CHAPTER O N E
เสียงรัวชัตเตอร์และแสงแฟลชทำงานอย่างต่อเนื่อง ร่างสูงใหญ่ของนายแบบชื่อดังเอนตัวพิงหัวเตียงโดยมีนางแบบสาวสวยสองคนประกบข้าง เชิ้ตขาวไม่ได้ติดกระดุมเผยให้เห็นแผงอกที่มีมัดกล้ามเนื้อสมส่วนผนวกกับผิวขาวเรียบเนียนบ่งบอกว่าเจ้าตัวดูแลร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี เรือนผมสีบลอนด์ถูกเซ็ทเปิดใบหน้าคมตามฉบับหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังเป็นที่นิยม นัยน์ตาสีฟ้ากดมองเลนส์กล้องอย่างมืออาชีพ ภาพในจอมอนิเตอร์เผยให้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่แสนเย่อหยิ่งตามฉบับอัลฟ่าชนชั้นสูงตรงตามคอนเซ็ปงานของลูกค้าที่บรีฟมาอย่างไร้ที่ติ
‘อเล็กซ์ แอนเดอร์สัน’ นายแบบเชื้อชาติผสมระหว่างไทยกับอังกฤษที่กำลังติดท็อปแถวหน้าของโมเดลลิ่งเจ้าใหญ่ในประเทศ ซ้ำยังโด่งดังและมีชื่อเสียงจนถูกติดต่อขอซื้อตัวกันให้วุ่น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไฮท์เอนด์หรือแม้กระทั่งนิตยสารชื่อดังก็ต้องการทาบทามให้ชายหนุ่มมาร่วมงานจนคิวนั้นแน่นไปล่วงหน้าสองปีเต็ม
“วันนี้พอแค่นี้” เสียงสั่งเลิกกองดังขึ้นหลังจากที่ได้จำนวนภาพตามที่ต้องการ “ทำดีมากอเล็กซ์ ลูกค้าต้องปลื้มแน่” ช่างภาพที่ทำงานร่วมกับโมเดลลิ่งแห่งนี้มานานเดินเข้าไปตบบ่าอีกฝ่ายก่อนจะรีบชักมือกลับเมื่อถูกสายตาเย็นชาจ้องตอบกลับมาราวกับว่าต้องการย้ำให้ได้เข้าใจว่าชนชั้นเบต้าอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์แตะเนื้อต้องตัวตนเอง
“ฮานะ มานี่” อเล็กซ์เลิกสนใจเพื่อนร่วมงานก่อนจะหันไปกวักมือเรียกผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังเย็บซ่อมเสื้อผ้าใช้สำหรับถ่ายเซ็ทต่อไป แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่ทำตามแล้วยังก้มหน้าก้มตาทำงานราวกับว่าเขาเป็นเพียงธาตุอากาศ “ฮานะ” เอ่ยเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นจนคนที่อยู่รอบบริเวณนั้นหันมามองอย่างสนอกสนใจ
“มีอะไร” เจ้าตัวทิ้งเข็มและกล่องด้ายให้เด็กฝึกงานอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้าก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา
วันนี้ฮานะแต่งตัวมิดชิดรัดกุมมากกว่าปกติ เสื้อคอเต่าสีดำแขนยาวตัวใหญ่กับสกินนี่แนบเนื้อเน้นช่วงขาเพรียวสวย ใบหน้าถูกหน้ากากอนามัยบดบังไปเกือบครึ่ง กลุ่มผมยาวมัดรวบไว้เป็นหางม้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของอีกฝ่ายดูลดน้อยลง...เพราะตลอดเวลาการทำงานสังเกตเห็นว่ามีพวกเด็กในกองแอบมองคนของเขาอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มถูกตะกอนขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในจิตใจรบกวนมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพจึงประคองสติให้สามารถทำงานต่อได้อย่างราบรื่น
“ซับหน้าให้ฉันหน่อยสิ” อเล็กซ์อ้อนขอพร้อมกับถือวิสาสะโอบเอวอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ การกระทำอุกอาจนั้นเรียกสายตาของคนในกองถ่ายให้หันมามองเป็นตาเดียว...รวมถึงเด็กฝึกงานคนที่เขากำลังแอบคั่วอยู่ด้วย...
เพราะในสายตาคนอื่นเขากับฮานะมีความสัมพันธ์เพียงแค่เพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้น แต่จู่ๆ กลับมาแนบชิดกันถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก็ไม่แปลกที่จะถูกมอง
“อเล็กซ์...ปล่อย” อีกฝ่ายขืนกายออกห่างด้วยท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อถูกตกเป็นเป้าสายตา
“อย่าดื้อน่า” อเล็กซ์บีบบังคับทางอ้อมโดยการใช้สายตากดดันจนคนในอ้อมกอดเลิกต่อต้าน
เขาปรายตามองไปยังช่างภาพคนก่อนหน้า ก่อนจะสื่อสารทางสายตาว่าอย่าได้สะเออะมายุ่งกับคนของเขาอีก เพราะตอนช่วงพักกองเขาเห็นว่ามันเข้าไปชวนฮานะคุยและแสดงท่าทีสนิทสนมจนเกินความจำเป็น ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีหรือจะสนใจ อย่างมากก็แค่พูดจาเสียดสีให้อีกฝ่ายเจ็บปวดแต่ตอนนี้กลับแสดงท่าทีหวงของจนตัวเขาเองยังนึกแปลกใจ
อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกว่าฮานะเริ่มจะลุกขึ้นมาต่อต้านและพร้อมที่จะเดินหนีไปได้ทุกเมื่อ
“ก้มหน้าลงมาสิ” เสียงพึมพำแผ่วเบาเอ่ยบอกลอดหน้ากากอนามัย
ร่างสูงใหญ่ก้มลงไปหาอย่างว่าง่ายก่อนจะหลับตาลงรอให้อีกฝ่ายซับหน้าให้
สัมผัสนุ่มนวลที่คุ้นชินค่อยๆ ซับหยาดเหงื่อที่ผุดซึมออกมาข้างขมับให้อย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างที่เคยทำแต่เป็นเขาเองที่เพิกเฉยและไม่นึกใส่ใจมาโดยตลอด กลิ่นน้ำหอมเจือจางเฉพาะกายที่อีกฝ่ายใช้เป็นประจำทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นเริ่มสงบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด อเล็กซ์ลืมตาขึ้นมองใบหน้าได้รูปที่กำลังตั้งอกตั้งใจอย่างเต็มที่
“ผอมลงนะ” รอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่ใครต่อใครต่างลงความเห็นว่าน่าหลงใหลจุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม...รอยยิ้มที่ฮานะตกหลุมรักมันมาเกือบจะสิบปี
“อืม” นัยต์ตาสวยวูบไหวเพียงนิด ก่อนเจ้าตัวจะรีบเบือนหน้าหนีออกไปทางอื่น
อเล็กซ์ช้อนมือเข้าที่ใต้คางของอีกฝ่ายตอนที่เห็นว่าภายในกองถ่ายเหลือคนอยู่เพียงน้อยนิด ก่อนจะถือโอกาสนี้มองใบหน้าสวยจัดที่ทำเอาใครต่อใครเข้าใจผิดมานักต่อนักว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้หญิง
ฮานะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นจึงมีดวงตาที่เรียวสวย ผิวขาวจัดเนียนลื่นมือ เพียงแค่ลงน้ำหนักนิดหน่อยก็ขึ้นรอยแดงได้โดยง่าย ริมฝีปากบางเฉียบสีอ่อนรับกับสันจมูกที่โด่งรั้นได้อย่างพอดิบพอดี...แต่สิ่งที่เสริมเสน่ห์ให้อีกฝ่ายดูน่ามองก็เห็นจะเป็นขี้แมลงวันจุดเล็กที่ประดับอยู่บริเวณใต้ตาด้านขวา
ตอนที่มันถูกหยดน้ำตาไหลลงมาอาบเพราะเจ้าตัวถูกเขาโอบกอดอย่างรุนแรง ยิ่งเพิ่มแรงกระตุ้มเร้ามากกว่าเดิม
มันดู...เซ็กซี่ เย้ายวน...จนเจียนจะคลั่งตาย...
“เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” อเล็กซ์คว้ามือคนที่กำลังจะหันตัวกลับ ฝ่ายนั้นก้มลงมองเพียงครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ว่าง” ฝ่ามือถูกแกะออกอย่างไม่ไยดีก่อนเจ้าตัวจะเดินกลับไปทำงานต่อ แต่เขาก็ไม่ยอมล่าถอยกลับเดินตามติดไปอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“จะไปไหน”
“…”
“ฮานะ...ฉันถาม” เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ถูกเมิน
กล่องเข็มในมืออีกฝ่ายถูกแย่งมาถือเอาไว้ก่อนที่เขาจะโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดีจนได้สีหน้าท่าทางที่ไม่พอใจจากอีกฝ่ายตอบกลับมา
“นายกำลังรบกวนเวลทำงานของฉัน” ฮานะมองตอบกลับมาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินเลยไปก้มเก็บเข็มและม้วนด้ายใส่กล่องและมองเมินราวกับว่าเขานั้นเป็นเพียงธาตุอากาศ...เพียงเท่านั้นอารมณ์มาคุที่มีอยู่ก่อนหน้าก็โหมกระพือขึ้นมาจนต้องขบกรามกรอดเพื่อระงับโทสะ
ม้วนด้ายที่ตกอยู่ใกล้เท้าถูกเหยียบเอาไว้อย่างไม่สะทกสะท้านตอนที่ฝ่ายนั้นกำลังจะก้มลงหยิบ
“ช่วยยกเท้าออกด้วย” ฮานะร้องขอ แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
“ตอบฉันมาก่อนสิ” ชายหนุ่มยืนล้วงกระเป๋ากางเกงและดุนลิ้นเข้าที่กระพุ้งแก้มอย่างยียวน
ท่าทางหยาบคายแบบนี้จะถูกแสดงให้เห็นก็ต่อเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าฮานะและพวกชนชั้นที่ต่ำกว่าเท่านั้น...เพราะในเวลาปกติแล้วอเล็กซ์ แอนเดอร์สัน มีภาพลักษณ์เป็นชายหนุ่มอัธยาศัยดีซ้ำยังสุภาพจนใครต่อใครนั้นหลงใหลในรูปลักษณ์ลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาปิดบังตัวตนที่แท้จริง
ฮานะเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น...
“ฮานะ!” อเล็กซ์ตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นเลิกให้ความสนใจกับม้วนด้ายใต้เท้าเขา ก่อนจะเดินหนีไปทางห้องแต่งตัว
ชายหนุ่มรีบผลักประตูตามเข้าไป พอเห็นว่าอีกคนกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าก็เดินตรงเข้าไปหาก่อนจะกระชากไหล่เล็กให้หันกลับมาจนโทรศัพท์มือถือของฮานะหล่นกระแทกพื้น หน้าจอที่หงายขึ้นแสดงแจ้งเตือนให้เห็นว่ามีข้อความเข้าใหม่ ยิ่งได้เห็นท่าทางรีบร้อนของอีกฝ่ายชายหนุ่มก็ยิ่งไม่สบอารมณ์
“นัดใครเอาไว้” อเล็ก์เค้นถามพร้อมกับแย่งเครื่องมือสื่อสารเจ้าปัญหามาถือเอาไว้เอง
“อเล็กซ์...นายกำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉัน” ฮานะพูดเสียงเรียบ โชคดีที่ในห้องนี้ไม่มีคนอื่น ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องอื้อฉาวกันให้ว่อนทั่วบริษัท “ขอคืนด้วย” ฮานะเป็นฝ่ายยอมลงเหมือนอย่างเคย แต่ดูท่าอีกฝ่ายกำลังโมโหได้ที่เพราะนอกจากจะไม่ส่งคืนให้แล้วยังโยนมันไปไว้บนโต๊ะแต่งหน้าจนเครื่องสำอางบางส่วนหล่นลงมาจากโต๊ะกระจัดกระจายเต็มพื้น
“เรื่องส่วนตัว?” คนที่เหนือกว่าแค่นยิ้มเยาะอย่างหยามเหยียด “คนอย่างนายกล้ามีเรื่องส่วนตัวกับฉันด้วยเหรอ”
ชายหนุ่มกระชากร่างที่เล็กกว่าเข้ามาใกล้อย่างแรงจนใบหน้าสวยกระแทกเข้ากับแผงอกกว้าง แมสปิดปากถูกดึงกระชากออกเผยให้เห็นรอยช้ำข้างมุมปากที่เขาเป็นคนทำ ฝ่ามือใหญ่บีบเข้าที่ปลายคางเล็กอย่างแรงซ้ำยังจงใจกดย้ำลงบนแผลจนอีกฝ่ายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เมื่อวานคงไม่เข็ดสินะ...ถึงกล้าต่อต้านฉัน” รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมถูกจุดขึ้นพร้อมกับเรี่ยวแรงมหาศาลที่ส่งผ่านไปทางฝ่ามือด้วยอารมณ์คลุ้มคลั่งที่กัดกินความคิดเพียงเพราะคิดเอาเองว่าของเล่นของตัวเองจะแอบไปคบชู้ลับหลัง
“ปล่อย” ฮานะขัดขืนอย่างไม่ยอมแพ้ “อเล็กซ์ ฉันเจ็บ!”
“เจ็บสิดี! นายจะได้จำใส่หัวเอาไว้ว่านายเป็นของใคร!” คำประกาศความเป็นเจ้าของดังก้องทั่วห้องแต่งตัวโดยไม่กลัวว่าใครหน้าไหนจะได้ยินเข้า...แต่ถึงจะได้ยินเขาก็ไม่สน
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” คำปฏิเสธอย่างกล้าหาญทำเอาเส้นความอดทนขาดผึง
ทั้งที่คำๆ นั้นเขาเป็นฝ่ายพูดย้ำกับอีกฝ่ายเองตลอด แต่ทำไมพอฮานะเป็นฝ่ายพูดบ้างมันกลับสร้างความไม่พอใจให้กับเขาได้มากขนาดนี้
“...ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ” อเล็กซ์แค่นยิ้มเพื่อปกปิดความรู้สึกก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายไปติดกับผนังพร้อมกับใช้วงแขนกักขังไว้ในอ้อมกอด ก่อนคำพูดหยาบคายจะสาดพ่นออกมาเพื่อระบายอารมณ์โทสะ “จะให้ฉันทบทวนความจำให้ไหมว่าเมื่อคืนใครมันนอนอ้าขาเรียกร้องให้ฉันสอดใส่เข้าไปข้างในเหมือนอีตัวตามซ่อง-”
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือฟาดตบเข้ากับใบหน้าคมเข้มดังก้องไปทั่วห้อง ฮานะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังมึนงงรีบเดินหนีแต่กลับถูกกระชากตัวกลับมาแล้วเหวี่ยงเข้ากับประตูจนเกิดเสียงดังลั่น ร่างสูงใหญ่ตามมาทาบทับก่อนจะก้มลงประกบจูบอย่างรุนแรงจนได้กลิ่นคาวคลุ้งของเลือด
“อ..อย่า!” ฮานะดิ้นหนี แต่กลับถูกเรี่ยวแรงมหาศาลตรึงข้อมือเอาไว้ ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องแบนราบที่มีรอยจูบพรมอยู่จนทั่ว “อเล็กซ์ หยุดนะ!” ยิ่งขัดขืนก็ยิ่งถูกล็อกตัวจนเจ็บ ฮานะร้องเสียงหลงเมื่อถูกฝ่ายนั้นบีบเข้าที่สันกรามจนปวดชา
“ทำไม จะรีบวิ่งแจ้นไปหาไอ้ช่างภาพยาจกคนนั้นเหรอ” ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามเพื่อนร่วมสายงานสร้างความไม่พอใจให้ฮานะอย่างถึงที่สุด ก่อนจะนึกเสียใจย้อนหลังที่ตนเองทนโง่งมรักผู้ชายที่มีดีแค่เปลือกนอกคนนี้มานานหลายปี
พอตาสว่างขึ้นมา...มันก็สว่างเสียจนนึกโกรธตัวเองที่โง่งมปิดหูปิดตามาโดยตลอด
“อเล็กซ์ กรุณาให้เกียรติคนอื่นด้วย” ฮานะเอ่ยเตือน เพราะนับวันอารมณ์โมโหร้ายของอีกฝ่ายจะยิ่งทวีความแข็งกระด้างขึ้น...เกรงว่าถ้ายังทำตัวแบบนี้อยู่ อีกไม่นานก็คงลามไปถึงคนอื่นอย่างแน่นอน
“ตอบมา!” อเล็กซ์กดกระแทกลาดไหล่เล็กลงกับประตู “นายแอบคุยกับใครลับหลังฉัน!”
“…ฉันไม่ใช่นาย” สายตาเย็นชาฉายออกมาเพียงแค่วูบเดียวแต่กลับทำเอาคนที่มีชนักปักหลังหน้าม้านไปไม่น้อย
“พูดอะไร ฮานะ” เขาแค่นเสียงไม่พอใจก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ยกลบเกลื่อนเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขา “..หึ ใครมันคาบข่าวไปบอกละ”
“ถอย...ฉันมีธุระต้องไปทำ” ฮานะดันไหล่อีกฝ่ายออกไปให้พ้นทางซึ่งคราวนี้ฝ่ายนั้นก็ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี อเล็กซ์มองตามคนที่ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเมื่อรู้ว่าถูกเขานอกใจด้วยสายตาที่มากไปด้วยคำถาม
ทำไมไม่โกรธ? ไม่มีแม้แต่ความเสียใจที่สะท้อนออกมาให้ได้เห็น
มันเงียบสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...ไม่มีแม้แต่แววตาตัดพ้อน้อยใจที่อีกฝ่ายชอบใช้ตอนที่เขาไม่ให้ความสำคัญ
...และทั้งหมดนั่นยิ่งย้ำเตือนให้เขาเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าสุนัขที่แสนซื่อสัตย์มันเริ่มไม่จงรักภักดีเหมือนอย่างเคย
“คืนนี้ ไปหาฉันที่ห้องด้วย” ทำแสร้งร้องขอเหมือนอย่างเคยตอนที่ฝ่ายนั้นกำลังจะก้าวผ่านพ้นกรอบประตูไป อเล็กซ์ยืนพิงเคาน์เตอร์หินอ่อนด้วยท่าทางผ่อนคลายก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบท้าทายข้อห้ามของบริษัท พร้อมข่มขู่ทิ้งท้ายเอาไว้ “รู้ใช่ไหมว่าถ้าไม่มา...จะโดนอะไร”
ฮานะไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ กลับหยุดชะงักเพียงครู่ก่อนจะหยิบหน้ากากอนามัยชิ้นใหม่ในกระเป๋าขึ้นมาสวมทับเอาไว้แล้วเดินจากไป
ระหว่างทางเดินไปยังชั้นของผู้บริหาร ฮานะแวะนั่งพักบริเวณล็อบบี้ส่วนกลางเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน ซึ่งคงเป็นผลพวงมาจากยาคุมและยาระงับฮีทที่ช่วงนี้ใช้บ่อยเกินขีดจำกัดตามที่หมอสั่ง เพราะพักหลังมาเขากับอเล็กซ์มีความสัมพันธ์ทางกายกันแทบจะทุกวันและไม่มีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายจะยอมใช้เครื่องป้องกัน
หวิดจะโดนกัดก็หลายครั้ง โชคดีที่ไหวตัวทัน ไม่อย่างนั้นคงเป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต...
“คุณฮานะ” เสียงทักทายที่คุ้นเคยดังขึ้นจึงทำให้ต้องเงยหน้ามอง “อาการดูไม่ดีเลย โอเคไหมคะ”
เบต้าสาวสวยที่ดำรงตำแหน่งเลขาของผู้บริหาร Scent Model Agency เดินเข้ามาทักทาย เธอมองมาอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี ยิ่งเห็นว่าคุณฮานะสวมหน้ากากอนามัยด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นห่วงขึ้นไปอีก
“โอเคครับ แค่...รู้สึกเพลียนิดหน่อย” ฮานะพยักหน้าตอบเพื่อให้ฝ่ายนั้นคลายกังวล
“พักผ่อนน้อยอีกตามเคยสินะคะเนี่ย” เธอยิ้มแซวอย่างสนิทสนม “ลงไปหาอะไรทานด้วยกันหน่อยไหมคะ เกรซกำลังจะลงไปซื้อกาแฟให้คุณแกเรนพอดี”
“ไม่เป็นไรครับผมทานมาแล้ว” โกหกคำโตทั้งที่ท้องว่างจนแทบจะกินลมแทนอาหาร “ว่าแต่...คุณแกเรนว่างแล้วใช่ไหมครับ” ฮานะถามย้ำตารางนัดหมายที่อีกฝ่ายตอบกลับมาเมื่อเช้าว่าให้เข้ามาพบได้ช่วงประมาณสี่โมงเย็นหลังจากเลิกประชุมกับบอร์ดบริหาร
“อ้อ เกรซลืมแจ้งไปเลย” เธอทำหน้าเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานอย่างลุแก่โทษ “พอดีตอนนี้คุณแกเรนมีแขกอยู่น่ะค่ะ แต่ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไรคงใช้เวลาไม่นาน เกรซต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่ไม่ได้โทรมาบอกก่อน” ฮานะรีบรับไหว้เมื่อฝ่ายนั้นยกมือขึ้นมาประกบกันเพื่อต้องการแสดงการขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” ส่ายหน้าปฏิเสธเพื่อแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวไม่ได้ติดใจอะไร
“ถ้าอย่างนั้นขอเกรซเลี้ยงกาแฟคุณฮานะเป็นการไถ่โทษนะคะ” เธอยื่นข้อเสนอ
“รบกวนด้วยนะครับ” ฮานะตอบกลับอย่างไม่คิดที่จะปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่ายด้วยเพราะร่วมงานกันมานานจึงสนิทสนมกันพอสมควร
เลขาสาวสวยรีบเดินไปเข้าลิฟต์ด้วยความคล่องแคล่วแต่ก็มิวายหันมาชี้นิ้วเป็นเชิงขู่บังคับว่าห้ามหนีกลับก่อนเป็นอันขาดจงอยู่รอกินกาแฟเสียโดยดี
ฮานะนั่งพักต่อสักพักก่อนจะตัดสินใจลุกเดินขึ้นไปนั่งรอที่โซฟาหน้าห้องคุณแกเรนแทนเพราะเกรงว่าถ้ายังอยู่บริเวณล็อบบี้จะได้เจอหน้าใครบางคนเข้า ระหว่างทางเดินเขาเอาแต่ก้มมองรายละเอียดงานของวันพรุ่งนี้ที่ถูกส่งมาในเมลล์จึงไม่ทันได้มองทางสักเท่าไรนัก
ผลัก!
จู่ๆ แรงปะทะอย่างรุนแรงก็ทำเอาเจ้าตัวเกือบล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น ถ้าหากไม่ถูกอีกฝ่ายคว้าแขนเอาไว้ก่อน
“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ฮานะมึนเบลอกับภาพตรงหน้า แผ่นอกกว้างและช่วงตัวสูงใหญ่แบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอาต้องขมวดคิ้วมองอย่างนึกสงสัยว่าในบริษัทมีคนตัวใหญ่แบบนี้อยู่ด้วยหรือ
หรือว่าจะเป็นการ์ดคนใหม่ของคุณแกเรน?
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ-” เจ้าตัวรีบปฏิเสธก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายปริศนา
แต่แล้วจังหวะชีพจรกลับเต้นผิดปกติเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาสีเทาหม่น อีกฝ่ายเป็นผู้ชายตัวใหญ่มากจนสามารถบดบังช่วงตัวของเขาได้หมด ให้กะจากสายตาเปล่าๆ คงสูงเกือบจะแตะสองเมตรได้ ใบหน้าคมเข้มสันกรามได้รูปเป็นเอกลักษณ์แสดงถึงเชื้อชาติผสมจากทางฝั่งอเมริกาใต้ ผิวสีเข้มคร้ามแดดช่วยขับให้ฝ่ายนั้นดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
...เรียกได้ว่าเป็นลุคที่หาได้ยากจริงๆ ..
“คุณไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ใจ
“ไม่...ไม่เป็นไร” เมื่อตั้งสติได้ก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะดึงแขนตัวเองออกมาจากการช่วยประคองโดยที่ฝ่ายนั้นก็ยอมปล่อยแต่โดยดี...ความอุ่นที่หลงเหลืออยู่บนผิวเนื้อทำให้เผลอลูบซ้ำเมื่อรู้สึกว่าจังหวะชีพจรเต้นถี่ขึ้น
“ขอโทษอีกครั้งนะครับ ผมไม่ระวังเอง” เสียงทุ้มนุ่มแสนสุภาพเอ่ยบอกอย่างเป็นกังวล
“ช่างมันเถอะ...ขอบคุณที่ช่วย” ฮานะรู้สึกตอนนี้ว่าลิ้นพันกันจนมั่วไปหมด ซ้ำยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองฝ่ายนั้นเสียด้วยซ้ำไป “…ขอตัวก่อนนะครับ”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบอะไรกลับเจ้าตัวก็รีบเดินหนีออกมาทันทีด้วยอุณหภูมิร่างกายที่พุ่งสูงจนได้ยินเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วขึ้นเมื่อยกมือขึ้นจับทับร่องรอยความอุ่นที่ถูกฝ่ามือใหญ่กอบกุมเอาไว้
(มีต่อด้านล่าง)