บทที่ 25 ทำให้ชัดเจน
วริษฐ์รู้สึกเพลีย ๆ น่าจะเพราะแดดที่ร้อนพอกลับถึงบ้านเขาทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวที่โซฟาทันที ตื่นเช้ามาทำนั่นทำนี่ มันง่วงมากเลย กวินตามมานั่งบนพื้นข้าง ๆ เขา ก่อนขยับไปหอมแก้มคนตัวสูง
“นอนพักซะนะครับ”
“นอนด้วยกันมั้ย”
“ไม่ครับ เดี๋ยวไม่ได้พัก” กวินพูดตอบพลางแลบลิ้นทะเล้น
วริษฐ์ยกมือขึ้นขยี้หัวอีกคนด้วยความมันเขี้ยว มันทะเล้นทะลึ่งนักนะ
“พี่อาร์ตอยากตื่นกี่โมงผมจะได้ปลุก”
“พี่ของีบชั่วโมงสองชั่วโมง”
“ครับ เดี๋ยวผมมาปลุกนะ”
กวินปล่อยให้วริษฐ์นอนพัก ส่วนเขาลุกไปเตรียมอาหารกลางวันเอาไว้หน่อย เจ้าชายนิทราตรงนั้นจะต้องตื่นมาหิวแน่ ๆ เพราะนี่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว แต่ดูเหมือนว่า เขาจะง่วงมากกว่าหิว พอจัดแจงทำอาหารง่าย ๆ เขาที่รู้สึกร้อนรู้สึกเหนียวตัวก็ไปอาบน้ำให้สดชื่นหน่อยดีกว่า
ร่างบางหลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็มานั่งมองใบหน้ายามหลับของวริษฐ์ มองไม่รู้เบื่อคนอะไรมีใบหน้าที่หน้าหลงใหลขนาดนี้ รู้สึกอย่างกับตัวเองเป็นโรคจิตเลย
“ปลุกกี่โมงดีนะ”
ก่อนจะคิดต่อ มือถือของวริษฐ์ก็แผดเสียงดัง ปลุกเจ้าของมือถือให้ตื่นขึ้นมา โดยที่กวินไม่ต้องปลุกวริษฐ์รู้สึกตัว ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมอง มือก็ขยับควานหามือถือ ขณะที่กวินหยิบมือถือใส่มือให้กับวริษฐ์
“สวัสดีครับ
“คุณไม่ติดต่อมาตั้งนานแล้วนี่ครับ
ครับ?
พรุ่งนี้?
อ๋อ ก็ได้ครับ”
วริษฐ์พูดโทรศัพท์ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงติดจะแหบ ๆ กวินถือวิสาสะแอบฟัง แต่ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่
วริษฐ์กดวางสาย เขาลืมตาตื่นขึ้นมา พลางมองกวินที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว ตื่นมาก็เจอหน้าเลย...
“ทำอะไรกิน หอมจัง” กินหอมของกับข้าวลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน
“ต้มจืด แล้วก็หมูทอดกับน้ำจิ้มมะขาม”
“น่ากิน”
“จะกินเลยมั้ยครับ”
“กินสิ
กวินจึงลุกจะไปเตรียมกับข้าวให้ ขณะที่มือหนาคว้าข้อมือกวินเอาไว้
“ครับ”
“พี่อยากกิน แล้วเราจะไปไหน”
“ไปอุ่นข้าว”
พี่จะกินเรา”
“พี่อาร์ต...” กวินเขินเล็กน้อยกับคำพูดนั้น
ร่างสูงลุกขึ้นนั่งพลางใช้มืออีกข้างตบตักเรียกอีกคนให้เข้ามาหา
กวินเดินเข้าไปนั่งตักอย่างว่าง่าย
มือหนาโอบรอบเอวของกวินแน่น เขาซุกหน้าลงกับลำคอขาว
“หอมจังเลย เพิ่งอาบน้ำมาหรอ”
“ครับ”
วริษฐ์พรมจูบไปที่ต้นคอขาว เขาถอดเสื้อยืดตัวบางออกก่อนจะไล่จูบตั้งแต่ต้นคอ ไหล่บาง แล้วแผ่นหลังเนียน จูบตามแนวกระดูกสันหลัง
กวินเม้มปากเมื่อมือหนาสอดเข้าไปในกางเกงของเขา และหยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวของเขา
“เก็บเสียงทำไมล่ะกวิน” วริษฐ์พูดหยอกพลางงับที่ใบหูของกวิน ลิ้นร้อนแลบเลีย
“พี่อาร์ต”
“อยากให้พี่ดูแลตรงไหนดี”
“อื้อ”
มือหนากำรอบก่อนขยับมือขึ้นลงให้คนในอ้อมแขนตัวสั่นสะท้าน
“กวินตั้งใจจะรักพี่ไปถึงเมื่อไหร่” วริษฐ์ถามขณะที่มือยังคงขยับไม่หยุด
“รัก...ไปเรื่อย ๆ ครับ อ่ะ อึก พี่”
“เด็กดี” เขาขยับมือจนร่างบางกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมา
กวินหอบหายใจพลางทิ้งตัวลงพิงแผงอกกว้าง วริษฐ์สวมกอดอีกฝ่ายแน่น
“พี่อาร์ต”
“ครับ”
“แล้วพี่อาร์ตล่ะ...” รู้สึกรักผมขึ้นมาบ้างหรือยัง
“พี่ว่าพี่ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่มีกวิน พี่จะอยู่ยังไง”
กวินหันขวับด้วยความตกใจกับประโยคที่ได้ยิน กำลังจะถามต่อ กลับถูกริมฝีปากอุ่นจูบปิดปากเอาไว้แทน จูบที่ราวกลับอยากจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว ดวงตากลมมีน้ำตาเอ่อคลอหน่วย มือบางคว้าจับอกเสื้อของวริษฐ์เอาไว้แน่น จูบที่ได้รับทำให้เขารู้สึกดีมากจนกลัวว่าตัวจะลอยถ้าหากไม่คว้าจับอีกฝ่ายเอาไว้
จูบที่ลิ้นร้อนไล้วนไปทั่ว จูบที่ทำให้ลิ้นของทั้งสองกี่ยวกะหวัดกันจนแทบจะพันกัน มือหนาบีบเคล้นอยู่ที่ต้นขาอวบ กวินรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ดุนดันก้นของเขาอยู่
วริษฐ์ถอนจูบเมื่อรู้สึกราวกับจะหมดลมหายใจ ดวงหน้าสวยหวาน ทำให้เขานึกอยากรังแกให้รุนแรง
“ฮื่อ” กวินครางขณะพลิกหมุนตัวมาหา เรียวขาเนียนพาดอยู่บนต้นขาแกร่งขณะบดเบียดเสียดสีเข้ากับส่วนแข็งแกร่ง ‘คิดว่าแกล้งเขาได้คนเดียวหรือ’
“จะเอาคืนพี่หรอไง”
“ใช่แล้ว” คนตัวเล็กตอบรับพลางใช้มือโอบรอบคอคนตัวสูงเอาไว้ ริมฝีปากบางงับที่สันกรามของวริษฐ์ นิ้วมือเล็กถูไถอยู่ที่ตุ่มไตบนแผงอกกว้าง
“ซี๊ด” วริษฐ์ครางเมื่อมือบางกับสะโพกกลมเบียดไปถูกจุดอ่อนไหว
มือบางล้วงเอาแก่นกลางของเขาออกมาสัมผัสอากาศข้างนอก พลางใช้มือรูดรั้งมัน วริษฐ์ปวดหนึบจวนเจียนจะเสร็จให้ได้ มือหนารุกรานที่ช่องทางรัก สอดนิ้วเข้าไปเบิกทาง เพราะเขารู้ว่ามันถึงเวลาที่จะสอดใส่เสียที
“ยกสะโพกหน่อยสิครับ”
มือหนากำแก่นกลางให้ตั้งชัน รอให้กวินกดสะโพกลงมากลืนกินมันเข้าไป กลืนกินตัวตนของเขาให้เข้าไปภายในตัวของกวิน
กวินเชิดหน้าเมื่อแก่นกลางของวริษฐ์ค่อย ๆ ผลุบเข้าไปทีละน้อย ความเสียวแล่นปลาบไปทั่ว เมื่อเขากลืนกินทั้งหมดของวริษฐ์เข้าไปด้านใน คนตัวเล็กซุกหน้ากับลาดไหล่หนา มือโอบจับรอบคออีกฝ่ายแน่น เขาเสียวมาก จนแก่นกลางของตัวเองพลอยตั้งชันขึ้นอีกรอบ
“พร้อมให้พี่ขยับหรือยัง”
“ขะ ขยับเลย”
วริษฐ์ขยับบั้นท้ายนุ่มที่อวบเต็มไม่เต็มมือ เขาขยับแก่นกายเข้าออกขณะยกสะโพกอีกคนขึ้นลงสอดรับจังหวะกัน กวินขมิบตอดหลายต่อหลายครั้ง เสียงเนื้อกระแทกกันดังลั่น พร้อมเสียงครางต่ำของวริษฐ์ และเสียงครางหวานหยดของกวิน
“อ๊ะ อ่าพี่อาร์ต แรงอีก” กวินร้องครางพร้อมบอกความต้องการ
เขาจึงพลิกให้กวินลงไปอยู่ข้างล่างแทน ก่อนจะกระแทกกระทั้นเข้าไปเต็มแรง
กวินแอ่นเอวรับสัมผัส ครวญครางไม่เป็นภาษาเมื่อใกล้จะไปถึงจุดหมาย
วริษฐ์เร่งความเร็วเพราะเขาเองก็เห็นขอบสวรรค์อยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาปลดปล่อยเข้าไปที่ด้านในของกวิน
“เฮือกกก อื้อออ” กวินที่เสร็จสมตามไปติด ๆ ปรือตาลง พลางหอบหายใจ จุดเชื่อมต่อเต็มไปด้วยน้ำอะไรต่อมิอะไรที่ไหลซึมเปรอะเปื้อน
วริษฐ์จูบที่ข้างแก้มนวลก่อนจะถอนแก่นกายออกมาของเหลวสีขุ่น ยืดยาวตามออกมาเป็นเส้นก่อนจะขาดออก เขาอิ่มใจ และหมดแรง
ร่างเปลือยเปล่านอนหอบหายใจ ช้อนตาขึ้นมองวริษฐ์ ใบหน้าเนียนเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ผลงานชิ้นเอกของเขา เขาช้อนอุ้มกวินตัวลอยไปห้องน้ำ ได้ข่าวว่าอีกคนเพิ่งอาบน้ำมา และจะต้องอาบน้ำใหม่อีกครั้ง เขาจะชดเชยให้ด้วยการอาบให้เอง
วริษฐ์ทำความสะอาดอีกฝ่ายทุกซอกทุกมุม สะอาดหมดจด ดูแลกวินราวกับตุ๊กตาตัวน้อย อ่อนโยนจนกวินกระดากเขิน เขาไม่ชินเอาเสียเลย กับวริษฐ์ที่เป็นแบบนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ดี ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ
พวกเขานั่งแช่อยู่ในอ่าง น้ำอุ่นกำลังดี วริษฐ์จ้องอีกฝ่ายด้วยความสนใจ เส้นผมเปียกชื้นแนบลู่ไปกับกรอบหน้าไหล่บางที่มีร่องรอยขบเม้มที่เขาทำเอาไว้ ทำไมมันช่างเซ็กซี่ขนาดนี้ กวินยังน่ารักได้มากกว่านี้อีกหรือเปล่านะ ทำไมถึงดีกับเขาได้ขนาดนี้ และทำไมถึงได้ทำให้เขารู้สึกดีแบบนี้ รู้สึกสบายใจ
คนตัวเล็กที่รู้สึกถึงการถูกจ้องมอง มองแล้วมองอีก มองจ้องไม่ยอมหยุด จนเขาตัดสินใจถามออกมา
“พี่อาร์ตมีอะไรหรือเปล่า”
“ทำไม...” เขาเงียบไปอึดใจ “ทำไมกวินถึงน่ารักได้ขนาดนี้”
“ฮะ เอ่อ ครับ” กวินอึกอัก แปลก ประหลาด ไม่คุ้นชิน ทนไม่ไหว... “ผมไปอุ่นข้าวรอนะ”
“เนี้ย น่ารักขนาดนี้”
“พี่อาร์ตเพี้ยน” คนตัวเล็กพูดแบบนั้นก่อนจะเผ่นหนี ขณะที่วริษฐ์หัวเราะตามหลังออกไป
แค่นี้เขาก็อารมณ์ดีแล้ว งั้นนี่ก็คงใช่ คงเป็นความรัก เขาคิดพลางขยับยืดขาแช่น้ำอย่างสบายอารมณ์ จะบอกอีกคนยังไงดีว่าเข้ามาในใจของเขาได้สำเร็จแล้วนะ จะทำหน้ายังไงหากเขาบอกออกไปแบบนั้น เมื่อเป็นรัก เขาก็อยากจะทำให้พิเศษ จะบอกบนดินเนอร์สูงเสียดฟ้า หรือกลางแม่น้ำดี
คนตัวสูงออกจากห้องน้ำพลางเดินไปหากวินที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ร่างสูงเดินไปใกล้ก่อนจะหอมแก้มคนตัวเล็ก
“หอมจังเลย”
กวินได้แต่ทำตัวไม่ถูก พี่อาร์ตร่างนี้ทำเขาประหลาดใจไม่หยุดหย่อน
“กวินพรุ่งนี้พี่ลาบ่ายนะ”
“ครับไปไหนหรือ”
“มีธุระนิดหน่อย อีกฝ่ายบอกว่าด่วน พี่ก็เลยต้องไป”
“อ่าครับ” เพราะพี่อาร์ตบอกว่าธุระด่วน เขาก็เลยไม่กล้าถามต่อว่าธุระอะไรอีก
“กลับได้หรือเปล่า”
“ได้ครับ ผมว่าจะแวะไปเอาหนังสือที่ห้องด้วย ถ้าไม่ขี้เกียจก็อาจจะกลับมาบ้านนะครับ”
แล้วเติ้ลล่ะ เขาอยากจะถามแบบนั้นออกไป คงไม่โชคร้ายเจอะเจอกันพอดีหรอกมั้ง
“มีอะไรโทรมาบอกพี่เลยนะ”
“ครับ”
กวินกลับไปห้องนอนกลิ้งเกลือก ด้วยความรู้สึกขี้เกียจ ห้องที่ไม่ได้กลับมานานคิดถึงเหมือนกันนะ พอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา สงสัยจะไม่ได้กลับบ้านแล้วล่ะ
เหตุผลที่กลับมาคือจะมาเอาหนังสือ จะมาเอาของเล่นที่เอาไว้เล่นกับพี่อาร์ต ./////. พวกหูพวกหางน้องแมวที่อีกฝ่ายดูจะชอบใจนัก
ติ้ง ติ้ง
‘กวิน
ถึงห้องหรือยัง’
วริษฐ์ทักมาหา ทำให้กวินยิ้มกว้างก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
“ถึงแล้วครับ วันนี้ผมนอนห้องนะ ง่วงมาก”
‘ก็ได้ ถึงพี่จะคิดถึงก็เถอะ’
กวินยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความเขินอาย ในใจอยากจะร้องโวยวายเสียงดัง หรือกระโดดโล้ดเต้นให้รู้แล้วรู้รอด
“เว่อ แล้วพี่เสร็จธุระแล้วหรอ”
‘ครับ กำลังจะกลับ’
“กลับดี ๆ นะ พรุ่งนี้จะซื้อหมูปิ้งร้านอร่อยไปฝาก”
‘ดีครับ พรุ่งนี้เจอกัน’
“ครับ” กวินวางมือถือไว้ข้างตัว ก่อนจะกลิ้งไปมา พี่อาร์ตทำเขาหัวใจเต้นแรงได้ตลอดเลย แล้วนี่ตัวเขาจะสามารถรักอีกฝ่ายได้มากขึ้น ๆ แบบไม่มีลิมิตเลยหรอเปล่า เขาคิดพลางพลิกนอนคว่ำหน้า ฝังหน้าลงกับหมอนนุ่ม พลางพยายามสงบจิตสงบใจ
ปัง ปัง
เสียงเคาะประตูทำเอาสะดุ้ง มือบางขยับลุกไปคว้ามือถือ พลางกำเอาไว้แน่น เตรียมจะโทรหาอีกคนถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ทว่ามีกระดาษปึกหนึ่งสอดเข้ามาที่ใต้ประตู เขาส่องตาแมวดูก็ไม่เห็นใคร เขาจึงหยิบกระดาษปึกบางมาดูด้วยความระมัดระวัง กระดาษปึกบางทำเอามือไม้สั่น ภาพที่เห็นทำเอาสมองของเขาพร่าเบลอ
วริษฐ์กับหญิงสาวสวยสะพรั่งคนหนึ่ง เสื้อผ้าของวริษฐ์ ชุดวันนี้ไม่ผิดแน่ เขาเป็นคนจับปกเสื้อให้เองกับมือ...
ธุระด่วนของเขางั้นหรือ...
ภาพทั้งคู่พูดคุยหัวเราะ วริษฐ์แตะแขนหญิงสาวแผ่วเบา พวกเขาดูสนิทสนม น้ำตาเอ่อท้นที่ขอบตา ก่อนที่จะหยดแปะลงบนปึกกระดาษ ใช่นี่คือธุระสำคัญ...
เขาแค่หลงละเมอดีอกดีใจไปกับความใจดีของพี่อาร์ต เขาควรจะรู้ว่าตัวเขาเองเป็นใคร ก็แค่คนที่ผ่านมาให้ความสุขเขาชั่วครั้งชั่วคราว คำว่ารักสักคำก็ไม่ได้เคยได้ แต่คิดไปเองว่าเขาจะรักได้บ้างในสักวัน
...แต่มันเกิดขึ้นอีกแล้วสินะ ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงถูกมั้ย... เหมือนเติ้ล ครั้งนี้ก็เช่นกัน ต่อให้เขาพยายามเข้าหาอีกฝ่ายแค่ไหน วิ่งวนอยู่รอบตัวเขา เพราะรัก แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้สึกแบบนั้น ไม่รู้สึกแบบเดียวกัน มันก็ไม่มีความหมาย
“พี่อาร์ต ถ้าวันหนึ่งผมจะไป พี่จะรั้งผมมั้ย”
“พี่...คงไม่รั้ง คนจะไปรั้งให้ตายก็ไปอยู่ดี ใช่มั้ย”
ยิ่งคนไม่สำคัญแบบเขาด้วยแล้ว... ยิ่งคิดความรักก็เหมือนกลับมารัดคอเขาเองจนหายใจไม่ออก ความสุขเมื่อกี้ไม่มีอยู่จริง ความอ่อนโยนที่ผ่านมาราวกับความฝัน ที่จางหายไปเมื่อเขาตื่น
เขาทำได้แค่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเท่านั้น
ปัง ปัง ปัง ปัง
เสียงเคาะประตู รัวมาอีกชุด น่ารำคาญ!
"กวิน เปิดประตูสิ ให้ฉันปลอบนาย" เสียงของเติ้ลดังอยู่หน้าประตู
"เติ้ล..." ยังไม่ไปจากชีวิตของเขาอีกหรอวะ "ไปให้พ้น!" ให้ตายก็ไม่เปิด คนแบบนายก็แย่พอกัน
กวินนั่งกอดเข่าหลังพิงประตูร้องไห้อยู่บนพื้น ร้องไห้ไม่หยุดนานหลายชั่วโมง เขาเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัว จึงนอนคุดคู้หลับไปบนพื้นเย็นเฉียบ
วันนี้กวินไม่มาทำงานหรือ ไหนว่าจะซื้อหมูปิ้งมาฝาก ไม่มีสักไม้บนโต๊ะ ไม่มีวี่แววของอีกฝ่ายเลย
เขาจึงกดโทรหาเบอร์โต๊ะของกวินก็ไม่มีใครรับ ร่างสูงจึงลุกเดินไปที่โต๊ะมองหาคนตัวเล็กที่คุ้นเคย ไม่มีวี่แวว ไปไหนของเขา...
วริษฐ์เปิดแชทพลางพิมพ์ไปหากวิน
'วันนี้ไม่มาทำงานหรอ?
ไปไหน'
รอเป็นชั่วโมงแชทก็ไม่ถูกอ่าน วริษฐ์มักเผลอมองมือถือตลอด รอว่ามันจะแจ้งเตือนเมื่อไหร่แต่เงียบกริบ
เขาเปลี่ยนจากแชทเป็นโทรก็ไม่มีใครรับ ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น ด้วยความวิตกกังวล ไปไหนของเขานะกวิน วริษฐ์กดโทรทุกครึ่งชั่วโมง ครั้งละสองสามสาย ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งกังวล ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจของเขา ...จะหายไปหรอ จะทิ้งเขาใช่มั้ย
วริษฐ์ไม่มีสมาธิทำงาน เขาแจ้งลาครึ่งวัน บอกว่าปวดหัว ก่อนขับรถตรงดิ่งไปหากวิน ไปดูให้เห็นกับตาว่ายังอยู่
คีย์การ์ดสำรองถูกรูด ภาพตรงหน้าทำวริษฐ์แทบหยุดหายใจ กวินนอนกองอยู่บนพื้น วริษฐ์ถลาเข้าไปดู ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาบวมช้ำริมฝีปากแห้งแตกจนเลือดซิบ ยังหายใจอยู่
"กวิน!" เขาร้องเรียกเสียงดัง มือหนาประคองคนตรงหน้าเอาไว้ "กวิน"
ดวงตากลมปรือขึ้นมามองว่าเสียงใครเรียก เขาเห็นใบหน้าวิตกกังวลของวริษฐ์ชัดเจน
"พี่..." เสียงแหบพร่าเรียกเขาแผ่วเบาจนเหมือนเสียงลมพัดผ่าน
"เป็นอะไรใครทำอะไรกวิน"
ร่างสูงช้อนตัวคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนวางดี ๆ บนเตียงกว้าง
มือหนาลูบหน้าผากคนป่วยแผ่วเบา
"เดี๋ยวพี่เอาน้ำให้ดื่มนะ"
เขาป้อนน้ำ พลางเอาผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดตาให้อีกฝ่ายแผ่วเบา
ร่างบางมองท่าทางใจดีของคนตรงตรงหน้า ฉับพลัน เขาก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา เครื่องผลิตน้ำตายี่ห้อกวินกำลังจะดำเนินเครื่อง
ร่างสูงเห็นหยดน้ำตาเอ่อคลอก็ได้แต่งง
"เป็นอะไรครับ"
หยดน้ำเม็ดโตไหลหยดลงข้างแก้ม ร่างบางเม้มปากแน่นเพื่อกักเก็บเสียงสะอื้น
นิ้วชี้ขยับเช็ดน้ำตาของอีกฝ่ายแผ่วเบา มองร่างบางตรงหน้าด้วยสายตาแห่งความเป็นห่วง
"เป็นอะไร ไหนเด็กดีบอกพี่สิ เจ็บตรงไหน"
มือบางยกวางขึ้นที่ตำแหน่งหัวใจ
"อก? แน่นอกหรอ หายใจไม่ออกหรอ ไป ไปโรงพยาบาล" ร่างสูงเตรียมจะอุ้มคนป่วยไปส่งโรงพยาบาลหน้าตาตื่นตกใจ เขากลัวอีกฝ่ายจะป่วยหนัก
ร่างบางจึงรีบส่ายหัวปฏิเสธรัวๆ ไม่ใช่อก แต่เป็นหัวใจ
"ผม...ระ รู้ว่า ฮึก เวลา ของผม เหลือน้อย...เต็มที"
วริษฐ์ตกใจสุดขีดดวงตาเบิกโพล่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น มือไม้อ่อนแรง กวินเป็นอะไร? โรคร้าย? เวลาเหลือน้อย?
"กวิน เป็นอะไรบอกพี่" น้ำเสียงวริษฐ์ติดจะสั่นเครือ
"เป็นโรคร้ายแรงอะไร มันก็ต้องมีทางรักษา บอกพี่สิ พี่จะพาไปหาหมอ" หมอที่ไหนเก่งเขาจะพาไป จะหามาจ่ายแน่นอน ไม่ยอมให้คนในอ้อมแขนเป็นอะไรไปแน่
กวินขมวดคิ้วจ้องอีกฝ่าย โรคร้ายอะไร เขาไม่ได้เป็น เขาก็แค่รู้ว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงไปจากเขา
น้ำตาพรั่งพรูไม่ขาดสาย ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ
"กวิน อย่าร้อง เดี๋ยวเราหาทางออกด้วยกัน" น้ำเสียงทุ้มนุ่ม กับสัมผัสอ่อนโยนทำให้เขายิ่งร้องไห้
วริษฐ์มองร่างบางด้วยความเป็นห่วง ยิ่งบอกว่าอย่าร้อง อีกฝ่ายยิ่งร้องหนักขึ้น เขาจึงทำแค่จับมือนุ่มของอีกฝ่ายเอาไว้ กุมไว้จนอีกฝ่ายเริ่มนิ่ง
"ผมรักพี่"
"กวิน" วริษฐ์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเครียด เขากลัวจนจะบ้าอยู่แล้ว ...
ร่างบางใช้แขนค้ำ พยายามลุกขึ้นนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง มือบางชี้ไปที่ปึกเอกสารที่วางอยู่ที่หัวเตียง
วริษฐ์เอื้อมหยิบมาพลิกดู เขาตกใจกับภาพที่เห็น เขากับ... นี่สินะสาเหตุที่กวินร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด
"ตกลงไม่ได้ป่วย"
ร่างบางสั่นหน้าแทนคำตอบ
“อ่า ใครมันเล่นงานพี่กันนะ คุณกานน่ะ เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟังว่าไปคุยอะไรกับเขามา มันไม่มีอะไรเลยคนดีของพี่”
วริษฐ์กอดอีกฝ่ายแน่น ไม่มีอะไร ก็แค่เรื่องเข้าใจผิด เขาคงต้องทำให้ชัดเจนได้แล้ว
.
.
[อ่ะ บอกออกไปเลย ไม่ต้องรอบรรยากาศเเล้ว
รู้ว่ารักเขาแล้วนี่นา บอกเขาไปสิ]