถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะเอนศีรษะให้ราบไปกับพื้นเตียง ดวงตาที่มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานนั้นเลื่อนลอยไม่มีจุดหมาย

   “พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน...จริงๆแล้วระหว่างเรามันเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะซับซ้อนนิดหน่อย” ฮานะเอียงหน้าไปหาใครอีกคนที่กำลังตั้งใจฟัง

   “ซับซ้อน?”

   “ฉันหมายถึง...เพื่อนที่มีเซ็กส์กันได้น่ะ” หลุดยิ้มขำเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วมองจนยุ่งไปหมด “ตกใจสินะ”

   ฮานะยิ้มจางนัยน์ตาสวยดูเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด

   “เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อได้รู้ว่าความคิดทั้งหมดที่มีก่อนหน้านั้นมันผิดไป “ผมแค่นึกว่าพวกคุณเป็นคนรักกันไม่ก็คู่...”

   “คู่แห่งโชคชะตาน่ะ...” เสียงแค่นหัวเราะแผ่วเบาดังอยู่ในลำคอ “…มันก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระ...นิทานหลอกเด็ก” ใบหน้ายิ้มแย้มสะท้อนร่องรอยของบาดแผลในจิตใจที่เหวอะหวะจนไม่สามารถกลบมันเอาไว้ได้มิดชิด    

“แต่คุณก็รักเขา...ใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้น พีทมองเสี้ยวหน้าได้รูปที่แหงนเงยมองเพดาน ความคิดมากมายผุดซ้อนขึ้นมาจนยากที่จะต้านทานเอาไว้ได้เมื่อเห็นว่านัยน์ตาสวยดูอ่อนไหว...เปราะบางกว่าที่คิด

   “…อืม” ยอมรับอย่างไม่คิดที่จะปฏิเสธ “ก็...เคยรักมากเลยล่ะ” …เคยรักมากที่สุด

   “แล้วทำไมคุณยัง...ผมหมายถึง…” พีทมองปลอกคอหนังที่ถูกสวมเอาไว้บนลำคอขาว...มันเป็นตัวแสดงถึงหลักประกันอิสรภาพที่โอเมก้าพึงมี

   “ทำไมฉันยังไม่ถูกอเล็กซ์กัดน่ะเหรอ” ฮานะหลุดหัวเราะเมื่อเห็นแววตาสงสัยจากเจ้าเด็กตัวโต “ก็แค่รู้สึกว่ายังไม่อยากถูกพรากอิสระไป...ฉันรักเขาก็จริง แต่มันก็แค่รักข้างเดียวน่ะนะ เธอเข้าใจใช่ไหม”

   เด็กหนุ่มมองตอบกลับไปก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม ความรู้สึกหนักเหมือนดังก้อนหินที่ถ่วงอยู่ในใจมาหลายวันทำให้เขาต้องเอ่ยถามออกไป

   ใบหน้าคมเข้มก้มลงมองอีกฝ่าย นัยน์ตาที่เคยนิ่งสงบเริ่มเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนแฝงเร้นความรู้สึกบางอย่างที่รุนแรงคล้ายคลื่นใต้ทะเลที่กำลังคลั่งเดือด ทำให้ฮานะต้องเบือนหลบสายตาอีกฝ่ายเมื่อเริ่มรู้สึกต้านทานไม่ไหว

   “มีอีกเรื่องที่ผมอยากถาม” เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงด้วยท่าทางจริงจังก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ เสื้อแขนยาวถูกร่นขึ้นไปจนเห็นรอยนิ้วมือเจือจาง “...รอยพวกนี้...เขาเป็นคนทำใช่ไหมครับ”

   “เธอ...รู้?” ฮานะดูตกใจไม่น้อย พอจะดึงแขนกลับก็ถูกอีกฝ่ายยึดเอาไว้มั่น “…มันไม่มีอะไรทั้งนั้น”

   “ผมจะเชื่อคุณแน่...ถ้าหากว่าไม่เห็นรอยอื่นบนตัวคุณด้วย” เด็กหนุ่มกดเสียงต่ำ ยิ่งเห็นว่าคนตรงหน้าปฏิเสธเขาก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ

   “เธอเห็นมันได้ยังไง” ฮานะขมวดคิ้วแน่นทั้งพยายามยื้อแขนกลับแต่เพราะอีกฝ่ายแรงเยอะกว่ามากทุกอย่างมันเลยไม่เป็นใจเท่าไรนัก “พีท...ปล่อย”

   “ตอบผมสิครับว่าทั้งหมดมันเป็นสิ่งที่คุณต้องการ...ไม่ใช่เพราะถูกเขาทำร้ายร่างกาย” แรงอารมณ์ที่ถูกสั่งสมมาหลายวันถูกระบายออกมา เด็กหนุ่มจดจ้องคนที่เอาแต่หลบตา ฮานะพยายามแกะมือเขาออกราวกับต้องการหลบหนีความจริง

...หรือไม่ก็พยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อปกป้องเขาคนนั้น..

“เปล่า” อีกฝ่ายยังคงปฏิเสธ

“ฮานะ”

   “…มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ พีท” ข้อมือถูกดึงกลับมาได้สำเร็จ ฮานะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินไปเก็บของส่วนตัวลงกระเป๋าเมื่อรู้สึกว่าบาดแผลในจิตใจที่กำลังจะหายถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง...สุดท้ายแล้วการอยู่คนเดียวคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในเวลานี้ “ขอโทษที่มารบกวน”

   “ฮานะ” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาประชิดแต่กลับถูกอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ

   “ช่วยถอยด้วย ฉันจะไปแต่งตัว”

   “ฟังผมก่อน”

   “พีท” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่อถูกไล่ต้อนเข้าไปที่มุมผนัง...ความทรงจำเลวร้ายก่อนหน้าทำให้เผลอกำมือแน่นเพื่อระบายความรู้สึกกดดันทั้งหมดที่มี พอตั้งท่าจะเดินหนีกลับถูกเรี่ยวแรงมหาศาลรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้จนแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากอกกว้าง ฮานะขืนกายหนีแต่วงแขนแกร่งกลับโอบกระชับให้แน่นขึ้นจนไม่สามารถขยับตัวได้ “ทำอะไรของเธอ...ปล่อย”

   “ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำที่ดูเคร่งเครียดก่อนหน้าหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ความทุ้มนุ่มที่คุ้นเคย แรงกอดช่วงเอวคลายลงแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงข้างใบหูทำต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

   “…”

   “อย่าไปเลยนะครับ” ถ้อยคำเว้าวอนร้องขอ “...ได้โปรด”

   “…”

   “ผมขอโทษ” ใบหน้าคมเข้มซบลงบนลาดไหล่เล็กก่อนจะพึมพำเสียงเบา “…ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คุณต้องรู้สึกแย่”

   “…”

   ท่าทีสำนึกผิดทำให้คนอายุมากกว่าต้องถอนหายใจออกมา ฮานะแตะมือลงบนท่อนแขนที่โอบอยู่รอบเอวแผ่วเบา “ช่างมันเถอะ” เขาไม่ได้นึกโกรธ เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงเป็นห่วง...ที่ไม่อยากให้พีทรับรู้ก็เพราะรู้สึกอับอายในความผิดพลาดของตนเองก็เท่านั้น

   “ผม...เป็นห่วงคุณ” เด็กหนุ่มหมุนตัวร่างที่เล็กกว่าให้กลับมาเผชิญหน้ากัน ใบหน้าคมเข้มทอแววกังวลจนคิ้วขมวดเป็นปม...ความรู้สึกที่มากล้นมันอัดแน่นอยู่ภายในอก

   “ฉันรู้” ฮานะยิ้มรับพร้อมกับเอื้อมมือไปวางทาบไว้บนแผ่นอกเปลือยเปล่าที่แผ่ไอร้อนระอุ “…วางใจเถอะ ฉันไม่ได้โกรธเธอ...แค่...ยังไม่อยากพูดถึงมันก็เท่านั้น”

   “...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มย้ำคำเดิมอยู่อย่างนั้นจนคนฟังใจอ่อน

   “ไม่เป็นไร”

   อ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับเอวเล็กแนบแน่นทำให้ระยะห่างระหว่างกันลดลง ผิวเนื้อมีเพียงเสื้อยืดขวางกั้นจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากช่วงตัวสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มที่โน้มต่ำลงมาใกล้ทำให้จังหวะชีพจรเต้นรัวจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ผิวเนื้อร้อนระอุให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยได้อย่างน่าประหลาด

   แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดฝ่ามือเล็กก็ออกแรงดันทำให้ฝ่ายนั้นหยุดชะงัก

   “ไปอาบน้ำเลย” ฮานะกระแอมแก้เก้อพยายามไม่แสดงท่าทางแปลกๆออกไป

   “ฮานะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเฉยแต่ทว่าถ้ามองลึกลงไปแล้วติดจะออดอ้อนไม่เบา “ไม่ไปได้ไหมครับ”

   “…”

   “อยู่ที่นี่เถอะ...นะครับ” พีทมองอย่างเว้าวอน...นึกแปลกใจที่ตัวเองรู้สึกรุนแรงมากถึงขนาดนี้

   “อืม...รู้แล้ว ปล่อยสิ” มือเรียวสวยแตะลงบนท่อนแขนอีกครั้งเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายปล่อยตัวเขาได้แล้ว แต่เจ้าเด็กตัวโตกลับยังดื้อแพ่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีก...นี่จะเรียกว่าเป็นการฉวยโอกาสได้หรือเปล่า

   คงไม่...เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคามเหมือนที่อเล็กซ์เคยทำ บรรยากาศของผู้ที่อยู่เหนือกว่าไม่ได้กดให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นต่ำลง มันเป็นความสบายใจที่ไม่เคยได้รับมาก่อนและไม่คิดว่าจะได้รับจากผู้ที่มีชนชั้นสูงกว่าอย่างอัลฟ่า

   …แต่พีทกลับให้ความรู้สึกเหมือนโกลเดนท์รีทีฟเวอร์ตัวโตไม่มีผิดเพี้ยน…

   เพียงไม่นานร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่เส้นผมเปียกโชก เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะไปมาจนหยดน้ำกระจายอยู่รอบตัว ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่นั่งอยู่บนปลายเตียง ฮานะมองมาทางเขาพร้อมกับอมยิ้มขำจนต้องขมวดคิ้วสงสัย

   “เธอเหมือนลูกหมาตอนที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำเลย” ฝ่ายนั้นว่าอย่างอารมณ์ดี แม้ว่าจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่นิดหน่อยแต่พอเห็นว่าฮานะยิ้มได้ก็รู้สึกดีตามไปด้วย “มานี่สิ” ฮานะกวักมือเรียก ในมืออีกข้างมีผ้าขนหนูผืนเล็กเตรียมเอาไว้

   พีทเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย พอก้มลงมองฝ่ายนั้นก็ชี้นิ้วเชิงสั่งให้ลงไปนั่งบนเตียง

   “จะทำอะไรครับ” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

   “เช็ดผมให้...เร็วสิ” เอ่ยเร่งอีกรอบจนเจ้าเด็กตัวโตยอมทำตามว่าง่าย

เมื่อพีทนั่งลงระดับศีรษะก็อยู่ต่ำกว่าเขาเล็กน้อย ผ้าขนหนูผืนนุ่มถูกวางทับลงไปบนเส้นผมสีเข้มก่อนมือเล็กจะค่อยๆซับน้ำออกให้จนมันหมาด ช่วงตัวเพรียวบางที่มีเพียงเสื้อยืดของเขาสวมทับดูน่ามองจนไม่สามารถละสายตาออกไปไหนได้ กลิ่นของแชมพูและสบู่กลิ่นเดียวกันเมื่ออยู่บนผิวเนื้อของอีกฝ่ายนั้นกลับหอมเป็นพิเศษ

   รู้ตัวอีกทีก็โอบแขนเข้าไปประคองรอบเอวเล็กเอาไว้อย่างถือวิสาสะ ฮานะชะงักมือไปเล็กน้อยแต่ก็เช็ดผมให้ต่อโดยไม่ได้ว่าอะไร น้ำหนักมือนุ่มนวลและสัมผัสจากปลายนิ้วทำให้รู้สึกสบายจนต้องหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย

   “สบายมากขนาดนั้นเลยเหรอ” ฮานะก้มลงมองเจ้าเด็กตัวโตที่หลับตาพริ้มแล้วก็นึกเอ็นดูขึ้นมาจนต้องบีบเข้าที่ใบหูอย่างนึกมันเขี้ยว...เหมือนลูกหมาตัวโตจริงๆด้วยแฮะ

   “ยิ้มอะไรครับ” พีทลืมตาขึ้นมองคนที่ยิ้มกว้างอยู่เบื้องหน้า เด็กหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนช่วงตัวของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้...ใกล้เสียจนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงไปบนผิวเนื้อของอีกฝ่าย ใบหน้าคมเข้มแหงนเงยขึ้นมองอย่างนึกสงสัย...ตั้งแต่ที่เขาออกมาจากห้องน้ำฮานะก็ดูอารมณ์ดีจนผิดสังเกต

   “เปล่า” มือเล็กวกกลับไปซับเส้นผมเปียกชื้นต่อ “แค่คิดว่า...เธอเหมือนหมาโกลเดนท์จังเลย” สารภาพไปขำไปก่อนจะเอื้อมมือมาเกาคางจนเจ้าเด็กตัวโตขมวดคิ้วยุ่ง

   “ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำเรียบเฉยแต่ทว่าแฝงเร้นความรู้สึกมากมาเอาไว้

   “ล้อเล่นน่า” ฮานะบีบเข้าที่สันกรามได้รูปก่อนจะส่ายไปมาอย่างนึกเอ็นดู แต่แล้วกลับถูกฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมากอบกุมแนบแน่น ฝ่ายนั้นช้อนตาขึ้นมองจนเขาเริ่มทำตัวไม่ถูก สัมผัสร้อนจัดที่ส่งผ่านมาที่ปลายนิ้วทำให้จังหวะชีพจรเต้นรัวเร็วมากขึ้น

   ปลายนิ้วใหญ่เคลื่อนต่ำลงมาที่ข้อมือก่อนจะลูบผ่านรอยช้ำบนผิวเนื้อขาวแผ่วเบาราวกับว่าต้องการที่จะดูดซับความเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้เอง ถ้อยคำมากมายถูกกลืนหายเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาสีสวย

   “พีท” ปลายนิ้วเล็กไล้อยู่ข้างกรอบหน้า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากร้อนผ่าว

   “ครับ”

   “…ขอบใจนะ” ฮานะยิ้มจางพร้อมกับคล้องแขนเข้าไปโอบรอบลำคอของอีกฝ่าย

   เด็กหนุ่มยิ้มรับก่อนจะกระชับวงแขนโอบกอดคนตรงหน้าไว้แน่น แต่แล้วกลับถูกฝ่ามือเล็กดันคางให้ขึ้นไปสบตากันเนิ่นนานก่อนที่ใบหน้าของอีกฝ่ายจะก้มต่ำลงมาจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงบนผิวแก้ม ผ้าขนหนูที่วางอยู่บนศีรษะถูกดึงลงมาปิดตาเอาไว้จนมองไม่เห็นสิ่งรอบกาย...ก่อนที่สัมผัสอุ่นจะประทับลงมาบนริมฝีปาก

   นุ่มนวลราวกับปุยนุ่นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ

   กลีบปากล่างถูกขบเม้มดุนดันแผ่วเบาก่อนที่จะรู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นของเรียวลิ้นที่เลียอยู่โดยรอบ เด็กหนุ่มนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อรู้สึกว่าทั้งตัวเย็นเฉียบราวกับถูกสาดซัดด้วยน้ำเย็นจัด จังหวะชีพจรที่เต้นรัวเร็วเร่งเร้าให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นจนแทบหลอมละลาย

   เรียวปากอุ่นนุ่มกดแช่ค้างไว้อยู่อย่างนั้นไม่ได้รุกล้ำเข้าไปเกินกว่าที่เป็นอยู่ ฮานะถอนใบหน้าออกมาพอดีกับที่ผ้าขนหนูถูกดึงออกจนเผยให้เห็นใบหน้าคมเข้มที่กำลังขึ้นสีแดงจัด เด็กหนุ่มพยายามควบคุมจังหวะการหายใจให้เป็นปกติเมื่อยังสัมผัสได้ถึงร่องรอยอุ่นเจือจางบนผิวเนื้อ

   “รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า...”

ฮานะถามพร้อมกับลูบกรอบหน้าแผ่วเบาอย่างนึกกังวล เมื่อเห็นว่าพีทส่ายหน้าปฏิเสธก็คลายยิ้มออกมา แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักดีกลับถูกอีกฝ่ายยืดตัวขึ้นมาประกบจูบแนบแน่น ช่วงตัวสูงใหญ่กระชับอ้อมกอดจนตัวแทบกลืนหายเข้าไปในแผ่นอกกว้าง และเพียงไม่นานใบหน้าคมเข้มก็ถอนออกก่อนจะเคลื่อนลงไปซบอยู่กับแผ่นอกของเขา

“พีท”

“…”

   ฮานะก้มลงมองเจ้าเด็กตัวโตที่ตอนนี้ใบหูขึ้นสีแดงจัดก่อนจะสอดปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมสีเข้มแผ่วเบา

   รอยยิ้มเจือจางปรากฏขึ้นอย่างนึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อยในตอนที่เห็นว่าพีทเอาแต่ซุกหน้าอยู่อย่างนั้นและกอดเขาแน่นขึ้น

   …น่ารักจัง...


___________________________________



Flightless Bird,American mounth - Iron&Wine

https://www.youtube.com/watch?v=xwZNGaMrwcE

เพลงที่เจ้าพีทร้องค่ะ เป็นเพลงโปรดของเราเลย ถ้ายังไงลองไปฟังกันได้นะคะ :กอด1:



ฝากคอมเม้นหรือติดแท็ก #ดอกไม้ของพีท เป็นกำลังให้เจ้าลูกหมากันด้วยนะค้าบบ (♡´౪`♡)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2019 22:51:59 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
«ตอบ #35 เมื่อ13-10-2019 20:48:13 »

 :hao7: ไม่ชอบนิสัยนายอเล็กเลย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
«ตอบ #36 เมื่อ13-10-2019 22:21:12 »

มีความเขิน..นนน   :o8:
ปล. ได้ยินเพลงนี้แล้วนึกถึง แวมไพร์ ทไวไลท์

ออฟไลน์ bnmshhhhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
«ตอบ #37 เมื่อ13-10-2019 23:19:20 »

เจ้ายู้กหมาพีทน่ารักมากๆเลยยยยยย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
«ตอบ #38 เมื่อ14-10-2019 00:29:22 »

ไอ้ลูกหมา T_T

ออฟไลน์ rcbpdr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
«ตอบ #39 เมื่อ14-10-2019 14:00:08 »

โอ้ยยยย เอ็นดูพีทอะแต่แบบว่าเขินมากกว่า แง ไม่อยากให้ใครเจ็บปวดทั้งนั้น
อยากให้ฮานะหลุดออกมาจากวงจรนั้นได้ไวๆ สงสารนังหมาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
« ตอบ #39 เมื่อ: 14-10-2019 14:00:08 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
«ตอบ #40 เมื่อ15-10-2019 11:32:17 »

 :katai5:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
«ตอบ #41 เมื่อ16-10-2019 19:21:58 »

CHAPTER SEVEN



_________________________________




   “สรุปแล้วโปรเจกต์น้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่ที่คุณอาร์เธอร์เคยวางแพลนเอาไว้ต้นปีหน้า จะถูกเลื่อนมาเป็นช่วงปลายปีนี้นะครับ”

   คนที่นั่งอยู่บริเวณหัวโต๊ะเอ่ยขึ้นมาในที่ประชุมหลังจากที่จบหัวข้องานก่อนหน้าทำเอาทุกฝ่ายหันมามองด้วยความแปลกใจ เพราะตอนนี้ทั้งงานอีเว้นท์และแฟชั่นโชว์ก็ล้นมือจนต่างฝ่ายต่างหัวหมุนไปตามกัน ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้เรียกได้ว่าทางโมเดลลิ่งแทบไม่ได้หยุดพักหายใจกันเลยทีเดียว

   “แต่เรายังหาคนที่จะมาเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมตัวสุดท้ายไม่ได้เลยนะคะบอส”

เบต้าสาวที่ดำรงตำแหน่งฝ่ายจัดการโมเดลลิ่งแย้งขึ้นมา เพราะไม่ว่าจะส่งโปรไฟล์ของนายแบบกี่คนต่อกี่คนไปเสนอให้คุณแกเรนเลือกก็ไม่มีใครเข้าตาพอที่จะร่วมโปรเจกต์ใหญ่ชิ้นนี้ เพราะนายแบบอีกสองคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีอยู่ตอนนี้เรียกได้ว่ามีคาแรคเตอร์ที่ไม่ซ้ำใครซ้ำยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงแถวหน้าของทางSMA การที่จะคัดเลือกนายแบบในสังกัดให้เข้ามาร่วมในโปรเจกต์เดียวกันนั้นจึงถือว่าเป็นงานหินพอสมควรเพราะไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วม

   ถึงแม้จะมีหน้าตาและรูปร่างที่ผ่านเกณฑ์ไร้ที่ติ แต่สุดท้ายก็มีคาแรคเตอร์ที่ไม่ตรงตามกับกลิ่นน้ำหอมตัวสุดท้ายเสียที ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาทุกฝ่ายก็ต่างผลักดันเด็กของตัวเองให้ได้เข้ามาร่วมในโปรเจกต์นี้แต่กลับไม่มีใครถูกเลือกไปแม้แต่รายเดียว

   ทุกคนต่างรู้ดีว่าหากใครได้เข้าร่วมในโปรเจกต์พิเศษนี้จะมีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานสูงเพราะครั้งนี้มีนายทุนใหญ่อย่าง คุณอาร์เธอร์ จาง เป็นหัวเรือใหญ่ เรียกได้ว่างานนี้เป็นที่จับตามองของทั้งวงการเลยก็ว่าได้

   “บอสเคยบอกเอาไว้ว่าจะให้อเล็กซ์เป็นพรีเซนเตอร์ตัวน้ำหอมBlue Oceanไม่ใช่เหรอครับ” เฮนรีย์ หวัง หัวหน้าทีมคอสตูมอีกทีมแย้งขึ้นมา ส่วนตัวเขาเองก็นึกเชียร์อเล็กซ์อยู่ไม่น้อย เพราะช่วงนี้ชื่อเสียงของฝ่ายนั้นโด่งดังและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการ ถ้าหากได้เข้าร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ในโปรเจกต์นี้อีกละก็รับรองว่ามีโอกาสเป็นดาวค้างฟ้าไปอีกนาน

   “ผมพิจารณาดูอีกรอบแล้ว อเล็กซ์คงยังไม่เหมาะสักเท่าไหร่” แกเรนยิ้มตอบอย่างสุภาพเพราะรู้ดีว่าฝ่ายนั้นพยายามดันอเล็กซ์มากแค่ไหน เขามองเลยไปยังคนที่เอาแต่ก้มหน้านั่งอ่านแฟ้มรายละเอียดข้อมูลโดยไม่มีปากเสียงทั้งที่ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวเคยมาขอให้เขาช่วยผลักดันอเล็กซ์ให้เข้าร่วมเองกับมือ

   ...นี่คงเป็นการบอกทางอ้อมว่าฮานะไม่ขอรับรู้ความเป็นไปของฝ่ายนั้นอีกแล้ว...

   “หมายความว่ายังไงครับ” โอเมก้าหนุ่มถามกลับ สีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจชัดเจน เขามองไปยังอดีตผู้จัดการของอเล็กซ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่ฝ่ายนั้นกลับปรายตามองมาเพียงครู่ก่อนจะหันไปทางอื่นราวกับว่าเขาเป็นธาตุอากาศ

   “ก็ตามที่ผมได้พูดไป คุณเฮนรีย์” แกเรนย้ำคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำลงเล็กน้อย “เอาไว้ผมจะพิจารณาทบทวนอีกที เพราะยังไงก็ต้องสรุปให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้” รอยยิ้มแสนสุภาพถูกส่งกลับไปอีกครั้งแต่นั่นก็เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนแล้วว่าไม่ควรที่จะเซ้าซี้ไปมากกว่านี้

   “ครับบอส” ชายหนุ่มยอมล่าถอย เพราะรู้ดีว่าเจ้านายเป็นคนอย่างไร

   “มีใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมไหมครับ หรือถ้าอยากเสนออะไรก็ตามสะดวก” แกเรนเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมหลังจากที่เข้าประชุมกันมาครึ่งค่อนวัน

   “ไม่ค่ะบอส/ไม่ครับบอส”

   “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็พอแค่นี้แยกย้ายไปทำงานต่อได้ ส่วนรายละเอียดที่ผมขอเพิ่มส่งมาทางเมลล์ก็แล้วกันนะครับ ขอบคุณทุกคนมาก”

   แกเรนลุกขึ้นตามมารยาทเมื่อทุกคนเริ่มทยอยเดินออกไปจากห้องประชุม จะเหลือก็เพียงแต่ใครอีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บแผ่นเอกสารที่เผลอปัดตกลงไปบนพื้น ร่างสูงระหงเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะพิงสะโพกเข้ากับขอบโต๊ะด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายผิดกับเมื่อครู่นี้ลิบลับ เอกสารแผ่นสุดท้ายถูกเขาก้มลงเก็บและส่งยื่นไปให้อีกฝ่าย

   “เป็นยังไงบ้าง” แกเรนเลิกคิ้วถามอย่างนึกเป็นห่วง “เห็นเกรซบอกว่าช่วงนี้คุณหัวหมุนน่าดู”

   ฮานะยิ้มรับพร้อมกับเก็บแผ่นเอกสารเข้าไปในกระเป๋า “ครับ...ก็นิดหน่อย แค่นี้สบายมาก”

   “คุณดูมีความสุขขึ้นนะ” ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองฝ่ายเดียวไหม แต่หลังจากที่ฮานะได้เปลี่ยนมาดูแลเด็กเทรนด์คนใหม่เจ้าตัวก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวา เลขาของเขาคอยรายงานอยู่ประจำว่าฮานะยิ้มบ่อยขึ้น “มีเรื่องอะไรดีๆหรือเปล่า” น้ำเสียงเอ่ยแซวแฝงเร้นความนัยจนทำให้ใบหน้าสวยต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างนึกสงสัย

   “คุณแกเรน...หมายถึงอะไรเหรอครับ” ฮานะถามย้ำ แต่พอเห็นแววตาหยอกล้อจากเจ้านายก็เป็นอันเข้าใจได้ทันที

   “ก็อย่างเช่น...พีท อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สไตล์ลิสต์คนเก่งของผมดูยิ้มแย้มมากกว่าปกติหรือเปล่านะ” นัยน์ตาสวยเปล่งประกายอย่างนึกสนุกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลบสายตาอย่างมีพิรุธ

   “พอเลยครับ” ฮานะโบกมือปัดไปมาทั้งที่เริ่มร้อนผ่าวบริเวณใบหน้าเมื่อนึกถึงใครอีกคน “คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบเด็-”

   “พีทไม่เด็กแล้ว” แกเรนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขายืนล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายก่อนจะจ้องกลับไปยังคนปากแข็ง “อีกอย่าง...เจนนี่บอกผมว่าเขาเชื่อฟังคุณอย่างกับอะไร เคย์ก็บอกว่าเจ้าพีทมองตามคุณตลอด แล้วก็ยัง...”

   ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ก็ถูกอีกฝ่ายยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ก่อน ฮานะส่ายหน้าไปมาแต่ก็ไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มที่ข้างมุมปากเอาไว้ได้

   ช่างเก็บความรู้สึกได้ไม่เนียนเอาเสียเลย

   นี่ก็เข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่สามที่พีทได้เข้ามาเป็นเด็กเทรนด์ในโมเดลลิ่ง ในขณะนี้เรียกได้ว่าเด็กหนุ่มกำลังเป็นที่จับตามองของทุกฝ่ายในบริษัทเลยก็ว่าได้ ถึงขนาดที่ว่าเจนนี่เป็นคนออกปากชมเองก็นับว่าไม่ธรรมดา เพราะโดยปกติแล้วเด็กเทรนด์ในสังกัดจะต้องเข้าฝึกอย่างน้อยเป็นเวลาเดือนกว่าถึงจะผ่านแบบประเมินจากเทรนเนอร์ แต่พัฒนาการของพีทนั้นก้าวกระโดดไปไกลในเวลาเพียงแค่สามสัปดาห์ ทั้งบุคลิกร่างกายที่ดูดีขึ้นรวมไปถึงลุคที่ถูกปรับแต่งให้เข้ากับลักษณะคาแรคเตอร์ของเจ้าตัว

   เรียกได้ว่าเป็นเด็กใหม่ที่ไฟแรงในรอบหลายปีที่ผ่านมานี้...แม้แต่อเล็กซ์เองก็ยังเทียบไม่ได้

   รอดูวันที่ได้โชว์ตัวก่อนเถอะ...รับรองว่าฮานะได้จัดตารางงานจนหัวหมุนแน่นอน

   “ยิ้มอะไรน่ะครับ” ฮานะมองมาอย่างไม่ไว้ใจ

   “เปล่า...ผมแค่กำลังคิดว่าบางที...พีทอาจจะเหมาะกับการเป็นหนุ่มแห่งท้องทะเลหรือเปล่านะ” ปลายนิ้วเรียวสวยที่สวมแหวนแต่งงานลูบเข้าที่ปลายคางอย่างใช้ความคิด

   Blue Ocean

   น้ำหอมตัวสุดท้ายของโปรเจกต์นี้..

   “ผมว่าอย่าดีกว่าครับ...เขายังไม่มีประสบการณ์มากพอ”

พรีเซนเตอร์น้ำหอมนั้นเรียกได้ว่าเป็นงานหินอีกงานในวงการเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากคาแรคเตอร์ภายนอกจะต้องดูโดดเด่นและกลมกลืนไปกับตัวโปรดักแล้ว ประสบการณ์ในการพรีเซนต์บอกเล่าเรื่องราวผ่านทางสายตานั่นก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ

ทำอย่างไรจะให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงตัวตนของน้ำหอมกลิ่นนั้นผ่านการนำเสนอในรูปแบบที่น้อยแต่ทรงพลัง

...นั่นน่ะ นายแบบนางแบบมืออาชีพหลายคนยังตกม้าตายมานักต่อนัก

เพียงแค่สื่อสารผิดจากของราคาแพงก็อาจดูไม่มีค่าเพียงชั่วพริบตา เพราะฉะนั้นการที่จะให้พีทผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในวงการมาเข้าร่วมมันจึงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

“แล้วคุณคิดว่าใครเหมาะกับBlue ocean...อเล็กซ์เหรอ?” แกเรนถามย้ำ

“เปล่าครับ...ผมแค่..”

ฮานะสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ยินชื่อของอดีตที่เขาไม่อยากจะนึกถึง ช่วงที่ผ่านมาเขากับฝ่ายนั้นไม่ได้ติดต่อกันมาสักพักใหญ่ เพราะหลังจากที่อเล็กซ์กลับมาจากทางใต้ก็บินไปร่วมงานเปิดตัวเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายที่เจ้าตัวเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อยู่ที่ไต้หวันเป็นเวลาหลายสัปดาห์

ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดี...

“ฮานะ ทุกอย่างมันย่อมมีจุดเริ่มต้นนะ ถ้าไม่ลองให้โอกาสเขาได้ลองเราจะรู้ความสามารถของเด็กคนนั้นได้ยังไง”

“…”

“ส่วนเรื่องอเล็กซ์...ผมลองเสนอไปแล้ว...แต่บอกตามตรงว่าเฟิงหลงยังไม่คลิกกับคาแรคเตอร์เขาสักเท่าไหร่”

อันที่จริงแล้วที่โปรเจกต์นี้ก่อตั้งขึ้นมาได้ก็เพราะฝ่ายนั้นอยากจะลองขยับขยายธุรกิจน้ำหอมระดับไฮเอนด์ที่เจาะเฉพาะกลุ่มเป้าหมายเลยมาขอความร่วมมือจากทางโมเดลลิ่งเพื่อที่จะทำการโปรโมตโปรดักทั้งหมดให้ออกมาในงานกึ่งแฟชั่นโชว์ไปในตัว

จาง เฟิงหลง หรือเป็นที่รู้จักกันในนามอาร์เธอร์ จาง นักธุรกิจหนุ่มจากตระกูลอัลฟ่าชั้นสูงที่บริหารธุรกิจในเครือนับร้อย และแน่นอนว่ารวมไปถึงโมเดลลิ่งแห่งนี้ด้วย แม้แกเรนจะรับหน้าที่เป็นซีอีโอใหญ่แต่เบื้องหลังของการเจริญเติบโตที่ก้าวกระโดดของโมเดลลิ่งนั้นมีเฟิงหลงคอยยื่นมือช่วยเหลืออยู่ตลอด เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนอยากจะให้เด็กที่ตัวเองปั้นได้เข้าร่วมโปรเจกต์นี้เมื่อได้รู้ว่าเฟิงหลงเป็นคนสำคัญที่ก่อตั้งมันขึ้นมา

“ผม...เคารพการตัดสินใจของคุณครับ” ฮานะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยไม่คิดที่จะเซ้าซี้ให้มากความ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เขาอาจจะลองอ้อนวอนคุณแกเรนอีกสักหน่อยเพื่อให้อเล็กซ์ได้งานตามที่เจ้าตัวหวัง แต่ตอนนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารและจัดการทำแทน เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเขาอีกแล้วที่จะต้องวิ่งเต้นช่วยเหลือคอยป้อนงานให้คนพรรคนั้น...พอกันที

“ฮานะไม่โกรธผมใช่ไหม” แม้ว่าแกเรนจะยึดมั่นในความคิดของตัวเองแต่กับฮานะที่นับว่าเป็นคนสนิทมานานเขาก็ไม่อยากที่จะละเลยความรู้สึกของอีกฝ่าย

   “ทำไมต้องโกรธล่ะครับ” ฝ่ายนั้นยิ้มจาง “ไม่ว่าจะยังไงสิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุดคือโปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จ ต่อให้คุณจะเลือกใครเข้ามาผมก็เคารพทุกการตัดสินใจอยู่แล้ว”

   “’งั้นก็หมายความว่า...ถ้าผมเลือกพีท...” แกเรนยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เขายังอยากแหย่ให้ฮานะคิ้วขมวดมากกว่านี้อีกสักหน่อย

   “เอาไว้รอให้เขามีผลงานก่อน ค่อยนำมาพิจารณาอีกทีดีไหมครับ” ฝ่ายนั้นยังคงรักษาท่าทีใจเย็นอยู่ ไม่ยอมหลงกลกันง่ายๆ

   “โอเคๆ ผมไม่แตะต้องคนของฮานะแล้ว” แกเรนยกมือสองข้างขึ้นอย่างยอมแพ้ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคิ้วขมวดกับคำว่า ‘คนของฮานะ’

   “คุณนี่...จริงๆเลยนะครับ” ใบหน้าสวยอมยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะไปมา

   “แล้วนี่จะไปไหนต่อ แผนกคอสตูมเหรอ” แกเรนเปลี่ยนเรื่องเมื่อถูกมองค้อนวงโต

   “ไปหาพีทครับ ช่วงบ่ายเขามีโปรแกรมฝึกเดินแบบ”

   “เยี่ยมเลย” แกเรนดีดนิ้วด้วยท่าทางที่กระตือรือร้น “บ่ายนี้ผมว่าง...ถ้ายังไงขอไปดูพัฒนาของเด็กเทรนด์สักหน่อยก็แล้วกัน เห็นเจนนี่คุยโม้เอาไว้เยอะแยะ” ชายหนุ่มขยิบตาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะออกเดินนำหน้าไปทางห้องสตูดิโอ

   “ไม่ธรรมดาเลยนะ” เสียงพึมพำของเจ้านายที่ยืนกอดอกอยู่ข้างกันทำให้ฮานะต้องหันไปมองอย่างแปลกใจ...เพราะปกติแล้วนับครั้งได้เลยที่คุณแกเรนจะออกปากชม


(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
«ตอบ #42 เมื่อ16-10-2019 19:23:04 »

บานกระจกใสที่กั้นไว้ระหว่างห้องสตูดิโอนั้นทำให้เห็นกิจกรรมภายในได้อย่างชัดเจน แกเรนมองเด็กเทรนด์หน้าใหม่ที่กำลังฝึกเดินแบบอยู่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งแปลกใจและชื่นชมจนอดไม่ได้ที่จะยืนดูอยู่อย่างนั้น

   ร่างสูงใหญ่สง่าผ่าเผยตกเป็นเป้าสายตาได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้งลาดไหล่กว้าง ช่วงขาเรียวยาวได้สัดส่วนยิ่งเสริมให้ฝ่ายนั้นดูโดดเด่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะดวงตาคมดุที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชื้อสายทางตะวันตกยิ่งเสริมให้พีทน่าดึงดูดขึ้นไปอีก เส้นผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกเล็กน้อยสื่อถึงความมีชีวิตชีวาของวัยหนุ่มจนคนมองชักจะตาพร่าขึ้นมา

   ...นี่มันม้ามืดชัดๆเลย..

   “เจนนี่บอกว่าเขาเรียนรู้เร็วมาก สอนไปแค่รอบเดียวก็ทำออกมาได้ดี” แกเรนหันไปมองคนข้างกาย ใบหน้าสวยกำลังอมยิ้มเบาบาง นัยน์ตาเปล่งประกายความภาคภูมิใจเอาไว้จนปิดไม่มิด

   “เขาเป็นเด็กดีนะ” บอสใหญ่ยืนมองคนที่ก้มหัวขอบคุณเทรนเนอร์ยกใหญ่หลังจากที่โปรแกรมการฝึกซ้อมจบลง

   “ครับ...คุณเคย์ก็บอกแบบนั้น” ตลอดหลายวันที่ผ่านมากระแสที่เกี่ยวกับตัวพีทในโมเดลลิ่งนั้นค่อนข้างเป็นไปในทางที่ดี เพราะเจ้าตัวเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ใครเห็นก็นึกเอ็นดู ฮานะได้รับคำชมไม่ขาดปากจากคนรอบข้างเกี่ยวกับพีททั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่ากำลังเป็นที่จับตามองมากแค่ไหน

   “แล้ว...ฮานะล่ะ” แกเรนยิงคำถามใส่โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว “คิดว่าเขาเป็นยังไง”

   คราวนี้เจ้าตัวไม่แสดงท่าทีแบบเดิมออกมาให้เห็น นัยน์ตาสวยจดจ้องไปยังคนที่หันมามองทางนี้พร้อมกับยิ้มบางเบาไปให้ พีทดูแปลกใจเล็กน้อยแต่พอเห็นว่าเขายืนอยู่ข้างกันฝ่ายนั้นก็ก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นการทักทาย

   “หมายถึงอะไรเหรอครับ” ฮานะทวนคำถาม

   “ก็...ในสายตาฮานะ พีทดูเป็นยังไง”

   “เขา...” ริมฝีปากเผลอขบเม้มเข้าหากันเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา “…เหมือนหมาโกลเดนท์ตัวใหญ่”

   ได้ยินเพียงเท่านั้นแกเรนก็หลุดขำออกมาจนไม่สามารถหักห้ามตัวเองเอาไว้ได้ ยิ่งเห็นว่าพีททำหน้างุนงงเล็กน้อยก็ยิ่งตอกย้ำว่าอีกฝ่ายเหมือนเจ้าหมาขนทองตัวโตมากแค่ไหน

   ...ช่างเข้าใจเปรียบเทียบจริงนะ

   แต่ก็เหมือนจริงๆแฮะ...ยิ่งตอนที่พีทมองมาทางนี้น่ะ ถ้ามีหูกระดิกพร้อมตีหางนี่ใช่เลย

   “ฮานะ” เด็กหนุ่มตัวสูงเดินเข้ามาหาผู้จัดการส่วนตัวของตนด้วยสภาพใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อ 

   “เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยหรือเปล่า” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าเด็กตัวโตที่สูงเกือบแตะสองเมตร ก่อนจะส่งยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้

   “นิดหน่อยครับ”

   “เด็กหนุ่มๆเนี่ยมีพลังขับเคลื่อนเยอะจังน้า น่าอิจฉาจัง” บุคคลที่สามที่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนนอกกะทันหันอดที่จะเอ่ยปากแซวไม่ได้เมื่อเห็นว่าคุณผู้จัดการเอาใจใส่เด็กใหม่เป็นอย่างดี

   “ยังไม่แก่เสียหน่อยครับคุณน่ะ” ฮานะหรี่ตามองเจ้านายที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์แม้อายุจะอยู่กลางเลขสามแล้วก็ตาม...นี่ถ้าคุณแกเรนยังรับงานอยู่ในวงการละก็บอกได้เลยว่าใครก็เทียบไม่ติด

   “มันก็จริงน่ะนะ แต่คงสู้วัยหนุ่มไม่ได้หรอก...เธอว่างั้นไหมพีท” เมื่อเห็นว่าแหย่อีกฝ่ายไม่ได้ผลแกเรนจึงเปลี่ยนไปเล่นงานเป้าหมายใหม่

   “พอเลยครับ” ฮานะโบกปัดอากาศไปมาเพื่อยุติการละเล่นปั่นหัวของเจ้านายซึ่งทางคุณแกเรนเองก็ดูจะมีความสุขเสียเหลือเกิน

   “แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ ขี้หวงจริงเชียว” ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างไม่น่าไว้ใจ ยิ่งเห็นแววตามองค้อนของอีกฝ่ายก็ยิ่งสนุกไปใหญ่ ก่อนจะรีบยกมือยอมแพ้เพราะกลัวว่าฮานะจะงอนเขาเข้าจริงๆ “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมไม่กวนแล้ว ขอตัวไปดูงานต่อก่อนก็แล้วกันนะ”

   “ไหนบอกช่วงบ่ายว่างครับ” ฮานะอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เพราะได้ฟังมาจากเลขาของอีกฝ่ายว่าช่วงนี้คุณแกเรนโหมงานหนักจนแทบจะไม่ได้พักผ่อนเพราะต้องวิ่งวุ่นเตรียมงานสำหรับโปรเจกต์ใหญ่ปลายปีนี้

   “แค่แวะไปดูความคืบหน้าน่ะ” แกเรนยิ้ม แต่ก่อนจะเดินจากไปก็ยังมิวายที่จะหยุดพูดกับเด็กเทรนด์คนใหม่ “พีท”

   “ครับ คุณแกเรน” เด็กหนุ่มรีบขานรับ

   “ต่อไปนี้คงเหนื่อยไม่น้อยเลย ขอบคุณที่พยายามอย่างหนักนะ” มือข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนไหล่หนาก่อนจะตบเบาๆสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ ประโยคสุดท้ายถูกลดเสียงลงให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน “…ฝากดูแลฮานะด้วย” เสี้ยววินาทีที่สายตาสบประสานความหมายบางอย่างที่ผู้พูดต้องการจะสื่อถึงทำให้คนฟังพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงยังคงไม่รู้ตัว

   “คุยอะไรกันน่ะ” ฮานะเลิกคิ้วถามอย่างนึกสงสัยเพราะคิดว่าคุณแกเรนก็คงไม่พ้นแหย่เล่นไปตามนิสัย แต่พอเห็นสีหน้าที่จริงจังของอีกฝ่ายก็อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ “เป็นอะไร คิ้วขมวดเชียว”

   ...คงไม่ถูกคุณแกเรนพูดอะไรแปลกๆให้ฟังใช่ไหมเนี่ย...

   “เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมยิ้มบางเบาออกมาอย่างผ่อนคลาย

   “มีพิรุธนะ” ฮานะหรี่ตามองจับผิด...ยิ่งยืนอยู่ใกล้ก็ยิ่งทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นคุยกันจนคอแทบจะเคล็ด “พีท”

   “ครับ”

   “ก้มลงมาทีสิ” นัยน์ตาสวยที่จับจ้องกวาดมองไปรอบข้าง เมื่อพบว่าตอนนี้ทั้งสตูดิโอเหลือเพียงพวกเขาจึงเอ่ยเร่งให้คนตัวสูงกว่าทำตามคำสั่ง “เร็วๆ”

   “มีอะไรเหรอครั-”

   ประโยคคำถามถูกกลืนหายลงไปเมื่อลำคอถูกอีกฝ่ายโอบคล้องก่อนจะออกแรงกดจนใบหน้าของทั้งคู่แนบชิด ริมฝีปากอุ่นนุ่มที่ยังคงมีรสขมของนิโคลตินเจือจางประทับลงข้างมุมปากแผ่วเบาก่อนจะขบเม้มกันอย่างอ้อยอิ่ง รู้ตัวอีกทีฮานะก็เคลื่อนใบหน้าออกห่าง ริมฝีปากสีสดที่อยู่ในระดับสายตาถูกเจ้าตัวเม้มเอาไว้จนขาวซีด

   “วันนี้เธอเก่งมาก” ใบหน้าสวยยิ้มบางเบาในแววตาคู่นั้นดูภูมิใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากตาไม่ฝาดและนึกเข้าข้างตัวเองจนเกินไปเขารู้สึกว่าฮานะกำลังหน้าแดง...

   “นี่...ถือว่าเป็นรางวัลหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามในระยะประชิดพร้อมกับยกมือขึ้นประคองช่วงสะโพกเล็กให้เข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของกันและกัน

   “อา...ไม่รู้สิ” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองตาสีเข้มคู่นั้นที่กำลังวูบไหว “ไม่รู้ว่ามันพอจะเป็นรางวัลให้เธอได้หรือเปล่าน่ะนะ”

   เด็กหนุ่มรู้สึกร้อบวูบไปทั่วร่างเมื่อระยะห่างระหว่างกันเหลือเพียงศูนย์ ฮานะยกมือขึ้นมาจับบริเวณท่อนแขนของเขาเพื่อเป็นหลักยึด แววตาคู่สวยไร้ท่าทีเขินอายหรือตกประหม่าในตอนที่ช้อนขึ้นมอง

   “มากกว่านี้…ได้ไหมครับ” เสียงทุ้มพร่าต่ำเว้าวอนพร้อมโอบกระชับรอบเอวเล็ก ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนลงต่ำก่อนจะอ้อนขอรางวัลตามที่ต้องการ แต่กลับถูกอีกฝ่ายดันแผ่นอกเอาไว้

   “ไม่ได้” ฮานะยิ้มขำเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตหูลู่หางตกเมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ แต่พีทก็ไม่ดื้อดึงแววตาคู่นั้นไม่แม้นแต่จะแสดงความไม่พอใจออกมาให้ได้เห็น เจ้าตัวเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะยืดตัวกลับไปยืนเต็มความสูงดังเดิม เห็นอย่างนั้นจึงทำให้อดที่จะเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้ “มานี่สิ”

   ว่าไว้เพียงเท่านั้นก็ออกแรงดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ของสตูดิโอ โชคดีที่ข้างในนั้นปลอดคนจึงไม่ต้องกังวลกับสายตาของใคร เสียงกดล็อกกลอนประตูดังขึ้นก่อนช่วงตัวสูงใหญ่จะถูกดันแผ่นหลังเข้าหาผนัง ฮานะยกแขนขึ้นโอบรอบต้นคอแกร่งพร้อมกับดึงใบหน้าของอีกฝ่ายลงมาใกล้

   “ข้างนอกน่ะไม่ได้...แต่ถ้าในนี้…” รอยยิ้มกดลึกอยู่ข้างมุมปากตอนที่ถูกประกบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว

   ช่วงตัวถูกโอบกอดไว้แน่นจนแทบจมหายลงไปในแผ่นอกกว้าง สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ขบเม้มอยู่บนกลีบปากทำให้ต้องหลับตาลงเพื่อรอรับเรียวลิ้นที่พยายามสอดแทรกเข้ามาข้างใน

ท่าทีเก้กังไม่ประสาทำให้หลุดยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดูทันทีที่เห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตเริ่มคุมจังหวะการหายใจเอาไว้ไม่อยู่เมื่อต้องมาเป็นฝ่ายไล่ต้อน ความชื้นแฉะที่เลียอยู่บริเวณรอบปากทำให้สมองนึกไปถึงลูกสุนัขโกลเดนท์รีทีฟเวอร์ตัวใหญ่กำลังออดอ้อนเจ้าของ

อา...ให้ตายสิ...น่าเอ็นดูชะมัดเลย..

“พีท” ฮานะพยายามประคองเสียงให้เป็นปกติเมื่อถูกฝ่ายนั้นซุกลงข้างซอกคอ ยิ่งถูกลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดก็ยากที่จะควบคุมสติ “พีท อื้ม ใจเย็นก่อน” ใบหน้าคมเข้มถูกประคองเอาไว้ เด็กหนุ่มหอบหายใจหนักด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ จังหวะชีพจรเต้นรัวจนรู้สึกปวดแปลบ

“ฮานะ..”

“ชู่ว...ฉันเข้าใจ” ปลายนิ้วลูบอยู่ข้างกรอบหน้าได้รูป นัยน์ตาสวยช้อนขึ้นมองอย่างปลอบประโลม ยิ่งได้เห็นแววตาที่สั่นไหวรอยยิ้มบางเบาก็ปรากฏขึ้นอย่างนึกเอ็นดู “ไม่รู้สึกแย่ใช่ไหม” ฮานะลูบหน้าผากที่ชื้นเหงื่อแผ่วเบาหวังเพียงให้อีกฝ่ายผ่อนคลายลง

เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคงกำลังรู้สึกไม่ดีที่ไม่สามารถสร้างความวาบหวามให้เกิดขึ้นได้ดังใจนึก...เพราะพีทยังไม่เคยมีประสบการณ์ ก็ไม่แปลกที่จะตกประหม่าจนสติหลุดแบบนี้ ยอมรับว่ารสจูบที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้รู้สึกลอยล่องเหมือนอย่างที่เคยได้ลิ้มรสมา แต่มันกลับแฝงไปด้วยความไร้เดียงสาและมุทะลุ ซื่อตรงต่อความรู้สึกจนยากที่จะปฏิเสธว่ารู้สึกดีไม่น้อย

ไม่ได้หวือหวาชวนให้ใจสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง...แต่กลับนุ่มนวลอ่อนโยนในแบบที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน...

“...ขอโทษครับ” ฝ่ามือเล็กถูกกอบกุมไว้ข้างแก้มอย่างต้องการหาที่พึ่งเมื่อรู้สึกว่าตนไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้อีกฝ่ายได้

“ไม่เป็นไร” ฮานะยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจพร้อมกับเอื้อมมือไปคลึงหลังท้ายทอยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงคิ้วขมวดปมแน่น “ไม่ต้องรีบร้อน…ฉันเข้าใจ”

“อีกครั้ง...ได้ไหมครับ” แต่แทนที่จะยอมล่าถอยเด็กหนุ่มกลับร้องขออย่างไม่ยอมแพ้

“นี่ หมกมุ่นเกินไปแล้ว” ฮานะบีบแก้มอีกฝ่ายจนใบหน้ายู่ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูในความมุทะลุดื้อดึง...เด็กๆนี่พลังล้นเหลืออย่างที่คุณแกเรนว่าจริงด้วยแฮะ

“นะครับ...ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำออดอ้อน มือที่ประคองอยู่บริเวณสะโพกก็กระชับแน่นขึ้น ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากช่วงตัวสูงใหญ่ทำให้จังหวะชีพจรเริ่มเต้นผิดจังหวะขึ้นเรื่อยๆจนต้องยอมคล้อยตามในที่สุด

“ครั้งสุดท้ายแล้วนะ” ฮานะต่อรอง เมื่อเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้ารับก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง “ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน คิดซะว่ากำลังกินอาหารที่ชอบจะได้ไม่ตื่นเต้น” คำปลอบใจแสนแปลกทำลายบรรยากาศที่ชวนประหม่าไปจนหมดสิ้น แต่ก็นับว่าได้ผลดีไม่น้อยเพราะฝ่ายนั้นเองก็ดูผ่อนคลายลงไปมาก

“ขออนุญาตนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่วเบาในตอนที่ใบหน้าเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ ปลายจมูกโด่งกดลงที่ข้างแก้มแผ่วเบาก่อนจะเอียงปรับองศาจนได้ที่ ฮานะมองตามริมฝีปากที่เคลื่อนตัวมาประชิดก่อนจะย้ายขึ้นไปสบประสานกับนัยน์ตาสีเข้ม สัมผัสอุ่นชื้นที่ค่อยๆกดลงน้ำหนักให้ความรู้สึกวาบหวามมากกว่าครั้งแรก บริเวณริมฝีปากล่างถูกขบเม้มอย่างอ้อยอิ่งและค่อยเป็นค่อยไป เสียงชื้นแฉะดังคลอในตอนที่ฝ่ายนั้นปรับเปลี่ยนองศาหน้าและกดน้ำหนักลงมามากขึ้น

“อือ” ฮานะเผลอหลุดร้องในลำคอตอนที่ถูกประคองเอวเอาไว้แนบชิดและเพราะฝ่ายนั้นตัวสูงกว่าจึงทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นรับจนรู้สึกตึงที่บริเวณต้นคอ รู้ตัวอีกทีก็ถูกดันตัวเปลี่ยนตำแหน่งจนแผ่นหลังแนบลงกับผนังเย็นชืดของห้องล็อกเกอร์ ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่มีผลเมื่อถูกไอร้อนจากเรือนกายสูงใหญ่โอบล้อมเอาไว้ก่อนจะต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสของฝ่ามือที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ

ปลายนิ้วที่ลูบอยู่บริเวณสะโพกคล้ายกับมีประกายไฟส่งผ่านเข้ามา ฮานะหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณปลายนิ้วก่อนจังหวะการหายใจจะผิดเพี้ยนเมื่อถูกป้อนจูบอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ท่าทีเก้กังก่อนหน้าได้หายไปแล้ว...มีเพียงความค่อยเป็นค่อยไปแต่กลับทำให้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองโดยที่เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต

ฝ่ายนั้นไม่ได้รุกล้ำอย่างตะกละตะกลามแต่กลับทำให้วาบหวามจนรู้สึกร้อนไปทั่วไปหน้า ฮานะวางมือลงบนแผ่นอกตึงแน่นที่แผ่ไอร้อนจัดออกมาก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบบ่ากว้างพร้อมกับตอบรับสัมผัสไปอย่างไม่ยอมแพ้ เรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากถูกดูดและขบกัดจนเกิดเสียงคลอแผ่วเบา เมื่อตอบกลับจนเป็นที่น่าพอใจก็ตั้งท่าจะถอนใบหน้าออกมาเพื่อพักหายใจแต่กลับถูกอีกฝ่ายล็อกต้นคอเอาไว้พร้อมกับบดจูบหนักหน่วงลงมาแนบแน่น

“พ..อื้ม พอก่อน” ฮานะพยายามประท้วงแต่กลับไม่เป็นผล เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งถูกขบกัดริมฝีปากแรงมากยิ่งขึ้น “พีท อื้อ” ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะหลุดการควบคุมไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยเพราะนอกจากจะไม่รับฟังอะไรแล้วยังตระโบมจูบหนักหน่วงจนเขาเริ่มที่จะตั้งรับเอาไว้ไม่อยู่

เอาล่ะ...ขอถอนคำพูดไร้เดียงสาก่อนหน้า เพราะตอนนี้จากเจ้าโกลเดนท์ตัวโตกลายเป็นสัตว์ป่าดุร้ายไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มตัวลอยไปวางลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อนหน้ากระจกบานใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งของห้อง ฮานะหอบหายใจหนักพร้อมกับสูดออกซิเจนเข้าปอดยกใหญ่เมื่อได้จังหวะ แต่เพียงไม่นานก็ถูกช่วงตัวสูงใหญ่แทรกเข้ามาประชิด รอบเอวถูกโอบกอดเอาไว้แน่นคล้ายกับกรงขัง ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะก้มลงมาจูบอีกครั้งแล้วเลื่อนลงไปซุกลงข้างซอกคอแทน

“จ...จะทำอะไร” ฮานะเอ่ยถามเสียงสั่นเมื่อรู้สึกว่าปลอกคอที่สวมใส่ไว้ถูกกัดและดึงแผ่วเบา ก่อนเรียวลิ้นอุ่นชื้นจะแลบเลียลงบนผิวเนื้ออ่อน “พีท...อย่า”

“...ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำสั่นพร่าราวกับคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ยิ่งได้กลิ่นหอมประจำตัวของร่างในอ้อมกอดสติที่มีอยู่ก็เริ่มเลือนรางหายไปทีละนิด ฮานะตัวสั่นเล็กน้อยตอนที่ถูกเขาป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณซอกคอ เด็กหนุ่มกดจูบลงบนลาดไหล่เล็กก่อนจะยอมล่าถอยออกมายืนเต็มความสูง แต่สายตากลับจดจ้องไปที่ไหล่กลมกลึงภายใต้เสื้อเชิ้ตขาวตัวใหญ่ที่ร่นเปิดโชว์กระดูกไหปลาร้าได้รูป แผ่นอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเรียกความร้อนขึ้นมาโจมตีที่ใบหน้าจนต้องเคลื่อนสายตาหลบหนีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเสียมารยาท

“ห้าม...ตรงนี้” ฮานะชี้ตรงปลอกคอที่เพิ่งถูกเขาลงไปวุ่นวาย ก่อนจะกระแอมแก้เก้อด้วยใบหน้าที่มีเลือดฝาดเจือจางอยู่ข้างแก้ม “เข้าใจไหม”

“…” เพียงเท่านั้นใบหน้าคมเข้มก็ขมวดคิ้วยุ่งขึ้นมาเล็กน้อยจนสามารถเรียกรอยยิ้มจากคนที่อายุมากกว่า

“ที่ปากได้...แต่ตรงนี้ ห้าม เด็ด ขาด” ฮานะยื่นคำขาด ในเมื่อมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ก็ต้องมีข้อจำกัดเอาไว้บ้าง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มีท่าทีคุกคามจนน่าอันตรายแต่กันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า “พีท”

“ครับ” เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาพร้อมพยักหน้าเข้าใจอย่างว่าง่ายก่อนจะสอดแขนเข้ามาโอบรอบเอวเอาไว้อย่างออดอ้อน

“นี่เป็นเด็กติดการสกินชิพหรือไงน่ะเรา” ฮานะหลุดขำออกมาเมื่อถูกเจ้าเด็กตัวโตป้วนเปี้ยนไม่ห่าง

ฝ่ายนั้นไม่ตอบอะไรกลับมาทำเพียงแค่วางคางไว้บนลาดไหล่ก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนเขาต้องเอนหลังพิงกับกระจกเพื่อเป็นเบาะรองให้เจ้าเด็กตัวโตได้ซบ เสียงของเครื่องปรับอากาศดังคลอในบรรยากาศที่เงียบสงบก่อนคำสารภาพจากความรู้สึกจะหลุดออกมาจนทำให้คนฟังต้องหยุดหายใจไปกะทันหัน

“ผมชอบฮานะ”

“...”

“...ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน” วงแขนแกร่งโอบกระชับแนบแน่นคล้ายกับเด็กหลงทางที่ต้องการที่พักพิง “และดูเหมือนจะชอบมากขึ้นเรื่อยๆ...”

“พีท...” ฮานะยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก ยอมรับว่าไม่ได้ตื่นตกใจ เพียงแต่ยังตั้งรับไม่ทันก็เท่านั้น...เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายที่คอยวิ่งไล่ตามเสมอ ตอนนี้จึงทำตัวไม่ถูกสักเท่าไหร่

“ขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกแย่” เสียงทุ้มดังแผ่วอยู่ข้างหูพร้อมกับแรงกอดกระชับที่แน่นขึ้น “ผม...แค่อยากให้คุณได้รับรู้”

“ไม่หรอกน่า...ไม่เป็นไร” ฮานะยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังกว้างอย่างปลอบประโลม ทั้งที่ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้

อา...ให้ตายสิ

เล่นมาสารภาพความรู้สึกต่อหน้าขนาดนี้ถ้าปฏิเสธออกไปก็คงจะใจร้ายเกินทน...ในเมื่อตั้งใจเอาไว้ว่าจะเริ่มต้นใหม่

หลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ช่างมันแล้ว...


_____________________________________

เปลี่ยนทีมมาเซฟฮานะตอนนี้ยังทันค่าาาา /ดึงหูเจ้าเด้น


ฮานะเริ่มมูฟออนได้แล้วน้าา อยากให้ทุกคนช่วยอยู่เป็นกำลังใจให้พีทกับฮานะจนสุดทางด้วยนะคะ > <

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และฟีดแบ็กที่น่ารักมากๆๆๆเลยค่ะมีกำลังใจขึ้นเยอะ


ฝากเป็นกำลังใจให้เจ้าเด้นได้ที่แท็ก #ดอกไม้ของพีท หรือจะคอมเม้นท์ก็ได้ค้าบบ พีทพีทรออ่านน้า~




ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
«ตอบ #43 เมื่อ16-10-2019 22:53:05 »

โกลเด้นจะกลายร่างเป็นหมาป่า  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
«ตอบ #44 เมื่อ16-10-2019 23:26:01 »

ชัดเจนดีมากเจ้าพีท
แต่แบบว่านะโกลเด้นครั้งนึงเหมือนโกลเด้นตลอดไป แงงง เอ็นดู

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
«ตอบ #45 เมื่อ17-10-2019 08:32:18 »

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
«ตอบ #46 เมื่อ17-10-2019 09:24:27 »

พีท  เด็กน้อยจริงๆ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
«ตอบ #47 เมื่อ17-10-2019 11:47:59 »

 :o8: :o8:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
«ตอบ #48 เมื่อ18-10-2019 19:50:33 »

 :man1: :man1: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #49 เมื่อ19-10-2019 21:01:13 »

CHAPTER E I G H T






_________________________________





   กลิ่นหอมฉุยของกาแฟคั่วสดกระจายตัวรอบบริเวณครัวในเช้าวันนี้ กระทะที่ตั้งบนเตาไฟฟ้ามีขนมปังธัญพืชชิ้นหนาอยู่สองแผ่น กลิ่นหอมของเนยที่เคลือบผิวขนมปังทำให้คนที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาต้องหยิบอโวคาโดขึ้นมากินแก้ขัดในระหว่างที่รอให้ตัวขนมปังได้ที่ ก่อนจะนำชีสแผ่นวางลงไปแล้วตามด้วยอโวคาโดกับไข่ต้มบดผสมกับมายองเนสที่เตรียมไว้ก่อนหน้า ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยดำปิดท้ายด้วยชีสอีกแผ่นก่อนจะนำขนมปังอีกด้านขึ้นมาประกบกันแล้วตั้งเตาต่อไปให้ชีสละลายจนขนมปังเหลืองกรอบน่ารับประทาน

   ร่างเพรียวบางในเชิ้ตแขนยาวตัวใหญ่เดินไปรินน้ำส้มคั้นสดที่แช่ช่องฟรีซเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจะถือมายืนจิบอยู่หน้าเตา สายตาสับมองจอโทรทัศน์ไปด้วยเป็นระยะ ฮานะมองแซนวิชคู่หนึ่งที่วางอยู่บนจานก่อนจะหันกลับมาดูว่าอีกชุดที่อยู่ในกระทะนั้นได้ที่แล้วหรือยัง

   มื้อเช้าวันนี้ดูเยอะเป็นพิเศษต่างจากทุกวันที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะเขานึกอยากจะเพิ่มน้ำหนักหรือทานเยอะขึ้น แต่เป็นเพราะเมื่อคืนมีใครอีกคนมาขอนอนค้างด้วยต่างหาก

   ...ใครคนนั้นก็คือคนที่คั้นน้ำส้มใส่เหยือกเอาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืนนั่นล่ะ..

   “ฮานะ” ไม่ทันขาดคำเจ้าของเสียงทุ้มต่ำติดงัวเงียก็เดินออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ทำเอาคนที่มองถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นสภาพเจ้าโกลเดนท์ตัวโตกำลังปิดปากหาวจนน้ำตาซึม “โทรศัพท์ครับ”

   พีทยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้ตรงหน้า ช่วงตัวสูงใหญ่แผ่ไออุ่นออกมาตัดกับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศเพราะอีกฝ่ายสวมไว้เพียงกางเกงขายาวสำหรับใส่นอนจึงเห็นแผ่นอกเปลือยเปล่าที่กว้างและดูหนาขึ้นกว่าเดิม ฮานะพยักหน้าขอบคุณก่อนจะหันกลับไปยกแซนด์วิชขึ้นจากเตา

   “ขอบใจนะ” หน้าจอแสดงชื่อปลายสายที่โทรมาจากทางไกลเรียกรอยยิ้มบางเบาขึ้นมาบนใบหน้าทันที “ไปนอนต่อเถอะ” เขาหันไปบอกเจ้าเด็กตัวโตที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง พอเห็นว่าพีทเดินไปรินน้ำดื่มก็กดรับสายทันที “ครับแม่”

   (ฮานะ) เสียงที่คุ้นเคยยังคงอบอุ่นอยู่เสมอ (เป็นยังไงบ้างลูก)

   “สบายดีครับ…ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อยเลยไม่ค่อยมีเวลาโทรหาแม่เลย”

   (ไม่เป็นไรจ้ะแม่เข้าใจ แต่พ่อนี่สิบ่นคิดถึงตลอดเลย อยากให้ลูกกลับมาหาจะแย่) เสียงของผู้ชายอีกคนดังแทรกเข้ามาจากปลายสาย ดูโวยวายนิดหน่อยเพราะอยากจะขอคุยด้วยจนแม่ต้องเปิดไมโครโฟนให้

   (ฮานะจัง เมื่อไหร่จะกลับมาหาปะป๊าบ้าง) สำเนียงภาษาญี่ปุ่นที่คุ้นเคยเรียกรอยยิ้มให้กว้างมากกว่าเดิม

   “เราตกลงกันเอาไว้ปลายปีนี่ครับ” ฮานะหลุดขำออกมาเมื่อคนเป็นพ่อเริ่มงอแง ก่อนจะกดเปิดลำโพงเพื่อที่จะวางมือไปมัดรวบผมได้สะดวก

   (พาอเล็กซ์มาด้วยสิ รอบที่แล้วอยู่แค่แป๊บเดียวเอง รอบนี้ก็มาฉลองคริสต์มาสด้วยกันที่นี่ซะเลย)

   ชื่อของใครบางคนทำให้ต้องเผลอกำมือแน่นกะทันหันก่อนจะรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์กำลังมองมาทางนี้ เมื่อเห็นว่าพีทไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางออกมาให้ได้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอะไรอยู่ เขาจึงรีบกดปิดไมโครโฟนแล้วตอบกลับปลายสายไป

   “อเล็กซ์เขางานยุ่งน่ะครับ...คงจะไปด้วยไม่ได้”

   (โธ่ เสียดายแย่) แม่ทำเสียงน้อยใจจนแอบรู้สึกผิดขึ้นมา

   เพราะตลอดเวลาที่ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นเกินเลยมากกว่าเพื่อน ทางครอบครัวเขาไม่ได้รับรู้เรื่องนี้แต่อย่างใด ในสายตาพ่อและแม่อเล็กซ์เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา ฝ่ายนั้นจึงได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นอยู่เสมอ มิหนำซ้ำทั้งสองคนยังแอบยุยงให้พัฒนาความสัมพันธ์ไปในอีกรูปแบบหนึ่งอีกต่างหาก

   “เอาไว้ผมจะบอกเขาให้นะครับว่าพ่อกับแม่ฝากความคิดถึงมา-” เขาโกหกคำโตเพื่อไม่ให้มีพิรุจ

   แต่จู่ๆรอบเอวกลับถูกวงแขนของใครบางคนสวมกอดมาจากด้านหลังจนสัมผัสได้ถึงมัดกล้ามเนื้อตึงแน่นที่ร้อนระอุ ฮานะพยายามที่จะหันไปมองแต่เจ้าเด็กตัวโตกลับวางคางลงบนศีรษะของเขาจนไม่สามารถยืดคอมองได้ทุกอย่างยิ่งตอกย้ำความเตี้ยของเขาจนแทบจมดิน ท่อนแขนแข็งแรงเพิ่มแรงกอดจนฮานะแทบจมหายลงไปในอกเมื่อมีชื่อของอเล็กซ์หลุดออกมาจากปลายสาย ก่อนฝ่ายนั้นจะซุกหน้าลงมาบนไหล่คล้ายกับเป็นการประท้วงเงียบไปในตัว

   ...เด็กน้อย..

   “ครับ รักพ่อกับแม่นะ ผมต้องวางแล้ว...ครับ บาย” ทันทีที่วางสายไปฮานะก็หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับใครอีกคน ฝ่ายนั้นยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยตามเดิมแต่เรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวคงกำลังรู้สึกไม่พอใจอยู่ “หน้าเครียดเชียว” อดไม่ไหวที่จะเอื้อมมือไปบีบแก้มจนหน้ายู่ให้หายมันเขี้ยว

   “ตื่นเช้าจังครับ” พีทคลายวงแขนออกแต่ยังวางมือไว้บนสะโพกกลมกลึงใต้เชิ้ตตัวใหญ่...หลังจากที่ได้สารภาพความรู้สึกให้ฮานะได้รู้อาการทุกอย่างที่ถูกเก็บไว้ก่อนหน้าก็แสดงออกชัดเจนจนตัวเองยังนึกแปลกใจว่าทำไมทุกอย่างมันจึงได้รวดเร็วและรุนแรงจนยากจะควบคุมทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

   “ก็มาทำอาหารเช้าไว้ให้ เผื่อตื่นมาแล้วหิว” รอยยิ้มบางเบาถูกส่งมาให้ก่อนฝ่ายนั้นจะแกะมือเขาออก แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปหยิบจานอาหารเช้าก็ถูกวงแขนทั้งสองข้างกักไว้กับบริเวณเคาน์เตอร์ “มีอะไร” ใบหน้าสวยอมยิ้มอย่างนึกขบขันก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกหรี่ตามองอย่างจับผิด

   “ฮานะ” เสียงทุ้มพร่าต่ำเรียกอย่างออดอ้อนตอนที่ก้มลงมาหา “...ขอจูบได้ไหมครับ”

   ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกเอ่ยขอกันโต้งๆ แผ่นอกตึงแน่นที่อยู่ในระดับสายตาทำให้ชีพจรเต้นผิดจังหวะ พอเงยหน้าขึ้นมองสันกรามได้รูปก็เผลอยกมือขึ้นแตะก่อนจะไล้ปลายนิ้วไปตามโครงหน้าคมเข้มแผ่วเบา “เมื่อคืนไม่พอหรือไง” เมื่อคืนเขาโดนเจ้าเด็กตัวโตฉวยโอกาสจูบไปหลายหน...เห็นว่าตามใจหน่อยนี่เอาใหญ่เลยเชียว

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็คล้อยตามอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้ฝ่ายนั้นได้ทำอะไรตามใจแบบนี้หรอก

   ถ้าไม่ได้รู้สึกดีด้วย...ก็คงผลักไสออกไปนานแล้ว

   “นะครับ”

ภาพของผู้ชายตัวสูงเกือบสองเมตรกลับดูน่ารักน่าชังจนอยากจะบีบให้หายมันเขี้ยว ใบหน้านิ่งเรียบมีประกายออดอ้อนทางแววตาออกมาให้ได้เห็น...นี่ถ้ามีหูกับหางก็คือเจ้าโกลเดนท์รีทีฟเวอร์ไม่มีผิดเพี้ยน

“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ” ฮานะพยายามกลั้นขำเมื่อนึกถึงคำชมของคุณแกเรนกับเจนนี่ที่เคยพูดว่าพีทดูโตเหมือนผู้ใหญ่...แต่ในสายตาเขากลับมองต่างออกไป

นี่มันลูกหมาชัดๆ...

“ไม่ได้เหรอครับ” แววตาคู่นั้นดูตัดพ้อได้อย่างน่าสงสารจนอดไม่ได้ที่จะต้องยืดตัวขึ้นไปกดจูบบนสันกรามได้รูปเพื่อปลอบใจ

ฮานะไม่ได้ตอบกลับทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นจนองศาได้พอเหมาะก่อนจะอมยิ้มบางเบาแฝงเร้นไปด้วยความหมายบางอย่างที่ทำเอาอีกคนกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนต่ำลงมาทีละนิดลมหายใจอุ่นร้อนที่เจือกลิ่นมิ้นท์บางเบาเป่ารดลงบนผิวแก้ม แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะแนบสนิทร่างที่เล็กกว่าก็เบี่ยงหลบออกไปอีกทางส่งผลให้ปลายจมูกโด่งกดลงบนลาดไหล่เนียนแทน

“โทษทีนะ...แต่ฉันหิวแล้ว” ใบหน้าสวยจัดอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้แกล้งให้เจ้าเด็กตัวโตหัวเสีย ฮานะจัดการแกะอ้อมแขนที่โอบอยู่รอบเอวตัวเองออกก่อนจะเดินไปหยิบจานอาหารเช้าสองใบขึ้นมาถือเอาไว้แล้วไปนั่งรอที่บริเวณโซฟาหน้าทีวีโดยมีเด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่เดินคิ้วขมวดลงมานั่งที่ข้างกัน “มองอะไร” แซนด์วิชคำแรกถูกกัดเข้าปากไปสลับกับมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พีทเอาแต่มองเขาอยู่อย่างนั้นไม่สนใจแม้กระทั่งอาหารเช้าที่วางอยู่ตรงหน้า

“…เปล่าครับ” ฝ่ายนั้นหันกลับไปจัดการแซนด์วิชของตัวเองที่หายร้อนมาสักพักใหญ่ เพียงไม่นานอาหารทุกอย่างบนจานก็ถูกจัดการหมดเกลี้ยงทำเอาคนที่อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

“เห็นทีบ่ายนี้คงต้องยกเลิกแล้วล่ะ” ฮานะวางเครื่องมือสื่อสารลงบนโต๊ะหน้าโซฟาหลังจากที่อ่านข้อความจบ เช้าวันนี้พีทไม่มีตารางเทรนด์นอกจากต้องไปเข้ายิมตอนเย็น พวกเขาจึงตกลงกันเอาไว้ว่าช่วงสายจะออกไปเดินเล่นเพื่อเลือกซื้อไม้ประดับกระถางใหม่มาตกแต่งบริเวณริมระเบียง แต่ก็ต้องพับเก็บลงเมื่อมีงานด่วนเข้ามา “คุณแกเรนบอกว่าตอนบ่ายให้เข้าไปพบน่ะ”

“ครับ” ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ไร้ท่าทีต่อต้านหรือไม่พอใจออกมาให้ได้เห็น พีทอาสาเอาจานและแก้วทั้งหมดไปล้าง แผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าที่เริ่มมีมัดกล้ามเนื้อสมส่วนปรากฏขึ้นทำเอาคนที่นั่งมองอยู่ที่โซฟาใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาเมื่อเผลอจดจ้องนานเกินความจำเป็น

ส่วนสูงที่เลยบริเวณชั้นลอยเหนือซิงค์ล้างจานส่งเสริมให้ฝ่ายนั้นดูโดดเด่นเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย…พีทดูสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ

จนบางครั้งก็อดที่จะตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้...ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เด็กคนนี้มีความรู้สึกบางอย่างกับเขา

ทำไมถึงได้เอ่ยคำนั้นออกมาง่ายดายนัก...

“ฮานะ?” เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลังพอก้มลงมองก็เห็นว่าฝ่ามือเล็กคู่นั้นผสานกันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ก่อนรอยยิ้มบางเบาจะปรากฏขึ้นเมื่อแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงการเอียงซบจากศีรษะของใครบางคน

“…พีท” เสียงอู้อี้ดังแผ่วเบาราวกับคนที่กำลังไม่มั่นใจในตัวเอง

“ครับ”

“ที่บอกว่าชอบฉัน...” ฝ่ายนั้นหยุดชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะพูดต่อ “...พูดจริงเหรอ”

“ทำไมจู่ๆก็ถามล่ะครับ” พีทหัวเราะในลำคอกับคำถามที่เถรตรงเสียจนเขาตั้งรับไม่ทัน

“ก็...แค่อยากรู้” เพียงเท่านั้นทั่วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศและข่าวช่วงเช้าที่ดังคลอแผ่วเบาไปกับเสียงน้ำจากก๊อก ฮานะกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเมื่อไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา

   เวลาล่วงเลยผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีแต่กลับเนิ่นนานสำหรับคนที่รอ ก๊อกน้ำถูกปิดสนิทก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะขยับเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา พีทหมุนตัวกลับมาแผชิญหน้ากับคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดก่อนจะวางมือที่เปียกชื้นลงบนสะโพกได้รูป

   ใบหน้าคมเข้มเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนอายุมากกว่าเอาแต่ซุกหน้าอยู่กับอกเขา กลุ่มผมนิ่มแผ่กระจายลงบนผิวเนื้อทำให้รู้สึกดีจนต้องยกมือขึ้นลูบ

   “...จะทำอะไร” รู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ถูกอุ้มจนตัวลอยก่อนสัมผัสเย็นชืดของเคาน์เตอร์หินอ่อนจะสัมผัสกับโคนขาเปล่าเปลือยใต้เสื้อเชิ้ต ช่วงตัวสูงใหญ่สอดแทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างขาพร้อมกับวางค้ำแขนขนาบข้างจนไร้หนทางที่จะหลบหนี

   “ฮานะไม่เชื่อผม” พีทยิ้มบาง ไร้ซึ่งท่าทีคุกคามให้อีกฝ่ายรู้สึกกดดัน

   “เปล่า...ก็แค่..” เสียงขาดห้วงกะทันหันเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งวางลงบนเอว ปลายนิ้วอุ่นจัดไล้อยู่บริเวณสีข้างแผ่วเบาจนเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา “...แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบฉัน…ทำไม...ทำไมต้องเป็นฉัน” เผลอขบเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อความรู้สึกแปลกประหลาดพุ่งเข้ามาโจมตี

   แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ดูไร้ค่าในสายตาของใครบางคนถึงเป็นที่ต้องการของใครอีกคนได้...

   “ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ” เสียงทุ้มถามกลับอย่างอ่อนโยน

   “ไม่...ไม่รู้” ฮานะไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปมองนัยน์ตาคู่นั้น

   “แล้วฮานะ...อยากให้ผมหยุดความรู้สึกนี้ไว้ไหมครับ” มือข้างหนึ่งถูกคว้าขึ้นไปจรดจูบลงบนข้อนิ้วอย่างนุ่มนวล ส่งผลให้ชีพจรสะดุดจนปวดแปลบบริเวณอกด้านซ้ายก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นร้อนวูบวาบราวกับมีกองไฟกำลังลุกโชนหลอมละลายเกราะกำบังที่เคยสร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองในวันที่อ่อนแอ

   “ฉัน...ไม่รู้”

   พีทก้มลงมองคนในอ้อมกอดก่อนจะช้อนมือเข้าไปที่ใต้คางของฝ่ายนั้นแล้วดันให้เงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากัน ก่อนจะได้เห็นแววตาสับสนวูบไหวราวกับคนที่กำลังหลงทางอยู่ในความมืด เด็กหนุ่มสวมกอดช่วงตัวที่เล็กกว่าเอาไว้อย่างอ่อนโยน โอบกระชับแนบแน่นเพื่อส่งผ่านไออุ่นไปโอบกอดจิตใจที่กำลังว้าวุ่นให้สงบลง

   “ถ้าผมกอดฮานะแบบนี้...รังเกียจไหมครับ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบอยู่ข้างใบหู พอได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าไปมาก็ไม่สามารถที่จะกลั้นยิ้มเอาไว้ได้

   “…แบบนี้ล่ะครับ” สิ้นคำก็กดปลายจมูกเข้ากับแก้มขาวที่เย็นเพราะไอจากเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะต้องยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อฮานะส่ายหน้าแทนคำตอบ

   ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนลงต่ำพร้อมปรับองศาให้อยู่เสมอกัน ริมฝีปากได้รูปเคลื่อนต่ำแนบประชิดจนสัมผัสได้ถึงความนุ่มที่มีรสหวานเป็นเอกลักษณ์ “แล้ว...ถ้า...” คนถามรอลุ้นด้วยใจที่ระทึกจนได้ยินเสียงของจังหวะชีพจรเต้นถี่

    สัมผัสนุ่มหยุ่นที่กดลงมาบนเรียวปากแทนคำตอบทั้งหมด ฮานะถอนหน้าออกไปก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองกัน และเพียงเสี้ยววินาทีก็คล้ายกับถูกแรงดึงดูดบางอย่างดึงเข้าหาอีกครั้งจนแนบสนิท ริมฝีปากที่บดเบียดกันอยู่เริ่มขยับทีละนิดจนเกิดเสียงขึ้นมาท่ามกลางห้องที่เงียบสงบ

   จังหวะการหายใจที่ถี่และแรงขึ้นแสดงให้เห็นว่าต่างฝ่ายต่างจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งอารมณ์ปรารถนา ฮานะยกแขนขึ้นโอบรอบช่วงบ่ากว้างเพื่อเป็นหลักยึดเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่างราวกับถูกจุดไฟที่เคยมอดดับมาเนิ่นนาน เรียวขาขาวกระหวัดรอบสะโพกสอบพร้อมออกแรงดันให้ฝ่ายนั้นขยับเข้ามาแนบชิดมากขึ้น ฮานะบีบกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอของอีกฝ่ายจนสัมผัสได้ว่าปลายเล็บข่วนผิวเนื้อ

   รู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ถูกดันลงไปบนแผ่นหินอ่อนเย็นชืด ก่อนจะถูกทาบทับเอาไว้ด้วยช่วงตัวสูงใหญ่ พีทตามลงมาจูบอยู่เพียงไม่นานก็เคลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาวชื้นเหงื่อ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ประทับจูบลงไปกลับถูกดันหน้าเอาไว้

   “พีท..ไม่” ฮานะเอ่ยห้ามทั้งที่ยังคงหอบหายใจจนหน้าแดงก่ำ “เราตกลงกันแล้ว” ริมฝีปากเม้มแน่นจนซีดเมื่อความรู้สึกหวาดระแวงเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจเพราะตอนนี้บริเวณลำคอนั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งอุปกรณ์ป้องกัน

   “ฮานะ” เด็กนุ่มเคลื่อนใบหน้ากลับมาสบตาคนที่อยู่ใต้ร่างเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นตัวสั่น “...เชื่อใจผมไหมครับ”

ดวงตากลมโตรื้นน้ำไหวระริกก่อนจะส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยแล้วรีบหยุดชะงักราวกับว่ายังไม่มั่นใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นพยักหน้าลงแทนคำตอบ เพียงเท่านั้นผิวเนื้อบริเวณข้างลำคอก็ถูกสัมผัสร้อนจัดจรดจูบลงมาอย่างแผ่วเบา ฮานะหลับตาแน่นผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างหนักเพื่อระบายความกดดันทั้งหมดที่มียามที่ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดแนบชิด สัมผัสหนักสลับกับเบาที่อีกฝ่ายประทับจูบลงมาทำให้รู้สึกคล้ายกับว่ากำลังถูกหลอมละลายไปทีละนิด

   “พีท...ห...ห้ามกัดนะ อื้อ” น้ำเสียงหักห้ามกลืนหายลงไปลำคอเมื่อถูกลิ้นอุ่นชื้นแลบเลียบริเวณต้นคอ

   “ไว้ใจผม...นะครับ” เสียงทุ้มพร่าต่ำเจือแรงอารมณ์เข้มข้นกระซิบบอกสลับกับพรมจูบลงไปราวกับคนที่กำลังลุ่มหลง “ฮานะ...”

   ยิ่งได้ลิ้มรสก็ยากที่จะต้านทานไหว...



(มีต่อด้านล่าง)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
« ตอบ #49 เมื่อ: 19-10-2019 21:01:13 »





ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #50 เมื่อ19-10-2019 21:02:48 »

“อื้อ” เผลอหลุดเสียงน่าอายออกมาในตอนที่เรียวขาถูกฝ่ามือร้อนจัดลูบไล้พร้อมกับออกแรงบีบจนรู้สึกร้อนผะผาวที่ผิวเนื้อ ฝ่ามือใหญ่ข้างนั้นเคลื่อนขึ้นสูงไปเรื่อยๆพร้อมทิ้งร่องรอยอุ่นเจือจางตามบริเวณผิวที่ลากผ่าน  ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กระดุมเสื้อเชิ้ตบางส่วนถูกปลดออกจนเห็นแผ่นอกขาวจัดที่กำลังขึ้นสีระเรื่อเพราะอุณหภูมิร่างกายที่แปรเปลี่ยน

   ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูงจนเห็นเถากุหลาบที่บริเวณสะโพกด้านขวา พีทก้มลงมองรอยสักงดงามที่เขาเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ฝ่ามือที่โอบประคองข้างสะโพกก็ไล้ปลายนิ้ววนรอบเถากุหลาบจนขึ้นรอยแดงเจือจาง

   “คุณสวยมาก” เสียงทุ้มพึมพำเอ่ยชมอย่างหลงใหลตอนที่กำลังพรมจูบลงบนลาดไหล่เปลือย ฮานะในตอนนี้ตัวอ่อนราวกับเป็นเทียนที่ถูกไฟหลอมละลาย

   “เด็กไม่ดี..” น้ำเสียงแหบน่าสงสารเอ่ยขึ้นมาอย่างหมดหนทางสู้ ก่อนจะยกแขนขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองเอาไว้เมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าได้เสียท่าให้เจ้าเด็กตัวโตนี่ฉวยโอกาสอย่างร้ายกาจ

   ...เด็กขี้อายเพียงเพราะจูบไม่ทันเมื่อวานนี้หายไปไหนแล้ว

   เหลือก็แต่คนเจ้าเล่ห์ที่มองเขาด้วยแววตาที่ชวนทำให้ใจสั่นไหวจนแทบบ้า...

   …หมาป่าห่มหนังแกะชัดๆเลย...

   แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปไกลเสียงโทรศัพท์ของใครอีกคนที่ถูกวางทิ้งเอาไว้ในห้องนอนก็แผดร้องขัดจังหวะได้อย่างถูกเวลา พีทชะงักไปเล็กน้อยแต่พอทำท่าจะเมินก็ถูกเขาดันแผ่นอกเอาไว้

   “โทรศัพท์เธอ...ไปรับสิ” ฮานะมองกดดันอย่างไม่คิดยอมแพ้ แต่เจ้าเด็กดื้อกลับก้มลงมาหาราวกับไม่ได้ใส่ใจว่าปลายสายจะรออยู่หรือเปล่า “พีท” เอ่ยเตือนอีกหนด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อยและมันก็ได้ผลเมื่อฝ่ายนั้นยอมถอยออกไป ฮานะมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไปทางห้องนอนก่อนจะอมยิ้มเมื่อได้เห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตดูไม่สบอารมณ์มากแค่ไหน

…อยากให้ทุกคนได้มาเห็นตอนนี้ชะมัดเลย

“ครับแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังแว่วออกมาจากในห้องทำให้ต้องเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังเพราะไม่อยากจะรบกวนเวลาส่วนตัวของอีกฝ่าย ฮานะเดินเข้าไปเลือกเสื้อผ้าในตู้อย่างเงียบเชียบพร้อมสลับมองคนที่กำลังหันหน้าออกไปทางหน้าต่างก่อนจะเดินเข้าไปชำระร่างกายเพื่อเตรียมตัวเข้าบริษัทในบ่ายนี้

“ฮานะมาพอดี” เสียงที่คุ้นเคยร้องทักขึ้นในตอนที่บานประตูห้องประชุมถูกผลักเข้าไป

   แกเรนเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยท่าทีผ่อนคลายขัดกับบรรยากาศภายในห้องที่มีอีกหลายชีวิตนั่งมองอยู่ ฮานะก้มหัวทักทายทุกคนก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทางฝั่งขวาของเจ้านายโดยมีพีทตามมานั่งข้างกัน และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแฟ้มงานก็ถูกส่งยื่นมาตรงหน้าเพื่อให้เขาได้อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ถูกเรียกตัวมาด่วนในวันนี้

   “นี่...” หน้ากระดาษถูกพลิกอ่านไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   เนื้อหาด้านในเป็นบรีฟงานของสปอร์ตแบรนด์ชื่อดังที่กำลังจะมีคอลเลคชั่นใหม่เดือนหน้านี้...แบรนด์ที่คุณแกเรนเพิ่งจะตกลงเซ็นสัญญาร่วมงานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

...และอเล็กซ์ก็เป็นหนึ่งในทีมโปรเจกต์นี้...

   “ไว้ผมจะอธิบายให้ฟัง” แกเรนยิ้มบางเบาก่อนจะนั่งลงบนขอบโต๊ะด้วยท่าทีสบายๆเพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องประชุมนั้นตึงเครียดเกินไปเพราะนี่ไม่ใช่บอร์ดบริหารเขาเลยปล่อยตัวตามสบายเพื่อให้ฝ่ายครีเอทีฟทำงานกันได้อย่างเต็มที่

   “อันที่จริงบรีฟที่ทางลูกค้าเสนอมาทางเราได้เซ็ทเอาไว้ว่าจะให้อเล็กซ์กับเรย์เป็นเมนหลักในโปรเจกต์นี้” แกเรนผ่อนลมหายใจออกมาอย่างลำบากใจ “แต่เมื่อเช้าผมได้รับข่าวว่าเรย์ประสบอุบัติเหตุหลังจากที่กลับมาจากปาร์ตี้งานวันเกิดเพื่อนที่คลับXเมื่อคืนนี้”

   ทันทีที่จบประโยคทั้งห้องก็มีเสียงฮือฮาอย่างตกอกตกใจเพราะเรย์เองนั้นก็ถือว่าเป็นนายแบบแนวหน้าของโมเดลลิ่งที่มีชื่อเสียงสูสีกันกับอเล็กซ์ แอนเดอร์สัน อีกอย่างโปรเจกต์จากแบรนด์นี้นั้นก็นับว่าเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมากเพราะเจ้าของแบรนด์ตั้งใจจะถ่ายแบบเพื่อนำเสนอสินค้าคอลเลคชั่นใหม่และจัดเดินแฟชั่นโชว์ช่วงปลายปี

   “’งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ทีมเราขาดกำลังสำคัญไปสิคะเนี่ย” เบต้าสาวที่มีตำแหน่งครีเอเตอร์แย้งขึ้นมาเพราะเธอเป็นคนวางคอนเซ็ปไปเสนอทางลูกค้าเองกับมือ ในเมื่อขาดคนสำคัญไปก็ยากที่จะดำเนินการออกมาให้ตรงตามแผนงานที่วางเอาไว้

   “ก็ไม่เสมอไปหรอก” แกเรนยิ้มแทนคำตอบก่อนจะหันไปมองทางฝั่งขวามือ “ผมหาคนมาแทนเรย์ได้แล้ว”

   ทันใดนั้นสายตานับสิบคู่ก็หันไปสนใจเด็กเทรนด์คนใหม่เป็นตาเดียว...รวมไปถึงผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งอยู่ข้างกันด้วย

   “หมายความว่ายังไงครับ” ฮานะยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก เขามองหน้าทีมงานสลับกับคนข้างกายอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นว่าคุณแกเรนเอาแต่ยิ้มก็ยิ่งย้ำเตือนคำตอบให้แน่ชัดขึ้น “คุณแกเรน”

   ...เจ้านายเขาต้องการให้พีทร่วมงานกับอเล็กซ์แทนนายแบบคนก่อนหน้า..

   “ผมไม่เห็นด้วย” ใครคนหนึ่งแย้งขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียดเมื่อได้สบตากับอดีตผู้จัดการของอเล็กซ์

   เฮนรีย์ หวัง โอเมก้าหนุ่มหัวหน้าทีมสไตล์สิสต์อีกทีมที่ตั้งตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทีมของฮานะมาโดยตลอด...และที่สำคัญเจ้าตัวยังเคยแอบคั่วกับอเล็กซ์อยู่พักหนึ่งด้วย...

   “เชิญครับ” แกเรนผายมือให้อีกฝ่ายได้อธิบายอย่างสุภาพ เพราะในฐานะเจ้านายเขาจำเป็นเป็นที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

   “ผมว่าเด็กของฮานะยังไม่เหมาะกับงานนี้...เขาไม่มีประสบการณ์ อีกอย่างโปรเจกต์นี้รวมนายแบบนางแบบที่มีฝีมือเอาไว้ ผมเกรงว่าถ้า...” เฮนรีย์พูดเอ่ยบอกราบเรียบแต่ทว่าน้ำเสียงนั้นแสดงออกชัดเจนโดยมีลูกทีมอีกสามคนพยักหน้ารับสนับสนุน

   “ขอโทษนะครับ” แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบก็ถูกขัดเอาไว้ ฮานะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลายก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกอย่างที่ชอบทำตอนที่เริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้ามนิ่งเรียบพร้อมเอ่ยแย้งออกมา “ประเด็นแรกคนของผมมีชื่อ...ถ้ามีความเป็นมืออาชีพมากพอน่าจะศึกษามาให้ดีก่อนที่จะเรียกด้วยสรรพนามส่งๆแบบนั้น” รอยยิ้มบางเบากดลึกข้างมุมปากในตอนที่เจ้าตัวยกมือขึ้นเสยผมเปิดใบหน้า

   ที่ผ่านมาเขาอดทน นิ่งเฉย ไม่มีปากเสียงเพียงเพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องไว้หน้ากันแล้ว

   “นี่คุณ” ฝ่ายนั้นมีท่าทีฉุนจัดเมื่อเห็นว่าคราวนี้เขาโต้ตอบกลับไป

   “ประเด็นที่สอง” นิ้วเรียวสวยยกขึ้นตามจำนวนก่อนจะพูดต่อทั้งที่ยังคงจับจ้องอยู่ไม่วางตา “...อยากให้ช่วยขยายความให้หน่อยว่าเด็กของผมไม่เหมาะที่จะเข้าร่วมโปกเจกต์นี้ตรงไหน จะได้นำไปพัฒนาได้ถูกจุด” ฮานะหันไปมองคนข้างกายสลับกับฝ่ายนั้นด้วยท่าทีสบายๆ “แล้วก็รบกวนคุณเฮนรีย์ช่วยเสนอทางแก้ปัญหาและเสนอชื่อนายแบบที่คุณคิดว่าตอบโจทย์กับงานนี้มาให้ด้วยนะครับ พวกเราจะได้วิเคราะห์ช่วยกันว่าทางเลือกของคุณนั้นจะดีกว่าของคุณแกเรนหรือเปล่า” จบสิ้นประโยครอยยิ้มที่เต็มไปด้วยไมตรีก็ถูกส่งยื่นไปให้ก่อนจะมีเสียงหัวเราะชอบใจจากลูกทีมของตัวเองแทรกเข้ามาจนฮานะต้องหันไปมองปราม   


“ถ้าอย่างนั้นผมว่าให้ทุกคนที่อยู่ในนี้ลองเสนอความคิดเห็นเพิ่มดีไหม” แกเรนเปลี่ยนประเด็นเพื่อให้บรรยากาศในห้องลดความตึงเครียดลง “มีใครคิดว่าพีทไม่เหมาะกับโปรเจกต์นี้บ้างครับ”

   ในระหว่างที่ทั้งห้องกำลังปรึกษาหารือกันอยู่นั้นหญิงสาวที่รับหน้าที่เป็นครีเอเตร์ประจำทีมก็ยกมือขึ้นมาเป็นคนแรก “บอสคะ”

   “เชิญครับ” แกเรนผายมือให้เธอได้เสนอความคิดเห็นออกมา

   “เท่าที่ฉันพิจารณาดูแล้ว คุณพีรัทมีคาแรคเตอร์ตรงตามคอนเซปที่วางเอาไว้ตั้งแต่แรก…แน่นอนว่าเขาตรงมากกว่าเรย์ เพราะรูปร่างและใบหน้าที่คมกว่า ทำให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของคาแรคเตอร์ได้มากกว่า” เธอพูดตามความรู้สึก ถึงแม้จะยังไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าเจ้าตัวจะสามารถทำหน้าที่นี้ออกมาได้ดีแค่ไหนแต่เซ้นท์บางอย่างที่อยู่ในตัวกำลังร้องบอกว่าเด็กคนนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

   “เรื่องคาแรคเตอร์มันเปลี่ยนกันได้” เฮนรีย์แย้งอย่างไม่ยอมแพ้

   “แต่อินเนอร์ประจำตัว...มันสร้างได้ยาก” เธอปรายตามองตอบกลับอย่างไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อถูกขัดกลางคัน

   “สิ่งที่ฉันต้องการจะบอกคือคาแรคเตอร์นี้ต้องการความดิบทางอารมณ์ค่อนข้างสูง นั่นคือซื่อตรงไร้จริตเพื่อให้มันออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด ผิดกับของอเล็กซ์ที่ขายคาแรคเตอร์ที่แตะต้องได้ยากกว่า…เพราะฉะนั้นฉันจึงคิดว่าพีทเหมาะกับงานนี้ที่สุด” เหตุผลของเธอได้รับการยอมรับจากทีมงานแทบจะทุกคน จะมีก็แต่ทีมสไตล์สิสต์ของเฮนรีย์ที่ไม่คล้อยตาม

   “ส่วนเรื่องฝีมือหรือความสามารถคงต้องให้โอกาสเจ้าตัวเขาได้พิสูจน์เอง” แกเรนเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของเด็กหนุ่มและตบเบาๆ “เจนนี่ถึงขั้นออกปากรับรองด้วยตัวเอง...ผมคิดว่าพีทคงไม่ทำให้พวกเราผิดหวังแน่นอน” ใบหน้าสวยของผู้มีอำนาจสูงสุดเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรและนั่นก็เป็นอันเข้าใจโดยทั่วกันแล้วว่าบทสรุปของงานนี้คุณแกเรนผลักดันเด็กเทรนด์คนใหม่อย่างเห็นได้ชัด

   “ถ้าคุณตั้งใจเอาไว้อยู่แล้วก็ไม่น่าเปิดโอกาสให้เสนอความคิดเห็นตั้งแต่แรก” เฮนรีย์แค่นหัวเราะออกมาก่อนจะหยิบเอาของแล้วรีบเดินออกไปจากห้องประชุมทันทีโดยมีเหล่าลูกทีมกุลีกุจอตามหลังไป

   “คิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ” เบต้าสาวสวยหนึ่งในลูกทีมของฮานะหัวเราะออกมาอย่างเหลือเชื่อกับพฤติกรรมไร้มารยาทของฝ่ายนั้น...ตั้งแต่เธอร่วมงานกันมาไม่เคยเห็นคุณฮานะทำพฤติกรรมแย่ๆแบบนี้ใส่คุณแกรนเลยแม้แต่ครั้งเดียวทั้งที่พวกเขาทั้งคู่สนิทสนมกัน

   “พอแล้วน่า” โดนฮานะหันมาดุอีกหน

   “ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะนัดสรุปอีกที เรามีเวลาเตรียมตัวกันอีกสองอาทิตย์…ส่วนวันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน ขอบคุณทุกคนมาก” แกเรนตัดบทสรุปทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกตึงขึ้นมาที่ข้างขมับเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้า “ฮานะ” หันไปเรียกคนที่กำลังเก็บแฟ้มงานใส่กระเป๋าและมองสลับกับใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

   “ครับ”

   “ผมมีธุระอยากคุยด้วยหน่อย” ฮานะชะงักมือไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปบอกให้ใครอีกคนไปนั่งรอที่โซฟาด้านนอก

   เมื่อทั้งห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคนแกเรนก็ดูผ่อนคลายลงไปมาก ยอมรับเลยว่าก่อนหน้าเขาต้องระงับอารมณ์ไม่ให้ปะทะคารมกับสไตล์ลิสต์อีกทีมเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

   “ธุระอะไรครับ” ฮานะถามด้วยความไม่มั่นใจ

“เรื่องยาคุมน่ะ” โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลาแกเรนก็พุ่งตรงประเด็นคำถามอย่างไม่คิดอ้อมค้อม “ผมแค่อยากรู้ว่าคุณได้ทานมันสม่ำเสมอไหม” เขาถามอย่างนึกเป็นห่วงเพราะสุขภาพของฮานะช่วงนี้ดูแย่ลงกว่าเดิมคงเป็นเพราะผลข้างเคียงจากยาคุมและยาระงับฮอร์โมนฮีทที่อีกฝ่ายรับมาตลอดสองปีเต็ม

   “หมอบอกหมดชุดนี้ให้ผมพักช่วงไปก่อนครับ”

   เพราะถ้าขืนยังรับยาเข้าไปต่อเนื่องเหมือนอย่างที่ผ่านมาละก็แน่นอนว่าร่างกายเขาเองก็รับไม่ไหว มันอาจจะส่งผลไปถึงอนาคตทั้งเรื่องโอกาสเสี่ยงที่จะแท้งในการตั้งครรภ์รวมไปถึงภูมิคุ้มกันร่างกายที่ลดลง

   “ตอนอยู่กับอเล็กซ์” น้ำเสียงจริงจังติดจะเครียดทำให้บรรยากาศมาคุลงไปเล็กน้อย “เคยฮีทหรือเปล่า”

   ฮานะเม้มปากแน่นจนซีดก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ครับ” จะว่าไม่เคยก็ไม่เชิง...แค่ช่วงแรกๆที่ฮีทอเล็กซ์ไม่ได้อยู่ด้วย โชคดีที่สามารถหลีกเลี่ยงมาได้ตลอด“ตอนช่วงแรกๆที่ฮีทผมได้กลิ่นเขาที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้า...และเขาไม่ใช่..”

   อเล็กซ์ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาของเขา...

   “เป็นเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องในชีวิต” แกเรนหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี “ฮานะเคยรู้เรื่องของลี่ชิงกับเฟิงหลงไหม” เขาตั้งคำถามอีกครั้ง

   “ไม่ครับ...ผมไม่รู้” กับจางลี่ชิงเองเคยร่วมงานกันอยู่แค่ครึ่งปีหลังจากนั้นก็มีคนมารับช่วงต่อ รู้อีกทีก็เห็นว่าฝ่ายนั้นผูกพันธะกับคู่แห่งโชคชะตาไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยซึ่งคนคนนั้นก็คือคุณจางเฟิงหลง

   “ก่อนที่จะผูกพันธะกัน เฟิงหลงไม่ได้กลิ่นของลี่ชิงทั้งที่อยู่ด้วยกัน” เมื่อได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ...จะเป็นไปได้ยังไงกัน?

   “เป็นไปได้ด้วยเหรอครับ” ฮานะถามอย่างสงสัยเพราะโดยปกติแล้วถ้าทั้งสองเป็นคู่แห่งโชคชะตากันแล้วละก็เพียงแค่ได้กลิ่นบางเบาของอีกฝ่ายพันธะก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างถูกดึงดูดกันและกัน โหยหาซึ่งกันและกันเท่านั้น

   “เพราะว่าลี่ชิงป่วยจึงทำให้ต้องรับยามาตั้งแต่เด็ก และยานั้นก็ส่งผลต่อประสาทการรับรู้และทำลายต่อมควบคุมฟีโรโมนในร่างกาย จึงทำให้เฟิงหลงไม่ได้กลิ่นและไม่รู้ว่าลี่ชิงคือคู่ของตัวเอง”

   “...คุณต้องการจะบอกอะไรกันแน่” ฮานะจ้องตาอีกฝ่ายตอบกลับไป...แกเรนคงไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเฉยๆแน่ถ้าไม่ต้องการที่จะสื่ออะไรบางอย่างให้เขาได้รับรู้

   “เปล่า...ก็แค่คิดขึ้นมาได้ว่าคุณเองก็ห่างหายจากการฮีทมานาน นั่นคงเป็นสัญญาณบอกได้ว่าฟีโรโมนในร่างกายคงถูกด้วยฤทธิ์ของยาทำให้ระบบในร่างกายมันรวน ส่งผลให้ทั้งตัวคุณและคู่ของคุณไม่สามารถเชื่อมพันธะกันได้...ในตอนนี้”

   “...”

แล้วความจริงที่พยายามหลีกหนีกลับไล่ตามเล่นงานเขาจนฝ่ามือเย็นเฉียบ...

   เมื่อนึกถึงอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่ใครบางคนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ..

   “นั่น...คือสิ่งที่ผมต้องการจะบอก”



_______________________________________________



แนบรูปเด็กชายพีรัทผู้นับถือศาสนาฮานะ และมีฮานะเป็นศาสดา

Cr.ขอบคุณน้อง Chamxmiley มา ณ ที่นี้จ้าา



ฝากเม้นต์เป็นกำลังใจให้เจ้าเด้นด้วยนะคะ

แวะมาพูดคุยกันได้ที่ #ดอกไม้ของพีท ในTwitter ค่าา > <



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2019 21:31:57 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #51 เมื่อ19-10-2019 22:05:39 »

 :o8: :o8:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #52 เมื่อ19-10-2019 22:35:31 »

เราก็คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นคู่แห่งโชคชะตาแน่เลย แต่เป็นเพราะการกินยาที่มากเกินไป เลยทำให้ไม่แสดงผล
คราวนี้ นักเขียนมาเฉลยเองว่าอาจเป็นเพราะเหตุนี้
หวังว่าเราคงจะไม่คาดผิดนะ5555

สนุกมากค่ะ
มาต่อไวๆน้าา

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #53 เมื่อ19-10-2019 22:36:26 »

ถ้าแม่นุ้งพีทไม่โทรศัพท์มา..จาเกิดอะไรขึ้น #คิดดีไม่ได้เลย..ยยยย   :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #54 เมื่อ19-10-2019 23:06:05 »

แอแงงงงง แล้วนุ้งพีทของเราล่ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #55 เมื่อ19-10-2019 23:32:38 »

รอดูงานแรกของพีทแล้ว
เจ้าหมา พิคกี้บูบู T_T

ออฟไลน์ pearlluv

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #56 เมื่อ20-10-2019 03:23:16 »

สนุกมากกก เป็นกำลังใจให้นะคะ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #57 เมื่อ20-10-2019 14:39:33 »

โกเด้นชักจะเอาใหญ่แล้วนะ  อีกไม่นานฮานะคงใจอ่อนแน่นอนน

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
«ตอบ #58 เมื่อ20-10-2019 18:59:33 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
«ตอบ #59 เมื่อ26-10-2019 19:03:59 »

CHAPTER NINE
_________________________________



   หลังจากที่ได้ข้อสรุปเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าพีทจะได้เข้าร่วมถ่ายแบบกับทางสปอร์ตแบรนด์เป็นงานแรก การฝึกเทรนด์ทุกอย่างก็เพิ่มความเข้มงวดขึ้นเป็นอีกเท่าตัวเพราะพวกเขานั้นมีเวลาเหลืออยู่อีกเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นก่อนที่จะต้องไปถ่ายแบบที่ทะเลทางใต้แถบอันดามัน

   ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าตารางชีวิตของฮานะและพีทวนเวียนอยู่แค่ห้องพักและบริษัท เด็กหนุ่มไม่ได้กลับไปนอนที่อพาร์ทเมนต์ของตัวเองเพราะเขาให้ขนเสื้อผ้ามานอนด้วยกันที่คอนโดจะได้ไม่เปลืองเวลาและค่ารถไปกลับให้เสียเที่ยว

   วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่พีทต้องเทรนด์ทั้งวัน เห็นคุณเจนนี่บอกว่าจะให้ลองเดินบนแคทวอร์คดูเพราะจะได้ไม่ต้องรู้สึกประหม่าเวลาที่เจอของจริง

   “หน้าเครียดเชียวมีเรื่องอะไรรึเปล่า” น้ำขวดหนึ่งถูกยื่นส่งไปให้หลังจากที่ได้เวลาพักเบรก ฝ่ายนั้นรับไปเปิดดื่มได้เพียงแค่นิดเดียวก็ลงมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันพร้อมกับโอบแขนลงบนเอวเขาอย่างแนบเนียน

   นับตั้งแต่วันนั้นพีทก็ดูจะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง...แต่การกระทำทั้งหมดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออยู่กันเพียงสองคนเท่านั้น หากบริเวณนั้นมีคนอื่นอยู่อีกฝ่ายก็จะไม่ทำอะไรเกินเลยให้เขาต้องหนักใจกับสายตาของคนอื่น

   “ฮานะ”

   “หืม” ฮานะขานรับ แต่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับงานบนหน้าจอไอแพด “ว่าไง”

   “คือ...” เด็กหนุ่มเว้นจังหวะไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “คืนนี้ผมขอไปเล่นดนตรีกับเพื่อนได้ไหมครับ”

   “ที่ไหนล่ะ” เขากดปิดหน้าจอเอาไว้เพื่อพักสายตาก่อนจะหันกลับมามองหน้าคู่สนทนาแทน

   จำได้ว่าพีทเคยบอกเอาไว้ก่อนที่จะเข้ามาทำงานในโมเดลลิ่งว่าเจ้าตัวเคยเล่นดนตรีที่ไนท์คลับกับเพื่อน เพราะอย่างนั้นจึงไม่นึกแปลกใจอะไรที่จู่ๆอีกฝ่ายจะเอ่ยปากขอไป

“ผับZครับ” แววตาคู่นั้นก้มลงมองต่ำในระดับที่พอดีกับริมฝีปากสีสดที่พักหลังมานี้เจ้าตัวได้ลิ้มรสไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง

ยิ่งได้มองลำคอกลับยิ่งแห้งผากขนาดที่ว่าน้ำที่เพิ่งจะดื่มเข้าไปยังช่วยดับความกระหายเอาไว้ไม่ได้ “พอดีคนในวงขาดไปคนนึงน่ะครับ เขาเลยอยากให้ผมไปช่วย” เด็กหนุ่มดึงสายตากลับขึ้นมาเมื่อเริ่มรับรู้ได้ถึงความต้องการที่เกินขีดจำกัดของตนเอง...ขืนมองนานกว่านี้มีหวังเขาคงได้เอาเปรียบฮานะอีกแน่นอน...

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ฮานะยักไหล่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย เพราะเข้าใจว่าพีทเองก็โหมงานหนักติดกันมาหลายวันจนเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเครียด...ให้หยุดพักผ่อนไปทำในสิ่งที่เจ้าตัวชอบก็ดีอยู่เหมือนกัน “แต่มีข้อแม้นะ”

   “...”

   “ฉันจะไปด้วย” จู่ๆก็รู้สึกว่าพักหลังมานี้ไม่ได้ออกไปเห็นแสงสีกับใครเขาสักที มองไปทางไหนก็งานอีกอย่างกว่าจะนัดรวมตัวเพื่อนให้ครบทีมได้ก็ยากเสียยิ่งว่าอะไรทั้งหมดเพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีหน้าที่การงานและครอบครัวที่ต้องดูแล

   และช่วงที่ผ่านมา...เขาก็มัวแต่สนใจและตามติดคนอื่นมากเกินไปจนละเลยตัวเอง

   “จะดีเหรอครับ” พีทยังคงลังเล ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ฮานะไปด้วย...แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ฮานะไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นตัวคนเดียวเพราะเขาเองก็ต้องขึ้นไปอยู่บนเวทีคงไม่ได้อยู่ใกล้ๆตลอดเวลา

   ...ถ้าจะบอกว่าหวงก็คงไม่เกินจริงนัก..

   “เผื่อเธอจะลืมอะไรไปนะ” ใบหน้าสวยจัดยิ้มกว้างราวกับมองออกว่าเขากำลังนึกคิดอะไรอยู่ “ฉันอายุสามสิบแล้ว...ที่แบบนั้นน่ะ สบายมาก” เพราะเห็นว่านัยน์ตาคมเข้มฉายแววเป็นห่วงออกมาชัดเจนจนปิดไม่มิดเลยต้องอธิบายให้ฝ่ายนั้นได้เข้าใจ “อีกอย่าง...ถือว่าไปคุมความประพฤติเธอด้วย จะได้ไม่ดื่มจนเมาหัวราน้ำ” ฮานะเอื้อมมือไปบีบแก้มของเจ้าเด็กตัวโตตนหน้ายู่เหมือนอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลาที่นึกมันเขี้ยวขึ้นมา

   แถมเกาคางให้ด้วยเลยเอ้า

   “ผมไม่ดื่มอยู่แล้ว”

   “ว่าไงนะ?” ตากลมโตเบิกขึ้นอย่างไม่คิดจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...ก็เด็กสมัยนี้บางคนน่ะเริ่มดื่มเครื่องดื่มมึนเมากันตั้งแต่ชั้นมัธยมเสียด้วยซ้ำไป เป็นไปได้ยากมากที่เด็กหนุ่มวัยนี้จะไม่แตะต้องของพวกนี้...มิหนำซ้ำพีทยังต้องทำงานในสถานที่ซึ่งหลึกเลี่ยงได้ยากอีก

   เหลือเชื่อเลยจริงๆ…

   “ผมคออ่อนมาก” เด็กหนุ่มยิ้มบาง คว้ามือขาวขึ้นมากอบกุมเอาไว้พร้อมกับลูบข้อนิ้วเรียวไปมาเมื่อเห็นว่าฮานะนั่งมองจนบริเวณแก้มมีริ้วแดงพาดผ่านเจือจาง “ตอนมอปลายเคยดื่มจนเมาแอ๋ไม่ได้สติล้มพับอยู่สวนหน้าบ้านเลยโดนแม่ด่าหูชา หลังจากนั้นก็ไม่แตะมันอีกเลย”

   หลังจากที่สารภาพออกไปอีกฝ่ายก็หลุดขำและยิ้มกว้างจนตาปิดทำให้เขาต้องยิ้มตามไปด้วย

   “จริงเหรอเนี่ย...น่ารักจัง” ฮานะมองอย่างเอ็นดูก่อนจะถามต่อ “แล้ว...เธอสูบบุหรี่หรือเปล่า” เพราะเท่าที่จำได้ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาไม่เคยได้กลิ่นอะไรออกมาจากตัวของอีกฝ่าเลยนอกจากกลิ่นของโคโลญจน์และน้ำหอมที่เจือจางจนกลืนหายเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัวที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้

   “ตอนเด็กๆผมเป็นภูมิแพ้...ก็เลยไม่คิดจะลอง” พีทส่ายหน้าและยิ้มออกมา ก่อนจะถือวิสาสะยกเรียวนิ้วของอีกฝ่ายที่ยังคงมีกลิ่นนิโคลตินที่ยังหลงเหลือขึ้นมาจรดจูบ

   ถึงจะไม่เคยชอบกลิ่นของบุหรี่แต่พอมันเจือจางผสมรวมไปกับตัวฮานะแล้วเขากลับหลงใหลมันจนเรียกได้ว่าถึงขั้นเสพติด...

   ความอุ่นซ่านแล่นขึ้นมาถึงแกนสมองจนฮานะตาพร่าเบลอเฉียบพลันเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้อยู่กันเพียงแค่สองต่อสอง แต่พอหันไปมองรอบห้องกลับพบแค่เพียงความว่างเปล่าจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

   “ถ้าอย่างนั้นก็แย่เลยสิ” รู้สึกผิดขึ้นมาไม่น้อยเพราะตัวเขาเองก็เรียกได้ว่าค่อนข้างสูบบุหรี่จัด แต่ที่ผ่านมาพีทไม่เคยออกปากเลยคิดเอาเองว่าฝ่ายนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร “แล้วอย่างนี้ตอนไปเล่นดนตรีอาการไม่แย่เอาเหรอ”

   ...เห็นทีคงจะต้องเริ่มงดจริงจังขึ้นมาซะแล้วสิ

   ถ้าขืนยังสูบจัดเหมือนเมื่อก่อนแล้วอาการภูมิแพ้ของเจ้าเด็กตัวโตกำเริบขึ้นมาล่ะแย่แน่เลย...

   “สบายมากครับ” เพราะตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้นมาเขาก็เริ่มหันมาดูแลสุขภาพตัวเองโดยการออกกำลังกายและเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของโรงเรียนจึงทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมากไม่ป่วยบ่อยเหมือนตอนเด็กๆ

   “แน่ใจ?” ฮานะหรี่ตามองเจ้าโกลเดนท์ตัวโตอย่างจับผิดพร้อมกับชี้นิ้วคาดโทษเอาไว้ “ถ้ากลับมาแล้วป่วยล่ะคอยดู”

   เด็กหนุ่มมองตามเรียวนิ้วขาวของอีกฝ่ายก่อนจะไล่ไปหาใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยที่กำลังทำหน้าดุได้อย่างน่ารัก ฮานะตาโตเมื่อเขาเคลื่อนตัวเข้าไปหาก่อนจะรีบยกมือมาดันแผ่นอกเอาไว้ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นจนหน้ายุ่งพร้อมกับค้อนวงโตที่ถูกส่งมา

   “หยุดเลย...เอาหน้าออกไปเดี๋ยวนี้” ฮานะขู่ฟ่อด ดูไปดูมาก็คล้ายกับลูกแมวตัวน้อยๆที่กำลังพองขนใส่เวลาที่ตกใจหรือกำลังหวาดกลัว “พีท!” ไม่ทันขาดคำก็ถูกเจ้าเด็กตัวโตขโมยหอมแก้มเข้าอย่างจังพอดีกับที่บานประตูห้องสตูดิโอถูกเปิดเข้ามา โชคดีที่เจนนี่กำลังวุ่นอยู่กับการคุยโทรศัพท์จึงไม่ทันได้สังเกตว่าเขาถูกลูกรักของเธอฉวยโอกาสเข้าให้

   พีทเดินออกไปเมื่อถึงเวลาเทรนด์ต่อ แต่ก่อนจะไปก็ยังไม่วายทิ้งระเบิดเอาไว้ลูกใหญ่โดยการคว้าเอาหลังมือเขาขึ้นไปจรดจูบด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้ต้องนั่งสงบจิตใจอยู่นานเมื่อรู้สึกว่าจังหวะชีพจรมันเต้นถี่ขึ้นจนแทบทะลุออกมาจากอก

   ..เจ้าเด็กนิสัยไม่ดี...





“แล้วเธอจะไปที่ผับตอนไหน” ในระหว่างที่กำลังยืนรอลิฟต์อยู่นั้นฮานะก็หันไปถามคนข้างกายเพราะอีกฝ่ายบอกว่าจะขอไปซ้อมที่สตูดิโอของเพื่อนก่อนจะขึ้นเล่นจริงในคืนนี้

   “คงราวๆสักสามสี่ทุ่มครับ”

เด็กหนุ่มตัวสูงดูโดดเด่นจนทำให้ใครต่อใครที่เดินผ่านไปมาหันมองจนเหลียวหลัง...อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าเวลาที่ผ่านไปแค่เดือนกว่าๆนั้นพีทดูเปลี่ยนไปมาก ลาดไหล่ที่กว้างผ่าเผยตั้งขึ้นรับกับแผ่นอกหนาตึงแน่นใต้เสื้อยืดสีเข้ม ให้ความรู้สึกมั่นคงแข็งแรง

   ไร้ซึ่งร่องรอยของเด็กที่ขาดความมั่นใจเมื่อตอนที่เจอกันครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง...

   “ฉันไปด้วยสิ” ฮานะเอ่ยปากขอเพราะไม่อยากจะกลับไปอยู่ที่ห้องคนเดียว...เรียกได้ว่าตอนนี้เขาเสพติดการที่มีเจ้าโกลเดนท์ตัวใหญ่คอยวนเวียนอยู่รอบตัวไปซะแล้ว

   “เอาไว้เจอกันคืนนี้ดีกว่าครับ ห้องซ้อมมันไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่...ผมกลัวว่าฮานะจะเบื่อ” เหตุผลที่อ้างไม่ขึ้นถูกหยิบยกมาใช้ แต่ความเป็นจริงแล้วห้องซ้อมของเพื่อนเขานั้นห่างไกลจากคำว่าไม่สะดวกสบายอยู่มาก แต่ที่ไม่อยากให้ฮานะไปก็เพราะรู้นิสัยของกลุ่มเพื่อนตัวเองดี

   ไม่มีทางที่พวกมันจะนั่งมองฮานะเฉยๆโดยไม่ออกปากแซวแน่นอน...

   “ไม่เห็นจะเบื่อเลย” คนอายุมากกว่าเริ่มงอแง...พักหลังมานี้ฮานะรู้สึกว่าตัวเองแสดงอารมณ์แปลกๆออกมาอยู่บ่อยครั้ง และทุกๆครั้งมันก็มักจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่อยู่กับพีทเท่านั้น เหมือนกับว่าสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้อย่างสบายใจคล้ายกับตอนที่อยู่กับครอบครัว

   เป็นความสบายใจที่ไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนานตั้งแต่ที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวที่เมืองไทย หลังจากที่ทุกคนย้ายกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นและเหลือแค่เขาเพียงคนเดียวที่ดื้อด้านจะอยู่ที่นี่เพียงเพราะต้องการแค่อยากอยู่ใกล้กับใครบางคน

   ...งี่เง่าสิ้นดี..

   “ถ้าฮานะไปด้วยผมคงไม่มีสมาธิซ้อม” ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงมากอบกุมอย่างถือวิสาสะเมื่อเห็นว่ารอบกายนั้นไร้ซึ่งผู้คน

   “ฉันไม่ป่วนหรอกน่า”

 ใบหน้าน่ารักอมยิ้มพร้อมโคลงหัวไปมา ปล่อยให้มือถูกกุมเอาไว้อย่างนั้นโดยที่ไม่คิดจะผลักไสออกไป ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านผิวเนื้อมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจที่นับวันก็เริ่มที่จะควบคุมมันยากขึ้นไปทุกทีคล้ายกับน้ำแข็งที่เริ่มถูกหลอมละลายจากแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์ไปทีละนิด

...ไร้ซึ่งแรงที่จะต้านทาน



(มีต่อด้านล่าง)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด