SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019  (อ่าน 33172 ครั้ง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



SCENT : BLUE OCEAN
[OMEGAVERSE]
ALPHA x OMEGA



ผืนน้ำสีครามจรดแผ่นฟ้ากว้าง
ประกายแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเคลือบฉาบไล้ลงหาดทรายสีขาว
กลิ่นอายแห่งความมีชีวิตชีวาอบอวลชวนให้จิตใจได้สงบสุข
...แต่ทว่ายามที่ทะเลคลั่งเดือดก็สามารถพัดพาให้ทุกสรรพสิ่งพังพินาศได้ในชั่วพริบตา ..



"ฮานะแปลว่าอะไร"
"ภาษาญี่ปุ่น...แปลว่าดอกไม้น่ะ"




นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งใน Project SCENT ที่เขียนร่วมกับนักเขียนอีกสองท่านนะคะ


1. SCENT : SILVER BULLET #เทวดาหลงไค
[By Chesshire]

2.SCENT : BLACK DIAMOND #มังกรซ่อนเพชร
[By Ex-SoulL]

3.SCENT : BLUE OCEAN #ดอกไม้ของพีท
[By Punmile]

4.SCENT : ROSE AMOUR #พันธะกุหลาบ
[By Zearet17]

______________________________________

.แวะมาพูดคุยกันได้ที่

Facebook : Punmile09

Twitter : pppunmile

หรือแฮชแท็กtwitter

#ดอกไม้ของพีท

.

.

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น

บุคคลหรือสถานที่ที่กล่าวถึงล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงแต่อย่างใด



พันไมล์ ♥
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2019 12:39:02 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
«ตอบ #1 เมื่อ03-09-2019 22:13:46 »

PROLOGUE





ภายในห้องชุดสุดหรูใจกลางเมืองนั้นมืดสนิทจะมีก็เพียงแต่แสงนวลของพระจันทร์ที่สาดส่องผ่านบานกระจกใสเข้ามากระทบกับร่างของคนทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่บนเตียงหลังใหญ่จนผ้าปูที่นอนยับย่น เสียงเสียดสีของสปริงเตียงขนาดคิงไซส์ลั่นไปตามจังหวะการขยับกาย ผู้ที่เป็นฝ่ายควบคุมส่งแรงกระแทกหนักหน่วงเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน สองมือตะปบเข้าที่ข้างสะโพกเล็กพร้อมกับบีบเคล้นจนผิวเนื้อขาวขึ้นรอยนิ้วมือ

ปลายนิ้วโป้งเฝ้าลูบไล้วนเวียนอยู่บนรอยสักรูปเถาดอกกุหลาบบริเวณสะโพกด้านขวาที่กินพื้นที่ไปจนถึงหน้าขา ก่อนจะลากฝ่ามือไปสัมผัสกับจิวเพชรเม็ดเล็กที่แอ่งสะดือ นัยน์ตาคมเปล่งประกายวาวโรจน์เมื่ออีกฝ่ายร้องไห้สะอื้นด้วยความเจ็บปวด

ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางดังมากเท่าไร สัญชาตญาณดิบของผู้ที่อยู่เหนือกว่าก็ยิ่งถูกปลุกเร้ามากเท่านั้น

“...เจ็บ” ฝ่ายนั้นพูดกระท่อนกระแท่นเพราะขนาดตัวที่เล็กกว่าผู้ชายทั่วไปจึงทำให้ร่างทั้งร่างโยกไหวรุนแรง

เสียงหนั่นเนื้อที่กระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง พายุแห่งอารมณ์รุนแรงพัดคลั่งจนทำลายทุกสิ่งให้พังพินาศในชั่วพริบตา ร่างสูงใหญ่อัดกระแทกเรี่ยวแรงที่มีอยู่ทั้งหมดลงไปในเครื่องรองรับอารมณ์ทางเพศอย่างดิบเถื่อน ไร้ซึ่งการทะนุถนอม มีเพียงแค่ความต้องการที่จะปลดปล่อยไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น

และนั่นก็เป็นการยินยอมของพวกเขาทั้งคู่...ไร้ซึ่งการบังคับ ข่มขู่

เซ็กส์...แลกกับการที่เขาจะไม่ออกนอกลู่นอกทางสร้างเรื่องอื้อฉาวจนต้นสังกัดต้องคอยวิ่งเต้นใช้เงินเป็นกอบเป็นกำเพื่ออุดปากพวกนักข่าว

เซ็กส์...ที่มีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่ใช้ความรัก และหวังจะใช้ร่างกายแลกความรู้สึกลมๆ แล้งๆ นั้นกลับไป

เซ็กส์...ที่ไร้ซึ่งการผูกมัด แค่เพียงเรียกหาคนใต้ร่างก็พร้อมที่จะอ้าขาต้อนรับ

เซ็กส์...กับเพื่อนสนิทที่ควบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวและคู่ขาจำเป็น…

เพื่อนสนิท...ที่แอบรักเขามาตั้งแต่สมัยเรียน

เป็นคนที่ไม่ว่าจะหันกลับไปตอนไหนก็ยังจะยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ...ราวกับสุนัขที่แสนซื่อสัตย์ ทั้งรักและเชื่อฟังไม่มีปากเสียง ยอมจำนนลงให้ทุกอย่าง

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมอบความรักกลับไปให้ได้

ฮานะ...ก็เป็นแค่ของตาย มีค่าเพียงของเล่นแก้เบื่อเท่านั้น

ของตายคุณภาพดีเยี่ยมที่หากันไม่ได้ง่ายๆ ในพวกชั้นต่ำอย่างโอเมก้า...เพราะทั้งรูปร่างและหน้าตาที่ไม่ต่างกับพวกผู้หญิง เวลาที่นอนครวญครางเสียงกระเส่าอยู่ใต้ร่างเขานั้นทำให้อีกฝ่ายมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ซ้ำลีลาบนเตียงยังจัดจ้านชนิดที่ว่าสามารถปรนเปรอให้คู่นอนคลั่งตายคาอกได้สบายๆ

ใครจะโง่ปล่อยให้หลุดมือไป

“อเล็กซ์...ห้าม..ข้างใน” เรือนผมยาวสลวยถึงช่วงเอวคอดบิดพลิ้วคล้ายม่านน้ำตกถูกจับมัดรวบก่อนจะดึงกระชากจนใบหน้าแหงนเชิดขึ้นสูง

“อะไรกันฮานะ ไม่อยากลองอุ้มท้องลูกของฉันหน่อยเหรอ” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะเยาะเย้ยข้างใบหู

“อึก..” ฮานะยกแขนตัวเองขึ้นมากัดแน่นจนขึ้นรอยเมื่อถูกเขากระแทกจนล้มลงบนเตียง

อัลฟ่าหนุ่มหยัดกายขึ้นจนหลังตรงพร้อมกับลดสายตามองปลอกคอหนังสีแดงที่อีกฝ่ายมักสวมใส่เอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเขากัดเข้า

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อเล็กซ์ไม่ชอบใจนัก...เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สามารถควบคุมอีกฝ่ายได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปโอบกระชับช่วงเอวคอด ค่อยๆ ลูบไล้ขึ้นไปตามแนวกระดูกสันหลัง เกลี่ยนิ้ววนเวียนลงบนปลอกคอหนัง ใบหน้าหล่อเหลาตามฉบับหนุ่มลูกครึ่งตะวันตกก้มลงซุกไซ้ข้างซอกคอขาว เรียวลิ้นกวาดเลียหยดเหงื่อหวานชุ่มก่อนจะกระซิบถ้อยคำล่อลวงออกมา หวังเพียงแค่หลอกล่อให้อีกฝ่ายตายใจ

“ที่รัก..” จังหวะการขยับกายลดระดับความรุนแรงลงและดำเนินต่ออย่างอ่อนโยนราวกับว่าความบ้าคลั่งก่อนหน้านั้นเป็นเพียงเรื่องโกหก “ฉันรักฮานะ”

ถ้อยคำอ่อนหวานกระซิบอยู่ข้างใบหู เพียงเท่านั้นก็สัมผัสได้ว่าร่างใต้อาณัติสั่นสะท้านไหวรุนแรง ปลอกคอเจ้าปัญหาถูกปลดออกจากลำคอขาว กลิ่นฟีรีโมนพุ่งตรงกระทบโสตประสาทจนเกือบเสียหลัก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ฝังเขี้ยวลงไปแสดงความเป็นเจ้าของก็ถูกผลักออกอย่างแรงจนส่วนที่เชื่อมกันอยู่นั้นหลุดออกกะทันหัน

“ทำบ้าอะไร!” ถูกฝ่ามือเล็กตวัดตบจนหน้าหัน คนสวยมองมาด้วยแววตาสั่นระริกแสดงความโกรธอย่างถึงที่สุด

“ไม่เอาน่าฮานะ ฉันล้อเล่นนิดเดียวเอง” อเล็กซ์ขยับกรามไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบ...เห็นทีจะต้องสั่งสอนกันบ้างแล้วว่าหมาที่มันแว้งกัดเจ้าของน่ะจะต้องถูกลงโทษยังไง

“ล้อเล่น?” ฝ่ายนั้นทำหน้าเหลือเชื่อก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาทั้งที่หยดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอ “นายเห็นความรู้สึกของฉันเป็นเรื่องล้อเล่นเหรออเล็กซ์” น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฮานะเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าสวยหมดจดที่แดงระเรื่อ

“อย่างี่เง่าไปหน่อยเลยน่า” ชายหนุ่มคว้ามวนบุหรี่บนหัวเตียงขึ้นมาจุดสูบ ก่อนจะขยับเข้าไปหาคนที่นั่งขดกายอยู่ที่ปลายเตียง “มาทำต่อให้มันเสร็จๆ ซะที ฉันอยากพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องไปถ่ายงานแต่เช้า”

“…ครั้งนี้นายล้อเล่นแรงเกินไปแล้ว” ฮานะเบือนหน้าหนีออกไปอีกทาง...สะอิดสะเอียนจนแทบอาเจียนเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ที่รองรับน้ำเชื้อจากผู้ชายตรงหน้า

…รังเกียจจนแทบบ้า เมื่อรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายหักหลัง

ไม่สิ...ก็ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน จะเรียกว่าถูกนอกใจได้อย่างไร ในเมื่อเป็นคนยอมที่จะอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์บิดเบี้ยวแบบนี้เองจะโทษใครได้

แต่ข้อตกลงทั้งหมดนั้นรวมไปถึงการที่อเล็กซ์ห้ามไปนอนกับคนอื่นเพื่อป้องกันเรื่องข่าวอื้อฉาว แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นกลับเป็นความต้องการส่วนตัวที่ต้องการเก็บอีกฝ่ายไว้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งตัวอเล็กซ์เองก็ยอมรับในข้อนี้แต่โดยดี ตอนแรกก็เผลอนึกลำพองใจที่สามารถควบคุมเขาไว้ข้างกายได้โดยใช้เซ็กส์เข้าแลก แต่ฮานะคงลืมไปว่าเซ็กส์ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขานั้นมันไร้ซึ่งความรักโดยสิ้นเชิง

พออยากก็เรียกหา...เวลาที่หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งอย่างไม่ไยดี

ไม่นานมานี้อเล็กซ์ได้ละเมิดข้อตกลงระหว่างกันโดยการแอบไปสานสัมพันธ์กับเด็กฝึกงานแผนกคอสตูมที่เขานั้นดูแลอยู่...จะไม่เจ็บใจเลยถ้าหากว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่คนที่ฮานะไว้วางใจและหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่าจะขอให้บอสรับเข้ามาทำงานเมื่อฝ่ายนั้นเรียนจบ

อันที่จริงหากอเล็กซ์ต้องการที่จะไปคบเด็กคนนั้นแค่บอกกันมาตามตรงเขาก็พร้อมที่จะถอยออกมา...แต่ฮานะรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยก็เพราะว่าตนเองนั้นยังมีประโยชน์อยู่

...ที่อเล็กซ์ขึ้นมาเป็นนายแบบอันดับต้นๆ ของโมเดลลิ่งได้ขนาดนี้ก็เพราะมีเขาคอยช่วยผลักดันวิ่งหางานมาให้ทั้งที่เมื่อก่อนยังเป็นแค่นายแบบโนเนมไม่มีชื่อเสียง ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งคนที่ตนเองยอมทุ่มให้ทั้งแรงกายแรงใจจะหันมาแว้งกัดจนได้แผลเหวอะหวะ

ในเมื่อรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ไม่ได้...ก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องโอบอุ้มหนามกุหลาบที่คอยแต่จะทิ่มแทงอีกต่อไป

…ถึงเวลาที่จะต้องปล่อยมือแล้วจริงๆ สินะ..

ยื้อมานานจนเกินขีดจำกัดแล้ว...ความอดทนที่เคยมีมันหมดลงแล้วจริงๆ

“เดี๋ยวนี้หัดดื้อกับฉันแล้วเหรอฮานะ” ช่วงตัวสูงใหญ่พุ่งเข้ามาหาก่อนจะกระชากตัวให้เข้ามาใกล้

“อเล็กซ์...ฉันเจ็บ” ฮานะพยายามยื้อตัวหนีแต่กลับถูกฝ่ามือใหญ่ฟาดตบลงมาจนล้มพับลงไปบนเตียง

“…นี่คือคำเตือนที่กล้าตบฉัน” อเล็กซ์บีบลำคอเล็กจนฝ่ายนั้นดิ้นพล่านตะเกียกตะกายหนี “อย่าลืมสถานะตัวเองฮานะ...นายไม่ได้มีค่าให้ฉันต้องทะนุถนอมขนาดนั้น”

ถ้อยคำร้ายกาจเอ่ยขึ้นพร้อมกับตัวตนที่สอดประสานเข้ามาอย่างดิบเถื่อน อเล็กซ์โยกกายอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจว่าคนใต้ร่างจะบอบช้ำมากแค่ไหน

“…ขอโทษ” น้ำเสียงอ่อนระโหยหมดเรี่ยวแรง ก่อนที่เปลือกตาจะหลับลงอย่างอ่อนแรง น้ำตาเปียกชุ่มแพขนตาหนาก่อนจะหยดลงมากระทบกับพื้นเตียงเพื่อชำระล้างความเจ็บปวดออกไป

สุนัขแสนซื่อสัตย์ที่จงรักภักดีต่อนาย...มันได้ตายลงไปแล้ว

ตายไปตั้งแต่ที่นายใช้คำบอกรักจอมปลอมมาหลอกกัน...





กลุ่มควันสีขาวลอยคลุ้งกระจายตัวอยู่บนอากาศ มวนบุหรี่ถูกจรดลงบนเรียวปากบางซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามที่เจ้าตัวตกอยู่ในห้วงความคิด ความวุ่นวายของเมืองหลวงยามค่ำคืนช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำให้ไม่เหงาโดดเดี่ยวมากนัก มือเรียวเลื่อนปัดลงบนหน้าจอโทรศัพท์ กดพิมพ์ข้อความเพื่อจะส่งไปหาใครบางคน แต่สุดท้ายก็ต้องลบออกเพราะเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีสองเข้าไปแล้ว

บุหรี่มวนที่สามถูกดับเมื่อตอนตีสองครึ่ง

หน้าจอโทรศัพท์ยังคงสว่างจ้า ตัวอักษรถูกพิมพ์ลงไปอีกครั้งด้วยเนื้อหาที่เหมือนก่อนหน้า ฮานะมองสลับกับร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงหลังกว้าง ความคิดซ้ำซากจำเจวนเวียนอยู่ในหัวจนแทบระเบิด สุดท้ายก็ตัดสินใจกดส่งข้อความออกไป

‘คุณแกเรน...ขอโทษที่รบกวนเสียดึกดื่น

พรุ่งนี้ผมมีธุระสำคัญที่อยากจะคุยกับคุณ’

หลังจากที่ส่งไปได้ไม่ถึงนาทีหน้าจอโทรศัพท์ก็ดับมืดเพราะแบตเตอรี่หมด พอดีกับที่ช่วงเอวถูกวงแขนของใครบางคนโอบกอดกระชับ ซอกคอถูกซุกไซ้พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่พึมพำกระซิบอย่างออดอ้อนเหมือนอย่างที่เคยทำตอนที่สำนึกผิด อเล็กซ์เป็นอย่างนี้เสมอ อารมณ์รุนแรง ชอบทำร้ายร่างกาย แต่หลังจากที่ตั้งสติได้ก็กลับมาดีด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธ

แต่ที่ผ่านมาอีกฝ่ายนั้นรู้ดีว่าต่อให้รุนแรงด้วยแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางที่จะหันหลังให้ เพียงแค่กอดอย่างอ่อนโยนและทำตัวอยู่ใต้อาณัติก็ถูกให้อภัยอย่างง่ายดาย

...แต่มันไม่ใช่กับครั้งนี้

“ออกมาทำอะไรข้างนอก” โดนจับให้หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า ก่อนปลายคางจะถูกดันให้เชิดหงายขึ้นสบตากัน “…เจ็บหรือเปล่า ฉันขอโทษ” ฝ่ายนั้นพูดอย่างรู้สึกผิดแต่แววตากลับไม่ได้สะท้อนความเสียใจออกมาสักนิด ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งโอบประคองรอบเอวเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็เลื่อนลงต่ำลูบไล้บริเวณโคนขาไปมาเพื่อหวังให้เคลิบเคลิ้ม

“ช่างมันเถอะ....ฉันชินแล้ว” ฮานะปัดมือคู่นั้นออกอย่างไม่ไยดี สังเกตเห็นว่าฝ่ายนั้นหน้าตึงไปเพียงครู่แต่ก็กลับมาโอนอ่อนตามเดิม

มวนบุหรี่ถูกหยิบขึ้นมาคาบไว้ในปาก นิ้วเรียวสวยจุดไฟที่ปลายมวนก่อนจะสูบอัดนิโคลตินเข้าไปเต็มปอด ร่างขาวนวลที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำดูเย้ายวนมากกว่าเดิมเมื่อมีหมอกควันสีขาวเจือจางอยู่รอบกาย

อเล็กซ์เข้าไปสวมกอดคนที่ยืนพิงระเบียงจากทางด้านหลัง ก่อนจะแย่งมวนบุหรี่ที่ฝ่ายนั้นกำลังจะยกขึ้นสูบมาคาบไว้เอง ฮานะตีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็หันกลับออกไปดูวิวภายนอกอย่างไม่คิดจะสนใจเขาอีก เลยถือโอกาสจ้องมองคนในอ้อมกอดอย่างนึกลำพองใจ

เรือนผมยาวสลวยที่ทิ้งตัวระอยู่ช่วงเอวคอดถูกสายลมเอื่อยเฉื่อยพัดปลิว...ฮานะไม่ชอบผมยาว แต่เพราะเขาเป็นคนที่อ้อนขอให้ไว้ อีกฝ่ายจึงยอมทำตาม

ชายหนุ่มรวบเส้นผมทั้งหมดไปพาดไว้บนไหล่เล็กข้างหนึ่งจนเห็นลำคอขาวที่สวมปลอกคอ ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามแนวเส้นเอ็นก่อนจะก้มจูบประทับลงไปอย่างอ่อนโยนด้วยริมฝีปากที่อุ่นร้อนจากก้นกรองบุหรี่ ก่อนจะค่อยๆ ขบเม้มต่ำลงมา สาบเสื้อคลุมถูกถอดร่นลงมากองที่ข้อศอกตอนที่เขาพรมจูบลงบริเวณลาดไหล่เปลือยเปล่า

ผิวฮานะนุ่มเนียนเสียยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนที่เขาเคยร่วมหลับนอนมา

ฮานะไม่มีท่าทีขัดขืนตอนที่เสื้อคลุมถูกตลบขึ้นมากองไว้บนสะโพกพร้อมกับตัวตนของเขาที่สอดลึกเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มอีกครั้งโดยไร้ซึ่งเครื่องป้องกัน เสียงครวญครางหวานล้ำถูกกักเก็บไว้ในลำคอเพราะกลัวว่าจะมีใครมาเห็นฉากรักเร่าร้อนระหว่างนายแบบชื่อดังกับคุณผู้จัดการส่วนตัว

เมื่ออารมณ์เดินมาถึงที่สิ้นสุดหยาดน้ำอุ่นก็ไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนซอกขาขาว ฮานะเป็นฝ่ายถอนสะโพกออกไปก่อนจะหันกลับมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วแลบลิ้นเลียกินคราบขาวขุ่นที่ยังอาบชุ่มอยู่บนบริเวณท่อนเนื้อแข็งขืนของเขาตามที่เคยสั่งให้ทำหลังจากที่ได้ปลดปล่อยออกมา

“..พอแล้ว” อเล็กซ์ดึงตัวคนตรงหน้าขึ้นมาประกบจูบดูดดื่ม รสขมปร่าร้อนแรงของนิโคลตินที่เจืออยู่ในน้ำลายทำให้สมองเขาพร่าเบลอ หัวใจพลันหยุดเต้นเพียงเสี้ยววิเมื่อความรู้สึกบางอย่างพุ่งเข้ามาโจมตี ชายหนุ่มลืมตามองคนในอ้อมกอดด้วยแววตาสับสนจนแทบคลุ้มคลั่ง ฮานะดูเย้ายวนและสวยงามจนแทบไม่อยากจะละสายตาไปไหน

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดไปไกลกลับถูกผลักออกจนภาพฝันล่องลอยแตกสลาย ฮานะเดินกลับเข้าไปในห้องทั้งที่เนื้อตัวเปลือยเปล่า แผงยาคุมและยาระงับฟีโรโมนสำหรับโอเมก้าที่วางอยู่โต๊ะหัวเตียงถูกอีกฝ่ายหยิบขึ้นมากินเหมือนอย่างเคยหลังจากที่มีเซ็กส์กัน

อเล็กซ์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่วูบโหวงเพียงครู่ก่อนจะรีบปัดตกไปเมื่อรู้สึกว่าวันนี้ตนเองกำลังให้ความสำคัญกับสุนัขรับใช้มากเกินความจำเป็น...


ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
«ตอบ #2 เมื่อ03-09-2019 22:15:34 »

CHAPTER O N E



เสียงรัวชัตเตอร์และแสงแฟลชทำงานอย่างต่อเนื่อง ร่างสูงใหญ่ของนายแบบชื่อดังเอนตัวพิงหัวเตียงโดยมีนางแบบสาวสวยสองคนประกบข้าง เชิ้ตขาวไม่ได้ติดกระดุมเผยให้เห็นแผงอกที่มีมัดกล้ามเนื้อสมส่วนผนวกกับผิวขาวเรียบเนียนบ่งบอกว่าเจ้าตัวดูแลร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี เรือนผมสีบลอนด์ถูกเซ็ทเปิดใบหน้าคมตามฉบับหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังเป็นที่นิยม นัยน์ตาสีฟ้ากดมองเลนส์กล้องอย่างมืออาชีพ ภาพในจอมอนิเตอร์เผยให้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่แสนเย่อหยิ่งตามฉบับอัลฟ่าชนชั้นสูงตรงตามคอนเซ็ปงานของลูกค้าที่บรีฟมาอย่างไร้ที่ติ

‘อเล็กซ์ แอนเดอร์สัน’ นายแบบเชื้อชาติผสมระหว่างไทยกับอังกฤษที่กำลังติดท็อปแถวหน้าของโมเดลลิ่งเจ้าใหญ่ในประเทศ ซ้ำยังโด่งดังและมีชื่อเสียงจนถูกติดต่อขอซื้อตัวกันให้วุ่น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไฮท์เอนด์หรือแม้กระทั่งนิตยสารชื่อดังก็ต้องการทาบทามให้ชายหนุ่มมาร่วมงานจนคิวนั้นแน่นไปล่วงหน้าสองปีเต็ม

“วันนี้พอแค่นี้” เสียงสั่งเลิกกองดังขึ้นหลังจากที่ได้จำนวนภาพตามที่ต้องการ “ทำดีมากอเล็กซ์ ลูกค้าต้องปลื้มแน่” ช่างภาพที่ทำงานร่วมกับโมเดลลิ่งแห่งนี้มานานเดินเข้าไปตบบ่าอีกฝ่ายก่อนจะรีบชักมือกลับเมื่อถูกสายตาเย็นชาจ้องตอบกลับมาราวกับว่าต้องการย้ำให้ได้เข้าใจว่าชนชั้นเบต้าอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์แตะเนื้อต้องตัวตนเอง

“ฮานะ มานี่” อเล็กซ์เลิกสนใจเพื่อนร่วมงานก่อนจะหันไปกวักมือเรียกผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังเย็บซ่อมเสื้อผ้าใช้สำหรับถ่ายเซ็ทต่อไป แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่ทำตามแล้วยังก้มหน้าก้มตาทำงานราวกับว่าเขาเป็นเพียงธาตุอากาศ “ฮานะ” เอ่ยเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นจนคนที่อยู่รอบบริเวณนั้นหันมามองอย่างสนอกสนใจ

“มีอะไร” เจ้าตัวทิ้งเข็มและกล่องด้ายให้เด็กฝึกงานอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้าก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา

วันนี้ฮานะแต่งตัวมิดชิดรัดกุมมากกว่าปกติ เสื้อคอเต่าสีดำแขนยาวตัวใหญ่กับสกินนี่แนบเนื้อเน้นช่วงขาเพรียวสวย ใบหน้าถูกหน้ากากอนามัยบดบังไปเกือบครึ่ง กลุ่มผมยาวมัดรวบไว้เป็นหางม้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของอีกฝ่ายดูลดน้อยลง...เพราะตลอดเวลาการทำงานสังเกตเห็นว่ามีพวกเด็กในกองแอบมองคนของเขาอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มถูกตะกอนขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในจิตใจรบกวนมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพจึงประคองสติให้สามารถทำงานต่อได้อย่างราบรื่น

“ซับหน้าให้ฉันหน่อยสิ” อเล็กซ์อ้อนขอพร้อมกับถือวิสาสะโอบเอวอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ การกระทำอุกอาจนั้นเรียกสายตาของคนในกองถ่ายให้หันมามองเป็นตาเดียว...รวมถึงเด็กฝึกงานคนที่เขากำลังแอบคั่วอยู่ด้วย...

เพราะในสายตาคนอื่นเขากับฮานะมีความสัมพันธ์เพียงแค่เพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้น แต่จู่ๆ กลับมาแนบชิดกันถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก็ไม่แปลกที่จะถูกมอง

“อเล็กซ์...ปล่อย” อีกฝ่ายขืนกายออกห่างด้วยท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อถูกตกเป็นเป้าสายตา

“อย่าดื้อน่า” อเล็กซ์บีบบังคับทางอ้อมโดยการใช้สายตากดดันจนคนในอ้อมกอดเลิกต่อต้าน

เขาปรายตามองไปยังช่างภาพคนก่อนหน้า ก่อนจะสื่อสารทางสายตาว่าอย่าได้สะเออะมายุ่งกับคนของเขาอีก เพราะตอนช่วงพักกองเขาเห็นว่ามันเข้าไปชวนฮานะคุยและแสดงท่าทีสนิทสนมจนเกินความจำเป็น ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีหรือจะสนใจ อย่างมากก็แค่พูดจาเสียดสีให้อีกฝ่ายเจ็บปวดแต่ตอนนี้กลับแสดงท่าทีหวงของจนตัวเขาเองยังนึกแปลกใจ

อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกว่าฮานะเริ่มจะลุกขึ้นมาต่อต้านและพร้อมที่จะเดินหนีไปได้ทุกเมื่อ

“ก้มหน้าลงมาสิ” เสียงพึมพำแผ่วเบาเอ่ยบอกลอดหน้ากากอนามัย

ร่างสูงใหญ่ก้มลงไปหาอย่างว่าง่ายก่อนจะหลับตาลงรอให้อีกฝ่ายซับหน้าให้

สัมผัสนุ่มนวลที่คุ้นชินค่อยๆ ซับหยาดเหงื่อที่ผุดซึมออกมาข้างขมับให้อย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างที่เคยทำแต่เป็นเขาเองที่เพิกเฉยและไม่นึกใส่ใจมาโดยตลอด กลิ่นน้ำหอมเจือจางเฉพาะกายที่อีกฝ่ายใช้เป็นประจำทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นเริ่มสงบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด อเล็กซ์ลืมตาขึ้นมองใบหน้าได้รูปที่กำลังตั้งอกตั้งใจอย่างเต็มที่

“ผอมลงนะ” รอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่ใครต่อใครต่างลงความเห็นว่าน่าหลงใหลจุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม...รอยยิ้มที่ฮานะตกหลุมรักมันมาเกือบจะสิบปี

“อืม” นัยต์ตาสวยวูบไหวเพียงนิด ก่อนเจ้าตัวจะรีบเบือนหน้าหนีออกไปทางอื่น

อเล็กซ์ช้อนมือเข้าที่ใต้คางของอีกฝ่ายตอนที่เห็นว่าภายในกองถ่ายเหลือคนอยู่เพียงน้อยนิด ก่อนจะถือโอกาสนี้มองใบหน้าสวยจัดที่ทำเอาใครต่อใครเข้าใจผิดมานักต่อนักว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้หญิง

ฮานะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นจึงมีดวงตาที่เรียวสวย ผิวขาวจัดเนียนลื่นมือ เพียงแค่ลงน้ำหนักนิดหน่อยก็ขึ้นรอยแดงได้โดยง่าย ริมฝีปากบางเฉียบสีอ่อนรับกับสันจมูกที่โด่งรั้นได้อย่างพอดิบพอดี...แต่สิ่งที่เสริมเสน่ห์ให้อีกฝ่ายดูน่ามองก็เห็นจะเป็นขี้แมลงวันจุดเล็กที่ประดับอยู่บริเวณใต้ตาด้านขวา

ตอนที่มันถูกหยดน้ำตาไหลลงมาอาบเพราะเจ้าตัวถูกเขาโอบกอดอย่างรุนแรง ยิ่งเพิ่มแรงกระตุ้มเร้ามากกว่าเดิม

มันดู...เซ็กซี่ เย้ายวน...จนเจียนจะคลั่งตาย...

“เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” อเล็กซ์คว้ามือคนที่กำลังจะหันตัวกลับ ฝ่ายนั้นก้มลงมองเพียงครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ว่าง” ฝ่ามือถูกแกะออกอย่างไม่ไยดีก่อนเจ้าตัวจะเดินกลับไปทำงานต่อ แต่เขาก็ไม่ยอมล่าถอยกลับเดินตามติดไปอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“จะไปไหน”

“…”

“ฮานะ...ฉันถาม” เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ถูกเมิน

กล่องเข็มในมืออีกฝ่ายถูกแย่งมาถือเอาไว้ก่อนที่เขาจะโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดีจนได้สีหน้าท่าทางที่ไม่พอใจจากอีกฝ่ายตอบกลับมา

“นายกำลังรบกวนเวลทำงานของฉัน” ฮานะมองตอบกลับมาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินเลยไปก้มเก็บเข็มและม้วนด้ายใส่กล่องและมองเมินราวกับว่าเขานั้นเป็นเพียงธาตุอากาศ...เพียงเท่านั้นอารมณ์มาคุที่มีอยู่ก่อนหน้าก็โหมกระพือขึ้นมาจนต้องขบกรามกรอดเพื่อระงับโทสะ

ม้วนด้ายที่ตกอยู่ใกล้เท้าถูกเหยียบเอาไว้อย่างไม่สะทกสะท้านตอนที่ฝ่ายนั้นกำลังจะก้มลงหยิบ

“ช่วยยกเท้าออกด้วย” ฮานะร้องขอ แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน

“ตอบฉันมาก่อนสิ” ชายหนุ่มยืนล้วงกระเป๋ากางเกงและดุนลิ้นเข้าที่กระพุ้งแก้มอย่างยียวน

ท่าทางหยาบคายแบบนี้จะถูกแสดงให้เห็นก็ต่อเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าฮานะและพวกชนชั้นที่ต่ำกว่าเท่านั้น...เพราะในเวลาปกติแล้วอเล็กซ์ แอนเดอร์สัน มีภาพลักษณ์เป็นชายหนุ่มอัธยาศัยดีซ้ำยังสุภาพจนใครต่อใครนั้นหลงใหลในรูปลักษณ์ลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาปิดบังตัวตนที่แท้จริง

ฮานะเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น...

“ฮานะ!” อเล็กซ์ตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นเลิกให้ความสนใจกับม้วนด้ายใต้เท้าเขา ก่อนจะเดินหนีไปทางห้องแต่งตัว

ชายหนุ่มรีบผลักประตูตามเข้าไป พอเห็นว่าอีกคนกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าก็เดินตรงเข้าไปหาก่อนจะกระชากไหล่เล็กให้หันกลับมาจนโทรศัพท์มือถือของฮานะหล่นกระแทกพื้น หน้าจอที่หงายขึ้นแสดงแจ้งเตือนให้เห็นว่ามีข้อความเข้าใหม่ ยิ่งได้เห็นท่าทางรีบร้อนของอีกฝ่ายชายหนุ่มก็ยิ่งไม่สบอารมณ์

“นัดใครเอาไว้” อเล็ก์เค้นถามพร้อมกับแย่งเครื่องมือสื่อสารเจ้าปัญหามาถือเอาไว้เอง

“อเล็กซ์...นายกำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉัน” ฮานะพูดเสียงเรียบ โชคดีที่ในห้องนี้ไม่มีคนอื่น ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องอื้อฉาวกันให้ว่อนทั่วบริษัท “ขอคืนด้วย” ฮานะเป็นฝ่ายยอมลงเหมือนอย่างเคย แต่ดูท่าอีกฝ่ายกำลังโมโหได้ที่เพราะนอกจากจะไม่ส่งคืนให้แล้วยังโยนมันไปไว้บนโต๊ะแต่งหน้าจนเครื่องสำอางบางส่วนหล่นลงมาจากโต๊ะกระจัดกระจายเต็มพื้น

“เรื่องส่วนตัว?” คนที่เหนือกว่าแค่นยิ้มเยาะอย่างหยามเหยียด “คนอย่างนายกล้ามีเรื่องส่วนตัวกับฉันด้วยเหรอ”

ชายหนุ่มกระชากร่างที่เล็กกว่าเข้ามาใกล้อย่างแรงจนใบหน้าสวยกระแทกเข้ากับแผงอกกว้าง แมสปิดปากถูกดึงกระชากออกเผยให้เห็นรอยช้ำข้างมุมปากที่เขาเป็นคนทำ ฝ่ามือใหญ่บีบเข้าที่ปลายคางเล็กอย่างแรงซ้ำยังจงใจกดย้ำลงบนแผลจนอีกฝ่ายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เมื่อวานคงไม่เข็ดสินะ...ถึงกล้าต่อต้านฉัน” รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมถูกจุดขึ้นพร้อมกับเรี่ยวแรงมหาศาลที่ส่งผ่านไปทางฝ่ามือด้วยอารมณ์คลุ้มคลั่งที่กัดกินความคิดเพียงเพราะคิดเอาเองว่าของเล่นของตัวเองจะแอบไปคบชู้ลับหลัง

“ปล่อย” ฮานะขัดขืนอย่างไม่ยอมแพ้ “อเล็กซ์ ฉันเจ็บ!”

“เจ็บสิดี! นายจะได้จำใส่หัวเอาไว้ว่านายเป็นของใคร!” คำประกาศความเป็นเจ้าของดังก้องทั่วห้องแต่งตัวโดยไม่กลัวว่าใครหน้าไหนจะได้ยินเข้า...แต่ถึงจะได้ยินเขาก็ไม่สน

“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” คำปฏิเสธอย่างกล้าหาญทำเอาเส้นความอดทนขาดผึง

ทั้งที่คำๆ นั้นเขาเป็นฝ่ายพูดย้ำกับอีกฝ่ายเองตลอด แต่ทำไมพอฮานะเป็นฝ่ายพูดบ้างมันกลับสร้างความไม่พอใจให้กับเขาได้มากขนาดนี้

“...ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ” อเล็กซ์แค่นยิ้มเพื่อปกปิดความรู้สึกก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายไปติดกับผนังพร้อมกับใช้วงแขนกักขังไว้ในอ้อมกอด ก่อนคำพูดหยาบคายจะสาดพ่นออกมาเพื่อระบายอารมณ์โทสะ “จะให้ฉันทบทวนความจำให้ไหมว่าเมื่อคืนใครมันนอนอ้าขาเรียกร้องให้ฉันสอดใส่เข้าไปข้างในเหมือนอีตัวตามซ่อง-”

เพี๊ยะ!

เสียงฝ่ามือฟาดตบเข้ากับใบหน้าคมเข้มดังก้องไปทั่วห้อง ฮานะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังมึนงงรีบเดินหนีแต่กลับถูกกระชากตัวกลับมาแล้วเหวี่ยงเข้ากับประตูจนเกิดเสียงดังลั่น ร่างสูงใหญ่ตามมาทาบทับก่อนจะก้มลงประกบจูบอย่างรุนแรงจนได้กลิ่นคาวคลุ้งของเลือด

“อ..อย่า!” ฮานะดิ้นหนี แต่กลับถูกเรี่ยวแรงมหาศาลตรึงข้อมือเอาไว้ ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องแบนราบที่มีรอยจูบพรมอยู่จนทั่ว “อเล็กซ์ หยุดนะ!” ยิ่งขัดขืนก็ยิ่งถูกล็อกตัวจนเจ็บ ฮานะร้องเสียงหลงเมื่อถูกฝ่ายนั้นบีบเข้าที่สันกรามจนปวดชา

“ทำไม จะรีบวิ่งแจ้นไปหาไอ้ช่างภาพยาจกคนนั้นเหรอ” ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามเพื่อนร่วมสายงานสร้างความไม่พอใจให้ฮานะอย่างถึงที่สุด ก่อนจะนึกเสียใจย้อนหลังที่ตนเองทนโง่งมรักผู้ชายที่มีดีแค่เปลือกนอกคนนี้มานานหลายปี

พอตาสว่างขึ้นมา...มันก็สว่างเสียจนนึกโกรธตัวเองที่โง่งมปิดหูปิดตามาโดยตลอด

“อเล็กซ์ กรุณาให้เกียรติคนอื่นด้วย” ฮานะเอ่ยเตือน เพราะนับวันอารมณ์โมโหร้ายของอีกฝ่ายจะยิ่งทวีความแข็งกระด้างขึ้น...เกรงว่าถ้ายังทำตัวแบบนี้อยู่ อีกไม่นานก็คงลามไปถึงคนอื่นอย่างแน่นอน

“ตอบมา!” อเล็กซ์กดกระแทกลาดไหล่เล็กลงกับประตู “นายแอบคุยกับใครลับหลังฉัน!”

“…ฉันไม่ใช่นาย” สายตาเย็นชาฉายออกมาเพียงแค่วูบเดียวแต่กลับทำเอาคนที่มีชนักปักหลังหน้าม้านไปไม่น้อย

“พูดอะไร ฮานะ” เขาแค่นเสียงไม่พอใจก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ยกลบเกลื่อนเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขา “..หึ ใครมันคาบข่าวไปบอกละ”

“ถอย...ฉันมีธุระต้องไปทำ” ฮานะดันไหล่อีกฝ่ายออกไปให้พ้นทางซึ่งคราวนี้ฝ่ายนั้นก็ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี อเล็กซ์มองตามคนที่ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเมื่อรู้ว่าถูกเขานอกใจด้วยสายตาที่มากไปด้วยคำถาม

ทำไมไม่โกรธ? ไม่มีแม้แต่ความเสียใจที่สะท้อนออกมาให้ได้เห็น

มันเงียบสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...ไม่มีแม้แต่แววตาตัดพ้อน้อยใจที่อีกฝ่ายชอบใช้ตอนที่เขาไม่ให้ความสำคัญ

...และทั้งหมดนั่นยิ่งย้ำเตือนให้เขาเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าสุนัขที่แสนซื่อสัตย์มันเริ่มไม่จงรักภักดีเหมือนอย่างเคย

“คืนนี้ ไปหาฉันที่ห้องด้วย” ทำแสร้งร้องขอเหมือนอย่างเคยตอนที่ฝ่ายนั้นกำลังจะก้าวผ่านพ้นกรอบประตูไป อเล็กซ์ยืนพิงเคาน์เตอร์หินอ่อนด้วยท่าทางผ่อนคลายก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบท้าทายข้อห้ามของบริษัท พร้อมข่มขู่ทิ้งท้ายเอาไว้ “รู้ใช่ไหมว่าถ้าไม่มา...จะโดนอะไร”

ฮานะไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ กลับหยุดชะงักเพียงครู่ก่อนจะหยิบหน้ากากอนามัยชิ้นใหม่ในกระเป๋าขึ้นมาสวมทับเอาไว้แล้วเดินจากไป







ระหว่างทางเดินไปยังชั้นของผู้บริหาร ฮานะแวะนั่งพักบริเวณล็อบบี้ส่วนกลางเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน ซึ่งคงเป็นผลพวงมาจากยาคุมและยาระงับฮีทที่ช่วงนี้ใช้บ่อยเกินขีดจำกัดตามที่หมอสั่ง เพราะพักหลังมาเขากับอเล็กซ์มีความสัมพันธ์ทางกายกันแทบจะทุกวันและไม่มีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายจะยอมใช้เครื่องป้องกัน

หวิดจะโดนกัดก็หลายครั้ง โชคดีที่ไหวตัวทัน ไม่อย่างนั้นคงเป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต...

“คุณฮานะ” เสียงทักทายที่คุ้นเคยดังขึ้นจึงทำให้ต้องเงยหน้ามอง “อาการดูไม่ดีเลย โอเคไหมคะ”

เบต้าสาวสวยที่ดำรงตำแหน่งเลขาของผู้บริหาร Scent Model Agency เดินเข้ามาทักทาย เธอมองมาอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี ยิ่งเห็นว่าคุณฮานะสวมหน้ากากอนามัยด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นห่วงขึ้นไปอีก

“โอเคครับ แค่...รู้สึกเพลียนิดหน่อย” ฮานะพยักหน้าตอบเพื่อให้ฝ่ายนั้นคลายกังวล

“พักผ่อนน้อยอีกตามเคยสินะคะเนี่ย” เธอยิ้มแซวอย่างสนิทสนม “ลงไปหาอะไรทานด้วยกันหน่อยไหมคะ เกรซกำลังจะลงไปซื้อกาแฟให้คุณแกเรนพอดี”

“ไม่เป็นไรครับผมทานมาแล้ว” โกหกคำโตทั้งที่ท้องว่างจนแทบจะกินลมแทนอาหาร “ว่าแต่...คุณแกเรนว่างแล้วใช่ไหมครับ” ฮานะถามย้ำตารางนัดหมายที่อีกฝ่ายตอบกลับมาเมื่อเช้าว่าให้เข้ามาพบได้ช่วงประมาณสี่โมงเย็นหลังจากเลิกประชุมกับบอร์ดบริหาร

“อ้อ เกรซลืมแจ้งไปเลย” เธอทำหน้าเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานอย่างลุแก่โทษ “พอดีตอนนี้คุณแกเรนมีแขกอยู่น่ะค่ะ แต่ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไรคงใช้เวลาไม่นาน เกรซต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่ไม่ได้โทรมาบอกก่อน” ฮานะรีบรับไหว้เมื่อฝ่ายนั้นยกมือขึ้นมาประกบกันเพื่อต้องการแสดงการขอโทษ

“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” ส่ายหน้าปฏิเสธเพื่อแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวไม่ได้ติดใจอะไร

“ถ้าอย่างนั้นขอเกรซเลี้ยงกาแฟคุณฮานะเป็นการไถ่โทษนะคะ” เธอยื่นข้อเสนอ

“รบกวนด้วยนะครับ” ฮานะตอบกลับอย่างไม่คิดที่จะปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่ายด้วยเพราะร่วมงานกันมานานจึงสนิทสนมกันพอสมควร

เลขาสาวสวยรีบเดินไปเข้าลิฟต์ด้วยความคล่องแคล่วแต่ก็มิวายหันมาชี้นิ้วเป็นเชิงขู่บังคับว่าห้ามหนีกลับก่อนเป็นอันขาดจงอยู่รอกินกาแฟเสียโดยดี

ฮานะนั่งพักต่อสักพักก่อนจะตัดสินใจลุกเดินขึ้นไปนั่งรอที่โซฟาหน้าห้องคุณแกเรนแทนเพราะเกรงว่าถ้ายังอยู่บริเวณล็อบบี้จะได้เจอหน้าใครบางคนเข้า ระหว่างทางเดินเขาเอาแต่ก้มมองรายละเอียดงานของวันพรุ่งนี้ที่ถูกส่งมาในเมลล์จึงไม่ทันได้มองทางสักเท่าไรนัก

ผลัก!

จู่ๆ แรงปะทะอย่างรุนแรงก็ทำเอาเจ้าตัวเกือบล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น ถ้าหากไม่ถูกอีกฝ่ายคว้าแขนเอาไว้ก่อน

“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

ฮานะมึนเบลอกับภาพตรงหน้า แผ่นอกกว้างและช่วงตัวสูงใหญ่แบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอาต้องขมวดคิ้วมองอย่างนึกสงสัยว่าในบริษัทมีคนตัวใหญ่แบบนี้อยู่ด้วยหรือ

หรือว่าจะเป็นการ์ดคนใหม่ของคุณแกเรน?

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ-” เจ้าตัวรีบปฏิเสธก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายปริศนา

แต่แล้วจังหวะชีพจรกลับเต้นผิดปกติเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาสีเทาหม่น อีกฝ่ายเป็นผู้ชายตัวใหญ่มากจนสามารถบดบังช่วงตัวของเขาได้หมด ให้กะจากสายตาเปล่าๆ คงสูงเกือบจะแตะสองเมตรได้ ใบหน้าคมเข้มสันกรามได้รูปเป็นเอกลักษณ์แสดงถึงเชื้อชาติผสมจากทางฝั่งอเมริกาใต้ ผิวสีเข้มคร้ามแดดช่วยขับให้ฝ่ายนั้นดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

...เรียกได้ว่าเป็นลุคที่หาได้ยากจริงๆ ..

“คุณไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ใจ

“ไม่...ไม่เป็นไร” เมื่อตั้งสติได้ก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะดึงแขนตัวเองออกมาจากการช่วยประคองโดยที่ฝ่ายนั้นก็ยอมปล่อยแต่โดยดี...ความอุ่นที่หลงเหลืออยู่บนผิวเนื้อทำให้เผลอลูบซ้ำเมื่อรู้สึกว่าจังหวะชีพจรเต้นถี่ขึ้น

“ขอโทษอีกครั้งนะครับ ผมไม่ระวังเอง” เสียงทุ้มนุ่มแสนสุภาพเอ่ยบอกอย่างเป็นกังวล

“ช่างมันเถอะ...ขอบคุณที่ช่วย” ฮานะรู้สึกตอนนี้ว่าลิ้นพันกันจนมั่วไปหมด ซ้ำยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองฝ่ายนั้นเสียด้วยซ้ำไป “…ขอตัวก่อนนะครับ”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบอะไรกลับเจ้าตัวก็รีบเดินหนีออกมาทันทีด้วยอุณหภูมิร่างกายที่พุ่งสูงจนได้ยินเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วขึ้นเมื่อยกมือขึ้นจับทับร่องรอยความอุ่นที่ถูกฝ่ามือใหญ่กอบกุมเอาไว้




(มีต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
«ตอบ #3 เมื่อ03-09-2019 22:17:14 »

“มาพอดีเลย ผมกำลังจะโทรหาฮานะเลยนะเนี่ย” เสียงทักทายเอ่ยขึ้นเมื่อบานประตูถูกผลักเข้าไปอย่างถือวิสาสะ แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่ถือสาแล้วยังยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่น

“ขอโทษครับที่บุ่มบ่ามเข้ามา” ฮานะเพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่ถูกเจ้านายเดินมาจูงแขนให้ไปนั่งที่ชุดโซฟารับแขก

...เพราะอาการแปลกประหลาดเมื่อครู่ทำให้เจ้าตัวตกใจจนลืมแม้กระทั่งมารยาทที่ควรทำ

“ไม่เป็นไรน่า” มือเรียวสวยวางทาบทับลงมาบนบ่าก่อนเจ้าตัวจะย้ายไปนั่งที่โซฟาอีกตัวตรงข้ามกัน “ผมคุยธุระเสร็จพอดี เขาเพิ่งออกไปก่อนที่ฮานะจะเดินเข้ามานี่เอง”

ฮานะมองไปรอบห้องก็พบกับความว่างเปล่าไร้ซึ่งบุคคลที่สามก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดที่ถาโถมเข้ามา

“เป็นอะไรไป สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ” แกเรนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง นัยน์ตาสีชมพูทอดมองสไตล์ลิสต์คนเก่งประจำโมเดลลิ่งอย่างพินิจพิจารณา

ช่วงนี้งานหนักเอาการ ฮานะเลยดูผอมลงกว่าเดิมมากเห็นทีจะต้องหาวันพักผ่อนให้เสียแล้วสิ...

“คุณแกเรนครับ...ผมมีเรื่องสำคัญจะมาแจ้งให้ทราบ” โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลาฝ่ายนั้นก็พูดโพล่งขึ้นมาอย่างจริงจัง ใบหน้าสวยที่ดูอิดโรยสะท้อนความเหนื่อยล้าออกมาจากแววตาจนแทบปิดไม่มิด

“เรื่องอะไรละ” แกเรนนั่งฟังอย่างตั้งใจ แต่ก็ยังมิวายแกล้งแหย่เพื่อไม่ให้บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดมากเกินไป “อย่าบอกว่าจะมาขอลาออกนะ” เขาพูดติดตลกไปอย่างนั้น แต่กลับต้องใจเสียเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“...ครับ”

“ว่าไงนะ!?” แกเรนโพล่งขึ้นเสียงดังก่อนจะเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรง คำถามมากมายพุ่งเข้ามาโจมตีโดยไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวเมื่อจู่ๆ คนที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ก่อตั้งโมเดลลิ่งจะมาขอลาออกกลางคันแบบนี้

ขาดฮานะไปคนนึงก็เหมือนกับขาดมือขวาที่รู้ใจไป...เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นคนเก่งที่มีความสามารถซ้ำยังรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างดีเยี่ยม แล้วอีกอย่างเขาเองก็รักและเอ็นดูฮานะเหมือนน้องชายแท้ๆ เลยก็ว่าได้

“ผม...จะขอลากลับไปทำงานกับพ่อที่ญี่ปุ่นครับ” เจ้าตัวหมายถึงธุรกิจครอบครัวที่ลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น

“ทำไมละ”

บอสใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดท่า ก่อนจะยกมือขึ้นมานวดคลึงบริเวณขมับที่เริ่มตึงเครียด

ฮานะไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเจ้าตัวเอาแต่นั่งก้มหน้าบีบมืออยู่อย่างนั้นท่ามกลางความเงียบสงบในห้องที่มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศกำลังทำงาน

แต่แล้วแกเรนก็จับสังเกตได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล

“ทะเลาะกับอเล็กซ์เหรอ” คำถามถูกยิงเข้าใส่อย่างไม่คิดอ้อมค้อมเพราะแกเรนเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่เกินเลยระหว่างคนทั้งคู่

ปกติแล้วฮานะไม่ใช่คนที่เอาปัญหาและอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาปะปนกับเรื่องงานอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้มันดูแปลกจนไม่อยากเชื่อว่าเจ้าตัวจะขอลาออกจากงานที่รักเพื่อกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่ญี่ปุ่น

“เปล่าครับ” ฮานะส่ายหน้าปฏิเสธ

“ฮานะ...บอกความจริงกับผมมาเถอะ” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายต้องเผชิญปัญหาอยู่เพียงคนเดียว

“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ คุณแกเร-”

พูดยังไม่ทันหมดประโยคฝ่ายนั้นก็เอื้อมมือมาดึงหน้ากากอนามัยที่สวมไว้ออกด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่นัยน์ตาสีสวยจะเบิกกว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น ฮานะรีบเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนความรู้สึกอับอาย

“ฝีมืออเล็กซ์อีกแล้วใช่ไหม” แกเรนเค้นถามเสียงเครียด...แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นว่าอีกฝ่ายถูกทำร้าย แต่ที่ผ่านมาเจ้าตัวบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด...ดูก็รู้ว่าต้องการปกป้องผู้ชายคนนั้น

“...ครับ” เสียงแผ่วเบาเอ่ยปากยอมรับแต่โดยดี

“ครั้งนี้มันรุนแรงมากกว่าที่ผ่านมานะ” เขาเสียงสั่นเทิ้มเพราะกำลังระงับความโกรธ “ฮานะยังจะทนต่อไปทำไมผมไม่เข้าใจ”

ฮานะส่ายหน้าปฏิเสธ “เพราะอย่างนั้นผมถึงมาหาคุณ...เพื่อจะขอลาออก...”

“ฮานะ ผมไม่...” แกเรนตั้งท่าจะคัดค้านหัวชนฝา...ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมเสียคนดีๆ ไปเพียงเพราะเนื้อเสียแค่ชิ้นเดียวแน่นอน

“ได้โปรดเถอะครับคุณแกเรน” น้ำเสียงเหนื่อยล้าแหบพร่าอย่างน่าสงสาร “ได้โปรดให้ผมไปจากที่นี่ที...ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว...ไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้ายังอยู่ใกล้เขาแบบนี้ ผมต้องบ้าตายแน่ๆ” หยดน้ำตาทิ้งตัวลงมาอาบแก้มที่บวมช้ำจนเปียกชุ่ม ฮานะปลดปล่อยความเสียใจที่ถูกกักเก็บเอาไว้อย่างไม่คิดอายเพราะอีกคนก็ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน

“ฮานะ” แกเรนถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้

ถึงจะเป็นโอเมก้าเหมือนกัน แต่ฮานะตัวเล็กกว่าเขามาก เวลาที่ถูกกอดเอาไว้แบบนี้เลยคล้ายกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างไรอย่างนั้น

เวลาผ่านไปราวสิบนาทีทั้งสองก็ยังไม่คลายอ้อมกอดออกจากกันจนเลขาสาวเคาะประตูเรียกจึงถูกโบกมือไล่ให้ออกไปที่อื่น เกรซพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพร้อมกับปิดล็อกห้องเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวนเจ้านายได้อีก ก่อนจะไปเธอยังมองคุณฮานะตาละห้อยเพราะสงสารจับใจจนถูกบอสมองดุถึงได้วิ่งแจ้นออกไป

“ร้องออกมาเถอะ” แกเรนลูบแผ่นเล็กอย่างปลอบประโลม แม้นว่าเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่จะเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาของเจ้าคนหัวดื้อก็ตาม

ฮานะที่เขารู้จักเคยร่าเริงมากกว่านี้ นับครั้งได้ที่เจ้าตัวจะแสดงด้านอ่อนแอออกมาให้ใครได้เห็น แต่ตั้งแต่ที่เริ่มมีความสัมพันธ์เกินเลยกับอเล็กซ์เจ้าตัวก็มีสีหน้าที่เศร้าหมองลง ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนอย่างเคย แม้นจะรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่แกเรนกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายถูกพรากความสุขไปจากชีวิตทีละนิด

แม้จะสนิทกัน แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นคนนอก อีกอย่างเจ้าตัวเป็นฝ่ายยินยอมที่จะอยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบนี้เองจึงทำได้แค่เอ่ยเตือนเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น

ผ่านไปเกือบชั่วโมงเสียงสะอื้นก็เงียบหาย ฮานะถอนใบหน้าออกจากอกด้วยดวงตาที่บวมจนแทบปิดเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผ้าเช็ดหน้าถูกยื่นส่งไปให้อีกฝ่ายได้ซับเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้า แกเรนนั่งมองเจ้าตัวเล็กด้วยความเป็นห่วงอยู่ทุกวินาที

“ดีขึ้นหรือยัง” น้ำเย็นที่วานให้เลขาคนเก่งไปหยิบมาให้ถูกยื่นส่งไปตรงหน้า ฝ่ายนั้นพยักหน้าขอบคุณเล็กน้อยก่อนจะยกขึ้นจิบแล้ววางลงบนโต๊ะกระจกตัวเดิม

“ขอบคุณครับ” เสียงแหบพร่าคล้ายกับคนที่ถูกไข้หวัดเล่นงานจนแกเรนต้องเอื้อมมือไปอังหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายให้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตัวรุมๆ ก็ดุไปยกนึงตามระเบียบ

“เพลาๆ เรื่องบุหรี่ลงบ้างนะ” แกเรนเอ่ยเตือน เพราะนี่เป็นอีกเรื่องที่เขานั้นเป็นห่วงเพราะตั้งแต่ที่ฮานะเริ่มตัวติดกับอเล็กซ์เจ้าตัวก็สูบบุหรี่จัดมากขึ้น เรียกว่าเสพติดยังได้ ทั้งที่ปกติฮานะจะใช้มันก็ต่อเมื่อรู้สึกเครียดหรือคิดงานไม่ออกเท่านั้น

“ครับ” ตอบรับอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก

“วันนี้ฮานะคงเหนื่อยมากจริงๆ ถ้ายังไงเรื่องงานเอาไว้ค่อยพูดกันวันหลังดีไหม” แกเรนยื่นข้อเสนอ

“แต่...”

“ไม่มีแต่...ครั้งนี้ผมขอใช้สิทธิ์เจ้านายสั่งให้คุณกลับไปพักผ่อนซะ ส่วนตารางงานอเล็กซ์และงานฝ่ายคอสตูมผมจะให้เกรซจัดการให้แทนทั้งหมด” เขาพูดยิงยาวไม่เว้นที่ว่างให้อีกคนเอ่ยแย้งขึ้นมาได้ “ส่วนเรื่องลาออกน่ะ ผมจะเอากลับไปคิดทบทวนดูก่อน พรุ่งนี้เช้าถึงจะให้คำตอบ แต่วันนี้ฮานะต้องสัญญากับผมว่าจะกลับไปนอนพักผ่อน ตกลงไหม”

“...” แกเรนเลิกคิ้วมองคนที่เอาแต่นั่งเงียบ

“ว่ายังไงละ” เอ่ยกระตุ้นอีกครั้ง จนในที่สุดก็ต้องยิ้มอย่างพอใจเมื่อฝ่ายนั้นพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

“...ครับ”

เย็นวันนั้นแกเรนอาสาขับรถไปส่งเจ้าตัวถึงคอนโด ก่อนจะย้ำอีกหนว่าในระหว่างนี้ห้ามติดต่อกับอเล็กซ์โดยเด็ดขาด และถ้าฮานะยังขืนดื้อไปหาเขาจะสั่งปลดงานทุกชิ้นของไอ้หน้าอ่อนนั่นจนมันไม่ได้มีโอกาสที่จะตั้งตัว









แสงแดดอบอุ่นในยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านโปร่งแสงเข้ามาภายในห้องนอน ไอแดดกระทบเข้ากับร่างของคนที่นอนซุกอยู่ในกองหมอนและผ้าห่มอย่างสบายอารมณ์ ผิวเนื้อเปลือยเปล่าใต้ผ้านวมผืนหนานั้นอุ่นกำลังดีตัดกับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ถูกตั้งเอาไว้ตามที่เจ้าตัวชอบ

ร่างขาวนวลบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน เจ้าตุ๊กตาหมีตัวโตที่กินพื้นที่บนเตียงมากที่สุดถูกคว้ามากอดเอาไว้ก่อนใคร ฮานะค่อยประคองตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอายางมัดผมมามัดรวบเอาไว้เป็นมวยหลวมๆ เจ้าตัวลุกออกมาจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเรียกความสดชื่นให้กับเช้าวันหยุดที่ถูกคุณแกเรนยัดเยียดมาให้

เสื้อยืดตัวโคร่งที่ชอบสวมใส่อยู่บ้านถูกหยิบออกมาสวมทับเอาไว้ เท้าเปลือยเปล่าลงน้ำหนักลากไปกับพื้นอย่างเกียจคร้านเพราะไม่ได้สัมผัสกับเช้าวันหยุดแบบนี้มาเนิ่นนาน

เสียงของรายการข่าวช่วงเช้าดังคลอไปกับเสียงเครื่องครัวบริเวณข้างห้องรับแขก ขนมปังสองแผ่นเด้งขึ้นมาจากเครื่องปิ้งส่งกลิ่นหอมฉุยของธัญพืชผสมผสานไปกับกลิ่นเมล็ดกาแฟคั่วยี่ห้อโปรด มายองเนสผสมมัสตาร์ดถูกปาดลงไปบนแผ่นขนมปังตามด้วยผักสดและเบคอนทอดกรอบตามที่ชอบ ฮานะเอนตัวช่วงบนลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อนที่กั้นระหว่างโซนครัวกับห้องรับแขกอย่างเกียจคร้าน ก่อนดวงตากลมโตจะจ้องภาพข่าวสลับกับกัดแซนวิชแล้วเคี้ยวไปด้วยอย่างไม่รีบร้อน

น้ำส้มสำเร็จรูปยี่ห้อโปรดถูกรินลงแก้วใบโตก่อนเจ้าตัวจะยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากที่ล้างจานเสร็จแล้วจะออกไปให้น้ำกระถางแคคตัสและสวนขนาดเล็กบริเวณระเบียงหลังจากนั้นค่อยไปซักผ้าต่อ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มลงมือทำอะไรเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จทิ้งเอาไว้ในห้องนอนก็แผดเสียงดังลั่นจนต้องรีบเดินกลับเข้าไปกดรับเพราะกลัวว่าปลายสายจะรอนาน

เมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาฮานะก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบกดรับสาย

“ครับ”

(ฮานะ...บ่ายวันนี้เข้ามาหาผมที่บริษัทหน่อยได้หรือเปล่า) ฝ่ายนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเครียดเล็กน้อย

“ได้ครับ...ผมจะรีบเข้าไป” ฮานะรับปาก ในอกกลับวูบโหวงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนได้ตัดสินใจลาออก

(อืม...ผมจะรอ)

หลังจากที่ฝ่ายนั้นวางสายไปแจ้งเตือนข้อความที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก็ถูกเปิดอ่าน เป็นอเล็กซ์ที่ส่งมาหา ฝ่ายนั้นถามอยู่เพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็เงียบหายไปไม่มีแม้แต่แจ้งเตือนเบอร์โทร

ฮานะถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะตัดสินใจกดลบเบอร์และช่องทางการติดต่อของอีกฝ่ายทิ้งไปอย่างไม่คิดลังเลเหมือนอย่างเคย เพราะความรู้สึกตอนนี้นั้นมันว่างเปล่าเสียจนไม่อยากจะเชื่อว่าเคยรักอีกฝ่ายมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนคงนึกน้อยใจจนแทบบ้า แต่ตอนนี้กลับเฉยเมยได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

..และอีกไม่นานความรู้สึกเหล่านั้นก็คงจะจางหายจนอีกฝ่ายไม่สามารถมีอิทธิพลกับหัวใจดวงนี้ได้อีก...ตลอดไป



_____________________________



ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะทยอยลง1-2สัปดาห์ต่อตอนนะคะ

เลทมาเดือนนึง ขอโทษที่ต้องให้รอนานค่า

ฝาก Blue Ocean และ Scent Project ของนักเขียนอีกสองท่านด้วยนะคะ

ตามไปอ่านได้ที่ Silver Bullet และ Black Diamond ค่า



ในทวิตเตอร์ใช้แท็ก #ดอกไม้ของพีท น้า <3


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
«ตอบ #4 เมื่อ03-09-2019 22:47:04 »

อเล็กซ์ นาย-แย่-มาก   :m31: :m31: :m31:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
«ตอบ #5 เมื่อ03-09-2019 23:26:54 »

อเล็กซ์ทุเรศสุดๆ ทั้งคำพูดการกระทำ มาหวงฮานะเอาตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไรแล้วจ่ะ อยู่กับความเสียใจเสียดายไปคนเดียวเถอะ  :fire:

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
«ตอบ #6 เมื่อ04-09-2019 00:47:12 »

 :m31: :fire: อยากพ่นไฟใส่หน้าอเล็กซ์ หลุดพ้นให้ได้นะฮานะ น้องพีทรออยู่ :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
«ตอบ #7 เมื่อ04-09-2019 01:46:46 »

คนแบบนี้  :fire: :fire: :fire:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
«ตอบ #8 เมื่อ08-09-2019 20:13:24 »

CHAPTER TWO

_________________________________



   “คุณฮานะ” เลขาสาวสวยลุกขึ้นต้อนรับพร้อมกับส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร

   “สวัสดีครับคุณเกรซ” ฮานะทักทายเธอกลับไป

   “ตอนนี้บอสกำลังคุยกับคุณอเล็กซ์อยู่น่ะค่ะ” เธอบอก พร้อมกับชักชวนให้แขกคนสำคัญของเจ้านายมานั่งรอที่เก้าอี้ชุดรับรองหน้าห้อง อันที่จริงเมื่อเช้าบอสได้แจ้งเอาไว้ว่าตอนบ่ายมีนัดกับคุณฮานะ แต่พอก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงเท่านั้น

   “อเล็กซ์...เหรอครับ” ฮานะถามกลับ ก่อนจะลอบมองผ่านบานกระจกใสเข้าไป เมื่อได้เห็นแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคยของใครบางคนกลับนั่งตัวเกร็งขึ้นมาจนหญิงสาวสังเกตได้

   ถ้ารู้อย่างนี้ ออกจากห้องสายหน่อยเสียก็ดี...ไม่น่ารีบมาเลย...ให้ตาย

   “ค่ะ บอสเรียกพบคุณอเล็กซ์ตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ยังคุยธุระไม่เสร็จเลย”  เธอมองไปทางเจ้านายอย่างเป็นห่วง “ถ้ายังไงเกรซขอตัวลงไปซื้อมื้อเที่ยงให้บอสก่อนนะคะ ขืนปล่อยให้โหมงานจนลืมทานข้าวมีหวังโดนคุณใหญ่บ่นหูชา” ใครก็รู้ว่าคนรักของ ‘แกเรน ฮาร์ดเนอร์’ ขึ้นชื่อเรื่องหวงและห่วงภรรยายิ่งกว่าอะไร ทางนั้นคอยย้ำให้เธอจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ตลอดว่าไม่ให้โหมงานหนักจนลืมทานข้าว

   หลังจากที่เลขาสาวสวยเดินจากไปฮานะก็เลือกที่จะออกไปนั่งอยู่ที่อีกมุมแทนเพราะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับใครคนนั้น

   เพลงจากวงดนตรีวงโปรดดังคลอผ่านหูฟังช่วยดูดซับความฟุ้งซ่านออกไป ช่วงตัวเอนพิงไปกับพนักโซฟานุ่มพลางทอดมองวิวจากยอดตึกสูงไปด้วยอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งถูกดึงความสนใจกลับไปเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของคนสองคนดังแว่วมาจากทางหน้าห้องผู้บริหาร ฮานะรีบดึงหมวกเสื้อฮู้ดตัวโคร่งขึ้นมาสวมทับเอาไว้เมื่อเห็นว่าคุณแกเรนกำลังยืนคุยอยู่กับใครคนนั้น

   อเล็กซ์มีสีหน้าที่เคร่งเครียดไม่น้อย ซ้ำท่าทางยังดูหงุดหงิดแต่ฝ่ายนั้นกลับอดทนอดกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากจะแสดงอารมณ์โมโหต่อหน้าเจ้านาย เจ้าตัวยกมือขึ้นไหว้ลาคุณแกเรนก่อนจะหยิบแว่นกันแดดสีชาขึ้นมาสวมพร้อมกับหมุนตัวเดินไปเข้าลิฟต์ด้วยความรวดเร็ว

   เมื่อมั่นใจได้ว่าทางสะดวกฮานะก็เดินเลียบเคียงเข้าไปหาเจ้านายที่กำลังยืนพิงโต๊ะเลขาอยู่พร้อมกับยกมือขึ้นนวดขมับไปมา

   “คุณแกเรน” เอ่ยทักอย่างไม่เต็มเสียงนักเพราะรู้สึกเกรงใจอีกฝ่าย

   “ฮานะ...ทำไมมาเร็วนักละ ผมนัดบ่ายนี่”แกเรนถามกลับแต่พอก้มลงมองตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือก็พบว่าตอนนี้เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว “หมอนั่นทำผมเสียสมองสุดๆไปเลย” เสียงบ่นมาพร้อมกับการส่ายใบหน้าไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย ขมับที่ตึงเครียดถูกนวดไปมาเพื่อให้ผ่อนคลาย

   คุยกับพวกอีโก้สูงนี่มันเปลืองพลังชีวิตมากจริงๆ...นับถือใจฮานะเลยที่ทนอยู่กับคนแบบนี้ได้มาหลายปี

   “อเล็กซ์ทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่าครับ” ฮานะถามอย่างรู้สึกผิดเต็มอกเพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา เรียกอีกอย่างก็คือคนที่ลงแรงปั้นมากับมือ แต่ส่วนหนึ่งที่อเล็กซ์เติบโตได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ก็เพราะมีคุณแกเรนคอยช่วยเรื่องงานอยู่ตลอด พอเห็นว่าฝ่ายนั้นทำให้ผู้มีพระคุณต้องหนักใจมันจึงอดที่จะกังวลไม่ได้

   “ช่างเถอะ...เขามันพวกดื้อแพ่ง” เขาโบกมือปัดอย่างไม่คิดจะใส่ใจ “นั่งสิ...ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับฮานะเยอะเลย” แกเรนคลี่ยิ้มอย่างอ่อยนโยนก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง

   ฮานะเดินมานั่งบนเก้าอี้สำหรับรับแขกบริเวณหน้าโต๊ะด้วยท่าทางที่ดูตึงเครียด ลักษณะของมือและการขยับตัวที่ไม่เป็นธรรมชาติเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าตัวอยากจะระบายความกดดันนั้นผ่านมวนบุหรี่...คงเพราะได้กลิ่นของใครบางคนที่ยังหลงเหลืออยู่บนพนักพิงจากเก้าอี้ตัวข้างกัน

   สเปรย์ปรับอากาศถูกฉีดจนคลุ้งห้อง กลิ่นหอมเย็นโอบล้อมอยู่รอบตัวเพื่อสร้างความผ่อนคลาย ก่อนโถแก้วขนาดเล็กที่ภายในบรรจุลูกกวาดหลากสีจะถูกเลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้า คุณแกเรนยิ้มบาง

   ลูกอมรสหวานในโถนั้นถูกเตรียมไว้สำหรับเจ้าลูกชายตัวแสบทั้งสองที่กำลังอยู่ในวัยซน

   “…ขอบคุณครับ” ลูกอมรสแอปเปิลโซดาถูกหยิบออกไป ฟอยล์สีเขียวสดค่อยๆถูกคลี่ออกก่อนเม็ดน้ำตาลจะถูกส่งเข้าไปในปากแทนสารเสพติดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

   “รสโปรดของเจ้าพวกตัวน้อยเลยละ” ฮานะยิ้มรับพร้อมกับบ่นคิดถึงเด็กซนทั้งสองจนคุณแกเรนรับปากว่าว่างๆจะพามาป่วนที่บริษัท ทั้งบิเบียนและอองเดรตอนนี้ทั้งคู่ก็อายุสามขวบเข้าไปแล้ว แฝดหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังที่ถือกำเนิดมาจากโอเมก้าอย่างคุณแกเรนและสามีอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ที่ดำรงตำแหน่งนายทหารชั้นสูง

ฮานะเคยเห็นหน้าค่าตาคุณใหญ่มาบ้างตอนที่ฝ่ายนั้นมาส่งภรรยาที่บริษัทในตอนเช้า เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงสามารถเอาชนะใจเจ้านายตนได้

   คนอย่างคุณแกเรนคู่ควรและเหมาะสมแล้วที่จะมีคู่ชีวิตและครอบครัวที่น่ารักอบอุ่น...ซึ่งนั่น นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้หากันได้ง่ายๆในยุคสมัยที่สังคมถูกแบ่งแยกชนชั้นชัดเจนเช่นนี้ ไม่ว่าวิวัฒนาการต่างๆจะเจริญก้าวไกลไปมากแค่ไหนและไม่ว่าจะมีการรณรงค์เรียกร้องสิทธิให้เท่าเทียมกันอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแนวคิดที่ว่ากลุ่มคนจำพวกโอเมก้าอย่างพวกเขามีค่าเพียงแค่เครื่องผลิตลูกและตัวรองรับน้ำเชื้อจากผู้ที่อยู่เหนือกว่าเท่านั้น...

ถึงแม้ว่าในยุคสมัยนี้เหล่าโอเมก้าจะมีปะปนอยู่ในทุกชนชั้นทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ นักการเมือง นักกีฬา ดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง แต่คนเหล่านั้นก็ยังคงถูกจับจ้องจากพวกต่อต้านการเรียกร้องมนุษยชนอยู่เสมอ เรียกได้ว่าถ้าก้าวพลาดไปเพียงนิดก็มีคนที่พร้อมจะเหยียบย่ำเสมอ

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พวกเขาต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว และพิสูจน์ตัวตนว่าคนชนชั้นอย่างพวกเขาก็สามารถแสดงความสามารถที่มีอยู่ได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในวงการแฟชั่นคือ แกเรน ฮาร์ดเนอร์ผู้ที่เป็นเจ้าของโมเดลลิ่งเจ้าใหญ่ในเมืองไทยที่เคยตั้งตัวเป็นหลักเพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมให้โอเมก้า ชายหนุ่มรูปงามที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการงานที่มั่นคงรวมไปถึงการได้พบกับคู่ครองชีวิตที่คู่ควร

เขาเป็นแบบอย่างให้กับโอเมก้าหลายๆคนที่กำลังท้อแท้และสิ้นหวังในชาติกำเนิดของตนเองให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิ และพิสูจน์ตัวตนจนเป็นที่ยอมรับในสังคม

ฮานะเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รักและเคารพคุณแกเรนเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง และยังถือเอามาเป็นแบบอย่างจนสามารถก้าวเข้ามาเป็นสไตล์ลิสมือหนึ่งของ SMA ได้ในที่สุด เขาถือว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะนอกจากงานประจำที่ทำอยู่นั้นฮานะยังมีแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่น เรียกได้ว่าธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วจนเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่จะมีก็เพียงอย่างเดียวที่ล้มเหลวในชีวิต...นั่นก็คือเรื่องความรัก

ศรัทธาที่สิ้นหวังแหลกสลายไม่มีชิ้นดี...ปล่อยให้เรื่องของโชคชะตานั้นเป็นเพียงความฉาบฉวยผิวเผิน

และปักใจหนักแน่นว่ามันไม่มีอยู่จริง...

“คิดอะไรอยู่น่ะ” เสียงทักดังขึ้นทำให้หลุดออกจากภวังค์ คุณแกเรนโบกมือไปมาตรงหน้าอย่างเป็นห่วง

“เปล่าครับ” เขายิ้มและส่ายหน้าปฏิเสธ

ฮานะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายลงไปมาก แต่มือทั้งสองข้างยังคงบีบแน่นเข้าหากันเพื่อแสดงให้เห็นว่ากำลังตกอยู่ในสภาะจิตใจพลุ้งพล่าน

“ที่ผมเรียกให้เข้ามาหาเพราะมีเรื่องสำคัญจะต้องบอกฮานะ” แกเรนยืดตัวนั่งหลังตรง สองมือยกขึ้นมาวางกุมบนโต๊ะทำงานด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย “ผมนำเรื่องที่ฮานะจะขอลาออกกลับไปคิดทบทวนอีกครังแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า...ผมยังไม่สามารถปล่อยฮานะไปได้...ในตอนนี้”

“แต่...ผมมีสิทธิ์ที่จะขอลาออกนี่ครับ” ฮานะแย้งขึ้นมา ความไม่เข้าตีกันจนวุ่นวายสับสนไปหมด

“ใช่คุณมีสิทธิ์” แกเรนย้ำ “แต่ผมจะยอมก็ต่อเมื่อการลาออกมันเป็นความต้องการที่แท้จริงจากตัวคุณเอง ไม่ใช่เพียงเพราะว่าต้องการหลบหน้าใคร”

“ผม...” ฝ่ามือถูกกำย้ำไปมาจนชื้นเหงื่อ

“ฮานะ...คุณเคยบอกกับผมนี่ว่างานนี้คืองานที่คุณรัก และบริษัทนี้ก็เหมือนบ้านของคุณ” แกเรนลดเสียงลงอย่างอ่อนโยน “ผมรู้ว่าคุณไม่ได้อยากจะทิ้งมันไปจริงๆหรอก...ใช่ไหม”

ถ้อยคำหว่านล้อมไล่จี้ตามทัน ไม่มีคำไหนเลยที่คุณแกเรนพูดผิด...SMA ก็เหมือนบ้านที่เขาได้ร่วมดูแลมาตั้งแต่ยังเป็นแค่โมเดลลิ่งที่ยังไม่มีชื่อเสียง อีกอย่างงานนี้เขาได้ลงทุนทั้งแรงกายแรงใจไปไม่น้อย

แต่จู่ๆกลับจะต้องมาล้มเลิกความฝันของตนเองเพียงเพราะใครอีกคน...มันดูไม่แฟร์เลยสักนิด

“คิดดูให้ดีนะ...คุณจะยอมแลกสิ่งที่คุณสร้างมากับมือเพียงเพราะไอ้คนเฮงซวยพรรคนั้นน่ะเหรอ...บอกตามตรงว่าผมเสียดายจริงๆ”

“…” ฮานะไม่ได้ตอบโต้กลับ ทำเพียงแค่ก้มหน้ามองมือของตนเองที่กำแน่นจนสั่นเทิ้ม

“ฮานะ...คุณเป็นคนเก่ง ความสามารถของคุณมันไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย...อย่าลืมสิว่ากว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้คุณต้องเหนื่อยในการพิสูจน์ตัวเองแค่ไหน” แกเรนถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อได้บอกเหตุผลของตนเองออกไปจนหมด เขาเอนหลังพิงเก้าอี้บุนวมนุ่มอย่างเฝ้ารอคำตอบ ลึกๆแล้วในใจก็นึกหวั่นเพราะถ้าหากฮานะยังดึงดันที่จะไปก็คงหมดทางยื้อ

“ผม...จะลองคิดดูอีกทีครับ” เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมนัยน์ตาที่แดงก่ำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำแห่งความอ่อนแอ

“นั่นถือว่าเป็นคำตอบแล้วนะ” แกเรนยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นสำคัญอีกเรื่องขึ้นมา “ส่วนเรื่องงานผมจะให้เกรซดูแลอเล็กซ์แทนไปก่อน แล้วหลังจากนี้ก็ถือว่าคุณหมดหน้าที่ในการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหมอนั่นแล้ว”

“อะไรนะครับ” ฮานะถามย้ำอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจ

“เมื่อเช้าผมเรียกอเล็กซ์เข้ามาคุยเรื่องจะเปลี่ยนผู้จัดการดูแลตารางงานให้ใหม่ ผมบอกว่าคุณต้องไปร่วมโปรเจกต์ใหญ่ในปลายปีนี้เลยจำเป็นต้องขอยืมตัวมาสักพัก”

“…”

“หมอนั่นดูโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงน่าดูเลยละ” แกเรนส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกฝ่ายนั้นก้าวร้าวใส่ “นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณเป็นคนฝากฝังมา จะสั่งสอนให้มันร้องไม่ออกเลย”

“ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะครับ...ช่วงนี้อเล็กซ์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” ฮานะออกตัวรับผิดแทนเหมือนที่ผ่านมา รู้สึกผิดที่ตนเองเอาแต่สร้างปัญหาให้คุณแกเรนปวดหัว

“อารมณ์หรือสันดานกันแน่ที่ไม่ดี” แกเรนหัวเราะเย้ยหยัน “ช่างเถอะ...คุณไม่จำเป็นต้องมารู้สึกผิดแทนคนแบบนี้หรอกน่า”

“แต่ผมกลัวว่าเขาจะต่อต้าน” เขายังคงไม่วางใจเพราะรู้นิสัยของอเล็กซ์ดีว่าฝ่ายนั้นคงไม่ยอมเชื่อฟัง “ถ้าเกิดเขาทำเรื่องเสื่อมเสียจนกระทบกับทางต้นสังกัดละก็ผมคง...”

“เจ้านั่นมันไม่กล้าหรอก” แกเรนยิ้มอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“คุณคง...ไม่ได้ไปขู่อะไรเขาไว้ใช่ไหมครับแกเรน” ใบหน้าน่ารักทอแววไม่ไว้วางใจจนต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

 “เรื่องนั้นไม่ต้องรู้หรอกน่า” เขาบอกปัด “เอาเป็นว่าหลังจากนี้หมอนั่นมันไม่กล้าเข้ามาเกาะแกะกับฮานะอีกแน่นอน หรือถ้าคิดจะลองดีก็มาบอกผมได้ เดี๋ยวจัดการให้” เจ้านายคนสวยขยิบตาให้อย่างมั่นอกมั่นใจ

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ” เสียงร้องทักของเลขาสาวสวยช่วยสลายความตึงเครียดของบรรยากาศในห้องให้จางหายไป เกรซยื่นหน้าเข้ามาก่อนจะยิ้มแหยเมื่อถูกเจ้านายดุทางสายตา “คือ...บอสคะ คุณพีทมาแล้วค่ะ”

“อ้อ” แกเรนร้องอย่างนึกขึ้นมาได้ “ให้พีทเข้ามาได้เลย”

เธอขานรับก่อนจะเดินกลับไปหน้าห้องเพื่อเรียกแขก เมื่อฮานะมองตามออกไปก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่ เรือนร่างสูงใหญ่และบ่าที่กว้างนั้นช่างดูคุ้นตาเสียจนต้องลอบมองอย่างสนอกสนใจ

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ฮานะหันมาบอกลาเจ้านาย แต่ฝ่ายนั้นกลับรีบยกมือขึ้นห้ามเอาไว้

“อย่าเพิ่งไปสิ...ผมยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอก” แกเรนยิ้มก่อนจะหันไปรับไหว้จากบุคคลที่สามที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง “พีท...มานั่งสิ”

“ครับ”

เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยทำให้ฮานะต้องรีบหันไปมองก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นคือคนที่เขาเดินชนเมื่อวานนี้ ส่วนผู้ชายคนนั้นก็ดูชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มทักทายมาให้อย่างเป็นมิตร ร่างสูงใหญ่เดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างกัน ไอร้อนที่แผ่ออกมารอบกายทำเอาชีพจรเต้นผิดจังหวะจนรู้สึกเจ็บที่อกซ้าย

จู่ๆอุณหภูมิในร่างกายก็พุ่งขึ้นสูงจนฝ่ามือชื้นเหงื่อฮานะเลื่อนเก้าอี้เบี่ยงออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้แล้วร่างกายผิดแปลกไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่แล้วบรรยากาศแสนกระอักกระอ่วนก็ถูกคุณแกเรนช่วยสลายออกไปให้โดยการเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นมา

“ฮานะ...นี่พีท เด็กใหม่ของเรา” เขาแนะนำต่อพร้อมผายมือมา “ส่วนนี่ฮานะ...สไตล์ลิสมือหนึ่งของผมเอง เรียกพี่ได้ตามสบาย เพราะทางนี้อายุเข้าเลขสามแล้ว...แม้ว่าภายนอกจะเหมือนเด็กมัธยมก็เถอะ” แกเรนพูดหยอกล้อจนถูกอีกฝ่ายมองค้อนไปที

ฮานะหันไปพยักหน้าทักทายตามมารยาทก่อนจะรีบเบือนสายตาหนีไปอีกทางเมื่อเห็นว่านัยน์ตาสีเทาหม่นคู่นั้นจดจ้องมาที่ตนเอง

“ที่ผมเรียกคุณมา ก็เพราะจะอยากจะแนะนำให้รู้จักกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณ...หลังจากนี้ฮานะจะเป็นคนดูแลเรื่องตารางงานทั้งหมดของคุณ” ถ้อยคำเหมือนฟ้าผ่าส่งลงมาโดยไม่ทันให้ตั้งตัวทำให้ฮานะต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจจนคุณแกเรนหลุดยิ้มออกมา

“อะไรนะครับ” เขาถามย้ำอีกครั้ง สลับกับหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

“นี่แหละเรื่องสำคัญที่ผมจะบอก” ประกายตาสีชมพูดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาคล้ายกับคนกำลังเล่นสนุก “ผมจะให้ฮานะไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพีทแทนอเล็กซ์”

“ก็ไหนคุณบอกจะให้ผมไปช่วยโปรเจกต์ยังไงละครับ” เขาเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก มึนงงยังไม่หาย

คุณแกเรนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี

“นั่นก็ใช่...แต่ในระหว่างนี้ ผมอยากให้ฮานะช่วยดูแลพีทร่วมไปด้วย เขายังใหม่ในวงการต้องการคนชี้แนะอีกเยอะ”

“คุณก็รู้ว่าผมไม่ถนัดงานด้านนี้” ในกรณีของอเล็กซ์เป็นข้อยกเว้นเพราะเขาเต็มใจที่จะทำให้อยู่แล้ว แต่นี่คุณแกเรนจะให้เขาทำหน้าที่ผู้จัดการเต็มตัว ซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นเด็กใหม่แค่คิดก็มองเห็นความยุ่งยากที่จะตามมาในอนาคตแล้ว

“ผมเชื่อว่าคุณทำมันได้ดีแน่นอน...ขนาดอเล็กซ์ยังคุมได้อยู่หมัด กับพีทน่ะคงไม่ใช่เรื่องยากนักหรอกจริงไหม”

“ก็นั่นมัน...” เหตุผลมากมายถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “…ก็ได้ครับ ผมจะช่วยดูแลเขาให้” ฝ่ายนั้นยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็มากพอที่จะสะกดตรึงสายตาของคนที่มองอยู่

“เยี่ยมไปเลย” แกเรนดีดนิ้ว “ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ผมวานให้คุณช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องอื่นๆของพีทด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวเอกสารกับข้อมูลอื่นๆผมจะให้เกรซส่งตามหลังไปให้”

พูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก็ขอตัวไปเข้าประชุมกับบอร์ดบริหารโดยทิ้งให้คนสองคนนั่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะกระอักกระอ่วน

ในชีวิตฮานะไม่ได้พบเจอพวกอัลฟ่าที่มีแรงขับเคลื่อนในกายสูงขนาดนี้มากนักเพราะคนกลุ่มนี้มักจะมากไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวน มีรูปลักษณ์ดึงดูดสายตาและโดดเด่นท่ามกลางคนหมู่มาก...ซึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างเขานั้นถือว่าเข้าข่ายทุกประการ เพราะเขาตัวสูงใหญ่เกินมาตรฐาน มีหน้าตาคมชัดตามแบบฉบับลูกครึ่ง และที่สำคัญ...เสน่ห์ที่ผสมกับฟีโรโมนอันเป็นเอกลักษณ์นั้นมีแรงดึงดูดอย่างรุนแรง

แม้แต่กับอเล็กซ์ที่เคยมีสัมพันธ์ทางกายกันมาหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังไม่เคยทำให้เขารู้สึกสับสนจนไม่เป็นตัวของตัวเองขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ...แต่กับใครอีกคนแค่ได้มองก็ทำเอาชีพจรผิดเพี้ยนจนคุมการหายใจลำบาก




(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
«ตอบ #9 เมื่อ08-09-2019 20:15:09 »

“คุณสบายดีนะครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้นมาทำลายความเงียบ นัยน์ตาคมทอดมองร่างของคนข้างกายพร้อมกับส่งยิ้มไปให้และถือโอกาสนี้มองสำรวจใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยไปด้วย เพราะเมื่อวันก่อนอีกฝ่ายได้สวมหน้ากากอนามัยเอาไว้จนบดบังไปเกือบครึ่งใบหน้า

“อ้อ..ดี ฉัน...สบายดี ขอบใจนะ” ปอยผมบางส่วนที่ตกระลงมาถูกปลายนิ้วทัดเข้าไปเก็บที่หลังใบหู ฮานะไม่ยอมสบตากันก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเรื่องเพื่อดึงความสนใจของอีกฝ่าย “เธอ...ชื่อพีทสินะ”

“ครับ คุณฮานะ” สรรพนามที่สุภาพทำเอาเจ้าตัวเกร็งขึ้นมา พร้อมรีบโบกมือปัด

“ไม่ต้องเรียกคุณหรอกน่า” ฮานะแย้ง “เรียกแค่ชื่อเฉยๆก็ได้ ไหนๆเราก็จะได้ร่วมงานกันไปอีกนาน จะได้ดูสนิทกัน”

   “แต่คุณอายุห่างกับผมเยอะเลย” อีกฝ่ายยังคงมีท่าทีเกรงอกเกรงใจ

   “จะห่างสักเท่าไหร่กันเชียว” เพราะเท่าที่กะไว้อย่างมากก็คงจะแค่สองสามปี

   “แปดปีครับ”

   “หา!?”

   ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อรู้จำนวนที่แท้จริง...ผิดคาดไปไกล

   “เธอ...เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบสองเองเหรอ” พีททำให้ความมั่นใจในเซ้นท์ของเขาพังยับเยิน  เพราะนอกจากรูปร่างที่สูงใหญ่เกินวัย ยังมีกลิ่นอายรอบตัวที่สุขุมไม่ต่างจากพวกผู้ใหญ่เลยสักนิด ไม่ได้มุทะลุเหมือนอย่างเด็กหนุ่มวัยเดียวกัน แต่กลับนิ่งสงบและดูมีอำนาจบางอย่างที่ยากจะต่อต้าน

   “ครับ...เพิ่งยี่สิบสองปีเต็ม เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา” พีทยิ้มเมื่อเห็นหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

   “เธอดูโตมาก” ไม่อยากจะเชื่อเลย...เด็กสมัยนี้นี่โตไวชะมัด ตอนอายุเท่านี้เขายังเตี้ยม่อต้อแคระแกร็นอยู่เลยด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกมากนักหรอก ก็อีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งนี่นะ เค้าโครงใหญ่ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

   “หลายคนก็ทักแบบนั้นครับ” บางครั้งยังเคยถูกทักว่าอายุยี่สิบปลายๆแล้วเสียด้วยซ้ำไป

   “คือ...ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ” ฮานะเริ่มออกตัวแก้ต่างเมื่อรู้ตัวว่าตนเองนั้นเสียมารยาท เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดจึงรีบอธิบายใหม่ “ฉันหมายถึง...เธอดูเป็นผู้ใหญ่ แบบว่า..” ท่าทีลนลานของคนที่อายุมากกว่าทำให้ใบหน้าคมเข้มคลี่ยิ้มออกมาอย่างนึกเป็นดู

   “ครับ...ผมเข้าใจ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล

   “อื้อ นั่นแหละ ฉันไม่ได้ว่าเธอแก่นะ” เจ้าตัวพยักหน้ารัวเร็ว “เธอ...เธอดูดีมาก” แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพลั้งปากพูดอะไรออกไปก่อนจะรู้สึกร้อนผ่าวที่บริเวณสองข้างแก้ม ฮานะกระแอมไอแก้เก้อเพราะทำตัวไม่ค่อยจะถูกจึงรีบเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่น

   “เธอว่างหรือเปล่า...ไปทานข้าวด้วยกันไหม” ฮานะออกปากชวนเพราะเห็นว่านี่ก็เลยมื้อเที่ยงไปพอสมควรแล้ว อีกอย่างตัวเขาเองก็หิวแล้วด้วย...ถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นก็ดีไม่น้อย

   “ว่างครับ”

   “ดีเลย ถ้าอย่างนั้นมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ถือซะว่าเลี้ยงต้อนรับ” ฮานะรีบลุกออกจากเก้าอี้เพื่อเตรียมตัวจะออกเดิน แต่เพราะจู่ๆหน้าก็ดันมืดขึ้นมากะทันหันเลยต้องเอื้อมมือไปจับพนักพิงเอาไว้เพื่อเป็นหลักยึด...แต่กลับช้ากว่าใครบางคนที่สอดแขนเข้ามารับเอาไว้ก่อน

   “อาการคุณดูไม่ค่อยดีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พีทขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะก้มลงมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน...อีกฝ่ายนั้นตัวเล็กมาก มากกว่าเขาเป็นเท่าตัว “ไปหาหมอดีไหมครับ”

   “ไม่เป็นไร...” ฮานะก้มหน้าพร้อมกับดันตัวออกห่างด้วยท่าทีเก้กัง...ไม่รู้ทำไม เวลาอยู่ใกล้พีททีไรแล้วอุณหภูมิในร่างกายมันสูงจนชีพจรรวนทุกที “ขอบใจนะ”

   พูดไว้แค่นั้นก็ออกเดินนำไปที่ชั้นจอดรถใต้บริษัทเพราะอีกฝ่ายบอกว่าเดินทางมาโดยรถแท็กซี่ ฮานะจึงชักชวนให้ไปด้วยกันพร้อมกับอาสาว่าหลังทานข้าวจะไปส่งที่เองไม่ต้องเกรงใจ

   “อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”

   หลังจากที่นำรถไปจอดไว้บริเวณที่จอดรถของทางห้าง ฮานะก็หันมาถามคนที่เดินตามมาตั้งแต่ทางเข้าโดยไม่มีปากมีเสียง เด็กหนุ่มมองสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่ได้ให้ความสนใจไปที่อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะนานๆทีถึงจะได้เข้ามาเดินในห้างหรูแบบนี้จึงไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไรท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินเข้าออกช็อปไฮเอนด์กันเป็นว่าเล่น

   “ตามใจคุณเลยครับ ผมยังไงก็ได้”

   “ไม่ได้สิ...ฉันตั้งใจจะเลี้ยงเธอนะ จะเลือกตามใจตัวเองได้ยังไง” ฮานะแย้ง “บอกมาเร็ว ไม่ต้องเกรงใจ ฉันหิวแล้ว”

   “ร้านนั้นก็ได้ครับ” เขาชี้มั่วไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งซึ่งตัวเองก็ไม่เคยกินมาก่อน เพราะในชีวิตประจำวันมากสุดก็ทานพวกฟาสฟู้ดในเวลาที่เร่งด่วนจริงๆด้วยรสชาติของอาหารต่างชาตินั้นไม่ค่อยจะถูกปากสักเท่าไรนัก

   “ชอบอาหารญี่ปุ่นเหรอ” ฮานะมีสีหน้าที่แปลกใจไม่น้อย เพราะตอนแรกแอบคิดว่าอีกฝ่ายคงชอบทานอาหารหนักๆอย่างเช่นสเต็กหรือไม่ก็อาหารที่หนักไปทางคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานเยอะ ไม่คิดเลยว่าจะชอบอะไรที่เรียบง่ายและจืดชืดอย่างอาหารญี่ปุ่น

   “ก็พอทานได้ครับ” พีทพยักหน้ารับเพราะเห็นแววตาที่โศกเศร้าคู่นั้นดูสดใสขึ้นมานิดหน่อย

   “ฉันก็ชอบ แต่จริงๆแล้วชอบอาหารไทยมากที่สุด” คนอายุมากกว่ายิ้มกว้างเพราะนานทีจะเจอคนที่ชอบทานอะไรเหมือนกัน ปกติแล้วเวลาไปทานข้าวกับอเล็กซ์ฝ่ายนั้นจะเน้นหนักไปทางอาหารฝรั่งเสียมากกว่า น้อยครั้งมากที่จะยอมตามใจให้เขาได้เป็นฝ่ายเลือก

   “อันที่จริงผมก็ถนัดอาหารไทยเหมือนกัน” พีทพูดอย่างเกรงใจเพราะไม่อยากทำตัวมากเรื่องให้อีกฝ่ายต้องปวดหัว แต่พอรู้ว่าฮานะเองก็ชอบอะไรที่เหมือนกันเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

   “ดีเลย ถ้าอย่างนั้น มื้อนี้เราจะกินอาหารไทยก็แล้วกัน” ฮานะตัดสินใจก่อนจะออกเดินนำเข้าไปที่ร้านอาหารด้วยความหิวโหย

   กับข้าวสี่ห้าอย่างที่สั่งมาถูกจัดการลงท้องของทั้งคู่จนเกลี้ยงแทบไม่เหลือร่องรอย

   “น้ำพริกอ่องอร่อยดี” เจ้าตัวเขี่ยซากมะเขือเทศไปมาอย่างติดอกติดใจในตัวน้ำพริกของทางเหนือ...เมนูนี้พีทเป็นคนสั่ง

   “เอาไว้ผมจะทำให้ทาน” เด็กหนุ่มยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นเพราะได้ทานข้าวไปสองจานเต็มๆ

   “เธอทำเป็นเหรอ” ฮานะถามอย่างตื่นเต้น...สารภาพเลยว่าอายุปาเข้าไปเลขสามแล้วเขายังทอดไข่เจียวไหม้อยู่เลย

   “ก็พอได้ครับ” เขารินน้ำที่เหลืออยู่ก้นขวดลงในแก้วของอีกฝ่าย “พอดีแม่ผมเปิดร้านข้าวแกงอยู่ที่ลำปาง เลยพลอยได้ความรู้ติดตัวมานิดหน่อย”

   “เธอเป็นคนเหนือเหรอเนี่ย” ฮานะรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองเป็นเจ้าหนูจำไมอย่างถึงที่สุด เพราะถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเหมือนอย่างที่ได้เห็นตอนแรกพบ แต่พอมองทะลุเปลือกนอกเข้าไปพีทเป็นเด็กที่มีวิถีชีวิตและระบบความคิดแสนจะเรียบง่ายจนเขาเองยังสงสัยว่าทำไมเจ้าตัวถึงยอมเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงได้

   “ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมเกิดและโตที่นั่น”

   เพราะในร้านอาหารนั้นไม่ค่อยจะวุ่นวายฮานะเลยถือโอกาสนี้นั่งซักถามเรื่องทั่วไปที่ตนเองอยากจะรู้ไปพลางๆโดยที่ฝ่ายนั้นก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

   พีทเป็นอัลฟ่าเชื้อชาติผสมระหว่างคุณแม่ที่เป็นคนไทยและคุณพ่อคนบราซิล เจ้าตัวบอกว่าตนเองนั้นอยู่กับแม่และยายเพียงสามคนที่จังหวัดลำปาง บ้านของพีทเปิดร้านขายข้าวแกงโดยมีคุณแม่เป็นเสาหลักคอยส่งเสียให้เรียน เรียกได้ว่าที่บ้านมีฐานะปานกลางแต่ไม่ถึงขั้นมีอันจะกินจนเหลือใช้ เจ้าตัวเลยต้องเริ่มทำงานพิเศษตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวอีกแรง เด็กหนุ่มเกือบจะไม่ได้เรียนต่อในชั้นอุดมศึกษาเพราะที่บ้านไม่มีเงินส่งเสีย แต่โชคดีที่สามารถสอบชิงทุนได้เป็นอันดับหนึ่งเลยทำให้ไม่ต้องดับความฝันตัวเองลงไป

พีทเพิ่งเรียนจบดุริยางคศิลป์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งและตั้งใจเอาไว้ว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดเมื่อสามารถเก็บเงินได้มากพอที่จะสามารถเลี้ยงดูแม่กับยายได้

   “เธออยากเป็นนักดนตรี?” ฮานะอึ้งไม่น้อยเมื่อได้รู้ว่าความฝันของอีกฝ่ายนั้นช่างเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวา

   “ครับ”

   “แล้วทำไมจู่ๆถึงมาเป็นนายแบบละ” น้ำในแก้วถูกจิบไปจนพร่องเมื่อรู้สึกคอแห้ง...ตลอดเวลาเกือบชั่วโมงมีเพียงเขาที่รัวคำถามใส่ แต่พีทก็ไม่มีท่าทีว่าจะรำคาญเลยสักนิด กลับเต็มใจตอบคำถามทั้งหมดด้วยความยินดี

   “บางทีเราก็ต้องเลือกความจำเป็นมากกว่าความฝันน่ะครับ”

เพราะจู่ๆอาการป่วยของยายก็ทรุดลงจึงทำให้แม่ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษา ซ้ำงานพิเศษที่ทำอยู่ก็ไม่เพียงพอ พีทจึงตัดสินใจรับงานถ่ายแบบตามอีเว้นท์เล็กๆที่คนรู้จักแนะนำมา และหลังจากนั้นเพียงไม่นานเขาก็ถูกคนของคุณแกเรนมาทาบทามในระหว่างที่กำลังรับงานเดินแบบแสดงสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ด้วยความที่มองเห็นว่าเส้นทางนี้จะสามารถทำให้เขาหาเงินได้ง่ายขึ้นจึงตกปากรับคำโดยทันทีโดยไม่ต้องนึกไตร่ตรองให้มากความ

   “อ้อ” ฮานะขานรับและไม่คิดจะซักลงลึกไปมากกว่านี้เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย “เอาเป็นว่าหลังจากนี้ฉันจะคอยช่วยแนะนำให้ก็แล้วกัน ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาได้ตลอดเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

   “ขอบคุณครับ”

   

“เธอพักอยู่ที่ไหน”

   มินิคูเปอร์สีขาวชะลอตัวชิดเลนส์ซ้ายเพื่อดูหมายเลขซอยตรงป้ายด้านหน้า อพาร์ทเมนต์ที่พีทอาศัยอยู่นั้นเกือบจะออกนอกชานเมือง เรียกได้ว่าอยู่คนละทางกับคอนโดของเขาโดยสิ้นเชิง ส่วนเรื่องเวลาการเดินทางไปบริษัทนั้นไม่ต้องพูดถึง เผื่อเวลาสักชั่วโมงครึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะถึงทันเวลาไหม

   ฮานะหันมามองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับด้วยความเห็นใจเล็กน้อยเพราะตอนนี้เบาะรถนั้นถูกถอยไปจนสุดเพื่อให้สามารถนั่งได้อย่างสบายโดยไม่ติดช่วงขา...ตอนที่พีทนั่งหลังตรงบริเวณศีรษะเกือบจะแตะกับเพดานรถเสียด้วยซ้ำไป

   “อยู่ซอยข้างหน้าครับ” เขาชี้บอก “คุณจอดหน้าปากซอยก็พอ เดี๋ยวผมเดินเข้าไปเองทางมันแคบ”

   ฮานะมองตามไปก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อกี้ยังเห็นรถกระบะขับสวนออกมาอยู่เลย

   “รถฉันคันเล็ก แค่นี้สบายมาก”

   โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้เปิดปากปฏิเสธฮานะก็ขับรถเข้าไปในซอยก่อนจะหยุดจอดที่หน้าตึกอพาร์ทเมนต์กลางเก่ากลางใหม่บริเวณท้ายซอย ตึกหกชั้นมีสภาพทรุดโทรมบ่งบอกว่าได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วหลายสิบปี สีภายนอกนั้นซีดจางจนเกิดรอยกระดำกระด่างให้เห็นเป็นบางจุด บริเวณสวนด้านข้างก็มีหญ้าขึ้นรกครึ้มราวกับว่าไม่มีใครสนใจดูแลตัดแต่งมัน ชั้นล่างเป็นที่จอดรถจักรยานยนต์และร้านขายของชำเล็กๆ มีตู้ซักผ้า ตู้กดน้ำสภาพพอทนใช้สำหรับบริการ

   ฮานะมองสภาพการเป็นอยู่ของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย...เขาคิดมาตลอดว่าพวกชนชั้นอัลฟ่าจะต้องมีฐานะและชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีเพราะเป็นกลุ่มคนชั้นสูงในสังคม

...แต่กับพีทนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง

   “ขอบคุณที่มาส่งครับ” เขายกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท

   แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูออกไปกลับถูกรั้งเอาไว้ เด็กหนุ่มก้มลงมองมือเล็กที่จับอยู่บนต้นแขนก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย “พรุ่งนี้เช้าฉันจะมารับ”

   “รบกวนคุณเปล่าๆ ผมไปเองดีกว่า” พีทปฏิเสธ แค่นี้เขาก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว

   “ไม่รบกวนหรอกน่า” ฮานะปล่อยมือก่อนจะหันไปจับพวงมาลัยตามเดิม “ไม่อย่างนั้นฉันโดนคุณแกเรนบ่นหูชาแน่ที่ปล่อยให้เด็กในความดูแลต้องเดินทางลำบาก” ไหนๆก็ไหนๆแล้วเอาเจ้านายมาอ้างสักหน่อยจะเป็นไรไป

   “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณ” เด็กหนุ่มยิ้มก่อนจะก้าวลงจากรถ “เดินทางปลอดภัยนะครับ” ช่วงตัวสูงใหญ่ยืนค้ำตรงขอบประตูพร้อมก้มหน้าลงมาในระดับที่สามารถมองเห็นกันได้ บานประตูรถถูกปิดอย่างเบามือก่อนแผ่นหลังกว้างจะเดินกลับเข้าไปในตัวตึก

รถมินิสีขาวค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณหน้าอพาร์ทเมนต์โดยที่มีสายตาคู่หนึ่งมองตามลงมาจากบริเวณโถงบันไดชั้นสองไปจนสุดสายตา...



__________________




ฝากเป็นกำลังใจให้ฮานะกับเจ้าพีทด้วยนะคะ
ในTwitter แวะเวียนมาพูดคุยกันได้ที่ #ดอกไม้ของพีท น้า
╰(✿´⌣`✿)╯♡

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-09-2019 20:15:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
«ตอบ #10 เมื่อ08-09-2019 21:07:24 »

กรี๊ด เมะเด็กๆๆๆๆ  :-[
น้องพีทคือช้างเผือกในป่า ของดีพรีเมี่ยมเมืองลำปาง
ขอให้น้องพีทดังๆปังๆ พุ่งแรงแซงนายอเล็กซ์ไปเลยนะลูกนะ แม่ยกคนนี้เอาใจช่วย

 :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
«ตอบ #11 เมื่อ08-09-2019 21:14:19 »

ชอบคุณแกเรน   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
«ตอบ #12 เมื่อ08-09-2019 23:48:08 »

เพิ่งเรียนจบเลยจ้าาาา กรุบๆ

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
«ตอบ #13 เมื่อ10-09-2019 23:11:29 »

เจ้าพีทกรุบกรับมากเลยลูก รูปประกอบน่ารักน่าฟัดมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H R E E : 17/9/2019
«ตอบ #14 เมื่อ16-09-2019 21:26:53 »

CHAPTER T H R E E




TALK : มีการใช้ความรุนแรงและกดขี่ข่มเหงเพื่ออรรถรสของเนื้อหาเท่านั้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาที่จะส่งเสริมการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด


____________________________________________

ฮานะนั่งมองคนที่กำลังถูกจับตัวพลิกซ้ายพลิกขวาไปมาราวกับตุ๊กตา รอบกายมีทั้งเทรนเนอร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสรีระรูปร่างประจำโมเดลลิ่งกำลังช่วยกันวัดสัดส่วนและขนาดตัวพร้อมทั้งจดบันทึกข้อมูลเอาไว้เพื่อนำไปเขียนโปรแกรมฝึกเทรนด์ร่างกายให้กับเด็กใหม่ ในช่วงเช้าพีทต้องเข้าพบฝ่ายสรีระและฝ่ายเบสิคเทรนด์นิ่ง ส่วนช่วงบ่ายเป็นคิวของสไตล์ลิสต์เพื่อปรับเปลี่ยนลุคให้เจ้าตัวซึ่งเขาเป็นคนรับหน้าที่นี้เอง

   “ถอดเสื้อออก” เทรนเนอร์สั่ง ทำให้เด็กหนุ่มต้องถอดเสื้อฮู้ดที่สวมใส่อยู่

   “ผอมไปนิดนะ” กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องถึงแม้จะไม่มีส่วนเกินแต่ก็ไม่ได้ขึ้นเป็นลอนสวยงามสักเท่าไรนัก อีกทั้งช่วงไหล่ยังตกและงองุ้มเล็กน้อยทำให้ต้องเพิ่มเข้าไปในโปรแกรมฝึกเรื่องบุคลิกภาพ “หลังจากนี้สามเดือน ผมคงต้องให้คุณควบคุมอาหารอย่างจริงจัง” คุณเคย์เป็นเทรนเนอร์ที่ทำงานคู่กับทางโมเดลลิ่งมานาน ผ่านการเทรนด์ให้นายแบบและนางแบบมาไม่ต่ำกว่าหลายร้อยคน เบต้าหนุ่มไฟแรงที่มากไปด้วยความสามารถ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มีชื่อเสียงในแวดวงและตกเป็นที่ยอมรับของใครหลายคน ซึ่งอเล็กซ์เองก็ถูกเคี่ยวมาไม่น้อยกว่าจะมีรูปลักษณ์ที่เพอร์เฟกต์แบบนั้น

   “ครับ” พีทพยักหน้ารับ ตลอดเวลาที่ยืนให้เหล่าเทรนเนอร์สำรวจร่างกายฝ่ายนั้นก็หันไปมองทางผู้จัดการส่วนตัวอยู่เป็นระยะ คงเพราะรู้สึกประหม่ากับคนแปลกหน้าทำให้ฮานะต้องเดินเข้ามายืนอยู่ข้างกันเพื่อให้อีกฝ่ายลดความตึงเครียดลง

   “พอไหวไหมครับ คุณเคย์” ฮานะถามอย่างเป็นห่วง เพราะต้องคอยบันทึกรายงานความคืบหน้าของพีทส่งให้คุณแกเรนทราบเป็นระยะเหมือนอย่างคราวของอเล็กซ์

   “สบายมากครับ” เคย์หันมามองสไตล์ลิสต์คนสวยประจำโมเดลลิ่งด้วยเสียงที่อ่อนหวานจนเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ข้างกันต้องทำหน้าเหม็นเบื่อ “พีทอายุยังน้อย ระบบเผาผลาญเขาดีเยี่ยม บอดี้เชฟก็สวย ถึงแม้พฤติกรรมการกินตามข้อมูลที่ให้มาจะไม่ค่อยถูกหลักแต่ไขมันส่วนเกินแทบจะไม่มีเลยละครับ ขาดก็แค่เพิ่มมวลกล้ามเนื้อและปรับฟอร์มร่างกายให้ได้เชฟมากกว่านี้ก็เพอร์เฟกต์...แซงหน้าอเล็กซ์ไปสบายๆ” ประโยคสุดท้ายเบต้าหนุ่มลดเสียงลงให้ได้ยินกันเพียงสองคนพร้อมกับป้องปากพร้อมขยิบตาแสดงความเจ้าชู้ออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง

   ฮานะหลุดหัวเราะกับท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมของอีกฝ่าย...อันที่จริงแล้วเขากับคุณเคย์สนิทกันพอตัวเพราะร่วมงานกันมานาน แต่ตั้งแต่ที่อเล็กซ์ได้เข้ามาทำงานฮานะก็ไม่ค่อยได้พบปะสุงสิงกับใครมากนัก เพราะฝ่ายนั้นมักจะหงุดหงิดและดูอารมณ์เสียเมื่อเห็นว่าเขาให้ความสนใจใครมากเกินไป...กับคุณเคย์เองก็ยังเคยโดนอเล็กซ์แผลงฤทธิ์ใส่เพราะเข้าใจผิดว่าฝ่ายนั้นตามตอแยเขาไม่เลิก

   คราวแรกก็หลงนึกดีใจลึกๆเพราะคิดว่าฝ่ายนั้นจะหึงหวงกัน...แต่คำตอบที่ได้รับคือเขาไม่ชอบใช้ของร่วมใครทำเอาหน้าชาจนปวดร้าวไปถึงใจ

   “เอาไว้ผมจะคอยช่วยดูแลเขาให้อีกแรงก็แล้วกันครับ” ฮานะรับปาก “แล้วก็...รบกวนคุณเคย์ช่วยส่งข้อมูลที่จำเป็นกับพวกตารางนัดหมายมาให้ผมด้วยนะครับ”

   “ได้ตามที่คุณต้องการ” รอยยิ้มเจ้าชู้ที่ทำเอาใครต่อใครใจละลายถูกส่งมาให้ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่นอกจากเจ้าตัวจะไม่หวั่นไหวแล้วยังมองมันเป็นภาพที่ชวนน่าเอ็นดูเสียจนเคย์ต้องยอมล่าถอย “ตอนเย็นผมจะส่งสรุปข้อมูลทุกอย่างไปให้ในเมลล์คุณอีกทีก็แล้วกัน วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน”

   “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มตัวสูงยกมือขึ้นไหว้เหล่าเทรนเนอร์อีกครั้ง จนฝ่ายนั้นต้องรีบบอกปัดเพราะไม่ค่อยจะชินสักเท่าไรนักที่ถูกชนชั้นที่เหนือกว่าให้ความเคารพ...เพราะตั้งแต่เริ่มทำงานในวงการนี้มาอดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่านายแบบและนางแบบทุกคนนั้นส่วนมากล้วนมีสายเลือดอัลฟ่าเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้การร่วมงานกันแต่ละครั้งนั้นเบต้าอย่างพวกเขาจึงมักถูกบรรยากาศรอบกายคนพวกนั้นกดให้ต่ำกว่าอยู่เสมอ

   มีเพียงส่วนน้อยที่จะให้เกียรติและปฏิบัติตัวอย่างเสมอภาค...และพีทคือหนึ่งในนั้น

   ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันเด็กหนุ่มนั้นนอบน้อมและถ่อมตนกับพวกเขาเป็นอย่างมาก ยอมรับเลยว่าตอนแรกนั้นใจเผลอคิดไปแล้วว่าคงเป็นพวกประเภทที่แสนจะเย่อหยิ่งและเงียบขรึมอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่การมองแบบผิวเผินเท่านั้น เพราะความจริงแล้วเด็กหนุ่มนั้นเข้าถึงง่ายและไม่ได้วางกำแพงกีดกันแบ่งชนชั้นเหมือนอย่างพวกอัลฟ่าคนอื่นที่เคยร่วมงานมา

   “เขาเป็นเด็กดีนะ” เคย์ที่เดินรั้งเป็นคนสุดท้ายหยุดพูดกับผู้จัดการส่วนตัวของเจ้าเด็กใหม่

   “ครับ...คุณแกเรนก็บอกแบบนั้น” ใบหน้าสวยยิ้มรับสลับมองคนที่กำลังก้มตัวไปหยิบเสื้อมาสวมทับด้วยแววตาที่นิ่งเฉย

   “แล้วฮานะละ” เบต้าหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม

   “ผม? ทำไมเหรอครับ”

   “ฮานะคิดว่าเขาเป็นยังไง”

   “ก็...คงต้องเรียนรู้กันอีกสักพัก”

   “...เขาดูสนใจคุณไม่น้อยเลยนะ” เคย์ลดเสียงให้เบาลงพร้อมกับบอกความจริงที่เขาได้จับสังเกตมาตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาในห้อง...เจ้าเด็กนั่นมองคนสวยของเขาอยู่ตลอดด้วยสายตาที่เหมือนสุนัขแสนซื่อสัตย์คอยเฝ้ามองเจ้าของ “ดูท่าผมจะอกหักจริงๆก็คราวนี้” ชายหนุ่มแสร้งยกมือขึ้นมากุมบริเวณอกซ้ายพร้อมแกล้งทำหน้าเจ็บปวด...ก็เมื่อก่อนน่ะเคยถูกคนสวยหักอกมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยเหตุผลที่ว่า...

   “คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า” ฮานะยิ้มกว้าง ไร้ซึ่งท่าทีลังเลเมื่อมองไปยังคนที่กำลังเดินเข้ามาหากัน

   “ชัดเจน” เคย์ตีหน้าเจ็บปวดก่อนจะถือวิสาสะคว้ามือเรียวสวยขึ้นมาจรดจูบ “ให้คุณหักอกเล่น...เจ็บแค่ไหนก็คุ้ม” เบต้าหนุ่มจอมเจ้าชู้ทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานของตัวเองต่อ

   “เหนื่อยไหมครับ” เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นเหนือศีรษะทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง...เจ้าเด็กนี่ตัวสูงชะมัดเลย

   “ถามฉันเหรอ” ฮานะเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

   “ครับ”

   “ไม่นี่...ไม่เหนื่อยเลย” รอยยิ้มสดใสถูกส่งกลับไปให้เพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวลลง “ว่าแต่...หิวหรือยัง อยากลงไปหาอะไรทานรองท้องหน่อยไหม”

   “เอาไว้ทานมื้อเที่ยงทีเดียวก็ได้ครับ” พีทยิ้มบาง ถามอีกฝ่ายกลับอย่างเป็นห่วงไม่แพ้กัน “หรือฮานะหิวแล้ว”

   สรรพนามที่ตัวเองเป็นคนบอกให้อีกฝ่ายเรียกกลับทำเอาร้อนวูบวาบที่ใบหน้าจนต้องกระแอมไอแก้เก้อ “ก็...ยังไม่หิวเท่าไหร่ แต่ฉันจะลงไปซื้อกาแฟสักหน่อย” เขาชักชวนเพื่อเบี่ยงประเด็น “จะลงไปด้วยกันไหม”

   พีทพยักหน้ารับ เขาเองก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อยอยู่เหมือนกันเพราะเมื่อคืนนั้นดันนึกครึ้มนั่งแกะคอร์ดกีตาร์เสียเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ตีสี่กว่าเข้าไปแล้ว เมื่อเช้าเลยถูกฮานะดุเอานิดหน่อยเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ

   เด็กหนุ่มลอบมองใบหน้าได้รูปเป็นระยะ เรือนผมที่เคยยาวระถึงเอวถูกตัดให้เหลือเพียงแค่ประบ่า สีผมที่เคยดำสนิทถูกย้อมทับด้วยสีน้ำตาลอ่อนยิ่งช่วยขับให้อีกฝ่ายดูเด็กลงมากกว่าเดิมทั้งที่ปกติก็ดูอ่อนกว่าวัยมากอยู่แล้ว

   “มีอะไรติดอยู่ที่หน้าฉันหรือเปล่า” เสียงเอ่ยทักทำให้ต้องเลิกมองสำรวจเกินความจำเป็น พีทยกมือขึ้นลูบหลังคอเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าลามไปถึงใบหู

   “เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

   “แล้วมองทำไม” ฮานะเค้นเอาคำตอบอย่างไม่จริงจังมากนักในระหว่างที่กำลังยืนรอลิฟต์

   “ก็...คุณน่ามอง” คำสารภาพเถรตรงทำเอาคนฟังหูดับกะทันหัน ฮานะหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยแววตาที่ตื่นตะลึงแต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าที่เรียบเฉยราวกับคำพูดเมื่อครู่เป็นเพียงแค่เรื่องปกติไม่ได้มีความหมายอื่นใดแฝงอยู่

   เสียงสัญญาณลิฟต์แทรกขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาด ฮานะรีบแทรกตัวเข้าไปข้างในโดยมีร่างสูงใหญ่เดินตามหลังมา จำนวนคนในลิฟต์นั้นบางตาแต่เจ้าตัวกลับเดินไปหลบอยู่ที่อีกมุมก่อนจะยืนกอดอกแล้วหันออกไปอีกทาง ไม่ได้สนใจใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกัน ขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัวต่ำลงจำนวนคนในห้องโดยสารก็เพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ฮานะถูกพนักงานคนอื่นดันจนลำตัวแนบไปกับผนังลิฟต์ แต่จู่ๆร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็ขยับมายืนบังตัวเขาเอาไว้ทำให้ไม่ถูกเบียดไปมากกว่าเดิม

   ความเอาใจใส่ในเรื่องเล็กน้อยทำเอาคนอายุมากกว่าต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา

   ...เพราะไม่เคยได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เป็นฝ่ายถูกปกป้องหรือถูกหยิบยื่นความช่วยเหลือเช่นนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่าควรต้องทำตัวอย่างไร ฮานะลอบมองแผ่นหลังกว้างใต้เสื้อฮู้ดสีเข้มอยู่นาน ก่อนจะถือวิสาสะพิงหน้าผากลงไปเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากช่วงตัวสูงใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศความเงียบในห้องโดยสาร

   ร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของสำนักงานถูกตกแต่งด้วยสไตล์อินดัสเทรียลที่เน้นความดิบและความเปลือยของผิววัสดุ ฝ้าเพดานที่กินพื้นที่เปิดโล่งไปถึงชั้นสองโชว์เนื้อผิวของคานคอนกรีตและท่อไฟที่ทำจากโลหะพ่นสีดำด้านให้อารมณ์แข็งกร้าวแต่ทว่าไม่ได้ส่งเสริมให้บรรยากาศภายในร้านนั้นดูอึมครึมเมื่อประกอบกับโคมไฟขนาดใหญ่ที่ถูกขึ้นรูปด้วยโครงเหล็กดัดสีดำเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เรียบง่ายทับซ้อนกันหลายรูปทรง

   จุดเด่นคือบริเวณผนังฝั่งเคาน์เตอร์บาร์เป็นผนังเหล็กที่ขึ้นสนิมแสดงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสไตล์อินดัสเทรียลได้เป็นอย่างดี เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทำมาจากไม้สนขาวขึ้นโครงด้วยโครงเหล็กสีดำ บริเวณข้างร้านเป็นผนังกระจกที่เปิดขึ้นสูงจนสุดฝ้าเพดานทำให้เห็นบรรยากาศของสวนสไตล์อังกฤษช่วยเสริมความร่มรื่นและความเป็นส่วนตัว

   กลิ่นหอมของกาแฟคั่วและเบเกอร์รี่ที่อบสดใหม่ผสมผสานกับกลิ่นหอมอ่อนๆของไม้สนขาวทำให้ร้านนี้เป็นที่โปรดปรานของทุกคนในบริษัท เพราะนอกจากบรรยากาศสไตล์การตกแต่งที่ดีแล้วรสชาติของเครื่องดื่มและขนมของที่นี่ก็ขึ้นชื่อไม่แพ้ใคร

   “เดี๋ยวผมไปสั่งให้” พีทเสนอตัวพร้อมบอกให้อีกฝ่ายไปนั่งรอที่โต๊ะ

   “เอางั้นเหรอ” ในเมื่อเสนอมาก็ไม่คิดขัด ฮานะยื่นกระเป๋าตังค์ส่งให้เพื่อให้นำไปจ่ายค่าเครื่องดื่ม แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่รับแล้วยังอาสาเลี้ยงเองอีกต่างหาก “ตามใจเธอ”

   หลังจากที่พีทเดินออกไป เขาก็เลือกไปนั่งรอที่โต๊ะตรงมุมอับสายตาที่ที่มักจะมานั่งประจำเวลาทำงาน เพราะบริเวณนี้อยู่ติดกับผนังกระจกและมีฉากไม้กั้นจึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง

   แต่ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็เอ่ยทักทายขึ้นมา ก่อนเจ้าตัวจะถือวิสาสะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม

   “ไง” แว่นกันแดดสีชาถูกถอดมาเหน็บไว้บนเสื้อยืดราคาแพง ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร “ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ” อเล็กซ์แสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าอดีตผู้จัดการส่วนตัวที่จู่ๆก็ปล่อยเขาลอยแพกำลังหมางเมินกันอย่างเห็นได้ชัด

   “มีธุระอะไร” ฮานะหันมามองโต้ตอบแต่ทว่าสองมือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะกลับกำแน่นเข้าหากันเมื่อรู้สึกเย็นเฉียบ

   “ไม่มีธุระแล้วฉันมาหาไม่ได้หรือไง” อเล็กซ์ยิ้มกว้างแต่ทว่านัยต์ตานั้นมีความกรุ่นโกรธอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด

   ยิ่งได้เห็นท่าทีที่ไม่รู้สึกรู้สาของฮานะเขาก็เดือดจนแทบคลั่ง

   “เปล่า” ฮานะปฏิเสธ พยายามไม่สบตาโดยตรงเพราะบาดแผลในจิตใจที่กำลังช้ำเลือดนั้นยังคงสดใหม่

   ...อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าอเล็กซ์ยังมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากเหลือเกิน...

   “เมื่อวันก่อน...นายกล้าขัดคำสั่งฉัน” เขาหมายถึงเย็นวันที่ได้นัดฮานะไปหาที่คอนโดแต่อีกฝ่ายบอกว่าติดธุระ แล้ววันต่อมาก็ถูกแกเรนโอเมก้าแสนหยิ่งผยองนั่นเรียกเข้าไปพบเพื่อบอกกับเขาว่าฮานะจะไม่ได้เป็นผู้จัดการเขาต่อไปแล้วเพราะเจ้าตัวต้องไปร่วมโปรเจกต์ใหญ่ที่จะมีในปลายปีนี้จึงทำให้เขาต้องทนอยู่กับยัยเบต้าแสนจู้จี้จุกจิกน่ารำคาญ

   “อีกอย่างเรื่องที่จะถอนตัวออกจากการเป็นผู้จัดการของฉัน...นายยังไม่บอกฉันสักคำ” อเล็กซ์กดเสียงต่ำให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเมื่อเห็นว่าบริเวณโต๊ะตรงข้ามมีคนอื่นนั่งอยู่ “นายคิดว่าตัวเองสำคัญมากแค่ไหนกัน...ฮานะ” เขาหัวเราะเย้ยหยันเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยวูบไหว “...หรือคิดว่าการตีตัวออกห่างแบบนี้จะทำให้นายหลบหนีฉันได้พ้น”

   ใบหน้าหล่อเหลายื่นข้ามมาอีกฝั่งพร้อมกับพ่นคำพูดร้ายกาจออกมาทิ่มแทงจิตใจคนฟัง “คนอย่างนายน่ะ...ขาดเซ็กซ์จากฉันไม่ได้หรอก”

   “ต้องการอะไร” เสียงที่ตอบโต้ช่างแผ่วเบาและสั่นเครือไปด้วยความโกรธ “ฉันก็หลีกทางให้นายได้คั่วกับเด็กนั่นสมใจแล้วนี่...ยังจะต้องการอะไรอีก” นัยน์ตากลมโตรื้นน้ำอย่างอ่อนแอตอนที่ตวัดขึ้นมองคนที่เอาแต่คอยเหยียบย่ำใจกันซ้ำไปมา

   เขาทั้งยอมทั้งถอยจนไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว...ทำไมไม่ยอมปล่อยกันไปเสียที

   ถ้าไม่คิดรักกัน...จะรั้งเอาไว้ทำไม...

   “ต้องการตัวนาย” อเล็กซ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ถ้อยคำหยาบคายถูกริมฝีปากที่เคยป้อนจูบเขาพูดอย่างไม่มีท่าทีรู้สึกกระดากอาย...ยิ่งเห็นยิ่งนึกรังเกียจ “กับไอ้โอเมก้าสมองอ่อนคนนั้น ลีลามันไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย สู้นายก็ไม่ได้” ปลายนิ้วโป้งสีสวมแหวนเงินเกลี้ยงเกลายกขึ้นลูบริมฝีปากไปมาตอนที่ใช้สายตาจาบจ้วงจ้องมองร่างของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

   ฮานะตัดผมสั้น....ทั้งที่รู้ว่าเขาชอบผมยาว...แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่นักเพราะอีกฝ่ายยังคงดูดีและมากไปด้วยเสน่ห์เหมือนอย่างเคย

   “อเล็กซ์” น้ำเสียงไม่พอใจถูกส่งมาให้ “...ถ้าไม่มีธุระก็กลับไปได้แล้ว ฉันต้องไปทำงานต่อ”

   เขาปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไม่คิดจะคล้อยตามทำให้อีกฝ่ายหัวเราะขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีก่อนที่รอยยิ้มร้ายกาจจะถูกส่งมาให้ตอนที่กำลังยกแว่นกันแดดขึ้นมาสวม “ถึงนายจะตีตัวออกห่างจากฉัน...แต่นายก็ไม่มีทางปฏิเสธความต้องการของตัวเองได้หรอกฮานะ” อเล็กซ์ผิวปากหวืออย่างดูถูก สายตาเย็นชากดต่ำเหยียดหยาม “ถ้าทำได้...นายทำมันไปตั้งนานแล้ว...คงไม่ปล่อยให้ความรู้สึกน่ารังเกียจของนายรบกวนฉันมานานขนาดนี้หรอก” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินหมุนตัวออกไปจากร้าน ปล่อยให้คนที่ถูกวาจาร้ายแรงรุมทำร้ายจนแทบกระอักเลือดตายกับความจริงที่ยากจะปฏิเสธ

   กระบอกตาพลันร้อนผ่านเมื่อนึกทบทวนคำพูดของอีกฝ่ายย้ำไปย้ำมา...ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับยิ่งตอกย้ำให้ได้เห็นว่าที่ผ่านมาตนเองนั้นไร้ค่าเพียงใด

   “รอนานไหมครับ” แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะช่วยเรียกสติที่หลุดลอยกลับคืน “…ฮานะรู้สึกไม่สบายหรือเปล่าครับ” พีทเห็นว่าอีกฝ่ายตาแดงและยังมีสีหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไร

   “เปล่า...ไปกันเถอะ” ฮานะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินนำออกไปนอกร้านโดยที่มีอีกคนตามหลังมาติดๆ เด็กหนุ่มไม่ได้เอ่ยปากถามให้มากความเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายดูอารมณ์ไม่ค่อยดี หลังจากที่ลิฟต์มาจอดที่ชั้นสำนักงานฮานะก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับฝากแก้วกาแฟเอาไว้

   

(มีต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H R E E : 17/9/2019
«ตอบ #15 เมื่อ16-09-2019 21:28:00 »

กลุ่มควันสีขาวที่ลอยอ้อยอิ่งไปบนอากาศและรสชาติขมปร่าของนิโคตินช่วยเยียวยาจิตใจฟุ้งซ่านให้กลับมาคงที่ บุหรี่มวนที่สามถูกนิ้วเรียวคีบเอาไว้อยู่อย่างนั้น นัยน์ตาสีเข้มเฝ้ามองเปลวไฟที่ค่อยๆเผาไหม้มวนสีดำไปทีละนิด การจราจรวุ่นวายที่อยู่บนท้องถนนเบื้องล่างช่วยให้บรรยากาศบริเวณสวนลอยไม่เงียบเหงามากนัก

   ...ตลอดเวลาคำพูดของอเล็กซ์ที่ตราหน้าเขาเอาไว้อย่างเจ็บแสบคอยวนเวียนรบกวนจนฟุ้งซ่านจึงทำให้ต้องหลบหนีมาสงบจิตสงบใจ

   ฮานะดับบุหรี่ลงบนที่เขี่ยก่อนจะเอนตัวพิงราวกั้นกระจกพร้อมมองทิวทัศน์รอบกายไปเรื่อยเปื่อย เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาชี้ไปที่เลขหนึ่งบ่งบอกว่าถึงเวลาที่เขาต้องพาพีทไปที่ฝ่ายสไตล์ลิสต์ได้แล้ว

   มือเรียวสวยคว้ากล่องบุหรี่และไฟแช็กมาเก็บไว้ในกระเป๋าพกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในสำนักงานโดยที่ไม่ลืมแวะจัดการตัวเองในห้องน้ำเพื่อดับกลิ่นบุหรี่ที่ติดตามเนื้อตัว ฮานะเดินมาถึงบริเวณรีเซปชั่นที่บอกให้พีทนั่งรอก่อนจะพบว่าบนโซฟานั้นว่างเปล่า มีเพียงแก้วกาแฟสองแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกใส

   แก้วหนึ่งลดลงไปเกือบครึ่ง...แต่อีกแก้วกลับยังคงเดิม น้ำแข็งในแก้วของเขานั้นละลายจนเห็นว่าชั้นของกาแฟแยกกันระหว่างสีเข้มกับน้ำ เรียวคิ้วได้รูปขมวดมุ่นเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายหายตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าว พอจะโทรไปหาก็ดันลืมไปว่าตนเองไม่มีเบอร์ติดต่อจึงจำใจต้องนั่งรอบนโซฟาด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาทีละนิด

   “ฮานะ” แต่ก่อนที่ความคิดจะถลำลึก เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยก็เอ่ยเรียกจนทำให้ต้องหันกลับไปมอง

   “เธอไปไหนมา” ฮานะถามเสียงห้วน ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิดแต่จิตใจที่ถูกอเล็กซ์ว่ากระทบก่อนหน้าพานทำให้ควบคุมอารมณ์ได้ยาก

   เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะชูถุงกระดาษในมือและแก้วกาแฟที่เพิ่งเดินลงไปซื้อแทนคำตอบ “แก้วของคุณน้ำแข็งมันละลายจนเสียรสชาติผมเลยลงไปซื้อมาให้ใหม่” เขายิ้มบางเบา “ซื้อแซนด์วิชมาให้ด้วย กลัวว่าคุณจะหิว”

   ฮานะมองของที่อยู่ในมืออีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย แต่ตะกอนขุ่นมัวที่มีอยู่นั้นยังคงไม่จางหายไป

   เขาเลือกที่จะมองเมินความหวังดีที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้ “ขอบใจ...แต่ฉันยังไม่หิวน่ะ เธอกินเถอะ”

   “แต่...คุณยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้า” พีทเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง

   “ช่างมันเถอะน่า…ไปกันได้แล้วเดี๋ยวสาย” ฮานะบอกปัดพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องงาน โดยที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับแก้วกาแฟเมนูโปรดทั้งแก้วเก่าและแก้วใหม่...ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาเอาใจใส่คนอย่างเขาเลยสักนิด

   “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำก่อนจะมองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินนำออกไป

   ภาพของผู้ชายอีกคนที่เดินสวนกับเขาตอนที่กำลังจะกลับไปที่โต๊ะฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง...ท่าทีของฮานะเปลี่ยนไปหลังจากที่เขาคนนั้นเข้าไปหา แววตาที่โศกเศร้าดูเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนคนมองนั้นรู้สึกได้

   ...ทุกการกระทำของคนทั้งคู่อยู่ในสายตาของเขาตลอด...

   หลังจากที่ตารางงานวันนี้สิ้นสุดลงฮานะก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะขับรถไปส่งอีกฝ่ายเหมือนอย่างเคย แต่พีทกลับปฏิเสธ

   “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ” เรียวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นเล็กน้อย...เพราะอย่างนี้ไงถึงไม่ชอบวุ่นวายกับคนที่อายุน้อยกว่า เอาใจไม่ถูกเลยจริงๆ...

   “ผมกลับเองได้ครับ” เด็กหนุ่มย้ำคำเดิม “คุณจะได้ไม่ต้องขับรถให้เหนื่อย”

   “มันไม่ลำบากฉันนักหรอก” ฮานะเดินไปดักหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ ต้องเงยหน้าขึ้นจนสุดคอรู้สึกเมื่อยอยู่ไม่น้อย “พีท ...ทำไมเธอดื้ออย่างนี้”

   “ผมเปล่า” นัยน์ตาคมทอดมองอย่างเอื่อยเฉื่อยก่อนจะถอนหายใจออกมา “...ผมกลับเองได้จริงๆครับ” ที่ปฏิเสธไม่ได้คิดที่จะต่อต้านหรือทำตัวงี่เง่า แต่เพราะช่วงบ่ายที่ผ่านมาเขาได้รับข้อความจากเพื่อนสมัยเรียนให้ไปช่วยเล่นดนตรีที่ผับเพราะมือกลองประจำวงมันดันป่วยขึ้นมากะทันหัน ด้วยความที่เขายังพอมีเวลาว่างและอยากหาอะไรทำแก้เบื่อเลยตกปากรับคำไป

   “’ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเธอ” ฮานะถอนหายใจออกมาและไม่คิดที่จะเซ้าซี้ต่อ “วันพรุ่งนี้อย่าลืมนัดคุณเคย์ละ สิบโมงเช้าฉันจะไปรับ” ย้ำถึงตารางฝึกวันแรกเป็นรอบที่สามของวันเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะลืม

   “ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับ “เดินทางปลอดภัยนะครับ”

   “อืม...ขอบใจ” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นที่ข้างมุมปาก “เธอเองก็ด้วย”

   

   บริเวณชั้นจอดรถช่วงเย็นนั้นจำนวนรถบางตาลงไปมาก ฮานะเดินทอดน่องไปเรื่อยเปื่อยเพราะรู้สึกว่าวันนี้ตนเองใช้สมองคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องเยอะแยะไปหมด...อีกอย่าง ลึกๆในใจยังคงแอบรู้สึกผิดที่ปฏิเสธน้ำใจของพีทโดยเอาอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาปะปนจนทำให้บรรยากาศระหว่างพวกเขามันอึมครึม

   ..เอาไว้พรุ่งนี้จะเลี้ยงข้าวเจ้าเด็กตัวโตเพื่อเป็นการไถ่โทษก็แล้วกัน...

   เผลออมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยตอนที่นึกถึงใบหน้าเรียบนิ่งเวลาที่เห็นอาหาร...พีทเป็นคนที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกไม่ค่อยเก่งนักทำให้คาดเดาได้ยากว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้คือเวลาที่อยู่กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นพีทดูเป็นผู้ใหญ่มาก ตั้งอกตั้งใจทำงานและมีสมาธิจดจ่ออยู่กับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบได้ดีเกินคาด

   ...แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันแค่สองคน พีทจะยิ้มบ่อยมากกว่าปกติ และเป็นยิ้มที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากคนอื่น

   ...คล้ายกับว่าเจ้าตัวเผยด้านนี้ให้เขาได้เห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น..

   “หน้าระรื่นเชียวนะ” ทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจังหวะการก้าวเดินก็หยุดชะงักก่อนหนังศีรษะจะชาวาบขึ้นมาเมื่อเห็นว่ารอบกายนั้นไม่มีคนอื่นอยู่ “เหตุผลที่ตีตัวออกห่างจากฉัน...ที่แท้ก็ไปเป็นลูกไล่ไอ้ไก่อ่อนนั่น” ถูกกระชากจนตัวลอยไปกระแทกเข้ากับแผ่นอกกว้าง ความรู้สึกเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาเมื่อถูกเรี่ยวแรงมหาศาลบีบเคล้นบริเวณต้นแขน อีกฝ่ายใช้แขนอีกข้างโอบล็อกรอบเอวเอาไว้แน่น

   “อเล็กซ์” ฮานะพยายามดิ้นหนีแต่เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าเลยทำให้หน้ามืดและไม่มีแรงที่จะขัดขืนได้เต็มกำลังมากนัก “อเล็กซ์ปล่อยนะ...ฉันเจ็บ!” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ทำตามแล้วยังลากให้เดินห่างออกมาจากรถ

   “หยุดเล่นตัวซะทีฮานะ...มันไม่ได้ทำให้นายดูยากขึ้นสักเท่าไหร่หรอก” เขาหันไปตวาดเสียงดังก่อนจะจับอีกฝ่ายดันเข้าไปในรถซูเปอร์คาร์ของตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นที่สนใจไปมากกว่านี้...ถ้าแกเรนรู้ว่าเขาตามมารังควานฮานะละก็มีหวังถูกเพ่งเล็งแน่

   “อเล็กซ์...นายควรเชื่อฟังคำเตือนของคุณแกเรน” แม้จะไม่รู้ว่าทั้งสองได้พูดคุยอะไรกันเอาไว้ แต่ท่าทีชะงักของอเล็กซ์ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี...เพราะมันแสดงให้เห็นว่าฝ่ายนั้นยังคงเกรงใจเจ้านายอยู่บ้าง

   “…คิดว่าฉันสนเหรอ” แต่แล้วรอยยิ้มร้ายกาจกลับฉายชัดขึ้นมาอย่างเหี้ยมเกรียม “นายไม่ยอมให้เขาทำอะไรฉันหรอกน่า...ที่รัก” เอ่ยบอกอย่างมั่นอกมั่นใจเพราะที่ผ่านมาที่รอดพ้นจากการทำโทษของแกเรนได้ก็เป็นเพราะฮานะแบกหน้าไปขออ้อนวอนให้ฝ่ายนั้นไม่เอาเรื่อง

   “…ต้องการอะไร” ฮานะเป็นฝ่ายถอยเพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องมาต่อล้อต่อเถียงในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

   “อย่าถามในสิ่งที่นายก็รู้คำตอบดี” อเล็กซ์เอื้อมมือไปลูบเรียวปากอีกฝ่ายอยากโหยหา ก่อนจะเคลื่อนนิ้วผ่านร่องรอยช้ำที่เริ่มเจือจางอย่างแผ่วเบา “ฉันอยากมีเซ็กส์กับนาย”

   “..ไม่...ไม่ได้” ฮานะส่ายหน้าปฏิเสธ

   “ว่าไงนะ?” อัลฟ่านิสัยดุร้ายเลิกคิ้วอย่างเหลือเชื่อราวกับได้ฟังเรื่องตลก

   “ฉันไม่อยากทำกับน...อะ!” พูดยังไม่ทันขาดคำศีรษะก็ถูกอุ้งมือใหญ่กระชากอย่างรุนแรงจนหน้าหงาย

   อเล็กซ์เอี้ยวตัวข้ามเบาะมาประกบจูบอย่างรุนแรงจนได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งทั้งโพรงปาก แผลใหม่ที่ปริแตกและแผลเก่าที่ถูกซ้ำเติมทำรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม ฮานะพยายามดิ้นขัดขืนและเบี่ยงหน้าหลบเป็นพัลวันเมื่อถูกรุกรานจนไม่สามารถหลบหนีได้

   ความเกรี้ยวกราดและอารมณ์ที่เดือดพล่านถูกระบายออกมาในรูปแบบของจูบที่รุนแรงบ้าคลั่ง ฮานะถูกดึงตัวออกก่อนจะถูกกดศีรษะลงต่ำจนใบหน้าเสมอกับบริเวณเป้ากางเกงของอีกฝ่าย

   “จัดการซะ...ถ้าทำให้ฉันพอใจได้จะไม่รุนแรงด้วย” ซิปกางเกงถูกปลดลง บางส่วนที่เริ่มตื่นตัวถูกนำออกมาจากชั้นในสีเข้มก่อนจะใช้ตีลงข้างแก้มขาวเบาๆอย่างหยาบโลนเป็นเชิงสั่ง

   ฮานะเม้มปากแน่น ฟันขาวขบเข้าที่เรียวปากบวมช้ำจนได้เลือดเมื่อรู้สึกว่าคุณค่าของตนเองถูกอีกฝ่ายใช้เท้าเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าตนเองเป็นเพียงกระโถนที่คอยรองรับอารมณ์เบื้องต่ำ

   “เร็วเข้า” เสียงทุ้มเร่งเร้าเมื่อจินตนาการไปถึงโพรงปากอุ่นนุ่มที่เขาแสนจะคิดถึง

   ...เวลาที่ได้ยัดเยียดตัวตนเข้าไปจนฮานะสำลักหน้าแดงก่ำ...มันทำให้เขาอดใจไม่ไหวที่จะรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่บอบช้ำค่อยๆรับความใหญ่โตเข้าไปก่อนจะเริ่มปรนเปรอให้จนมันขยายตัวแน่นคับปาก เสียงทุ้มต่ำที่คราเครืออย่างสุขสมทำเอาความคลื่นเหียนตีรวนขึ้นมาจนแทบสำลักตอนที่อีกฝ่ายกดตัวลึกเข้ามาจนสุดความยาว ฮานะดันหน้าท้องแข็งแรงไว้เพราะเริ่มผ่อนลมหายใจไม่ทัน น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มจนเปียกชื้นเมื่อรู้สึกเจ็บกระพุ้งแก้ม

   ในขณะที่ม่านน้ำตาขึ้นมาบดบังภาพเบื้องหน้าจนเลือนราง จู่ๆเสียงทุ้มต่ำอันแสนอ่อนโยนก็ดังแว่วขึ้นมา พร้อมกับภาพแผ่นหลังกว้างที่แสนจะอบอุ่นและสายตาที่มองมาราวกับว่าเขาเป็นคนสำคัญ...

   ‘แก้วของคุณน้ำแข็งมันละลายจนเสียรสชาติผมเลยลงไปซื้อมาให้ใหม่’

‘ผมซื้อแซนวิชมาให้ด้วย กลัวว่าคุณจะหิว’

‘เดินทางปลอดภัยนะครับ’

...แต่ความเอาใจใส่ทั้งหมดกลับถูกเขาปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี..

   “อา...ดี อย่างนั้นแหละ” อเล็กซ์สวนกายเข้าไปอย่างไม่คิดปรานี “F*ck! ที่รัก...นายนี่มันสุดยอด” กลุ่มผมนุ่มที่คลอเคลียที่หน้าขาถูกขยุ้มรุนแรงตามอารมณ์ที่พุ่งสูง ร่างสูงใหญ่สะท้านไหวเมื่อได้ปลดปล่อยความกดดันทั้งหมดเข้าไปในโพรงปากเล็ก เขาถอนตัวออกมาก่อนจะบังคับให้อีกฝ่ายกลืนกินมวลอารมณ์ทั้งหมดเข้าไป

   “ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นอยู่ในลำคอ

คำชมแกมเย้ยหยันถูกส่งไปให้คนที่นอนหอบหน้าแดงก่ำอยู่บนเบาะ ฮานะยกแขนขึ้นมาเช็ดคราบขาวขุ่นที่เปรอะอยู่บนแก้มออกก่อนจะอดทนอดกลั้นกับความรู้สึกรังเกียจที่ตีรวนขึ้นมาจนแทบจะอาเจียนออกมา “คืนนี้ไปค้างห้องฉัน” เสียงทุ้มต่ำตัดบทโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบตกลง

   ซูเปอร์คาร์คันหรูเคลื่อนตัวออกมาจากตัวตึก อเล็กซ์หันไปมองคนที่นอนหมดสติอย่างไม่ได้รู้สึกผิดหรือสงสาร แต่แล้วใครบางคนที่กำลังยืนรอรถโดยสารอยู่ที่บริเวณฟุตบาทข้างถนนกลับดึงความสนใจของเขาไปแทน

   ...ดูท่าแล้วไอ้เด็กใหม่ที่คุณแกเรนเพิ่งรับเข้ามาคงกำลังยืนรอรถโดยสารอยู่...รูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คนมากมายทำให้เขาต้องแสยะยิ้มออกมาอย่างนึกสมเพช...มันก็คงมีดีแค่นี้

   รถยนต์คันหรูค่อยๆชะลอจอดเทียบข้างฟุตบาทที่อีกฝ่ายนั้นยืนอยู่ กระจกถูกลดระดับลงทำให้มันต้องหันมามอง ฝ่ายนั้นดูแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าผู้จัดการส่วนตัวของตนเองนอนอยู่เบาะข้างเขา

   อเล็กซ์ถอดแว่นกันแดดออกเพื่อที่จะได้จ้องตากับอีกฝ่ายชัดๆ...ยิ่งเห็นแววตาของมันเขาก็ยิ่งรู้สึกสะใจเมื่อสามารถประกาศความเป็นเจ้าของได้สำเร็จ และก่อนที่กระจกบานเลื่อนจะเลื่อนปิดเขาก็ไม่ลืมที่จะยกมือทักทายอีกฝ่าย

   ....ด้วยนิ้วกลางเพียงนิ้วเดียว ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไปด้วยเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม

   ..ถือว่าเป็นคำเตือน

อย่าได้สะเออะมายุ่งกับคนของเขา..

   “วันนี้มึงดูไม่มีสมาธิเลย มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า” เสียงทักอย่างเป็นห่วงมาพร้อมกับมือที่วางลงบนบ่า

   “เปล่า” พีทบอกปัด...เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงที่จะขึ้นเล่นเขาจึงถือโอกาสออกมาตากอากาศด้านนอกเพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นบุหรี่เท่าไรนัก แม้ว่าที่ผ่านมาจะรับงานเล่นดนตรีที่ร้านอาหารตอนกลางคืนแต่เขาไม่เคยแตะของมึนเมาและบุหรี่แม้แต่นิด เพราะเคยลองไปแล้วตอนมัธยมปลายตอนไปเที่ยวงานดนตรีประจำปี แค่เหล้าไม่กี่แก้วก็เล่นเอาล้มพับจนถูกแม่ด่าไปยกใหญ่ หลังจากนั้นมาเลยไม่คิดแตะมันอีก

   “เอาน่า...ทำใจให้สบาย เดี๋ยวก็ถึงคิวแล้ว” มันปลอบ “ถ้าพร้อมก็เข้าไปข้างในนะ กูบอกให้พวกมันเลิกสูบแล้ว จะขอซาวน์เช็กอีกที”

   “อืม...เดี๋ยวตามไป” เขาพยักหน้ารับ

   เมื่อเพื่อนเดินจากไป โทรศัพท์มือถือก็ถูกนำออกมาเลื่อนหารายชื่อที่ได้เมมเอาไว้เมื่อสองวันก่อน...หลังจากที่คุณแกเรนให้มาก็ยังไม่มีโอกาสจะได้โทรสักที

   ‘ฮานะ’

   รู้ตัวอีกทีก็กดโทรหาไปแล้ว เสียงสัญญาณที่ดังขึ้นต่อเนื่องเชื่องช้าพอๆกับจังหวะชีพจรในร่างกาย ภาพเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นฉายชัดขึ้นมาอีกครั้งทำให้ตัดสินใจกดตัดสายก่อนที่ทางนั้นจะกดรับ

   ...โทรไปขัดจังหวะช่วงเวลาส่วนตัวของพวกเขาคงไม่ใช่เรื่องดี..

   ร่างสูงใหญ่หันเดินกลับไปทางห้องพักนักแสดง แต่ก่อนที่จะได้หมุนลูกบิดเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำให้ต้องยกดูว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา

   แล้วชื่อของคนที่แสดงโชว์อยู่บนหน้าจอก็ทำให้ตัดสินใจกดรับทันที

   “ฮานะ”

   ปลายสายไม่ได้ตอบกลับมาในทันที กลับเว้นระยะไปสักพัก (อ..สวัสดีครับ) เสียงเบาหวิวที่สั่นเครือเล็กน้อยทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทางนั้นกำลังทำอะไร (...อเล็กซ์!-) เสียงสปริงเตียงที่ขยับเป็นจังหวะดังสอดแทรกเข้ามาทำเอาฝ่ามือเย็นเฉียบขึ้นมากะทันหัน

   สัญญาณที่ถูกตัดไปเงียบสงบแต่จังหวะชีพจรในกายกลับเต้นรัวแรงขึ้นเมื่อได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่

   ก่อนที่ความกดดันทั้งหมดจะถูกระบายลงกับหน้ากลองบนเวทีคอนเสิร์ต

   จังหวะที่หนักแน่น....รุนแรง

   ไม่ต่างกับท้องทะเลยามที่กำลังคลั่งเดือด



__________________________________

 ซึมไปเลยย โอ๋ๆนะครับลูกกกกก /หอมหัว 
แวะมาส่งกำลังใจให้เจ้าลูกหมาได้ที่ #ดอกไม้ของพีท หรือจะคอมเม้นต์ก็ได้คับบ 
/บ๊อกๆแบ๊กๆ





ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H R E E : 17/9/2019
«ตอบ #16 เมื่อ16-09-2019 23:13:34 »

ช่วยพี่ฮานะด้วย..ยยยยยยย    :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H R E E : 17/9/2019
«ตอบ #17 เมื่อ17-09-2019 01:49:56 »

โอ้โห ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอฮานะ  :z3: :z3:
โกรธอ่ะโกรธทุกคนที่ทำให้ฮานะยังต้องเจออะไรแบบนี้
ทุกคนรู้ว่านายคนนี้คือสุดจะทนมาก หวังว่าคงมีบทลงโทษที่สาสมกับกับคนแบบนี้อ่ะ
แทนที่จะให้ฮานะไปอยู่ที่อื่นจะได้ปลอดภัย มาอยู่แบบนี้ก้ไม่มีใครช่วยอะไรได้เลยอ่ะแม้กระทั่งคนที่รั้งให้อยู่
แล้วคนพาลอ่ะอยู่ดีๆก็พาลมาที่พีทคืออะไร หมาบ้าชัดๆ
ลูกชั้นเป็นคนดีแกอย่ามายุ่งกับลูกชั้นนนนนนนนนน  :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2019 01:55:06 โดย miikii »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #18 เมื่อ23-09-2019 01:26:33 »

CHAPTER FOUR

_________________________________


   ร่างเล็กพลิกตัวไปมาอย่างยากลำบากบนเตียงหลังกว้างเมื่อรู้สึกเจ็บร้าวที่บั้นท้ายจนชาหนึบ ฮานะค่อยๆปรับสายตาให้เข้ากับแสงของดวงอาทิตย์ที่ส่องผ่านกระจกใสเข้ามาในห้องนอน ความเข้มของแสงและอุณหภูมิแสดงให้เห็นว่าเวลานี้สายมากแล้ว เจ้าตัวพยายามดันตัวขึ้นนั่งแต่ทว่าความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลังทำให้ต้องล้มตัวลงนอนอีกรอบ เขารู้สึกกระหายจนลำคอแห้งผาก ริมฝีปากที่เคยชุ่มชื้นแห้งแตกเล็กน้อยจากอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ

   เนื้อตัวเปลือยเปล่าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนานั้นปรากฏร่องรอยฟันที่ขบกัดตามผิวเนื้อ...รอยดูดดุนขึ้นเป็นจ้ำสีแดงโดยเฉพาะบริเวณแผ่นอก ปลายนิ้วยกขึ้นแตะปลอกคอที่สวมใส่ไว้อยู่ตลอดเพื่อความอุ่นใจ

   หลังจากวันที่อเล็กซ์เริ่มก้าวก่ายกันจนเกินขอบเขต เขาก็ได้ทำการป้องกันตัวเองด้วยระบบที่แน่นหนาขึ้น

   ปลอกคอที่ผลิตมาจากหนังคุณภาพดีมีระบบป้องกันความปลอดภัยโดยการตั้งรหัสปลดล็อกอย่างแน่นหนาทำให้รอดพ้นจากพวกอัลฟ่าที่ชอบฉวยโอกาสละเมิดข้อบังคับทางกฎหมายอย่างอเล็กซ์...ปลอกคอนี้คุณแกเรนเป็นคนซื้อให้ในวันเกิดเมื่อปีที่แล้วเพราะกลัวว่าจะถูกฝ่ายนั้นทำร้ายเข้าสักวัน เพราะที่ผ่านมาฮานะให้ความไว้วางใจกับอเล็กซ์มากเกินไปจึงทำให้เกือบจะสร้างตราบาปให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว

   แม้ว่าเขาจะมองเรื่องคู่แห่งโชคชะตาเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยตัวยอมให้ใครมาเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ...แม้แต่ตัวอเล็กซ์ที่เขาเคยรักมากกว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ได้กระทำตามใจต้องการ...

   พันธนาการล่องหนที่เรียกว่าการผูกพันธะไร้ซึ่งความรักเข้ามาเกี่ยวนั้นมีแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...สู้อยู่กับอิสรภาพตามที่ใจต้องการเสียยังจะดีกว่า...ถึงแม้ว่าในบางครั้งมันอาจจะโดดเดี่ยวแต่ก็ไม่ได้แย่นักหรอก...

   “ตื่นแล้วเหรอ” คนที่เดินเข้ามาในเขตห้องนอนยืนพิงกรอบประตูด้วยท่าทางผ่อนคลาย ฝ่ายนั้นสวมไว้เพียงกางเกงยีนสีซีดตัวเดียวเท่านั้น บนแผ่นอกเปลือยปรากฏรอยเล็บที่ลากยาวจนเลือดซิบ อเล็กซ์ดูอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อวาน

   “กี่โมงแล้ว” ฮานะถามพลางขดตัวเข้ากับผ้าห่มเมื่อฝ่ายนั้นเดินมานั่งบนปลายเตียง

   “จะเที่ยงแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มตอบก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยแก้มเนียนอย่างนึกเอ็นดู...ถึงแม้ว่าเขาจะอยากลงไปนอนกอดฮานะมากแค่ไหนแต่บ่ายนี้ต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเวลาหลายวันจึงต้องยับยั้งความต้องการเอาไว้...เมื่อคืนเลยถือโอกาสตักตวงอย่างบ้าคลั่งจนฮานะหมดสติไปทั้งที่ส่วนล่างยังคงเชื่อมต่อกันอยู่

   “อะไรนะ” สีหน้าตื่นตะลึงฉายชัด ก่อนท่าทีลนลานจะปรากฏให้ได้เห็นจนเขาชักจะหงุดหงิดขึ้นมา

   “นายจะรีบไปไหน” อเล็กซ์ถามอย่างเกียจคร้านพลางเอื้อมมือไปหยิบมวนบุหรี่ที่โต๊ะหัวเตียงขึ้นมาสูบเพื่อผ่อนคลาย แววตาเจ้าเล่ห์แฝงรอยยิ้มกรุ้มกริ่มระหว่างที่จ้องมองไปยังผิวเนื้อขาวจัดของอีกฝ่ายที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่ม

   และแล้วตะกอนอารมณ์ที่คั่งค้างก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฮานะกำลังก้มลงหยิบเสื้อยืดที่ถูกโยนลงไปกองที่พื้นขึ้นมาสวมอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มลูบนิ้ววนรอบริมฝีปากอย่างใช้ความคิดบุหรี่ที่เหลืออยู่ครึ่งมวนถูกดับลง เขาลุกเดินเข้าไปแนบชิดกับร่างที่เล็กกว่าก่อนจะสวมกอดรอบเอวคอดอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้เข้ากับลำคอขาวผ่องที่ส่งกลิ่นยั่วยวนก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาขบเม้มที่ลาดไหล่กลมมนอย่างนึกมันเขี้ยว

   เขาไม่ได้รักฮานะ..ไม่คิดจะรัก...

แต่ความรู้สึกที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของมันรุนแรงจนแทบทะลักออกมาจากอก ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายโดนจับแยกออกไปดูแลไอ้เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานเขาก็ยิ่งหวงแหนจนแทบคลั่ง... สัญชาตญาณสั่งให้ต้องแสดงออกเพื่อย้ำเตือนให้คนที่เข้ามาเกาะแกะกับฮานะได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีเจ้าของแล้ว...

และกับไอ้เด็กคนนั้นเขาไม่คิดว่ามันคือคู่แข่ง...เพราะมันไม่ได้มีค่ามากพอที่จะมาเทียบเสมอหรือแข่งขันกับเขาได้

..ก็แค่ไก่อ่อนที่ไม่มีพิษภัย...

“อเล็กซ์...ปล่อย” ฮานะขืนตัวหนี

“พักหลังมานี้ นายพูดคำนี้บ่อยเหลือเกินนะ” เขาแสยะยิ้มแต่ก็ยอมคลายอ้อนแขนออก

“ฉันต้องไปทำงาน” ร่างเล็กสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมพร้อมกับจัดทรงผมให้เข้าที่

ฮานะรู้สึกร้อนรนจนสติแทบไม่อยู่กับตัวเมื่อรู้ว่าตัวเองผิดสัญญากับใครอีกคน...ทั้งที่เป็นคนออกคำสั่งกับอีกฝ่ายแต่กลับผิดนัดเสียเอง

“ไปด้วยกันสิ” อเล็กซ์เอ่ยปากชวน เขาเดินกลับไปนั่งบนเตียงด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ยิ่งได้เห็นท่าทางร้อนรนของอีกฝ่ายก็ยิ่งได้ใจ “เมื่อวานนี้นายมากับฉัน จำได้หรือเปล่า” เขาย้ำเตือนความจำ

“ฉันไปเองได้” ฮานะคว้ากระเป๋ามาสะพายเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูห้องออกกลับถูกดึงกระชากจนตัวลอย ช่วงเอวถูกอ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดเอาไว้จนไม่สามารถขับตัวหนีได้

“อย่าดื้อหน่อยเลยน่า” ชายหนุ่มดันลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้มเมื่อถูกนัยน์ตาสวยเฉี่ยวตวัดมองมาอย่างไม่พอใจ “ยังไงฉันก็ต้องเข้าบริษัทอยู่แล้ว”

“อเล็กซ์...นายไม่ควรมายุ่งกับฉันอีก” ฮานะพูดเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง...เหมือนลูกแมวพองขนขู่เวลารู้สึกกลัว

“ทำไมฉันจะยุ่งกับเมียตัวเองไม่ได้” อเล็กซ์ยิ้มเย้ยเมื่อเห็นแววตาตื่นตะลึงของอีกฝ่าย ฮานะตกใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะแสดงความโกรธออกมาให้ได้เห็นผ่านทางสีหน้า “ทำไม? หรือนายติดใจดุ้นของไอ้เวรนั่นไปแล้ว...มันใหญ่ถึงใจใช่ไหมล่ะ เวลาที่ถูกมันเอาคงสำลักความสุขจนลืมฉัน” ถ้อยคำหยาบคายหยามเกียรติทำเอาหนังศีรษะชาวาบไร้ความรู้สึก ฮานะมือไม้สั่นเพราะไม่เคยได้รับการดูถูกเหยียดหยามเท่านี้มาก่อน

การที่อเล็กซ์ดึงเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเพียงเพราะต้องการเหยียดหยามและดูถูกกันมันทำให้เขานึกขยะแขยงจนแทบบ้า

“อย่าเอาพีทเข้ามาเกี่ยว...เขากับฉันไม่ได้มีอะไรเกินเลยเหมือนที่ความคิดสกปรกๆของนายพยายามยัดเยียดมาให้” ฮานะรวบรวมแรงผลักอีกฝ่ายจนตัวเซก่อนจะระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเหลืออด “จำเอาไว้อเล็กซ์...การที่นายเห็นฉันง่าย นั่นเพราะฉันเคยโง่หลงรักคนอย่างนาย...แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปนอนอ้าขาให้ใครก็ได้”

“...” ชายหนุ่มยืนมองคนที่เป็นลูกไล่เขามานานราวกับคนที่ไม่เคยรู้จัก...ในสายตาของฮานะเจ็บปวดและแตกสลายจนกลายเป็นความว่างเปล่า...และทั้งหมดนั่นก็ทำให้ภายในอกเขาวูบโหวงเป็นหลุมกว้าง

“หลังจากนี้เราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว ฉันส่งนายถึงฝั่งจนโด่งดังมีชื่อเสียงสมใจแล้ว เพราะฉะนั้นการที่ฉันจะขอวางมือจากนายก็ถือว่าเป็นความต้องการของฉันเอง” ฮานะหายใจเข้าเชื่องช้าเพื่อระงับความโกรธ “อเล็กซ์...นายรู้ดีว่านายไม่จำเป็นต้องมีฉัน…นี่ไงอิสระที่นายต้องการมาตลอด”

“...”

“...และหลังจากนี้ถ้านายยังดื้อด้านเข้ามาวุ่นวายเกินขอบเขตอีก...คราวนี้ฉันคงไม่สามารถห้ามคุณแกเรนได้” แม้จะไม่รู้ว่าทั้งสองตกลงอะไรกันเอาไว้ แต่เขาก็มั่นใจได้ว่าคำขู่ของคุณแกเรนทำให้อเล็กซ์ไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อต้านอย่างแน่นอน

“หึ...นายกล้าขู่ฉันเหรอ” เขาแค่นหัวเราะให้กับอดีตสุนัขรับใช้ที่ปีกกล้าขาแข็งเพราะมีคนคอยหนุนหลัง

“ฉันเปล่า...แค่คิดว่านายจะฉลาดมากพอที่จะไม่ทำอะไรจนขาดสติ” อเล็กซ์มองเข้าไปในแววตาที่เคยสยบลงให้เขามาตลอด ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าคราวนี้ฮานะพูดจริงไม่ได้ขู่เพียงแค่เอาตัวรอดเท่านั้น

ชายหนุ่มสบถหัวเราะในลำคอพร้อมกับยกสองมือขึ้นอย่างยอมแพ้ก่อนจะยอมล่าถอยอย่างไหวตัวทัน...หากเขายังตามติดฮานะอยู่แบบนี้มีหวังคงถูกแกเรนเล่นงานอย่างแน่นอน...

 “ก็ได้...ฉันจะไม่ยุ่งกับนาย” อเล็กซ์รับปากแบบขอไปทีทั้งที่ในใจนั้นไม่ได้คล้อยตามเลยสักนิด

เพราะโดยลึกๆแล้ว สายเลือดอัลฟ่าบริสุทธิ์อย่างเขามีความทะนงตัวสูงส่ง ทั้งยังหยิ่งผยองในศักดิ์ศรี...กับแค่โอเมก้าไร้ประโยชน์คนหนึ่งที่มีดีแค่ลีลาเซ็กส์จัดจ้านถูกใจ เขามองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องลงทุนลงแรงเอาตัวเข้าแลกเพื่อรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย “แต่จำไว้...ว่าไม่มีใครอยากกินของเหลือเดนจากคนอื่นหรอกนะที่รัก” อเล็กซ์ก้มลงกระซิบข้างใบหูขาวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “...แม้แต่ไอ้เด็กใหม่นั่นก็ด้วย...ถึงเวลานั้นอย่าคลานกลับมาอ้อนวอนฉันก็แล้วกัน”

ร่างสูงใหญ่ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทิ้งให้ใครอีกคนยืนนิ่งอยู่กับความรู้สึกอันหนักอึ้งฮานะข่มความวูบโหวงที่กำลังปะทุขึ้นมาเอาไว้อย่างสุดความสามารถก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องของอีกฝ่าย

ลับหลังเสียงปิดประตูห้องนอนใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยประกายตาวาบไหวฉายแววลุ่มลึกยากที่จะคาดเดาความรู้สึกตอนที่มองลงไปยังบริเวณฟุตบาทหน้าคอนโดที่ใครบางคนกำลังยืนรอรถโดยสารอยู่

...เขาจะเฝ้ารอวันนั้น...วันที่สุนัขรับใช้ซบเซากลับมาหาอย่างหมดสิ้นท่าทางหยิ่งผยอง...

“คุณฮานะ” เบต้าหนุ่มจอมเจ้าชู้เดินมารับคนสวยที่ประตูทางเข้ายิมหลังจากที่สั่งให้พีทเวทเทรนนิ่งช่วงแขนโดยมีเทรนเนอร์อีกคนคอยควบคุมอยู่

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเด็กหนุ่มมาถึงก่อนเวลานัดหมายราวชั่วโมงเห็นจะได้ พอมาถึงก็ไม่พูดไม่จาสั่งให้ทำอะไรก็ทำโดนแกล้งรับน้องไปจนเหงื่อท่วมตัวก็ไม่แสดงท่าทีเหนื่อยอ่อนออกมาให้ได้เห็นสักแอะ...นับว่าเป็นคนที่มีความอดทนมากพอสมควร...แต่สีหน้าที่ดูเคร่งเครียดต่างจากเมื่อวานทำให้เขาไม่ได้ถามอะไรให้มากความ

“สวัสดีครับ” ฮานะยิ้มทัก

“ผมนึกว่าคุณจะเข้ามาพร้อมพีทเสียอีก” เคย์เปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาด้านใน “ไม่สบายเหรอครับ” วันนี้คุณฮานะดูอาการไม่ค่อยจะดี ใบหน้าสวยฉายแววอิดโรยอยู่ไม่น้อย...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมากล้นไปด้วยเสน่ห์เหมือนอย่างเคย

“นิดหน่อยครับ...พอดีเมื่อวานตากฝนน่ะ” รอยยิ้มสดใสปรากฏแทนที่ความเศร้าโศก ฮานะเหลือบมองไปยังคนที่ยกบาร์เบลอยู่หน้าบานกระจกก่อนจะยกมือขึ้นทักทายเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นมองมาทางเขา “พีทเป็นยังไงบ้างครับ”

“ดีครับ...อดทนดีมาก ตั้งแต่เช้ามาไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยเลย เดี๋ยวให้เขาคาร์ดิโอต่อสักสามสิบนาทีแล้วทำการคูลดาวน์ก็หมดโปรแกรมวันนี้แล้วละครับ” ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะถูกเชิญไปนั่งที่ชุดโซฟาขนาดเล็กบริเวณมุมห้องโดยมีเคย์บริการหาน้ำหาท่ามาให้ระหว่างที่นั่งรอ

นัยน์ตาสีเข้มฉายแววเหนื่อยล้าออกมาเมื่อถูกไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเป่ารดตัว เชิ้ตขาวโอเวอร์ไซส์ที่สวมใส่มาตั้งแต่เมื่อวานถูกกระชับเข้าหากัน ฮานะนั่งมองคนที่อยู่บนลู่วิ่งสลับกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แอปพลิเคชันถูกกดเข้าออกเรื่อยเปื่อยก่อนหน้าบันทึกการโทรครั้งล่าสุดจะถูกเปิดขึ้นมาเพื่อยืนยันอะไรบางอย่าง

เมื่อคืนนี้หลังจากที่ถูกอเล็กซ์ปล่อยให้นอนพักเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่หัวเตียงก็ร้องเตือน พอหยิบมาดูก็พบว่าเป็นมิสคอลจากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ฮานะกดโทรกลับในเวลาเดียวกันกับที่อเล็กซ์สอดแทรกกายเข้ามาจึงต้องกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้ปลายสายได้ยิน

‘ฮานะ’

เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังเลือนรางเข้ามาในโสตประสาท เมลล์ฉบับหนึ่งที่ถูกส่งเข้ามาเมื่อสองวันก่อนยังคงขึ้นเครื่องหมายเตือนว่าเขาคงลืมที่จะเปิดอ่านมัน

‘พีรัท โชติเมธี’

ข้อมูลส่วนตัวของพีทที่คุณแกเรนส่งมาให้และย้ำให้อ่านแต่เขากลับลืมไปเสียสนิท ปลายนิ้วไล่เลื่อนดูไปทีละหัวข้อพร้อมเก็บรายละเอียดในส่วนที่สำคัญเอาไว้

อายุ 22 ปี

ส่วนสูง 195 เซนติเมตร

น้ำหนัก 85 กิโลกรัม

**อัลฟ่าเลือดผสมสองเชื้อชาติ

มารดา โอเมก้า สัญชาติ ไทย อาชีพ:แม่ค้า

บิดา อัลฟ่า สัญชาติ บราซิล อาชีพ:ไม่ระบุ

และข้อมูลด้านอื่นๆอย่างเช่น เจ้าตัวเกิดและโตที่จังหวัดลำปาง อาศัยอยู่กับแม่และยายเพียงแค่สามคนส่วนข้อมูลด้านอื่นเกี่ยวกับผู้เป็นพ่อไม่มีเพิ่มเติม เรื่องการศึกษาพีทเรียนจบโรงเรียนประจำจังหวัด ส่วนมหาลัยสอบชิงทุนเข้าเรียนในวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นทุนอิสระที่มีความยืดหยุ่นในการผ่อนปรนการชดใช้ทุน

แต่แล้วเบอร์โทรที่อยู่ในช่องข้อมูลการติดต่อก็ทำให้ฮานะต้องกลั้นหายใจอยู่ครู่หนึ่ง

...เพราะมันเป็นเบอร์เดียวกันกับที่โทรหาเขาเมื่อคืนนี้..

ความกังวลเข้ามาเกาะกุมจิตใจเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรับรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้า...

พีทเดินเข้ามาหาด้วยตัวที่เปียกชุ่ม เด็กหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาข้างขมับ ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนโซฟายื่นผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้ “คุณเคย์บอกว่าคุณไม่สบายเหรอครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มถามอย่างเป็นห่วงโดยไม่ได้นึกสนใจเรื่องราวที่ผ่านมา

“ก็...นิดหน่อยน่ะ คงเป็นแค่หวัดธรรมดา” ฮานะพยักหน้า รู้สึกตัวรุมๆมาตั้งแต่อยู่บนแท็กซี่แล้ว “มานั่งสิ” เบาะโซฟาข้างตัวถูกตบเบาๆเป็นเชิงชักชวน

ตอนที่อีกฝ่ายทิ้งตัวนั่งลงข้างกัน ไอร้อนระอุที่แผ่ออกมาทำให้จังหวะชีพจรเต้นผิดปกติอีกครั้ง...ฮานะรู้สึกมึนหัวจนสายตาพร่าเบลอเจ้าตัวจึงคิดว่าคงเป็นเพราะผลข้างเคียงของยาระงับฮีทและยาคุมที่เพิ่งกินไปเมื่อช่วงสาย

...ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นจะมีอาการแบบนี้เกิดขึ้นเลยเสียด้วยซ้ำ..

“ฮานะ?”

พีทมองมาอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าและหอบหายใจแรง เขาถือวิสาสะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากชื้นเหงื่อก่อนจะพบว่าฮานะตัวร้อนจัด “คุณต้องไปหาหมอ” เด็กหนุ่มว่าเสียงเครียดพลางนึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่เจอกัน...ฮานะดูอาการย่ำแย่มาตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว

“ไม่...ไม่เป็นไร” เสียงแหบพร่าอ่อนแรงบอกปฏิเสธพร้อมกับฝืนยิ้มผ่านหน้ากากอนามัยที่สวมใส่ “เธอหิวหรือยัง ...ไปหาอะไรทานกันไหม” เขาออกปากชวนเพราะวันนี้ตารางของพีทมีแค่เวทเทรนนิ่งในช่วงเช้าเท่านั้น

“เรื่องนั้น ช่างมันก่อนเถอะครับ” พีทย้ำเสียงเข้ม เรื่องนั้นถูกปัดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี

“พีท! เธอจะทำอะไร!” จู่ๆฝ่ายนั้นก็รวบตัวเขาขึ้นอุ้มแนบอก ฮานะจึงรีบจับเสื้อยืดชื้นเหงื่อเอาไว้เพราะกลัวว่าจะตก แต่พีทกลับอุ้มเขาได้สบายๆโดยไม่ต้องออกแรงเลยสักนิดทั้งที่เพิ่งผ่านการออกกำลังกายมา “ปล่อยฉันลงนะ” ฮานะว่าเสียงเข้มพร้อมขมวดคิ้วแน่นเมื่อพวกเขาตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นที่อยู่ในยิม...โดยเฉพาะคุณเคย์ที่ดูตื่นตะลึงกว่าใคร

ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นไม่แสดงอาการอะไรออกมาถึงแม้จะถูกสายตานับสิบคู่จ้องมองก็ตามที เด็กหนุ่มก้าวเดินด้วยความมั่นคง เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเมื่อคนในอ้อมกอดเริ่มดิ้นจนหวิดจะตกลงพื้นอยู่หลายหน

“ฉันเดินเองได้” ฮานะเค้นเสียงลอดไรฟันเมื่อใกล้ถึงโถงลิฟต์ ดีหน่อยที่ระหว่างทางเดินนั้นไม่มีใครอยู่...ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงอื้อฉาวไปทั้งบริษัท “โอเคๆ เข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้เธอต้องปล่อยฉันลงก่อน ใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี”

“...ผมเป็นห่วงคุณ” แววตาที่แฝงไปด้วยประกายคุโชนก้มลงมามองจนคนที่อายุมากกว่าได้แต่ปิดปากเงียบ

“พีท...อย่าดื้อนะ ปล่อย” ฮานะเร่งเร้าเมื่อเห็นว่ามีพนักงานคนอื่นกำลังเดินตรงมาทางนี้

ในที่สุดเจ้าเด็กตัวโตก็ยอมปล่อยให้เขาลงไปยืนที่พื้นแต่เจ้าตัวก็ยังคงยืนประชิดจนรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากแผ่นอกอุ่น ฮานะพยายามที่จะไม่หันไปมอง ตอนที่อยู่ในห้องโดยสารลิฟต์ด้วยกันเพียงแค่สองคน ก่อนเขาจะได้โอกาสเปิดบทสนทนาขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัด

วันนี้พีทดูแปลกไปเล็กน้อย แววตาที่คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างหลบซ่อนอยู่ทำให้เขาอยู่ไม่สุข

“ขอโทษนะที่เมื่อเช้าไม่ได้ไปรับ” ฮานะมองภาพสะท้อนคนด้านหลังจากบานประตูลิฟต์ “แล้วก็...เมื่อคืนที่เธอโทรมา ฉันติดธุระนิดหน่อย ก็เลย...”

“ครับ...ผมเข้าใจ” เด็กหนุ่มหันมาสบตากันผ่านภาพสะท้อนและมองอยู่อย่างนั้นจนเขาต้องเป็นฝ่ายก้มหน้าหลบ “ผมต่างหากที่โทรไปรบกวนคุณในเวลาส่วนตัว” ความหมายบางอย่างที่แฝงเร้นทำให้ต้องเม้มริมฝีปากด้วยความประหม่า

“...ไม่รบกวนหรอก” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองเลขบอกระดับชั้นด้วยจังหวะชีพจรที่ถี่กระชั้นขึ้น...บรรยากาศแปลกๆที่เริ่มก่อตัวทำให้เขาควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ ฝ่ามือกำแน่นจนขึ้นสีซีดชื้นเหงื่อ

เสียงสัญญาณดังขึ้นบ่งบอกว่าลิฟต์ได้จอดบริเวณชั้นโรงจอดรถเป็นที่เรียบร้อย ฮานะก้าวออกมาจากห้องโดยสารด้วยท่าทีเร่งรีบโดยมีใครอีกคนเดินตามมาไม่ห่าง

“ผมขับเอง” พีทเสนอ เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าไม่ค่อยดี

“เธอมีใบขับขี่หรือยัง” แทนคำตอบ เด็กหนุ่มก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากเป้ก่อนจะหยิบสิ่งที่เขาถามหาขึ้นมาโชว์ “โอเค” ฮานะส่งกุญแจรถไปให้

ให้พีทเป็นคนขับก็ดีเหมือนกันเพราะตอนนี้เขาเองก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมาไม่น้อย

(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2019 15:05:46 โดย Punmile09 »

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #19 เมื่อ23-09-2019 01:28:01 »

“พักผ่อนน้อยอีกตามเคย” เสียงดุที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นพร้อมกับการเขียนใบสั่งยา “’งานหนักมากเลยเหรอ” คุณหมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนไข้ประจำที่ค่อนข้างสนิทสนมกันเพราะอีกฝ่ายมาขอคำปรึกษาเรื่องยาคุมและยาระงับฮอร์โมนอยู่บ่อยครั้ง เขาลอบสังเกตอาการของคนตรงหน้าไปเงียบๆ แต่สายตากลับเห็นรอยช้ำที่บริเวณไหปลาร้าตอนที่คอเสื้อมันร่นลงมา ทางนั้นจึงรีบกระชับมันเข้าหากันและทำทีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ครับ”

“มันไม่ใช่ข้ออ้างที่คุณจะละเลยและไม่ดูแลตัวเอง...รู้ใช่หรือเปล่า” เขาถือโอกาสติเตียน

“ผมทราบครับ” ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ

“หลังจากที่ยาชุดนั้นหมด...ผมคงต้องให้คุณงดเอาไว้ก่อน” นายแพทย์หนุ่มว่าเสียงเรียบพร้อมเพิ่มรายชื่อวิตามินบำรุงร่างกายลงไปในใบสั่ง “รอจนกว่าร่างกายของคุณฟื้นตัวก่อนจะดีกว่าเพราะผลข้างเคียงมันค่อนข้างอันตรายถ้าสุขภาพคุณยังเป็นแบบนี้...แต่ถ้าจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ก็เน้นกำชับให้คู่นอนของคุณป้องกันด้วย”

เพราะยาคุมสำหรับการตั้งครรภ์และยาระงับฮีทสำหรับโอเมก้านั้นมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรงถ้าหากว่าได้รับเข้าไปในร่างกายในปริมาณที่มากจนเกินไป นอกจากจะทำให้ระบบของส่วนต่างๆในร่างกายทำงานผิดปกติแล้วยังส่งผลถึงโอกาสเสี่ยงที่จะแท้งในอนาคตรวมไปถึงเปอร์เซ็นต์การตั้งครรภ์ที่จะลดน้อยลงด้วย

“ครับ ผมจะระวัง” ฮานะเม้มปากด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ก่อนสิ่งที่ขบคิดมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาจะถูกถามออกไป “คือผม...มีเรื่องอยากจะปรึกษาอีกเรื่อง”

“ครับ...ว่ามาได้เลย”

“ผมแค่อยากรู้ว่าผลข้างเคียงของยา...มันทำให้ใจสั่นไหมครับ”

“ใจสั่นแบบไหน” ฝ่ายนั้นประสานมือเข้าหากันก่อนจะถามข้อมูลเพิ่มเติม

“…ก็...เท่าที่ผมรู้สึก มันคล้ายกับอาการฮีท..แต่...แค่ไม่ได้มีความต้องการในเรื่องแบบนั้น” ใบหน้าสวยร้อนวูบ ฮานะเม้มปากเป็นเส้นตรงเพื่อระงับอาการตึงเครียด “…มันแปลก”

นายแพทย์หนุ่มลอบมองคนไข้ในความดูแลอย่างพินิจพิจารณาก่อนจะนำเอาเหตุผลและอาการของอีกฝ่ายมาคิดทบทวนซ้ำไปมา เพราะเท่าที่เคยสอบถามฝ่ายนั้นเข้าช่วงฮีทครั้งล่าสุดเมื่อสองปีที่แล้วและตัวยาที่เขาให้ไปก็ค่อนข้างแรงพอสมควร อาจเป็นไปได้ว่าอาการข้างต้นนั้นคงเกิดจากผลข้างเคียงของตัวยา

...แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น...แทบไม่มีคนไข้คนไหนเลยที่จะมีอาการในลักษณะแบบนี้

“ผมคงด่วนสรุปตอนนี้ไม่ได้” นายแพทย์หนุ่มกล่าว “เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมาร่างกายคุณรับยาเข้าไปในปริมาณที่มาก มันจึงทำต่อมสร้างฟีโรโมนนั้นทำงานผิดปกติจนไม่เกิดอาการฮีทและเป็นไปได้ว่าอาจจะมีผลไปถึงการรับรู้กลิ่นของคู่นอนด้วย...คุณเข้าใจใช่ไหม”

.เมื่อได้รับยาในปริมาณที่มากเกินที่ร่างกายจะรับไหวอาจจะส่งผลไปถึงการรับรู้กลิ่นของคู่แห่งโชคชะตา ซึ่งบางรายอาจต้องรอให้ร่างกายนั้นปรับสภาพเพียงไม่กี่เดือน แต่บางรายก็ต้องรอนานไปหลายปี

...หรือมันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็เป็นได้

และนั่นก็หมายความว่าแม้คู่ของตนจะอยู่ใกล้หรือมีสัมพันธ์ทางกายกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...ก็ไม่อาจผูกพันธะได้...

...ตลอดชีวิต..



ฮานะขอตัวกลับหลังจากที่ได้ใช้เวลาปรึกษากับแพทย์ประจำตัวเป็นเวลานานพอสมควร หลังจากที่ออกมาจากห้องตรวจก็พบว่าพีทนั่งรออยู่ที่เดิมไม่ไปไหน และเมื่อฝ่ายนั้นเห็นเขาเดินออกมาก็รีบลุกเดินมาหาด้วยสีหน้าที่เจือไปด้วยความรู้สึกห่วงใย

“เป็นยังไงบ้างครับ” เด็กหนุ่มถาม

“ก็มีไข้นิดหน่อย...แล้วก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายมันเลยประท้วงน่ะ” ฮานะพูดติดตลกเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวลลง แต่เจ้าเด็กตัวโตกลับขมวดคิ้วมุ่น

“คุณต้องดูแลตัวเองมากกว่านี้” พีทว่าเสียงเครียดจนคนอายุมากกว่าต้องหยุดฟัง “ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา มันจะแย่เอานะครับ” ในตอนนี้อีกฝ่ายกลับดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขาเสียอีก

ฮานะเม้มปากแน่นเพราะไม่ชินกับการถูกเอาใจใส่แบบนี้มาก่อน “รู้แล้วน่า...ขอบใจที่เป็นห่วง” ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “หิวชะมัดเลย”

“อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงลองหยั่งเชิงโดยการยื่นข้อเสนอแสนเรียบง่าย

เพราะตอนที่ยังเป็นเด็กเวลาที่เขาป่วยหรือมีเรื่องที่ไม่สบายใจแม่กับยายจะชอบทำของอร่อยๆมาให้ทานเสมอ พร้อมกับบอกว่าของอร่อยจะสามารถเยียวยาวันแย่ๆให้พอมีรอยยิ้มได้บ้าง...และเขาเองก็อยากให้ฮานะได้รู้สึกแบบนั้น

“ถามทำไม เธอจะทำให้กินเหรอ” ฮานะแกล้งแหย่ไม่คิดจริงจัง แต่คำตอบที่ได้รับทำเอาต้องเก็บคำพูดก่อนหน้ากลับมาแทบไม่ทัน

“ถ้าคุณต้องการ”

“ฉันล้อเล่นน่า” ก็พอรู้ว่าที่บ้านเจ้าตัวทำร้านอาหารแต่ก็ไม่ใช่ว่าลูกเจ้าของร้านจะต้องทำเป็นนี่ ตอนแรกก็คิดว่าโม้เอาไว้ซะอีก...เล่นดนตรีได้ ทำอาหารเป็น นี่มันสเปคผู้ชายในฝันของใครต่อใครเลยนะเนี่ย...

“ผมพูดจริง” พีทยืนยันคำเดิม เขามองแววตาหมองหม่นที่เริ่มทอแววสดใสขึ้นมาบ้างเล็กน้อยก็เริ่มใจชื้น

“ถ้าอย่างนั้น...เอาเป็นซุปไก่ร้อนๆก็แล้วกัน ทำได้หรือเปล่า” เมนูนี้แม่ชอบทำให้ทานตอนที่เขาป่วย น้ำซุปร้อนๆหอมกลิ่นพริกไทยกับรากผักชี...แค่คิดก็ท้องร้องแล้ว

“สบายมากครับ” เด็กหนุ่มยิ้มยืนยันคำตอบ

“ถ้าไม่อร่อยจะบอกให้คุณเคย์เล่นงานหนักๆ” ขู่เอาไว้แค่นั้นก็หมุนตัวเดินนำกลับไปที่รถโดยมีใครอีกคนมองตามก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าคมเข้ม

...สุดฝีมือเลย

ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลาเร่งด่วนแบบนี้ ฮานะเป็นคนเสนอให้ซื้อวัตถุดิบและเครื่องปรุงไปทำที่คอนโดของตัวเองเพราะปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่เข้าครัวทำอาหารทานเองอยู่แล้วเลยแทบจะไม่มีอะไรติดครัวเลยนอกจากน้ำมันมะกอกและเครื่องปรุงอีกนิดหน่อย

...เรียกได้ว่าทำไม่เป็นเลยก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่ก็เน้นทำเมนูง่ายๆอย่างเช่นแซนวิชหรือไม่ก็อาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ต้องมาปรุงเพิ่มด้วยวิธีง่ายๆ

แต่ถ้าต้องไปทำขั้นแอดวานซ์อย่างเช่นพวกต้มผัดแกงทอดแล้วละก็ล่มไม่เป็นท่า

...แค่หุงข้าวยังเละเป็นข้าวต้ม..

“ฮานะชอบทานเนื้อส่วนไหนครับ” พีทหันมาถามตอนที่ยืนอยู่หน้าตู้แผนกขายเนื้อไก่

มันละลานตาไปหมด

ปกติแล้วก็ซื้อกินในรูปแบบสำเร็จรูป พอมาเห็นไก่ดิบแบบนี้มันเลยไม่ค่อยจะชินสักเท่าไร...เรียกได้ว่าย่างเข้าสู่วัยสามสิบได้อย่างไร้คุณภาพเรื่องการทำอาหารจริงๆ...

“ชอบกินน่อง” ถุงพลาสติกถูกคลี่ออกเพื่อเตรียมคีบเนื้อไก่มาใส่ พีทเดินไปเลือกน่องไก่ชิ้นใหญ่เท่าฝ่ามือ เลยทำให้ต้องออกปากท้วงเพราะเข้าใจไปเองว่าอีกฝ่ายหยิบผิด “มันใหญ่ไป...เอาน่องเล็กก็พอ”

“น่องเล็ก?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ ก่อนจะร้องอ๋อในตอนท้ายเมื่อเพิ่งเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย “หมายถึงปีกบนใช่ไหมครับ” เขาชี้ไปที่กระบะด้านบน ฮานะทำหน้าเหวอนิดหน่อยก่อนจะรีบพยักหน้ารัวเพื่อยืนยันคำตอบ

“อื้อ อันนั้นแหละ” น่าอายไหมล่ะ อายุสามสิบแล้วยังไม่รู้จักชิ้นส่วนไก่เลย...

“เมื่อก่อนผมก็เข้าใจว่ามันเป็นน่องเหมือนฮานะ” พีทพูดด้วยท่าทีที่ปกติ ไม่มีการซ้ำเติมให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ “อันนี้เรียกปีกปลาย แล้วก็นี่เป็นปีกเต็ม” เขาถือโอกาสอธิบายเพิ่มจนอีกฝ่ายร้องอ๋อ

“ก็ปกติมีหน้าที่กินอย่างเดียวนี่~” คนตัวเล็กยู่หน้าจนจมูกย่น ลืมรักษาภาพลักษณ์ไปโดยปริยายเพราะเวลาที่ได้อยู่กับพีทเขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องวางตัวอะไรให้มากมาย

“อยากได้อะไรเพิ่มไหมครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับพร้อมกับก้มมองของในตะกร้าที่มีครบแล้ว “เอาขนมหน่อยไหม”

   “ฉันไม่ชอบของหวาน” ฮานะปฏิเสธ จริงๆก็ไม่ใช่ไม่ชอบเสียทีเดียวแต่มันติดนิสัยมาจากช่วงที่กำลังไดเอทอยู่เลยชิน “เธออยากซื้ออะไรเพิ่มก็หยิบได้ตามสบาย ฉันจ่ายเอง ถือว่าเป็นค่าตอบแทนมื้อเย็น”

   ก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงินพีทเลยเลือกหยิบช็อกโกแลตมาสามแท่งและทุกอันล้วนเป็นดาร์กช็อกโกแลตที่ไร้ส่วนผสมอย่างอื่น

   “เธอคุมอาหารอยู่นะ” ฮานะหรี่ตามองอย่างคาดโทษแต่ฝ่ายนั้นกลับทำเพียงแค่ยักไหล่ตอบกลับมา

   หลังจากที่เดินทางมาถึงคอนโดถุงข้าวของทุกอย่างที่ซื้อมาถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ครัวจนเต็มแทบไม่มีที่ว่าง ฮานะปลีกตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะอยู่ในชุดเดิมมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ปล่อยให้พ่อครัวจำเป็นจัดการมื้อเย็นอยู่ด้านนอก ...และเพราะมีแขกมาบ้านจึงจำเป็นต้องแต่งตัวเรียบร้อยกว่าปกติ...ถ้าอยู่คนเดียวแค่เสื้อยืดหนึ่งตัวก็ถือว่าเหลือเฟือแล้ว

   กางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตแขนสั้นเข้าชุดถูกหยิบมาใช้งานจนแทบนับครั้งได้ เจ้าตัวเดินลากสลิปเปอร์ออกมาจากห้องนอนทั้งที่ผมยังเปียกชื้นมีน้ำหยดแหมะๆจนต้องใช้ไดร์เป่าให้แห้ง

   กลิ่นหอมของรากผักชีและพริกไทยลอยเข้ามาปะทะจมูกจึงต้องรีบเดินไปทางโซนครัวแล้วก็ได้เห็นว่าพีทกำลังยืนหั่นมันมะเขือเทศอยู่ ข้างกันมีจานหอมใหญ่และมันฝรั่งเตรียมพร้อมเอาไว้ และแล้วความคิดที่อยากจะมีส่วนร่วมก็ผุดขึ้นมาทั้งที่ปกติไม่เคยนึกอยากลอง ฮานะเดินเลียบเคียงเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะสะกิดเข้าที่ข้างเอว

   “อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ” เด็กหนุ่มหันมามองทั้งที่มือยังหั่นผักอยู่ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

   “ขอช่วยได้ไหม” ดวงตากลมโตคล้ายเด็กเล็กๆเวลาที่เห็นของเล่นถูกใจช้อนขึ้นมอง

   พีทขยับตัวถอยพร้อมกับส่งด้ามมีดให้ก่อนจะย้ายไปดูน้ำซุปในหม้อ พอมันเดือดปุดๆก็ใส่มันฝรั่งกับหอมใหญ่ลงไป รออีกสักพักก็ตามด้วยปีกไก่ที่ล้างจนสะอาด น้ำซุปถูกปรุงด้วยซุปก้อนสำเร็จรูปแทนน้ำสต็อกไก่ด้วยความจำเป็นและเวลาที่ค่อนข้างเร่งรีบ มะเขือเทศถูกใส่ตามลงไปเป็นอันดับสุดท้ายก่อนจะปิดฝาและใช้ไฟกลางต้มไปเรื่อยๆ รอจนรสหวานจากผักจะซึมออกมาผสมกับน้ำซุปจึงใส่เกลือลงไปแล้วตั้งไฟต่อรอจนไก่เปื่อยนุ่มและผักนิ่มจนใสก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

   ฮานะท้องร้องหนักตอนที่ฝาหม้อถูกเปิดออก กลิ่นน้ำซุปหอมจนต้องแอบกลืนน้ำลายด้วยความหิว

   “ไปนั่งรอที่โต๊ะก็ได้ครับ เดี๋ยวผมตักไปให้” พีทยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องซุปไก่ไม่วางตา

   ฮานะปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย เจ้าตัวเดินไปนั่งรอที่โซฟาหน้าทีวีพร้อมกับเปิดหนังดูแก้เบื่อ รอไม่นานซุปไก่ร้อนๆก็ถูกยกมาวางบนโต๊ะกระจก กลิ่นหอมของน้ำแกงลอยขึ้นมาปะทะจมูกจนต้องรีบหยิบช้อนขึ้นมาเตรียมพร้อม

   “ระวังร้อนนะครับ” พีทเตือน แต่ก็ช้ากว่ามือที่ตักน้ำแกงแล้วซดเข้าปากทันทีโดยไม่เป่าให้หายร้อนเสียก่อน

   “ฮ๊า!” ฮานะร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกแสบจนลิ้นพองก่อนจะเป่าปากไปมาจนหน้าแดงก่ำ

   “เป่าก่อนสิครับ” เด็กหนุ่มยิ้มขำพร้อมกับส่งกระดาษทิชชูไปให้อีกคนได้ซับหน้า เขาเดินไปตักซุปไก่ในส่วนของตัวเองพร้อมกับหยิบน้ำและช็อกโกแลตติดมือมาด้วย ฮานะค่อยๆทานอย่างระมัดระวังพร้อมกับชมว่าอร่อยไม่ขาดปากก่อนซุปไก่ถ้วยที่สองจะถูกเจ้าตัวจัดการจนเกลี้ยง...เห็นแบบนี้คนทำก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบแล้ว..

   “เธอชอบทำอาหารเหรอ” หลังจากที่อาสาเดินเอาถ้วยไปล้าง ฮานะก็กลับมานั่งซุกตรงมุมโซฟาด้วยความรู้สึกที่สบายตัว อากาศที่พอเหมาะของเครื่องปรับอากาศอยู่ที่อุณหภูมิพอดี เวลาที่ท้องอุ่นเพราะของกินอร่อยๆนี่มันทำให้มีความสุขจนแทบอยากจะนอนกลิ้งไปมาชะมัดเลย

   “ก็พอทำได้ครับ” พีทยิ้มรับพร้อมส่งยาหลังอาหารมาให้ตามด้วยน้ำอุ่นแก้วโต “ดื่มน้ำเยอะๆนะครับ”

   “ขอบใจนะ” เขาทำตามอย่างว่าง่าย

   ช็อกโกแลตแท่งหนึ่งถูกยื่นส่งมาตรงหน้า มันเป็นอันเดียวกันกับที่พีทหยิบมาจากซุปเปอร์มาเก็ต ดาร์กช็อกโกแลตเก้าสิบเปอร์เซ็นต์มีสีที่เข้มจนเกือบดำ ฮานะมองเจ้าขนมในมือสลับกับอีกคนอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไรนัก

   “คุณบอกไม่ชอบของหวาน” พีทย้ำ “แต่ช็อกโกแลตช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้นะครับ”

   “จริงเหรอ” ก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง แต่ไม่คิดว่าคนอย่างพีทจะสนใจอะไรแบบนี้ด้วย

   ฮานะรับมาแกะห่อกระดาษและฟลอยสีเงินออก กลิ่นหอมของโกโก้ที่ฟุ้งขึ้นมาทำให้ต้องหักเสี้ยวส่วนปลายมาดมก่อนจะลองแตะลิ้นไปมาเพื่อทดสอบรสชาติ

   “ลองชิมดูสิครับ” พีทมองใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยด้วยความเพลิดเพลิน ตอนที่ฮานะชิมช็อกโกแลตแล้วหน้าเบ้เพราะความขมน่าเอ็นดูเสียจนไม่สามารถหันไปมองทางอื่นได้ “เป็นยังไงบ้างครับ”

   “ขม” ฮานะวางมันลงบนโต๊ะ เท่านี้ก็พอแล้ว “แต่ก็ดี...ไม่เคยกินมาก่อนเลย” รสชาติขมปร่ายังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้นแต่ความหอมของโกโก้ยังคงคลุ้งอบอวลอยู่ในโพรงปาก “วันนี้เธอนอนค้างที่นี่ก็ได้นะ พรุ่งนี้มีคลาสเทรนด์แต่เช้าจะได้ออกไปพร้อมกันทีเดียว ไม่เสียเวลา” เพราะตอนนี้ข้างนอกเริ่มครึ้มจนมืดดูท่าคืนนี้ฝนคงตกหนักน่าดู

   “ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้” เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

   “งั้น...เดี๋ยวฉันไปส่ง” พอตั้งท่าจะลุกไปหยิบกุญแจรถก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ ความอุ่นร้อนจากอุ้งมือใหญ่ที่กอบกุมอยู่ทำให้รู้สึกราวกับถูกกระแสไฟแล่นปลาบเข้ามาเล่นงานจนทั้งคู่ต้องชักมือกลับด้วยความรวดเร็ว

   “ฮานะพักผ่อนเถอะครับ ผมกลับได้ สบายมาก”

   “ให้เลือกระหว่างจะค้างที่นี่ หรือว่าจะให้ฉันขับรถไปส่ง” ฮานะไม่ยอมง่ายๆเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะต้องตากฝนจนไม่สบาย

เด็กหนุ่มนิ่งค้างไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างจนมุมพร้อมกับตกปากรับคำจนเป็นที่น่าพอใจ

   “...ค้างที่นี่ก็ได้ครับ”

   “ดีมาก ไม่ดื้ออย่างนี้สิน่ารัก~” ฮานะเอื้อมมือขึ้นไปบีบปลายคางอีกฝ่ายพร้อมกับส่ายไปมาเบาๆก่อนจะเดินหายกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหยิบเอาของใช้จำเป็นออกมาให้

   ...ทิ้งให้ใครอีกคนยืนมองตามด้วยใบหน้าที่ร้อนจัดเสียยิ่งกว่าหม้อแกงบนเตา..

____________________________

   หล่อนจะล่อลวงอะไรลูกชั้น!



ร่วมเป็นกำลังใจให้เจ้าลูกหมาได้ที่ #ดอกไม้ของพีท และคอมเม้นต์นะค้าบบบ /กระดิกหางดุ๊กๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-09-2019 01:28:01 »





ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #20 เมื่อ23-09-2019 02:51:26 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #21 เมื่อ23-09-2019 05:28:49 »

 :mew4:  สงสารฮานะ.. สงสารพีท....เกลียดอเล็กซ์

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #22 เมื่อ23-09-2019 09:02:33 »

อเล็กซ์เลวมาก อยากจะทุบๆๆๆๆ
พีทกับฮานะเป็นคู่แห่งโชคชะตาแน่ๆเลย

 :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #23 เมื่อ23-09-2019 23:03:06 »

ทำอะไรกับคนแบบอเล็กซ์ได้บ้าง  :fire: :fire: :fire:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #24 เมื่อ24-09-2019 07:06:05 »

พีทเหมือนหมาตัวโตๆเลยอ่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #25 เมื่อ24-09-2019 16:44:32 »

สุดท้ายอเล็กซ์จะรู้ว่ารักฮานะ..เชอะ  :m16:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #26 เมื่อ24-09-2019 19:22:28 »

 :3123:
 :pig4:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
«ตอบ #27 เมื่อ25-09-2019 16:29:48 »

เชียร์น้องพีทนะคะ  :hao3:

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
«ตอบ #28 เมื่อ06-10-2019 17:01:58 »

CHAPTER FIVE




_________________________________




   ท่ามกลางความเงียบสงบในค่ำคืนที่มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและสายฝนที่สาดเทกระหน่ำลงมากระทบบานกระจกเป็นระลอก นาฬิกาพรายน้ำที่ตั้งอยู่ข้างจอโทรทัศน์แสดงเวลาให้เห็นว่าอีกยี่สิบนาทีจะเที่ยงคืน ร่างสูงใหญ่ที่นอนเอนกายอยู่บนโซฟารับแขกค่อยๆลุกขึ้นยืนโดยไม่ให้เกิดเสียงรบกวนคนที่นอนอยู่ในห้อง

   บานประตูไม้ถูกเปิดออกอย่างเบามือ แสงสลัวที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องนอนนำทางให้เขาเดินฝ่าความมืดเข้าไปยืนอยู่ข้างคนที่กำลังนอนซุกผ้านวมผืนใหญ่โผล่มาให้เห็นแค่เปลือกตาที่ปิดสนิท โคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงถูกเปิดเพื่อให้แสงสว่างสีนวล เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปวางบนหน้าผากเนียนเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่าย

   เมื่อช่วงหัวค่ำฮานะเพิ่งสระผมไปเขากลัวว่าไข้จะขึ้นแม้จะกินยาดักเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ก็คลายความกังวลลงไปได้มากเมื่ออีกฝ่ายแค่ตัวอุ่นเท่านั้นไม่ถึงกับร้อนจัดจนน่าเป็นห่วง

   “อือ” เสียงที่เครืออยู่ในลำคอดังขึ้นตอนที่เจ้าตัวบิดกายไปมาจนผ้าห่มเคลื่อนลงมากองที่หน้าขา ชายเสื้อที่เลิกขึ้นสูงจนเห็นจิวสะดือและรอยสักข้างสะโพกทำให้ลมหายใจของคนมองสะดุด ชีพจรเต้นเป็นจังหวะที่หนักแน่นและรัวเร็วขึ้นจนหูอื้อ พีทดึงปลายผ้าหวังจะห่มคืนให้แต่ทว่ารองรอยบางอย่างที่โผล่มาให้ได้เห็นบริเวณข้างบั้นเอวทำให้เขาหยุดมอง

   ...รอยช้ำ

   ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในอกตั้งแต่คืนวันนั้นทำให้เขาถือวิสาสะเลิกชายเสื้ออีกฝ่ายขึ้นสูงกว่าเดิม...แล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาทั้งตัวชาวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

   ร่องรอยป่าเถื่อนที่กระจายตัวอยู่บนแผ่นอกขาวเนียนนั้นแสดงให้เห็นถึงความคุ้มคลั่งรุนแรง รอยฟันปรากฏอยู่ทั่วทุกตารางนิ้ว ไม่เว้นแม้แต่บริเวณสีข้าง ยอดอกบวมแดงคงเพราะถูกย่ำยีมาไม่น้อย ทั่วผิวขาวจัดมีรอยนิ้วมือหลงเหลือชัดเจนเพราะเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน รอยดูดที่กำลังห้อเลือดได้ที่ทำเอาสมองเขาพร่าเลือนเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น

   หากนี่เป็นการร่วมรักที่ทั้งสองยินยอมก็คงจะไม่ผิดเพราะถือว่าเป็นรสนิยมส่วนตัว

   แต่ถ้าไม่ใช่...นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายร่างกาย...

   “เจ็บ...” เสียงสั่นเครือที่เจือปนก้อนสะอื้นทำให้ต้องดึงเสื้อลงปิดเอาไว้ดังเดิม “อเล็กซ์…อย่า...”

   คนที่นอนอยู่บนเตียงคู้กายเข้าหากันก่อนหยดน้ำตามากมายจะไหลรินออกมาจนเปียกแก้ม ฮานะนอนนิ่งน้ำตาไหลพรากไม่หยุด มือพยายามไขว่คว้าอากาศที่ว่างเปล่าเพื่อหาทางหลุดพ้นจากความทรมานในห้วงฝัน เด็กหนุ่มยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกชาหนึบที่กลางอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังถูกความทรงจำอันเลวร้ายเล่นงาน พีทลงไปนั่งข้างๆจนฟูกอ่อนยวบ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าฝ่ามือที่เล็กกว่ามากอบกุมเอาไว้อย่างถือวิสาสะ

   มือฮานะเล็กมาก...เมื่อเทียบกับเขา

   ปลายนิ้วค่อยๆสอดประสานเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่า ความอบอุ่นถูกส่งผ่านไปยังผู้ที่กำลังหลงทางอยู่ในความทรงจำอันแสนเจ็บปวด

   เสียงของเข็มนาฬิกาดังนับวินาที...เดินวนอยู่เป็นพันครั้ง

ในที่สุดเสียงสะอื้นก็เริ่มเบาลงจนเงียบหายไปพร้อมกับสายฝนที่เริ่มซา

    พีทค่อยๆคลายมือออกก่อนจะห่มคลุมผ้านวมกลับให้จนถึงอก “ฝันดีนะครับ” เสียงทุ้มเบาบางคล้ายกระซิบเอ่ยขึ้นก่อนร่างสูงใหญ่จะเดินออกไปจากบริเวณห้องนอน



   ฮานะรู้สึกตัวตื่นหลังจากแสงบางส่วนที่ลอดผ่านทางผ้าม่านเข้ามา หน้าปัดนาฬิกาข้างหัวเตียงบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า

พอนึกได้ว่าเมื่อคืนนี้มีแขกมานอนค้างด้วยเจ้าตัวก็รีบเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงก่อนจะเดินไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อออกไปข้างนอก ฮานะยืนมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจก สีหน้าที่เคยเหนื่อยล้าอิดโรยตอนนี้กลับไม่มีให้ได้เห็น คงเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับเต็มคาบเต็มเวลา....ซ้ำยังหลับลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมานี้

เหมือนจิตใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

เวลาที่อยู่กับพีทเขาไม่ได้นึกถึงภาพความเจ็บปวดหรือแม้แต่ความรู้สึกในอดีต ทุกอย่างจางหายเมื่อมีอีกฝ่ายอยู่ใกล้ ราวกับเป็นที่พักพิงเพื่อให้หลบซ่อนจากความจริงอันโหดร้าย แม้ว่าพีทจะไม่ได้พูดมันออกมาแต่การกระทำที่แสดงออกโดยไม่คิดจะปิดบังนั่นต่างหากที่ทำให้ฮานะรับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย

‘ผมเป็นห่วงคุณ’

...แววตาและน้ำเสียงจริงจังที่ปรากฏตอนนั้นไม่เหลือเค้าเด็กวัยรุ่นอายุยี่สิบสองให้ได้เห็นเลยสักนิด..



เมื่อฮานะบิดลูกบิดประตูออกก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินผ่านหน้าห้องไป กลิ่นขนมปังธัญพืชถูกปิ้งจนหอมกรุ่นปลุกโสตประสาทให้สดชื่นรับเช้าวันใหม่ ที่เคาน์เตอร์ครัวเจ้าเด็กตัวโตกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่าง พีทสวมชุดตัวเดิมที่ใส่มาก่อนออกกำลังกายเมื่อวานนี้

เป็นความผิดของเขาเองที่ดันชวนอีกฝ่ายค้างคืน แต่ดันลืมไปเสียสนิทเลยว่าไม่มีไซส์เสื้อผ้าที่ใหญ่พอจะให้พีทใส่ได้...เพราะฉะนั้นสภาพมันจึงเป็นอย่างที่เห็น..

“ตื่นแล้วเหรอครับ”   ฝ่ายนั้นหันกลับมามอง ในมือมีจานมะเขือเทศกับพริกหวานและแฮมหั่นเต๋าเตรียมพร้อมสำหรับทำมื้อเช้า

“ทำออมเล็ตเหรอ” ฮานะเดินเข้าไปใกล้ พอชะโงกหน้าดูก็เห็นว่าในถ้วยมีไข่ถูกตีเข้ากับนมสดจนเนื้อเนียน ชีสแผ่นถูกฉีกลงไปผสม ปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไทยเล็กน้อยก็พร้อมลงกระทะ

“ครับ...ผมเห็นว่าในตู้เย็นมีแฮมกับชีสเหลืออยู่ เลยเอามาทำมื้อเช้าให้คุณ” พีทใส่เนยลงไปในกระทะที่ถูกตั้งไฟเอาไว้แล้วเทไข่ลงไป ก่อนจะใช้พายไม้คนไปเรื่อยๆจนเนื้อไข่เริ่มจับตัว หลังจากนั้นก็นำส่วนผสมที่เตรียมไว้เทลงไป รอให้เนื้อไข่ด้านนอกสุกพอประมาณก็ทำการกระดกกระทะจนได้ออมเล็ตรูปลูกรักบี้สวยงามส่งกลิ่นหอมฉุยชวนให้น้ำลายสอ

“อยู่กับเธอไปสักพักฉันคงกลิ้งได้” คนอายุมากกว่าเดินวนเวียนซ้ายขวามองอย่างอยากรู้อยากเห็นตอนที่กำลังจัดอาหารเช้าใส่จานสองใบที่ประกอบไปด้วยออมเล็ต ขนมปังปิ้ง และเบคอนที่ทอดจนกรอบ ฮานะอาสาถือจานไปไว้ที่โต๊ะหน้าทีวีก่อนจะเปิดช่องข่าวช่วงเช้าดูไปเรื่อยเปื่อย

“ทานเยอะๆนะครับ” เด็กหนุ่มยื่นแก้วน้ำส้มสำเร็จรูปที่เพิ่งเทออกจากกล่องให้ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างกัน

มื้อเช้าอันแสนเรียบง่ายค่อยๆผ่านไปอย่างไม่รีบร้อน เม็ดฝนที่เพิ่งตกปรอยลงมาในช่วงเช้ามืดยังคงรักษาระดับเอาไว้จนภายนอกถูกปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม หยดน้ำบางส่วนไหลลงมาผ่านไอเย็นที่เกาะอยู่ตรงบานประตูกระจกใส ฮานะยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนโซฟาเมื่อรู้สึกเย็นที่ฝ่าเท้า ออมเล็ตเนื้อเนียนและขนมปังกับเบคอนถูกจัดการจนหมดเกลี้ยงในเวลาเพียงไม่ถึงยี่สิบนาที รสกลมกล่อมของเนื้อไข่นุ่มละมุนมีมะเขือเทศตัดเปรี้ยวเล็กน้อยแก้เลี่ยน ก่อนน้ำส้มแก้วโตจะถูกยกจิบไปเรื่อยจนหมดแก้ว

“เอาไว้วันหลังผมจะคั้นสดแช่ตู้เย็นไว้ให้” พีทหันมามองคนที่เอนหลังพิงพนักโซฟา ฝ่ายนั้นลูบหน้าท้องแบนราบไปมาพร้อมกับบ่นว่าอิ่มตื้อ

“เริ่มไม่มั่นใจแล้วสิว่าใครเป็นผู้จัดการใครกันแน่” ฮานะยิ้มแซวเมื่อถูกดูแลเป็นอย่างดีก่อนจะหันกลับไปมองจอโทรทัศน์ “...ขอบใจนะ”

    “ยินดีครับ” เด็กหนุ่มตอบรับด้วยความเต็มใจ เขาลอบมองเสี้ยวใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่คอยวนเวียนก่อกวนมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน

   มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถอธิบายเพื่อหาคำตอบได้ รู้เพียงแค่อยากปกป้องและทำให้ความเศร้าหมองในดวงตาคู่นั้นจางหายไป...ฮานะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าคราบน้ำตาเป็นไหนๆ

   “ฮานะ...ชื่อคุณแปลว่าอะไรเหรอครับ” เขาถามด้วยความสงสัยที่ติดค้างมาตลอดหลายวัน

   “ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าดอกไม้น่ะ” ฝ่ายนั้นพิงหัวเข้ากับพนักก่อนจะหันมายิ้มให้กัน “ถามทำไม”

   “ชื่อเพราะ” พีทไม่ได้ชมเกินจริง เขาพูดตามที่รู้สึก

   “ไม่รู้สึกแปลกบ้างเหรอไง...ชื่อเหมือนผู้หญิงซะขนาดนี้”

   “ไม่...ก็คุณน่ารัก” เหตุผลที่ไม่สมน้ำสมเนื้อทำให้คนอายุมากกว่าหลุดขำด้วยความเอ็นดู

   “เธอต้องตาฝาดแน่ๆ” ฮานะส่ายหน้าอย่างนึกขำ

   “คุณน่ารักจริงๆ” จู่ๆเจ้าเด็กตัวโตก็ชมกันออกมาโต้งๆ ทำเอาคนฟังหูดับไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย...ก็ใช่ว่าจะไม่เคยถูกชม แต่ครั้งนี้มันแตกต่าง เพียงแค่ถ้อยคำเรียบง่ายแต่ช่างมีอิทธิพลทำลายล้างสูงเหลือเกิน

   “ปากหวานพร่ำเพื่อ...ทำใครเขาอกหักมากี่คนแล้วละ” อุ้งมือเล็กบีบเข้าที่สองข้างแก้มด้วยความมันเขี้ยว

   “...” นัยน์ตาสีเข้มมองตามคนที่หันกลับไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์เมื่อช่องข่าวเสนอสกู๊ปข่าวในวงการบันเทิง

   ฮานะปล่อยมือออกก่อนจะจ้องไปที่หน้าจอ ใครบางคนถูกนักข่าวรุมล้อมสัมภาษณ์เกี่ยวกับงานที่เจ้าตัวลงไปถ่ายแบบทางภาคใต้แถบทะเลอันดามัน เป็นโปรเจกต์ที่ทางSMAได้ร่วมมือกับมูลนิธิอนุรักษ์ปะการังและสัตว์ทะเล คุณแกเรนเป็นคนเลือกอเล็กซ์เองกับมือเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีคาแรคเตอร์ตรงตามที่ทางลูกค้าต้องการ

   นัยน์ตาสวยสะท้อนวูบไหวเพียงครู่ก่อนจะกลับมานิ่งเฉยราวกับว่ากำลังบังคับให้ตัวเองลบเลือนภาพความทรงจำอันเลวร้ายออกไปให้รวดเร็วที่สุด สองมือกำแน่นเข้าหากันโดยสัญชาตญาณส่วนตัวเมื่อต้องการระบายความรู้สึก

   “ฮานะ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียก

   “หืม” เจ้าตัวขานรับทั้งที่ไม่ได้หันกลับมามอง

   “ขอมือหน่อยได้ไหมครับ” คำขอแปลกประหลาดสร้างความฉงนให้อยู่ไม่น้อย แต่ก็ยอมยื่นมือข้างซ้ายไปให้แต่โดยดี

   “จะทำอะไร” ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเพราะฝ่ามือกำลังถูกอุ้งมือใหญ่บีบนวดไปมา

   “ผมชอบทำแบบนี้เวลามีเรื่องเครียด” การนวดมือไปมาช่วยลดความตึงเครียดได้ในระดับหนึ่ง

   “ฉันไม่ได้เครียดซะหน่อยนี่” ฮานะอมยิ้มเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ มิหนำซ้ำยังยื่นมืออีกข้างไปให้เป็นการบังคับทางอ้อมเพราะรู้สึกสบายและผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย

   “คิ้วคุณขมวด” พีทเลียนแบบท่าทางคิ้วผูกโบว์เคร่งเครียดทำเอาฮานะหลุดหัวเราะเสียงดังเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ของอีกฝ่าย...ตอนทำงานก็ดูเป็นผู้ใหญ่เงียบขรึมแท้ๆเลยน้า

นับวันเด็กคนนี้มีเรื่องมาให้แปลกใจอยู่เรื่อยเลย...

“แล้ว...” ฮานะลากเสียงยาว เอนศีรษะพิงพนักด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายลงมาก “ทำไมทั้งชื่อทั้งนามสกุลเธอถึงไทยล้วนเลยล่ะ”

ถามมาถามกลับไม่โกง...แต่แอบโกงนิดหน่อยตรงที่ถามเยอะกว่า

“ก็ผมเป็นคนไทยนี่ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มตอบ

“แต่เธอเป็นลูกครึ่งนี่” เท่าที่เคยเห็นมาลูกครึ่งส่วนใหญ่ก็ยึดนามสกุลตามพ่อที่มีเชื้อต่างชาติกันทั้งนั้น

“ตั้งแต่เกิดมาผมก็มีแค่แม่กับยาย ส่วนพ่อแม้แต่ชื่อยังไม่รู้จักเลยครับ” ตอบด้วยท่าทางปกติเพราะมันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นความลับอยู่แล้ว เพราะไม่เคยรู้สึกขาด ก็แค่กำพร้าพ่อเท่านั้นเอง

“ขอโทษนะ ที่ฉันเสียมารยาท” ฮานะรู้สึกผิดที่ทำตัวเกินขอบเขตมากเกินไป ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน

“ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับอย่างไม่ถือสา 

“ทำไมเธอถึงเลือกเรียนด้านดนตรีละ” ฮานะรีบชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงประเด็น “อยากเป็นศิลปินเหรอ”

“ก็เป็นความฝันตั้งแต่ตอนเด็กน่ะครับ” พีทเอนศีรษะพิงไปบนพนัง หันหน้าไปหาคู่สนทนา

ในระยะประชิดแบบนี้ทำให้เห็นจุดขี้แมลงวันเล็กๆที่ใต้ตาขวาของฮานะชัดขึ้น...จึงถือโอกาสมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้หันไปสนใจสิ่งอื่น

“แล้วถนัดอะไรมากที่สุด” ผู้ใหญ่ที่วันนี้สวมวิญญาณเป็นเจ้าหนูจำไมจ้อถามไม่หยุด...ราวกับว่าถูกสั่งสมความเครียดมานาน พอได้คุยมันเลยหยุดไม่อยู่

“จริงๆก็ได้หมดครับ แต่ถ้าถนัดสุดก็คงเป็นกีต้าร์ แล้วก็กลอง เบส” ก่อนหน้าจะเข้าโมเดลลิ่งนอกจากรับงานถ่ายแบบแล้วอาชีพหลักเขาคือรับจ็อบเล่นดนตรีที่ร้านอาหารตอนกลางคืน บางคืนก็ไปเล่นที่ผับของคนรู้จัก

“เก่งนะเนี่ย” ฮานะออกปากชม “ว่างๆเล่นให้ฟังหน่อยสิ ฉับชอบเพลงอะคูสติกมากเลย”

“ได้ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับ ก่อนจะเคลื่อนสายตาจากจุดรวมเสน่ห์ใต้ตาไปที่ริมฝีปากสีระเรื่อ

ฮานะผิวขาวจัด เรียกได้ว่าขาวจนเห็นเส้นเลือดแค่จับแรงๆก็เป็นรอยแดงได้โดยง่าย

แล้วความทรงจำเมื่อคืนก็กลับเข้ามา พีทชะงักเมื่อเห็นว่าคอเสื้อนอนของอีกฝ่ายร่นลงมาจนเห็นกระดูกไหปลาร้า ลำคอขาวที่สวมปลอกคอหนังสีแดงเอาไว้ดูเย้ายวนจนจังหวะชีพจรสะดุด เด็กหนุ่มไม่สามารถถอนสายตาออกจากเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบได้ คล้ายกับถูกสเน่ห์ของอีกฝ่ายเล่นงานเข้าอย่างจังตอนที่ฮานะทัดผมเข้าที่หลังหู กลิ่นหอมจางๆที่ปนมากับไอหนาวของเครื่องปรับอากาศทำให้ฝ่ามือของเขาชื้นเหงื่อขึ้นมา เรียวปากบางที่ยังคงขยับคุยเจื้อยแจ้วมีแรงบางอย่างดึงดูดจนลำคอแห้งผาก

“พีท” รู้ตัวอีกทีก็ถูกทางนั้นเลิกคิ้วมองด้วยหน้าตาสงสัย “ไม่ได้ยินที่ฉันถามเหรอ”

   “คุณ...พูดว่าอะไรนะครับ” เขาถามกลับ ฮานะถอนหายใจออกมาอย่างขบขัน

   “ฉันถามว่าเธออยากกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องไหมหรือจะออกไปที่บริษัทเลย”

   “อ้อ” เด็กหนุ่มกระแอมแก้เก้อ “ไปเลยก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องวนรถหลายรอบ” ชุดนี้เมื่อวานใส่ไปแค่แปปเดียวก็ต้องเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายแล้วมันจึงไม่ถือว่าเป็นปัญหานัก



(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Punmile09

  • '...Cause we were just kids when we fell in love...'
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-4
Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
«ตอบ #29 เมื่อ06-10-2019 17:03:34 »




“เชิดหน้าขึ้นอีกนิดพีท....เพอร์เฟค” เสียงปรบมือพร้อมคำชมดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ลูกศิษย์คนใหม่สามารถฝึกเดินแบบท่าพื้นฐานได้ตรงตามมาตรฐานของผู้ฝึกสอน

เจนนี่ ซู  อัลฟ่าสาวสวยลูกเสี้ยวสามเชื้อชาติยืนกอดอกมองลูกศิษย์คนใหม่ด้วยแววตาเป็นประกาย หลังจากที่คุณแกเรนแจ้งมาว่าจะมีเด็กใหม่มาเข้าคอร์สฝึกเทรนด์เธอก็ตั้งตารอว่าอีกฝ่ายจะมีคาแรคเตอร์แบบไหน แต่หลังจากที่ได้เจอพีทก็ยอมรับเลยว่าอดที่จะทึ่งไม่ได้เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาและส่วนสูงเรียกได้ว่ากินขาด

นานมากแล้วที่เธอไม่ได้เจอเด็กเทรนด์ที่มีคาแรคเตอร์ประจำตัวโดดเด่นขนาดนี้ นับตั้งแต่หวังลี่ชิงลูกศิษย์รุ่นแรกก็ไม่ได้พบใครที่สามารถทำให้รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลได้เท่านี้มาก่อน ไม่นับรวมกับอเล็กซ์ที่เป็นดาวเด่นในรุ่น แต่ว่าก็ว่าเถอะ ถ้าพีทเข้ามาพร้อมกันรับรองได้เลยว่าแซงหน้าแน่นอน

“เก่งนะเนี่ย แค่วันแรกก็เก็บดีเทลได้ทุกจุดเลย” นับได้ว่าเป็นเรื่องยากมากที่คนอย่างเธอจะชมไม่หยุดขนาดนี้ “เคยฝึกเดินแบบมาก่อนหรือเปล่า”

“ก็เคยฝึกมาบ้างครับ แต่ไม่ได้จริงจังมาก” เพราะนานๆทีเขาถึงจะรับงานเดินแบบถ่ายแบบจึงถือว่ายังเป็นมือใหม่

“ได้เท่านี้ก็ดีแล้วล่ะ” เจนนี่ยิ้ม “ตอนแรกฉันวางคอร์สไว้สองเดือน แต่ดูจากพัฒนาการของเธอแล้วเดือนครึ่งก็เหลือเฟือ” เธอไม่ได้ชมเกินจริง เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ เชื่อเลยว่าในอนาคตดังเปรี้ยงแน่นอน

“รบกวนด้วยนะครับ” พีทยกมือไหว้ขอบคุณอย่างมีมารยาทจนถูกฝ่ายนั้นโบกมือกลับมาทีด้วยเหตุผลที่ว่าเธอไม่อยากแก่เกินวัย

“เป็นยังไงบ้าง” ฮานะเดินเข้ามาทักหลังจากที่ถูกคุณแกเรนเรียกตัวไปพบตั้งแต่เดินทางมาถึงบริษัท

“กินขาด” อัลฟ่าสาวสวยขยิบตาให้ทีหนึ่ง

“ทำให้คุณเจนนี่ปวดหัวหรือเปล่า” เพราะตอนอเล็กซ์น่ะเรียกได้ว่าทางครูฝึกต้องกุมขมับกันแทบทุกวัน...รายนั้นน่ะอารมณ์ร้อน ตินิดหน่อยสีหน้าก็เริ่มออกแล้ว

“ไม่เลยสักนิด” เจนนี่ส่ายหน้ายืนยัน “เขาเป็นเด็กดี แถมยังหัวไวสุดๆ”

   “ชมขนาดนี้ท่าจะจริง” ฮานะยิ้มแววตาเป็นประกาย ก่อนจะหันไปออกปากชมเด็กในปกครองเมื่อเจนนี่เดินห่างออกไป “Good boy” ยกมือขึ้นเกาคางเจ้าเด็กตัวโตไปที...เหมือนหมาโกลด์เดนท์ตัวใหญ่ๆเลยแฮะ

   “คุยธุระเสร็จแล้วเหรอครับ” พีทไม่ได้ขืนตัวหนีกลับยืนนิ่งให้อีกฝ่ายเกาคางไปมา มิหนำซ้ำยังลดระดับตัวลงให้อีกต่างหาก ฮานะจะได้ไม่รู้สึกเมื่อยแขน

   “อื้ม” ขวดน้ำในมือถูกยื่นส่งไปให้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีเหงื่อซึมลงมาข้างขมับ...เจ้าเด็กตัวโตเป็นคนขี้ร้อนมาก ดูอย่างเมื่อเช้าอากาศหนาวจนชาเท้าแต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน...ดูอารมณ์ดี เหมือนหมีกริซลี่เวลาถูกอากาศเย็นๆ “เย็นนี้เธอว่างหรือเปล่า”

   “ว่างครับ”

   “ไปห้างกับฉันหน่อย คุณแกเรนให้โบนัสล่วงหน้ามา บอกให้ฉันพาเธอไปซื้อของใช้ส่วนตัวแล้วก็พวกเสื้อผ้า” เพราะในอนาคตพีทจะเริ่มได้ออกสื่อมากขึ้น ฉะนั้นเรื่องการแต่งกายจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ใช่ว่าเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายมีจะดูไม่ดีแต่อย่างน้อยการที่มีเสื้อผ้าแบรนด์ติดตู้ไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอะไร  “ห้ามปฏิเสธด้วยล่ะ” ฮานะดักทางอย่างรู้ทัน

   “ครับ” เด็กหนุ่มรับปาก โดยไม่คิดที่จะแย้งเมื่อเห็นว่าใบหน้าน่ารักเริ่มแฝงแววข่มขู่



   “สีขาวก็สวย แต่น้ำเงินเข้มเหมาะกับเธอมากกว่า” แจ็กเก็ตผ้าร่มของแบรนด์กีฬาชื่อดังถูกยกขึ้นทาบซ้ำไปมาเป็นรอบที่สี่ ฮานะคิ้วขมวดเมื่อยังไม่สามารถเลือกสีที่ถูกใจได้ จะไม่หนักใจเลยถ้าเจ้าของตัวจริงไม่บอกว่าให้เขาเลือกให้ “เธอชอบสีไหนมากกว่ากัน”

   “น้ำเงินก็ได้ครับ” พีทตัดสินใจช่วยเพราะเริ่มเห็นใจคิ้วสวยที่เริ่มขมวดผูกปม

   “ใจตรงกัน” แจ็กเก็ตสีขาวถูกแขวนกลับลงไปบนราวก่อนฮานะจะเดินเอาอีกตัวไปคิดเงิน

   ถุงข้าวของเกือบสิบใบวางกองไว้เป็นระเบียบ ทั้งเสื้อ กางเกง รองเท้า ล้วนถูกฮานะเลือกให้ทั้งหมด ส่วนใหญ่ไม่ใช่แบรนด์ระดับไฮเอนด์หรูหราอะไร แต่ก็ถือว่าราคาเอาเรื่องพอสมควรเมื่อเทียบกับเสื้อผ้าตามตลาดนัดที่เคยซื้อใส่เป็นประจำ

   อันที่จริงงบที่คุณแกเรนให้มาน่ะหมดเกลี้ยงตั้งแต่ร้านที่สามแล้วด้วยซ้ำ...ส่วนที่เหลือฮานะเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด พอเขาปฏิเสธหรือออกปากห้ามก็ถูกพูดดักเอาไว้ก่อน

   ฮานะดูมีความสุขมากที่ได้เป็นฝ่ายหยิบเลือกเสื้อผ้าและได้จับเขาแต่งตัว

   “อยากได้อะไรอีกหรือเปล่า” ใบหน้าได้รูปยิ้มร่า คล้ายกับความเครียดก่อนหน้าถูกบำบัดด้วยการชอปปิ้ง

   “พอแล้วครับ” พีทปฏิเสธ ลองแอบคำนวณเงินที่อีกฝ่ายจ่ายในส่วนของเขาก็นึกเสียดายอยู่ไม่น้อย

   “งั้น...อยากกินอะไรหน่อยไหม”

   “ตามใจคุณเลย” เด็กหนุ่มยิ้มบางเมื่อเห็นแววตาคู่สวยประกายความสุข “แต่มื้อนี้ผมขอเลี้ยงนะครับ”

   “ได้เลย” ฮานะไม่คิดปฏิเสธ “แต่หลังจากนั้นไปกินไอติมกันนะ ฉันไม่ได้กินมานานแล้ว” ถึงแม้จะเคยบอกว่าไม่ชอบของหวานแต่ไอศกรีมที่ถือเป็นข้อยกเว้นเลย

   พีทตกปากรับคำ ยิ่งเห็นว่าคนอายุมากกว่ายิ้มร่าอย่างมีความสุขเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย ฮานะดูร่าเริงขึ้นนั่นก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากแล้ว

   “กินหมดเหรอ” ข้าวหน้าเนื้อสองกล่องที่พนักงานเพิ่งวางลงบนโต๊ะดึงความสนใจของฮานะได้เป็นอย่างดี...แกงกะหรี่หมูทอดของเขาดูจานเล็กขึ้นมาถนัดตาเลย

   “แค่นี้สบายมากครับ” พีทยิ้มรับ ช่วงนี้เขาต้องกินมากกว่าปกติเพราะคุณเคย์บอกว่าอยากให้เพิ่มมวลกล้ามเนื้อในร่างกายมากกว่านี้อีกหน่อยจึงต้องกินให้ถึงแคลอรี่ที่กำหนดไว้ต่อวัน

   “ฉันคงจุกน่าดูเลย”

   “ก็คุณตัวเล็ก” เด็กหนุ่มยิ้มล้อเมื่อเห็นว่าถูกย่นจมูกใส่

   “เงียบไปเลย” ฮานะเอาคืนโดยการยื่นตะเกียบไปแย่งชิ้นเนื้อในกล่องข้าวของอีกฝ่ายมาเข้าปากก่อนจะเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีเจ้าของชิ้นเนื้อนั่งมองด้วยแววตาที่คล้ายกับว่ากำลังมองเด็กตัวเล็กๆอย่างนึกเอ็นดู

   “เลอะปากแล้วครับ” แผ่นกระดาษทิชชู่ถูกยื่นส่งไปให้เมื่อเห็นว่ามีน้ำซอสบางส่วนเลอะข้างมุมปาก ฮานะมองนิ่งไม่ได้รับไปเช็ดแต่กลับทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน เรียวปากอิ่มยื่นเข้ามาตรงมือก่อนจะกดปากเช็ดลงบนเนื้อกระดาษไปมาจนสะอาดเกลี้ยง เด็กหนุ่มมองภาพตรงหน้าพลันหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นประกายวูบไหวบางอย่างในดวงตาคู่สวย

   คล้ายไม่ตั้งใจแต่เป็นความไม่ตั้งใจที่มีพลังทำลายล้างสูง...

   แล้วก็ต้องกลับมานั่งก้มหน้าจัดการอาหารของตัวเองบ้างเมื่อถูกทักว่าใบหูแดงจัด



   “ชอบกินเชอร์รี่หรือเปล่า”

   หลักจากมื้อหลักจบลงทั้งคู่ก็มาต่อที่ร้านไอศกรีม ฮานะดูอารมณ์ดีไม่น้อยเมื่อเห็นของโปรด ลูกเชอร์รี่สีแดงถูกหยิบขึ้นมาถือเอาไว้เตรียมส่งเข้าปาก

   “ไม่ครับ” พีทส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะตักเชอร์รี่ของตัวเองไปใส่ไว้ในถ้วยอีกฝ่าย

   “เธอเคยได้ยินเรื่องก้านเชอร์รี่ไหม” ผลไม้เชื่อมที่มีรสหวานจัดถูกส่งเข้าไปในปาก ยกเว้นก้านสีแดงที่ยังคงอยู่ในมือ “เขาว่ากันว่าใครใช้ลิ้นผูกก้านเชอร์รี่ได้...แสดงว่าจูบเก่ง”

   “ก็...เคยได้ยินมาบ้างครับ” พีทตอบ สายตาก็ยังคงจ้องไปที่จุดรวมเสน่ห์ที่ใต้ตาขวาก่อนจะเคลื่อนไปหยุดที่ริมฝีปากสีสด แล้วก็ต้องชะงักช้อนที่กำลังจะตักไอศกรีมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่งก้านเชอร์รี่เข้าไปในปาก ฮานะชันแขนข้างหนึ่งลงบนโต๊ะก่อนจะวางคางเอาไว้พร้อมกับเริ่มใช้ลิ้นพันก้านเชอรร์รี่

   เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาที่ใบหน้าเมื่อเห็นเรียวปากบางเม้มเข้าหากันไปมา กระพุ้งแก้มขาวขยับเล็กน้อยเมื่อถูกลิ้นดุนดัน อีกฝ่ายดูจะสนุกอยู่ไม่น้อย ดวงตาคู่สวยมองสำรวจรอบร้านไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้หยุดให้ความสนใจที่ใดที่หนึ่ง ผิดจากเขาที่ไม่สามารถนำสายตาไปมองที่อื่นได้ พีทมองลำคอขาวที่โผล่พ้นออกมาจากคอเสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง รอยจ้ำแดงที่เจือจางยังคงปรากฏให้เห็นบนผิวเนื้อขาวจัด...เป็นความบอบช้ำที่งดงามจนยากที่จะถอนสายตาออกไปได้

   “เรียบร้อย” ก้านเชอร์รี่ที่ถูกผูกเป็นปมถูกหยิบออกมาโชว์ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ดูภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้มาก “อยากลองดูไหม” ก้านเชอร์รี่อีกอันถูกเด็ดออกมาพร้อมกับส่งยื่นมาให้

   “ผมทำไม่เป็น” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ยอมรับมาถือไว้แต่โดยดี

   “ไม่ลองไม่รู้นะ” ฮานะยิ้มกว้างพร้อมกับตักไอศกรีมรสโปรดขึ้นมากิน

   เจ้าเด็กตัวโตทำตามอย่างว่าง่ายโดยการส่งก้านเชอร์รี่เข้าไปในปากก่อนจะเริ่มพยายามผูกให้มันเป็นปม แต่คิ้วเข้มที่เริ่มขมวดเข้าหากันก็ทำให้ฮานะต้องขำออกมากับท่าทางที่ดูจะหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อไม่สามารถทำมันได้เสียที

   “ใจเย็นๆ ลองสมมติว่ากำลังจูบกับแฟนดูสิ” เขาเสนอ แต่พอได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็จำต้องเปลี่ยนคำถามใหม่ด้วยความสนใจ “เธอเคยจูบหรือเปล่า” ไอศกรีมในถ้วยถูกมองเมินจนละลายลงไปทีละนิดเมื่อตอนนี้ความสนใจทั้งหมดมันพุ่งไปที่คนตรงข้าม

   คำตอบของคำถามก่อนหน้า...พีทพยักหน้ารับ ซึ่งแสดงว่าเคย

   “ระดับไหน...ใช้ลิ้นไหม” คำถามเถรตรงทำเอาเด็กหนุ่มชะงักก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ...แสดงว่ายังไม่เคย

   ใบหน้าคมเข้มเริ่มมีสีเจือจางเมื่อถูกจ้องโดยไม่ละสายตา...ฮานะนึกสนุกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มทำตัวไม่ถูก

   “เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน” ยกมือขึ้นมาเท้าคางมองอย่างเพลิดเพลิน

   หนึ่งนิ้วแสดงว่ามีคนเดียว

   “ทำได้หรือยัง” ฮานะถามกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงพยายามผูกก้านเชอร์รี่...ดื้อรั้นใช่ย่อย

   แต่ท้ายที่สุดก็ได้ก้านเชอรรี่หน้าตาพิลึกออกมาเพราะพีทดันเผลอใช้ฟันกัดมันจนสภาพดูไม่จืด

   “ต้องฝึกอีกเยอะเลย” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็หันกลับไปสนใจของหวานตรงหน้าตัวเองต่อโดยไม่ได้หันไปมองฝั่งตรงข้ามอีก

   นัยน์ตาคมเข้มที่มองตามช้อนสแตนเลสเข้าไปปากของอีกฝ่ายประกายวูบไหว พีทก้มหน้าลงจัดการส่วนของตัวเองโดยไม่พูดไม่จา ทำเพียงแค่นั่งฟังอีกคนเล่าเรื่องต่างๆนาๆให้ฟังอย่างเพลิดเพลินราวกับไม่ได้ติดใจอะไร

   คงมีแค่เขาที่ยังยึดติดกับริมฝีปากสีอ่อนของคนตรงหน้า...



   “รถติดชะมัดเลย” เสียงบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้นเป็นรอบที่สามเพราะขบวนรถไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปไหน มิหนำซ้ำฝนยังเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายจนแทบมองไม่เห็นรถคันข้างหน้า ฮานะเท้าแขนมองหยดน้ำฝนที่ไหลลงข้างกระจกรถเป็นการฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อย อากาศข้างนอกเย็นจนกระจกขึ้นฝ้า เวลาที่ถูกหยดน้ำลากผ่านก็กลายเป็นร่องรอยพาดผ่านจากอีกด้านไปสู่อีกด้าน

   “ฮานะไม่น่าลำบากมาส่งผมเลยครับ” พีทยิ้มปลอบเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูไม่สบอารมณ์กับสภาพจราจร

   “ของเยอะขนาดนี้เธอจะขนยังไงไหว”

   “ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อย ระยะทางมันไม่ใช่ใกล้ๆเลย” ยิ่งอาการป่วยของฮานะยังไม่หายสนิทดีเขาก็ยิ่งเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดันจะมาส่งให้ได้

   “มันไม่ลำบากฉันนักหรอกน่า”

   เวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่าก็สามารถหลุดออกมาจากขบวนที่ยาวเหยียดได้เสียที กว่าจะถึงห้องพักของพีทก็ปาไปสามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว สายฝนที่กระหน่ำเทลงมาก็เริ่มซาลงไปมากเหลือแค่ละอองเล็กๆที่โปรยปรายลงมารักษาอุณหภูมิเย็นชื้นให้คงที่

   ฮานะมองคนที่กำลังปลดเข็มขัดนิรภัยด้วยความรู้สึกที่วูบโหวงอย่างน่าประหลาด จู่ๆความรู้สึกประหลาดก็ถาโถมเข้ามาเมื่อคิดว่าหลังจากนี้ต้องกลับไปอยู่ในห้องคนเดียว...นั่งกินมื้อดึกคนเดียว...นอนคนเดียวในห้องที่กว้างมากกว่าเดิมตั้งแต่มีใครอีกคนเข้ามา

   ความอ้างว้างเข้ามากัดกินหัวใจจนเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น ฮานะพยายามดับความคิดฟุ้งซ่านด้วยการกำพวงมาลัยแน่นบังคับตัวเองไม่ให้เผยความรู้สึกออกไป

   แม้จะได้ใช้เวลาอยู่กับพีทได้เพียงไม่กี่วัน...แต่ระยะเวลาสั้นๆนั้นทำให้เขาไม่อยากจะกลับไปโดดเดี่ยวอีกแล้ว...

   “เดินทางปลอดภัยนะครับ ถึงห้องแล้วบอกผมด้วย” เด็กหนุ่มบอกกำชับเป็นรอบที่สามเพราะเป็นห่วง ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะไปส่งอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำไป

   “อื้อ รู้แล้วน่า” ฮานะไม่หันมามอง

   “ถ้ามีเรื่องอะไรรีบโทรหาผมนะครับ เข้าใจไหม” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เอ่ยขอบคุณก่อนจะเปิดล็อกบานประตูเพื่อลงไปจากรถ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาลงไปข้อมือก็ถูกใครอีกคนดึงรั้งเอาไว้ก่อนจนต้องหยุดชะงัก

   “ฮานะ...” พีทกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับมองอย่างเป็นห่วง ใบหน้าสวยดูซีดเซียวลงเล็กน้อย แต่เพียงเท่านั้นก็นับว่าเปลี่ยนไปมากแล้ว และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้สึกได้ว่าฝ่ามือเล็กๆนั้นชื้นเหงื่อทั้งที่ผิวเนื้อเย็นเฉียบ “รู้สึกไม่สบายหรือเปล่าครับ”

   “เปล่า...ฉัน...” ฮานะสับสันจนปวดหัวเมื่อจู่ความสุขก่อนหน้าก็จางหายกลายเป็นความวิตกกังวลเข้ามาแทนที่

   มันแย่มาก...แค่คิดว่าจะต้องกลับไปอยู่คนเดียวในห้อง ก็แย่เกินกว่าจะทนไหว

   “พีท”

   “ครับ”

   “ฉัน...ขอค้างด้วยได้ไหม”




________________________



อีกแล้วนะฮานะ!!! /อุ้มเจ้าลูกหมาหนี :fire:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด